สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย สัญญาณเตือนปัญหาผิวแห่งวัย

สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยมีอะไรบ้าง? ควรรับมือ และป้องกันอย่างไร
วิธีป้องกันริ้วรอยบนใบหน้า
วิธีป้องกันริ้วรอยบนใบหน้า

ริ้วรอย ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนแห่งวัยที่ทำให้หลายคนรู้สึกกังวล และขาดความมั่นใจ เนื่องจากส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ขาดความสดใส และดูแก่กว่าวัยอย่างชัดเจน แม้ว่าการเกิดริ้วรอยจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หากเราเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย ก็จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการดูแลตัวเอง และหาวิธีป้องกันได้อย่างเหมาะสม ในบทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย พร้อมทั้งแนะนำวิธีลดริ้วรอย และวิธีป้องกันอย่างละเอียด

 

ริ้วรอย คืออะไร?
ริ้วรอย คืออะไร?

 

ริ้วรอย คืออะไร?

ริ้วรอย คือ ปัญหาผิวแห่งวัยที่มีลักษณะเป็นรอยพับ รอยย่น หรือเป็นเส้นปรากฏขึ้นบนผิวหนัง ซึ่งจะพบได้บ่อยเมื่อมีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป เนื่องจากผิวเริ่มเสื่อมสภาพตามวัยจากการลดลงของคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในบริเวณที่แสดงสีหน้าบ่อย ๆ เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบดวงตา หรือร่องแก้ม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดริ้วรอยได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด มลภาวะ พักผ่อนน้อย สูบบุหรี่บ่อย และดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งล้วนเป็นตัวการที่เร่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย
สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย

ริ้วรอยเป็นปัญหาผิวที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งโดยส่วนใหญ่สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย มีดังนี้

  • อายุเพิ่มขึ้น

อายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอย เนื่องจากการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนังที่จะค่อย ๆ ลดลงทุกปีเฉลี่ยปีละ 1 – 1.5% ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และไม่กระชับ จนเกิดริ้วรอย และร่องลึกตามมาได้

  • การแสดงสีหน้า

การแสดงออกทางสีหน้าซ้ำ ๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอย เนื่องจากเมื่อมีการแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ หรือขมวดคิ้ว กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็จะเกิดการหดตัวซ้ำ ๆ จนทำให้เกิดรอยพับบริเวณผิวหนัง ส่งผลให้มีริ้วรอย และร่องลึกปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด

  • แสงแดด

การได้รับแสงแดดบ่อย ๆ หรืออยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย เนื่องจากรังสี UV จะกระตุ้นเอนไซม์ที่ชื่อว่า MMPs (Matrix Metalloproteinases) ซึ่งทำให้คอลลาเจน และอีลาสตินถูกทำลาย รวมทั้งยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดริ้วรอย และร่องลึกตามมา

  • มลภาวะ

การเผชิญกับมลภาวะ หรือมลพิษทางอากาศบ่อย ๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ควันรถ หรือสารเคมีอื่น ๆ ในอากาศ เนื่องจากมลภาวะเหล่านี้จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น รวมทั้งทำลายเกราะป้องกันผิว และทำให้ผิวเกิดการอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้ผิวอ่อนแอ ขาดน้ำ และไม่ยืดหยุ่น จนเกิดเป็นริ้วรอย และร่องลึกได้ง่าย

  • ความเครียด

ความเครียด เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย เนื่องจากร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่มีชื่อว่า คอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปยับยั้งการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง รวมทั้งทำให้เกิดอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ดูโทรม และไม่กระชับ จนเกิดเป็นริ้วรอย และร่องลึกได้ง่าย

  • พักผ่อนน้อย

การพักผ่อนน้อย เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถหลั่ง Growth Hormone ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้การผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินลดลง รวมทั้งยังเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มากขึ้น ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพ ขาดความยืดหยุ่น และไม่กระชับ จนเกิดเป็นริ้วรอย และร่องลึกได้ง่าย

  • สูบบุหรี่

การสูบบุหรี่บ่อย ๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย เนื่องจากสารพิษต่าง ๆ ในบุหรี่จะทำให้การผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินลดลง รวมทั้งทำให้เกิดอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ จนเกิดเป็นริ้วรอย และร่องลึกได้ง่าย

  • ดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ และทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น และไม่กระชับ จนเกิดเป็นริ้วรอย และร่องลึกตามมา

 

ริ้วรอยพบได้บ่อยบริเวณไหน?

ปัญหาริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้หลายบริเวณบนใบหน้า และลำคอ ซึ่งบริเวณที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • ริ้วรอยรอบดวงตา

ริ้วรอยรอบดวงตา เป็นบริเวณที่มักสังเกตเห็นได้ง่าย เนื่องจากผิวรอบดวงตามีความบอบบางกว่าผิวบริเวณอื่น ๆ ซึ่งแรกเริ่มจะมีลักษณะเป็นเส้นริ้วเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบริเวณหางตา และใต้ตา โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้า เช่น ยิ้ม หรือหัวเราะ 

  • ริ้วรอยระหว่างคิ้ว

ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มักสังเกตเห็นได้ง่าย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเส้นแนวตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างหัวคิ้ว โดยส่วนใหญ่จะมาจากการขมวดคิ้วบ่อย ๆ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณระหว่างคิ้วเกิดการหดตัวซ้ำ ๆ เมื่อเวลาผ่านไปอาจพัฒนากลายเป็นริ้วรอยถาวรได้

  • ริ้วรอยหน้าผาก

ริ้วรอยหน้าผาก เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มักสังเกตเห็นได้ง่าย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเส้นแนวนอนขนานกันปรากฏขึ้นบริเวณหน้าผาก โดยส่วนใหญ่จะมาจากการแสดงออกทางสีหน้าบ่อย ๆ เช่น การเลิกคิ้ว ทำให้ผิวบริเวณหน้าพับเกิดรอยพับขึ้นเรื่อย ๆ หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจพัฒนากลายเป็นริ้วรอยถาวรได้

  • ริ้วรอยร่องแก้ม

ริ้วรอยร่องแก้ม เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มักสังเกตเห็นได้ง่าย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเส้นเฉียง หรือเป็นร่องลากยาวตั้งแต่บริเวณปีกจมูกลงมาถึงมุมปาก โดยส่วนใหญ่จะมาจากการแสดงออกทางสีหน้าบ่อย ๆ เช่น ยิ้ม หรือหัวเราะ ทำให้มีรอยพับเกิดขึ้น และส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด

  • ริ้วรอยรอบริมฝีปาก

ริ้วรอยรอบริมฝีปาก เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มักสังเกตเห็นได้ง่าย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรอยย่น หรือเส้นเล็ก ๆ ปรากฏบริเวณรอบ ๆ ริมฝีปาก โดยส่วนใหญ่จะมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ หรือการใช้หลอดดูดน้ำ

  • ริ้วรอยลำคอ

ริ้วรอยลำคอ เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่หลายมักมองข้าม ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรอยพับ หรือเส้นริ้วแนวนอนปรากฏขึ้นบริเวณลำคอ โดยส่วนใหญ่จะมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหนังค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงตามวัย รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ก้มหน้าบ่อย หรือนอนในท่าทางที่ไม่เหมาะสม

 

ริ้วรอยมีกี่ประเภท?
ริ้วรอยมีกี่ประเภท?

 

ริ้วรอยมีกี่ประเภท?

ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  • ริ้วรอยตื้น

ปัญหาริ้วรอยแบบตื้น โดยทั่วไปจะเกิดจากผิวหนังชั้นนอกสุด หรือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ขาดความชุ่มชื้น มีความแห้งกร้าน และไม่ได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ ซึ่งพบได้บ่อยในบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก หรือริมฝีปาก โดยจะมีลักษณะเป็นเส้นขีดเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนผิว 

  • ริ้วรอยลึก

ปัญหาริ้วรอยแบบลึก โดยทั่วไปจะเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ เมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้าซ้ำ ๆ รวมถึงการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน และอีลาสตินตามอายุ ซึ่งพบได้บ่อยในบริเวณร่องแก้ม หรือระหว่างคิ้ว โดยจะมีลักษณะเป็นร่องลึกที่เห็นได้ชัดเจน แม้ไม่ได้มีการแสดงสีหน้า และมักทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย

 

วิธีลดริ้วรอยมีอะไรบ้าง?
วิธีลดริ้วรอยมีอะไรบ้าง?

 

วิธีลดริ้วรอยมีอะไรบ้าง?

การลดริ้วรอยสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหา ซึ่งโดยส่วนใหญ่วิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ มีดังนี้

  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบครีม หรือเซรั่มก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมสำคัญอย่างเช่น วิตามินเอ ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และเสริมการสร้างคอลลาเจน, วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และปรับสีผิวให้กระจ่างใส, ไฮยาลูรอนิก แอซิด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเติมน้ำให้ผิว ไปจนถึงเปปไทด์ ช่วยเสริมความยืดหยุ่น และความแข็งแรงให้ผิว 

นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้ว ควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันควบคู่ไปด้วย เพื่อปกป้องผิวจาก UV ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่เร่งให้ผิวเสื่อมสภาพ และเกิดริ้วรอยก่อนวัย เมื่อผิวได้รับการบำรุงอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดี และชะลอการเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ในอนาคต

  • รับประทานอาหารเสริม

การรับประทานอาหารเสริมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ โดยควรเลือกอาหารเสริมที่มีสารสกัดสำคัญอย่างเช่น วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก, โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ไปจนถึงแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัยจากภายใน

  • นวดหน้าลดริ้วรอย

การนวดหน้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยแบบธรรมชาติ โดยควรนวดหน้าอย่างเบามือเป็นประจำ และนวดในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลือง ทำให้ผิวได้รับออกซิเจน และสารอาหารอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน รวมถึงช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งจากการแสดงสีหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทำให้สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีมากขึ้น ส่งผลให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย สดใส เปล่งปลั่ง และดูสุขภาพดีจากภายใน

  • ทำทรีตเมนต์ลดริ้วรอย

การทำทรีตเมนต์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับประเภทของทรีตเมนต์ และความรุนแรงของปัญหาริ้วรอย โดยควรเลือกทรีตเมนต์ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และเพิ่มความชุ่มชื้น รวมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน เพื่อให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ เรียบเนียน และดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น

  • ทำเลเซอร์ลดริ้วรอย

การทำเลเซอร์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ และความรุนแรงของปัญหาริ้วรอย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการทำเลเซอร์ จะเป็นการยิงพลังงานลงไปยังชั้นผิว เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ ลดความหมองคล้ำของผิว และปรับผิวให้เรียบเนียน ทำให้ผิวดูสุขภาพดี และอ่อนกว่าวัยจากภายใน ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ เพื่อให้แพทย์แนะนำเครื่องเลเซอร์ที่เหมาะสม

  • ทำเครื่องยกกระชับ

การทำเครื่องยกกระชับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องยกกระชับ และความรุนแรงของปัญหาริ้วรอย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการทำเครื่องยกกระชับ จะเป็นการส่งคลื่นพลังงานต่าง ๆ ลงไปชั้นผิว เช่น คลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) หรือคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เพื่อให้คอลลาเจนเดิมเกิดการหดตัว และจัดเรียงตัวได้ดีมากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ รวมถึงยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวค่อย ๆ ยืดหยุ่น เรียบเนียน เต่งตึง และดูอ่อนกว่าวัยอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ เพื่อให้แพทย์แนะนำเครื่องยกกระชับที่เหมาะสม

  • ฉีดโบลดริ้วรอย

การฉีดโบเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ และเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยการใช้สารที่สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งมาฉีดเข้าสู่ผิวหนังในบริเวณที่เกิดริ้วรอย เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยระหว่างคิ้ว และริ้วรอยหางตา เพื่อให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่ เกิดการคลายตัวชั่วคราว ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ฉีดกลับมาเรียบตึง และริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าดูลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เมื่อกล้ามทำงานน้อยลงก็จะส่งผลให้ชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย

  • ฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ โดยการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปยังผิวหนังในบริเวณที่เกิดริ้วรอย เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยรอบริมฝีปาก ร่องลึกใต้ตา หรือร่องแก้ม เพื่อช่วยในการเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของชั้นไขมัน และกระดูก พร้อมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิว ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดดูเต็มขึ้น มีความเรียบเนียน และดูอ่อนกว่าวัยอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

  • ร้อยไหม

การร้อยไหมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดริ้วรอยได้ โดยการใช้ไหมละลายทางการแพทย์สอดเข้าไปใต้ผิวหนังในบริเวณที่เหมาะสม ซึ่งจะใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไปตามชนิด และลักษณะของไหม เพื่อช่วยในการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณรอบ ๆ แนวเส้นไหม ทำให้ริ้วรอย และร่องลึกดูลดลง ผิวมีความแน่นกระชับ เต่งตึง และยืดหยุ่นมากขึ้น

 

วิธีป้องกันริ้วรอยบนใบหน้า

  • บำรุงผิวอย่างเหมาะสม

การบำรุงผิวอย่างเหมาะสมสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ โดยจะแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นคอลลาเจน ปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ และเสริมเกราะป้องกันผิว เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด, วิตามินซี, วิตามินเอ, เปปไทด์ หรือไนอะซินาไมด์ เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรง และดูสุขภาพดี ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้

  • ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ

การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ เนื่องจากรังสี UV เป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และทำลายโครงสร้างผิวโดยตรง โดยจะแนะนำให้เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA +++ รวมทั้งควรทาก่อนเผชิญแสงแดด 15 – 30 นาที และทาซ้ำทุก 2 หากทำกิจกรรมกลางแจ้งนาน ๆ  หรือมีเหงื่อออกง่าย เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดการทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง 

  • รับประทานอาหารเสริม

การรับประทานอาหารเสริมสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ โดยจะแนะนำให้เลือกอาหารเสริม หรือวิตามินที่มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นคอลลาเจน และชะลอความเสื่อมของผิว เช่น วิตามินซี, คอลลาเจน, โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10), แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) และซิงค์ (Zinc) ซึ่งการรับประทานอาหารเสริมร่วมกับการบำรุงผิวอย่างเหมาะสมนั้น จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ทำให้ผิวมีความแข็งแรง เรียบเนียน ยืดหยุ่น และลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้

  • ดื่มน้ำสม่ำเสมอ

การดื่มน้ำสม่ำเสมอสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ เนื่องจากน้ำมีบทบาทสำคัญในการรักษาความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้กับผิว รวมถึงช่วยขับสารพิษ และของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดี และดูอ่อนกว่าวัยจากภายใน โดยจะแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน หรือ 7 – 8 แก้วต่อวัน พร้อมทั้งเน้นจิบน้ำบ่อย ๆ แทนการดื่มแบบรวดเดียว เพื่อให้ร่างกาย และเซลล์ผิวได้รับน้ำอย่างเพียงพอตลอดทั้งวัน

  • พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนให้เพียงพอสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ เนื่องจากขณะหลับ เซลล์ผิวจะเกิดการฟื้นฟู และซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งมีผลต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง พร้อมทั้งช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ดียิ่งขึ้น โดยจะแนะนำให้นอนหลับอย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน รวมถึงควรนอน และตื่นในเวลาใกล้เคียงเดิมทุกวัน เพื่อให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น

  • ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ เนื่องจากการออกกำลังกายจะช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ออกซิเจน และสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย และลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใส และดูสุขภาพดีจากภายใน โดยจะแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที และประมาณ 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์สามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ โดยจะแนะนำให้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงอาหารที่มีวิตามินซี วิตามินอี โอเมก้า 3 และโปรตีน เช่น ผักใบเขียว ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลาทะเลน้ำลึก ไข่ ถั่ว และธัญพืช เพื่อช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน ปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ เพิ่มความชุ่มชื้น และชะลอความเสื่อมของผิว

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทำร้ายผิว

การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่คอยทำร้ายผิวสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ โดยเฉพาะการพักผ่อนน้อย การนอนดึก ความเครียดสะสม การเผชิญกับมลภาวะ และแสงแดดเป็นประจำ รวมถึงสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ รวมถึงคอลลาเจน และอีลาสตินเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

 

จะเห็นได้ว่า ริ้วรอยเป็นสัญญาณเตือนแห่งวัยที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งอายุที่เพิ่มมากขึ้น การแสดงออกทางสีหน้า การเผชิญกับแสงแดด มลภาวะ ความเครียด การพักผ่อนน้อย การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ ล้วนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โครงสร้างผิวเสื่อมสภาพ และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย ดังนั้นการเข้าใจถึงสาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จะช่วยให้เราสามารถรับมือ และป้องกันการเกิดริ้วรอยได้อย่างเหมาะสม โดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรม เช่น การบำรุงผิว การทาครีมกันแดด การดื่มน้ำสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายเป็นประจำ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ และทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัยจากภายในอย่างแท้จริง

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด