ฝ้าบนใบหน้า สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศไม่ว่าจะเพศหญิง หรือเพศชาย แต่โดยส่วนใหญ่เรามักจะพบว่าเพศหญิงมีโอกาสเกิดฝ้าได้มากกว่าเพศชายด้วยปัจจัยหลายด้าน อาทิ หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่กินยาคุมกำเนิดก็มักจะมีฝ้าขึ้นปริมาณมาก เพราะฮอร์โมนเพศในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง กระตุ้นทำให้การผลิตเม็ดสีผิวมีความผิดปกติขึ้นได้ หรือในกรณีที่มีการแพ้สารเคมีบางชนิดจากเครื่องสำอางที่มักมีสารเคมีต้องห้ามปะปนในการผลิตบ่อยๆ เหล่านี้คือปัญหาการเกิดฝ้าที่ผู้หญิงต้องพึงระวังค่ะ
สำหรับคุณผู้ชาย แม้โอกาสเกิดฝ้าจะน้อยกว่าผู้หญิง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรมองข้ามนะคะ และหากคุณผู้ชายที่กำลังประสบปัญหาเรื่องฝ้าบนใบหน้าอยู่เราก็มีวิธีรักษาฝ้า แบบแมนๆ มาฝากค่ะ
สาเหตุการเกิดฝ้าในผู้ชาย
ผู้ชายที่เป็นฝ้า โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเผชิญแสงแดดโดยตรงและไม่มีการป้องกันใบหน้าจากแสงแดด เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ชอบบำรุงผิวหรือทาครีมกันแดด ไม่กางร่ม (อันนี้หนุ่มๆ เค้าแอบกระซิบว่ากลัวไม่แมน) นอกจากนี้ ความเสื่อมของร่างกาย คือ ความสามารถในการย่อยอาหารลดลง การดูดซึมสารอาหาร ตลอดจนการขับถ่ายของเสีย หากการทำงานของระบบทางเดินอาหารเสื่อมลง แสดงว่าสภาวะสภาพของร่างกายเริ่มเสื่อม ทำให้ส่งผลต่อสภาพผิว ผิวจึงเสื่อม จนเกิดรอยฝ้าในผู้ชายได้ค่ะ
ผู้ชายควรป้องกันฝ้าด้วยวิธีไหนดี?
1. ทาครีมกันแดดให้เป็นนิสัย
การเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดโดยตรงเป็นหนึ่งในการป้องกันฝ้าที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวันมากที่สุดค่ะเนื่องจากรังสีอัลตราไวโอเลตทั้ง ยูวีเอ (UVA) ยูวีบี (UVB) หรือแสงที่ตามองเห็นได้ (Visible Light) อาจกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิดฝ้าได้
![](https://www.romrawinclinic.com/wp-content/uploads/2019/02/shutterstock_245173060-1024x681.jpg)
คุณผู้ชายควรหาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA++++ และควรทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดดีขึ้น ซึ่งตัวเลขค่าเอสพีเอฟนี้ จะเป็นค่าที่บ่งบอกว่าครีมมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงมีสารป้องกันแดดแบบกายภาพเป็นส่วนประกอบ เช่น ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) หรือ ซิงค์ ออกไซด์ (Zinc Oxide) ซึ่งช่วยสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากระทบจากผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ควรทาครีมกันแดดทุกวันก่อนออกจากบ้าน หรือก่อนไปยังสถานที่ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง เพื่อป้องกันผิวหนังถูกทำร้ายจนคล้ำ และรักษาฝ้า กระที่อาจจะเกิดขึ้น ในช่วงที่มีแดดแรงควรมีการปกป้องผิวอีกชั้นเมื่อต้องเจอกับแสงแดดแรงโดยตรงบริเวณใบหน้า เช่น การกางร่ม สวมหมวก หรือสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังได้อย่างมิดชิดค่ะ
2. ทำความสะอาดผิวหน้า
ผิวหน้าที่ถูกมลภาวะ ฝุ่นควัน จะส่งผลให้ผิวหน้าเกิดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดขึ้นบนใบหน้าของคุณผู้ชายได้ค่ะ จึงควรทำความสะอาดใบหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อรักษาฝ้า กระที่เกิดขึ้นโดยเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของคุณผู้ชายดังนี้ค่ะ
ผู้ชายผิวหน้ามัน : ไม่ควรเลือกโฟมล้างหน้าที่ล้างแล้วรู้สึกว่าใบหน้าแห้งไม่เหลือความชุ่มชื้น ควรเลือกซื้อโฟมล้างหน้าแบบที่มีคำว่า ออยล์โซลูชั่น หรือ สูตรควบคุมความมัน
ผู้ชายผิวหน้าผสม : ผิวผสมสามารถเลือกใช้ได้หลายประเภทมากกว่าผิวประเภทอื่นๆ แต่ต้องเลือกโฟมล้างหน้า หรือครีมโฟมล้างหน้าที่ถนอมผิว
ผู้ชายผิวหน้าแห้ง/ผิวบอบบางแพ้ง่าย : เป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้นเพราะไม่ค่อยมีไขมันตามธรรมชาติ ควรเลือกใช้ครีมล้างหน้า หรือครีมโฟมล้างหน้าที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ผสมอยู่
วิธีรักษาฝ้าแบบผู้ชาย
ดูแลตัวเอง
การดูแลตัวเองจากภายใน อย่างการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ การดื่มน้ำสะอาด ผ่อนคลายความเครียด และออกกำลังกาย จะช่วยให้ภายในร่างกายดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณแข็งแรงขึ้น อีกทั้งช่วยลดรอยดำ รักษาฝ้า กระ ให้ค่อยๆ เบาบางลงได้เป็นอย่างดีค่ะ โดยมีคำแนะนำในการดูแลตัวเองของคุณผู้ชายเพื่อการรักษาฝ้า ดังนี้ค่ะ
![](https://www.romrawinclinic.com/wp-content/uploads/2019/02/shutterstock_132261116-1024x683.jpg)
- ทานผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซี เพื่อช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดฝ้า ได้แก่ ส้ม มะนาว แอปเปิ้ลเขียว พืชตระกูลเบอรี่ เป็นต้น
- ผักใบเขียวที่มีสารเบต้าแคโรทีน อย่าง บล็อคโคลี คะน้า ผักโขม ลดการอักเสบของผิวหนัง และไปยับยั้งการเกิดสิว ฝ้า กระ ได้ค่ะ
- ทานอาหารจำพวกวิตามินบี12 ได้แก่ ตับ ไข่แดง เนื้อสัตว์ นม ชีส จะช่วยป้องกันการเกิดฝ้า
- ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ขับล้างสารพิษในร่างกาย ผิวพรรณจะสดใสฝ้าดูจางลง
- ผ่อนคลายความเครียด ด้วยการทำสมาธิ อ่านหนังสือ แช่น้ำ จะช่วยผ่อนคลาย ลดการผลิตฮอร์โมนและเมลานินซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฝ้า
- ออกกำลังกายวันละ 30 นาที เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ผิวพรรณ และร่างกายแข็งแรง ต่อสู้กับอนุมูลอิสระเพื่อลดรอยฝ้า
ใช้ครีมรักษาฝ้าที่ได้มาตรฐาน
การเลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA วิตามินซี อาร์บูติน (Arbutin) กรดโคจิก (Kojic) รวมไปถึงครีมทาฝ้า ครีมแก้ฝ้า หรือครีมรักษาฝ้า กระต่างๆ ก็ช่วยทำให้ฝ้าจางลง และทำให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้นได้ แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลานิดนึงนะคะ หรือลองเลือกครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากสมุนไพรที่จะช่วยให้รอยฝ้าจางลงได้อย่างปลอดภัย มากกว่าการใช้สารเคมีอย่างครีมหน้าขาว หรือครีมทาฝ้าตามท้องตลาดที่จะแอบใส่สารปรอท หรือสารไฮโดรคิวโนนในปริมาณมากทำให้ฝ้าจางไวกว่าปกติ แต่เมื่อหยุดใช้ หน้าจะพัง และฝ้าฝังลึกกว่าเดิม
ควรทดสอบครีมก่อนใช้ด้วยการป้ายครีมที่ใต้คาง ท้องแขน เพื่อทดสอบอาการแพ้ การเลือกครีมรักษาฝ้า กระที่ดีควรเลือกครีมรักษาฝ้า กระที่ได้มาตราฐาน ปลอดภัย ด้วยการรับรองจาก อย. ค่ะ
เลเซอร์รักษาฝ้าผู้ชาย
![](https://www.romrawinclinic.com/wp-content/uploads/2019/02/shutterstock_189645413-1024x682.jpg)
การทำเลเซอร์ คือการรักษาผิวหน้าอีกทางที่จะช่วยรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ต่างๆ ให้หายขาดได้ ถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่คนปัจจุบันนิยมทำกัน โดยการส่งพลังงานที่เหมาะสม เพื่อตอบโจทย์การรักษาฝ้าได้อย่างตรงจุด ในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ระดับ picosecond หรือ 1 ในล้านล้านวินาที ลงไปใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้า ทำให้เม็ดสีที่รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนใต้ผิวแตกกระจายออกเป็นเม็ดละเอียดๆ ทันที โดยไม่เกิดความร้อน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียง และที่สำคัญคือช่วยลดความเจ็บ อาจจะสังเกตได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ช่วยลดปัญหาการกลับมาเป็นฝ้าซ้ำ และพลังงานเลเซอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เปลี่ยนหน้าหมองคล้ำให้กลับเป็นกระจ่างใสได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ