มอนจาลีน (Monjalene) คืออะไร?
ยุคที่คนหันมาดูแลใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น อยากมีรูปร่างที่ดี ไปพร้อมกับสุขภาพที่ดี จึงทำให้มีตัวช่วยมากมายออกมาสู่ท้องตลาดให้ได้นำมาปรับใช้ให้เข้ากับขีวิตประจำวัน
ความหมายและกลไกการเกิดโรคอ้วน
โรคอ้วน หรือ Obesity คือภาวะที่ร่างกายเกิดการสะสมไขมันเอาไว้มากเกินไป จนส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย การเกิดโรคอ้วนเกิดจากพลังงานที่ร่างกายนำเข้า (Energy intake) และ พลังงานที่ร่างกายใช้ไป (Energy expenditure)ไม่มีความสมดุลกัน เมื่อร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารมากกว่าพลังงานที่ใช้ไป พลังงานส่วนเกินจะถูกสะสมไว้ในรูปแบบของ เซลล์ไขมัน (Adipose tissue) และเมื่อมีกรณีนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวันเซลล์ไขมันสะสมจะมีจำนวนและขนาดที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นภาวะอ้วนได้ในที่สุด
จึงหมายความว่า โรคอ้วนไม่ได้เกิดจากการกินมากเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการเสียสมดุลพลังงานในระยะยาว
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรคอ้วน
โรคอ้วนเกิดจาก หลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่
- ปัจจัยด้านพฤติกรรม
เช่น การรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูง มีน้ำตาลมาก ไขมัน ของทอดมาก รวมทั้งผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย
- ปัจจัยด้านจิตใจ
ความเครียด ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า หรือในผู้ที่มีการกินเป็นกลไกหลักในการระบายอารมณ์
- ปัจจัยด้านพันธุกรรม
โรคหรือ ยีนบางชนิดในร่างกายที่มีผลต่อการเผาผลาญพลังงานในร่างกายและความอยากอาหาร
ผลกระทบของโรคอ้วนต่อสุขภาพ
โรคอ้วนจัดเป็นโรคเรื้อรัง (Chronic disease) ที่ส่งผลกระทบต่อระบบในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคภัยต่าง ๆ โดยค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ที่เพิ่มขึ้นนั้นมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคต่าง ๆ เช่น โดยสามารถอุปมาได้ดังนี้
BMI เพิ่มขึ้น 1 หน่วย
- เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive sleep apnea) 6–7%
- เพิ่มโอกาสการเกิดโรคไขมันพอกตับจากความผิดปกติของเมตาบอลิซึม (Metabolic fatty liver disease) ถึง 90%
BMI เพิ่มขึ้น 5 หน่วย
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ถึง 72–85%
- เพิ่มโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูง 46.9–60%
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด 30%
- เพิ่มโอกาสเกิดโรคไตเรื้อรัง 60%
- เพิ่มความเสี่ยงโรคข้อเข่าเสื่อมและโรคกระดูกอ่อนเสื่อม 35%
โรคอ้วนจึงไม่เพียงแต่กระทบในด้านรูปร่างและความมั่นใจ แต่ยังมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับโรคไม่ติดต่ออีกด้วย
ฮอร์โมน GIP และ GLP-1
ฮอร์โมน Incretin ได้แก่ GIP (Gastric Inhibitory Polypeptide) และ GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและสมดุลพลังงาน
ฮอร์โมน GIP
ช่วยในการกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทั้งยังมีผลต่อสมองและเซลล์ไขมัน โดยช่วยเก็บไขมันใน adipose tissue
ฮอร์โมน GLP-1
ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินและลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ลดความอยากอาหาร เพิ่มความรู้สึกอิ่ม
ลดการบีบตัวของทางเดินอาหาร ช่วยในการสลายไขมัน
การนำกลไกการทำงานของฮอร์โมนเหล่านี้มาใช้ จึงเป็นแนวทางในการพัฒนาเปปไทด์ลดการอยากอาหาร เช่น GLP-1 receptor agonist และ GIP/GLP-1 dual agonist
แนวทางการรักษาโรคอ้วน
แนวทางการรักษาโรคอ้วนมีหลายวิธี ขึ้นกับระดับความรุนแรงและการตอบสนองของของร่างกาย
- การผ่าตัดกระเพาะ (Sleeve Gastrectomy)
ลดน้ำหนักได้มากที่สุด 25% ของน้ำหนักตัว
- ควบคุมอาหาร
เป็นการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่จำเป็นต้องศึกษาโภชนาการและปฏิบัติตามเพื่อให้การควบคุมอาหารได้สารอาหารครบถ้วนเป็นไปอย่างถูกต้อง
- การออกกำลังกาย
การออกกำลังการเพื่อเผาผลาญพลังงานที่รับประทานเข้าไป กระชับส่วนเกินและเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย
- ใช้เปปไทด์คุมความอยากอาหาร
เป็นการนำตัวยาเข้าสู่ร่างกายเพื่อควบคุมความอยากอาหาร ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและลดความอยากอาหาร ทำให้อิ่มเร็วและไม่อันตรายต่อร่างกาย
มอนจาลีน (Monjalene) เปปไทด์คุมความอยากอาหาร คืออะไร?
มอนจาลีน (Monjalene) ใช้เปปไทด์คุมความอยากอาหารที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักและรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยทำงานผ่านกลไกการเลียนแบบฮอร์โมนในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับความหิว ความอิ่ม และระดับน้ำตาลในเลือด
มอนจาลีนสามารถกระตุ้นทั้ง GIP (Glucose-dependent insulinotropic polypeptide) และ GLP-1 (Glucagon-like peptide-1)
มอนจาลีน เปปไทด์คุมความอยากอาหารทำงานอย่างไร?
มอนจาลีนทำงานกับร่างกายอย่างหลากหลาย แยกออกได้ดังนี้
- มอนจาลีนทำงานกับ “สมอง”
มอนจาลีนทำงานกับสมองในส่วนที่ควบคุมความอยากอาหาร ช่วยคุมความอยากอาหารทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนานขึ้น
- มอนจาลีนทำงานกับ “ตับอ่อน”
มอนจาลีนช่วยในการกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินเมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทั้งยังลดการหลั่งกลูคากอน ที่ช่วยให้ระดับน้ำตาลสมดุล
- มอนจาลีนทำงานกับ “ระบบย่อยอาหาร”
มอนจาลีนช่วย ชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มนาน และกินน้อยลง ไม่รู้สึกหิวบ่อย
- มอนจาลีนทำงานกับ “เซลล์ไขมัน”
มอนจาลีนช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น และลดการสะสมไขมันส่วนเกินที่อยู่ในร่างกาย
จุดเด่นของมอนจาลีน (Monjalene) เปปไทด์คุมความอยากอาหาร
มอนจาลีนทำให้ลดความอยากอาหาร
- มอนจาลีนทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนานขึ้น ส่งผลให้ผู้เข้ารับบริการสามารถควบคุมปริมาณอาหารได้ง่ายขึ้น ลดการรับประทานอาหารเกินความจำเป็น
มอนจาลีนทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- มอนจาลีนถูกพัฒนาให้ช่วยรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ด้วยในทางอ้อมโดยมอนจาลีนจะช่วยลดค่า HbA1c ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นมอนจาลีน จึงเป็นประโยชน์ทั้งในผู้ที่เป็น เบาหวาน และน้ำหนักเกิน หรือในผู้ที่เป็นเบาหวานและมีน้ำหนักเกินด้วยก็จะได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ด้าน
มอนจาลีนทำให้ลดไขมันในช่องท้องและรอบเอว
- การสะสมไขมันในช่องท้องนับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด มอนจาลีนสามารถช่วยลด Visceral fat ได้อย่างชัดเจน
มอนจาลีนช่วยเรื่องอะไร
- มอนจาลีนช่วยลดน้ำหนักแม้จะไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่มี BMI สูง
- มอนจาลีนช่วยควบคุมความอยากอาหาร
- มอนจาลีนช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน
- มอนจาลีนช่วยลดรอบเอว–ไขมันในช่องท้อง
มอนจาลีนเหมาะกับใคร?
- มอนจาลีนเหมาะกับผู้ที่มี BMI ≥ 30 (เข้าสู่ภาวะอ้วน)
- มอนจาลีนเหมาะกับผู้ที่มี BMI ≥ 27 และมีโรคเรื้อรังร่วม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
- มอนจาลีนเหมาะกับผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วไม่ได้ผล
- มอนจาลีนเหมาะกับผู้ที่เคยใช้วิธีอื่นในการคุมน้ำหนักและไม่ได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพอใจ
ข้อดีของมอนจาลีน
- มอนจาลีนช่วยลดน้ำหนักได้ 22.5% ใน 72 สัปดาห์
- มอนจาลีนสามารถรักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ลดน้ำหนักเฉลี่ย 14.7% และควบคุม HbA1c ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- เมื่อใช้มอนจาลีนร่วมกับการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร น้ำหนักจะลดลงเฉลี่ย 26.6%
- มอนจาลีนป้องกันน้ำหนักกลับมาเพิ่มหลังจากหยุดเข้ารับบริการ
- มอนจาลีนสามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 20–25% ของน้ำหนักตั้งต้น ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้และการดูแลร่วม
- การลดน้ำหนักที่เกิดจากมอนจาลีนส่วนใหญ่เกิดจากการลด Fat mass ถึง 75% ซึ่งถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ
- มอนจาลีนช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด จึงเหมาะกับผู้ป่วยที่มีโรคอ้วนร่วมกับโรคเบาหวานหรือภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ
- เมื่อใช้มอนจาลีนร่วมกับการปรับพฤติกรรม ผลลัพธ์จะดียิ่งขึ้นและช่วยลดโอกาสน้ำหนักกลับมาใหม่
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของมอนจาลีน
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยระหว่างใช้บริการมอนจาลีน
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสียหรือท้องอืด
- ท้องผูก
- เบื่ออาหาร
ใครห้ามใช้มอนจาลีน
- มอนจาลีนไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเนื้องอกต่อมไทรอยด์บางชนิด
- มอนจาลีนไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
เมื่อเรามีรูปร่างที่ดี สิ่งที่ได้ตามมามากกว่าการมีรูปร่างที่ดีคือการเสริมสร้างชีวิตในด้านอื่นๆที่ดีตามไปด้วย ซึ่งเป็นผลลัพธ์เชิงบวกที่ดีทั้งต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ และคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากทำอย่างถูกวิธีควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพโดยรวม จะช่วยให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ผลพลอยได้จากการดูแลรูปร่างด้านสุขภาพร่างกาย
1. ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
การมีน้ำหนักตัวมากเกินไปมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังที่มากับความอ้วนหลายชนิด เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง และไขมันพอกตับ
การลดน้ำหนักลงไม่มากแม้เพียง 5–10% ของน้ำหนักตัวทั้งหมด จะสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ไตรกลีเซอไรด์ และความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นได้ ถือเป็น ผลพลอยได้จากการลดความอ้วน ที่ส่งผลต่อสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม
2. ระบบเผาผลาญและฮอร์โมนสมดุลขึ้น
คนที่น้ำหนักเกินมักจะมีภาวะดื้อต่ออินซูลินหรือฮอร์โมนอื่น ๆ การลดน้ำหนักจะช่วยให้ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ฮอร์โมนควบคุมความหิว เช่น เลปติน และเกรลิน มีความสมดุลมากขึ้น ทำให้ควบคุมการรับประทานอาหารได้ดี
3. ลดภาระข้อและกระดูก
น้ำหนักส่วนเกินส่งผลเสียต่อข้อเข่า ข้อสะโพก และกระดูกสันหลัง การลดความน้ำหนักจะช่วยลดแรงกดและการเสื่อมของข้อ ส่งผลให้การเคลื่อนไหวสะดวกขึ้น และลดอาการปวดข้อเรื้อรัง
4. การหายใจและการนอนหลับดีขึ้น
ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือน้ำหนักมากมักจะประสบภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ การลดน้ำหนักช่วยเปิดทางเดินหายใจ ลดอาการกรน และทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้น
การลดน้ำหนักถือเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดอาการนอนกรนรวมทั้งลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักเกิน เนื่องจากการสะสมของไขมันบริเวณรอบลำคออาจจะทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลง เมื่อได้รับการลดน้ำหนักแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะช่วยให้การหายใจเป็นไปอย่างสะดวกและช่วยให้อาการนอนกรนดีขึ้นได้
ผลพลอยได้จากการลดน้ำหนักด้านสุขภาพจิตและอารมณ์
1. เพิ่มความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น
เมื่อมีรูปร่างที่ดีสมส่วนรวมทั้งมีสุขภาพดีขึ้นช่วยให้รู้สึกมั่นใจ ในรูปร่าง การแต่งตัวมากขึ้น เมื่อเข้าสังคมหรือทำงานก็จะทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น
2. ลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า
เมื่อเครียดเรื่องน้ำหนักมากๆ จะส่งผลให้มีภาวะต่างๆตามมาและส่งผลในระยะยาว
3. สมาธิและพลังงานดีขึ้น
เมื่อร่างกายไม่ต้องรับภาระจากการมีน้ำหนักเกิน จะทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว มีพลังในการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้สมองมีความปลอดโปร่งและยังมีสมาธิที่ยาวนานกว่าเดิม
ผลพลอยได้จากการลดน้ำหนักด้านคุณภาพชีวิต
1. เคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้น
การลดน้ำหนักทำให้การทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันสามารถทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น การเดินขึ้นบันได การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การทำงานบ้าน
2. ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพลดลง
เมื่อสุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น หรือดีขึ้น โอกาสในการเกิดโรคภัยต่างๆก็ลดลงตามไปด้วย ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเรื้อรัง
3. อายุยืนยาวขึ้น
การมีน้ำหนักที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
มอนจาลีน (Monjalene) เปปไทด์คุมความอยากอาหาร ไม่เพียงช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการสะสมไขมันส่วนเกิน และช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วน การใช้มอนจาลีนร่วมกับการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นแนวทางที่ทำให้ผลลัพธ์ในการรักษามีความยั่งยืนมากขึ้น ที่สำคัญคือยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และมั่นใจในรูปร่างและสุขภาพของตนเองได้อย่างแท้จริง
สามารถเข้ารับบริการได้ที่รมย์รวินท์คลินิก ให้บริการห้คำปรึกษา และประเมินโดยแพทย์เพื่อให้การรักษาเกิดผลลัพธ์ที่ดีและไม่เกิดผลเสียที่เป็นอันตราย