ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
ในยุคที่ทั้งผู้หญิง ผู้ชายแทบทุกคน สวยหล่อ ครบจบเสร็จพร้อมตั้งแต่หัวจรดเท้า และหันมาดูแลตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อให้ดูดีในแบบที่เป็นตัวเอง ในแบบที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็นมีสีผิวที่พึงพอใจ มีรูปร่างที่พึงพอใจ มีทรงผมที่พึงพอใจรวมไปจนถึงมีใบหน้าที่พึงพอใจ บางคนอาจจะทำศัลยกรรมเพื่อให้มีรูปหน้าในแบบที่ตัวเองต้องการ หรือใครที่กลัวการผ่าตัดอาจจะเลือกเครื่องยกกระชับที่มีความเหมาะสมกับตัวเองที่สุด เพื่อให้ได้ใบหน้าที่สวยงามในแบบที่พอดีตามต้องการ
ในท้องตลาดแวดวงความงามมีเครื่องยกกระชับมากมายทั้งยกกระชับ ลดไขมัน ยกกระชับผิวหน้า ยกกระชับผิวหนัง หรือยกกระชับกล้ามเนื้อ ทุกโปรแกรมยกกระชับจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำโปรแกรมยกระชับสามารถแจ้งความต้องการ และแจ้งปัญหาให้แพทย์ทราบเบื้องต้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
![โปรแกรม Oligio ลีน ลด เฟิร์ม ยก](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/messageImage_1717128074360.jpg)
Oligio โปรแกรมยกกระชับตัวใหม่ล่าสุดในท้องตลาด เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สามารถยกกระชับ ปรับใบหน้าให้เรียวสวยสมใจ โดยที่ไม่เจ็บและไม่แม้แต่จะต้องทายาช้าในระหว่างหรือก่อนทำด้วย
Oligio เป็นโปรแกรมยกกระชับจากบริษัท Wontech บริษัทเครื่องมือการแพทย์และความงามจากประเทศเกาหลีใต้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งในไทย ยุโรป และ อเมริกา จึงมีความปลอดภัยในการทำการรักษา
Oligio ใช้นวัตกรรมคลื่น RFความถี่ 6.78 MHz ในการช่วยยกกระชับแต่เป็นการพัฒนาให้มีความสบายในระหว่างทำมากยิ่งขึ้นมีความเจ็บในระหว่างทำที่น้อยลง เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ หรือกลัวกระแสคลื่นต่างๆในระหว่างทำ
![โปรแกรม Oligio คืออะไร](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/อัลบัมความรู้-Oligio-ปรับสี-ci-02_0.jpg)
การทำงานของ Oligio
Oligio เป็นการใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่สูง 6.78 MHz ที่สามารถปรับได้ 3 โหมดคือ โหมดเดี่ยวโหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ ยิงลงลึกสู่ชั้นผิว 3 mm. ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat)ในการช่วยกกระชับผิวหน้า โดยการใช้ความร้อนจากหัว Tips ที่มีลักษณะเป็นหัวเข็ม F4.0 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และสามารถปรับโหมดการยิงแบบอัตโนมัติได้ ทำให้การยิงพลังงาน ในการส่งกระแสคลื่นลงไปสู่ชั้นผิวหนัง จึงทำให้การยิงพลังงานคลื่นของ มีความสม่ำเสมอ แม่นยำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเคราะห์คอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวให้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างเป็นระเบียบ และเพิ่มปริมาณที่มากขึ้นส่งผลให้ ผิวหน้าหลังได้ทำ จึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความหนาแน่นให้กับผิว ลดไขมัน ทำให้ชั้นไขมันมีขนาดที่บางลง
![การทำงานของ โปรแกรม Oligio](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/อัลบัมความรู้-Oligio-ปรับสี-ci-03_0.jpg)
ที่สำคัญยังสามารถช่วยในการลดการเกิดปัญหาอันไม่พึงประสงค์ในขณะที่ทำการรักษา เนื่องจาก Oligio มีการตรวจสอบอุณหภูมิของผิวและระบบตรวจจับแรงกดอย่างแม่นยำในตัว มีระบบทำความเย็นอัจฉริยะ ที่ช่วยปล่อยลมออกมาในระหว่างทำอย่างอัตโนมัติ และยังมีช่องระบายความร้อนที่สามารถกำหนดเองได้ในคนไข้แต่ละราย จึงทำให้ช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการสะสมค่าพลังงานความร้อนที่อยู่ใต้ผิวที่สะสมอยู่มากจนเกินไปในชั้นผิว ส่งผลให้ลดโอกาสในการเกิดการเผาไหม้ (Burn) ของผิว และไม่ทำให้ผิวไหม้ หรือมีตุ่มพอง หนอง เป็นต้น
![เทคนิคเฉพาะตัวของโปรแกรม OLIGIO FAST MOVING TECHNIQUE](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/อัลบัมความรู้-Oligio-ปรับสี-ci-04_0.jpg)
เทคนิคเฉพาะตัวของ Oligio Fast Moving Technique
เป็นเทคนิคที่ออกแบบมาสำหรับการรักษาโดย Oligio เท่านั้น โดย Fast Moving Technique เป็นเทคนิคที่ทำให้การรักษามีความเสถียรมากขึ้น เนื่องจากพลังงานที่ลงสู่ชั้นผิวโดย Oligio นั้นจะลงสู่ชั้นผิวที่เท่ากัน อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ลดการเบิร์นหรือการเผาไหม้ของผิวหนังในระหว่างทำ จึงทำได้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากกว่า โดยแพทย์ทุกท่านของรมย์รวินท์ได้รับการเทรนด์ Fast Moving Technique มาเป็นอย่างดี ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติจึงสามารถเชื่อถือได้ว่าหากเข้ามาบรับบริการ Oligio Fast Moving Technique ที่รมย์รวินท์คลินิกจะสามารถให้การรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยอย่างแน่นอน
![จุดเด่นของโปรแกรม Oligio](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/อัลบัมความรู้-Oligio-ปรับสี-ci-05_0.jpg)
จุดเด่นของ Oligio
Minimize Pain
Oligio มีระบบ Vibration ในตัวจึงทำให้ช่วยลดและบรรเทาความเจ็บในปวดขณะคนไข้ทำการรักษาอยู่ รวมถึงยังมีระบบ Cooling system ซึ่งเป็นตัวช่วยในการปกป้องผิวชั้นนอกจากความร้อนของคลื่น Monopolar RF ทั้งยังช่วยส่งพลังงานความถี่สูงไปยังผิวชั้นลึก ส่งผลให้หลังทำการรักษาไม่จำเป็นต้องรับการพักฟื้นจึงทำให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ปกติเลยในทันที
Faster Treatment
Oligio มีฟังชันก์ Auto ในการทำงาน จึงมีความแม่นยำ และปลอดภัย แม่นยำในขณะทำการรักษานอกจากนี้ขนาดของ Face Tip ยังมีขนาดกว้างถึง 4 ซม. ช่วยประหยัดเวลาในการทำมากขึ้น แต่ให้ผลลัพธ์ดีเหมือนเดิม
Oligio มีหัว Tip 600 Shots ใช้เวลาในการทำเพียง 20-30 นาที และ หัว Tip 300 shots ใช้เวลาในการทำเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น
Safe Treatment
Oligio มีระบบ Real-Time temperature Monitoring ที่ช่วยในการวัดอุณหภูมิของผิวหนังแบบ real-time ตามจริง เมื่ออุณหภูมิของผิวหนังสูงขึ้นมากกว่า 43 องศา จะทำให้เครื่องหยุดการทำงานทันที จึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการเผาไหม้ของบริเวณผิวหนัง รวมถึงยังมีระบบ Pressure Sensing ที่ช่วยตรวจสอบแรงกดระหว่างหัว Tip และผิวหนัง จึงเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดผิวไหม้ อันเนื่องมาจากการที่หัว Tip ไม่แนบกับผิวในระหว่างการรักษา
Convenience
Oligio มีระบบ Treatment ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ Single / Double / Auto ซึ่งแพทย์ หรือผู้ชำนาญการสามารถปรับใช้ได้ตามความสะดวก
Long-Lasting Effet
Oligio กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิวจึงทำให้คงสภาพผลลัพธ์ได้นาน 6 เดือน – 1 ปี
Oligio ใช้ระยะเวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลลัพธ์ในการทำ ?
ผู้เข้ารับการรักษาด้วย Oligio จะสามารถเห็นผลการยกกระชับ ลดไขมัน ได้ทันทีหลังจากทำเสร็จในครั้งแรก เนื่องจากหลังจากทำคอลลาเจนจะเกิดการหดตัวลง ประมาณ 20-30% จากนั้นผิวหนังจะเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่บริเวณใต้ผิว ผิวจะค่อยๆฟื้นฟู และจะเห็นผลเต็มที่หลังการรักษาใน 3-6 เดือน
ควรเว้นระยะเวลาในการทำ Oligio นานเท่าไร ?
สามารถทำ Oligioได้ทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับคงสภาพได้ดีที่สุด รวมทั้งยังลดไขมัน ที่เกิดการสะสมขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งรายละเอียดในการรักษาโดยละเอียดเพื่อความปลอดภัย
ทำ Oligio ควรทำตั้งแต่อายุเท่าไร ?
สามารถทำ Oligio ได้ตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันใบหน้าหย่อนคล้อยในอนาคต และในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปจะเป็นการทำเพื่อยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยลงตามวัย ลดไขมันที่สะสมบริเวณใบหน้า และสามารถทำได้โดยไม่จำกัดเพศ
Oligio สามารถทำบริเวณใดได้บ้าง?
- Oligio สามารถทำบริเวณ “รอบดวงตา” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “ทั่วผิวหน้า” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “กรอบหน้า” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณเหนียง “ใต้คาง หรือเหนียง” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “ลำคอ” ได้
- Oligio สามารถทำบริเวณ “หน้าท้อง”
- Oligio สามารถทำบริเวณ ต้นแขน
![ผลลัพธ์ของการทำ โปรแกรม Oligio](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/อัลบัมความรู้-Oligio-ปรับสี-ci-07_0.jpg)
ข้อดีของ Oligio ในการยกกระชับใบหน้าคือ ?
- Oligio จะช่วยยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อยอันเนื่องมาจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว
- Oligio จะช่วยกระตุ้นการสร้าง และจัดเรียงตัวใหม่ของ collagen ใต้ผิวหนัง
- Oligio จะช่วยเพิ่มคุณภาพของ collagen ให้มีคุณภาพที่ดี
- Oligio จะช่วยลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้าที่สะสมอยู่ใต้ผิว ลดแก้มและลดเหนียง ช่วยปรับให้ใบหน้ามีความเรียว เล็ก เข้ารูป กรอบหน้าคมชัดมากขึ้น
- Oligio จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสติน ใต้ชั้นผิวทำให้ผิวหนาขึ้นและผิวมีความแข็งแรงขึ้นมากขึ้น
- Oligio จะช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมายืดหยุ่นอีกครั้ง
- Oligio จะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของผิว
- Oligio จะช่วยทำให้ผิวที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และมีความหย่อนคล้อย กลับมาเรียบตึงอีกครั้ง
- Oligio จะช่วยลดขนาดรูขุมขนที่มีความกว้างให้เล็กและกระชับขึ้น
- Oligio จะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และลดริ้วรอยบนใบหน้า
![โปรแกรม Oligio เหมาะกับใครบ้าง ทำบริเวณไหนได้บ้าง](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/อัลบัมความรู้-Oligio-ปรับสี-ci-06_0.jpg)
Oligio เหมาะกับใคร ?
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ ต้องการยกกระชับใบหน้าที่มีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด มีไขมันสะสมบนใบหน้าที่ต้องการลดไขมัน
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหา ร่องแก้มลึก มีร่องน้ำหมาก และริ้วรอยต่างๆ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหาเนื้อแก้มเยอะ ทำให้หน้าดูบาน ใหญ่ที่ต้องการลดไขมัน
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ อยากให้ใบหน้าเข้ารูป v shape ดูเล็กลง
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหาเหนียง
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหาเปลือกตาเริ่มตก หนังตาตก ต้องการยกคิ้ว ต้องการกระชับ
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีมุมปากตก
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ คอลลาเจนบนใบหน้าเริ่มลดลงตามวัย และต้องการเพิ่มปริมาณคอลลาเจน
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหารูขุมขนกว้างที่ต้องการกระชับรูขุมขนให้มีขนาดเล็กลง
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ ต้องการชะลอการเกิดความหย่อนคล้อยตามของผิวในอนาคต
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ ผู้ที่มีลำคอเหี่ยวย่นตามวัย
- Oligio เหมาะกับผู้ที่ มีหน้าท้องเหี่ยวย่น
Oligio ไม่เหมาะกับใคร ?
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการฝังน๊อด หรือ สกรู ที่บริเวณกะโหลก (Bioabsorbable) หรือรากฟันเทียม
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิดและยังอยู่ในกระบวนการรักษาบาดแผล
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการติดเชื้อบางชนิด ที่บริเวณผิวหนังที่ต้องการทำการรักษา
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคเบาหวาน โรคลมบ้าหมู โรคเกี่ยวกับเลือดรวมทั้งโรคที่ส่งผลต่อระบบการแข็งตัวของเลือด
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคแพ้ภูมิตัวเอง รวมทั้งผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยาต้านการอักเสบของผิวหนังทุกวัน
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีแผลเปิด ในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสเริมและยังมีอาการอักเสบอยู่
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีประวัติการรักษาโรคด้วย โปรแกรมยับยั้งกล้ามเนื้อหรือฉีดฟิลเลอร์ในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์
- Oligio ไม่เหมาะกับ ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายผิวหนังหรือ ปลูกถ่ายไขมันในบริเวณที่ทำการรักษาไม่เกิน 6 เดือน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาด้วย Oligio
- ก่อนทำ Oligio ควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อเตรียมผิว
- ก่อนทำ Oligio ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อพร้อมต่อการบำรุง
- ก่อนทำ Oligio ควรเตรียมผิวให้ห่างไกลจากแสงแดดโดยตรง
- ก่อนทำ Oligio ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมต่อการเสริมสร้างคอลลาเจน
ขั้นตอนการทำการรักษาด้วย Oligio
- ผู้ช่วยแพทย์จะทำการรวมผม เก็บผมให้คนไข้ให้เรียบร้อย
- ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าคนไข้ให้สะอาด ปราศจากเครื่องสำอางและความมันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำการรักษา
- ผู้ช่วยแพทย์ทำการแปะแผ่นสื่อที่แผ่นหลัง เพื่อเป็นสื่อในการทำการรักษา
- แพทย์ทำการทาเจลเย็นลงบนผิวบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- แพทย์ใช้ Oligio ในการแก้ปัญหาทั่วใบหน้าจนครบจำนวน Shot ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้า เป็นอันเสร็จการรักษา
![คำแนะนำหลังทำ โปรแกรม Oligio](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/อัลบัมความรู้-Oligio-ปรับสี-ci-08_0.jpg)
การดูแลตัวหลังทำการรักษาด้วย Oligio
- หลังทำ Oligio ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และความร้อนเนื่องจากผิวบริเวณที่ทำการรักษาจะมีความบอบบางและแพ้ง่ายอยู่
- หลังทำ Oligio ควรงดการทำเลเซอร์ อบซาวนด์น่า หลังทำการรักษา 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่
- หลังทำ Oligio ควรทาครีมกันแดด SPF 30 +++ ขึ้นไป เนื่องจากผิวยังมีความบอบบาง
- หลังทำ Oligio ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เพื่อป้องกันอาการอักเสบของผิว
ความรู้สึกระหว่างทำ Oligio
ระหว่างทำ Oligio จะมีความรู้สึกร้อนในผิวบริเวณที่ทำการรักษาเพียงเล็กน้อย จะเป็นความรู้สึกร้อนสลับกันกับความเย็นจากการทำงานของหัว Tip และความร้อนจะไม่ได้ร้อนจนเกิดอันตราย และ Oligio ไม่จำเป็นจะต้องทายาชาก่อนทำการรักษา
Q&A รวบรวมคำถามเกี่ยวกับ Oligio
1. Oligio สามารถเห็นผลได้นานเท่าไร ?
- หลังทำ Oligio สามารถคงสภาพผลลัพธ์หลังทำได้นาน 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล สภาพผิว และการดูแล
2. การทำ Oligio มีความอันตรายหรือไม่ ?
- Oligio เป็นโปรแกรมที่ไม่มีอันตราย เนื่องจากมีระบบ AI ควบคุมการทำงาน ทำให้สามารถจ่ายพลังงานคลื่น Monopolar RF ในการรักษาได้อย่างสม่ำเสมอ มีการป้องกันความเจ็บด้วยระบบสั่น และระบบทำความเย็น ทั้ง Oligio ยังเป็นโปรแกรมที่ได้รับการผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งในไทย ยุโรป และ อเมริกา
![oligio](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/LINE_ALBUM_BF-AT-Oligio-ร่องแก้ม_240627_1.jpg)
3. Oligio ต้องกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?
- Oligio เป็นโปรแกรมที่เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทัน โดยสามารถทำการยกกระชับได้ในทันที และจะเห็นผลเต็มที่ใน 3-6 เดือนหลังจากการรักษา
4. Oligio ต้องทำบ่อยแค่ไหน ?
- สามารถทำ Oligio ได้ตั้งแต่หลังทำการรักษาไปครบ 6 เดือน เพื่อคงสภาพผลลัพธ์ในการยกกระชับและ ลดไขมัน ที่ดีที่สุด
![oligio](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/LINE_ALBUM_BF-AT-Oligio-ร่องแก้ม_240627_2.jpg)
5. Oligio ต่างจาก Ultrafomer III อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Ultrafomer III ใช้คลื่น Macro and Micro Focused Ultrasound (MMFU) จะสามารถปล่อยพลังงานได้ถึงชั้น SMAS เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหย่อนคล้อย ร่องแก้มชัด มีถุงใต้ตา ริ้วรอย มุมปากตก คิ้วตก แก้มหย่อน
จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันที่คลื่นพลังงานที่ใช้ในการยิงความร้อนลงชั้นผิวหนัง จึงทำให้คลื่นความร้อนในการยิงลงสู่ชั้นผิวหนังในชั้นที่แตกต่างกัน และเหมาะกับการแก้ปัญหากันคนละแบบ สามารถทำการรักษาร่วมกันได้ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ในการยกกระชับที่ดีมากขึ้น นอกจากนี้ ทั้งสองเครื่องยังสามารถใช้แก้ปัญหากันได้คนละปัญหาหากทำการรักษาร่วมกัน จะได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั่วทุกบริเวณมากขึ้น
6. Oligio ต่างจาก Thermage FLX อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Thermage FLX ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไขมันสะสมใต้ชั้นผิวมีริ้วรอยรอบดวงตา
- จะเห็นได้ว่าทั้งสองโปรแกรม มีหลักการทำงานที่คล้ายกัน เนื่องจากการใช้คลื่นพลังงานในการรักษาที่เป็นคลื่นเดียวกัน แต่ Thermage FLX จะเป็นโปรแกรมยกกระชับที่ไม่มีการสลับพลังงานความร้อน และความเย็นในการรักษาเหมือนกับ Oligio
![oligio](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/LINE_ALBUM_BF-AT-Oligio-รอบดวงตา_240627_1.jpg)
7. Oligio ต่างจาก Ulthera SPT อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Ulthera SPT ใช้คลื่น Micro Focused Ultrasound With Visualization (MFU-V) ในการรักษาจะทำงานในบริเวณผิวหนังชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน และชั้น SMAS เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัดไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า มีจอแสดงผลทำให้เห็นถึงความแม่นยำในการรักษา
- จะเห็นได้ว่า ทั้งสองโปรแกรมยกกระชับจะทำงานกันคนละชั้นผิว ใช้คลื่นพลังงานในการรักษาที่แตกต่างกัน สามารถทำการรักษาทั้งสองโปรแกรมยกกระชับร่วมกันได้ เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ในการยกกระชับที่ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นการยกกระชับใบหน้าอย่างทั่วถึงทุกชั้นผิว ทำให้หลังจากทำการยกกระชับทั้งสองเครื่องร่วมกันจะเป็นการช่วยในการยกกระชับ และยังชะลอการหย่อนคล้อยได้อีกด้วย
8. Oligio ต่างจาก Morpheus 8 อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Morpheus 8ใช้คลื่น RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณ ชั้นผิวหนังแท้ เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย และริ้วรอย รูขุมขนกว้าง
- จะเห็นได้ว่า ทั้งสองโปรแกรมยกกระชับใช้พลังงานในการรักษาที่แตกต่างกัน จึงทำให้ทำงานกันคนละชั้นผิวอย่างชัดเจน โดย Morpheus 8 จะสามารถกระตุ้นคอลลาเจน รวมทั้งลดริ้วรอย ร่องลดไขมันส่วนเกินลดแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้นได้น้อยกว่า Oligio แต่ Morpheus 8 จะช่วยในการปรับผิวให้เรียบเนียน และรักษารอยแผลเป็นได้มากกว่า Oligio แนะนำให้ทำร่วมกันทั้ง 2 โปรแกรมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการยกกระชับ
![oligio](https://www.romrawin.com/wp-content/uploads/2024/05/LINE_ALBUM_BF-AT-Oligio-รอบดวงตา_240627_2.jpg)
9. Oligio ต่างจาก Ultrafomer MPT อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Ultrafomer MPT ใช้คลื่น Macro and Micro Focused Ultrasound (MMFU) ในการรักษาโดยสามารถปล่อยพลังงานลงชั้นผิวได้ถึงชั้น SMAS เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ คิ้ว หรือหางตาตก รู้ขุมขนกว้าง ไม่กระชับ มีริ้วรอยร่องลึก
- โดยUltrafomer MPT จะสามารถทำการลดไขมันสะสมบนใบหน้า เหนียง ใต้คางสองชั้น ได้น้อยกว่า Oligio แต่ช่วยกระชับความหย่อนคล้อยได้มากกว่า จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งหากจะทำการรักษาร่วมกันกับ Oligio จะได้ให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับ ลดไขมันบริเวณใบหน้าในแบบครบรูปแบบและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
10. Oligio ต่างจากVolnewmer อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Volnewmer ใช้คลื่น Monopolar RF โดยความเย็นของโปรแกรมยกกระชับชนิดนี้จะใช้น้ำในการหล่อเลี้ยงซึ่งอาจจะมีความไม่เสถียรอยู่บ้าง และจำทำการรักษาที่ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิวเหมาะกับผู้ที่ผิวไม่ตึง มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เริ่มมีริ้วรอย กรอบหน้าไม่ชัด
- ถึงแม้จะใช้พลังงานเช่นเดียวกันในการรักษาจะมีส่วนผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในบางส่วน และ Oligio จะมีความเสถียรในการทำความเย็นที่น้อยกว่า อีกทั้ง Volnewmer จะมีราคาที่สูงกว่า
11. Oligio ต่างจาก Sylfirm อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Sylfirm ใช้คลื่น RF Microneedling System ในการรักษา โดยจะส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวชั้นหนังแท้ เหมาะกับผู้ที่มีผิวไม่กระชับ รูขุมขนกว้าง มีริ้วรอย และเน้นไปทางสีผิว
- จะเห็นได้ว่าทั้งสองโปรแกรมทำงานต่างกันทั้งตัวคลื่นพลังงานที่ใช้ในการยิง การรักษา รวมทั้งผลลัพธ์หลังการรักษา หากทำการรักษาร่วมกันทั้งสองเครื่องจะให้ผลลัพธ์ที่ให้ทั้งใบหน้ายกกระชับ และผิวกระจ่างใสไร้ริ้วรอย รวมทั้งมีผิวหน้าที่ดีมากยิงขึ้นด้วย
12. Oligio ต่างจาก Emface อย่างไร ?
- Oligio ใช้คลื่น Monopolar RF ในการรักษา จะทำงานบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว มีแก้ม เหนียง คาง 2 ชั้น ต้องการลดไขมัน และต้องการให้ผิวแน่นกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีริ้วรอยรอบดวงตา
- Emface ใช้คลื่น RF + HIFES ในการรักษา และจะทำการยกกระชับถึงชั้นกล้ามเนื้อ จึงทำให้เหมาะเป็นอย่างย่ิงที่จะทำกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อ และผิวกลัวเจ็บ กลัวการผ่าตัด กลัวเข็ม
- ทั้งสองโปรแกรมเป็นโปรแกรมยกกระชับที่ทำการรักษากันคนละแบบ พลังงานลงชั้นผิวกันคนละชั้น สามารถทำร่วมกันได้เนื่องจากเป็นโปรแกรมยกกระชับเหมือนกันที่ทำงานที่ชั้นผิวที่แตกต่างกัน ทำให้การยกกระชับได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ซึ่งจากข้อมูลข้างต้น Oligio ถือเป็นโปรแกรมยกกระชับ ลดไขมันที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วและผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ซึ่งทางรมย์รวินท์พร้อมให้บริการ Oligio แล้วในวันนี้และยังมีโปรแกรมอื่นๆที่น่าสนใจโดยสามารถทักหาแอดมินได้ทุกช่องทาง รวมทั้งยังเข้าไปปรึกษาได้ที่หน้าสาขาได้ตั้งแต่วันนี้