ริ้วรอยเกิดจากอะไร? แก้ปัญหาด้วยเครื่องยกกระชับลดริ้วรอยตัวไหนดี?
ในยุคที่ภาพลักษณ์ภายนอกมีผลต่อความมั่นใจและโอกาสในชีวิตมากขึ้น ปัญหาริ้วรอยจึงกลายเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ แม้จะถูกเคยมองว่าเป็นสัญญาณของวัย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดด มลภาวะ ความเครียด และพฤติกรรมการใช้ชีวิตเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด
หลายคนเริ่มสังเกตเห็นรอยย่นเล็ก ๆ บริเวณหางตา หน้าผาก หรือร่องแก้มตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งแม้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแล อาจจะพัฒนาเป็นริ้วรอยลึกและผิวหย่อนคล้อยในอนาคตได้ การเข้าใจสาเหตุของการเกิดริ้วรอยจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถดูแลผิวได้อย่างแม่นยำ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับสาเหตุของการเกิดริ้วรอย พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลผิวหน้าด้วยเครื่องยกกระชับ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย ยกผิวให้แน่นขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
ริ้วรอยคืออะไร? ทำไมถึงเกิดขึ้นได้กับทุกคน
ริ้วรอย เป็นหนึ่งในสัญญาณที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณเมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าหลายคนจะเชื่อว่าริ้วรอยเป็นเรื่องของวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ แต่ความเป็นจริงแล้ว ริ้วรอยสามารถเริ่มปรากฏได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว จากทั้งปัจจัยภายในร่างกายและพฤติกรรมภายนอก
ในทางผิวหนังริ้วรอย (Wrinkle) หมายถึง ร่องลึกหรือเส้นบาง ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง อันเป็นผลจากการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว และการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว เมื่อคอลลาเจนลดลง ผิวจะเริ่มสูญเสียความกระชับ เกิดการหย่อนคล้อย และมีลักษณะเป็นเส้นหรือรอยย่น
ริ้วรอยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- ริ้วรอยตื้น – มักปรากฏบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก หรือมุมปากในช่วงต้นของกระบวนการเสื่อมสภาพ เส้นเหล่านี้บางและไม่ลึกมาก มักเห็นได้เมื่อแสดงสีหน้า
- ริ้วรอยลึก – เกิดจากการสะสมของความเสียหายต่อผิวในระยะยาว โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม แนวกราม และลำคอ ริ้วรอยลึกมักมองเห็นได้แม้จะไม่ได้แสดงสีหน้าก็ตาม
พัฒนาการของริ้วรอยตามวัย
ผิวของคนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กลไกการฟื้นฟูตัวเองของเซลล์ผิวก็จะช้าลง คอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ส่งผลให้ริ้วรอยปรากฏอย่างชัดเจนขึ้น โดยสามารถแบ่งลักษณะของการเกิดริ้วรอยตามช่วงอายุ ได้ดังนี้
- วัย 20 ปี
แม้จะเป็นวัยที่ผิวพรรณยังเต่งตึงและดูสุขภาพดี แต่ก็เป็นช่วงที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ แบบตื้น โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา หรือที่เรียกว่ารอยหางตา ซึ่งอาจเกิดจากการยิ้ม หัวเราะ หรือการแสดงสีหน้าเป็นประจำ หากละเลยการป้องกัน เช่น ไม่ทาครีมกันแดด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเร่งให้เกิดริ้วรอยเร็วขึ้น
- วัย 30-40 ปี
เป็นช่วงที่ริ้วรอยเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม หน้าผาก และใต้ตา เนื่องจากโครงสร้างผิวเริ่มบางลง คอลลาเจนลดลง และการผลัดเซลล์ผิวช้าลง การแสดงสีหน้าบ่อยครั้ง เช่น ขมวดคิ้วหรือยิ้มมาก ๆ จะทำให้ริ้วรอยลึกขึ้นและถาวร
- วัย 50 ปีขึ้นไป
ในวัยนี้ ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นไปอย่างมาก ส่งผลให้เกิดริ้วรอยลึกและผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย บริเวณลำคอ มุมปาก แนวกราม และร่องลึกใต้ตาจะเริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่เนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหดตัวและกล้ามเนื้ออ่อนแรงตามธรรมชาติ
สาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอย
การเข้าใจสาเหตุของการเกิดริ้วรอย เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและเลือกวิธีดูแลผิวอย่างเหมาะสม เพราะแม้ริ้วรอยจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่หลายปัจจัยในชีวิตประจำวันสามารถเร่งให้เกิดเร็วและลึกขึ้น โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
ปัจจัยภายใน
- อายุที่เพิ่มขึ้น – เมื่อเราอายุมากขึ้น เซลล์ผิวจะสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนน้อยลง ส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ ขาดความตึงกระชับ และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน – ฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน มีบทบาทในการควบคุมความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว เมื่อเข้าสู่วัย 40+ ฮอร์โมนเหล่านี้จะลดลง ทำให้ผิวบางลงและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า – การแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว หรือขยิบตา เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตลอดวัน แม้จะดูเล็กน้อย แต่เมื่อสะสมเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดริ้วรอยถาวรบริเวณที่กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวบ่อย
ปัจจัยภายนอก
- รังสี UV จากแสงแดด – แสงแดดเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของริ้วรอยก่อนวัย รังสี UV ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย
- มลภาวะ ฝุ่น ควัน – การสัมผัสกับฝุ่น ควัน และสารพิษในอากาศเป็นประจำ จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเร่งการเสื่อมของเซลล์ผิว และลดประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวของร่างกาย
- การรับประทานอาหารที่ไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระ – อาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันอิ่มตัว หรือแอลกอฮอล์ จะไปเร่งกระบวนการไกลเคชัน (Glycation) ที่ทำให้เส้นใยคอลลาเจนแข็งตัวและแตกง่าย ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยเร็วขึ้น
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ – สารนิโคตินและแอลกอฮอล์ในปริมาณมากมีผลโดยตรงต่อการไหลเวียนเลือดในผิวหนัง ทำให้เซลล์ผิวขาดออกซิเจน เสื่อมสภาพเร็ว และเกิดริ้วรอยได้เร็วกว่าคนที่ไม่สูบ
วิธีลดริ้วรอยในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง?
การใช้สกินแคร์
การบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีสารออกฤทธิ์เฉพาะ สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยในระยะเริ่มต้นได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น หรือเริ่มมีเส้นริ้วเล็ก ๆ ปรากฏ
ประเภทของสกินแคร์ที่ช่วยเรื่องริ้วรอย
- เรตินอล (Retinol) – กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอยตื้น
- เปปไทด์ (Peptides) – ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว ลดความหย่อนคล้อย
- วิตามินซี (Vitamin C) – ต้านอนุมูลอิสระ ปรับผิวกระจ่างใส และช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง
- กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) – เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ และดูเรียบเนียน
- ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) – ลดการอักเสบ กระชับรูขุมขน ปรับสมดุลผิว
หัตถการทางการแพทย์
สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะเวลาสั้น การทำหัตถการทางการแพทย์เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะกับริ้วรอยที่ลึกและเป็นมานาน
- โปรแกรมฉีดโบ – ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ เช่น รอยหน้าผาก รอยย่นหว่างคิ้ว หางตา โดยกล้ามเนื้อจะผ่อนคลาย ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เห็นผลใน 5-14 วัน อยู่ได้นาน 3-6 เดือน
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ – เติมเต็มบริเวณที่มีร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือมุมปาก ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและยกกระชับ เห็นผลหลังทำรวดเร็ว อยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์
- ร้อยไหม – ใช้ไหมละลายเพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เห็นผลรวดเร็วบางส่วน และชัดเจนขึ้นภายใน 1-2 เดือน อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
เทคโนโลยียกกระชับ
การใช้เครื่องมือยกกระชับเป็นแนวทางที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีด และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเน้นการใช้พลังงานลงลึกถึงชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวแน่นขึ้น ลดริ้วรอย และยกใบหน้าให้ได้รูป
- Ultherapy Prime – เทคโนโลยีคลื่นเสียงแบบเฉพาะเจาะจง ยิงลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า เหมาะกับการลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ใต้ตา ลำคอ ช่วยให้ผิวแน่นตึงขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลชัดใน 2-3 เดือน อยู่ได้นาน 1-2 ปี
- Ultra 4D Lift – ใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงสามารถเลือกความลึกที่หลากหลายได้ เหมาะกับการยกกระชับทั่วหน้าและลำคอ ลดริ้วรอยระดับตื้นถึงกลาง พร้อมฟื้นฟูโครงสร้างผิว เห็นผลใน 1-2 เดือน อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Super HIFU – เทคโนโลยี HIFU ที่พัฒนาให้ยิงได้ต่อเนื่องและครอบคลุมมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยและต้องการผลลัพธ์แม่นยำ เห็นผลชัดใน 2-4 สัปดาห์
- Thermage FLX – ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ยิงลงชั้นหนังแท้ กระตุ้นคอลลาเจนให้หดตัวและสร้างใหม่ เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา แนวกราม และแก้ม เห็นผลใน 1-2 เดือน และอยู่ได้นาน 1-2 ปี
- Oligio – เทคโนโลยี Monopolar RF ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน เหมาะสำหรับการลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน และฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้น
แนะนำเครื่องยกกระชับลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
Ultherapy Prime ลดริ้วรอย พร้อมยกกระชับลึกถึง SMAS
Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์แบบโฟกัส ที่สามารถยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความแน่นกระชับ และสามารถลดริ้วรอยได้
จุดเด่น
- หน้าจอขนาดใหญ่ 35% มองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์
- ประมวลผลการทำงานเร็วกว่าเดิม 20% ลดระยะเวลาทำหัตถการ
- มีระบบ Visualization มองเห็นชั้นผิวขณะทำหัตถการ
- ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เช่น แนวกราม กรอบหน้า
- ลดริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม มุมปาก ร่องใต้ตา
Ultraformer 4D Lift แม่นยำขึ้น ครอบคลุมหลายระดับชั้นผิว
Ultra 4D Lift เทคโนโลยี Micro & Macro Focused Ultrasound มีความแม่นยำและครอบคลุมทุกชั้นผิว สามารถเลือกความลึกของพลังงานได้หลากหลาย ทั้งชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน และชั้น SMAS ช่วยให้การยกกระชับและลดริ้วรอยมีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกมิติ
จุดเด่น
- ใช้เทคโนโลยี Micro & Macro Focused Ultrasound
- เลือกหัวยิงได้หลายขนาด ครอบคลุมหลายปัญหา
- เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยระดับตื้นถึงปานกลาง
- ยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้า ใต้ตา แก้ม
- เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย
Super HIFU ครอบคลุมทั้งริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
Super HIFU ใช้เทคโนโลยี High Intensity Focused Ultrasound ที่สามารถยิงพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอในระดับชั้น SMAS ช่วยให้ริ้วรอยจางลงและผิวที่หย่อนคล้อยกลับมากระชับแน่นขึ้น เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาริ้วรอย
จุดเด่น
- ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล และยกกระชับได้ทุกชั้นผิว
- เห็นผลรวดเร็วบางส่วน 20%
- ลดริ้วรอยบริเวณใต้ตา หน้าผาก หางตา
- ช่วยให้ผิวแน่นกระชับขึ้น
Thermage FLX คลื่นวิทยุพลังงานสูง ลดริ้วรอยพร้อมฟื้นฟูผิว
Thermage FLX ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ส่งความร้อนลงไปยังชั้นหนังแท้เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา ร่องแก้ม หรือผู้ที่ต้องการปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จุดเด่น
- หัวทิปใหม่ Total Tip 4.0 ปล่อยพลังงานได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นถึง 33%
- มีระบบ Cooling effect ช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างทำหัตถการ
- มีระบบ AccuREP™ Technology ตรวจวัดความต้านทานผิวแบบเรียลไทม์
- ใช้ระยะเวลาทำเร็วกว่าเดิม 25% เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
- ลดริ้วรอยรอบดวงตา ใต้คาง กรอบหน้า
- ผิวแน่นขึ้น รูขุมขนเล็กลง
Oligio ยกกระชับหน้าแน่น ลดริ้วรอยแบบไม่ต้องผ่าตัด
Oligio ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz ส่งพลังงานสม่ำเสมอในชั้นหนังแท้และไขมันใต้ผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูสภาพผิว ลดไขมันสะสมบนใบหน้า และยกกระชับผิวหน้าได้พร้อมกัน
จุดเด่น
- มีระบบ Cooling and vibration ลดความรู้สึกร้อนและความเจ็บขณะทำ
- ลดริ้วรอยเล็ก ๆ กระชับรูขุมขน ฟื้นฟูพื้นผิวหน้า
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแน่น เรียบเนียน
- ลดไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณแก้ม เหนียง และกรอบหน้า
วิธีเลือกเครื่องยกกระชับลดริ้วรอยให้เหมาะกับสภาพผิวและวัย
อายุ 25-30 ปี
ในช่วงวัยนี้ ริ้วรอยอาจยังไม่ชัดเจน แต่เริ่มมีสัญญาณเล็ก ๆ เช่น ริ้วรอยใต้ตาผิวไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง หรือความหย่อนคล้อยเล็กน้อยจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต
แนะนำ
- Super HIFU เหมาะกับการเริ่มต้นดูแลผิว ด้วยพลังงานอัลตราซาวนด์ที่ลงลึกได้ระดับพอเหมาะ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ลดริ้วรอยตื้น ยกกระชับผิวที่เริ่มหย่อนเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยทำหัตถการมาก่อน
- Oligio เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่ออกแบบมาเพื่อการฟื้นฟูผิวชั้นตื้นและชั้นกลางโดยเฉพาะ ช่วยให้ผิวแน่นขึ้น รูขุมขนกระชับ ลดความมันส่วนเกิน และลดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้อย่างกลมกลืน โดยไม่ต้องพักฟื้น
อายุ 30-40 ปี
เมื่อเข้าสู่วัย 30 ปีขึ้นไปการผลิตคอลลาเจนจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าจะเริ่มชัด โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม หางตา และกรอบหน้าอาจเริ่มไม่ชัดเหมือนเดิม
แนะนำ
- Ultra 4D Lift สามารถยิงพลังงานได้หลากหลายระดับความลึก เหมาะสำหรับการยกกระชับทั่วใบหน้าและเก็บรายละเอียดเฉพาะจุด เช่น ใต้ตา มุมปาก หรือแนวกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูกระชับและได้รูปมากขึ้น
- Ultherapy Prime สำหรับผู้ที่มีโครงสร้างใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย เหมาะกับการยกชั้น SMAS ได้ผลใกล้เคียงการดึงหน้าเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีโครงสร้างใบหน้าหย่อนคล้อย เช่น ขอบกรามไม่ชัด หรือผิวใต้คางหย่อนลง โดยยิงพลังงานลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า ให้ผลลัพธ์ที่แน่น กระชับ และยกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยชัด รูขุมขนกว้าง หรือผิวขาดความเรียบเนียน ด้วยพลังงานคลื่นวิทยุที่ลงลึกสม่ำเสมอ ช่วยกระชับผิวในชั้นหนังแท้ พร้อมฟื้นฟูคุณภาพผิวทั่วทั้งใบหน้าให้แน่นและดูละเอียดขึ้น
อายุ 40-50 ปี
ในวัยนี้ ริ้วรอยมักลึกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และผิวโดยรวมสูญเสียความยืดหยุ่น โครงหน้ามีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าเดิม การใช้เทคโนโลยีเพียงชนิดเดียวอาจไม่เพียงพอ
แนะนำ
- Ultherapy Prime เหมาะสำหรับการยกกระชับโครงสร้างใบหน้าในชั้นลึก (SMAS) เช่น แนวกรอบหน้า แก้มล่าง หรือคอที่หย่อนมาก โดยสามารถยกผิวให้ได้รูป พร้อมลดริ้วรอยระดับลึกได้แบบกลมกลืนกับใบหน้า
- Thermage FLX เน้นการฟื้นฟูและกระชับผิวชั้นหนังแท้ ช่วยให้ผิวแน่น เรียบเนียน ลดริ้วรอยทั่วใบหน้า เช่น หน้าผาก หางตา หรือรอบปาก ทำให้ผลลัพธ์จาก Ultherapy ดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- Oligio หรือ Ultra 4D Lift ทำหน้าที่เก็บรายละเอียดในจุดที่เข้าถึงยาก เช่น ใต้ตา มุมปาก หรือบริเวณที่ต้องการผิวเรียบละเอียดขึ้น รวมถึงกระชับรูขุมขน ลดผิวหยาบจากอายุหรือพฤติกรรมประจำวัน
- Super HIFU เหมาะสำหรับใช้ในช่วงระหว่างรอบทำหัตถการหลัก เช่น ใช้ทุก 4–6 เดือน เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและคงสภาพผิวที่ยกกระชับไว้ให้ต่อเนื่อง เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลอย่างสม่ำเสมอโดยไม่รอให้ผิวหย่อนคล้อยอีกครั้ง
เครื่องยกกระชับลดริ้วรอย ทำบริเวณใดได้บ้าง?
- หน้าผาก – ลดรอยย่นตามแนวนอนที่เกิดจากการยกคิ้วหรือแสดงสีหน้าบ่อย ๆ ช่วยให้หน้าผากดูเรียบเนียนขึ้น
- หางตา ใต้ตา – ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหางตา และรอยย่นใต้ตา ให้ผิวรอบดวงตาดูสดใส ไม่หมองคล้ำหรือล้า
- เปลือกตาบน – สำหรับผู้ที่เริ่มมีหนังตาตก หรือเปลือกตาหย่อน เครื่องยกกระชับสามารถช่วยยกผิวรอบดวงตาให้ดูเปิดและตึงขึ้น
- ร่องใต้ตา – เหมาะสำหรับคนที่มีร่องลึกใต้ตา ซึ่งทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า การยิงพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนจะช่วยให้ร่องดูตื้นขึ้น
- โหนกแก้ม – ช่วยยกผิวบริเวณโหนกแก้มที่หย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนและกระชับขึ้น
- ร่องแก้ม – ลดความลึกของร่องแก้มที่เกิดจากการยุบตัวของชั้นไขมันหรือการเคลื่อนไหวใบหน้าซ้ำ ๆ
- ร่องน้ำหมาก – บริเวณระหว่างมุมปากกับแนวคางที่มักเกิดรอยพับ เครื่องยกกระชับสามารถช่วยยกมุมปากและลดความลึกของร่องนี้ได้
- แนวกรอบหน้า – สำหรับผู้ที่เริ่มมีกรอบหน้าเบลอหรือไม่ชัดเจน การยกกระชับแนวกรามช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและชัดขึ้น
- คางสองชั้น – ลดไขมันส่วนเกินใต้คาง และกระชับผิวให้แน่นขึ้น
- ใต้คาง – ช่วยลดความหย่อนคล้อยใต้คาง ทำให้มุมกรามดูชัด มีมิติยิ่งขึ้น
- ลำคอ – ลดริ้วรอยแนวนอนที่ลำคอ และยกกระชับผิวบริเวณนี้ให้เรียบเนียน
เครื่องยกกระชับลดริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหางตา ใต้ตา หรือหน้าผาก
- ผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าบ่อย เช่น ยิ้ม ขมวดคิ้ว
- ผู้ที่มีร่องแก้มลึก ร่องมุมปาก หรือร่องน้ำหมาก
- ผู้ที่เริ่มสังเกตว่าผิวหน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีแนวกรอบหน้าไม่ชัดเจน ขอบกรามหย่อน
- ผู้ที่มีเหนียงหรือคางสองชั้นจากผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา หนังตาตก หรือเบ้าตาลึก
- ผู้ที่มีริ้วรอยแนวนอนบริเวณลำคอหรือคอหย่อน
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- ผู้ที่กลัวเข็ม ไม่ต้องการฉีดสารเติมเต็ม
- ผู้ที่มีโครงสร้างใบหน้าหย่อนคล้อยตามวัย
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้างและผิวมันในบางจุด
- ผู้ที่มีผิวไม่กระชับจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้แน่นขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปหน้า
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ไม่แข็ง ไม่ตึงจนเกินไป
- ผู้ที่กำลังเตรียมตัวแต่งงาน ออกงาน หรือถ่ายภาพสำคัญ
- ผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองก่อนวัย 40 เพื่อชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเฉพาะจุด เช่น รอบปาก ใต้ตา หรือขอบกราม
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยพร้อมกับฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม
- ผู้ที่ต้องการสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายใน
หมายเหตุ
ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ โครงสร้างใบหน้า และการตอบสนองต่อพลังงานของแต่ละคน ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำหัตถการ ควรเข้ารับการประเมินโดยแพทย์ เพื่อวางแผนการดูแลผิวอย่างเหมาะสมในระยะยาว
เครื่องยกกระชับลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่มีแผลเปิด แผลอักเสบ หรือผิวหนังติดเชื้อในบริเวณที่จะทำ
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น สะเก็ดเงิน หรือโรคด่างขาว ในบริเวณใบหน้า
- ผู้ที่มีประวัติแพ้แสงหรือไวต่อความร้อนผิดปกติ
- ผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคลมชักหรือโรคระบบประสาทบางประเภท
- ผู้ที่มีผิวบางมากผิดปกติหรือขาดความยืดหยุ่นขั้นรุนแรง
- ผู้ที่กำลังใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ในระยะยาว
- ผู้ที่เพิ่งฉีดโปรแกรมฉีดโบแทนหรือโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์มาไม่นาน
- ผู้ที่เคยผ่าตัดดึงหน้าหรือศัลยกรรมใบหน้ามาไม่นาน
- ผู้ที่มีแผลเป็นนูน คีลอยด์ง่าย หรือเคยมีปฏิกิริยาผิวผิดปกติหลังทำเลเซอร์
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือมีโรคเกี่ยวกับระบบการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตนเอง เช่น SLE หรือโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้คลื่นพลังงาน เช่น RF หรือ HIFU อย่างรุนแรง
- ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เกินจริง เช่น ต้องการให้หน้าเล็กลงทันทีเหมือนศัลยกรรม
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยลึกมากร่วมกับไขมันใต้ผิวที่หายไปเกือบหมด
- ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยในระดับรุนแรงจนถึงขั้นต้องผ่าตัดยกกระชับ
- ผู้ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นจากการเจ็บป่วย หรือมีไข้ อ่อนเพลีย
- ผู้ที่ผิวไหม้แดดหรือมีผิวลอกแดงในขณะนั้น
- ผู้ที่กำลังใช้ยากลุ่มเรตินอยด์ (เช่น Tretinoin) อย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้หยุดก่อนทำ
- ผู้ที่เคยมีประวัติปฏิกิริยาบวมมากผิดปกติหลังทำหัตถการใด ๆ
- ผู้ที่ไม่มีปัญหาริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อยชัดเจน อาจยังไม่จำเป็นต้องทำ
หมายเหตุ
แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาให้ไม่อันตรายและไม่ต้องพักฟื้น แต่ก็ยังมีข้อห้ามและข้อควรระวังสำหรับบางคน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงหรือผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับความคาดหวัง ดังนั้น การให้ข้อมูลสุขภาพที่ชัดเจนก่อนรับบริการ จะช่วยให้วางแผนการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสมในระยะยาว
ดูแลผิวหลังทำเครื่องยกกระชับลดริ้วรอยอย่างไร ให้ริ้วรอยไม่กลับมาเร็ว?
- ควรทาครีมกันแดดทุกวัน ใช้ SPF 50 PA++++
- ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวทุกเช้าและเย็น
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8–10 แก้ว
- ควรนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมง/วัน
- งดการนวดหน้าแรง ๆ หรือการทำทรีตเมนต์ที่รบกวนผิวหลังทำ
- งดใช้นิ้วสัมผัสหรือกดผิวหน้าบ่อย ๆ บริเวณที่ทำหัตถการ
- งดนอนตะแคงหรือนอนคว่ำในช่วง 2–3 วันแรก เพื่อป้องกันการกดทับใบหน้า
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ในสัปดาห์แรกหลังทำ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหลังทำ อย่างน้อย 1–2 วัน
- หลีกเลี่ยงการขัดหน้า สครับ หรือกรดผลไม้ ในช่วง 7–14 วันแรก
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้หน้าแสดงสีหน้าเยอะเกินไปบ่อย ๆ เช่น ขมวดคิ้ว ย่นหน้าผาก
- หลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือน้ำร้อนจัด ในช่วง 3–5 วันแรก
ยกกระชับผิวอย่างเข้าใจ ทางเลือกใหม่ของคนใส่ใจริ้วรอย
ริ้วรอยเป็นสัญญาณหนึ่งของวัยและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผิวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถชะลอและลดเลือนให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้ ด้วยวิธีการดูแลผิวที่เหมาะสมและการเลือกใช้เทคโนโลยียกกระชับอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในแต่ละช่วงวัยที่มีความแตกต่างกัน
ปัจจุบันมีเครื่องยกกระชับหลายชนิด เช่น Ultherapy Prime, Ultra 4D Lift, Super HIFU, Thermage FLX และ Oligio ซึ่งตอบโจทย์ทั้งในด้านการลดริ้วรอย ยกกระชับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
สิ่งสำคัญคือการเลือดเครื่องให้เหมาะกับสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และช่วงวัยของแต่ละคน รวมถึงการดูแลหลังทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การป้องกันแสงแดด การบำรุงผิว และการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ยาวนาน และลดโอกาสที่ริ้วรอยจะกลับมาเร็วอีกครั้ง