Glass Skin กับ หน้ามัน เหมือนกันไหม? เทรนด์งานผิวฉ่ำวาว
ปัจจุบันในยุคที่หลายคนหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับผิวที่ดูสุขภาพดี รวมถึงการแต่งหน้าที่เน้นงานผิว และความเป็นธรรมชาติของผิว โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางทาหนา ๆ ทำให้การมีผิวกระจก หรือผิว Glass Skin กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวฉ่ำวาวอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ แต่หลาย ๆ คนอาจเกิดข้อสงสัย และสับสนว่า ผิว Glass Skin กับหน้ามัน เหมือนกันไหม? มีความแตกต่างกันอย่างไร? แล้วมีวิธีไหนที่ช่วยให้ผิว Glass Skin ได้บ้าง? บทความนี้ รมย์รวินท์คลินิกจะพาไปเรียนรู้ และเจาะลึกเกี่ยวกับงานผิว Glass Skin กันค่ะ
Glass Skin กับ หน้ามัน เหมือนกันไหม? สรุปชัดความต่างเทรนด์งานผิวของสาวยุคใหม่
Glass Skin กับ หน้ามัน เหมือนกันไหม?
โดยทั่วไป แม้ว่า Glass Skin กับหน้ามันจะมีลักษณะผิวที่วาว และเงาคล้ายกัน แต่ก็มีรายละเอียดของผิว และสภาพผิวโดยรวมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
- Glass Skin
ผิวกระจก (Glass Skin) เป็นเทรนด์งานผิวที่บ่งบอกถึงผิวสุขภาพดีจากภายใน โดยความวาวที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความชุ่มชื้น และความเนียนละเอียดของผิว สังเกตเห็นได้ชัดเมื่อแสงตกกระทบ ผิวจะสะท้อนเป็นประกายเหมือนมีน้ำเคลือบอยู่บนผิวตลอดเวลา โดยที่ไม่มีปัญหาสิว ผิวขรุขระ จุดด่างดำ หรือรูขุมขนกว้าง ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการบำรุงผิวอย่างลึกซึ้ง และการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในเรื่องของการทางมอยส์เจอไรเซอร์ การทำความสะอาดผิว การดื่มน้ำให้มาก ๆ และการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
- หน้ามัน
หน้ามัน (Oily Skin) เป็นสภาพผิวที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมามากเกินไป ทำให้ผิวดูไม่สดใส เหนียวเหนอะหนะ และมันเยิ้มได้ง่าย โดยความวาวที่เกิดขึ้นนั้นมาจากน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า สังเกตเห็นได้ชัดเมื่อแสงตกกระทบ ผิวจะดูเงา และมันเยิ้มเหมือนมีน้ำมันเคลือบอยู่บนผิวตลอดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ จะเห็นได้ชัดในบริเวณ T-zone ได้แก่ หน้าผาก จมูก และคาง โดยมักมาพร้อมกับปัญหาสิว รูขุมขนกว้าง และผิวหมองคล้ำ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของผิวที่ขาดความสมดุล
Glass Skin คืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม?
Glass Skin คือ เทรนด์งานผิวกระจกที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะเน้นความฉ่ำวาว กระจ่างใส เนียนละเอียด และเปล่งประกายของผิวหน้า สะท้อนให้เห็นถึงการมีผิวที่ดูสุขภาพดีจากภายใน คล้ายผิวที่สะท้อนแสงเหมือนกระจก ซึ่งผ่านการบำรุง และดูแลมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผิวมีความสมดุล และดูอ่อนกว่าวัยอย่างยั่งยืน โดยปราศจากรูขุมขน สิว และจุดด่างดำที่เห็นได้ชัด
Glass Skin มีลักษณะผิวเป็นแบบไหน?
ผิวกระจก Glass Skin เป็นการบ่งบอกถึงผิวที่ดูสุขภาพดี และมีความสมดุล ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการบำรุง และดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยลักษณะของผิวกระจก Glass Skin มีดังนี้
- ผิวฉ่ำวาว โกลว์ใส ชุ่มชื้น และไม่มีอาการแห้งลอก
- ผิวเนียนละเอียด ดูสม่ำเสมอ ไร้หลุมสิว และผิวขรุขระ
- ผิวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ไร้ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
- ผิวนุ่มเด้ง และมีความยืดหยุ่นคล้ายกับผิวเด็ก
- ผิวอิ่มฟู เต่งตึง แน่นกระชับ ไร้ริ้วรอย และร่องลึกที่เห็นได้ชัด
- ผิวสุขภาพดี และดูอมชมพูเหมือนมีเลือดฝาด
วิธีการบำรุงผิวให้ Glass Skin มีอะไรบ้าง?
การบำรุงผิวให้ Glass Skin สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ดังนี้
- ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี
การมีผิว Glass Skin สามารถทำได้ด้วยการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ปราศจากส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้งตึง หรือสารเคมีรุนแรงที่อาจทำลายเกราะป้องกันผิว ซึ่งแนะนำให้ทำความสะอาดผิววันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้า และเย็น รวมถึงควรระวังเรื่องการขัด หรือถูผิวหน้าแรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย
- ผลัดเซลล์ผิวอย่างเหมาะสม
การมีผิว Glass Skin สามารถทำได้ด้วยการผลัดเซลล์ผิวอย่างเหมาะสม โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน และไม่ระคายเคืองผิว เช่น AHA หรือ BHA เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป ซึ่งแนะนำให้ผลัดเซลล์ผิวสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง และควรระวังเรื่องการผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบอบบาง หรือระคายเคืองได้ง่าย
- ทามอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ
การมีผิว Glass Skin สามารถทำได้ด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว และเลือกเนื้อที่ไม่หนักจนเกินไป เช่น ผิวมันควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจล หรือโลชั่น ส่วนผิวแห้งควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อครีม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และป้องกันผิวสูญเสียน้ำ ซึ่งแนะนำให้ทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำทุกวัน ทั้งเช้า และเย็น
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
การมีผิว Glass Skin สามารถทำได้ด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ โดยการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ และ PA+++ ขึ้นไป เนื่องจากการใช้ครีมกันแดดนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ในการป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย โดยจะแนะนำให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะอยู่ในที่ร่ม กลางแจ้ง หรือวันที่ไม่มีแดดก็ตาม
- มาสก์หน้าอย่างต่อเนื่อง
การมีผิว Glass Skin สามารถทำได้ด้วยการมาสก์หน้าอย่างต่อเนื่อง โดยการเลือกใช้ประเภทของมาสก์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว และมีส่วนผสมที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองง่าย เพื่อบำรุง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวแบบเร่งรีบ ซึ่งจะแนะนำให้มาสก์เป็นประจำสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นมาสก์ชีส หรือมาสก์เจล
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ
การมีผิว Glass Skin สามารถทำได้ด้วยการดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งจะแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว และควรระวังเรื่องการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันร่างกายสูญเสียน้ำ
- นอนหลับให้เพียงพอ
การมีผิว Glass Skin สามารถทำได้ด้วยการนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพผิว โดยจะแนะนำให้นอนหลับอย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การมีผิว Glass Skin สามารถทำได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนที่ดี รวมถึงอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อป้องกันเซลล์ผิวถูกทำลาย และชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว แต่ควรระวังเรื่องการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล และไขมันสูง เช่น อาหารแปรรูป ของมัน ของทอด และของหวาน
เช็กด่วน! พฤติกรรมแบบไหนทำร้ายผิว?
การมีผิว Glass Skin อาจไม่ใช่แค่บำรุง หรือดูแลผิวเพียงอย่างเดียว แต่ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างที่ทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว ดังนี้
- การทำความสะอาดผิวแรงจนเกินไป อาจทำให้เกราะป้องกันผิวถูกทำลาย และผิวแห้งลอกได้ง่าย
- การไม่ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้รังสี UV เข้าไปทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว จนส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาได้
- การผลัดเซลล์ผิวบ่อยจนเกินไป อาจทำให้เกราะป้องกันผิวถูกทำลาย จนทำให้ผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย และไวต่อแสงแดดได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือไม่ตรงกับปัญหาผิว อาจทำให้ผิวเกิดการอุดตัน หรือระคายเคือง จนส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาได้
- การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือนอนดึกเป็นประจำ อาจทำให้ผิวไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ จนส่งผลให้ผิวโทรม หมองคล้ำ และแห้งกร้านได้ง่าย
- การดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และขาดความสมดุล จนส่งผลให้ผิวแห้งตึง หยาบกร้าน และแต่งหน้าไม่ติดได้
- การมีความเครียดสะสม อาจทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ และทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป จนส่งผลให้ผิวอักเสบ หมองคล้ำ แห้งกร้าน และเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาได้
- การรับประทานอาหารที่มีไขมัน และน้ำตาลสูง เช่น ของหวาน ของมัน และของทอด อาจทำให้ผิวอักเสบ ขาดความสมดุล และเสื่อมสภาพเร็ว จนส่งผลให้ผิวโทรม แห้งกร้าน หย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์บ่อยจนเกินไป อาจทำให้คอลลาเจนถูกทำลาย และร่างกายสูญเสียน้ำ จนส่งผลให้ผิวอักเสบ หมองคล้ำ แห้งกร้าน และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย
แนะนำ 7 หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin
ในปัจจุบัน วงการแพทย์ความงามได้มีการพัฒนาหัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายผลิตภัณฑ์ และในแต่ละผลิตภัณฑ์ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยหัตถการที่ได้รับความนิยม มีดังนี้
- Rejuran
Rejuran จัดอยู่ในกลุ่มหัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ซึ่งมีส่วนประกอบหลักของ Polynucleotide (PN) หรือสารที่สกัดมาจาก DNA ปลาแซลมอน โดย PN เป็นสารมีความบริสุทธิ์สูง และมีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย และไม่กระตุ้นให้เกิดการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเมื่อทำการฉีด Rejuran เข้าสู่ผิวหนัง PN จะเข้าไปฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกระตุ้นการหลั่งของ Growth Factor และกระตุ้นสร้างเส้นใยคอลลาเจนให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น แข็งแรง และกระจ่างใสจากภายใน โดยหลังฉีด Rejuran เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากถึง 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง
- Belotero Revive
Belotero Revive จัดอยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์งานผิว Glass Skin ซึ่งผสานส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ร่วมกับ Glycerol เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบำรุงผิวได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ชั้นผิวด้านในจนถึงชั้นผิวด้านนอกสุด โดยเมื่อทำการฉีด Belotero Revive เข้าสู่ผิวหนัง HA และ Glycerol จะเข้าไปกระจายตัวทั่วชั้นผิว และดึงน้ำมาเก็บในโมเลกุล ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว กระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้นจากภายใน อีกทั้ง ยังลดการระคายเคืองผิว และป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ ซึ่งหลังฉีด Belotero Revive เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากถึง 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง
- Dorothy Dewy
Dorothy Dewy จัดอยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์งานผิว Glass Skin ซึ่งมีส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) อนุภาคขนาดเล็กกว่า 100 micron และมีความเข้มข้นสูง ทำให้สามารถกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยเมื่อทำการฉีด Dorothy Dewy เข้าสู่ผิวหนัง HA จะเข้าไปกระจายตัวทั่วชั้นผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผิวฉ่ำวาว โกลว์ใส เรียบเนียน และดูอ่อนกว่าวัยจากภายใน ซึ่งหลังฉีด Dorothy Dewy เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากถึง 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง
- Sculptra
Sculptra จัดอยู่ในกลุ่ม Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งมีส่วนประกอบหลักของ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) หรือสารที่สังเคราะห์จากพืช โดยเมื่อทำการฉีด Sculptra เข้าสู่ผิวหนัง PLLA จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่อ่อนแอ และเสื่อมสภาพตามวัย ส่งผลให้ผิวค่อย ๆ แข็งแรง แน่นกระชับ ยืดหยุ่น และมีความชุ่มชื้นในระยะยาว ซึ่งหลังฉีด Sculptra เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง
- Radiesse
Radiesse จัดอยู่ในกลุ่ม Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งมีส่วนประกอบหลักของ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) หรือสารประกอบแร่ธาตุในร่างกายมนุษย์ โดยเมื่อทำการฉีด Radiesse เข้าสู่ผิวหนัง CaHA จะเข้าไปเติมเต็มปริมาตรให้ผิวอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวค่อย ๆ แน่นกระชับ เรียบเนียน อิ่มฟู ชุ่มชื้น และมีความแข็งแรงในระยะยาว ซึ่งหลังฉีด Radiesse เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง
- Profhilo
Profhilo จัดอยู่ในกลุ่มหัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ซึ่งมีส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ในรูปแบบ Non-Crosslinked โดยเมื่อทำการฉีด Profhilo เข้าสู่ผิวหนัง HA จะเข้าไปกระจายตัวทั่วชั้นผิว พร้อมทั้งปรับโครงสร้างผิว และกระตุ้นเซลล์ต่าง ๆ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ เซลล์ Keratinocyte เสริมการผลัดเซลล์ผิว, เซลล์ Fibroblast เสริมการสร้างคอลลาเจน และเซลล์ Adipocyte ฟื้นฟูเซลล์ไขมันที่เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวมีความเนียนละเอียด ชุ่มชื้น กระจ่างใส และอิ่มฟูในระยะยาว ซึ่งหลังฉีด Profhilo เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากถึง 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง
- Pluryal Densify
Puryal Densify จัดอยู่ในกลุ่มหัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ซึ่งผสานส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ร่วมกับ Polynucleotide (PN) และ Mannitol โดยเมื่อทำการฉีด Puryal Densify เข้าสู่ผิวหนัง HA และ PN จะออกฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงความยืดหยุ่น และกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวมีความแน่นกระชับ อิ่มน้ำ และเรียบเนียนจากภายใน ส่วน Mannitol จะทำหน้าที่ในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ และออกฤทธิ์ร่วมกับ HA ในการคงสภาพของผลลัพธ์ให้ยาวนาน ซึ่งหลังฉีด Puryal Densify เสร็จ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากถึง 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง
หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยอะไรบ้าง?
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเติมน้ำให้ผิว
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่าง และดูสม่ำเสมอ
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยกระชับรูขุมขน และปรับผิวให้เรียบเนียน
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิว
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพตามวัย
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องตื้นบนใบหน้า
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยเพิ่มวอลลุ่ม และความอิ่มฟูให้ผิว
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยเพิ่มหนาแน่น และความกระชับให้ผิว
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยเติมเต็มหลุมสิว และรอยแผลเป็น
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยลดความหย่อนคล้อย และรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยดำ และรอยแดงจากสิว
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยปรับผิวให้เนียนนุ่มเด้ง และดูอ่อนกว่าวัย
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยลดอาการแห้งลอก และอาการตึงผิว
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin ช่วยลดการอักเสบ และการระคายเคืองผิว
ใครที่เหมาะกับหัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin?
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวขาดน้ำ หยาบกร้าน ลอกเป็นขุย
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวโทรม หมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยร่องตื้นบนใบหน้า
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีหลุมสิว ผิวขรุขระ และรอยแผลเป็น
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำบนใบหน้า
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวไม่กระชับ และขาดความยืดหยุ่น
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่แต่งหน้าไม่ติด และไม่มีเวลาบำรุงผิว
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการมีผิวสุขภาพดี แม้ไม่แต่งหน้า
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวมันง่าย และผิวขาดความสมดุล
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวบอบบาง และอ่อนแอ
- หัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์แบบเร่งรีบ
ทั้งนี้ ก่อนทำหัตถการควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างชัดเจน ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานเป็นประจำ
การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin
- ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin เบื้องต้น
- ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ เพื่อเลือกหัตถการ และผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
- ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
- งดรับประทานยาที่ส่งผลให้เลือดไหลออกง่าย
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ทำหัตถการ
- งดทำเลเซอร์ สครับ และทรีตเมนต์ที่ระคายเคืองผิว
- งดแว็กซ์ โกน หรือกำจัดขนในบริเวณที่ทำหัตถการ
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่
การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการสร้างผิวกระจก Glass Skin
- งดใช้เครื่องสำอาง และแต่งหน้าบริเวณที่ทำหัตถการ
- งดการกด ถู ขัด หรือสัมผัสบริเวณที่ทำหัตถการแรง ๆ
- ควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และปลอบประโลมผิว
- ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่อยู่ในที่ร่ม
- งดโดนความร้อน แสงแดด และกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ทำหัตถการ
- งดทำเลเซอร์ สครับ และทรีตเมนต์ที่ระคายเคืองผิว
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่
- ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1.5 – 2 ลิตร
- ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
จะเห็นได้ว่า Glass Skin กับหน้ามันนั้น มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Glass Skin เป็นผิวที่ฉ่ำวาวจากการบำรุงอย่างลึกซึ้ง ส่วนหน้ามัน เป็นผิวที่ฉ่ำวาวจากน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้ ดังนั้น หากต้องการมีผิว Glass Skin แบบสุขภาพดี ควรเน้นการดูแลตัวเอง และฟื้นบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การล้างหน้า ทามอยส์เจอไรเซอร์ ทาครีมกันแดด และดื่มน้ำสม่ำเสมอ รวมถึง การทำหัตถการความงามก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผิวสวย ฉ่ำวาว และอิ่มน้ำจากภายใน ไม่ว่าจะเป็น Rejuran, Profhilo, Belotero Revive, Dorothy Dewy หรือ Sculptra แต่ทั้งนี้ ก่อนเข้ารับบริการควรให้แพทย์วิเคราะห์ปัญหา และแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และแลดูเป็นธรรมชาติหลังทำหัตถการ
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด