เหนียง หรือคางสองชั้น มักเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลาย ๆ คนเกิดความกังวลใจ นอกจากจะทำให้ใบหน้าดูกลม กรอบหน้าไม่ชัด และดูแก่กว่าวัยแล้ว ยังส่งผลให้เสียบุคลิกภาพ โดยเฉพาะเวลาถ่ายรูป หรือมองจากมุมด้านข้าง ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจได้ ซึ่งในปัจจุบันการลดเหนียงสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการดูแลตัวเองเบื้องต้น และการทำหัตถการทางการแพทย์ วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก จะพาทุกคนมาเจาะลึกเกี่ยวกับการลดเหนียงว่า มีทั้งหมดกี่วิธี? พร้อมทำความรู้จักกับเหนียงว่า คืออะไร? เกิดจากสาเหตุอะไร? แล้วมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหนียงได้อย่างไร? บทความนี้สรุปข้อมูลมาไว้ให้แล้ว

ลดเหนียงด้วยตัวเอง
การลดเหนียงด้วยตัวเอง สามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรม และใส่ใจดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ดังนี้
- ควบคุมอาหาร
การควบคุมอาหาร เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดเหนียงได้ โดยการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นของมัน ของทอด อาหารแปรรูป และอาหารที่มีโซเดียมสูง รวมไปถึงของหวาน น้ำอัดลม เครื่องที่มีน้ำตาลสูง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาหารเหล่านี้ อาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันใต้คาง และทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็ว จนเกิดเป็นเหนียงได้ ซึ่งจะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนมารับประทานที่มีโปรตีนสูง ไขมันดี ธัญพืชไม่ขัดสี ผัก และผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ลดอาการอักเสบ และเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร
- ออกกำลังกายลดเหนียง
การออกกำลังกาย เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดเหนียงได้ โดยเฉพาะการทำท่าบริหารกล้ามเนื้อลำคอ และใต้คาง เช่น ท่าเงยหน้าแลบลิ้น ท่าตบใต้คาง ท่าดันลิ้นแตะฟัน ท่าจูบเพดาน ท่าลูบคอ และท่าเงยหน้ายื่นฟัน ซึ่งจะแนะนำให้ทำท่าเหล่านี้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อช่วยให้ผิวบริเวณใต้คาง และลำคอดูกระชับขึ้น ลดการสะสมของไขมันใต้คาง และลดความหย่อนคล้อยของผิว นอกจากนี้การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันส่วนเกินทั่วร่างกาย ทำให้เหนียงลดลง และกรอบหน้าคมชัดขึ้นได้
- ปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่ง
การปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่ง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดเหนียงได้ โดยจะแนะนำให้นั่งหลังตรง หลังแนบพนักพิง ยืดลำคอ และศีรษะให้ตั้งตรง ไม่ยื่นข้างหน้า พร้อมทั้งปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ให้อยู่ในระดับเดียวกับสายตา เพื่อหลีกเลี่ยงการก้มมองหน้าจอ และหลีกเลี่ยงการห่อไหล่ รวมถึงควรหมั่นพักสายตา และยืดเหยียดลำคอทุก ๆ 30 – 60 นาที ด้วยการเงยหน้ามองเพดาน หรือหมุนลำคอเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งการนั่งในท่าทางที่เหมาะสมนั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยลดเหนียง และป้องกันผิวหย่อนคล้อย แต่ยังช่วยลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ที่เกิดจากภาวะออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดเหนียงได้ โดยจะแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมวันละ 1.5 – 2 ลิตร และดื่มหลังตื่นนอนทันที 1 แก้ว รวมถึงควรเลือกดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง เพื่อช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งมีผลให้เหนียงลดลงได้ หากทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ โดยควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และการปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการลดเหนียงที่ชัดเจนมากขึ้น
- นวดคอลดเหนียง
การนวดคอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดเหนียงได้ โดยการใช้ปลายนิ้วนวดกดบริเวณใต้คาง และลำคอเบา ๆ เน้นเทคนิคกดลากในทิศทางยกขึ้น และรีดออกด้านข้าง เพื่อช่วยยกกระชับผิว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และกระตุ้นการไหลเวียนน้ำเหลืองให้ทำงานได้ดีมากขึ้น ซึ่งสามารถใช้อุปกรณ์เสริมช่วยได้ เช่น กัวซา หรือลูกกลิ้ง เพื่อให้แรงกดมีประสิทธิภาพ และมีความสม่ำเสมอมากขึ้น โดยจะแนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำวันละ 5 – 10 นาที พร้อมใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์นวดหน้า เพื่อลดการเสียดสีกับผิวโดยตรง และป้องกันการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการกดผิวแรงจนเกินไป อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ และหย่อนคล้อยในระยะยาวได้
- เคี้ยวหมากฝรั่ง
การเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดเหนียงได้ โดยจะแนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งติดต่อกันประมาณ 20 – 30 ครั้ง แล้วหยุดพัก ซึ่งควรเคี้ยวสลับข้างกันทั้งข้างซ้าย และขวาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างสมดุล พร้อมทั้งเลือกหมากฝรั่งสูตรที่ปราศจากน้ำตาล เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุ และลดการได้รับน้ำตาลส่วนเกินที่มากเกินความจำเป็น โดยการเคี้ยวหมากฝรั่งนั้น จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง และลำคอ ทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง กระชับ และลดความหย่อนคล้อยของผิว จนส่งผลให้เหนียงค่อย ๆ ลดลงได้ แต่ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่งนานจนเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อกรามใหญ่ และใบหน้าดูบานขึ้นได้

ลดเหนียงด้วยหัตถการ
การลดเหนียงด้วยหัตถการ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งโดยส่วนใหญ่หัตถการที่เหมาะสำหรับการลดเหนียง มีดังนี้
- ฉีดลดไขมัน
การฉีดลดไขมัน เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดเหนียง โดยจะเป็นการฉีดสารที่มีฤทธิ์ในการลดการสะสมของไขมันบริเวณแก้ม และเหนียง เพื่อให้เซลล์ไขมันบริเวณที่ฉีดเกิดการแตกตัว และถูกทำลาย พร้อมขับออกมาจากร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้เหนียงค่อย ๆ ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ใบหน้ากลับมาเรียวเล็ก โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงเยอะ แก้มเยอะ และมีไขมันสะสมบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า รวมถึงผู้ที่ต้องการลดไขมันอย่างเร่งรีบ
- ฉีดโบลิฟต์กรอบหน้า
การฉีดโบลิฟต์กรอบหน้า เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดเหนียง โดยจะเป็นการฉีดสารที่มีฤทธิ์ในการลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เข้าไปยังกล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดึงรั้งผิวลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย จนเกิดเป็นเหนียงบริเวณใต้คาง โดยโบจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวชั่วคราว ทำให้ผิวลำคอดูยกกระชับ กรอบหน้าคมชัด และทำให้เหนียงลดลงได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงที่เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณลำคอหย่อนยาน และผู้ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
- ร้อยไหมลดเหนียง
การร้อยไหม เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดเหนียง โดยจะเป็นการใช้ไหมละลายสอดเข้าไปยังใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยดึงยกเหนียงให้กระชับขึ้น และลดความหย่อนคล้อยของผิว พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่รอบเส้นไหม ทำให้ผิวดูเต่งตึง ใบหน้าเรียวเล็ก กรอบหน้าคมชัด และเหนียงลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงไม่มากที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิว และผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
- Ultherapy Prime
Ultherapy Prime เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดเหนียง โดยจะเป็นการปล่อยพลังงานคลื่นเสียง Micro-Focused Ultrasound with Visualization เข้าไปยังชั้นผิวลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อช่วยยกกระชับเหนียง และลดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณใต้คาง พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ลดเลือนริ้วรอย และเก็บกรอบหน้าให้คมชัดมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก ผิวแน่นกระชับ และเหนียงลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่มีความละเอียดสูง สามารถมองเห็นชั้นผิวได้แบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ และใช้เวลาในการรักษาน้อยลง โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิว หรือผู้ที่มีไขมันสะสมเพียงเล็กน้อย รวมถึงผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
- Thermage FLX
Thermage FLX เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดเหนียง โดยจะเป็นการปล่อยพลังงานวิทยุ Monopolar RF เข้าไปยังชั้นผิวลงลึกถึงชั้นไขมัน (Subcutaneous Fat) เพื่อยกกระชับผิว และลดการสะสมของไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวแน่นกระชับ เรียบเนียน ใบหน้าเรียวเล็ก และเหนียงลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี AccuREP ที่สามารถปรับค่าพลังงานได้เรียลไทม์ และมีหัวทิป Total Tip 4.0 รุ่นใหม่ที่สามารถปล่อยพลังงานได้ครอบคลุมพื้นที่ผิวมากขึ้น ทำให้ใช้เวลาในการรักษาน้อยลง และเพิ่มความแม่นยำในการรักษามากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบนใบหน้า โดยเฉพาะแก้ม และเหนียง รวมถึงผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
Coolsculpting เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดเหนียง โดยจะเป็นการปล่อยพลังงานความเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง เพื่อแช่แข็งเซลล์ไขมันส่วนเกินโดยเฉพาะ ทำให้เซลล์ไขมันเข้าสู่กระบวนการ Apoptosis และถูกขับออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ ซึ่งมาพร้อมกับหัว Applicator หลากหลายขนาด ทำให้สามารถลดไขมันส่วนเกินได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณเหนียง ส่งผลให้เหนียงค่อย ๆ ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใต้คาง และผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง หรือสะโพก
- ดูดไขมันเหนียง
การดูดไขมัน เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดเหนียง โดยจะเป็นการเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณใต้คาง เพื่อใช้ท่อดูดไขมัน (Cannula) เข้าไปดูดไขมันส่วนเกินออกมาโดยตรง ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก กรอบหน้าคมชัด และเหนียงลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หลังทำอาจมีอาการเจ็บ บวม ปวด และฟกช้ำเล็กน้อย จึงทำให้ต้องระยะใช้เวลาในการพักฟื้น ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใต้คางค่อนข้างมาก และผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
- ผ่าตัดลดเหนียง
การผ่าตัดลดเหนียง หรือผ่าตัดกระชับเหนียง เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมในการลดเหนียง โดยจะเป็นการเปิดแผลขนาดเล็ก เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่บริเวณใต้คาง พร้อมทั้งยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง และลำคอที่หย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าเรียวเล็ก กรอบหน้าชัด และเหนียงลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หลังทำอาจมีอาการเจ็บ ปวด บวมช้ำ และรอยแผลบริเวณใต้คาง จึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น และต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงที่เกิดจากไขมันสะสมบริเวณใต้คางค่อนข้างมาก และมีผิวหนังหย่อนคล้อยร่วมด้วย รวมถึงผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

ทำความรู้จักเหนียง คืออะไร?
เหนียง (Double Chin) คือ ลักษณะของก้อนเนื้อนิ่ม ๆ ที่ห้อยย้อยลงมา บริเวณใต้คางจนถึงลำคอส่วนบน ทำให้ดูเหมือนมีคางสองชั้น ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูกลม กรอบหน้าไม่คมชัด และดูขาดมิติอย่างชัดเจน โดยเหนียงสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม การสะสมของไขมัน ผิวหนังหย่อนคล้อย กล้ามเนื้อหย่อนยาน รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งสามารถพบได้ทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือแม้แต่ผู้ที่มีรูปร่างผอมก็ตาม

สาเหตุที่ทำให้เกิดเหนียง
โดยทั่วไปปัญหาเหนียง สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหนียง มีดังนี้
- พันธุกรรม
พันธุกรรม เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหนียง เนื่องจากพันธุกรรมจะเป็นตัวกำหนดลักษณะโครงสร้างกระดูก และลักษณะโครงสร้างใบหน้า รวมไปถึงการสะสมของไขมัน ซึ่งในบางคนมีแนวโน้มที่จะมีไขมันสะสมบริเวณใต้คางง่ายกว่าบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย ในขณะที่บางคนมีแนวโน้มที่จะมีผิวหย่อนคล้อยเร็ว ทำให้ผิวบริเวณใต้คางอาจเกิดการหย่อนยาน และเพิ่มโอกาสการเกิดเหนียงได้ง่าย
- การสะสมของไขมัน
การสะสมของไขมัน เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหนียง เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น และพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานของมัน ของทอด อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป ขนมกรุบกรอบ รวมไปถึงขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง หากรับประทานอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น อาจทำให้ร่างกายมีไขมันส่วนเกินสะสมเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสการเกิดเหนียงได้ง่าย
- ผิวหนังหย่อนคล้อย
ผิวหนังหย่อนคล้อย เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหนียง เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินจะค่อย ๆ ทำงานช้าลง ซึ่งทำให้ผิวโครงสร้างผิวเสื่อมสภาพ สูญเสียความยืดหยุ่น และขาดความกระชับ จนผิวเกิดการหย่อนคล้อย และเพิ่มโอกาสในการเกิดเหนียงได้ง่าย
- กล้ามเนื้อหย่อน
กล้ามเนื้อหย่อน เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหนียง เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอจะเกิดการอ่อนแอ และหย่อนตัวลง ทำให้ใบหน้าส่วนล่างขาดการพยุง และถูกดึงรั้งลงตามแรงโน้มถ่วง จนส่งผลให้ผิวห้อยย้อย และเกิดเหนียงได้ง่าย
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต
พฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหนียง โดยเฉพาะการพักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำน้อย และการขาดการออกกำลังกาย รวมไปถึงการก้มหน้าเป็นเวลานาน และนอนในท่าทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้สามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดเหนียงได้ง่าย
ระดับความรุนแรงของเหนียง
โดยทั่วไปสามารถแบ่งระดับความรุนแรงของเหนียงได้เป็น 3 ระดับหลัก ๆ ดังนี้
- ระดับที่ 1 เหนียงน้อย
เหนียงน้อย เป็นปัญหาเหนียงระยะแรกเริ่มที่จะปรากฏเพียงเล็กน้อย จึงอาจสังเกตเห็นได้ยาก เมื่อมองหน้าตรง แต่จะสามารถมองเห็นเป็นคางสองชั้นเล็กน้อย เมื่อมีการก้มหน้า หรือมองจากมุมด้านข้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการมีไขมันสะสมเล็กน้อย หรือผิวเริ่มหย่อนคล้อยไม่มาก
- ระดับที่ 2 เหนียงปานกลาง
เหนียงปานกลาง เป็นปัญหาเหนียงระยะปานกลางที่เริ่มสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งเมื่อมองหน้าตรง หรือก้มหน้า ทำให้กรอบหน้าเริ่มไม่คมชัด ใบหน้าดูกลม และขาดมิติ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการมีไขมันสะสม หรือมีผิวหนังหย่อนคล้อยร่วมด้วย
- ระดับที่ 3 เหนียงมาก
เหนียงมาก เป็นปัญหาเหนียงระยะรุนแรงที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า ทำให้กรอบหน้าหาย ผิวใต้คาง และลำคอดูเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการมีไขมันสะสมในปริมาณมาก ร่วมกับมีผิวหนังหย่อนคล้อยอย่างรุนแรง หรืออาจมีปัญหากล้ามเนื้อหย่อนยานร่วมด้วย ซึ่งในกรณีนี้จะพบได้บ่อยในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหนียง
การป้องกันไม่ให้เกิดเหนียง สามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการดูแลตัวเอง และปรับพฤติกรรม ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหนียงได้ โดยการเน้นการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพ ผัก และผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง รวมถึงหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และโซเดียมสูง ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คาง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอ สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหนียงได้ โดยในแต่ละวันควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 1.5 – 2 ลิตร เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญให้ทำงานได้ดีมากขึ้น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการขับของเสียออกจากร่างกาย จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดเหนียงได้
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหนียงได้ โดยการเน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ร่วมกับการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณลำคอ และใต้คาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญ และเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าตึงกระชับ และลดโอกาสในการเกิดเหนียงได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอ สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหนียงได้ โดยในแต่ละวันควรนอนหลับให้ได้วันละ 7 – 8 ชั่วโมง เนื่องจากการนอนหลับให้เพียงพอจะช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล และปรับสมดุลฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความหิว ทำให้สามารถควบคุมความอยากอาหาร และลดการสะสมของไขมันส่วนเกินได้ อีกทั้งยังส่งเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจน และกระบวนการเผาผลาญ จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดเหนียงได้
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหนียงได้ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะไปขัดขวางกระบวนการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลง อีกทั้งยังกระตุ้นความอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง และโซเดียมสูง ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดเหนียงได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการบวมน้ำ จนส่งผลให้เหนียงดูเด่นชัด และใบหน้าดูใหญ่ขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการก้มหน้านาน ๆ
การหลีกเลี่ยงการก้มหน้านาน ๆ สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหนียงได้ เนื่องจากการก้มหน้าท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะจากการเล่นโทรศัพท์ หรือการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และขาดความกระชับ จนไม่สามารถพยุงใบหน้าส่วนล่างไว้ได้เหมือนเดิม ซึ่งส่งผลให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อย และเพิ่มโอกาสในการเกิดเหนียงได้
จะเห็นได้ว่า การลดเหนียงสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการลดด้วยตัวเองเบื้องต้น เช่น การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ปรับท่าทางการนั่ง ดื่มน้ำให้เพียงพอ นวดหน้าลดเหนียง หรือแม้แต่การเคี้ยวหมากฝรั่ง รวมไปถึงการลดด้วยหัตถการทางการแพทย์ เช่น การฉีดลดไขมัน ฉีดโบลิฟต์กรอบหน้า ร้อยไหม ใช้เครื่องยกกระชับ ดูดไขมัน หรือการผ่าตัดลดเหนียง โดยแต่ละวิธีก็เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาเหนียงที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกวิธีลดเหนียงให้เหมาะสมนั้น ควรพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหนียง ระดับความรุนแรงของปัญหา และความต้องการของแต่ละคน ดังนั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินสาเหตุ และแนะนำวิธีการลดเหนียงที่ตอบโจทย์กับแต่ละคนอย่างแท้จริง
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

