ในปัจจุบันเทคนิคการปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวมีอยู่มากมายหลายวิธีให้ได้เลือกใช้บริการกัน โดยแต่ละวิธีมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้างรูปหน้า ผิวพรรณและปัญหาของแต่ละคน นอกจากเทคนิควิธีการในการปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวแล้วยังมีเรื่องของงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ต้องคำนึงถึงด้วย วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับงบประมาณการปรับรูปหน้า ทำหน้าเรียวมาเล่าสู่กันฟังค่ะ การฉีดโบ เริ่มจากวิธียอดฮิตที่หลายคนมักจะนึกถึง คือการทำหน้าเรียวด้วยการฉีดโบ ซึ่งเป็นโปรตีนสกัดจากแบคทีเรียที่มีความบริสุทธิ์สูง เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวจึงช่วยลดริ้วรอยลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้ หลังฉีดจะรู้สึกว่าใบหน้าตึงกระชับทันที แต่จะออกฤทธิ์เห็นผลเต็มที่หลังฉีดประมาณ 2-14 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละคน การทำหน้าเรียวด้วยวิธีนี้ควรเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อเล็กบนใบหน้าซึ่งต้องใช้ความละเอียดเป็นอย่างมาก สำหรับค่าบริการเริ่มต้นก็อยู่ที่หลักพันถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละคลินิกและจำนวนยูนิตที่ฉีด ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาแพทย์และปัญหาของผู้เข้ารับบริการแต่ละราย การทำไฮฟู่ การทำหน้าเรียวด้วยไฮฟู่ (Hifu) เป็นเครื่องมือที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ส่งพลังเข้าไปกระตุ้นชั้นกล้ามเนื้อระดับลึก เปรียบได้กับการเย็บดึงกล้ามเนื้อที่มีความละเอียดสูง จึงช่วยกระตุ้นชั้นเนื้อเยื่อให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย ทำหน้าเรียว ลดริ้วรอยได้ดี ที่สำคัญไม่ต้องเจ็บตัวโดนเข็มจิ้มให้หวาดเสียวกันด้วย โดยปกติหลังจากทำไฮฟู่จะเห็นผลทันทีประมาณ 10-30% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นภายในเวลา 1 เดือน ค่าบริการเริ่มต้นที่หลักพันถึงหลายพันบาทเช่นกัน ซึ่งมีคลินิกบางแห่งไม่จำกัดจำนวนช็อตในการยิงด้วยซ้ำ เรียกได้ว่ายิงกันทั่วหน้าราคาบุฟเฟ่ต์ไปเลย การทำ LLD Fat สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มและเหนียงต้องการปรับทำหน้าเรียว วิธีการทำ LLD Fat หรือ Lipolytic […]
ใครๆ ก็อยากมีใบหน้าแต่งตึงเรียวงามได้รูปกันทั้งนั้น หนึ่งในเทคนิควิธีที่ช่วยทำหน้าเรียว v-shape ได้ดั่งใจ นั่นคือการฉีดการฉีดโบ แต่ก็ยังมีหลายคนที่รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ที่จะต้องฉีดเอาสารบางอย่างเข้าไปในร่างกาย สำหรับคนที่ไม่เคยปรับรูปหน้าเรียวด้วยการฉีดโบมาก่อนไม่ต้องกังวลใจไป วันนี้เรามีคำแนะนำดีๆเกี่ยวกับการทำหน้าเรียวมาแนะนำกัน รับประกันว่าทั้งสวยและปลอดภัยแน่นอน มาทำความรู้จักการฉีดโบกันก่อน การฉีดโบ เป็นโปรตีนสกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งซึ่งนิยมใช้ในวงการความสวยความงามมายาวนาน เมื่อใช้ในปริมาณพอเหมาะจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับผิวช่วยปรับรูปหน้าเรียวได้ดี การทำงานของการฉีดโบเมื่อฉีดเข้าสู่บริเวณที่ต้องการแล้ว จะเข้าไปจับที่ปลายประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้นและจางลง ทำหน้าเรียว โดยระยะเวลาเห็นผลจะขึ้นอยู่กับลักษณะความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว ซึ่งต้องอาศัยเวลาตั้งแต่ 2-14 วัน แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ทำหน้าเรียวด้วยวิธีการฉีดโบอย่างไรจึงปลอดภัย การฉีดโบจัดได้ว่าเป็นยาที่มีการขึ้นทะเบียนเพื่อการรักษาริ้วรอย ทำหน้าเรียว ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ปัจจุบันทั่วโลกมีการใช้โการฉีดโบเพื่อทำหน้าเรียวอย่างแพร่หลายมานานแล้ว จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย เพียงแต่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน สามารถสืบย้อนกลับที่มาของยาได้ แบรนด์ที่นิยมใช้ในประเทศไทยมีทั้งของสหรัฐอเมริกาและของเกาหลี ซึ่งเป็นการฉีดโบบริสุทธิ์ที่มีความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์สามารถนำมาใช้ปรับรูปหน้าเรียวได้ดี นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือแพทย์ผู้ฉีดการฉีดโบต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับอนุญาตจากแพทยสภา ศึกษามาทางด้านความงามโดยเฉพาะ พร้อมทั้งการพิจารณาถึงประสบการณ์การรักษาที่ผ่านมา ยิ่งผ่านเคสการรักษามาเยอะ ยิ่งมีความเชี่ยวชาญชำนาญ สามารถให้คำแนะนำและแก้ปัญหาให้กับผู้เข้ามารับบริการโดยเฉพาะผู้ที่ต้องการทำหน้าเรียวได้อย่างตรงจุด เหนือสิ่งอื่นใดการเลือกใช้บริการจากสถาบันความงามที่ผ่านมาตรฐานการรับรองจะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการได้รับความปลอดภัยสูงสุด อย่างรมย์รวินท์คลินิกของเรา ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 15 ปี 24 สาขา เราจึงมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมที่จะให้บริการทุกท่านอย่างทั่วถึง และสามารถขอคำปรึกษาได้ตลอดเวลาหลังจากใช้บริการไปแล้วก็ยังสามารถติดตามผลได้ ข้อควรระวัง การที่อยากจะปรับรูปหน้าเรียว […]
หน้าไม่กระชับ ผิวหนังหย่อนคล้อย เป็นหนึ่งในปัญหาหลักของผู้หญิงที่พบเห็นกันได้อยู่เสมอ แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือเรื่องของอายุซึ่งเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องยอมจำนนต่อธรรมชาติเสมอไป โชคดีที่สมัยนี้มีเทคโนโลยีในการทำหน้าเรียวมากมายที่ทำให้เราสวยได้เพียงเจ็บตัวนิดเดียวเท่านั้น สำหรับบทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 3โปรแกรมยกกระชับปรับรูปหน้าเรียวที่ฮิตที่สุดในเวลานี้ค่ะ 3 โปรแกรมยอดฮิต ยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าเรียว Thermage เทอร์มาจ เป็นการใช้ความถี่ของคลื่นวิทยุส่งพลังงานความร้อนผ่านชั้นผิวด้านบนสุดเข้าไปทำงานในผิวชั้นล่าง หลักการคือคลื่นเสียงนี้จะทำให้โครงสร้างใต้ผิวหนังเกิดการสั่นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวกระชับตัวดีขึ้น ปรับรูปหน้าเรียวได้ Ulthera อัลเทาร่า เป็นการทำงานโดยคลื่นอัลตร้าซาวด์ ส่งผ่านพลังงานแบบไปที่ชั้นผิวหนังชั้น smas ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นลึก จึงทำให้เกิดการหดตัว Ulthera เป็นนวัตกรรมที่สามารถทำงานกับชั้นผิวที่ลึกที่สุดเลยก็ว่าได้ Hifu ส่วนไฮฟูนั้นใช้หลักการเดียวกันกับอัลเทร่า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับรูปหน้าเรียวเหมือนกัน เพียงแต่ความเข้มข้นของการส่งผ่านคลื่นจะน้อยกว่า แต่ข้อดีคือเจ็บน้อยที่สุด เหมาะสำหรับคนที่กลัวความเจ็บ Thermage ต่างกับ Ulthera และ Hifu อย่างไร เป็นอะไรที่ทำให้หลายคนสับสนพอสมควรระหว่างตัวช่วยในการยกกระชับทั้ง 3 ตัว กับ เทอร์มาจ อัลเทาร่า และ ไฮฟู ก่อนอื่นเลยขอแบ่งตามประเภทของคลื่นก่อน โดย “เทอร์มาจ เป็นการใช้ความถี่ของคลื่นวิทยุ”[ ส่วน “อัลทาร่า และ ไฮฟู […]
Hifu นวัตกรรมความงามที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปรับรูปหน้าเรียว ทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิว จุดเด่นของมันคือการยิงคลื่นโดยทำให้เกิดแผล เป็น shot เล็กๆ จากภายในโดยที่ผิวหน้าด้านนอกไม่มีเลือดออกเลย จากนั้นร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเอง เป็นการปรับรูปหน้าเรียวโดยที่ไม่ต้องเติมสารใดเข้าสู่ร่างกาย จึงทำให้หลายคนมั่นใจว่าจะไม่เกิดความเสี่ยงต่อการแพ้ค่ะ ว่าแต่ Hifu จะได้ผลหรือไม่ จะมีข้อเสียอย่างไรถ้าอยากรู้ตามมาดูกันค่ะ ผู้ใดที่เหมาะสำหรับการทำ Hifu Hifu ขึ้นชื่อในเรื่องของการปรับรูปหน้าเรียว เพิ่มความกระชับ ลดความหย่อนคล้อย เก็บกรอบหน้า ทำให้หน้าได้รูปสวยคมขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันเยอะบริเวณเหนียง คาง จะเหมาะสำหรับการทำ Hifu เป็นอย่างมาก โดยการทำ Hifu จะตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแต่อยู่ในระดับที่เพิ่งเริ่มหรือผิวหย่อนคล้อยไม่มาก เพราะมีระดับความแรงและราคาที่เหมาะสม แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยมากๆ อาจจะต้องทำร่วมกับโปรแกรมดูแลผิวหน้าชนิดอื่น หรือเพิ่มความแรงขึ้นเป็นการยิง Shot ด้วยโปรแกรมที่เรียกว่า Ulthera แทน การทำ Hifu เจ็บหรือไม่ การทำ Hifu ถ้าบอกว่าไม่เจ็บเลยก็คงจะเป็นเรื่องที่โกหก เพราะการยิง Shot ผ่านผิวหนังลงไปนั้นมันจะเกิดความรู้สึกหน่วง ๆ บ้าง หรือในจุดที่ยิงผ่านส่วนโครงหน้าที่เป็นกระดูก ก็จะทำให้ใบหน้าของเราเกิดความหน่วงมากขึ้น หรือเจ็บแบบแปล๊บๆ (เป็นระดับที่ทนได้) แต่นั่นคือสัญญาณที่ดี […]
เมื่อใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา หลายคนก็ต้องเริ่มหาตัวช่วยที่จะทำให้หน้ายังคงความสวยใสเหมือนวัยรุ่นดังเดิม “การร้อยไหม” เป็นวิธีปรับรูปหน้าเรียวอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมเสมอมา หลักการคือ ร้อยเส้นไหมชนิดพิเศษเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นร่างกายก็จะทำหน้าที่สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ผิวเราสวยใสเต่งตึงตามที่ต้องการ ไหมมีกี่ประเภท สมัยก่อนไหมที่นิยมในการนำมาร้อยปรับรูปหน้านั้นทำมาจากวัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโลหะหนัก (ทองคำ) หรือพลาสติก(พอลิโพไพรลีน) ที่ทนความร้อนสูงและไม่ละลายง่าย แต่ในระยะยาวกลับปรากฏว่าไหมที่ไม่ละลายอาจนำมาซึ่งผลเสียที่เยอะกว่าเช่นเส้นไหมทะลุเพราะชั้นผิวหนังและชั้นไขมันใต้ผิวหนังของเราบางลง ปัจจุบันนี้ จึงนิยมการใช้ “ไหมละลาย” ซึ่งเป็นไหมสังเคราะห์ชนิดพิเศษที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ในวงการความงาม การปรับรูปหน้าเรียวโดยเฉพาะ มีทั้งไหม PDO (Polydioxanone) และไหม PGA (Synthetic Absorbable Monofilament) มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง ได้แก่ ไม่ทำปฏิกิริยาที่ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ, ช่วยลดอาการอักเสบและติดเชื้อ, เมื่อไหมหมดอายุการใช้งาน (6-8 เดือน) มันจะสามารถสลายหายไปได้เอง, และยังถูกออกแบบมาหลากหลายรูปแบบเพื่อคุณสมบัติที่เฉพาะเจาะจงขึ้น ไหมสปริง (Spring Lifting) หรือบางคนเรียกว่าไหมเกลียว คุณลักษณะจะมีซิลิโคนกลมพันอยู่รอบเส้นไหม เพื่อเกี่ยวและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าเรียวได้มากขึ้น ไหมก้างปลา (Barb) เป็นไหมที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันนี้ โดยเป็นไหมที่ถูกบากให้เป็นเงี่ยงออกมา เมื่อทำการร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังเงี่ยงก้างปลาก็จะเกี่ยวพันเนื้อเยื่อให้ยกขึ้นและดึงให้ตึงขึ้น ไหม Molding PDO เป็นไหมอีกประเภทที่ได้รับความนิยมพอๆกับไหมก้างปลา คุณสมบัติเด่นคือเป็นไหมที่หล่อขึ้นมาทั้งเส้น จุดบากมีความแข็งแรง […]