ไขมันสะสม พุงแน่น ต้นแขนใหญ่ เกิดจากอะไร? พร้อมวิธีลดไขมัน โดยไม่ต้องผ่าตัด
ไขมันสะสม พุงแน่น ต้นแขนใหญ่ ไขมันดื้อลดยาก ทำยังไงก็ลดไม่ได้ง่าย ๆ ทำให้ขาดความมั่นใจในรูปร่าง บทความนี้จะพาไปดูว่า ไขมันสะสม เกิดจากอะไร ? ทำไมบางจุดถึงลดยาก และมาทำความรู้จักกับ Pack Cool Slim Transformating ทางเลือกใหม่ที่รวมเทคโนโลยี CoolSculpting และ Slim & Slender เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะส่วน กระชับรูปร่างได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
ไขมันสะสม คืออะไร?
ไขมัน (Fat) คือ สารอาหารที่สำคัญในร่างกาย แม้จะถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาน้ำหนักที่เกิน หรือรูปร่างที่ไม่สมส่วน แต่อย่างไรก็ตามไขมันก็มีบทบาทที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายในส่วนต่าง ๆ ซึ่ง ไขมัน ทำหน้าที่เป็นพลังงานสำรองภายในร่างกาย ที่ช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ ทั้งยังมีส่วนช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น เช่น วิตามิน A, D, E และ K และช่วยป้องกันความเสียหายของอวัยวะภายในร่างกายจากการเคลื่อนไหว หรือการกระแทก
อย่างไรก็ตาม หากร่างกายได้รับพลังงานในปริมาณมากกว่าร่างกายจะสามารถเผาผลาญได้ พลังงานส่วนเกินจะถูกจัดเก็บในรูปแบบของไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) หรือไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหารูปร่างและสุขภาพ
ไขมันสะสม ลดยากมีจุดไหนบ้าง?
ไขมัน มักจะสะสมอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ทั่วร่างกาย แต่หากอยู่ในบางบริเวณที่มีการสะสมของไขมันมากพิเศษและเผาผลาญออกได้ยาก จะเรียกว่า “ไขมันดื้อ” (Stubborn Fat) ซึ่งไขมันสะสมที่ลดได้ยาก มีดังนี้
- ไขมันหน้าท้อง (Belly Fat)
ไขมันหน้าท้อง ถือเป็นไขมันสะสมในบริเวณที่ลดได้ยาก โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นไขมันที่เกาะอยู่รอบ ๆ อวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ตับ ลำไส้ และกระเพาะอาหาร โดยไขมันชนิดนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายแรงได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และภาวะไขมันพอกตับ ทั้งนี้ หากต้องการลดไขมันหน้าท้อง จะต้องควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ไขมันต้นขา (Thigh Fat)
ไขมันสะสมบริเวณต้นขา เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ลดได้ยาก และอาจทำให้เกิดปัญหาผิวเปลือกส้ม หรือเซลลูไลท์ (Cellulite) ได้ด้วย หากต้องการลดไขมันส่วนนี้จะต้องทำการออกกำลังกายเฉพาะส่วน และควบคุมอาหารร่วมด้วย
- ไขมันสะโพกและก้น (Hip & Butt Fat)
ไขมันสะโพกและก้น เป็นไขมันสะสมที่มักจะเกิดในเพศหญิงเช่นเดียวกับไขมันต้นขา ซึ่งในบางคนหากมีไขมันสะโพกและก้นที่พอดี จะช่วยเสริมสร้างให้รูปร่างดูสมส่วน และดูมีส่วนเว้าส่วนโค้ง แต่หากมีการสะสมมากเกินไปอาจจะทำให้ร่างกายดูไม่สมดุล และดูหุ่นใหญ่ได้
- ไขมันต้นแขน (Arm Fat)
ไขมันต้นแขน เป็นไขมันสะสมที่ทำให้เกิดปัญหารูปร่าง เช่น แขนใหญ่ แขนย้วยได้ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังของต้นแขน ทั้งยังเป็นไขมันที่ลดได้ยาก เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันน้อย
- ไขมันเหนียง (Double Chin)
ไขมันใต้คางหรือเหนียง เป็นอีกหนึ่งไขมันสะสมดื้อที่ลดยาก และสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รวมถึงคนทุกรูปร่าง ซึ่งไขมันเหนียงเกิดจากการสะสมของไขมัน และการหย่อนคล้อยของผิวหนัง ซึ่งจะทำให้โครงหน้าดูอ้วนกว่าปกติ และทำให้โครงหน้าของเราไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ การลดไขมันสะสมสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย อย่าง Pack Cool Slim Transformating ลดไขมันสะสม
ไขมันสะสมลดได้ด้วย Pack Cool Slim Transformating เทคโนโลยีลดไขมันเฉพาะจุด กระชับสัดส่วน
ไขมันสะสมเฉพาะจุด ไขมันดื้อลดยาก แต่ลดได้ด้วย Pack Cool Slim Transformating ที่รวมเทคโนโลยีลดไขมัน CoolSculpting และ Slim & Slender เปปไทด์คุมหิว เพื่อช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะจุด พร้อมช่วยกระชับรูปร่างให้ได้สัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
ไขมันสะสมลดได้ด้วย Pack Cool Slim Transformating มีจุดเด่นอะไร?
- ลดไขมันเฉพาะจุดได้ โดยจะเน้นลดไขมันสะสมบริเวณที่ลดได้ยาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา รอบเอว และเหนียง ซึ่งเป็นไขมันดื้อลดยาก
- ดูแลหุ่นให้สมส่วนและกระชับ ช่วยกระชับรูปร่างให้ดูสมส่วน ลดไขมันได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นน้อย หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และพักฟื้นไม่นาน ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือไม่มีเวลาในการดูแลตัวเอง
- กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบเผาผลาญในร่างกาย ทั้งยังช่วยสนับสนุนกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ไขมันสะสมลดได้ด้วย Pack Cool Slim Transformating เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด มีสัดส่วนที่ไม่สมดุล แม้น้ำหนักไม่มาก เช่น มีพุง ต้นแขนใหญ่ ต้นขาเบียด หรือมีเหนียง ที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในรูปร่าง
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างให้กระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- ผู้ที่เคยลดน้ำหนักมาแล้ว แต่ยังมีบางจุดของร่างกายที่ ไม่สามารถลดได้ด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว
- ผู้ที่ต้องการเสริมระบบเผาผลาญ และกระตุ้นการขับของเสียในร่างกายอย่างอ่อนโยน
- ผู้ที่มีเวลาจำกัด ไม่สะดวกพักฟื้น แต่ต้องการเห็นผลการปรับรูปร่างในระยะเวลาอันสั้น
- ผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างให้มีความสมส่วน ต้องการดูแลหุ่นให้สวยงามตามที่ต้องการ
ทั้งนี้หากต้องการลดไขมันสะสมด้วย Pack Cool Slim Transformating สามารถปรึกษาแพทย์ แจ้งประวัติทางการแพทย์ การแพ้ยา รวมถึงโรคประจำตัวให้ละเอียด เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนได้
ไขมันสะสมลดได้ด้วย Pack Cool Slim Transformating ไม่เหมาะกับใคร?
แม้ CoolSculpting และ Slim & Slender จะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรอง และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็อาจจะมีข้อจำกัดในการทำสำหรับคนบางกลุ่ม ดังนี้
- ผู้ที่กำลังอยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคระบบเลือด
- ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบการไหลเวียน หรือระบบประสาทในบริเวณที่จะรับการรักษา
- ผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะฝังในร่างกายในจุดที่ต้องทำการรักษา
- ผู้ที่มีภาวะผิวหนังไวต่อความเย็นผิดปกติ
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการทำ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ หรือเบาหวานรุนแรง ควรได้รับการตรวจและอนุญาตจากแพทย์ก่อน
- ผู้ที่มีปริมาณไขมันต่ำกว่าค่ามาตรฐาน หรือมีผิวหนังหย่อนคล้อยมากกว่าการมีไขมันสะสม
- ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ที่มากเกินไป
ทั้งนี้ ผู้ที่มีข้อจำกัดหากต้องการลดไขมันสะสมด้วย Pack Cool Slim Transformating แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาก่อนตัดสินใจรับบริการ
Slim & Slender เปปไทด์คุมหิว ลดไขมันสะสม
Slim & Slender หรือเปปไทด์คุมหิว ตัวช่วยในการลดไขมันสะสมภายในร่างกาย เป็นเปปไทด์ที่พัฒนามาเพื่อเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญภายในร่างกายที่มีบทบาทในการช่วยควบความอยากอาหาร ชะลอการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยลดความโหยอาหาร ลดการกินจุบจิบระหว่างวัน และยังมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และลดการหลั่งของกลูคาคอน พร้อมช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ จึงสามารถช่วยลดไขมันสะสมในร่างกายได้
Slim & Slender ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
Slim & Slender เปปไทด์คุมหิวที่ทำงานเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมน้ำหนัก ลดไขมันสะสม และการดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม ซึ่ง Slim & Slender มีส่วนช่วยดูแลรูปร่าง ดังต่อไปนี้
- Slim & Slender ควบคุมความหิว ลดความอยากอาหาร
Slim & Slender เปปไทด์คุมหิวที่เลียนแบบการทำงานฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นให้สมองรู้สึกอิ่มเร็วและรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น จึงสามารถช่วยลดความโหยอาหารระหว่างวันได้ ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในการรับประทานอาหารให้พอดีกับความต้องการของร่างกายได้
- Slim & Slender ปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร
เมื่อเราบริโภคอาหารในปริมาณที่เหมาะสมและพอดีกับความต้องการของร่างกาย จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Slim & Slender กระตุ้นระบบเผาผลาญ ลดไขมันส่วนเกิน
Slim & Slender ช่วยกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมหรือระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถนำพลังงานจากไขมันสะสมมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสมเฉพาะจุด หรือไขมันดื้อลดยาก
- Slim & Slender ลดการสะสมไขมันในระยะยาว
Slim & Slender เปปไทด์คุมหิว สามารถช่วยปรับพฤติกรรมการกิน และกระตุ้นการเผาผลาญไขมันสะสมในร่างกาย จึงช่วยลดการสะสมของไขมันใหม่ และช่วยทำให้รูปร่างดูกระชับได้
- Slim & Slender ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
Slim & Slender เปปไทด์คุมหิว มีส่วนช่วยให้ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มได้นาน จึงส่งผลให้สามารถลดการกินจุบจิบระหว่างวัน และช่วยควบคุมพฤติกรรมการกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Slim & Slender ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
Slim & Slender เปปไทด์คุมหิว มีส่วนช่วยลดการหลั่งของกลูคากอน (Glucagon) และช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือด และโรคอ้วน
- Slim & Slender ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ
Slim & Slender เปปไทด์คุมหิว ช่วยกระตุ้นอินซูลิน และการยับยั้งฮอร์โมนที่เพิ่มระดับน้ำตาลอย่างกลูคากอน (Glucagon) ทำให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวางแผนการรักษา Slim & Slender เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามต้องการ
Slim & Slender ช่วยลดไขมันสะสมอย่างไร?
ทำความรู้จักกับฮอร์โมนคุมหิวในร่างกาย คือ ฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนธรรมชาติในร่างกาย ที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยควบคุมความอิ่มและความอยากอาหาร โดยปกติแล้วร่างกายจะทำการหลั่ง GLP-1 ออกมาหลังรับประทานอาหารเสร็จ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปยังสมองว่าร่างกายอิ่ม แต่ตามธรรมชาติฮอร์โมน GLP-1 นั้นมีอายุการทำงานที่สั้น จึงไม่สามารถควบคุมความหิวได้นาน
Slim & Slender จึงเป็นเปปไทด์ที่ถูกออกแบบมาให้มีโครงสร้างใกล้เคียงกับฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ถึง 97% ทำให้ Slim & Slender มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียง แต่มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ที่ยาวนานกว่า GLP-1 จึงส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหารระหว่างวัน ไม่รู้สึกโหย หรือไม่หิวบ่อย ทั้งยังช่วยควบคุมพฤติกรรมการกินได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย Slim & Slender จึงสามารถช่วยลดไขมันสะสมในบริเวณที่ลดยาก เช่น พุง ต้นแขน ต้นขา และสะโพก
CoolSculpting เทคโนโลยีลดไขมันสะสมด้วยความเย็น
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่ใช้หลักการลดไขมันด้วยความเย็นจัด (Cryolipolysis) โดยจะทำการปล่อยความเย็นที่อุณหภูมิติดลบ เพื่อเข้าไปแช่แข็งเซลล์ไขมันโดยตรง โดยไม่ทำลายผิวหนังหรือเนื้อเยื่อรอบข้าง จากนั้นเซลล์ไขมันที่ถูกแช่งแข็ง จะค่อย ๆ เกิดกระบวนการตายตามธรรมชาติ (Cellapoptosis) และจากนั้นไขมันส่วนเกินจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบขับถ่าย ทั้งยังช่วยกระชับสัดส่วนให้ไม่หย่อนคล้อยหลังทำ
ซึ่ง CoolSculpting ลดไขมันสะสมจะเหมาะสำหรับลดไขมันดื้อในบริเวณ เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอว หรือเหนียง สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นน้อย และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา
CoolSculpting ช่วยลดไขมันสะสมอย่างไร?
CoolSculpting คือ เทคโนโลยีการลดไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ใช้หลักการ Cryolipolysis หรือการลดไขมันสะสมด้วยความเย็น โดยใช้หัวเครื่อง (Applicator) ทำการดูดผิวบริเวณที่ต้องการลดไขมันเข้าไปในเครื่อง จากนั้นทำการปล่อยความเย็นในระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็งประมาณ -11°C ถึง -13°C ไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังโดยตรง จากนั้นความเย็นจะค่อย ๆ เข้าสู่เซลล์ไขมัน จนกระทั่งเกิดกระบวนการ Apoptosis หรือการตายของเซลล์แบบธรรมชาติ ที่ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และหลังจากเซลล์ไขมันตายแล้ว ร่างกายจะค่อย ๆ ขับเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกผ่านระบบกำจัดของเสีย เช่น การขับปัสสาวะ และอุจจาระตามธรรมชาติ ทำให้สัดส่วนดูเล็กลง รูปร่างดูกระชับขึ้น
จุดเด่นของ CoolSculpting
- ลดไขมันสะสมเฉพาะจุดได้หลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา ปีกหลัง นมน้อย หรือเหนียง โดยไม่ทำให้เซลล์รอบข้างเสียหาย
- มีระบบ Freeze Detect ตรวจจับอุณหภูมิ ที่ช่วยป้องกันผิวชั้นนอกเสียหายจากความเย็นจัด จึงช่วยลดความเสี่ยงของอาการผิวไหม้จากความเย็น
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล พักฟื้นไม่นาน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น และไม่ต้องการเจ็บตัว
- ใช้เวลาไม่นาน โดยปกติจะใช้เวลาในการทำแต่ละบริเวณประมาณ 35–60 นาที ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของไขมัน
CoolSculpting ลดไขมันสะสม มีข้อดีอย่างไร?
- CoolSculpting ช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะจุด
CoolSculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมที่ลดได้ยาก หรือไขมันดื้อ ที่ออกกำลังกายก็ไม่ลด เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เอวด้านข้าง (love handle) เหนียงใต้คาง แผ่นหลัง และบริเวณใต้รักแร้หรือนมน้อย
- CoolSculpting ปรับรูปร่างให้กระชับ ดูสมส่วนมากขึ้น
CoolSculpting จะใช้กระบวนการ Cryolipolysis ที่สามารถแช่แข็งเซลล์ไขมันให้ตายลง จากนั้นร่างกายจะทำการขับของเสียออก ทำให้บริเวณที่ทำการรักษามีสัดส่วนที่กระชับมากขึ้น เช่น หน้าท้องแบนราบ ต้นแขนเล็กลง หรือลดเหนียงให้รูปหน้าเรียวกระชับ และส่งผลให้รูปร่างโดยรวมดูดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
- CoolSculpting ไม่มีแผล ระยะเวลาพักฟื้นน้อย
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีลดไขมันสะสม โดยไม่ต้องผ่าตัด เจ็บน้อย และมีระยะพักฟื้นที่น้อย หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ ไม่ต้องมีการดูแลแผล หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมเหมือนกับการศัลยกรรมดูดไขมัน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้น หรือดูแลรูปร่าง
- CoolSculpting เห็นผลลัพธ์ภายใน 1–3 เดือน
หลังจากทำ CoolSculpting ร่างกายจะค่อย ๆ ขับเซลล์ไขมันตายออกตามกรรมวิธีธรรมชาติ ผ่านระบบขับของเสียของร่างกาย จากนั้นจะค่อย ๆ เริ่มเห็นผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงได้ในประมาณ 1-3 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวิธีดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล
- CoolSculpting ผ่านการรับรองจากอย. ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
เทคโนโลยี CoolSculpting ได้รับการรับรองจากอย. ว่าสามารถใช้ลดไขมันสะสมเฉพาะจุดได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และยังมีระบบ Freeze Detect ที่จะช่วยตรวจจับอุณหภูมิ เพื่อช่วยป้องกันผิวชั้นนอกจากความเย็นจัด และช่วยลดความเสี่ยงของอาการผิวไหม้หรือช้ำจากอุณหภูมิที่ติดลบ
- CoolSculpting สามารถทำร่วมกับเทคโนโลยีลดไขมันสะสมอื่น ๆ ได้
CoolSculpting สามารถทำร่วมกับเทคโนโลยีลดไขมันสะสมอื่น ๆ ได้ เช่น Slim & Slender เปปไทด์คุมหิว ที่ช่วยควบคุมความอยากอาหารและกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งการใช้ร่วมกันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ได้อย่างน่าพึงพอใจ
CoolSculpting ทำบริเวณไหนได้บ้าง?
เทคโนโลยีลดไขมันสะสมด้วยความเย็น หรือ CoolSculpting กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถลดไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ลดยากได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถลดไขมันสะสมได้หลายบริเวณทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น บริเวณแก้ม เหนียง หน้าท้อง เอว และหน้าท้องล่าง ต้นแขน ต้นขา สะโพกหรือใต้ก้น ปีกหลัง ใต้รักแร้หรือนมน้อย
ไขมันสะสมกับน้ำหนักตัว แตกต่างกันอย่างไร?
ในการลดไขมันสะสมในร่างกาย การทำความรู้จักความแตกต่างของ น้ำหนักตัวกับไขมันสะสม เป็นที่ควรทำความเข้าใจ เพื่อที่จะได้ลดน้ำหนัก หรือลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โดย น้ำหนักตัวกับไขมันสะสม มีความแตกต่างกัน คือ
- น้ำหนักตัว คือ ตัวเลขที่บ่งบอกถึงองค์ประกอบรวมทั้งหมดภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำ กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะ และไขมัน
- ไขมันสะสม คือ องค์ประกอบภายในร่างกาย เป็นส่วนหนึ่งของน้ำหนักรวม ที่มีผลต่อสุขภาพและรูปร่างโดยรวม
การลดน้ำหนักแบบผิดวิธี หรือลดน้ำหนักที่ลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ร่างกายเกิดการสูญเสียน้ำและกล้ามเนื้อ มากกว่าการลดไขมันสะสมภายใน ซึ่งอาจส่งผลให้แม้น้ำหนักโดยรวมจะลด แต่ร่างกายจะไม่กระชับ ผิวเกิดการหย่อนคล้อย ระบบเผาผลาญพัง และน้ำหนักกลับมาเพิ่มอีกในภายหลัง หรือโยโย่เอฟเฟกต์ (Yoyo Effect) นั่นเอง หากต้องการลดน้ำหนักให้มีประสิทธิภาพและส่งผลดีต่อร่างกาย คือ การลด เปอร์เซ็นต์ไขมันสะสมในร่างกาย หรือปริมาณของไขมัน แทนการโฟกัสที่น้ำหนักเพียงอย่างเดียว
3 วิธีวัดปริมาณไขมันสะสมในร่างกาย
การรู้ระดับไขมันสะสมในร่างกาย จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพ ดูแลรูปร่าง และลดไขมันสะสมส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการวัดไขมันสะสมที่นิยม มีดังนี้
- การคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (BMI)
การคำนวณค่าดัชนีมวลกาย หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในชื่อ BMI หรือ Body Mass Index เป็นวิธีที่ช่วยวัดความสมดุลของร่างกาย โดยใช้ส่วนสูงและน้ำหนักมาคำนวณ เพื่อประเมินว่าร่างกายอยู่ในเกณฑ์ผอม ปกติ หรืออ้วน ซึ่ง BMI จะแสดงได้ถึงภาพรวมของร่างกาย แต่ไม่สามารถเจาะจงถึงปริมาณไขมันสะสมว่ามีมากน้อยเพียงใด หรือกระจายตัวในร่างกายอย่างไร
- การวัดสัดส่วนร่างกาย (Body Measurements)
การวัดสัดส่วนร่างกาย ก่อนการเริ่มลดไขมันจะช่วยประเมินแนวโน้มไขมันสะสมในแต่ละส่วนของร่างกายได้ เช่น การวัดรอบเอว สะโพก ต้นแขน และต้นขา โดยเฉพาะบริเวณรอบเอวที่อาจสัมพันธ์ถึงไขมันในช่องท้อง ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีง่าย ๆ สามารถแสดงถึงปริมาณไขมันสะสมได้คร่าว ๆ
- การใช้เครื่องวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
หากต้องการวัดปริมาณไขมันสะสมที่แม่นยำ การเลือกใช้อุปกรณ์อย่าง เครื่องวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ก็สามารถช่วยวางแผนการลดไขมันเฉพาะจุดได้ เช่น เครื่อง Inbody หรือ BIA โดยเครื่องจะที่ส่งกระแสไฟฟ้าระดับต่ำผ่านร่างกาย ทำให้สามารถประเมินองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในร่างกายได้อย่างละเอียด เช่น ไขมันสะสม มวลกล้ามเนื้อ น้ำ และองค์ประกอบอื่น ๆ
ไขมันสะสมภายในร่างกาย เกิดได้อย่างไร?
ไขมันสะสมในร่างกาย สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยหลัก ๆ แล้ว จะเกิดจากที่ร่างกายนั้นรับพลังงานมามากกว่าที่ใช้ หรือร่างกายเผาผลาญพลังงานไม่ทัน ทำให้พลังงานส่วนเกิดถูกแปรเป็นไขมัน และสะสมอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ภายในร่างกาย ซึ่งหากมีไขมันสะสมมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ ความดันโลหิต และเบาหวานได้
- การรับประทานอาหารมากเกินความจำเป็น
การรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง และรับประทานในปริมาณที่เยอะเกินความจำเป็น จะทำให้ร่างกายสะสมไว้จนกลายเป็นไขมันได้ ซึ่งอาหารที่ให้พลังงานสูงที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น ไขมัน น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรต
- ระบบเผาผลาญที่ทำงานช้าลง
ระบบเผาผลาญที่ทำงานช้าลง หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจจะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้เต็มที่ และทำให้พลังงานที่ใช้ไม่หมดถูกเก็บไว้ในรูปแบบไขมันสะสมได้ ซึ่งระบบเผาผลาญที่ทำงานช้าลงสามารถเกิดได้จากอายุที่มากขึ้น หรือปัญหาของฮอร์โมน เช่น ภาวะไทรอยด์ต่ำ
- พฤติกรรมที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว
การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้ดี แต่การมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง เช่น นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือการไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดไขมันสะสมได้โดยไม่รู้ตัว
- ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะถูกหลั่งออกมาเมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียด ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ร่างกายเก็บสะสมไขมันมากเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง นอกจากนี้ การนอนหลับไม่เพียงพอยังเป็นการรบกวนการทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและความอิ่ม ทำให้ฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่
- ปัจจัยทางพันธุกรรมและความไม่สมดุลของฮอร์โมน
โครงสร้างทางพันธุกรรมในบางคนก็อาจส่งผลให้ร่างกายสามารถสะสมไขมันได้ง่ายกว่าคนอื่น หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนภายในร่างกาย หรือมีภาวะดื้ออินซูลิน ก็มีผลต่อการสะสมไขมันเช่นกัน
ไขมันสะสม เป็นอีกหนึ่งไขมันที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เหนียง หรือสะโพก ซึ่งหากมีไขมันสะสมที่มากเกินไปอาจส่งผลให้รูปร่างไม่สมส่วน หรือทำให้เกิดความไม่มั่นใจในรูปร่างได้ Pack Cool Slim Transformating ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผนวกเทคโนโลยี CoolSculpting และ Slim & Slender ที่จะช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะจุด และดูแลหุ่นให้สวยในแบบที่คุณต้องการได้ สามารถเข้ามาปรึกษาและสอบถามได้ที่ รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด