โบกมือลาความหย่อนคล้อย! ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด ด้วยเทคโนโลยีที่ใช่
เมื่อเวลาผ่านไป ร่องรอยของวัยและการเปลี่ยนแปลงในชั้นผิวเริ่มเผยให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือโครงหน้าที่เคยคมชัดแต่กลับดูอ่อนแรงลง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลมาจากการเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยพยุงผิวให้กระชับและยืดหยุ่น
นอกจากอายุที่มากขึ้นแล้ว ปัจจัยภายนอกในชีวิตประจำวันก็มีบทบาทไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ แสงแดด ความเครียด หรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง เช่น การนอนดึก สูบบุหรี่ และการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นตัวเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
ในยุคที่ใคร ๆ ก็ต้องดูแลให้ดูดีโดยไม่ต้องฉีดสารเติมเต็มหรือผ่าตัด การฟื้นฟูผิวด้วยวิธียกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีดจึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่เพียงแต่ตอบโจทย์เรื่องความไม่สบายใจ แต่ยังมอบผลลัพธ์ที่ดูกลมกลืนกับใบหน้า พร้อมคืนความมั่นใจให้ผิวหน้าในทุกช่วงวัยได้อย่างชัดเจน
โครงสร้างของผิวหนังและสาเหตุของความหย่อนคล้อย
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่สุดของร่างกาย ไม่เพียงทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิและรักษาความชุ่มชื้นของร่างกายอีกด้วย ซึ่งโครงสร้างของผิวหนังนั้นแบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลัก โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่เฉพาะที่ช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดีและแข็งแรง
โครงสร้างหลักของผิวหนัง 3 ชั้น
- หนังกำพร้า (Epidermis)
เป็นชั้นบนสุดของผิว มีหน้าที่เป็นปราการด่านแรกในการป้องกันร่างกายจากเชื้อโรค รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) และการสูญเสียน้ำ ภายในชั้นนี้ประกอบด้วยเซลล์ผิวที่เรียกว่าเคราติโนไซต์ และมีเมลานินที่ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ รวมถึงเสริมให้ผิวแลดูเรียบเนียน
- หนังแท้ (Dermis)
อยู่ถัดจากหนังกำพร้า เป็นชั้นที่มีความหนาและแข็งแรงมากขึ้น ประกอบด้วยโปรตีนหลัก 2 ชนิดคือ คอลลาเจน ที่เสริมความแข็งแรง และ อีลาสติน ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังมีหลอดเลือด เส้นประสาท ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน และรูขุมขนอยู่ภายใน
- ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutis หรือ Hypodermis)
เป็นชั้นลึกสุดของผิวหนัง มีเซลล์ไขมันที่ทำหน้าที่เก็บพลังงาน ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และช่วยลดแรงกระแทกจากภายนอก เป็นเหมือนเบาะรองรับอวัยวะที่อยู่ลึกลงไป
ทำไมผิวถึงหย่อนคล้อย? สาเหตุที่ไม่ควรมองข้าม
เมื่อผิวหนังสูญเสียความตึงกระชับหรือมีลักษณะหย่อนคล้อย มักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสาเหตุหลัก ๆ ได้ดังนี้
- อายุที่มากขึ้น
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้จะค่อย ๆ ลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดความหย่อนคล้อยได้ง่าย ผิวจะดูบางลง แห้งขึ้น และไม่เรียบเนียนเหมือนวัยหนุ่มสาว
- การลดลงของไขมันใต้ผิว
ไขมันใต้ชั้นผิวหนังทำหน้าที่เหมือนหมอนรองให้ผิวดูเต่งตึง แต่เมื่อไขมันลดลงไม่ว่าจะจากอายุ หรือการลดน้ำหนัก ผิวที่เคยตึงจะขาดการพยุง ทำให้ดูหย่อนและไม่กระชับ
- แสงแดดและรังสียูวี
แสงแดด โดยเฉพาะรังสี UV เป็นตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเร่งกระบวนการเสื่อมของผิว ทำให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และความหย่อนคล้อยเร็วขึ้นกว่าปกติ
- กรรมพันธุ์
พันธุกรรมมีผลต่อโครงสร้างผิวและความยืดหยุ่น หากในครอบครัวมีแนวโน้มว่าผิวหย่อนคล้อยเร็ว ก็มีโอกาสที่คุณจะพบเจอปัญหาเดียวกันเร็วกว่าคนอื่น
- ลดน้ำหนักเร็วเกินไป
การลดไขมันในระยะเวลาสั้นอาจทำให้ผิวหนังไม่สามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้ทัน ส่งผลให้เกิดผิวหย่อนยาน โดยเฉพาะในบริเวณที่เคยมีไขมันสะสมจำนวนมาก
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม และการรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และเกิดความหย่อนคล้อยได้ไว
- มลภาวะจากสิ่งแวดล้อม
มลพิษ ฝุ่นควัน และสารเคมีต่าง ๆ สามารถเข้าไปรบกวนสมดุลของผิวหนัง ทำลายชั้นปกป้องผิว ส่งผลให้ผิวอ่อนแอ อักเสบง่าย และเร่งกระบวนการเสื่อมของโครงสร้างผิว
- การดูแลผิวไม่เหมาะสม
การไม่ทาครีมกันแดด ขาดการบำรุงผิวที่เหมาะสม หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงต่อผิวเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และเสี่ยงต่อการหย่อนคล้อยได้มากขึ้น
ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด คืออะไร?
การยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด คือวิธีดูแลผิวและปรับรูปหน้าให้กระชับขึ้นโดยไม่ต้องใช้เข็ม หรือ สารเติมเต็ม เช่น โปรแกรมฉีดโบหรือฉีดฟิลเลอร์ และไม่ต้องผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมใด ๆ แต่ใช้พลังงานจากเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น คลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) หรือ คลื่นวิทยุ (Radiofrequency หรือ RF) ยิงเข้าไปในชั้นผิวลึก เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่
ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีดสามารถฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับ เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้นได้โดยไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการเจ็บตัว ไม่ต้องการเสี่ยงกับผลข้างเคียงจากการฉีด และต้องการผลลัพธ์ที่กลมกลืนกับใบหน้า โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวเริ่มมีปัญหา เช่น แนวกราม ใต้คาง ร่องแก้ม หางตา และลำคอ
เจาะลึกเทคโนโลยียกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด
Ultherapy Prime
เทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่อาศัยพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งพลังงานผ่านผิวลงลึกไปยังชั้น SMAS ชั้นโครงสร้างใต้ผิวหนังที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้า พลังงานจะสร้างความร้อนจุดเล็ก ๆ ที่ชั้นผิว ซึ่งผลลัพธ์ของการทำ Ultherapy Prime คือการกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนทันที และกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่จะค่อย ๆ ดำเนินต่อไปอีกหลายสัปดาห์ ช่วยให้ผิวหน้าค่อย ๆ ตึงขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้นโดนไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้สารใด ๆ ผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือน โดยรู้สึกเจ็บน้อยและไม่ต้องพักฟื้น
Thermage FLX
เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ยิงลงลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว โดยให้พลังงานความร้อนอย่างสม่ำเสมอ จุดเด่นของ Thermage FLX คือช่วยกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างเส้นใยใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังทำผิวจะรู้สึกแน่นขึ้น ริ้วรอยดูตื้นลง และรูปทรงใบหน้าดูกระชับขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2-6 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับโดยไม่ต้องหยุดพักหรือเว้นช่วงการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งยังสามารถใช้กับผิวบริเวณอื่น ๆ เช่น คอ หัวเข่า หรือลำตัวได้อีกด้วย ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี
Fix Lift
Fix Lift หรือที่เรียกว่า Morpheus8 คือเทคโนโลยีที่รวมการทำงานของคลื่นวิทยุ RF เข้ากับ Microneedling โดยใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านผิวชั้นนอกเพื่อส่งพลังงานลงลึกไปยังชั้นไขมันใต้ผิวโดยตรง กระบวนการนี้สร้างจุดกระตุ้นให้ร่างกายเริ่มซ่อมแซมผิว ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและโครงสร้างผิวภายในถูกปรับใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
Fix Lift เหมาะสำหรับการรักษาความหย่อนคล้อย ริ้วรอย รอยแผลเป็นจากสิว หรือรูขุมขนกว้าง และสามารถใช้ได้กับหลายบริเวณ ทั้งใบหน้าและลำตัว ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวแน่น ฟื้นฟูคอลลาเจน ผิวละเอียดและดูสดใสขึ้นอย่างชัดเจน
Ultraformer 4D Lift
ใช้เทคโนโลยี MMFU (Macro- & Micro-Focused Ultrasound) ที่สามารถปล่อยพลังงานคลื่นเสียงได้หลายระดับ จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้คือความแม่นยำในการส่งพลังงาน พร้อมระบบควบคุมความร้อนที่ทำให้เจ็บน้อยลง หลังทำผิวจะรู้สึกกระชับขึ้นบางส่วน และผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น ภายใน 1-3 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่ต้องทนเจ็บหรือมีเวลาน้อย ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
EMFACE
เป็นเทคโนโลยีที่รวมคลื่น Synchronized RF และคลื่นไฟฟ้าความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจง (HIFES) เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งการกระชับผิวและกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่ง Synchronized RF จะทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ขณะที่ HIFES เร่งการทำงานจองกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ผิวหนังให้แข็งแรงและแน่นกระชับขึ้น
จุดเด่นของ EMFACE คือสามารถยกกระชับผิวหน้าได้โดยไม่ต้องใช้เข็มหรือผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้ชัดขึ้นโดยไม่รู้สึกเจ็บและไม่ต้องพักฟื้น
เลือกเทคโนโลยียกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีดให้เหมาะกับปัญหาผิว
แม้ว่าเทคโนโลยียกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีดจะมีหลายประเภท แต่ละเทคโนโลยีก็มีคุณสมบัติ จุดเด่น และกลไกการทำงานที่ต่างกัน จึงควรเลือกให้ตรงกับสภาพผิว ปัญหาเฉพาะจุด และผลลัพธ์ที่ต้องการ
- Ultherapy Prime สามารถยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นโครงสร้างหลักของผิว เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีแนวกรามหย่อน คางสองชั้น หรือโครงหน้าเริ่มเปลี่ยน
- Thermage FLX พลังงาน Monopolar RF สามารถลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน ช่วยลดไขมันบางส่วน พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวตึงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า เช่น เหนียง ใต้คาง
- Fix Lift การผสานพลัง RF กับ Microneedling ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ลดริ้วรอยและรูขุมขน พร้อมกระชับผิวทั่วใบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวบาง ผิวหย่อน
- Ultraformer 4D Lift เทคโนโลยี MMFU สามารถยิงพลังงานได้หลายระดับชั้น ให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้คมชัดขึ้น
- EMFACE เทคโนโลยี HIFES กระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้ยกตัวขึ้น ผสานพลัง Synchronized RF เพื่อกระตุ้นผิว ส่งผลให้โครงหน้าแน่นชัด ดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ผู้ที่มีแนวกรามไม่ชัด ใบหน้าดูหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีปัญหาเหนียงหรือไขมันสะสมใต้คาง
- ผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก หรือร่องแก้ม
- ผู้ที่มีโครงหน้าหลวม ไม่กระชับ แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับรูปหน้าโดยไม่ต้องเจ็บตัวจากการฉีด
- ผู้ที่กลัวเข็ม ไม่อยากใช้สารเติมเต็ม หรือฉีดโบ
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่อยากผ่าตัด
- ผู้ที่เพิ่งลดน้ำหนักแล้วพบว่าผิวหน้าหย่อน
- ผู้ที่มีผิวไม่สม่ำเสมอ รูขุมขนกว้าง หรือผิวขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิวอย่างลึก
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ไม่แข็งตึงเกินไป
- ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นหรือไม่สามารถหยุดงานได้
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิวก่อนเข้าสู่ช่วงวัย 30-40 ปี
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับกรอบหน้าให้ดูเรียว ชัดขึ้นโดยไม่ใช้เข็ม
- ผู้ที่มีเป้าหมายยกกระชับระยะยาว โดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อย ๆ
- ผู้ที่อยู่ในช่วงหลังคลอดและผิวหน้าดูอิดโรย
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับโดยไม่ใช้สารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย
หมายเหตุ
ผลลัพธ์และประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิว อายุ ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และการดูแลหลังทำ ดังนั้น ควรเข้ารับการประเมินกับแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากข้อจำกัดของแต่ละบุคคล
ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด ไม่เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีอาการแพ้ความร้อน หรือมีผิวไวต่อแสง
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังอักเสบ แพ้ง่าย หรือผิวบางมาก
- ผู้ที่มีแผลเปิด แผลอักเสบ หรือสิวอักเสบรุนแรงบริเวณใบหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาทางระบบประสาท เช่น โรคปลายประสาทอักเสบ
- ผู้ที่มีประวัติโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเองที่มีผลต่อผิว
- ผู้ที่มีโรคหัวใจ และใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
- ผู้ที่มีโลหะหรืออุปกรณ์ฝังอยู่ในร่างกาย เช่น แผ่นเหล็ก ใบหน้า หรือกระดูกขากรรไกร
- ผู้ที่รับประทานยาหรือวิตามินบางชนิดที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของผิว เช่น สเตียรอยด์
- ผู้ที่มีความคาดหวังผลลัพธ์เกินจริง เช่น ต้องการให้หน้าเปลี่ยนรูปชัดเจนในครั้งเดียว
- ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีและมีผิวหย่อนคล้อยมากจนต้องการผลลัพธ์แบบผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าหรือลดริ้วรอยลึกมาก ซึ่งอาจต้องใช้วิธีฉีดหรือผ่าตัดร่วมด้วย
- ผู้ที่มีภาวะผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้นรุนแรง
- ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวบางส่วน
- ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างใบหน้าผิดปกติ เช่น กระดูกกรามใหญ่จากพันธุกรรม
- ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการอื่น เช่น ฉีดฟิลเลอร์ ร้อยไหม หรือเลเซอร์ ในช่วง 1–2 สัปดาห์ก่อน
- ผู้ที่กำลังมีไข้ ติดเชื้อ หรืออยู่ในช่วงพักฟื้นจากการเจ็บป่วย
- ผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์ง่าย ซึ่งอาจเกิดปฏิกิริยากับพลังงานที่ใช้
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นชัดภายใน 1-2 วัน
หมายเหตุ
กลุ่มที่ไม่เหมาะกับการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีดข้างต้น เป็นแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น ผู้ที่มีข้อสงสัยหรืออยู่ในกลุ่มที่ต้องระมัดระวัง ควรเข้ารับการประเมินกับแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อพิจารณาสภาพผิว สุขภาพโดยรวม และปัจจัยเฉพาะตัวอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาจะมีประสิทธิภาพ เหมาะสม และไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะสั้นหรือระยะยาว
ข้อดีของการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด
- ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่เจ็บจากการฉีดหรือสารแปลกปลอม
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผลหรือรอยเย็บ
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
- ผลลัพธ์ไม่แข็งหรือตึงจนเกินไป
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวอย่างต่อเนื่อง
- ยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อยของผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- เหมาะกับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิว
- ช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้ชัดขึ้นโดยไม่ต้องฉีดสารเติมเต็ม
- ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยให้ผิวดูแน่นขึ้นและเต่งตึงโดยรวม
- สามารถใช้ร่วมกับการดูแลผิวอื่น ๆ ได้ เช่น ทรีตเมนต์หรือเลเซอร์อ่อน ๆ
- เทคโนโลยีหลากหลายให้เลือกตามปัญหาเฉพาะจุด
- สามารถทำซ้ำได้โดยไม่มีผลข้างเคียงสะสม
- ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมจากแสงแดด มลภาวะ และความเครียด
- ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยลึกในอนาคต
- สามารถทำได้ทั้งใบหน้าและบริเวณอื่น เช่น ลำคอ ใต้คาง รอบตา
- เพิ่มความมั่นใจโดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปหน้า
ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด ช่วยอะไรบ้าง?
- ยกผิวให้ตึงขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้า
- ยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวและชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ยกกระชับบริเวณแนวกราม แก้มล่าง และใต้คาง
- ลดเหนียงหรือไขมันสะสมใต้คาง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
- ช่วยให้ผิวแน่นขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอยตื้น เช่น ริ้วรอยบริเวณหางตา หน้าผาก และร่องแก้ม
- ช่วยให้รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ลดรอยแผลเป็นจากสิวหรือผิวไม่เรียบ
- ฟื้นฟูผิวจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและมลภาวะ
- เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวจากการฟื้นฟูโครงสร้างภายใน
- ทำให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาขึ้น
- ป้องกันการเกิดริ้วรอยลึกในอนาคต หากทำอย่างต่อเนื่อง
- ช่วยยกหางตา เปลือกตา และหนังตาบน
เตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมทำยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด
- ควรศึกษาข้อมูลของเทคโนโลยีแต่ละแบบ
- ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่องแท้ และมีแพทย์ดูแล
- ควรเข้ารับคำปรึกษาและประเมินสภาพผิวกับแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
- ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือหัตถการอื่นที่เคยทำ
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในชั้นผิว
- ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงก่อนวันเข้ารับบริการ
- งดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA, Retinol หรือ Vitamin C เข้มข้น อย่างน้อย 3–5 วันก่อนทำ
- งดกิจกรรมที่ทำให้ผิวร้อน เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ แช่น้ำร้อน อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- งดการโดนแสงแดดแรงจัดก่อนทำอย่างน้อย 3 วัน เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงก่อนทำ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักใน 24-48 ชั่วโมง
- งดแต่งหน้า ทาครีมกันแดด หรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในวันทำหัตถการ
การดูแลหลังทำยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
- ควรทาครีมกันแดดทุกวัน โดยใช้ SPF 50+ PA++++ อย่างต่อเนื่อง
- ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น Hyaluronic Acid, Ceramide, หรือ Peptide
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และเข้านอนก่อน 5 ทุ่มเพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมผิวได้ดี
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูใบหน้าแรง ๆ ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้า หรือทำทรีตเมนต์ที่รุนแรงเป็นเวลา 5–7 วัน
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และควรใส่หมวกหรือกางร่มเมื่อต้องออกกลางแจ้ง
- งดใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA, Retinol หรือ Vitamin C เข้มข้น 3–5 วัน
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังทำ
- งดการออกกำลังกายหนักหรือเข้าห้องอบซาวน่า 48 ชั่วโมงแรก
รมย์รวินท์คลินิก ตัวเลือกที่มั่นใจได้ในการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด
- จุดเด่นของเทคโนโลยีที่ใช้
รมย์รวินท์คลินิกเลือกใช้เฉพาะเทคโนโลยีแท้ที่ได้รับการรับรองจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Ultherapy Prime, Thermage FLX, Fix Lift, Ultra 4D Lift หรือ EMFACE ทุกเครื่องผ่านการตรวจสอบคุณภาพทั้งด้านพลังงานและความแม่นยำ ซึ่งช่วยให้สามารถยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้น
- บริการออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล
ไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญหาผิวเหมือนกัน รมย์รวินท์คลินิกจึงให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัญหาผิวแบบรายบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิว แนวโน้มการยุบตัวของคอลลาเจน รวมถึงเป้าหมายที่ลูกค้าคาดหวัง จากนั้นจึงออกแบบแนวการยิงพลังงานให้เหมาะกับโครงหน้าแต่ละคน เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ
- ความใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่การประเมินจนถึงการติดตามผล
ทุกขั้นตอนในคลินิกถูกออกแบบให้เน้นความใส่ใจเป็นหลัก ตั้งแต่การพูดคุยเบื้องต้น การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม การเตรียมผิวก่อนทำ ไปจนถึงการติดตามผลหลังทำ รมย์รวินท์คลินิกยังมีระบบติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลง และให้คำแนะนำเพิ่มเติมหลังการรักษา ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในทุกช่วงของการดูแล
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด
- ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด เจ็บไหม?
โดยทั่วไป การยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีดให้ความรู้สึกไม่เจ็บมาก อาจมีความรู้สึกตึงหรืออุ่นจี๊ดเล็กน้อยบริเวณที่พลังงานลงลึก แต่สามารถใช้ยาชาช่วยหรือปรับระดับพลังงานให้เหมาะกับความสบายของแต่ละบุคคลได้
- ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด อยู่ได้นานประมาณ 1–2 ปี โดยขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ และการดูแลผิวหลังทำ หากมีการบำรุงผิวต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เร่งการเสื่อมของผิว ผลลัพธ์สามารถยืดระยะได้นานขึ้นอีก
- ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด เหมาะกับคนอายุเท่าไหร่?
เหมาะตั้งแต่ช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มสังเกตเห็นความหย่อนคล้อย ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง หรือแนวกรามเริ่มเบลอ ทั้งนี้เทคโนโลยีแต่ละชนิดจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมตามช่วงวัย
- ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
ส่วนใหญ่เห็นผลบางส่วนหลังทำ และจะค่อย ๆ ชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือน โดยเทคโนโลยีส่วนมากทำเพียงครั้งเดียวต่อปีก็เพียงพอ แต่ในบางรายที่ปัญหาหย่อนคล้อยชัดเจน อาจแนะนำทำซ้ำในจุดเฉพาะ หรือเสริมด้วยเทคโนโลยีอื่นร่วมกัน
- ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด ใช้ร่วมกันหัตถการอื่นได้ไหม?
สามารถใช้ร่วมกับการดูแลผิวอื่น ๆ ได้ เช่น เลเซอร์กระชับรูขุมขน, ฉีดผิว หรือทรีทเมนต์ผิว แต่ควรเว้นช่วงเวลาให้ผิวฟื้นตัว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของผิวหน้า
ฟื้นฟูความกระชับของผิวหน้า โดยไม่ต้องใช้เข็มหรือการผ่าตัด
การยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด ได้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการดูแลผิวหน้าให้กระชับ เต่งตึง และมีมิติโครงหน้าชัดขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือใช้สารเติมเต็มเข้าสู่ร่างกาย เทคโนโลยีปัจจุบันต่างได้รับการพัฒนาให้มีความแม่นยำ เจ็บน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ที่ไม่หลอกตาหรือไม่แข็งตึงมากเกินไป
ไม่ว่าจะมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย แนวกรามไม่ชัด หรือใบหน้าดูโทรมจากความเหนื่อยล้า การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับโครงสร้างผิว และอยู่ภายใต้การดูแลของคลินิกที่มีมาตรฐาน ล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์ในระยะยาว
หากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลผิวที่อ่อนโยนต่อผิว เห็นผลจริง และไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องฉีด คืออีกหนึ่งคำตอบที่ควรพิจารณา ไม่เพียงช่วยย้อนคืนความสดใสให้ผิวแต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวให้กับความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีของคุณในทุกช่วงวัย