เซลลูไลท์ คืออะไร? รู้จักต้นตอของปัญหา พร้อมวิธีลดเซลลูไลท์ดูแลผิวให้กระชับ

เซลลูไลท์ คืออะไร

ผิวเป็นคลื่น ขรุขระ คล้ายเปลือกส้ม คืออะไร ? ปัญหาผิวลักษณะนี้คือ เซลลูไลท์ (Cellulite) ซึ่งเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยบริเวณต้นขา สะโพก หรือบริเวณผิวที่มีไขมันสะสม แม้ไม่อันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ทำให้เสียความมั่นใจในการเผยผิว บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักเซลลูไลท์ คืออะไร เกิดจากอะไร รวมถึงวิธีลดเซลลูไลท์ให้ดูจางลงและแนวทางการดูแลผิวให้ดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น

 

เซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม คืออะไร?
เซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม คืออะไร?

 

เซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม คืออะไร?

เซลลูไลท์ (Cellulite) หรือ ผิวเปลือกส้ม คือ ไขมันที่สะสมอยู่ใช้ผิวหนังชั้นตื้น ทำให้ผิวมีลักษณะเป็นคลื่น ขรุขระ ไม่เรียบเนียน และอาจเกิดรอยบุ๋มได้ โดยส่วนมากอวัยวะที่มักพบได้ง่าย คือ บริเวณต้นขา หน้าท้อง สะโพก ก้น และต้นแขน โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากร่างกายผู้หญิงสามารถเก็บไขมันได้มากกว่า โดยเซลลูไลท์สามารถสังเกตได้จากการบีบบริเวณผิวที่เป็น หรือการอยู่ในท่านั่ง ที่มักจะเห็นได้ง่าย เซลลูไลท์ถือเป็นไขมันสะสมที่ไม่อันตรายต่อร่างกาย แต่ก็อาจส่งผลต่อความมั่นใจได้เมื่อต้องสวมเสื้อผ้าแบบเผยผิว 

 

ลักษณะของผิวที่มีเซลลูไลท์

เซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม สามารถเกิดขึ้นได้หลายบริเวณในร่างกาย ซึ่งเกิดได้กับทั้งผู้ที่มีรูปร่างท้วม หรือในผู้ที่ผอมแต่มีไขมันเฉพาะส่วน โดยปกติแล้วผิวที่มีเซลลูไลท์จะมีลักษณะเป็นคลื่น ขรุขระ หรือตะปุ่มตะป่ำ คล้ายกับผิวของเปลือกส้มหรือผิวมะกรูด ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวที่รวมตัวกันเป็นก้อน และถูกเส้นใยคอลลาเจนดึงรั้ง จึงส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นเกิดความไม่เรียบเนียน มักพบได้บ่อยที่บริเวณต้นขา สะโพก ก้น หน้าท้อง และต้นแขน ซึ่งเป็นบริเวณที่มักมีการสะสมของไขมันส่วนเกิน

  • ผิวไม่เรียบเนียน สามารถมองเห็นเป็นคลื่น เป็นริ้ว หรือรอยบุ๋ม แตกต่างจากผิวปกติที่มีลักษณะเรียบไปด้วยกัน
  • คล้ายผิวเปลือกส้ม ซึ่งเป็นคำเปรียบเทียบที่ใช้บ่อย เนื่องจากผิวที่มีเซลลูไลท์มักจะมีลักษณะขรุขระเป็นตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับผิวของผลส้มหรือมะกรูด
  • เห็นชัดเมื่อบีบหรือสัมผัส เซลลูไลทในระยะเริ่มต้นมักจะมองไม่ค่อยเห็น หรือในบางครั้งอาจจะมองเห็นไม่ชัดเจนเมื่อร่างกายอยู่นิ่ง แต่หากทำการบีบผิวหรืออยู่ในท่านั่ง จะเห็นเป็นก้อนไขมันและริ้วคลื่นชัดเจนขึ้นที่บริเวณผิว

ในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีที่ช่วยลดเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้มให้ดูจางลง เช่น การปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเอง ตลอดจนถึงการใช้ตัวช่วยอย่างหัตถการหรือทรีตเมนต์ เพื่อดูแลรูปร่างและช่วยยกกระชับผิวให้เรียบเนียน

 

เซลลูไลท์ เกิดได้อย่างไร?

เซลลูไลท์ (Cellulite) เกิดจากการสะสมของไขมันที่มากเกินไปจนจับตัวกันเป็นก้อนไขมันใต้ผิวหนังชั้นตื้น ส่งผลให้มองเห็นเป็นคลื่นหรือตะปุ่มตะป่ำบนผิว ทำให้ผิวหนังไม่เรียบ ผิวขรุขระ นอกจากนี้ เซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม ยังสาเหตุจากหลายปัจจัย ดังนี้

  • เซลล์ไขมันเกิดการบวม จากการสะสมไขมันในปริมาณมาก
  • ผนังหลอดเลือดรั่ว ทำให้มีการคั่งของน้ำรอบ ๆ เซลล์ไขมัน
  • การระบายน้ำเหลืองไม่ดี ส่งผลให้เกิดการคั่งของของเหลว
  • เซลล์ไขมันจับตัวเป็นกลุ่ม และถูกคอลลาเจนหุ้มไว้ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
  • เนื้อเยื่อเกี่ยวพันดึงรั้งผิวหนัง ทำให้ผิวดูเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน 
สาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์
สาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์

 

สาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์

เซลลูไลท์ เป็นปัญหาผิวที่อาจเกิดได้ในบริเวณต้นขา ต้นแขน หรือหน้าท้อง ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ใช่เพียงแค่ไขมันสะสมอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น

  • ฮอร์โมน (Hormones) ฮอร์โมนเอสโตรเจน ถือเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญที่อาจทำให้เกิดเซลลูไลท์ได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด และเซลลูไลท์มักจะเห็นได้ชัดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือวัยหมดประจำเดือน และมักพบในเพศหญิงมากกว่า
  • กรรมพันธุ์ (Genetic factors)  โครงสร้างร่างกาย การกระจายตัวของไขมัน ความยืดหยุ่นของผิวหนัง และการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง รวมถึงการสะสมไขมัน สามารถเกิดได้จากพันธุกรรมจากครอบครัว
  • อาหาร (Diet) การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงมาก รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์บ่อย อาจจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เซลลูไลท์เห็นชัดเจนขึ้น
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน (Lifestyle) ไม่ว่าจะเป็น การสูบบุหรี่ การดื่มน้ำน้อย ขาดการออกกำลังกาย และการนั่งหรือยืนนาน ๆ อาจทำให้ระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองทำงานได้ไม่ดี เกิดการคั่งของไขมันและของเหลว ส่งผลให้เกิดพังผืดและเซลลูไลท์ได้ง่ายขึ้น
  • ความเครียด (High stress) ทำให้ร่างกายกระตุ้นการหลั่งสาร catecholamines ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนทำให้การสะสมของเซลลูไลท์เพิ่มมากขึ้น

 

เซลลูไลท์ มีกี่ชนิด? ต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจจะคิดว่าเซลลูไลท์มีรูปแบบเดียว คือ ผิวที่เป็นคลื่นคล้ายเปลือกส้ม แต่ความจริงแล้วเซลลูไลท์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดหลัก ๆ โดยแต่ละชนิดจะมีลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกัน และมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  1. เซลลูไลท์แบบนุ่ม (Soft Cellulite) เกิดจากการสะสมไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง โดยผิวจะมีลักษณะเป็นคลื่นหรือมีความบุ๋ม สามารถเห็นได้ชัดเมื่อบีบผิวหรือเมื่อสัมผัส มักเกิดในผู้ที่น้ำหนักขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก พบได้บริเวณต้นขา สะโพก ก้น และหน้าท้อง
  2. เซลลูไลท์แบบแข็ง (Hard Cellulite) เกิดจากไขมันที่สะสมถูกเส้นใยคอลลาเจนหุ้มเอาไว้แน่น โดยผิวจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งแน่น ไม่ค่อยยืดหยุ่น และสามารถเห็นได้ชัดเจนแม้ไม่ได้บีบผิว มักเกิดในผู้ที่มีรูปร่างผอมแต่มีไขมันเฉพาะจุด พบได้บริเวณต้นขา ด้านนอก สะโพก และเข่า
  3. เซลลูไลท์แบบบวมน้ำ (Edematous Cellulite) เกิดจากการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองไม่ดี ทำให้ของเหลวเกิดการคั่งในเนื้อเยื่อ โดยผิวจะมีลักษณะบวมและนูนเป็นคลื่น สามารถเห็นชัดเจน มักพบในผู้ที่ต้องยืนนาน นั่งนาน หรือมีปัญหาการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง พบได้บริเวณขา และบริเวณที่มีปัญหาการบวมน้ำ 

 

เซลลูไลท์ มีกี่ระยะ?

เซลลูไลท์ (Cellulite) จะมีพัฒนาการในการเกิดเป็น 4 ระดับ โดยแต่ละระดับก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป และแต่ละระดับก็จะมีการรักษาที่ดังนี้ 

  • ระดับ 0 : เป็นระยะที่ยังไม่สามารถเห็นลักษณะผิวเปลือกส้มได้ชัด แม้จะลองหยิบหรือบีบผิวขึ้นมาก็ยังไม่เห็นความผิดปกติ
  • ระดับ 1 : จะไม่สามารถมองเห็นเซลลูไลท์ในขณะยืนตามปกติ แต่จะเห็นลักษณะของรอยบุ๋มหรือผิวคล้ายเปลือกส้มก็ต่อเมื่อบีบหรือจับเนื้อส่วนนั้นขึ้นมา
  • ระดับ 2 : จะสามารถเห็นร่องรอยของเซลลูไลท์ได้แม้ยืนเฉย ๆ แต่เมื่ออยู่ในท่านอนรอยบุ๋มจะไม่ชัดเจนหรืออาจไม่เห็นเลย
  • ระดับ 3 : เป็นระยะที่สามารถมองเห็นเซลลูไลท์ได้ชัดเจนที่สุด โดยผิวจะมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำหรือเป็นคลื่นทั้งเวลายืนและนอน 

เซลลูไลท์มักเกิดบริเวณไหน?

เซลลูไลท์ สามารถเกิดได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการสะสมของไขมันสูง หรือมีการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองที่ไม่ดี เช่น

  • ต้นขา เป็นบริเวณที่สามารถพบเซลลูไลท์ได้บ่อยที่สุด เพราะเป็นบริเวณที่ร่างกายสะสมไขมันไว้ปริมาณมาก
  • สะโพก มักเกิดจากไขมันสะสมและแรงดึงรั้งของเส้นใยคอลลาเจน ทำให้เห็นเป็นผิวขรุขระ
  • ก้น มักเกิดร่วมกับเซลลูไลท์บริเวณสะโพก ส่งผลให้ผิวดูไม่เรียบเนียน
  • หน้าท้อง โดยเฉพาะในผู้ที่น้ำหนักขึ้นเร็ว หรือผู้ที่ตั้งครรภ์ จะทำให้เกิดทั้งรอยแตกลายและเซลลูไลท์
  • ต้นแขน พบได้ไม่มากเท่าต้นขาหรือสะโพก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยกลางคน

 

วิธีลดเซลลูไลท์ด้วยตัวเอง ทำอย่างไร?
วิธีลดเซลลูไลท์ด้วยตัวเอง ทำอย่างไร?

 

วิธีลดเซลลูไลท์ด้วยตัวเอง ทำอย่างไร?

เซลลูไลท์ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่สร้างความไม่มั่นใจในการเผยผิว การดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และแม้ว่าเซลลูไลท์จะไม่สามารถแก้ให้หายได้อย่างถาวร แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยลดเซลลูไลท์และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ได้ หากดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ โดยวิธีลดเซลลูไลท์ที่ทำได้ด้วยตัวเอง มีดังนี้

  • ลดเซลลูไลท์ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน

เซลลูไลท์มักเกิดจากการสะสมของไขมัน ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยลดการสะสมไขมันได้ เช่น ลดน้ำตาล ไขมัน และแป้ง รับประทานผักและผลไม้  ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนและช่วยให้ร่างกายขับของเสียได้ดีขึ้น

  • ลดเซลลูไลท์ด้วยการลดน้ำหนักและออกกำลังกาย

ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีภาวะโรคอ้วน มีไขมันที่สะสมตามร่างกายในปริมาณที่มาก การควบคุมอาหารและออกกำลังกายจะช่วยดูแลสุขภาพร่างกาย และช่วยดูแลรูปร่างให้ดีขึ้น การลดน้ำหนักและการออกกำลังกายจะช่วยลดปริมาณไขมันและกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้สัดส่วนและผิวกายดูกระชับขึ้น จึงส่งผลให้ช่วยลดเซลลูไลท์และรอยแตกลายได้

  • ลดเซลลูไลท์ด้วยการใช้ครีมบำรุงผิวควบคู่

ครีมบางประเภทสามารถช่วยลดเลือนรอยแตกลายและช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้ แต่ไม่สามารถช่วยลดไขมันหรือลดเซลลูไลท์ถาวรได้ หากต้องการลดไขมันหรือเซลลูไลท์โดยตรงควรออกกำลังกายและควบคุมการทานอาหาร และสามารถใช้ครีมควบคู่เพื่อช่วยปรับให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

  • ลดเซลลูไลท์ด้วยการดูแลรูปร่างอย่างถูกวิธี

สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีไขมันส่วนเกินจนเกิดเซลลูไลท์ ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีที่เหมาะสม อย่างการออกกำลังกายควบคู่กับการเลือกทานอาหารที่มีโภชนาการ ไม่ควรอดอาหาร เพราะอาจทำให้ผิวเหี่ยว ไม่กระชับ และหย่อนคล้อยกว่าเดิม

 

วิธีลดเซลลูไลท์ด้วยหัตถการ

นอกจากวิธีลดเซลลูไลท์ด้วยตัวเองแล้ว ในปัจจุบันยังมีหลายแนวทางที่จะช่วยลดเซลลูไลท์ พร้อมช่วยลดไขมัน และกระชับผิวให้เรียบเนียนได้พร้อมกันอย่าง การทำหัตถการหรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่จะช่วยให้เซลลูไลท์ลดลงชั่วคราว มีดังนี้

  • ลดเซลลูไลท์ด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ Radio Frequency (RF)

คลื่นความถี่วิทยุ หรือ Radio Frequency (RF) ยังคงเป็นเทคโนโลยีลดเซลลูไลท์ กระชับผิวกาย และช่วยลดไขมันที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวใหม่ ยกกระชับผิว และช่วยลดไขมันเฉพาะจุดในเวลาเดียวกัน โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน 

เช่น Oligio Body ที่จะใช้คลื่นวิทยุส่งพลังงานความร้อนเข้าสู่ชั้นใต้ผิวและชั้นไขมัน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทั้งยังช่วยลดการเกาะของพังผืด และช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตและน้ำเหลืองดีขึ้น จึงส่งผลให้ผิวเรียบเนียนและกระชับขึ้น

  • ลดเซลลูไลท์ด้วยเทคโนโลยีคลื่นกระแทก (Shock Wave Therapy)

เทคโนโลยีที่ปล่อยพลังงานในรูปของคลื่นเสียงความถี่ต่ำ (Acoustic Wave) สามารถช่วยลดไขมันที่จับตัวเป็นก้อน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน รวมถึงกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ช่วยส่งผลให้ผิวเรียบเนียน ลดเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้มได้

  • ลดเซลลูไลท์ด้วยโปรแกรมแฟต

หนึ่งในหัตถการลดไขมันเฉพาะจุด พร้อมช่วยลดเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม โดยจะทำการใช้วิตามินหรือเอนไซม์ในการช่วยลดไขมันขนาดเล็ก ๆ ที่ลดได้ยากแม้ออกกำลังกาย ทำให้สัดส่วนดูเล็กลงและกระชับขึ้น เช่น บริเวณต้นขาด้านใน เหนือเข่า หรือสะโพก โดยไม่ต้องผ่าตัด

ทั้งนี้หากต้องการลดเซลลูไลท์ด้วย Oligio Body สามารถปรึกษาแพทย์ แจ้งประวัติทางการแพทย์ การแพ้ยา รวมถึงโรคประจำตัวให้ละเอียด เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการลดไขมันต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

Oligio Body คืออะไร?
Oligio Body คืออะไร?

 

Oligio Body คืออะไร?

Oligio Body เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลรูปร่าง ลดไขมันเฉพาะจุด และช่วยยกกระชับผิว ลดการเกิดเซลลูไลท์ โดยใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar Radiofrequency – RF) ที่ความถี่ 6.78 MHz เข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ ทำให้เส้นใยคอลลาเจนจัดเรียงตัวได้อย่างเป็นระเบียบ ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการสะสมของไขมันเฉพาะจุด เพราะพลังงานสามารถลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนให้ดูสมดุลมากขึ้น

 

ทคนิคการทำงานของ Oligio Body ลดเซลลูไลท์

  • Oligio Body จะส่งพลังงานผ่านหัว Tip โดยเฉพาะที่มีลักษณะเป็นเข็ม ทำให้สามารถส่งพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Oligio Body ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดความร้อนสะสมหรือการเบิร์นของผิว เนื่องจากมีระบบควบคุมอุณหภูมิ ที่ช่วยกระจายพลังงานความร้อนได้สม่ำเสมอ และยังช่วยตรวจจับความร้อนบนผิว

 

Oligio Body มีกระบวนการทำงานอย่างไร

Oligio Body ใช้เทคโนโลยี Monopolar Radiofrequency (RF) ที่ส่งพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง 6.78 MHz ลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) เพื่อช่วยฟื้นฟูผิว กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยจัดเรียงคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้ผิวเรียบเนียน ลดการเกิดเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้ม พร้อมช่วยกระชับสัดส่วน และช่วยลดการสะสมของไขมันเฉพาะจุด โดย Oligio Body มีคุณสมบัติและกลไกการทำงานดังนี้

ด้วยเทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง ที่สามารถปรับการใช้งานได้มากถึง 3 โหมด คือ Single, Double และ Auto ช่วยให้ปรับใช้ได้ตามสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล  โดยจะส่งพลังงานผ่านหัวทิปเฉพาะสามารถส่งพลังงานลึกได้ประมาณ 3 มม. ครอบคลุมทั้งชั้นผิวและชั้นไขมัน โดยไม่รบกวนเนื้อเยื่อรอบ ๆ

มีระบบตรวจสอบอัจฉริยะ ที่จะช่วยให้การทำงานของ Oligio Body มีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น Real-Time Temperature Control ระบบตรวจจับอุณหภูมิผิวแบบตลอดเวลา เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมบนผิว หรือ Cooling System ระบบทำความเย็นอัตโนมัติ ช่วยป้องกันผิวถูกเบิร์น และ Pressure Sensor ตรวจจับแรงกด ช่วยปรับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิว

 

Oligio Body ช่วยอะไรบ้าง

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน

Oligio Body จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ และช่วยจัดเรียงโครงสร้างของเส้นใยคอลลาเจนให้เรียงตัวได้ดีและแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น

  • ลดเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม

Oligio Body จะเข้าไปกระตุ้นการจัดเรียงคอลลาเจนใต้ผิว พร้อมช่วยลดไขมันเฉพาะจุด ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและไขมันดูลดลง จึงช่วยทำให้เซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้มที่ขรุขระดูเรียบเนียนและดูจางลง

  • ลดไขมันสะสมเฉพาะจุด

พลังงานจะเข้าไปกระตุ้นการลดไขมันใต้ชั้นผิว โดยเฉพาะในบริเวณที่ลดได้ยากด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร  ซึ่งเซลล์ไขมันส่วนเกินจะถูกขับออกตามระบบขับของเสียของร่างกาย จึงช่วยทำให้สัดส่วนดูเล็กลง

  • กระตุ้นระบบไหลเวียน

คลื่น RF สามารถช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง จึงส่งผลให้ร่างกายสามารถขับของเสียออกมาได้ดีมากขึ้น

  • ยกกระชับและปรับรูปร่าง

เมื่อคอลลาเจนและอิลาสตินได้รับการฟื้นฟู และจัดเรียงตัวอย่างดีแล้วนั้น ผิวจะดูแน่นกระชับ เต่งตึง และเรียบเนียนมากขึ้นพร้อมกระชับให้รูปร่างได้สัดส่วนที่สวยงาม

ทั้งนี้หากต้องการลดเซลลูไลท์ด้วย Oligio Body สามารถปรึกษาแพทย์ แจ้งประวัติทางการแพทย์ การแพ้ยา รวมถึงโรคประจำตัวให้ละเอียด เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการลดไขมันต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

Oligio Body ดีอย่างไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม

Oligio Body เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยดูแลรูปร่าง พร้อมช่วยกระชับผิวกาย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ควบคู่กับการยกกระชับผิว ลดเซลลูไลท์ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย จึงทำให้ Oligio Body เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

  • ช่วยยกกระชับผิว ลดผิวเปลือกส้ม หรือเซลลูไลท์ ให้ผิวเรียบเนียน พร้อมลดสัดส่วนให้ได้รูปที่สวยงามมากขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยเสริมความยืดหยุ่นให้ผิวและชะลอความหย่อนคล้อยของผิว ให้ผิวเต่งตึง
  • ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นระยะเวลาสั้น ทำให้หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • รู้สึกสบายตัว เจ็บน้อย และไม่มีบาดแผล หลังทำจะค่อย ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น
  • มีระบบตรวจจับอุณหภูมิและระบบทำความเย็นในตัว ช่วยลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมบนผิว ทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว ทุกเพศ สามารถทำได้หลายช่วงวัย
  • หัวทิปขนาดใหญ่ช่วยกระจายพลังงานได้สม่ำเสมอ จึงช่วยลดระยะเวลาในการทำหัตถการให้สั้นลง

 

Oligio Body เหมาะกับใครบ้าง

Oligio Body เป็นเทคโนโลยีกระชับผิวกาย ลดเซลลูไลท์ และช่วยลดไขมันเฉพาะจุด ที่ได้รับรองจากอย. ว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่าง ดังนี้

  • ผู้ที่ต้องการลดเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม โดยเฉพาะบริเวณต้นขา หน้าท้องหลังคลอด หรือต้นแขน
  • ผู้ที่ต้องการกระชับผิวที่หย่อนคล้อย หรือลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยเฉพาะจุด
  • ผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด เช่น ต้นขา หน้าท้อง หรือสะโพก ที่ลดได้ยาก
  • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน ให้ผิวยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น
  • ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ต้องการเทคโนโลยีที่ช่วยลดไขมัน กระชับผิวโดยไม่เบิร์นผิว
  • ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่ต้องการชะลอความหย่อนคล้อยของผิวตามวัย
  • ผู้ที่มีเวลาจำกัด ไม่มีเวลาพักฟื้น ต้องการวิธีที่ไม่อันตรายต่อร่างกาย
  • ผู้ที่มองหาตัวช่วยในการดูแลรูปร่างโดยไม่ต้องผ่าตัดดูดไขมัน พักฟื้นไม่นาน 

ทั้งนี้หากต้องการลดเซลลูไลท์ด้วย Oligio Body สามารถปรึกษาแพทย์ แจ้งประวัติทางการแพทย์ การแพ้ยา รวมถึงโรคประจำตัวให้ละเอียด เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการลดไขมันต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดเซลลูไลท์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดเซลลูไลท์

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดเซลลูไลท์

Q : เซลลูไลท์หายขาดได้หรือไม่?

A : เซลลูไลท์เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของผิวและไขมันใต้ชั้นผิว จึงไม่สามารถทำให้หายขาดได้ 100% แต่สามารถช่วยลดเซลลูไลท์และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้ชั่วคราว ด้วยการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร รวมถึงการใช้หัตถการร่วมด้วย

Q : ผู้ชายมีเซลลูไลท์หรือเปล่า?

A : เซลลูไลท์สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งโดยส่วนมากมักพบในผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงนั้นมีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่จะกระตุ้นการเกิดไขมันสะสมได้มากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายก็สามารถเป็นเซลลูไลท์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน มีปริมาณไขมันสูง หรือมีการสะสมของไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา 

Q : อายุมีผลต่อการเกิดเซลลูไลท์หรือไม่?

A : ปัจจัยในการเกิดเซลลูไลท์มีอยู่หลายอย่างร่วมกัน ซึ่งอายุที่มากขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ หรือผิวหย่อนคล้อย เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และเกิดการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เซลลูไลท์เห็นชัดขึ้น และเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และเกิดริ้วรอยตามมา

 

เซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม ถือเป็นปัญหาผิวที่พบได้ทั้งผู้ที่มีน้ำหนักมาก หรือผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด โดยเฉพาะในบริเวณหน้าท้อง ต้นขา ก้น หรือสะโพก ซึ่งสร้างความไม่มั่นใจให้กับรูปร่างและผิวพรรณ ปัจจุบันมีวิธีที่จะช่วยลดเซลลูไลท์ให้ดูจางจง พร้อมกระชับผิวให้แน่นและเรียบเนียนขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การดูแลตัวเอง หรือการใช้เทคโนโลยีอย่าง Oligio Body ช่วยลดเซลลูไลท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดไขมัน กระชับผิว สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษาและสอบถามได้ที่ รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด