รวมวิธีรักษาสิว พร้อมเผยผิวหน้าเนียนใส

รวมวิธีรักษาสิว พร้อมเผยผิวหน้าเนียนใส

รวมวิธีรักษาสิว พร้อมเผยผิวหน้าเนียนใส

รู้ลึกถึงสาเหตุการเกิดสิว 

สิวเป็นปัญหาผิวที่เกิดได้ในหลายช่วงวัยและสามารถเกิดได้กับทุกเพศ การเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดสิวจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสิวมากขึ้น โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว มีดังนี้

 

สาเหตุของการเกิดสิว
สาเหตุของการเกิดสิว

 

สิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

เป็นสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้ฮอร์โมนสูงขึ้น จนไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวตามมา

ลักษณะของสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

  • มีลักษณะหัวแดง ขอบบวม และสัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ
  • มักเกิดซ้ำในตำแหน่งเดิม
  • บางรูปแบบมักมีลักษณะก้อนแข็ง ฝังลึก ไม่มีหัว และอาจใช้เวลานานกว่าจะยุบตัว

บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

  • สิวจากฮอร์โมนมักเกิดบริเวณคางและแนวกราม
  • สิวจากฮอร์โมนมักเกิดบริเวณรอบปาก
  • สิวจากฮอร์โมนมักเกิดบริเวณลำคอ
  • สิวจากฮอร์โมนมักเกิดบริเวณหน้าอกและหลัง

สิวฮอร์โมนเป็นสิวที่รักษายากกว่าสิวทั่วไป แต่หากได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และได้รับการดูแลรักษาสิวอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถควบคุมและลดการเกิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

สิวที่เกิดจากความมันส่วนเกิน  

เป็นสิวที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย มักเกิดได้บ่อยกับผู้ที่มีผิวมันหรือมีรูขุมขนกว้าง เกิดได้จากต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันขอรูขุมขน จนเกิดเป็นสิวได้

ลักษณะของสิวที่เกิดจากความมันส่วนเกิน

  • สิวจากความมันส่วนเกินมักเป็นสิวเม็ดเล็กหรือสิวผด
  • สิวจากความมันส่วนเกินมักเป็นสิวอุดตัน 
  • สิวจากความมันส่วนเกินมักเป็นสิวอักเสบ

บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากความมันส่วนเกิน

  • สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณหน้าผาก
  • สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณจมูก
  • สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณคาง
  • สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณแก้ม
  • สิวจากความมันส่วนเกินมักเกิดบริเวณหลังและหน้าอก

แม้ผิวมันจะเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดสิว แต่หากได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ก็สามารถควบคุมและลดการเกิดสิวได้

 

สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน  

เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหรือการค้างเครื่องสำอางไม่หมด จนเกิดเป็นสิวอุดตัน

ลักษณะของสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน

  • สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเป็นสิวหัวขาว
  • สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเป็นสิวหัวดำ
  • สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเป็นสิวอุดตันแบบไม่มีหัว

บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน

  • สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเกิดบริเวณหลังและหน้าอก
  • สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเกิดบริเวณหน้าผาก
  • สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเกิดบริเวณจมูก
  • สิวจากการอุดตันของรูขุมขนมักเกิดบริเวณคางและแนวกราม

 

สิวที่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต  

เป็นสิวที่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต เช่น การนอนดึก ความเครียด หรือการรับประทานอาหารบางประเภท ทำให้เกิดสิวตามมา

ลักษณะของสิวที่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต

  • มักเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • สิวผดหรือสิวเม็ดเล็กที่ขึ้นเป็นกลุ่ม
  • บางครั้งอาจเป็นสิวอักเสบหัวแดงได้ หากเกิดการระคายเคืองจากการสัมผัสหรือขัดถูผิวแรง ๆ

บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิต

  • สิวจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตมักเกิดบริเวณหน้าผาก
  • สิวจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตมักเกิดบริเวณคางและรอบปาก
  • สิวจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตมักเกิดบริเวณแก้ม
  • สิวจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตมักเกิดบริเวณแผ่นหลังและหน้าอก

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรง ลดโอกาสการเกิดสิว และส่งเสริมสุขภาพผิวในระยะยาวได้

 

สิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม  

เป็นสิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม เช่น สกินแคร์ เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน หรือก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหน้า

ลักษณะของสิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม 

  • สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักมีลักษณะเป็นสิวอุดตันแบบไม่มีหัวหรือหัวขาวขึ้นกระจายทั่วใบหน้า
  • สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักมีลักษณะเป็นสิวผดหรือสิวเม็ดเล็กที่ขึ้นเป็นกลุ่ม
  • สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักมีลักษณะเป็นมักไม่ใช่สิวอักเสบรุนแรง แต่เกิดเรื้อรังและกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย

บริเวณที่มักเกิดสิวที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม 

  • สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักเกิดบริเวณแก้ม
  • สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักเกิดบริเวณคาง
  • สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักเกิดบริเวณรอบปาก
  • สิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมมักเกิดบริเวณคางและรอบปาก

การใส่ใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว ช่วยลดโอกาสการเกิดสิว และส่งเสริมให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาวได้

 

ทำไมควรรักษาสิว
ทำไมควรรักษาสิว

 

ทำไมควรรักษาสิว

การรักษาสิวอย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิวระยะยาวได้ หากปล่อยให้สิวเรื้อรังหรือรุนแรงโดยไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ นอกจากนี้ข้อดีที่ควรรักษาสิวมีหลายประการ ดังนี้

  • การรักษาสิวช่วยลดความเสี่ยงการเกิดหลุมสิวได้ เนื่องจากหากเกิดสิวอักเสบรุนแรงแล้วไม่ได้รักษาสิว คอลลาเจนใต้ผิวอาจถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดหลุมสิวถาวรได้ ซึ่งถ้าหากเป็นหลุมสิวอาจมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้น
  • การรักษาสิวช่วยป้องกันการเกิดรอยดำและรอยแดง เนื่องจากการรักษาสิวที่ถูกต้องด้วยวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวตั้งแต่เริ่มเป็นสิวจะช่วยลดโอกาสการเกิดรอยดำและรอยแดงได้
  • การรักษาสิวช่วยลดการอักเสบและป้องกันการลุกลาม เนื่องจากการอักเสบของสิวมักเกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขนร่วมกับการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว การรักษาสิวที่เหมาะสมจะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการลุกลามของสิวได้
  • การรักษาสิวช่วยป้องกันการเกิดสิวซ้ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสิวเกิดได้จากหลายปัจจัย การรักษาสิวอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม จะช่วยให้สามารถควบคุมปัจจัยของการเกิดสิวต่าง ๆ ได้ เช่น การอุดตันของรูขุมขน , ความมันส่วนเกิน หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ ๆ ได้
  • การรักษาสิวช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรง เนื่องจากการรักษาสิวอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยให้ผิวไม่ถูกทำลายและสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดี ทำให้ชั้นผิวกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีอีกครั้ง

การรักษาสิวตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการรักษาที่ถูกวิธีและเหมาะสมกับสภาพผิว มีข้อดีมากมายหลายอย่าง เพราะผิวจะไม่เผชิญกับความเสียหายจากสิวที่รุนแรง ทำให้ผิวมีโอกาสในการฟื้นฟูได้ดีกว่า ส่งผลให้ผิวกลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีได้ และลดความเสี่ยงในการเกิดสิวซ้ำในอนาคตได้อีกด้วย

 

เคล็ดลับการเลือกวิธีการรักษาสิว

การเลือกวิธีการรักษาสิวให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงหลังการรรักษาสิวและยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิวในระยะยาวอีกด้วย โดยเคล็ดลับการเลือกวิธีการรักษาสิวให้เหมาะกับตัวเอง สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยเหล่านี้

  • การเลือกวิธีการรักษาสิวควรประเมินประเภทของสิว 

การรู้ว่าเป็นสิวประเภทใดจะช่วยให้สามารถเลือกแนวทางการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • การเลือกวิธีการรักษาสิวควรเลือกวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสภาพผิว

สภาพผิวของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน การเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยลดการระคายเคืองและลดโอกาสเกิดสิวใหม่ได้ดี

  • การเลือกวิธีการรักษาสิวควรปรึกษาแพทย์

การปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีรักษาสิวจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีที่เหมาะกับแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากแพทย์จะช่วยวิเคราะห์ลักษณะสิว ปัญหาผิว และปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้อย่างละเอียด ทำให้แพทย์สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสม โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายได้

  • การเลือกวิธีการรักษาสิวควรรู้สาเหตุของการเกิดสิว

การเกิดสิวสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย การทราบสาเหตุในการเกิดสิวจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาสิวได้อย่างตรง

  • การเลือกวิธีการรักษาสิวควรสังเกตผลลัพธ์และปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาหากจำเป็น

การรักษาสิวต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง หากวิธีรักษาสิวที่ใช้อยู่ไม่ได้ผลหรือทำให้เกิดอาการระคายเคือง ควรปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษา โดยอาจปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเพื่อเลือกวิธีการรักษาใหม่

หากเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมและต่อเนื่อง จะช่วยให้ให้สิวลดลงอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของการเกิดสิวซ้ำในอนาคตได้ ดังนั้นการเลือกวิธีการรักษาสิวที่ถูกต้องจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

 

รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท 
รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท

 

รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท 

การรักษาสิวให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ควรเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมกับประเภทของสิวแต่ละประเภท เนื่องจากสิวแต่ละประเภทมีลักษณะและสาเหตุการเกิดที่ต่างกัน สิวแต่ละประเภทจึงต้องการการรักษาที่แตกต่างกัน  โดยสิวแต่ละประเภทต้องการการรักษาสิว ดังนี้

การรักษาสิวประเภทสิวอุดตัน (Comedonal Acne) 

สิวอุดตันเป็นสิวที่เกิดจากรูขุมขนอุดตันจากไขมันส่วนเกิน  เซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว และสิ่งสกปรก มักพบได้บ่อยบริเวณหน้าผาก คาง และจมูก โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • สิวหัวขาว (Whiteheads)  ลักษณะเป็นตุ่มสีขาวเล็ก ๆ ไม่มีรูเปิด
  • สิวหัวดำ (Blackheads) ลักษณะเป็นจุดสีดำเป็นรูขุมขนปิด

วิธีการรักษาสิวที่เหมาะกับสิวอุดตัน

  • รักษาสิวอุดตันด้วยการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการอุดตันเพิ่ม
  • รักษาสิวอุดตันด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสม
  • รักษาสิวอุดตันด้วยการทำทรีตเมนต์ เพื่อช่วยลดการอุดตันอย่างอ่อนโยนและต่อเนื่อง
  • รักษาสิวอุดตันด้วยการสครับผิวหน้าอย่างอ่อนโยน เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
  • รักษาสิวอุดตันด้วยการกดสิวโดยแพทย์ เพื่อป้องกันการอักเสบและการเกิดรอยแผลเป็น
  • รักษาสิวอุดตันด้วยการทำโปรแกรม Aviclear Laser ช่วยลดการผลิตน้ำมันที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
  • รักษาสิวอุดตันด้วยการทำโปรแกรม Accure Laser ในการช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน

ข้อควรระวังในการรักษาสิวอุดตัน

  • การรักษาสิวอุดตันไม่ควรบีบหรือแกะสิวด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้สิวอักเสบหรือทิ้งรอยแผลเป็นได้
  • การรักษาสิวอุดตันควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดพร้อมกัน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

 

รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท 
รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท

 

การรักษาสิวประเภทสิวอักเสบ (Inflammatory Acne)

สิวอักเสบเป็นสิวที่มีการบวมแดง เจ็บ และบางครั้งมีหนองร่วมด้วย โดย ลักษณะของสิวอักเสบแบ่งได้เป็นหลายรูปแบบ ดังนี้

  • สิวตุ่มแดง (Papules): เป็นตุ่มสีแดง ไม่มีหัว
  • สิวหัวหนอง (Pustules) เป็นตุ่มนูนแดง มีหัวสีขาวหรือเหลือง
  • สิวหัวช้าง (Nodules) เป็นก้อนแข็ง มีขนาดใหญ่ มีอาการแดง บวม และเจ็บเมื่อสัมผัส 
  • สิวซีสต์ (Cysts) เป็นก้อนนุ่ม บวม แดง เจ็บ และมีหนองอยู่ภายใน

 

วิธีการรักษาสิวที่เหมาะกับสิวอักเสบ

  • รักษาสิวอักเสบด้วยการใช้ยาทาภายนอก เพื่อช่วยลดการอักเสบและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
  • รักษาสิวอักเสบด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ สำหรับผู้ที่มีสิวรุนแรงและกระจายหลายจุด การรักษาวิธีนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
  • รักษาสิวอักเสบด้วยการฉีดสิวโดยแพทย์สำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบขนาดใหญ่ เพื่อให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น
  • รักษาสิวอุดตันด้วยการทำโปรแกรม Aviclear Laser ช่วยลดการผลิตน้ำมันที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
  • รักษาสิวอุดตันด้วยการทำโปรแกรม Accure Laser ในการช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน

 

ข้อควรระวังในการรักษาสิวอักเสบ

  • การรักษาสิวอักเสบควรหลีกเลี่ยงการบีบ แกะ หรือกดสิวเนื่องจากอาจทำให้เชื้อลุกลาม เกิดการอักเสบลึก และเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นได้
  • การรักษาสิวอักเสบควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและการดื้อยา
  • การรักษาสิวอักเสบไม่ควรหยุดยาหรือเปลี่ยนยาด้วยตนเอง เพื่อให้การรักษาได้ผลอย่างต่อเนื่อง 
    รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท 
    รวมวิธีรักษาสิวที่เหมาะกับสิวแต่ละประเภท

 

การรักษาสิวประเภทสิวฮอร์โมน (Hormonal Acne)

สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne) เป็นสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตันและอักเสบจนเกิดเป็นสิว

วิธีการรักษาสิวที่เหมาะกับสิวฮอร์โมน

  • รักษาสิวฮอร์โมนด้วยการทานยาควบคุมฮอร์โมน เพื่อลดการผลิตน้ำมันและลดการเกิดสิว ซึ่งการทานยาเพื่อรักษาสิวฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • รักษาสิวฮอร์โมนด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic)
  • รักษาสิวฮอร์โมนด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง และผลิตภัณฑ์จากนมวัว
  • รักษาสิวฮอร์โมนด้วยการทำเลเซอร์ลดการทำงานของต่อมไขมัน เช่น การทำโปรแกรม Aviclear Laser หรือโปรแกรม Accure Laser

 

ข้อควรระวังในการรักษาสิวฮอร์โมน

  • การรักษาสิวฮอร์โมนควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาฮอร์โมนหรือยาที่มีผลต่อระบบภายในร่างกาย
  • การรักษาสิวฮอร์โมนควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหลายชนิดโดยไม่ปรึกษาแพทย์
  • การรักษาสิวฮอร์โมนควรหลีกเลี่ยงการสครับแรงหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง

การเลือกวิธีรักษาให้เหมาะกับประเภทของสิว จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นในอนาคต ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนอีกครั้งได้

 

รักษาสิวต้องใช้เวลานานไหม ?

การรักษาสิวไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่ชัดในแต่ละบุคคลได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาของการรักษาสิว ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาในการรักษาสิว มีดังนี้

  • ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษาและสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน
  • ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของสิว
  • ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับประเภทของสิว
  • ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องในการรักษา
  • ระยะเวลาของการรักษาสิวขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในร่างกายที่จะไปกระตุ้นให้เกิดสิวซ้ำระหว่างการรักษา

 

ดังนั้นระยะเวลาในการรักษาสิวของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไปตามปัจจัย แต่โดยเฉลี่ยแล้วการรักษาสิวอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1 เดือน ไปจนถึง 6 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้การรักษาสิวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นอันตรายและเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

สิ่งที่ควรงดในระหว่างรักษาสิว

ในระหว่างการทำการรักษาสิวมีหลายสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ โดยสิ่งที่ควรงดหรือหลีกเลี่ยงในระหว่างการรักษาสิว มีดังนี้

  • ในระหว่างการรักษาสิวควรงดแกะ เกา สัมผัสหรือบีบสิว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ จนเกิดสิวตามมา
  • ในระหว่างการรักษาสิวควรงดรับประทานอาหารที่กระตุ้นการเกิดสิว หรือผลิตภัณฑ์ที่อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิว
  • ในระหว่างการรักษาสิวควรงดแต่งหน้าหนา ๆ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน จะทำให้สิวรักษายากขึ้น
  • ในระหว่างการรักษาสิวควรหลีกเลี่ยงการพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียดสะสม ส่งผลให้ฮอร์โมนไม่สมดุล กระตุ้นการเกิดสิวมากขึ้น

 

เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากพบอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสม

 

วิธีดูแลผิวระหว่างการรักษาสิว

การดูแลผิวอย่างถูกวิธีระหว่างการรักษาสิว จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาสิวและลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นที่อาจเกิดหลังการรักษาได้ โดยวิธีการดูแลผิวระหว่างการรักษาสิวสามารถทำได้ ดังต่อไปนี้

  • ระหว่างการรักษาสิวควรล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารระคายเคือง ด้วยความอ่อนโยน ไม่ขัดถูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้สิวอักเสบมากขึ้นได้
  • ระหว่างการรักษาสิวควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ ซึ่งการเลือกครีมกันแดดระหว่างการรักษาสิว ควรเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำมันหรือไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน 
  • ระหว่างการรักษาสิวควรปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์ในการดูแลผิว ในกรณีที่ได้รับการรักษาสิวโดยแพทย์ ควรใช้ยาหรือครีมอย่างสม่ำเสมอตามคำสั่ง ไม่ควรหยุดยาเองหรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์โดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้การรักษาไม่ได้ผลหรือสิวกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย
  • ระหว่างการรักษาสิวควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวเป็นสิว ซึ่งการเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ควรเป็นสูตรบางเบา ปราศจากน้ำมัน และไม่มีส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการอุดตัน เพื่อช่วยให้ฟื้นฟูผิวให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น ระหว่างการรักษาสิว

การดูแลผิวในระหว่างการรักษาสิวอย่างเหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้การรักษาเห็นผลเร็วขึ้น แต่ยังลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแผลเป็นและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ระหว่างการรักษาสิวได้อีกด้วย 

สามารถรักษาสิวจากกรรมพันธุ์ได้ไหม ?

การรักษาสิวจากธรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ โดยการรักษาสิวที่เกิดจากกรรมพันธุ์อาจใช้เวลาในการรักษานานกว่าสิวทั่วไป แต่ก็ยังสามารถควบคุมและดูแลให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม โดยวิธีการรักษาสิวที่เกิดจากพันธุ์กรรมสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

 

  • รักษาสิวจากธรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ด้วยการปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของสิวที่เป็น 
  • รักษาสิวจากธรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ ด้วยการใช้ยาคุมกำเนิดในผู้หญิง ซึ่งวิธีนี้จะใช้สำหรับผู้หญิงในบางกรณี โดยจะพิจารณาโดยแพทย์ เพื่อปรับฮอร์โมนที่มีส่วนกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ช่วยในการลดการเกิดสิว ทั้งนี้การใช้ยาคุมกำเนิดควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • รักษาสิวจากธรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ ด้วยการเลเซอร์และทรีตเมนต์ทางการแพทย์ ในบางกรณีที่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไปได้ไม่ดี การทำการรักษาด้วยวิธีนี้ควรได้รับการประเมินและดำเนินการโดยแพทย์ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  • รักษาสิวจากกรรมพันธุ์สามารถรักษาได้ ด้วยการรักษาสิวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสิวที่เกิดจากพันธุ์กรรมมักเป็นสิวเรื้อรัง จึงควรมีการรักษาสิวอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ 

การรักษาสิวจากพันธุกรรมจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจ ความอดทน และการดูแลผิวอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นอันตราย

 

รักษาสิวหายแล้ว ทำไมสิวกลับมาเป็นอีก ?

แม้การรักษาสิวหายแล้ว แต่สิวก็สามารถกลับมาเกิดซ้ำได้อีก หากไม่ได้มีการดูแลต่อเนื่องหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมด้วย โดยสาเหตุที่ทำให้สิวเกิดซ้ำหลังจากการรักษาสิวหายแล้ว มีดังนี้

  • สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากพฤติกรรมการดูแลผิว

แม้จะรักษาสิวหายแล้วแต่ดูแลผิวไม่เหมาะสม สิวก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายอยู่แล้ว ดังนั้นการการดูแลผิวอย่างถูกวิธี สม่ำเสมอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำได้

  • สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ แม้จะรักษาหายไปแล้ว คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการทำงานของต่อมไขมันและการผลิตน้ำมันบนผิวหน้า ดังนั้นหากเกิดสิวซ้ำจากฮอร์โมนควรปรึกษาแพทย์ เพื่อควบคุมฮอร์โมนให้อยู่ในสมดุล

  • สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากพันธุกรรม 

พันธุกรรมถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลให้สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้ แม้จะได้รับการรักษาสิวจนดีขึ้นแล้วก็ตาม เนื่องจากสิวจากพันธุกรรมมักเรื้อรังและเป็นซ้ำ

  • สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

แม้รักษาสิวหายแล้วแต่หากมีความเครียดสะสมและพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็สามารถกระตุ้นให้กลับมาเกิดสิวซ้ำได้ เนื่องจากเมื่อร่างกานเกิดความเครียดจะมีการหลั่งฮอร์โมนออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันได้ อีกทั้งการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอยังทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ ทำให้ผิวอ่อนแอ กลับมาเป็นสิวซ้ำง่าย

  • สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากการรับประทานอาหาร

พฤติกรรมการรับประทานอาหารมีผลต่อการเกิดสิวซ้ำ แม้ว่าจะรักษาสิวจนหายแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอาหารบางประเภทที่มีส่วนกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น หรือเพิ่มการอักเสบของผิว

  • สิวสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้จากการรักษาที่ไม่ต่อเนื่อง

การหยุดการรักษาสิวเองหรือการรักษาที่ไม่ต่อเนื่อง มักมีแนวโน้มกลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนั้นการรักษาสิวจึงควรได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ เพื่อให้สามารถควบคุมสาเหตุการเกิดสิวและลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำในระยะยาวได้

 

ดังนั้นการรักษาสิวไม่ใช่เพียงการรักษาให้สิวหายเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลผิวอย่างถูกวิธีและปรับพฤติกรรมร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำได้

 

รวมวิธีป้องกันการเกิดสิว

การป้องกันการเกิดสิวต้องอาศัยทั้งการดูแลผิวจากทั้งภายในและภายนอก เพื่อควบคุมปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ โดยวิธีการป้องกันการเกิดสิวสามารถปฏิบัติได้ ดังนี้

  • ป้องกันการเกิดสิวจากการดูแลความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกต้อง

การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยป้องกันการเกิดสิว เพราะวิธีนี้จะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและความมันบนผิวได้ เมื่อล้างหน้าอย่างเหมาะสมและถูกวิธี จะช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยกระตุ้นและเสริมสุขภาพผิวให้ดีขึ้นในระยะยาว

  • ป้องกันการเกิดสิวจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเกิดสิว โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง หรือผ่านกระบวนการแปรรูป ซึ่งอาจกระตุ้นการอักเสบและการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง ทำให้การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวได้

  • ป้องกันการเกิดสิวจากการดื่มน้ำมาก ๆ 

การดื่มน้ำให้เพียงพอถือเป็นวิธีที่ง่าย ๆ ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวและลดโอกาสการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ำจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยควบคุมความมัน และลดการอักเสบภายในร่างกาย ทำให้สามารถลดโอกาสการเกิดสิวในอนาคตได้

  • ป้องกันการเกิดสิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว 

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิว จะช่วยส่งเสริมให้ผิวแข็งแรง มีสมดุล และฟื้นตัวได้ดีเมื่อมีการอักเสบหรือระคายเคือง ทำให้ช่วยลดการเกิดสิวในอนาคตได้

  • ป้องกันการเกิดสิวจากการหลีกเลี่ยงกับสัมผัสใบหน้าด้วยมือที่ไม่สะอาด 

การสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะด้วยมือที่ไม่สะอาด เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำให้สิวเกิดขึ้นหรืออักเสบมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะมือของเราสัมผัสสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ทำให้การ

 

การป้องกันสิวที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิต เมื่อปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวและส่งเสริมให้ผิวมีสุขภาพดีในระยะยาว

การรักษาสิวจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในลักษณะของสิว สภาพผิว และปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวในแต่ละบุคคล โดยการรักษาสิวสามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลตัวเองเบื้องต้น การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไปจนถึงการพบแพทย์ ซึ่งการเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมกับประเภทของสิวและสภาพผิวจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงและลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำได้

ทั้งนี้แม้รักษาสิวหายแล้วสิวก็สามารถกลับมาเกิดซ้ำได้อีก ดังนั้นการรักษาสิวจึงควรทำควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและสุขภาพดีในระยะยาว

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด