ริมฝีปากเป็นหนึ่งในจุดเด่นสำคัญบนใบหน้าที่ส่งผลต่อความสวยงาม และสัดส่วนโดยรวมของใบหน้าอย่างชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาเนื้อปากเยอะ ปากหนา และปากใหญ่อาจรู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้ม หรือถ่ายรูป เนื่องจากใบหน้าดูไม่สมดุล และริมฝีปากดูเด่นชัดเกินไป บทความนี้ รมย์รวินท์จะพาทุกคนมาเจาะลึกเกี่ยวกับปากหนาว่า ปากหนามีลักษณะอย่างไร? ปากหนาเกิดจากสาเหุตอะไร? พร้อมแนะนำทางเลือกในการแก้ไขปากหนา และอัปเดตทรงปากยอดฮิตในปี 2025 ค่ะ
ปากหนามีลักษณะอย่างไร?
ปากหนา เป็นลักษณะของริมฝีปากที่มีความอวบอิ่ม ดูมีวอลลุ่ม และมีเนื้อปากมากกว่าปกติ ซึ่งโดยทั่วไปลักษณะเด่นของปากหนา มีดังนี้
- ริมฝีปากบนและล่างมีความหนา
ลักษณะของปากหนา สามารถสังเกตได้จากริมฝีปากบนและล่างที่มีความอวบอิ่ม เนื้อปากดูเต็มแน่น และมีวอลลุ่มมากกว่าปกติอย่างชัดเจน
- ริมฝีปากมีขนาดใหญ่
ลักษณะของปากหนา สามารถสังเกตได้จากริมฝีปากที่มีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับสัดส่วนของใบหน้าโดยรวม ซึ่งทำให้ริมฝีปากดูเด่นชัด ไม่สมดุล และไม่กลมกลืนกับใบหน้า
- ริมฝีปากมีความกว้าง
ลักษณะของปากหนา สามารถสังเกตได้จากมุมปากซ้าย จนถึงมุมปากขวามีความยาวมากกว่าปกติ ทำให้ริมฝีปากดูกว้าง และใหญ่ เมื่อเทียบกับสัดส่วนของใบหน้าโดยรวม
สาเหตุที่ทำให้ปากหนา
ปากหนา ปากใหญ่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งโดยส่วนใหญ่สาเหตุที่ทำให้ปากหนา มีดังนี้
- กรรมพันธุ์
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ปากหนา หากพบว่ามีบุคคลในครอบครัวมีลักษณะปากหนา หรือปากใหญ่ อาจมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการส่งต่อทางพันธุกรรมตั้งแต่กำเนิดได้เช่นเดียว
- เกิดอุบัติเหตุ
การเกิดอุบัติเหตุเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ปากหนา เช่น การล้ม การกระแทก หรืออุบัติเหตุอื่น ๆ ที่รุนแรง ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณริมฝีปากเกิดการบาดเจ็บ เกิดอาการบวม หรือเกิดพังผืดสะสม จนส่งผลให้ปากหนา ปากใหญ่ และปากไม่เท่ากันได้
- เกิดปัญหาหลังทำศัลยกรรม
การเกิดปัญหาหลังทำศัลยกรรมเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ปากหนา โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดพังผืดสะสม หรือเกิดแผลหดรั้ง จนเนื้อเยื่อบริเวณริมฝีปากดูหนากว่าปกติ
ปากหนาส่งผลอย่างไร?
แม้ริมฝีปากจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งของใบหน้า แต่หากมีปัญหาปากหนา หรือปากใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมใบหน้า และการใช้ชีวิตได้ ดังนี้
- ใบหน้าดูไม่สมดุล
หากมีปัญหาปากหนา อาจส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สมดุล หรือสัดส่วนของใบหน้าดูผิดเพี้ยน โดยเฉพาะใบหน้าส่วนล่างอาจดูหนัก และริมฝีปากดูเด่นชัดมากเกินไป
- สูญเสียความมั่นใจ
หากมีปัญหาปากหนา อาจส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจ และกระทบต่อบุคลิกภาพโดยรวม โดยเฉพาะเวลายิ้ม ถ่ายรูป หรือพูดคุยกับคนอื่น
- ขัดกับหลักโหราศาสตร์จีน
หากมีปัญหาปากหนา อาจส่งผลให้ขัดกับลักษณะของริมฝีปากที่ดีตามหลักโหราศาสตร์จีน ซึ่งในความเชื่อนี้อาจสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะนิสัย ภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ บุคลิกภาพ หรือทักษะการเจรจาอีกด้วย
ปากหนาแก้อย่างไร?
ปัญหาปากหนาสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ลักษณะริมฝีปากเดิม และความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยหลัก ๆ จะมีวิธีแก้ไขอยู่ 2 วิธี ดังนี้
ศัลยกรรมปาก
ปัญหาปากหนาสามารถแก้ไขได้ด้วยการทำศัลยกรรมปาก ซึ่งเป็นการใช้วิธีการผ่าตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินบริเวณริมฝีปากออก พร้อมปรับรูปทรงปากให้สวยงาม เรียวบาง และได้สัดส่วนตามที่ต้องการ เพื่อแก้ไขปัญหาปากหนา ปากใหญ่ ปากห้อย หรือปากไม่เท่ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างถาวร และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่วิธีการนี้อาจมีบาดแผล มีอาการบวมช้ำ และรู้สึกระบมได้ในช่วงแรก จึงต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนาน และมีค่าใช้จ่ายที่สูงเมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ปัญหาปากหนาสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก ซึ่งเป็นการใช้วิธีการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปยังริมฝีปาก เพื่อเพิ่มความคมชัดให้ขอบปาก ยกมุมปากขึ้น และปรับรูปทรงปากให้มีสัดส่วนที่สมดุลตามต้องการ เพื่อแก้ไขปัญหาปากหนา ปากบาง ปากใหญ่ ปากเบี้ยว มุมปากตก หรือปากไม่เท่ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และแก้ไขง่ายหากผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าพึงพอใจ โดยไม่ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน และหลังฉีดเสร็จสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ
ปากหนา VS ปากบาง ต่างกันอย่างไร?
ลักษณะของปากหนา และปากบางจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
- ปากหนา
ปากหนา จะมีลักษณะริมฝีปากมีความหนาใหญ่ เต็มแน่น เนื้อปากเยอะ และมีความอวบอิ่มอย่างชัดเจน จนทำให้ใบหน้าโดยรวมมีสัดส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่สมดุล
- ปางบาง
ปากบาง จะมีลักษณะริมฝีปากที่มีความบาง ดูแบนราบ เนื้อปากน้อย ไม่มีวอลลุ่ม และขาดความอวบอิ่ม ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูขาดมิติ ไม่ได้มาตรฐาน และมีสัดส่วนที่ไม่สมดุล
ลักษณะทรงปากที่ดีเป็นแบบไหน?
ลักษณะทรงปากที่ดีตามหลักโหราศาสตร์จีน สามารถสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัย โชคลาภ ความสัมพันธ์ และทักษะการสื่อสาร โดยลักษณะทรงปากที่ดี ได้แก่
- ทรงปากที่ดี
ทรงปากที่ดีจะต้องมีอัตราส่วนระหว่างริมฝีปากบน และล่างที่ได้มาตรฐาน โดยมีสัดส่วนประมาณ 1:1.6 หรือที่เรียกว่า “Golden Ratio” รวมถึงมีเส้นขอบปากคมชัด ไม่เบลอ หรือเลือนลาง มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นเล็กน้อย เส้น Cupid’s Bow ตรงกลางริมฝีปากบนมีความโค้งเว้ากำลังดี ไม่แหลม หรือแบนเกินไป สีริมฝีปากดูอมชมพู ชุ่มชื้น เรียบเนียน และไม่แห้งลอก
- ทรงปากที่ไม่ดี
ทรงปากที่ไม่ดีจะมีสัดส่วนของริมฝีปากที่ไม่ได้มาตรฐาน ปากหนาเกินไป ปากใหญ่เกินไป ปากบางเกินไป หรือริมฝีปากดูไม่สมดุล มุมปากทั้งสองข้างคว่ำลง ขอบปากเบลอ ไม่คมชัด สีริมฝีปากซีด ม่วงคล้ำ รวมทั้งริมฝีปากแห้งกร้าน แตกลอก และไม่เรียบเนียน
รวมทรงปากยอดฮิต
ปัจจุบันทรงยอดฮิตมีให้เลือกหลากหลายทรง เพื่อแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังแก้ไขปัญหาริมฝีปาก โดยทรงปากที่ได้รับความนิยม มีดังนี้
- ทรงปากธรรมชาติ
ทรงปากธรรมชาติ หรือ Classy Kysse มีลักษณะริมฝีปากที่อวบอิ่มกำลังดี ไม่หนา และไม่บางจนเกินไป ริมฝีปากดูสมดุล รับกับใบหน้า โดยไม่ได้เน้นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากดูอ่อนกว่าวัย และดูสุขภาพดี
- ทรงปากเชอร์รี่
ทรงปากเชอร์รี่ หรือ Cherry Kysse มีลักษณะริมฝีปากที่อวบอิ่ม และมีวอลลุ่มคล้ายผลเชอร์รี่ประกบกัน ริมฝีปากบนมีความโค้งเว้า และเป็นทรงกระจับ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าโดยรวมมีความละมุน อ่อนหวาน เซ็กซี่ และมีเสน่ห์มากขึ้น
- ทรงปากแมว
ทรงปากแมว หรือ Cat Lips มีลักษณะริมฝีปากที่มีความอวบอิ่ม และโค้งเว้ากำลังดี มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายริมฝีปากแมว ขอบปากคมชัด มีมิติ แต่ยังคงผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติอยู่ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนโยน มีเสน่ห์ และเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน
- ทรงปากกระจับ
ทรงปากกระจับ มีลักษณะริมฝีปากบนมีความโค้งเว้าคล้ายผลกระจับอย่างเห็นได้ชัด และมีติ่งตรงกลางเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น ริมฝีปากล่างมีความอวบอิ่มกว่าริมฝีปากบน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนหวาน ละมุน เซ็กซี่ และมีเสน่ห์มากขึ้น
- ทรงปากปีกนก
ทรงปากปีกนก มีลักษณะมุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นคล้ายปีกนก ทำให้เหมือนกำลังยิ้มอยู่ตลอดเวลา ริมฝีปากเรียวบาง และมีความโค้งเว้าอย่างชัดเจน ขอบปากคมชัด ไม่เบลอ และเลือนลาง ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส อ่อนโยน และเป็นมิตรมากขึ้น
- ทรงปากอวบอิ่ม
ทรงปากอวบอิ่ม หรือ Sexy Lips มีลักษณะริมฝีปากหนา และอวบอิ่ม ทั้งริมฝีปากบน และล่าง รวมถึงเส้นขอบปากที่มีความคมชัด ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีเสน่ห์ เซ็กซี่ และน่าดึงดูดมากขึ้น
- ทรงปากคิวปิด
ทรงปากคิวปิด หรือ Cupid’s Bow มีลักษณะริมฝีปากบนที่มีความโค้งเว้าตรงกลางเป็นรูปหัวใจ คล้ายส่วนโค้งของคันธนูคิวปิด ริมฝีปากล่างมีความอวบอิ่ม และเห็นร่องกลางปากที่ชัดเจน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนโยน หวานละมุน และมีเสน่ห์มากขึ้น
- ทรงปาก Full Lips
ทรงปาก Full Lips มีลักษณะริมฝีปากที่มีความอวบอิ่ม เต่งตึง และดูเต็มสวย ริมฝีปากบน และล่างมีสัดส่วนประมาณ 1:1 เท่ากัน เส้นขอบปากคมชัด ไม่เบลอ หรือเลือนลาง ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีมิติ มีเสน่ห์ และน่าดึงดูดมากขึ้น
- ทรงปาก Heavy Upper Lips
ทรงปาก Heavy Upper Lips มีลักษณะริมฝีปากบนมีความอวบอิ่ม และดูหนากว่าริมฝีปากล่างอย่างชัดเจน ขอบปากคมชัด ริมฝีปากล่างมีสัดส่วนกำลังดี ไม่หนาเกินไป ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีเสน่ห์ เซ็กซี่ และน่าค้นหามากขึ้น
- ทรงปาก Heavy Lower Lips
ทรงปาก Heavy Lower Lips มีลักษณะริมฝีปากล่างมีความอวบอิ่ม และดูหนากว่าริมฝีปากบนอย่างชัดเจน เส้นขอบปากคมชัด ริมฝีปากบนมีสัดส่วนกำลังดี ไม่หนาเกินไป ทำให้ใบหน้าดูเซ็กซี่ มีเสน่ห์ และน่าดึงดูดแบบสายฝอ
- ทรงปาก Wide Lips
ทรงปาก Wide Lips มีลักษณะริมฝีปากที่มีความกว้างกว่าทรงอื่น โดยไม่จำเป็นต้องหนา หรือบาง แต่เน้นขอบปากเรียวยาว และขยายออกอย่างชัดเจน ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส รอยยิ้มกว้าง และดูเป็นมิตร
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถแก้ปัญหาปากหนา ปากใหญ่ ปากบาง มุมปากตก ขอบปากไม่ชัด และปากไม่เท่ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถปรับรูปทรงปากให้มีสัดส่วนที่สมดุล และดูรับกับใบหน้ามากขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว และแลดูเป็นธรรมชาติ
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีบาดแผล และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานหลังทำ
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำในการเกิดผลข้างเคียง เช่น บวมแดง ปวดตึง หรือฟกช้ำ
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถปรับแก้ไขได้ หากผลลัพธ์หลังฉีดไม่เป็นไปตามที่ต้องการ หรือเกิดข้อผิดพลาดหลังฉีดฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใคร?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากหนาเล็กน้อยถึงปานกลาง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากไม่เท่ากัน รูปทรงปากไม่สมส่วน
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากแบน และขาดมิติ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบริเวณริมฝีปาก
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาขอบปากไม่ชัด ต้องการเพิ่มความคมชัดให้ขอบปาก
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหามุมปากตก มุมปากคว่ำ ต้องการยกมุมปาก
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากไม่เรียบเนียน ทาลิปแล้วตกร่องง่าย
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากแห้งลอก ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงปากให้เข้ากับใบหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วตั้งแต่ครั้งแรก
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมดวงชะตาตามหลักโหราศาสตร์จีน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเจ็บตัว และไม่ต้องการทำศัลยกรรมปาก
หมายเหตุ ก่อนใช้บริการควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานอยู่
ฉีดฟิลเลอร์ปากไม่เหมาะกับใคร?
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแพ้สาร Hyaluronic Acid (HA) หรือสารอื่น ๆ ในฟิลเลอร์
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่การอักเสบ ติดเชื้อ หรือเป็นแผลเปิดบริเวณริมฝีปาก
- ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์
- ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงของการให้นมบุตร
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือภูมิคุ้มกันผิดปกติ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในระยะยาวแบบถาวร
หมายเหตุ ก่อนใช้บริการควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานอยู่
ฉีดฟิลเลอร์ปากช่วยเรื่องอะไร?
- ช่วยลดความหนาใหญ่ของริมฝีปาก แก้ปัญหาปากหนา
- ช่วยปรับแต่งริมฝีปากให้เรียวเล็ก และสวยงาม
- ช่วยปรับรูปทรงปากให้มีสัดส่วนที่สมดุล
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย และร่องลึกบริเวณริมฝีปาก
- ช่วยเพิ่มความอิ่มฟู และเสริมวอลลุ่มให้ริมฝีปาก
- ช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับเส้นขอบปาก
- ช่วยยกมุมปากขึ้น เพิ่มความสดใสให้ใบหน้า
- ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก
- ช่วยปรับริมฝีปากให้เรียบเนียน ทาลิปแล้วไม่ตก
ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ โดยแพทย์จะตรวจประเมินปัญหา และลักษณะริมฝีปากเดิม ทั้งความหนา ความกว้าง และสัดส่วนของริมฝีปาก เพื่อวางแผนการฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างเหมาะสม
- งดรับประทานยาบางประเภท
ควรงดรับประทานยา และอาหารเสริมบางประเภท ทั้งยาต้านการอักเสบ และยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม หรือกระเทียม
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวม ช้ำ และอักเสบ
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
ควรงดการสครับปาก ขัดปาก และใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เนื่องจากอาจทำให้ริมฝีปากระคายเคือง และเสี่ยงต่อการอักเสบได้
- งดทำหัตถการ ทรีตเมนต์ และเลเซอร์
ควรงดการทำหัตถการ ทรีตเมนต์ และเลเซอร์บริเวณริมฝีปาก เนื่องจากอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง อักเสบ และบวมช้ำหลังฉีด
- ควรดื่มน้ำ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมอย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปาก
ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด และกดบริเวณริมฝีปากอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
- หลีกเลี่ยงการทาลิปสติกสี
ควรหลีกเลี่ยงการทาลิปสติกสีในช่วง 12 – 24 ชั่วโมงแรก โดยเฉพาะลิปสติกเนื้อแมตต์ที่มี Pigment เข้มข้น เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังฉีดได้
- งดการสัมผัสความร้อน
ควรงดการสัมผัส หรือโดนความร้อนบริเวณริมฝีปาก เช่น ดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนจัด หรือรับประทานอาหารที่มีความร้อนสูง เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ และสลายตัวเร็วได้
- งดการออกกำลังกายหนัก
ควรงดการออกกำลังกายหนัก หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวมช้ำ และทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวม ช้ำ และอักเสบ
- งดรับประทานอาหารดิบ ของหมักดอง
ควรงดรับประทานอาหารดิบ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ และของหมักดอง เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอักเสบหลังฉีดได้
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
ควรงดการสครับปาก ขัดปาก และใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เนื่องจากอาจทำให้ริมฝีปากระคายเคือง และเสี่ยงต่อการอักเสบได้
- งดทำหัตถการ ทรีตเมนต์ และเลเซอร์
ควรงดการทำหัตถการ ทรีตเมนต์ และเลเซอร์บริเวณริมฝีปาก เนื่องจากอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง อักเสบ และบวมช้ำ
- ควรรีบพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติ
ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วน หากมีอาการผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เช่น บวมแดงรุนแรง รู้สึกปวดผิดปกติ ริมฝีปากเปลี่ยนสี หรือมีตุ่มหนอง
เลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก แก้ปากหนาที่ไหนดี?
- เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน
ควรเลือกคลินิกความงามที่ได้รับมาตรฐาน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งภายในคลินิกควรมีความสะอาด ปลอดโปร่ง และมีเครื่องมือแพทย์ที่ครบถ้วน
- เลือกฉีดฟิลเลอร์ปากโดยแพทย์
ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ปากโดยแพทย์ที่มีความรู้ และความเข้าใจ รวมถึงมีใบประกอบวิชาชีพจากทางแพทยสภา ซึ่งแพทย์จะต้องสามารถตรวจประเมินโครงสร้างใบหน้า ลักษณะริมฝีปากเดิม และวางแผนการฉีดอย่างเหมาะสม
- เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น
ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น ซึ่งตรวจสอบได้จากเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทย รวมถึงเลข Lot. การผลิตจะต้องตรงกันทุกจุด
- เลือกคลินิกที่นัดติดตามผลหลังฉีด
ควรเลือกคลินิกที่นัดติดตามผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อตรวจประเมินรูปทรงปากว่า เป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ หากเกิดปัญหาสามารถปรับแก้ได้อย่างรวดเร็ว
- เลือกคลินิกที่มีรีวิวการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ควรเลือกคลินิกที่มีรีวิวรูปภาพก่อน และหลังฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ได้หลัง
ปัญหาปากหนา ปากใหญ่ หรือปากไม่เท่ากันสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ทั้งการศัลยกรรมปาก และการฉีดฟิลเลอร์ปาก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน และไม่มีบาดแผลหลังทำ การฉีดฟิลเลอร์ปากก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องจากเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และสามารถแก้ไขรูปทรงปากได้อย่างหลากหลาย รวมถึงสามารถปรับแก้ง่ายหากผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าพึงพอใจ ทำให้ริมฝีปากมีรูปทรงที่สวยงาม ดูสมดุล และรับกับใบหน้าอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำให้เข้ารับการปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้แพทย์ประเมินโครงสร้างใบหน้า ลักษณะของริมฝีปากเดิม ทั้งความหนา ความกว้าง และสัดส่วนของริมฝีปาก พร้อมแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาปากหนาที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงาม และเป็นไปตามที่ต้องการอย่างแท้จริง
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด