“ผิวเปลือกส้ม”หนึ่งในปัญหาผิวที่หลายคนกังวล เพราะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ซึ่งสาเหตุของผิวเปลือกส้มมักเกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิว แม้จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจอย่างมาก แต่หากดูแลอย่างถูกวิธีก็สามารถช่วยลดผิวเปลือกส้มได้ บทความนี้จะมาแนะนำ วิธีลดผิวเปลือกส้มให้ผิวเรียบเนียน กระชับ คืนความมั่นใจให้ผิวสวย

ผิวเปลือกส้ม คืออะไร?
“ผิวเปลือกส้ม” หรือที่หลายคนรู้จักกันว่า Cellulite (เซลลูไลท์) คือ ภาวะที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นคลื่น ขรุขระ ไม่เรียบเนียนเป็นรอยบุ๋มคล้ายกับผิวของเปลือกส้ม ซึ่งเกิดจากไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังชั้นตื้น มักจะเกิดบริเวณต้นขา สะโพก หน้าท้อง หรือแขน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการสะสมของไขมันสูง แม้ว่าผิวเปลือกส้มจะไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็ส่งผลต่อความไม่มั่นใจของหลายคน
ลักษณะของ “ผิวเปลือกส้ม”
ผิวเปลือกส้ม หรือ เซลลูไลท์ (Cellulite) มีลักษณะ คือ ผิวขรุขระ ไม่เรียบเนียน และมีรอยบุ๋มและคลื่นเล็ก ๆ ทำให้ผิวเหมือนเปลือกส้ม โดยสามารถเห็นได้ชัดเมื่อบีบผิวหนังบริเวณนั้นเข้าหากัน หรือเมื่อเกร็งกล้ามเนื้อ โดยมักจะเกิดบริเวณที่มีไขมันสะสมเยอะ เช่น สะโพก ต้นแขน หน้าท้อง หรือต้นขา ลักษณะของผิวเปลือกส้มในแต่ละคนก็จะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ระดับ 1 (มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า) : เมื่อมองด้วยตาเปล่าผิวจะดูเรียบเนียน แต่เมื่อลองใช้มือบีบผิวหนังบริเวณนั้น จะมองเห็นความขรุขระ หรือผิวเป็นคลื่นที่ชัดเจนขึ้น
- ระดับ 2 (เห็นเมื่อเกร็งกล้ามเนื้อ) : เมื่ออยู่ในท่ายืนหรือเกร็งกล้ามเนื้อจะเริ่มมองเห็นรอยบุ๋มหรือผิวเป็นคลื่นที่ชัดเจน แต่เมื่ออยู่ในท่านั่งหรือนอนผิวก็จะดูเรียบเนียนเช่นเดิม
- ระดับ 3 (เห็นชัดเจนตลอดเวลา) : สามารถมองเห็นผิวเปลือกส้มชัดเจนไม่ว่าจะอยู่ในท่าไหน และอาจจะมองเห็นรอยบุ๋มที่ลึกและกว้างขึ้นกว่าระดับอื่น ๆ ซึ่งระดับ 3 เป็นระดับที่รุนแรงที่สุด
โดยปกติแล้วเซลลูไลท์มักจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากโครงสร้างของร่างกายและฮอร์โมนเอสโทรเจนที่มีบทบาทในการสะสมไขมัน จึงส่งผลให้ผู้หญิงมีแนวโน้มเกิดเซลลูไลท์ได้ง่ายกว่า

ผิวเปลือกส้ม หรือเซลลูไลท์ เกิดจากอะไร?
ผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ เป็นภาวะที่ผิวไม่เรียบเนียน เป็นคลื่น ซึ่งมักจะเกิดบริเวณต้นขา ต้นแขน สะโพก และบริเวณหน้าท้อง หรือบริเวณที่มีการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองไม่ดี โดยไขมันเหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นก้อนเล็ก ๆ อยู่ตามชั้นผิวหนังส่วนตื้น เมื่อเส้นใยคอลลาเจนที่ยึดระหว่างผิวกับกล้ามเนื้อถูกดึงรั้ง จึงทำให้ผิวเกิดรอยบุ๋มและเป็นคลื่น อย่างไรก็ตาม ผิวเปลือกส้ม ไม่ได้เกิดจากไขมันเพียงปัจจัยเดียวแต่ยังมีอีกหลายสาเหตุร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น
- กรรมพันธุ์
หากคนในครอบครัวมีประวัติการมีผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ ก็อาจจะมีโอกาสที่จะสามารถเกิดภาวะเดียวกันได้ง่ายกว่าปกติ เพราะเกิดการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล
ฮอร์โมนในร่างกายบางชนิด เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน อินซูลิน และฮอร์โมนไทรอยด์ มีบทบาทสำคัญในการเก็บไขมันและการไหลเวียนของเลือด หากร่างกายมีฮอร์โมนไม่สมดุลอาจกระตุ้นการสะสมของไขมันที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ หรือวัยที่หมดประจำเดือน
- ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง
หากระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือทำงานได้ช้าลง อาจจะส่งผลให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมได้ง่ายขึ้น สามารถเกิดบริเวณต้นขา สะโพก และหน้าท้อง และทำให้เกิดผิวเปลือกส้มได้ง่าย
- การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
การเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรือโซเดียมมาก ไม่ว่าจะเป็น อาหารแปรรูป ของทอด น้ำอัดลม เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ร่างกายสะสมไขมันเพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ รวมถึงอาจเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้
- การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
แอลกอฮอล์และบุหรี่ มีผลต่อระบบการไหลเวียนโลหิตและกระบวนการขับของเสียภายในร่างกาย จึงอาจทำให้เกิดการสะสมไขมัน และทำให้ผิวสูญเสียความกระชับ ขาดความยืดหยุ่น และทำให้เกิดผิวเปลือกส้มได้ง่าย
- การลดน้ำหนักแบบผิดวิธี
การลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ไม่ว่าจะเป็น การอดอาหาร หรือไม่ออกกำลังกาย อาจทำให้กล้ามเนื้อและผิวสูญเสียความแข็งแรง และความยืดหยุ่น เนื่องจากไขมันและกล้ามเนื้อมีการลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยและเห็นรอยบุ๋ม ผิวเป็นคลื่นที่ชัดเจน หรือเกิดเป็นผิวเปลือกส้มได้ง่าย
- การไม่ออกกำลังกายและดื่มน้ำน้อย
เมื่อร่างกายขาดการเคลื่อนไหวอาจจะทำให้ไม่สามารถเผาผลาญพลังงานหรือไขมันได้ไม่เต็มที่ และอาจส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันที่เพิ่มมากขึ้น และหากดื่มน้ำน้อยอาจทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และทำให้เกิดผิวเปลือกส้มได้ชัดเจนขึ้น
- ความเครียด
ภาวะเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้ร่างกายกักเก็บไขมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องและต้นขา จึงทำให้เกิดไขมันส่วนเกินและทำให้ผิวดูหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และเกิดเป็นผิวเปลือกส้มได้
- ภาวะโรคอ้วนและไขมันสูง
ภาวะโรคอ้วนหรือมีไขมันสะสมในร่างกาย เมื่อมีไขมันสะสมมากเกินไป อาจจะทำให้ไขมันเกิดการดันตัวขึ้นมาบนผิวได้มากขึ้น จนมองเห็นเป็นผิวเปลือกส้มที่มีลักษณะขรุขระ เป็นคลื่น และมีรอยบุ๋มที่ชัดเจนขึ้น
- การตั้งครรภ์หรือวัยหมดประจำเดือน
ในช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและน้ำหนัก เช่น การตั้งครรภ์ ช่วงวัยหมดประจำเดือน อาจทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดการสะสมไขมันเฉพาะจุดที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บางบริเวณเกิดผิวเปลือกส้มได้ง่าย

วิธีลดผิวเปลือกส้ม ทำอย่างไรให้ผิวกลับมาเรียบเนียน
ผิวเปลือกส้ม (Cellulite) เป็นอีกปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน มักจะเกิดบริเวณที่มีไขมันสะสมเยอะ เช่น ต้นขา สะโพก และหน้าท้อง ถึงแม้ผิวเปลือกส้มจะไม่อันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจอย่างมาก วิธีลดผิวเปลือกส้มที่สามารถทำได้ง่าย ๆ มีดังนี้
- ลดผิวเปลือกส้มด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน
หากต้องการลดผิวเปลือกส้ม การปรับพฤติกรรมการกิน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดไขมันและยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ควรเลือกทานอาหารให้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โปรตีนไขมันต่ำ ไขมันดี ผัก และผลไม้ หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีพลังงานและน้ำตาลที่สูง และควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อช่วยกระตุ้นการขับของเสีย กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต และลดอาการบวมน้ำใต้ผิว ให้ผิวดูชุ่มชื้น เรียบเนียนขึ้น
- ลดผิวเปลือกส้มด้วยการออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย ถือเป็นวิธีลดผิวเปลือกส้มที่ได้ผลดี ทั้งยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันสะสมกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด พร้อมช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 3–5 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30–45 นาที อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยกระชับสัดส่วนและผิวที่หย่อนคล้อย
- ลดผิวเปลือกส้มด้วยการนวดและกระตุ้นการไหลเวียน
การนวด สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยลดการคั่งของของเหลวใต้ผิว ลดอาการบวมของผิว ให้ผิวดูยืดหยุ่นและกระชับขึ้น และช่วยลดเลือนผิวเปลือกส้มให้ดูจางลงได้
- ลดผิวเปลือกส้มด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์มากมายที่ช่วยลดปัญหาผิวเปลือกส้ม เช่น เทคโนโลยี RF (Radio Frequency) ที่ช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนพร้อมยกกระชับผิว ลดการเกิดผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล
- ลดผิวเปลือกส้มด้วยการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการสครับผิวและทาครีมบำรุง สามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเรียบเนียน กระชับ พร้อมลดเลือนรอยต่าง ๆ ได้ และการพักผ่อนให้เพียงพอสามารถช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีลดผิวเปลือกส้มด้วยการกิน มีอะไรบ้าง?
วิธีลดผิวเปลือกส้ม (Cellulite) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว อาหารก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยลดการสะสมไขมันใต้ชั้นผิว ทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้กลับมาเรียบเนียนขึ้น โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีเหมาะสมจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยลดการคั่งของน้ำและของเสียภายในเนื้อเยื่อ รวมถึงยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงช่วยลดผิวเปลือกส้ม
วิตามินซี มีบทบาทสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้น ลดปัญหารอยบุ๋มจากผิวเปลือกส้ม ให้ผิวดูเรียบเนียน นอกจากนี้วิตามินซียังมีสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ พร้อมชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวอีกด้วย ซึ่งผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม มะนาว สตรอเบอร์รี่ และกีวี
- อาหารที่มีโอเมก้า 3 และกรดไขมันดีช่วยลดผิวเปลือกส้ม
อาหารที่มีโอเมก้า 3 หรือมีกรดไขมันที่ดี จะช่วยเสริมความยืดหยุ่นของผิว ให้ผิวดูเรียบเนียน ทั้งยังช่วยลดการอักเสบในเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวให้ผิวแข็งแรงขึ้น โดยอาหารที่มีโอเมก้า 3 และกรดไขมันดี เช่น แซลมอน ทูน่า อะโวคาโด ถั่วอัลมอนด์ และน้ำมันมะกอก
- อาหารที่มีใยอาหารสูงช่วยลดผิวเปลือกส้ม
ใยอาหารสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลระบบขับถ่าย และช่วยลดการสะสมของไขมันได้ จึงลดโอกาสในการเกิดผิวเปลือกส้ม โดยอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียว ถั่ว และผลไม้ทั้งเปลือก
- อาหารที่มีโพแทสเซียมสูงช่วยลดผิวเปลือกส้ม
โพแทสเซียม สามารถช่วยขับโซเดียมส่วนเกินและลดการบวมน้ำในร่างกาย ทำให้ผิวไม่บวมและดูเรียบเนียนมากขึ้น โดยอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย มันเทศ แตงโม มะเขือเทศ และโยเกิร์ต
- ดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยลดผิวเปลือกส้ม
น้ำ เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก ทั้งช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดการคั่งของของเสียภายในเนื้อเยื่อ ให้ผิวดูชุ่มชื้น แลดูสุขภาพดี ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสและดูชุ่มชื้นขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการเกิดเซลลูไลท์
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่สามารถกระตุ้นการเกิดเซลลูไลท์ได้ง่าย เช่น อาหารที่มีไขมันทรานส์สูง ของทอด อาหารแปรรูป น้ำตาลและขนมหวาน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่มีโซเดียมสูง หรืออาหารเค็มจัด เพราะอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นการสะสมไขมันและทำให้บวมน้ำมากขึ้น
วิธีลดผิวเปลือกส้มด้วยการออกกำลังกาย ทำอย่างไรให้เห็นผล
การออกกำลังกาย เป็นอีกหนึ่งวิธีลดผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ได้อย่างยั่งยืน เพราะการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย พร้อมเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ให้ผิวดูกระชับลดการสะสมไขมัน ที่อาจก่อให้เกิดผิวเปลือกส้ม ซึ่งวิธีลดผิวเปลือกส้มด้วยการออกกำลังกาย มีดังนี้
- ท่าออกกำลังกายกระชับสัดส่วน ลดผิวเปลือกส้ม
บริเวณต้นขาและสะโพกเป็นจุดที่สามารถเกิดผิวเปลือกส้มได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น ซึ่งการออกกำลังกายเฉพาะส่วน จะสามารถช่วยกระชับกล้ามเนื้อและลดไขมันสะสมส่วนเกินได้ โดยการออกกำลังกายกระชับต้นขาและสะโพก สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การ Squat (สควอท) การ Lunge (ลันจ์) และการ Glute Bridge โดยทำท่าละ 15–20 ครั้ง ต่อเซต ประมาณ 2–3 เซต เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ และกระชับสัดส่วนได้ดี
- คาร์ดิโอช่วยลดผิวเปลือกส้ม
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio Exercise) เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานดีขึ้น เช่น เดินเร็ว วิ่งเบา ๆ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก แนะนำให้ทำคาร์ดิโอประมาณ 30–45 นาที ต่อครั้ง สัปดาห์ละ 3–5 วัน อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ผิวดูเรียบและกระชับขึ้น ทั้งยังช่วยลดไขมัน ลดการเกิดผิวเปลือกส้มได้อีกด้วย
- โยคะและพิลาทิสช่วยให้ผิวกระชับ ลดผิวเปลือกส้ม
โยคะและพิลาทิส เป็นการออกกำลังกายที่เน้นไปที่การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ และการควบคุมลมหายใจ สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวดูกระชับเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์ โดยท่าที่แนะนำในการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เช่น Downward Dog (โยคะ) Leg Circles (พิลาทิส) และ Bridge Pose

วิธีลดผิวเปลือกส้มด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์
นอกจากการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารแล้ว ในปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่สามารถช่วยลดผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ได้ ซึ่งการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่นิยมใช้ในการลดผิวเปลือกส้มมีหลายชนิด เช่น
- Oligio Body ลดผิวเปลือกส้ม
Oligio Body เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยดูแลรูปร่างและผิวกายอย่างครบวงจร ทั้งในด้านการยกกระชับผิว ลดไขมันเฉพาะส่วน และลดการเกิดผิวเปลือกส้ม โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar Radiofrequency (RF) ที่ความถี่ 6.78 MHz ที่สามารถลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ จัดระเบียบเส้นใยคอลลาเจนให้แข็งแรงและเรียงตัวดีขึ้น พร้อมช่วยลดไขมันสะสมใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ลดผิวเปลือกส้ม ให้ผิวแน่นกระชับมากขึ้น
- Duo Slim Max ลดผิวเปลือกส้ม
Duo Slim Max เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยดูแลรูปร่างและผิวกายแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยผสานการทำงานของคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency : RF) เข้ากับพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Fat)
จึงช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะส่วน กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ให้ผิวดูแน่นกระชับ และดูเรียบเนียนขึ้น Duo Slim Max สามารถช่วยทั้งลดไขมัน ยกกระชับผิว และลดผิวเปลือกส้มไปพร้อมกัน
- Fit Shape Body ลดผิวเปลือกส้ม
Fit Shape Body เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกระชับผิว ลดผิวเปลือกส้ม โดยการใช้เทคโนโลยี Capacitive Resistive Monopolar Radiofrequency (CRMRF) ในความถี่ 448 kHz ซึ่งเป็นค่าความถี่ที่เสถียรและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ พร้อมฟื้นฟูสมดุลของเซลล์ผิว กระชับผิว ลดเลือนผิวเปลือกส้ม และกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง ทั้งยังสามารถช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
การทำหัตถการควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ก่อนเข้ารับบริการควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินระดับของผิวเปลือกส้มของแต่ละบุคคล และเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
วิธีลดผิวเปลือกส้มด้วยการนวด ทำได้จริงไหม?
การนวดไม่สามารถช่วยลดผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ได้ทั้งหมด แต่การนวดสามารถช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองให้ทำงานได้ดีขึ้น จึงส่งผลให้ร่างกายสามารถขับของเสียออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับมากขึ้น ช่วยลดเลือนผิวเปลือกส้มให้ดูจางลง
ควรออกกำลังกายลดผิวเปลือกส้มบ่อยแค่ไหนถึงเห็นผล
หากต้องการลดผิวเปลือกส้มให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ โดยทั่วไปควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3–5 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยสามารถทำสลับระหว่างการคาร์ดิโอและการเวทเทรนนิ่ง หรือการลดไขมันเฉพาะส่วน หากทำต่อเนื่องประมาณ 4-8 สัปดาห์ จะสังเกตได้ว่าไขมันลดลง สัดส่วนดูเล็กลง และผิวดูกระชับขึ้น รอยบุ๋มและผิวเปลือกส้มดูจางลง ทั้งนี้ ควรออกกำลังกายร่วมกับการควบคุมอาหารเพื่อช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ผิวเป็นคลื่น ๆ เกิดจากอะไร?
ผิวเปลือกส้ม มักจะมีอาการที่ชัดเจน คือ ผิวเป็นคลื่น ๆ หรือเป็นรอยบุ๋ม โดยเฉพาะบริเวณต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง โดยมักจะเกิดจากไขมันสะสมใต้ผิวหนัง (Cellulite) และโครงสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวอ่อนตัวลง ทำให้เมื่อไขมันดันขึ้นสู่ผิวชั้นบน แต่เส้นใยที่ยึดผิวไว้ไม่แข็งแรงเพียงพอ จึงทำให้ผิวเกิดคลื่นหรือรอยบุ๋มที่ชัดเจน โดยเฉพาะเวลายืนหรือเกร็งกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ผิวเป็นคลื่น เช่น
- ผิวขาดน้ำ ผิวที่สูญเสียความชุ่มชื้น จะทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และส่งผลให้มองเห็นรอยคลื่นของผิวเปลือกส้มที่ชัดเจน
- ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนไม่ดี อาจส่งผลให้เกิดของเสียที่คั่งค้างอยู่ภายในเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวดูบวมเป็นคลื่นและไม่เรียบเนียน
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง หากกล้ามเนื้อไม่ค่อยได้ใช้งานอาจทำให้ผิวดูหย่อนคล้อยและไม่เรียบเนียนได้ โดยเฉพาะบริเวณต้นขาและสะโพก
- การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะยิ่งสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเป็นคลื่น
ทำไมต้นขาถึงมีเซลลูไลท์เยอะมาก?
บริเวณต้นขา เป็นบริเวณที่ร่างกายกักเก็บไขมันไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะในเพศหญิงที่มีฮอร์โมนเอสโทรเจนสูง ซึ่งไขมันสะสมใต้ผิวหนังบริเวณนี้มักทำให้เกิดผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์เป็นจำนวนมาก อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไขมันสะสมเฉพาะจุด โครงสร้างของเนื้อเยื่อผู้หญิง การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองที่ไม่ดี การนั่งนาน ๆ ไม่ค่อยขยับตัว ขาดการออกกำลังกาย รวมถึงการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดรูป ที่อาจทำให้ไขมันใต้ชั้นผิวเกิดการขึ้นมาบนผิวจนสามารถเห็นเป็นคลื่น ๆ หรือเป็นรอยบุ๋ม แบบผิวเปลือกส้มที่ต้นขาชัดกว่าจุดอื่นบนร่างกาย
ผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ มักเกิดจากไขมันสะสมและการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว และยังสามารถเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน แม้ไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจ ซึ่งวิธีลดผิวเปลือกส้มสามารถลดได้ด้วยการดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และการใช้เทคโนโลยีในทางการแพทย์เป็นตัวช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้นได้
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

