ปัญหาผิวจากการสัก “ลบรอยสัก” ด้วย Laser Nu-Pico ปราบได้ทุกรอย

10

ถึงแม้ว่าการสักลาย หรือการมีรอยสัก จะเป็นสิ่งที่ชื่นชอบของทั้งชาย และ หญิง ที่มีความชื่นชอบการมีรอยสักบนเรือนร่าง เป็นการสร้างสีสันความสวยงาม หรือ สัญลักษณ์บางอย่างบนร่างกาย แต่ด้วยเวลาผ่านไปเกิดความรู้สึกว่าอยากลบรอยสัก ไม่อยากให้มีรอยสักอยู่บนร่างกายแล้ว คงต้องหาวิธีเอาออกไป แต่การเอาออกเป็นเรื่องค่อนข้างหนักใจ คิดหนักอยู่ไม่น้อย เพราะการเอาออกต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่ไม่น้อยในการลบรอยสักออก ตอนคิดจะสักก็ต้องจ่าย พอจะลบก็ยังต้องจ่าย เสียเงินแล้วไม่พอยังต้องเจ็บตัวอีกต่างหากโดนทั้งขึ้นทั้งล่องสินะ

ปัจจุบันมีวิธีลบรอยสักออกจากผิวอยู่หลายวิธี หลายรูปแบบ เช่น การลบด้วยน้ำยาลบรอยสัก ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดเข้าไปกัดผิว  หากดูแลแผลไม่ดีมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ หรือจะใช้วิธีสักสีทับลงไป วิธีนี้เหมาะสำหรับการลบรอยสักที่ไม่มากเพราะหากสักสีเนื้อทับเป็นบริเวณกว้างมากจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ และวิธีที่ได้รับความนิยม และได้ผลดีที่สุดคือ การลบรอยสักด้วยแสงเลเซอร์ Nu-Pico  เป็นวิธีการใช้แสงเลเซอร์ยิงเข้าไปแตกตัวเม็ดสีที่มีอยู่ใต้ผิวหนังให้มีขนาดเล็กลง และจะถูกขจัดออกไปทางระบบต่อมน้ำเหลือง โดยไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นในบริเวณที่ลบรอยสัก แต่อาจจะเกิดรอยบวมแดง จึงจำเป็นต้องมีการพักฟื้นและดูแลผิวบริเวณนั้น อย่าให้แผลโดนน้ำ และครีม โลชั่น ต่างๆ และหลีกเลื่ยงผิวจากแสงแดด เมื่อแผลตกสะเก็ดแล้ว ไม่ควรแกะสะเก็ดออก ควรปล่อยให้หลุดไปเอง

shutterstock 1054479626

Nu-Pico คืออะไร 

Nu-Pico เป็นเทคโนโลยี Pico Laser ที่จะช่วยในการรักษาปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดสีผิว หรือเมลานิน เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือลบรอยสัก เหมาะกับผู้มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ มีฝ้า กระ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ นอกจาก Nu-Pico จะช่วยลดเลือนรอยดำฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงลบรอยสัก การสักต่าง ๆ ตามร่างกายได้แล้ว Nu-Pico ยังสามารถช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ยังช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน รูขุมขนเล็กละเอียดขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นหลุมสิวได้ด้วย

ข้อดีของ LaserNu-Pico

  • ไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสม ทำให้ผิวไม่ไหม้ Nu-Pico เปลี่ยนหลักการในการรักษา ลบรอยสักโดยไม่มีความร้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง พลังงานของ Nu-Pico จะถูกปล่อยออกมาเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก สำแสง Laser จะเข้าไปทำให้เม็ดสีแตกออกเป็นอนุภาคเล็กๆ ทันที โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสม ไม่เสี่ยงต่อผิวไหม้ ลดความเสี่ยงการเกิดรอยดำ เหมาะกับผิวของคนเอเชีย คนผิวคล้ำก็สามารถทำได้
  • การรักษาจะเห็นผลรวดเร็วขึ้น ลำแสงของ Laser ทำให้เม็ดสีแตกออกแบบละเอียดยิบ ทำให้ร่างกายสามารถขจัดซากเม็ดสีนี้ออกไปได้โดยง่าย จึงช่วยทำให้จุดด่างดำ ฝ้า กระ หรือแม้แต่รอยสัก จางลงไปด้วย
  • LaserNu-Pico มีความยาวของคลื่นให้เลือกใช้หลายช่วงคลื่นจึงสามารถรักษาได้ครอบคลุมทั้งปัญหาเม็ดสีที่อยู่ตื้นและลึก และรักษา ลบรอยสักได้ทุกสี โดยไม่ทำให้เกิดสะเก็ดแผลหลังการรักษา หรือ เกิดน้อยมาก ไม่ต้องพักฟื้น ช่วยให้สามารถทำการรักษาต่อเนื่องได้รวดเร็วขึ้น
  • การรักษา ลบรอยสักด้วย Laser Nu-Pico ไม่ต้องกลัวเจ็บ จุดเด่นที่สำคัญของ Nu-Pico คือเจ็บน้อย ไม่ต้องแปะยาชา ก็สามารถทำได้เลย และยังช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใสจึงเหมาะกับคนที่กลัวความเจ็บเป็นอย่างมาก

เป็นอย่างไรบ้าง การสักอาจสร้างความยุ่งยาก ลำบาก ในการใช้ชีวิตไปบ้าง ตอนสักอาจไม่คิดเยอะเท่าไหร่ พอสักไปแล้ว ต้องลบออกนี่สิคิดหนัก แถมกระเป๋าเบา กันไปเลยใช่มัยละ แต่ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ช่วยจบปัญหาให้กับชีวิตเราได้  การลบรอยสักด้วย Laser Nu-Pico นี้ปลอดภัยที่สุดแล้ว แต่การจะลบรอยสัก ก็ต้องเลือกหน่อยแล้วกันว่า สถานที่ให้บริการนั้นได้มาตรฐาน ปลอดภัย มีแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่ และคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผิวที่กลับมาเรียบเนียนสวยได้ดั่งเดิม..ช่วยเติมความมั่นใจ ไม่ต้องมากังวลกับผิวที่ไม่พึงประสงค์กันแล้วใช่ไหมคะ..

ไร้ขนทุกมุมมอง เลเซอร์ “กำจัดขน” ให้ผิวเนียนใส บอกลาหนังไก่ได้เลย..

52

สาวๆ ทุกคนไม่ว่าใครก็อยากมีวงแขนที่เนียนเรียบ แม้ว่า “ขนรักแร้” จะเป็นสิ่งเกิดขึ้นและมีมาตามธรรมชาติบางคนมองเป็นเรื่องธรรมดา บางคน เป็นเรื่องที่กังวล และ หนักใจอยู่ไม่น้อย จนต้องหาวิธีกำจัดขน ปัญหาเจ้าขนรักแร้ ที่พร้อมที่จะโพล่ขึ้นมาทักทายเราตลอดเวลา เผลอหน่อยเดียว อ้าวมาอีกแล้ว อยากใส่แต่เสื้อเกาะอก สายเดี่ยว แขนกุด โชว์ไหล่สวย ๆ ซะหน่อย เป็นอันจบ หากไม่ได้กำจัดขนนี้ออกไป 

หลายคนคงมีประสบการณ์ ขนแขนสแตนด์อัพ ก็ทำการกำจัดขน ด้วยการโกน ถอน  แว็กซ์ ผ่านกันมาแล้วทั้งนั้น วิธีการกำจัดขนที่ว่ามานี้ขนจะขึ้นมาเป็นตอเร็วมาก ๆ แถมยังดำคล้ำไม่เรียบเนียน เป็นหนังไก่ให้ปวดใจกันถ้วนหน้า แต่ไม่ต้องกังวลใจไป ปัจจุบัน ตามคลินิก หรือ ศูนย์บริการความงามมีให้บริการหลากหลาย ลองเปลี่ยนวิธีมาทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ดูสิ ซึ่งมั่นใจได้เลยสามารถกำจัดขนได้อย่างถาวร แถมบางที่ก็มีโปรรักแร้ขาวกลิ่นตัวแรง ใต้วงแขนดำ  ได้อีกด้วยนะ วงในการบิวตี้ เค้ามีบริการครบครัน เผื่อผิวใต้ววงแขนของเราจะได้ขาวเนียนใส ไร้ปัญหาขนดกมากวนใจ

การทำงานของเลเซอร์

การใช้เลเซอร์ เป็นวิธีกำจัดขนโดยแสงเลเซอร์ โดยลำแสงจะเข้าไปจับกับเม็ดสี ของขนในระยะที่ขนกำลังเจริญเติบโต วิธีนี้มีข้อดีคือไม่เจ็บ การใช้เลเซอร์สามารถกำจัดขนได้ 70-90 % ในครั้งแรก ๆ และหลังจากทำซ้ำหลาย ๆครั้ง  ขนที่เหลือเส้นขนจะเล็กลง บางลง สีจางลง และการงอกมาใหม่ช้าลง โดยทั่วไปเส้นขนที่ถูกทำลายได้ดีมีทั้งหมด 3 ระยะ ซึ่งระยะที่โตเต็มจะได้ผลดีที่สุด การทำเลเซอร์กำจัดขนควรทำต่อเนื่องกัน 3-6 ครั้ง ขึ้นไป ขนจึงจะค่อยลดลงอย่างเห็นได้ชัด

คลินิค หรือ ศูนย์บริการความงาม นอกจากการทำเลเซอร์กำจัดขนแล้ว ยังมีโปรแกรม ที่น่าสนใจอีก ที่สามามรถจัดการกับผิวใต้วงแขน ให้เรียบเนียนสวยที่อยากแนะนำ นอกจากการทำเลเซอร์กำจัดขน เพื่อเผยผิวสวย เปิดผิวใสใต้วงแขนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

การทำเลเซอร์ลดเหงื่อใต้วงแขน

การที่คนเรามีเหงื่อใต้วงแขนมาก ๆ สามารถทำให้มีกลิ่นตัวแรง   การทำเลเซอร์เพื่อลดเหงื่อใต้วงแขนสามารถทำได้เช่นกัน

การรักษาใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อย 1-2  ครั้ง ก็เห็นผล และผลที่ได้คงอยู่ถาวร หลังการรักษาจะมีแผลเล็กๆ ขนาดประมาณ 3-5 มม. บริเวณใต้วงแขน ซึ่งแผลจะจางหายไปได้เอง และอาจมีอาการบวมหลังการรักษาได้บ้าง การรักษาจะเริ่มเห็นผลหลังการรักษาไปแล้วประมาณ1-2  เดือน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลนะค่ะ

การฉีดโบลดเหงื่อ

การฉีดโบ เพื่อลดเหงื่อ  การรักษาจะไม่มีแผลใดๆ หลังการรักษา และเริ่มเห็นผลหลังการรักษาภายใน1-2 สัปดาห์ การรักษาแต่ละครั้งนั้น ผลการรักษาจะคงอยู่ได้ประมาณ 4-6  เดือน

การลดรอยคล้ำบริเวณผิวใต้วงแขน

วิธีการนี้ เป็นการรักษาด้วย Whitening laser ซึ่งเป็นการใช้เลเซอร์ปรับเม็ดสี เวลาทำการรักษาจะรู้สึกอุ่นๆ บริเวณผิวนิดหน่อย ซึ่งสำหรับปัญหารักแร้หมองคล้ำอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การแพ้โรลออน  การโกน การถอน  การแว๊กซ์ หรือ จากฮอร์โมนเพศของแต่ละคน

image003 84

การทำทรีตเมนท์ลดรอยคล้ำ

การทำทรีทเมนท์ ลดรอยคล้ำใต้วงแขน วิธีนี้เป็นการรักษา รอยด่างดำ รอยหมองคล้ำ นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว จึงช่วยให้ผิวเนียบเรียบขึ้น เต่งตึง เพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว สามารถโชว์ผิวใต้วงแขนได้อย่างมั่นใจ

สาเหตุของการที่มีขนใต้วงแขนนั้น มีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบด้วย เช่น พันธุกรรม ,ฮอร์โมน ,การรับประทานยา หรือวิตามิน บางตัว ก็อาจมีผลต่อการเกิดขึ้น และเจริญเติบโตของเส้นขน ที่มากน้อยแตกต่างกันไป การทำเลเซอร์กำจัดขนนั้นสามารถทำลายรากขน ได้ 70-90 % ก็จริง แต่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง 3 – 6 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การกำจัดขนเป็นที่น่าพึงพอใจ ก่อนเข้ารับบริการรักษาควรงดการถอนหรือแวกซ์ ประมาณ  3-8 วัน  แต่สามารถโกนได้ แต่ให้เส้นขนขึ้นมาให้เต็มที่ก่อน เพื่อการรักษาที่เห็นผลได้ชัดเจน  เพราะทำให้รู้ปริมาณเส้นขนทั้งหมดที่ขึ้นอยู่ในบริเวณพื้นที่ ที่ต้องการกำจัดขนออกไป และที่สำคัญการทำการรักษาควรได้รับการดูแลจากแพทย์ ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงนะค่ะ

ผิวหน้าตึง ผิวแข็งแรง HIFU ยก “กระชับผิวหน้า” ปรับรูปหน้า

2

ถึงแม้ว่าคนเราต่างมีรูปโครงหน้าที่แตกต่างกัน ตามโครงสร้างของแต่ละคน แต่ทุกคนย่อมมีความต้องการเหมือนกันคือ การมีรูปหน้าได้รูป กระชับผิวหน้า ผิวหน้าหน้ากระจ่างใสด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งสาว ๆ ด้วยแล้ว ผิวหน้านี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนถวิลหา อยากมีหน้าใส หน้าสวย ผิวเรียบเนียน ตึงกระชับ ต้องสรรหาวิธีการใหม่ ๆ มาบำรุงผิวหน้า เพื่อชะลอริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของใบหน้าอยู่ร่ำไป

ต้องสรรหาครีมมาบำรุงผิวหน้าสารพัด ทั้ง เซรั่ม ทรีทเม้นต์  ตัวไหนที่ว่าดี จัดมาทุกตัว ได้ผลบ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ว่ากันไป แต่วันนี้ที่อยากแนะนำ นวัตกรรมตัวใหม่ล่าสุด ที่กำลังเป็นที่นิยมตามสถาบันเสริมความงามต่าง ๆ ก็คงต้องเป็นตัวนี้เลย HIFU  เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ผิวหนัง ช่วยยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

คุณสมบัติของ HIFU

HIFU คืออะไร

HIFU หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง เป็นเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับการรักษาด้านความงามหลักการทำงานของ HIFU คือ ultrasound จะถูกส่งผ่านไปยังเนื้อเยื่อแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน อุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส พลังความร้อยจะเกิดขึ้นในบริเวณที่โฟกัสเท่านั้น โดยไม่ส่งผลต่อชั้นหนังกำพร้า  ดังนั้นจึงไม่ทำให้ผิวแสบไหม้ หรือเกิดรอยดำ การรักษาที่ให้ผลดีของเทคโนโลยี  HIFU คือ ช่วยปรับหน้าที่ห้อย หย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัดเจน มุมปากตก มีร่องมุมปาก กระชับผิวหน้าขึ้น

ผลลัพธ์ยกกระชับด้วย HIFU

  • หลังทำจะเห็นผลภายใน  1 สัปดาห์ 20% กระชับผิวหน้า ผิวจะอิ่มฟูขึ้น การทำหลายๆ ครั้งต่อเนื่องจะช่วยให้เห็นผลที่ชัดเจน และคงทนขึ้น 
  • ดีกว่า การร้อยไหมคือ ไม่มีสารแปลกปลอมเข้าใบหน้า ปลอดภัยในระยะยาว และ ไม่เจ็บ หลังทำไม่มีรอยช้ำ หรือแผลใดๆ
  • เข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังระดับลึก   ถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ผิวหนังในชั้น SMAS หดตัว คล้ายกับการเย็บที่เนื้อ เพื่อทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนหรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งเป็นการดึงหน้าที่ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น
  • เนื้อเยื่อจะเกิดขึ้นใหม่ ผิวจะมีความเรียบเนียนขึ้นภายใน 3 เดือน เมื่อทำแล้วจะคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี  แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแล รักษาผิวหลังการใช้บริการ และสภาพผิวของแต่ละคน
  • จำนวนครั้งของการทำ HIFU ในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน โดยขึ้นอยู่กับปัญหาของรูปหน้าแต่ละคน ซึ่งควรจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่ควรเว้นระยะห่างจากการทำจากครั้งแรกประมาณ 2 เดือน
image003

ดูแลอย่างไรหลังการทำ HIFU

ควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อเป็นบำรุงผิวที่เกิดขึ้นใหม่ให้คงอยู่ได้อย่างยาวนาน ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ แล้วหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง หากมีอาการเมื่อยหรือรู้สึกตึงๆผิวก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ ข้อควรระวัง ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรงๆ รวมทั้งไม่ควรสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง มากกว่าการสร้างคอลลาเจน

เทคโนโลยีของ HIFU คือการดูแลและยกกระชับผิวหน้าที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับผิวหน้าได้อย่างชัดเจน บางคนแม้ทำเพียงครั้งแรกก็รับรู้ถึงประสิทธิภาพที่ได้มา ให้ความรู้สึกของความแตกต่างระหว่างก่อนทำและหลังทำได้ดี จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่รักสวยรักงาม และผู้ที่ต้องการดูแลผิวตั้งแต่อายุไม่มากนักในราคาที่พอจับต้องได้เทคโนโลยีความงามสมัยนี้ทำให้ผู้หญิงอย่างเราเดินต่อไปได้อย่างเริ่ด ๆ สวยๆ ทุกอย่างก้าวไปเลย

สัญญาณเตือนปัญหาช่องคลอดผิดปกติของสาว ๆ

246

เกิดมาเป็นผู้หญิงแท้จริงนั้นแสนลำบาก ใครจะไปรู้ว่านอกจากจะต้องเป็นคนที่สวย รวย เก่ง และดีแล้วนั้น เรื่องสุขภาพก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลย เพราะสุขภาพที่ไม่ดีนั้นก็ส่งผลต่อบุคลิกภาพของสาว ๆ ทำให้เสียความมั่นใจ มีความกังวล นับว่าเป็นปัญหาหนักของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นสาวโสดหรือคนที่มีคู่แล้วก็ตามเพราะเกิดมาเป็นผู้หญิงต้องไม่หยุดสวย และสุขภาพนั้นยังต้องดีด้วย

ปัจจุบันพบว่าผู้หญิงมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเป็นจำนวนม๊ากจริงๆ โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดหรือน้องสาวของเรานั่นเอง เช่น ช่องคลอดหลวม รู้สึกมีลมออกทางช่องคลอด ปัสสาวะเล็ด อาการตกขาว น้องสาวมีกลิ่น ซึ่งเป็นปัญหาที่เราไม่ควรละเลย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องทราบถึงสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกได้ว่าคุณอาจจะกำลังเจอปัญหาช่องคลอดผิดปกติอยู่นั่นเอง

1. ตกขาว เป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพได้ว่ามีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นกับร่างกายหรือไม่โดยเฉพาะ ปัญหาช่องคลอด มีสีและกลิ่น คือ ก่อนมีประจำเดือน, หลังมีประจำเดือน และช่วงไข่ตก โดยช่วงไข่ตกจะมีตกขาวมากที่สุด มีลักษณะเป็นมูกใสเหนียวยืดได้ เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศหญิง ก่อให้เกิดปัญหาช่องคอลด อย่างไรก็ตามตกขาวทั้งสามช่วงควรมาไม่นาน คือ ไม่เกินสามวัน หากตกขาวมาทั้งเดือน มีปริมาณมาก มีกลิ่น หรือมีสีเช่นสีเขียว สีเหลือง สีช้ำเลือดช้ำหนอง อย่ามัวแต่ใส่แผ่นอนามัยซับไว้ ควรพบคุณหมอโดยด่วนค่ะ

2. น้องสาวมีกลิ่น ตามปกติกลิ่นของบริเวณอวัยวะเป็นกลิ่นตามธรรมชาติ  ซึ่งแต่ละคนจะมีกลิ่นเฉพาะตัว  แต่กลิ่นที่ถือว่าผิดปกติ  ได้แก่

  • กลิ่นเหม็นเปรี้ยว กลิ่นในลักษณะนี้ มักจะเกิดจากการติดเชื้อรา การติดเชื้อรา ถือว่าไม่อันตรายมากนัก แต่ทำให้เกิดความรู้สึกรำคาญ เพราะจะมีอาการคันร่วมด้วย ไม่ถือว่าเป็นปัญหาช่องคลอด
  • กลิ่นเหม็นหืน กลิ่นเหม็นหืนหรือเหม็นอับเหมือนกลิ่นบูด กลิ่นนี้มักจะเกิดขึ้นจากการดูแลความสะอาด และสุขอนามัย ต้องรักษาความสะอาดโดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือนควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อลดปัญหาช่องคลอดผิดปกติ
  • กลิ่นเหม็นเค็มเหมือนน้ำปลา มักเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโรคตัวร้ายหรือพยาธิช่องคลอด กลิ่นแบบนี้ไม่ปลอดภัย อาจเป็นปัญหาช่องคลอดได้ควรรีบพบคุณหมอนะคะ
  • กลิ่นเหม็นเหมือนอุจจาระ มักติดเชื้อที่ปนเปื้อนมาจากอุจจาระ  เวลาทำความสะอาดควรใช้กระดาษชำระเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้อุจจาระติดมาบริเวณช่องคลอด เชื้อที่อาจติดมาจากอุจจาระ เช่น เชื้อบิด
  • กลิ่นเหม็นเน่า แบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะกลิ่นเหม็นเน่าสะท้อนว่า คุณกำลังมีปัญหาช่องคลอดที่ผิดปกติ กลิ่นเหม็นเน่าอาจแสดงถึงเชื้อของมะเร็งร้ายได้

3. ช่องคลอดไม่กระชับ ช่องคลอดเป็นอวัยวะที่มีลักษณะเป็นท่อและมีกล้ามเนื้อภายใน จึงมีการยืดหดได้ พื้นผิวภายในช่องคลอดเป็นเยื่อบุนิ่ม ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยไกลโคเจน สภาวะที่เหมาะสมต่อการป้องกันการเกิดการติดเชื้อคือสภาวะที่มีความเป็นกรด ชั้นลึกลงไปของผนังช่องคลอดคือ กล้ามเนื้อ เกิดเป็นปัญหาช่องคลอด เมื่อพิจารณาลึกลงไประดับเซลล์พบว่า เมื่อเกิดการหย่อนของช่องคลอด  มักเกิดจากเสื่อมสลายของเส้นใยคอลลาเจนที่ผนังช่องคลอดซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างสำคัญรักษาความยืดหยุ่นของช่องคลอด เดิมเราเข้าใจว่าปัญหาช่องคลอดหย่อนจะพบเฉพาะในผู้หญิงสูงอายุ หรือวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลเยื่อบุช่องคลอด แต่ก็พบว่าปัญหาช่องคลอดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือมีบุตรแล้วแม้ยังไม่สูงวัยได้เช่นกัน ซึ่งการมีปัญหาเรื่องช่องคลอดไม่กระชับนั้นมีหลากหลายวิธีในการช่วย เช่นการทำรีแพร์ หรือการกระชับช่องคลอดด้วยคลื่นวิทยุ ไม่เจ็บ ไม่ปวดด้วยนะเออ แถมทำเสร็จเดี๋ยวนั้น เดินได้ปกติเอาสิๆแบบนี้ต้องรีบแล้วค่ะ

4. ปัสสาวะเล็ด ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาช่องคลอดได้ หากผนังช่องคลอดหรือมดลูกหย่อนมากจนดันท่อปัสสาวะให้เลื่อนจากตำแหน่งปกติ ทำให้เวลาไอ หรือจาม อาจมีปัสสาวะเล็ดได้