PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนตอบโจทย์กว่า?

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก แตกต่างกันอย่างไร? เลือกฉีดอะไรดี?

การฉีดปากเป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปาก การปรับแต่งรูปทรงปาก หรือฟื้นฟูริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้น ซึ่งนอกเหนือจากการฉีดฟิลเลอร์ปากแล้ว ในปัจจุบันยังมีทางเลือกใหม่ที่สามารถนำมาฉีดปากได้ นั่นก็คือ PN (Polynucleotide) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการบำรุง และฟื้นฟูริมฝีปากให้ดูสุขภาพดีจากภายใน แต่หลาย ๆ คนมักเกิดคำถาม และรู้สึกสงสัยว่า PN ฉีดปาก กับฉีดฟิลเลอร์ปากต่างกันอย่างไร? วันนี้ รมย์รวินท์คลินิกรวบรวมคำตอบมาให้แล้ว

 

ทำความรู้จัก PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ทำความรู้จัก PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก

 

ทำความรู้จัก PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก

PN ฉีดปาก คืออะไร?

Polynucleotide (PN) ฉีดปาก คือ การใช้สารที่สกัดจากชิ้นส่วน DNA ของปลาแซลมอน ฉีดเข้าไปยังบริเวณริมฝีปาก ซึ่ง PN เป็นสารที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีโครงสร้างคล้ายกับ DNA ในร่างกายมนุษย์ จึงไม่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากภูมิคุ้มกัน และสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี โดย PN มีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟูผิวที่เสียหาย กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม เมื่อนำ PN มาฉีดบริเวณริมฝีปากแล้ว สารนี้จะทำให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น อิ่มฟู เนียนนุ่ม ไม่แห้งลอก และดูสุขภาพดีจากภายใน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากแห้งกร้าน แตกลอก ขาดความยืดหยุ่น และมีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บริเวณริมฝีปาก

 

ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร?
ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร?

 

ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การใช้สาร Hyaluronic Acid (HA) ฉีดเข้าไปยังบริเวณริมฝีปาก ซึ่ง HA เป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารในร่างกายตามธรรมชาติ จึงสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โดย HA มีคุณสมบัติเด่นในการกักเก็บความชุ่มชื้น เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก เพิ่มวอลลุ่ม และปรับแต่งรูปทรง เมื่อนำฟิลเลอร์มาฉีดบริเวณริมฝีปากแล้ว จึงทำให้ริมฝีปากมีความอวบอิ่ม เรียบเนียน กระชับ เต่งตึง ดูมีวอลลุ่ม และรูปทรงปากมีสัดส่วนที่สวยงามตามต้องการ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากบาง ริมฝีปากเบี้ยว ริมฝีปากไม่เท่ากัน ริมฝีปากไม่สมส่วน หรือมีริ้วรอย ร่องลึกบริเวณริมฝีปาก

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ต่างกันอย่างไร?
PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ต่างกันอย่างไร?

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ต่างกันอย่างไร?

ส่วนประกอบ

  • PN ฉีดปาก เป็นการใช้สาร Polynucleotide (PN) ที่ถูกสกัดมาจาก DNA ของปลาแซลมอนในน้ำทะเลตามธรรมชาติ โดยผ่านกระบวนการที่ทำให้สารมีความบริสุทธิ์สูง และมีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อในร่างกาย โดยปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการใช้สาร Hyaluronic Acid (HA) ที่สังเคราะห์ใกล้เคียงกับ HA ที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งพบได้บ่อยในผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูก เส้นผม เล็บ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน จึงทำให้สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย โดยไม่ก่อให้เกิดการต่อต้าน และลดความเสี่ยงต่อการแพ้

หลักการทำงาน

  • PN ฉีดปาก เมื่อทำการฉีด PN เข้าสู่บริเวณริมฝีปาก สารนี้จะเข้าไปทำหน้าที่ในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย ปรับปรุงคุณภาพผิวจากภายใน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ผ่านการทำงานของเซลล์ Fibroblast อีกทั้งยังกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ส่งผลให้ริมฝีปากมีความอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี เนียนนุ่ม กระจ่างใส และริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ ดูตื้นขึ้น
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เมื่อทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่บริเวณริมฝีปาก สาร HA จะเข้าไปทำหน้าที่ในการอุ้มน้ำ และกักเก็บความชุ่มชื้น เพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก เพิ่มวอลลุ่ม และปรับแต่งรูปทรงของริมฝีปากให้มีสัดส่วนที่สวยงาม ส่งผลให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม มีมิติ เรียบเนียน เต่งตึง และขอบปากดูชัดเจนมากขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้

  • PN ฉีดปาก ช่วยให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ลดความแห้งแตกลอกของริมฝีปาก และยังช่วยให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูตื้นขึ้น ริมฝีปากกระชับ เรียบเนียน ดูสุขภาพดี และอ่อนกว่าวัยจากภายใน โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงปากเดิม
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยให้ริมฝีปากมีความอวบอิ่ม เรียบเนียน เต่งตึง ดูมีวอลลุ่ม และรูปทรงปากมีสัดส่วนที่สมดุล สวยงามตามต้องการ รวมถึงช่วยให้ขอบปากมีความคมชัด และดูมีมิติ อีกทั้งยังช่วยให้ริ้วรอย ร่องลึกดูตื้นขึ้น และแก้ไขปัญหามุมปากตก ทำให้ใบหน้าดูสดใส

จำนวนครั้งที่ฉีด

    • PN ฉีดปาก โดยทั่วไปจะแนะนำให้ฉีด PN ประมาณ 3 – 4 ครั้ง เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างต่อเนื่อง และเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ทั้งนี้จำนวนครั้งในการฉีด PN อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการพิจารณา และการประเมินของแพทย์
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์เพียง 1 ครั้ง ก็สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้ตั้งแต่ครั้งแรก เนื่องจากเป็นการเติมเต็มปริมาตร และปรับแต่งรูปทรงโดยตรง จึงไม่ต้องรอให้เกิดการกระตุ้น หรือฟื้นฟูผิวเหมือนกับการฉีด PN แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณา และการประเมินของแพทย์

ระยะเวลาคงอยู่

  • PN ฉีดปาก โดยเฉลี่ยหลังฉีด PN เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และยี่ห้อที่ฉีด ซึ่งแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำเมื่อครบกำหนด เพื่อคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ดูดีอย่างต่อเนื่อง
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยเฉลี่ยหลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และยี่ห้อฟิลเลอร์ ซึ่งแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำเมื่อครบกำหนด หรือฟิลเลอร์เริ่มยุบตัว เพื่อคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ดูดีอย่างต่อเนื่อง

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อดีอย่างไร?
PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อดีอย่างไร?

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อดีอย่างไร?

ข้อดีของ PN ฉีดปาก

  • PN ฉีดปาก สามารถแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้งแตกลอก ไม่เรียบเนียน ขาดความยืดหยุ่น และริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • PN ฉีดปาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบอบบาง หรือแพ้ง่าย เนื่องจาก PN เป็นสารที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีโครงสร้างใกล้เคียงกับร่างกายมนุษย์
  • PN ฉีดปาก ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจาก PN เป็นสารที่ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และสามารถเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อ จึงลดโอกาสเสี่ยงต่อการแพ้ หรืออาการระคายเคืองที่รุนแรง
  • PN ฉีดปาก สามารถให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนรูปทรงปากเดิม ซึ่งจะเน้นการบำรุง และฟื้นฟูให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีจากภายใน
  • PN ฉีดปาก สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน รวมถึงไม่ก่อให้เกิดการตกค้าง หรืออันตรายในระยะยาว

 

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถแก้ไขปัญหาริมฝีปากได้อย่างหลากหลาย และครอบคลุม เช่น ริมฝีปากบาง แห้งแตกลอก ไม่กระชับ มีริ้วรอย ร่องลึก หรือริมฝีปากไม่เท่ากัน
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถออกแบบ และปรับแต่งรูปทรงปากได้ตามต้องการ เช่น ทรงปากกระชับ ทรงปากสายฝอ หรือทรงปากสายเกา
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาในการทำหัตถการเพียง 15 – 30 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีความชัดเจน ซึ่งจะเน้นเพิ่มวอลลุ่ม เพิ่มความอวบอิ่ม และปรับรูปทรงปากโดยเฉพาะ 
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อจำกัดอย่างไร?

ข้อจำกัดของ PN ฉีดปาก

  • PN ฉีดปาก จะไม่ให้ผลลัพธ์ในเรื่องการเพิ่มวอลลุ่ม หรือปรับแต่งรูปทรงปากที่ชัดเจน เนื่องจาก PN จะเน้นการบำรุง และฟื้นฟูริมฝีปากจากภายใน
  • PN ฉีดปาก จะไม่เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เนื่องจาก PN เป็นสารที่จะทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เร่งรีบ
  • PN ฉีดปาก โดยทั่วไปจำเป็นต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และมีความชัดเจน 

 

ข้อจำกัดของการฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก หลังฉีดอาจมีอาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกปวดตึงมากกว่าการฉีด PN เล็กน้อย แต่โดยทั่วไปจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองภายในระยะเวลาไม่กี่วัน
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก จำเป็นต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเรื่องอะไร?

PN ฉีดปาก ช่วยเรื่องอะไร?

  • ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวบริเวณริมฝีปากที่เสื่อมสภาพ หรือแห้งแตกลอก
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับริมฝีปากให้ฉ่ำวาว
  • ช่วยปรับสีริมฝีปากให้กระจ่างใส ดูสม่ำเสมอ และลดความหมองคล้ำ
  • ช่วยปรับริมฝีปากให้มีความเรียบเนียน และยืดหยุ่น
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บริเวณริมฝีปาก
  • ช่วยเพิ่มความกระชับ และความเต่งตึงให้ริมฝีปาก
  • ช่วยบำรุงริมฝีปากโดยรวมให้ดูสุขภาพดี
  • ช่วยลดอาการอักเสบ และระคายเคืองของริมฝีปาก

 

ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเรื่องอะไร?

  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกบริเวณริมฝีปาก
  • ช่วยเพิ่มวอลลุ่ม และความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก
  • ช่วยปรับแต่งรูปทรงปากให้มีสัดส่วนที่สมดุล
  • ช่วยแก้ไขปัญหาริมฝีปากเบี้ยว ริมฝีปากไม่เท่ากัน
  • ช่วยยกมุมปาก แก้ปัญหามุมปากตก และมุมปากคว่ำ 
  • ช่วยสร้างขอบปากให้คมชัด และดูมีมิติ
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี
  • ช่วยเพิ่มความกระชับ และความเต่งตึงให้ริมฝีปาก
  • ช่วยปรับริมฝีปากให้เรียบเนียน และยืดหยุ่น

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะสำหรับใคร?
PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะสำหรับใคร?

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะสำหรับใคร?

ใครที่เหมาะสำหรับ PN ฉีดปาก?

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากไม่ชุ่มชื้น แห้งแตกลอก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากหมองคล้ำ สีปากไม่สม่ำเสมอ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บริเวณริมฝีปาก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ริมฝีปากไม่กระชับ และขาดความยืดหยุ่น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากไม่เรียบเนียน 
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบอบบาง ระคายเคือง และแพ้ง่าย 
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ริมฝีปากดูโทรม และขาดการบำรุง 
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพริมฝีปากโดยรวม
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทาลิปแล้วติดทนมากขึ้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่เปลี่ยนรูปทรงปากเดิม

ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการ PN ฉีดปาก ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด ทั้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการทำหัตถการ และยาที่รับประทานเป็นประจำ

 

ใครที่เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปาก?

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบาง และขาดวอลลุ่ม
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากเบี้ยว และไม่เท่ากัน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึกบริเวณริมฝีปาก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ริมฝีปากเหี่ยวย่น ไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีมุมปากคว่ำ และมุมปากตก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีขอบปากไม่คมชัด ดูขาดมิติ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากไม่เรียบเนียน ดูไม่เต่งตึง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งรูปทรงปากให้สวยงาม
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีความชัดเจน

ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการ ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด ทั้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการทำหัตถการ และยาที่รับประทานเป็นประจำ

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะสำหรับใคร?

ใครที่ไม่เหมาะสำหรับ PN ฉีดปาก?

  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติเคยแพ้อาหารทะเล โดยเฉพาะปลาแซลมอน
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการอักเสบบริเวณริมฝีปาก
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการติดเชื้อบริเวณริมฝีปาก
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือเลือดไหลออกง่าย

ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการ PN ฉีดปาก ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด ทั้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการทำหัตถการ และยาที่รับประทานเป็นประจำ

 

ใครที่ไม่เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปาก?

  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติเคยแพ้สาร Hyaluronic Acid (HA) หรือสารอื่น ๆ ที่อยู่ในฟิลเลอร์
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการอักเสบบริเวณริมฝีปาก
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการติดเชื้อบริเวณริมฝีปาก
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือเลือดไหลออกง่าย

ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการ ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด ทั้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการทำหัตถการ และยาที่รับประทานเป็นประจำ

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถฉีดร่วมกันได้ไหม?

โดยทั่วไป PN ฉีดปาก กับฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถฉีดร่วมกันได้ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น เนื่องจากทั้งสองหัตถการนี้มีหลักการทำงาน และคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย PN ฉีดปากจะเน้นการฟื้นฟู และบำรุงริมฝีปากให้ดูสุขภาพดีจากภายใน ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์ปากจะเน้นการเพิ่มวอลลุ่ม เพิ่มมิติ และปรับรูปทรงปากให้ได้สัดส่วนตามที่ต้องการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการประเมิน และพิจารณาของแพทย์ โดยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์ และออกแบบการรักษาที่เหมาะสมอย่างแท้จริง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์กับแต่ละบุคคล

 

การเตรียมตัวก่อนทำ PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • ควรหาข้อมูล และทำความเข้าใจรายละเอียดของ PN ฉีดปาก และการฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างละเอียด
  • ควรเข้ารับบริการกับคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง 
  • ควรเข้ารับการฉีดกับแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
  • ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ เพื่อประเมินริมฝีปาก และวางแผนการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล
  • ควรแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างครบถ้วน 
  • งดรับประทานยา อาหารเสริม และวิตามินที่ส่งผลให้เลือดไหลออกง่ายก่อนทำหัตถการ
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ทุกชนิดก่อนทำหัตถการ
  • งดทำทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายก่อนทำหัตถการ
  • งดการสครับ ขัด ลอก หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรงบริเวณริมฝีปาก
  • แนะนำให้ดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนทำหัตถการ
  • แนะนำให้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนทำหัตถการ

 

ขั้นตอนการทำ PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • ปรึกษาแพทย์

ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจประเมิน และวิเคราะห์ปัญหาบริเวณริมฝีปาก รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการในการทำการรักษา

  • ออกแบบการรักษา

แพทย์จะทำการออกแบบการรักษาอย่างเหมาะสม โดยการแนะนำหัตถการ หรือผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับปัญหา พร้อมทั้งคำนวณปริมาณยา และกำหนดตำแหน่งที่ฉีดได้อย่างแม่นยำ

  • ทายาชาเฉพาะจุด

ก่อนเริ่มทำหัตถการ ผู้ช่วยแพทย์จะทำการทายาชา หรือแปะยาชาเฉพาะจุดบริเวณริมฝีปาก เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะทำหัตถการ

  • เริ่มทำหัตถการโดยแพทย์

แพทย์จะเริ่มฉีด PN หรือฟิลเลอร์เข้าไปยังบริเวณริมฝีปากในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้ระยเวลาประมาณ 15 – 30 นาที

  • รับคำแนะนำหลังทำหัตถการ

เมื่อฉีด PN หรือฟิลเลอร์บริเวณริมฝีปากเสร็จ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงรุนแรง

 

การดูแลตัวเองหลังทำ PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • หลีกเลี่ยงการทาลิปที่มีสีในช่วงแรกหลังทำหัตถการ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ หรือกดนวดบริเวณที่ทำหัตถการ
  • งดการลอก แกะ หรือดึงหนังของริมฝีปากหลังทำหัตถการ
  • หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำในช่วงแรกหลังทำหัตถการ
  • งดโดนความร้อนทุกชนิด เช่น รับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มมีความร้อน
  • งดการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก ๆ หลังทำหัตถการ
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ทุกชนิดหลังทำหัตถการ
  • งดทำทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายหลังทำหัตถการ
  • งดการสครับ ขัด ลอก หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรงบริเวณริมฝีปาก
  • แนะนำให้ทาลิปมันเป็นประจำ เพื่อบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้น
  • แนะนำให้ดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน
  • แนะนำให้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
  • แนะนำให้รับประทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเหมาะสม

 

PN ฉีดปาก กับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีผลข้างเคียงไหม?

หลังทำ PN ฉีดปาก กับฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งโดยทั่วไปเป็นอาการที่ไม่รุนแรง และสามารถหายได้เองภายในระยะเวลาไม่กี่วัน โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ อาการบวมแดง รอยช้ำ และปวดตึง แต่ทั้งนี้ ระดับความรุนแรงของผลข้างเคียง อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แนะนำให้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น งดสัมผัสริมฝีปาก งดโดนความร้อน งดดื่มแอลกอฮอล์ หรือหลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ เป็นต้น

 

จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การทำ PN ฉีดปาก กับฉีดฟิลเลอร์ปากต่างก็มีข้อดี และคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป ซึ่ง PN ฉีดปากจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุง และฟื้นฟูสุขภาพริมฝีปากโดยรวม โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปทรงปากเดิม ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์ปากจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่ม เพิ่มมิติ และปรับรูปทรงปากให้ได้สัดส่วนตามที่ต้องการ โดยจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีความชัดเจน ดังนั้น สำหรับใครที่สนใจการทำ PN ฉีดปาก หรือฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถเข้ารับการปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินปัญหา ลักษณะริมฝีปากเดิม พร้อมทั้งออกแบบการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และสวยงามอย่างแท้จริง

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด