ริ้วรอยเป็นปัญหาผิวที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนเกิดความกังวล แต่ในปัจจุบันการมีริ้วรอยไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป เนื่องจากริ้วรอยเหล่านี้สามารถดูแล และรับมือได้หลายวิธี บทความนี้ จะพาทุกคนมาเจาะลึกทุกแง่มุมเกี่ยวกับการดูแลผิวลดริ้วรอย ทั้งการดูแลตัวเองจากภายใน และภายนอก เพื่อให้ผิวกลับมาดูอ่อนกว่าวัย และสุขภาพดีจากภายในอีกครั้ง

การดูแลผิวลดริ้วรอยด้วยตัวเอง
การดูแลผิวลดริ้วรอยสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งโดยส่วนใหญ่วิธีที่นิยมลดริ้วรอยด้วยตัวเอง มีดังนี้
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็น Vitamin C ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นคอลลาเจน ลดเลือนจุดด่างดำ และเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว, Vitamin E ที่มีคุณสมบัติเสริมความแข็งแรงให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย, Retinol ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดการสร้างเม็ดสี และลดเลือนริ้วรอย, Peptides ที่มีคุณสมบัติเสริมความยืดหยุ่นให้ผิว กระตุ้นคอลลาเจน และปลอบประโลมผิว, Niacinamide ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ปรับผิวให้เรียบเนียน และเสริมเกราะป้องกันผิว รวมถึง Hyaluronic Acid ที่มีคุณสมบัติเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เสริมความยืดหยุ่น และป้องกันการสูญเสียน้ำ
นอกจากนี้การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากรังสี UVA และ UVB จากแสงแดด สามารถทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนังได้ ดังนั้นการใช้ครีมกันแดดจึงเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ไม่เพียงแต่ปกป้องผิวจากแสงแดด แต่ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
- รับประทานอาหารเสริม
การรับประทานอาหารเสริมบำรุงผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรเลือกอาหารเสริมสูตรต้านอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็น Vitamin C ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นคอลลาเจน ลดเลือนจุดด่างดำ และเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว, Collagen ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นคอลลาเจน เสริมความยืดหยุ่นให้ผิว และป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย, Astaxanthin ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และชะลอความเสื่อมของร่างกาย, Coenzyme Q10 ที่มีคุณสมบัติชะลอการเกิดริ้วรอย และกระตุ้นคอลลาเจน รวมถึง Zinc ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวที่ได้รับความเสียหายจากอนุมูลอิสระ และฟื้นฟูบาดแผล
ทั้งนี้ตามการรับประทานอาหารเสริมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรใช้ควบคู่กับการบำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง เช่น การทาสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ และการดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ผลลัพธ์มีความยั่งยืนในระยะยาว
- นวดหน้า
การนวดหน้า เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรนวดหน้าด้วยเทคนิคที่ถูกต้องตามทิศทางที่เหมาะสม และเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับนวดหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่มีสิวอักเสบ หรือแผลเปิด ซึ่งการนวดหน้าที่ถูกวิธีจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด และส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น สดใส และเปล่งปลั่ง รวมถึงช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งบนใบหน้า ทำให้ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าดูลดลง อีกทั้งยังช่วยเสริมการดูดซึมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทำให้ผลลัพธ์จากการบำรุงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ทำทรีตเมนต์
การทำทรีตเมนต์ผิวหน้า เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรเลือกทรีตเมนต์ประเภทกระตุ้นคอลลาเจน หรือผลัดเซลล์ผิว ซึ่งควรทำอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น โดยในปัจจุบันการทำทรีตเมนต์มีให้เลือกอย่างหลากหลายที่ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผลักดันเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น กระชับ สดใส เปล่งปลั่ง และดูสุขภาพดีมากขึ้น

การดูแลผิวลดริ้วรอยด้วยหัตถการ
การดูแลผิวลดริ้วรอยสามารถทำได้หลายหัตถการ ขึ้นอยู่กับลักษณะของริ้วรอย และสภาพผิวแต่ละบุคคล ซึ่งโดยส่วนใหญ่หัตถการที่นิยมลดริ้วรอย มีดังนี้
- ทำเลเซอร์
การทำเลเซอร์ผิวหน้า เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรเลือกเลเซอร์ประเภทกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ หรือกระตุ้นคอลลาเจน เช่น Fractional Laser, IPL หรือ YAG Laser ซึ่งควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น โดยในปัจจุบันการทำเลเซอร์มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีกลไกการทำงาน และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปการทำเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ลดการสร้างเม็ดสี และกระชับรูขุมขน ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทเลเซอร์ สภาพผิวแต่ละบุคคล และความถี่ในการทำ
- ทำเครื่องยกกระชับ
การทำเครื่องยกกระชับใบหน้า เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรเลือกเครื่องยกกระชับประเภทที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (High-Intensity Focused Ultrasound) หรือคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ซึ่งควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น โดยในปัจจุบันการทำเครื่องยกกระชับมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีกลไกการทำงาน และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปการทำเครื่องยกกระชับจะช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติน รวมถึงปรับผิวให้เรียบเนียน ลดไขมันสะสมบนใบหน้า และยกกระชับผิวให้เต่งตึง ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องยกกระชับ สภาพผิวแต่ละบุคคล และความถี่ในการทำ
- ร้อยไหม
การร้อยไหม เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรเลือกไหมละลายที่เหมาะกับสภาพผิว ซึ่งในปัจจุบันการร้อยไหมมีให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยไหมแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะของเส้นไหม คุณสมบัติ และเทคนิคการร้อยที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปการร้อยไหมจะช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย ปรับกรอบหน้าให้คมชัด และลดความหย่อนคล้อยของผิว รวมถึงกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินรอบแนวเส้นไหม ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะเส้นไหม สภาพผิวแต่ละบุคคล และเทคนิคของแพทย์
- ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข ซึ่งในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์มีให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยฟิลเลอร์แต่ละชนิดก็จะมีเนื้อสัมผัส และคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งโดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนัง เช่น ริ้วรอย รวมถึงร่องลึกที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของชั้นไขมัน และชั้นกระดูก อีกทั้งยังช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้สมดุล และดูมีมิติมากขึ้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ เนื้อฟิลเลอร์ สภาพผิวแต่ละบุคคล และเทคนิคของแพทย์
- ฉีดโบ
การฉีดโบ เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดริ้วรอย โดยควรเลือกโบที่เหมาะกับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข ซึ่งในปัจจุบันการฉีดโบมีให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยโบแต่ละยี่ห้อก็จะมีการกระจายตัว ขนาดโมเลกุล และความบริสุทธิ์ของตัวยาที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปการฉีดโบจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่มีการแสดงอารมณ์ หรือแสดงสีหน้าเป็นประจำ เช่น หน้าผาก หางตา หรือระหว่างคิ้ว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน เต่งตึง และริ้วรอยดูลดลง อีกทั้งยังช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม และยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลง และสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ได้ ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบ สภาพผิวแต่ละบุคคล และเทคนิคของแพทย์
เจาะลึกริ้วรอยคืออะไร?
ริ้วรอย (Wrinkles) คือ ปัญหาผิวรูปแบบหนึ่งที่มีลักษณะเป็นเส้นริ้วเล็ก ๆ หรือร่องลึกเกิดขึ้นบนผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิวตามวัย ทั้งคอลลาเจน และอีลาสติน รวมถึงปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย เช่น แสงแดด มลภาวะ พักผ่อนไม่เพียงพอ เครียดสะสม สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ สูญเสียความยืดหยุ่น และขาดความกระชับได้ง่าย โดยจะพบได้บ่อยในตำแหน่งที่มีแสดงสีหน้าเป็นประจำ เช่น หน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว หรือร่องแก้ม

ตำแหน่งที่พบริ้วรอยบ่อย
ตำแหน่งที่พบริ้วรอยบ่อย โดยส่วนใหญ่จะเห็นได้ชัดในตำแหน่งที่มีการแสดงสีหน้าเป็นประจำ ดังนี้
- หน้าผาก
หน้าผาก เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่พบริ้วรอยได้บ่อย เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินจะลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังเกิดจากการแสดงสีหน้าเป็นประจำ เช่น ยกคิ้ว หรือเลิกคิ้ว ทำให้กล้ามเนื้อหน้าผากหดตัว จนเกิดเป็นรอยพับ และเส้นริ้วเล็ก ๆ บนผิว ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้อาจเปลี่ยนเป็นร่องลึกได้ หากไม่ใส่ใจดูแลผิวอย่างเหมาะสม
- ระหว่างคิ้ว
ระหว่างคิ้ว เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่พบริ้วรอยได้บ่อย เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินจะลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังเกิดจากการแสดงสีหน้าเป็นประจำ เช่น ขมวดคิ้ว ทำให้กล้ามเนื้อระหว่างคิ้วหดตัว จนเกิดเป็นรอยพับ และรอยย่นบนผิว ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้อาจเปลี่ยนเป็นร่องลึกได้ หากไม่ใส่ใจดูแลผิวอย่างเหมาะสม
- หางตา
หางตา เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่พบริ้วรอยได้บ่อย เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินจะลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังเกิดจากการแสดงสีหน้าเป็นประจำ เช่น หัวเราะ หรือยิ้ม ทำให้กล้ามเนื้อหางตาหดตัว จนเกิดเป็นรอยพับ และเส้นริ้วเล็ก ๆ บนผิว ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้อาจเปลี่ยนเป็นร่องลึกได้ หากไม่ใส่ใจดูแลผิวอย่างเหมาะสม
- ร่องแก้ม
ร่องแก้ม เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่พบริ้วรอยได้บ่อย เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินจะลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังเกิดจากแสดงสีหน้าเป็นประจำ เช่น พูดคุย ยิ้ม หรือหัวเราะ ทำให้ผิวบริเวณร่องแก้มถูกพับซ้ำ ๆ จนมีเส้นริ้วบาง ๆ เกิดขึ้นบนผิว ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้อาจเปลี่ยนเป็นร่องลึกได้ หากไม่ใส่ใจดูแลผิวอย่างเหมาะสม
- รอบริมฝีปาก
รอบริมฝีปาก เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่พบริ้วรอยได้บ่อย เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินจะลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังเกิดจากพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ เช่น สูบบุหรี่ เม้มปาก หรือใช้หลอดดูดน้ำ ทำให้ผิวบริเวณรอบริมฝีปากถูกพับซ้ำ ๆ จนมีเส้นริ้วบาง ๆ เกิดขึ้นบนผิว ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้อาจเปลี่ยนเป็นร่องลึกได้ หากไม่ใส่ใจดูแลผิวอย่างเหมาะสม
- ลำคอ
ลำคอ เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่พบริ้วรอยได้บ่อย เนื่องจากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินจะลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังเกิดจากพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ เช่น ก้มหน้า นอนตะแคง หรือนอนคว่ำ ทำให้ผิวบริเวณลำคอถูกพับซ้ำ ๆ จนมีเส้นริ้วบาง ๆ เกิดขึ้นบนผิว ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้อาจเปลี่ยนเป็นร่องลึกได้ หากไม่ใส่ใจดูแลผิวอย่างเหมาะสม

สาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอย
สาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
- อายุมากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินของร่างกายจะลดลงเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ย 1 – 1.5% ต่อปี และเริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ความกระชับ และความชุ่มชื้น อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงตามวัยยังทำให้ชั้นไขมันใต้ผิว และชั้นกระดูกค่อย ๆ ยุบตัวลง จึงทำให้ผิวขาดโครงสร้างรองรับ จนเกิดการหย่อนคล้อย รวมถึงมีริ้วรอย และร่องลึกที่เห็นได้ชัดมากขึ้น
- ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
ฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างของผิวหนัง โดยเฉพาะในผู้หญิงช่วงวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน ซึ่งระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนังลดลงตามไปด้วย ทำให้โครงสร้างผิวบางลง สูญเสียความกระชับ และความยืดหยุ่น จนเกิดปัญหาริ้วรอย และร่องลึกที่มองเห็นได้ชัดเจน
- การแสดงสีหน้า
เมื่อมีการขยับใบหน้าบ่อย ๆ เช่น เวลายิ้ม หัวเราะ พูดคุย ขมวดคิ้ว ยกคิ้ว หรือเลิกคิ้ว กล้ามเนื้อบนใบหน้าจะเกิดการหดเกร็งซ้ำ ๆ ส่งผลให้ผิวหนังถูกพับ จนค่อย ๆ เกิดเป็นริ้วรอย และร่องลึกที่เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งมักพบได้บ่อยในตำแหน่งที่มีการแสดงสีหน้าเป็นประจำ เช่น หน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว หรือร่องแก้ม
- ผิวขาดการบำรุง
เมื่อผิวขาดการบำรุง หรือบำรุงผิวผิดวิธี เช่น ขัดผิวบ่อย สครับผิวบ่อย ล้างหน้ารุนแรง ไม่ทามอยส์เจอไรเซอร์ หรือใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว อาจทำให้เกราะป้องกันผิวบอบบาง และอ่อนแอลง รวมถึงทำให้กระบวนการฟื้นฟูเซลล์ผิวช้าลงตามไปด้วย ส่งผลให้ผิวเกิดความแห้งตึง สูญเสียความยืดหยุ่น และขาดความกระชับ จนเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าผิวที่ได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ
- แสงแดด และรังสี UV
การเผชิญแสงแดดเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้การผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากรังสี UVA และ UVB จากแสงแดด สามารถกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ที่เรียกว่า Matrix Metalloproteinases (MMPs) ซึ่งมีบทบาทในการทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง อีกทั้งยังเร่งการสร้างอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ สูญเสียความยืดหยุ่น ขาดความกระชับ และไม่ชุ่มชื้น จนเกิดปัญหาริ้วรอยที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
- มลภาวะในชีวิตประจำวัน
การเผชิญกับมลภาวะอย่างต่อเนื่อง เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมี หรือสิ่งสกปรกในอากาศ สามารถทำให้คอลลาเจน และอีลาสตินเสื่อมสภาพลง เนื่องจากมลภาวะเหล่านี้ จะมีอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระ และกระตุ้นกระบวนการอักเสบในร่างกาย ทำให้เกราะป้องกันผิวบอบบาง และอ่อนแอ จนส่งผลให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
- ความเครียดสะสม
การมีความเครียดสะสมเป็นประจำ ร่างกายจะเกิดการหลั่งฮอร์โมนที่เรียกว่าคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้คอลลาเจน และอีลาสตินเสื่อมสภาพลง รวมถึงกระตุ้นกระบวนการอักเสบในร่างกาย และกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ สูญเสียความยืดหยุ่น และไม่กระชับ จนเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
การพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้เซลล์ผิวเกิดกระบวนฟื้นฟูตัวเองช้าลง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้การผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินลดลงตามไปด้วย ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ สูญเสียความยืดหยุ่น และขาดความกระชับ จนมีริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่าย
- ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
การดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่มากเกินไป จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระ และทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และสูญเสียความยืดหยุ่นได้ง่าย รวมทั้งยังรบกวนการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวได้รับออกซิเจน และสารอาหารน้อยลง ส่งผลให้โครงสร้างผิวบอบบาง อ่อนแอ สูญเสียความยืดหยุ่น และไม่กระชับ จนมีริ้วรอยเกิดขึ้นอย่างชัดเจน

การป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
การป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการปรับพฤติกรรม และการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้
- ทาครีมกันแดดทุกวัน ซึ่งเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างมากในการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ที่เป็นตัวการในการทำร้ายผิว โดยแนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA +++
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และต้านอนุมูลอิสระ เช่น Vitamin C หรือ Hyaluronic Acid รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้ารุนแรง สครับผิวบ่อย หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว เพื่อป้องกันผิวแห้งตึง และลดโอกาสการเกิดริ้วรอย
- รับประทานวิตามิน หรืออาหารเสริม โดยเลือกอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารอื่น ๆ ที่ช่วยป้องกันความเสื่อมสภาพของผิว เช่น Vitamin C, Astaxanthin หรือ Coenzyme Q10 ควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองในด้านอื่น ๆ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ใช้สกินแคร์บำรุงผิว และพักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำเป็นประจำ โดยแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 7 – 8 แก้ว เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ และทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากขึ้น รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีน้ำตาลสูง เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- พักผ่อนให้เพียงพอ โดยแนะนำให้นอนหลับอย่างน้อยวันละ 7 – 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งควรเข้านอน และตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้ร่างกายปรับเข้าสู่วงจรการนอนหลับตามธรรมชาติ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยแนะนำให้ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง เป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดฮอร์โมนคอร์ติซอล และทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีมากขึ้น รวมทั้งควรยืดกล้ามเนื้อ ทั้งก่อน และหลังออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยสารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของผิว และต้านอนุมูลอิสระ เช่น อาหารที่มี Vitamin C, Vitamin E, Omega 3 หรือ Beta Carotene เพื่อบำรุงผิวจากภายใน และป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
จะเห็นได้ว่า การดูแลผิวลดริ้วรอยสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งจะต้องอาศัยความสม่ำเสมอ และความต่อเนื่องในการดูแลตัวเอง ทั้งจากภายใน และภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การรับประทานอาหารเสริม การนวดหน้า การทำทรีตเมนต์ หรือแม้แต่การทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น การทำเลเซอร์ การทำเครื่องยกกระชับ การฉีดฟิลเลอร์ หรือการฉีดโบ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดริ้วรอยเพิ่มขึ้น เช่น แสงแดด มลภาวะ พักผ่อนน้อย ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผิว และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

