วิธีการเลือกฟิลเลอร์ เลือกฉีดอย่างไรให้เหมาะสม?

วิธีเลือกฟิลเลอร์

วิธีการเลือกฟิลเลอร์ เลือกฉีดอย่างไรให้เหมาะสม?

การฉีดฟิลเลอร์ กลายเป็นหนึ่งในหัตถการความงามยอดนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยเติมเต็มริ้วรอย ยกกระชับปรับรูปหน้าให้สมดุล และเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิว โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ คือ “วิธีการเลือกฟิลเลอร์” ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้เหมาะสม ไม่เสี่ยงอันตราย และได้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ วันนี้ รมย์รวินท์คลินิกจะมาแนะนำวิธีการเลือกฟิลเลอร์อย่างละเอียด ตั้งแต่ประเภทของเนื้อฟิลเลอร์ ยี่ห้อฟิลเลอร์ ไปจนถึงวิธีการเช็กฟิลเลอร์แท้-ปลอม เพื่อช่วยให้คุณเลือกฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างมั่นใจ และเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพค่ะ

 

รวมวิธีการเลือกฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี? เลือกอย่างไรให้ไม่เสี่ยงอันตราย
รวมวิธีการเลือกฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี? เลือกอย่างไรให้ไม่เสี่ยงอันตราย

 

รวมวิธีการเลือกฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี? เลือกอย่างไรให้ไม่เสี่ยงอันตราย

รู้จักฟิลเลอร์ก่อนเลือกฉีด

ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักของ HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่เลียนแบบสารในร่างกาย สามารถพบได้บ่อยในผิวหนัง โดยมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำสูง เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะเข้าไปเติมเต็มในบริเวณที่ขาดปริมาตร ยกพยุงโครงสร้างผิว พร้อมเสริมโครงสร้างใบหน้าให้มีความสมดุล ทำให้ผิวเรียบเนียน แน่นฟู และมีมิติอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งหลังฉีดสามารถสลายตัวได้เองภายในระยะเวลา 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ และบริเวณที่ฉีด 

การฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นหัตถการยอดนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด และพักฟื้นนาน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขรูปหน้าอย่างเร่งด่วน แต่ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์ผู้ที่มีความชำนาญ ภายในคลินิกที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนค่ะ

 

วิธีการเลือกฟิลเลอร์ ควรพิจารณาจากอะไร?

การเลือกฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และยกกระชับปรับรูปหน้า ควรพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ซึ่งหนึ่งในปัจจัยหลักที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกฉีดฟิลเลอร์ คือ การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจาก อย. โดยถือเป็นการรับประกันได้ถึงคุณภาพ มาตรฐานในการผลิต และมีข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่สามารถตรวจสอบได้

นอกจากนี้ การเลือกใช้เนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว และบริเวณที่ฉีดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน แม้ว่าฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อจะมีส่วนประกอบหลักของ HA (Hyaluronic Acid) เหมือนกัน แต่ในแต่ละยี่ห้อก็มีเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ทั้งในเรื่องความหนาแน่น ความยืดหยุ่น การกระจายตัว และระยะเวลาในการคงอยู่ 

ดังนั้น การประเมินสภาพผิวโดยแพทย์จึงเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และวิเคราะห์ปัญหาผิวอย่างละเอียด พร้อมให้คำแนะนำในการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม แลดูเป็นธรรมชาติ และไม่เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงในระยะยาวค่ะ

 

คุณสมบัติเฉพาะของฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?
คุณสมบัติเฉพาะของฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

 

คุณสมบัติเฉพาะของฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

  • ความแข็ง (Elasticity) โดยฟิลเลอร์ที่มีค่าความแข็ง หรือความหนาแน่นสูง จะสามารถคงรูปได้ดี จึงเหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเสริมโครงสร้างใบหน้าในชั้นกระดูก
  • ความยืดหยุ่น (Plasticity, Cohesiveness) โดยฟิลเลอร์ที่มีค่าความยืดหยุ่นสูง จะสามารถทนต่อแรงขยับได้ดี จึงเหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหว หรือขยับบ่อย ๆ
  • การกระจายตัว (Tissue Integration) โดยฟิลเลอร์ที่สามารถกระจายตัวได้ดี และกลมกลืนเข้ากับผิวได้อย่างเรียบเนียน จะเหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณกว้าง หรือผู้ที่มีผิวแห้ง บอบบาง
  • ค่าความอุ้มน้ำ (Water Holding) โดยฟิลเลอร์ที่มีค่าความอุ้มน้ำสูง จะสามารถดูดซับน้ำได้ดี ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น และอิ่มฟูมาก จึงเหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเติมเต็ม หรือเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว
  • การเชื่อมพันธะ (Crosslink) ซึ่งจะมีผลต่อการคงตัว และระยะเวลาในการสลายตัวของฟิลเลอร์ โดยฟิลเลอร์ที่มีการเชื่อมพันธะเยอะ จะสามารถคงอยู่ได้นาน และสลายตัวช้า 
  • ขนาดอนุภาคของฟิลเลอร์ (Particle Size) โดยฟิลเลอร์ที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ จะสามารถคงอยู่ได้นาน และมีค่าความแข็งสูง จึงเหมาะสำหรับการฉีด เพื่อยกกระชับปรับรูปหน้าในผิวชั้นลึก

 

เลือกเนื้อฟิลเลอร์อย่างไรให้เหมาะสม?

วิธีการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับปัญหา และบริเวณที่ฉีดนั้น มีความสำคัญอย่างมากในการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลลัพธ์ที่ได้ โดยส่วนใหญ่ เนื้อฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง

  • ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เป็นฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อเจลมีความหนืด ยืดหยุ่น และหนาแน่นสูงคล้ายก้อนอิฐ ซึ่งสามารถคงรูปได้อย่างยาวนาน และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยจะเหมาะสำหรับการฉีดชดเชยในชั้นกระดูกที่เกิดจากการทรุดตัวลงตามวัย เพื่อยกกระชับ และเสริมโครงสร้างใบหน้าให้มีความคมชัดมากขึ้น

 

ฟิลเลอร์เนื้อกลาง

  • ฟิลเลอร์เนื้อกลาง เป็นฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อเจลมีความยืดหยุ่น คงตัว และนิ่มระดับปานกลาง ซึ่งสามารถยึดเกาะได้ดี และปั้นทรงได้ง่าย โดยจะเหมาะสำหรับการฉีดเติมเต็ม เพิ่มปริมาตรให้ผิว และปรับรูปทรงในบริเวณต่าง ๆ

 

ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม

  • ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เป็นฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อเจลมีความอ่อนนุ่มคล้ายเยลลี่ และมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งจะไม่แข็ง และเหลวจนเกินไป โดยจะเหมาะสำหรับการเติมเต็ม และเพิ่มวอลลุ่มให้ผิวในบริเวณต่าง ๆ

 

ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด

  • ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เป็นฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อเจลมีความเหลว ละเอียด บางเบาเหมือนน้ำ ซึ่งสามารถกระจายตัวในชั้นผิวได้ดี และไม่เป็นก้อนง่าย โดยจะเหมาะสำหรับการฉีดในผิวชั้นตื้นบริเวณที่มีผิวบาง เพื่อเก็บรายละเอียดงานผิว และปรับปรุงคุณภาพผิวในบริเวณต่าง ๆ 

 

เลือกฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี?

ปัจจุบันในปี 2025 การฉีดฟิลเลอร์มีให้เลือกหลายยี่ห้อ โดยยี่ห้อที่นิยม และผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. มีดังนี้

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm 

  • Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกาที่ผลิตโดยบริษัท Allergan และได้รับความนิยมระดับโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งมีการใช้กระบวนการผลิต ผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า HYLACROSS ทำให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำดี ยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่มีการขยับบ่อย ต้องการเก็บรายละเอียดงานผิว และเทคโนโลยี VYCROSS ทำให้ฟิลเลอร์ยึดเกาะดี คงตัวสูง เหมาะสำหรับฉีดเติมเต็ม ยกกระชับผิว โดยในปัจจุบันฟิลเลอร์ Juvederm มีรุ่นให้เลือกอย่างหลากหลายที่ตอบโจทย์กับปัญหาเฉพาะจุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้สามารถคงอยู่ยาวนาน ประมาณ 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ และสภาพผิวแต่ละบุคคล

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane 

  • Restylane เป็นฟิลเลอร์จากสวีเดนที่ผลิตโดยบริษัท Galderma และได้รับความนิยมระดับโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งมีการใช้กระบวนการผลิต ผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า NASHA ทำให้ฟิลเลอร์คงรูปดี อุ้มน้ำสูง เหมาะสำหรับฉีดเพิ่มความชุ่มชื้น เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และเทคโนโลยี OBT ทำให้ฟิลเลอร์กลืนกับผิวได้ดี ยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดบริเวณผิวบาง เพื่อเติมเต็ม หรือปรับรูปทรงในบริเวณต่าง ๆ โดยในปัจจุบันฟิลเลอร์ Restylane มีรุ่นให้เลือกอย่างหลากหลายที่ตอบโจทย์กับปัญหาเฉพาะจุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้สามารถคงอยู่ยาวนาน ประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ และสภาพผิวแต่ละบุคคล

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero

  • Belotero เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics และได้รับความนิยมระดับโลก ซึ่งมีการใช้กระบวนการผลิต ผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า CPM มาพร้อมกับ 3 คุณสมบัติพิเศษ ได้แก่ Cohesivity, Elasticity และ Plasticity ที่ทำให้ฟิลเลอร์เกาะผิวดี ยืดหยุ่นสูง และปรับแต่งรูปทรงง่าย โดยในปัจจุบันฟิลเลอร์ Belotero มีรุ่นให้เลือกอย่างหลากหลายที่ตอบโจทย์กับปัญหาเฉพาะจุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้สามารถคงอยู่ยาวนาน ประมาณ  6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ และสภาพผิวแต่ละบุคคล

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neauvia

  • Neauvia เป็นฟิลเลอร์จากอิตาลีที่ผลิตโดยบริษัท Matex Lab Group และได้รับความนิยมระดับโลก ซึ่งมีการใช้กระบวนการผลิต ผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า SXT และใช้ PEG เชื่อมพันธะระหว่างโมเลกุล ทำให้ฟิลเลอร์ทนต่อความร้อนดี ยืดหยุ่นสูง และลดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน โดยสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้ความร้อนได้ เช่น เลเซอร์ หรือกลุ่มเครื่องยกกระชับ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้สามารถคงอยู่ยาวนาน ประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ และสภาพผิวแต่ละบุคคล

 

เลือกฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี?
เลือกฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี?

 

เลือกฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี?

  • ควรเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง โดยสามารถตรวจสอบได้จากเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักที่ติดไว้หน้าคลินิก
  • ควรเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ และมีใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภาอย่างถูกต้อง โดยแพทย์ที่ชำนาญจะสามารถประเมินปัญหา วิเคราะห์ใบหน้า และเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
  • ควรเลือกคลินิกใช้ฟิลเลอร์แท้ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยเท่านั้น ไม่ใช่ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์หิ้ว โดยแพทย์จะต้องแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า พร้อมสแกน QR Code หรือเช็กเลข Lot. เพื่อตรวจสอบ
  • ควรเลือกคลินิกที่สะอาด ปลอดเชื้อ มีอุปกรณ์ทันสมัยอย่างครบถ้วน และสามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้หากเกิดข้อผิดพลาด
  • ควรเลือกคลินิกที่มีรีวิวของผู้ใช้บริการจริง และมีแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ทั้งรูปภาพ วิดีโอ และคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น
  • ควรเลือกคลินิกที่มีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน และหลากหลาย เช่น เบอร์โทรศัพท์  เว็บไซต์ หรือช่องทางโซเชียลมีเดีย ที่สามารถติดต่อได้อย่างสะดวก และตอบกลับได้อย่างรวดเร็ว
  • ควรเลือกคลินิกที่มีระบบนัดติดตามผล เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจสอบผลลัพธ์ และแก้ไขปัญหาได้อย่างท่วงทีหากมีอาการผิดปกติ

 

วิธีการเช็กฟิลเลอร์แท้-ปลอม สังเกตได้อย่างไร?
วิธีการเช็กฟิลเลอร์แท้-ปลอม สังเกตได้อย่างไร?

 

วิธีการเช็กฟิลเลอร์แท้-ปลอม สังเกตได้อย่างไร?

วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้-ปลอม สามารถสังเกตได้จากจุดสำคัญ ดังนี้

สังเกตจากลักษณะของกล่องฟิลเลอร์

  • โดยกล่องฟิลเลอร์แท้ทุกยี่ห้อจะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ปิดสนิท ไม่มีการแกะ ฉีกขาด หรือมีร่องรอยการเปิดใช้งานมาก่อน รวมถึง มีข้อมูลผลิตภัณฑ์พิมพ์ไว้อย่างครบถ้วน ชัดเจน และไม่ลบเลือน ซึ่งก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะต้องทำการแกะกล่องให้ดูต่อหน้า เพื่อความโปร่งใส

สังเกตจากเอกสารภาษาไทย และเลขทะเบียน อย.

  • โดยฟิลเลอร์แท้ทุกยี่ห้อจะต้องมีเลขทะเบียนจาก อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยที่ระบุข้อมูลของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน

สังเกตจากเลข Lot. และวันหมดอายุ

  • โดยฟิลเลอร์แท้ทุกยี่ห้อจะต้องมีเลข Lot. และมีวันหมดอายุอย่างชัดเจน ซึ่งเลข Lot. จะต้องตรงกันทั้งหมด และสามารถตรวจสอบข้อมูลกับบริษัทผู้นำเข้าได้โดยตรง

สังเกตจาก QR Code บนกล่องฟิลเลอร์

  • โดยฟิลเลอร์แท้ในบางยี่ห้อจะมี QR Code บนกล่องให้สแกนตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ เพื่อยืนยันว่า ฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นของแท้ และมีการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

สังเกตจากราคาที่ถูกเกินจริง

  • โดยฟิลเลอร์แท้จะต้องมีราคาที่เหมาะสม เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น หากพบว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดมีราคาถูกกว่าราคาตลาด ควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์หิ้วที่ไม่ผ่านการรองรับจาก อย.

 

วิธีการเช็กฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ

วิธีการเช็กฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย โดยแต่ละยี่ห้อมีจุดสังเกตเฉพาะตัว ดังนี้

เช็กฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Juvederm 

  • กล่องฟิลเลอร์มีการซีลอย่างแน่นหนา ไม่มีรอยฉีกขาด และเปิดใช้งานมาก่อน
  • ภายในกล่องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และเลขทะเบียน อย. 
  • มีเลข Lot. ตรงกันทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ กล่อง สติกเกอร์ ซอง และหลอดฟิลเลอร์
  • หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทรสอบถาม หรือตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่บริษัท Allergan Thailand

 

เช็กฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane

  • กล่องฟิลเลอร์มีการซีลอย่างแน่นหนา ไม่มีรอยฉีกขาด และเปิดใช้งานมาก่อน
  • กล่องฟิลเลอร์มีสติกเกอร์โมโนแกรมคำว่า “VOID” ติดไว้
  • กล่องฟิลเลอร์มี QR Code ให้สแกนผ่านทางแอปพลิเคชัน eZTracker เพื่อตรวจสอบ
  • ภายในกล่องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และเลขทะเบียน อย. 
  • มีเลข Lot. ตรงกันทั้งหมด 3 จุด ได้แก่ กล่องฟิลเลอร์ สติกเกอร์ และหลอดฟิลเลอร์
  • หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทรสอบถาม หรือตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่บริษัท Galderma Thailand

 

เช็กฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Belotero

  • กล่องฟิลเลอร์มีการซีลอย่างแน่นหนา ไม่มีรอยฉีกขาด และเปิดใช้งานมาก่อน
  • ภายในกล่องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และเลขทะเบียน อย. 
  • มีเลข Lot. ตรงกันทั้งหมด 3 จุด ได้แก่ กล่องฟิลเลอร์ สติกเกอร์ และหลอดฟิลเลอร์
  • หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทรสอบถาม หรือตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ ประเทศไทย

 

เช็กฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Neauvia

  • กล่องฟิลเลอร์มีการซีลอย่างแน่นหนา ไม่มีรอยฉีกขาด และเปิดใช้งานมาก่อน
  • กล่องฟิลเลอร์มี QR Code ให้สแกนผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อตรวจสอบ
  • ภายในกล่องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และเลขทะเบียน อย. 
  • มีเลข Lot. ตรงกันทั้งหมด 3 จุด ได้แก่ กล่องฟิลเลอร์ สติกเกอร์ และหลอดฟิลเลอร์
  • หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทรสอบถาม หรือตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่บริษัท Ampex Aesthetics

 

ฉีดฟิลเลอร์ ตำแหน่งไหนได้บ้าง? แต่ละตำแหน่งใช้กี่ CC?
ฉีดฟิลเลอร์ ตำแหน่งไหนได้บ้าง? แต่ละตำแหน่งใช้กี่ CC?

 

ฉีดฟิลเลอร์ ตำแหน่งไหนได้บ้าง? แต่ละตำแหน่งใช้กี่ CC?

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า ซึ่งแต่ละตำแหน่งนั้น จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข ดังนี้

  • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 3 – 5 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 2 – 4 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 2 – 4 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  • ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 2 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 3 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 2 – 4 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 2 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  • ฉีดฟิลเลอร์คาง โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 2 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข
  • ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ ประมาณ 2 – 4 CC ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข

 

ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?

  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ และร่องลึกบนใบหน้า
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตร หรือเติมเต็มบริเวณที่ยุบตัว
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าให้ได้สัดส่วน ดูมีมิติ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าห้อย ขาดความกระชับ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเติมเต็มหลุมสิว รอยแผลเป็น และรูขุมขนที่กว้าง
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าโทรม เหนื่อยล้า และดูมีอายุ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น

ทั้งนี้ ก่อนฉีดควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบ ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่ใช้เป็นประจำ 

 

ฉีดฟิลเลอร์ที่ รมย์รวินท์คลินิก ดีอย่างไร?

  • ภายในคลินิกได้มาตรฐาน มีการรักษาความสะอาดของสถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด
  • ดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก ซึ่งได้รับการอบรม และอัปเดตเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์อย่างต่อเนื่อง
  • แพทย์ประเมินสภาพผิว และปัญหาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อวางแผนการรักษา และเลือกประเภทฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับการรับรองจาก อย. โดยมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ เช่น Juvederm. Restylane, Belotero หรือ Neauvia
  • มีระบบติดตามผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ และมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก พร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติ
  • มีผู้ใช้บริการจริง และรีวิวผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์เป็นจำนวนมาก ทั้งรูปภาพ วิดีโอ และคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น
  • รมย์รวินท์คลินิกพร้อมให้บริการในหลายสาขาทั่วประเทศ และสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก

 

การฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม และแลดูเป็นธรรมชาตินั้น ควรเริ่มต้นจากการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับปัญหา และบริเวณที่ต้องการแก้ไข ซึ่งฟิลเลอร์ที่ใช้ควรเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และฉีดโดยแพทย์ผู้มีความรู้ภายในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และไม่เสี่ยงอันตราย สำหรับใครที่สนใจ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์เพิ่มเติม สามารถนัดหมายเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด