จับคู่โปรแกรมยกกระชับอย่างมืออาชีพ เพื่อผิวตึง หน้าเป๊ะ แบบไม่ต้องศัลยกรรม
เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าใครก็ต้องเผชิญกับปัญหาผิวที่เปลี่ยนแปลง ทั้งผิวหย่อนคล้อย ร่องลึกที่เริ่มชัดขึ้น หรือกรอบหน้าที่เคยเป๊ะ กลับดูเลือนลางลง ผิวหน้าที่เคยยกกระชับ กลับดูโรยราและเหนื่อยล้า ซึ่งล้วนเป็นผลจากกระบวนการเสื่อมของคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวระดับลึก
หนึ่งในทางเลือกยอดนิยมที่ตอบโจทย์ยุคนี้ คือ “การยกกระชับผิวแบบไม่ต้องศัลยกรรม” ด้วยเทคโนโลยีความงามที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้เราสามารถฟื้นคืนความเฟิร์ม กระชับ และชัดเจนของใบหน้าได้ โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ซึ่งกลายเป็นทางเลือกหลักของหลายคนที่อยากคงความสวยแบบดูเป็นธรรมชาติ
ในปี 2025 นี้ เทรนด์การดูแลผิวหน้าเปลี่ยนไปอย่างน่าสนใจ ไม่ใช่แค่การทำเพียงโปรแกรมยกกระชับเดียว แต่ผู้คนเริ่มหันมาเลือกการจับคู่โปรแกรมยกกระชับเสริมผลลัพธ์ เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เห็นผลเร็วขึ้น และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น เพื่อจัดการปัญหาแบบรอบด้าน ทั้งเรื่องผิวหย่อน กรอบหน้า และผิวหมองคล้ำในคราวเดียว
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการจับคู่โปรแกรมยกกระชับอย่างมืออาชีพ ว่าควรทำอะไรคู่กับอะไร เพื่อผลลัพธ์ที่สวยชัด ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่กับคุณได้นานขึ้น พร้อมเทคนิคเลือกโปรแกรมให้เหมาะกับปัญหาผิวเฉพาะบุคคล
ทำไมการทำโปรแกรมยกกระชับเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ?
แม้ว่าโปรแกรมยกกระชับ จะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดในการฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า แต่ในความเป็นจริง การทำเพียงแค่โปรแกรมเดียวอาจไม่สามารถตอบโจทย์ความงามได้ครบทุกมิติ เนื่องจากความสวยอย่างยั่งยืนนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับผิวที่ตึง แต่ยังรวมถึงสุขภาพผิวโดยรวม สีผิว ความเรียบเนียน ความชุ่มชื้น และโครงสร้างของใบหน้า
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพของการทำโปรแกรมยกกระชับ
- อายุ — เมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวจะช้าลง ผิวจึงขาดความยืดหยุ่น การตอบสนองต่อพลังงานจากเครื่องยกกระชับอาจไม่เท่ากับคนอายุน้อย
- สภาพผิว — ผิวที่แห้ง ขาดน้ำ หรือมีเม็ดสีสะสมมาก จะตอบสนองต่อการรักษาได้ไม่ดีเท่าผิวที่ได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสม
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต — เช่น การนอนดึก สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือการไม่ทาครีมกันแดด ล้วนเป็นตัวเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และลดประสิทธิภาพของการยกกระชับ
โปรแกรมยกกระชับยอดนิยมที่รมย์รวินท์คลินิก
ปัจจุบันมีเทคโนโลยียกกระชับหลายชนิด เช่น Ultherapy Prime, Thermage FLX, Ultraformer MPT, Morpheus8 และ Oligio ซึ่งทำงานโดยส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวตึงขึ้น ยกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งโปรแกรมยกกระชับยอดนิยมของรมย์รวินท์คลินิก มีดังนี้
- Ultherapy Prime
เทคโนโลยีอัลตราซาวนด์แบบโฟกัสความเข้มข้นสูง (High Intensity Focused Ultrasound – HIFU) ส่งผ่านพลังงานลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างใต้ผิวหนังที่มีผลโดยตรงต่อการยกกระชับ ใบหน้าจึงแลดูยกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมทั้งมาพร้อมจอแสดงผลแบบ Full HD ที่ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ และปรับระดับพลังงานให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ
- Ultraformer MPT
ผสานพลังงานทั้งแบบ Micro และ Macro Focused Ultrasound ครอบคลุมความลึกตั้งแต่ 1.5 ถึง 13 มม. ครอบคลุมทั้งชั้นผิวและชั้นไขมัน เพื่อช่วยสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมโหมดการปล่อยพลังงานที่หลากหลาย เช่น จุดไข่ปลา เส้นตรง และวงกลม ทำให้การรักษาครอบคลุมทั้งการยกกระชับและฟื้นฟูผิวในคราวเดียว
- Thermage FLX
อีกหนึ่งเทคโนโลยีชื่อดังที่ใช้ พลังงานคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ส่งความร้อนลึกลงไปกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้และไขมันใต้ผิว Thermage FLX มาพร้อมหัวทิปเจเนอเรชันใหม่ Total Tip 4.0 ซึ่งช่วยกระจายพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น และลดระยะเวลาการทำทรีตเมนต์ลง เหมาะกับผู้ที่ต้องการผิวกระชับทั่วใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
- Morpheus8
เทคโนโลยีที่ผสาน Fractional RF เข้ากับ Microneedling โดยใช้เข็มทองขนาดเล็กจิ้มลงสู่ผิวในระดับที่ควบคุมได้อย่างแม่นยำ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้เรียบเนียน กระชับ และลดปัญหาผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีทั้งริ้วรอย รูขุมขนกว้าง และผิวไม่เรียบเนียน
- Oligio
อีกหนึ่งตัวเลือกจากเทคโนโลยี Monopolar RF โดยใช้คลื่นวิทยุความถี่ 6.78 MHz ซึ่งสามารถเจาะลึกถึงโครงสร้างชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นกระบวนการจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ ให้ผิวกลับมาแข็งแรง แน่นกระชับ และเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น จุดเด่นของ Oligio คือให้ความรู้สึกสบายขณะทำ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือคนที่กังวลเรื่องความเจ็บ
โปรแกรมยกกระชับตัวท็อป แต่ละเครื่องมีจุดเด่นอะไร?
- Ultherapy Prime
เทคโนโลยี MFU-V (Micro-focused Ultrasound with Visualization) ของ Ultherapy Prime ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวขณะทำหัตถการได้อย่างชัดเจนแบบเรียลไทม์ พร้อมหน้าจอ Full HD ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 35% ซึ่งเพิ่มความแม่นยำในการลงพลังงานสู่ชั้น SMAS ได้อย่างปลอดภัยและตรงจุด การประมวลผลของเครื่องรวดเร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 20% จึงลดระยะเวลาในการรักษาและเพิ่มความสบายระหว่างการทำให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ลดเลือนริ้วรอย และกระชับรูขุมขนให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- Ultraformer MPT
ด้วยการผสมผสานพลังงานอัลตราซาวนด์แบบ Micro และ Macro Focused Ultrasound ทำให้ Ultraformer MPT สามารถส่งพลังงานได้ครอบคลุมทุกระดับความลึก ตั้งแต่ชั้นตื้นไปจนถึงชั้นไขมันลึกใต้ผิว ระบบยิงพลังงานรวดเร็วกว่าเดิมถึง 2.5 เท่า พร้อมเทคโนโลยีที่สามารถปล่อยจุดพลังงานได้มากถึง 417 จุดต่อเส้น ทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้นในเวลาสั้นลง อีกทั้งยังสามารถเลือกทิศทางการยิงพลังงานได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นแบบเส้นตรง วงกลม หรือจุดไข่ปลา
- Thermage FLX
เทคโนโลยีคลื่นวิทยุขั้วเดียว (Monopolar RF) ของ Thermage FLX ได้รับการพัฒนาให้ปล่อยพลังงานได้รวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้นด้วยหัวทิปรุ่นใหม่ Total Tip 4.0 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้ถึง 33% ต่อช็อต
ระบบ AccuREP™ ช่วยควบคุมพลังงานให้คงที่ทุกครั้งที่ยิง พร้อมระบบวัดความต้านทานผิวแบบอัตโนมัติ ที่สามารถปรับค่าพลังงานให้สอดคล้องกับชั้นผิวในแต่ละจุด
- Morpheus8
รวมเทคโนโลยี Fractional RF เข้ากับ Microneedling หัวเข็มขนาดเล็กพิเศษ ที่ทำจากทองคำ เจาะลึกถึงผิวระดับ 2–4 มม. และสามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ได้ในบางกรณี จุดเด่นคือสามารถฟื้นฟูผิวทั้งในเรื่องความหย่อนคล้อย ริ้วรอย รอยแผลเป็น รูขุมขน และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดไขมันเฉพาะจุดใต้ผิวหนังได้อย่างไม่อันตราย ใช้ได้กับทุกสีผิวโดยไม่ทิ้งรอยแผล และสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งบริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัว
- Oligio
คลื่นวิทยุความถี่ 6.78 MHz จาก Oligio ถูกออกแบบมาเพื่อแทรกซึมพลังงานลงลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง โดยช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและจัดเรียงเส้นใยใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ จึงส่งผลให้ผิวดูแน่นกระชับ เรียบเนียน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมคุณสมบัติในการช่วยสลายไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า คาง และลำคอ ทำให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้นแบบธรรมชาติ
คู่หูโปรแกรมที่ควรทำควบคู่ เพื่อเสริมผลลัพธ์การยกกระชับ
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจความงามแบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอมากขึ้น เทคโนโลยีการยกกระชับใบหน้าจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น Ultherapy Prime, Thermage FLX, Ultraformer MPT หรือ Morpheus8 ซึ่งสามารถช่วยยกผิวให้แน่นกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และคืนความอ่อนเยาว์ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
และทั้งหมดนี้คือโปรแกรมเสริมที่เหมาะสำหรับการทำร่วมกับเทคโนโลยียกกระชับ เพื่อเสริมประสิทธิภาพ ฟื้นฟูผิว และมอบผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
Thermage FLX + Ultherapy Prime
การผสานพลังของสองเทคโนโลยีนี้ ถือเป็นสูตรผิวยกกระชับของวงการความงาม ที่ให้ผลลัพธ์ครบทุกชั้นผิว โดย Thermage FLX เน้นการปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุลงสู่ชั้นหนังแท้ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและยืดหยุ่นผิวจากด้านบน ขณะที่ Ultherapy จะทำงานที่ชั้นลึกที่สุดของผิว (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ดึงหน้า
ข้อดีของการทำคู่กัน
- ยกกระชับครบทุกระดับชั้นผิว
- กรอบหน้าและผิวดูแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และดูเป็นธรรมชาติ
แนะนำ: แม้ในบางกรณีสามารถทำทั้งสองโปรแกรมในวันเดียวกันได้ หากผิวแข็งแรงพอ แต่โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้เว้นช่วงประมาณ 1–2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผิวและลดความเสี่ยงจากการอักเสบ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีผิวบอบบาง
Ultraformer MPT + Fix Lift
สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวพร้อมปรับสภาพพื้นผิวให้เรียบเนียน Ultraformer MPT และ Fix Lift คือคู่หูที่ช่วยเติมเต็มได้อย่างลงตัว Ultraformer MPT ยิงพลังงานอัลตราซาวนด์ครอบคลุมทุกระดับความลึก ตั้งแต่ผิวตื้นจนถึงชั้นไขมันลึก ขณะที่ Fix Lift ใช้ Fractional RF ผสาน Microneedling ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูรูขุมขน ลดรอยแผลเป็น และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
ข้อดีของการทำคู่กัน
- ยกกระชับทุกมิติ ทั้งโครงสร้างลึกและผิวชั้นบน
- ผิวแน่น เรียบเนียน และรูขุมขนกระชับ
- ช่วยลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้
แนะนำ: สามารถทำร่วมกันในช่วงเวลาใกล้เคียงได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนตามสภาพผิวแต่ละบุคคล
Oligio + Fix Lift
ถ้าคุณมองหาวิธีช่วย กระชับกรอบหน้า ลดไขมัน และฟื้นฟูพื้นผิวในคราวเดียวกัน การทำ Oligio ควบคู่กับ Morpheus8 คืออีกหนึ่งทางเลือก Oligio ใช้คลื่นวิทยุความถี่ 6.78 MHz ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและสลายไขมันบริเวณกรอบหน้า คาง และลำคอ ส่วน Fix Lift เน้นปรับสภาพผิว ลดริ้วรอย รอยแผลเป็น และกระชับรูขุมขน
ข้อดีของการทำคู่กัน
- ใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้น
- ฟื้นฟูผิวทั้งความแน่นและความเรียบเนียน
- ลดไขมันเฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัด
แนะนำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งการยกกระชับปรับรูปหน้า และการฟื้นฟูผิวในระยะสั้นและยาว
Ultherapy Prime + Oligio
อีกหนึ่งคู่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับ ทั้งในชั้นลึกและกระชับผิวชั้นบนพร้อมลดไขมัน โดย Ultherapy Prime จะเน้นการยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ขณะที่ Oligio ช่วยเก็บรายละเอียดกรอบหน้าและผิวด้านบนให้แน่นขึ้น พร้อมช่วยสลายไขมันเล็กน้อยบริเวณคางและกรอบหน้า
ข้อดีของการทำคู่กัน
- ยกกระชับใบหน้า ลดไขมัน ผิวแน่นกระชับ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณกรอบหน้า
- ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ
แนะนำ: ควรให้แพทย์ประเมินใบหน้า และความหนาของชั้นไขมันก่อนวางแผนทำหัตถการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
รวมข้อดีของการทำโปรแกรมยกกระชับ
- ยกผิวให้กระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำ
- ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าและลำคอ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว
- เห็นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
- ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น ดูหน้าเรียวลง
- ลดริ้วรอยบางจุดได้โดยไม่ต้องฉีด
- รูขุมขนดูเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยลดชั้นไขมันบางส่วน เช่น เหนียงหรือแก้มล่าง
- ช่วยชะลอวัย ลดสัญญาณแห่งความร่วงโรย
- สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
- เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็มหรือกลัวการทำศัลยกรรม
- ผลลัพธ์ค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังทำ 1–3 เดือน
- เหมาะสำหรับคนมีเวลาน้อย ไม่สะดวกพักฟื้น
- สามารถเลือกทำเฉพาะจุดได้ เช่น แก้ม หางตา คอ
- สามารถจับคู่กับโปรแกรมอื่นได้เพื่อเสริมผลลัพธ์
- สามารถทำซ้ำได้อย่างไม่เสี่ยงอันตราย
โปรแกรมยกกระชับช่วยอะไรบ้าง?
- ช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น
- ช่วยให้หน้าดูอ่อนกว่าวัยโดยรวม
- ลดความเบลอของแนวกรอบหน้า
- ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
- เพิ่มความแน่นและยืดหยุ่นของผิว
- ทำให้ผิวดูแน่นเฟิร์มขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ
- ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ
- ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต
- ลดอาการผิวทรุดโทรมจากอายุที่เพิ่มขึ้น
- ลดขนาดรูขุมขน ทำให้ผิวเนียนละเอียดขึ้น
- ลดไขมันส่วนเกินเล็กน้อยบริเวณแก้มล่าง
- ลดเหนียงหรือคางสองชั้นโดยไม่ต้องดูดไขมัน
- ปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลขึ้น
- ลดผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า คอ และขากรรไกร
โปรแกรมยกกระชับเหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่เริ่มมีแก้มตกหรือแก้มห้อยเล็กน้อย
- ผู้ที่มีผิวหน้าเริ่มหย่อนจากอายุที่เพิ่มขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาหางตาตก หนังตาเริ่มปิดทับชั้นตา
- ผู้ที่มีแนวกรอบหน้าเบลอ ไม่ชัดเจน
- ผู้ที่มีเหนียงหรือคางสองชั้นเล็กน้อย
- ผู้ที่มีลำคอดูหย่อนคล้อยไม่กระชับ
- ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นหลังศัลยกรรม
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างดูเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหน้าผาก หางตา
- ผู้ที่มีผิวบางและไม่แน่นกระชับ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่มีโครงหน้าคล้อยจากไขมันและอายุที่เพิ่มขึ้น
- ผู้ที่ต้องการป้องกันปัญหาผิวหย่อนในอนาคต
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันจุดเล็ก ๆ เช่น เหนียง
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับบริเวณกรอบหน้า
หมายเหตุ: โปรแกรมยกกระชับเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ศัลยกรรม แต่ควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ เพื่อให้เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะกับผิว และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง
โปรแกรมยกกระชับไม่เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่ใส่อุปกรณ์โลหะหรืออิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
- ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจหรือความดันโลหิตไม่คงที่
- ผู้ที่มีโรคทางระบบประสาท เช่น โรคลมชัก
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเป็นโรคที่ต้องใช้ยากดภูมิ
- ผู้ที่มีแผลเปิดหรือผิวหนังอักเสบบริเวณที่จะทำ
- ผู้ที่มีผิวไหม้แดด ร้อนแดง หรือมีผื่นแพ้
- ผู้ที่มีสิวอักเสบหรือหนองบริเวณที่จะยกกระชับ
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น เริม งูสวัด
- ผู้ที่มีภาวะวิตกกังวลเกินเหตุเกี่ยวกับรูปร่างใบหน้า
- ผู้ที่มีผิวอ่อนเยาว์และยังไม่มีปัญหาผิวหย่อน
- ผู้ที่มีไขมันสะสมมากเกินไป
- ผู้ที่มีโครงหน้าหย่อนจากกระดูก เช่น เบ้าตาลึกมาก หรือกระดูกทรุด
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนขั้นรุนแรง
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีแบบเทียบเท่าการศัลยกรรม
- ผู้ที่ผ่านการทำหัตถการหรือศัลยกรรมบางอย่างมาไม่นาน
คำแนะนำ: การทำโปรแกรมยกกระชับ ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเท่านั้น โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้รับบริการมีข้อจำกัดทางสุขภาพ การแพ้ หรือเคยผ่านการทำหัตถการอื่นมาแล้ว การประเมินอย่างละเอียดก่อนทำจะช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้สูงสุด
โปรแกรมยกกระชับสามารถทำได้ในบริเวณใดบ้าง?
บริเวณใบหน้าและลำคอ
- สามารถทำบริเวณหน้าผาก ช่วยยกคิ้วและลดริ้วรอย
- สามารถทำบริเวณคิ้ว ยกคิ้วให้ดูมีมิติมากขึ้น
- สามารถทำบริเวณระหว่างคิ้ว ลดรอยขมวดคิ้ว
- สามารถทำบริเวณรอบดวงตา ช่วยยกหางตา หนังตาบน หางตาตก
- สามารถทำบริเวณใต้ตา ลดความหย่อนและริ้วรอยใต้ตา
- สามารถทำบริเวณโหนกแก้ม ยกกระชับให้หน้าเรียวขึ้น
- สามารถทำบริเวณแก้ม ช่วยยกผิวให้ได้รูป ลดความหย่อนคล้อย
- สามารถทำบริเวณร่องแก้ม ทำให้ร่องลึกดูตื้นขึ้น
- สามารถทำบริเวณมุมปาก ลดอาการมุมปากตก
- สามารถทำบริเวณรอบปาก ลดริ้วรอยริมฝีปาก
- สามารถทำบริเวณคาง ช่วยยกกระชับและลดคางสองชั้น
- สามารถทำบริเวณกรอบหน้า ทำให้หน้าชัดเจนและเรียวขึ้น
- สามารถทำบริเวณใต้คาง ลดไขมันสะสมและผิวหย่อน
- สามารถทำบริเวณลำคอ ลดความหย่อนของผิวและริ้วรอย
บริเวณร่างกาย
- สามารถทำบริเวณหน้าอกส่วนบน เนินอกที่มีผิวเหี่ยวย่น
- สามารถทำบริเวณใต้ต้นแขน ลดความหย่อนของผิว
- สามารถทำบริเวณหน้าท้อง แก้ปัญหาผิวไม่กระชับ
- สามารถทำบริเวณต้นขา ลดไขมันและความย้วยของผิว
- สามารถทำบริเวณหัวเข่า ผิวหย่อนคล้อยรอบหัวเข่า
- สามารถทำบริเวณสะโพก ยกกระชับก้นให้ได้รูป
ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมง
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น 1–2 วัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ ควรแจ้งโรคประจำตัวกับแพทย์
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ ควรแจ้งยาหรืออาหารเสริมที่รับประทานประจำกับแพทย์
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ งดการออกกำลังกายหนัก เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ งดการขัดผิว สครับ หรือผลัดเซลล์ผิว 3–5 วัน
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ งดใช้สกินแคร์ที่มีกรดแรง เช่น AHA, BHA, Retinol, Vitamin C ความเข้มข้นสูง
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ งดทำเลเซอร์ในช่วง 1–2 สัปดาห์
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ งดแต่งหน้า งดทาครีม งดกันแดด ในบริเวณที่จะทำ
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีขึ้น
- ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ หลีกเลี่ยงแดดจัด หรือกิจกรรมกลางแจ้ง 3–5 วัน
หลังทำโปรแกรมยกกระชับ ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ ควรทามอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา เพื่อช่วยลดการระคายเคือง
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ ควรทาครีมกันแดด SPF 50 PA+++ ทุกวัน แม้อยู่ในร่ม
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6–8 ชั่วโมง
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ งดกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เดินป่า วิ่ง หรือทะเล ในช่วง 1 สัปดาห์
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ งดสูบบุหรี่ เพราะทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ งดนวดหรือกดแรง ๆ บริเวณใบหน้า
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ งดการใช้เครื่องนวดหน้า ในช่วง 2 สัปดาห์
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ งดกิจกรรมที่เหงื่อออกมาก เช่น คาร์ดิโอหนัก, โยคะร้อน
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ หลีกเลี่ยงการจับ ถู หรือเกาหน้าบริเวณที่ทำในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ หลีกเลี่ยงการใช้โฟมล้างหน้าที่มีเม็ดสครับหรือสารผลัดเซลล์
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้า ภายใน 7 วัน
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ หลีกเลี่ยงแดดจัด อย่างน้อย 5–7 วัน
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมร้อนจัด เช่น ซาวน่า สตรีม หรือออนเซ็น
- หลังทำโปรแกรมยกกระชับ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วง 2–3 วัน
การดูแลผิวแบบยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงกลายเป็นทางเลือกหลักของผู้คนที่ต้องการผลลัพธ์ที่สวยงาม และไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน สิ่งสำคัญคือ การวางแผนอย่างมืออาชีพ และรู้จักจับคู่โปรแกรมที่ตอบโจทย์แต่ละปัญหาเฉพาะบุคคล เพราะผิวของเรามีหลายมิติ
การยกกระชับเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับความงามที่ครบทุกด้าน การเสริมด้วยโปรแกรมบำรุง เติมเต็ม หรือเลเซอร์ในจังหวะที่เหมาะสม จะช่วยยกระดับผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในแง่ความตึง ความเรียบ ความชัด และความเปล่งปลั่งของผิว อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์หลังทำอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลหลังทำอย่างถูกวิธี
ที่สำคัญที่สุด ควรให้ความสำคัญกับการประเมินโดยแพทย์ และเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีเทคโนโลยีเครื่องแท้ที่ผ่านการรับรองระดับสากล เพราะความงามที่แท้จริง เริ่มต้นจากการดูแลอย่างใส่ใจในทุกขั้นตอน