เมื่ออายุมากขึ้น หลายๆอย่างบนร่างกายก็เปลี่ยนไป รวมทั้งใบหน้าที่เริ่มหย่อนคล้อยลงตามกาลเวลา เริ่มมีริ้วรอย ร่องลึกเกิดขึ้น เกิดจากโครงสร้างกระดูกที่ทรุดตัวลง และปริมาณของคอลลาเจนที่ลดลงไปเรื่อยๆตามวัย เทคโนโลยีทางการแพทย์จึงมีการคิดค้นให้มีความใหม่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนำมาแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าที่เกิดขึ้น สำหรับเทคโนโลยีใหม่ในการยกกระชับที่กำลังเป็นที่น่าสนใจในช่วงนี้คือ Oligio X โปรแกรมยกกระชับผิว ด้วย คลื่นวิทยุชนิด Monopolar Radiofrequency (RF) ที่พัฒนาขึ้นจาก Oligio เดิม เพิ่มพลังการยกกระชับที่ดีกว่าและสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการได้มากกว่า

OligioX คืออะไร
OligioX ออกแบบมาเพื่อช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวอย่างล้ำลึก ด้วยความถี่สูง 6.78 MHz ± 1% และมีกำลังพลังงานสูงสุดได้ถึง 400 วัตต์ โดยพลังงานจาก Oligio X จะถูกส่งเข้าสู่ผิวอย่างสม่ำเสมอทำให้เกิดประสิทธิภาพในการยกกระชับ พลังงานสามารถปรับเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและบริเวณที่ทำการรักษาได้ตั้งแต่ระดับ 0.5 ถึง 8.0 ระดับ รวม 16 ระดับ
OligioX รองรับการทำงานในสองโหมดอันได้แก่ G Mode และ X Mode ซึ่งทั้งสองโหมดออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ได้ทั้งในผิวหนังที่มีบริเวณกว้างและจุดที่ต้องการความละเอียดสูง
ไม่เพียงเท่านั้น Oligio X ยังมาพร้อมระบบสั่น หรือ Vibration Level ที่สามารถเลือกปรับระดับสั่นได้ 4 ระดับ โดยเริ่มจากการปิดสั่นไปจนถึงความแรงระดับสูงสุด เพื่อเป็นการช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวในระหว่างที่ทำ Oligio X

อีกทั้ง Oligio X ยังมีระบบ Contact Gas Cooling ที่ทำหน้าที่ปล่อยความเย็นผ่านหัวทิป เพื่อเป็นการปกป้องผิวหนังชั้นบนและเพิ่มความสบายผิวในระหว่างการรักษา มีหัวทิป 2 แบบ ได้แก่ F4.0 (4.0 cm²) สำหรับพื้นที่กว้าง และ E0.25 (0.25 cm²) เหมาะสำหรับจุดเล็กหรือบริเวณที่เข้าถึงยาก
ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดนี้ของ Oligio X จึงทำให้กลายเป็นเครื่องยกกระชับผิวที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสบายในการรักษา ให้ผลลัพธ์ในการฟื้นฟูผิวแบบเห็นผลจริงโดยไม่ต้องผ่าตัด
จุดเด่นของ Oligio X
400W Powerful Output
OligioX ให้พลังงานในการยกกระชับสูงสุด 400 วัตต์ ทั้งยังมีความเสถียรสูง ทำให้พลังงาน RF สามารถลงสู่ชั้นผิวได้อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถกระตุ้นคอลลาเจนและการยกกระชับผิวเห็นผลได้ดีมากยิ่งขึ้น

Dual Mode (G / X Mode)
OligioX สามารถปรับโหมดการทำงานได้ 2 แบบ ได้แก่
X Mode เป็นโหมดที่ให้ความร้อนในชั้นผิวลึก Deep Layer Heating
- X Mode ให้พลังงานแรงกว่า สามารถส่งความร้อนลงไปถึง ชั้นผิวลึกของหนังแท้ ได้เป็นอย่างดี
- สามารถกระจายความร้อนใต้ผิวได้มากกว่าผิวหนังชั้นบน
- ความร้อนจากภายในให้ความร้อนลึกถึงภายใน และความร้อนสามารถคงอยู่ในผิวลึกได้นานกว่า ประมาณ 210 วินาที
G Mode เป็นโหมดให้ความร้อนในชั้นผิวตื้น Upper Layer Heating
- G Mode ให้พลังงานอ่อนกว่า X Mode โดยจะเน้นทำงานบริเวณชั้นผิวด้านบนหรือ Superficial Dermis
สามารถกระจายความร้อนบริเวณใกล้ผิวชั้นบนได้มากกว่า - มีบทบาทสำคัญในการเก็บรักษาความร้อน จาก X Mode ที่ได้ทำการส่งลงไปในชั้นลึกก่อนหน้า ทำให้ความร้อนคงอยู่ได้ยาวนานและสม่ำเสมอมากขึ้น
- ระยะเวลาความร้อนคงอยู่ใต้ผิวประมาณ 120 วินาที
Real-time Impedance Feedback
มีเครื่องมีระบบตรวจวัดค่าความต้านทานของผิวแบบเรียลไทม์ทุกช็อตที่ยิง จึงทำให้แพทย์ทราบว่า จำนวนพลังงานที่ส่งเข้าสู่ผิวจริงมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน ทำให้การรักษาโดย Oligio X มีความแม่นยำ ไม่อันตรายและมีความสม่ำเสมอ

Excellent Treatment Effect
ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากโปรโตคอล GXG อันเป็นการรักษาในรูปแบบของ Oligio X ถูกพัฒนาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ผู้เข้ารับบริการเกิดพึงพอใจ
GXG Treatment Protocol เทคนิคของ Oligio X มี 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
Step 1: Pre-heating (G Mode)
เริ่มต้นการทำด้วย G Mode เป็นโหมดที่ให้ความร้อนอ่อน ๆ เพื่ออุ่นผิว หรือ Preheat ชั้นผิวหนังแท้ให้พร้อม
- ใช้เทคนิคการเคลื่อนหัวทิปแบบ Gliding หรือเทคนิคการลากต่อเนื่องบนผิว
- เพื่อให้เกิดการกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วผิวบริเวณที่ทำ Oligio X เพื่อให้ผิวได้รับพลังงานได้ลึกขึ้นและลดความรู้สึกไม่สบายผิว
Step 2: Core-heating (X Mode)
ลำดับถัดมาใช้ X Mode ที่ให้พลังงานแรงกว่า เพื่อส่งความร้อนลงสู่ผิวหนังชั้นลึก ใช้เทคนิค Stamping คือการแตะยิงเป็นจุด ๆ
- ความร้อนที่ลงสู่ผิวจะกระตุ้นให้คอลลาเจนหดตัวและเริ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของเทคนิคนี้
Step 3: Long-lasting (G Mode)
สุดท้ายกลับมาใช้ G Mode อีกครั้งเพื่อล็อกความร้อนในชั้นผิวให้คงอยู่ได้นานมากขึ้น
- โดยใช้เทคนิค Gliding หรือการลากอย่างต่อเนื่องบนผิวอีกครั้งเพื่อเป็นการกระจายพลังงานที่เหลือให้ทั่วถึง
- ทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ความร้อนคงอยู่ในผิวลึกได้นานขึ้น ส่งผลให้ผลลัพธ์การยกกระชับอยู่ได้ยาวนานมากขึ้น
โปรโตคอล GXG เป็นการผสานพลังงาน แรง–เบา–แรง (G → X → G) อย่างเป็นจังหวะ เพื่อให้การรักษาโดย Oligio X มีทั้งความลึก ความสม่ำเสมอ และความคงทนของผลลัพธ์
Deeper Layer & Long Lasting Heat
พลังงานคลื่น RF สามารถส่งลงไปได้ลึกถึง ชั้นหนังแท้ และยังสามารถรักษาอุณหภูมิได้อย่างต่อเนื่อง ความร้อนจาก Oligio X จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนเดิม และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวตึงกระชับและผลลัพธ์อยู่ได้นาน

Stronger Cooling
OligioX ยังมาพร้อมระบบทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูง และทำงานแบบเรียลไทม์สามารถเพิ่มรอบการปล่อยความเย็น หรือ Cooling Pulse เพื่อเป็นตัวช่วยลดความรู้สึกแสบร้อนระหว่างทำได้ ช่วยให้คนไข้รู้สึกสบายและลดโอกาสการระคายเคืองผิว แบ่งเป็น 4 ขั้นตอนในการปล่อยพลังงานความเย็น ดังนี้
- Button Cooling
โดยระบบเริ่มทำความเย็นในทันทีเมื่อหัวทิปได้สัมผัสผิว เพื่อเป็นการเตรียมผิวก่อนรับพลังงาน โดยจะลดอุณหภูมิผิวลงอย่างรวดเร็ว - Pre Cooling
เป็นการลดอุณหภูมิผิวก่อนปล่อยคลื่น RF เพื่อให้ผิวชั้นบนเย็นลง ป้องกันความร้อนสะสมในระหว่างการยิงพลังงาน - Parallel Cooling
ขั้นตอนนี้จะเป็นการทำความเย็นไปพร้อม ๆ กับการปล่อยพลังงาน RF ขั้นตอนนี้จะช่วยให้สามารถใช้พลังงานได้สูงขึ้นโดยที่ยังรู้สึกสบายผิวอยู่ - Post Cooling
หลังปล่อยพลังงานเรียบร้อยแล้ว ระบบจะยังคงทำความเย็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาอุณหภูมิผิวให้คงที่ ทั้งยังช่วยลดอาการแสบร้อนและรอยแดงหลังทำ
ข้อดีของ Cooling System ของ Oligio X
- Oligio X ช่วยปกป้องผิวชั้นบนจากความร้อนส่วนเกิน
- Oligio X ช่วยให้สามารถส่งพลังงาน RF ลงลึกสู่ใต้ชั้นผิวได้มากขึ้นโดยไม่เป็นการทำร้ายผิว
- Oligio X ช่วยลดอาการแสบร้อนของผิว หรือไม่สบายผิวในระหว่างทำ
- Oligio X ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการยกกระชับผิวและการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว

ผลลัพธ์ในการรักษาด้วย Oligio X
1. การยกกระชับผิว
OligioX ช่วยในการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยในหลายบริเวณ เช่น แก้ม คาง หรือแนวกรอบหน้า
- ลดความหย่อนของผิว
- กระชับผิวให้แน่นขึ้น
- ปรับรูปหน้าให้เข้ารูปมากขึ้น
- การฟื้นฟูสภาพผิว
ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่และปรับคุณภาพผิวให้ดูอ่อนวัยมากยิ่งขึ้น
- กระตุ้นให้เกิดการการสร้างคอลลาเจนใหม่
- จัดเรียงเส้นใยคอลลาเจนให้เป็นระเบียบ สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
- ปรับสีผิวและเนื้อผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ
- ช่วยลดขนาดรูขุมขน
3. ลดริ้วรอยและร่องลึก
สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยจากอายุหรือการแสดงสีหน้า Oligio X จะช่วย
- ลดริ้วรอยตื้นและลึก
- ลดริ้วรอยรอบดวงตา
- ลดร่องต่างๆระดับเล็กถึงปานกลาง

ใครเหมาะกับการทำ Oligio X
Oligio X ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงเหมาะกับผู้ที่มีลักษณะผิวหรือปัญหาผิวดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีผิวบางหรือมีไขมันใต้ผิวน้อย เช่น ผู้ที่มีผิวบริเวณแก้มบาง หรือมีผิวแนวกรอบหน้าบาง
- ผู้ที่มีผิวหนา เนื่องจากเครื่องสามารถปรับระดับความลึกได้ตามสภาพผิว
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยหรือเหี่ยวย่น มักพบในผู้ที่เริ่มมีอายุ หรือผู้ที่มีการเสื่อมของคอลลาเจนในผิว
- ผู้ที่มีคิ้วตกหรือหนังตาหย่อน ที่ต้องการยกกระชับบริเวณรอบดวงตาและหน้าผาก
- ผู้ที่มีเนื้อใต้คางหรือแนวกรอบหน้าหย่อนที่ต้องการยกแนวกรอบหน้าให้กระชับและเห็นรูปหน้าชัดเจนขึ้น
- ผู้ที่มีริ้วรอยรอบปากและรอบดวงตา ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและอายุ
- ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง Oligio X จะช่วยกระชับรูขุมขนให้ดูละเอียดขึ้น
- มีลักษณะผิวขรุขระหรือเซลลูไลท์ Oligio X จะช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระชับมากขึ้น
- ผู้ที่มีแก้มตก หรือกรอบหน้าไม่ชัด
- ผู้ที่มีเหนียงใต้คาง
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าอย่างชัดเจน มากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวให้มีความเรียบเนียน แน่น กระชับ เฟิร์มและอ่อนวัยขึ้น
การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio X
- แจ้งแพทย์ผู้ดูแลเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ และประวัติการทำหัตถการต่างๆให้ครบถ้วน เพื่อป้องกันอันตราย
- ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวที่มีส่วนผสมของกรด หรือผลิตภัณฑ์ผลัดผิวหน้า อย่าง AHA, BHA หรือวิตามินเอ เรตินอลก่อนทำ Oligio X
- ควรงดการสครับผิวหรือทำทรีตเมนต์ที่รุนแรงต่อผิว อย่างน้อย 3-7 วันก่อนทำ Oligio X
- ควรเว้นระยะห่างจากหัตถการอื่นๆ เช่น การฉีดโบ , ฟิลเลอร์, หรือเลเซอร์ เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ก่อนทำ Oligio X
- ควรงดการตากแดดจัดหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ทำให้ผิวไหม้ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ Oligio X
ขั้นตอนการทำ Oligio X
- ซักประวัติ และตรวจสอบสภาพร่างกาย ตรวจสอบข้อห้ามและข้อควรระวังก่อนการทำ
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างละเอียดเพื่อเป็นการกำจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน หรือเครื่องสำอาง ออกให้ได้มากที่สุด
- ถอดเครื่องประดับโลหะ เช่น ต่างหู สร้อยคอ หรือกิ๊บโลหะ เพื่อป้องกันการรบกวนจากพลังงานคลื่น RF
- ติดแผ่น Return Pad หรือแผ่นรับพลังงานบริเวณลำตัวหรือหลังของคนไข้ผู้เข้ารับบริการ
- เชื่อมต่อสายเคเบิลเข้ากับเครื่อง เพื่อให้กระแสพลังงาน RF หมุนเวียนได้อย่างสมบูรณ์
- ทา Oligio Fluid ที่เป็นเจลนำพลังงาน RF ลงบนผิวหน้า เพื่อให้พลังงานสามารถส่งผ่านจากตัวเครื่องลงผิวได้เป็นอย่างดี
- เริ่มยิงพลังงานด้วยเครื่อง Oligio X ตามโหมดที่เหมาะสม โดยแพทย์
- สามารถปรับระดับพลังงานให้เหมาะกับปัญหาที่เป็นและสภาพของผิวผู้เข้ารับบริการผิว
- หลังทำเสร็จทำความสะอาดผิวอีกครั้งและลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เพื่อเป็นการปลอบประโลมผิว
การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio X
- ให้หลีกเลี่ยงความร้อนหรือแสงแดดจัดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ผิวฟื้นฟูได้เต็มที่
- ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
ใครไม่ควรทำ Oligio X
- ผู้ที่มีโลหะฝังในร่างกาย หรือใบหน้า (เช่น pacemaker, แผ่นเหล็ก)
- ผู้ที่มี เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีแผลเปิดหรือการอักเสบระคายเคือง หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่จะทำ
- ผู้ที่เพิ่งเข้ารับการทำ หัตถการอื่นหรือศัลยกรรม ควรรอให้แผลหายและเนื้อเยื่อฟื้นตัวก่อน

OligioX และ Oligio เดิมต่างกันอย่างไร
พลังงานที่ใช้
OligioX และ Oligio ใช้พลังงาน Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz เหมือนกัน แต่ในเครื่อง Oligio X นั้นมีกำลังพลังงานสูงสุดถึง 400 วัตต์ ซึ่งนับเป็นค่ามากกว่า Oligio เดิม ทำให้พลังงานของ Oligio X สามารถส่งได้ลึกกว่า สามารถครอบคลุมชั้นผิวได้กว้าง และให้ผลลัพธ์ในการกระชับที่ชัดเจน และดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
การส่งพลังงาน
Oligio เดิมใช้โหมดในการยกกระชับแบบเดียวคือSingle Mode ที่เป็นโหมดที่ปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นหนังแท้และชั้นไขมันพร้อมกัน
แต่ Oligio X เป็นเครื่องที่อัปเกรดขึ้น มีโหมดในการยกกระชับมากขึ้น เป็น 2 โหมด มีระบบ Dual Mode (G/X Mode) ทำให้สามารถเลือกปรับพลังงานในการบกกระชับได้ถึง 2 ระดับ คือ
- G Mode ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวหนังแท้ หรือผิวชั้นตื้นเพื่อยกกระชับผิวชั้นบน
- X Mode สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นไขมัน เพื่อยกกระชับและปรับรูปหน้าในผิวระดับลึก
โดยแพทย์เลือกปรับพลังงานให้เหมาะกับปัญหาผิวในแต่ละบริเวณได้อย่างละเอียด เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคโนโลที่ใช้
- Oligio X ใช้เทคโนโลยี Dual-Mode G/X ที่ให้ความร้อนทั้งแบบลึกและตื้น พร้อมการทำงานร่วมกับ GXG Protocol (G–X–G) ซึ่งเป็นการผสานพลังงานครอบคลุมในการยกกระชับทุกชั้นผิวเพื่อผลลัพธ์การยกกระชับที่เห็นผลชัดขึ้นและยาวนานมากกว่าเดิม
- Oligio รุ่นมาตรฐาน จะปล่อยพลังงาน RF ที่ชั้นผิวหนังแท้เพียงเท่านั้น ทำให้ผลลัพธ์จะคงอยู่ในระดับผิวตื้นนั่นเอง

ระบบทำความเย็นของทั้งสองเครื่อง
- Oligio X มีระบบทำความเย็น คือระบบ Real-time Cooling 11 ครั้ง ต่อช็อต ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิผิวได้อย่างต่อเนื่องตลอดการทำ จึงเป็นระบบที่ช่วยลดความร้อนสะสม ป้องกันอาการเบิร์นไหม้ของผิว และทำให้คนไข้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบายผิวตลอดขั้นตอนการรักษา
- Oligio เดิม มีระบบทำความเย็นที่ปล่อยพลังงานความเย็นเพียง 5 ครั้ง ต่อช็อต
ความรู้สึกขณะทำ
- Oligio X ให้ความรู้สึกสบายผิวเนื่องจากมีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดอาการแสบหรือร้อนขณะทำ และยังทำให้แพทย์สามารถใช้พลังงานได้แรงขึ้นได้โดยไม่เพิ่มความรู้สึกระคายผิว
- Oligio เดิม ผู้ทำอาจรู้สึกอุ่น หรือร้อนเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพของผิว
ผลลัพธ์หลังทำ
- Oligio X จะรู้สึกถึงความกระชับของผิวทันที ผิวดูยืดหยุ่นดีขึ้น และผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานกว่า เนื่องจากพลังงานลงลึกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ทั่วถึง
- Oligio เดิมให้ผลลัพธ์การกระชับที่ดีเช่นกัน แต่จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลผิวระดับทั่วไป
สรุปภาพรวม
- Oligio X พัฒนาจาก Oligio เดิม แต่ให้พลังงานแรงกว่า ลึกกว่า เพิ่มการป้องกันอันตรายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบทำความเย็นอัจฉริยะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่เห็นผลเร็ว อยู่ได้นาน และให้ความรู้สึกสบายผิวขณะทำ
- ในขณะที่ Oligio เดิมเหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวระดับพื้นฐานด้วยเทคโนโลยี RF ที่มีประสิทธิภาพ
Oligio X ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวได้อย่างหลากหลาย ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และยาวนานมากยิ่งขึ้น ทั้งยังให้ความรู้สึกที่สบายผิวมากยิ่งขึ้นก่อนทำ ใครที่กลัวความเจ็บ กลัวการระคายเคืองของผิว Oligio X นับเป็นเครื่องที่ตอบโจทย์ ให้ผลลัพธ์ทั้งยกกระชับ ปรับรูปหน้า ฟื้นฟูคุณภาพผิว และลดริ้วรอยได้อย่างแลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัดและแทบไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและยาวนานมากขึ้น หากต้องทำการรักษาให้เหมาะกับสภาพผิวเฉพาะของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนเสมอเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย และควรตรวจสอบสถานพยาบาล คลินิกที่เข้ารับบริการว่าใช้เครื่องที่มาจากบริษัทผู้ผลิตจริงทุกครั้ง

