เทียบชัดเลเซอร์กำจัดขน YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันอย่างไร ?

เทียบชัดเลเซอร์กำจัดขนยอดฮิต YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันอย่างไร ?

เทียบชัดเลเซอร์กำจัดขน YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันอย่างไร ?

ปัญหาขนส่วนเกินเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลและพยายามหาวิธีจัดการ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์จึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในปัจจุบัน  โดยเฉพาะเครื่องกำจัดจัดขนยอดฮิตอย่าง YAG Laser และ Diode Laser เลเซอร์ที่สามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้เลเซอร์ทั้งสองจะสามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งสองก็มีความแตกต่างกันอยู่หลายด้าน แล้วจะเลือกทำอันไหนดี ..? 

 

บทความนี้จะพาคุณไปไขคำตอบเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเลเซอร์ทั้งสองชนิด เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกเลเซอร์กำจัดขนได้ง่ายขึ้น

 

เลเซอร์กำจัดขน คืออะไร ?

การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ (Laser Hair Removal) เป็นหนึ่งในวิธีกำจัดขนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยกำจัดขนได้อย่างแม่นยำแล้วยังช่วยให้ขนที่เกิดใหม่บางลงจนมีโอกาสไม่เกิดขนถาวรได้ นอกจากนี้การทำเลเซอร์กำจัดขนยังช่วยแก้ปัญหาผิวที่มักเกิดจากการกำจัดขนอื่น ๆ เช่น ขนคุด หนังไก่ ผิวด่างดำ ไม่เรียบเนียนได้อีกด้วย

 

เลเซอร์กำจัดขน YAG คืออะไร ?

เลเซอร์กำจัดขน YEG เป็นเทคโนโลยีการกำจัดขนด้วยการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ความยามคลื่น 1064 นาโนเมตร ส่งพลังงานลำแสงเจาะลึกลงไปในชั้นผิวหนังลึกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เพื่อทำลายรากขน โดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นบน

 

จุดเด่นของเลเซอร์กำจัดขน YAG

  • YAG Laser เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ทำให้เกิดรอยไหม้หรือรอยด่างหลังการทำ
  • YAG Laser สามารถปล่อยพลังงานลงลึกถึงรากขน จึงช่วยกำจัดขนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ 
  • YAG Laser ลดการเกิดขนใหม่ได้นานยิ่งขึ้น เนื่องจากปล่อยพลังงานได้ลงลึกถึงรากขน
  • YAG Laser เจ็บน้อยกว่าการกำจัดขนด้วยเลเซอร์อื่น ๆ 
  • YAG Laser ช่วยลดปัญหาหนังไก่ ขนคุด และรอยดำจากการถอนหรือโกนขน 
  • YAG Laser เหมาะสำหรับบริเวณที่ขนหยาบ
  • YAG Laser สามารถทำได้แม้ในผู้ที่มีผิวคล้ำ

 

เลเซอร์กำจัดขน Diode คืออะไร ?

เลเซอร์กำจัดขน Diode เป็นเทคโนโลยีกำจัดขนด้วยเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 800-810 นาโนเมตร ในการปล่อยคลื่นความร้อนไปยังรากขนและทำลายรากขน  ทำให้เส้นขนค่อย ๆ หลุดร่วงไปตามธรรมชาติ โดยไม่กระทบต่อผิวรอบข้าง 

จุดเด่นของเลเซอร์กำจัดขน 

  • Diode Laser สามารถใช้ได้ในหลายบริเวณของร่างกาย 
  • Diode Laser เจ็บน้อย เพราะมีระบบทำความเย็น ทำให้รู้สึกสบายผิวขณะทำ 
  • Diode Laser หากทำต่อเนื่องจะช่วยให้ขนบางลงและลดการเกิดขนใหม่ได้ ซึ่งในบางคนอาจขนหายถาวรได้
  • Diode Laser ไม่เป็นอันตรายต่อผิวชั้นบน เนื่องจากพลังงานที่ถูกปล่อยไปลงลึกถึงรากขนโดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน
  • Diode Laser สามารถทำได้บนผิวที่มีบริเวณกว้าง เช่น ขา หรือแผ่นหลัง 

 

ทำไม YAG Laser กับ Diode Laser ถึงเป็นเลเซอร์กำจัดขนยอดฮิต

ในปัจจุบันการทำเลเซอร์เพื่อกำจัดขนกลายเป็นวิธีการกำจัดขนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ YAG Laser และ  Diode Laser ที่ถือเป็นเลเซอร์กำจัดขนยอดนิยม ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานลงลึกถึงรากขน ทำให้สามารถกำจัดขนได้อย่างแม่นยำและลดโอกาสการเกิดขนใหม่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ YAG Laser และ  Diode Laser ยังมีข้อดีอีกหลายประการที่ทำให้ทั้งสองเลเซอร์นี้ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

 

  • YAG Laser และ  Diode Laser ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีโอกาสที่ขนจะหายถาวรเมื่อทำต่อเนื่องหลายครั้ง
  • YAG Laser และ  Diode Laser ไม่เป็นอันตราย
  • YAG Laser และ  Diode Laser เจ็บน้อยและใช้ระยะเวลาไม่นานในการกำจัดขน จึงสะดวกต่อการทำต่อเนื่อง
  • YAG Laser และ  Diode Laser ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ดูสม่ำเสมอ ลดโอกาสการเกิดขนคุด ผิวหนังไก่ และรอยดำจากการโกนหรือแว๊กซ์
  • YAG Laser และ  Diode Laser เหมาะกับทุกเพศ ทั้งชายและหญิง สามารถกำจัดได้ทั้งขนหนาและขนบาง

 

เพราะเหตุนี้ YAG Laser กับ Diode Laser จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยม

 

ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องเลือกเลเซอร์ YAG Laser กับ Diode Laser

การเลือกเลเซอร์กำจัดขนระหว่าง YAG Laser และ  Diode Laser ควรคำนึงจากหลายปัจจัย เนื่องจากเลเซอร์กำจัดขนทั้งสองมีลักษณะและข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการเลือกเลเซอร์กำจัดขนระหว่าง YAG Laser และ  Diode Laser ควรคำนึงปัจจัย ดังนี้

 

  • ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพในการกำจัดขนว่าตรงกับความต้องการของตัวเองหรือไม่
  • ควรคำนึงถึงความปลอดภัย ควรเลือกทำเลเซอร์กำจัดขนในสถานที่ทำเลเซอร์ ที่มีความน่าเชื่อถือ ใช้เครื่องแท้ และทำโดยผู้ที่มีความสามารถในการใช้เครื่อง
  • ควรคำนึงถึงบริเวณขนที่ต้องการกำจัด เนื่องจาก YAG Laser และ Diode Laser 
  • ควรคำนึงถึงจำนวนครั้งและระยะเวลาการเห็นผล ควรเลือกเลเซอร์กำจัดขนที่เหมาะกับความต้องการของเรา
  • ควรคำนึงถึงงบประมาณและความคุ้มค่าที่เหมาะกับตัวเอง

 

YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันด้านใดบ้าง ?
YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันด้านใดบ้าง ?

 

YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันด้านใดบ้าง ?

YAG Laser กับ Diode Laser เป็นเทคโนโลยีกำจัดขนที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถลดการเกิดขนใหม่ในระยะยาวและทำให้ที่เรียบเนียน กระจ่างใสหลังการกำจัดขนได้ ถึงแม้ YAG Laser กับ Diode Laser จะช่วยให้กำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ทั้งสองเลเซอร์กำจัดขนนี้มีความแตกต่างกันอยู่ในหลายด้าน ดังนี้

  • YAG Laser กับ Diode Laser มีความแตกต่างกันในด้านความยาวของคลื่นแสงเลเซอร์
  • YAG Laser กับ Diode Laser มีความแตกต่างกันในด้านความเหมาะสมกับสีผิว
  • YAG Laser กับ Diode Laser มีความแตกต่างกันในด้านความรู้สึกในขณะทำ
  • YAG Laser กับ Diode Laser มีความแตกต่างกันในด้านประสิทธิภาพของการกำจัดขน
  • YAG Laser กับ Diode Laser มีความแตกต่างกันในด้านผลข้างเคียง

 

ทั้งสองเลเซอร์กำจัดขนมีความแตกต่างกันหลายด้าน การเลือกใช้ YAG Laser หรือ Diode Laser ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการ ลักษณะเส้นขน และสภาพผิวของตัวเอง ดังนั้นก่อนการตัดสินใจกำจัดขนด้วยเซอร์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นอันตรายและตรงกับตัวเอง

 

ความแตกต่างด้านการทำงานของ YAG Laser กับ Diode Laser
ความแตกต่างด้านการทำงานของ YAG Laser กับ Diode Laser

 

ความแตกต่างด้านการทำงานของ YAG Laser กับ Diode Laser 

เลเซอร์กำจัดขนทั้ง YAG Laser กับ Diode Laser มีหลักการทำงานที่คล้ายคลึงกันในการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ในการทำลายรากขน แต่ทั้งสองเลเซอร์ก็มีความแตกต่างกันในด้านของการทำงานอยู่หลายประการ ซึ่ง YAG Laser กับ Diode Laser มีความแตกต่างกันด้านของการทำงาน ดังนี้

 

1.YAG Laser กับ Diode Laser แตกต่างกันในด้านของความยาวคลื่น

  • YAG Laser มีความยาวคลื่นสูงที่มีความยาว 1064 นาโนเมตร ซึ่งถือว่ามีความยาวคลื่นที่สูงที่สุดในกลุ่มของเลเซอร์กำจัดขน จึงสามารถทะลุผ่านผิวหนังชั้นบนได้ดี โดยไม่ถูกเม็ดสีผิวดูดซึมมากเกินไป
  • Diode Laser มีความยาวคลื่นปานกลางที่มีความยาว 800-810 นาโนเมตร ซึ่งอยู่ในช่วงที่เมลานินในเส้นขนสามารถดูดซับพลังงานแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

2.YAG Laser กับ Diode Laser แตกต่างกันในด้านของระดับความลงลึกของพลังงาน

  • YAG Laser สามารถส่งพลังงานลงได้ถึงรากขนระดับลึก จึงเหมาะกับการกำจัดขนที่มีเส้นหนา
  • Diode Laser สามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงระดับกลาง จึงเหมาะกับการกำจัดขนบริเวณแขน ขา หรือใบหน้า 

 

3.YAG Laser กับ Diode Laser แตกต่างกันในด้านของรูปแบบการส่งพลังงาน

  • YAG Laser สามารถส่งพลังงานในรูปแบบ Pulse Duration ยาวและสม่ำเสมอ ทำให้พลังงานสามารถซึมลงลึกถึงรากขนได้มากขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังชั้นบน
  • Diode Laser สามารถส่งพลังงานในรูปแบบ Continuous Wave และ Pulse Duration ทำให้สามารถควบคุมระดับความร้อนได้อย่างแม่นยำ ลดความร้อนในการสะสมที่อาจก่อให้เกิดระคายเคืองหรือผิวไหม้ได้ 

 

4.YAG Laser กับ Diode Laser แตกต่างกันในด้านของระบบทำความเย็นร่วม (Cooling System)

  • YAG Laser ส่วนใหญ่มักต้องใช้ระบบทำความเย็นแยก เพื่อปกป้องผิวจากความร้อนลึก
  • Diode Laser มักมีระบบทำความเย็นที่อยู่ภายในหัวเครื่องที่ช่วยให้รู้สึกเย็นสบายขณะทำ

 

5.YAG Laser กับ Diode Laser แตกต่างกันในด้านของความเสถียร

  • YAG Laser มีความแม่นยำและเสถียรในการส่งพลังงานลงลึก แต่ควรทำโดยแพทย์ที่มีทักษะในการใช้ YAG Laser เพราะถ้าหากไม่ได้รับการใช้งานที่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลเคียงต่าง ๆ ตามมาได้
  • Diode Laser มีระบบการปล่อยพลังงานสองรูปแบบที่มีความเสถียรและสม่ำเสมอ ทำให้สามารถรักษาระดับพลังงานที่ส่งไปได้คงที่และลดความเสี่ยงในการสะสมความร้อนได้ จึงทำให้ Diode Laser สามารถใช้งานและควบคุมได้ง่ายกว่า 

 

YAG Laser กับ Diode Laser เลเซอร์ไหนเหมาะกับใคร
YAG Laser กับ Diode Laser เลเซอร์ไหนเหมาะกับใคร

 

YAG Laser กับ Diode Laser เลเซอร์ไหนเหมาะกับใคร

การเลือกเลเซอร์กำจัดขนไม่ว่าจะเป็น YAG Laser หรือ Diode Laser นั้นจำเป็นที่จะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นโทนผิว สีผิว สีขน ความลึกของรูขุมขน หรือแม้กระทั่งความรู้สึกขณะทำ แม้ YAG Laser กับ Diode Laser จะไม่เป็นอันตราย แต่เลเซอร์ทั้งสองอย่างนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดขนที่แตกต่างกัน ดังนี้

 

YAG Laser เหมาะสำหรับ

  • YAG Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวคล้ำ ผิวเข้ม หรือผิวสองสี
  • YAG Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีขนเส้นหนา หรือบริเวณที่มีขนหนาและรูขุมขนลึก
  • YAG Laser เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขนในพื้นที่เล็ก ๆ เช่น หนวดเครา รักแร้ หรือบริเวณบิกินีไลน์

Diode Laser เหมาะสำหรับ

  • Diode Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีสีผิวอ่อนถึงปานกลาง
  • Diode Laser เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขนในบริเวณกว้าง เช่น แขน ขา หลัง หน้าอก
  • Diode Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาขนคุด
  • Diode Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย

 

ความรู้สึกระหว่างการทำของ YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันยังไง ?
ความรู้สึกระหว่างการทำของ YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันยังไง ?

 

ความรู้สึกระหว่างการทำของ YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันยังไง ?

การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ให้ความรู้สึกระหว่างทำที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ซึ่งการให้ความรู้สึกขณะทำถือเป็นอีกปัจจัยที่นำมาเป็นข้อพิจารณาในการเลือกเลเซอร์ที่ต้องการ โดยความรู้สึกระหว่างทำของ YAG Laser กับ Diode Laser มีความแตกต่างกัน ดังนี้

 

ความรู้สึกขณะทำ YAG Laser

YAG Laser ปล่อยพลังงานความยาวคลื่นสูง 1064 นาโนเมตร ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงรากขน จึงทำให้อาจทำให้มีความรู้สึกระหว่างทำ ดังนี้

  • อาจมีความรู้สึกร้อนลึก ๆ ใต้ชั้นผิว เหมือนมีความสะสมความร้อนอยู่ใต้ชั้นผิว
  • ในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือในบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก อาจมีความรู้สึกแสบหรือเจ็บเล็กน้อยได้อยู่บ้าง

 

ความรู้สึกขณะทำ Diode Laser

Diode Laser มีความยาวคลื่น 800 – 810 นาโนเมตร ซึ่งมีระบบทำความเย็นในตัวหัวของเครื่องเลย เลเซอร์นี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มต้นทำเลเซอร์หรือผู้ที่มีความไวต่อความรู้สึก เนื่องจากขณะทำ Diode Laser ให้ความรู้สึก ดังนี้

  • ในผู้ได้รับบริการส่วนมากจะมีความรู้สึกอุ่น ๆ หรือเย็นสลับอุ่นขณะทำได้ ส่วนมากจะไม่มีความรู้สึกเจ็บแบบชัดเจน
  • ในบางบุคคลอาจมีความรู้สึกเหมือนหนังยางดีดเบา ๆ ขณะทำได้

แม้ YAG Laser กับ Diode Laser จะเป็นเลเซอร์กำจัดขนทั้งคู่ แต่ทั้งสองเครื่องมีคุณสมบัติและความรู้สึกระหว่างทำที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ลงลึกและสามารถรับมือกับความรู้สึกระหว่างทำได้ การทำ YAG Laser ถือเป็นทางเลือกที่ดี ในขณะที่ผู้ที่พึ่งเริ่มทำเลเซอร์กำจัดขนเป็นครั้งแรกหรือ ผู้ที่มีผิวที่บอบบาง การทำ Diode Laser อาจตอบโจทย์ได้มากกว่า

 

ผลลัพธ์การกำจัดขนของ YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันไหม ?
ผลลัพธ์การกำจัดขนของ YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันไหม ?

ผลลัพธ์การกำจัดขนของ YAG Laser กับ Diode Laser ต่างกันไหม ?

YAG Laser กับ Diode Laser ให้ผลลัพธ์ในการกำจัดขน และลดการเกิดขนถาวรได้เหมือนกัน แต่ในด้านระยะเวลาของผลลัพธ์และความถี่ในการทำ มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ดังนี้

 

ผลลัพธ์ของการทำ YAG Laser

YAG Laser สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงรากขน การให้ผลลัพธ์ของ YAG ไม่เห็นทันทีแต่ให้ผลลัพธ์การกำจัดขนที่ยาวนาน ซึ่งขนที่ขึ้นใหม่จะบางลงและน้อยลงชัดเจนหลังทำต่อเนื่องตามโปรแกรม โดยส่วนใหญ่จะเห็นความแตกต่างหลังทำประมาณ  4-6 ครั้ง

 

ผลลัพธ์ของการทำ Diode Laser

Diode Laser สามารถให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วในช่วงแรก ขนจะล่วงหลังจากทำเลเซอร์ไม่กี่วันและจะค่อย ๆ บางลงต่อเนื่อง  โดยส่วนใหญ่จะเห็นความแตกต่างหลังทำประมาณ 3-5 ครั้ง แต่อาจต้องทำซ้ำมากขึ้น หากเป็นขนเส้นบางหรือขนสีอ่อน 

 

สรุปแล้วระยะเวลาของผลลัพธ์และความถี่ ในการทำระหว่าง YAG Laser กับ Diode Laser มีความแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ระยะเวลาของผลลัพธ์และความถี่ของแต่ละบุคคลก็มีความแตกต่างกัน ตามลักษณะขนและสีขน รวมถึงความสม่ำเสมอของการทำเลเซอร์ด้วย

 

YAG Laser กับ Diode Laser มีผลข้างเคียงไหม ?

แม้ว่า YAG Laser กับ Diode Laser จะเป็นเลเซอร์กำจัดคนที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังทำได้ในบางบุคคล โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นนั้นมักจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวแล้วจะหายไปได้เอง โดยผลข้างเคียงที่อาจพบได้หลังการทำ YAG Laser กับ Diode Laser มีดังนี้

 

ผลข้างเคียงหลังการทำ YAG Laser

  • รอยแดงหรือบวมเล็กน้อย อาจเกิดได้หลังทำทันที แต่จะค่อย ๆ หายไปภายใน 1-3 วัน
  • อาการแสบหรืออุ่นบริเวณผิวที่ทำ อาจเกิดขึ้นได้จากการสะสมความร้อนใต้ผิว แต่ไม่นานก็จะหายไปเอง
  • รอยดำหรือรอยขาว การเกิดผลข้างเคียงนี้มีโอกาสการเกิดได้น้อย 

 

ผลข้างเคียงหลังการทำ Diode Laser

  • ผิวแดงหรือผิวบวม อาจเกิดขึ้นหลังทำไม่กี่ชั่วโมง แต่มักจะหายเองใน 1-2 วัน
  • อาการแสบร้อนหลังทำ แต่สามารถดีขึ้นได้ด้วยการประคบเย็น
  • เกิดตุ่มน้ำหรือผิวลอก เกิดจากการใช้พลังงานสูงเกินไป หรือการไม่ดูแลตัวเองหลังทำ แต่อาการนี้สามารถพบได้น้อยมาก 
  • รอยสีผิวเปลี่ยนแปลง เกิดได้ในบางบุคคลที่ไม่หลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำเลเซอร์

 

การทำ YAG Laser กับ Diode Laser  สามารถเกิดผลข้างเคียงหลังทำได้ทั้งคู่ โดยอาการที่เกิดขึ้นไม่แตกต่างกันมากและสามารถหายไปได้เองหลังจากการทำไม่กี่วัน  แต่ทั้งนี้การเกิดผลข้างเคียงในแต่ละบุคคลอาจเกิดได้ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การใช้ชีวิต และการปฏิบัติตัวเองหลังทำ 

 

การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์กำจัดขน 

การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์กำจัดขนอย่างถูกวิธี จะช่วยให้การทำเลเซอร์กำจัดขนได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงหลังการทำได้ โดยการเตรียมตัวก่อนการทำเลเซอร์กำจัดขน สามารถเตรียมตัวได้ ดังนี้

  • ก่อนการทำเลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงการถอน โกน แว๊กซ์ หรือครีมกำจัดขน อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ หากจำเป็นต้องโกนจริง ๆ แนะนำว่าควรโกนก่อนวันนัด 1 วัน ที่ไม่ใช่การกำจัดขนด้วยการแว๊กซ์หรือถอน
  • ก่อนการทำเลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดก่อนทำเลเซอร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำ หรือผลข้างเคียงจากการทำเลเซอร์
  • ก่อนการทำเลเซอร์กำจัดขน ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง อย่างน้อย 5-7 วันก่อนการทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผิวลอกหลังทำ
  • ก่อนการทำเลเซอร์กำจัดขน ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำและยาประจำตัวที่รับประทานอยู่ เพื่อให้แพทย์พิจารณาความเหมาะสมของการรักษาของคุณ
  • ก่อนการทำเลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ผิวระคายเคือง เช่น การสครับผิว ขัดผิว เพื่อไม่ให้ผิวบางและระคายเคือง
  • ก่อนการทำเลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงการใช้โลชั่น น้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์กำจัดขน เพราะอาจมีผลต่อประสิทธิภาพของเลเซอร์หรือก่อให้เกิดการแพ้ได้

 

การเตรียมตัวเหล่านี้ก่อนการทำเลเซอร์กำจัดขน จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ในการกำจัดขนที่ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงได้อีกด้วย ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนที่ดีทำเลเซอร์กำจัดขนถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะ

 

ข้อปฏิบัติหลังทำเลเซอร์กำจัดขน 

การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์กำจัดขนเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยลดการเกิดผลลัพธ์ข้างเคียงหลังทำ และช่วยให้ผลลัพธ์จากการทำเลเซอร์กำจัดขนอยู่ได้นานขึ้น โดยข้อปฏิบัติที่ควรทำหลังการทำเลเซอร์ขน มีดังนี้

  • หลังทำเลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อน ซาวน่า หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
  • หลังทำเลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ผิวระคายเคืองเพิ่ม เช่น การโกน การถอน หรือแว๊กซ์บริเวณที่ทำเลเซอร์
  • หลังทำเลเซอร์กำจัดขน ควรทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงผิว เพื่อบรรเทาอาการแห้งหรือลอกหลังการทำ
  • หลังทำเลเซอร์กำจัดขน ควรเฝ้าระวังและดูอาการผิดปกติ ว่าผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์มีอาการข้างเคียงที่รุนแรงกว่าผลข้างเคียงทั่วไปหรือไม่ หากมีผลข้างเคียงรุนแรงแล้วไม่ได้ขึ้นใน 1-2 วัน ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • หลังทำเลเซอร์กำจัดขน ไม่ควรขัดผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดอย่างน้อย 3-5 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองเพิ่ม

 

หลังทำเลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อน และหลีกเลี่ยงการทำให้ผิวระคายเคืองเพิ่ม รวมถึงควรรักษาความชุ่มชื้นของผิว และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติหรือผลข้างเคียงรุนแรงหลังทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังการทำที่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นอันตราย

 

สรุปความแตกต่างของเลเซอร์กำจัดขน YAG Laser กับ Diode Laser

YAG Laser และ Diode Laser เป็นเทคโนโลยีกำจัดขนที่ได้รับความนิยมสูง โดยเลเซอร์แต่ละประเภทมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ซึ่ง YAG Laser มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร สามารถลงลึกถึงรากขนได้ดีและไม่เป็นอันตรายสำหรับผู้ที่มีผิวคล้ำหรือผิวสองสี จึงมักใช้กับขนเส้นหนาหรือบริเวณที่ต้องการพลังงานสูง เช่น รักแร้หรือขา  ในขณะที่ Diode Laser มีความยาวคลื่นประมาณ 800 – 810 นาโนเมตร จะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เลเซอร์ประเภทนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวขาวและขนสีเข้ม อีกทั้ง Diode Laser มักมาพร้อมระบบทำความเย็น ช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างทำ 

 

แม้ทั้งสองเลเซอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ดีในการกำจัดขน แต่ควรเลือกใช้เลเซอร์กำจัดขน โดยพิจารณาตามลักษณะผิว เส้นขน และคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นอันตรายและตรงกับความต้องการของคุณ

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด