เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ อะไรเหมาะกับคุณมากกว่ากัน?

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ อะไรเหมาะกับคุณมากกว่ากัน?

เมื่อวัยที่เพิ่มขึ้นเริ่มส่งสัญญาณผ่านผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือโครงหน้าที่ไม่ชัดเจนเหมือนเดิม หลายคนจึงเริ่มมองหาวิธีคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า โดยเฉพาะสองทางเลือกยอดนิยมอย่าง การยกกระชับหน้า และ การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ ที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสดใส เต่งตึง และดูอ่อนวัยได้โดยเป็นทางเลือกแบบไม่ผ่าตัด

 

เพราะแม้ว่าทั้งสองวิธีจะช่วยเสริมความมั่นใจให้ใบหน้า แต่เบื้องหลังแล้วแต่ละเทคนิคมีหลักการทำงานแตกต่างกัน รวมถึงผลลัพธ์ ระยะเวลาการเห็นผล และความเหมาะสมกับสภาพผิวในแต่ละช่วงวัยก็ไม่เหมือนกัน 

 

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจแบบเจาะลึกถึงข้อแตกต่าง ข้อดีข้อเสีย และวิธีเลือกให้เหมาะกับปัญหาผิวและเป้าหมายความงามของคุณ พร้อมคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และตรงใจที่สุด

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ อะไรเหมาะกับคุณมากกว่ากัน?

การดูแลผิวหน้าเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายทางเลือก โดยเฉพาะเทคโนโลยียกกระชับหน้าและโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แม้เป้าหมายหลักจะคล้ายกัน คือเสริมความมั่นใจ และฟื้นฟูใบหน้าให้ดูสดใสขึ้น

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น กรอบหน้าไม่ชัด คิ้วตก หรือแก้มห้อย โดยไม่ต้องการผ่าตัด การยกกระชับหน้าจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ให้ผลลัพธ์แบบดูเป็นธรรมชาติและดูดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1–3 เดือนหลังทำ โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าขาดมิติ มีร่องลึก ใต้ตาลึก หรือคางสั้น ขมับยุบ ซึ่งต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วหลังทำครั้งแรก โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มจุดบกพร่องของใบหน้า ปรับสมดุลรูปหน้าให้ดูละมุนและอ่อนวัยอย่างดูเป็นธรรมชาติ

ในบางกรณี การใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันภายใต้การดูแลของแพทย์ อาจให้ผลลัพธ์ที่ดี เช่น ยกกระชับเพื่อคืนความแน่นกระชับให้ผิว และเสริมฟิลเลอร์ในบางจุดเพื่อเติมเต็มโครงสร้างใบหน้าให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปัญหาผิว และปัจจัยอื่น ๆ

 

เข้าใจพื้นฐานก่อนเลือก เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

ปัญหาผิวที่พบเมื่ออายุเพิ่มขึ้น

เมื่ออายุเข้าสู่ช่วง 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ส่งผลให้ผิวเริ่มแสดงสัญญาณแห่งวัยอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะในช่วงวัย 30–40 ปีขึ้นไป ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

  • ผิวหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
  • กรอบหน้าไม่ชัด คางเริ่มหย่อน
  • ริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก และร่องแก้ม
  • ผิวขาดความยืดหยุ่น ดูเหนื่อยล้า
  • โหนกแก้มดูแบน คางหรือขมับยุบตัว

ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อบุคลิกภาพ แต่ยังทำให้ใบหน้าดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง หลายคนจึงเริ่มมองหาวิธีดูแลและแก้ไขอย่างเหมาะสม เพื่อคงความอ่อนเยาว์และความมั่นใจไว้ให้นานที่สุด

 

เป้าหมายหลักของการดูแลผิว

แม้จะมีเป้าหมายเดียวกันคือคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า แต่การดูแลผิวด้วยเทคโนโลยียกกระชับหน้า และ การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์นั้นต่างมีจุดมุ่งหมายที่เฉพาะเจาะจง และเหมาะกับปัญหาผิวต่างกัน

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เน้นการกระตุ้นให้ผิวตึงขึ้นจากภายใน ด้วยเทคโนโลยีคลื่นเสียงหรือพลังงานความร้อนที่ลงลึกถึงชั้นผิว เพื่อยกผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับโดยเป็นทางเลือกแบบไม่ผ่าตัด
  • การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ มุ่งเติมเต็มในบริเวณที่มีการยุบตัวของชั้นไขมันหรือกระดูก เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ หรือคาง เพื่อปรับรูปหน้าให้สมส่วนและดูอ่อนวัยอย่างดูเป็นธรรมชาติ

การเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาจากปัญหาหลักของผิว เช่น หากผิวเริ่มหย่อนคล้อยชัดเจน เทคโนโลยียกกระชับหน้า อาจตอบโจทย์มากกว่า แต่หากปัญหาหลักคือใบหน้าดูตอบ ยุบ หรือขาดมิติ การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์อาจเป็นทางเลือกที่ใช่กว่า หรือในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำทั้งสองอย่างควบคู่กัน เพื่อผลลัพธ์ที่สมดุลที่สุด

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้าคืออะไร? วิธีคืนความกระชับให้ผิว ทางเลือกแบบไม่ผ่าตัด
เทคโนโลยียกกระชับหน้าคืออะไร? วิธีคืนความกระชับให้ผิว ทางเลือกแบบไม่ผ่าตัด

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้าคืออะไร? วิธีคืนความกระชับให้ผิว ทางเลือกแบบไม่ผ่าตัด

กลไกการทำงานของเทคโนโลยียกกระชับหน้า

การยกกระชับหน้าแบบไม่ผ่าตัด เป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เต่งตึง โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้นจากการศัลยกรรม วิธีนี้อาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการส่งพลังงานลงลึกสู่ผิวชั้นใน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและกระชับขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ 

ผลลัพธ์ของการยกกระชับหน้า จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในช่วง 1–3 เดือนหลังทำ และสามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ การดูแลหลังทำ และสภาพผิวของแต่ละคน

เทคโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับหน้ามีหลายรูปแบบ โดยแต่ละชนิดจะทำงานแตกต่างกัน เช่น

  • คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์แบบโฟกัส — ส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า
  • คลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) — ส่งพลังงานเข้าไปกระตุ้นเส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิว ให้เกิดการหดตัวและสร้างเส้นใยใหม่

 

เทคโนโลยียอดนิยมในการยกกระชับหน้า

เครื่องยกกระชับหน้าด้วยเทคโนโลยี MFU-V (Microfocused Ultrasound with Visualization) ที่สามารถส่งพลังงานอัลตราซาวนด์ลงสู่ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ โดยมีระบบ Real-Time Visualization ช่วยให้แพทย์มองเห็นระดับชั้นผิวขณะทำการรักษา เพื่อประเมินความลึกและตำแหน่งได้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำและไม่เสี่ยงอันตรายในระยะยาว

ใช้เทคโนโลยี Micro & Macro Focused Ultrasound ที่สามารถยิงพลังงานได้รวดเร็ว และครอบคลุมทั้งใบหน้าและลำคอ พร้อมหัวมากถึง 7 ระดับความลึก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้าในเวลาที่รวดเร็ว เจ็บน้อย และไม่ต้องพักฟื้น

เป็นเทคโนโลยี Monopolar Radio Frequency (RF) ส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นลึกของผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยยกกระชับหน้าและปรับโครงสร้างผิวให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือหยุดพักฟื้น

เทคโนโลยี Fractional RF Microneedling ที่ผสานการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) กับเข็มไมโครนีดเดิล (Microneedle) สามารถส่งพลังงานลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยยกกระชับผิวเฉพาะจุด พร้อมลดเลือนริ้วรอยและปรับผิวให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับบริเวณที่บอบบาง เช่น ใต้ตา มุมปาก หรือแนวขากรรไกร

เทคโนโลยี Monopolar RF ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้พลังงานความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งชั้นผิว ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับโปรแกรม Thermage ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า และสามารถทำได้บ่อยครั้ง

เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ผสานพลังงาน HIFES (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) และ RF (Radio Frequency) เข้าด้วยกัน ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าและชั้นผิวในคราวเดียวกัน โดยไม่ต้องใช้เข็มหรือสัมผัสโดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูใบหน้าแบบไม่เจ็บตัว และต้องการผลลัพธ์แบบครบมิติ ทั้งยกกระชับหน้าและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ

 

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คืออะไร? เติมเต็มผิวแบบเร่งด่วนเพื่อความอ่อนเยาว์
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คืออะไร? เติมเต็มผิวแบบเร่งด่วนเพื่อความอ่อนเยาว์

 

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คืออะไร? เติมเต็มผิวแบบเร่งด่วนเพื่อความอ่อนเยาว์

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทำงานอย่างไร

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่นำมาใช้ฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหรือใต้ผิวหนัง เพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึก ปรับรูปหน้า และฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ โดยมากนิยมใช้ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำสูง ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต่งตึง

เมื่อฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์เข้าไปในจุดที่มีการยุบตัวหรือขาดมิติ เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือคาง สารโปรแกรมฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มพื้นที่นั้น ให้ดูอวบอิ่มขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ และช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลมากยิ่งขึ้น โดยเป็นทางเลือกแบบไม่ผ่าตัดหรือพักฟื้น

 

ประเภทของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และอายุการคงอยู่

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์มีหลากหลายประเภท ซึ่งแตกต่างกันตามคุณสมบัติ ความหนาแน่น และระยะเวลาการคงตัว โดยสามารถแบ่งประเภทได้ตามลักษณะการใช้งานหลัก ๆ ดังนี้

  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เนื้อนุ่ม เหมาะสำหรับบริเวณผิวบาง เช่น ใต้ตา หรือริมฝีปาก เน้นความเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เนื้อปานกลาง ใช้กับร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หรือขมับ เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและความอิ่มฟู
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เนื้อแน่น เหมาะสำหรับการปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น คาง หรือกรอบหน้า ต้องการความคงรูปและยกกระชับหน้า

อายุของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ส่วนใหญ่อยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ พื้นที่ที่ฉีด การดูแลหลังทำ และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล

 

สำหรับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คุณภาพสูงที่ผ่านอย. ไทย เช่น โปรแกรม Juvederm, โปรแกรม Restylane, โปรแกรม Belotero, โปรแกรม Neuramis ล้วนได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่สวยงามและไม่อันตรายเมื่อนำมาใช้โดยแพทย์ประจำคลินิก

 

โปรแกรมยกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมยกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?

 

โปรแกรมยกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?

การฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาเต่งตึงและดูอ่อนเยาว์ มีทางเลือกที่ได้รับความนิยมอยู่สองวิธีหลัก ๆ ได้แก่ การยกกระชับหน้า และ การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ ทั้งสองวิธีนี้แม้จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายร่วมกันคือช่วยยกกระชับปรับรูปหน้า แก้ปัญหาริ้วรอย หรือความหย่อนคล้อยให้ดูดีขึ้นและดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด

เปรียบเทียบด้านกลไกการทำงาน ผลลัพธ์ และระยะเวลา

  • การยกกระชับหน้า เป็นการใช้เทคโนโลยีที่อาศัยพลังงาน เช่น คลื่นอัลตราซาวนด์ (HIFU), คลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) เพื่อส่งผ่านความร้อนลงไปยังชั้นผิวลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยยกกระชับขึ้น และแลดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นภายใน 1–3 เดือน และคงอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เลือกและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  • ในขณะที่โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ จะเน้นการเติมเต็มในจุดที่ใบหน้าขาดมิติ เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา คาง หรือขมับ โดยการฉีดสาร Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปยังบริเวณที่มีปัญหา โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้าได้ทันทีหลังทำ และเห็นผลชัดเจนขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ ผลลัพธ์โดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 6–18 เดือน ขึ้นกับชนิดของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด

 

ความรู้สึกขณะทำ และการพักฟื้น

  • การยกกระชับหน้า มักทำให้รู้สึกอุ่น ๆ หรือมีความรู้สึกตึง ๆ ที่ใต้ผิว โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบางหรืออยู่ใกล้กระดูก ความรู้สึกขณะทำขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องที่ใช้ แต่โดยทั่วไปถือว่าอยู่ในระดับที่ทนได้โดยไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที
  • การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ จะมีการใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารเข้าไปในชั้นผิว ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อยในระหว่างทำ โดยเฉพาะในบริเวณผิวบาง แพทย์มักใช้ยาชาหรือโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่มีสารลดความเจ็บร่วมด้วย หลังฉีดอาจมีอาการบวม แดง หรือรอยเข็มเล็กน้อยซึ่งมักจะหายไปใน 1–3 วัน

 

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ควรพิจารณา

  • การยกกระชับหน้า มีความเสี่ยงต่ำเมื่อทำโดยแพทย์ ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น ผิวแดงเล็กน้อย รู้สึกตึงหรือระบม ซึ่งมักหายได้เองภายในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม หากพลังงานถูกส่งลึกผิดตำแหน่ง อาจเกิดอาการชาหรือรู้สึกไม่สบายผิวได้ จึงควรทำโดยแพทย์เท่านั้น
  • ในขณะที่โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หากใช้สารที่ผ่าน อย. และทำโดยแพทย์ ถือว่าไม่เสี่ยงอันตราย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ การบวม ฟกช้ำ หรือในกรณีที่ฉีดผิดตำแหน่ง อาจเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการดูแลทันที

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยอะไรบ้าง?
เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยอะไรบ้าง?

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยอะไรบ้าง?

เทคโนโลยียกกระชับหน้า

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ช่วยยกกระชับผิวหน้าโดยรวม
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เก็บกรอบหน้าให้ชัดขึ้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ยกคิ้ว ยกหางตา แก้ปัญหาหนังตาตก
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ลดความหย่อนคล้อยของแก้ม คาง และลำคอ
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ชะลอความเสื่อมของผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ยกกระชับปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส ไม่โทรม
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ลดขนาดรูขุมขนและความมัน
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เพิ่มความมั่นใจให้รูปหน้าทุกมุม

 

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มใต้ตาลึกให้ดูสดใสขึ้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ลดความลึกของร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ปรับรูปคางให้ยาวและเล็กลงอย่างสมส่วน
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เสริมขมับหรือแก้มตอบให้ดูละมุนขึ้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ปรับรูปทรงริมฝีปากให้อวบอิ่มและชัดเจนขึ้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ทำให้รูปหน้าโดยรวมดูละมุนขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ แก้ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากัน ทำให้ได้สมมาตรขึ้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยให้หน้าเด็กลงแบบดูเป็นธรรมชาติ
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูดีมากยิ่งขึ้น

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร?
เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร?

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร?

เทคโนโลยียกกระชับหน้า

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด คิ้วตก แก้มห้อย
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า แก้ม คาง
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวขาดความแน่น และดูไม่เรียบเนียน
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส แม้ไม่มีร่องลึกชัดเจน
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบ ยกกระชับทั่วใบหน้า
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด หรือไม่มีเวลาพักฟื้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบการเติมสารเข้าไปในผิว เช่น โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

 

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก หมองคล้ำ มีร่องชัด ทำให้ดูโทรม
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ หน้าตอบ ขมับยุบ ใบหน้าไม่สมดุล
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด อยากปรับรูปหน้าให้เรียวยาว
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบน ริมฝีปากบาง หรือรูปหน้าขาดความละมุน
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึกหรือริ้วรอยเฉพาะจุด เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ใต้ตา 
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ใบหน้าขาดความนูนสมดุล ทำให้หน้าดูแข็ง หรือโทรมกว่าวัย
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังทำโดยใช้ระเวลาสั้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด ต้องการปรับรูปหน้าในระยะเวลาอันสั้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูจุดเดียวแบบเฉพาะเจาะจง ไม่เน้นทั่วหน้า
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมภาพลักษณ์ให้ตรงตามตำราโบราณ

 

หมายเหตุ:

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำเทคโนโลยียกกระชับหน้าหรือการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า อายุ การตอบสนองของร่างกาย และคำแนะนำทางการแพทย์

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะกับใคร?

เทคโนโลยียกกระชับหน้า

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากเกินระดับที่เทคโนโลยีสามารถแก้ไขได้
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานคลื่นความร้อน
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคผิวหนังในบริเวณที่จะทำ เช่น ผื่น แผลติดเชื้อ หรือโรคเรื้อรังที่ควบคุมไม่ได้
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์ฝังในร่างกายบางชนิด เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือโลหะฝังใต้ผิว
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบทันทีทันใด
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางมาก หรือผิวไวต่อความร้อน 
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าตอบ หรือใบหน้าผอมมาก
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีที่มีไขมันหน้าส่วนล่างเยอะมาก
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผู้ที่มีภาวะผิวไวต่อแสงหรือความร้อน เช่น โรค SLE หรือผิวแพ้ง่ายรุนแรง
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวบางประเภท เช่น โรคผิวหนังอักเสบ 

 

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้สาร Hyaluronic Acid หรือสารที่ใช้ในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวบริเวณที่จะฉีด เช่น ติดเชื้อ มีแผลอักเสบ หรือเป็นสิวอักเสบรุนแรง
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนมาก่อน เช่น ติดเชื้อ เป็นก้อน หรืออุดตันเส้นเลือด
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโครงหน้าซับซ้อน หรือปัญหาจากการฉีดซ้ำซ้อนหลายจุด
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมฉีดบ่อยเกินจำเป็น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางชั้นตื้นเกินไปในบางจุด
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวควบคุมไม่ดี เช่น เบาหวานขั้นสูง, ความดัน, โรคหัวใจ
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาภูมิแพ้ หรือแพทย์ให้หยุดยาชั่วคราวไม่ได้

คำแนะนำ:

ผลลัพธ์จากการทำเทคโนโลยียกกระชับหน้าหรือฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น โครงสร้างใบหน้า อายุ สภาพผิว การดูแลตนเอง และดุลยพินิจของแพทย์

ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสม ความเสี่ยง และทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ มีข้อดีอะไรบ้าง?

ข้อดีของเทคโนโลยียกกระชับหน้า

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ให้ผลลัพธ์ระยะยาว
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ช่วยเรื่องผิวเนียน รูขุมขน และความมันร่วมด้วย
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ช่วยชะลอการเสื่อมของผิวในระยะยาว
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ใบหน้าเรียบและอ่อนเยาว์มากขึ้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ไม่มีการใส่สารแปลกปลอมเข้าไปในผิว
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า ทำเป็นประจำช่วยรักษารูปหน้าเดิมไว้ได้นานขึ้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า มีหลายระดับพลังงานให้เลือกตามสภาพผิว

 

ข้อดีของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนหลังทำครั้งแรก
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเติมเต็มใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และละมุนขึ้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคลได้
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ใช้เวลาทำน้อย ไม่ต้องพักฟื้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึกหรือใบหน้าขาดวอลลุ่มอย่างชัดเจน
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ ให้หน้าดูสดใสขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขที่ตรงจุด โดยไม่ต้องทำทั้งใบหน้า

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ทำบริเวณใดได้บ้าง?

เทคโนโลยียกกระชับหน้า

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถทำบริเวณกรอบหน้า ช่วยให้แนวกรอบหน้าคมชัดขึ้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถทำบริเวณแก้ม ยกผิวที่หย่อนให้ดูเฟิร์มกระชับขึ้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถทำบริเวณใต้คางและเหนียง ลดไขมันสะสมใต้คาง
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถทำบริเวณหางตาและหางคิ้ว ช่วยยกหางตาให้ดูสดใสขึ้น
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถทำบริเวณใต้ตาได้ ช่วยลดความหย่อนคล้อย
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถทำบริเวณหน้าผากและระหว่างคิ้ว ช่วยลดความหย่อนของผิวบริเวณหน้าผาก
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถทำบริเวณรอบปากและมุมปาก ยกมุมปากให้ดูยิ้มละมุน
  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถทำบริเวณลำคอ ปรับผิวให้เรียบขึ้น กระชับผิวบริเวณลำคอที่หย่อนคล้อย

 

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำบริเวณใต้ตา ช่วยให้ใต้ตาดูสดใส อิ่มฟู
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำบริเวณร่องแก้ม คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำบริเวณมุมปาก ยกมุมปากตกให้ดูยิ้มละมุน
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำบริเวณขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำบริเวณแก้ม เติมแก้มตอบให้ดูอ่อนวัย
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำบริเวณคาง เสริมคางให้เรียวยาวขึ้นตามแนวใบหน้า
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำบริเวณหน้าผาก ช่วยเสริมมิติใบหน้าให้ดูละมุนขึ้น
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำบริเวณริมฝีปาก ปรับทรงปากให้ดูคมชัด ดูเป็นธรรมชาติ

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เตรียมตัวก่อนทำอย่างไร?

การเตรียมตัวก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า

  • ก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า ควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงก่อนวันนัด
  • ก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
  • ก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งหากมีโรคประจำตัว หรือกำลังใช้ยา วิตามิน หรืออาหารเสริมใด ๆ อยู่
  • ก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 วัน
  • ก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสารผลัดเซลล์หรือไวต่อแสง
  • ก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า งดการใช้ยาที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี โสม น้ำมันปลา หรืออาหารเสริมอื่น ๆ อย่างน้อย 7 วัน
  • ก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า งดกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวบอบบางลง เช่น การขัดผิว สครับ หรือใช้กรดผลัดเซลล์

 

การเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

  • ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงยาในกลุ่มแอสไพริน และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ 7-14 วัน
  • ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า โดยเฉพาะในบริเวณที่จะทำหัตถการ
  • ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนจัด
  • ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ งดการผลัดเซลล์ผิว การแว็กซ์ หรือโกนขนในบริเวณที่วางแผนจะฉีด
  • ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ งดรับประทานอาหารเสริมที่อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ งดการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ งดออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่ง หรือ เวทเทรนนิ่ง อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง?

ขั้นตอนการทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า

  1. แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า รวมถึงระดับความหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคล
  2. เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดใบหน้าอย่างอ่อนโยนเพื่อลบคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก
  3. ทำการแปะยาชาเฉพาะจุดบริเวณที่ต้องการรักษา ทิ้งไว้ประมาณ 30–60 นาที
  4. แพทย์จะใช้หัวเครื่องยิงพลังงาน โดยลงลึกถึงชั้นลึกของผิวหน้า ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 45–60 นาที โดยขึ้นอยู่กับจำนวนไลน์และบริเวณที่ทำการรักษา
  5. หลังทำเสร็จทันที ผู้เข้ารับบริการจะสังเกตได้ว่าผิวตึงกระชับขึ้นในระดับหนึ่ง

 

ขั้นตอนการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

  1. แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิว ปัญหาร่องลึก หรือบริเวณที่ใบหน้าเกิดการยุบตัว เพื่อกำหนดแนวทางการเติมเต็มให้เหมาะสม
  2. ทำความสะอาดบริเวณที่จะทำหัตถการอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
  3. แพทย์หรือผู้ช่วยจะทำการแปะยาชาหรือประคบน้ำแข็งก่อนฉีด เพื่อช่วยลดอาการเจ็บ
  4. แพทย์จะฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์เข้าไปยังตำแหน่งที่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า โดยเลือกเทคนิคการฉีดที่เหมาะกับแต่ละจุด เพื่อให้สารเติมเต็มกระจายตัวอย่างเรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติ
  5. หลังจากฉีดเสร็จ แพทย์จะทำการแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
  6. แพทย์อาจนัดผู้รับบริการกลับมาตรวจติดตามหลังจากฉีด เพื่อประเมินความเข้าที่ของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และตรวจสอบว่าผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง

 

หมายเหตุ:
ผลลัพธ์จากการทำเทคโนโลยียกกระชับหน้าและการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า การดูแลหลังทำ และปัจจัยสุขภาพอื่น ๆ ทั้งนี้ควรดำเนินการโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพและมีประสบการณ์ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ดูแลตัวเองหลังทำอย่างไร?

การดูแลตัวเองหลังทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า

  • หลังทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า งดการทำกิจกรรมที่ทำให้ผิวได้รับความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า แช่น้ำร้อน หรืออบไอน้ำ 1-2 สัปดาห์
  • หลังทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า งดการทำเลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ที่มีผลกระทบลึกถึงชั้นผิว อย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • หลังทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า หลีกเลี่ยงการนวดหน้า การเกาหรือกดแรง ๆ ในบริเวณที่ทำ 
  • หลังทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
  • หลังทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า ควรดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

 

การดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการจับ นวด หรือกดทับบริเวณที่ได้รับการฉีด
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดหรือเค็มจัดในช่วงวันแรก
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอางใกล้บริเวณที่ฉีดเป็นเวลา อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า แช่น้ำร้อน หรือทรีตเมนต์ความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการนอนในท่าที่กดทับบริเวณที่ฉีด เช่น นอนตะแคงหรือนอนคว่ำในช่วง 2–3 คืนแรก
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ งดถูหรือกดแรง ๆ บริเวณที่ฉีด โดยเฉพาะจุดที่มีผิวบาง
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ งดกิจกรรมที่เพิ่มอุณหภูมิร่างกาย เช่น ออกกำลังกายหนัก วิ่ง หรือเวทเทรนนิ่ง
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ ประมาณ 8–10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ดูอิ่มฟูเต็มที่
  • หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์

 

รวมคำถามที่พบบ่อย เทคโนโลยียกกระชับหน้า vs โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

เทคโนโลยียกกระชับหน้ากับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้าใช้พลังงานลงลึกถึงชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้นแบบดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเติมสารใดเข้าไป
  • ในขณะที่โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม (เช่น Hyaluronic Acid) ที่ฉีดเข้าไปยังจุดที่ใบหน้าขาดวอลลุ่มหรือมีร่องลึก เพื่อปรับรูปทรงของใบหน้าให้สมดุล และดูอ่อนเยาว์ขึ้นทันที

 

ใบหน้าแบบไหนควรทำเทคโนโลยียกกระชับหน้า? แบบไหนควรฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์?

  • หากมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด หรือเริ่มเห็นสัญญาณของความเสื่อมผิวตามวัย เหมาะกับเทคโนโลยียกกระชับหน้า แต่ถ้าใบหน้าตอบ มีร่องลึก ใต้ตาคล้ำ หรือคางสั้น ขมับยุบ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์จะเหมาะกว่าในการเติมเต็มจุดที่ขาดวอลลุ่ม บางกรณีอาจใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้ากับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ อะไรเห็นผลเร็วกว่า?

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า จะเริ่มเห็นผลประมาณ 20–30% ทันที และผลจะชัดเจนมากขึ้นภายใน 1–3 เดือน
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ในวันเดียว

 

ผลลัพธ์จากเทคโนโลยียกกระชับหน้ากับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ อยู่ได้นานแค่ไหน?

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า อยู่ได้นานประมาณ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและสภาพผิว
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ อยู่ได้นาน 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด

 

สามารถทำเทคโนโลยียกกระชับหน้าและโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ พร้อมกันได้ไหม?

  • สามารถทำได้ในบางเคส โดยต้องผ่านการประเมินจากแพทย์ โดยทั่วไปแนะนำให้ทำเทคโนโลยียกกระชับหน้าก่อน แล้วจึงเติมโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ผิวอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมก่อนจะเติมวอลลุ่มเข้าไป

 

ควรเริ่มทำเทคโนโลยียกกระชับหน้าหรือโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เมื่ออายุเท่าไร?

  • เทคโนโลยียกกระชับหน้า สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 28–30 ปีขึ้นไป ในกลุ่มที่เริ่มมีปัญหาผิวคล้อยจากวัยหรือพฤติกรรม
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าแบน ตอบ ร่องลึก แม้อายุยังไม่มาก 

 

เทคโนโลยียกกระชับหน้าและโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ต่างก็เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยแต่ละวิธีมีจุดเด่นและเหมาะสมกับปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการยกผิวที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ หรือการเติมเต็มจุดบกพร่องให้ใบหน้าได้สัดส่วน และดูละมุนขึ้นทันที

 

สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คือการเลือกให้เหมาะกับใบหน้าของเรา

เพราะทุกใบหน้ามีปัญหาเฉพาะจุด โครงสร้างผิว และความต้องการที่ไม่เหมือนกัน การได้รับการประเมินจากแพทย์จะช่วยวางแผนการดูแลที่ตรงจุดและได้ผลลัพธ์ดีในระยะยาว

 

ไม่ว่าจะเลือกเทคโนโลยียกกระชับหน้า ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ หรือทำร่วมกัน การดูแลตัวเองก่อนและหลังทำอย่างถูกต้อง รวมถึงความเข้าใจในผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป ล้วนมีผลต่อความสวยที่ดูเป็นธรรมชาติ และมั่นใจได้ในทุกมิติ