ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรรู้อะไรบ้าง? เจ็บไหม? ฉีดกี่วันเข้าที่?

ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรรู้อะไรบ้าง

ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรรู้อะไรบ้าง? เจ็บไหม? ฉีดกี่วันเข้าที่?

ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ เป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่มาแรง และสามารถเข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากฟิลเลอร์มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ และตอบโจทย์ปัญหารูปหน้าได้หลากหลายแบบ ตั้งแต่การเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก เพิ่มความชุ่มชื้น ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และปรับโครงสร้างใบหน้าให้สมส่วน แต่สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจ “ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก” อาจมีคำถาม หรือความกังวลมากมาย เช่น ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม? ฉีดฟิลเลอร์ควรเริ่มฉีดจากจุดไหน? ฉีดฟิลเลอร์ต้องเตรียมตัวอย่างไร? หรือฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่? บทความนี้รวบรวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรกมาให้แล้วค่ะ

 

มือใหม่ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เลือกอย่างไรดี? รวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์

เจาะลึกก่อนฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ฟิลเลอร์คืออะไร?

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มแบบชั่วคราวที่ใช้ส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมนำมาใช้ในวงการความงามกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เนื่องจากเป็นหัตถการที่ไม่อันตราย สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และแก้ไขได้ง่ายหากไม่พอใจกับผลลัพธ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่อยากพักฟื้นนาน

โดย HA ที่ใช้ในฟิลเลอร์ เป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นมา เพื่อเลียนแบบสารมีอยู่แล้วในร่างกายของเรา สามารถพบได้บ่อยในผิวหนัง มีคุณสมบัติเด่นในการกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในชั้นผิว เติมเต็มผิวให้มีความอิ่มฟู พร้อมยกพยุงโครงสร้างผิวให้เต่งตึงอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้ว สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ และเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดี และมีประสิทธิภาพในการคงความอ่อนกว่าวัยให้ผิว

 

ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกอย่างไร?
ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกอย่างไร?

 

ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกอย่างไร?

การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และไม่เสี่ยงอันตราย ดังนี้

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน

การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และมีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

  • เลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์

การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกแพทย์ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และมีใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภาอย่างถูกต้อง ซึ่งแพทย์สามารถให้คำแนะนำ และวิเคราะห์ปัญหาผิว พร้อมประเมินปริมาณที่ควรฉีด และออกแบบการรักษาได้อย่างเหมาะสม

  • เลือกฟิลเลอร์แท้เท่านั้น

การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการอนุมัติอย่างถูกต้องจาก องค์การอาหารและยา หรือ อย. ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากเลขทะเบียน อย. เอกสารกำกับภาษาไทย และเลข Lot. การผลิต รวมถึง ขอให้แพทย์แกะกล่องฟิลเลอร์ใหม่ให้ดูต่อหน้า

  • เลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับปัญหา

การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับปัญหา และบริเวณที่ต้องการฉีด ซึ่งฟิลเลอร์ในแต่ละรุ่นจะมีความหนาแน่น ความยืดหยุ่น และการกระจายตัวที่แตกต่างกัน โดยแพทย์จะช่วยให้คำแนะนำในการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่ตอบโจทย์กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข

  • เลือกคลินิกที่มีรีวิวจากผู้รับบริการจริง

การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกคลินิกที่มีการรีวิวจากผู้รับบริการจริง ซึ่งจะต้องมีภาพก่อน และหลังฉีด รวมถึง มีวิดีโอที่แสดงผลลัพธ์ให้เห็นอย่างชัดเจน โดยไม่ได้มีการแต่งรูปใด ๆ เพิ่มเติม 

 

ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรฉีดจุดไหน?
ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรฉีดจุดไหน?

 

ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรฉีดจุดไหน?

การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกจุดที่มีปัญหาอย่างชัดเจน และเป็นบริเวณที่ไม่เสี่ยงอันตราย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ จุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ในครั้งแรก มีดังนี้

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหนึ่งจุดที่นิยมในการฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เนื่องจากบริเวณใต้ตามักมีปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก ใต้ตาโบ๋ ถุงใต้ตา และมีริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ใบหน้าดูโทรมเหมือนนอนไม่เพียงพอ และดูมีอายุอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

  • ฟิลเลอร์ขมับ

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นอีกหนึ่งจุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เนื่องจากบริเวณขมับมักมีปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ และขมับบุ๋มที่เกิดขึ้นตามวัย ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สมส่วน และแก่กว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ขมับสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

  • ฟิลเลอร์แก้มตอบ

การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เป็นอีกหนึ่งจุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เนื่องจากบริเวณข้างแก้มมักมีปัญหาแก้มตอบ และแก้มยุบเป็นแอ่ง ทำให้ใบหน้าดูซูบผอม โทรม และแก่กว่าวัยอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นอีกหนึ่งจุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เนื่องจากบริเวณร่องแก้มมักมีปัญหาร่องแก้มลึก และกระดูกร่องแก้มทรุดได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า หย่อนคล้อย และดูมีอายุอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

  • ฟิลเลอร์ปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นอีกหนึ่งจุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เนื่องจากบริเวณริมฝีปากมักมีปัญหาริมฝีปากแห้ง ริมฝีปากลอก ริมฝีปากไม่สมส่วน และริมฝีปากบางจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูโทรม ขาดมิติ และไม่สดใสอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

  • ฟิลเลอร์คาง

การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นอีกหนึ่งจุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เนื่องจากบริเวณคางมักมีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม คางเบี้ยว และคางถอย ทำให้ใบหน้าดูขาดมิติ และไม่สมส่วนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์คางสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

  • ฟิลเลอร์หน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นอีกหนึ่งจุดที่นิยมในการฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก เนื่องจากบริเวณหน้าผากมักมีปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากเว้า และหน้าผากแคบ ทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วน และขาดมิติอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

 

ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ยี่ห้อไหนดี?

การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับการอนุมัติ และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้

  • ฟิลเลอร์ Juvederm : เป็นฟิลเลอร์จากบริษัท Allergan ที่ใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต และพัฒนาฟิลเลอร์ ได้แก่ HYLACROSS และ VYCROSS จึงทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพดีในการยึดเกาะกับชั้นผิว และมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งผลลัพธ์ของ Juvederm จะสามารถอยู่ได้นานถึง 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองหลังฉีด
  • ฟิลเลอร์ Restylane : เป็นฟิลเลอร์จากบริษัท Galderma ที่ใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต และพัฒนาฟิลเลอร์ ได้แก่ NASHA และ OBT จึงทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพดีในการพยุงโครงสร้างผิว และขึ้นรูปทรงได้อย่างแลดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งผลลัพธ์ของ Restylane จะสามารถอยู่ได้นานถึง 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ และสภาพผิวแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับรุ่นฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองหลังฉีด
  • ฟิลเลอร์ Belotero : เป็นฟิลเลอร์จากบริษัท Merz Aesthetics ที่ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ในการผลิต และพัฒนาฟิลเลอร์ จึงทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพดีในการยึดเกาะผิว ทนต่อแรงขยับสูง และขึ้นรูปทรงง่าย ซึ่งผลลัพธ์ของ Belotero จะสามารถอยู่ได้นานถึง 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองหลังฉีด
  • ฟิลเลอร์ Neauvia : เป็นฟิลเลอร์จากบริษัท Matex Lab Group ที่ใช้เทคโนโลยี SXT (SMART XROSS LINK Technology) ในการผลิต และพัฒนาฟิลเลอร์ จึงทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพดีในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และทนความร้อนสูง ซึ่งผลลัพธ์ของ Neauvia จะสามารถอยู่ได้นานถึง 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองหลังฉีด

 

ปัญหาแบบไหน ควรฉีดฟิลเลอร์?
ปัญหาแบบไหน ควรฉีดฟิลเลอร์?

 

ปัญหาแบบไหน ควรฉีดฟิลเลอร์?

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาหลากหลายรูปแบบ โดยปัญหาที่พบได้บ่อย และนิยมแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้

  • ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยเส้นตื้น จนถึงร่องลึก ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นฉีดบริเวณริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยรอบมุมปาก ใต้ตาลึก ร่องแก้มลึก และร่องน้ำหมาก โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มบริเวณเกิดริ้วรอยต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน และดูอ่อนกว่าวัยอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

  • ปัญหาใบหน้าซูบตอบ

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขปัญหาใบหน้าซูบตอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นฉีดบริเวณขมับตอบ และแก้มตอบ โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มบริเวณที่ซูบตอบให้มีความอิ่มฟูขึ้น ทำให้ใบหน้าดูละมุน มีสัดส่วนที่สมดุล และอ่อนกว่าวัยอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

  • ปัญหาผิวหย่อนคล้อย

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นฉีดบริเวณใต้ตา หน้าแก้ม โหนกแก้ม ร่องน้ำหมาก และมุมปาก โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปยกพยุงผิวที่หย่อนคล้อยให้มีความกระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าเต่งตึง สดใส และอ่อนกว่าวัยอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

  • ปัญหาโครงหน้าไม่สมส่วน

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขปัญหาโครงหน้าไม่สมส่วน กรอบหน้าไม่ชัด และใบหน้าขาดมิติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นฉีดบริเวณหน้าผาก ริมฝีปาก คาง และกรอบหน้า โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปปรับรูปทรง และเสริมโครงสร้างใบหน้าให้มีความสมดุลมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูละมุน มีมิติ และเรียวเล็กอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

  • ปัญหาผิวหยาบกร้าน ขาดน้ำ

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขปัญหาผิวหยาบกร้าน ขาดน้ำ และดูโทรม ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นฉีดบริเวณหน้าแก้ม ใต้ตา มุมปาก ลำคอ และหลังมือ โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปฟื้นฟู และปรับสภาพผิวให้มีความชุ่มชื้นขึ้น ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ฉ่ำน้ำ และเปล่งปลั่งอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

  • ปัญหารูขุมขนกว้าง หลุมสิว

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง รอยแผลเป็น และหลุมสิว ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นฉีดบริเวณหน้าแก้ม หน้าผาก  และคาง โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มผิวบริเวณที่ขรุขระให้กระชับมากขึ้น ทำให้ผิวมีความเรียบเนียน ละเอียด และอิ่มฟูอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

 

รวมข้อดี - ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?
รวมข้อดี – ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

 

รวมข้อดี – ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

  • ฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุมในหลายบริเวณ
  • ฉีดฟิลเลอร์ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วหลังฉีด
  • ฉีดฟิลเลอร์ สามารถให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ
  • ฉีดฟิลเลอร์ ใช้เวลาในการทำไม่นาน เพียง 15 – 30 นาทีต่อบริเวณ
  • ฉีดฟิลเลอร์ สามารถย่อยสลายได้เอง และปรับแก้ได้ง่าย
  • ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่ทิ้งรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้น
  • ฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขปัญหาในบริเวณที่บอบบางได้ เช่น ใต้ตา หน้าผาก
  • ฉีดฟิลเลอร์ มียี่ห้อให้เลือกอย่างหลากหลาย เช่น Neauvia, Restylane หรือ Juvederm

 

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์

  • ฉีดฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มแบบชั่วคราว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่คงอยู่ถาวร
  • ฉีดฟิลเลอร์ มีความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงอันตราย หากฉีดกับแพทย์ที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน

 

ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยอะไร?

  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยต่าง ๆ
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเสริมปริมาตรใต้ชั้นผิว
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยยกพยุงผิวที่หย่อนคล้อย
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเติมวอลลุ่มให้ผิว
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเติมน้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้น 
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเติมเต็มหลุมสิว และรอยแผลเป็น
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยปรับรูปทรงริมฝีปาก
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยปรับสภาพผิวโดยรวม
  • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยฟื้นฟูผิวลำคอ และหลังมือ

 

ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?

โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ประเภท HA ถือเป็นชนิดที่ไม่อันตราย และมีการใช้กันอย่างแพร่หลายกว่าทั่วโลก ที่สำคัญคือ ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการอนุมัติจาก อย. รวมถึง ฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ ความเข้าใจ ภายในคลินิกที่มีมาตรฐานเท่านั้น เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินใบหน้า วิเคราะห์ปัญหา และเลือกใช้เนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสม รวมถึง ใช้เทคนิคในการฉีดที่มีความแม่นยำ จะช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้ 

แต่ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้วกับหมอกระเป๋า หรือแพทย์ที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ  อาจทำให้เสี่ยงเกิดอันตรายอย่างร้ายแรง จนถึงขั้นตาบอด ติดเชื้อ และใบหน้าผิดรูปได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ในครั้งแรก ควรพิจารณา และหาข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวหลังฉีดค่ะ

 

ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรทำความเข้าใจ และค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ และวางแผนการฉีดที่เหมาะสม
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรแจ้งข้อมูลโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ และยาที่รับประทานอยู่ให้แพทย์ทราบ
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรตรวจสอบฟิลเลอร์ที่ฉีดว่าเป็นของแท้หรือไม่
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดอาหารเสริม และยาที่ส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้า
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ สครับผิว กำจัดขน และผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่ฉีด

 

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก

 

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรประคบเย็นด้วยเจลเย็นเบา ๆ หากมีอาการบวม 
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดแต่งหน้าวันแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการบีบ นวด หรือกดบริเวณที่ฉีด
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรนอนยกศีรษะสูงกว่าหน้าอกเล็กน้อย
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการออกแดดโดยตรง หรือกิจกรรมที่โดนความร้อน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการออกกำลังกายหนัก ๆ ทำให้เหงื่อออกมาก
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ สครับผิว กำจัดขน และผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่ฉีด
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำสม่ำเสมอ อย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อหนึ่งวัน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียง

 

ฉีดฟิลเลอร์ เจ็บไหม?

โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์จะไม่เจ็บมาก หรือเป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ เนื่องจากก่อนฉีดฟิลเลอร์จะมีการใช้ยาชาแบบทา หรือยาชาแบบฉีดเฉพาะจุดให้ก่อนเริ่มทำ ทำให้ระหว่างการฉีดรู้สึกสบายตัวมากขึ้น หรืออาจรู้สึกตึง ๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

ฉีดฟิลเลอร์ ใช้ปริมาณกี่ CC ?

การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดจะใช้ปริมาณ CC ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน และปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ดังนี้

  • หน้าผาก ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 3 – 5 CC
  • ใต้ตา ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2 – 4 CC
  • ขมับ ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2 – 4 CC
  • แก้มตอบ ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2 – 4 CC
  • ร่องแก้ม ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2 – 4 CC
  • ปาก ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 – 2 CC
  • คาง ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 – 2 CC

 

ฉีดฟิลเลอร์ กี่วันเข้าที่?

หลังทำการฉีดฟิลเลอร์เสร็จ สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว แต่ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่เมื่ออาการบวมช้ำค่อย ๆ ลดลง ภายใน 3 – 7 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนอย่างสมบูรณ์ ภายใน 2 – 4 สัปดาห์ เมื่อฟิลเลอร์กลมกลืนเข้ากับผิวเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไร?

หลังฉีดฟิลเลอร์ในช่วงแรก แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท เพื่อป้องกันการอักเสบ ติดเชื้อ หรือบวมช้ำหลังฉีด โดยอาการที่ควรหลีกเลี่ยง มีดังนี้

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า กิมจิ 
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารดิบ เช่น กุ้งดิบ หอยนางรม ปลาดิบ
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด หวานจัด
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ร้อนจัด เช่น ชาบู ปิ้งย่าง หมูกระทะ

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ มีอาการข้างเคียงอย่างไร?

หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจพบอาการข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ เช่น อาการบวม เขียวช้ำ ปวดตึง หรือคันบริเวณที่ฉีด โดยอาการเหล่านี้จะดีขึ้น ภายใน 3 – 7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังฉีด แนะนำให้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

 

แม้การตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรกจะเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล แต่หากมีการศึกษาหาข้อมูลอย่างรอบด้าน และเตรียมตัวอย่างถูกต้อง ก็สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงอันตราย และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพได้หลังฉีด โดยก่อนฉีดควรเลือกแพทย์ที่มีความรู้ ความเข้าใจ ฉีดภายในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ยี่ห้อฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรอง อย. ทั้งนี้ สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ และยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์มาก่อน สามารถเข้ามาปรึกษา เพื่อให้แพทย์ประเมินผิวหน้าเบื้องต้นได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด