รวมวิธีรักษาสิว พร้อมเผยผิวหน้าเนียนใส
รู้ลึกถึงสาเหตุการเกิดสิว
สิวเป็นปัญหาผิวที่เกิดได้ในหลายช่วงวัยและสามารถเกิดได้กับทุกเพศ การเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดสิวจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสิวมากขึ้น โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว มีดังนี้
สิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
เป็นสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้ฮอร์โมนสูงขึ้น จนไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวตามมา
ลักษณะของสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- มีลักษณะหัวแดง ขอบบวม และสัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ
- มักเกิดซ้ำในตำแหน่งเดิม
- บางรูปแบบมักมีลักษณะก้อนแข็ง ฝังลึก ไม่มีหัว และอาจใช้เวลานานกว่าจะยุบตัว
บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- สิวจากฮอร์โมนมักเกิดบริเวณคางและแนวกราม
- สิวจากฮอร์โมนมักเกิดบริเวณรอบปาก
- สิวจากฮอร์โมนมักเกิดบริเวณลำคอ
- สิวจากฮอร์โมนมักเกิดบริเวณหน้าอกและหลัง
สิวฮอร์โมนเป็นสิวที่รักษายากกว่าสิวทั่วไป แต่หากได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และได้รับการดูแลรักษาสิวอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถควบคุมและลดการเกิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิวที่เกิดจากความมันส่วนเกิน
เป็นสิวที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย มักเกิดได้บ่อยกับผู้ที่มีผิวมันหรือมีรูขุมขนกว้าง เกิดได้จากต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันขอรูขุมขน จนเกิดเป็นสิวได้
ลักษณะของสิวที่เกิดจากความมันส่วนเกิน
- สิวจากความมันส่วนเกินมักเป็นสิวเม็ดเล็กหรือสิวผด
- สิวจากความมันส่วนเกินมักเป็นสิวอุดตัน
- สิวจากความมันส่วนเกินมักเป็นสิวอักเสบ
บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากความมันส่วนเกิน
- สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณหน้าผาก
- สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณจมูก
- สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณคาง
- สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณแก้ม
- สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณหลังและหน้าอก
แม้ผิวมันจะเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดสิว แต่หากได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ก็สามารถควบคุมและลดการเกิดสิวได้
สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน
เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหรือการค้างเครื่องสำอางไม่หมด จนเกิดเป็นสิวอุดตัน
ลักษณะของสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน
- สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเป็นสิวหัวขาว
- สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเป็นสิวหัวดำ
- สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเป็นสิวอุดตันแบบไม่มีหัว
บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน
- สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเกิดบริเวณหลังและหน้าอก
- สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเกิดบริเวณหน้าผาก
- สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเกิดบริเวณจมูก
- สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเกิดบริเวณคางและแนวกราม
สิวที่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต
เป็นสิวที่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต เช่น การนอนดึก ความเครียด หรือการรับประทานอาหารบางประเภท ทำให้เกิดสิวตามมา
ลักษณะของสิวที่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต
- มักเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง
- สิวผดหรือสิวเม็ดเล็กที่ขึ้นเป็นกลุ่ม
- บางครั้งอาจเป็นสิวอักเสบหัวแดงได้ หากเกิดการระคายเคืองจากการสัมผัสหรือขัดถูผิวแรง ๆ
บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต
- สิวจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตมักเกิดบริเวณหน้าผาก
- สิวจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตมักเกิดบริเวณคางและรอบปาก
- สิวจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตมักเกิดบริเวณแก้ม
- สิวจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตมักเกิดบริเวณแผ่นหลังและหน้าอก
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรง ลดโอกาสการเกิดสิว และส่งเสริมสุขภาพผิวในระยะยาวได้
สิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม
เป็นสิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม เช่น สกินแคร์ เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน หรือก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหน้า
ลักษณะของสิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม
- สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักมีลักษณะเป็นสิวอุดตันแบบไม่มีหัวหรือหัวขาวขึ้นกระจายทั่วใบหน้า
- สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักมีลักษณะเป็นสิวผดหรือสิวเม็ดเล็กที่ขึ้นเป็นกลุ่ม
- สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักมีลักษณะเป็นมักไม่ใช่สิวอักเสบรุนแรง แต่เกิดเรื้อรังและกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย
บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม
- สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักเกิดบริเวณแก้ม
- สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักเกิดบริเวณคาง
- สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักเกิดบริเวณรอบปาก
- สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักเกิดบริเวณคางและรอบปาก
การใส่ใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว ช่วยลดโอกาสการเกิดสิว และส่งเสริมให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาวได้
ทำไมควรรักษาสิว
การรักษาสิวอย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิวระยะยาวได้ หากปล่อยให้สิวเรื้อรังหรือรุนแรงโดยไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ นอกจากนี้ข้อดีที่ควรรักษาสิวมีหลายประการ ดังนี้
- การรักษาสิวช่วยลดความเสี่ยงการเกิดหลุมสิวได้ เนื่องจากหากเกิดสิวอักเสบรุนแรงแล้วไม่ได้รักษาสิว คอลลาเจนใต้ผิวอาจถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดหลุมสิวถาวรได้ ซึ่งถ้าหากเป็นหลุมสิวอาจมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้น
- การรักษาสิวช่วยป้องกันการเกิดรอยดำและรอยแดง เนื่องจากการรักษาสิวที่ถูกต้องด้วยวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวตั้งแต่เริ่มเป็นสิวจะช่วยลดโอกาสการเกิดรอยดำและรอยแดงได้
- การรักษาสิวช่วยลดการอักเสบและป้องกันการลุกลาม เนื่องจากการอักเสบของสิวมักเกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขนร่วมกับการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว การรักษาสิวที่เหมาะสมจะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการลุกลามของสิวได้
- การรักษาสิวช่วยป้องกันการเกิดสิวซ้ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสิวเกิดได้จากหลายปัจจัย การรักษาสิวอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม จะช่วยให้สามารถควบคุมปัจจัยของการเกิดสิวต่าง ๆ ได้ เช่น การอุดตันของรูขุมขน , ความมันส่วนเกิน หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ ๆ ได้
- การรักษาสิวช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรง เนื่องจากการรักษาสิวอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยให้ผิวไม่ถูกทำลายและสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดี ทำให้ชั้นผิวกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีอีกครั้ง
การรักษาสิวตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการรักษาที่ถูกวิธีและเหมาะสมกับสภาพผิว มีข้อดีมากมายหลายอย่าง เพราะผิวจะไม่เผชิญกับความเสียหายจากสิวที่รุนแรง ทำให้ผิวมีโอกาสในการฟื้นฟูได้ดีกว่า ส่งผลให้ผิวกลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีได้ และลดความเสี่ยงในการเกิดสิวซ้ำในอนาคตได้อีกด้วย
เคล็ดลับการเลือกวิธีการรักษาสิว
การเลือกวิธีการรักษาสิวให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงหลังการรรักษาสิวและยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิวในระยะยาวอีกด้วย โดยเคล็ดลับการเลือกวิธีการรักษาสิวให้เหมาะกับตัวเอง สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยเหล่านี้
- การเลือกวิธีการรักษาสิวควรประเมินประเภทของสิว
การรู้ว่าเป็นสิวประเภทใดจะช่วยให้สามารถเลือกแนวทางการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การเลือกวิธีการรักษาสิวควรเลือกวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสภาพผิว
สภาพผิวของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน การเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยลดการระคายเคืองและลดโอกาสเกิดสิวใหม่ได้ดี
- การเลือกวิธีการรักษาสิวควรปรึกษาแพทย์
การปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีรักษาสิวจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีที่เหมาะกับแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากแพทย์จะช่วยวิเคราะห์ลักษณะสิว ปัญหาผิว และปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้อย่างละเอียด ทำให้แพทย์สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสม โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายได้
- การเลือกวิธีการรักษาสิวควรรู้สาเหตุของการเกิดสิว
การเกิดสิวสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย การทราบสาเหตุในการเกิดสิวจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาสิวได้อย่างตรง
- การเลือกวิธีการรักษาสิวควรสังเกตผลลัพธ์และปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาหากจำเป็น
การรักษาสิวต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง หากวิธีรักษาสิวที่ใช้อยู่ไม่ได้ผลหรือทำให้เกิดอาการระคายเคือง ควรปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษา โดยอาจปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเพื่อเลือกวิธีการรักษาใหม่
หากเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมและต่อเนื่อง จะช่วยให้ให้สิวลดลงอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของการเกิดสิวซ้ำในอนาคตได้ ดังนั้นการเลือกวิธีการรักษาสิวที่ถูกต้องจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท
การรักษาสิวให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ควรเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมกับประเภทของสิวแต่ละประเภท เนื่องจากสิวแต่ละประเภทมีลักษณะและสาเหตุการเกิดที่ต่างกัน สิวแต่ละประเภทจึงต้องการการรักษาที่แตกต่างกัน โดยสิวแต่ละประเภทต้องการการรักษาสิว ดังนี้
การรักษาสิวประเภทสิวอุดตัน (Comedonal Acne)
สิวอุดตันเป็นสิวที่เกิดจากรูขุมขนอุดตันจากไขมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว และสิ่งสกปรก มักพบได้บ่อยบริเวณหน้าผาก คาง และจมูก โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- สิวหัวขาว (Whiteheads) ลักษณะเป็นตุ่มสีขาวเล็ก ๆ ไม่มีรูเปิด
- สิวหัวดำ (Blackheads) ลักษณะเป็นจุดสีดำเป็นรูขุมขนปิด
วิธีการรักษาสิวที่เหมาะกับสิวอุดตัน
- รักษาสิวอุดตันด้วยการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการอุดตันเพิ่ม
- รักษาสิวอุดตันด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสม
- รักษาสิวอุดตันด้วยการทำทรีตเมนต์ เพื่อช่วยลดการอุดตันอย่างอ่อนโยนและต่อเนื่อง
- รักษาสิวอุดตันด้วยการสครับผิวหน้าอย่างอ่อนโยน เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- รักษาสิวอุดตันด้วยการกดสิวโดยแพทย์ เพื่อป้องกันการอักเสบและการเกิดรอยแผลเป็น
- รักษาสิวอุดตันด้วยการทำโปรแกรม Aviclear Laser ช่วยลดการผลิตน้ำมันที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
- รักษาสิวอุดตันด้วยการทำโปรแกรม Accure Laser ในการช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน
ข้อควรระวังในการรักษาสิวอุดตัน
- การรักษาสิวอุดตันไม่ควรบีบหรือแกะสิวด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้สิวอักเสบหรือทิ้งรอยแผลเป็นได้
- การรักษาสิวอุดตันควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดพร้อมกัน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
การรักษาสิวประเภทสิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
สิวอักเสบเป็นสิวที่มีการบวมแดง เจ็บ และบางครั้งมีหนองร่วมด้วย โดย ลักษณะของสิวอักเสบแบ่งได้เป็นหลายรูปแบบ ดังนี้
- สิวตุ่มแดง (Papules): เป็นตุ่มสีแดง ไม่มีหัว
- สิวหัวหนอง (Pustules) เป็นตุ่มนูนแดง มีหัวสีขาวหรือเหลือง
- สิวหัวช้าง (Nodules) เป็นก้อนแข็ง มีขนาดใหญ่ มีอาการแดง บวม และเจ็บเมื่อสัมผัส
- สิวซีสต์ (Cysts) เป็นก้อนนุ่ม บวม แดง เจ็บ และมีหนองอยู่ภายใน
วิธีการรักษาสิวที่เหมาะกับสิวอักเสบ
- รักษาสิวอักเสบด้วยการใช้ยาทาภายนอก เพื่อช่วยลดการอักเสบและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
- รักษาสิวอักเสบด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ สำหรับผู้ที่มีสิวรุนแรงและกระจายหลายจุด การรักษาวิธีนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
- รักษาสิวอักเสบด้วยการฉีดสิวโดยแพทย์สำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบขนาดใหญ่ เพื่อให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น
- รักษาสิวอุดตันด้วยการทำโปรแกรม Aviclear Laser ช่วยลดการผลิตน้ำมันที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
- รักษาสิวอุดตันด้วยการทำโปรแกรม Accure Laser ในการช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน
ข้อควรระวังในการรักษาสิวอักเสบ
- การรักษาสิวอักเสบควรหลีกเลี่ยงการบีบ แกะ หรือกดสิวเนื่องจากอาจทำให้เชื้อลุกลาม เกิดการอักเสบลึก และเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นได้
- การรักษาสิวอักเสบควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและการดื้อยา
- การรักษาสิวอักเสบไม่ควรหยุดยาหรือเปลี่ยนยาด้วยตนเอง เพื่อให้การรักษาได้ผลอย่างต่อเนื่อง
รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท
การรักษาสิวประเภทสิวฮอร์โมน (Hormonal Acne)
สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne) เป็นสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตันและอักเสบจนเกิดเป็นสิว
วิธีการรักษาสิวที่เหมาะกับสิวฮอร์โมน
- รักษาสิวฮอร์โมนด้วยการทานยาควบคุมฮอร์โมน เพื่อลดการผลิตน้ำมันและลดการเกิดสิว ซึ่งการทานยาเพื่อรักษาสิวฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- รักษาสิวฮอร์โมนด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic)
- รักษาสิวฮอร์โมนด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง และผลิตภัณฑ์จากนมวัว
- รักษาสิวฮอร์โมนด้วยการทำเลเซอร์ลดการทำงานของต่อมไขมัน เช่น การทำโปรแกรม Aviclear Laser หรือโปรแกรม Accure Laser
ข้อควรระวังในการรักษาสิวฮอร์โมน
- การรักษาสิวฮอร์โมนควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาฮอร์โมนหรือยาที่มีผลต่อระบบภายในร่างกาย
- การรักษาสิวฮอร์โมนควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหลายชนิดโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- การรักษาสิวฮอร์โมนควรหลีกเลี่ยงการสครับแรงหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง
การเลือกวิธีรักษาให้เหมาะกับประเภทของสิว จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นในอนาคต ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนอีกครั้งได้
รักษาสิวต้องใช้เวลานานไหม ?
การรักษาสิวไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่ชัดในแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาของการรักษาสิว ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาในการรักษาสิว มีดังนี้
- ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษาและสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน
- ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของสิว
- ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับประเภทของสิว
- ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องในการรักษา
- ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในร่างกายที่จะไปกระตุ้นให้เกิดสิวซ้ำระหว่างการรักษา
ดังนั้นระยะเวลาในการรักษาสิวของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไปตามปัจจัย แต่โดยเฉลี่ยแล้วการรักษาสิวอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1 เดือน ไปจนถึง 6 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้การรักษาสิวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นอันตรายและเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
สิ่งที่ควรงดในระหว่างรักษาสิว
ในระหว่างการทำการรักษาสิวมีหลายสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ โดยสิ่งที่ควรงดหรือหลีกเลี่ยงในระหว่างการรักษาสิว มีดังนี้
- ในระหว่างการรักษาสิวควรงดแกะ เกา สัมผัสหรือบีบสิว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ จนเกิดสิวตามมา
- ในระหว่างการรักษาสิวควรงดรับประทานอาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว หรือผลิตภัณฑ์ที่อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิว
- ในระหว่างการรักษาสิวควรงดแต่งหน้าหนา ๆ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน จะทำให้สิวรักษายากขึ้น
- ในระหว่างการรักษาสิวควรหลีกเลี่ยงการพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียดสะสม ส่งผลให้ฮอร์โมนไม่สมดุล กระตุ้นการเกิดสิวมากขึ้น
เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากพบอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสม
วิธีดูแลผิวระหว่างการรักษาสิว
การดูแลผิวอย่างถูกวิธีระหว่างการรักษาสิว จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาสิวและลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นที่อาจเกิดหลังการรักษาได้ โดยวิธีการดูแลผิวระหว่างการรักษาสิวสามารถทำได้ ดังต่อไปนี้
- ระหว่างการรักษาสิวควรล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารระคายเคือง ด้วยความอ่อนโยน ไม่ขัดถูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้สิวอักเสบมากขึ้นได้
- ระหว่างการรักษาสิวควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ ซึ่งการเลือกครีมกันแดดระหว่างการรักษาสิว ควรเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำมันหรือไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- ระหว่างการรักษาสิวควรปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์ในการดูแลผิว ในกรณีที่ได้รับการรักษาสิวโดยแพทย์ ควรใช้ยาหรือครีมอย่างสม่ำเสมอตามคำสั่ง ไม่ควรหยุดยาเองหรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์โดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้การรักษาไม่ได้ผลหรือสิวกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย
- ระหว่างการรักษาสิวควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวเป็นสิว ซึ่งการเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ควรเป็นสูตรบางเบา ปราศจากน้ำมัน และไม่มีส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการอุดตัน เพื่อช่วยให้ฟื้นฟูผิวให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น ระหว่างการรักษาสิว
การดูแลผิวในระหว่างการรักษาสิวอย่างเหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้การรักษาเห็นผลเร็วขึ้น แต่ยังลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแผลเป็นและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ระหว่างการรักษาสิวได้อีกด้วย
สามารถรักษาสิวจากกรรมพันธุ์ได้ไหม ?
การรักษาสิวจากธรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ โดยการรักษาสิวที่เกิดจากกรรมพันธุ์อาจใช้เวลาในการรักษานานกว่าสิวทั่วไป แต่ก็ยังสามารถควบคุมและดูแลให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม โดยวิธีการรักษาสิวที่เกิดจากพันธุ์กรรมสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
- รักษาสิวจากธรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ด้วยการปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของสิวที่เป็น
- รักษาสิวจากธรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ ด้วยการใช้ยาคุมกำเนิดในผู้หญิง ซึ่งวิธีนี้จะใช้สำหรับผู้หญิงในบางกรณี โดยจะพิจารณาโดยแพทย์ เพื่อปรับฮอร์โมนที่มีส่วนกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ช่วยในการลดการเกิดสิว ทั้งนี้การใช้ยาคุมกำเนิดควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- รักษาสิวจากธรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ ด้วยการเลเซอร์และทรีตเมนต์ทางการแพทย์ ในบางกรณีที่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไปได้ไม่ดี การทำการรักษาด้วยวิธีนี้ควรได้รับการประเมินและดำเนินการโดยแพทย์ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- รักษาสิวจากกรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ ด้วยการรักษาสิวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสิวที่เกิดจากพันธุ์กรรมมักเป็นสิวเรื้อรัง จึงควรมีการรักษาสิวอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
การรักษาสิวจากพันธุกรรมจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และการดูแลผิวอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นอันตราย
รักษาสิวหายแล้ว ทำไมสิวกลับมาเป็นอีก ?
แม้การรักษาสิวหายแล้ว แต่สิวก็สามารถกลับมาเกิดซ้ำได้อีก หากไม่ได้มีการดูแลต่อเนื่องหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมด้วย โดยสาเหตุที่ทำให้สิวเกิดซ้ำหลังจากการรักษาสิวหายแล้ว มีดังนี้
- สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากพฤติกรรมการดูแลผิว
แม้จะรักษาสิวหายแล้วแต่ดูแลผิวไม่เหมาะสม สิวก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายอยู่แล้ว ดังนั้นการการดูแลผิวอย่างถูกวิธี สม่ำเสมอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำได้
- สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ แม้จะรักษาหายไปแล้ว คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการทำงานของต่อมไขมันและการผลิตน้ำมันบนผิวหน้า ดังนั้นหากเกิดสิวซ้ำจากฮอร์โมนควรปรึกษาแพทย์ เพื่อควบคุมฮอร์โมนให้อยู่ในสมดุล
- สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากพันธุกรรม
พันธุกรรมถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลให้สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้ แม้จะได้รับการรักษาสิวจนดีขึ้นแล้วก็ตาม เนื่องจากสิวจากพันธุกรรมมักเรื้อรังและเป็นซ้ำ
- สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
แม้รักษาสิวหายแล้วแต่หากมีความเครียดสะสมและพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็สามารถกระตุ้นให้กลับมาเกิดสิวซ้ำได้ เนื่องจากเมื่อร่างกานเกิดความเครียดจะมีการหลั่งฮอร์โมนออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันได้ อีกทั้งการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอยังทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ ทำให้ผิวอ่อนแอ กลับมาเป็นสิวซ้ำง่าย
- สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากการรับประทานอาหาร
พฤติกรรมการรับประทานอาหารมีผลต่อการเกิดสิวซ้ำ แม้ว่าจะรักษาสิวจนหายแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอาหารบางประเภทที่มีส่วนกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น หรือเพิ่มการอักเสบของผิว
- สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากการรักษาที่ไม่ต่อเนื่อง
การหยุดการรักษาสิวเองหรือการรักษาที่ไม่ต่อเนื่อง มักมีแนวโน้มกลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนั้นการรักษาสิวจึงควรได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ เพื่อให้สามารถควบคุมสาเหตุการเกิดสิวและลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำในระยะยาวได้
ดังนั้นการรักษาสิวไม่ใช่เพียงการรักษาให้สิวหายเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลผิวอย่างถูกวิธีและปรับพฤติกรรมร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำได้
รวมวิธีป้องกันการเกิดสิว
การป้องกันการเกิดสิวต้องอาศัยทั้งการดูแลผิวจากทั้งภายในและภายนอก เพื่อควบคุมปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ โดยวิธีการป้องกันการเกิดสิวสามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
- ป้องกันการเกิดสิวจากการดูแลความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกต้อง
การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยป้องกันการเกิดสิว เพราะวิธีนี้จะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและความมันบนผิวได้ เมื่อล้างหน้าอย่างเหมาะสมและถูกวิธี จะช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยกระตุ้นและเสริมสุขภาพผิวให้ดีขึ้นในระยะยาว
- ป้องกันการเกิดสิวจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเกิดสิว โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง หรือผ่านกระบวนการแปรรูป ซึ่งอาจกระตุ้นการอักเสบและการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง ทำให้การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวได้
- ป้องกันการเกิดสิวจากการดื่มน้ำมาก ๆ
การดื่มน้ำให้เพียงพอถือเป็นวิธีที่ง่าย ๆ ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวและลดโอกาสการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ำจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยควบคุมความมัน และลดการอักเสบภายในร่างกาย ทำให้สามารถลดโอกาสการเกิดสิวในอนาคตได้
- ป้องกันการเกิดสิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิว จะช่วยส่งเสริมให้ผิวแข็งแรง มีสมดุล และฟื้นตัวได้ดีเมื่อมีการอักเสบหรือระคายเคือง ทำให้ช่วยลดการเกิดสิวในอนาคตได้
- ป้องกันการเกิดสิวจากการหลีกเลี่ยงกับสัมผัสใบหน้าด้วยมือที่ไม่สะอาด
การสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะด้วยมือที่ไม่สะอาด เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำให้สิวเกิดขึ้นหรืออักเสบมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะมือของเราสัมผัสสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ทำให้การ
การป้องกันสิวที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิต เมื่อปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวและส่งเสริมให้ผิวมีสุขภาพดีในระยะยาว
การรักษาสิวจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในลักษณะของสิว สภาพผิว และปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวในแต่ละบุคคล โดยการรักษาสิวสามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลตัวเองเบื้องต้น การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไปจนถึงการพบแพทย์ ซึ่งการเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมกับประเภทของสิวและสภาพผิวจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงและลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำได้
ทั้งนี้แม้รักษาสิวหายแล้วสิวก็สามารถกลับมาเกิดซ้ำได้อีก ดังนั้นการรักษาสิวจึงควรทำควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและสุขภาพดีในระยะยาว
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด