เทคโนโลยีความงามด้านการทำหน้าเรียวมีด้วยกันหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่นิยมก็คือ THERMAGE (เทอร์มาจ) ที่หลายคนก็อาจจะลองทำบ้าง แต่สำหรับใครที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ย่อมอยากรู้ถึงขั้นตอนการทำเอาไว้เผื่อประกอบการตัดสินใจในการทำหน้าเรียว บทความนี้รมย์รวินท์คลินิกจึงขออาสาทุกท่านไปทำความรู้จักกับการปรับรูปหน้าเรียวด้วยการทำเทอร์มาจกันค่ะ เทอร์มาจ (Thermage) คืออะไร เทอร์มาจ เป็นเทคโนโลยีในการทำหน้าเรียว ทำให้ผิวตึงกระชับด้วยใช้ความถี่ของคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียวเข้าไปกระตุ้นผิวตั้งแต่ชั้นหนังแท้ผ่านเข้าไปจนถึงจนถึงผิวหนังชั้นลึก (SMAS) ความร้อนในระดับที่สม่ำเสมอที่ถูกส่งผ่านเข้าไปจะช่วยให้โครงสร้างผิวหนังมีความยืดหยุ่น กระชับตัวดีขึ้น มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ที่ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดี นุ่มนวล รูขุมขนเล็กลง สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำหน้าเรียวด้วยเทอร์มาจ แน่นอนว่าก่อนที่จะเดินเข้าคลินิกศัลยกรรมความงามไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเสียก่อน อย่างน้อยก็ต้องทำความเข้าใจให้แตกฉานว่าโปรแกรมที่เราสนใจทำนั้น แท้จริงมีประโยชน์อย่างไร ช่วยแก้ไขปัญหาของเราได้อย่างตรงจุดหรือไม่ เพราะโปรแกรมเสริมความงามก็มีด้วยกันหลายวิธี ซึ่งบางวิธีก็มีความคล้ายคลึงกัน กรณีการทำเทอร์มาจนั้น เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการกระชับปรับรูปหน้าเรียว ทำหน้าเรียว เน้นการกระชับ (Tightening) ฉะนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีไขมันที่หน้าเยอะ ผู้ที่มีใบหน้าอ้วน หน้าไม่กระชับ กรณีผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยร่วมด้วย การทำเทอร์มากอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ก็อาจจะต้องทำโปรแกรมอื่นร่วมด้วย ความเข้มข้นของการยิง Shot ก็มีความสำคัญ เพราะหากยิง Shot ที่น้อยเกินไป หรือลงไปไม่ถึงผิวหนังชั้นลึก ก็ย่อมทำให้ผิวหน้ากระชับได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของข้อจำกัด เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยเป็นมะเร็ง ผู้ที่มีสายสวนหัวใจ มีโลหะในร่างกาย กลุ่มคนนี้ ทำเทอร์มาจไม่ได้ ควรศึกษาข้อดี-ข้อเสียให้ครบ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทราบปัญหาที่ต้องแก้ไข […]
เทรนด์สาวหน้าเรียวรูปทรง V-Shape ยังอยู่ในกระแสไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ส่วนใครที่หน้ไม่ได้รูปก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะมีวิธีการทำหน้าเรียวมากมายให้เลือกทำกัน นอกจากวิธีทำศัลยกรรมแล้ว ยังมีวิธีที่เจ็บตัวน้อยกว่า นั่นก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบ ร้อยไหม ฯลฯ ว่าแต่ว่า…หากเปรียบเทียบกันแล้ววิธีการไหนจะดีกว่ากัน ถ้าอยากรู้ ตามมาดูกันเลยค่ะ เปรียบเทียบการทำหน้าเรียวด้วยวิธีการฉีดกับการผ่าตัดศัลยกรรม 1.ระดับความเปลี่ยนแปลง ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า การทำหน้าเรียวด้วยการฉีด (ซึ่งอาจจะเป็นการฉีดโบ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม ฯลฯ) เปรียบเทียบเหมือนกับการปรับรูปหน้าชั่วคราว ผลจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี คือเมื่อปริมาณของสารที่ฉีดเข้าไปหมดฤทธิ์ลงก็จะต้องทำซ้ำ แต่การผ่าตัดศัลยกรรม (ไม่ว่าจะเป็นการเสริมซิลิโคนไปจนถึงการผ่าตัดกราม) จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างถาวร หรืออย่างน้อยก็อยู่ได้ 10 ปีจึงค่อยแก้ไขใหม่ 2.ความเจ็บและการรักษาตัว การปรับรูปหน้าเรียวด้วยวิธีฉีดคือการใช้เข็มในการฉีดตัวยาเข้าไปที่ใบหน้า ข้อดีคือเจ็บน้อยกว่า และไม่ต้องรักษาตัวนาน ส่วนการทำศัลยกรรมเป็นหัตถการณ์ที่ใหญ่กว่า บางเคสถึงกับต้องวางยาสลบเข้าช่วย การศัลยกรรมปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวส่วนใหญ่จะทำการเปิดแผลภายในช่องปากเพื่อซ่อนแผลเป็น จึงทำให้กระทบต่อการพูดและการทานอาหารด้วย 3.ระยะเวลารักษาตัว การทำหน้าเรียวด้วยการฉีด ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ทำเสร็จเรียบร้อย และสามารถกลับบ้านได้เลยไม่ต้องพักฟื้น อาจจะมีอาการบวมช้ำบ้างในช่วง 3-7 วันแต่ก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ส่วนการผ่าตัดศัลยกรรมทำหน้าเรียว ส่วนใหญ่แล้วใช้เวลาทำ 30 นาทีขึ้นไปขึ้นอยู่กับประเภทของการผ่าตัด ต้องใช้เวลาพักฟื้นรักษาแผลอย่างน้อย […]
หลายคนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หน้ากลม คางเยอะ หน้าดูอ้วน ไม่เป็น v-shape ตามสมัยนิยม ปัจจุบันนี้มีเทคนิควิธีทำหน้าเรียวมาให้เลือกทำกันมากมาย ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดดีจุดเด่นแตกต่างกันไป รวมถึงปัญหาของแต่ละคน สภาพร่างกายของแต่ละคน ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบวิธีการรักษา แต่วันนี้เราจะมาดูกันว่าวิธีการทำหน้าเรียวแบบไหนที่คงผลการรักษาได้ยาวนานที่สุด วิธีการปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียว มีตั้งแต่การผ่าตัดใหญ่ จนถึงการใช้เครื่องมือพิเศษที่ไม่ทำให้เกิดรอยแผล สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาก็คือเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของสถานเสริมความงาม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้รักษา การตัดสินใจจากงบประมาณเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป รมย์รวินท์คลินิก ให้ความสำคัญกับความทันสมัยของเครื่องมือเป็นสิ่งแรก มีการคัดสรรเครื่องมือเพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผิวลูกค้า ด้วยจุดนี้เองจึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับคนไข้ที่มาใช้บริการรมย์รวินท์คลินิกของเรา
วิธีการปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวมีอยู่มากมายหลายวิธี ตั้งแต่ศัลยกรรมดึงหน้า ผ่าตัดใส่ซิลิโคน ฉีดสารเติมแต่ง หรือใช้เครื่องมือไฮเทคต่างๆ ซึ่งมีข้อดีข้อเด่นแตกต่างกันไป แต่ถ้าหากเลือกได้หลายคนคงจะเลือกวิธีทำหน้าเรียวที่ได้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมและใช้เวลาพักฟื้นน้อยที่สุด วันนี้เรามีวิธีปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวมาแนะนำกัน ลองตามไปดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง Hifu เทคนิคการทำหน้าเรียวที่ขึ้นชื่อว่าไม่เจ็บ เห็นผลไว เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์เข้มข้นสูง ส่งผ่านพลังงานเข้าไปยังชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อเดียวกับที่ทำศัลยกรรมดึงหน้า เมื่อชั้นเนื้อเยื่อได้รับการกระตุ้นจะมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวยกกระชับ อิ่มเต็ม หลังจากทำเสร็จไม่ต้องพักฟื้น ไม่เกิดอาการบวม ช้ำ แดง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัดเจน มีไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้า ผลการรักษาจะเห็นชัดเจนขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์ และคงผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนานเป็นปี Thermage เทคโนโลยียกกระชับผิว ทำหน้าเรียวด้วยการส่งคลื่นความถี่วิทยุ RF ส่งพลังเข้าไปยังชั้นผิวหนังระดับลึก เพื่อกระตุ้นให้เนื้อเยื่อสร้างคอลลาเจนใหม่เพิ่มขึ้น ขณะทำหัตถการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะคอยควบคุมความร้อนสลับเย็นให้คงที่ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด หลังทำเทอมาร์จผู้รับบริการจะรู้สึกได้ทันทีว่าริ้วรอยลดลง ผิวแข็งแรงขึ้น ทำหน้าเรียวเป็น v-shape มากขึ้น และที่สำคัญหลังจากทำเสร็จไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ทั้งแต่งหน้า ช้อปปิ้ง ออกกำลังกาย แต่ก็อาจจะมีบางรายที่มีผิวแดงเล็กน้อย แต่ก็จะหายไปเองในเวลาอันรวดเร็ว Filler ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ใช้ฉีดเพื่อลดและแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณต่างๆ บนใบหน้า […]
ปัจจุบันมีเทคนิคการทำหน้าเรียวอยู่มากหมายหลายวิธี ซึ่งต่างก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ดั่งใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมากคือความเจ็บปวดทรมานของการทำสวย ถึงแม้จะอยากให้หน้าเรียวหน้ากระชับมากแค่ไหน แต่ถ้าต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดมากมายก็คงต้องขอบายไปก่อน วันนี้เรามีวิธีปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวที่แม้แต่คนที่มีระดับความอดทนต่อความเจ็บต่ำก็ยังรับได้ แสดงว่าคนทั่วไปก็รับได้แน่นอน HIFU (ไฮฟู) การทำ Hifu เป็นหนึ่งในวิธีปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวที่หลายคนยืนยันคอนเฟิร์มว่าเจ็บตัวน้อยที่สุด เพราะไม่มีการใช้เข็ม ไม่มีการใช้มีดผ่าตัดมาเกี่ยวข้อง มีเพียงเครื่องมืออันทันสมัยที่ส่งคลื่นอัลตราซาวด์เข้มข้น ที่สามารถส่งพลังเข้าสู่ใต้ผิวระดับลึกที่เรียกว่าชั้น SMAS เป็นชั้นกล้ามเนื้อเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ดึงหน้า ด้วยคุณสมสบัติของเครื่องชนิดนี้จึงสามารถใช้การส่งคลื่นที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปกระตุ้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเพื่อให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก จากนั้นร่างกายจะกระตุ้นให้บริเวณดังกล่าวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งส่งผลให้ผิวกระชับอิ่มเต็ม ช่วยปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวเป็น v-shape มองเห็นกรอบหน้าชัดเจนขึ้นมาก ด้วยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทันทีหลังทำ จึงมีผู้นิยมใช้บริการทำไฮฟูกันมากมาย ซึ่งอาจจะทำร่วมกับวิธีการปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวแบบอื่นก็ได้ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ผู้ให้การรักษาและความต้องการของผู้เข้ารับบริการ ฉีดโบ วิธีการสุดคลาสสิคในการทำหน้าเรียว ซึ่งคุณหมอท่านบอกว่าเจ็บน้อยถึงน้อยที่สุด เพราะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กจึงทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ประกอบกับการฉีดโบเป็นจุดๆ ตามตำแหน่งที่เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ทุกครั้งที่ฉีดเสร็จก็จะมีการนวดคลึงกันเล็กน้อยพอให้ยากระจายตัว หลังฉีดเสร็จครบทุกจุด ผู้รับบริการสามารถเดินออกจากคลินิกได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้น ที่สำคัญเห็นผลการเปลี่ยนแปลงแทบจะทันที สามารถแต่งหน้า ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคุณหมอด้วย สำหรับหมอที่มีประสบการณ์มีชั่วโมงบินสูง ก็รับประกันได้ว่ามือเบาและแม่นยำ สำหรับระยะเวลาออกฤทธิ์ของการฉีดโบ การทำหน้าเรียวก็อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล สามารถเข้ามาฉีดซ้ำได้เพื่อให้ผลการรักษาคงอยู่ยาวนาน ซึ่งควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเอง […]