PN กับ Biostimulator ต่างกันอย่างไร? เปรียบเทียบความต่างของสารฟื้นฟูผิว
ในปัจจุบันการฉีดสารฟื้นฟูผิวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสารที่มีชื่อว่า Polynucleotide (PN) และ Biostimulator ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้ ต่างเป็นสารที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ความงามอย่างแพร่หลาย โดยถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน แต่หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า PN กับ Biostimulator มีความแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะพาไปไขข้อสงสัย และเปรียบเทียบความต่างอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจฉีด
ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ PN กับ Biostimulator
Polynucleotide (PN) คืออะไร?
Polynucleotide (PN) เป็นสารที่สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนในน้ำทะเลธรรมชาติ ซึ่งผ่านกระบวนการทดลองมาแล้วว่า ไม่เสี่ยงอันตรายต่อร่างกาย และมีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ จึงทำให้สามารถเข้ากับร่างกายได้ดี และลดโอกาสเสี่ยงต่อการแพ้ โดย PN จะมีคุณสมบัติในการซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นคอลลาเจน เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และลดการอักเสบของผิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย และผิวเสื่อมสภาพจากปัจจัยภายนอก เช่น ฝุ่น ควัน มลภาวะ หรือแสงแดด โดยในปัจจุบัน PN ได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์งานผิว อย่างเช่น Rejuran หรือ Pluryal Densify ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับการบำรุง และฟื้นฟูคุณภาพผิว
Biostimulator คืออะไร?
Biostimulator เป็นกลุ่มสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีให้เลือกหลากหลายชนิด ได้แก่ Poly-L-Lactic Acid (PLLA), Calcium Hydroxylapatite (CaHA), Polycaprolactone (PCL), Polydioxanone (PDO) และ Poly-D,L-Lactic Acid (PDLLA) โดยสารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ผ่านการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจน และอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ยึดเกาะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าด้วยกัน รวมทั้งเป็นโครงสร้างหลักที่ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และกระชับ โดยในปัจจุบันสารกลุ่ม Biostimulator ได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์กระตุ้นคอลลาเจน อย่างเช่น Sculptra, Radiesse. Gouri หรือ Ultracol ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับการฟื้นฟูโครงสร้างผิว และแก้ปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพตามวัยในระยะยาว
เปรียบเทียบ PN กับ Biostimulator ต่างกันอย่างไร?
Polynucleotide (PN) และ Biostimulator ถือเป็นสารฟื้นฟูผิวที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของแหล่งที่มา กระบวนการทำงาน ผลลัพธ์ที่ได้ และระยะเวลาคงอยู่ ดังนี้
แหล่งที่มาของสาร
- Polynucleotide (PN) เป็นสารที่ผ่านการสกัดจากชิ้นส่วนใน DNA ของปลาแซลมอนที่อยู่ในน้ำทะเลธรรมชาติ ซึ่งถูกสกัดออกมาให้มีความบริสุทธิ์สูง ผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ทำให้ได้สารที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย โดยไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้รุนแรง
- Biostimulator เป็นสารสังเคราะห์ทางการแพทย์ที่ได้รับการออกแบบมา เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ โดยมีให้เลือกหลากหลายชนิด เช่น Poly-L-Lactic Acid (PLLA), Calcium Hydroxylapatite (CaHA), Polycaprolactone (PCL), Polydioxanone (PDO) และ Poly-D,L-Lactic Acid (PDLLA) ซึ่งสารแต่ละชนิดนั้นมีแหล่งที่มา และกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน แต่ล้วนผ่านการพัฒนามาแล้วว่าสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย และมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวในระยะยาว
หลักการทำงาน
- Polynucleotide (PN) จะเข้าไปทำงาน โดยการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย และเสริมกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ พร้อมทั้งกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้เกิดสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยต้านการอักเสบ ลดอาการระคายเคือง และเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ทำให้ผิวมีความแข็งแรง เรียบเนียน กระจ่างใส และชุ่มชื้นจากภายใน
- Biostimulator จะเข้าไปทำงาน โดยการส่งสัญญาณไปยังเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ให้เกิดกระบวนการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่โดยตรง เพื่อทดแทนคอลลาเจนเดิมที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น พร้อมทั้งฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรง ยืดหยุ่น และแน่นกระชับจากภายใน ส่งผลให้ผิวมีคุณภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว
ผลลัพธ์ที่ได้
- Polynucleotide (PN) ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และทนทานต่อปัจจัยภายนอก อีกทั้งยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยดูลดลง และหลุมสิวดูตื้นขึ้นอีกด้วย
- Biostimulator ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น แน่นกระชับ และดูอิ่มฟู อีกทั้งยังช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดี มีความชุ่มชื้น กระจ่างใส รูขุมขนกระชับ ริ้วรอย ร่องลึกลดลง หลุมสิวตื้นขึ้น และใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยจากภายใน
ระยะเวลาคงอยู่
- Polynucleotide (PN) หลังทำหัตถการเสร็จจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 3 – 5 วัน และเห็นผลเต็มที่ภายใน 4 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์จะสามารถคงสภาพอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และสภาพผิวแต่ละบุคคล
- Biostimulator หลังทำหัตถการเสร็จจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 2 – 4 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ภายใน 2 – 3 เดือน จากนั้นผลลัพธ์จะสามารถคงสภาพอยู่ได้นานประมาณ 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และสภาพผิวแต่ละบุคคล
PN กับ Biostimulator มีจุดเด่นอย่างไร?
จุดเด่นของ Polynucleotide (PN)
- PN สามารถซ่อมแซมผิวที่เสียหายถึงระดับเซลล์ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ฝุ่น ควัน มลภาวะ และอายุที่มากขึ้น
- PN สามารถต้านการอักเสบ และลดการระคายเคืองผิว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ผิวบอบบาง อ่อนแอ และแพ้ง่าย
- PN ไม่เสี่ยงอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากเป็นสารที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์
- PN เป็นสารที่ไม่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากภูมิคุ้มกัน จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพ้ และผลข้างเคียงที่รุนแรง
- PN ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ เน้นการฟื้นฟู และปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดี โดยไม่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยน
- PN สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติเมื่อหมดอายุการใช้งาน โดยไม่เกิดการตกค้างในร่างกาย จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
จุดเด่นของ Biostimulator
- Biostimulator สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้โดยตรง โดยเฉพาะ Collagen Type 1 และ Collagen Type 3 ขึ้นอยู่กับชนิดของสาร และยี่ห้อที่ใช้
- Biostimulator สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย แห้งกร้าน หมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง และหลุมสิว
- Biostimulator สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยเฉลี่ยประมาณ 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และสภาพผิวแต่ละบุคคล
- Biostimulator ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ เน้นกระตุ้นคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผิวค่อย ๆ มีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว
- Biostimulator สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติเมื่อหมดอายุการใช้งาน ซึ่งแม้ตัวสารจะสลายไป แต่คอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ยังคงอยู่
PN กับ Biostimulator ช่วยเรื่องอะไร?
Polynucleotide (PN) ช่วยเรื่องอะไร?
- ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายจากปัจจัยต่าง ๆ
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง
- ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และเพิ่มความฉ่ำวาวให้ผิว
- ช่วยปรับโทนสีผิวให้สม่ำเสมอ และดูสว่างกระจ่างใส
- ช่วยลดขนาดรูขุมขน และปรับผิวให้มีความเรียบเนียน
- ช่วยลดเลือนหลุมสิว รอยสิว และรอยแผลเป็นบนใบหน้า
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้าให้ดูจางลง
- ช่วยฟื้นฟูจุดด่างดำ รอยดำ และรอยแดงบนใบหน้า
- ช่วยเสริมความยืดหยุ่น และเพิ่มความกระชับให้ผิว
- ช่วยฟื้นฟู Skin Barrier หรือเสริมเกราะป้องกันผิว
- ช่วยต่อต้านการอักเสบ และลดการระคายเคืองของผิว
Biostimulator ช่วยเรื่องอะไร?
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่โดยตรง
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยย่น และร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
- ช่วยยกกระชับผิวบริเวณที่ห้อยย้อย และหย่อนคล้อย
- ช่วยเพิ่มความแน่นฟู และเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว
- ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง และยืดหยุ่น
- ช่วยเสริมความชุ่มชื้น และเติมน้ำให้ผิวจากภายใน
- ช่วยกระชับรูขุมขน และปรับผิวให้เนียนละเอียด
- ช่วยปรับโทนสีผิวให้กระจ่างใส และสีผิวดูสม่ำเสมอ
- ช่วยลดเลือนหลุมสิว รอยสิว และรอยแผลเป็นบนใบหน้า
- ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว และฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากปัจจัยต่าง ๆ
PN กับ Biostimulator เหมาะกับใคร?
ใครที่เหมาะกับ Polynucleotide (PN)?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งลอก ขาดน้ำ และไม่ชุ่มชื้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวเริ่มไม่กระชับ และขาดความยืดหยุ่น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนไม่กระชับ และรูขุมขนกว้าง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีหลุมสิวตื้น ๆ รอยสิว และรอยแผลเป็น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีจุดด่างดำ รอยแดง และรอยดำบนใบหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง อ่อนแอ และแพ้ง่าย
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวไม่สดใส ดูโทรม และขาดการบำรุง
- เหมาะสำหรับผู้ที่แต่งหน้าแล้วลอกเป็นขุย แต่งหน้าแล้วไม่ติด
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะเป็นประจำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวดูฉ่ำวาว โกลว์ใส และอิ่มน้ำ
ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ และยาที่รับประทานเป็นประจำให้แพทย์ทราบ
ใครที่เหมาะกับ Biostimulator?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย รอยย่น และร่องลึกบนใบหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวย้วย หย่อนคล้อย และขาดความกระชับ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวไม่แข็งแรง อ่อนแอ และขาดความยืดหยุ่น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหลวม ไม่แน่นฟู และใบหน้าดูตอบ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาดคอลลาเจนจากการอายุที่มากขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งลอก ขาดน้ำ และไม่ชุ่มชื้น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนไม่กระชับ และรูขุมขนกว้าง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีหลุมสิว รอยสิว และรอยแผลเป็น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวไม่สดใส ดูโทรม และแก่กว่าวัย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันการเกิดปัญหาผิวในอนาคต
ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ และยาที่รับประทานเป็นประจำให้แพทย์ทราบ
PN กับ Biostimulator ไม่เหมาะกับใคร?
ใครที่ไม่เหมาะกับ Polynucleotide (PN)?
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ปลาแซลมอน หรือแพ้อาหารทะเล
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังอักเสบเรื้อรังบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังติดเชื้อบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเลือดไหลออกง่าย หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด
ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ และยาที่รับประทานเป็นประจำให้แพทย์ทราบ
ใครที่ไม่เหมาะกับ Biostimulator?
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้สารกระตุ้นคอลลาเจน ไม่ว่าจะเป็น PLLA, CaHA, PCL, PDO และ PDLLA
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังอักเสบเรื้อรังบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังติดเชื้อบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเลือดไหลออกง่าย หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด
ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ และยาที่รับประทานเป็นประจำให้แพทย์ทราบ
PN กับ Biostimulator ใช้ฉีดจุดไหนได้บ้าง?
รวมจุดที่นิยมฉีด Polynucleotide (PN)
Polynucleotide (PN) เป็นสารที่เน้นการบำรุง ซ่อมแซม และฟื้นฟูคุณภาพผิว โดยจุดที่นิยมฉีด PN มีดังนี้
- PN สามารถฉีดบริเวณหน้าแก้ม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน และปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม
- PN สามารถฉีดบริเวณรอบดวงตา เพื่อลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ลดความหมองคล้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- PN สามารถฉีดบริเวณหน้าผาก เพื่อลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ปรับผิวให้เรียบเนียน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- PN สามารถฉีดบริเวณร่องแก้ม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ และปรับผิวให้เรียบเนียน
- PN สามารถฉีดบริเวณรอบริมฝีปาก เพื่อลดเลือนริ้วรอยรอบมุมปาก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- PN สามารถฉีดบริเวณลำคอ เพื่อลดเลือนริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นเล็ก ๆ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- PN สามารถฉีดบริเวณหลังมือ เพื่อลดเลือนรอยเหี่ยวย่นเล็ก ๆ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
รวมจุดที่นิยมฉีด Biostimulator
Biostimulator เป็นสารที่เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพ โดยจุดที่นิยมฉีด Biostimulator มีดังนี้
- Biostimulator สามารถฉีดบริเวณหน้าแก้ม เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ปรับโครงสร้างผิว และเพิ่มความหนาแน่นให้ผิว
- Biostimulator สามารถฉีดบริเวณขมับ เพื่อยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย และเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิว
- Biostimulator สามารถฉีดบริเวณแก้มตอบ เพื่อยกกระชับ แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย และเพิ่มความแน่นฟูให้ผิว
- Biostimulator สามารถฉีดบริเวณร่องแก้ม เพื่อลดเลือนร่องลึก ฟื้นฟูโครงสร้างผิว และเพิ่มความแน่นกระชับให้ผิว
- Biostimulator สามารถฉีดบริเวณรอบริมฝีปาก เพื่อลดเลือนริ้วรอยรอบมุมปาก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- Biostimulator สามารถฉีดบริเวณกรอบหน้า เพื่อยกกระชับผิว และแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย
- Biostimulator สามารถฉีดบริเวณลำคอ เพื่อลดเลือนริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และเพิ่มความกระชับให้ผิว
- Biostimulator สามารถฉีดบริเวณหลังมือ เพื่อลดเลือนรอยเหี่ยวย่น เพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มความกระชับให้ผิว
ข้อควรรู้ก่อนฉีด PN กับ Biostimulator
- ควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจเกี่ยวกับ Polynucleotide (PN) และ Biostimulator อย่างละเอียด
- ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง และแพทย์ที่มีความรู้ ความเข้าใจ
- ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิว และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายหลังฉีด
- งดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม หรือยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือด
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ทุกประเภท
- งดทำเลเซอร์ หัตถการ ทรีตเมนต์ และกำจัดขนที่ทำให้ผิวบอบบางง่าย
- งดสครับ ลอกผิว ขัดผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่ทำให้ผิวระคายเคืองง่าย
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน
- ควรพักผ่อนให้มาก ๆ อย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีด PN กับ Biostimulator
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าประมาณ 12 – 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด จับ และนวดบริเวณที่ฉีดอย่างรุนแรง
- งดอยู่ท่ามกลางแสงแดด และงดโดนความร้อน
- งดการออกกำลังกายแบบหักโหม หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ทุกประเภท
- งดทำเลเซอร์ หัตถการ ทรีตเมนต์ และกำจัดขนที่ทำให้ผิวบอบบางง่าย
- งดสครับ ลอกผิว ขัดผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่ทำให้ผิวระคายเคืองง่าย
- ควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อลดการสูญเสียน้ำในชั้นผิว
- ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน
- ควรพักผ่อนให้มาก ๆ อย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
- ควรรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ และดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด
PN กับ Biostimulator อันตรายไหม?
- Polynucleotide (PN) ถือเป็นสารที่ไม่อันตราย เนื่องจากมีการสกัดมาจาก DNA ของปลาแซลมอนที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA มนุษย์ จึงไม่กระตุ้นให้เกิดการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายยอมรับ และสามารถนำไปฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Biostimulator ถือเป็นสารที่ไม่อันตราย เนื่องจากเป็นสารสังเคราะห์ทางการแพทย์ที่ผ่านการวิจัย และพัฒนามาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น PLLA, CaHA, PCL, PDO และ PDLLA โดยสารเหล่านี้สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และมีความเข้ากันได้ดีกับร่างกาย จึงลดความเสี่ยงต่อการแพ้ และการเกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากภูมิคุ้มกัน
แต่ทั้งนี้ การฉีด Polynucleotide (PN) และ Biostimulator ควรอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ที่มีความรู้ภายในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ผลิตภัณฑ์แท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายในระยะยาว
PN กับ Biostimulator มีอาการข้างเคียงอย่างไร?
- Polynucleotide (PN) หลังฉีดอาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่ไม่รุนแรง และไม่เป็นอันตราย โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยหลังฉีด PN ได้แก่ อาการบวมแดง ฟกช้ำ ปวดตึง รู้สึกคัน และมีตุ่มนูนเล็ก ๆ
- Biostimulator หลังฉีดอาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่ไม่รุนแรง และไม่เป็นอันตราย โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยหลังฉีด Biostimulator ได้แก่ อาการบวมแดง ฟกช้ำ ปวดตึงแน่น รู้สึกคัน และมีรอยนูนเล็ก ๆ
จะเห็นได้ว่า ทั้ง Polynucleotide (PN) และ Biostimulator ต่างเป็นสารที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟู และดูแลผิวให้ดูสุขภาพดีจากภายใน ซึ่งสารสองชนิดนี้ก็มีหลักการทำงาน คุณสมบัติ ระยะเวลาคงอยู่ และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย PN จะเน้นเรื่องการปรับสภาพผิว พร้อมซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย ในขณะที่ Biostimulator จะเน้นเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนโดยตรง พร้อมยกกระชับ และฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพตามวัย เช่น ริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย แห้งกร้าน และไม่เรียบเนียน ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหาหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวอยู่ การฉีด Polynucleotide (PN) และ Biostimulator ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ แต่ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อประเมินสภาพผิว และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด