เปรียบเทียบ 4 วิธียกกระชับรอบดวงตา ให้ตาสวยคม สดใส แบบไม่ต้องผ่าตัด
ผิวรอบดวงตา ถือเป็นหนึ่งในบริเวณที่บอบบางและไวต่อการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเพราะโครงสร้างผิวที่บางและมีความชุ่มชื้นน้อยกว่าส่วนอื่น แต่ยังเป็นจุดแรกที่มักแสดงสัญญาณแห่งวัยให้เห็นได้ชัดเจน ทั้งริ้วรอยหางตา หนังตาหย่อน หางตาตก ถุงใต้ตา หรือแม้แต่ร่องลึกบริเวณใต้ตา ที่ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า เหนื่อยล้า หรือดูมีอายุเกินจริงได้แม้เพียงเล็กน้อย
ปัจจุบัน แนวทางการยกกระชับรอบดวงตาได้พัฒนาไปอย่างมาก โดยเฉพาะวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และให้ผลลัพธ์ที่กลมกลืนบนใบหน้า จึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมของผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความสดใสให้ดวงตาโดยไม่เสี่ยงกับการศัลยกรรม
บทความนี้ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 4 วิธีเด่นในการยกกระชับรอบดวงตาที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Thermage Eye, EMFACE Eyes, โปรแกรมฉีดโบหางตา และ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา พร้อมวิเคราะห์เปรียบเทียบจุดเด่น ผลลัพธ์ และความเหมาะสมของแต่ละวิธี เพื่อให้คุณสามารถเลือกแนวทางที่ตรงกับปัญหาและความต้องการได้อย่างมั่นใจ
ทำความรู้จัก 4 วิธีหลักในการยกกระชับรอบดวงตา
แม้บริเวณรอบดวงตาจะเป็นพื้นที่เพียงเล็กน้อยบนใบหน้า แต่กลับต้องการการดูแลที่เฉพาะเจาะจง เนื่องจากเป็นผิวที่บาง แห้งง่าย และมักแสดงสัญญาณของวัยได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันจึงมีเทคโนโลยียกกระชับรอบดวงตาหลากหลายที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อยกกระชับและฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้ดูสดใสโดยไม่ต้องผ่าตัด โดย 4 วิธีหลักที่ใช้ยกกระชับรอบดวงตาได้ มีดังนี้
Thermage Eye
- Thermage Eye เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบ Monopolar RF ยิงพลังงานลงลึกไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนเก่าที่หย่อนคล้อย พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้แข็งแรง และแน่นกระชับยิ่งขึ้น
- จุดเด่นของ Thermage Eye คือการใช้หัวทิป (Tip) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับยกกระชับรอบดวงตา ทำให้สามารถส่งพลังงานได้อย่างแม่นยำในระดับพอดี ลดความเสี่ยงจากการไหม้ และยังสามารถยกกระชับรอบดวงตาครอบคลุมได้ทั้งบริเวณหางตา เปลือกตาบน และใต้ตาได้ในคราวเดียวกัน
- ผลลัพธ์หลังทำคือหางตาที่เคยตกจะกลับมายกกระชับขึ้น เปลือกตาที่เคยหย่อนดูเรียบเนียน และผิวรอบดวงตาโดยรวมดูกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัดใจ 1-2 เดือน โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดสารใด ๆ
EMFACE Eyes
- EMFACE Eyes คือเทคโนโลยีที่รวม Synchronized RF และ HIFES (High-Intensity Facial Electromagnetic Stimulation) เข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะ HIFES ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถกระตุ้นกล้ามเนื้อโดยไม่ต้องใช้เข็ม ในขณะที่คลื่น Synchronized RF จะช่วยฟื้นฟูผิวในระดับลึก เพิ่มความกระชับให้ผิวรอบดวงตาและหน้าผาก ส่วน HIFES จะกระตุ้นกล้ามเนื้อสำคัญที่มีบทบาทในการยกกระชับรอบดวงตา มุมคิ้ว หางตา และหน้าผาก
- จุดเด่นของ EMFACE Eyes คือ หัวส่งพลังงานของ EMFACE Eyes ถูกออกแบบมาให้รับกับโครงสร้างผิวรอบดวงตาอย่างพอดี ช่วยให้สามารถส่งผ่านพลังงานได้อย่างแม่นยำ และควบคุมระดับความแรงได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ก่อให้เกิดแรงกดหรือการระคายเคืองต่อผิวที่บอบบางบริเวณนี้
- ผลลัพธ์ที่ได้คือหางตาและหางคิ้วจะยกกระชับขึ้น ผิวรอบดวงตาเรียบเนียนโดยไม่ต้องใช้เข็ม ไม่มีบาดแผล และไม่ต้องพักฟื้น
โปรแกรมฉีดโบหางตา
- การฉีดโบ คือการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อเฉพาะจุด เพื่อให้กล้ามเนื้อหางตาเริ่มผ่อนคลายลง ส่งผลให้หางตายกขึ้นเล็กน้อย และเส้นริ้วรอยบริเวณนั้นดูจางลง ซึ่งการฉีดโบเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการยกกระชับรอบดวงตา โดยเฉพาะในบริเวณหางตาซึ่งเป็นจุดที่มักมีริ้วรอยจากการยิ้ม และยังสามารถยกหางตาให้เฉียบขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
- ข้อดีของโบหางตา คือสามารถปรับลุคให้ดวงตาดูสดใส และเฉี่ยวขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงทันใจโดยไม่ต้องพักฟื้น
- ผลลัพธ์ที่ได้คือหางตาที่ตกจะดูยกขึ้นเล็กน้อย เส้นริ้วรอยหางตาจะเรียบขึ้นโดยไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด เห็นผลใน 3-7 วัน อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปในชั้นผิวที่มีการยุบตัวหรือขาดวอลุ่ม โดยเฉพาะในบริเวณร่องน้ำตา ถุงใต้ตา และใต้ตาลึก ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม อิดโรย หรือแก่กว่าวัย
- ความพิเศษของฟิลเลอร์ใต้ตา คือช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างแม่นยำ เช่น ในคนที่มีเบ้าตาลึก ร่องใต้ตาลึก แต่ผิวไม่ได้หย่อนมาก ฟิลเลอร์จะช่วยปรับสมดุลแสงเงาบนใบหน้า และคืนความสดชื่นให้ใบหน้าดูไม่โทรมอีกต่อไป
- ผลลัพธ์หลังฉีด คือใต้ตาจะดูเต็มอิ่ม เรียบเนียน ร่องลึกหายไป ทำให้แสงไม่ตกกระทบเงาใต้ตา ใบหน้าโดยรวมดูสดใสขึ้นทันที ไม่ต้องรอนาน และไม่ต้องพักฟื้น
เปรียบเทียบผลลัพธ์จากทั้ง 4 วิธี ยกกระชับรอบดวงตาแบบไหนให้ผลลัพธ์ตรงใจ?
การเลือกวิธีในการยกกระชับรอบดวงตา ควรพิจารณาจากผลลัพธ์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการลดริ้วรอย ยกหางตา หรือเติมเต็มร่องลึกใต้ตา เพราะแต่ละเทคโนโลยีและหัตถการมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในเรื่องการลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับรอบดวงตา หางตา และฟื้นฟูผิวรอบดวงตาได้ดี แม้จะไม่ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นภายใน 1–2 เดือน และอยู่ได้นานถึง 1–2 ปี
เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับรอบดวงตา หางตา และเปิดใบหน้าส่วนบน โดยสามารถยกกระชับรอบดวงตาได้อย่างโดดเด่น พร้อมช่วยฟื้นฟูผิวรอบดวงตา ลดริ้วรอยในระดับปานกลาง แม้จะไม่ได้เติมร่องลึกใต้ตา แต่เห็นผลได้ภายใน 4–8 สัปดาห์ และคงผลลัพธ์ได้ยาวนานกว่า 1 ปี
ให้ผลเร็วภายใน 3–7 วัน โดยฉีดโบหางตาโดดเด่นในด้านการลดริ้วรอยและยกหางตาเช่นกัน ฟื้นฟูผิวรอบดวงตาได้ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่สามารถยกกระชับรอบดวงตา หรือเติมเต็มใต้ตาได้ แต่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนในระยะสั้น อยู่ได้ประมาณ 4–6 เดือน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ หรือดูโทรม โดยให้ผลลัพธ์รวดเร็วหลังทำ โดดเด่นในด้านการเติมเต็มร่องลึกใต้ตา และช่วยฟื้นฟูใต้ตาในระดับปานกลาง สามารถลดริ้วรอยบริเวณใต้ตาได้ แม้จะไม่ได้ยกกระชับรอบดวงตา ยกหางตาโดยตรง แต่สามารถช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
รวมข้อดีของยกกระชับรอบดวงตา
- เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวรอบดวงตาตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป
- ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา เช่น ตีนกา รอยย่นใต้ตา
- ยกหางตาให้ชี้ขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส
- ช่วยยกเปลือกตาที่ตกให้ดูเปิดขึ้น ดวงตาสดใสขึ้น
- ลดถุงใต้ตาให้ดูกระชับ ไม่บวม
- ฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้ดูเรียบเนียน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรอบดวงตา
- ผิวรอบดวงตาดูกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
- เพิ่มความชุ่มชื้นในผิวรอบตา
- ลดความหมองคล้ำรอบดวงตา
- ช่วยให้แต่งหน้าบริเวณรอบตาได้ง่ายขึ้น
- ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนกว่าวัยขึ้น
- ลดความเหนื่อยล้าและความง่วงบนใบหน้า
- ช่วยให้ดวงตาดูโตขึ้นอย่างชัดเจน
- เป็นหัตถการที่ใช้เวลาทำไม่นาน
- สามารถทำร่วมกับโปรแกรมยกกระชับใบหน้าอื่น ๆ ได้
- ฟื้นตัวไว ใช้ชีวิตประจำวันต่อได้
- ช่วยปรับโครงหน้าส่วนบนให้ได้สมดุล
- แก้ปัญหาหนังตาหย่อนที่ทำให้ตาดูเศร้าหรือดูดุ
- ลดรอยยับเมื่อขยับกล้ามเนื้อรอบดวงตา
- เสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจเมื่อเข้าสังคม
- สามารถทำได้ทั้งเพศหญิงและชาย
- เป็นการดูแลเฉพาะจุดที่เห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องทำทั้งหน้า
- ยืดอายุผิวรอบดวงตาให้คงสภาพดีได้ยาวนานขึ้น
- ช่วยเสริมลุคให้ดูสดใสมีพลังมากขึ้นในทุกช่วงวัย
ใครบ้างที่ควรเลือกวิธียกกระชับรอบดวงตา?
- ผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา เช่น ตีนกา รอยย่นใต้ตา
- ผู้ที่มีถุงใต้ตาเล็กถึงปานกลาง และต้องการให้ผิวบริเวณนั้นกระชับขึ้น
- ผู้ที่มีหนังตาบนเริ่มตก ทำให้ตาดูง่วงหรือล้าตลอดเวลา
- ผู้ที่ต้องการยกหางตา ให้ดวงตาดูสดใสขึ้น
- ผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด แต่มีปัญหาผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวรอบดวงตา
- ผู้ที่ต้องการลดการแต่งหน้าเพื่อปกปิดรอยคล้ำหรือริ้วรอยใต้ตา
- ผู้ที่ทำงานในที่ที่ต้องพบปะผู้คนบ่อย และต้องการให้ดวงตาดูสดใส
- ผู้ที่รู้สึกว่าดวงตาไม่เท่ากัน เพราะมีข้างหนึ่งหย่อนคล้อยมากกว่า
- ผู้ที่เคยฉีดโบหรือฟิลเลอร์รอบตา แล้วต้องการเสริมผลลัพธ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ผู้ที่มีลักษณะหน้าตาดูเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา แม้นอนพักเพียงพอ
- ผู้ที่ต้องการป้องกันไม่ให้ปัญหาผิวรอบตาลุกลามในอนาคต
- ผู้ที่เคยลดน้ำหนักแล้วพบว่าใต้ตาหย่อนคล้อย หรือผิวขาดความกระชับ
- ผู้ที่มีผิวบางลงตามวัย และต้องการให้ผิวรอบตาดูแน่นขึ้น
- ผู้ที่รู้สึกว่าดวงตาดูเล็กลงเมื่ออายุมากขึ้น อยากปรับให้ดูเปิดมากขึ้น
- ผู้ที่เริ่มมีร่องใต้ตาชัดเจน แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด
- ผู้ที่มีสีผิวคล้ำรอบตาจากผิวหย่อนคล้อย ไม่ใช่ปัญหาสีผิวโดยตรง
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบดูกลมกลืนกับใบหน้า ไม่ต้องพักฟื้น
- ผู้ที่ไม่สะดวกใช้ครีมหรือเซรั่มรอบตาทุกวัน และอยากได้วิธีที่เห็นผลชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการดูแลเฉพาะจุด ไม่ต้องยกกระชับทั้งหน้า
- ผู้ที่อยากชะลอความร่วงโรยของผิวรอบตาตั้งแต่เนิ่นๆ
- ผู้ที่เคยมีปัญหารอยย่นเวลายิ้มหรือหัวเราะ จนเห็นชัดเจนบริเวณหางตา
- ผู้ที่รู้สึกว่ารูปตาเปลี่ยนไปเมื่ออายุมากขึ้น
- ผู้ที่กำลังเตรียมตัวถ่ายภาพหรืองานสำคัญ
- ผู้ที่เริ่มสังเกตว่า เปลือกตาเริ่มหย่อนและบดบังการมองเห็นเล็กน้อย
- ผู้ที่มีอาชีพที่ใช้หน้าตา เช่น พิธีกร นักแสดง พนักงานขาย
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวรอบดวงตาหลังจาก นอนน้อยหรือใช้สายตามาก
- ผู้ที่ต้องการลงทุนกับผิวพรรณในระยะยาว เพื่อคงความสดใสของดวงตาไว้
หมายเหตุ
การตัดสินใจเลือกวิธีที่ใช่ควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ผู้ให้บริการโดยตรง เนื่องจากลักษณะปัญหารอบดวงตา เช่น ริ้วรอย ร่องลึก หรือความหย่อนคล้อย อาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ควรเลือกจากคำแนะนำทั่วไปเพียงอย่างเดียว การวางแผนยกกระชับรอบดวงตาแบบเฉพาะบุคคลจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างเหมาะสมกับทุกปัญหา
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับยกกระชับรอบดวงตา?
- ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตกอย่างรุนแรง จนบดบังการมองเห็น
- ผู้ที่มีถุงใต้ตาเป็นก้อนไขมันขนาดใหญ่
- ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อรอบดวงตาอยู่ในขณะนั้น
- ผู้ที่มีแผลเปิด บาดแผล หรือผิวลอกบริเวณรอบดวงตา
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโลหะฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker)
- ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแรง (ptosis)
- ผู้ที่เคยผ่าตัดตาหรือทำเลสิกไม่นาน ต้องเว้นระยะพักฟื้นก่อนทำ
- ผู้ที่มีผิวรอบดวงตาบางผิดปกติ หรือเกิดรอยช้ำง่าย
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือใช้ยาละลายลิ่มเลือดอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังรุนแรง เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้, ความดันสูงขั้นรุนแรง
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือกำลังใช้ยากดภูมิ
- ผู้ที่มีอาการแพ้ง่ายหรือเคยเกิดผื่นหลังทำหัตถการความงาม
- ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เกินจริงหรือรวดเร็ว โดยไม่เข้าใจธรรมชาติของการยกกระชับ
- ผู้ที่เคยทำหัตถการผิดพลาดหรือมีพังผืดในชั้นผิวรอบตา
- ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะจากไมเกรนบ่อย ๆ และไวต่อคลื่นพลังงาน
- ผู้ที่ผิวไวต่อแสงหรือมีโรคเกี่ยวกับเม็ดสีผิว เช่น vitiligo หรือ melasma
- ผู้ที่มีพฤติกรรมขยี้ตาบ่อย ๆ หรือใส่คอนแทคเลนส์ตลอดเวลา
- ผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาเกิน 1 ปี โดยไม่ได้ตรวจเช็กสภาพก่อนทำ
- ผู้ที่อยู่ระหว่าง ทำเคมีบำบัดหรือฉายแสง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไวต่อความร้อนสูงหรือเคยผิวไหม้จากหัตถการมาก่อน
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชาหรือเจลสัมผัสที่ใช้ระหว่างทำ
- ผู้ที่คาดหวังให้ดวงตาเปลี่ยนรูปทรงจากการยกกระชับ
- ผู้ที่ไม่สามารถมาพบแพทย์ติดตามผลหลังทำได้เลย
- ผู้ที่มีสภาพจิตใจไม่มั่นคงหรือมีภาวะย้ำคิดย้ำทำเกี่ยวกับรูปร่างใบหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาแพ้แสงหรือใช้ยากลุ่มเรตินอลรอบตาอยู่ ควรเว้นระยะก่อนทำ
- เด็กหรือวัยรุ่นที่ยังไม่มีปัญหาริ้วรอยหรือการหย่อนคล้อยรอบดวงตา
หมายเหตุ
ข้อจำกัดของแต่ละวิธียกกระชับรอบดวงตาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทั้งจากสภาพผิว อายุ ความลึกของปัญหา รวมถึงปัจจัยด้านสุขภาพและการตอบสนองของร่างกาย ดังนั้น ก่อนเข้ารับบริการ ควรเข้ารับการประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์ผู้ให้บริการ เพื่อให้สามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสม ลดความเสี่ยง และได้ผลลัพธ์ยกกระชับรอบดวงตาที่ดีในระยะยาว
สรุปวิธีเลือกยกกระชับรอบดวงตาที่เหมาะกับคุณ
เมื่อพูดถึงการยกกระชับรอบดวงตา ไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่าสำหรับทุกคน แต่ละวิธีมีจุดเด่นเฉพาะตัว และเหมาะกับปัญหาที่ต่างกัน ดังนั้นการเลือกแนวทางยกกระชับรอบดวงตาที่เหมาะสมควรอิงจากโครงสร้างใบหน้า สภาพผิว อายุ และผลลัพธ์ที่ต้องการ
- ถ้าเริ่มมีริ้วรอยหางตาและผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย พร้อมยกกระชับรอบดวงตา ฟื้นฟูกระตุ้นคอลลาเจน Thermage Eye คือคำตอบที่ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องพักฟื้น และได้ผลระยะยาว
- ถ้ารู้สึกว่าหางตาและคิ้วเริ่มตกจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง และอยากยกกระชับรอบดวงตาอย่างดูกลมกลืนกับใบหน้า EMFACE Eyes เหมาะมากโดยไม่ต้องใช้เข็มหรือสารเติมเต็ม
- ถ้าต้องการลดริ้วรอยหางตาแบบรวดเร็วในไม่กี่วัน และอยากให้หางตายกเฉียบขึ้นชัดเจน โปรแกรมฉีดโบหางตา คือทางเลือกที่เร็วและเห็นผลชัด
- ถ้ามีปัญหาใต้ตาลึก ร่องน้ำตา หรือดูโทรมแม้นอนพอ และอยากได้ผลลัพธ์รวดเร็ว ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นทันทีหลังฉีด
หากคุณมีปัญหารอบดวงตาหลายด้าน การผสมผสาน 2 วิธีหรือมากกว่า โดยได้รับการประเมินจากแพทย์ อาจให้ผลลัพธ์ยกกระชับรอบดวงตาที่ชัดเจนและรอบด้านยิ่งขึ้น
รวมคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับเทคโนโลยียกกระชับรอบดวงตา
ทำ Thermage Eye ยกกระชับรอบดวงตา เจ็บไหม?
- ขณะทำอาจรู้สึกอุ่นหรือร้อนลึกเล็กน้อยใต้ผิว ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้และความไวของผิวบริเวณรอบดวงตา อย่างไรก็ตาม เครื่อง Thermage Eye จะมีระบบสั่นและ Cooling ช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย ทำให้หลายคนสามารถทนได้
ฟิลเลอร์ใต้ตา จะเป็นก้อนไหม?
- หากใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับใต้ตา และฉีดโดยแพทย์เท่านั้น โอกาสเกิดก้อนนูนจะเป็นไปได้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม หากฉีดผิดชั้น หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เป็นก้อนหรือดูบวมได้ จึงควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง
ฉีดโบหางตาเพื่อยกกระชับรอบดวงตา ทำให้หนังตาตกจริงไหม?
- มีโอกาสเกิดขึ้นได้หากฉีดในตำแหน่งไม่ถูกต้อง หรือใช้ปริมาณโบมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ตาปรือ หรือหนังตาตกชั่วคราว อย่างไรก็ตาม หากฉีดโดยแพทย์จะสามารถควบคุมตำแหน่งและปริมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
EMFACE Eyes ใช้กับคนที่มีอายุเยอะได้ไหม?
- สามารถยกกระชับรอบดวงตาได้กับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือมากกว่านั้น หากยังมีกล้ามเนื้อใบหน้าที่ตอบสนองต่อการกระตุ้นได้ดี อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่กล้ามเนื้อหย่อนมากหรือมีปัญหาโครงสร้างอื่นร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น ฟิลเลอร์ใต้ตา หรือ Thermage Eye เพื่อเสริมผลลัพธ์
เลือกวิธียกกระชับรอบดวงตาที่ใช่ เพื่อดวงตาที่ดูสดใสอย่างมั่นใจ
รอบดวงตา เป็นจุดเล็ก ๆ ที่ส่งผลต่อความสดใสของใบหน้าอย่างมาก การดูแลผิวรอบดวงตาจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของความงาม แต่ยังสะท้อนถึงการใส่ใจสุขภาพผิวโดยรวมอย่างลึกซึ้ง ปัจจุบันมีวิธีดูแลและยกกระชับรอบดวงตาหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Thermage Eye ที่กระตุ้นคอลลาเจนลึกถึงชั้นผิว EMFACE Eyes ที่ยกกล้ามเนื้อใบหน้า โปรแกรมฉีดโบหางตาที่ลดริ้วรอยได้รวดเร็ว หรือ ฟิลเลอร์ใต้ตาที่เติมเต็มร่องลึกทันใจ
แต่ละวิธีมีจุดเด่น ข้อจำกัด และเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกัน การเลือกวิธียกกระชับรอบดวงตาที่เหมาะสมจึงควรอิงจากโครงสร้างผิว อายุ ลักษณะปัญหา และความคาดหวังในผลลัพธ์ โดยเฉพาะเมื่อบริเวณรอบดวงตาเป็นจุดที่บอบบาง การได้รับการประเมินจากแพทย์และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองด้านคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ไม่ว่าคุณจะเลือกยกกระชับรอบดวงตาด้วยวิธีใด เป้าหมายหลักคือการคืนความสดใสให้ดวงตากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง