เจาะลึก Thermage FLX ต้องทำกี่ Shot ถึงจะเห็นผล?

Thermage FLX ต้องทำกี่ Shot

เจาะลึก Thermage FLX ต้องทำกี่ Shot ถึงจะเห็นผล?

Thermage FLX กลายเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าและฟื้นฟูความอ่อนวัยโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (Monopolar RF) ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นคอลลาเจนได้อย่างแม่นยำ จึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และยกกระชับปรับรูปหน้าให้กระชับเข้ารูปได้อย่างดูกลมกลืนกับใบหน้า

 

หนึ่งในคำถามที่พบได้บ่อยจากผู้ที่สนใจ Thermage FLX คือ ต้องทำกี่ Shot (ช็อต) จึงจะเห็นผล? เพราะจำนวน Shot (ช็อต) ที่ใช้ในการรักษามีผลต่อประสิทธิภาพ ความครอบคลุมของพื้นที่ และผลลัพธ์หลังทำอย่างมีนัยสำคัญ บางคนอาจเคยได้ยินว่าทำ 600 Shot (ช็อต) ก็เพียงพอ ในขณะที่บางคลินิกแนะนำถึง 1,200 หรือ 1,800 Shot (ช็อต) แล้วจำนวนไหนจึงเหมาะสมกับปัญหาผิว

 

ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกทุกมุมของ Thermage FLX กับจำนวน Shot (ช็อต) ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นหลักการทำงานของเครื่อง ปัจจัยที่กำหนดจำนวน Shot (ช็อต) ที่ควรใช้ ความแตกต่างของแต่ละบริเวณที่ทำ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง รวมถึงข้อแนะนำจากแพทย์เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและแม่นยำ

 

Thermage FLX ทำกี่ Shot (ช็อต) ถึงจะเห็นผล?

  • การทำ Thermage FLX เพื่อยกกระชับผิวหน้า และกระตุ้นคอลลาเจนให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จำเป็นต้องใช้จำนวน Shot (ช็อต) ที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ทำ Thermage FLX จะเริ่มเห็นผลได้เมื่อใช้จำนวนช็อตในช่วง 600 Shot (ช็อต) ขึ้นไป แต่ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและทั่วถึงมากขึ้น มักแนะนำให้ใช้ ประมาณ 900–1200 Shot (ช็อต) สำหรับการทำทั่วทั้งใบหน้า
  • ในบางกรณี หากมีความหย่อนคล้อยมากเป็นพิเศษ หรือมีพื้นที่ที่ต้องการยกกระชับหลายจุด เช่น บริเวณกรอบหน้า เหนียง คอ และใต้ตา อาจต้องใช้มากถึง 1500 Shot (ช็อต) หรือมากกว่านั้น ส่วนการทำในพื้นที่ลำตัว เช่น หน้าท้อง สะโพก หรือต้นแขน ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าผิวหน้าโดยเฉพาะ จะใช้ช็อตสูงถึง 1800–2400 Shot (ช็อต) ขึ้นไป

 

ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวน Shot (ช็อต) ของ Thermage FLX
ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวน Shot (ช็อต) ของ Thermage FLX

 

ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวน Shot (ช็อต) ของ Thermage FLX

การกำหนดจำนวน Shot (ช็อต) ที่ใช้ในการทำ Thermage FLX ไม่สามารถใช้ตัวเลขแบบเดียวกันกับทุกคนได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความเหมาะสม และประสิทธิภาพของการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวัตถุประสงค์ของการทำหัตถการนี้คือการยกกระชับและฟื้นฟูผิวจากภายใน จึงจำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่มีผลต่อจำนวน Shot (ช็อต) มีดังต่อไปนี้

  • ขนาดบริเวณของพื้นที่ที่ทำ

ขนาดพื้นที่ที่ทำการรักษา เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อจำนวน Shot (ช็อต) โดยตรง หากเป็นบริเวณขนาดเล็ก เช่น ใต้ตา หรือกรอบหน้า อาจใช้เพียง 300–600 Shot (ช็อต) ก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องการทำทั่วทั้งใบหน้า ซึ่งมีพื้นที่กว้างกว่าและต้องการการกระจายพลังงานในหลายจุด มักต้องใช้ประมาณ 900–1200 Shot (ช็อต) เพื่อให้ครอบคลุมทุกจุดสำคัญที่เกิดปัญหาความหย่อนคล้อย ส่วนบริเวณลำตัว เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าใบหน้ามาก จะใช้ Shot (ช็อต) ในระดับสูงขึ้น เช่น 1500–2400 Shot (ช็อต) ทั้งนี้เพื่อให้พลังงานส่งผ่านลงลึก และกระตุ้นคอลลาเจนในระดับที่เหมาะสม

  • สภาพผิวของแต่ละบุคคล

ผิวของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน ทั้งในด้านของความยืดหยุ่น ความหนา และระดับความหย่อนคล้อย หากผิวมีความหย่อนคล้อยมาก หรือมีสภาพผิวบางลงตามวัย การยิงพลังงานจึงจำเป็นต้องใช้จำนวน Shot (ช็อต) มากขึ้น เพื่อเพิ่มความลึกและความถี่ของพลังงานในการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ ในทางตรงกันข้าม หากผู้ที่ผิวยังแข็งแรงหรือมีปัญหาน้อย อาจไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนช็อตมากนัก 

  • ช่วงอายุของผู้เข้ารับบริการ

อายุถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เพราะมีผลโดยตรงต่อสภาพผิวและความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของผิว เช่น ผู้ที่มีอายุระหว่าง 25–35 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อย มักใช้Shot (ช็อต) จำนวนน้อยกว่า เน้นการป้องกันและคงความกระชับไว้ ในขณะที่ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มักเริ่มมีปัญหาโครงสร้างผิวที่เสื่อมลง จึงจำเป็นต้องใช้จำนวน Shot (ช็อต) ที่มากกว่า เพื่อฟื้นฟูชั้นผิวให้กลับมาตึงกระชับอีกครั้ง สำหรับบางคนที่อายุ 50–60 ปีขึ้นไป การวางแผนอาจรวมถึงการยิงหลายบริเวณพร้อมกันด้วยจำนวน Shot (ช็อต) ที่มากเป็นพิเศษ

  • ระดับผลลัพธ์ที่ต้องการ

ความคาดหวังของแต่ละคนต่อผลลัพธ์หลังการทำ Thermage FLX ก็ส่งผลต่อจำนวน Shot (ช็อต) เช่นกัน หากต้องการเพียงยกกระชับเบา ๆ ให้ผิวแน่นขึ้นเล็กน้อย อาจใช้ Shot (ช็อต) ในระดับ 600–900 Shot (ช็อต) แต่หากตั้งเป้าหมายให้ผลลัพธ์ชัดเจน เช่น ยกกระชับแก้มที่หย่อน กรอบหน้าชัดขึ้น หรือลดความหย่อนคล้อยลงอย่างเด่นชัด จำนวน Shot (ช็อต) ควรอยู่ในช่วง 1200–1500 Shot (ช็อต) ขึ้นไป เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของปัญหา

 

จำนวน Shot (ช็อต) ของ Thermage FLX ส่งผลต่อผลลัพธ์อย่างไร?

จำนวน Shot (ช็อต) ที่ใช้ในการทำ Thermage FLX มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของการยกกระชับผิว และ ความชัดเจนของผลลัพธ์ที่ผู้เข้ารับบริการจะได้รับ โดยหลายคนอาจเข้าใจว่าแค่ทำ Thermage FLX ก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงจำนวน Shot (ช็อต) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

จำนวน Shot (ช็อต) ส่งผลต่อความลึก และความเข้มข้นของพลังงาน

ในการทำ Thermage FLX แต่ละครั้ง เครื่องจะปล่อยคลื่นความถี่วิทยุแบบ Monopolar RF ลงสู่ชั้นผิวผ่านหัวยิงแบบพิเศษ โดยแต่ละ Shot (ช็อต) คือการส่งพลังงานหนึ่งครั้งเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนภายใน เมื่อใช้จำนวน Shot (ช็อต) ที่มากพอ แพทย์สามารถกระจายพลังงานได้ครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณอย่างสม่ำเสมอ และปรับความลึกหรือรูปแบบการยิงให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคน

จำนวน Shot มีผลกับระยะเวลาในการเห็นผล

นอกจากผลลัพธ์ที่ชัดเจน จำนวน Shot (ช็อต) ยังมีผลต่อระยะเวลาในการเริ่มเห็นผลอีกด้วย โดยปกติผู้ที่ทำ Thermage FLX จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 2–4 สัปดาห์ แต่ถ้าทำด้วยจำนวน Shot (ช็อต) ที่น้อยเกินไป อาจทำให้การกระตุ้นคอลลาเจนไม่เพียงพอ จนผลลัพธ์แสดงออกช้ากว่าที่ควร หรืออาจไม่ชัดเจนเท่าที่คาดหวัง 

 

ดังนั้นการใช้จำนวน Shot (ช็อต) ที่เหมาะสม และวางแผนยิงอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผิวเริ่มกระชับและแน่นขึ้นได้เร็ว และผลลัพธ์จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนครบระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เห็นผลเต็มที่ของการทำ Thermage FLX

 

ควรทำ Thermage FLX กี่ Shot (ช็อต) ในแต่ละบริเวณ?
ควรทำ Thermage FLX กี่ Shot (ช็อต) ในแต่ละบริเวณ?

 

ควรทำ Thermage FLX กี่ Shot (ช็อต) ในแต่ละบริเวณ?

  • ทำ Thermage FLX บริเวณใบหน้า ประมาณ 900–1200 Shot (ช็อต)
  • ทำ Thermage FLX บริเวณกรอบหน้าและเหนียง 600–900 Shot (ช็อต)
  • ทำ Thermage FLX บริเวณรอบดวงตา ประมาณ 300–450 Shot (ช็อต)
  • ทำ Thermage FLX บริเวณรอบริมฝีปาก ประมาณ 100–200 Shot (ช็อต)
  • ทำ Thermage FLX บริเวณคาง ประมาณ 300–500 Shot (ช็อต)
  • ทำ Thermage FLX บริเวณลำคอ ประมาณ 300–600 Shot (ช็อต)
  • ทำ Thermage FLX บริเวณหน้าท้อง ประมาณ 1200–1800 Shot (ช็อต)
  • ทำ Thermage FLX บริเวณต้นแขน ต้นขา หรือสะโพก ประมาณ 1500–2400 Shot (ช็อต) ขึ้นไป

 

ทำ Thermage FLX ใช้จำนวน Shot (ช็อต) เยอะ เห็นผลดีกว่าจริงไหม?

  • หลายคนที่สนใจทำ Thermage FLX มักมีคำถามว่า หากเลือกใช้จำนวน Shot (ช็อต) เยอะ ๆ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแบบชัดเจนจริงไหม ซึ่งคำตอบคือ การใช้จำนวนช็อตที่มากขึ้นมีแนวโน้มที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพราะสามารถครอบคลุมพื้นที่ผิวได้อย่างทั่วถึง กระจายพลังงานได้ละเอียดและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่มีปัญหาผิวหลายจุดร่วมกัน เช่น ความหย่อนคล้อยรอบกรอบหน้า ร่องแก้มลึก หรือมีเหนียง การใช้จำนวนช็อตมากเพียงพอจะช่วยให้พลังงาน RF ลงลึกในชั้นผิวได้ทั่วถึง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทั้งนี้ การใช้จำนวน Shot (ช็อต) เยอะเพียงอย่างเดียว ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลดีเสมอไป เพราะสิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือเทคนิคการยิงของแพทย์ ความแม่นยำในการกำหนดตำแหน่งยิง การปรับระดับพลังงานให้เหมาะกับผิวแต่ละชั้น รวมถึงการวางแผนอย่างเป็นระบบ การยิงพลังงานแบบไม่วางแผน อาจทำให้พลังงานไม่ลงลึกแม่นยำ หรือยิงซ้ำจุดเดิมเกินไปจนเกิดอาการระคายเคืองได้ 
  • นอกจากนี้ ในบางเคสที่ผิวยังไม่หย่อนคล้อยมาก หรือเคยทำ Thermage FLX มาแล้วไม่นาน การเพิ่มจำนวน Shot (ช็อต) มากเกินไปก็อาจไม่จำเป็น และยังทำให้ต้นทุนการรักษาสูงขึ้นโดยไม่เพิ่มผลลัพธ์อย่างชัดเจน การใช้ช็อตจำนวนมากอาจช่วยให้ผลลัพธ์ของ Thermage FLX ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทำในบริเวณกว้างหรือในผู้ที่มีปัญหาผิวหลายจุด แต่ประสิทธิภาพที่แท้จริงยังขึ้นอยู่กับการวางแผนรักษาอย่างถูกต้องโดยแพทย์ผู้ทำการรักษา
  • ดังนั้น คำแนะนำที่ดีคือควรเข้ารับการประเมินผิวอย่างละเอียด เพื่อกำหนดจำนวนช็อตที่เหมาะสมกับโครงสร้างผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งสวยงามและคุ้มค่า

 

ควรทำ Thermage FLX  กี่ Shot (ช็อต) ให้ผลลัพธ์หลังทำอยู่ได้นาน?

การทำ Thermage FLX ให้ได้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวน Shot (ช็อต) เพียงอย่างเดียว แต่จำนวน Shot (ช็อต) ที่เหมาะสม ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พลังงานสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อทั้งความชัดเจนของผลลัพธ์ และระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่หลังการทำ 

 

ดังนั้นหากต้องการให้ผลลัพธ์ของ Thermage FLX อยู่ได้นาน ควรเริ่มจากการใช้จำนวน Shot (ช็อต) ที่ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป โดยอยู่ในระดับมาตรฐานที่เพียงพอต่อบริเวณที่รักษา พร้อมการดูแลหลังทำที่เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดด ดื่มน้ำมาก ๆ และดูแลสุขภาพผิวอย่างต่อเนื่องควบคู่กันไป

 

รวมข้อดีของการทำ Thermage FLX มีอะไรบ้าง?
รวมข้อดีของการทำ Thermage FLX มีอะไรบ้าง?

 

รวมข้อดีของการทำ Thermage FLX มีอะไรบ้าง?

  • Thermage FLX กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เต็มประสิทธิภาพ
  • Thermage FLX กระจายพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอทั่วพื้นที่ที่ทำ
  • Thermage FLX ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ชัดเจน
  • Thermage FLX ยกกระชับผิวหน้าและลำตัวได้ทั่วถึงทุกมิติ
  • Thermage FLX ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1–2 ปี
  • Thermage FLX ลดความเสี่ยงจากการใช้พลังงานมากเกินไปในจุดเดียว
  • Thermage FLX ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแสบ หรือเป็นรอยไหม้
  • Thermage FLX ช่วยให้ผลลัพธ์ไม่แข็งตึงเกินไป
  • Thermage FLX เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนภายใน 1–3 เดือน
  • Thermage FLX ทำให้ผิวดูแน่น ฟู และเรียบเนียนขึ้นทั่วบริเวณที่ทำ
  • Thermage FLX สามารถวางแผนการรักษาได้แม่นยำตามแต่ละปัญหาผิว
  • Thermage FLX ตอบโจทย์ทั้งการยกกระชับเฉพาะจุด และทั่วบริเวณได้ในครั้งเดียว
  • Thermage FLX ใช้เวลารักษาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น
  • Thermage FLX สามารถแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ร่องแก้ม มุมปาก หรือคอหย่อน
  • Thermage FLX เพิ่มโอกาสให้การฟื้นตัวของผิวเป็นไปตามธรรมชาติและสม่ำเสมอ
  • Thermage FLX สามารถทำควบคู่กับหัตถการอื่นได้โดยไม่รบกวนผลลัพธ์
  • Thermage FLX สร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการรู้สึกว่าผิวได้รับการดูแลครบถ้วน
  • Thermage FLX เป็นการรักษาเชิงป้องกันที่ได้ผล หากวางแผนช็อตเหมาะกับอายุ
  • Thermage FLX ช่วยรักษาโครงสร้างผิวในระยะยาว โดยไม่ต้องทำบ่อยเกินไป

 

การทำ Thermage FLX ช่วยอะไรบ้าง?

  • Thermage FLX ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ดูแน่นขึ้น
  • Thermage FLX ยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • Thermage FLX ลดเหนียงและกระชับกรอบหน้าให้ชัดเจน
  • Thermage FLX ยกกระชับบริเวณคางสองชั้นและใต้คาง
  • Thermage FLX ลดความหย่อนคล้อยบริเวณแก้มและแนวขากรรไกร
  • Thermage FLX ยกหางตาและลดหนังตาตกให้ดูสดใสขึ้น
  • Thermage FLX ลดริ้วรอยรอบดวงตา เช่น ตีนกาและใต้ตา
  • Thermage FLX ปรับพื้นผิวผิวหน้าให้เรียบเนียนขึ้น
  • Thermage FLX กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวอย่างลึก
  • Thermage FLX ฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในโดยไม่ต้องใช้เข็ม
  • Thermage FLX ลดร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องมุมปาก และร่องน้ำหมาก
  • Thermage FLX ปรับสภาพผิวทำให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่ง
  • Thermage FLX ยกกระชับบริเวณลำคอ ลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอยแนวนอน
  • Thermage FLX ลดความหย่อนคล้อยของผิวในบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือสะโพก
  • Thermage FLX ฟื้นฟูผิวหลังคลอดหรือหลังลดน้ำหนักแบบไม่เสี่ยงอันตราย
  • Thermage FLX ลดความขรุขระของผิว เช่น รอยพับหรือเซลลูไลท์บางส่วน
  • Thermage FLX ช่วยให้ผิวดูฟู เต่งตึง และมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
  • Thermage FLX ช่วยชะลออายุของผิวและป้องกันการเกิดปัญหาผิวในอนาคต
  • Thermage FLX ช่วยคงสภาพผิวให้อยู่ในจุดที่ดูดีได้นานยิ่งขึ้น

 

ทำ Thermage FLX บริเวณใดได้บ้าง?

  • ทำ Thermage FLX บริเวณทั่วใบหน้า
  • ทำ Thermage FLX บริเวณกรอบหน้า
  • ทำ Thermage FLX บริเวณเหนียงหรือใต้คาง
  • ทำ Thermage FLX บริเวณร่องแก้ม
  • ทำ Thermage FLX บริเวณหน้าผาก
  • ทำ Thermage FLX บริเวณหว่างคิ้ว
  • ทำ Thermage FLX บริเวณรอบดวงตา
  • ทำ Thermage FLX บริเวณใต้ตา
  • ทำ Thermage FLX บริเวณหางตา
  • ทำ Thermage FLX บริเวณร่องมุมปาก
  • ทำ Thermage FLX บริเวณลำคอ
  • ทำ Thermage FLX บริเวณเนินอก
  • ทำ Thermage FLX บริเวณหน้าท้อง
  • ทำ Thermage FLX บริเวณสะโพก
  • ทำ Thermage FLX บริเวณต้นแขน
  • ทำ Thermage FLX บริเวณต้นขา
  • ทำ Thermage FLX บริเวณหัวเข่า

 

Thermage FLX เหมาะกับใครบ้าง?
Thermage FLX เหมาะกับใครบ้าง?

 

Thermage FLX เหมาะกับใครบ้าง?

  • Thermage FLX เหมาะสำหรับคุณแม่หลังคลอดที่มีหน้าท้องหย่อนคล้อย
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไปที่เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับเหมือนเดิม
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด แก้มตก หรือมีเหนียงใต้คาง
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณรอบตา หน้าผาก หรือมุมปาก
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้าแต่ต้องการยกกระชับแบบไม่เจ็บตัว
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม ไม่อยากทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่เคยลดน้ำหนักมาก แล้วผิวหนังบางส่วนเกิดความหย่อนยาน
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ไม่แข็งและไม่ตึงเกินไป
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่เปลี่ยนโครงสร้าง
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาตก ต้องการยกเปลือกตาให้ดูสดใสขึ้น
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องแก้มลึกจากความหย่อนคล้อย ไม่ใช่จากปริมาณไขมัน
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวก่อนงานสำคัญ เช่น งานแต่ง งานรับปริญญา
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางแต่ต้องการยกกระชับแบบไม่เสี่ยงอันตราย
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่สม่ำเสมอ ต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความอ่อนวัยในระยะยาวโดยไม่พึ่งศัลยกรรม
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนจากภายใน โดยไม่ใช้สารเติมเต็ม
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวกาย เช่น ต้นแขน หน้าท้อง หรือขา
  • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาหัตถการที่ทำปีละครั้ง แต่เห็นผลและอยู่ได้นาน

 

หมายเหตุ

ควรทำภายใต้การประเมินของแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าการยิงพลังงานครอบคลุมทุกปัญหาแบบไม่อันตรายและได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างเหมาะสม

 

Thermage FLX ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโลหะฝังในร่างกายบริเวณที่ต้องการทำ เช่น สกรู เหล็กดาม หรือรากฟันเทียม
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบเฉพาะบริเวณ เช่น เริม หรือผื่นแพ้สัมผัสรุนแรง
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีบาดแผลเปิด รอยถลอก หรือผิวลอกบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพผิว เช่น โรคด่างขาว หรือโรคผิวหนังเรื้อรังบางชนิด
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะผิวไวต่อแสงหรือไวต่อพลังงานความร้อนผิดปกติ
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้หรือมีปฏิกิริยารุนแรงจากหัตถการที่ใช้คลื่นวิทยุหรือคลื่นความร้อน
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวานชนิดรุนแรง หรือโรคหัวใจ
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ทันที และต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบศัลยกรรม
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมปริมาณมากในชั้นผิว
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวบางมาก หรือไวต่อความรู้สึก อาจรู้สึกระคายเคืองหรือไม่สบายระหว่างทำ
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุยังต่ำกว่า 25 ปี โดยไม่มีปัญหาผิวใด ๆ
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีผลต่อความไวของผิว เช่น ยากลุ่ม Retinoid
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยมีประวัติเกิดพังผืดใต้ผิวหนังจากการทำหัตถการอื่นมาก่อน
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะติดเชื้อในร่างกาย เช่น ไข้หวัด ไข้ขึ้น หรือร่างกายอ่อนแอ ควรรอให้หายก่อน
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังทำหัตถการอื่นซ้อนทับในพื้นที่เดียวกัน เช่น ร้อยไหมหรือโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ภายใน 1–2 สัปดาห์
  • Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทนต่อความร้อนหรือมีปัญหาทางประสาทรับความรู้สึก

 

หมายเหตุ

เพื่อความมั่นใจก่อนเข้ารับบริการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพผิว และข้อจำกัดเฉพาะบุคคลอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีโรคประจำตัว อุปกรณ์ฝังในร่างกาย หรือเคยมีประวัติการตอบสนองต่อคลื่นพลังงานมาก่อน การวางแผนและออกแบบการรักษาให้เหมาะสมโดยแพทย์ จะช่วยให้การทำ Thermage FLX ได้ผลลัพธ์ที่ดี

 

รวมคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับจำนวน Shot (ช็อต) ของ Thermage FLX
รวมคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับจำนวน Shot (ช็อต) ของ Thermage FLX

 

รวมคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับจำนวน Shot (ช็อต) ของ Thermage FLX 

Thermage FLX 600 Shot (ช็อต) พอไหม หรือควรเริ่มที่ 900 Shot (ช็อต) ขึ้นไป?

  • Thermage FLX จำนวน 600 Shot (ช็อต) อาจเพียงพอสำหรับการยกกระชับเฉพาะจุด เช่น กรอบหน้า หรือเหนียง แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั่วทั้งใบหน้า และให้ผลชัดเจนมากขึ้น แนะนำให้เริ่มที่ประมาณ 900 Shot (ช็อต) ขึ้นไป เพราะเป็นระดับที่สามารถกระจายพลังงานได้อย่างทั่วถึง ครอบคลุมชั้นผิวทั้งหมด และส่งผลต่อการกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า

 

Thermage FLX กี่ Shot (ช็อต) สำหรับปัญหาหน้าหย่อน, แก้มตก, เหนียงเยอะ?

  • สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าหย่อน แก้มตก หรือมีเหนียงปริมาณมาก การรักษาด้วย Thermage FLX ควรใช้จำนวน Shot (ช็อต) ในช่วงประมาณ 1200–1500 Shot (ช็อต) ขึ้นไป เพื่อให้พลังงานสามารถลงลึกได้ทั่วถึงทุกจุดที่หย่อนคล้อย ซึ่งจะช่วยยกกระชับผิวได้อย่างเห็นผล โดยเฉพาะเมื่อรักษาหลายบริเวณพร้อมกัน เช่น แก้ม กรอบหน้า และลำคอ

 

หากทำ Thermage FLX Shot (ช็อต) น้อยเกินไป จะเป็นอย่างไร?

  • หากใช้จำนวน Shot (ช็อต) ในการทำ Thermage FLX น้อยเกินไป อาจทำให้พลังงานคลื่นวิทยุไม่สามารถกระจายได้ทั่วบริเวณผิวที่ต้องการรักษา ส่งผลให้การกระตุ้นคอลลาเจนไม่เพียงพอ ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ชัดเจน หรือไม่เปลี่ยนแปลงเท่าที่คาดหวัง นอกจากนี้ยังอาจเกิดปัญหา เช่น บางจุดดูตึง แต่บางจุดยังหย่อน ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ดูไม่สมดุล

 

Shot (ช็อต) จำนวนเยอะดีกว่าจริงไหม? แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรพอหรือยัง?

  • การใช้จำนวน Shot (ช็อต) เยอะในการทำ Thermage FLX ไม่ได้ดีเสมอไปในทุกกรณี เพราะแม้ Shot (ช็อต) มากจะช่วยให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น แต่หากยิงพลังงานไม่ถูกเทคนิค หรือไม่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างที่คาดไว้ จำนวน Shot (ช็อต) ที่พอเหมาะจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยพิจารณาจากปัญหาผิว พื้นที่ที่ทำ และระดับความหย่อนคล้อย เพื่อวางแผนจำนวน Shot (ช็อต) ให้เพียงพอและเหมาะสม

 

Thermage FLX ควรทำเฉพาะจุด หรือทำทั่วหน้าเลยดีกว่า?

  • การทำ Thermage FLX จะเลือกทำเฉพาะจุด หรือทำทั่วทั้งใบหน้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน หากมีปัญหาเฉพาะจุด เช่น แก้มล่างตก เหนียง หรือหนังตาตก อาจเลือกทำเฉพาะจุดเพื่อแก้ไขแบบเจาะจง แต่หากต้องการฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า ยกกระชับโดยรวม และให้ผลลัพธ์สม่ำเสมอ ทำทั่วหน้าจะเหมาะสมกว่า เพราะช่วยให้ผิวทั้งใบหน้าตึงกระชับอย่างกลมกลืน ไม่เกิดความแตกต่างระหว่างจุดที่ทำกับจุดที่ไม่ได้ทำ

 

การทำ Thermage FLX ถือเป็นทางเลือกยอดนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า และฟื้นฟูสภาพผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของหัตถการนี้คือ จำนวน Shot (ช็อต) ที่ใช้ หากวางแผนจำนวน Shot (ช็อต) ได้เหมาะสมตามปัญหาผิวและพื้นที่ที่ต้องการรักษา จะช่วยให้พลังงานจากคลื่นวิทยุลงลึกได้อย่างทั่วถึง กระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ที่ดูดีอย่างกลมกลืนกับใบหน้า

 

ผลลัพธ์หลังทำ Thermage FLX อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สภาพผิว ความหย่อนคล้อยเดิม พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลผิวหลังทำ โดยทั่วไปผู้รับบริการจะเริ่มรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นเล็กน้อย ภายใน 1–4 สัปดาห์ และจะเห็นผลเต็มที่ ภายใน 2–3 เดือนหลังทำ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นาน 1–2ปี หากได้รับการดูแลผิวอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง

 

ดังนั้น การทำ Thermage FLX จึงไม่ใช่แค่การเลือกจำนวน Shot (ช็อต) ให้มาก แต่เป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล ทั้งในแง่ความกระชับของผิว ความเรียวของใบหน้า หากใครกำลังมองหาวิธียกกระชับผิวหน้าและผิวกายแบบไม่ต้องผ่าตัด Thermage FLX อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่สวย คุ้มค่า อย่างยาวนาน