ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนทำอย่างไร? เกิดจากอะไร? อันตรายไหม?

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนทำอย่างไร

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนทำอย่างไร? เกิดจากอะไร? อันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็ม แก้ไข และยกกระชับปรับปรุงรูปหน้า ถือเป็นหัตถการยอดฮิตที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาในการผ่าตัด ไม่มีรอยแผล และเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด แต่ในบางกรณีผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเสมอไป โดยเฉพาะปัญหา “ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน” ซึ่งทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน มีรอยนูน และส่งผลกระทบต่อความมั่นใจอย่างมาก วันนี้ รมย์รวินท์คลินิกจะพาไปไขข้อสงสัยว่า ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนทำอย่างไร? คืออะไร? เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้ไขอย่างไร? พร้อมแนะนำแนวทางในการป้องกันฟิลเลอร์เป็นก้อนหลังฉีด บทความนี้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาให้แล้ว

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนทำอย่างไร? เกิดจากสาเหตุอะไร? มีวิธีแก้ไหม?

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน คืออะไร?
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน คืออะไร?

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน คืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เป็นปัญหาที่พบบ่อยหลังจากฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังผิวหนัง โดยเนื้อฟิลเลอร์จะจับตัวรวมกันเป็นก้อนแบบผิดปกติ จนทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดมีลักษณะเป็นลำ มีรอยนูน ดูบวม ไม่เรียบเนียน และสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเมื่อลูบคลำบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยส่วนใหญ่อาการเหล่านี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ขาดความรู้ ใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง หรือเลือกชนิดฟิลเลอร์ไม่ตรงกับบริเวณที่ฉีด ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเป็นพังผืดได้ ดังนั้นหากพบว่าฟิลเลอร์เป็นก้อนหลังฉีด ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์อย่างโดยด่วน

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ทำอย่างไร?

หากมีปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนหลังฉีด แนะนำให้สังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด และเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้ที่ทำการฉีด เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหา พร้อมตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งจะไม่แนะนำให้พยายามทำการแก้ไขด้วยตัวเอง โดยการนวด บีบ หรือกดบริเวณที่ฉีด เนื่องจากการกระทำเหล่านี้ อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง จนใบหน้าผิดรูป และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ 

โดยในกรณีที่ฟิลเลอร์เป็นก้อนแล้วมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น บวมแดง ร้อน กดเจ็บ เป็นไข้ หรือผิวเริ่มเปลี่ยนสี แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างโดยด่วน เนื่องจากอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการแพ้ อักเสบ ติดเชื้อ หรือเกิดภาวะอุดตันในเส้นเลือดได้ หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจเสี่ยงต่อการเกิดเนื้อตาย หรือร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีลักษณะอย่างไร?
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีลักษณะอย่างไร?

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีลักษณะอย่างไร?

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถสังเกตลักษณะของอาการ ได้ดังนี้

  • คลำแล้วเจอก้อนแข็ง

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถสังเกตได้เมื่อใช้นิ้วสัมผัส กด หรือคลำบริเวณที่ฉีดจะรู้สึกได้ถึงก้อนนูนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจเป็นก้อนแข็ง หรือก้อนนิ่มก็ได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุ และชนิดของฟิลเลอร์

  • ผิวไม่เรียบเนียน

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถสังเกตได้ในบริเวณที่ฉีดอาจมีรอยนูนผิดปกติ ผิวดูไม่สม่ำเสมอ และไม่เรียบเนียน

  • เห็นก้อนชัดเมื่อแสดงสีหน้า

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถสังเกตได้ชัดเมื่อแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หรือหัวเราะ โดยเฉพาะบริเวณในใต้ตา หน้าแก้ม หรือริมฝีปาก

  • มีอาการบวม ร้อน หรือกดเจ็บร่วมด้วย 

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ในบางกรณีอาจมีอาการบวมแดง ร้อน กดเจ็บ หรือผิวเปลี่ยนสีร่วมด้วย เนื่องจากฟิลเลอร์เกิดการอักเสบ และติดเชื้อ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีกี่แบบ?

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้

  • ฟิลเลอร์เป็นก้อนไม่อักเสบ

ฟิลเลอร์เป็นก้อนแบบไม่อักเสบ จะมีลักษณะเป็นก้อนนูน และดูไม่เรียบเนียน สามารถเห็นได้ชัดเมื่อมีการแสดงสีหน้า โดยจะไม่มีอาการปวด กดเจ็บ บวมแดง หรือรู้สึกร้อนใด ๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่สามารถพบได้บ่อย โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากเทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง แพทย์ขาดความรู้ หรือเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด

  • ฟิลเลอร์เป็นก้อนอักเสบ

ฟิลเลอร์เป็นก้อนแบบอักเสบ จะมีลักษณะเป็นก้อนบวมแดง ร้อน เจ็บปวด ผิวเปลี่ยนสี เป็นไข้ หรือมีหนองร่วมด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรืออุปกรณ์ที่ใช้ฉีดไม่สะอาด ทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ แพ้ฟิลเลอร์ หรือร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านสารที่ฉีดเข้าไป โดยมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมชนิดหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้ถือเป็นปัญหาที่มีความอันตราย และต้องรีบทำการรักษาโดยด่วน

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไร?
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไร?

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไร?

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • แพทย์ขาดความรู้

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากแพทย์ที่ทำการฉีดขาดความรู้ และความเข้าใจ ไม่สามารถประเมินสภาพผิว และคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่ควรใช้ได้อย่างเหมาะสม ทำให้ใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป จนส่งผลให้ฟิลเลอร์เกิดการกระจุกตัว รวมกันเป็นก้อนแข็ง และผลลัพธ์แลดูไม่เป็นธรรมชาติได้

  • ใช้ฟิลเลอร์ปลอม

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่สาร Hyaluronic Acid (HA) เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสารแปลกปลอม จนทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน และส่งผลให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนได้

  • เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากแพทย์ใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เช่น ฉีดผิดชั้นผิว โดยเฉพาะในบริเวณที่มีผิวบอบบาง อย่างบริเวณใต้ตา หน้าผาก หรือริมฝีปาก ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นก้อนได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น ซึ่งหากฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป อาจทำให้มองเห็นก้อนนูนอย่างชัดจนได้

  • เลือกชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากการเลือกชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์มีให้เลือกหลายเนื้อสัมผัส ตั้งแต่ฟิลเลอร์เนื้อเหลวจนถึงฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งฉีดเข้าไปในบริเวณผิวชั้นตื้น หรือบริเวณที่มีการขยับบ่อย อาจส่งผลให้ผิวไม่เรียบเนียน และฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนแข็งได้ง่าย

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน บริเวณไหนเกิดขึ้นบ่อย?

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีผิวบอบบาง และบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการผิดพลาดได้ง่าย หากฉีดกับแพทย์ที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ โดยบริเวณที่เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนบ่อย มีดังนี้

  • ฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถพบได้บ่อยในบริเวณใต้ตา เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตามีความบอบบาง และมีการเคลื่อนไหวบ่อย ซึ่งหากฉีดผิวชั้นตื้นเกินไป หรือเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดก้อนนูน หรือใต้ตาดูบวมคล้ายถุงใต้ตาได้ง่าย

  • ฟิลเลอร์หน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถพบได้บ่อยในบริเวณหน้าผาก เนื่องจากผิวบริเวณหน้าผากมีความบอบบาง ซึ่งหากฉีดผิวชั้นตื้นเกินไป หรือเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ จนจับตัวเป็นก้อน เป็นคลื่น ผิวดูนูน และไม่เรียบเนียนได้ง่าย

  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถพบได้บ่อยในบริเวณร่องแก้ม เนื่องจากผิวบริเวณร่องแก้มมีการเคลื่อนไหวบ่อย ซึ่งหากฉีดผิวชั้นตื้น หรือฉีดผิวชั้นที่ไม่ลึกเพียงพอ อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์ถูกกล้ามเนื้อดึงไปกองรวมกันเป็นก้อน และเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อมีการแสดงสีหน้า

  • ฟิลเลอร์ปาก

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถพบได้บ่อยในบริเวณริมฝีปาก เนื่องจากผิวบริเวณริมฝีปากมีความบอบบาง และมีการเคลื่อนไหวบ่อย ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป หรือเลือกชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน ริมฝีปากดูใหญ่ และผลลัพธ์แลดูไม่เป็นธรรมชาติได้

  • ฟิลเลอร์คาง

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถพบได้บ่อยในบริเวณคาง เนื่องจากผิวบริเวณคางมีการเคลื่อนไหวบ่อย ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป ฉีดผิดชั้นผิว หรือเลือกชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน คางดูย้อย ผิดรูป และผลลัพธ์แลดูไม่เป็นธรรมชาติได้

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีวิธีแก้ไขอย่างไร?
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีวิธีแก้ไขอย่างไร?

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มีวิธีแก้ไขอย่างไร?

วิธีการแก้ไขปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของฟิลเลอร์ และลักษณะของอาการ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน พิจารณา และเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ดังนี้

  • ฉีดสลายฟิลเลอร์

ฉีดสลายฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ซึ่งจะใช้สำหรับฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic Acid (HA) เท่านั้น ไม่สามารถออกฤทธิ์กับฟิลเลอร์ปลอม หรือสารชนิดอื่น ๆ ได้ โดยแพทย์จะฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เข้าไปยังผิวหนังในบริเวณที่มีปัญหา เพื่อย่อยสลายก้อนฟิลเลอร์ให้ค่อย ๆ ยุบตัวลงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ไม่เสี่ยงอันตราย และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงในะระยะยาว เมื่อเทียบกับการขูดฟิลเลอร์ และการผ่าตัด

  • ขูดฟิลเลอร์

ขูดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ซึ่งจะใช้สำหรับฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์กึ่งถาวร หรือฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่สาร HA โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลขนาดเล็ก เพื่อขูดนำฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนออกจากผิวหนัง ซึ่งวิธีนี้ไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกมาได้ทั้งหมด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการตกค้างของฟิลเลอร์ และมีโอกาสในการเกิดรอยแผลเป็นได้ง่าย

  • ผ่าตัดฟิลเลอร์

ผ่าตัดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ซึ่งจะใช้สำหรับฟิลเลอร์ปลอมที่จับตัวเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ และเกิดพังผืดล้อมรอบ โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดแผล เพื่อนำฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนออกจากผิวหนังอย่างระมัดระวัง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนเส้นเลือด เส้นประสาท หรือเนื้อเยื่อโดยรอบได้ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่สูง และอาจเกิดรอยแผลเป็นหลังทำ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนาน  

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน อันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนจะไม่ได้อันตรายเสมอไป ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ และลักษณะของอาการ ซึ่งโดยทั่วไปหากฟิลเลอร์เป็นก้อนในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด อาจเป็นเพียงอาการชั่วคราวที่เกิดจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ หรือเกิดการบวมช้ำจากเข็ม ซึ่งในกรณีนี้สามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป แต่อย่างไรก็ตามหากฟิลเลอร์เป็นก้อนอักเสบ มีอาการกดเจ็บ บวมแดง ร้อน หรือผิวเปลี่ยนสี เช่น สีคล้ำลง หรือสีซีดผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เกิดการติดเชื้อ แพ้ฟิลเลอร์ หรืออุดตันในเส้นเลือด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษากับแพทย์อย่างโดยด่วน เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ ดังนั้นแนะนำให้หมั่นสังเกตอาการของตนเอง หากเกิดก้อนฟิลเลอร์ที่ผิดปกติควรรีบพบแพทย์ เพื่อประเมิน และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

 

วิธีป้องกันการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน
วิธีป้องกันการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

 

วิธีป้องกันการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

  • ควรศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และลดความเสี่ยงต่อการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • เลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีความรู้ สามารถประเมินใบหน้า และใช้เทคนิคการฉีดที่เหมาะสม
  • เลือกใช้ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น เช่น Juvederm, Restylane, Belotero หรือ Neauvia
  • เลือกคลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรแจ้งข้อมูล และประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการทำหัตถการ และยาที่กำลังรับประทานอยู่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง
  • เลือกคลินิกความงามที่มีระบบนัดติดตามผลหลังทำการรักษา เพื่อประเมินผลลัพธ์ที่ได้ว่าเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น งดการนวดบริเวณที่ฉีด งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ หรืองดโดนความร้อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง

 

การเตรียมตัวที่ถูกต้องก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดรับประทานยาที่ส่งผลให้เลือดไหลออกง่าย อย่างน้อย 7 – 14 วัน
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และงดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 – 2 วัน
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดใช้ผลิตภัณฑ์ หรือครีมบำรุงที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว อย่างน้อย 3 – 5 วัน
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดทำทรีตเมนต์ หัตถการ หรือเลเซอร์ที่ใช้ความร้อน อย่างน้อย 7 – 14 วัน
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดออกกำลังกายรุนแรง หรือทำกิจกรรมหักโหม อย่างน้อย 1 – 2 วัน
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายตอบสนองต่อการฉีดได้ดี 
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว เพื่อให้ร่างกายตอบสนองต่อการฉีดได้ดี 

 

การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องหลังฉีดฟิลเลอร์

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการนวด บีบ หรือกดบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 7 – 14 วัน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรประคบเย็นเบา ๆ ในช่วงแรกที่ฉีด เพื่อลดอาการบวม และรอยช้ำ
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการใช้เครื่องสำอางแต่งหน้า อย่างน้อย 12 – 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดออกกำลังกายรุนแรง หรือทำกิจกรรมหักโหม อย่างน้อย 1 – 2 วัน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดโดนความร้อน และแสงแดดแรงโดยตรง อย่างน้อย 7 – 14 วัน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และงดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 – 2 วัน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดรับประทานของหมักดอง และอาหารดิบ อย่างน้อย 7 – 14 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอักเสบ
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดใช้ผลิตภัณฑ์ หรือครีมบำรุงที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว อย่างน้อย 3 – 5 วัน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดทำทรีตเมนต์ หัตถการ หรือเลเซอร์ที่ใช้ความร้อน อย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรจิบน้ำสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว เพื่อให้ฟิลเลอร์ทำงานได้อย่างเต็มที่
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรสังเกตอาการของตนเอง เช่น อาการบวมแดง ปวด กดเจ็บ ร้อน หรือผิวเปลี่ยนสี หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์อย่างโดยด่วน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงอันตราย

 

ผลข้างเคียงอื่น ๆ จากการฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ เกิดขึ้น นอกเหนือจากปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหลังฉีด ซึ่งโดยปกติแล้วผลข้างเคียงที่สามารถพบได้บ่อย และไม่รุนแรง คือ อาการบวม รอยแดง รอยฟกช้ำ รู้สึกคัน และปวดตึงผิว ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังฉีดภายใน 7 – 14 วัน 

แต่อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เช่น ติดเชื้อ อักเสบ แพ้ฟิลเลอร์ ปวดรุนแรง บวมผิดปกติ ผิวเปลี่ยนสี หรือเกิดภาวะอุดตันในเส้นเลือด จนอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ซึ่งอาการเหล่านี้แม้จะมีโอกาสพบได้น้อยมาก แต่ก็เป็นผลข้างเคียงไม่ควรมองข้าม หากพบว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษาโดยด่วน 

 

ปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ถือเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่สามารถพบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้เข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ขาดความรู้ ใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง หรือเลือกชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ โดยการฉีดสลายด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) เท่านั้น แต่หากใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์เกิดการจับตัวกันเป็นก้อนแข็งแบบอักเสบ โดยมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีอาการบวมแดงผิดปกติ กดเจ็บ ปวดรุนแรง เป็นไข้ ร้อน หรือผิวเปลี่ยนสี แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสม ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน หรือมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถเข้ารับการปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินปัญหา พร้อมตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายในระยะยาว

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด