Ultherapy จัดการความแก่ ให้หน้าเรียวกระชับไม่เปลี่ยนแปลง

หน้าเรียวกระชับ


Ultherapy จัดการความแก่ ให้หน้าเรียวกระชับไม่เปลี่ยนแปลง

หลายๆ คงคุ้นหน้าของคุณเดียร์ ปริษา ทนาวิวัฒน์ จากละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่คุณเดียร์เคยฝากผลงานไว้มากมาย ก่อนจะอำลาวงการไปเป็นคุณแม่อย่างเต็มตัว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ คุณเดียร์ก็ยังเหมือนเดิมมากค่ะ หน้าดูสวยเป๊ะ ดูเด็กเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย โกงสวย โกงอายุมากเลยค่ะ นี่ถ้าคุณเดียร์ไม่บอกว่าอายเข้าเลข 4 แล้ว รมย์รวินท์คลินิกขอไม่เชื่อนะคะเนี่ย!

อายุเข้าเลข 4 แล้วจริงๆ ค่ะ แต่ถึงจะอายุขึ้นเลข 4 แล้ว แต่เดียร์ก็ยังไม่สะดวกแก่ค่ะ (หัวเราะ) เดียร์เข้าวงการตั้งแต่เด็กๆ กับหนังจักรๆ วงศ์ๆ ที่หลายๆ คนคงคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง ด้วยความที่เราต้องใช้หน้าตา เราก็ยิ่งต้องดูแลตัวเอง ดูแลเรื่องหน้าตาของเรามากขึ้นค่ะ ตอนนั้นที่เดียร์ยังอายุน้อยก็จะเน้นในเรื่องของการบำรุงผิวด้วยครีมมากกว่า และมีไปเข้าคอร์สหน้าใส ดูแลสิวบ้าง แต่พอเราอายุมากขึ้นเข้าแลข 25 แล้ว เราก็จะรู้สึกได้ด้วยตัวเองเลยว่าเราจะมาบำรุงผิวแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะวัย 25 เป็นวัยที่ผิวของเราเริ่มมีความหย่อนคล้อย ไม่ยกกระชับ มีริ้วรอยแล้ว เดียร์ก็เลยเริ่มทำพวกหัตถการเกี่ยวกับยกกระชับผิวตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาเลยค่ะ พอวันนี้ที่อายุของเดียร์เข้าเลข 4 แล้วเดียร์ก็ยิ่งมองหาพวกหัตถการยกกระชับผิวที่ช่วยให้ผิวเดียร์ดูดี หน้าเรียว ดูอ่อนเยาว์ ยกกระชับขึ้น และอยากได้หัตถการที่คงให้ผลลัพธ์ให้กับใบหน้าของเดียร์ได้นาน ไม่ต้องทำบ่อยๆ เพราะเดียร์มีธุรกิจส่วนตัวที่ต้องดูแล และไหนจะมีหน้าที่เป็นคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกก็อาจจะไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น และเดียร์ก็ได้รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะที่ตอบโจทย์ความต้องการและช่วยดูแลผิวหน้าให้เดียร์ค่ะ

 

วันนี้เดียร์มาฝากผิวหน้าให้คุณหมอริว (นพ.อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน : ว.52239) ช่วยดูแล ก่อนทำคุณหมอริวช่วยประเมินผิวหน้าให้เดียร์ด้วยเทคนิคที่มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น นั่นก็คือ Lifting Select ค่ะ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการวิเคราะห์ผิวทุกชั้นว่าผิวของเรามีปัญหาในเรื่องใดบ้าง ผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก ก่อนเลือกโปรแกรมที่ช่วยตอบโจทย์ของปัญหาผิวเรามากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยเทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่คิดค้นจากประสบการณ์กว่า 21 ปี ของทีมแพทย์รมย์รวินท์คลินิกเลยนะคะ เดียร์ได้ยินแค่นี้ก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว เพราะจะต้องทำให้เราสวยดูดี ดูยกกระชับได้จริง เป็นตัวจริงเรื่องผิวอย่างแน่นอนค่ะ 

 

หน้าเรียวกระชับ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

 

Ultherapy จัดการความแก่ ให้หน้าเรียวกระชับไม่เปลี่ยนแปลง

คุณหมอประเมินผิวหน้าเดียร์และเลือก Ultherapy ให้เดียร์ค่ะ ตัวนี้คุณหมอริวบอกว่าเป็นโปรแกรมที่ยกกระชับเห็นผลลัพธ์ได้จริง เห็นผลได้นาน ยกกระชับผิวหน้าด้วยการยิงพลังงานคลื่นความถี่สูงที่มีความเฉพาะเจาะจง หรือ Focused Ultrasound ซึ่ง Ultherapy ยิงพลังงานลงได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS เลยค่ะ โดยผิวชั้น SMAS คือชั้นที่เป็นเนื้อเยื่ออยู่ระหว่างชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งชั้นนี้เป็นชั้นหลักที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อดึงยกหน้าให้เรียวกระชับค่ะ แต่ Ultherapy ทำให้เราไม่ต้องผ่าตัดเลยก็สามารถยกกระชับผิวหน้าได้ด้วยหน้าจอแสดงผลที่สามารถเห็นชั้นผิวได้ทุกชั้นแบบเรียลไทม์ จึงทำให้การยิงพลังงานเข้าไปยกกระชับผิวได้แม่นยำ และตรงจุดมากขึ้นค่ะ ขณะทำคุณหมอก็จะบอกตลอดค่ะว่ากำลังยกกระชับหน้าตรงไหนบ้า ผิวของเรามีปัญหาตรงจุดไหนที่ต้องย้ำเป็นพิเศษบ้าง ซึ่งเดียร์มีปัญหาหน้าไม่เท่ากันอยู่แล้ว คุณหมอริวก็ใช้ Ultherapy ช่วยกกระชับ และแก้ไขปัญหาให้เดียร์ ต้องบอกเลยค่ะว่าคุณหมอริวเก่งมาก เพราะคุณหมอริวสามารถดีไซน์หน้าให้เดียร์ได้เลยค่ะ คือถ้าหมอที่ไม่ได้รู้จักหน้าเราจริงๆ หรือไม่ได้มีประสบการณ์เฉพาะด้านยกกระชับผิวหน้าจริงๆ จะทำหน้าให้เราสวยขนาดนี้ไม่ได้เลยค่ะ แต่คุณหมอริวทำให้หน้าเดียร์ยกกระชับ หน้าสวย เป๊ะ เท่ากันได้ ด้วย Ultherapy  เดียร์ต้องขอยกความดีความชอบให้ทั้งคุณหมอริวและ Ultherapy ที่รมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ 

ผลลัพธ์ความสวยหน้าเรียวกระชับของคุณเดียร์ ปริษา หลังทำ Ultherapy 

หลังทำ Ultherapy ครบ 1 อาทิตย์มีคนทักเยอะมากเลยค่ะ ว่าหน้าเป๊ะ หน้าเด็กมาก ที่จริงก็คือ Ultherapy เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำเลยนะ ว่าหน้าดูดีขึ้นมากแล้ว  เห็นได้ชัดเลยว่าหน้ายกกระชับขึ้น หน้าเรียว v shape ขึ้นมาก และริ้วรอยเราดูหายไปเลยค่ะ หน้าดูเด็กขึ้น มันเหมือนกับได้ปลดล็อกผิวเลยค่ะ ตอนนี้อายุลดลงไปฮวบเลยค่ะ ลดลงไปถึง 10 ปีเลย (หัวเราะ) เหมือนได้กลับไปอายุ 20 ต้นๆ ค่ะ จนตอนนี้เดียร์คิดว่าเดียร์ขาด Ultherapy ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ 

 

หน้าเรียวกระชับ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

 

เดียร์อยากจะบอกว่า อายุ 25 ปีขึ้นไปก็มายกกระชับผิวหน้าด้วย Ultherapy ได้แล้วค่ะ เพราะว่าถ้าเราดูแลผิวของเราให้ดูเด็ก ดูยกกระชับตั้งแต่ตอนนั้น พอเราอายุ 40 เนี่ยคือหน้าเราจะดูเป๊ะเลย ดูยกกระชับ ไม่มีความหย่อนคล้อยใดๆ มากมาย ไม่ต้องทำอะไรเยอะเลย แนะนำให้ทำเลยตั้งแต่ตอนยังไม่มีปัญหาจะดีกว่าค่ะ 

 

ใครที่มีปัญหาหน้าคล้อย อยากจะยกกระชับและดูเด็ก ดูอ่อนกว่าวัย ผิวหน้าดี โกงอายุไปไม่ต่ำกว่า 10 ปีแน่นอนเหมือนเดียร์ โปรแกรมนี้ตอบโจทย์แน่นอนค่ะ เชิญมาทำ Ultherapy ที่รมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ 

ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง? ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดจากอะไร?

ฟิลเลอร์ใต้ตา

ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง? ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดจากอะไร?

 

ปัญหาใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก เป็นปัญหาที่กวนใจใครหลาย ๆ คน เนื่องจากทำให้ใบหน้าดูอิดโรย เหนื่อยล้า ไม่สดใส ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาใต้ตา โดยเฉพาะปัญหาถุงใต้ตา เบ้าตาลึก ใต้ตาคล้ำ และริ้วรอยใต้ตา ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็ม ให้ผิวใต้ตาดูอิ่มฟู สดใส ใบหน้าดูไม่โทรม แต่ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์ควรฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้และมีประสบการณ์เท่านั้น เพราะหากฉีดไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่าง ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้ 

ในบทความนี้ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาให้แล้วว่า ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีอะไรบ้าง? แล้วฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนคืออะไร? ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเกิดจากอะไร? พร้อมบอกวิธีแก้ไขฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนมาไว้ให้แล้ว

 

ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อนเกิดจากอะไร? มีวิธีแก้อย่างไร?

 

ปัญหาอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ปัญหาอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) เข้าไปในบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น ร่องน้ำตา ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา และริ้วรอยใต้ตา ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมและมีอายุ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มช่องว่าง เพื่อทดแทนไขมันและกระดูกทรุดตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ใต้ตาดูสดใส อิ่มฟู และมีความเรียบเนียน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก HA เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติ จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย และย่อยสลายได้เอง แต่ก็มีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่มีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความรู้ความชำนาญ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้

 

ปัญหาที่พบบ่อยจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วบวม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีอาการบวมเกิดขึ้น ซึ่งมาจากการบวมยาชา หรือบวมเข็มที่ฉีดเข้าไป ถือเป็นอาการที่พบได้บ่อย และเป็นเรื่องปกติ โดยจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส จับ กด นวดในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียง
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วมีรอยช้ำ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นจากรูเข็มที่ฉีด ถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่เขียวช้ำง่าย ซึ่งอาการนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น และหายไปเอง ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วตึง ปวดระบม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการตึง และปวดระบมเกิดขึ้น เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นผิวหนังที่บอบบาง และมีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบ หรือเนื้อเยื่อเกิดการบาดเจ็บเล็กน้อย จึงอาจทำให้รู้สึกปวดระบม หรือตึงได้บ้างในช่วงแรก ๆ ถือเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และจะค่อย ๆ หายไปเอง

ปัญหาอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเป็นการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ได้รับความนิยม แต่ก็อาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากไม่ได้ฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างใบหน้า หรือเลือกใช้ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. อาจทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ดังนี้

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยมากในปัจจุบัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งเทคนิคในการฉีดไม่ถูกต้อง ฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน หรือแพทย์ไม่มีความรู้ความชำนาญเพียงพอ ทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปบริเวณใต้ตาเกิดการจับตัวเป็นก้อนนูนใต้ผิวหนัง หากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลเสียในระยะยาวได้

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอักเสบ ติดเชื้อ

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เนื่องจากอุปกรณ์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ไม่สะอาด หลังฉีดไปแล้วดูแลตัวเองไม่ถูกวิธี ทำให้เกิดการติดเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ รวมถึง เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว ร่างกายอาจเกิดปฏิกิริยาต่อต้านฟิลเลอร์ ทำให้เกิดการอักเสบ หรือเกิดอาการแพ้ในบริเวณที่ฉีด มีอาการปวด บวม ตุ่มขึ้น หรือมีหนองบริเวณใต้ตาได้

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเข้าเส้นเลือด

เนื่องจากบริเวณใต้ตามีเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างใบหน้า และเทคนิคการฉีดที่แม่นยำ หากแพทย์ที่ทำการฉีดไม่มีประสบการณ์เพียงพอ อาจทำให้ฉีดพลาด จนฟิลเลอร์หลุดเข้าไปในเส้นเลือดได้ ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดอันตรายร้ายแรง ถึงขั้นตาบอด

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเคลื่อนที่

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว หากใช้เทคนิคในการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เช่น  ฉีดตื้นเกินไป หรือฉีดในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นได้ อีกทั้ง การนวด กด หรือขยับใบหน้าบ่อย ๆ ก็ส่งผลให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้ง่ายเช่นกัน

 

ปัญหาใต้ตาแบบไหน ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?

  • เบ้าตาลึก

เบ้าตาลึก หรือที่เรียกกันว่า ตาโหล ตาโบ๋ มีลักษณะเป็นร่องลึกใต้ตา ทำให้ดวงตาดูโหลลึก จนเห็นขอบกระดูกเบ้าตาอย่างชัดเจน ทั้งบริเวณดวงตาด้านบนและด้านล่าง ทำให้ดวงตาโบ๋ลึกเข้าไปเป็นวง ในบางรายอาจดูเหมือนมีชั้นตาหลายชั้น ส่งผลให้ใบหน้าดูอิดโรย ดูเหนื่อย ไม่สดใส 

  • ใต้ตาคล้ำ

ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาดำ มีลักษณะเป็นรอยคล้ำที่อยู่บริเวณใต้ตา ซึ่งแต่ละคนก็อาจมีเฉดสีที่แตกต่างกันไป เช่น น้ำตาล น้ำเงิน ม่วง หรือดำ ทำให้ขอบตาดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูโทรม เหมือนไม่ได้พักผ่อน

  • ถุงใต้ตา

ถุงใต้ตา มีลักษณะเป็นถุงป่องนูนอยู่บริเวณใต้ดวงตา ทำให้ใต้ตาดูบวม ผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย ในบางรายอาจมีปัญหาใต้ตาคล้ำร่วมด้วย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า และดูมีอายุ

  • ริ้วรอยใต้ตา

ริ้วรอยใต้ตา หรือที่เรียกกันว่า รอยตีนกา มีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ หรือเป็นร่องลึกที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังใต้ดวงตา ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย ไม่เรียบเนียน ใบบางรายอาจมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วย ยิ่งทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส

  • ร่องน้ำตาชัด

ร่องน้ำตาชัด หรือร่องที่อยู่บริเวณใต้ตา ตรงกระดูกเบ้าตา โดยเริ่มจากหัวมุมตา ไปจนถึงช่วงกลางกระดูกเบ้าตา ทำให้ดวงตาดูโหลลึกเข้าไปในเบ้าตา และเห็นขอบกระดูกเบ้าตาอย่างชัดเจน ส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัย

 

eye filler2

 

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน คืออะไร?

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนนูนเล็ก ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปในบริเวณใต้ตากระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ทำให้ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนใต้ผิวหนัง โดยสามารถเห็นได้ชัดเจนเมื่อมีการแสดงสีหน้า เช่น การยิ้ม หรือการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ซึ่งปัญหานี้ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ดูไม่เป็นธรรมชาติ ใต้ตาไม่เรียบเนียน ในบางกรณีอาจมีการอักเสบ บวมแดง หรือใต้ตาเปลี่ยนสีร่วมด้วย โดยฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบไม่อักเสบ

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบไม่อักเสบ จะมีลักษณะเป็นก้อนไม่เรียบเนียนบริเวณใต้ตา มักจะเห็นได้ชัดเมื่อมีการยิ้มหรือแสดงสีหน้า แต่ไม่มีอาการปวด บวมแดง หรืออักเสบใด ๆ

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบอักเสบ

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบอักเสบ จะมีลักษณะเป็นก้อนบวม ซึ่งจะบวมขึ้นเรื่อย ๆ ในบริเวณใต้ตา และยังรู้สึกเจ็บ รู้สึกว่าผิวใต้ตาร้อนกว่าบริเวณอื่น รวมถึง ฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีการเปลี่ยนสี เป็นสีแดง สีม่วง หรือสีคล้ำกว่าปกติได้ ซึ่งมักเกิดจากฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอม หากมีอาการดังกล่าว แนะนำให้รีบพบแพทย์ทันที

 

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีสาเหตุมาจากอะไร?
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีสาเหตุมาจากอะไร?

 

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีสาเหตุมาจากอะไร?

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุมาจาก เนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เนื่องจากเลือกเนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละเนื้อ ถูกออกแบบมาเพื่อฉีดชั้นผิวที่แตกต่างกัน โดยสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น ควรเลือกฟิลเลอร์เนื้อนิ่มหรือเนื้อละเอียด เพื่อเติมเต็มให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก ควรเลือกฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เพื่อช่วยเติมเต็มและเสริมชั้นกระดูกให้ผิวใต้ตาดูอ่อนเยาว์ หากเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม เช่น เลือกฟิลเลอร์เนื้อแข็งไปฉีดใต้ตาชั้นตื้น อาจทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนอย่างเห็นได้ชัด

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุมาจาก ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอม มีส่วนประกอบที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. ทำให้เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหน้าแล้ว ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน เกิดอาการแพ้ และอักเสบ จนส่งผลให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ อีกทั้ง ฟิลเลอร์ปลอม ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เมื่อฉีดไปนาน ๆ ฟิลเลอร์มักจับตัวกันเป็นก้อน จนไหลย้อยไม่เป็นทรง ใบหน้าบิดเบี้ยวไปจากเดิม จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจได้

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุมาจาก ฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไป

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เนื่องจากใต้ตาเป็นบริเวณที่มีผิวค่อนข้างบาง หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามากเกินความจำเป็น อาจทำให้เกิดแรงดันภายในเนื้อเยื่อใต้ตา ส่งผลให้ฟิลเลอร์ถูกดันให้เคลื่อนที่ จนจับตัวกันเป็นก้อนได้ง่าย โดยสามารถเห็นได้ชัดเวลายิ้ม หรือแสดงสีหน้า

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุมาจาก แพทย์ไม่มีความรู้เพียงพอ

หากแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่มีความรู้ ความสามารถ และประสบกาณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่เพียงพอ อาจไม่สามารถประเมินปัญหา คำนวณปริมาณฟิลเลอร์ และแนะนำเนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขได้ อีกทั้ง ยังเสี่ยงต่อการฉีดผิดจุด ฉีดผิดชั้นผิว จนทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน หรืออาจถึงขั้นฉีดพลาดเข้าเส้นเลือด ทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว

 

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน อันตรายไหม?

ความอันตรายของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะของก้อนและอาการที่เกิดขึ้น หากฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบไม่อักเสบ มีเพียงแค่ก้อนนูนขึ้นมา ไม่มีการอักเสบหรือบวมแดงใด ๆ ถือว่าไม่อันตรายต่อร่างกาย สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้ตามปกติ แต่หากฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบอักเสบ มีลักษณะเป็นก้อนบวม ผิวบริเวณใต้ตาปลี่ยนสี เนื่องจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ถือว่ามีความเสี่ยงอันตรายสูง ทั้งก่อให้เกิดพังผืด ฟิลเลอร์ไหลย้อย จนถึงขั้นตาบอดได้ โดยฟิลเลอร์ในลักษณะนี้ ไม่สามารถฉีดสลายได้ ต้องทำการขูดออกหรือผ่าตัดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากสังเกตตัวเองว่า หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาแล้ว มีก้อนนูนเกิดขึ้น แนะนำให้รีบพบแพทย์ เพื่อหาทางแก้ไขฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนทันที

 

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีวิธีแก้ไขอย่างไร?

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สามารถแก้ไขด้วย การฉีดสลายฟิลเลอร์

การฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นการใช้สารที่เรียกว่า ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase – HYAL) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สามารถย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภท HA เท่านั้น โดยฉีดเข้าไปยังผิวหนังในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดการกักเก็บน้ำ และลดการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ค่อย ๆ ย่อยสลายไปเองตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวใต้ตากลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สามารถแก้ไขด้วย การขูดฟิลเลอร์อออก

การขูดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นวิธีการแก้ไขสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร หรือฟิลเลอร์ปลอมมาก่อน ซึ่งฟิลเลอร์ประภทนี้ไม่สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ เหมือนฟิลเลอร์ประเภท HA โดยการขูดฟิลเลอร์นั้น จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ขูดเอาเนื้อฟิลเลอร์ที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา ซึ่งสามารถขูดออกมาได้เพียง 60 – 70% เท่านั้น ไม่สามารถขูดออกมาได้ทั้งหมด

  • ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สามารถแก้ไขด้วย การผ่าตัดฟิลเลอร์

การผ่าตัดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นวิธีการแก้ไขสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ปลอม ในกรณีที่ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ หรือเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง จนพังผืดเกาะ ไม่สามารถขูดออกได้ โดยการผ่าตัดนั้น จะเป็นการผ่าตัดเปิดผิว และใช้เครื่องมือทางการแพทย์เลาะเนื้อฟิลเลอร์ออกมา ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ที่มีความรู้และความชำนาญ เพื่อไม่ให้พลาดไปโดนเส้นประสาท จึงมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส กดทับ หรือขยี้ตาในบริเวณที่ฉีด เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ และเกิดการจับตัวเป็นก้อนได้
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรหลีกเลี่ยงความร้อน หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก เช่น ออกกำลังกายหนัก ทำเลเซอร์ หรือซาวน่า เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์บวม หรืออักเสบได้
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เนื่องจากจะทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย และคงรูปได้นานขึ้น
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันฟิลเลอร์อักเสบ ติดเชื้อ และฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หากพบว่ามีอาการผิดปกติ อย่างเช่น ใต้ตาเปลี่ยนสี มีหนอง หรือฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาทันที

 

วิธีป้องกันปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
วิธีป้องกันปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

วิธีป้องกันปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีเลขใบอนุญาตประกอบกิจการ 11 หลักอย่างถูกต้อง ตามกฎของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึง ภายในคลินิกต้องมีความสะอาด ปลอดเชื้อ ไม่อับ ไม่คับแคบ
  • เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์เท่านั้น เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินและวิเคราะห์โครงหน้าได้อย่างเหมาะสม รวมถึง ให้คำแนะนำได้อย่างตรงจุด รู้เทคนิคในการฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้
  • เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ประเภท HA ที่สามารถสลายได้หมด 100% ซึ่งต้องเป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. แล้วเท่านั้น จึงจะมีความปลอดภัย ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย และลดความเสี่ยงในการเกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
  • มีการนัดติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อสอบถามอาการและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดที่เหมาะสม ถือเป็นสัญญาณที่ดี และแสดงถึงความใส่ใจในผู้รับบริการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียง หรือฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ โดยดูรีวิวจากหลาย ๆ ช่องทาง ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทั้งภาพก่อน – หลัง รวมถึง คลิปวิดีโอ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังฉีดอย่างชัดเจน ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม

 

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ใต้ตา
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ใต้ตา

 

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน อันตรายไหม?

  • การฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สามารถสลายฟิลเลอร์ประเภท HA ได้หมด 100% ไ่ม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย จึงถือว่ามีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน โดยแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหา และคำนวณปริมาณยาที่ฉีดสลายได้อย่างเหมาะสม หากฉีดในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นการไปทำลายคอลลาเจนในบริเวณใต้ตาได้

 

ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแล้ว สามารถเติมฟิลเลอร์ต่อได้เลยไหม?

  • หลังจากฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแล้ว ไม่สามารถเติมฟิลเลอร์ได้ทันที เนื่องจากสารที่ใช้ในการสลายฟิลเลอร์ใต้ตาจะต้องใช้เวลาในการทำงาน ประมาณ 24 – 72 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนออกไปได้อย่างสมบูรณ์ หากเติมฟิลเลอร์ใหม่เข้าไปในทันที อาจทำให้ฟิลเลอร์ใหม่ถูกสลายไปด้วยได้ โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้เว้นระยะห่างประมาณ 1 – 2 สัปดาห์หลังฉีดสลาย แล้วจึงจะค่อยเติมฟิลเลอร์ใต้ตาใหม่ได้

 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วบวม อันตรายไหม?

  • โดยปกติแล้ว หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นจากยาชา หรือจากเข็มฉีดยา ซึ่งอาการเหล่านี้ ถือว่าไม่เป็นอันตรายใด ๆ สามารถหายเองได้ภายในไม่กี่วัน แต่หากหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว มีอาการบวมจากการติดเชื้อ หรือบวมจากการอักเสบ ทำให้บริเวณใต้ตามีสีคล้ำ หรือเปลี่ยนสีไปจากเดิม เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ฉีดไม่มีคุณภาพ ขั้นตอนในการฉีดไม่สะอาด มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ถือว่ามีความอันตรายสูง ควรพบแพทย์ทันที

 

ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร?

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา มีริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่อยากเจ็บตัว
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่อายุมาก ต้องการแก้ไขกระดูกใต้ตาทรุดตัวลง
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาจากพันธุกรรม
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาจากโรคภูมิแพ้

 

ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ผิวบริเวณใต้ตาเต่งตึง ลดความหย่อนคล้อย
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ริ้วรอยใต้ตาตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียน มีความอิ่มฟู 
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส มีชีวิตชีวา เหมือนนอนเต็มอิ่มตลอดเวลา
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ใต้ตาสว่างขึ้น ลดความหมองคล้ำบริเวณใต้ตา
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้เบ้าลึกใต้ตาตื้นขึ้น ใบหน้าดูมีมิติ อ่อนกว่าวัย

 

ฟิลเลอร์ใต้ตา ควรฉีดกี่ CC?

  • ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในแต่ละคนนั้น จะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข และโครงหน้าของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว ควรเริ่มต้นปริมาณ 1 – 2 CC ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่า ควรใช้ฟิลเลอร์ปริมาณกี่ CC ถึงจะเหมาะสม และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หากฉีดปริมาณน้อยเกินไป อาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่หากฉีดปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน บวม ไม่เป็นธรรมชาติได้

 

ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดกี่วันเห็นผล?

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ซึ่งในช่วงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จ อาจมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอาการบวมช้ำจะค่อย ๆ หายไป และเนื้อฟิลเลอร์จะค่อย ๆ เซ็ทตัวเข้ากับผิวของเรา ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ 

 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บริเวณใต้ตาแล้ว ยังทำให้ใบหน้าดูสดใส และอ่อนกว่าวัยอีกด้วย ซึ่งถือเป็นหัตถการที่มีความละเอียดอ่อน จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์เป็นหลัก หากฉีดผิดพลาด อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายได้ ทั้งฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ฟิลเลอร์ใต้ตาอักเสบ หรือฟิลเลอร์ใต้ตาติดเชื้อ ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจฉีด ควรศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด พร้อมเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการอนุมัติจาก อย. เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และปลอดภัยสูง

ยกหน้าด้วย Oligio และ Ultra 4D Lift ในทีเดียว หน้าเรียว x 2

ยกหน้าด้วย Oligio

ยกหน้าด้วย Oligio และ Ultra 4D Lift ในทีเดียว หน้าเรียว x 2

 

คุณเบสตี้ ภัทรารวีย์ อินฟลูเอนเซอร์ สาวคนสวย ที่ตอนนี้กำลังโกอินเตอร์ไปไกลถึงประเทศเกาหลี ขอบอกเลยว่าตอนนี้งานชุกมาก แต่พอว่าจากการทำงานคุณเบสตี้ก็ขอก็ตรงเข้ามาทำสวย เสริมความดูดีให้ตัวเองที่รมย์รวินท์คลินิกทันทีเลยค่า

 

ตอนนี้เบสตี้ค่อนข้างยุ่งมากค่ะ เพราะต้องทำงานทุกวัน ทั้งอินฟลูเอนเซอร์ ทั้งถ่ายละคร แต่เรื่องความสวยเบสตี้ยอมไม่ได้ค่ะ เพราะเราต้องใช้หน้าตาในการทำงานทุกวัน และต้องเจอทั้งแดด ลม ฝุ่น มลพิษเข้าไปทุกวัน บวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นก็ต้องมาฟื้นฟูตัวเองกันหน่อยค่ะ แต่การจะเลือกทำหัตถการทั้งทีก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ปังที่สุดให้ตัวเองใช่มั้ยล่ะคะ เบสตี้ก็เลยต้องเลือกเฟ้นหาคลินิกที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน และมีชื่อเสียง อย่างรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะที่เบสตี้เลือกให้เป็นผู้ช่วยดูแลผิวหน้าของเบสตี้ เพราะที่นี่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 20 ปี และไปที่ไหนก็เห็นตลอดๆ เลย สาขาเขาเยอะมาก ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ต่างจังหวัด และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมคุณหมอที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านอีกด้วยค่ะ เบสตี้เลยวางใจมากๆ เลยค่ะ

 

ยกหน้าด้วย Oligio
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

 

ตอนนี้เบสตี้มีปัญหาผิวในเรื่องความยกกระชับค่ะ ตอนนี้ผิวเบสตี้หย่อนคล้อย และมีแฟตส่วนเกินสะสมบริเวณแก้ม ทำให้ดูเป็นคนแก้มเยอะ หน้าบาน และเริ่มมีเหนียงด้วย เพราะช่วงนี้เจริญอาหารพอสมควรค่ะ (หัวเราะ) เบสตี้เป็นกังวลตรงนี้ เพราะตอนที่เราต้องถ่ายรูป หรือออกกล้องก็จะดูบวม ดูตัวใหญ่ค่ะ อยากให้ผิวของเบสตี้ยกกระชับ ลีนส่วนเกิน ให้เฟิร์มมากยิ่งขึ้น ออกกล้องแล้วดูไม่ย้อย ไม่ห้อย เบสตี้เลยมาปรึกษากับคุณหมอไข่มุก (พญ.มุกตาภา สนธิอัชชรา : ว.68054) ในเรื่องนี้ค่ะ ก่อนเริ่มทำหัตถการคุณหมอไข่มุกตรวจวิเคราะห์ผิวหน้าให้กับเบสตี้ด้วยเทคนิค Lifting Select โดยเทคนิคนี้จะวิเคราะห์ปัญหาผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อหาหัตถการที่จะมาตอบโจทย์ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงจุด และดีที่สุดค่ะ และความพิเศษก็คือเทคนิคนี้คิดค้นโดยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปี และมีเฉพาะแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะคะ 

ยกหน้าด้วย Oligio และ Ultra 4D Lift ในทีเดียว หน้าเรียว x 2

คุณหมอไข่มุกเลือกดูแลปัญหาผิวหน้าให้เบสตี้ด้วย 2 โปรแกรมที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเบสตี้แตกต่างกันไปค่ะ เริ่มแรกเลยคือ Oligio ซึ่งตัวนี้เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวตัวดังจากประเทศเกาหลีเลยนะคะ และ Oligio ตอบโจทย์ของเบสตี้มากๆ ค่ะ เพราะนอกจากจะยกกระชับผิวหน้าแล้ว ยังช่วยลดแฟตส่วนเกินที่สะสมใต้ผิวได้อีกรับรองว่า หน้าเฟิร์มขึ้นมาก Oligio พิเศษมากๆ นอกจากจะทำบริเวณผิวหน้า และลำคอได้แล้ว ยังสามารถทำบริเวณลำตัวได้อีกด้วยนะคะ ใครที่ผิวไม่ยกกระชับ หุ่นไม่เฟิร์ม ทำ Oligio แล้ว หุ่นยกกระชับ ลีน เฟิร์ม ไม่ย้อยไม่ปลิ้นแน่นอนค่ะ และที่สำคัญเลยคือ Oligio เจ็บน้อยมากๆ ค่ะ เพราะเป็นการยกกระชับ ให้ผิวเฟิร์มขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องใช้เข็มเลย ใครที่อยากทำโปรแกรมยกกระชับผิวแต่กลัวเจ็บ ต้อง Oligio เลยค่ะ เพราะเขาเป็นโปรแกรมยกกระชับที่มีความปลอดภัย ได้มาตรฐานรองรับจาก FDA อเมริกา ยุโรป และไทย แถมยังได้รางวัล 2024 Korea Customer Preference Index No.1 เป็นรางวัลการันตีคุณภาพจากประเทศเกาหลีอีกด้วยนะคะ ทำตัวนี้เสร็จเบสตี้รู้สึกได้เลยถึงความ ลีน ลด ยก เฟิร์ม สุดๆ 

 

ยกหน้าด้วย Oligio
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

 

หลังจากทำ Oligio เสร็จ คุณหมอไข่มุกก็จัด Ultra 4D Lift ให้เบสตี้ต่อเลย เรียกได้ว่าจัดความเฟิร์ม ยกกระชับให้กับเบสตี้อย่างต่อเนื่อง เพราะ Ultra 4D Lift ตัวนี้เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ยิงด้วยพลังงาน Micro Pusled Technology ยิงได้ลงลึกถึงผิวชั้น SMAS โดยใน 1 ช็อต จะปล่อยพลังงานได้ถึง 417 จุด โดยใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที ทำให้ตอนทำ Ultra 4D Lift  รู้สึกเจ็บน้อยลง และนอกจากจะให้ความยกกระชับกับผิวแล้ว Ultra 4D Lift ยังช่วยเก็บกรอบหน้าให้เรียวชัดได้รูป V Shape มากยิ่งขึ้น ลดเลือนริ้วรอยร่องลึกให้ตื้นขึ้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้น และสำหรับใครที่มีกังวลเรื่องความหย่อนคล้อย หน้าไม่เฟิร์ม Ultra 4D Lift ช่วยลดไขมันส่วนเกินอย่างแก้มห้อย เหนียงย้อย คางสองชั้นให้หายวับไปเลยค่ะ และ Ultra 4D Lift ยังมีหัว Ultra Booster หรือหัวปากกาที่ปล่อยพลังงานเป็นวงกลมช่วยเก็บงานผิวให้เนียนละเอียด มีคุณภาพดีขึ้นได้อีกด้วยค่ะ 

 

ยกหน้าด้วย Oligio
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

 

หลังจากที่เบสตี้มาทำหน้าที่รมย์รวินท์คลินิก มีแต่คนทักเยอะมาก ว่าไปทำอะไรมา หน้าเล็กลงมาก ทักทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่ของเบสตี้เองค่ะ แม่บอกว่าไม่ต้องไปทำแล้วนะช่วงนี้หน้าเล็กจนเป็นเข็มอยู่แล้ว (หัวเราะ) เบสตี้ก็โอเคถ้าแม่เราทักมาขนาดนี้ แสดงว่าผ่าน ได้ผลชัดเจนแน่นอนค่ะ หน้าของเบสตี้ตอนนี้ยกกระชับ ลีน เฟิร์มมากๆ เพราะ Oligio และ Ultra 4D Lift ยกทุกมุมให้ผิวเบสตี้ยกกระชับทุกจุดเลยค่ะ 

 

ใครที่มีปัญหาผิวขอให้มาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกเลยนะคะ คุณหมอจะประเมินการรักษาเฉพาะรายบุคคลเลย และคุณหมอเก่งมากเพราะสามารถหาจุดที่เราทำแล้วเราสวยที่สุดให้กับเบสตี้ได้ และผลลัพธ์หลังจากทำออกมาดีมาก เบสตี้พอใจกับใบหน้าของตัวเองหลังทำมากๆ เลยค่ะ เบสตี้ไว้ใจให้คุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกดูแลผิวหน้าของเบสตี้ และคุณหมอก็ใจดีมากๆ เลยค่ะ 

ROMRAWIN Exclusive Meeting จัดงานประชุมยกระดับมาตรฐานการรักษาความงามที่ล้ำสมัย

ROMRAWIN Exclusive Meeting

รมย์รวินท์คลินิก จัดงานประชุม ROMRAWIN Exclusive Meeting ยกระดับมาตรฐานการรักษาความงามที่ล้ำสมัย

 

รมย์รวินท์คลินิก เดินหน้าพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านเวชศาสตร์ความงามอย่างต่อเนื่อง จัดงานประชุมสุดเอกซ์คลูซิฟ “ROMRAWIN’ Exclusive Meeting” เพื่ออัปเดตเทรนด์แห่งอนาคต เสริมสร้างศักยภาพให้กับแพทย์ และยกระดับมาตรฐานการรักษาให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมมนต์เทียร์ สุขุมวิท ห้อง An An เวลา 8.00 – 12.00 น.ที่ผ่านมา

 

งานประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างแพทย์ของรมย์รวินท์คลินิก พร้อมนำเสนอแนวทางการรักษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพของการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพผิวได้อย่างล้ำลึกและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

 

ROMRAWIN Exclusive Meeting
ROMRAWIN Exclusive Meeting

 

บรรยากาศการบรรยายสุดเอกซ์คลูซิฟ

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานนี้ คือการได้รับเกียรติจาก คุณหมอแพร – พญ.ธิรดา จิตตการ (ว.30170) แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก ได้มาร่วมแบ่งปันองค์ความรู้เชิงลึกและเทคนิคเฉพาะทางที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในการรักษา พร้อมด้วย คุณหมอ​ฐา – พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล (ว.10656) และ มาดามจอย – ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน ผู้บริหารรมย์รวินท์คลินิก มาร่วมงาน 

 

ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมสร้างสีสันให้กับงานผ่านกิจกรรม Lucky Draw ซึ่งมอบของรางวัลสุดพิเศษให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม

 

ROMRAWIN Exclusive Meeting
ROMRAWIN Exclusive Meeting

 

เทคโนโลยีความงามที่ล้ำสมัย และเทคนิคใหม่ล่าสุด

งานประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีความงามที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยครอบคลุมหัวข้อสำคัญ อาทิ

 

  • เทคนิคการปรับรูปหน้าและลดเลือนริ้วรอยด้วยโปรแกรมฉีดโบ โปรแกรมฉีด Filler และ โปรแกรมฉีด  Biostimulator ซึ่งช่วยให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและดูเป็นมิติมากขึ้น
  • การฟื้นฟูเซลล์ผิวระดับลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์จากภายใน
  • เทคโนโลยีเติมเต็มสารอาหารสำคัญให้แก่ร่างกายและผิวพรรณ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพผิวที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
  • การพัฒนา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาหารเสริม และมาสก์ ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านของลูกค้า

 

ROMRAWIN Exclusive Meeting
ROMRAWIN Exclusive Meeting

 

รมย์รวินท์คลินิก มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความงามที่ก้าวล้ำ

งานประชุม ROMRAWIN’ Exclusive Meeting ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ รมย์รวินท์คลินิก ในการยกระดับมาตรฐานด้านเวชศาสตร์ความงาม ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและเทคนิคการรักษา พร้อมมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของแพทย์ให้สามารถมอบผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุดแก่ลูกค้า

 

ROMRAWIN Exclusive Meeting
ROMRAWIN Exclusive Meeting

 

ด้วยความมุ่งมั่นในการคิดค้นและพัฒนาการรักษาอย่างไม่หยุดยั้ง รมย์รวินท์คลินิกยังคงเดินหน้าต่อยอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มความงามระดับโลก

Volume Lifting ยกกระชับผิวหน้าเผยเคล็ดลับผิวอ่อนเยาว์

เผยเคล็ดลับผิวอ่อนเยาว์Volume Lifting

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    ยกกระชับผิวหน้า เผยเคล็ดลับผิวอ่อนเยาว์อย่างมั่นใจด้วย Volume Lifting

    ในยุคสมัยที่ทุกคนปรารถนาผิวที่กระชับ เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์เสมอ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ อย่าง มลภาวะ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้ผิวสูญเสียความเต่งตึงตามธรรมชาติ หากใครกำลังมองหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยไม่ต้องผ่าตัดโปรแกรมยกกระชับผิวหน้า 

     

    Volume Lifting คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม เทคโนโลยี Volime Lifting นี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูโครงสร้างผิว ให้ผิวดูสดใสและสุขภาพดีได้ในเวลาอันสั้น เตรียมพบกับความเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งและความมั่นใจของผิวกระชับที่กลับคืนมาได้ในบทความนี้

     

     

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting คืออะไร?

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เป็นเทคโนโลยีความงามที่ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา ใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร  (Nd YAG) และ 2,940 นาโนเมตร (Er YAG) ร่วมกัน โดดเด่นด้วยระบบเลเซอร์คู่ที่สามารถทำงานได้อย่างครอบคลุม ที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าและฟื้นฟูโครงสร้างผิว โดยไม่ต้องผ่าตัด กระบวนการนี้ใช้เทคโนโลยีพลังงานเลเซอร์ขั้นสูง ทำงานโดยผ่านลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิวในชั้นลึก ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูความเต่งตึงของใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    เทคนิค Volume Lifting โดดเด่นในเรื่องการให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการพักฟื้นหรือผลข้างเคียงจากการทำศัลยกรรม นอกจากนี้ การทำ Volume Lifting ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ ด้วยกระบวนการที่ปลอดภัยและทันสมัย

     

    หลักการทำงานของยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เป็นกระบวนการยกกระชับผิวที่ใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร (Nd YAG) และ 2,940 นาโนเมตร (Er YAG) ร่วมกัน ทำงานโดยผ่านลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับในวงการความงาม หลักการทำงานของเทคโนโลยีนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นขั้นตอนหลัก ดังนี้

    • การส่งพลังงานเลเซอร์เข้าสู่ชั้นผิวลึก

    ใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร  (Nd YAG) และ 2,940 นาโนเมตร (Er YAG) ร่วมกัน ในระดับที่สามารถลงไปกระตุ้นชั้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง โดยพลังงานเลเซอร์นี้มี ความแม่นยำสูง สามารถปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิว และทำงานเฉพาะจุดได้โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากการบาดเจ็บและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

    • การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

    เมื่อเลเซอร์ลงไปลึกถึงชั้นใต้ผิว จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ กระบวนการนี้จะช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิว ทำให้ผิวดูกระชับและเรียบเนียน ทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่เสียหายจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดดหรือมลภาวะ

    • การยกกระชับและฟื้นฟูโครงสร้างผิว

    พลังงานเลเซอร์ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยได้รับการยกกระชับ พร้อมทั้งลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก กระบวนการนี้ยังช่วยปรับสมดุลของผิวหน้าให้ดูได้รูปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยกกรอบหน้า แก้ไขริ้วรอยรอบดวงตา หรือกระชับผิวบริเวณแก้ม ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใส

    • ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ

    การฟื้นฟูผิวหน้าด้วย Volume Lifting ให้ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีการทำลายเนื้อเยื่อหรือผิวชั้นบน ผู้เข้ารับบริการจึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้นและสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมความกระจ่างใสที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก

     

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?
    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

     

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ซึ่งมีประโยชน์และช่วยแก้ไขปัญหาผิวพรรณได้หลากหลาย โดยเน้นการฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประโยชน์หลักที่ Volume Lifting มอบให้ มีดังนี้

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าที่หย่อนคล้อย เช่น บริเวณกรอบหน้า แก้ม และคาง
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยลดริ้วรอยตื้นและร่องลึก เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ร่องแก้ม และหน้าผาก
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับโครงสร้างผิว
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยยกกระชับกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวและได้รูปชัดเจนยิ่งขึ้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำจากมลภาวะหรืออายุที่เพิ่มขึ้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ทำให้ผิวดูสดใสและเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและแข็งแรงขึ้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ลดการเกิดปัญหาผิวในอนาคต เช่น ผิวแห้งหรือรูขุมขนกว้าง
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยลดขนาดรูขุมขนและทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนยิ่งขึ้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิวหน้า
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ฟื้นฟูความกระจ่างใสและปรับโทนสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ลดเลือนจุดด่างดำและรอยแดงที่เกิดจากสิว
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting กระตุ้นการฟื้นตัวของผิวในระดับเซลล์

     

    ข้อดีของการยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting
    ข้อดีของการยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting

     

    ข้อดีหลักที่ทำให้ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting โดดเด่น มีดังนี้

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ปลอดภัยและไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังการทำ
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติ
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ผลลัพธ์ของผิวยกกระชับและเรียบเนียนจะคงอยู่ยาวนาน
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting แก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย เช่น ยกกระชับกรอบหน้า แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก รูขุมขนกว้าง
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองดูดีที่สุดในโอกาสสำคัญ
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ใช้เวลาในการรักษาสั้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวอย่างรวดเร็ว
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting สามารถปรับระดับพลังงานหรือโฟกัสในบริเวณที่ต้องการแก้ไขเฉพาะจุด
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ช่วยปรับสมดุลผิวในระยะยาวเมื่อทำต่อเนื่อง
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting สามารถทำได้ทั้งในผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ ไปจนถึงผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน

     

    ใครที่เหมาะกับยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting?
    ใครที่เหมาะกับยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting?

     

    ใครที่เหมาะกับยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting?

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า ลดริ้วรอย และแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนหลากหลายประเภท ดังนี้

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย เช่น บริเวณกรอบหน้า แก้ม หรือคาง
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก หรือร่องแก้มลึก
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความสดใสและความยืดหยุ่นให้ผิว
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือรูขุมขนกว้าง
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากมลภาวะและปัจจัยภายนอก
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและปรับผิวให้เรียบเนียน
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าหรือยกกระชับกรอบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือพักฟื้น
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการป้องกันปัญหาผิวในอนาคต
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่มองหาวิธีการฟื้นฟูผิวที่ให้ผลลัพธ์ยาวนาน
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้มีปัญหาผิวไม่กระชับหลังลดน้ำหนัก
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับสมดุลใบหน้าโดยไม่ฉีดสารเติมเต็ม
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหลายจุดพร้อมกัน

     

    ใครที่ไม่เหมาะกับ Volume Lifting?

    แม้ว่ายกกระชับผิวหน้า Volume Lifting จะเป็นกระบวนการยกกระชับผิวที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่อาจไม่เหมาะสมหรือควรหลีกเลี่ยงการทำ Volume Lifting ดังนี้

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับสตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบหรือแผลเปิด เช่น สิวอักเสบเรื้อรัง โรคสะเก็ดเงิน
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับผิวหนังที่รุนแรง เช่น โรคด่างขาว โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเบาหวานชนิดที่ควบคุมไม่ได้
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งทำศัลยกรรมหรือการรักษาผิวอื่น ๆ
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้แสงเลเซอร์หรือมีผิวไวต่อความร้อน
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต

     

    การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting
    การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting

     

    การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting

    การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ Volume Lifting เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ซึ่งวิธีเตรียมตัวที่ควรรู้ มีดังนี้

    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรเข้ารับคำปรึกษาเพื่อประเมินสภาพผิวกับแพทย์ที่มีความรู้
    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรแจ้งประวัติการรักษาผิวก่อนหน้านี้ หรือโรคประจำตัว
    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinoids, AHA, BHA อย่างน้อย 3-5 วัน
    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือสครับหน้า
    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ประเภทอื่น การทำทรีตเมนต์ หรือการอาบแดดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting หลีกเลี่ยงการใช้ยาและผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 3-7 วัน
    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
    • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting งดการแต่งหน้าก่อนเข้ารับบริการ

     

    ขั้นตอนการทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting

    1. ก่อนเริ่มต้นทำการรักษา แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข พูดคุยถึงประวัติสุขภาพ การใช้ยา หรือการรักษาผิวที่ผ่านมา เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
    2. ผู้เข้ารับบริการต้องทำความสะอาดผิวหน้าอย่างหมดจด
    3. แพทย์อาจทายาชาเฉพาะที่ เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำ
    4. แพทย์เริ่มใช้เครื่องเลเซอร์จะปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นผิวในระดับลึก ขั้นตอนนี้จะใช้เทคนิคที่ปรับความเข้มข้นของพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละบริเวณ
    5. แพทย์อาจใช้เลเซอร์ปรับแต่งบริเวณที่ต้องการแก้ไขเฉพาะจุด
    6. หลังการทำ แพทย์จะประเมินสภาพผิวอีกครั้ง และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวในช่วงพักฟื้น
    7. แพทย์อาจนัดติดตามผลหลังการทำ เพื่อประเมินผลลัพธ์และปรับการรักษาเพิ่มเติมในครั้งถัดไป หากจำเป็น

     

    การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting
    การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting

     

    การดูแลตัวเองหลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting

    หลังการทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ผิวอาจต้องการการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงคำแนะนำสำหรับการดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการ มีดังนี้

    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัดอย่างน้อย 7 วัน
    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักในวันแรกหลังการทำ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, Retinol อย่างน้อย 5-7 วัน
    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting งดการขัดผิว การใช้สครับ หรือการถูหน้าแรง ๆ ในช่วง 3-5 วันแรก
    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting หลีกเลี่ยงการใช้ห้องซาวน่า การอาบน้ำอุ่นจัด หรือการออกกำลังกายหนัก 1-2 วันแรก
    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือยาตามที่แพทย์แนะนำ เช่น ครีมลดการอักเสบ หรือเซรัมเพิ่มความชุ่มชื้น
    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF50 และ PA+++ ทุกวัน
    • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นและอ่อนโยนต่อผิว

     

    ความแตกต่างระหว่างยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting กับเทคโนโลยีอื่น

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting มีความโดดเด่นเฉพาะตัวเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ใช้ในการยกกระชับผิวและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ เช่น HIFU, RF และการฉีดฟิลเลอร์ โดยทั้งหมดมีความแตกต่างกัน ดังนี้

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting vs HIFU

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ใช้พลังงานเลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกอย่างปลอดภัยและอ่อนโยน ส่วน HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง เพื่อยกกระชับชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่อยู่ลึกกว่าเลเซอร์ทั่วไป โดยยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยนและลดริ้วรอยได้หลายจุด ขณะที่ HIFU เน้นการยกกระชับกรอบหน้าและผิวชั้นลึกอย่างชัดเจน

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting vs RF (Radio Frequency)

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ใช้พลังงานเลเซอร์ที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิวในทุกชั้นได้อย่างล้ำลึก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหลายด้านพร้อมกัน เช่น ริ้วรอยลึก ผิวแห้ง หรือรูขุมขนกว้าง ส่วน RF ใช้คลื่นวิทยุสร้างความร้อนในชั้นผิวเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและช่วยยกกระชับผิวชั้นตื้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting vs การฉีดฟิลเลอร์

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ฟื้นฟูผิวจากภายในด้วยพลังงานเลเซอร์ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและไม่ต้องใช้สารเติมเต็ม ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ทันที โดยการเติมสารไฮยาลูรอนิก แอซิด ในบริเวณที่ต้องการเช่น ร่องแก้มหรือริมฝีปาก ดังนั้นยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวทั้งใบหน้า ส่วนฟิลเลอร์เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาจุดเฉพาะที่ต้องการวอลลุ่มทันที

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting vs การทำศัลยกรรมดึงหน้ายกกระชับ

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผล ใช้พลังงานเลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่การทำศัลยกรรมดึงหน้ายกกระชับ เป็นการผ่าตัดดึงผิวเพื่อแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยอย่างรุนแรงให้เห็นผลทันที ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง ในขณะที่การทำศัลยกรรมดึงหน้ายกกระชับเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยรุนแรง และต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ราคาเท่าไหร่?

    ราคาของการทำ Volume Lifting จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ทำการรักษา ระดับความรุนแรงของปัญหาผิว และจำนวนครั้งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยทั่วไปราคาของยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting มีราคาดังต่อไปนี้

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting จะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 – 10,000 บาทต่อครั้ง
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting สำหรับบริเวณเล็ก เช่น ใต้ตาหรือรอบปาก ราคาประมาณ 15,000 – 30,000 บาท
    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting สำหรับทำทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ราคาประมาณ 20,000 – 40,000 บาท

     

    รวมคำถามทุกเรื่องของยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ปลอดภัยไหม?

    • ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เป็นกระบวนการยกกระชับผิวที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล เช่น FDA ซึ่งยืนยันถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา

     

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting มีผลข้างเคียงไหม?

    • โดยทั่วไปยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting มีผลข้างเคียงน้อยมาก ผู้เข้ารับบริการอาจพบรอยแดงหรือรู้สึกอุ่นบริเวณผิวหลังการรักษา ซึ่งมักหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน

     

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

    • ผลลัพธ์ของยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting อาจเริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก โดยเฉพาะผิวที่ดูเรียบเนียนและกระชับขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ควรทำการรักษาต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล

     

    จำนวนครั้งที่แนะนำของการยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting คือเท่าไหร่?

    • แพทย์จะประเมินปัญหาผิว เช่น ความหย่อนคล้อย ความลึกของริ้วรอย หรือปัญหารูขุมขน เพื่อกำหนดจำนวนครั้งที่เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปมักแนะนำที่ 3-5 ครั้งในช่วงแรก

     

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นเมื่อไหร่ และจะคงอยู่นานแค่ไหน?

    • ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นหลังจากการรักษาครั้งแรก 1-2 สัปดาห์ โดยคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นจะค่อย ๆ ฟื้นฟูผิวในระยะ 1-3 เดือน ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรทำบ่อยแค่ไหน?

    • ระหว่างการทำยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting ควรเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่ 

     

    ยกกระชับผิวหน้า Volume Lifting เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอย และฟื้นฟูความอ่อนเยาว์อย่างปลอดภัยและไม่ต้องผ่าตัด ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยและประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายใน ผิวหน้าจะกลับมาดูเรียบเนียน เต่งตึง และสดใสมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

     

    สิ่งสำคัญคือการเลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และแพทย์ผู้มีความรู้ที่สามารถวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ การปรึกษาและเตรียมตัวอย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลหลังการรักษา จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและยาวนาน

     

    หากคุณกำลังมองหาวิธีคืนความอ่อนเยาว์และเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง Volume Lifting คือคำตอบที่ช่วยให้คุณเผยผิวในแบบที่สดใสและดูสุขภาพดี พร้อมเผชิญทุกช่วงเวลาอย่างมั่นใจในตัวเอง

    เทคโนโลยี HIFU เทคนิคยกกระชับผิวของคนอยากหน้าเด็ก

    เทคโนโลยี HIFU

    รวมเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี HIFU เทคนิคยกกระชับผิวของคนอยากหน้าเด็ก

    หากกำลังมองหาวิธีที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด HIFU หรือ High-Intensity Focused Ultrasound อาจเป็นคำตอบที่กำลังตามหา ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และยกกระชับได้อย่างเป็นธรรมชาติ แบบไม่ต้องพักฟื้น

     

    HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในวงการความงาม เพราะช่วยจัดการกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้อย่างตรงจุด ทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ผิวหน้าดูอ่อนวัยแบบไม่ต้องเจ็บตัวหรือใช้เวลานาน 

     

    ในบทความนี้ รมย์รวินท์คลินิกได้รวบรวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ HIFU ไม่ว่าจะเป็นหลักการทำงานที่ช่วยสร้างผลลัพธ์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อควรระวัง รวมถึงคำแนะนำก่อนและหลังทำ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนและตัดสินใจเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลผิวของ

     

    เทคโนโลยี HIFU คืออะไร?
    เทคโนโลยี HIFU คืออะไร?

     

    เทคโนโลยี HIFU คืออะไร?

    HIFU หรือ High-Intensity Focused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีความงาม ทำงานด้วยหลักการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ไปยังชั้นผิวหนังในระดับลึก เช่น ชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ทำหน้าที่รองรับโครงสร้างของผิวหนังและกล้ามเนื้อ การใช้พลังงานคลื่นเสียงนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับและลดเลือนริ้วรอย โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังชั้นบนหรือเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง

    เทคโนโลยี HIFU ยังได้รับการออกแบบให้สามารถปรับระดับความลึก และความเข้มข้นของพลังงานได้ตามความเหมาะสมของสภาพปัญหาผิวในแต่ละบุคคล เช่น การยกกระชับใบหน้า การลดเหนียงใต้คาง หรือการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น

     

    หลักการทำงานของเทคโนโลยี HIFU

    • การโฟกัสพลังงานอัลตราซาวนด์

    คลื่นเสียงจะถูกโฟกัสลงไปในจุดเล็ก ๆ ที่ชั้นผิวลึก โดยพลังงานจะไม่กระจายตัวออกไปบริเวณอื่น

    • การสร้างความร้อนในผิวชั้นลึก

    พลังงานคลื่นเสียงจะสร้างความร้อนในจุดที่โฟกัส อุณหภูมิประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสมสำหรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่

    • กระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ

    หลังจากที่คอลลาเจนถูกกระตุ้น ร่างกายจะเริ่มกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวดูยกกระชับและเรียบเนียนยิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 2-3 เดือนหลังทำ

     

    เทคโนโลยี HIFU ช่วยอะไรบ้าง?
    เทคโนโลยี HIFU ช่วยอะไรบ้าง?

     

    เทคโนโลยี HIFU ช่วยอะไรบ้าง?

    • เทคโนโลยี HIFU ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เช่น แก้ม แนวกราม และใต้คาง
    • เทคโนโลยี HIFU ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ดูได้รูปมากขึ้น
    • เทคโนโลยี HIFU ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้ม และมุมปาก
    • เทคโนโลยี HIFU ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
    • เทคโนโลยี HIFU ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวลึก
    • เทคโนโลยี HIFU กระชับผิวในบริเวณอื่นของร่างกาย เช่น คอ ท้องแขน หรือหน้าท้อง
    • เทคโนโลยี HIFU ลดไขมันส่วนเกินใต้คางและบริเวณลำคอ
    • เทคโนโลยี HIFU ทำให้ผิวดูเต่งตึงและยืดหยุ่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
    • เทคโนโลยี HIFU ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส สุขภาพดี และอ่อนเยาว์
    • เทคโนโลยี HIFU ลดความหมองคล้ำและปรับผิวให้แลดูสม่ำเสมอ
    • เทคโนโลยี HIFU ช่วยเน้นกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด
    • เทคโนโลยี HIFU ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยในจุดเฉพาะเจาะจง เช่น ยกกระชับหางตา ลดถุงใต้ตา หรือลดความหย่อนคล้อยของลำคอ

     

    ข้อดีของเทคโนโลยี HIFU

    • เทคโนโลยี HIFU ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่กระทบหรือทำลายผิวชั้นบน
    • เทคโนโลยี HIFU ยกกระชับและลดริ้วรอยได้ในหลายจุดในใบหน้า
    • เทคโนโลยี HIFU ลดไขมันและกระชับผิวได้ในครั้งเดียว
    • เทคโนโลยี HIFU ปลอดภัยและได้รับการยอมรับในระดับสากล
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะสำหรับคนทุกวัยที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือใช้เข็ม ไม่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่มีแผลและไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
    • เทคโนโลยี HIFU เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำทันที และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถปรับระดับความลึกของพลังงานได้ตามปัญหาและความต้องการ
    • เทคโนโลยี HIFU ใช้เวลาเพียง 30–60 นาทีต่อครั้ง และไม่ต้องเสียเวลาในการดูแลหลังทำ
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว โดยไม่มีผลข้างเคียงจากความร้อน

     

    เทคโนโลยี HIFU ทำบริเวณใดได้บ้าง?
    เทคโนโลยี HIFU ทำบริเวณใดได้บ้าง?

     

    เทคโนโลยี HIFU ทำบริเวณใดได้บ้าง?

    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณหน้าผาก – ช่วยลดริ้วรอยลึกและตื้นบริเวณหน้าผาก
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณรอบดวงตา – ลดริ้วรอยรอบดวงตา ยกกระชับหนังตา
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณแก้ม – ช่วยยกกระชับผิวแก้มที่หย่อนคล้อย
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณร่องแก้ม – ลดร่องลึกที่เห็นได้ชัด
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณกรอบหน้า – ปรับกรอบหน้าให้ชัดเจน ลดความหย่อนคล้อย
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณใต้คาง – ลดไขมันบริเวณเหนียง พร้อมกระชับผิว
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณมุมปาก – ยกกระชับมุมปากที่ตก
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณลำคอ – ลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอยรอบลำคอ
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณหน้าอก – ลดริ้วรอยและยกกระชับผิวบริเวณเนินอก
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณต้นแขน – ยกกระชับผิวบริเวณต้นแขนที่หย่อนคล้อย
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณต้นขา – ช่วยกระชับผิวบริเวณต้นขา ลดความหย่อนคล้อยบริเวณขาด้านในและด้านนอก
    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณหน้าท้อง – กระชับผิวบริเวณรอบเอว และช่วยลดไขมันส่วนเกิน

     

    ใครบ้างที่เหมาะกับเทคโนโลยี HIFU

    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้าและลำคอหย่อนคล้อย
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใบหน้าและลำคอ
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้ม หรือมุมปาก
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดีมากขึ้น
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าในระยะเวลาจำกัด
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการป้องกันการหย่อนคล้อยของผิวหน้าในอนาคต
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวบริเวณอื่น เช่น ลำคอ ท้องแขน ต้นขา และหน้าท้อง
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับทุกสีผิว ทุกสภาพผิว และทุกปัญหาผิว
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น ผิวรอบดวงตา ลำคอ
    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง

     

    ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับเทคโนโลยี HIFU

    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ มีแผลเปิด สิวอักเสบขั้นรุนแรง
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิดบริเวณที่จะทำการรักษา
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจหรือโลหะในร่างกาย
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรค SLE โรคภูมิแพ้ตัวเอง
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งผ่านการทำศัลยกรรมหรือหัตถการอื่น ๆ
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง ผิวแพ้ง่าย และผิวไวต่อความร้อน
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาทบริเวณใบหน้า
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจที่ยังควบคุมอาการไม่ได้ หรือโรคเกี่ยวกับตับและไตที่มีภาวะรุนแรง
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อเยื่อผิดปกติในบริเวณที่ต้องการรักษา เช่น ซีสต์ เนื้องอก
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นจากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยอื่น ๆ
    • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังแพ้ง่ายและมีการอักเสบเรื้อรัง

     

    เปรียบเทียบเทคโนโลยี HIFU กับวิธียกกระชับอื่น ๆ

    การยกกระชับผิวมีหลากหลายวิธี โดยแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย และเหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบเทคโนโลยี HIFU กับวิธีอื่น ๆ อย่างละเอียด ดังนี้

    เทคโนโลยี HIFU vs ร้อยไหม

    • เทคโนโลยี HIFU เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกโดยไม่ต้องมีแผลหรือใช้เข็ม ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ข้อดีของ HIFU คือไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนทันทีเหมือนการร้อยไหม ซึ่งการร้อยไหมเป็นวิธีที่ใช้ไหมละลายเพื่อดึงผิวให้กระชับทันที เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง และต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออักเสบ และอาจมีรอยซ้ำหลังทำ

     

    เทคโนโลยี HIFU vs ศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า

    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนในระยะเวลา 2-3 เดือน และอยู่ได้นาน 6-12 เดือนโดยไม่ต้องพักฟื้น ข้อดีของเทคโนโลยี HIFU คือไม่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยรุนแรง การทำเทคโนโลยี HIFU อาจไม่เพียงพอกับการแก้ปัญหานี้ ในกรณีนี้ การศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า เป็นทางเลือกที่มีผลลัพธ์ชัดเจนและผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แม้ว่าจะต้องผ่าตัดใหญ่ มีแผล และต้องพักฟื้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้การศัลยกรรมยกกระชับใบหน้ามีค่าใช้จ่ายสูง และมีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนอีกด้วย

     

    เทคโนโลยี HIFU vs เลเซอร์ยกกระชับผิว 

    • เทคโนโลยี HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวชั้นลึกโดยไม่กระทบผิวชั้นบน ทำให้เหมาะสำหรับทุกสีผิวและไม่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี ข้อดีคือไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้น อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี HIFU ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเม็ดสีผิวหรือผิวชั้นบนได้ ในขณะที่เลเซอร์ยกกระชับผิวสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เช่น ลดเลือนจุดด่างดำ ปรับสภาพผิว พร้อมกับยกกระชับผิวหน้า ซึ่งผลลัพธ์จากเลเซอร์จะเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ แต่เลเซอร์อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวสีเข้ม เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยด่างหรือการระคายเคือง

     

    เทคโนโลยี HIFU ในแต่ละช่วงวัย

    การทำ HIFU สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละช่วงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลักษณะของปัญหาผิวและผลลัพธ์ที่คาดหวังจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ดังนี้

    วัย 20–30 ปี

    • ในช่วงวัยนี้ ผิวหน้าจะยังมีความกระชับและยืดหยุ่นดี แต่เริ่มมีปัญหาผิวเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ริ้วรอยตื้นจากการแสดงอารมณ์ ผิวหมองคล้ำจากการทำงานหนัก หรือพักผ่อนไม่เพียงพอและความหย่อนคล้อยเล็กน้อยจากแสงแดดหรือมลภาวะ 
    • การทำเทคโนโลยี HIFU ในวัยนี้ จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้า แนวกราม และใต้คาง รวมไปถึงป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต

    วัย 30–40 ปี

    • ในช่วงวัยนี้ ผิวจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินตามธรรมชาติ ส่งผลให้มีริ้วรอยร่องตื้นและปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่เริ่มสังเกตได้ชัดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแก้ม แนวกราม และใต้ตา
    • การทำเทคโนโลยี HIFU ในวัยนี้ จะช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น เช่น รอบดวงตาและร่องแก้ม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวลึก อีกทั้งยังช่วยยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและได้รูปมากขึ้น

    วัย 40-50 ปี

    • ในช่วงวัยนี้ ความเสื่อมสภาพของผิวจะชัดเจนขึ้น ผิวเริ่มหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด โครงหน้าขาดความกระชับ และมีริ้วรอยลึกปรากฏในบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าผาก ร่องแก้ม และลำคอ
    • การทำเทคโนโลยี HIFU ในวัยนี้ จะช่วยยกกระชับใบหน้าและลำคอที่หย่อนคล้อย ลดริ้วรอยลึก เช่น หน้าผาก ร่องแก้ม รวมไปถึงช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระยะยาว

    วัย 50 ปีขึ้นไป

    • ในช่วงวัยนี้ ผิวสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างมาก โครงหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยลึกชัดเจน และผิวขาดความยืดหยุ่น
    • การทำเทคโนโลยี HIFU ในวัยนี้ จะช่วยฟื้นฟูผิวลึกถึงชั้น SMAS เพื่อยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ ใต้คาง และแก้ม คืนความยืดหยุ่นและความกระชับให้ผิว

     

    สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนทำเทคโนโลยี HIFU

    • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหา
    • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU ควรแจ้งประวัติสุขภาพ รวมถึงโรคประจำตัว การใช้ยา 
    • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU งดการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า หรือหัตถการที่มีผลกระทบต่อผิว 1-2 สัปดาห์
    • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, Retinol 3-5 วัน
    • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
    • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU งดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ประมาณ 1–2 วัน
    • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU งดการแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงผิวใด ๆ ในวันนัดหมาย
    • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้ปวดหรือยาบางชนิด

     

    ขั้นตอนการทำเทคโนโลยี HIFU 

    1. แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข และกำหนดบริเวณที่ต้องการรักษาก่อนทำเทคโนโลยี HIFU
    2. ก่อนเริ่มทำเทคโนโลยี HIFU ผิวหน้าจะถูกทำความสะอาดอย่างหมดจดเพื่อลบเครื่องสำอาง ครีมบำรุง และสิ่งสกปรกตกค้างบนผิว
    3. ทาเจลอัลตราซาวนด์บนบริเวณที่ต้องการทำเทคโนโลยี HIFU เพื่อช่วยส่งพลังงานคลื่นเสียงเข้าสู่ผิว
    4. แพทย์เริ่มวางหัวอุปกรณ์เทคโนโลยี HIFU จะถูกวางลงบนผิว และปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับบริเวณที่ทำ
    5. แพทย์ยิงพลังงาน HIFU ในแต่ละจุดอย่างละเอียดทั่วบริเวณที่ต้องการรักษา เพื่อให้พลังงานครอบคลุมและผลลัพธ์ออกมาสม่ำเสมอ
    6. หลังจากทำเสร็จ แพทย์จะทำความสะอาดผิวอีกครั้ง
    7. แพทย์อาจทาครีมบำรุงผิวหรือครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว และแนะนำการดูแลผิวเพิ่มเติม

     

    แนะนำวิธีการดูแลผิวหลังทำเทคโนโลยี HIFU

    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดในช่วง 7–14 วันแรก
    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดผิว หรือกดผิวหน้า 1–2 สัปดาห์
    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมากหรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อเยอะในช่วง 1–2 วันแรก
    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU งดการทำเลเซอร์ การร้อยไหม อย่างน้อย 2–4 สัปดาห์
    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU งดกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสความร้อนจัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF50 PA+++ เป็นประจำ
    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม
    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น มอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรัมไฮยาลูรอน

     

    รวมทุกคำถามที่ควรรู้ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU

    เทคโนโลยี HIFU ปลอดภัยไหม?

    • HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการยกกระชับผิวและลดริ้วรอย พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ที่ใช้สามารถโฟกัสเฉพาะชั้นผิวลึกโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ทั้งนี้ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับการใช้เครื่องที่ได้มาตรฐานและการทำโดยผู้เชี่ยวชาญ

     

    หลังทำเทคโนโลยี HIFU ผิวหน้าจะเป็นอย่างไร?

    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU ผิวอาจรู้สึกกระชับขึ้นทันที แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะปรากฏในช่วง 2–3 เดือน เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกจะใช้เวลา ผิวอาจมีรอยแดงเล็กน้อยทันทีหลังทำ แต่จะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง

     

    เทคโนโลยี HIFU มีผลข้างเคียงไหม?

    • เทคโนโลยี HIFU มีผลข้างเคียงน้อยมาก แต่อาจพบได้ในบางกรณี เช่น รอยแดงหรือบวมเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปใน 1–2 วัน นับว่าเป็นอาการปกติที่พบได้ทั่วไปหลังทำ

     

    เทคโนโลยี HIFU เห็นผลทันทีไหม?

    • หลังทำเทคโนโลยี HIFU อาจมีความรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นทันที แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะค่อย ๆ เห็นในช่วง 2–3 เดือน เพราะเป็นระยะเวลาที่ร่างกายกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

     

    เทคโนโลยี HIFU สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม?

    • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น ฉีดโบ ฉีดฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์ เพื่อเสริมผลลัพธ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบว่าควรเว้นระยะเวลาระหว่างการทำแต่ละอย่างนานเท่าไร

     

    ต้องทำเทคโนโลยี HIFU กี่ครั้งจึงจะเห็นผล?

    • สำหรับคนส่วนใหญ่ การทำเทคโนโลยี HIFU 1 ครั้ง ก็สามารถเห็นผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน ซึ่งในบางกรณีที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องทำเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์

     

    ความถี่ในการทำเทคโนโลยี HIFU ควรเว้นระยะห่างกี่เดือน?

    • เทคโนโลยี HIFU ควรเว้นระยะห่างประมาณ 6–12 เดือน ต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของร่างกายต่อการกระตุ้นคอลลาเจน การทำซ้ำในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

     

    HIFU หรือ High-Intensity Focused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึกอย่างแม่นยำ ทำให้เทคโนโลยี HIFU สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูเต่งตึง กระชับ และสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ

    แม้ว่าการทำเทคโนโลยี HIFU จะมีข้อดีมากมาย แต่การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและทำโดยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการทำ จะช่วยเสริมให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

    หากกำลังมองหาวิธีที่ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ยุ่งยาก เทคโนโลยี HIFU อาจเป็นคำตอบที่ตามหา การเริ่มต้นดูแลผิวตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้มั่นใจในตัวเองและพร้อมเผชิญกับทุกโอกาสในอนาคตอย่างแน่นอน

    Quantum Healthcare จัดงานฉลองครบรอบ 10 ปี “Celebrating the Decade of Excellence”

    Quantum Healthcare

    รมย์รวินท์คลินิก ร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี Quantum Healthcare ในงาน “Celebrating the Decade of Excellence”

     

    รมย์รวินท์คลินิก เข้าร่วมงาน “Celebrating the Decade of Excellence” ฉลองครบรอบ 10 ปีของ Quantum Healthcare ณ โรงแรม Siam Kempinski โดยงานนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ด้านความงามระดับสากล ณ Siam Kempinski Hotel 18 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 19.00 – 23.00 น. ที่ผ่านมา

     

    โดยในโอกาสพิเศษนี้ รมย์รวินท์คลินิก ได้เข้าร่วมงานเพื่อแบ่งปันความรู้และแนะนำเทคโนโลยีความงาม นำโดย นพ.อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน (หมอริว) – ว.52239 พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู (หมอบีบี) – ว.49909, พญ.มุกตาภา สนธิอัชชรา (หมอไข่มุก) – ว.68054, พญ.ดวงใจ ลี้ประกอบบุญ (หมอออย) – ว.40692 

     

    The Prestige of Archievement Thailand
    ถ่ายรูปร่วมกับแขกรับเชิญสุดพิศษ

     

    รมย์รวินท์คลินิก คว้ารางวัล “The Prestige of Achievement Thailand 2024”

    ความสำเร็จของ รมย์รวินท์คลินิก ในงานนี้ได้รับการตอกย้ำด้วยรางวัล “The Prestige of Achievement Thailand 2024” ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่คลินิกความงามที่มีมาตรฐานสูงสุดในประเทศไทย โดยยกย่องทั้งด้าน นวัตกรรม เทคโนโลยี และคุณภาพการบริการ ที่เป็นเลิศ ซึ่งเป็นสิ่งที่รมย์รวินท์คลินิกมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

     

    แนวคิด “Privilege – Pride – Prism” สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติ

    รมย์รวินท์คลินิกมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีความงามที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Privilege – Pride – Prism” ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จใน 3 มิติ ได้แก่

    • Privilege – เอกสิทธิ์เหนือระดับของการดูแลผิวพรรณด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
    • Pride – ความภาคภูมิใจในมาตรฐานระดับสากลที่ได้รับการยอมรับ
    • Prism – การนำเสนอเทคนิคเฉพาะที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

     

    Queen of Lifting by Lifting Select Technique เทคโนโลยียกกระชับที่เหนือกว่า

    ในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ รมย์รวินท์คลินิก ได้นำเสนอสองเทคโนโลยีสุดล้ำที่ช่วยยกระดับการดูแลผิวพรรณและการยกกระชับใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ Ultraformer MPT และ Sylfirm ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

     

    The Prestige of Archievement Thailand
    พิธีกรภายในงาน กับคุณแพนเค้ก เขมนิจ

     

    Ultraformer MPT เทคโนโลยียกกระชับที่เหนือระดับ

    เทคโนโลยี MMFU เป็นระบบ Micro & Macro Focused Ultrasound ที่สามารถปล่อยพลังงานได้สูงถึง 417 จุดใน 1 shot ช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจนและอีลาสติน ในชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก ส่งผลให้ผิวหน้าแลดู กระชับ เรียบเนียน และมีกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น โดยเทคนิคนี้สามารถมอบผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในหลายด้าน ได้แก่

     

    • ช่วยยกกระชับผิวหน้า ทำให้ผิวดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์
    • ปรับผิวให้แน่นกระชับ ช่วยให้เนื้อผิวดูแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
    • เสริมกรอบหน้าให้คมชัด ช่วยให้โครงหน้าดูมีมิติและสมส่วนมากขึ้น
    • เก็บรายละเอียดของผิว ให้เรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    Quantum Healthcare
    โชว์จากแขกรับเชิญสุดพิษ

     

    Sylfirm  เทคโนโลยี RF Microneedling ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก

    อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่โดดเด่นภายในงานคือ Sylfirm ซึ่งเป็นระบบ RF Microneedling ที่สามารถส่งพลังงานคลื่นวิทยุลงไปกระตุ้นเซลล์ผิวได้ลึกถึงระดับ Basement Membrane ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม โดยมีคุณสมบัติสำคัญดังต่อไปนี้

    • ช่วยลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
    • กระชับรูขุมขน ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนและละเอียดขึ้น
    • ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เพิ่มความสดใสและความเปล่งปลั่งให้กับใบหน้า
    • ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวและฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น

    ทั้งสองเทคโนโลยีนี้เป็นการยกระดับมาตรฐานของวงการความงาม โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด พร้อมมอบผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน เพื่อให้ลูกค้าของรมย์รวินท์คลินิกได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

    หลังฉีด Sculptra ทำไมต้องนวดหน้า

    หลังฉีด Sculptra ทำไมต้องนวดหน้า

    หลังฉีด Sculptra ทำไมต้องนวดหน้า หากไม่นวดจะส่งผลอย่างไร?

    Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนประเภทหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการฉีดเพื่อฟื้นฟูความหย่อนคล้อยของใบหน้า ทำให้ผิวหน้ากลับมากระชับ เต่งตึง และยืดหยุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หลังจากฉีด Sculptra ไปแล้ว หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่แพทย์มักแนะนำคือการ “นวดหน้า” เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีที่สุด แต่ทำไมการนวดหน้าถึงมีความสำคัญ? และหากไม่ทำตามคำแนะนำนี้จะเกิดผลข้างเคียงอะไรขึ้นบ้าง? บทความนี้ จะช่วยไขข้อข้องใจให้ทุกคนได้เข้าใจ ถึงความสำคัญของการนวดหลังฉีด Sculptra พร้อมเปิดเคล็ดลับนวดหน้าแบบ Triple 5 หลังฉีด Sculpta ที่ถูกต้องค่ะ

     

    นวดหน้าหลังฉีด Sculptra เทคนิค Triple 5 นวดอย่างไรให้ปลอดภัย? 

     

    Sculptra คืออะไร?

    Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนประเภท PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่ใช้สาร Hyaluronic Acid (HA) เนื่องจาก Sculptra ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ทันที แต่จะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองในระยะยาว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ และสามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีด

    Sculptra ได้มีการนำมาใช้ในวงการแพทย์ในปี 1999 และเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนแบรนด์แรก ที่ได้รับการอนุมัติจาก องค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่งมีงานวิจัยรับรองถึงประสิทธิภาพมากกว่า 50 ฉบับ และมีการใช้งานมาอย่างยาวนานทั่วโลก จึงถือเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีความปลอดภัย และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

     

    Sculptra มีกลไกการทำงานอย่างไร?

    เมื่อฉีด Sculptra เข้าสู่ผิวหน้า สาร PLLA จะเริ่มกระจายตัวเป็นอนุภาคเล็ก ๆ (Microparticles) และเข้าไปทำงานผ่านเซลล์แมคโครฟาจ (Macrophage) ซึ่งเป็นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยการดึงเซลล์แมคโครฟาจให้เข้ามาล้อมรอบอนุภาคของสาร PLLA และปล่อยสารเคมีที่ส่งสัญญาณไปยังเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เข้ามารวมตัวกัน จนเกิดการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวมีความหนาแน่น ตึงกระชับ และยืดหยุ่นมากขึ้น

    เมื่อเวลาผ่านไป อนุภาคของสาร PLLA จะค่อย ๆ ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิส (Hydrolysis) และถูกขับออกจากร่างกาย เหลือไว้เพียงเส้นใยคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ และฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงในระยะยาว 

     

    นวดหน้าหลังฉีด Sculptra ดีอย่างไร?
    นวดหน้าหลังฉีด Sculptra ดีอย่างไร?

    หลังฉีด Sculptra ทำไมต้องนวดหน้า นวดหน้าหลังฉีด Sculptra ดีอย่างไร?

    Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ซึ่งการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อผลลัพธ์ที่ได้ และความปลอดภัยหลังฉีด โดยเหตุผลที่ต้องนวดหน้าหลังฉีด Sculptra มีดังนี้

    • ตัวยากระจายตัวได้ดี 

    Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มาในรูปแบบผง ต้องมีการผสมกับน้ำกลั่น (Sterile water) ก่อนนำมาฉีดเข้าสู่ผิว ซึ่งเมื่อฉีดเสร็จแล้ว ต้องมีการนวดหน้า เพื่อให้สาร PLLA กระจายตัวได้อย่างทั่วถึงในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความสม่ำเสมอ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น หากไม่ทำการนวดหน้า อาจส่งผลให้สาร PLLA เกาะกลุ่มรวมกันเป็นก้อน จนผิวไม่เรียบเนียนได้

    • เพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นคอลลาเจน 

    เนื่องจาก Sculptra ทำงานโดยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเอง ตามกระบวนการธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อมีการนวดหน้าเบา ๆ หลังฉีด สาร PLLA จะสามารถกระจายตัวอย่างเหมาะสม ทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    • ผลลัพธ์ดูเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติ 

    หากไม่มีการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra อาจทำให้บางบริเวณบนใบหน้ามีคอลลาเจนเพิ่มขึ้นมากกว่าบริเวณอื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สม่ำเสมอของผิวหนังได้ ดังนั้น การนวดจะทำให้สาร PLLA กระจายตัวดีขึ้น ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียน และสม่ำเสมอมากขึ้น

    • ป้องกันการเกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง

    Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย ดังนั้น หากสาร PLLA กระจายตัวไม่ดี หรือสะสมอยู่ในบางบริเวณ อาจทำให้เกิดเป็นก้อนแข็ง (Nodules) หรือจุดนูนใต้ผิวหนังได้ ซึ่งการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra จะช่วยให้สาร PLLA กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดปัญหาก้อนแข็งใต้ผิวหนัง

     

    หากไม่นวดหน้าหลังฉีด Sculptra จะส่งผลเสียอะไรบ้าง?
    หากไม่นวดหน้าหลังฉีด Sculptra จะส่งผลเสียอะไรบ้าง?

     

    หากไม่นวดหน้าหลังฉีด Sculptra จะส่งผลเสียอะไรบ้าง?

    หลังฉีด Sculpta หากไม่มีการนวดหน้า หรือนวดหน้าไม่ถูกวิธี อาจทำให้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บริเวณใบหน้า ซึ่งผลข้างเคียงส่วนใหญ่ที่มักเกิดขึ้นหากไม่นวดหน้า มีดังนี้

    • เกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง

    หากไม่ทำการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra สาร PLLA จะไม่สามารถกระจายตัวอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด เมื่อไม่มีการนวดหน้าหลังฉีด โดยสาร PLLA อาจจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง (Nodules หรือ Lumps) หรือเกิดตุ่มนูนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวไม่มีความเรียบเนียน และส่งผลกระทบต่อใบหน้าโดยรวมได้

    • ใบหน้าดูไม่สมส่วน 

    หากไม่ทำการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra สาร PLLA จะไม่สามารถกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ และทั่วถึงในบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจทำให้บางบริเวณของใบหน้าผิวดูยกกระชับมากกว่าบริเวณอื่น ๆ ส่งผลให้ใบหน้าไม่สมดุล และมีสัดส่วนที่เปลี่ยนไปจากเดิมได้

    • สร้างคอลลาเจนไม่สม่ำเสมอ 

    หากไม่ทำการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra สาร PLLA จะกระจุกตัวกันในบางบริเวณ อาจทำให้บางบริเวณของใบหน้ามีการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป ในขณะที่บางบริเวณอาจไม่เกิดการสร้างคอลลาเจน หรือไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเลย ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สม่ำเสมอ และไม่เรียบเนียนได้

    • เสี่ยงต่อการบวม และอักเสบ

    หากไม่ทำการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมช้ำ หรืออักเสบในบริเวณที่ฉีด ซึ่งส่งผลต่อระยะเวลาในการพักฟื้นหลังทำ อาจทำให้อาการเหล่านี้ คงอยู่นานมากกว่าปกติ เนื่องจากการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra สามารถลดอาการบวมช้ำ และอักเสบหลังฉีดได้

     

    Triple 5 เทคนิคนวดหน้าหลังฉีด Sculptra
    Triple 5 เทคนิคนวดหน้าหลังฉีด Sculptra

     

    Triple 5 เทคนิคนวดหน้าหลังฉีด Sculptra

    การนวดหน้าหลังฉีด Sculptra ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่แพทย์จะแนะนำให้ทำหลังจากฉีด Sculptra เสร็จ โดยการใช้เทคนิคตามหลัก Triple 5 นวดหน้าวันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง 5 วัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เนื่องจากการนวดหน้าจะช่วยให้ตัวยากระจายตัวได้อย่างทั่วถึง ลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนแข็งให้ชั้นผิว และทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถปฏิบัติตาม 4 ขั้นตอนได้ ดังนี้

    1. นวดหน้าขั้นตอนที่ 1 : ใช้นิ้วโป้งนวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง จากนั้นใช้กำปั้นค่อย ๆ นวดเลื่อนจากบริเวณหน้าผากไปทางขมับด้านข้าง
    2. นวดหน้าขั้นตอนที่ 2 : ใช้นิ้วโป้งยกขึ้น แล้วนวดแนบไปยังบริเวณหน้าแก้มทั้งสองข้าง จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนจากหน้าแก้มออกไปยัง บริเวณข้างแก้มพร้อมกัน โดยเลื่อนอย่างช้า ๆ
    3. นวดหน้าขั้นตอนที่ 3 : ใช้อุ้งมือกดบริเวณช่วงข้างแก้ม จากนั้นค่อย ๆ นวดไล่จากด้านล่าง ขึ้นไปด้านบนจนถึงโหนกแก้ม ทำซ้ำไปมาหลาย ๆ ครั้ง
    4. นวดหน้าขั้นตอนที่ 4 : ทำมือลักษณะเดียวกันกับขั้นตอนที่ 2 โดยนวดบริเวณคาง จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปตามแนวกราม ทำซ้ำไปมาหลาย ๆ ครั้ง

     

    ข้อควรระวังในการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra

    • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีการนวดหน้าที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาภายหลัง
    • นวดหน้าอย่างเบามือ โดยใช้นิ้วมือนวดหน้าอย่างเบามือ ไม่ควรกด หรือคลึงแรงจนเกินไป
    • นวดหน้าในทิศทางที่ถูกต้อง นวดหน้าในทิศทางที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้สาร Sculptra กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
    • นวดหน้าอย่างสม่ำเสมอ นวดหน้าอย่างสม่ำเสมอตามจำนวนครั้ง และระยะเวลาที่แพทย์กำหนดตามหลัก Triple 5
    • ทำความสะอาดมือก่อนนวดหน้า โดยล้างมือให้สะอาดก่อนนวดหน้าทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณใบหน้า
    • หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ โดยหากมีอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง ร้อน หรือมีหนอง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

     

    PLLA Stimulator แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
    PLLA Stimulator แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

     

    Sculptra สามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?

    • แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ

    Sculptra สามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อย มีรอยพับ แก้มเริ่มห้อยลง ต้องการยกกระชับผิวให้ดูเต่งตึง

    • แก้ปัญหาผิวหลวม ผิวไม่หนาแน่น

    Sculptra สามารถแก้ปัญหาผิวหลวม ไม่หนาแน่น ดูขาดวอลุ่มได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าตอบ ขมับตอบ และแก้มตอบ ดูไม่มีวอลุ่ม ต้องการเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ

    • แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ

    Sculptra สามารถแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้าได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึก หรือมีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บริเวณใบหน้า ซึ่งเกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวตามวัย

    • แก้ปัญหาผิวขาดคอลลาเจน ไม่ยืดหยุ่น

    Sculptra สามารถแก้ปัญหาผิวขาดคอลลาเจน ไม่ยืดหยุ่นได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงทุก ๆ ปี ต้องการฟื้นฟูผิวให้กลับมายืดหยุ่น

    • แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น

    Sculptra สามารถแก้ปัญหาคุณภาพผิวโดยรวมได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หมองคล้ำ ไม่สดใส ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น และความกระจ่างใสให้ใบหน้า

     

    PLLA Stimulator ช่วยเรื่องอะไร
    PLLA Stimulator ช่วยเรื่องอะไร

     

    Sculptra ช่วยเรื่องอะไร?

    • Sculptra ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน Type 1 เพิ่มขึ้น 66.5%
    • Sculptra ช่วยยกกระชับผิวหน้า ให้มีความเต่งตึง
    • Sculptra ช่วยให้ผิวเฟิร์มแน่น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
    • Sculptra ช่วยลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า
    • Sculptra ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
    • Sculptra ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก 
    • Sculptra ช่วยให้ผิวแข็งแรง ดูสุขภาพดีจากภายใน
    • Sculptra ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนดูเล็กลง
    • Sculptra ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ผิวกระจ่างใส มีความชุ่มชื้น

     

    Sculptra ฉีดบริเวณใดได้บ้าง?

    Sculptra สามารถฉีดได้หลายบริเวณบนใบหน้า เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้ผิว โดยตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการฉีด Sculptra ได้แก่

    • Sculptra สามารถฉีดได้บริเวณ ขมับ
    • Sculptra สามารถฉีดได้บริเวณ หน้าแก้ม (Midface)
    • Sculptra สามารถฉีดได้บริเวณ กรอบหน้า

     

    ก่อนฉีด Sculptra ควรเตรียมตัวอย่างไร?

    • ก่อนฉีด Sculptra ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวิเคราะห์สภาพผิว ประเมินโครงสร้างใบหน้า และคำนวณปริมาณการฉีด Sculptra ที่เหมาะสม
    • ก่อนฉีด Sculptra แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติโรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน รวมถึงหัตถการที่เคยทำก่อนฉีด ให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
    • ก่อนฉีด Sculptra งดอาหารเสริม ยา หรือวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพรินวิตามินอี น้ำมันตับปลา อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
    • ก่อนฉีด Sculptra งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 – 3 วันก่อนฉีด เพื่อลดโอกาสการเกิดอาการบวมช้ำ
    • ก่อนฉีด Sculptra งดการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ส่งผลให้เลือดสูบฉีด อย่างน้อย 1 – 3 วันก่อนฉีด
    • ก่อนฉีด Sculptra แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง 

     

    ขั้นตอนการฉีด Sculptra

    • แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิว และโครงสร้างใบหน้า พร้อมกำหนดบริเวณที่จะทำการฉีด และเลือกปริมาณ Sculptra ที่เหมาะสม
    • ทำความสะอาดผิวในบริเวณที่จะทำการฉีด จากนั้นแปะยาชาทิ้งไว้ ประมาณ 30 – 45 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ ช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีดได้
    • แพทย์จะทำการเตรียม Sculptra โดยการผสมสาร Sculptra ในรูปแบบผง เข้ากับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile water) ในปริมาณที่เหมาะสม และใช้เครื่องเขย่ารวมกัน เป็นเวลา 1 นาที เพื่อให้ได้สารที่พร้อมใช้งาน
    • แพทย์จะเริ่มทำการฉีด Sculptra โดยการใช้เข็มทู่ขนาด 22 – 25 G ฉีด Sculptra ลงไปยังผิวหนังชั้นลึก (Deep Dermis) 
    • หลังจากนั้น แพทย์จะแนะนำให้วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra พร้อมขั้นตอนการนวดหน้าหลังฉีดตามหลัก Triple 5

     

    หลังฉีด Sculptra ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

    • หลังฉีด Sculptra ควรนวดหน้าตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยนวดวันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ติดต่อกัน 5 วัน
    • หลังฉีด Sculptra หากมีอาการบวม สามารถประคบเย็นเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมได้
    • หลังฉีด Sculptra งดแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด ประมาณ 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
    • หลังฉีด Sculptra งดโดนความร้อน และแสงแดด ประมาณ  1 – 2 สัปดาห์
    • หลังฉีด Sculptra งดการออกกำลังกายแบบหักโหม ประมาณ 2 – 3 วันแรก
    • หลังฉีด Sculptra งดการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ ประมาณ 2 – 3 วันแรก
    • หลังฉีด Sculptra หากพบอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก บวมมาก หรือผิวเปลี่ยนสี ให้แจ้งแพทย์ทันที

     

    ข้อห้ามในการฉีด Sculptra มีอะไรบ้าง?

    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้สาร Poly-L-lactic acid (PLLA) ซึ่งเป็นส่วนประกอบใน Sculptra
    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่
    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิว ผิวอักเสบ ผื่นแพ้ หรือมีอาการติดเชื้ออื่น ๆ ในบริเวณที่จะทำการฉีด Sculptra
    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด
    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง
    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเกิดแผลคีลอยด์ง่าย
    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
    • Sculptra ไม่เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น ริมฝีปาก หรือรอบดวงตา

     

    ฉีด Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง?

    การฉีด Sculptra โดยทั่วไป จะแนะนำให้ฉีด Sculptra ประมาณ 2 – 3 ครั้ง ซึ่งควรเว้นระยะห่างในการฉีดแต่ละครั้ง ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้มีเวลาในการสร้างคอลลาเจนอย่างเต็มที่ และให้ได้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพที่สุด

     

    ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล?

    Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ จะไม่เห็นผลลัพธ์ทันทีเหมือนฟิลเลอร์ แต่ผิวจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไป จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดไปแล้ว ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ แต่จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด ภายใน 3 เดือน โดยจะรู้สึกได้ว่า ผิวมีความแน่นกระชับ อิ่มฟู และเต่งตึงมากขึ้น

     

    ฉีด Sculptra อยู่ได้นานแค่ไหน?

    Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ในทันที แต่จะทำงานโดยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเอง ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ โดย Sculptra สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ประมาณ 2 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด ซึ่งเมื่อครบระยะเวลากำหนด สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ เพื่อคงสภาพของผลลัพธ์ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น

     

    Sculptra กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?

    • Sculptra มีส่วนประกอบหลักของ PLLA ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยตรง ตามกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งจะไม่ให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็ม หรือปรับรูปหน้าในทันทีเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่จะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์เมื่อคอลลาเจนค่อย ๆ สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ทำให้ผิวมีแน่นกระชับ อิ่มฟู และลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้ โดยสามารถคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ได้ยาวนาน ประมาณ 2 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีด
    • ฟิลเลอร์ มีส่วนประกอบหลักของ HA ซึ่งมีคุณสมบัติในการเติมเต็ม ปรับรูปหน้า หรือเพิ่มปริมาตรให้ผิวได้อย่างชัดเจนหลังฉีด แต่จะไม่ให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกับการฉีด Sculptra โดยฟิลเลอร์สามารถเติมเต็มได้หลายบริเวณบนใบหน้า ทั้งขมับ หน้าผาก ใต้ตา หรือริมฝีปาก ซึ่งการฉีดครั้งเดียว สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีหลังฉีด แต่ผลลัพธ์จะคงอยู่ ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และการดูแลตัวเองหลังฉีด

     

    วิธีตรวจสอบ Sculptra แท้

    • ตรวจสอบสติกเกอร์บนกล่อง

    ตรวจสอบสติกเกอร์บนกล่อง โดยบนกล่อง Sculptra ของแท้ จะต้องมีสติกเกอร์วงกลมโมโนแกรมสีเงิน หรือทองติดอยู่ที่ฝากล่อง โดยไม่มีรอยถูกเปิดออก หรือแกะมาก่อน

    • ตรวจสอบสัญลักษณ์ลายน้ำ

    ตรวจสอบสัญลักษณ์ลายน้ำตัวอักษร S บนหน้ากล่อง ซึ่งสามารถสัมผัสได้ด้วยมือ หากเป็นของแท้จะต้องมีลักษณะนูนอย่างชัดเจน

    • ตรวจสอบเลขทะเบียน อย.

    ตรวจสอบเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทย โดยจะต้องมีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยระบุไว้ที่ข้างกล่อง อย่างชัดเจน

    • ตรวจสอบ QR Code

    ตรวจสอบ QR Code ที่กล่อง โดยที่กล่อง Sculptra จะต้องมี QR Code ให้สแกน เพื่อตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ผ่านแอป eZTracker โดยข้อมูลที่ได้จะต้องตรงกับเอกสารที่อยู่ข้างกล่อง

    • ตรวจสอบขวดผลิตภัณฑ์

    ตรวจสอบขวดผลิตภัณฑ์ Sculptra โดยขวด Sculptra จะต้องปิดซีลมาสนิท ไม่มีรอยแกะ หรือเปิดใช้งานมาก่อน รวมถึง ภายในขวด Sculptra จะต้องมีลักษณะเป็นผงสีขาว (PLLA powder) ไม่มีของเหลวผสม 

     

    เลือกฉีด Sculptra ที่ไหนดี?

    • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล จากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง ซึ่งภายในคลินิกต้องมีความสะอาด มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ปลอดเชื้อ และปฏิบัติตามมาตรฐานการแพทย์
    • เลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ ได้รับใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภาอย่างถูกต้อง ซึ่งแพทย์ควรมีความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ด้านการฉีด Sculptra โดยเฉพาะ รวมถึง รู้เทคนิคในการฉีด สามารถออกแบบการรักษา ให้เหมาะกับใบหน้าของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด
    • เลือกใช้ Sculptra แท้ ที่สามารถตรวจสอบได้ โดย Sculptra ของแท้ จะต้องผลิตโดยบริษัท Galderma เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีเลขทะเบียน อย. ระบุไว้อย่างชัดเจน สามารถขอให้ทางคลินิกแกะกล่อง และผสมตัวยาต่อหน้าได้
    • เลือกคลินิกที่มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง แนะนำให้ดูรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการจริง เพื่อประกอบการตัดสินใจจากช่องทางที่เชื่อถือได้ ทั้งแบบรูปภาพ วิดีโอ และคอมเมนต์
    • เลือกคลินิกที่ติดตามผลหลังฉีด ซึ่งคลินิกที่ดีจะต้องมีการติดตามผลลัพธ์หลังทำการรักษา เพื่อให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม และปรับแผนการรักษาในครั้งถัดไปได้อย่างตรงจุด

     

    การฉีด Sculptra เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูความหย่อนคล้อยของใบหน้า ซึ่งการดูแลตัวเองหลังฉีดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยให้สาร PLLA กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง และสม่ำเสมอในบริเวณที่ฉีด จึงลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนแข็งหลังฉีด ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ผิวมีความเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติ ซึ่งหากไม่มีการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา และอาจต้องรับการรักษาเพิ่มเติม

    ดังนั้น สำหรับใครกำลังสนใจฉีด Sculptra และต้องการให้ผลลัพธ์ของ Sculptra ออกมาดีที่สุด อย่าลืมทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการนวดหน้าหลังฉีด Sculptra เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

    รมย์รวินท์คลินิก ผนึกกำลัง เมิร์ซ เอสเธติกส์ สานต่อโครงการรีไซเคิลเพื่อความยั่งยืน

    Set Zero Waste

    รมย์รวินท์คลินิก ผนึกกำลัง เมิร์ซ เอสเธติกส์ สานต่อโครงการรีไซเคิลเพื่อความยั่งยืน Set Zero Aesthetics Waste

     

    หลังจากผนึกกำลังลดโลกร้อน Romrawin x Merz aesthetics thailand จับมือร่วมกันในโครงการ Set Zero Aesthetics Waste จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้เกิดการแยกขยะ  โดยจะนำขยะที่ได้มาจากการทำอุตสาหกรรมความงาม ไม่ว่าจะเป็นกล่องของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ เช่น Belotero กล่องโบเจนใหม่  กล่อง Radiesse และกล่อง Radiesse plus

     

    Set Zero Waste
    Romrawin X Merz Aesthetics Set Zero Waste

     

    เพื่อนำไปใช้รีไซเคิลให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ลดปัญหาในการทำลายและย่อยสลาย รวมทั้งยังมีหัว Ulthera ที่สามารถนำมารีไซเคิลให้เกิดสิ่งใหม่และสามารถทำให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ทาง เมิร์ซ เอสเธติกส์ ตั้งใจให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งยังสามาถใช้ในการปลูกต้นไม้ได้โดยให้ชื่อว่า “น้องมานะ” 

     

    ในครั้งนี้ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ได้นำ “น้องมานะ” ที่ได้จากการนำหัวโปรแกรม Ultherapy ที่ใช้แล้วจากรมย์รวินท์คลินิกส่งมอบกลับคืนให้กับรมย์รวินท์คลินิกอีกครั้ง เพื่อใช้ในการนำไปสร้างประโยชน์ในการปลูกต้นไม้ 

     

    Set Zero Waste
    Romrawin X Merz Aesthetics Set Zero Waste

     

    การผนึกกำลังของสององค์กรยักษ์ใหญ่

    งานนี้ สองผู้บริหาร จากรมย์รวินท์คลินิก “มาดามจอย – ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน” และ “แพทย์หญิง​ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล (ว.10656)” ได้เปิดรมย์รวินท์คลินิกสาขาสยามพารากอน ต้อนรับคุณ พนิตา ตันสุวรรณ (Sr Key Account Manager) และ คุณศรัณย์ ชมไพศาล (Corporation Communications & PR Manager) จาก บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ด้วยตัวเอง เพื่อรับน้องมานะ และใช้น้องมานะในการปลูกต้นไม้ รวมด้วยแพทย์จากรมย์รวินท์คลินิก ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ สอดคล้องกับแนวคิด “เก็บกลับ ปรับโฉม ส่งคืน” ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมความงามที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

     

    Set Zero Waste
    Romrawin X Merz Aesthetics Set Zero Waste

    เดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม

    นอกจากการเป็นพันธมิตรในโครงการ Set Zero Waste แล้ว รมย์รวินท์คลินิก ยังสานต่อวัตถุประสงค์เดิมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม  ในขณะเดียวกัน ภายในองค์กรณ์ของรมย์รวินท์คลินิกยังมีการรักษาสิงแวดล้อมในองค์กร ด้วย อาทิ

     

    Set Zero Waste
    Romrawin X Merz Aesthetics Set Zero Waste
    • การแยกขยะและลดการใช้พลาสติก
    • การลดปริมาณและรีไซเคิลกระดาษ โฟม และพลาสติกในการทำงาน
    • การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การควบคุมอุณหภูมิแอร์ ประหยัดไฟฟ้าและน้ำประปา
    • การนำวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถใช้ซ้ำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์
    • การจัดการขยะทางการแพทย์ให้ถูกต้องตามมาตรฐาน

     

    Set Zero Waste
    Romrawin X Merz Aesthetics Set Zero Waste

     

    รมย์รวินท์คลินิกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้ และจะนำน้องมานะมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

    Smart Laser เคล็ดลับหน้าใส ที่น้องๆ Gen ใหม่ทำได้

    Smart Laser ลดรอยสิว

    Smart Laser เคล็ดลับหน้าใส ที่น้องๆ Gen ใหม่ทำได้

     

    วัยรุ่น Gen Z อย่างน้องดา ก็มีเรื่องให้ต้องหนักใจได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องผิวหน้า แต่น้องอันดาบอกเลยว่าหายห่วงค่ะ เพราะแค่มาที่รมย์รวินท์คลินิก ก็หมดห่วงเรื่องผิวไปได้เลย เพราะเราจะช่วยดูแลผิวหน้าใสๆ ของน้องอันดาให้สวยใสยิ่งขึ้นเองค่าา

     

    อันดาเองค่า อันดาต้องทำงานตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้โตเป็นสาวแล้วผิวก็เริ่มเปลี่ยนค่ะ ตอนที่ยังเป็นเด็กผิวดีบำรุงอะไรก็ดีไปหมด แต่พอโตแล้วฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยน ต้องบำรุงตัวเองให้ดีกว่าเดิม เป็นสาวแล้วก็ต้องรักสวย รักงามเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ และตัวช่วยเรื่องผิวที่อันดาไว้ใจมากก็ที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ อันดามาฝากผิวหน้า และผิวตัวให้คุณหมอดูแลบ่อยๆ ยิ่งช่วยไหนที่อันดาต้องพักผ่อนน้อย เพราะต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบอีก บางทีอันดาก็ละเลยกับการดูแลผิวจนหน้าโทรม ไม่สดใส อันดาก็มาให้คุณหมอดูแลให้อย่างวันนี้ก็เช่นกันค่ะ 

     

    Smart Laser
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

     

    วันนี้อันดามาที่รมย์รวินท์คลินิก มาให้คุณหมอแพร (พญ.นภัสนันท์ เทพพรพิทักษ์ : ว.43281) ช่วยดูแลเรื่องผิวให้อันดา เพราะอย่างที่บอกช่วงนี้อันดาไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง เพราะทั้งถ่ายละคร วันไหนที่ว่างจากคิวละครก็ต้องไปเรียน ทำให้ใบหน้าอันดาหมองคล้ำ ไม่สดใส แถมหน้ามีรอยสิวอีกต่างหาก ตอนนี้มีเวลาอันดาเลยขอมาจัดผิวให้สวย หน้าใส กับคุณหมอแพรซะหน่อยค่ะ คุณหมอแพรจัดการเติมความใสให้ผิวอันดาด้วย Smart Laser ตัวนี้อันดาชอบมากเลยค่ะ เพราะทำเสร็จทีไรหน้าของอันดาใสมาก Smart Laser เป็นเลเซอร์หน้าใสช่วยฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วนและมีความอ่อนโยนต่อผิวมาก แต่ Smart Laser ไม่อ่อนโยนต่อร่องรอยและความหมองคล้ำบนใบหน้านะคะ Smart Laser ยิงด้วยพลังงานเลเซอร์ 2 สี ที่ช่วยในเรื่องที่แตกต่างกันออกไป อย่างแสงสีเหลืองจะเข้าไปทำลาย Oxyhemogobin ซึ่งจะช่วยในเรื่องรอยแดงจากสิว พวกเส้นเลือดฝอยเล็กๆ บนใบหน้า ช่วยลดการอักเสบของผิว และฟื้นฟูผิวจากความหมองคล้ำอีกด้วยค่ะ ส่วนแสงสีเขียวใน Smart Laser จะยิงเข้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว ช่วยลดรอยดำจากสิว ความหมองคล้ำ จุดด่างดำ และยังช่วยลดฝ้า กระด้วยนะคะ และนอกจากนั้น Smart Laser ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสียให้กลายเป็นผิวใหม่ที่มีความแข็งแรง กระจ่างใสมากขึ้น 

     

    หลังจากอันดาได้ทำ Smart Laser เสร็จแล้ว ผิวของอันดาเนียน หน้าใสขึ้นเป็นกองเลยค่ะ ร่องรอยที่สิวทิ้งไว้จางลงไปมากเลย ตอนนี้อันดาฟินมากเลยค่ะ เพราะผิวของอันดาไบรท์ หน้าใสมากกว่าเดิมไปอีก Smart Laser ที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ เป็นอีกเคล็ดลับหน้าใสของอันดาเลย เพราะ Smart Laser ช่วยฟื้นฟูผิวของอันดาให้สวยหน้าใสอย่างเร่งด่วน ลืมได้เลยเรื่องความหมองคล้ำ เจอ Smart Laser เข้าไปเลิฟมากๆ เลยค่ะ สำหรับใครที่อยากมีผิวหน้าใสต้องมาลองทำ Smart Laser ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะคะ ไม่ว่าจะ Gen ไหนก็หน้าใสได้ด้วย Smart Laser ค่ะ ขอบอกเลยว่าถ้าได้ลอง Smart laser แล้วจะต้องเลิฟๆ เหมือนอันดาแน่นอนค่า

     

    Smart Laser
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

     

    Smart Laser คืออะไร

    Smart Laser เป็นเลเซอร์ที่ผสานพลังงานแสงเลเซอร์สองสี ซึ่งมีความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน และช่วยในเรื่องผิวที่แตกต่างกันไป อย่าง แสงสีเหลืองใน Smart Laser จะมีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร เข้าไปทำลายเม็ดสีใน Oxyhemogobin ช่วยในเรื่องของการลดรอยแดง เส้นเลือดฝอยเล็กๆ บนใบหน้า และลดการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูผิวให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ส่วนพลังงานแสงสีเขียวใน Smart Laser มีความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร โดยเข้าทำลายเม็ดสี Melanin ช่วยในเรื่องของการลดเลือนจุดด่างดำ รอยดำจากสิว ฝ้า กระ และช่วยปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ให้ผิวมีความเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ หน้าใสมากยิ่งขึ้น และนอกจากนั้น Smart Laser ช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้ผิวมีความแข็งแรง สุขภาพดี Smart Laser มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวหน้ามาก และเหมาะกับทุกสภาพผิว 

     

    Smart Laser
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

     

    Smart Laser ลดรอยสิวดีอย่างไร

    • Smart Laser ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
    • Smart Laser ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง 
    • Smart Laser ช่วยลดรอยดำ และรอยแดงจากสิว
    • Smart Laser ช่วยลดอาการอักเสบของผิว
    • Smart Laser ช่วยลดผื่นแดง
    • Smart Laser ช่วยลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ บนใบหน้า
    • Smart Laser ช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ
    • Smart Laser ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
    • Smart Laser ช่วยปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ
    • Smart Laser ช่วยให้ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
    • Smart Laser ช่วยกระชับรูขุมขน

     

    ใครที่มีปัญหาผิวเชิญปรึกษาได้ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นเลยน้าาา

    ฉลองความสำเร็จ คว้ารางวัล Oligio Infinite Prestige Award 2024

    Oligio Infinite Prestige Award

    รมย์รวินท์คลินิก ฉลองความสำเร็จ คว้ารางวัล Oligio Infinite Prestige Award 2024 ในงาน 1st Wontechasia Prestige Gala Night

     

    Wontech Asia จัดงาน 1st Wontechasia Prestige Gala Night ภายใต้คอนเซปต์ “A Timeless Symphony” เพื่อเฉลิมฉลอง 1 ปีแห่งความสำเร็จและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีความงามระดับโลก โดยจัดขึ้น ณ โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 18.00 – 21.30 น. ที่ผ่านมา

     

    Oligio Infinite Prestige Award
    Oligio Infinite Prestige Award

    รมย์รวินท์คลินิก คว้ารางวัล Oligio Infinite Prestige Award 2024

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงาน คือการมอบรางวัล Oligio Infinite Prestige Award 2024 ซึ่งเป็นการแสดงถึงการเป็นคลินิกที่ได้รับการอัปเดตเทคโนโลยีและเทคนิคของการยกกระชับใบหน้า โดยใช้เทคโนโลยี Oligio ที่ช่วยล็อกผิวให้แน่นกระชับ พร้อมลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า เพื่อผลลัพธ์ของผิวที่ดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน และมีสุขภาพดี 

    ซึ่ง Oligio เป็นเทคโนโลยีที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติพิเศษ 

     

    • Tightening – ปรับผิวหน้าที่เคยหลวม ยืดหยุ่นได้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ ดูอิ่มฟู และเปล่งปลั่ง
    • Lifting – ยกกระชับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน โดยไม่ต้องใช้เข็ม และไม่ต้องผ่าตัด
    • Minimal Pain – ให้ความรู้สึกเจ็บน้อย แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน

     

    Oligio Infinite Prestige Award
    Oligio Infinite Prestige Award

     

    ทั้งยังมีเทคนิคพิเศษเฉพาะตัวเทคนิค Fast moveing เทคนิคเฉพาะตัวของ Oligio ที่ทำให้ใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการรักษา และทำให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น Oligio มีระบบ Real-Time temperature Monitoring ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการวัดอุณหภูมิของผิวหนังในระหว่างทำการรักษาแบบ real-time และจะทำให้เครื่องหยุดการทำงานโดยทันที เมื่ออุณหภูมิบนผิวหนังสูงมากกว่า 43 องศา จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเผาไหม้ที่ผิวหนัง และยังมีระบบ Pressure Sensing ที่เป็นระบบตรวจสอบแรงกดของหัว Tip เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง ลดความเสี่ยงการเกิดผิวไหม้ จากที่หัว Tip ไม่แนบสนิทกับผิวในระหว่างแพทย์ทำการรักษา จึงทำให้มีความปลอดภัยในการรักษา

    รางวัลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานและคุณภาพของรมย์รวินท์คลินิก ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการยกกระชับผิวระดับพรีเมียม

     

    Oligio Infinite Prestige Award
    Oligio Infinite Prestige Award

    ในงานนี้ ได้รับเกียรติจากทีมแพทย์ด้านความงามจาก รมย์รวินท์คลินิก ที่เข้าร่วมงานเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ ว.40692, พญ.ธิรดา จิตตการ  ว.30170, พญ.ธิรดา จิตตการ  ว.30170,พญ.วรรณวิมล  วรรณรักษ์  ว.27827, พญ.นภัสนันท์ เทพพรพิทักษ์ ว.43281

     

    นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก Mr. ISAAC JANG, GM Wontech Asia ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความงามระดับโลก ที่มาร่วมบรรยายพิเศษเกี่ยวกับ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านการยกกระชับผิว ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ความงามที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

     

    Oligio Infinite Prestige Award
    Oligio Infinite Prestige Award

     

    อีกหนึ่งก้าวสำคัญของรมย์รวินท์คลินิก

    การได้รับรางวัล Oligio Infinite Prestige Award 2024 ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของรมย์รวินท์คลินิก ในการพัฒนาเทคโนโลยีและบริการด้านความงามอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และยกระดับมาตรฐานการยกกระชับผิวสู่ระดับพรีเมียมของประเทศไทย

     

    รมย์รวินท์คลินิกยังคงมุ่งมั่นในการเป็นคลินิกเสริมความงามชั้นนำที่ผสมผสานนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ากับประสบการณ์และองค์ความรู้ของทีแพทย์ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้รับประสบการณ์ความงามที่ดีที่สุด

    ความลับของผิวสวย ยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ด้วยอัลเทอร่า

    ความลับผิวสวยด้วย อัลเทอร่า

    ความลับของผิวสวย ยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ด้วยอัลเทอร่า

    ในยุคที่การดูแลผิวหน้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ความงามภายนอก แต่ยังสะท้อนถึงความมั่นใจและการดูแลตัวเองอย่างแท้จริง การยกกระชับผิวเพื่อคงความอ่อนเยาว์กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่หลายคนมองหา หนึ่งในเทคโนโลยีที่โดดเด่นและได้รับความวางใจจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก คือ อัลเทอร่า (Ulthera) เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง ในการยกกระชับผิวลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า

     

    ไม่เพียงแค่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและคืนความกระชับให้ผิวหน้า อัลเทอร่ายังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้นเป็นเวลานาน สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีดูแลผิวที่ทั้งปลอดภัยและเห็นผลจริง อัลเทอร่าอาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังตามหา ค้นพบความลับของผิวสวยและการยกกระชับที่เหนือชั้นไปพร้อมกันที่บทความนี้

     

    ULTHERA คืออะไร
    ULTHERA คืออะไร

    อัลเทอร่า (Ulthera) คืออะไร?

    อัลเทอร่า (Ulthera) คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าและลำตัวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง ที่ได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกา เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกและเป็นโครงสร้างสำคัญของผิว

     

    จุดเด่นของอัลเทอร่าคือการใช้คลื่นเสียงพลังงานสูงที่มีความแม่นยำ สามารถปล่อยพลังงานลงไปยังจุดที่ต้องการได้อย่างเฉพาะเจาะจงโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน กระบวนการนี้จะช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวให้เกิดการฟื้นฟู ทำให้ผิวดูกระชับ อ่อนเยาว์ และลดเลือนริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ

     

    หลักการทำงานของ ULTHERA
    หลักการทำงานของ ULTHERA

     

    หลักการทำงานของอัลเทอร่า (Ulthera)

    อัลเทอร่า (Ultehra) ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงที่สามารถส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวลึกได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นบน กระบวนการทำงานของอัลเทอร่า (Ulthera) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ดังนี้

    • การปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอย่างแม่นยำ

    อัลเทอร่า (Ulthera) มีเทคโนโลยีหน้าจอการแสดงผลชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ในระหว่างการทำ เพื่อกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการส่งพลังงาน ซึ่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์จะถูกส่งลงไปยังชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า

    • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว

    เมื่อพลังงานคลื่นเสียงถูกส่งไปยังชั้น SMAS จะเกิดความร้อนในจุดเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ ความร้อนนี้จะทำให้เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นหดตัว และกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ กระบวนการนี้ช่วยฟื้นฟูความกระชับและความยืดหยุ่นของผิว

    • การฟื้นฟูและยกกระชับอย่างต่อเนื่อง

    หลังจากทำอัลเทอร่า (Ulthera) ผิวจะค่อย ๆ กระชับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ และผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเอง

     

    ข้อดีของการทำอัลเทอร่า (Ulthera)

    อัลเทอร่า (Ulthera) มีข้อดีที่ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยม ดังนี้

    • อัลเทอร่า (Ulthera) ยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยช้ำ
    • อัลเทอร่า (Ulthera) มอบผลลัพธ์ที่ผิวดูเต่งตึงและกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ปลอดภัยและได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA ของสหรัฐอเมริกา และมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
    • อัลเทอร่า (Ulthera) มีระบบแสดงชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ปล่อยพลังงานได้อย่างแม่นยำ
    • อัลเทอร่า (Ulthera) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวชั้นลึก
    • อัลเทอร่า (Ulthera) สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ทั้งผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง และผิวบอบบาง
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยยกกระชับผิวได้หลายบริเวณ เช่น ใบหน้า ลำคอ และร่างกาย
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ผลลัพธ์ยกกระชับผิวอยู่ได้ต่อเนื่องยาวนาน ประมาณ 1-2 ปี
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการศัลยกรรม
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ตอบโจทย์ได้หลากหลายช่วงอายุ ตั้งแต่ 30-50 ปีขึ้นไป
    • อัลเทอร่า (Ulthera) สามารถลดริ้วรอยในบริเวณที่เข้าถึงยาก เช่น รอบดวงตา ริมฝีปาก
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต

     

    ULTHERA ช่วยอะไรบ้าง
    ULTHERA ช่วยอะไรบ้าง

    อัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยอะไรบ้าง?

    อัลเทอร่า (Ulthera) มีประโยชน์และคุณสมบัติเด่นในหลายด้าน ดังนี้

    • อัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยแก้ปัญหาผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย ทั้งบริเวณใบหน้า ลำคอ และกรอบหน้า
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ยกกระชับบริเวณกรอบหน้า ลดความหย่อนคล้อยของแก้มและคาง
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา รอบริมฝีปาก และ มุมปาก
    • อัลเทอร่า (Ulthera) แก้ปัญหาผิวหน้าและลำคอที่หย่อนคล้อย
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ฟื้นฟูผิวบริเวณเนินอกให้เรียบเนียนและกระชับ
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน พร้อมป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและมีชีวิตชีวา
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ลดความหมองคล้ำ และฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ยกกระชับผิวบริเวณแก้มและลดความลึกของร่องแก้ม
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ยกกระชับบริเวณหนังตาที่เริ่มตกหรือหย่อนคล้อย
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวหน้าดูเฟิร์มขึ้น
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณใต้คาง
    • อัลเทอร่า (Ulthera) แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากการลดน้ำหนัก

     

    ใครควรทำ ULTHERA
    ใครควรทำ ULTHERA

     

    ใครควรทำอัลเทอร่า (Ulthera) บ้าง?

    การทำอัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะและความต้องการ ดังนี้

    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก และหางตา
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยของลำคอและเนินอก
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเสียจากแสงแดดหรือการเสื่อมสภาพของผิว
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตกและไขมันสะสมใต้ผิว
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยจากการแสดงออกทางสีหน้า
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวทั้งใบหน้า ลำคอ และจุดอื่น ๆ 
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน ๆ สามารถใช้ชีวิตประจำวันปกติได้ทันทีหลังทำ
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นาน 1-2 ปี
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้กรอบหน้าคมชัด ลดปัญหาคางสองชั้น
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาคางสองชั้น
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวเฉพาะจุด เช่น หนังตาตก ใต้ตาหย่อนคล้อย
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสมดุลใบหน้าให้สมมาตร
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวเฉพาะบริเวณลำตัว
    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวโดยไม่ต้องใช้สารเติมเต็มหรือสารเคมีใด ๆ

     

    ใครไม่ควรทำอัลเทอร่า (Ulthera) บ้าง?

    บางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนี้

    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคผิวหนังในบริเวณที่ทำการรักษา เช่น โรคสะเก็ดเงิน ผื่นแพ้เรื้อรัง
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแผลเปิดหรือแผลสดบริเวณที่ต้องการรักษา
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทหรือเนื้อเยื่อ
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้แสงหรือความร้อน
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือมีอุปกรณ์โลหะฝังในร่างกาย
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของผิว เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่ต้องการทำ
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Autoimmune Disease)
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากเกินไป
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งทำการรักษาด้วยความร้อนหรือเลเซอร์ในบริเวณเดียวกัน
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการแพ้หรือผิวบอบบางจากการรักษาด้วยคลื่นเสียง
    • อัลเทอร่า (Ulthera) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการอักเสบในบริเวณที่จะรักษา เช่น การอักเสบของต่อมน้ำเหลือง สิวอักเสบเรื้อรัง

     

    เตรียมตัวก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) ทำอย่างไรบ้าง?

    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมของการรักษา
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) ควรแจ้งประวัติการรักษา โรคประจำตัว หรือแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) งดการทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ หรือการฉีดสารเติมเต็ม อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) งดใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA, BHA หรือ Retinol ในช่วง 3-7 วัน
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) งดการทานยาแอสไพริน ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น ไอบูโพรเฟน)
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) งดอาหารเสริมที่ทำให้เลือดไหลเวียนง่าย เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี หรือโสม
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดหรือตากแดดเป็นเวลานาน ในช่วง 1 สัปดาห์
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ในช่วง 2-3 วัน
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
    • ก่อนทำอัลเทอร่า (Ulthera) ควรล้างหน้าให้สะอาดและงดการแต่งหน้า เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกหรือการระคายเคือง

     

    ขั้นตอนการทำ ULTHERA
    ขั้นตอนการทำ ULTHERA

     

    ขั้นตอนการทำอัลเทอร่า (Ulthera)

    1. ก่อนเริ่มทำแพทย์จะตรวจประเมินสภาพผิว วิเคราะห์ปัญหา และพูดคุยถึงเป้าหมายที่ต้องการ
    2. แพทย์จะกำหนดบริเวณที่จะทำการรักษา เช่น ใบหน้า ลำคอ หรือบริเวณเนินอก รวมถึงระดับพลังงานที่เหมาะสม
    3. แพทย์หรือผู้ช่วยแพทย์ จะทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอาง
    4. อาจมีการทายาชาบริเวณที่จะทำ เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างทำอัลเทอร่า (Ulthera)
    5. แพทย์จะวาดกรอบหรือจุดบนใบหน้า เพื่อกำหนดพื้นที่ที่ต้องการยกกระชับ
    6. เครื่องอัลเทอร่า (Ulthera) จะถูกตั้งค่าพลังงานและความลึกของคลื่นเสียงให้เหมาะสมกับสภาพผิว
    7. ในระหว่างทำแพทย์จะใช้ระบบการมองเห็นภาพชั้นผิวแบบเรียลไทม์ เพื่อระบุตำแหน่งที่เหมาะสมในการปล่อยพลังงาน
    8. แพทย์จะคอยตรวจสอบผลระหว่างทำ เพื่อให้มั่นใจว่าพลังงานถูกส่งไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม
    9. หลังจากทำเสร็จ จะมีการทำความสะอาดผิวอีกครั้ง แพทย์จะแนะนำวิธีดูแลผิวหลังทำ เช่น การใช้ครีมบำรุง ครีมกันแดด และหลีกเลี่ยงแสงแดด

     

    ดูแลตัวเองหลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) ทำอย่างไรบ้าง?

    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) หลีกเลี่ยงการตากแดดจัด หรือกิจกรรมการแจ้งเป็นเวลานาน
    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA, BHA, หรือ Retinol ในช่วง 1 สัปดาห์
    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า การว่ายน้ำ หรือการออกกำลังกายหนักที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 1-3 วัน
    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) งดการนวดหน้า การกดใบหน้า หรือสัมผัสผิวแรง ๆ 
    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ในช่วง 1 สัปดาห์
    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเพื่อปกป้องผิว
    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) ควรทามอยส์เจอไรเซอร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) ควรดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและโปรตีน

     

    การเปรียบเทียบอัลเทอร่า (Ulthera) กับเครื่องยกกระชับอื่น ๆ

    ในปัจจุบันมีเทคโนโลยียกกระชับผิวหลายประเภทที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาผิวในระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ ดังนี้

     

    อัลเทอร่า (Ulthera)

    • อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นเทคโนโลยี Focused Ultrasound ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการศัลยกรรมดึงหน้า ซึ่งอัลเทอร่ามีระบบการแสดงผลชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ทำให้การปล่อยพลังงานมีความแม่นยำมากขึ้น ผลลัพธ์ของอัลเทอร่า (Ulthera) ช่วยยกกระชับผิวในชั้นลึก และเห็นผลชัดเจนภายใน 2-3 เดือนหลังทำ โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยลึกและต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานโดยไม่ต้องผ่าตัด

     

    HIFU

    • HIFU ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบโฟกัสที่สามารถส่งพลังงานไปยังชั้น SMAS ซึ่ง HIFU ไม่มีระบบการแสดงชั้นผิวแบบเรียลไทม์เหมือนอัลเทอร่า (Ulthera) ทำให้การส่งพลังงานอาจไม่แม่นยำเท่า เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวระดับตื้นถึงปานกลาง ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน

     

    Thermage

    • Thermage ใช้เทคโนโลยี Radiofrequency (RF) ที่ส่งพลังงานคลื่นวิทยุเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยในชั้นผิวตื้น เช่น รอบดวงตา และช่วยกระชับรูขุมขน ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนในช่วง 2-3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี 

     

    Ultraformer MPT

    • Ultraformer MPT คือเทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถส่งพลังงานได้อย่างลึกและแม่นยำมากยิ่งขึ้น พลังงานคลื่นเสียงถูกออกแบบให้เจาะจงชั้นผิวได้หลากหลาย เช่น ชั้น SMAS และ ชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งเหมาะสำหรับการยกกระชับและฟื้นฟูผิวในระดับลึก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน

     

    Oligio

    • เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ Monopolar RF (Radiofrequency) ซึ่งทำงานคล้ายกับ Thermage โดยการส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว จุดเด่นของ Oligio คือความสามารถในการยกกระชับผิว ลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า รวมถึงปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น  ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน

     

    EMFACE

    • EMFACE เป็นเทคโนโลยีที่รวมพลังงาน RF และ HIFES (High-Intensity Focused Electromagnetic Stimulation) เพื่อยกกระชับใบหน้าและกระตุ้นกล้ามเนื้อพร้อมกัน ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าและลดริ้วรอย ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี

     

    Morpheus8

    • Morpheus8 ใช้เทคโนโลยี Fractional RF+Microneedling ซึ่งผสานพลังงาน RF กับเข็มขนาดเล็กที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลทั้งพื้นผิวและโครงสร้างลึกใต้ผิว สามารถลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน และฟื้นฟูผิวได้พร้อมกัน โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี

     

    การฉีดโบยกกระชับ

    • การฉีดโบยกกระชับ เป็นการฉีดสารเพื่อช่วยยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยการฉีดจะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบางส่วนที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย พร้อมกระตุ้นให้กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ถูกกดทำงานดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวดูกระชับและใบหน้าดูสมส่วน ผลลัพธ์ของโบยกกระชับจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน

     

    การฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับ

    • เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เพื่อช่วยยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนยิ่งขึ้น เทคนิคการฉีดนี้ไม่เพียงแต่เติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หรือใต้ตา แต่ยังช่วยยกผิวบริเวณที่หย่อนคล้อยให้ดูกระชับขึ้น เช่น กรอบหน้า แก้ม หรือขมับ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และการดูแลรักษาหลังการฉีด

     

    อัลเทอร่า (Ulthera) เจ็บไหม?

    • การทำอัลเทอร่า (Ulthera) มักทำให้รู้สึกตึงหรือเจ็บเล็กน้อยในชั้นผิวลึก เนื่องจากพลังงานคลื่นเสียงถูกส่งลงไปกระตุ้นชั้น SMAS อย่างไรก็ตาม ความเจ็บจะขึ้นอยู่กับความไวของผิวแต่ละคน โดยแพทย์สามารถทายาชา หรือปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความสบายระหว่างทำ

     

    อัลเทอร่า (Ulthera) มีผลข้างเคียงไหม?

    • หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยแดง บวม หรือรู้สึกตึงผิวบริเวณที่ทำ แต่จะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน หากมีอาการผิดปกติ เช่น อาการปวดมากหรือรอยแดงไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ทันที

     

    อัลเทอร่า (Ulthera) ราคาเท่าไหร่?

    • ราคาของอัลเทอร่า (Ulthera) ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและจำนวนช็อตที่ใช้ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 50,000 – 100,000 บาท หรือมากกว่านั้นในบางคลินิก ทั้งนี้ ควรเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานและใช้เครื่องอัลเทอร่าของแท้

     

    สามารถทำอัลเทอร่า (Ulthera) ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?

    • สามารถทำอัลเทอร่า (Ulthera) ร่วมกับหัตถการอื่น เช่น การฉีดโบ ฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อจัดลำดับเวลาที่เหมาะสม เช่น การทำเลเซอร์ควรเว้นช่วงก่อนหรือหลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อผิว

     

    อัลเทอร่า (Ulthera) ผู้ชายทำได้ไหม?

    • อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยผู้ชายสามารถทำเพื่อยกกระชับผิว ปรับกรอบหน้าให้ชัดขึ้น หรือลดความหย่อนคล้อยบริเวณแก้มและใต้คาง

     

    หลังทำอัลเทอร่า (Ulthera) ผิวหน้าจะบางลงไหม?

    • การทำอัลเทอร่า (Ulthera) ไม่ทำให้ผิวหน้าบางลง เนื่องจากพลังงานคลื่นเสียงจะส่งลงไปที่ชั้นผิวลึก (SMAS) โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน การกระตุ้นคอลลาเจนยังช่วยให้ผิวแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วย

     

    สรุปอัลเทอร่า (Ulthera) คือเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Focused Ultrasound) ที่สามารถส่งพลังงานลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่สำคัญต่อการยกกระชับ ทำให้อัลเทอร่า (Ulthera) สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูเรียบเนียน กระชับ และเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ

    จุดเด่นของอัลเทอร่า (Ulthera) คือความแม่นยำด้วยระบบการแสดงชั้นผิวแบบเรียลไทม์ และความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองจากองค์กรชั้นนำทั่วโลก นอกจากนี้ยังไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ อีกทั้งผลลัพธ์ยังอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี

    สำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีดูแลผิวให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับ อัลเทอร่า (Ulthera) คือคำตอบที่ลงตัว ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี้ คุณสามารถเผยความมั่นใจในแบบที่เป็นตัวเองได้อีกครั้ง หากต้องการปรึกษาหรือเริ่มต้นการดูแลผิวด้วยอัลเทอร่า (Ulthera) การเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานและทีมแพทย์ที่ไว้วางใจได้คือสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

    18 ปีผ่านไป แต่ผิวหน้าของคุณพิช รักแห่งสยาม ไม่เปลี่ยน เพราะ Oligio กระชับผิวหน้า

    Oligio กระชับผิวหน้า

    18 ปีผ่านไป แต่ผิวหน้าของคุณพิช รักแห่งสยาม ไม่เปลี่ยน เพราะ Oligio กระชับผิวหน้า

     

    ดั่งมีใจความบอกในกวี ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ฉันมีปลายทาง ถึงจะผ่านไป 18 ปี ก็ยังคงคิดถึงไม่เคยเปลี่ยน และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ก็คือผิวหน้าของคุณพิช วิชญ์วิสิฐ ที่ยังคงกระชับ อ่อนเยาว์อยู่เสมอ เหมือนตอนเล่นหนังเรื่องรักแห่งสยามอยู่เลยค่ะ 

     

    ผ่านไปนานมากเลยครับ แต่ดีใจที่ยังคงมีคนคิดถึงกันอยู่ พอได้เจอก็จะเข้ามาทักทาย และก็จะพูดว่าหน้ายังเหมือนเดิมเลย เหมือนตอนที่เล่นเรื่องรักแห่งสยามเลย (หัวเราะ) ซึ่งก็คือมันผ่านมานาน 18 ปีแล้วนะ เราก็แอบดีใจครับที่เรายังหน้าดูเด็ก ดูอ่อนเยาว์ หน้ากระชับไม่เคยเปลี่ยนเลย ก็ต้องยกความดีให้กับผู้ช่วยมือดีอย่างรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละครับ ที่ดูแลผิวหน้าของพิชให้ยกกระชับไม่เปลี่ยนแปลงครับ 

     

    Oligio กระชับผิวหน้า

    Oligio กระชับผิวหน้า
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

    ก่อนหน้านี้ก็มีบ้างครับเรื่องความหย่อนคล้อยของผิวหน้า เพราะมันก็แก่ขึ้นด้วย (หัวเราะ) พอเราอายุมากขึ้นอะไรมันก็เปลี่ยนไปหมด จากคนที่เคยหน้าตอบ หน้าลีน ก็จะเริ่มมีแก้ม มีความหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่กระชับ พวกริ้วรอย ร่องลึกจากความแก้และการแสดงสีหน้าก็มาหมดเลยครับ ก่อนหน้านี้พิชก็มองหาหัตถการที่จะช่วยแก้ไขและตอบโจทย์ผิวหน้าของพิช ก็อยากให้ผิวหน้ามันดูยกกระชับ และอ่อนเยาว์มากขึ้น ไม่ต้องเจ็บตัวกับการผ่าตัด หรือพักฟื้น และต้องดูเป็นธรรมชาติครับ จนพิชได้รู้จักกับรมย์รวินท์คลินิกและได้เข้าไปปรึกษาคุณหมอแบงค์ (นพ.ศรัญยู บุญชัย : ว.49259) เนี่ยแหละครับ 

     

    Oligio กระชับผิวหน้า
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

     

    คุณหมอแบงค์ให้คำปรึกษาเรื่องปัญหาผิวกับพิชดีมาก พิชเลยวางใจให้คุณหมอช่วยดูแลเลยครับ ซึ่งก่อนทำคุณหมอแบงค์จะตรวจวิเคราะห์ใบหน้าให้กับพิชด้วยเทคนิค Lifting Select ซึ่งเป็นการตรวจวิเคราะห์ปัญหาผิวได้ลงลึกทุกชั้นผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อหาโปรแกรมการรักษาที่ตอบโจทย์มากที่สุดครับ ซึ่งเทคนิคมีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น เพราะเป็นเทคนิคที่คิดค้นจากประสบการณ์ของทีมแพทย์เลย และด้วยเทคนิคนี้ยิ่งทำให้พิชยิ่งมั่นใจว่าจะได้รับผลลัพธ์การรักษาที่ตรงจุดแน่นอนครับ โดย 3 เฟรมเวิร์ก ได้แก่

     

    • Frame Selection เทคนิคการแก้ไข และปรับโครงหน้าให้มีความยกกระชับ ปรับกรอบหน้าให้เรียว คมชัด กลับมาสู่ความอ่อนเยาว์อีกครั้ง
    • Light & Shadow Me เพิ่มมิติให้ใบหน้า โดยการเพิ่มจุดเด่น และลดจุดด้อย ให้ใบหน้าดูดีมีมิติมากยิ่งขึ้น
    • Conceal Selection ช่วยเก็บรายละเอียดงานผิวให้ดูสวยมากยิ่งขึ้น เผยผิวได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องปกปิดจุดบกพร่อง

     

    Oligio กระชับผิวหน้า
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

    หลังจากที่วิเคราะห์ผิวเสร็จแล้วคุณหมอแบงค์เลือก Oligio รักษาปัญหาผิวให้กับพิชครับ ซึ่ง Oligio เป็นการรักษาโดยการยกกระชับผิวด้วยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Monopolar RF) ยิงลงสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) เข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เกิดการจัดเรียงตัวใหม่ ทำให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยยกกระชับขึ้น และเสริมผิวให้มีความแน่นเฟิร์ม ดูอิ่มฟูขึ้น และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยที่มีให้จางลง Oligio ยังช่วยเก็บรายละเอียดผิวให้รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นด้วยครับ และ Oligio ยังยิงพลังงานไปถึงชั้นไขมัน ช่วยสลายแฟตส่วนเกินได้อีกด้วย ใครที่มีส่วนเกินบริเวณแก้ม เหนียง คางสองชั้นสามารถจัดการได้หมดทำให้หน้าเรียว ลีน มากขึ้นกว่าเดิมครับ และ Oligio ไม่ได้ทำได้เฉพาะแค่ผิวหน้าอย่างเดียวนะครับ เพราะลำคอ หรือแม้แต่ลำตัว ที่มีความหย่อนคล้อย ไม่เฟิร์ม ไม่ยกกระชับ Oligio ก็จัดการให้เฟิร์ม กระชับขึ้นได้ด้วยครับ 

     

    หลังจากที่พิชได้ทำ Oligio รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้เลยครับ คุณหมอแบงค์บอกกับพิชว่าหลังจากทำ Oligio จะเห็นผลลัพธ์ว่าหน้ายกกระชับขึ้น 20-30% ครับ และจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีขึ้นที่สุดหลังทำ Oligio ไปแล้วประมาณ 3-6 เดือนครับ ตอนนี้ผิวหน้าของพิชยกกระชับขึ้นมาก พวกแก้ม เหนียง ที่เคยมีที่ทำให้หน้าหย่อนคล้อยดูแก่ ดูบวมหายไปเลยครับ หน้าของพิชลีน เฟิร์มขึ้นมากๆ เลย หล่อ ดูดีขึ้นมาก เพราะ Oligio ช่วยไว้เนี่ยแหละครับ และขอบอกเลยครับว่าตอนทำไม่เจ็บเลยเพราะ Oligio เป็นโปรแกรมยกกระชับที่ไม่ต้องใช้เข็ม แต่สามารถยิงพลังงานลงสู่ผิวทำให้ผิวยกกระชับ และยังสลายแฟตส่วนเกินบนใบหน้า ให้หน้า ลีน ลด ยก เฟิร์ม แบบลืมเจ็บไปได้เลยครับ และ Oligio เป็นโปรแกรมยกกระชับผิวที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA อเมริกา ยุโรป และไทย และ Oligio ยังได้รับรางวัล 2024 Korea Customer Preference Index No.1 การันตีคุณภาพจากประเทศเกาหลีอีกด้วย ใครที่กลัวเจ็บ หรือกลัวเข็ม ต้องมายกกระชับสลายแฟตด้วย Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะครับ 

     

    มีปัญหาผิวสามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิก 28 สาขาทั้งกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัดได้เลยนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นค่ะ 

    อัปเกรดหน้า “ฉบับตัวแม่” กับ Ultherapy PRIME ยกกระชับผิว

    Ultherapy PRIME ยกกระชับผิว


    อัปเกรดหน้า “ฉบับตัวแม่” กับ Ultherapy PRIME ยกกระชับผิว

     

    นาทีนี้ขอให้โหย่วหลบไป เพราะคุณน้ำฝน อัญรินทร์ หิรัญพรฐานนท์ เวอร์ชันใหม่ที่สวยยกกระชับ ยกชัดด้วยเทคโนโลยียกกระชับอัปเกรดใหม่ที่ PRIME สุดในตอนนี้เลยค่าา

     

    ตอนนี้กลับร่างมาเป็นน้ำฝนแล้วค่ะ (หัวเราะ) แต่อาจจะไม่ใช่น้ำฝนคนเดิมที่เคยรู้จักนะคะ เพราะตอนนี้ฝนอัปเกรดมาใหม่แล้วค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ฝนไม่ค่อยมีเวลาได้มาดูแลผิวหน้าเท่าไหร่ เพราะเป็นช่วงที่ต้องถ่ายทำละครลากยาวทั้งวันทั้งคืน พอถ่ายละครเสร็จก็ต้องให้เวลากับครอบครัว กับลูกๆ ด้วย ทำให้ผิวหน้าเริ่มโทรม เริ่มหย่อนคล้อยแล้ว ก็อยากมาดูแลผิวหน้าตัวเองให้ดีเหมือนเดิมค่ะ 

     

    ส่วนตัวแล้วฝนเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Ultherapy ท่านหนึ่งเลยค่ะ พอได้ยินว่ามีการอัปเกรดเทคโนโลยียกกระชับใหม่ในรอบ 15 ปี ให้มีความ Prime มากกว่าเดิม ดีกว่าเดิม และรมย์รวินท์คลินิกเขานำ Ultherapy PRIME เป็นคลินิกแรกๆ ที่นำเทคโนโลยีตัวนี้เข้ามาแบบสดๆ ร้อนๆ ฝนรอช้าไม่ได้ต้องรีบจองคิวมาเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้ลอง Ultherapy PRIME ตอนนี้อยากหน้ายกกระชับขั้นสุดแล้ว ขอฝนไปลองทำก่อนนะคะแล้วจะมารีวิวให้ฟังค่ะว่า Ultherapy PRIME ตัวนี้ดียังไงค่ะ 

     

    Ultherapy PRIME ยกกระชับผิว
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

     

    น้ำฝนได้มาทำ Ultherapy PRIME กับคุณหมอแวว (พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์ : ว.27827) ก่อนทำ คุณหมอแววใช้เทคนิค Lifting Select ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ผิวหน้าผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก ได้แก่ Frame Selection เป็นการปรับและแก้ไขโครงหน้าให้มีความอ่อนเยาว์ เรียวกระชับมากยิ่งขึ้น Light & Shadow Me เป็นการดึงจุดเด่น และลดจุดด้อยให้ใบหน้าดูดีมีมิติมากยิ่งขึ้น และสุดท้าย Conceal Selection เป็นการปรับรายละเอียดงานผิวให้มีความเนียนละเอียด กล้าที่จะเปิดเผยได้อย่างมั่นใจ ไม่มีอะไรต้องปกปิดค่ะ ซึ่ง 3 เฟรมเวิร์กใน Lifting Select นี้ จะเป็นการแก้ไขปัญหาในแต่ละด้านของแต่ละบุคคลเพื่อเลือกหัตถการในการรักษาที่ตอบโจทย์ ตรงจุด และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ ซึ่งเทคนิคนี้คิดค้นขึ้นโดยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปี และมีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะคะ ใครที่มาดูแลผิวหน้าที่รมย์รวินท์คลินิกรับรองว่าได้พบกับเทคนิคนี้แน่นอนค่ะ 

    Ultherapy PRIME ยกกระชับผิว

    Ultherapy PRIME ยกกระชับผิว
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

     

    หลังจากคุณหมอแวววิเคราะห์หน้าของฝนเสร็จ ก็เริ่มลงมือจัดการปัญหาผิวหน้าให้ฝนด้วย Ultherapy PRIME ซึ่งฝนรอโอกาสนี้มานานแล้วค่ะ Ultherapy PRIME ยังเป็นเทคโนโลยียกกระชับที่ยิงพลังงานได้ลงลึกเหมือนเดิมคือจะยิงพลังงาน Micro-Focused Ultrasound ลงสู่ผิวหนังชั้นลึก SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่คุณหมอนิยมใช้ในการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า แต่ Ultherapy PRIME ลงลึกได้โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด โดยพลังงานนี้จะทำให้เกิดพลังงานความร้อนมาพอที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ตามธรรมชาติ ซึ่งมีความแน่นขึ้น เฟิร์มขึ้น ทำให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น และ Ultherapy PRIME ยังมีการประมวลผลที่มีความเร็วมากยิ่งขึ้น เสถียรมากยิ่งขึ้นถึง 20% ซึ่งช่วยในเรื่องการปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นผิวได้รวดเร็ว ยิงพลังงานได้แม่นยำและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น ทำให้ใช้เวลาในการรักษาที่สั้นลง จนทำให้การรักษาเจ็บน้อยลงตามไปด้วย แต่ยังคงประสิทธิภาพยกกระชับผิวหน้าไว้อย่างเต็มเปี่ยมค่ะ และอีกอย่างที่ Ultherapy PRIME เพิ่มเติมมาจากรุ่นก่อนหน้านี้ก็คือ Ultherapy PRIME มีจอแสดงผลการรักษาแบบเรียลไทม์ เห็นการรักษาได้ทุกขั้นตอน ทุกชั้นผิวเพราะมีหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่กว่าเดิมถึง 35% และมีความคมชัดระดับ Full HD ทำให้คุณหมอสามารถเห็นโครงสร้างผิวในแต่ละชั้นได้ละเอียดกว่าเดิม ทำให้รักษาได้แม่นยำกว่าเดิมด้วยค่ะ Ultherapy PRIME เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับรองมาตรฐานจาก FDA อเมริกา มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย และ Ultherapy PRIME มีการทำการรักษาไปแล้วมากกว่า 3 ล้านทรีตเมนต์ทั่วโลกแล้วนะคะ และฝนก็ขอเป็นหนึ่งในนั้นที่ได้ยกกระชับผิวหน้าขั้นสุดกับ Ultherapy PRIME ค่ะ 

     

    Ultherapy PRIME ยกกระชับผิว
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

     

    หลังจากที่ฝนได้ทำ Ultherapy PRIME ต้องบอกเลยว่า Prime สมชื่อค่ะ เพราะยกกระชับผิวหน้าฝนได้ดีมากๆ อย่างที่คุณหมอแววบอกว่าจะเห็นผลลัพธ์ความยกกระชับหลังทำทันทีถึง 20% คือเห็นผลจริงค่ะ หน้าของฝนหลังทำเปลี่ยนไปเลย จากตอนแรกที่มีความห้อย หย่อนคล้อย ตอนนี้คือยกเลย ไม่มีหลงเหลือความหย่อนคล้อยเลยแม้แต่น้อยค่ะ และนอกจากความยกกระชับแล้ว Ultherapy PRIME ยังช่วยเก็บพวกริ้วรอย ร่องลึกของฝนให้ลดลงมาก หน้าฝนดูอ่อนเยาว์กว่าก่อนเข้าไปทำอีกค่ะ และพวกแก้ม เหนียง คาง ที่เคยมีแฟตส่วนเกินสะสม ตอนนี้หน้ามันลีนขึ้น เฟิร์มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ ต้องยอมรับเลยว่าของเขาดีจริง และฝนจะบอกเลย สำหรับใครที่กลัวเจ็บ Ultherapy PRIME ตัวนี้ ลืมเจ็บไปเลยค่ะ ใครที่เคยเจ็บจากรุ่นก่อนหน้านี้มาฝนอยากให้ลองมาเปิดใจกับ Ultherapy PRIME รุ่นใหม่อัปเกรดดีกว่าเดิมตัวนี้ค่ะ ตอนนี้ฝนกล้าบอกได้เลยว่าหลังทำ Ultherapy PRIME ยกชัด ลงลึก ลืมเจ็บ อยู่นานจริงๆ ค่ะ ใครที่อยากสัมผัสความยกกระชับ อ่อนเยาว์ แบบฝน ร้องไม่พลาดเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้มาทำ Ultherapy PRIME ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะคะ ฝนเห็นผลลัพธ์แล้ว อยากให้ทุกคนได้สัมผัสเช่นกันค่ะ 

     

    อยากยกกระชับแบบชัดๆ แต่ลืมเจ็บต้องมาลอง Ultherapy PRIME ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ

    Valentine’s day ปีนี้รมย์รวินท์ขอเป็น CUPID’S LOVE SPELL

    ร่ายมนต์คิวปิด วาเลนไทน์นี้ต้องเป๊ะ

    Romrawin ร่ายมนต์คิวปิด Valentine’s day นี้ต้องเป๊ะ 

     

    ก้าวเข้าสู่..กุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักกก ขอให้อบอวลไปด้วยมวลสารแห่งความรัก แต่ถ้าอยากสวยโช๊ะ Romrawin Clinic ขออาสาร่ายมนต์คิวปิดให้วาเลนไทน์ปีนี้ของคุณมีแต่ความเป๊ะ ไม่มีโป๊ะ  

     

    Valentine's day ร่ายมนต์..ผิวใสอิ่มน้ำ
    Valentine’s day ร่ายมนต์..ผิวใสอิ่มน้ำ

     

    Valentine’s day ร่ายมนต์..ผิวใสอิ่มน้ำ

    ใครที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวหมอง ผิวไม่โกลว์ใส Romrawin Cupid ขอร่ายมนต์เติมความชุ่มชื้นผิวอิ่มน้ำ สวยโกลว์ ดูสุขภาพดีด้วย

     

    SMART LASER เลเซอร์กำจัดความหมองคล้ำ และร่องรอย จุดด่างดำบนใบหน้า ให้กลับมาเผยความกระจ่างใส เติมออร่าให้ผิวเรียบเนียนสวย

    BLINK IT UP ทรีตเมนต์ผลักวิตามินลงสู่ผิวชั้นลึก ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เผยผิวสู่ความกระจ่างใส ไร้ร่องรอย 

     

    • ร่ายมนต์ที่ 1 เสกผิวใส เผยผิวสวยอิ่มน้ำ ด้วย SMART LASER เฉพาะจุด 1 ครั้ง รับฟรี โปรแกรม BLINK IT UP 1 ครั้ง ราคาเพียง 1,990 บาท จากราคาปกติ 4,500 บาท
    • ร่ายมนต์ที่ 2 เสกผิวใส เผยผิวสวยอิ่มน้ำ SMART LASER ทั่วหน้า 1 ครั้ง รับฟรี โปรแกรม BLINK IT UP 1 ครั้ง ราคาเพียง 3,590 บาท จากราคาปกติ 8,500 บาท

     

    Valentine's day ร่ายมนต์..รีเซ็ตหลุมสิว ลบฝ้ากระ
    Valentine’s day ร่ายมนต์..รีเซ็ตหลุมสิว ลบฝ้ากระ

     

    Valentine’s day ร่ายมนต์..รีเซ็ตหลุมสิว ลบฝ้ากระ

     

    ใครที่ยังมีปัญหาผิวหมอง ผิวไม่กระจ่างใส เพราะมีฝ้า กระ จุดด่างดำมาคอยบดบัง Romrawin Cupid ขอร่ายมนต์เสกผิวใหม่  รีเซ็ตผิวให้เนียนเรียบ กระจ่างใส ไกลฝ้ากระ ด้วย

     

    NU PICO MLA เลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น และยังช่วยกำจัดเม็ดสีที่ผิดปกติที่ทำให้เกิดฝ้า กระ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ผิวสวยกระจ่างใส

     

    REFRESHING MASK บำรุงและฟิ้นฟูผิวที่อ่อนล้า ลดเลือนริ้วรอยให้ผิวกระชับ ใบหน้าเรียบเนียน

     

    • ร่ายมนต์เสกผิวให้เนียน กระจ่างใส ด้วย NU PICO MLA เฉพาะจุด 1 ครั้ง รับฟรี REFRESHING MASK ราคาเพียง 4,990 บาท จากราคาปกติ 7,000 บาท

     

    ANTI MELASMA ADVANCE โปรแกรมการปรนนิบัติผิวที่ถูกออกแบบมาเพื่อการกำจัด ฝ้า กระ จุดด่างโดยเฉพาะ ด้วย Melasma Fade  ให้ผิวหน้ากระจ่างใส และเลเซอร์ที่ช่วยกำจัดเม็ดสีผิดปกติให้ลดไปและยังช่วยปรับผิวให้เนียบเรียบ

     

    AURA WHITE ผลักวิตามินเข้าสู่ผิว ช่วยปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ ลดเลือนร่องรอยของความหมองคล้ำ ฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส

     

    • ร่ายมนต์เสกผิวให้เนียน กระจ่างใส ด้วย ANTI MELASMA ADVANCE 1 ครั้ง รับฟรี โปรแกรม AURA WHITE 1 ครั้ง ราคาเพียง 4,900 บาท จากราคาปกติ 7,500 บาท

     

    Valentine's day ร่ายมนต์..ยกผิว ลดริ้วรอย
    Valentine’s day ร่ายมนต์..ยกผิว ลดริ้วรอย

     

    Valentine’s day ร่ายมนต์..ยกผิว ลดริ้วรอย

     

    ใครที่มีปัญหาผิวหน้า ยับ ย่น มีริ้วรอย หรือหย่อนคล้อย Romrawin Cupid ขอร่ายมนต์นี้ ให้ผิวหน้าทุกคนที่ได้ลองยกตึง กระชับ เหมือนกลับไปเป็นสาวอีกครั้ง ด้วย

     

    ฉีดโบเติมเต็มร่องลึก หยุดทุกปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า โดยเฉพาะ 3 จุดแก่ อย่าง หน้าผาก ตีนกา หว่างคิ้ว ให้หน้าเรียบตึง และยังลิฟกรอบหน้าให้เรียวชัด สวยในแบบธรรมชาติ ไม่แข็งตึง

     

    SLIM FACE ปรับหน้าให้คมชัด ยกผิวให้กระชับแบบทันใจ เพิ่มวอลลุ่มให้ผิวหน้า ลดแก้ม เหนียง ให้หน้าเรียวเล็ก แบบเป็นธรรมชาติ 

     

    • ร่ายมนต์เสกผิวให้เรียบ ยก ตึง ด้วย BOTOX 1 บริเวณ (เลือก หน้าผาก/หว่างคิ้ว/หางตา) รับฟรี โปรแกรม SLIM FACE (S) 1 ครั้ง ราคาเพียง 5,999 บาท จากราคาปกติ 9,500 บาท

     

    HIFU BARLIFT รีดผิวยับ ดึงผิวหย่อน ด้วยพลังงาน Focused Ultrasound ลงลึกถึงชั้น SMAS จัดการปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ปรับหน้าให้เรียว และยังลดแฟตส่วนเกินให้กรอบหน้าชัด 

     

    ดริปวิตามิน สูตร BLINK ช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น ปรับผิวให้ขาวกระจ่างใส ไบรท์ได้ทั้งตัว

     

    • ร่ายมนต์เสกผิวให้เรียบ ยก ตึง ด้วย HIFU BARLIFT 1 ครั้ง รับฟรี โปรแกรมดริปวิตามิน BLINK 1 ครั้ง ราคาเพียง 7,900 บาท จากราคาปกติ 36,500 บาท

     

    Valentine's day ร่ายมนต์..บูสต์ผิวโกลว์
    Valentine’s day ร่ายมนต์..บูสต์ผิวโกลว์

     

    Valentine’s day ร่ายมนต์..บูสต์ผิวโกลว์

     

    ผิวหมอง ผิวไม่ใส ดูไม่มีออร่า Romrawin Cupid ขอร่ายมนต์เสกผิวให้สวย ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง เผยความกระจ่างใสให้เปล่งประกาย ด้วย

     

    ดริปวิตามิน สูตร WHITE SKIN & DETOX ช่วยดีท็อกซ์สารพิษ และปรับสมดุลในร่างกาย ให้แข็งแรงจากภายใน และยังช่วยฟื้นฟูผิวให้สวย กระจ่างใสสู่ภายนอก สุขภาพดี ผิวดี เปล่งออร่า 

     

    ดริปวิตามิน สูตร BLINK ช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น ปรับผิวให้ขาวกระจ่างใส ไบรท์ได้ทั้งตัว 

     

    • ร่ายมนต์เสกผิวและร่างกายให้แข็งแรง กระจ่างใส ด้วย WHITE SKIN & DETOX 2 ครั้ง รับฟรี โปรแกรมดริปวิตามิน BLINK 2 ครั้ง ราคา 6,500 บาท จากปกติ 10,000 บาท

     

    REJURAN ไอเทมฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน ช่วยเติมเต็มน้ำให้ผิวชุ่มชื้น รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียน ฉ่ำเด้งดูมีสุขภาพดี 

     

    • ร่ายมนต์เสกผิวให้สวยฉ่ำ สุขภาพดี ด้วย REJURAN 2 CC. ราคาเพียง 9,000 บาท จากราคาปกติ 19,000 บาท

     

    Valentine's day ร่ายมนต์..ทุบไขมันดื้อ เสริมหุ่นเป๊ะ
    Valentine’s day ร่ายมนต์..ทุบไขมันดื้อ เสริมหุ่นเป๊ะ

     

    Valentine’s day ร่ายมนต์..ทุบไขมันดื้อ เสริมหุ่นเป๊ะ

     

    COOLSCULPTING ลดไขมันด้วยการปล่อยพลังงานความเย็น -11 องศา ลงสู่ใต้ชั้นผิวเข้าสู่ไขมัน  เพื่อลดไขมันและให้ร่างกายกำจัดออกโดยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บตัว

     

    FIT SHAPE BODY เร่งการกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และเซลลูไลต์ โดยไม่ทำลายเซลล์อื่นๆ สามารถทำได้ทุกส่วน ไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด สวยกระชับไม่เจ็บตัว

     

    • ร่ายมนต์เสกหุ่นให้สวย กระชับ กำจัดส่วนเกิน ด้วย COOL SCULPTING 1 CYCLE รับฟรี โปรแกรม FIT SHAPE BODY 1 ครั้ง ราคาเพียง 9,900 บาท จากราคาปกติ 15,900 บาท

     

    เริ่มร่ายมนต์ความสวยให้คุณตั้งแต่วันที่ 14 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 

     

    วาเลนไทน์นี้คุณก็เป๊ะได้ทั่วเรือนร่าง รักตัวเองได้ทุกวัน..แค่มาให้ Romrawin Cupid ช่วยร่ายมนต์ให้คุณสวย ดูดี มั่นใจในแบบที่เป็นคุณได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขานะคะ 

     

    *โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 14 -28 กุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น

    *โปรโมชันเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

    *โปรโมชันเฉพาะสาขาที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

    *ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล

    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่

    สิวไม่ใช่เรื่องเล็ก! ทำความเข้าใจปัญหาสิว กับรมย์รวินท์คลินิก

    ทำความเข้าใจปัญหาสิว

    สิวไม่ใช่เรื่องเล็ก! ทำความเข้าใจปัญหาสิว กับรมย์รวินท์คลินิก

     

    ในโลกของความงามที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการยกกระชับผิวหน้าหรือการใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ผิวอ่อนเยาว์และฉ่ำวาวขึ้น แต่ท่ามกลางเทรนด์ใหม่เหล่านี้ สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปคือการเตรียมผิวให้พร้อม เพราะการมีสุขภาพที่ดีและปราศจากสิว คือขั้นตอนสำคัญที่สุดในกระบวนการดูแลความงามของใบหน้า

     

    “สิว” บ่งบอกถึงสุขภาพภายใน

     

    บางคนอาจมองว่า “สิว” เป็นแค่ปัญหาผิวพรรณที่รบกวนความมั่นใจ แต่จริง ๆ แล้วสิวสามารถเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพภายในได้ เมื่อร่างกายมีความแข็งแรง ผิวหน้าก็จะสะท้อนออกมาให้เห็นตามไปด้วย หากผิวหน้าของเรามีสุขภาพดี เราก็สามารถดูแลและบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะใช้เครื่องสำอางหรือทรีตเมนต์ใด ๆ ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

     

    มุมมองเรื่องสิวของแพทย์ผิวหนัง

     

    พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล ว.10656 หรือ หมอฐา แพทย์ผู้มีความรู้ด้านผิวหนังโดยเฉพาะ มองว่าปัญหาสิวไม่ใช่แค่ปัญหาผิวพรรณที่ควรจัดการตามอารมณ์หรือแค่ความสวยงามเพียงเท่านั้น สิวเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับทั้งสุขภาพและจิตใจ การที่สิวเม็ดเล็ก ๆ รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ หรือกระจายตัวเป็นเม็ดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า มักจะสร้างปัญหาทั้งในด้านความมั่นใจและสุขภาพจิต ทำให้หลายคนเกิดความวิตกกังวล หรือรู้สึกเครียดไปกับการปกป้องผิวจากสิว

     

    หมอฐามองว่าปัญหาสิวต้องได้รับการดูแลและรักษาอย่างจริงจัง และไม่ใช่แค่ปัญหาผิวที่ควรละเลย คนไข้ที่มาพบหมอมีทั้งผู้ที่ยังเป็นสิวในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้ว สิวจึงไม่ได้เกิดจากการไม่ดูแลความสะอาดเท่านั้น แต่ยังเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม ฮอร์โมน สภาพร่างกายภายใน การกินอาหาร มลภาวะ หรือแม้กระทั่งวิธีการดูแลตัวเอง

     

    การแต่งหน้าเพื่อปกปิดสิว กับผลกระทบที่ไม่คาดคิด

     

    หลายคนเลือกที่จะปกปิดสิวด้วยการแต่งหน้า เพราะการแต่งหน้าสามารถเสริมความมั่นใจได้ในชั่วขณะหนึ่ง แต่การแต่งหน้ามากเกินไปก็สามารถกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สิวเกิดเพิ่มขึ้นจากเครื่องสำอางที่ใช้ หากเครื่องสำอางไม่สะอาดหรือมีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน การเลือกวิธีการรักษาสิวที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการรักษาที่ดีและเหมาะสมสามารถทำให้สิวลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ส่งผลเสียให้เกิดสิวเพิ่ม

     

    รักษาสิวอย่างถูกวิธีคือทางออกที่ยั่งยืน

     

    การรักษาสิวไม่ใช่แค่การใช้ยาหรือทรีตเมนต์บางชนิด แต่ต้องเริ่มต้นจากการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและปรับสภาพผิวให้เหมาะสม การรักษาสิวที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น  การอักเสบของผิว การติดเชื้อ หรือการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว ซึ่งอาจทำให้เกิดหลุมสิวหรือรอยด่างดำที่แก้ไขได้ยาก

    ในปัจจุบันการรักษาสิวได้พัฒนาไปมาก โดยเฉพาะในด้านการใช้เลเซอร์เพื่อยับยั้งต้นเหตุของการเกิดสิว เช่น ความมันส่วนเกินบนผิวหน้า จากผลการศึกษาพบว่า หากทำการรักษาโดยใช้เลเซอร์อย่างต่อเนื่อง 3 ครั้ง จะช่วยลดสิวอักเสบได้ถึง 97% และยังช่วยป้องกันการเกิดสิวในระยะยาวได้ถึง 2 ปี โดยใช้ระยะเวลาในการรักษาเพียง 30 นาทีต่อครั้ง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวโดยไม่ต้องใช้ยา 

     

    การเตรียมผิวให้แข็งแรงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการดูแลผิวหน้า เมื่อผิวมีสุขภาพดี การบำรุงผิวด้วยทรีตเมนต์ต่าง ๆ ก็จะสามารถฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คลื่นพลังงานหรือการฉีดตัวยาบำรุงผิวต่าง ๆ 

     

    สุดท้ายการรักษาสิวไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายเสมอไป แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไป หากได้รับการดูแลจากผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจกลไกการเกิดสิว และสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้การรักษาสิวประสบความสำเร็จ และผลลัพธ์ที่ได้จะยั่งยืน ตรงความต้องการของแต่ละคนมากที่สุด

    เทคนิค “Less is More” ทางเลือกใหม่ของการฉีดฟิลเลอร์

    พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู ว.49909

    เทคนิค “Less is More” ทางเลือกใหม่ของการฉีดฟิลเลอร์

     

    การทำโปรแกรมฟิลเลอร์มาแรงไม่หยุด! “คุณหมอบีบี – พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู” ว.49909 แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก ได้พูดเกี่ยวกับเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์แบบ “Less is More” ซึ่งเป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่เน้นในด้านการเลือกใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณการฉีดที่เหมาะสม 

     

    เพื่อผลลัพธ์ที่ดูสวยงาม ละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ คุณหมอบีบีได้อธิบายถึงวิธีการที่ช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างสมดุล โดยไม่ทำให้ใบหน้าเต็ม หรือแน่นจนเกินไป แต่มุ่งเน้นด้านการปรับใบหน้าให้สวยในแบบของคนไข้เอง พร้อมเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น

     

    เทคนิค “Less is More” สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ

     

    โดยคุณหมอบีบีบอกเล่าถึงการฉีดฟิลเลอร์แบบ Less is More ว่าแท้จริงแล้วเป็นแนวทางการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ที่ไม่เพียงแค่เติมเต็มฟิลเลอร์ในปริมาณน้อยอย่างเหมาะสมเท่านั้น แต่คุณหมอยังเน้นการออกแบบรูปหน้า และแก้ปัญหาใบหน้าอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเทคนิคนี้มีเป้าหมายเพื่อเติมเต็ม หรือยกกระชับในบริเวณที่ต้องการเท่านั้น  โดยไม่ทำให้ใบหน้าดูเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จนขาดความเป็นตัวเอง ทั้งยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง เป็นโปรแกรมฟิลเลอร์ยุคใหม่ สามารถสลายได้หมดตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในผิวเท่านั้น จึงทำให้หลังจากฉีดไปแล้ว ไม่ส่งผลลัพธ์ข้างเคียงที่อันตราย เช่นอาการ บวมๆ ยุบๆ รวมไปจนถึง การเคลื่อนย้ายไปตำแหน่งอื่นทั้งยังไม่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน

     

    จุดเด่นของแนวคิด Less is More ของคุณหมอบีบี

     

    แนวคิด Less is More เป็นแนวคิดที่คุณหมอบีบีนำมาใช้เพื่อตอบโจทย์การเสริมความงามแบบพอดี ที่เน้นผลลัพธ์ความสวยแบบเป็นธรรมชาติ ด้วยการใช้ปริมาณฟิลเลอร์น้อยที่สุดหรือใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อปรับแก้ปัญหาบนใบหน้าเฉพาะจุดอย่างแม่นยำ

     

    โดยคุณหมอจะเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์โครงหน้า  และลักษณะปัญหาของคนไข้อย่างละเอียดก่อนที่จะทำการฉีด เทคนิคนี้มุ่งสร้างความสวยงามที่กลมกลืน สมดุล และดูเป็นธรรมชาติที่สุด ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ลงตัว และเหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล

     

    ผลลัพธ์ดีอย่างเป็นธรรมชาติด้วยแนวคิด Less is More

     

    • ช่วยปรับใบหน้าให้สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ส่งผลให้ใบหน้าดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ หรือผิดรูป จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมความงามอย่างเป็นธรรมชาติแบบไม่มีใครดูออก
    • การปรับผิวให้ดูกระจ่างใส ลดริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า  ด้วยคุณสมบัติของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ช่วยเติมเต็ม ช่วยทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ อย่างเป็นธรรมชาติ
    • การปรับแต่งเฉพาะจุด เติมเต็มในจุดที่ขาด การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เพียงเล็กน้อยแต่ตรงจุด จะช่วยในการปรับแต่งโครงสร้างใบหน้าให้สวยงามและมีมิติมากขึ้น
    • การให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างยาวนาน การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์น้อยจะทำให้คงสภาพได้อย่างยาวนานมากขึ้น เน้นการดูแลและเสริมความงามด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์อย่างยั่งยืน
    • การลดผลข้างเคียงเพื่อความปลอดภัย เป็นการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ให้พอดีและเหมาะสม ช่วยลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่น ใบหน้าบวมเกินไปเพราะฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ไหลย้อย นับว่าเป็นความเสี่ยงที่เกิดมาจากการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่เยอะมากเกินไป
    • การฟื้นฟูโครงสร้างของใบหน้าอย่างเหมาะสม เพิ่มความมั่นใจในตนเอง ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในใบหน้าของตัวเองมากขึ้น

    รวมหลักการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์น้อยแต่ได้ผลลัพธ์ดี

     

    • วิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด 

    การตรวจสอบรูปหน้าและตำแหน่งของปัญหา เช่น ริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อย เพื่อกำหนดจุดฉีดที่เหมาะสมและการปรับรูปหน้าอย่างตรงจุด

    • เลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด

    เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเด่น เช่น ความแข็ง ความหนาแน่น ความคงตัว ความยืดหยุ่น รวมไปถึงการกระจายตัว ที่สามารถปรับเข้ากับสภาพผิวในแต่ละส่วน เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

    • ใช้เทคนิคการฉีดแบบละเอียดอ่อนและจัดวางตำแหน่งอย่างแม่นยำ

    เน้นการฉีดในชั้นผิวหนังที่เหมาะสมในบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหา และหลีกเลี่ยงการฉีดทั่วใบหน้าในปริมาณที่มากเกินไป

    • อัปเดตความรู้การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์อย่างสม่ำเสมอ

    การมีเทคนิคทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ดี สามารถนำมาปรับใช้เพื่อการรักษาที่แม่นยำและตรงจุดที่สุด รวมไปถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ของฟิลเลอร์ ที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงให้ได้มากที่สุด

     

    การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ด้วยแนวคิด “Less is More” สะท้อนถึงศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบความงามที่เน้นผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยหมอใช้เทคนิคเฉพาะที่ปรับให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละคนอย่างประณีต ผสานกับผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เพื่อมอบผลลัพธ์ที่สมดุล อ่อนเยาว์ และยั่งยืน

     

    นอกจากจะสร้างความพึงพอใจในความงามที่ดูเป็นธรรมชาติแล้ว แนวทางนี้ของหมอยังเน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ยั่งยืน ด้วยการปรับแต่งในปริมาณที่พอเหมาะ ทำให้เกิดความมั่นใจในทุกมิติของการดูแลความงามในแบบเฉพาะบุคคล

    เผยความงามในแบบของคุณด้วยเทคนิค Lifting Select เฉพาะรมย์รวินท์คลินิก

    พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์ ว.27827

    เผยความงามในแบบของคุณด้วยเทคนิค Lifting Select เฉพาะรมย์รวินท์คลินิก

     

    ในยุคที่ความงามและการดูแลตนเองกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการสร้างความมั่นใจ การเลือกวิธีการปรับปรุงและฟื้นฟูความงามต้องอาศัยทั้งความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ล่าสุด รมย์รวินท์คลินิก ได้รับเกียรติจาก The Standard ในการนำเสนอเทคนิคสุดล้ำอย่าง Lifting Select ผ่านบทสัมภาษณ์สุดพิเศษโดย “พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์” ว.27827 หรือ หมอแวว แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกที่มีความรู้เฉพาะด้านการปรับรูปหน้าและฟื้นฟูผิว ที่จะมาเผยถึงเบื้องหลังของเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก พร้อมเจาะลึกถึงวิธีการที่ช่วยแก้ปัญหาและยกระดับความงามในแบบที่เป็นคุณ

     

    เทคนิค Lifting Select มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิก

     

    เทคนิค Lifting Select ที่พัฒนาขึ้นโดย รมย์รวินท์คลินิก เป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่างการรักษาด้วยเทคนิคเฉพาะทาง การใช้โปรแกรมฉีด และการประยุกต์เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความงามอย่างลงตัว ซึ่งหมอจะทำหน้าที่เสมือน โค้ชความงามส่วนตัว ที่ดูแลและแนะนำอย่างใกล้ชิด 

     

    โดยอาศัยการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของผู้รับบริการในเชิงลึก (Personalized Approach) เพื่อออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการและโครงหน้าของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ มุ่งเน้นให้ผลลัพธ์ที่ไม่เพียงยกระดับความงาม แต่ยังสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณออกมาอย่างงดงามที่สุด

     

    จุดเด่นที่ทำให้ Lifting Select แตกต่าง

     

    สิ่งที่ทำให้ Lifting Select โดดเด่น คือ หมอปรับแต่งเทคนิคให้มีความเหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคล โดยแพทย์จะทำการประเมินปัญหาและลักษณะใบหน้าของผู้เข้ารับบริการอย่างละเอียด ก่อนนำเสนอแผนการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดใน 3 เฟรมเวิร์กสำคัญ ดังนี้

    • Frame Selection

    หมอจะเริ่มจากการวิเคราะห์การปรับโครงสร้างใบหน้าโดยพิจารณาจากองค์ประกอบทั้งหมด เพื่อให้เกิดความสมดุลและสมส่วนที่สุด ช่วยเสริมเสน่ห์เฉพาะของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็น การยกกระชับใบหน้า ปรับแนวกรอบหน้า รวมไปถึงการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณกรามและลำคอ 

    ซึ่งหากหมอพบว่าผู้เข้ารับบริการมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้าที่หย่อนคล้อยจากวัยที่เพิ่มมากขึ้น หมอจะเลือกใช้เทคโนโลยีความงามชนิดต่าง ๆ ในการรักษา ซึ่งเทคโนโลยีความงามที่หมอเลือกจะต้องมีค่าพลังงานที่ลงลึกอย่างหลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาให้ครบทุกชั้นผิว ตั้งแต่ผิวหนังชั้นบนไปจนถึงผิวหนังชั้น SMAS เพื่อการยกกระชับผิวอย่างครบถ้วน

    • Light & Shadow Me

    หมอจะเริ่มวิเคราะห์ในจุดต่อมา เป็นการวิเคราะห์เพื่อเพิ่มมิติให้ใบหน้าด้วยวิธีการจัดแสงและเงา เสริมจุดเด่นและลดจุดด้อย เพื่อให้ใบหน้าดูโดดเด่น สดใส รวมไปถึงทำให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น 

    โดยเทคนิคที่ใช้ในการปรับปรุงแสงและเงาบนใบหน้า คือเทคโนโลยีพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน เพื่อกระตุ้นการสร้างใหม่ของคอลลาเจนและอีลาสติน เพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับใบหน้าของเรา

    • Conceal Selection

    ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ บนใบหน้า แก้ไขจุดบกพร่องเฉพาะจุด เช่นริ้วรอยและรูขุมขน ซึ่งหมอจะใช้เทคโนโลยีที่ทำงานกับชั้นผิวตื้น อย่างผิวหนังชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ เพื่อเก็บรายละเอียดงานผิวให้เรียบเนียนมากขึ้น สามารถแก้ปัญหาผิวไม่สม่ำเสมอกัน โดยคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

     

    ทั้งนี้เทคนิค Lifting Select ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาด้านความงามในแบบองค์รวม โดยเน้นการยกระดับรูปหน้าและผิวพรรณให้เหมาะสมกับโครงหน้าของแต่ละบุคคล เทคนิคนี้ผสานกันระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูงและความรู้เฉพาะด้านของแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราให้ความสำคัญกับการดึงเสน่ห์ในแบบที่เป็นตัวตนของคุณออกมา พร้อมแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพื่อความมั่นใจในทุกมิติของความงาม

     

    การันตีผลลัพธ์ด้วยแนวคิด “For the Better You”

     

    เทคนิค Lifting Select ถูกออกแบบและพัฒนาภายใต้แนวคิด “For the Better You” ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นใจ และเผยความงามในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล โดยหมอจะดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหาไปจนถึงการเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความงาม แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองให้คุณอย่างยั่งยืน ด้วยการติดตามผลหลังการรักษาอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าความงามในแบบที่คุณต้องการจะกลายเป็นจริงได้ในที่สุด

     

    เทคนิค Lifting Select ทางเลือกใหม่สำหรับทุกความงาม

     

    ด้วยความมุ่งมั่นของ รมย์รวินท์คลินิก ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองทุกความต้องการด้านความงาม เทคนิค Lifting Select จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหารูปหน้าและผิวพรรณในระดับสูงสุด พร้อมสัมผัสประสบการณ์ความงามที่เปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ในแบบที่ดีกว่าเดิม

    ดูแลรูปร่างและสุขภาพอย่างยั่งยืน ด้วยเทคนิคจากรมย์รวินท์คลินิก

    ดูแลรูปร่างและสุขภาพอย่างยั่งยืน

    ดูแลรูปร่างและสุขภาพอย่างยั่งยืน ด้วยเทคนิคจากรมย์รวินท์คลินิก

     

    การมีรูปร่างที่สมส่วนและสุขภาพที่ดี ไม่เพียงส่งผลต่อความมั่นใจในรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ชีวิตโดยรวมมีคุณภาพมากขึ้น ในบทความนี้ หมอแพร พญ.ธิรดา จิตตการ ว.30170 แพทย์ผู้มีความรู้ด้านรูปร่างและผิวพรรณจาก รมย์รวินท์คลินิก แนะนำแนวทางการดูแลรูปร่างที่ถูกต้องอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน

     

    หุ่นดี สุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องของความสวยงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย หลายครั้งคนไข้มักจะถามหมอว่า ‘ควรเริ่มดูแลตัวเองอย่างไรให้ได้ผลและยั่งยืน’ วันนี้หมอขอมาอธิบายถึงวิธีการดูแลรูปร่างที่ถูกต้อง ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถทำตามได้ และที่สำคัญต้องปลอดภัย ไม่หักโหมจนเกินไป

     

    ความสำคัญของการดูแลรูปร่างควบคู่กับสุขภาพ

     

    หมออยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการดูแลรูปร่างที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามภายนอก แต่เป็นการดูแลสุขภาพโดยรวมของร่างกาย หลายคนพยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เช่น อดอาหาร หรือออกกำลังกายหักโหม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เร็วที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การดูแลรูปร่างต้องคำนึงถึงสุขภาพเป็นหลักและทำอย่างเหมาะสม ค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากการเข้าใจในหลักโภชนาการ การออกกำลังกายอย่างถูกวิธี และบางครั้งอาจมีเทคโนโลยีความงามเข้ามาช่วยเสริมให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น

     

    ขั้นตอนการดูแลรูปร่างร่วมกับรมย์รวินท์คลินิก

     

    สำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนรูปร่างอย่างเป็นระบบ ทางคลินิกมีขั้นตอนการดูแลที่ออกแบบโปรแกรมการดูแลรูปร่างที่เหมาะสมและเฉพาะบุคคล โดยมีขั้นตอนต่าง ๆ ที่ได้รับการวางแผนและดูแลโดยแพทย์ที่มีความรู้พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการดูแล ดังนี้

    • การประเมินและวิเคราะห์รูปร่างอย่างละเอียด

    ขั้นตอนแรกของการดูแลรูปร่างกับทางคลินิก คือการประเมินรูปร่างโดยรวมของผู้เข้ารับบริการ เพื่อให้สามารถเข้าใจสภาพร่างกายและปัญหาที่ต้องการแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ทีมแพทย์จะทำการวัดค่าดัชนีมวลกาย (BMI), เปอร์เซ็นต์ไขมัน และมวลกล้ามเนื้อ พร้อมทั้งซักประวัติและพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยมีการถามถึงเป้าหมายที่ผู้เข้ารับบริการต้องการ ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสามารถวางแผนการดูแลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลจากการประเมินเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถเข้าใจถึงปัญหาหรือความต้องการแท้จริงของร่างกายผู้เข้ารับบริการ จึงสามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมตรงจุดที่สุด

     

    • วางแผนการรักษาและออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล

    หลังจากที่ได้ข้อมูลจากการประเมินรูปร่าง ทีมแพทย์จะทำการวางแผนรักษาที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอย่างละเอียด เช่น การแนะนำโภชนาการที่เหมาะสมต่อร่างกาย การออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสม และการใช้เทคโนโลยีความงามที่ปลอดภัยเพื่อช่วยในการกระชับรูปร่างและปรับปรุงสภาพผิว 

     

    • เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม

    การเลือกเทคโนโลยีที่ใช้ในการดูแลรูปร่างและกระชับผิวเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญ เพราะแต่ละเทคโนโลยีจะมีคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับปัญหาและเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถใช้เทคโนโลยีที่สามารถลดสัดส่วน ลดไขมัน ลดขนาดของรูปร่าง รวมไปถึงลดไขมันเฉพาะจุด เช่น การลดไขมันด้วยความเย็นที่เหมาะสำหรับการใช้กำจัดไขมันเฉพาะจุด ซึ่งเน้นการทำลายไขมันโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่รอบข้าง ไปจนถึงเทคโนโลยีกระชับผิวที่เกิดจากความหย่อนคล้อยจากการลดขนาดของรูปร่าง รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ปั้นซิกซ์แพ็ก เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ จะเน้นด้านการสร้างกล้ามเนื้อและยกกระชับ พร้อมเผาผลาญไขมันไปในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีร่างกายที่กำยำแข็งแรง ซึ่งการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะช่วยพิจารณาและแนะนำให้เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุด เพื่อตอบโจทย์การดูแลรูปร่างและผิวพรรณอย่างมีประสิทธิภาพ

     

    • การติดตามผลลัพธ์หลังทำอย่างใกล้ชิด

    การติดตามผลลัพธ์หลังการทำการรักษาอย่างใกล้ชิด เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้รับจากการดูแลรูปร่างหรือการยกกระชับผิว ยังคงมีประสิทธิภาพและคงทนในระยะยาว การติดตามผลอย่างใกล้ชิดยังเป็นการช่วยปรับแผนการดูแลให้เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้ผลลัพธ์ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

    หลังจากการรักษา ทางคลินิกจะทำการติดตามผลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ เพื่อประเมินความคืบหน้าของผลลัพธ์และดูผลลัพธ์ที่ได้รับตรงตามที่คาดหวังหรือไม่ ในบางกรณีอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการดูแลรักษาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด รวมไปถึงการนัดหมายเพื่อตรวจเช็กรูปร่างอย่างสม่ำเสมอ เช่น การวัดค่าดัชนีมวลกาย (BMI). เปอร์เซ็นต์ไขมัน และการประเมินการกระชับผิว ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินการเปลี่ยนแปลงและปรับวิธีการดูแลตามความเหมาะสม

    นอกจากนี้ ทีมแพทย์ยังให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายในช่วงต่าง ๆ รวมถึงการดูแลผิวพรรณเพื่อรักษาความกระชับและความเรียบเนียนของร่างกาย

     

    • ปลอดภัยทุกขั้นตอนการรักษา

    การดูแลรูปร่างที่ทางคลินิกให้บริการจะเน้นความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยทุกขั้นตอนของการรักษาจะได้รับการตรวจสอบและดูแลอย่างเข้มงวดจากทีมแพทย์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและได้รับการทดสอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยไม่เสี่ยงต่อสุขภาพ การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยตลอดทุกขั้นตอนการรักษาจึงทำให้ผู้เข้ารับบริการ สามารถมั่นใจได้ว่า จะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด ทั้งในด้านผลลัพธ์และการดูแลสุขภาพระยะยาว

     

    การดูแลรูปร่างไม่ใช่เรื่องยากหากมีความตั้งใจและความเข้าใจที่ถูกต้อง การดูแลควรทำอย่างสมดุล ทั้งในเรื่องโภชนาการ การออกกำลังกาย และการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ปลอดภัยและเหมาะสม โดยมีแพทย์ที่มีความรู้คอยให้คำแนะนำ การมีรูปร่างที่ดีควบคู่ไปกับสุขภาพที่แข็งแรงคือเป้าหมายที่เราสามารถทำให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน

    หากท่านใดสนใจวางแผนดูแลรูปร่าง สามารถติดต่อปรึกษาที่ รมย์รวินท์คลินิก เพราะเราใส่ใจทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณมีสุขภาพและรูปร่างที่ดีอย่างมั่นใจและยั่งยืน

    วาเลนไทน์นี้ แจกทรงปากสวยน่าจุ๊บ พร้อมออกเดต

    ปากสวยน่าจุ๊บ

    วาเลนไทน์นี้ แจกทรงปากสวยน่าจุ๊บ พร้อมออกเดต

    วันวาเลนไทน์ปีนี้! ใครอยากมีทรงปากสวย อิ่มฟู น่าจุ๊บ หรืออยากปรับลุคให้ดูหวาน เซ็กซี่ มีเสน่ห์มากขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ปาก ถือเป็นตัวช่วยสุดฮิตที่สามารถปรับรูปทรงปากให้ดูอวบอิ่ม น่าจุ๊บ และสวยงามได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทรงปากน่ารักแบบสายเกา ทรงปากเซ็กซี่แบบสายฝอ หรือทรงปากสวยละมุนแบบพส.จีน ก็สามารถปั้นได้ วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก จะพาคุณไปอัปเดตเทรนด์ทรงปากฮิตที่กำลังมาแรง และเป็นกระแสที่สุดในตอนนี้ พร้อมพาไปทำความรู้กับการฉีดฟิลเลอร์ปากว่า คืออะไร? ดีอย่างไร? เพื่อให้คุณมีริมฝีปากสวย น่าจุ๊บ มั่นใจไม่มีแผ่ว พร้อมออกเดตค่ะ

    เทรนด์ฉีดฟิลเลอร์ปาก รวมทรงปากสวยน่าจุ๊บ รับวาเลนไทน์ 2025

     

    ปากสวยน่าจุ๊บ
    ทรงปากฮิตพร้อม Kiss

     

    รวม 4 เทรนด์ ทรงปากสวยฮิตปี 2025

    แน่นอนว่า ปี 2025 มีหลากหลายทรงปากที่ได้รับความนิยม โดยในแต่ละทรงปากก็มีลักษณะ และสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งเทรนด์ทรงปากที่มาแรงในปี 2025 มีดังนี้

    • Douyin Lips 

    Douyin Lips หรือทรงปากพส.จีน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากริมฝีปากของสาวจีน โดยจะเน้นริมฝีปากอวบอิ่ม ฉ่ำวาว น่าจุ๊บ ดูสุขภาพดี ริมฝีปากบนมีความโค้งเว้าเล็กน้อย โดยที่ไม่ดูหนา หรือบางจนเกินไป เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการปรับลุคให้ดูอ่อนหวานละมุน และดูเด็กลง 

    • Cherry Lips

    Cherry Lips หรือทรงปากเชอร์รี่ตามสไตล์สายเกา เป็นทรงปากที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยจะเน้นริมฝีปากบนมีความโค้งเว้า เป็นทรงกระจับเล็กน้อย ส่วนริมฝีปากล่างมีความอวบอิ่ม คล้ายลูกเชอร์รี่ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการปรับลุคให้ดูน่ารัก สดใส แบบสาวเกาหลี

    • Sexy Lips

    Sexy Lips หรือทรงปากเซ็กซี่ตามสไตล์สายฝอ โดยจะเน้นความอวบอิ่มของริมฝีปากบน และริมฝีปากล่าง ทำให้ริมฝีปากดูเต็มสวย และอิ่มฟูอย่างชัดเจน รวมถึง ขอบปากมีความคมชัด และโดดเด่น เหมาะสำหรับ สาว ๆ ที่ต้องการปรับลุคให้มีความเซ็กซี่ดู และมั่นใจมากขึ้น

    • Classy Lips

    Classy Lips หรือทรงปากธรรมชาติ มีความน้อยแต่มาก โดยจะปรับรูปทรงปากให้เข้ากับใบหน้า ริมฝีปากบนและล่างมีขนาดที่สมดุลกัน ซึ่งจะไม่เน้นความอวบอิ่มมาก แต่ยังคงความน่ารัก และความละมุนอยู่ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการริมฝีปากที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงทรงปากเดิมมากนัก

     

    ปากสวยน่าจุ๊บ
    ฟิลเลอร์ปากเติมปากสวย อวบอิ่ม

     

    ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม?

    ฟิลเลอร์ปาก คือ การฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปยังบริเวณริมฝีปาก เพื่อเติมเต็มริมฝีปากให้มีความอวบอิ่ม แก้ไขปัญหาริ้วรอย หรือร่องลึกบริเวณริมฝีปาก รวมถึง สามารถปรับรูปทรงปากให้ได้สัดส่วนตามที่ต้องการ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น จะช่วยให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี เพิ่มความมั่นใจ และเพิ่มความโดดเด่นให้กับใบหน้ามากขึ้น โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น ที่สำคัญฟิลเลอร์ปาก ยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูง เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ได้รับความนิยมตลอดกาลสำหรับผู้ที่ต้องการมีริมฝีปากสวยฉ่ำ น่าจุ๊บ

    ฟิลเลอร์ปาก มีข้อดีอย่างไร?

    • ปรับรูปทรงริมฝีปากได้ตามต้องการ 

    การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถปรับแต่งรูปทรงปากให้สวยงาม ได้หลากหลายตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทรงปากอวบอิ่มแบบสายฝอ ทรงปากกระจับแบบสายเกา หรือทรงปากที่เป็นธรรมชาติ 

    • แก้ปัญหาริมฝีปากได้หลายรูปแบบ

    การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถแก้ไขปัญหาริมฝีปากบาง แห้ง แตก ลอก เป็นร่อง หรือริมฝีปากไม่เท่ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี ชุ่มชื้น และมีสัดส่วนที่สวยงามมากขึ้น

    • เห็นผลลัพธ์ในทันที

    การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในทันทีที่ฉีด โดยจะเห็นได้ชัดว่า ริมฝีปากอวบอิ่ม ฉ่ำวาว และมีรูปทรงที่สวยงามตามที่ต้องการ 

    • ไม่ต้องพักฟื้นหลังฉีด

    การฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ต้องมีการพักฟื้นหลังฉีด สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติทันที เนื่องจากฟิลเลอร์ปาก เป็นปรับรูปทรงปากให้สวยงาม โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแผล หรือผลข้างเคียงอันตรายหลังฉีด

    • มีความปลอดภัย

    การฉีดฟิลเลอร์ปาก มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสาร Hyaluronic Acid (HA) ที่สามารถพบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ฟิลเลอร์จะกลมกลืน และเรียบเนียนไปกับริมฝีปาก อีกทั้ง ยังสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง

    • ปรับเปลี่ยน หรือแก้ไขง่าย

    การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถปรับเปลี่ยน หรือแก้ไขได้ง่ายตามต้องการ หากไม่พอใจในผลลัพธ์ หรือรูปทรงที่ได้ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วย Hyaluronidase ได้ทันที หรือเติมฟิลเลอร์ใหม่ได้เรื่อย ๆ เพื่อให้ริมฝีปากสวยงามได้ตามที่ต้องการ

     

    ออกแบบทรงปากให้สวยตรงใจ ต้องรมย์รวินท์คลินิก

    สำหรับใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือต้องการเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้แล้ววันนี้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เราพร้อมวิเคราะห์ และออกแบบรูปทรงปากให้เหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละบุคคล ทั้งทรงปากสายฝอ ทรงปากสายเกา ทรงปากธรรมชาติ หรือทรงปากแบบพส.จีน ก็สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ริมฝีปากสวย โดดเด่น มั่นใจรับวาเลนไทน์ค่ะ

    จัดงาน Grand Opening “New Presenter 2025” ณ Siam Paragon

    new presenter

    Romrawin Clinic จัดงาน Grand Opening “New Presenter 2025” Siam Paragon

     

    รมย์รวินท์คลินิกพลิกโฉมวงการความงามด้วยการจัดงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์ประจำปี 2025 ในวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น 1 โซน Fashion Hall ในเวลา 16.00-17.30 น. งานนี้ได้รับเกียรติจาก  พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล (ว.10656) แพทย์เจ้าของและผู้อำนวยการ และมาดามจอย ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการผู้บริหารของรมย์รวินท์คลินิกเข้าร่วมงานพร้อม เปิดเผยแนวคิดการรักษาผิวพรรณ ใบหน้า รูปร่าง แบบองค์รวมและแนวทางการพัฒนาในวงการความงาม รวมทั้งการบริการเพื่อให้การดูแลลูกค้ามีคุณภาพและมาตรฐานที่สูงขึ้น

    ภายในงานมีเหล่าดารา เซเลป สื่อมวลชน รวมทั้งผู้ใช้บริการของรมย์รวินท์คลินิก ร่วมฉลองงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์กันอย่างคับคั่ง

     

    Grand Opening new presenter ROMRAWIN CLINIC
    รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร พรีเซนเตอร์คนใหม่ของรมย์รวินท์คลินิก

     

    พรีเซนเตอร์คนใหม่ของรมย์รวินท์คลินิก  “มิ้นท์ รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร” เป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่กล้าก้าวข้ามขีดจำกัดด้านความงามและการดูแลตัวเอง “มิ้นท์” พร้อมจะพาทุกท่านเข้าสู่โลกแห่งเทคโนโลยีความงามที่ล้ำสมัย พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวความงามและแรงบันดาลใจในการดูแลตัวเองอย่างครบทุกมิติ ทั้งจากภายในและภายนอก ทำให้ผู้ที่มีความสนใจในความงามสามารถเข้าถึงแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างใกล้ชิด

    Grand Opening “New Presenter 2025”

     

    Grand Opening new presenter ROMRAWIN CLINIC
    Grand Opening new presenter ROMRAWIN CLINIC

     

    โปรแกรม Lifting Select เสริมสร้างความงามในทุกมิติ

    หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือการนำเสนอโปรแกรม Lifting Select ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์กที่ทันสมัยและตอบโจทย์ความงามของคนยุคใหม่ ดังนี้

    • Frame Selection: เทคโนโลยีที่ช่วยยกโครงหน้าและฟื้นฟูความเยาว์วัยของผิวด้วยการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด ทำให้ผิวดูเต่งตึงและมีความสมดุลในรูปทรง
    • Light & Shadow: เทคนิคการจัดการแสงเงาที่ช่วยสร้างมิติให้กับใบหน้า ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสกับการปรับแต่งแสงเงาเพื่อเน้นความสวยตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล
    • Conceal Selection: ระบบซูมใกล้ที่ช่วยเก็บรายละเอียดงานผิวอย่างแม่นยำ ผู้ใช้บริการจะมั่นใจในทุกมุมมองแม้ในระยะใกล้ เน้นความเรียบเนียนและความประณีตในแต่ละขั้นตอน

     

    Grand Opening new presenter ROMRAWIN CLINIC
    Grand Opening new presenter ROMRAWIN CLINIC

     

    โปรแกรม Lifting Select นี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาผิวพรรณที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย หรือปรับปรุงความเรียบเนียนของผิว ด้วยเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพและปลอดภัยทำให้รมย์รวินท์คลินิกกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีความงามในระดับประเทศ

    ภายในงานยังมุ่งเน้นไปที่การดูแลผิว เนื่องจากการมีผิวที่ดีถือเป็นปราการสำคัญในการก้าวข้ามผ่านความท้าทายทางด้านความงามในทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิว ฝ้า กระ หรือความหย่อนคล้อย เพราะรมย์รวินท์คลินิกเชื่อว่าผิวที่แข็งแรงคือชัยชนะเหนือกาลเวลา

     

    ปิดท้ายบรรยากาศงานและความฟินจากศิลปินเซเลปที่เข้าร่วมภายในงาน

     

    รมย์รวินท์คลินิกยังมี Big Surprise ให้กับผู้เข้าร่วมภายในงานโดยการเชิญคู่พาร์ทเนอร์ ที่กำลังได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้อย่าง “ต้าห์อู๋ & ออฟโรด” มาร่วมแสดงโชว์สุดพิเศษให้ทุกคนได้รับความฟินกันถ้วนหน้า เต็มไปด้วยเสียงกรี๊ด และความประทับใจ

    Grand Opening new presenter ROMRAWIN CLINIC
    Big Serprise กับ ต้าห์อู๋ ออฟโรด

    รมย์รวินท์คลินิกยึดมั่นในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านความงามและผิวพรรณ ผ่านการใช้เทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลกที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ด้วยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทีมงานมืออาชีพ มาเป็นระยะเวลามากกว่า 20 ปี ทำให้บริการที่ รมย์รวินท์คลินิกเป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วประเทศ และยังมีสาขาทั่วประเทศถึง 28 สาขา ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ผ่านแนวคิดใหม่ที่จะทำให้ทุกคนสวย อ่อนเยาว์ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต อย่าง Young  To The Future ในรูปแบบ For The Better You

    Grand Opening new presenter ROMRAWIN CLINIC
    Big Serprise กับ ต้าห์อู๋ ออฟโรด

    ฟิลเลอร์ปลอม คืออะไร? อันตรายจริงไหม? ทำไมไม่ควรฉีด? อัปเดต 2025

    อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม

    ฟิลเลอร์ปลอม คืออะไร? อันตรายจริงไหม? ทำไมไม่ควรฉีด? อัปเดต 2025

     

    ปัจจุบัน ฟิลเลอร์ปลอมยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในวงการแพทย์ความงาม โดยจะเห็นได้จากข่าวที่มีมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีหลายคนที่ยังหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อของฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมมีราคาที่ถูกกว่าปกติ ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าฟิลเลอร์แท้ แต่รู้หรือไม่ว่า การฉีดฟิลเลอร์ปลอม อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อใบหน้าสารพัด ทั้งใบหน้าผิดรูป ติดเชื้อ เนื้อตาย หรือตาบอดได้เลยทีเดียว ซึ่งยากต่อการรักษา ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังสนใจฉีดฟิลเลอร์อยู่ บทความนี้ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปลอมมาให้แล้วว่า ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร? ฟิลเลอร์ปลอมสังเกตได้อย่างไร? และมีวิธีไหนที่สามารถเช็กฟิลเลอร์แท้ได้บ้าง? เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นจากฟิลเลอร์ปลอม

     

    ฟิลเลอร์ปลอมอันตราย รู้ทันก่อนฉีด รวมวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้

     

    ฟิลเลอร์ปลอม คืออะไร?

     

    ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร
    ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร

     

    ฟิลเลอร์ปลอม เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้ผลิตจากสารที่มีคุณภาพ และไม่ได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่งส่วนใหญ่ฟิลเลอร์ปลอมจะใช้สารเติมเต็มประเภท ซิลิโคนเหลว (Liquid Silicone) และพาราฟิน (Paraffin) ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เอง ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านง่าย ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์แท้ที่สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย

    โดยเมื่อฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปแล้ว สารในฟิลเลอร์ปลอม จะตกค้างอยู่ในชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย ทั้งอาการบวมแดง อักเสบ หรือแม้กระทั่งผิวหนังติดเชื้อ อีกทั้ง ฟิลเลอร์ปลอม ยังทำให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาวได้ เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน เกิดพังผืดในชั้นผิว ทำให้ใบหน้าผิดรูป หรือตาบอด ซึ่งจะต้องทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะเเทรกซ้อน และมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

     

    ทำความรู้จัก ฟิลเลอร์แท้ คืออะไร?

    ฟิลเลอร์แท้ (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก โดยฟิลเลอร์แท้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเลียนแบบ สารที่พบในร่างกายตามธรรมชาติ มีหน้าที่หลักในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว และฉีดเสริมชั้นผิวในบริเวณที่สูญเสียคอลลาเจน ไขมัน และกระดูกที่ทรุดตัวลง ทำให้ผิวหน้ากลับมาอิ่มฟู เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย ซึ่งฟิลเลอร์แท้สามารถสลายตัวได้เองตามกระบวนการธรรมชาติ เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด

     

    ฟิลเลอร์ มีกี่ประเภท? 

    ฟิลเลอร์ชั่วคราว (Temporary Filler)

    • ฟิลเลอร์ชั่วคราว หรือ Temporary Filler เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ โดยทั่วไป จะมีส่วนประกอบของ สารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) ซึ่งได้รับความนิยม และมีการใช้งานในวงการแพทย์ความงามมาอย่างยาวนานทั่วโลก เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง สามารถฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้เรื่อย ๆ เมื่อฟิลเลอร์เริ่มสลายตัว และหากไม่พอใจในผลลัพธ์ สามารถทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ โดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ บริเวณที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด

    ฟิลเลอร์กึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)

    • ฟิลเลอร์กึ่งถาวร หรือ Semi-Permanent Filler เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ แต่ไม่สลายทั้งหมด 100% จึงมีความทนทานมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ชั่วคราว โดยทั่วไป จะมีส่วนประกอบของสารสังเคราะห์ เช่น Calcium Hydroxylapatite หรือ Poly-L-Lactic Acid ซึ่งเน้นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 18 – 24 เดือน ทำให้มีโอกาสเกิดผลข้างเคียง และปลอดภัยน้อยกว่า เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ชั่วคราว 

    ฟิลเลอร์ถาวร (Permanent Filler)

    • ฟิลเลอร์ถาวร หรือ Permanent Filler เป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ อาจทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกายตลอดชีวิต โดยทั่วไป จะผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ได้แก่ ซิลิโคนเหลว และพาราฟิน ซึ่งไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ถาวร หรือฟิลเลอร์ปลอมอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอันตรายกว่าฟิลเลอร์ชั่วคราว และฟิลเลอร์กึ่งถาวร อาจทำให้บริเวณที่ฉีดอักเสบ ใบหน้าผิดรูป ตาบอด หรือติดเชื้อในระยะยาวได้

     

    5 เหตุผลที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ปลอม

    ฟิลเลอร์ปลอม ใช้สารที่ไม่ปลอดภัย

    • สารที่ใช้ในฟิลเลอร์ปลอม เป็นสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน และผลิตจากสารที่ไม่ปลอดภัย ได้แก่ ซิลิโคนเหลว และพาราฟิน เนื่องจากเป็นสารที่มีราคาถูก และพบได้บ่อยในฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งไม่สามารถสลายได้ตามกระบวนการธรรมชาติ เมื่อฉีดฟิลเลอร์ปลอมไปแล้ว จะเกิดการจับตัวเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเนื้อตายได้

    ฟิลเลอร์ปลอม นำเข้าผิดกฎหมาย

    • ฟิลเลอร์ปลอม มักมีการนำเข้าแบบผิดกฎหมาย โดยไม่ได้มีการตรวจสอบคุณภาพ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอาหารและยา (อย.) ทำให้ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัย และประสิทธิภาพหลังฉีดได้ ซึ่งการนำเข้าฟิลเลอร์ปลอมแบบผิดกฎหมายนั้น ทำให้เสี่ยงต่อการได้รับสารที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้

    ฟิลเลอร์ปลอม ใช้กระบวนการผลิตไม่มีคุณภาพ

    • ฟิลเลอร์ปลอม มักมีกระบวนการผลิตที่ไม่สะอาด ไม่ได้รับการควบคุมคุณภาพ หรือไม่มีการฆ่าเชื้อที่ถูกต้อง ทำให้ไม่มีความปลอดภัย และฟิลเลอร์ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีการปนเปื้อนเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อรุนแรง อักเสบรุนแรง หรือหากสารปนเปื้อนเข้าสู่กระแสเลือด อาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

    ฟิลเลอร์ปลอม เสี่ยงเกิดอันตราย

    • การฉีดฟิลเลอร์ปลอม มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อใบหน้าสูง เนื่องจากสารที่ใช้ในฟิลเลอร์ปลอม เป็นสารประเภทซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ซึ่งไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้เกิดการตกค้างในผิวหนัง ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงตามมามากมาย ทั้งเกิดการติดเชื้อ อักเสบ อุดตันในเส้นเลือด หรือแม้กระทั่งเสี่ยงตาบอด เนื้อตาย และใบหน้าผิดรูปได้

    ฟิลเลอร์ปลอม ทำการรักษายาก

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอมไปแล้ว ฟิลเลอร์อาจตกค้างอยู่ให้ชั้นผิว เนื่องจากสารที่ใช้ในฟิลเลอร์ปลอม เป็นสารประเภทซิลิโคนเหลว หรือพาราฟินที่ไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ หากเกิดปัญหากับใบหน้าขึ้นมา อาจมีความยากต่อการรักษา ต้องทำการผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งการผ่าตัดก็ไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้ทั้งหมด และมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนอีกด้วย

     

    ฉีดฟิลเลอร์ปลอม อันตรายอย่างไร?

    อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอมระยะสั้น

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ ติดเชื้อ

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม สามารถเกิดอาการบวมแดง ร้อน หรือปวดในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากสารที่ใช้ในฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้ผ่านการควบคุมคุณภาพ และความสะอาด ทำให้มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจลุกลามจนเกิด ฝีหนอง หรือนำไปสู่การติดเชื้อรุนแรงได้

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ แพ้ฟิลเลอร์

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม อาจเกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งร่างกายอาจตอบสนองต่อสารแปลกปลอม โดยเกิดปฏิกิริยาแพ้ต่อต้านสารที่ไม่รู้จัก ทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง เช่น ผื่น คัน บวม หรือหายใจลำบาก

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ บวมแดงผิดปกติ

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม อาจเกิดอาการบวมแดงอย่างรุนแรงในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมไม่มีความปลอดภัย อาจเข้าไปกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวมแดงผิดปกติอย่างรวดเร็ว หรือรู้สึกปวด กดแล้วเจ็บในบริเวณที่ฉีดได้

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ ผิวเปลี่ยนสี

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม ผิวในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมอาจเกิดการเปลี่ยนสีได้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการฟิลเลอร์ปลอม อาจเกิดจากการอุดตันของเส้นเลือด เกิดการอักเสบ หรือเกิดการติดเชื้อ จนทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดง สีม่วง สีคล้ำ หรือสีดำได้

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ อุดตันเส้นเลือด

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปที่เส้นเลือดโดยตรง อาจทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมขาดเลือด และเกิดเนื้อตาย ในกรณีที่รุนแรง หากอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตา อาจทำให้ตาบอดได้

     

    อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอมระยะยาว

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ เกิดพังผืด

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม ร่างกายอาจสร้างพังผืดล้อมรอบสารในฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งจะส่วนใหญ่ มักจะเกิดขึ้นหลังฉีด 3 – 5 ปี ทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดพังผืดเกาะเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ใบหน้าบิดเบี้ยว และใบหน้าผิดรูปได้

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ ฟิลเลอร์เป็นก้อน

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม เมื่อเวลาผ่านไป 3 – 5 ปี สารนี้ จะเริ่มไหลย้อยมากองรวมกัน เป็นก้อนแข็งใต้ชั้นผิว ทำให้เวลาลูบ หรือคลำในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม จะรู้สึกเจ็บ เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้า

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ ฟิลเลอร์ไหลย้อย

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ปลอม สารในฟิลเลอร์ปลอมอาจไหลย้อย ไปยังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ตา จมูก หรือแม้กระทั่งปอด ทำให้เกิดการอักเสบ หรืออุดตันในอวัยวะต่าง ๆ ได้

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ เนื้อตาย 

    • หลังฟิลเลอร์ปลอม ถูกฉีดเข้าไปยังเส้นเลือด หรือกดทับหลอดเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงเนื้อเยื่อในบริเวณที่ฉีดได้ ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมขาดออกซิเจน จนเกิดเนื้อเยื่อตาย อาจเป็นแผลเป็นถาวร หรือส่งผลเสียต่อผิวหน้าขั้นรุนแรงได้

    ฟิลเลอร์ปลอมส่งผลให้ ตาบอด 

    • หลังฟิลเลอร์ปลอม ถูกฉีดเข้าสู่เส้นเลือดในบริเวณใบหน้า สารนี้ สามารถเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่เชื่อมกับดวงตา ซึ่งการอุดตันนั้น ทำให้เลือดไม่สามารถส่งออกซิเจนไปเลี้ยงจอประสาทตาได้ ส่งผลให้จอประสาทตาขาดเลือด และเกิดการตาบอดอย่างถาวร 

     

    วิธีสังเกตฟิลเลอร์ปลอม
    วิธีสังเกตฟิลเลอร์ปลอม

     

    สังเกตฟิลเลอร์ปลอมจากจุดไหนได้บ้าง?

    ฟิลเลอร์ปลอมสังเกตจาก ราคาถูกผิดปกติ

    • หากพบว่า ฟิลเลอร์มีราคาถูกจนเกินไป หรือมีราคาที่ต่างจากคลินิกชั้นนำ ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง และให้คิดไว้ก่อนเลยว่า อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอม อีกทั้ง การจัดโปรโมชันที่มีราคาถูกจนเกินจริง ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมเช่นกัน เนื่องจากฟิลเลอร์แท้จะมีราคาต้นทุนที่สูง ซึ่งก็มาพร้อมกับคุณภาพที่สูงตาม แนะนำให้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจ โดยเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ คลินิก เพื่อความปลอดภัย

    ฟิลเลอร์ปลอมสังเกตจาก กล่องฟิลเลอร์ไม่สมบูรณ์

    • หากพบว่า กล่องฟิลเลอร์มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ มีการยุบ บุบ มีรอยฉีกขาด หรือรายละเอียดบนกล่องเลือนลาง ข้อมูลไม่ครบถ้วน เช่น ไม่มีชื่อบริษัท ไม่มีวันที่ผลิต และไม่มีวันหมดอายุ รวมถึง ไม่มีฉลากภาษาไทย ให้คิดไว้ก่อนเลยว่า เป็นฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากฟิลเลอร์แท้จะมีสภาพกล่องที่สมบูรณ์ มีรายละเอียดครบถ้วน และชัดเจน แนะนำให้ตรวจสอบกล่องฟิลเลอร์ก่อนตัดสินใจ โดยศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อใบหน้า

    ฟิลเลอร์ปลอมสังเกตจาก เลข Lot. ไม่ตรงกัน

    • หากพบว่า ภายใน และภายนอกกล่องฟิลเลอร์ มีเลข Lot. บนกล่อง บนซอง และบนหลอดฟิลเลอร์ไม่ตรงกัน ไม่สามารถโทรตรวจสอบกับบริษัทผู้จัดจำหน่ายได้ ให้คิดไว้ก่อนเลยว่า เป็นฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากฟิลเลอร์แท้ทุกยี่ห้อจะมีเลข Lot. ทั้งภายใน และภายนอกกล่องที่ตรงกันทุกจุด โดยสามารถโทรตรวจสอบกับบริษัทผู้จัดจำหน่ายได้ ซึ่งบางยี่ห้ออาจมี เลข Lot. 3 จุด หรือบางยี่ห้ออาจมีเลข Lot. 4 จุด ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ แนะนำให้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจ 

    ฟิลเลอร์ปลอมสังเกตจาก คลินิกที่ให้บริการไม่น่าเชื่อถือ

    • หากพบว่า คลินิกที่ให้บริการไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง รวมถึง แพทย์ดูไม่น่าเชื่อถือ มีท่าทีปกปิดข้อมูล หรือไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ได้อย่างชัดเจน ให้คิดไว้ก่อนเลยว่า ผู้ที่ฉีดอาจไม่ใช่แพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ และฟิลเลอร์ที่ใช้อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอม แนะนำให้ตรวจสอบคลินิกที่ให้บริการอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อใบหน้า

    ฟิลเลอร์ปลอมสังเกตจาก แพทย์ไม่แกะกล่องต่อหน้า

    • หากพบว่า ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์ไม่ยินยอมแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า อาจเป็นไปได้ว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์ปลอม  และควรปฏิเสธการฉีด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การไม่แกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมเสมอไป แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส และความไม่ใส่ใจในความปลอดภัยของผู้รับบริการ แนะนำให้พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อป้องกันอันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม

    ฟิลเลอร์ปลอมสังเกตจาก ผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ

    • หากพบว่า หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วเกิดอาการปวดรุนแรง บวมแดง อักเสบ สีผิวเปลี่ยน หรือติดเชื้ออย่างเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าบางครั้งผลข้างเคียงบางอย่าง สามารถเกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์แท้ แต่ผลข้างเคียงที่ผิดปกติ ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งเป็นอันตรายอย่างร้ายแรง แนะนำให้ตรวจสอบฟิลเลอร์ และคลินิกที่ให้บริการให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อใบหน้าในระยะยาว

     

    ฟิลเลอร์ปลอมกับฟิลเลอร์แท้ต่างกันอย่างไร
    ฟิลเลอร์ปลอมกับฟิลเลอร์แท้ต่างกันอย่างไร

     

    ฟิลเลอร์แท้ VS ฟิลเลอร์ปลอม แตกต่างกันอย่างไร?

    ฟิลเลอร์ปลอม และฟิลเลอร์แท้ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัและผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด แต่การฉีดฟิลเลอร์ปลอมนั้น อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในระยะยาวได้ โดยฟิลเลอร์ปลอม และฟิลเลอร์แท้มีความแตกต่างกัน ดังนี้

    ฟิลเลอร์แท้

    • ฟิลเลอร์แท้ จะผลิตจาก ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกาย สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์แท้นั้น จะผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ทำให้มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก องค์การอาหารและยา (อย.) หากเกิดข้อพลาด สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ทันที โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

    ฟิลเลอร์ปลอม

    • ฟิลเลอร์ปลอม จะผลิตจากสารที่เป็นอันตราย ได้แก่ ซิลิโคนเหลว และพาราฟิน ซึ่งสารเหล่านี้ ไม่สามารถย่อยสลายได้ ทำให้เกิดสารตกค้างในร่างกาย และก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง โดยฟิลเลอร์ปลอมนั้น จะผ่านกระบวนการผลิตในโรงงานเถื่อนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความสะอาด และไม่มีการควบคุมคุณภาพที่ดีพอ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ อักเสบ หรือเป็นพิษต่อร่างกายได้

     

    ฟิลเลอร์หิ้ว VS ฟิลเลอร์ปลอม แตกต่างกันอย่างไร?

    ฟิลเลอร์ปลอม และฟิลเลอร์หิ้ว ถึงแม้จะเสี่ยงอันตรายเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งฟิลเลอร์ปลอม และฟิลเลอร์หิ้วมีความแตกต่างกัน ดังนี้

    ฟิลเลอร์ปลอม

    • ฟิลเลอร์ปลอม ผลิตจากสารอันตรายที่ไม่ใช่ไฮยาลูรอนิก แอซิด ได้แก่ ซิลิโคนเหลว และพาราฟิน ซึ่งยังไม่มีการรับรองจากหน่วยงานใด ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จึงตรวจสอบได้ยาก เนื่องจากไม่มีเลขทะเบียน อย. หรืออาจมีการปลอมแปลงเอกสาร โดยฟิลเลอร์ปลอม ผ่านการผลิตในโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะปนเปื้อนสารอันตราย เช่น เชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ 

    ฟิลเลอร์หิ้ว

    • ฟิลเลอร์หิ้ว อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์แท้ ที่มีการลักลอบนำเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย  โดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากร และไม่ได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ขาดการควบคุมคุณภาพในการขนส่ง และการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม ทำให้ฟิลเลอร์มีคุณภาพเสื่อมลง ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงอันตรายได้

     

    วิธีแก้ไขฟิลเลอร์ปลอม มีอะไรบ้าง?

    การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากฟิลเลอร์ปลอมนั้น มีความซับซ้อน และแตกต่างจากการแก้ไขฟิลเลอร์แท้ เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอม ผลิตจากซิลิโคนเหลว และพาราฟิน ทำให้ไม่สามารถใช้ Hyaluronidase ฉีดสลายได้เหมือนฟิลเลอร์แท้ ดังนั้น การแก้ไขฟิลเลอร์ปลอม จึงใช้วิธีการที่ยุ่งยากกว่า และใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน รวมถึง มีค่าใช้จ่ายที่สูง โดยวิธีแก้ไขฟิลเลอร์ปลอม มีดังนี้

    แก้ไขฟิลเลอร์ปลอม ด้วยการขูดฟิลเลอร์

    • ในกรณีที่ต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากฟิลเลอร์ปลอมนั้น สามารถทำการขูดฟิลเลอร์ปลอมออกได้ ซึ่งเหมาะสำหรับฟิลเลอร์ปลอมที่เป็นก้อน หรือแข็งตัว โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ขูดฟิลเลอร์ปลอมออกมา ประมาณ 60 – 70% เท่านั้น ไม่สามารถขูดออกได้ทั้งหมด ซึ่งวิธีนี้อาจทำให้เกิดรอยช้ำ หรือบวมหลังทำได้

    แก้ไขฟิลเลอร์ปลอม ด้วยการผ่าตัด

    • ในกรณีที่ต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากฟิลเลอร์ปลอมนั้น สามารถทำการผ่าตัดฟิลเลอร์ปลอมออกได้ หากฟิลเลอร์เป็นก้อนขนาดใหญ่ หรือแข็งมาก มีพังผืดเกาะแน่น หรือมีการติดเชื้อที่รุนแรง จนไม่สามารถขูดออกได้ การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยแพทย์จะทำการเปิดผิวหนังในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม เพื่อนำฟิลเลอร์ปลอมออก ซึ่งต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อเส้นเลือด และเส้นประสาท เนื่องจากการผ่าตัดฟิลเลอร์ปลอมนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่าการขูดฟิลเลอร์

     

    วิธีเช็กฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ มีอะไรบ้าง?

    การตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ก่อนตัดสินใจฉีดมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อความปลอดภัย ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเจอฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อก็มีวิธีการตรวจสอบที่ต่างกัน โดยสามารถตรวจสอบฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อได้ ดังนี้

     

    เช็กฟิลเลอร์แท้ Belotero
    เช็กฟิลเลอร์แท้ Belotero

    วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Belotero

    • ภายนอกกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Belotero จะต้องมีสภาพที่สมบูรณ์ มีรายละเอียดพิมพ์ไว้อย่างชัดเจน และไม่มีรอยฉีกขาด 
    • ภายในกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Belotero จะต้องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และเลขทะเบียนจาก อย. อย่างถูกต้อง
    • ภายใน และภายนอกกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Belotero จะต้องมีเลข Lot. ตรงกันทั้งหมด 3 จุด ทั้งตรงกล่องฟิลเลอร์, ตรงสติกเกอร์ และตรงหลอดฟิลเลอร์
    • หากมีข้อสงสัย หรือต้องการตรวจสอบเลข Lot. ของฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Belotero สามารถโทรตรวจสอบกับบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) ได้โดยตรง

     

    เช็กฟิลเลอร์แท้ Juvederm
    เช็กฟิลเลอร์แท้ Juvederm

     

    วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Juvederm

    • ภายนอกกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Juvederm จะต้องมีสภาพที่สมบูรณ์ มีรายละเอียดพิมพ์ไว้อย่างชัดเจน และไม่มีรอยฉีกขาด 
    • ภายในกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Juvederm จะต้องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และเลขทะเบียนจาก อย. อย่างถูกต้อง
    • ภายใน และภายนอกกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Juvederm จะต้องมีเลข Lot. ตรงกันทั้งหมด 4 จุด ทั้งตรงกล่องฟิลเลอร์, ตรงซอง, ตรงสติกเกอร์ และตรงหลอดฟิลเลอร์
    • หากมีข้อสงสัย หรือต้องการตรวจสอบเลข Lot. ของฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Juvederm สามารถโทรตรวจสอบกับบริษัท Allergan Thailand ได้โดยตรง

     

    เช็กฟิลเลอร์แท้ Restylane
    เช็กฟิลเลอร์แท้ Restylane

     

    วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane

    • ภายนอกกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane จะต้องมีสภาพที่สมบูรณ์ มีรายละเอียดพิมพ์ไว้อย่างชัดเจน และไม่มีรอยฉีกขาด 
    • ภายนอกกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane จะต้องมีสติกเกอร์โมโนแกรมคำว่า “VOID” ติดอยู่ เพื่อยืนยันความปลอดภัยว่า เป็นฟิลเลอร์แท้ไม่ใช่ฟิลเลอร์ปลอม
    • ภายนอกกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane จะต้องมี QR Code ให้สแกนตรวจสอบ โดยสามารถใช้แอปพลิเคชัน eZTracker สแกน เพื่อยืนยันความถูกต้องของฟิลเลอร์ที่ใช้ได้
    • ภายในกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane จะต้องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และเลขทะเบียนจาก อย. อย่างถูกต้อง
    • ภายใน และภายนอกกล่องฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane จะต้องมีเลข Lot. ตรงกันทั้งหมด 3 จุด ทั้งตรงกล่องฟิลเลอร์, ตรงสติกเกอร์ และตรงหลอดฟิลเลอร์
    • หากมีข้อสงสัย หรือต้องการตรวจสอบเลข Lot. ของฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อ Restylane สามารถโทรตรวจสอบกับบริษัท Galderma Thailand ได้โดยตรง

     

    ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ 

    • เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุข รวมถึง ภายในคลินิกควรมีความสะอาด ปลอดภัย และมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย 
    • เลือกฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์ โดยสามารถตรวจสอบ ชื่อ-นามสกุล ของแพทย์ที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ได้ที่ เว็บไซต์แพทยสภา เพื่อตรวจสอบดูว่า แพทย์ที่ฉีดเป็นแพทย์จริงหรือไม่
    • เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย ซึ่งในปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อที่ปลอดภัย และได้รับความนิยม เช่น Juvederm, Restylane หรือ Belotero 
    • ตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ก่อนฉีด โดยตรวจสอบเลขทะเบียน อย. เลข Lot. และรายละเอียดบนกล่อง หากมีข้อสงสัย ควรสอบถามแพทย์ หรือสอบถามบริษัทผู้จำหน่ายฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้นโดยตรง
    • ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์แท้ เพื่อให้แพทย์ประเมิน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
    • เลือกคลินิกที่มีการติดตามผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์แท้ เพื่อแสดงถึงความใส่ใจ และหากเกิดปัญหาสามารถแก้ไขได้ทันที
    • เลือกคลินิกที่มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ มีทั้งภาพ วิดีโอ และคอมเมนต์ในเชิงบวก สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน และเป็นที่น่าพอใจ

     

    ฟิลเลอร์ปลอม ถือเป็นฟิลเลอร์ที่มีความอันตรายสูง และสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาวได้ ดังนั้น  หากไม่อยากเสี่ยงเจอฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่มีคุณภาพ แนะนำให้พิจารณา และตรวจสอบฟิลเลอร์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจฉีด โดยศึกษาหาข้อมูล และเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากฟิลเลอร์ปลอม และเพื่อสร้างมั่นใจในผลลัพธ์ที่มีความปลอดภัยจากฟิลเลอร์แท้

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไปต่างกันอย่างไร? เลือกฉีดตัวไหนดี?

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไปต่างกันอย่างไร

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไปต่างกันอย่างไร? เลือกฉีดตัวไหนดี?

     

    ในปัจจุบัน การดูแลผิวหน้า และการทำหัตถการความงามกลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ฟิลเลอร์จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับการเติมเต็มริ้วรอย และปรับรูปหน้า แต่รู้หรือไม่ว่า? นอกเหนือจากฟิลเลอร์ทั่วไปแล้ว ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีฟิลเลอร์รุ่นใหม่ ที่เรียกว่า HArmonyCa ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมา ให้มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น และกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน บทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไปว่า HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป มีความแตกต่างกันอย่างไร? รวมถึง HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะกับใครบ้าง? เพื่อเป็นทางเลือกในการประกอบการตัดสินใจ มาหาคำตอบในบทความนี้กันค่ะ

     

    HArmonyCa VS ฟิลเลอร์ทั่วไป รู้ลึกก่อนฉีด แตกต่างกันอย่างไร? เหมาะกับใครบ้าง? 

    ทำความรู้จัก HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป

    HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ในการปรับรูปหน้า และยกกระชับผิว ซึ่งมีความแตกต่างกันในด้านส่วนประกอบ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ที่ได้อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น เพื่อให้สามารถเลือกฉีดได้อย่างเหมาะสม และตอบโจทย์มากที่สุด มาทำความรู้จักกับ HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ดังนี้

     

    HACa เคล็ดลับอัปผิวแน่น
    HACa เคล็ดลับอัปผิวแน่น

     

    HArmonyCa คืออะไร?

    HArmonyCa คือ เทคโนโลยีฟิลเลอร์รุ่นใหม่ ที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Hybird Filler โดยมีการผสมผสานส่วนประกอบสำคัญทั้ง 2 ชนิด เข้าด้วยกัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ได้แก่

    • Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารประกอบใน HArmonyCa ที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยจะเข้าไปยกกระชับผิว และปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด
    • Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เป็นสารประกอบใน HArmonyCa ที่มีคุณสมบัติในการ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย โดยการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้ในระยะยาว ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และดูสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

     

    HArmonyCa เหมาะกับใคร?

    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่กระชับ ดูแก่กว่าวัย
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัดเจน ใบหน้าไม่มีมิติ
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เติมเต็มใบหน้าให้ดูสมส่วน
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าตอบ ขาดวอลุ่ม เช่น ขมับตอบ แก้มตอบ
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในระยะยาว ผิวขาดความยืดหยุ่น
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ไม่สดใส
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าขาดคอลลาเจน ต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว 
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพให้ดูสุขภาพดี
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
    • HArmonyCa เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป

     

    ฟิลเลอร์เติมเต็มความอ่อนเยาว์
    ฟิลเลอร์เติมเต็มความอ่อนเยาว์

     

    ฟิลเลอร์ทั่วไป คืออะไร?

    ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกาย มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้นในชั้นผิว เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ทั้งการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก ปรับรูปหน้า เพิ่มปริมาตรให้ผิวในบริเวณที่ขาดคอลลาเจน และกระดูกทรุดตัวลง ทำให้ผิวกลับมาอิ่มฟู เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

     

    ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะกับใคร?

    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าให้ดูสมส่วน
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว ผิวขรุขระ
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง รูขุมขนไม่กระชับ
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าดูโทรม ใต้ตาคล้ำ ไม่สดใส
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลุ่ม เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว

     

    HACa VS ฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร
    HACa VS ฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร

     

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไปต่างกันอย่างไร?

    การฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ทั้งส่วนประกอบหลัก กลไกการทำงาน ระยะเวลาในการคงอยู่ และผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้

    ส่วนประกอบหลัก

    • HArmonyCa เป็นสารเติมเต็มแบบ Hybrid Filler ที่มีการผสมผสานส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) 70% และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) 30% เข้าด้วยกัน โดยจะทำงานแบบ Dual Effect ทั้งการยกกระชับผิวในทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ HArmonyCa ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) เพียงอย่างเดียว ซึ่งเน้นในการเติมเต็มริ้วรอย ปรับรูปหน้า และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยไม่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เหมือนกับ HArmonyCa

    บริเวณที่ฉีด

    • HArmonyCa เหมาะสำหรับที่ต้องการยกกระชับ และปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น ขมับ คาง กรอบหน้า หรือร่องแก้ม เนื่องจาก HArmonyCa มีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ทำให้เนื้อเจลมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปที่ใช้ Hyaluronic Acid (HA) เพียงอย่างเดียว หากฉีด HArmonyCa เข้าไปในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปาก หรือใต้ตา อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง เกิดเป็นก้อน หรือกระจายตัวไม่สม่ำเสมอได้
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการปรับรูปทรง และเติมเต็มเฉพาะจุด เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก ร่องแก้ม ขมับ แก้มตอบ หรือคาง เนื่องจากฟิลเลอร์ทั่วไป มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) เพียงอย่างเดียว ทำให้เนื้อเจลมีความคงตัว และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่แตกต่างกัน สามารถฉีดได้ทั้งบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย และบริเวณที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหว

    ผลลัพธ์ที่ได้

    • HArmonyCa จะให้ผลลัพธ์แบบ 2 in 1 ในหลอดเดียว ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยในด้านการยกกระชับผิว และปรับรูปหน้า สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีจากสาร Hyaluronic Acid (HA) พร้อมกับการทำงานต่อเนื่องของสาร Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในระยะยาว ทำให้ผิวแข็งแรง และกระชับขึ้นเรื่อย ๆ จากภายใน
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป จะให้ผลลัพธ์ได้ทันทีจากสาร Hyaluronic Acid (HA) ในด้านการเติมเต็มริ้วรอย และปรับรูปหน้า แต่จะไม่ให้ผลลัพธ์ในด้านการกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสติน เนื่องจากไม่มีสาร Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เหมือนกับ HArmonyCa

    ระยะเวลาคงอยู่

    • HArmonyCa สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด เนื่องจาก HArmonyCa มีสาร Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง แม้สาร Hyaluronic Acid (HA) จะเริ่มสลายไปแล้วก็ตาม
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ บริเวณที่ฉีด และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด สาร Hyaluronic Acid (HA) จะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ จึงต้องมีการกลับมาฉีดซ้ำเป็นระยะ เพื่อคงสภาพของผลลัพธ์ให้สวยงามอย่างต่อเนื่อง

    ราคา

    • HArmonyCa เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) จึงทำให้มีราคาสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป เนื่องจาก HArmonyCa มีคุณสมบัติที่หลากหลาย ทั้งการยกกระชับผิวในระยะสั้น และกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ซึ่ง HArmonyCa จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน และมีความยั่งยืนมากกว่า
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) เพียงอย่างเดียว จึงทำให้มีราคาที่ย่อมเยา และสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับ HArmonyCa เนื่องจากปัจจุบันฟิลเลอร์ทั่วไป มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ เช่น Juvederm, Restylane, ฺBelotero, Neauvia หรือ Definisse ทำให้มีหลากหลายทางเลือกในการตัดสินใจ

     

    รวมข้อดีของ HACa VS ฟิลเลอร์
    รวมข้อดีของ HACa VS ฟิลเลอร์

     

    ข้อดีของ HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป มีอะไรบ้าง?

    ข้อดีของ HArmonyCa

    • HArmonyCa มีคุณสมบัติแบบ Dual Effect เนื่องจาก HArmonyCa มีการผสมผสานระหว่าง  Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ทำให้ได้ทั้งการยกกระชับผิว และการกระตุ้นคอลลาเจนในขั้นตอนเดียว
    • HArmonyCa เห็นผลลัพธ์ทันที และระยะยาว โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ของการยกกระชับผิว และปรับรูปหน้าได้ทันที ตามด้วยผลลัพธ์ของการกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว
    • HArmonyCa คงผลลัพธ์ได้ยาวนาน โดย HArmonyCa สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 12 – 18 เดือน เนื่องจากร่างกายจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
    • HArmonyCa ไม่ต้องมีการฉีดซ้ำบ่อย เนื่องจาก HArmonyCa สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป จึงทำให้ลดความถี่ในการฉีดลงได้ 
    • HArmonyCa มีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก HArmonyCa มีสาร Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย โดยจะสลายตัวได้ตามธรรมชาติ ไม่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่อต้าน อีกทั้ง ยังได้รับการรับรองจากหน่วยงานความงาม ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ 

     

    ข้อดีของ ฟิลเลอร์ทั่วไป

    • ฟิลเลอร์ทั่วไป ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว และทันที โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที โดยเฉพาะในเรื่องของการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และสามารถปรับรูปหน้าได้ตามความต้องการ
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป ฉีดได้หลายบริเวณ โดยสามารถใช้ปรับรูปหน้า และเติมเต็มได้หลากหลายบริเวณ เช่น  ร่องแก้ม ใต้ตา ริมฝีปาก คาง ขมับ กรอบหน้า หรือมือ ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป มีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารธรรมชาติที่เข้ากันได้ดีกับร่างกาย ทำให้สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง อีกทั้ง ยังได้รับการรับรองจากหน่วยงานความงาม ทั้งในประเทศ และต่างประเทศอีกด้วย
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด เนื่องจากฟิลเลอร์ทั่วไปมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ จึงทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่า 

     

    ข้อจำกัดของ HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป มีอะไรบ้าง?

    ข้อจำกัดของ HArmonyCa

    • HArmonyCa ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญเท่านั้น เนื่องจาก HArmonyCa มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ทำให้เทคนิคในการฉีดมีความซับซ้อน ต้องอาศัยความแม่นยำ และประสบการณ์ในการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยที่สุด
    • HArmonyCa ไม่เหมาะสำหรับบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา เนื่องจาก HArmonyCa มีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) จึงมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป หากฉีดเข้าไปอาจทำให้รู้สึกตึง หรือดูไม่เป็นธรรมชาติในบริเวณที่ฉีดได้
    • HArmonyCa สามารถเกิดอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงได้มากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป เนื่องจาก HArmonyCa มีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ในการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้มากกว่า
    • HArmonyCa มีราคาสูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เนื่องจาก HArmonyCa ให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจน และยกกระชับผิวได้ในขั้นตอนเดียว ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

     

    ข้อจำกัดของ ฟิลเลอร์ทั่วไป

    • ฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่มีการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากฟิลเลอร์ทั่วไปมีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) เพียงอย่างเดียว จึงเน้นการเติมเต็ม และปรับรูปหน้าเป็นหลัก
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป ผลลัพธ์คงอยู่ไม่นานเมื่อเทียบกับ HArmonyCa โดยปกติแล้ว หลังฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ ซึ่งต้องมีการฉีดซ้ำอยู่บ่อย ๆ เมื่อฟิลเลอร์สลาย
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

     

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถฉีดร่วมกันได้ไหม?

    HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถฉีดร่วมกันได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป เพื่อให้แพทย์ประเมินผิวหน้าอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และบริเวณที่ต้องการฉีดของแต่ละบุคคล เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

     

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป ต่างจาก Radiesse อย่างไร?

    HArmonyCa

    • HArmonyCa เป็นสารเติมเต็มแบบ Hybrid Filler ที่มีการผสมผสานระหว่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ซึ่งทำหน้าที่ในการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว โดย HArmonyCa เหมาะสำหรับการปรับโครงสร้าง และยกกระชับผิวในบริเวณที่ไม่ได้มีการขยับบ่อย ๆ เช่น ขมับ คาง กรอบหน้า หรือร่องแก้ม ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แน่นกระชับ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น โดย HArmonyCa สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 12 – 18 เดือน 

    ฟิลเลอร์ทั่วไป

    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เป็นสารเติมเต็มที่มี Hyaluronic Acid (HA) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งทำหน้าที่ในการอุ้มน้ำให้กับผิว ช่วยในการเติมเต็มริ้วรอย และปรับรูปหน้า แต่ไม่ได้ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากไม่มี Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เป็นส่วนประกอบ จึงเหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด สามารถเลือกฉีดได้หลากหลายบริเวณ ทั้งบริเวณที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา และบริเวณที่ต้องการความคงตัวสูง เช่น กรอบหน้า ขมับ คาง โดยฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกฉีด

    Radiesse 

    • Radiesse เป็นสารเติมเต็มกลุ่ม Biostimulator ที่มี Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เป็นส่วนประกอบหลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งทำหน้าที่ในการกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินโดยตรง รวมถึง ปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน ทำให้สามารถยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มได้ทันที เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) เหมาะสำหรับบริเวณที่ไม่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ร่องแก้ม ขมับ คาง โดย Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด

     

    วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีด HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป

    • ก่อนฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อประเมินปัญหา และบริเวณที่ต้องการแก้ไข ทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
    • ก่อนฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ และประวัติการทำหัตถการต่าง ๆ ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
    • ก่อนฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดใช้ยา และอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน หรือสมุนไพรบางชนิด อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
    • ก่อนฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
    • ก่อนฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
    • ก่อนฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดสครับหน้า ขัดผิว ทำเลเซอร์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมในการผลัดเซลล์ผิว อย่างน้อย 3 – 5 วันก่อนฉีด
    • ก่อนฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป

     

    วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป

    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ลีกเลี่ยงการแต่งหน้าทันที อย่างน้อย 12 – 24 ชั่วโมงหลังฉีด
    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด นวด หรือคลึงในบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดนอนคว่ำ และนอนตะแคง ในท่าทางที่อาจเกิดการกดทับในบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดกิจกรรมที่สัมผัสความร้อนโดยตรง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือการทำเลเซอร์ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก อย่างน้อย 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมงหลังฉีด 
    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป งดสูบบุหรี่ทุกชนิด อย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมงหลังฉีด 
    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดีมากขึ้น
    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ควรให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

     

    Q And A รวมคำถามี่พบบ่อยของ HACa
    Q And A รวมคำถามี่พบบ่อยของ HACa

     

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ HarmonyCA กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่เหมาะกับใคร?

    • HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบในฟิลเลอร์ เช่น  Hyaluronic Acid (HA) หรือ Calcium Hydroxyapatite (CaHA)
    • HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีการติดเชื้อ หรืออักเสบในบริเวณที่ฉีด
    • HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่เป็นโรค หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
    • HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตรอยู่
    • HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่เป็นโรคประจำตัว เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง
    • HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ถาวร เนื่องจาก HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถสลายตัวตามธรรมชาติ เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด จึงต้องมีการฉีดซ้ำบ่อย ๆ

     

    ฉีด HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป กี่วันเห็นผล?

    • HArmonyCa จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที ในเรื่องของการยกกระชับผิว และปรับรูปหน้า จากนั้น HArmonyCa จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ ในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจนจาก Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ประมาณ 1 – 3 เดือนหลังฉีด 
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที ในเรื่องของการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้าได้ตามความต้องการ ซึ่งโดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เมื่อฟิลเลอร์เซตตัวเข้ากับผิวอย่างสมบูรณ์ ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์หลังฉีด

     

    ฉีด HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป อยู่ได้นานแค่ไหน?

    • HArmonyCa สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด แต่ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจน จะยาวนานกว่าการยกกระชับผิว เนื่องจากสาร Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ทำให้ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ถึงแม้ Hyaluronic Acid (HA) จะสลายตัวไปแล้วก็ตาม
    • ฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ยี่ห้อที่เลือกฉีด และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด หากฉีดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย อาจจะสลายตัวได้ง่ายกว่าในบริเวณอื่น

     

    ฉีด HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป เจ็บไหม?

    • การฉีด HArmonyCa มักจะอยู่ในระดับความเจ็บที่สามารถทนได้ เนื่องจาก HArmonyCa มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ที่ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีดลงได้
    • การฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป มักจะอยู่ในระดับความเจ็บที่สามารถทนได้เช่นกัน เนื่องจากฟิลเลอร์ทั่วไปบางยี่ห้อก็มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) อยู่ แต่บางยี่ห้อก็ยังไม่มีส่วนผสมของยาชา ดังนั้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป อาจมีการทายาชาเฉพาะจุด เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างฉีดลงได้

     

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป อันตรายไหม?

    • การฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป โดยทั่วไป ไม่มีความอันตราย หากฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป โดยแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์ รวมถึง ใช้ HArmonyCa และฟิลเลอร์แท้ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา หรือ อย. ไทย เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ที่สุด

     

    HArmonyCa กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป มีผลข้างเคียงไหม?

    HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป แม้จะมีความปลอดภัยเมื่อฉีดโดยแพทย์ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รุนแรง และสามารถหายได้เอง ดังนี้

    • หลังฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป อาจมีอาการบวมแดง ช้ำ หรือปวดตึงในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดหลังการฉีด และมักจะหายได้เอง ภายใน 2 – 3 วัน ในบางกรณี อาจมีอาการบวมมากกว่าปกติเล็กน้อยหลังฉีด HArmonyCa เนื่องจากมีสาร Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ในการกระตุ้นคอลลาเจน

     

    HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการยกกระชับผิว เติมเต็ม และปรับรูปหน้า แต่มีความแตกต่างกันที่ HArmonyCa เป็น Hybrid Filler ที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ทำให้มีกลไกการทำงานแบบคู่ ทั้งยกกระชับผิวทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว ในขณะที่ฟิลเลอร์ทั่วไปมีเพียง Hyaluronic Acid (HA) ที่เน้นการเติมเต็มเพียงอย่างเดียว ทำให้ HArmonyCa สามารถให้ผลลัพธ์ได้ยาวนาน และยั่งยืนมากกว่า แต่ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงกว่าเช่นกัน 

     

    ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูล และพิจารณาอย่างรอบคอบ สำหรับใครที่สนใจฉีด HArmonyCa และฟิลเลอร์ทั่วไป สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เรามีแพทย์ที่มีความรู้ และความชำนาญ พร้อมให้คำแนะนำ และประเมินสภาพผิวอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษา และเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์กับปัญหามากที่สุด

    เติมฟิลเลอร์สวยสับ ฉบับนางงาม มองทางไหนก็ละมุน

    เติมฟิลเลอร์ปาก

    เติมฟิลเลอร์สวยสับ ฉบับนางงาม มองทางไหนก็ละมุน

     

    ลงจากเวทีประกวดมิสแกรนด์ศรีสะเกษมาหมาดๆ ก็ออร่าจับมากๆ เลยค่ะ กับคุณ เฮเลน  พิชชาภา จัสทิส มิสแกรนด์ศรีสะเกษ 2025 ครั้งนี้คุณเฮเลนมาที่รมย์รวินท์คลินิก ขอให้ช่วยเติมความสวยละมุนให้สะกดใจแฟนๆ ยิ่งขึ้น งานนี้จัดไปค่ะ! 

     

    มาที่รมย์รวินท์คลินิกครั้งนี้ เฮเลนตั้งใจจะมาให้คุณหมอแพร (พญ.ธิรดา จิตตะการ ว.30170) ช่วยเพิ่มความละมุนตุ้นให้กับเฮเลนโดยเฉพาะเลยค่ะ ก่อนเพิ่มความละมุน คุณหมอแพรประเมินผิวหน้าของเฮเลนด้วยเทคนิค Lifting Select ผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก ซึ่งจะทำให้คุณวิเคราะห์ใบหน้าได้อย่างตรงจุดว่าต้องเพิ่ม ต้องลดตรงไหน เพื่อผลลัพธ์ที่จึ้งที่สุด และเทคนิคนี้คุณหมอแพรบอกมากับเฮเลนว่ามีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะคะ 

     

    ฟิลเลอร์ปาก
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    หลังจากที่คุณหมอแพรวิเคราะห์ใบหน้าให้แล้ว เฮเลนก็ไม่รอช้า บอกความต้องการของตัวเองไปเลยค่ะ เฮเลนคิดว่าหน้าของเฮเลนดูสวยแล้ว แต่เฮเลนอยากได้ความจึ้งความละมุนมากกว่านี้อีก คุณหมอแพรก็ตอบรับความต้องการของเฮเลนด้วยการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ คุณหมอแพรบอกว่า ผิวเฮเลนดีอยู่แล้ว แต่ตัวฟิลเลอร์ที่เลือกใช้นี้จะช่วยในการปรับรูปหน้าของเราให้ดูสมส่วน ดูสวยละมุนแบบเป็นธรรมชาติมากขึ้น และไม่ดูตั้งใจจนเกินไปค่ะ คุณหมอแพรเลือกฉีดฟิลเลอร์บริเวณปาก และคางให้เฮเลน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ที่ปากจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและอวบอิ่มให้ปากของเฮเลนดูมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น และการฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยให้คางของเฮเลนดูยาวขึ้น สมส่วนรับกับรูปหน้ามากยิ่งขึ้นค่ะ 

     

    หลังจากที่คุณหมอแพรปั้นปาก และเติมคางให้เฮเลนแล้วขอบอกเลยว่าสวยสับ ละมุนละม่อมถูกใจเฮเลนมากๆ เลยค่ะ ดูเข้ากันไปหมด ไม่มีที่ผิดเลยค่ะ ดูเป็นธรรมชาติมาก ดูสวยแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่จริงคือตั้งใจมากๆ ค่ะ (หัวเราะ) คางส่งปาก ปากส่งหน้า หน้าส่งคน ส่งเข้าไปรับมงเลยค่ะ สวยชนะเลิศแบบฉบับนางงาม เฮเลนเป็นปลื้มมากๆ เลยค่ะ 

     

    ฟิลเลอร์ปาก
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    ฉีดเติมฟิลเลอร์ปากคืออะไร

     

    ฟิลเลอร์ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือ HA ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ กักเก็บความชุ่มชื้น และมีความยืดหยุ่นดี โดยการฉีดฟิลเลอร์สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องใช้วิธีผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ทิ้งบาดแผลหลังทำ เมื่อฉีดเสร็จแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ การฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ สลายได้เอง โดยการฉีดฟิลเลอร์สามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 6-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ และการดูแลรักษาของแต่ละบุคคล 

     

    ฟิลเลอร์ปาก
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

    ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก ดีอย่างไร

    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาปากไม่เท่ากัน 
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปากช่วยเติมเต็มปากที่บางให้ได้รูปมากยิ่งขึ้น
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง แตก ลอก ให้ดูชุ่มชื้นมากขึ้น
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก ช่วยเติมเต็มร่องปากให้อวบอิ่ม
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาปากคว่ำ มุมปากตก
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก ช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้รูปปากรับกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก เห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก ไม่ต้องใช้การผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งบาดแผลหลังทำ
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก สามารถสลายไปได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้าง
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์ปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-18 เดือน แล้วแต่บุคคล

     

    ฉีดเติมฟิลเลอร์คาง ดีอย่างไร

    • ฉีดเติมฟิลเลอร์คาง ช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์คาง ช่วยแก้ปัญหาคางเบี้ยวไม่เท่ากันให้รูปหน้าสมดุลขึ้น
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์คาง ช่วยแก้ปัญหาคางบุ๋มให้ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น 
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์คางแก้ปัญหาหน้ากลม ให้ดูหน้าเรียว คมชัดมากยิ่งขึ้น
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์คาง ช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้ใบหน้าดูดี เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
    • ฉีดเติมฟิลเลอร์คาง ช่วยให้คางและใบหน้าดูสวยเป็นธรรมชาติ

     

    ฟิลเลอร์ปาก
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    ดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างไรบ้าง

    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการทาลิปสติกและใช้หลอดดูดน้ำใน 12 ชั่วโมงแรก
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการรับประทานอาหารร้อนจัด อาหารรสจัด และของหมักดอง
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมาก เพราะอาจทำให้เสียรูปทรง
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการออกแดดหรือเจอกับอากาศร้อนอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน 
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการทำหัตถการจำพวกเลเซอร์อย่างน้อย 1 เดือน
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการนอนคว่ำ นอนตะแคง และเท้าคาง
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการจับ สัมผัส นวดคลึงบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ 
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำในปริมาณมากๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำ และคงสภาพได้นาน
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดกิจกรรมที่ต้องเจอกับความร้อน เช่น การออกกำลังกาย ซาวน่า  กิจกรรมกลางแจ้ง การกินชาบู หรือปิ้งย่าง 

     

    เลือกฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย

    • เลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ และมีใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมายซึ่งสามารถนำเลขที่ใบอนุญาตประกอบการ 11 หลัก ไปเช็กกับเว็บไซต์แพทยสภาได้ 
    • เลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ มีการติดตามผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงมีการแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังทำ 
    • เลือกฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก และผ่านการรับรองจากอย.มาแล้วว่ามีความปลอดภัย
    • เลือกฉีดฟิลเลอร์กับรมย์รวินท์คลินิก เพราะเป็นคลินิกเสริมความงามที่มีใบอนุญาตถูกต้อง มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และใช้ฟิลเลอร์ฉีดแท้ ผ่านการรับรองจากอย.

     

    สวยละมุน ดูดี มั่นใจแบบคุณเฮเลน มิสแกรนด์ศรีสะเกษ 2025 มาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ 

    Thermage FLX เคล็ดลับหน้ายกกระชับ ผิวดูดี ฉบับ “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน”

    Thermage FLX ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล


     


    Thermage FLX เคล็ดลับหน้ายกกระชับ ผิวดูดี ฉบับ “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน”

    ถึงในจอจะเป็นตัวร้ายที่ทำเอาหลายๆ คนเกลียดกันไปตามๆ กัน แต่นอกจากคุณณัฏฐ์ เทพหัสดินพกความอบอุ่นเป็นแดดดี แฟมมิลี่แมนมากๆ แต่วันนี้คุณณัฏฐ์ขอพักจากการเป็นแดดดี มาให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลผิว อัปความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุผิวให้กลับไปเป็นอปป้ากันซักหน่อย

    วันนี้ขอพักยกจากการเป็นแดดดีซักหนึ่งวันครับ ขอมาดูแลผิวที่รมย์รวินท์คลินิก ยกกระชับหน้า เสริมความอ่อนเยาว์ให้กับตัวเองซักหน่อยครับ เพราะช่วงนี้ทำงานค่อนข้างเยอะ และจะต้องให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ไม่ค่อยมีเวลาได้พักบวกกับตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวันทำให้ผิวหน้าของผมมันล้า และเสื่อมโทรมลงไปมาก ก็เลยขอมาย้อนอายุผิวของตัวเอง ให้คุณหมอแพร (พญ.ธิรดา จิตตการ : ว.30170) ช่วยดูแลให้ซักหน่อยครับ

    ก่อนทำหัตถการคุณหมอแพรใช้เทคนิค Lifting Select ช่วยวิเคราะห์ผิวหน้าให้กับผมผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อวิเคราะห์ปัญหาผิวก่อนการเลือกหัตถการและวางแผนการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ ซึ่งคุณหมอแพรบอกว่าเทคนิคนี้มีคิดค้นโดยประสบการณ์กว่า 21 ปี ของทีมแพทย์ และมีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะครับ

     

    Thermage FLX ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล
    Thermage FLX ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    ผมมีปัญหาเรื่องริ้วรอย ร่องลึก ทั้งบนผิวหน้า และรอบดวงตาครับ คุณหมอแพรเลยจัดการแก้ปัญหาให้กับผมด้วย Thermage FLX ซึ่งเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่เป็นที่นิยมมากๆ เลยครับ ยอดนิยมยังไงหรือครับ ก็เพราะ Thermage FLX เขามีเคสการรักษาผิวหน้าให้ยกกระชับด้วย Thermage FLX กว่า 2 ล้านทรีตเมนต์ทั่วโลกเลยครับ พูดมาถึงขนาดนี้ผมต้องลองบ้างแล้วล่ะครับ

    เรื่องปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาของผมคุณหมอแพรเลือกใช้ Thermage FLX Eyes Tip หัว Tip สีเขียวที่มีหัวขนาด 0.25 คุณหมอแพรบอกกับผมว่าหัวนี้เป็นหัว Tip ที่เหมาะกับบริเวณผิวส่วนที่บอบบางอย่างเช่นตาครับ โดย Thermage FLX Eyes Tip ยิงพลังงานได้ในระยะตื้นๆ เพื่อจัดการริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา ยกกระชับผิวรอบดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น และช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก หางตาตก คิ้วตกให้ดวงตาดูยกกระชับขึ้น ดูกลมโตขึ้น และยังช่วยดูแลผิวใต้ตาที่หมองคล้ำ ดูโทรม เปลี่ยนให้ดูสดใสมากขึ้นครับ

    และสำหรับปัญหาเรื่องริ้วรอยและผิวหน้าคุณหมอแพรเลือกใช้ Thermage FLX Total Tip หรือ Blue Tip ซึ่งเป็นหัว Tip แบบใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเฉพาะผิวหน้าโดยเฉพาะ Thermage FLX Total Tip มีขนาด 3.0 ครับ โดย Thermage FLX สามารถยิงพลังงานลงสู่ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำและตรงจุดมากยิ่งขึ้น ช่วยยกผิวกระชับผิวหน้าและยังเติมร่องรอย ริ้วรอยบนใบหน้าให้เต็มขึ้น มีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น โดย Thermage FLX ยิงตรงเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้ผิวแน่นเฟิร์ม ยกกระชับมากยิ่งขึ้น และ Thermage FLX ยังช่วยในเรื่องงานผิว รูขุมขนกระชับ เนียนละเอียด ปรับผิวให้มีคุณภาพดีมากยิ่งขึ้นด้วยครับ นอกจากนี้ Thermage FLX ยังมีหัวอื่นๆ ที่ช่วยเรื่องปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป และ Thermage FLX สามารถทำได้ทั้งผิวหน้า ลำคอ และตัวด้วยนะครับ

     

    Thermage FLX ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล
    Thermage FLX ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    หลังจากที่ผมได้ทำ Thermage FLX เห็นผลลัพธ์ความยกกระชับได้ทันทีเลยครับ หน้าผมจากที่หย่อนคล้อยและมีริ้วรอยตรงร่องแก้ม หางตา หนังตาที่ตกมันกลับเรียบตึงขึ้น ยกกระชับขึ้น ดูสดใสอ่อนเยาว์ขึ้นมากเลยครับ คุณหมอแพรบอกว่าหลังทำ Thermage FLX เห็นผลทันทีว่าผิวยกกระชับขึ้นถึง 30% เลยครับ ใครที่มีปัญหาเรื่องผิวแนะนำให้มาทำ Thermage FLX ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะครับ หน้ายกกระชับ ผิวตึง เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีเลยครับ และยังเป็นการยกกระชับที่ไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัยได้รับการรับรองจาก FDA อเมริกาและไทย ทำแล้วสามารถใช้หน้าต่อได้ทันที ไม่ต้องพักหน้า ไม่ทิ้งบาดแผลเลยครับ

     

    Thermage FLX Eyes Tip ดีอย่างไร

    • Thermage FLX Eyes Tip ลดเลือนริ้วรอย ร่องรอยเล็กๆ รอบดวงตา
    • Thermage FLX Eyes Tip ดูแลผิวใต้ตาให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
    • Thermage FLX Eyes Tip ช่วยยกกระชับผิวบริเวณรอบดวงตา
    • Thermage FLX Eyes Tip ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก หางตาตก คิ้วตก
    • Thermage FLX Eyes Tip เหมาะสำหรับผิวบริเวณส่วนที่บอบบาง
    • Thermage FLX Eyes Tip ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตา
    • Thermage FLX Eyes Tip ช่วยให้รอบดวงตามีความอ่อนเยาว์
    • Thermage FLX Eyes Tip ช่วยให้ตากลมโต สดใสมากยิ่งขึ้น
    • Thermage FLX Eyes Tip ไม่ต้องใช้การผ่าตัด ไม่ทิ้งบาดแผล
    • Thermage FLX Eyes Tip ปลอดภัยเพราะได้การรับรองจาก FDA อเมริกาและไทย

     

     Thermage FLX ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล
    Thermage FLX ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    Thermage FLX Total Tip ดีอย่างไร

    • Thermage FLX Total Tip หัว Tip เหมาะกับบริเวณผิวหน้าโดยเฉพาะ
    • Thermage FLX Total Tip ช่วยกกระชับผิวให้เต่งตึง
    • Thermage FLX Total Tip ช่วยเก็บรายละเอียดงานผิวให้มีคุณภาพดี
    • Thermage FLX Total Tip ช่วยยกระชับรูขุมขน ให้ผิวเรียบเนียน
    • Thermage FLX Total Tip ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกให้ตื้นขึ้น
    • Thermage FLX Eyes Tip ทำได้ทั้งผิวหน้าและลำคอ
    • Thermage FLX Total Tip ช่วยเติมเต็มให้ผิวดูอ่อนเยาว์
    • Thermage FLX Total Tip ให้ผลลัพธ์ที่สวย อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
    • Thermage FLX Total Tip ยกกระชับได้แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งบาดแผล
    • Thermage FLX Total Tip มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก FDA อเมริกาและไทย

    มีปัญหาผิว สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ เราพร้อมเป็นผู้ช่วยดูแลผิวให้กับคุณค่ะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ

    KARISMA Rh Collagen  พลิกโฉมผิวสู่ความอ่อนเยาว์ด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต

    KARISMA

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      KARISMA Rh Collagen  พลิกโฉมผิวสู่ความอ่อนเยาว์ด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต

       

      วงการเสริมความงามเดินหน้า พัฒนาขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ หรือสารสังเคราะห์เพื่อเลียนแบบธรรมชาติ รวมทั้ง สารที่สังเคราะห์ขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เพิ่มคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น KARISMA Rh Collagen ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเป็นตัวเลือกใหม่ในการดูแลผิว 

       

      KARISMA Rh Collagen เป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Bio-Restorative ที่มี Recombinant Human Collagen (Rh Collagen) ซึ่งใช้สำหรับการฉีดเป็นตัวแรกของโลก ที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวที่ครบถ้วน ทั้ง เติมเต็มผิว แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในไฟโบรบลาสต์ของผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ และเรียบเนียนอย่างยาวนาน KARISMA Rh Collagen นับเป็นการผสานคุณสมบัติที่โดดเด่นของฟิลเลอร์และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิวไว้ด้วยกัน เพียงแค่ฉีดตัวเดียว

       

      การทำงานของ KARISMA Rh Collagen
      การทำงานของ KARISMA Rh Collagen

       

      การทำงานของ KARISMA Rh Collagen

      KARISMA Rh Collagen เมื่อถูกฉีดเข้าสู่ชั้นผิว Rh Collagen ใน KARISMA จะเข้าไปกระตุ้นไฟโบรบลาสต์เพื่อให้ใต้ชั้นผิวเกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผลิตคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ในขณะเดียวกัน Hyaluronic Acid (HA) ใน KARISMA Rh Collagen จะช่วยเติมความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้ในทันที ส่น Carboxymethylcellulose (CMC) ที่เป็นสารเพิ่มความหนืด (Thickener) และยังเป็นสารให้ความคงตัว (Stabilizer) ที่ได้จากเซลลูโลส ซึ่งเป็นโพลีแซ็กคาไรด์ตามธรรมชาติที่พบในพืช โดยผ่านกระบวนการดัดแปลงทางเคมีให้เกิดหมู่ Carboxymethyl (-CH₂-COOH) เข้ามาแทนที่ไฮดรอกซิล (-OH) บางส่วนในโมเลกุลของเซลลูโลส และจะช่วยยืดอายุผลลัพธ์และเสริมสร้างชั้นผิวให้แข็งแรง โดยผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เพียงการเติมเต็มชั่วคราว แต่ KARISMA Rh Collagen ยังช่วยฟื้นฟูผิวในระยะยาว ทั้งในเรื่องของความเรียบเนียน ความกระชับ และสุขภาพผิวโดยรวม

       

      KARISMA Rh Collagen มีการวิจัยและพัฒนาอย่างยาวนาน จึงทำให้มีผลลัพธืที่ล้ำสมัย KARISMA Rh Collagen ได้รับการออกแบบให้มีความคล้ายคลึงกับ DNA ของมนุษย์ถึง 99.9% ทำให้โอกาสเกิดการแพ้น้อยมาก นอกจากนี้ ยังมี Hyaluronic Acid (HA) และ Carboxymethylcellulose (CMC) เป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เติมเต็มผิว และกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

      KARISMA Rh Collagen ไม่เพียงช่วยเติมเต็มริ้วรอยลึก ร่องแก้ม หรือริ้วรอยใต้ตา แต่ยังส่งเสริมให้ผิวของคุณแข็งแรงจากภายใน โดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใน ฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่สำคัญในกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว

       

      คุณสมบัติเด่นของ KARISMA Rh Collagen®

      KARISMA Rh Collagen® ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวอย่างครอบคลุม ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังนี้:

      • KARISMA Rh Collagen กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ด้วยไฟโบรบลาสต์ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึงและแข็งแรง
      • KARISMA Rh Collagen แก้ไขริ้วรอยและร่องลึก เติมเต็มร่องลึกและรอยย่นบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอยใต้ตา และรอยย่นเหนือริมฝีปาก
      • KARISMA Rh Collagen ยกกระชับผิว ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ให้ผิวแน่นกระชับ ดูอ่อนเยาว์
      • KARISMA Rh Collagen ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น ฟื้นฟูผิวที่เสียหาย ลดหลุมสิว และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
      • KARISMA Rh Collagen เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี ฉ่ำวาว และอิ่มน้ำ

       

      คุณสมบัติเด่นที่ทำให้ KARISMA Rh Collagen แตกต่าง

      1. KARISMA Rh Collagen  ช่วยฟื้นฟูผิวในทุกมิติ
        ช่วยแก้ปัญหาผิวหลายประการในขั้นตอนเดียว ตั้งแต่ริ้วรอยลึก ความหย่อนคล้อย ไปจนถึงความหมองคล้ำ
      2. KARISMA Rh Collagen ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
        Rh Collagen ทำงานร่วมกับ HA และ CMC เพื่อเพิ่มการสร้างคอลลาเจน a1 และ a2 ในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวดูแน่นและยืดหยุ่นในระยะยาว
      3. KARISMA Rh Collagen  มีปลอดภัยสูง
        ด้วยการสกัดคอลลาเจนจากรังไหม ซึ่งมี DNA ใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด จึงลดโอกาสการแพ้และอาการระคายเคือง
      4. KARISMA Rh Collagen ให้ผลลัพธ์ที่เห็นทันทีและยั่งยืน
        หลังฉีด ผิวจะดูชุ่มชื้นและอิ่มฟูทันที และในระยะยาว คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นจะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และแข็งแรง

       

      Karisma เหมาะกับฉีดบริเวณไหน
      Karisma เหมาะกับฉีดบริเวณไหน

       

      บริเวณที่สามารถฉีด KARISMA Rh Collagen ได้

      KARISMA Rh Collagen มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น

       

      KARISMA Rh Collagen เป็นผลิตภัณฑ์ที่นิยมใช้ในการดูแลผิวพรรณ โดยเฉพาะการฉีดเพื่อฟื้นฟูและบำรุงผิวหนัง ซึ่งเป็นการนำคอลลาเจนบริสุทธิ์มาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิว โดยทั่วไป การฉีด KARISMA Rh Collagen จะถูกนำมาใช้ในบริเวณต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ อาทิ

      • KARISMA Rh Collagen ใช้ฉีดบริเวณใบหน้า
      • บริเวณแก้ม  ร่องแก้ม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น
      • รอบดวงตา หางตา ใต้ตา เพื่อลดริ้วรอยเล็ก ๆ หรือความแห้งกร้าน
      • หน้าผาก และระหว่างคิ้ว เพื่อช่วยลดริ้วรอยลึก
      • เนินอก เพื่อความเรียบเนียน เต่งตึง

       

      • KARISMA Rh Collagen ใช้ฉีดบริเวณลำคอ
        • ใช้สำหรับลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความเรียบเนียนให้กับผิวคอฃ

       

      • KARISMA Rh Collagenใช้ฉีดหลังมือ
        • เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว

       

      • KARISMA Rh Collagen บริเวณรอยแผลเป็น
        • เพื่อช่วยลดความเด่นชัดของรอยแผลเป็นหรือรอยหลุม

       

      ส่วนประกอบสำคัญของ KARISMA Rh Collagen

      KARISMA Rh Collagen เป็นผลิตภัณฑ์ที่รวมส่วนประกอบหลักสำคัญถึง 3 ชนิด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เสริมพลังในการรักษากันเป็นอย่างดี

       

      ส่วนประกอบหลักของ KARISMA Rh Collagen  อย่างที่ 1  คือ Collagen Polypeptidic a1 Chain R (Rh Collagen®)

      • คอลลาเจนที่มีความคล้าย DNA ของมนุษย์ 99.9% สกัดจากหนอนไหม
      • มีความปลอดภัยสูง โอกาสแพ้น้อยมาก

      ส่วนประกอบหลักของ KARISMA Rh Collagen  อย่างที่ 2  คือ Macromolecular High Weight Hyaluronic Acid (HA)

      • HA แบบน้ำหนักโมเลกุลสูง ช่วยเติมเต็มผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น
      • ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด

      ส่วนประกอบหลักของ KARISMA Rh Collagen  อย่างที่ 3  คือ Carboxymethylcellulose (CMC)

      • เพิ่มประสิทธิภาพของ HA และช่วยยืดอายุความชุ่มชื้นในผิว

       

      กระบวนการทำงานของ KARISMA Rh Collagen

       

      KARISMA Rh Collagen ทำงานโดยการฉีด Rh Collagen เข้าไปในผิวเพื่อกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนธรรมชาติในไฟโบรบลาสต์ ซึ่งช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Hyaluronic Acid และ Carboxymethylcellulose ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับปรุงโครงสร้างผิวให้เหมาะสมสำหรับการฟื้นฟู

      ผลลัพธ์หลังการฉีด KARISMA Rh Collagen

      • ทันทีหลังฉีด KARISMA Rh Collagen : ผิวดูอิ่มฟู กระชับ และริ้วรอยลดลง
      • ผลระยะยาวของการฉีด KARISMA Rh Collagen : การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผิวดูแข็งแรงและยืดหยุ่นยาวนาน

      การฉีด KARISMA Rh Collagen

      • เข็มแรกของการฉีด KARISMA Rh Collagen : ฉีดครั้งแรกเพื่อเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟู
      • เข็มที่สองของการฉีด KARISMA Rh Collagen (30 วันหลังจากเข็มแรก) : เสริมผลลัพธ์และยืดอายุการดูแลผิว
      • เข็มเสริมของการฉีด KARISMA Rh Collagen  (4-6 เดือนหลังเข็มที่สอง) : เพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูคอลลาเจน

       

      จุดเด่นของ KARISMA Rh Collagen

      1. KARISMA Rh Collagen  เป็น Recombinant Human Collagen ตัวแรกในโลกที่เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของการฟื้นฟูผิว
      2. KARISMA Rh Collagen เป็นผลิตภัณฑ์สูตรลิขสิทธิ์เฉพาะที่ ผสานสารสำคัญ 3 ชนิดเพื่อผลลัพธ์สูงสุด
      3. KARISMA Rh Collagen มีความปลอดภัยสูง จึงทำให้เกิดโอกาสแพ้น้อยมาก เนื่องจากมีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่คล้าย DNA ของมนุษย์
      4. KARISMA Rh Collagen มีราคาเข้าถึงได้จึงทำให้มีผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม

       

      KARISMA Rh Collagen เหมาะกับใคร
      KARISMA Rh Collagen เหมาะกับใคร

       

      KARISMA Rh Collagen เหมาะกับใคร

      • KARISMA Rh Collagen เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี
      • KARISMA Rh Collagen เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยและร่องลึก เช่น ร่องแก้มและริ้วรอยใต้ตา
      • KARISMA Rh Collagen เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและเพิ่มความยืดหยุ่น
      • KARISMA Rh Collagen เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูหลุมสิวและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

       

      Bio-Restorative และ Biostimulator ต่างกันอย่างไร

      • Bio-Restorative

      เป็นการฟื้นฟูผิวโดยเน้นการเติมเต็มหรือซ่อมแซมส่วนที่ขาดหายไปในผิว เช่น การเพิ่มความชุ่มชื้น การฟื้นฟูคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ หรือการปรับสมดุลของผิว

      • Biostimulator


      เป็นการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนหรือเส้นใยใต้ผิวหนังของร่างกายโดยอาศัยสารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองโดยการสร้างคอลลาเจน ใต้ผิวในระยะยาว

       

      กลไกการทำงานของ Bio-Restorative และ Biostimulator

      Bio-Restorative

      • เติมเต็มหรือเสริมสิ่งที่ผิวสูญเสียไป เช่น ความชุ่มชื้นหรือคอลลาเจน
      • ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันที เช่น ผิวดูชุ่มชื้น กระชับ หรือริ้วรอยตื้นขึ้น
      • ไม่มีผลกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว

      Biostimulator

      • กระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
      • ผลลัพธ์จะชัดเจนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป (ประมาณ 4-8 สัปดาห์หลังการฉีด) และให้ผลระยะยาว
      • มักใช้สำหรับการฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่หย่อนคล้อยหรือการปรับปรุงผิวที่ขาดความกระชับ

       

      ระยะเวลาผลลัพธ์ของ Bio-Restorative และ Biostimulator

      Bio-Restorative

      • ผลลัพธ์มักอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของสารที่ใช้
      • ต้องมีการเติมซ้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลลัพธ์

      Biostimulator

      • ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานกว่า 12-24 เดือน เพราะสารที่ใช้ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่อย่างต่อเนื่อง
      • ระยะเวลาขึ้นอยู่กับประเภทของสารที่ฉีดและการตอบสนองของร่างกาย

       

      Bio-Restorative และ Biostimulator เหมาะกับใคร

      Bio-Restorative

      • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในระยะสั้น เน้นความชุ่มชื้นหรือการบำรุงผิวที่อ่อนล้า
      • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงผิวในบริเวณที่บอบบาง เช่น รอบดวงตาหรือริมฝีปาก

      Biostimulator

      • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและต้องการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพอย่างรุนแรง
      • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เช่น ผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยลึก

       

      รวมคำถามของ Karisma
      รวมคำถามของ Karisma

      ปรียบเทียบการทำงานของ KARISMA Rh Collagen กับ Radiesse

      1. ส่วนประกอบหลักของ KARISMA Rh Collagen กับ Radiesse

       

      KARISMA Rh Collagen

      • มีส่วนประกอบหลักคือคอลลาเจนชนิดที่ 1 ที่ได้จากกระบวนการทางวิศวกรรมชีวภาพ (Recombinant Human Collagen)
      • เน้นการเติมความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น และช่วยฟื้นฟูผิว
      • ไม่มีส่วนผสมของแคลเซียมหรือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบถาวร

       

      Radiesse

      • ส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติในร่างกาย
      • ทำหน้าที่เป็นฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึก และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว

      2. วัตถุประสงค์การใช้งานของ KARISMA Rh Collagen กับ Radiesse

       

      KARISMA Rh Collagen

      • ใช้เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียนขึ้น
      • เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับปรุงผิวโดยรวมโดยไม่ต้องการการเติมเต็มแบบถาวร
      • นิยมใช้ในบริเวณที่ผิวขาดความยืดหยุ่น เช่น ใบหน้า ลำคอ และหลังมือ

      Radiesse

      • ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้มลึก หรือปรับรูปหน้า เช่น คางและกรอบหน้า
      • มีคุณสมบัติเป็นทั้งฟิลเลอร์และตัวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว
      • ใช้สำหรับการแก้ไขปัญหาโครงสร้างใบหน้าและผิวหนังที่หย่อนคล้อย

       

      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

       

      3. ระยะเวลาผลลัพธ์ของ KARISMA Rh Collagen กับ Radiesse

       

      KARISMA Rh Collagen

      • ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังทำ
      • ผลที่ได้มักจะค่อยเป็นค่อยไป เน้นความเป็นธรรมชาติ

      Radiesse

      • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน เนื่องจากสาร CaHA กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
      • เห็นผลทันทีหลังฉีด และผลระยะยาวจะชัดเจนยิ่งขึ้นใน 2-3 เดือนหลังการรักษา

      4. ข้อจำกัดของ KARISMA Rh Collagen กับ Radiesse

       

      KARISMA Rh Collagen

      • ไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึกหรือปรับโครงสร้างใบหน้า
      • ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนในผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยหรือการสูญเสียโครงสร้างผิวอย่างรุนแรง

      Radiesse

      • ไม่เหมาะสำหรับการใช้ในบริเวณที่ผิวบางมาก เช่น รอบดวงตา
      • อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น การจับตัวเป็นก้อน หากฉีดในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม

       

      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

       

      5. KARISMA Rh Collagen กับ Radiesse เหมาะกับใคร

       

      KARISMA Rh Collagen

      • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ และเน้นการบำรุงผิวโดยรวม
      • ผู้ที่ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจนแบบทันที

      Radiesse

      • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้า เติมเต็มริ้วรอยลึก หรือฟื้นฟูผิวที่สูญเสียคอลลาเจนอย่างชัดเจน
      • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว

       

      เปรียบเทียบการทำงานของ KARISMA Rh Collagen กับ Profhilo

       

      1. ส่วนประกอบหลักของ KARISMA Rh Collagen กับ Profhilo

       

      KARISMA Rh Collagen

      • ใช้คอลลาเจนมนุษย์ หรือ Recombinant Human Collagen ที่มีโครงสร้างคล้ายกับคอลลาเจนในร่างกายของคนเรา

      Profhilo:

      • ใช้กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ในความเข้มข้นสูง ซึ่งช่วยกักเก็บน้ำในผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น

       

      2. วัตถุประสงค์การใช้งาน KARISMA Rh Collagen กับ Profhilo

       

      KARISMA Rh Collagen

      • เติมเต็มและซ่อมแซมโครงสร้างผิวโดยตรง
      • เสริมสร้างคอลลาเจนในผิว
      • ลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความกระชับของผิว

       

      Profhilo

      • เพิ่มความชุ่มชื้นในผิว
      • กระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินเองตามธรรมชาติ
      • ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียน

       

      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

       

      3. ระยะเวลาผลลัพธ์ KARISMA Rh Collagen กับ Profhilo

       

      KARISMA Rh Collagen

      • ผลลัพธ์อาจเห็นชัดในระยะยาวขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งและความถี่ของการทำ
      • การรักษาเป็นกระบวนการต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

      Profhilo

      • ผลลัพธ์เริ่มเห็นภายใน 4-6 สัปดาห์หลังการฉีด
      • ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะได้จากการทำตามรอบการรักษาที่แพทย์แนะนำ

      4. ข้อจำกัดของ KARISMA Rh Collagen กับ Profhilo

       

      KARISMA Rh Collagen

      • อาจต้องการการรักษาหลายครั้งเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
      • ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ เนื่องจากการฉีดคอลลาเจนอาจมีความเสี่ยงในบางกรณีและต้องการการดูแลเฉพาะ

      Profhilo

      • ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล
      • ต้องรักษาตามรอบที่กำหนดและดูแลผิวหลังการฉีดเพื่อให้ผลลัพธ์ยั่งยืน

       

      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

      5. KARISMA Rh Collagen กับ Profhilo เหมาะกับใคร

       

      KARISMA Rh Collagen

      • ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างคอลลาเจนในผิวโดยตรง
      • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องความแข็งแรงของผิวและต้องการลดเลือนริ้วรอย
      • เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างผิวในระยะยาว

       

      Profhilo

      • ผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวที่เริ่มมีสัญญาณของความชราเล็กน้อย
      • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนเองตามธรรมชาติ
      • เหมาะสำหรับการดูแลผิวที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและไม่เจาะจงแค่การเติมเต็มคอลลาเจนเท่านั้น

       

      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
      KARISMA ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

       

      KARISMA Rh Collagen เป็นการใช้เทคโนโลยี Recombinant Human Collagen (Rh Collagen) ที่มีความคล้ายคลึงกับคอลลาเจนธรรมชาติในร่างกายถึง 99.9% จึงมีความปลอดภัยสูงและลดโอกาสการแพ้ ผลิตภัณฑ์นี้จัดอยู่ในประเภท Bio-Restorative ที่ไม่เพียงแต่เติมเต็มและซ่อมแซมผิวเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ให้สร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยผสานส่วนประกอบสำคัญอย่าง Hyaluronic Acid (HA) ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และ Carboxymethylcellulose (CMC) ที่ยืดอายุผลลัพธ์ นอกจากนี้ KARISMA Rh Collagen ยังสามารถใช้งานในหลายบริเวณของใบหน้าและร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ หลังมือ และรอยแผลเป็น เพื่อแก้ไขปัญหาหลายประการของผิว ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ร่องแก้ม หรือปัญหาผิวหย่อนคล้อย อีกทั้งยังเปรียบเทียบได้กับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Profhilo และ Radiesse ซึ่งมีวิธีการทำงานและจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดย KARISMA Rh Collagen เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวมและยั่งยืน ด้วยผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและสามารถตอบโจทย์การดูแลผิวในทุกมิติของความงามและสุขภาพผิวได้อย่างครบถ้วน สนใจสอบถามได้ที่ช่องทางออนไลน์ของรมย์รวินท์คลินิกทุกช่องทาง >>https://www.facebook.com/RomrawinClinic

      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





        วันที่สะดวกในการติดต่อ








        รู้ลึก รู้จริง Ultherapy เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ดีที่สุด

        Ultherapy คืออะไร

        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





          วันที่สะดวกในการติดต่อ








          รู้ลึก รู้จริง! Ultherapy เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ดีที่สุด

          ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง การยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ได้กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้ผิวดูเต่งตึง กระชับ และสดใสอีกครั้ง โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือใช้เวลาพักฟื้นยาวนาน

           

          หนึ่งในเทคโนโลยีที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับทั่วโลกคือ Ultherapy เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ที่มีความแม่นยำสูง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกอย่างตรงจุด ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า

           

          บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Ultherapy อย่างละเอียด ทั้งหลักการทำงาน จุดเด่น ขั้นตอนการรักษา และคำแนะนำการดูแลผิวหลังทำ เพื่อให้คุณมั่นใจ และพร้อมสำหรับการยกระดับความงามอย่างปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด

           

          Ultherapy เทคโนโลยียกกระชับผิว ทางเลือกดึงหน้ายกเรียวที่ดีที่สุด
          Ultherapy เทคโนโลยียกกระชับผิว ทางเลือกดึงหน้ายกเรียวที่ดีที่สุด

           

          Ultherapy คืออะไร Ultherapy เทคโนโลยียกกระชับผิว ทางเลือกดึงหน้ายกเรียวที่ดีที่สุด

          ใช้เทคโนโลยี Ultrasound ที่มีประสิทธิภาพสูง

          • Ultherapy ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ใช้พลังงาน Focused Ultrasound เพื่อส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิว SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า แต่ Ultherapy สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น

          กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

          • คลื่นอัลตราซาวนด์ ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับและยืดหยุ่นได้ดีขึ้นตามธรรมชาติ ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยในระยะยาว

          เห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

          • หลังการทำ Ultherapy ผิวจะค่อย ๆ ยกกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2-3 เดือน และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปีขึ้นอยู่กับการดูแลในแต่ละบุคคล

          ได้รับการรับรองจาก FDA

          • Ultherapy ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวบริเวณใบหน้า ลำคอ และใต้คาง รวมถึงช่วยยกคิ้ว

          ความแม่นยำสูง

          • ระบบมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวที่กำลังทำการรักษาในขณะนั้น ทำให้การรักษามีความแม่นยำและตรงจุดมากยิ่งขึ้น

           

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy คืออะไร ?

          Ultherapy คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ที่มีความแม่นยำสูง สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้น SMAS แบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งพลังงานอัลตราซาวนด์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวตึงกระชับ แลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

           

          เทคโนโลยี Ultherapy ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวบริเวณใบหน้า ลำคอ และใต้คาง อีกทั้งยังช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น ลดความหย่อนคล้อย และฟื้นฟูความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้าอย่างเห็นได้ชัด

           

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy จึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่สุด

           

          หลักการทำงานของยกกระชับผิวหน้า Ultherapy
          หลักการทำงานของยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

           

          หลักการทำงานของยกกระชับผิวหน้า Ultherapy 

          เทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ (Micro Focused Ultrasound)

          • ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ (MFU) เป็นพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงที่สามารถส่งผ่านพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึกได้อย่างแม่นยำ โดยพลังงานจะถูกโฟกัสไปยังจุดที่ต้องการรักษา เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก

           

          กลไกการทำงานลงลึกถึงชั้น SMAS

          • ชั้น SMAS เป็นชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่ศัลยแพทย์ใช้เป็นจุดในการยกกระชับผิวหน้าในการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่ง Ultherapy สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ผิวตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

           

          กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ

          • พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ของ Ultherapy จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งกระบวนการนี้ค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวดูยกกระชับ เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ขึ้น

           

          รวมข้อดีของการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

          • Ultherapy ยกกระชับผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างตรงจุดและเห็นผลชัดเจน
          • หลังทำ Ultherapy ผิวจะยกกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 
          • Ultherapy เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีแผล ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
          • หลังทำ Ultherapy ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
          • Ultherapy ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ใต้ชั้นผิว
          • Ultherapy สามารถทำได้กับทุกสภาพผิว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสีผิว
          • ผลลัพธ์จาก Ultherapy สามารถอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังทำ
          • Ultherapy ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 

           

          ใครบ้างที่เหมาะกับการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy
          ใครบ้างที่เหมาะกับการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

           

          ใครบ้างที่เหมาะกับการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

          การทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้หลากหลายกลุ่มคนที่มีปัญหาผิวต่าง ๆ ดังนี้

          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่เริ่มสังเกตเห็นปัญหาผิวหย่อนคล้อย เช่น บริเวณแก้ม แนวกราม หรือคางสองชั้น
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก และร่องแก้ม
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก ผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อย
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ผิวไม่กระชับ
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว 
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอและเนินอก
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานโดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อยครั้ง
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นจากการผ่าตัด
          • Ultherapy เหมาะกับ ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อยตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป

           

          ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy 

          แม้ว่า Ultherapy จะเป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ในการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังมีข้อจำกัดและกลุ่มคนที่อาจไม่เหมาะกับการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ดังนี้

          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมากเกินไป
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังเฉียบพลัน เช่น โรคงูสวัด, โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง, หรือโรคผิวหนังอักเสบ
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีบาดแผลเปิดหรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง ควรรอให้แผลหายสนิทก่อน
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น โรค Scleroderma (ผิวหนังแข็ง)
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่ใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ในร่างกายบริเวณใบหน้า
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรง เช่น โรคหัวใจ, โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคไทรอยด์
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิวบางและไวต่อความร้อนมากเกินไป
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่รับประทานยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงทำให้ผิวไวต่อแสงหรือความร้อน
          • Ultherapy ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีอาการเส้นประสาทใบหน้าผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการรักษา

           

          บริเวณที่สามารถทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ได้

          เทคโนโลยี Ultherapy สามารถใช้ได้กับหลายบริเวณของร่างกาย ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือขาดความกระชับ ดังนี้

          • Ultherapy ทำบริเวณทั่วใบหน้า : แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยทั่วใบหน้า ปรับกรอบหน้าให้ชัดเจน
          • Ultherapy ทำบริเวณหน้าผากและคิ้ว : ช่วยยกคิ้วและลดความหย่อนคล้อยบริเวณหน้าผาก
          • Ultherapy ทำบริเวณรอบดวงตาได้ : ยกกระชับเปลือกตาบน ลดถุงใต้ตา
          • Ultherapy ทำบริเวณแก้ม : กระชับผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม เติมเต็มร่องแก้มให้ดูตื้นขึ้น
          • Ultherapy ทำบริเวณแนวกราม : ยกกระชับผิวใต้คางและกรอบหน้า กำจัดเหนียงใต้คาง
          • Ultherapy ทำบริเวณคาง : ลดความหย่อนคล้อยใต้คาง ปรับคางให้เรียวและกระชับ
          • Ultherapy ทำบริเวณลำคอ : กระชับผิวหย่อนคล้อยและลดริ้วรอยบริเวณลำคอ
          • Ultherapy ทำบริเวณเนินอก : ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบริเวณเนินอก

           

          เตรียมตัวก่อนทำ Ultherapy เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Ultherapy ให้เข้าใจ
          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสม
          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF50 PA+++ เพื่อปกป้องผิว
          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด เช่น ไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์
          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy งดทานอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี, โสม, กระเทียมสกัด และ น้ำมันปลา
          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด ประมาณ 1 สัปดาห์
          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ ประมาณ 2 สัปดาห์
          • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultherapy หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

           

          ขั้นตอนการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

          1. แพทย์จะประเมินปัญหาผิวและโครงสร้างใบหน้า วางแผนจุดที่ต้องการรักษาและกำหนดพลังงานของ Ultherapy ที่เหมาะสม
          2. ทำความสะอาดใบหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและคราบเครื่องสำอาง
          3. ทายาชาหรือให้ยาชาเฉพาะที่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ
          4. แพทย์จะวาดจุดหรือเส้นกำหนดบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อความแม่นยำ
          5. แพทย์จะใช้หัวอุปกรณ์ Ultherapy วางลงบนผิวบริเวณที่ต้องการรักษา
          6. แพทย์จะส่งพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ลงสู่ชั้นผิว SMAS พลังงานที่ส่งไปจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
          7. หลังทำเสร็จ แพทย์จะตรวจสอบสภาพผิวและผลลัพธ์เบื้องต้น และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

           

          การดูแลหลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

          • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
          • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
          • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูงอย่างสม่ำเสมอ
          • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดโดยตรง
          • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, Retinol และ Vitamin C เป็นเวลา 1 สัปดาห์
          • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy หลีกเลี่ยงการนวดหน้า เป็นเวลา 2 สัปดาห์
          • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังทำ
          • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนจัด เช่น ซาวน่า, อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนัก

           

          เปรียบเทียบยกกระชับผิวหน้า Ultherapy กับเทคโนโลยียกกระชับอื่น ๆ
          เปรียบเทียบยกกระชับผิวหน้า Ultherapy กับเทคโนโลยียกกระชับอื่น ๆ

           

          เปรียบเทียบยกกระชับผิวหน้า Ultherapy กับเทคโนโลยียกกระชับอื่น ๆ  Ultherapy คืออะไร

          Ultherapy

          • ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูง (Focused Ultrasound) ยิงลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวจากภายใน โดยสามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS (4.5 มม.) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น กรอบหน้าชัดเจน ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก และต้องการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด

           

          HIFU

          • ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูง ยิงลงไปในชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว ลงได้ลึกถึงชั้น SMAS ช่วยให้ผิวหน้าดูกระชับขึ้น ริ้วรอยตื้น ๆ จางลง กรอบหน้าชัดขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง

           

          Thermage

          • ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ส่งพลังงานความร้อนลงไปในชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูกระชับ เนียนเรียบ ลดริ้วรอยและร่องลึกเล็ก ๆ บนผิวหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับตื้นถึงกลาง

           

          ร้อยไหม

          • เป็นการใช้เส้นไหมละลายร้อยเข้าใต้ผิวหนังเพื่อดึงและยกกระชับผิวหน้าชั้นใต้ผิวหนัง สามารถยกกระชับใบหน้า กรอบหน้าชัดทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที ซึ่งสามารถยกกระชับใบหน้าได้ชัดเจน เห็นผลเร็ว แต่ผลลัพธ์ไม่ยั่งยืน และอาจมีอาการบวมช้ำ

           

          ฉีดโบยกกระชับ

          • เป็นการฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ฉีดเข้าไปยังผิวหนังชั้นกล้ามเนื้อ ช่วยลดริ้วรอย ลดร่องลึก ยกกระชับบางจุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและยกกระชับในบางจุด เป็นหัตถการที่เห็นผลลัพธ์เร็ว ราคาเข้าถึงง่าย แต่ต้องฉีดซ้ำบ่อยครั้งเพื่อรักษาผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง

           

          การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า

          • เป็นการผ่าตัดยกกระชับผิวและกล้ามเนื้อใบหน้าบริเวณชั้น SMAS และลึกกว่านั้น ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้อย่างชัดเจนและถาวร แต่ต้องพักฟื้นนานกว่าวิธียกกระชับแบบอื่น ๆ

           

          ทำ Ultherapy ที่ไหนดี ให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?
          ทำ Ultherapy ที่ไหนดี ให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?

           

          ทำ Ultherapy ที่ไหนดี ให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?

          การทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy เป็นหัตถการยกกระชับผิวหน้าที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานและความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ให้บริการ ดังนั้นการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยพิจารณาจากปัจจัย ดังต่อไปนี้

          • เลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรอง

          ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มี ใบอนุญาตประกอบกิจการ จากกระทรวงสาธารณสุข อย่างถูกต้อง สถานที่ต้องมี มาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย และถูกสุขอนามัย รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ต้องผ่านการรับรองจาก US FDA (องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา) และ อย. ไทย

          • แพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทาง

          การทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ควรดำเนินการโดย แพทย์ผู้มีความรู้ที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งแพทย์ต้องมี ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างถูกต้อง จากแพทยสภา เท่านั้น 

          • ใช้เครื่อง Ultherapy ของแท้

          ตรวจสอบว่าคลินิกหรือสถานพยาบาลนั้น ใช้เครื่อง Ultherapy ของแท้จากบริษัท Merz Aesthetics ผู้ผลิตโดยตรงหรือไม่ โดยสามารถขอดู ใบรับรอง (Certificate) หรือ Serial Number ของเครื่อง Ultherapy ได้

          • รีวิวจากผู้ใช้จริง

          ควรศึกษา รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ทั้งบนเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือช่องทางต่าง ๆ และดูภาพ ก่อนและหลังการรักษา เพื่อดูผลลัพธ์ที่ชัดเจน สมจริง สำหรับการประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

          • ขั้นตอนการให้บริการที่โปร่งใส

          คลินิกต้องมีขั้นตอนการปรึกษาที่ชัดเจน ตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้า การอธิบายวิธีการรักษา ไปจนถึงผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ รวมไปถึงมีการแจ้ง ค่าใช้จ่ายที่โปร่งใส ไม่มีการบังคับขายคอร์สหรือค่าใช้จ่ายแอบแฝง

          • บริการหลังการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

          คลินิกควรมี บริการติดตามผลหลังการรักษา อย่างสม่ำเสมอ และสามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้หากมี อาการผิดปกติหรือข้อสงสัย หลังการรักษา

           

          Ultherapy ที่รมย์รวินท์คลินิก ยกกระชับผิวหน้าอย่างมั่นใจ ด้วยมาตรฐานระดับสากล

          หากกำลังมองหาสถานที่ทำ Ultherapy ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ต้องเลือก รมย์รวินท์คลินิก คลินิกเสริมความงามชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านการยกกระชับผิวด้วย Ultherapy โดยใช้เครื่องแท้จากบริษัท Merz Aesthetics ที่ได้รับการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย เท่านั้น

           

          โดยที่ รมย์รวินท์คลินิก คุณจะได้รับการดูแลจาก ทีมแพทย์เฉพาะทาง ที่มีประสบการณ์สูงในการทำ Ultherapy พร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาผิว นอกจากนี้ ยังมีการติดตามผลและดูแลหลังทำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผิวดูยกกระชับ เต่งตึง และอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

           

          ตอบคำถามทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

           

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy เจ็บไหม?

          • ในระหว่างการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy อาจรู้สึกจี๊ด ๆ หรืออุ่น ๆ ใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ที่ส่งลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว SMAS ระดับความเจ็บปวดขึ้นอยู่กับความไวของผิวแต่ละคน แต่โดยทั่วไปการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy จะอยู่ในระดับที่อดทนได้ หากรู้สึกไม่สบายมากเกินไป สามารถแจ้งแพทย์เพื่อปรับระดับพลังงานหรือใช้ยาชาเฉพาะที่ช่วยบรรเทาอาการได้

           

          อายุเท่าไหร่ถึงเหมาะกับการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy?

          • โดยทั่วไป Ultherapy เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีสัญญาณของผิวหย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยบาง ๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัดดึงหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อายุน้อยกว่านี้ก็สามารถทำ Ultherapy ได้ หากเริ่มเห็นสัญญาณของความหย่อนคล้อย หรือต้องการป้องกันปัญหาผิวก่อนที่จะเริ่มหย่อนคล้อย

           

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy สามารถทำกับผิวแบบไหนได้บ้าง?

          • Ultherapy เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวบอบบางแพ้ง่าย เนื่องจากเทคโนโลยีของ Ultherapy จะส่งพลังงานลึกลงไปยังชั้น SMAS โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน

           

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

          • หลังทำ Ultherapy อาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ผิวแดง บวมเล็กน้อย มักจะหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง 

           

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy สามารถทำซ้ำได้บ่อยแค่ไหน?

          • โดยทั่วไป ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy สามารถทำซ้ำได้ทุก 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความหย่อนคล้อยของแต่ละคน แพทย์จะประเมินและแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน

           

          ทำไมบางคนทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ถึงเห็นผลช้ากว่าปกติ?

          • ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์จาก Ultherapy อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับ สภาพผิว อายุ และการดูแลตัวเองหลังทำ

           

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy สามารถทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ไหม?

          • สามารถทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น ฉีดโบยกกระชับ, ฟิลเลอร์ยกกระชับ, ร้อยไหม และเลเซอร์ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

           

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy สามารถทำให้ผิวบางลงได้ไหม?

          • ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy ไม่ได้ทำให้ผิวบางลง เนื่องจากพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์จะลงไปยังชั้น SMAS โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผิวชั้นบน ตรงกันข้าม การสร้างคอลลาเจนใหม่จาก Ultherapy จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น

           

          รวมบทสรุปทุกเรื่องของยกกระชับผิวหน้า Ultherapy

          ยกกระชับผิวหน้า Ultherapy คือเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยการใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูง ที่สามารถส่งผ่านพลังงานได้อย่างแม่นยำลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ผิวหน้ากระชับ กรอบหน้าชัดเจน ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น

           

          จุดเด่นของยกกระชับผิวหน้า Ultherapy คือผลลัพธ์ที่คงทนยาวนานถึง 1-2 ปี และยังเหมาะกับทุกสภาพผิว อีกทั้งผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ไทย ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา

           

          การเลือกสถานที่ทำยกกระชับผิวหน้า Ultherapy เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์แท้จาก Merz Aesthetics และดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด

           

          หากคุณกำลังมองหาวิธียกกระชับผิวที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน ดูเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องผ่าตัด Ultherapy คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ เพื่อให้คุณได้เผยผิวที่ยกกระชับ ดูอ่อนเยาว์ และมีความมั่นใจอีกครั้ง

           

          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





            วันที่สะดวกในการติดต่อ








            Morpheus8 คืออะไร ทำงานยังไง ดียังไง ช่วยเรื่องอะไร

            Morpheus8

            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





              วันที่สะดวกในการติดต่อ








              Morpheus8 เทคโนโลยีล้ำสมัย เปลี่ยนผิวยับหย่อนคล้อยให้กระชับทุกมิติ

              เมื่อวันและเวลาผ่านไป ผิวของคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่เพิ่มขึ้นและปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ แสงแดด หรือความเครียด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ผิวหน้าเกิดปัญหาผิวยับ หย่อนคล้อย ริ้วรอยร่องลึก และรูขุมขนที่กว้างขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวนี้เหล่านี้ได้ 

               

              หนึ่งในเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับปัญหานี้ที่สุด คือ Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาผิวโดยเฉพาะ ด้วยการผสานกันของพลังงาน Radio Frequency และ Microneedling ที่ช่วยฟื้นฟูผิวในระดับลึก ยกกระชับผิวยับ หย่อนคล้อย ให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง

               

              บทความนี้ จะพาคุณไปรู้จักกับ Morpheus8 เทคโนโลยีล้ำสมัยในการยกกระชับผิวหน้า ที่ รมย์รวินท์คลินิก ซึ่งมาพร้อมกับมาตรฐานการดูแลระดับพรีเมียม จากทีมแพทย์ผู้มีความรู้ ไม่เพียงแต่ช่วยยกกระชับผิว แต่ยังฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ และเรียบเนียนอย่างที่ต้องการ หากคุณสงสัยว่า Morpheus8 จะช่วยให้ผิวของกลับมาสดใสและยกกระชับได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบสำหรับทุกคำถามที่คุณไม่ควรพลาด

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย คืออะไร
              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย คืออะไร

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย คืออะไร

              Morpheus8 เป็นเทคโนโลยียกกระชับ ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวยับหย่อนคล้อยให้เรียบเนียนขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี Multi-layer Technology ที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าด้วยการใช้เข็มทองคำ หรือเข็มเคลือบทอง 24 pin ที่ยิงพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง Radio Frequency ลงบนชั้นผิวแต่ละระดับ โดยสามารถปรับความลึกของเข็มได้ตั้งแต่ 2 mm. 3 mm. และ 4 mm. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการทำการรักษา เทคโนโลยีนี้ช่วยทำให้การรักษาแม่นยำและปลอดภัยสูงสุด ไม่ทำร้ายชั้นผิวและไขมันใต้ชั้นผิว  ทำให้ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำงานอย่างไร?
              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำงานอย่างไร?

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำงานอย่างไร?

              เทคโนโลยี Morpheus8 เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่ใช้การรวมกันของ microneedling และพลังงาน radiofrequency (RF) เพื่อฟื้นฟูและยกกระชับผิวจากภายใน โดยมีหลักการทำงานที่สำคัญ ดังนี้

              • Microneedling

              เทคโนโลยียกกระชับ Morpheus8 จะใช้เข็มทองคำหรือเข็มเคลือบทอง ที่มีจำนวน 24 pin ซึ่งจะทิ่มลงบนผิว เพื่อสร้างบาดแผลขนาดเล็กในชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นผิวหนังแท้ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายนั้นเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวดูแน่นและกระชับขึ้น

              • Radio Frequency

              หลังจากที่เข็มทองคำทิ่มลงไปบริเวณชั้นผิวแล้ว Morpheus8 จะยิงพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง RF ผ่านเข็มไปยังชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมัน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แบบไม่ทำลายผิว และยังช่วยแก้ปัญหาผิวยับ หย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอย และรอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

              • Multi-layer Technology

              เทคโนโลยียกกระชับ Morpheus8 สามารถทำงานลงลึกได้ถึงทุกชั้นผิว ทั้งชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ ทำให้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย ลดไขมันสะสมบริเวณใบหน้า รวมไปถึงช่วยฟื้นฟูผิวหนังจากภายใน 

              • ระดับความลึกของพลังงาน

              เทคโนโลยียกกระชับ Morpheus8 มีความโดดเด่นในเรื่องของการปรับระดับความลึกของเข็มได้ตั้งแต่ 2mm. 3mm. และ 4 mm. ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการรักษา โดยแพทย์จะปรับระดับความลึกของเข็มและพลังงาน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวในแต่ละบริเวณ

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย มีข้อดีอย่างไร?

              เทคโนโลยียกกระชับ Morpheus8 เป็นการยกกระชับผิวที่มีข้อดีหลายประการ ทำให้เป็นเครื่องยกกระชับยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการปรับสภาพผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยข้อดีของเทคโนโลยียกกระชับ Morpheus8 มีดังนี้

              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย รักษาลงลึกได้หลายชั้นผิว เช่น ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ปรับพลังงานได้หลากหลายระดับความลึก
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะสำหรับหลากหลายปัญหาผิว เช่น ยกกระชับ ลดริ้วรอย รักษารอยแผลจากสิว
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย มีความปลอดภัยสูงและมีความเสี่ยงต่ำ
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่มีรอยแผล ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม และผิวแพ้ง่าย
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย รักษาบริเวณเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ลดขนาดของรูขุมขนให้กระชับขึ้น
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ช่วยปรับรูปร่างให้มีความกระชับมากขึ้น
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ช่วยอะไรบ้าง?
              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ช่วยอะไรบ้าง?

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ช่วยอะไรบ้าง?

              Morpheus8 เป็นเทคโนโลยียกกระชับที่มีความสามารถในการรักษาผิวได้อย่างหลากหลาย โดยผสานการทำงานกันระหว่าง Microneedling และ Radio Frequency ช่วยยกกระชับผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดย Morpheus8 ใช้รักษาปัญหาผิว ได้ดังนี้

              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ช่วยยกกระชับผิวหน้า
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาและรอยหางตา
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย รักษารอยแผลเป็นจากสิว
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย รักษาผิวที่มีจุดด่างดำ รอยแผลเป็น
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ปรับสีผิวให้กระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ลดไขมันสะสมใต้ผิวหนัง
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ช่วยรักษาผิวที่มีความหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณใดได้บ้าง? 

              เทคโนโลยียกกระชับ Morpheus8 สามารถตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวยับ ผิวหย่อนคล้อย และมีริ้วรอยทั่วใบหน้าและร่างกาย โดยลงลึกถึงหลายชั้นผิว ซึ่งสามารถทำได้ในบริเวณต่อไปนี้

              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณแก้มและร่องแก้ม ช่วยลดริ้วรอยลึกและยกกระชับแก้ม
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณหน้าผาก ลดริ้วรอยตื้นและลึกที่เกิดจากการแสดงอารมณ์
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณรอบดวงตา ยกกระชับผิวรอบดวงตา ลดรอยคล้ำใต้ตา
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณแนวกรามและคาง ปรับกรอบหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น และลดไขมันส่วนเกินใต้คาง
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณลำคอ ยกกระชับผิวบริเวณลำคอที่หย่อนคล้อย ให้เรียบเนียนและตึงกระชับ
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณเนินหน้าอก ลดเลือนริ้วรอยและยกกระชับผิวให้เรียบเนียนขึ้น
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณท้องแขน ฟื้นฟูและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยจากอายุหรือการลดน้ำหนัก
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณหน้าท้อง ช่วยกระชับผิวบริเวณหน้าท้องที่หย่อนคล้อยจากการตั้งครรภ์หรือลดน้ำหนัก ปรับพื้นผิวให้เรียบเนียนขึ้น
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณต้นขาและสะโพก ยกกระชับผิวให้เรียบเนียน พร้อมสลายเซลลูไลต์ใต้ผิวหนัง
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณมือ ฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ สุขภาพดี
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ทำบริเวณเข่า ยกกระชับและปรับผิวให้เรียบเนียนได้

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ลงลึกผิวหนังชั้นไหนได้บ้าง?

              Morpheus ใช้เทคโนโลยีการส่งพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ผ่านเข็มทองคำที่มีความลึกในการลงชั้นผิวหนังต่าง ๆ โดยสามารถปรับพลังงานความลึกของเข็มได้เพื่อความเหมาะสมของสภาพผิว ซึ่งสามารถลงลึกได้ถึง 4 ชั้นผิวด้วยกัน ดังนี้

              • ชั้นผิวหนังกำพร้า (Epidermis)

              พลังงาน RF สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังกำพร้า ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น

              • ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis)

              เป็นผิวหนังชั้นสำคัญสำหรับการลดเลือนริ้วรอย การส่งพลังงาน RF ลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ ช่วยกระตุ้นการสร้างใหม่ของคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความกระชับและยืดหยุ่น

              • ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Fat)

              Morpheus8 สามารถลงลึกได้ถึงชั้นไขมันใต้ผิวเพื่อช่วยลดไขมันบางส่วน เช่น บริเวณแก้มหรือเหนียง ช่วยให้กรอบหน้าเรียวขึ้นและลดปัญหาผิวยับ หย่อนคล้อย

              • ชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Fibrous Tissue)

              Morpheus8 ลงลึกถึงชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน สามารถกระตุ้นการฟื้นฟูผิว ยกกระชับได้ดี และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้าได้อีกด้วย

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับใคร?
              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับใคร?

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับใคร?

              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยและร่องลึกบริเวณใบหน้า
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่มีปัญหาเหนียง หรือไขมันสะสมใต้คาง
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่มีรอยแผลเป็นจากสิว รอยหลุมสิว และ รอยดำ รอยแดงบนผิวหน้า
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ไม่กระชับ
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่มีปัญหารอยแตกลาย
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่ต้องการกระตุ้นการสร้างของคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดด
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่ต้องการปรับสีผิวให้กระจ่างใส
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณที่มีเซลลูไลต์
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องการพักฟื้นนาน

               

              Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับใคร?

              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับคนที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ในบริเวณที่ต้องการรักษา
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับคนที่มีแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการรักษา
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเริม หรือติดเชื้อไวรัสบริเวณที่ต้องการรักษา
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นคีลอยด์
              • Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรอยู่

               

              การเตรียมตัวก่อนยกกระชับ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย

              การเตรียมตัวก่อนยกกระชับ Morpheus8 เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้การยกกระชับได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงต่าง ๆ โดยการเตรียมตัวก่อนยกกระชับ มีดังนี้

              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบและประเมินสภาพผิว
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ควรแจ้งประวัติสุขภาพ การแพ้ยา หรือยาที่กำลังรับประทานอยู่ ให้แพทย์ทราบก่อนทำ
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA+++ ทุกวัน
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA, Retinol และ Vitamin C 3-5 วัน
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 1-2 วัน
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย งดใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิว 
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย งดกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเจอแสงแดด
              • ก่อนทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย งดทำหัตถการอื่น ๆ อย่างน้อย 7-14 วัน

               

              ขั้นตอนการยกกระชับ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย

              1. เข้าปรึกษาแพทย์ประจำคลินิก เพื่อประเมินปัญหาผิวบริเวณที่ต้องการยกกระชับ โดยแพทย์จะเลือกความลึกของเข็มและระดับพลังงานที่เหมาะสม พร้อมทั้งคำแนะนำเกี่ยวกับการทำยกกระชับ Morpheus8
              2. ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการยกกระชับด้วย Morpheus8 
              3. แพทย์หรือผู้ช่วยแพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะยกกระชับ ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
              4. แพทย์จะเลือกหัวเข็มที่เหมาะสมสำหรับบริเวณที่ยกกระชับ เช่น หัวเข็มขนาดเล็กสำหรับบริเวณที่ละเอียดอ่อน หัวเข็มขนาดใหญ่สำหรับบริเวณกว้าง
              5. แพทย์จะวางหัวเข็ม Morpheus8 บนผิวหน้า และปล่อยพลังงาน RF ผ่านเข็มเคลือบทองคำ
              6. เข็มจะเจาะลงไปใต้ชั้นผิวตามระดับความลึกที่กำหนด ส่งเพลงงาน RF เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและแก้ปัญหาผิว โดยใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
              7. หลังการรักษา แพทย์จะทำความสะอาดผิวอีกครั้ง แพทย์อาจทาครีมหรือเจลที่ช่วยลดการระคายเคือง และแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

               

              การดูแลตัวเองหลังทำยกกระชับ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย

              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าอ่อนโยนหลังจาก 24 ชั่วโมงแรก
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ ทุกวัน
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ควรบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ผิวและร่างกายชุ่มชื้น
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม AHA, BHA, Retinol หรือ Vitamin C อย่างน้อย 1 สัปดาห์
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการล้างหน้าทันทีในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์แรก
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น การอบไอน้ำ การซาวน่า
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการทำหัตถการความงาม เช่น การฉีดโบลดริ้วรอย ฉีดฟิลเลอร์ หรือ ทำเลเซอร์ ในช่วง 2 สัปดาห์
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้า เพราะอาจทำให้ผิวติดเชื้อง่าย
              • หลังทำ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการเกาหรือดึงสะเก็ดผิวที่เกิดจากการรักษา

               

              ปรียบเทียบยกกระชับ mopheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย กับหัตถการอื่น ๆ
              ปรียบเทียบยกกระชับ mopheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย กับหัตถการอื่น ๆ

               

              เปรียบเทียบยกกระชับ mopheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย กับหัตถการอื่น ๆ

               

              Morpheus8 vs Ultherapy

              • Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency – RF) ร่วมกับหัวเข็มขนาดเล็กทองคำ ซึ่งสามารถปรับระดับความลึกได้ตามต้องการ ทำให้พลังงานสามารถส่งลงไปถึงชั้นหนังแท้และไขมันใต้ผิวหนัง
              • Ultherapy ใช้เทคโนโลยีพลังงานคลื่นความถี่สูง ส่งพลังงานความร้อนลึกลงสู่ผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับการผ่าตัดยกกระชับ ช่วยยกกระชับบริเวณกรอบหน้า คาง และลำคอ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างและยกกระชับใบหน้า

               

              Morpheus8 vs Oligio

              • Morpheus8 ใช้พลังงานเทคโนโลยียกกระชับ RF สามารถปรับระดับความลึกได้ตั้งแต่ 2-4 mm. ทำให้พลังงานเจาะลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดปัญหาผิวยับ หย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และลดหลุมสิว
              • Oligio ใช้เทคโนโลยีพลังงาน Monopolar RF ที่ส่งพลังงานเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมัน โดยพลังงานจะกระจายตัวเพื่อยกกระชับผิวในบริเวณกรอบหน้า แก้ม ลำคอ และรอบดวงตา

               

              Morpheus8 vs Thermage

              • Morpheus8 มีจุดเด่นที่หัวเข็มทองคำ 24 pin ซึ่งสามารถปรับระดับความลึกในการรักษาได้หลายชั้น ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อยพร้อมลดริ้วรอยลึกได้อย่างครอบคลุม รวมไปถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาวได้อีกด้วย
              • Thermage ใช้เทคโนโลยีพลังงาน Monopolar RF ที่ส่งพลังงานผ่านเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ โดยเน้นการยกกระชับผิวตื้นในบริเวณกรอบหน้า รอบดวงตา และลำคอ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

               

              Morpheus8 vs HIFU

              • Morpheus8 เน้นช่วยฟื้นฟูผิว ยกกระชับ และลดริ้วรอยลึก โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะจุด เช่น หลุมสิว ผิวยับ หย่อนคล้อย และริ้วรอยลึก
              • HIFU ใช้เทคโนโลยีพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์เพื่อยกกระชับผิวหนังชั้น SMAS มีจุดเด่นในเรื่องการยกกระชับกรอบหน้า ลดเหนียง และฟื้นฟูผิวกระชับบริเวณลำคอได้อีกด้วย 

               

              Morpheus8 vs ฉีดโบ ฉีดฟิลเลอร์

              • Morpheus8 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวอย่างยั่งยืน
              • ฉีดโบ ช่วยลดริ้วรอยเฉพาะจุด ขณะที่ฟิลเลอร์ ช่วยเติมเต็มร่องลึก ซึ่งเห็นผลลัพธ์ทันทีแต่ไม่ถาวร

               

              Morpheus8 vs ผ่าตัดยกกระชับ

              • Morpheus8 เป็นการยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน และปลอดภัย เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยปานกลางและต้องการยกกระชับผิวหน้า
              • ผ่าตัดยกกระชับ เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรง และต้องการผลลัพธ์ยกกระชับในระยะยาว แต่ต้องพักฟื้นนานและเสี่ยงจากการผ่าตัด

               

              คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Morpheus8 กู้ผิวยับ หย่อนคล้อย

              Morpheus8 เจ็บไหม?

              • การทำยกกระชับ Morpheus8 อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างทำ แต่แพทย์จะทายาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บลง ซึ่งระดับความเจ็บจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล

               

              หลังยกกระชับ Morpheus8 ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?

              • ปกติหลังยกกระชับ Morpheus8 มีระยะการพักฟื้นไม่นาน รอยแดงหรือสะเก็ดจะหายไปภายใน 3-5 วัน สามารถแต่งหน้าได้ในวันถัดไป

               

              ยกกระชับ Morpheus8 ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

              • ผลลัพธ์ของการยกกระชับด้วย Morpheus8 จะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่หลังทำครั้งแรก และจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในช่วง 1-3 เดือน โดยปกติแนะนำให้ทำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

               

              Morpheus8 มีผลข้างเคียงไหม?

              • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ รอยแดง บวม หรือสะเก็ดผิว ซึ่งสามารถหายได้เองในเวลา 3-5 วัน โดยการทำยกกระชับ Morpheus8 เป็นเทคโนโลยียกกระชับที่ปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ที่มีความรู้โดยเฉพาะ

               

              ทำยกกระชับ Morpheus8 แล้วจะมีแผลเป็นไหม?

              • การยกกระชับ Morpheus8 อาจทิ้งรอยเล็ก ๆ จากหัวเข็ม แต่จะสามารถหายได้เองในเวลาต่อมา และรอยเข็มนี้จะไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นถาวรอย่างแน่นอน

               

              ผลลัพธ์ของยกกระชับ Morpheus8 อยู่ได้นานแค่ไหน?

              • ผลลัพธ์ของการยกกระชับด้วย Morpheus8 จะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

               

              Morpheus8 ช่วยลดไขมันได้จริงไหม?

              • เครื่องยกกระชับ Morpheus8 ช่วยลดไขมันใต้ชั้นผิวได้ในบางบริเวณ เช่น แก้มและเหนียง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

               

              Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมในยุคปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ผสานการทำงานของ Radio Frequency และ Microneedling อย่างลงตัว ช่วยแก้ไขปัญหาผิวยับ หย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และหลุมสิว ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากให้ผลลัพธ์เรื่องการยกกระชับ แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนและอ่อนเยาว์อีกครั้ง

               

              การเลือกทำยกกระชับ Morpheus8 จึงเป็นเทคโนโลยีที่ควรค่าแก่การลงทุนเพื่อผิวที่ดูดีในระยะยาว ด้วยความปลอดภัยสูงสุด ทำให้การทำ Morpheus8 ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีความรู้ประจำรมย์รวินท์คลินิก ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                Oligio ลดแก้มป่อง ยกผิวเฟิร์ม ให้คุณแอปเปิ้ล ลาภิสรา

                Oligio ลดแก้มป่อง

                Oligio ลดแก้มป่อง ยกผิวเฟิร์ม ให้คุณแอปเปิ้ล ลาภิสรา

                 

                คุณแอปเปิ้ล ลาภิสรา อินทรสูต นักแสดงสาวสวย หุ่นดี ก็มีเรื่องกังวลใจ เพราะด้วยความที่เป็นคนแก้มเยอะทำให้ไม่มั่นใจ จะทำผมเปิดหน้าก็กลัวหน้าบาน จนต้องมารมย์รวินท์คลินิกให้ช่วยดูแลค่า 

                 

                แอปเปิ้ลเป็นคนมีแก้มเยอะอยู่แล้วค่ะ ตั้งแต่ตอนประกวด ตอนนั้นยังอายุ 18 อยู่ ก็คิดว่ามีแก้มก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่ายังเด็กอยู่ แต่พอเริ่มโต แทนที่แก้มจะเริ่มหายเหมือนคนอื่นๆ แต่กลายเป็นว่าแอปเปิ้ลก็ยังมีแก้มอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมก็คือแก้มที่เยอะเริ่มจะกลายเป็นแก้มย้อย แก้มย้อย จนจะหย่อนคล้อยแล้วค่ะ ก็เลยคิดว่าไม่ได้การละ จะต้องหาตัวช่วยจัดการทำให้ผิวของแอปเปิ้ลจากที่หย่อนคล้อยเป็นหน้าลีน เฟิร์มขึ้นให้ได้ แอปเปิ้ลก็จะคอยถามเพื่อนบ้างว่าหัตถการไหนช่วยได้บ้าง

                 

                Oligio ลดแก้มป่อง
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                 

                เพื่อนก็แนะนำมาเยอะเลยค่ะ แต่โดยส่วนตัวแอปเปิ้ลค่อนข้างเป็นคนที่กลัวเจ็บมาก อยากจะเลือกซักหัตถการที่เราทำแล้วเห็นผล และไม่ต้องเจ็บตัวมาก บวกกับต้องหาคลินิกที่น่าเชื่อถือก็ได้มาเจอกับรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ เพราะที่นี่ดูแลผิวด้วยคุณหมอผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านเลย และยังมีเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ได้มาตรฐาน และเมื่อพูดถึงชื่อของรมย์รวินท์คลินิกใครๆ ก็ต้องรู้จัก เพราะเป็นคลินิกความงามที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมานาน และมีหลากหลายสาขาทั่วประเทศเลยค่ะ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้แอปเปิ้ลเลือกให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลเรื่องผิวค่ะ 

                 

                Oligio ลดแก้มป่อง
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล


                พอมีเวลาว่างจากงานแอปเปิ้ลก็รีบมาที่รมย์รวินท์คลินิกมาปรึกษาเรื่องปัญหาแก้มเยอะ หย่อนคล้อยของแอปเปิ้ลกับคุณหมอมีมี่ (พญ.ลลดา คงปิยาจารย์) ทันทีเลยค่ะ ก่อนที่คุณหมอมีมี่จะลงมือทำหัตถการให้กับแอปเปิ้ล คุณหมอใช้เทคนิค Lifting Select ช่วยวิเคราะห์ใบหน้าให้แอปเปิ้ลก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการตรวจวิเคราะห์ผิวหน้าของเราได้ลงลึกถึงทุกชั้นผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อหาจุดบกพร่อง และปัญหาผิวหน้าของเรา เพื่อที่จะเลือกหัตถการในการรักษาที่ตรงจุด และตอบโจทย์มากที่สุดค่ะ ซึ่งเทคนิคนี้คิดค้นโดยทีมแพทย์และมีเฉพาะแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะคะ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร มาให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลผิวเหมือนแอปเปิ้ลนะคะ

                 

                Oligio ลดแก้มป่อง
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                 

                Oligio ลดแก้มป่อง คุณแอปเปิ้ล ลาภิสรา

                 

                หลังจากนั้นคุณหมอมีมี่เลือก Oligio ช่วยแก้ปัญหาให้กับแอปเปิ้ลค่ะ ซึ่ง Oigio เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ส่งตรงมาจากประเทศเกาหลีเลยนะคะ Oligio ได้รับรางวัล 2024 Korea Customer Preference Index No.1 การันตีคุณภาพจากประเทศเกาหลีอีกด้วยนะคะ Oligio ช่วยยกกระชับผิวด้วยการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ หรือ Monopolar RF โดย Oligio ใช้คลื่นความถี่ 6.87 MHz ที่ทำให้เกิดความร้อนและยิงลงสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวให้เกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่ให้มีระเบียบและมีความแน่นมากขึ้นทำให้ผิวหน้าจากที่เคยย้อย หย่อนคล้อยก็ยกกระชับ ผิวเฟิร์ม และ Oligio ยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ตึงกระชับมากขึ้น นอกจากนั้นพลังงานจาก Oligio ยังลงไปสู่ผิวชั้นไขมัน (Fat) เพื่อใช้ความร้อนนี้ในการลดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง อย่างพวกแก้ม เหนียง คางสองชั้น ทำให้ผิวหน้าลีนขึ้น เฟิร์มขึ้นด้วยค่ะ Oligio ยกกระชับผิวได้อย่างปลอดภัยเพราะได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA สหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศไทยค่ะ

                 

                Oligio ลดแก้มป่อง
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                 

                หลังจากที่แอปเปิ้ลได้ทำ Oligio แอปเปิ้ลรู้สึกเลยค่ะว่าหน้าลีน กระชับ เฟิร์มมากขึ้น oligio ตัวนี้ตอบโจทย์แอปเปิ้ลมากเลยค่ะ ลดแฟต ผิวเฟิร์ม และ Oligio ยังช่วยเก็บงานผิวของแอปเปิ้ลให้เรียบเนียนขึ้นด้วยนะคะ เรียกได้ว่ามี skin quality ที่ดี เพราะมี Oligio ช่วยไว้ค่ะ Oligio ไม่ใช่แค่เฉพาะผิวหน้าที่กระชับ ลีน เฟิร์มได้เท่านั้นนะคะ เพราะผิวตัว Oligio ก็ทำให้กระชับ ลีน เฟิร์มขึ้นได้เช่นกันค่ะ เห็นแอปเปิ้ลผอมแบบนี้ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเหมือนกันนะคะ ซึ่งเรื่องที่แอปเปิ้ลกังวลไม่พ้นเรื่องของเซลลูไลต์ ความไม่กระชับของผิว คุณหมอมีมี่เลยจัดการยกร่างของแอปเปิ้ลให้กระชับด้วย Oligio ให้ซะเลยค่ะ มาที่รมย์รวินท์คลินิกครั้งนี้แอปเปิ้ลได้กลับไปทั้งหน้าลีน เฟิร์ม ร่างก็เป๊ะปัง กระชับไปพร้อมๆ กันเลย ตอบโจทย์มากๆ ถูกใจแอปเปิ้ลสุดๆ และแอปเปิ้ลขอบอกเลยว่าตอนที่แอปเปิ้ลได้ทำ Oligio ทั้งทีหน้าและที่ตัว คือไม่เจ็บ

                 

                Oligio ลดแก้มป่อง
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                 

                ถ้าลองให้แอปเปิ้ลเปรียบเทียบกับหัตถการยกกระชับตัวอื่นๆ แล้ว  Oligio จะแค่อุ่นๆ ค่ะ แอปเปิ้ลทำโดยไม่ต้องแปะยาชาเลย และคุณหมอยังให้คำแนะนำดีมากๆ ใจดีสุดๆ ถามแอปเปิ้ลตลอดการทำเลยว่าเจ็บมั้ย ซึ่งแอปเปิ้ลทำแล้วมันไม่เจ็บค่ะ ทำ Oligio เสร็จแล้วแอปเปิ้ลสามารถไปใช้ชีวิตต่อได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นเลยค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้แอปเปิ้ลพอใจมากๆ ทำผมเปิดหน้าได้สบายใจไม่กลัวแก้มป่องแล้วค่า

                 

                Oligio ลดแก้มป่อง
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                 

                ใครเป็นสาวแก้มเยอะ หย่อนคล้อย หรือมีส่วนเกิน เซลลูไลต์ตามตัวที่ต้องการให้ลีน เฟิร์ม กระชับ แต่กลัวว่าจะเจ็บ แอปเปิ้ลแนะนำให้มาทำ Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ ตอบโจทย์แน่นอน ทำได้ทั้งตัวแน่นอนค่ะ 

                New Gen New Young ดีลพิเศษที่สุดของปี ต้อนรับพรีเซนเตอร์

                Promotion New Gen New Young

                New Gen New Young ดีลพิเศษที่สุดของปี ต้อนรับพรีเซนเตอร์

                 

                ขึ้นเดือนใหม่ Romrawin  Clinic และพรีเซนเตอร์สาวสวยคนใหม่ “มิ้นท์ รัญชน์รวี” จะขอนำคุณเข้าสู่ Romrawin “NEW GEN” แห่งมิติความงามที่จะเปลี่ยนให้คุณ “NEW YOUNG” สวยอยู่แล้ว..ยังเติมให้คุณสวยได้อีก ไม่ว่าจะอยู่ใน Gen ไหนเราก็พร้อมเสิร์ฟ พร้อมป้อน ขบวนโปรโมชันความสวยมากมายที่เราคัดสรรมาให้คุณ 

                 

                NEW GEN.. แห่งการสร้างกรอบหน้า กระตุ้นคอลลาเจน

                 

                Promotion New Gen New Young ปรับกรอบหน้า กระตุ้นคอลลาเจน
                Promotion New Gen New Young ปรับกรอบหน้า กระตุ้นคอลลาเจน

                 

                เปลี่ยนความหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ ให้เป็นผิวแน่นเฟิร์ม เปลี่ยนคุณเป็น New Gen ที่ New Young ด้วย

                 

                Dorothy Filler สารประกอบ Hyaluronic Acid ที่มีความบริสุทธิ์ ช่วยเติมความชุ่มชื้น คืนน้ำให้ผิวทำให้ผิวโกลว์ฉ่ำวาว และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวอิ่มฟู ฟื้นฟูงานผิวให้เนียนละเอียด และยังช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวหน้าให้ชัด ดูมีมิติอีกด้วย

                • NEW YOUNG สวยกระชับ อ่อนเยาว์ ด้วย Dorothy Filler 3 cc. ราคาเพียง 9,900.- (จากราคาปกติ 18,000.-)

                 

                Filler สารเติมเต็มผิวที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid ที่ช่วยปรับโครงสร้าง เติมวอลลุ่มให้กับผิว ให้ทั้งความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่น ให้ผิวดูมีสุขภาพดี พร้อมให้ความเป็นธรรมชาติ 

                • NEW YOUNG สวยกระชับ อ่อนเยาว์ ด้วย Filler (2 ปี) ราคาเพียง 14,900.- / 1 cc. (จากราคาปกติ 25,000.-)

                 

                Pluryal เทคโนโลยีใหม่ เพื่อผิวที่สวยขั้นสุด เคลียร์จบได้ทุกงานผิว ทั้งเติมเต็มความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นให้ผิวสวยฉ่ำ เด้ง ดุจกระจก ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงอย่างอ่อนโยน และช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ พร้อมช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวชัด สวยแบบมีมิติ 

                • NEW YOUNG สวยกระชับ อ่อนเยาว์ ด้วย Pluryal ราคาเริ่มต้นเพียง 15,000 / 1syr. (จากราคาปกติ 18,000.-)

                 

                Profhilo งานผิวตัวใหม่ ที่มีสารประกอบของ Hyaluronic Acid ที่สังเคราะห์บริสุทธิ์ถึง 100% ช่วยเรื่องการปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนไทป์ 1, 3, 4, 7 และอิลาสตินให้ผิว แก้ไขความหย่อนคล้อย ซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวให้สวยเรียบเนียน โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง 

                • NEW YOUNG สวยกระชับ อ่อนเยาว์ ด้วย Profhilo ราคาเพียง 25,000.- / 1syr. (จากราคาปกติ 36,000.-)

                 

                Radiesse งานผิว Biostimulator ที่มี CaHA ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และยังช่วยฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง มอบความฉ่ำโกลว์ ทั้งยังมอบงานผิวที่เนียนละเอียด มีคุณภาพดี 

                • NEW YOUNG สวยกระชับ อ่อนเยาว์ ด้วย Radiesse ซื้อ 3 กล่องขึ้นไปเพียงกล่องละ 27,000.- (จากราคาปกติ 45,000.-)

                 

                Radiesse Plus ยกกระชับผิว ปรับกรอบหน้าให้คม ชัด พุ่ง โครงหน้ามีมิติ  กระตุ้นโครงสร้างผิวใหม่ด้วยกระบวนการธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งสารตกค้าง

                • NEW YOUNG สวยกระชับ อ่อนเยาว์ ด้วย Radiesse Plus ซื้อ 3 กล่องขึ้นไปเพียงกล่องละ 27,000.- (จากราคาปกติ 45,000.-)

                 

                HArmonyCA งานผิวตัวใหม่ที่มอบความสวยใสให้ผิวโดยไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์ ด้วยเทคโนโลยี Hybrid Dermal Fillers ที่มีทั้ง HA และ CaHA ช่วยเติมเต็มร่องลึก เพิ่มวอลลุ่มให้ผิว และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวอ่อนเยาว์ 

                • NEW YOUNG สวยกระชับ อ่อนเยาว์ ด้วย HArmonyCA ราคาเพียง 29,900.- / 1syr. (จากราคาปกติ 45,000.-)

                 

                NEW GEN..แห่งการดูแลรูปร่าง

                Promotion New Gen New Young การกระชับสัดส่วนและดูแลรูปร่าง
                Promotion New Gen New Young การกระชับสัดส่วนและดูแลรูปร่าง

                 

                • Fit Shape Body กระตุ้นการเผาผลาญ ลดไขมัน และเซลลูไลต์ โดยไม่ทำลายเซลล์อื่นๆ ทำได้ทุกส่วนของร่างกาย หุ่นสวยโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งบาดแผล 
                • Slim Slender ทางเลือกใหม่ในการลดน้ำหนัก ด้วย 4 step ทั้งการปรับพฤติกรรมการกินในระยะยาว ช่วยควบคุมความหิว ลดความอยากอาหาร ลดการทานจุกจิก ทำให้อิ่มนาน ไขมันลดลง ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ แค่นี้คุณก็เป็นเจ้าของหุ่นดี 

                 

                NEW YOUNG หุ่นดี ฟิตกระชับ ด้วย Fit Shape Body + Slim Slender ราคาเพียง 7,900.- (จากราคาปกติ 12,500.-)

                 

                Coolsculpting เทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็น -11 องศา ด้วยการฟรีซไขมันให้แข็งตายและถูกร่างกายกำจัดออกโดยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เป็นอันตราย ไม่ทิ้งบาดแผล

                 

                NEW YOUNG หุ่นดี ฟิตกระชับ ด้วย Coolsculpting 2 Cycle ราคาเพียง 13,800.- (จากราคาปกติ 50,000.-)

                รับฟรี ให้วิตามินผิว บูสต์ผิวให้สวย เติมออร่าให้ผิว ฟื้นฟูความกระจ่างใส จำนวน 1 ครั้ง

                 

                NEW GEN..แห่งผิวใส

                 

                • Melasma Firm จบทั้งเรื่องปัญหาผิวยับ และผิวฝ้า ช่วยลดฝ้า ลดจุดด่างดำ กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเดิม ปรับผิวให้กระจ่างใส พร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวยกกระชับผิว เนียนเรียบ 

                 

                NEW YOUNG ผิวสวยใส ไร้รอย ด้วย Melasma Firm ราคาเพียง 10,900.- (จากราคาปกติ 26,000.-) รับฟรี Blink It Up บูสต์ผิวให้สวยกระจ่างใส จำนวน 1 ครั้ง

                 

                • Ultra 4D Lift Booster ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม ช่วยปรับผิวโดยเฉพาะ ให้ผิวมีความเรียบเนียน ละเอียด สร้างคอลลาเจนให้ผิวแน่นเฟิร์ม ปรับสีผิวให้กระจ่างใส สร้างคุณภาพที่ดี 
                • Shining Bright คืนชีพให้ผิวกระจ่างใส ปรับสีผิวให้กระจ่างใส ลดการเกิดเม็ดสีที่ผิดปกติ ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับให้ผิวเรียบเนียน 

                 

                NEW YOUNG ผิวสวยใส ไร้รอย ด้วย Ultra 4D Lift Booster 300 lines (หน้า) + Shining Bright (หน้า) ราคาเพียง 16,900.- (จากราคาปกติ 45,000.- )

                 

                NEW GEN..แห่งการยกกระชับ ลดริ้วรอย

                Promotion New Gen New Young การยกกระชับ ลดริ้วรอย
                Promotion New Gen New Young การยกกระชับ ลดริ้วรอย

                 

                Ultra 4D Liftก็บทุกความหย่อนคล้อย ลดทุกความเหี่ยวย่น จัดเก็บงานผิวให้เรียบเนียนละเอียด พร้อมสร้างมิติให้ใบหน้าสวยทุกมุมมอง 

                ฉีดโบจัดการปัญหา ยับ เหี่ยว ย่น บนใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ปรับกรอบหน้าให้เรียวสวยแบบเป็นธรรมชาติ 

                Slim Face S ลดแฟต แก้ม เหนียงให้เล็กลง ยกกระชับให้ใบหน้าเรียว สร้างกรอบหน้าให้ชัด เพิ่มมิติให้กับใบหน้า

                 

                • SET 1 NEW YOUNG LIFTING ผิวสวยเพรียวกระชับ ด้วย Ultra 4D Lift (200 lines) + Botox 1 Area + Slim Face S  ราคาเพียง 15,900.- (จากราคาปกติ 29,500.-)

                *เลือกทำได้ 1 Area หน้าผาก / หว่างคิ้ว / หางตา

                • SET 2 NEW YOUNG LIFTING ผิวสวยเพรียวกระชับ ด้วย Ultra 4D Lift (200 lines) + Botox 2 Area + Slim Face S ราคาเพียง 18,900.- (จากราคาปกติ 35,500.-)

                *เลือกทำได้ 2 Area หน้าผาก / หว่างคิ้ว / หางตา

                • SET 3 NEW YOUNG LIFTING ผิวสวยเพรียวกระชับ ด้วย Ultra 4D Lift (200 lines) + Botox 3 Area + Slim Face S  ราคาเพียง 21,900.- (จากราคาปกติ 41,500.-)

                *ทำได้หมด 3 Area หน้าผาก / หว่างคิ้ว / หางตา

                 

                NEW GEN..แห่งการสร้างหน้า V Shape

                Promotion New Gen New Young การสร้างหน้า V Shape
                Promotion New Gen New Young การสร้างหน้า V Shape

                 

                Oligio เทคโนโลยียกกระชับพร้อมลดไขมันส่วนเกิน แก้ม เหนียง คาง ให้หน้าสวยแบบ ลีน ลด ยก เฟิร์ม พร้อมทั้งสร้างงานผิวคุณภาพดี สวยครบจบในเครื่องเดียว 

                ฉีดโบจัดการปัญหา ยับ เหี่ยว ย่น บนใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ปรับกรอบหน้าให้เรียวสวยแบบเป็นธรรมชาติ 

                 

                • SET 1 NEW YOUNG V Shape ผิวสวยแน่นเฟิร์ม ด้วย Oligio 300 lines + ฉีดโบ (โบชมพู) 50 U. ราคาเพียง 19,900.- (จากราคาปกติ 42,000.- )
                • SET 2 NEW YOUNG V Shape ผิวสวยแน่นเฟิร์ม ด้วย Oligio 300 lines + ฉีดโบ (โบน้ำเงิน) 50 U. ราคาเพียง 20,900.- (จากราคาปกติ 50,000.-)
                • SET 3 NEW YOUNG V Shape ผิวสวยแน่นเฟิร์ม ด้วย Oligio 300 lines + ฉีดโบ (โบม่วง) 50 U. ราคาเพียง 21,900.- (จากราคาปกติ 50,000.-)

                 

                ระยะเวลาโปรโมชันตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 – 15 มีนาคม 2568 

                 

                มาเปิดมิติใหม่แห่งความสวยแบบ New Gen ให้ผิว New Young ไปพร้อมกันได้ทุก Gen ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ 

                 

                *โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.68 – 15 มี.ค.68

                *โปรโมชันเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

                *โปรโมชันเฉพาะสาขาที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

                *ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล

                *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่

                Melasma Fade ลดฝ้า เผยผิวหน้าเนียนใส

                Melasma Fade โปรแกรมลดฝ้าเผยผิวหน้าเนียนใส

                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                  Melasma Fade ลดฝ้า เผยผิวหน้าเนียนใส

                  “ฝ้า” ปัญหาผิวที่สร้างความกังวลให้กับหลายคน ไม่ว่าจะเป็นฝ้าจากฮอร์โมน แดด หรือฝ้าอื่น ๆ ล้วนทำให้หน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ทำให้หลายคนที่เป็นฝ้าเกิดความไม่มั่นใจ ปัญหาฝ้าจึงเป็นมากกว่าแค่ความไม่สวยงาม แต่ยังส่งผลกระทบต่อด้านจิตใจอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการลดฝ้าที่หลากหลายและได้ผลดี หนึ่งในนั้นคือการลดฝ้าด้วยโปรแกรม Melasma Fade โปรแกรมที่ถูกพัฒนามาเพื่อการลดฝ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว วันนี้รมย์รวินท์จะพาไปรู้จัก “Melasma Fade โปรแกรมลดฝ้า เพื่อผิวหน้าเนียนใส” กัน

                   

                  ฝ้าคืออะไร ?

                  ฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในผิว ซึ่งเมลานินเป็นสารที่ให้สีแก่ผิวหนัง เส้นผม และดวงตา โดยฝ้าเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ที่เรียกว่า เมลาโนไซต์ (Melanocytes) ซึ่งมีหน้าที่ผลิตเม็ดสี ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไป ส่งผลให้เกิดการสะสมของเม็ดสีในผิวหนังมากขึ้นจนเห็นเป็นรอยคล้ำ

                   

                  ลักษณะของฝ้า

                  ฝ้ามักมีลักษณะเป็นจุดหรือรอยคล้ำ รูปร่าง ลักษณะจะแตกต่างกันออกไปตามประเภท โดยส่วนมากฝ้าจะสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม เทา หรือเทาอมฟ้า ขึ้นอยู่กับความลึกของเม็ดสีที่สะสมอยู่ในชั้นผิว ซึ่งมักฝ้าเกิดได้บ่อยในบริเวณที่สัมผัสแสงแดดบ่อย เช่น บริเวณใบหน้า และลำตัว 

                   

                  ฝ้าเกิดจากอะไร ?

                  การเกิดฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดเม็ดสีเมลานินในผิวให้ผิดปกติได้ จนเกิดเป็นฝ้าหรือรอยคล้ำหรือจุดสีน้ำตาลในบางบริเวณของผิวหนังได้ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้าประกอบด้วย

                   

                  • ฝ้าจากแสงแดด

                  การเกิดฝ้าจากแสงแดดเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยมากที่สุด เนื่องจากแสงแดดเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้โดยตรง จากการที่รังสี UV กระทบกับผิวหนังเป็นเวลานาน จนเกิดการกระตุ้นการผลิตเมลานินในผิวหนังที่เป็นเกราะป้องกันรังสี UV ซึ่งการผลิตมากเกินไปนี่เอง ทำให้เกิดฝ้าได้

                   

                  • ฝ้าจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

                  การเกิดฝ้าจากสาเหตุนี้มักเกิดในผู้หญิงที่มีฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง เช่น ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจากปัจจัยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง ในการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป จึงเสี่ยงทำให้เกิดฝ้าได้

                   

                  • ฝ้าจากพันธุกรรม

                  ฝ้าที่ส่งต่อทางพันธุกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ หากครอบครัวมีประวัติในการเป็นฝ้า ก็มีโอกาสส่งต่อทางพันธุกรรมได้ 

                   

                  • ฝ้าจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง

                  การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ระคายเคืองผิว อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้

                   

                  • ฝ้าจากการระคายเคืองจากความร้อนและมลภาวะ

                  ความร้อนจากแสงแดด หรือมลภาวะจากฝุ่น ควัน สามารถทำให้ผิวอ่อนแอลงจนไปกระตุ้นการผลิตเมลานิน ทำให้เกิดฝ้าได้

                   

                  Melasma Fade คืออะไร
                  Melasma Fade คืออะไร

                   

                  Melasma Fade คืออะไร ?

                  Melasma Fade เป็นโปรแกรมการลดฝ้าที่ใช้การฉีดยาช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่กระตุ้นการผลิตเมลานิน ซึ่งการทำโปรแกรม Melasma Fade จะทำให้สารเข้าไปควบคุมการทำงานของเซลล์เม็ดสีในผิวหนัง ช่วยลดการผลิตเม็ดสีหรือเมลานินที่เป็นสาเหตุของฝ้า ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นได้ ซึ่งการลดฝ้าด้วยการทำโปรแกรม Melasma Fade จะเห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่า เมื่อเทียบกับการใช้ครีมทาผิวเพื่อลดฝ้า

                   

                  Melasma Fade ช่วยลดฝ้าได้อย่างไร
                  Melasma Fade ช่วยลดฝ้าได้อย่างไร

                   

                  Melasma Fade ช่วยลดฝ้าได้อย่างไร ?

                  โปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้าด้วยการใช้ตัวยาที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ยับยั้งกระบวนการผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดรอยฝ้า และจุดด่างดำบนผิวหนัง นอกจากนี้การทำโปรแกรม Melasma Fade ช่วยลดฝ้าได้ด้วยกระบวนการเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ 

                   

                  • โปรแกรม Melasma Fade ช่วยลดฝ้าได้จากการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในกระบวนการผลิตเมลานิน ซึ่งการยับยั้งนี้จะทำให้เซลล์เม็ดสีผลิตเมลานินน้อยลง จึงสามารถช่วยในการลดฝ้าบนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                  • โปรแกรม Melasma Fade นอกจากจะช่วยในการยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไปแล้ว ยังสามารถช่วยปรับสมดุลของเม็ดสีเมลานิน ทำให้สีผิวกลับมาสม่ำเสมอ สดใส ได้อีกด้วย
                  • โปรแกรม Melasma Fade สามารถช่วยในการควบคุมการตอบสนองของเม็ดสีเมลานิน จึงมีบทบาทสำคัญในการลดการเกิดฝ้าซ้ำในอนาคตได้

                   

                  Melasma Fade ดีอย่างไร
                  Melasma Fade ดีอย่างไร

                   

                  Melasma Fade ดีอย่างไร ?

                  การทำโปรแกรม Melasma Fade มีข้อดีในการทำหลายประการ ซึ่งข้อดีหลักที่โดดเด่นในการทำ Melasma Fade  คือการลดฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วกว่าการลดฝ้าแบบ ธรรมดาทั่วไป นอกจากนี้การทำโปรแกรม Melasma Fade  ลดฝ้า ยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง ดังนี้

                  • โปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วกว่าการทาครีมเพื่อลดฝ้า
                  • โปรแกรม Melasma Fade มีข้อดีในการให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ตรงจุด
                  • โปรแกรม Melasma Fade มีข้อดีในการยับยั้งกระบวนการผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                  • โปรแกรม Melasma Fade มีข้อดีในการควบคุมการทำงานของเซลล์เม็ดสี ลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำ
                  • โปรแกรม Melasma Fade มีข้อดีในการไม่ก่อให้เกิดบาดแผล หรือความเสียหายต่อชั้นผิว 
                  • โปรแกรม Melasma Fade ไม่เพียงแต่ช่วยในการลดฝ้า แต่ยังช่วยลดจุดด่างดำและผิวหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวกลับมาดูเรียบเนียน กระจ่างใสได้อีกด้วย
                  • โปรแกรม Melasma Fade สามารถลดฝ้าที่รุนแรง หรือฝ้าที่ได้รับการดูแลด้วยวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผลได้

                   

                  สรุปได้ว่าการทำโปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้ามีข้อดีหลายอย่าง ทั้งการลดฝ้า การปรับสีผิว และการลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำในอนาคต อีกทั้งโปรแกรม Melasma Fade ยังสามารถช่วยลดฝ้ารุนแรง หรือลดฝ้าในผู้ที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่เห็นผลได้อีกด้วย

                   

                  Melasma Fade เหมาะกับใคร
                  Melasma Fade เหมาะกับใคร

                   

                  Melasma Fade เหมาะกับใคร

                  การทำโปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้า สามารถช่วยให้ฝ้าจางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โปรแกรม Melasma Fade เหมาะกับบุคคล ดังต่อไปนี้

                  • Melasma Fade เหมาะกับผู้ที่มีฝ้าจากการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป
                  • Melasma Fade เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถลดฝ้าด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ 
                  • Melasma Fade เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดฝ้าที่เกิดจากการสัมผัสแสงแดดบ่อย ๆ 
                  • Melasma Fade เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดฝ้าอย่างรวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลาไม่นาน
                  • Melasma Fade เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนจุดด่างดำบนใบหน้า

                   

                  Melasma Fade ไม่เหมาะกับใคร 

                  แม้การลดฝ้าด้วยการทำโปรแกรม Melasma Fade จะมีความปลอดภัย แต่อาจไม่เหมาะกับบางบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ ดังต่อไปนี้

                  • Melasma Fade ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
                  • Melasma Fade ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเกี่ยวกับโรคที่มีการแข็งตัวของเลือด หรือผู้ที่มีประวัติการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
                  • Melasma Fade ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวที่บอบบางหรือแพ้ง่าย
                  • Melasma Fade ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรัง หรือผู้ที่มีโรคผิวหนังรุนแรงหรืออักเสบ
                  • Melasma Fade ไม่เหมาะกับผู้ที่ทานยาบางชนิดเป็นประจำ เช่น ผู้ที่ทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด

                   

                  สรุปแล้วการลดฝ้าด้วยโปรแกรม Melasma Fade อาจไม่เหมาะกับบุคคลประเภทดังที่กล่าวมา ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำโปรแกรม Melasma Fade เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

                   

                  การเตรียมตัวก่อนทำ Melasma Fade

                  ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการทำโปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมากที่จะช่วยให้การลดฝ้าออกมามีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากผลข้างเคียงได้ ดังนั้นควรเตรียมตัวก่อนการทำโปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้าให้พร้อม โดยสามารถเตรียมตัวได้ ดังนี้

                  • ก่อนทำ Melasma Fade ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาฝ้าและสุขภาพผิว เพื่อวางแผนการดูแลรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิว
                  • ก่อนทำ Melasma Fade ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน หรือถ้าหากจำเป็นต้องสัมผัสแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อปกป้องผิวก่อนการทำ Melasma Fade เพื่อป้องกันการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน
                  • ก่อนทำ Melasma Fade ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด อย่างน้อย 3-5 วันก่อนการ Melasma Fade เพื่อลดความเสี่ยงในการแพ้หรือการระคายเคืองหลังการทำ Melasma Fade
                  • ก่อนทำ Melasma Fade ควรหยุดรับประทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด แต่ทั้งนี้การหยุดรับประทานยา ควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์
                  • ก่อนทำ Melasma Fade ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง เพื่อลดความเสี่ยงของการระคายเคืองหลังการทำโปรแกรม Melasma Fade
                  • ก่อนทำ Melasma Fade ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิว หรือทรีตเมนต์ ที่อาจทำให้ผิวบางก่อนการทำโปรแกรม Melasma Fade อย่างน้อย 1 สัปดาห์
                  • ก่อนทำ Melasma Fade ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง  
                  • ก่อนทำ Melasma Fade ควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง 

                   

                  การปฏิบัติตัวหลังทำ Melasma Fade

                  หลังจากการทำโปรแกรม Melasma Fade เพื่อลดฝ้า จะช่วยให้ผลลัพธ์การลดฝ้าคงอยู่ได้นาน และช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงต่าง ๆ หลังการทำ Melasma Fade ได้ ซึ่งหลังการทำโปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้าควรดูแลตัวเอง ดังนี้

                  • หลังทำ Melasma Fade ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการทำ Melasma Fade
                  • หลังทำ Melasma Fade ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรง หรือสารที่มีฤทธิ์รุนแรงในช่วง 3-5 วันหลังการทำ Melasma Fade
                  • หลังทำ Melasma Fade ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ผิวสัมผัสกับความร้อนในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
                  • หลังทำ Melasma Fade ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการทำ Melasma Fade เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อหรือการระคายเคืองผิว
                  • หลังทำ Melasma Fade ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น รอยแดง บวม คัน หรือปวดในบริเวณที่ฉีด หากมีอาการผิดปกติ ควรไปปรึกษาแพทย์ทันที
                  • หลังทำ Melasma Fade ควรติดตามผลการประเมินการรักษา และติดตามผลการทำ Melasma Fade เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                  • หลังทำ Melasma Fade ควรหลีกเลี่ยงการเกาหรือขัดบริเวณที่ฉีด เพื่อลดการระคายเคือง

                   

                  Melasma Fade อันตรายไหม ?

                  การทำ Melasma Fade เพื่อลดฝ้าถือว่ามีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการสะสมของสารในร่างกาย แต่ในบางบุคคลอาจเกิดผลข้างเคียงได้บ้าง เช่น รอยแดงหรือบวมบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดจากการระคายเคือง หรือรอยฟกช้ำที่เกิดจากเข็มฉีดยา ขณะทำ Melasma Fade แต่จะหายไปได้เองภายใน 1-2 วัน เพื่อประสิทธิภาพในการลดฝ้าและเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำโปรแกรม Melasma Fade ในการประเมินปัญหาฝ้าและสุขภาพผิว เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิว ลดการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้

                   

                  Melasma Fade มีผลข้างเคียงไหม
                  Melasma Fade มีผลข้างเคียงไหม

                   

                  Melasma Fade มีผลข้างเคียงไหม ?

                  แม้ในการลดฝ้าด้วยโปรแกรม Melasma Fade จะมีความปลอดภัย แต่ก็มีโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงได้ในบางบุคคล ซึ่งผลข้างเคียงหลังการทำโปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้าที่อาจเกิดได้ มีดังนี้

                   

                  1. ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้ หลังการทำ Melasma Fade ลดฝ้า 

                  • อาการบวมหรือรอยแดง บริเวณที่ฉีดยา ซึ่งอาการนี้สามารถหายได้เอง 1-2 วัน
                  • อาการคันหรือการระคายเคือง บริเวณที่ทำโปรแกรม Melasma Fade  ลดฝ้า
                  • รอยฟกช้ำที่เกิดจากเข็มฉีดหลังการทำ Melasma Fade การนี้จะหายได้เองในไม่กี่วัน
                  • อาการคลื่นไส้หรือวิงเวียนศรีษะ แต่อาการนี้เกิดได้ไม่มากนัก และมักเป็นได้แค่ชั่วคราว จะบรรเทาไปได้เอง

                   

                  2. ผลข้างเคียงรุนแรงที่พบได้น้อย หลังการทำ Melasma Fade ลดฝ้า

                  อาการแพ้รุนแรงหายใจลำบาก หรือหน้าบวม มีผื่นแดง บวม หรือคัน โดยอาการเหล่านี้มีโอกาสเกิดได้น้อย เกิดได้เฉพาะคนที่แพ้สารที่ฉีดใน Melasma Fade  เท่านั้น ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ที่รุนแรงหลังทำ Melasma Fade ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับคำแนะนำหรือการรักษาและป้องกันที่ถูกต้อง

                   

                  ผลข้างเคียงหลังการทำ Melasma Fade เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในบางบุคคล โดยส่วนใหญ่มักจะหายไปได้เอง และผลข้างเคียงรุนแรงสามารถพบได้น้อย อีกทั้งยังสามารถป้องกันการเกิดได้ด้วยการเข้าพบแพทย์ ก่อนทำการลดฝ้าด้วย Melasma Fade เพื่อประเมินว่าสามารถทำโปรแกรม Melasma Fade ได้โดยไม่มีอาการแพ้หรือไม่ อีกทั้งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ทั้งก่อน และหลังทำ Melasma Fade ลดฝ้า จะสามารถลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้

                   

                  Melasma Fade กี่วันเห็นผล ?

                  การลดฝ้าด้วยโปรแกรม Melasma Fade โดยทั่วไปแล้วสามารถเห็นผลได้ในระยะเวลา 2-4 สัปดาห์หลังการทำ Melasma Fade โดยจุดด่างดำและรอยฝ้า ความเข้มจะค่อย ๆ ลดลง แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างออกไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่ปัจจัยต่าง ๆ เฉพาะบุคคล เช่น สภาพผิว ความรุนแรงของฝ้า หรือการดูแลผิวหน้าหลังการทำ Melasma Fade 

                   

                  ซึ่งผลลัพธ์หลังการทำ Melasma Fade จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้หลังจากการทำการดูแลด้วย Melasma Fade หลายครั้ง ซึ่งจำนวนครั้งในการทำขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยทั่วไปฝ้าจะจางลงประมาณ 20-50% ในแต่ละครั้งหลังการทำ Melasma Fade 

                   

                  Melasma Fade ต้องทำกี่ครั้ง ?

                  การทำ Melasma Fade อาจจะต้องซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน เนื่องจากการเกิดฝ้ามีสาเหตุทั้งจากปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก โดยจำนวนครั้งในการทำ Melasma Fade ลดฝ้าในแต่ละบุคคลนั้นจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของฝ้า ซึ่งจำนวนครั้งที่แน่ชัดในแต่ละบุคคลจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว จำนวนครั้งในการทำโปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้าของฝ้าแต่ละระดับ จะแบ่งได้ดังนี้

                   

                  1.การทำ Melasma Fade ในผู้ที่มีฝ้าไม่รุนแรง

                  จำนวนครั้งในการลดฝ้าด้วยโปรแกรม Melasma Fade สำหรับผู้ที่มีฝ้าไม่รุนแรง โดยเฉลี่ยแล้วจะทำประมาณ 3-5 ครั้ง เว้นระยะห่างในการทำแต่ละครั้งอยู่ที่ 1-2 สัปดาห์ โดยหลังจากการทำ Melasma Fade ลดฝ้า จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ 20-50 % ต่อการทำแต่ละครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคลด้วย

                   

                  2.การทำ Melasma Fade ในผู้ที่มีฝ้ารุนแรงหรือลึก

                  ในผู้ที่มีฝ้ารุนแรง จำเป็นที่จะต้องใช้จำนวนครั้งในการทำ Melasma Fade มากกว่าผู้ที่มีฝ้าปกติทั่วไป โดยอาจต้องทำ Melasma Fade ต่อเนื่องประมาณ 5-10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการลดฝ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

                   

                  3.การทำ Melasma Fade เพื่อการลดฝ้าได้ผลลัพธ์ระยะยาว

                  สำหรับผู้ที่ลดฝ้าจนฝ้าจางหายแล้วต้องการให้ผลลัพธ์ที่ได้ในระยะยาว และต้องการการป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำ ควรทำโปรแกรม Melasma Fade  ซ้ำปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน

                   

                  Melasma Fade อยู่ได้นานไหม ?

                  การลดฝ้าด้วยการทำโปรแกรม Melasma Fade สามารถให้ผลลัพธ์ยาวนานได้ หากทำต่อเนื่อง ซึ่งหากดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์หลังการทำ Melasma Fade สามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 1 ปี แต่ระยะเวลาในการคงอยู่ของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายปัจจัย ดังนี้

                  • การสัมผัสแสงแดด ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยการกระตุ้นหลักที่ทำให้เกิดฝ้ากลับมาซ้ำได้ แม้จะผ่านการทำโปรแกรม Melasma Fade มาแล้ว หากไม่มีการดูแลป้องกันผิวที่เหมาะสม ซึ่งปัจจัยนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
                  • การดูแลผิวหลังการทำ Melasma Fade เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์การดูแลรักษาอยู่ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น 
                  • การทำโปรแกรม Melasma Fade ซ้ำ แม้ผลลัพธ์หลังการทำ Melasma Fade จะสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 1 ปี แต่ก็จำเป็นเป็นอย่างมากในการทำซ้ำปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อช่วยรักษาความสม่ำเสมอของสีผิว และลดโอกาสที่ฝ้าจะกลับมา
                  • ปัจจัยภายในร่างกาย ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยจากภายในร่างกายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มักเกิดจากฮอร์โมนในร่างกาย ในผู้ที่เป็นกรณีแพทย์อาจแนะนำการลดฝ้าวิธีการอื่นๆ ร่วมด้วย

                   

                  ปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการทำโปรแกรม Melasma Fade ลดฝ้าได้ ซึ่งในแต่ละบุคคลจะได้ผลลัพธ์หลังการทำที่ต่างกัน โดยการดูแลผิวอย่างต่อเนื่องจะช่วยยืดระยะเวลาของผลลัพธ์และป้องกันการเกิดฝ้าในอนาคตหลังการทำ Melasma Fade ได้

                   

                  การป้องกัน และการดูแลเพื่อผลลัพธ์หลังการทำ Melasma Fade ระยะยาว

                   

                  เพื่อผลลัพธ์ในการลดฝ้าที่ยาวนานและการป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำในอนาคต การดูแลผิวในระยะยาวหลังการทำเป็นสิ่งสำคัญ โดยการป้องกันและการคงผลลัพธ์หลังการทำ Melasma Fade สามารถทำได้ ดังนี้

                  1.การป้องกันแสงแดดอย่างต่อเนื่องหลังการทำ Melasma Fade

                  แสงแดดปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดฝ้ามากที่สุด โดยการป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำ ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF สูงซ้ำอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง หรือถ้าหากจำเป็นต้องอยู่กลางแดด ควรใช้หมวกปีกกว้าง หรือร่มกันรังสียูวี และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดโดยตรง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

                   

                  2.การดูแลผิวต่อเนื่องหลังการทำ Melasma Fade

                  หลังการทำ Melasma Fade ลดฝ้าแล้วควรดูแลผิวอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ แม้ผ่านการทำโปรแกรมลดฝ้ามาแล้ว เพื่อให้ผิวแข็งแรง ไม่เสี่ยงต่อการให้เกิดฝ้าซ้ำ โดยสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยลดฝ้า หรือจะเป็นการทำหัตถการ ทรีตเมนต์ต่าง ๆ เพื่อให้ผิวดีขึ้น

                  3.การดูแลสุขภาพโดยรวม 

                  การดูแลสุขภาพนอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังส่งผลให้ผิวแข็งแรงอีกด้วย ซึ่งหากผิวแข็งแรง มีเกราะป้องกันผิวที่ดีแล้ว โอกาสการเกิดฝ้าซ้ำจะน้อยลง โดยการดูแลสุขภาพก็สามารถทำได้ไม่ยาก เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือการหลีกเลี่ยงมลภาวะที่อาจทำร้ายผิว เป็นต้น  

                                                         

                  Melasma Fade ทางเลือกใหม่ในการลดฝ้า

                  โปรแกรม Melasma Fade เป็นโปรแกรมลดฝ้าที่ใช้วิธีการฉีดยับยั้งเอนไซม์ที่กระตุ้นเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดฝ้า จุดด่างดำ และปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งการทำโปรแกรม Melasma Fade จะช่วยให้ฝ้าจางลง และทำให้ผิวสม่ำเสมอเรียบเนียนได้รวดเร็วกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 

                   

                  โดยเฉลี่ยแล้วการทำ Melasma Fade  สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ ซึ่งรอยฝ้าจะจางลง 20-50% ต่อการทำหนึ่งครั้ง และอาจต้องทำซ้ำ 3-10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของฝ้า ซึ่งผลลัพธ์หลังจากการทำโปรแกรม Melasma Fade สามารถคงอยู่ได้นานถึง 1 ปี หากมีการดูแลผิวอย่างเหมาะสม ดังนั้น Melasma Fade จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยในการลดฝ้า

                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                    ร่วมทายแขกรับเชิญพิเศษ ในงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์ของรมย์รวินท์

                    ร่วมทายแขกรับเชิญพิเศษ

                    Romrawin X Mintranch เปิดตัวพรีเซนเตอร์พร้อมแขกรับเชิญสุดฟิน 

                    หลังจากที่ Romrawin ได้เปิดตัวสาว “มิ้นท์ รัญชน์รวี” ในฐานะพรีเซนเตอร์ที่มีความสวยครบเครื่อง เป็นตัวแทนบิวตี้ไอคอน ที่มีความสวย ดูดี และมั่นใจในแบบที่เป็นตัวเอง For The Better You ตามคอนเซปต์ของรมย์รวินท์คลินิกกันไปแล้ว และงานนี้ก็ยังได้รับเสียงตอบรับ และความตื่นเต้นจากเหล่า CatBit ซึ่งเป็นแฟนคลับของน้องมิ้นท์ไปอย่างมากมาย มาคราวนี้ ถึงเวลาแล้วกับการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ 

                     

                    #RomrawinXMintranch

                    นับถอยหลังอีกไม่กี่วัน.. เตรียมพบกับงาน Grand Opening New Presenter 2025 งานเปิดตัว “มิ้นท์ รัญชน์รวี” พรีเซนเตอร์คนใหม่ของรมย์รวินท์คลินิกอย่างเป็นทางการ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่จะพาคุณไปพบกับเทคโนโลยีความงาม และสัมผัสทุกมิติแห่งความงามไปพร้อมๆ กับเราตลอดทั้งปีนี้ 

                     

                    นอกจากจะได้ร่วมฟิน ร่วมพูดคุยกับน้องมิ้นท์รัญ แล้วยังมี Big Surprise อีกหนึ่งอย่างรอคุณอยู่ กับแขกรับเชิญสุดพิเศษ ที่จะมาร่วมแสดงความยินดี และเสิร์ฟความฟินให้คุณอย่างต่อเนื่อง 

                    เตรียมตัวของคุณให้พร้อมเพื่อไปรับความฟินนนนแบบสุดๆ ในงาน Grand Opening New Presenter 2025 ในวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ชั้น1 โซน Fashion Hall ศูนย์การค้าสยามพารากอน งานเริ่มเวลา 15.30 น. เป็นต้นไป 

                     

                    แล้วมาสัมผัสทุกมิติแห่งความงามไปด้วยกันกับ Romrawin และ “มิ้นท์รัญ” นะคะ 

                     

                    อ๊ะ..อ๊ะ..อ๊ะ..อย่าเพิ่งปิดหน้าจอนี้นะคะ! ไม่เช่นนั้นคุณจะพลาด..

                    อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าในงานนี้จะมีแขกรับเชิญสุดพิเศษที่ Romrawin เชิญมาเสิร์ฟความฟินให้คุณในงานนี้ อยากรู้แล้วหรือยังว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร! เราจะยังไม่บอกตอนนี้ แต่จะให้คุณได้ร่วมทาย..

                     

                    ร่วมทายแขกรับเชิญพิเศษ
                    ร่วมทายแขกรับเชิญพิเศษ

                     

                    พร้อมหรือยังคะ? 

                     

                    ถ้าพร้อมแล้วมาร่วมกิจกรรมด้านล่างนี้กันเลย

                     

                    ร่วมทายแขกรับเชิญพิเศษ

                    กติกาง่ายๆ  BIG SURPRISE! ร่วมทายแขกรับเชิญพิเศษที่จะมาในงาน Grand Opening NEW PRESENTER ทายถูก ทายแม่น ทายเป๊ะ ก็รับเลย Program Ultherapy Prime จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 100 Line รวมมูลค่า 125,000 บาท 

                    1. เพียงกด Like และกด Share โพสต์ทายเงาแขกรับเชิญใน Facebook Fanpage Romrawin Cilnic และเปิดให้เป็นสาธารณะ 
                    2. พร้อม Comment ทายเงาของแขกรับเชิญโดยระบุว่าเป็นใคร และทำไมต้องเป็นคู่นี้? ร่วมทายได้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม –  5 กุมภาพันธ์ 2568
                    3. แคปภาพที่เข้าร่วมกิจกรรม และกรอกข้อมูลที่ Link ส่งหลักฐาน ทาง Link :  https://forms.gle/tr9NK18C43frHGdu5 โดยจะต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
                    4. ประกาศรายชื่อผู้โชคดีทั้ง 3 ท่านที่ได้รับรางวัลเป็น Program Ultherapy PRIME ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่านทาง Facebook Fanpage Romrawin Clinic 
                    5. ผู้โชคดีทั้ง 3 ท่านต้องยืนยันสิทธิ์ภายในวันที่ 11 ก.พ. 68 ผ่านทาง Line Official Account  @Romrawinclinic หรือ Click : https://bit.ly/RomrawinLINE  หากท่านไม่มายืนยันสิทธิ์ตามเวลาที่กำหนดถือเป็นโมฆะ
                    6. รางวัล Program Ultherapy Prime 1 ท่าน / สิทธิ์ ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 เท่านั้น *หากไม่มารับสิทธิ์ตามวันที่กำหนดถือว่าเป็นโมฆะ และไม่สามารถต่ออายุสิทธิ์ได้

                     

                    แต่งานนี้ Romrawin ใจดี..มีคำใบ้ให้

                    Hint : จากเด็กฝึกหัดที่มีความสามารถล้นเหลือ สู่การเป็นศิลปินบอยแบนด์อย่างเต็มตัว เป็นเหมือนกับพาร์ทเนอร์คนสำคัญของกันและกันเพราะได้เริ่มอะไรหลายๆ อย่างด้วยกัน แสดงละครก็ดังเปรี้ยงปร้าง จะจับไมค์ร้องเพลงดี เต้นแบบบอยแบนด์ก็เลิศ ไปงานอีเว้นท์แฟนคลับก็ตามไปกรี๊ด จนห้างแตกมาแล้วว!!  

                     

                    รู้หรือยังว่าเป็นใคร ไปร่วมทายกัน

                    แล้วมาพบกันในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 

                     

                    หมายเหตุ 

                     *ระยะเวลาการร่วมกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม –  5 กุมภาพันธ์ 2568

                     *ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจำกัดแค่ 1 ท่าน / สิทธิ์ / ของรางวัลเท่านั้น

                     *ไม่สามารถเปลี่ยนของรางวัลเป็นเงินสดได้

                     *ไม่สามารถโอนสิทธิ์รางวัลที่ได้รับให้ผู้อื่นได้

                     *ไม่สามารถเปลี่ยนสาขาที่เข้ารับรางวัลได้

                     *คำตัดสินของกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

                     *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่หน้างานอีกครั้ง

                    Oligio กวาง AB Normol เจ้าของตำนานเพลงฮิตยุค 90

                    Oligio กวาง AB Normol

                    เจ้าของตำนานเพลงฮิตยุค 90 ขอยกกระชับปรับผิวเด็กอีกครั้ง 

                     

                    คุณกวาง ศิริศิลป์ หรือ กวาง AB Normal นักร้องตำนานเพลงฮิตยุค 90 ขอมาที่รมย์รวินท์คลินิก ขอมาทวงคืนความยกกระชับ ปรับผิวให้เด็กอีกครั้ง รมย์รวินท์คลินิกก็ไม่รอช้า จัดให้ไปเลยสิคะ

                     

                    วันนี้ผมไม่ได้จะมาร้องเพลงครับ (หัวเราะ) แต่วันนี้ผมขอมาทวงคืนพื้นที่หน้าเด็ก และความยกกระชับ ความลีนให้ใบหน้าของผมครับ เห็นคนอื่นๆ ทั้งเพื่อนๆ และคนรอบข้างเขาทำแล้วดี ผมก็อยากลองทำบ้างครับ เผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น เพราะส่วนตัวเราเองก็อายุมากขึ้นแล้ว ตอนสมัยวัยรุ่น เข้าวงการ เป็นศิลปินใหม่ก็ยังหน้าเดฟ หน้าเรียวกว่านี้ จนกาลเวลาผ่านไปอะไรที่เคยเดฟ เคยลีน มันก็เริ่มเด้งออกมา ทั้งเหนียง ทั้งแก้มของผม ตอนนี้ก็เลยอยากกลับไปมีความรู้สึกว่าหน้าลีน ยกกระชับแบบตอนวัยรุ่นบ้างครับ ผมก็เลยจะขอมาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละครับ ที่ผมเลือกมาที่รมย์รวินท์คลินิก ก็เพราะคนรอบข้างอีกนั่นแหละครับ เห็นเขาเคยมาทำแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับไป อีกทั้งรมย์รวินท์คลินิกก็เป็นคลินิกเสริมความงามที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน มีหลากหลายสาขาทั่วประเทศเลย ถ้าไม่ดีจริงก็คงไม่มีหลายสาขา และอยู่มาจนถึงทุกวันนี้หรอกใช่มั้ยล่ะครับ 

                     

                    Oligio กวาง AB Normol
                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                     

                    คุณหมอแพร (พญ.นภัสนันท์ เทพพรพิทักษ์) มาดูและปัญหาผิวให้กับผมในวันนี้ครับ อันดับแรกคุณหมอแพรทำการวิเคราะห์ผิวหน้าของผมด้วยเทคนิค Lifting Select ซึ่งผมได้ยินมาว่า เทคนิคนี้จะมีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิก และคิดค้นมาจากประสบการณ์ของคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกเลยครับ โดยจะทำการวิเคราะห์ผิว ผ่าน 3 เฟรมเวิร์กได้แก่ 

                     

                    • Frame Selection จะเป็นในเรื่องของการแก้ไขและปรับโครงหน้า ให้มีความยกกระชับ เรียว ได้รูปมากขึ้นกว่าเดิม และทำให้ผิวของเรากลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้งด้วยครับ
                    • Light & Shadow Me จะเป็นในเรื่องของการเพิ่มมิติให้ใบหน้า โดยเป็นการเสริมจุดเด่นให้ใบหน้ามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมสวยแบบมีมิติครับ
                    • Conceal Selection จะเป็นในเรื่องของงานผิว โดยจะตกแต่งจุดเล็กๆ ของผิวให้มีความสวยแบบสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทำให้เรามั่นใจในการเผยผิวของเราโดยไม่ต้องปกปิดเลยครับ 

                    หลังจากที่คุณหมอแพรได้ทำการวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาของผมแล้ว ก็ถึงเวลาทำให้หน้าผมกลับไปลีน เฟิร์ม แบบช่วงวัยรุ่นแล้วครับ คุณหมอแพรเลือก Oligio แก้ปัญหาให้กับผมครับ โดย Oligio เป็นเทคโนโลยีในการยกกระชับผิวที่ส่งตรงมาจากประเทศเกาหลีเลยนะครับ ซึ่ง Oligio จะยิงพลังงานลงสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) โดยตรงเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เกิดการเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวยกกระชับ แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย และนอกจาก Oligio จะช่วยในเรื่องการยกกระชับผิวแล้ว และยังยิงพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นไขมัน (Fat) เพื่อช่วยในการหดไขมัน สลายแฟตส่วนเกินบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นแก้มที่ย้อย หย่อนคล้อย เหนียงที่เริ่มอายุมากก็ยิ่งมี และคางสองชั้น ตัว Oligio จะช่วยเก็บได้หมดให้เหลือแต่ความลีน ความเรียวชัดบนใบหน้า และ Oligio ยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างของผิวให้แข็งแรง แน่นเฟิร์ม สร้าง skin quality ที่ดีให้ผิวอีกด้วยล่ะครับ 

                    Oligio กวาง AB Normol

                     

                    Oligio กวาง AB Normol
                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                     

                    และด้วยจุดเด่นของ Oligio ที่มีเทคนิคเฉพาะตัว Fast Moving Technique ซึ่งทำให้การรักษามีความเสถียรมากขึ้น และมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และยังลดการสะสมความร้อนใต้ชั้นผิว ทำให้เวลาทำการรักษาด้วย Oligio จะไม่ทำให้ผิวบริเวณที่ทำเกิดการไหม้เบิร์นของผิวเลยครับ และนอกจากนี้ Oligio ยังมีจุดเด่นอื่นๆ อีกอย่างเช่น ในเรื่องของความเจ็บที่น้อยในการรักษา เพราะ Oligio มีระบบ Vibration ที่เป็นระบบสั่นสะเทือนเพื่อบรรเทาความเจ็บขณะที่ทำ Oligio และมีหัว Tip ขนาด 4 ซม. ที่สามารถครอบคลุมบริเวณผิวได้กว้างมากขึ้น ทำให้รักษาได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการทำมากยิ่งขึ้นครับ 

                     

                    หลังจากที่ได้ทำ Oligio แล้วรู้สึกได้ทันทีเลยครับว่าหน้าผมแน่นเฟิร์ม และยกกระชับมากกว่าตอนก่อนทำเยอะมาก คุณหมอแพรบอกว่าหลังจากทำ Oligio จะทำให้หน้ายกกระชับขึ้น 20-30% และจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นหลังการทำ Oligio ประมาณ 3-6 เดือนครับ และคุณหมอแพรยังบอกอีกว่า สามารถทำ Oligio ได้ทุกๆ 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ความยกกระชับ ความลีน เฟิร์มแน่นให้ได้มากที่สุดครับ 

                     

                    ใครที่อยากได้ความยกกระชับ ความลีน เฟิร์มของผิว ย้อนวัยกลับไปวัยรุ่นหน้าเดฟ ผมแนะนำให้ทำ Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิกเลยครับ รับรองว่าคุณจะได้ความ ลีน ลด ยก เฟิร์ม กลับมาแน่นอน

                     

                    สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องผิว สามารถปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นค่ะ 

                    Ultherapy PRIME ช่วยให้หน้าของคุณเปิ้ล ภารดี ยกชัด ลกลึก ลืมเจ็บ 

                    Ultherapy Prime ลงลึก ลืมเจ็บ


                    Ultherapy PRIME ช่วยให้หน้าของคุณเปิ้ล ภารดี ยกชัด ลกลึก ลืมเจ็บ 

                     

                    รู้สึกตื่นเต้น และดีใจมากค่ะ ที่ได้เป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้ลอง (หัวเราะ) เปิ้ลอยากทำมากๆ เพราะอะไรรู้มั้ยคะ เพราะเปิ้ลเป็นสาวกของ Ultherapy อยู่แล้ว พอเขาอัปเกรดเทคโนโลยีใหม่ในรอบ 15 ปี จนเปิดตัวมาเป็น Ultherapy PRIME แล้วเปิ้ลจะพลาดได้ยังไงล่ะคะ พอเปิ้ลรู้ว่า Ultherapy PRIME มาที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ย เปิ้ลก็รีบมาทันทีเลย อยากลองมาก เพราะความ PRIME แบบนี้เปิ้ล ภารดี พลาดไม่ได้อยู่แล้วค่ะ 

                     

                    วันนี้เปิ้ลแวะมาลอง Ultherapy PRIME กับคุณหมอโป้ง (นพ.อดิเทพ ทาสม) ค่ะ ก่อนทำการรักษาคุณหมอโป้งจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า Lifting Select ในการวิเคราะห์ปัญหาผิวของเปิ้ล ผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก ซึ่งได้แก่

                     

                    Ultherapy Prime ไม่ต้องพักฟื้น ใช้หน้าต่อได้เลย
                    Ultherapy Prime ไม่ต้องพักฟื้น ใช้หน้าต่อได้เลย

                     

                    • Frame Selection เป็นเทคนิคการปรับและแก้ไขโครงหน้าของเราให้มีความยกกระชับมากขึ้น ดูอ่อนเยาว์ลงค่ะ
                    • Light & Shadow Me เป็นเทคนิคการเพิ่มมิติให้ใบหน้า โดยการเสริมจุดเด่นบนใบหน้าให้มีความสวยคม ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
                    • Conceal Selection เป็นเทคนิคการเก็บรายละเอียดงานผิว เพิ่มความมั่นหมดกังวลกับเรื่องผิดหน้า ต่อให้ต้องซูมแค่ไหนผิวก็ยังดูเนียนละเอียด ไม่ต้องปกปิดค่ะ

                     

                    หลังจากที่คุณหมอโป้งวิเคราะห์ผิวของเปิ้ลแล้วก็ไม่รอช้า มาเริ่มทำ Ultherapy PRIME กันเลยค่ะ คุณหมอโป้งบอกว่า Ultherapy PRIME เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาจากรุ่นเดิม ซึ่งเป็นการอัปเกรดเทคโนโลยีในรอบ 15 ปีเลย เป็นไงค่ะ บอกแล้วว่า PRIME สุดๆ แบบนี้จะไม่ให้เปิ้ลพลาดไม่มาลองทำ Ultherapy PRIME ได้ยังไงล่ะคะ 

                     

                    Ultherapy Prime ยิงเร็วขึ้น เจ็บน้อยลง
                    Ultherapy Prime ยิงเร็วขึ้น เจ็บน้อยลง

                     

                    ก่อนทำเปิ้ลคิดว่าจะต้องเจ็บแน่นอน เพราะเคยได้ยินจากคนที่เคยทำ Ultherapy รุ่นก่อนมาแล้วว่าเจ็บ แต่พอเปิ้ลได้ลองทำ Ultherapy PRIME ขอบอกเลยว่ามันไม่เจ็บ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เปิ้ลคิดเลย จากที่เปิ้ลตั้งคะแนนความเจ็บก่อนทำ Ultherapy PRIME ไว้ที่ 6 เต็ม 10 หลังจากที่เปิ้ลได้ทำแล้ว เปิ้ลให้คะแนนความเจ็บไปเลยค่ะ 2 เต็ม 10  มันลืมเจ็บจริงๆ ค่ะ เพราะตอนยิงพลังงานจากเครื่อง Ultherapy PRIME มันเป็นการยิงแค่แป๊บเดียว ทำให้ไม่ค่อยรับรู้ถึงความเจ็บ และส่วนตัวเปิ้ลก็รู้สึกว่า Ultherapy PRIME มันยิงพลังงานได้เร็วกว่าเดิมมากๆๆๆ เปิ้ลประทับใจตั้งแต่ช็อตแรกยันช็อตสุดท้ายเลยค่ะ ขอบอกว่าใครที่กลัวเลิกกลัวแล้วมาทำ Ultherapy PRIME กันดีกว่าค่ะ 

                     

                    Ultherapy PRIME เป็นการยกกระชับผิวด้วยการยิงพลังลงสู่ผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นยอดฮิตที่คุณหมอใช้ในการผ่าตัดดึงยกหน้าค่ะ โดยจะส่งพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เรียงตัวดีขี้น เป็นระเบียบขึ้น แน่นขึ้น ส่งผลให้หน้าเราดูยกกระชับ ดูกรอบหน้าชัดขึ้นค่ะ โดยหลังทำคุณหมอโป้งบอกเลยว่าจะเห็นผลได้ทันที 15-20% เลยค่ะ และนอกจากเรื่องของความกระชับแล้ว Ultherapy PRIME ให้ผลลัพธ์เรื่องงานผิวด้วยค่ะ ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก และสำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องหางตาตก ตัว Ultherapy PRIME ช่วยยกตาให้ดูกลมโต สดใสมากขึ้นค่ะ 

                     

                    Ultherapy Prime
                    Ultherapy Prime

                     

                    หลังจากที่เปิ้ลทำ Ultherapy PRIME ไป 1 ข้าง เห็นผลลัพธ์ทันทีเลยค่ะ ว่าหน้าข้างที่ทำของเปิ้ลยกกระชับขึ้นทันทีทันใดเลย และไม่ใช่แค่หน้าที่ยกนะคะ หางตาที่เริ่มตกก็ยกขึ้นด้วย กรอบหน้าของเปิ้ลดูคมชัด ดูเรียวมากยิ่งขึ้น และพวกริ้วรอยร่องลึกที่ตอนแรกมีเยอะมาก ตอนนี้ก็ตื้นขึ้นมาก หน้ากลับไปดูสาวมากกว่าตอนแรกซะอีก (หัวเราะ) และผิวของเปิ้ลก็ยังแน่นฟู ดูอิ่ม ดูเต็ม ดูเนียนละเอียดขึ้นเยอะเลยค่ะ คุณหมอบอกมายกกระชับผิวด้วย Ultherapy PRIME อย่างน้อย 1 ปี คงผลลัพธ์ความยกกระชับให้ผิวได้ไปยาวๆ เลยค่ะ ถ้าถามว่า Ultherapy PRIME ให้อะไรกับเปิ้ล ภารดีบ้าง ก็ต้องขอตอบว่า Ultherapy PRIME ให้ความยกกระชับ ลืมเจ็บ อยู่นาน และที่สำคัญลืมแก่ด้วยค่ะ 

                     

                    ใครที่อยากลองเติมความ PRIME ยกกระชับได้มากกว่าเดิม ต้อง Ultherapy PRIME ที่รมย์รวินท์คลินิก แบบเปิ้ล ภารดีนะคะ 

                    Ultherapy PRIME แล้วให้อะไรบ้าง

                    • Ultherapy PRIME ช่วยให้ผิวหน้ายกกระชับกับมากยิ่งขึ้น
                    • Ultherapy PRIME ช่วยลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้า
                    • Ultherapy PRIME ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้าให้ตื้นชึ้น 
                    • Ultherapy PRIME ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์กว่าที่เคย
                    • Ultherapy PRIME ช่วยแก้ปัญหาตาตก ยกตาให้ดูกลมโตมากขึ้น
                    • Ultherapy PRIME ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เรียงตัวแน่นมากขึ้น
                    • Ultherapy PRIME ช่วยสร้างกรอบหน้าให้คมชัด ได้รูป
                    • Ultherapy PRIME ช่วยให้ผิวแน่นฟู เนียนละเอียดมากยิ่งขึ้น

                     

                    สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้า เข้ามาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกได้ฟรีเลยนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นค่ะ 

                    Check Point ไปกับมิ้นท์ รัญชน์รวี มีสิทธิ์เพิ่มความสวยที่รมย์รวินท์

                    Check point ไปกับมิ้นท์

                    Check Point ไปกับมิ้นท์ รัญชน์รวี มีสิทธิ์เพิ่มความสวยที่รมย์รวินท์

                     

                    ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก!  มา Check Point ด้วยกันกับ “มิ้นท์ รัญชน์รวี” ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ

                     

                    จัดให้ต่อไม่รอแล้วนะ … ขอเสียง !!! ลูกค้าของรมย์รวินท์คลินิก และชาว CatBit แฟนคลับของน้องมิ้นท์รัญ พรีเซนเตอร์คนสวยของรมย์รวินท์คลินิกหน่อยค่าาา ได้ยินแล้ว เตรียมตัวเลย เพราะครั้งนี้ รมย์รวินท์คลินิกใจดีมาแจกอีกแล้วจ้าาาาา

                    กวักมือ ชวนทุกคนมา Check Point ไปกับน้อง “มิ้นท์ รัญชน์รวี” รับโปรแกรมเติมความสวยให้ผิวไปเลยยยแบบฟรีๆ ย้ำอีกครั้งว่างานนี้ฟรีจ้าาาาา 

                     

                    ใครพร้อมแล้วยกมือขึ้น!! 

                     

                    First come first serve สำหรับผู้โชคดีทั้ง 50 ท่านแรก มีความเร็วระดับแสง และยังทำตามกติกาอย่างครบถ้วน 

                     

                    Check Point ไปกับมิ้นท์ รับไปเลย TURBO BRIGHT ฟรี‼ 

                     

                    • TURBO BRIGHT โปรแกรมแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ทวงคืนผิวหน้ากระจ่างใส แก้ปัญหาผิวอย่างล้ำลึกด้วยการ ผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกถึงระดับรูขุมขน ช่วยลดการเกิดสิวอุดตันและการอุดตันของสิ่งสกปรก และยังช่วยเติมวิตามินให้ผิวอย่างล้ำลึกถึงระดังเซลล์ผิว ด้วยอณูละอองน้ำ

                     

                    เพียงแค่ทำตามกติกาดังต่อไปนี้

                    • เข้ามาใช้บริการโปรแกรม หรือหัตถการใดๆ ก็ได้ที่รมย์รวินท์คลินิก พร้อมถ่ายรูปของตัวคุณกับสื่อที่มีภาพของน้องมิ้นท์ รัญชน์รวี ฟรีเซนเตอร์สาวคนสวยกับรมย์รวินท์คลินิก 
                    • กด Post & Share ลงใน Facebook ของคุณ และเปิดเป็นสาธารณะ
                    • แคปหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน ว่าคุณได้ทำถูกต้องตามกติกาของเรา 
                    • ส่งหลักฐานเป็นรูปถ่าย พร้อมใบเสร็จที่คุณเข้ารับบริการที่รมย์รวินท์คลินิก โดยจะต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ที่ Link สำหรับส่งหลักฐาน >> https://forms.gle/hQ1Uj8Tm3x2BcKRc7 

                     

                    ร่วมกิจกรรม Check Point กับ “มิ้นท์ รัญชน์รวี” ได้ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 

                     

                    *ทางรมย์รวินท์คลินิกจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีทั้ง 50 ท่านที่ได้รับรางวัลในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่านทาง Facebook Fanpage Romrawin Clinic หรือคลิก https://www.facebook.com/RomrawinClinic

                    *ระยะเวลาลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 หากไม่มายืนยันสิทธิ์ตามเวลาที่กำหนดถือเป็นโมฆะ

                     

                    ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัล Program Turbo Bright สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 เท่านั้น (หากไม่มารับสิทธิ์ตามวันที่กำหนดถือว่าเป็นโมฆะ ไม่สามารถต่ออายุสิทธิ์ได้)

                     

                    หมายเหตุ*

                    1. เริ่มกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. 68 – 6 ก.พ. 68 
                    2. ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจำกัดแค่ 1 ท่าน / สิทธิ์ / ของรางวัล
                    3. Program Turbo Bright 1 ท่าน / สิทธิ์ ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 68 – 30 เม.ย. 68 เท่านั้น *หากไม่มารับสิทธิ์ตามวันที่กำหนดถือว่าเป็นโมฆะ ไม่สามารถต่ออายุสิทธิ์ได้
                    4. ไม่สามารถเปลี่ยนของรางวัลเป็นเงินสดได้
                    5. ไม่สามารถโอนสิทธิ์รางวัลที่ได้รับให้ผู้อื่นได้
                    6. คำตัดสินของกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
                    7. เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่หน้างานอีกครั้ง

                    เจาะลึก Ulthera Prime เทคโนโลยียกกระชับที่ฮอตที่สุดในปี 2025

                    Ulthera Prime เทคโนโลยียกกระชับที่ฮอตที่สุดในปี 2025

                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                      เจาะลึก Ulthera Prime เทคโนโลยียกกระชับที่ฮอตที่สุดในปี 2025

                      ในปี 2025 เทคโนโลยีความงามก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยเฉพาะในด้านการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง Ulthera Prime ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของผลลัพธ์ที่ชัดเจนและกระบวนการที่ปลอดภัย เทรนด์ความงามในยุคนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่การดูแลเพียงผิวพรรณภายนอก แต่ยังรวมถึงการฟื้นฟูจากภายในที่เห็นผลจริงแบบไม่ต้องผ่าตัด

                       

                      ทำไม Ulthera Prime ถึงถูกขนานนามว่าเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวในปีนี้? เราจะพาคุณไปสำรวจทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง ข้อดีของการใช้งาน และผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงจนคุณรู้สึกได้ เตรียมพร้อมเปลี่ยนผิวหน้าให้ตึงกระชับในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน

                       

                      Ulthera Prime ดีไซน์เครื่องใหม่ลาสุด ยกเร็วขึ้น เจ็บน้อยลง
                      Ulthera Prime ดีไซน์เครื่องใหม่ลาสุด ยกเร็วขึ้น เจ็บน้อยลง

                       

                      เทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า พัฒนาการสุดล้ำจาก Ulthera SPT

                      จากเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Ulthera SPT ที่เน้นการวางแผนและการรักษาเฉพาะบุคคล Ulthera Prime ได้พัฒนาเพิ่มความแม่นยำแบบเฉพาะเจาะจงที่ละเอียดและตรงจุดมากขึ้น ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ทำให้การรักษาตรงจุดและลดความเสี่ยงจากการส่งพลังงานเกินความจำเป็น นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น

                       

                      เทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า คืออะไร?

                      Ulthera Prime คือ เทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้าที่ล้ำสมัย โดยใช้พลังงานอัลตราซาวนด์ ซึ่งสามารถส่งพลังงานคลื่นเสียงแบบเจาะจงเข้าสู่ชั้นผิว SMAS ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวตึงกระชับและดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับการผ่าตัด แต่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงและระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนาน

                       

                      จุดเด่นของ Ulthera Prime
                      จุดเด่นของ Ulthera Prime

                       

                      จุดเด่นของเทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า

                      • หน้าจอแสดงผล Full HD ขนาดใหญ่ขึ้น

                      เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Ulthera Prime มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Full HD ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 35% ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างชั้นผิวในระหว่างการรักษาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินและกำหนดตำแหน่งในการยิงพลังงานได้แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถปรับพลังงานได้ตามสภาพผิวแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                      • ระบบประมวลผลที่เร็วขึ้น

                      ด้วยการพัฒนาระบบประมวลผลที่ล้ำสมัย ซึ่งเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Ulthera Prime สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ส่งผลให้การทำหัตถการใช้เวลาน้อยลง ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถรับการรักษาได้อย่างรวดเร็วและมีความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างทำหัตถการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                      • ดีไซน์ใหม่ทันสมัย

                      เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Ulthera Prime ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เรียบหรู และกะทัดรัดมากยิ่งขึ้น ทำให้เหมาะสมต่อการใช้งานใสคลินิกความงามทุกขนาด และสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายหรือจัดวางในพื้นที่ต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพให้กับคลินิกได้อีกด้วย

                       

                      Ulthera Prime แต่ต่างจากรุ่นเดิมอย่างไร
                      Ulthera Prime แต่ต่างจากรุ่นเดิมอย่างไร

                       

                      เทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า แตกต่างกับ Ulthera SPT อย่างไร?

                      Ulthera Prime เป็นรุ่นที่พัฒนาใหม่จาก Ulthera SPT โดยมุ่งเน้นความแม่นยำและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ วางแผนการรักษาแม่นยำมากขึ้น ทำการรักษาได้รวดเร็วขึ้น 20% ทำให้ผลลัพธ์มีความละเอียดและเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเพิ่มความสบายในระหว่างการรักษา ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการยกกระชับผิวอย่างครอบคลุมและปรับให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน

                       

                      รวมข้อดีของเทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า

                      • Ulthera Prime ยกกระชับผิวอย่างล้ำลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด
                      • Ulthera Prime กระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนใหม่ 
                      • Ulthera Prime มีความแม่นยำสูงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
                      • Ulthera Prime ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนานต่อเนื่อง
                      • Ulthera Prime ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก ลำคอ 
                      • Ulthera Prime กระชับรูขุมขนกว้าง ให้ผิวเรียบเนียนอีกครั้ง
                      • Ulthera Prime ยกกรอบหน้าและปรับโครงหน้าให้ชัดเจนขึ้น
                      • Ulthera Prime ใช้ได้กับทุกเฉดสีผิวและทุกปัญหาผิว
                      • Ulthera Prime สามารถปรับให้เหมาะสมกับปัญหาผิวที่แตกต่างกันได้
                      • Ulthera Prime ไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
                      • Ulthera Prime สามารถใช้กับลำคอ เนินอก และส่วนอื่นที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้
                      • Ulthera Prime ผ่านการรับรองจาก US FDA และหน่วยงานความปลอดภัยระดับโลก

                       

                      เทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า ช่วยอะไรบ้าง?

                      • Ulthera Prime ช่วยยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับ
                      • Ulthera Prime ช่วยปรับรูปหน้าและกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น
                      • Ulthera Prime ช่วยลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณคางและลำคอ
                      • Ulthera Prime ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวลึก
                      • Ulthera Prime ช่วยให้ผิวหน้าแข็งแรง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
                      • Ulthera Prime ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและริ้วรอยจางลง
                      • Ulthera Prime ช่วยลดขนาดรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าเนียนละเอียด
                      • Ulthera Prime ช่วยฟื้นฟูผิวที่ไม่สม่ำเสมอจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว
                      • Ulthera Prime ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้ม และมุมปาก
                      • Ulthera Prime ช่วยยกกระชับบริเวณรอบดวงตาและหางตา เพื่อลดปัญหาหนังตาตก
                      • Ulthera Prime ช่วยยกกระชับผิวบริเวณเนินอกเพื่อลดริ้วรอย
                      • Ulthera Prime ช่วยฟื้นฟูผิวหลังน้ำหนักลดหรือหลังคลอด
                      • Ulthera Prime ช่วยชะลอสัญญาณแห่งวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                      • Ulthera Prime ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง

                       

                      Ulthera Prime เหมาะกับใคร
                      Ulthera Prime เหมาะกับใคร

                       

                      เทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า เหมาะกับใครบ้าง?

                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณความหย่อนคล้อยในวัย 30+
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัดเจน
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และร่องแก้ม
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด ต้องการการรักษาที่ใช้เวลาสั้น ไม่ต้องพักฟื้น
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวในระยะยาวแบบยั่งยืน
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ต้องการกระชับรูขุมขนและปรับพื้นผิวหน้าให้เรียบเนียน
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ชายและผู้หญิงทุกช่วงวัยที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้กรอบหน้าดูคมชัดและเป็น V Shape มากขึ้น
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับทุกโทนสีผิว สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโทนสีผิว
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเฉพาะจุด เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือเนินอก
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหลังคลอด แก้ปัญหาผิวหน้าท้องไม่กระชับ
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ต้องการความสะดวกและต้องการการดูแลที่รวดเร็ว
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและฟื้นฟูความเรียบเนียนบริเวณเนินอก
                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ผ่านการลดน้ำหนักหรือศัลยกรรมดูดไขมันมาก่อน

                       

                      เทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท เช่น โรคผิวหนังเรื้อรัง (Psoriasis, Eczema)
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่อาจทำให้เกิดความไวต่อความร้อน
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะฝังในร่างกาย เช่น ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแผลเปิดหรือการติดเชื้อในบริเวณที่จะรักษา
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังบางผิดปกติ เช่น ผิวหนังที่ไวต่อการกระตุ้นหรือการเสียดสี
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยระดับรุนแรงมาก
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดหรือฉีดสารในบริเวณใบหน้ามาก่อน
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการทำเลเซอร์ผิวหรือทรีตเมนต์เข้มข้นมาก่อน
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ต่อพลังงานคลื่นเสียง
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไวต่อแสงหรือความร้อน
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคติดเชื้อบางประเภท เช่น การติดเชื้อไวรัสเริม
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงฟื้นฟูจากการทำศัลยกรรม
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น โรค Scleroderma
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการบวม หรือต่อมน้ำเหลืองผิดปกติในบริเวณใบหน้า
                      • Ulthera Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการหายของแผล เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคที่มีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต

                       

                      Ulthera Prime ทำบริเวณใดได้บ้าง
                      Ulthera Prime ทำบริเวณใดได้บ้าง

                       

                      เทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า สามารถทำบริเวณใดได้บ้าง?

                      • Ulthera Prime สามารถทำบริเวณหน้าผากได้ – ช่วยยกกระชับและลดริ้วรอยบนหน้าผาก
                      • Ulthera Prime สามารถทำบริเวณใต้ตาได้ – ยกกระชับผิวใต้ตาและลดถุงใต้ตา
                      • Ulthera Prime สามารถทำบริเวณหางตาได้ – แก้ปัญหาหางตาตก
                      • Ulthera Prime สามารถทำบริเวณแก้มได้ – กระชับผิวแก้มที่หย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าให้ดูเต่งตึง
                      • Ulthera Prime สามารถทำบริเวณกรอบหน้าได้ – ยกกระชับกรอบหน้าให้ชัดเจนมากขึ้น ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียว
                      • Ulthera Prime สามารถทำบริเวณคางได้ – ยกกระชับบริเวณใต้คาง ลดความหย่อนคล้อยและปัญหาเหนียง
                      • Ulthera Prime สามารถทำบริเวณลำคอได้ – ยกกระชับผิวลำคอที่หย่อนคล้อย
                      • Ulthera Prime สามารถทำบริเวณเนินอกได้ – ช่วยลดริ้วรอย ฟื้นฟูความเรียบเนียน 

                       

                      เปรียบเทียบเทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า กับ เทคโนโลยียกกระชับอื่น

                      • เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Ulthera Prime

                      เป็นเทคโนโลยียกกระชับที่ใช้พลังงาน Focused Ultrasound ซึ่งสามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ได้ โดยชั้นนี้เป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้สำหรับการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นใน 2-3 เดือนหลังทำ และสามารถคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ข้อได้เปรียบของ Ulthera Prime คือมีระบบการแดงชั้นผิวแบบ Full HD ที่ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวขณะทำการรักษา ทำให้พลังงานถูกส่งได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น 

                      • เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า HIFU

                      เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์เช่นกัน ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นใน 1-3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน

                      • เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Thermage

                      ใช้พลังงาน Radiofrequency (RF) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (Dermis) ทำให้ผิวชั้นตื้นดูเรียบเนียนและริ้วรอยลดลง ผลลัพธ์จะเห็นชัดในช่วง 2-6 เดือน และอยู่ได้นาน 12-18 เดือน เทคโนโลยีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและฟื้นฟูผิวในระดับตื้น ข้อดีคือสามารถใช้ได้กับทุกสีผิวและไม่ต้องพักฟื้น แต่ Thermage ไม่สามารถยกกระชับได้ลึกเท่า Ulthera Prime

                      • การร้อยไหม

                      เป็นวิธีที่ใช้ไหมละลายสอดเข้าไปใต้ผิวเพื่อยกกระชับใบหน้า โดยจะให้ผลลัพธ์ทันทีและช่วยปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับไหมที่ใช้ ข้อดีคือสามารถเห็นผลได้ทันที แต่ผู้รับบริการอาจรู้สึกเจ็บในระหว่างทำ และมีโอกาสเกิดแผลหรืออาการบวมหลังทำ

                      • การฉีดโบและฟิลเลอร์

                      เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยหรือเติมเต็มร่องลึกในจุดที่ต้องการ เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือหน้าผาก ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันที แต่จะอยู่ได้นานเพียง 3-12 เดือน และต้องทำซ้ำ ข้อดีคือผลลัพธ์รวดเร็ว แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวในระดับลึก

                       

                      สรุปความแตกต่างเทคโนโลยี Ulthera Primeยกกระชับผิวหน้า  กับ เทคโนโลยียกกระชับอื่น

                      • Ulthera Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับอย่างลึกถึงชั้น SMAS และผลลัพธ์ที่คงทน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก และต้องการการดูแลในระยะยาว
                      • HIFU เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวหย่อนเล็กน้อยและมีงบประมาณจำกัด เหมาะสำหรับคนที่เริ่มมีปัญหาผิว และต้องการการยกกระชับแบบเบาๆ โดยไม่ต้องพักฟื้น
                      • Thermage เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยและฟื้นฟูผิวชั้นตื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็กน้อยและปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน โดยไม่เน้นการยกกระชับลึก
                      • ร้อยไหม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีและปรับรูปหน้าชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับอย่างเร่งด่วน เช่น ก่อนออกงานสำคัญ และต้องการโครงหน้าที่ชัดเจนขึ้น
                      • การฉีดโบและฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาลดเลือนริ้วรอยเฉพาะจุดและต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หน้าผาก หรือการเติมเต็มบริเวณใบหน้า เพื่อความดูดีในระยะสั้น

                       

                      การเตรียมตัวก่อนทำเทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า

                      • ก่อนทำ Ulthera Prime ควรนัดปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิว
                      • ก่อนทำ Ulthera Prime ควรแจ้งประวัติสุขภาพ ยาที่กำลังรับประทานอยู่ หรือการรักษาผิวหน้าที่เคยทำมาก่อน
                      • ก่อนทำ Ulthera Prime พักผ่อนให้เต็มที่ก่อนวันเข้ารับการรักษา ช่วยให้ผิวมีความพร้อมต่อการฟื้นฟู
                      • ก่อนทำ Ulthera Prime งดการออกแดดจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
                      • ก่อนทำ Ulthera Prime งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ก่อนทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
                      • ก่อนทำ Ulthera Prime หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
                      • ก่อนทำ Ulthera Prime งดใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี, โสม, หรือใบแปะก๊วย อย่างน้อย 7 วัน

                       

                      ขั้นตอนการทำเทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า

                      1. แพทย์จะตรวจสอบปัญหาผิวหน้า เช่น ความหย่อนคล้อยของผิว ริ้วรอย และบริเวณที่ต้องการการยกกระชับ
                      2. แพทย์จะประเมินความเหมาะสมของการทำ Ulthera Prime เพื่อกำหนดจุดที่ต้องการรักษา
                      3. ทำความสะอาดผิวหน้า ลบเครื่องสำอาง ครีมบำรุง หรือสิ่งตกค้างบนผิวหน้า อย่างหมดจด เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการรักษา
                      4. แพทย์จะทายาชาเฉพาะที่บริเวณผิวหน้า เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างทำ อาจใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์
                      5. แพทย์จะวาดเส้นหรือจุดบนใบหน้าเพื่อกำหนดบริเวณที่ต้องการยกกระชับ ใช้ตำแหน่งนี้เป็นแนวทางในการส่งพลังงานลงไปอย่างแม่นยำ
                      6. แพทย์จะเริ่มใช้หัวอุปกรณ์ Ulthera Prime ที่ปล่อยพลังงานคลื่น Focused Ultrasound ลงลึกถึงชั้น SMAS
                      7. แพทย์จะรักษาผิวหน้าในจุดที่วางแผนไว้ เช่น หน้าผาก รอบดวงตา แก้ม กรอบหน้า คาง หรือลำคอ
                      8. ระหว่างการรักษา ผู้รับบริการอาจรู้สึกอุ่นหรือกระตุกเบา ๆ บนผิว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าพลังงานกำลังทำงานในชั้นผิว
                      9. หลังทำเสร็จ แพทย์จะตรวจสอบผลลัพธ์เบื้องต้น และทำความสะอาดผิวหน้าอีกครั้ง
                      10. แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลผิวหลังการรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

                       

                      การดูแลหลังทำเทคโนโลยี Ulthera Prime ยกกระชับผิวหน้า

                      • หลังทำ Ulthera Prime งดการโดนแสงแดดจัดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
                      • หลังทำ Ulthera Prime หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์หรือเลเซอร์ เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
                      • หลังทำ Ulthera Prime หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกัดผิว เช่น เรตินอล หรือกรด AHA และ BHA
                      • หลังทำ Ulthera Prime หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือลูบใบหน้าแรง ๆ ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
                      • หลังทำ Ulthera Prime งดการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 1-2 วันแรก
                      • หลังทำ Ulthera Prime งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
                      • หลังทำ Ulthera Prime ควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
                      • หลังทำ Ulthera Prime ควรใช้ครีมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิก แอซิด หรือเซราไมด์

                       

                      คำถามที่ควรรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Ulthera Prime

                      หลังทำ Ulthera Prime ต้องพักฟื้นไหม?

                      • หลังทำ Ulthera Prime สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งผิวอาจมีอาการตึง บวมเล็กน้อย หรือแดงในบางจุด ซึ่งจะหายไปใน 1-2 วัน

                       

                      ผลลัพธ์จากการทำ Ulthera Prime จะเห็นได้เมื่อไหร่?

                      • ผลลัพธ์ Ulthera Prime บางส่วนจะเริ่มเห็นทันทีหลังทำ และจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงที่คอลลาเจนถูกกระตุ้นและสร้างขึ้นใหม่

                       

                      ผลลัพธ์ของ Ulthera Prime อยู่ได้นานแค่ไหน?

                      • ผลลัพธ์ Ulthera Prime สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล

                       

                      ทำ Ulthera Prime กี่ครั้งจึงจะเห็นผล?

                      • โดยปกติ ทำ Ulthera Prime เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอสำหรับการยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน หากต้องการทำซ้ำ ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี

                       

                      Ulthera Prime มีผลข้างเคียงไหม?

                      • หลังทำ Ulthera Prime อาจมีอาการบวม แดง ตึง หรือรู้สึกเสียวในบางจุด แต่เป็นอาการชั่วคราวที่มักหายไปในเวลาอันสั้น หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์

                       

                      สามารถทำ Ulthera Prime ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นได้ไหม?

                      • สามารถทำ Ulthera Prime ร่วมกับเทคโนโลยีอื่น เช่น การฉีดโบ ฉีดฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา และเว้นระยะเวลาที่เหมาะสม

                       

                      Ulthera Prime ต่างจาก การผ่าตัดดึงหน้า อย่างไร?

                      • Ulthera Prime เป็นการยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น ส่วนการผ่าตัดดึงหน้า มีแผลและต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่ผลลัพธ์ชัดเจนกว่ามาก ในกรณีที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยรุนแรง

                       

                      Ulthera Prime เจ็บไหม?

                      • ระหว่างทำ Ulthera Prime อาจรู้สึกอุ่นและตึงใต้ผิว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าคลื่น Ultrasound กำลังทำงาน อย่างไรก็ตาม สามารถใช้ยาชาหรือครีมลดความเจ็บได้

                       

                      สามารถทำ Ulthera Prime ได้บ่อยแค่ไหน?

                      • ควรทำ Ulthera Prime ห่างกันอย่างน้อย 1 ปี เนื่องจากการกระตุ้นคอลลาเจนในผิวต้องใช้เวลาในการสร้างและฟื้นฟู

                       

                      Ulthera Prime เหมาะกับอายุเท่าไหร่?

                      • Ulthera Prime เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ซึ่งมักเริ่มในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป แต่สามารถทำได้ในทุกวัยหากมีปัญหาผิว

                       

                      ทำ Ulthera Prime แล้วผิวหน้าบางลงหรือไม่?

                      • หลังทำ Ulthera Prime ผิวหน้าจะไม่บางลง เนื่องจาก Ulthera Prime ทำงานในชั้นลึกใต้ผิวหนังและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่โดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก

                      Ulthera Prime ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำที่สุดในวงการยกกระชับผิว ด้วยเทคโนโลยียกกระชับ Microfocused Ultrasound ที่ทำงานร่วมกับระบบการแสดงผลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การรักษาแม่นยำ ปลอดภัย และตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความกระชับของผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก และการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์ในระยะยาว ทำให้ Ulthera Prime เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ที่ใส่ใจในความงาม

                      ในปี 2025 นี้ เทคโนโลยี Ulthera Prime ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนรักผิวทั่วโลก และได้รับการยอมรับจากแพทย์เฉพาะทางในด้านความงาม ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อผิวที่ดูดีขึ้นอย่างแท้จริง หากคุณกำลังมองหาวิธีปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย และฟื้นฟูความกระชับของผิวแบบไม่ต้องพักฟื้น Ulthera Prime อาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

                      เพราะความงามไม่ได้มีแค่ในกระจก แต่คือความมั่นใจในตัวเองที่คุณสัมผัสได้ สำหรับใครที่สนใจ สามารถลองปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อเริ่มต้นเส้นทางสู่ผิวที่กระชับและอ่อนเยาว์กับ Ulthera Prime กับรมย์รวินท์คลินิก ได้แล้ววันนี้

                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                        Hybrid Filler คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไร? ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร?

                        Hybrird Filler เติมเต็มผิวไปพร้อมกับกระตุ้นคอลลาเจน

                        Hybrid Filler คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไร? ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร?

                         

                        ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการฉีดฟิลเลอร์ได้ถูกพัฒนาไปอีกขั้น และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยฟิลเลอร์กลุ่มนี้มีชื่อเรียกว่า “Hybrid Filler” ซึ่งสามารถตอบโจทย์ และแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม มาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษที่ผสานส่วนประกอบสำคัญ 2 ชนิด ที่มีความโดดเด่นมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป แต่หลายคนอาจเกิดความสงสัย และยังไม่ทราบว่า Hybrid Filler นั้นคืออะไร? Hybrid Filler ช่วยเรื่องอะไร? และ Hybrid Filler ดีกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร? บทความนี้สรุปข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Hybrid Filler มาให้เรียบร้อยแล้ว

                        Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร? เหมาะกับใครบ้าง?

                         

                        Hybrird Filler คืออะไร
                        Hybrird Filler คืออะไร

                         

                        Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร?

                        Hybrid Filler เป็นเทคโนโลยีฟิลเลอร์เจนใหม่ในวงการแพทย์ ที่มีความพิเศษกว่าฟิลเลอร์ทั่ว ๆ ไป และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยมีการผสมผสานส่วนประกอบสำคัญอย่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เข้าด้วยกัน ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวในเวลาเดียวกัน ซึ่งช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ผิวมีความหนาแน่น และฟื้นฟูผิวในระยะยาว จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ครอบคลุม และตอบโจทย์ปัญหาผิวได้หลากหลาย มากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป

                         

                        ส่วนประกอบของ Hybrird Filler
                        ส่วนประกอบของ Hybrird Filler

                         

                        Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน มีส่วนประกอบสำคัญอะไร?

                        การฉีด Hybrid Filler สามารถให้ 2 ผลลัพธ์ภายในขั้นตอนเดียว ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญ ที่ช่วยให้ Hybrid Filler มีประสิทธิภาพสูงในการเติมเต็ม ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยส่วนประกอบหลัก มีดังนี้

                        Hyaluronic Acid (HA) 

                        • Hyaluronic Acid หรือ HA คือ สารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิวหนัง ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบ HA ในร่างกาย เป็นโมเลกุลน้ำตาลเชิงซ้อน ที่มีชื่อเรียกว่า Polysaccharide ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาความชุ่มชื้น และอุ้มน้ำให้กับผิว ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มักใช้ในฟิลเลอร์ (Filler) ทั่วไป ซึ่งมีความปลอดภัยสูง สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ 

                        Calcium Hydroxyapatite (CaHA)

                        • Calcium Hydroxyapatite หรือ CaHA คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนที่พบได้ตามธรรมชาติ มีโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับแร่ธาตุในกระดูกและฟัน ทำให้สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ โดย CaHA ถูกผลิตขึ้นมาในรูปแบบของ Microspheres ทรงกลมขนาดเล็กมาก จนทำให้ร่างกายตรวจจับได้ยาก ลดโอกาสเกิดปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ซึ่งมีคุณสมบัติในการ กระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ออกฤทธิ์ในการฟื้นฟู และปรับปรุงคุณภาพผิวในระยะยาว ทำให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง หนาแน่น และเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

                         

                        Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน มีหลักการทำงานอย่างไร?

                        เนื่องจาก Hybrid Filler มีส่วนประกอบสำคัญอย่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เมื่อฉีด Hybrid Filler เข้าสู่ผิวหน้า HA จะทำหน้าที่ยกกระชับผิว เติมเต็ม และเพิ่มวอลุ่มให้ผิว เพื่อทดแทนบริเวณที่สูญเสียคอลลาเจน ไขมัน และกระดูกที่ทรุดตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ใบหน้ามีความเรียบเนียน อิ่มฟู และดูอ่อนกว่าวัยทันทีหลังฉีด จากนั้น สาร CaHA จะทำหน้าที่ กระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน ชนิดที่ 1 คอลลาเจน ชนิดที่ 3 และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ รวมทั้ง สร้างเส้นใยคอลลาเจน จนเกิดเป็นโครงสร้างคอลลาเจนที่แน่นหนา ทำให้ผิวดูอิ่มฟู กระชับ และเต่งตึงขึ้น 

                        ดังนั้น ด้วยการทำงานร่วมกันของ 2 กลไกนี้ ทั้ง HA และ CaHA ทำให้ Hybrid Filler สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เพราะนอกจากจะยกกระชับผิวได้แล้ว ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย

                         

                        Hybrird Filler มียี่ห้ออะไรบ้าง
                        Hybrird Filler มียี่ห้ออะไรบ้าง

                         

                        Hybrid Filler มียี่ห้ออะไรบ้าง?

                        ปัจจุบันการฉีด Hybrid Filler กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ดังนี้

                        ยี่ห้อ HArmonyCa Filler

                        • HArmonyCa Filler เป็นสารเติมเต็ม Hybrid Filler ที่พัฒนาโดยบริษัท Allergan Aesthetics จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และความงามระดับโลก โดย HArmonyCa Filler มีส่วนประกอบของ HA ปริมาณ 70% และมี CaHA ปริมาณ 30% รวมทั้ง มี Lidocaine หรือยาชา เป็นส่วนประกอบที่ช่วยลดความเจ็บปวด ทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น เหมาะสำหรับการเติมเต็ม ยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณใบหน้า ทำให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง แน่นกระชับ และยืดหยุ่น สามารถคงประสิทธิภาพได้นาน ถึง 12 – 18 เดือน

                        ยี่ห้อ Neauvia Filler รุ่น Neauvia Stimulate

                        • Neauvia Filler รุ่น Neauvia Stimulate เป็นสารเติมเต็ม Hybrid Filler จากประเทศอิตาลี ผลิตขึ้นมาในปี 2012 และได้รับความนิยมใช้งานอย่างกว้างขวาง ใช้งานกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีส่วนประกอบของ HA ปริมาณ 26% และมี CaHA ปริมาณ 1%  รวมทั้ง มีส่วนประกอบของ L-Proline และ Glycine เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน ในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และดูอ่อนเยาว์ โดยสามารถคงประสิทธิภาพได้นาน ถึง 12 เดือน

                        ยี่ห้อ Neauvia Filler รุ่น Neauvia Hydro Deluxe

                        • Neauvia Filler รุ่น Neauvia Hydro Deluxe เป็นสารเติมเต็ม Hybrid Filler จากประเทศอิตาลี ผลิตขึ้นมาในปี 2012 และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ใช้งานกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีส่วนประกอบของ HA ปริมาณ 18% และมี CaHA ปริมาณ 0.01% รวมทั้ง มีส่วนประกอบของ L-Proline และ Glycine เหมาะสำหรับการเติมเต็มหลุมสิว รูขุมขนกว้าง พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน ในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น หน้าผาก หน้าแก้ม หรือรอบดวงตา ทำให้ผิวอิ่มฟู ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีจากภายใน โดยสามารถคงประสิทธิภาพได้นาน ถึง 6 – 9 เดือน

                         

                        Hybrird Filler ช่วยเรื่องอะไร
                        Hybrird Filler ช่วยเรื่องอะไร

                         

                        Hybrid Filler ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

                        • Hybrid Filler ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ กระตุ้นคอลลาเจน ชนิดที่  3 ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีความสำคัญต่อผิวของเราโดยเฉพาะ
                        • Hybrid Filler ช่วยเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
                        • Hybrid Filler ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึง กระชับ
                        • Hybrid Filler ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ดูอ่อนเยาว์
                        • Hybrid Filler ช่วยปรับกรอบหน้าให้มีความคมชัด ใบหน้าดูมีมิติ
                        • Hybrid Filler ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ดูสดใส
                        • Hybrid Filler ช่วยให้ผิวแข็งแรง เสริมโครงสร้างผิวจากภายใน
                        • Hybrid Filler ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ผิวดูอิ่มฟูมากขึ้น
                        • Hybrid Filler ช่วยลดความหมองคล้ำ ให้ผิวดูกระจ่างใส
                        • Hybrid Filler ช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ใบหน้าดูเด็กลง
                        • Hybrid Filler ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวในระยะยาว

                         

                        Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับใคร?

                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ มีสัดส่วนที่สมดุล
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยบนใบหน้า
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 25 ปี ขึ้นไป คอลลาเจนเริ่มเสื่อมสภาพลงตามอายุ
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างโครงสร้างผิว ให้มีความแข็งแรงจากภายใน 
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าขาดคอลลาเจน ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ใบหน้าขาดมิติ
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว มีปัญหาผิวขาดน้ำ
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง รูขุมขนไม่กระชับ ผิวไม่เรียบเนียน
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว ต้องการเติมเต็มหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น 
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าโทรม ดูอ่อนเพลีย ไม่สดใส
                        • การฉีด Hybrid Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าในระยะยาว

                         

                        Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน ไม่เหมาะกับใคร?

                        • การฉีด Hybrid Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติแพ้สารใน Hybrid Filler ทั้ง HA และ CaHA ควรหลีกเลี่ยง
                        • การฉีด Hybrid Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา เนื่องจากฟิลเลอร์บางยี่ห้อมีส่วนผสมของยาชา
                        • การฉีด Hybrid Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบ หรือติดเชื้อ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
                        • การฉีด Hybrid Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ในช่วงเวลานี้ไปก่อน
                        • การฉีด Hybrid Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ในช่วงเวลานี้ไปก่อน
                        • การฉีด Hybrid Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ปัญหาการแข็งตัวของเลือด เลือดไหลออกง่าย อาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย
                        • การฉีด Hybrid Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย

                         

                        Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน มีข้อดีอย่างไร?

                        • การฉีด Hybrid Filler ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เนื่องจากมีส่วนประกอบ CaHA ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป
                        • การฉีด Hybrid Filler สามารถครอบคลุมปัญหาผิวได้หลากหลาย ไม่เพียงแต่เติมเต็ม และยกกระชับผิว ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ในขั้นตอนเดียว
                        • การฉีด Hybrid Filler มีความปลอดภัยสูง ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงมีความเสี่ยงต่ำในการเกิดอาการแพ้ หรืออักเสบหลังการฉีด Hybrid Filler
                        • การฉีด Hybrid Filler ไม่ต้องมีการพักฟื้น หลังฉีด Hybrid Filler สามารถใช้ชีวิต หรือทำกิจกรรมได้ตามปกติทันที
                        • การฉีด Hybrid Filler เป็นหัตถการที่มีงานวิจัยรองรับ และผ่านการใช้งานมาแล้วจากหลากหลายประเทศทั่วโลก แต่แนะนำให้เลือกยี่ห้อ Hybrid Filler ที่ได้รับจากรับรองจาก อย. ไทยเท่านั้น

                         

                        เทียบให้ชัด Hybrird Filler กับการทำหัตถการอื่นๆ
                        เทียบให้ชัด Hybrird Filler กับการทำหัตถการอื่นๆ

                         

                        เทียบให้ชัด Hybrid Filler แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร?

                        Hybrid Filler VS ฟิลเลอร์ทั่วไป ต่างกันอย่างไร?

                        การฉีด Hybrid Filler และการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งการเข้าใจในความแตกต่าง และจุดเด่นของฟิลเลอร์นั้น ทำให้สามารถเลือกฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม และตอบโจทย์ปัญหามากที่สุด โดย Hybrid Filler และฟิลเลอร์ทั่วไปมีความแตกต่างกัน ดังนี้

                        ฟิลเลอร์ทั่วไป

                        • ฟิลเลอร์ทั่วไป มีส่วนประกอบของ HA เป็นหลักเพียงชนิดเดียว ซึ่งช่วยในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้า ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น อิ่มฟู และดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ได้มีการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และต้องการปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ อีกทั้ง ฟิลเลอร์ทั่วไป จะให้ผลลัพธ์ที่สั้นกว่า Hybrid Filler จึงต้องมีการฉีดซ้ำอยู่บ่อย ๆ 

                        Hybrid Filler

                        • Hybrid Filler เป็นเทคโนโลยีฟิลเลอร์แบบใหม่ ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาจากฟิลเลอร์ทั่วไป โดยมีส่วนประกอบสำคัญระหว่าง HA ร่วมกับ CaHA ซึ่งช่วยในการเติมเต็ม ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวมีความแข็งแรง กระชับ และมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวหน้าเริ่มสูญเสียคอลลาเจน ใบหน้าหย่อนคล้อย และต้องการยกกระชับผิว โดยสามารถให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม และยั่งยืนกว่า รวมถึง คงผลลัพธ์ได้ยาวนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป 

                         

                        Hybrid Filler VS Radiesse VS Sculptra ต่างกันอย่างไร?

                        Radiesse

                        • Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่มีส่วนประกอบหลักของ CaHA เพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีส่วนประกอบของ HA จึงทำหน้าที่ ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้โดยตรง ไม่ได้เน้นเติมเต็ม หรือเพิ่มวอลุ่มให้ผิวเหมือน HA ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะค่อย ๆ เห็นชัดเจนมากขึ้น เมื่อคอลลาเจนเกิดกระบวนการสร้างตัวตามธรรมชาติ ส่งผลให้โครงสร้างผิวแข็งแรง และเกิดการยกกระชับในระยะยาว โดยสามารถคงประสิทธิภาพได้ยาวนานถึง 2 ปี

                        Sculptra 

                        • Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)  ที่มีส่วนประกอบหลักของ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) เพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีส่วนประกอบของ HA เช่นกัน จึงทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหนังได้โดยตรง แต่ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มได้ทันทีเหมือนฟิลเลอร์ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยเป็นค่อยไป ใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือนถึงจะเห็นผล เมื่อคอลลาเจนเริ่มสร้างตัว ผิวจะค่อย ๆ กระชับขึ้นในระยะยาวทั่วทั้งใบหน้า สามารถลดความหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ คงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี 

                        Hybrid Filler

                        • Hybrid Filler เป็นสารเติมเต็ม ที่มีการผสมผสานส่วนประกอบอย่าง HA และ CaHA เข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถเติมเต็ม และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ในขั้นตอนเดียว ให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็ม และยกกระชับผิวจาก HA ได้ทันที และให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้ในระยะยาว ส่งผลให้ผิวแข็งแรง มีความหนาแน่น และดูอิ่มฟูมากขึ้น แต่จะคงผลลัพธ์ได้สั้นกว่า Radiesse และ Sculptra

                         

                        ก่อนฉีด Hybrid Filler ควรเตรียมตัวอย่างไร?

                        ก่อนฉีด Hybrid Filler ควรเตรียมตัวตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

                        • ก่อนฉีด Hybrid Filler งดรับประทานยากลุ่มต้านการอักเสบ ยาแอสไพริน หรือกลุ่มยาที่ส่งผลให้เลือดไหลออกง่าย อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยช้ำ
                        • ก่อนฉีด Hybrid Filler งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 – 2 วันก่อนฉีด เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย และเพิ่มความเสี่ยงในการอักเสบ
                        • ก่อนฉีด Hybrid Filler งดออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 1 วันก่อนฉีด เพื่อลดการไหลเวียนของเลือด
                        • ก่อนฉีด Hybrid Filler นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฉีด Hybrid Filler
                        • ก่อนฉีด Hybrid Filler แจ้งประวัติสุขภาพ รวมถึง ยา และอาหารเสริมที่กำลังรับประทาน เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินความเหมาะสมในการฉีด Hybrid Filler ได้อย่างถูกต้อง
                        • ก่อนฉีด Hybrid Filler หลีกเลี่ยงแต่งหน้าในวันที่ฉีด เพื่อให้ผิวมีความสะอาด พร้อมสำหรับการฉีด Hybrid Filler ลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ

                         

                        การฉีด Hybrid Filler มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

                        • ก่อนเริ่มต้นฉีด Hybrid Filler แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข จากนั้น แพทย์จะวางแผนการฉีดให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
                        • เริ่มการทำความสะอาดผิวในบริเวณที่จะฉีด โดยผิวหน้าจะถูกทำความสะอาดอย่างละเอียด รวมถึงล้างเครื่องสำอางออกทั้งหมด เพื่อป้องกันการติดเชื้อในระหว่างการฉีด
                        • ถึงแม้ Hybrid Filler บางยี่ห้อ จะมียาชาเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ สามารถขอทายาชาในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บลงได้
                        • เข้าสู่ขั้นตอนการฉีด แพทย์จะใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็ก ฉีด Hybrid Filler เข้าไปในบริเวณที่ต้องการแก้ไข โดยในระหว่างที่ฉีด อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยคล้ายกับมดกัด ใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที ขึ้นอยู่บริเวณที่ฉีด
                        • หลังจากฉีด Hybrid Filler เสร็จแล้ว แพทย์อาจมีการนวดบริเวณที่ฉีดเบา ๆ เพื่อปรับรูปทรง และให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
                        • จากนั้น แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลหลังการฉีด Hybrid Filler เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสในบริเวณที่ฉีด งดการแต่งหน้า และงดออกกำลังกายหนัก เป็นต้น เพื่อป้องกันการอักเสบ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

                         

                        หลังฉีด Hybrid Filler ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

                        • หลังฉีด Hybrid Filler หลีกเลี่ยงการจับ กด บีบ หรือขยับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเกิดรอยช้ำ
                        • หลังฉีด Hybrid Filler หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น ออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรืออาบน้ำร้อนจัด อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด เนื่องจากอาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณที่ฉีดได้
                        • หลังฉีด Hybrid Filler งดการใช้เครื่องสำอางบริเวณที่ฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
                        • หลังฉีด Hybrid Filler หลีกเลี่ยงความร้อน หรือการโดนแสงแดดโดยตรง เมื่อออกไปข้างนอก
                        • หลังฉีด Hybrid Filler หากมีอาการบวม สามารถประคบเย็นเบา ๆ ได้
                        • หลังฉีด Hybrid Filler หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง นอนคว่ำ โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเกิดอาการบวม
                        • หลังฉีด Hybrid Filler ควรดื่มน้ำประมาณ 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพดีขึ้น เนื่องจากฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ
                        • หลังฉีด Hybrid Filler งดการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันการเกิดอาการบวมช้ำ
                        • หลังฉีด Hybrid Filler งดเลเซอร์ร้อน อย่างน้อย 1 เดือนหลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว
                        • หลังฉีด Hybrid Filler หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวเริ่มเปลี่ยนสี หรือมีอาการบวมแดงมาก ควรรีบพบแพทย์ทันที

                         

                        ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน

                        เนื่องจาก Hybrid Filler มีส่วนประกอบทั้ง HA และ CaHA ทำให้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ใน 2 ระยะด้วยกัน ดังนี้

                        ผลลัพธ์ทันที

                        • ผลลัพธ์หลังฉีด Hybrid Filler ทันที จะเห็นได้ชัดว่า HA จะช่วยในการเติมเต็ม ยกกระชับผิว และปรับรูปหน้าทันที ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ อิ่มฟู และเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรก

                        ผลลัพธ์ระยะยาว

                        • ผลลัพธ์หลังฉีด Hybrid Filler ในระยะยาว เมื่อ CaHA เริ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินตามธรรมชาติ จะเห็นได้ชัดว่า CaHA จะช่วยในการฟื้นฟูผิว และเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวมีความแน่นกระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึง ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ให้ดูสุขภาพดีจากภายใน ถึงแม้ว่า HA จะสลายตัวไปแล้วก็ตาม

                         

                        คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน

                        ฉีด Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน เจ็บไหม?

                        • การฉีด Hybrid Filler จะให้ความรู้สึกเจ็บเทียบเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป ซึ่งถือเป็นระดับความเจ็บที่ทนได้ แต่โดยส่วนใหญ่ Hybrid Filler จะมียาชาผสมอยู่ ทำให้ลดความรู้สึกเจ็บลง หรือสำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ สามารถขอทายาชาเพิ่มเติมได้

                         

                        ฉีด Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน กี่วันเห็นผล?

                        • หลังฉีด Hybrid Filler สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที โดยเฉพาะในด้านการเติมเต็ม ยกกะชับผิว และปรับรูปหน้า จากนั้น CaHA จะค่อย ๆ เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ ภายใน 1 – 3 เดือนหลังฉีด แต่จะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ประมาณ 6 เดือนหลังฉีด

                         

                        ฉีด Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน อยู่ได้นานไหม?

                        • ระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่หลังฉีด Hybrid Filler นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งยี่ห้อที่เลือกใช้ บริเวณที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การฉีด Hybrid Filler จะสามารถอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ HA ทั่วไป เนื่องจากมีส่วนประกอบของ CaHA ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว

                         

                        ฉีด Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน ปลอดภัยไหม?

                        • การฉีด Hybrid Filler ถือว่ามีความปลอดภัยสูง สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ และไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย จึงลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ หรือการอักเสบ แต่ทั้งนี้ ควรเลือกยี่ห้อ Hybrid Filler ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย เท่านั้น และฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญ รู้เทคนิคในการฉีดโดยเฉพาะ สามารถฉีดถูกชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

                         

                        หลังฉีด Hybrid Filler ยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

                        • หลังฉีด Hybrid Filler อาจมีอาการรอยแดง บวม และปวดระบมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 24 – 48 ชั่วโมงหลังฉีด รวมถึง อาจมีรอยเขียวช้ำในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ หายไป ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่แนะนำให้สังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติ เช่น รู้สึกปวดมากขึ้น, ผิวซีดลง หรือมีตุ่มหนอง ควรรีบพบแพทย์ เพื่อทำรักษาทันที

                         

                        การฉีด Hybrid Filler ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม และให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป ทั้งในด้านการเติมเต็ม ยกกระชับผิว และกระตุ้นคอลลาเจนในขั้นตอนเดียว ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจฉีด Hybrid Filler รมย์รวินท์คลินิก ยินดีให้บริการ และพร้อมให้คำปรึกษา โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง สามารถแก้ไขปัญหา และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และตอบโจทย์มากที่สุด

                        ตรุษจีนนี้ ไม่อยากกินหนัก จนน้ำหนักพุ่ง ทำยังไงดี?

                        ตรุษจีนนี้หุ่นปังไม่ต้องกลัวอ้วน

                        ตรุษจีนนี้ ไม่อยากกินหนัก จนน้ำหนักพุ่ง ทำยังไงดี?

                         

                        ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! ตรุษจีนปีนี้ หุ่นสวยปัง เตรียมรับอั่งเปาตั่วตั่วไก๊ได้เลย ซึ่งเทศกาลตรุษจีน เป็นช่วงเวลาที่หลายคนเพลิดเพลินไปกับอาหารอร่อย ๆ ร่วมกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นขนมเข่ง ขนมเทียน เป็ดย่าง หรือหมูกรอบ ที่เต็มไปด้วยแป้ง ไขมัน น้ำตาล และแคลอรี่ที่สูง ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว หากไม่ได้มีการควบคุมปริมาณอาหารอย่างเหมาะสม แต่ยังไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นเทศกาลไหน ก็สามารถดูแลหุ่นให้สวยเป๊ะ เฮงเฮงตลอดปีได้ง่าย ๆ บทความนี้ มีเคล็ดลับในการกินอาหารช่วงตรุษจีนมาบอก พร้อมแนะนำ 3 โปรแกรมลับ เสิร์ฟหุ่นสวยสับจาก รมย์รวินท์คลินิก บอกได้คำเดียวเลยว่า หุ่นดีกันถ้วนหน้าแน่นอน

                         

                        3 โปรแกรมหุ่นสวยสับ รับตรุษจีน
                        3 โปรแกรมหุ่นสวยสับ รับตรุษจีน

                         

                        ฉลองตรุษจีน หุ่นปัง ไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะมีตัวช่วยจาก รมย์รวินท์

                        เคล็ดลับกินอย่างไร ไม่ให้อ้วนในช่วงตรุษจีน?

                        กินอาหารในปริมาณที่เหมาะสม

                        • เลือกกินอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ตักอาหารแต่พอดี ไม่ควรตักอาหารจนล้น หรือกินอาหารมากเกินความจำเป็น โดยแนะนำให้แบ่งอาหารเป็นจานเล็ก ๆ เพื่อช่วยควบคุมปริมาณการกิน ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น

                        เคี้ยวอาหารช้า ๆ 

                        • เคี้ยวอาหารช้า ๆ ใช้เวลาในการกินให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และไม่กินอาหารเยอะจนเกินไป หากรู้สึกอิ่มแล้ว ควรหยุดกินอาหารทันที ไม่ต้องฝืนกินอาหารจนหมดจาน

                        เน้นกินโปรตีน และผัก

                        • เลือกกินอาหารจำพวกโปรตีนที่ไม่ติดมัน เช่น ไก่ต้ม หรือปลา แทนเนื้อสัตว์ติดมัน เนื่องจากโปรตีนจะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ โดยควรเพิ่มผัก และผลไม้มากขึ้นในจาน เนื่องจากผัก และผลไม้มีกากใยอาหารสูง ที่สำคัญยังได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนอีกด้วย

                        หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด

                        • เลือกกินอาหาร โดยลดปริมาณของมัน และของทอด เช่น หมูกรอบ หมูสามชั้นมิด ไก่ทอด หรือปอเปี๊ยะทอด เนื่องจากอาหารเหล่านี้ เป็นอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลให้น้ำหนักขึ้นได้ง่าย หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริง ๆ แนะนำให้นำหนังออก และเลือกกินแต่เนื้อแทน

                        ควบคุมปริมาณของหวาน

                        • เลือกกินอาหาร โดยการควบคุมปริมาณของหวาน เนื่องจากขนมไหว้ส่วนใหญ่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน มักมีน้ำตาล และแป้งสูง จึงควรจำกัดปริมาณการกิน ไม่ควรกินมากจนเกินไป อีกทั้ง ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน หรือชา แนะนำให้เลือกดื่มน้ำเปล่า หรือชาที่ไม่ใส่น้ำตาลแทน

                         

                        3 โปรแกรม หุ่นสวยสับ พร้อมรับทรัพย์จัดเต็ม

                        Slim & Slender

                        • โปรแกรม Slim & Slender คือ ทางเลือกใหม่ในการลดน้ำหนัก ที่มีสารสำคัญอย่าง เปปไทด์ ที่ออกฤทธิ์เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide 1) ที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ สูงถึง 97% ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญ ในการควบคุมความอยากอาหารของร่างกาย โดยจะเข้าไปชะลอการบีบตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้ ทำให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารช้าลง ส่งผลให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น และลดความอยากอาหารลง นอกจากนี้ ยังเข้าไปกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน (Insulin) จากตับอ่อน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และไม่สูงจนเกินไปอีกด้วย
                        • ข้อดีของโปรแกรม Slim & Slender คือ ช่วยลดความอยากอาหาร ลดการกินจุกจิก พร้อมควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน และยังช่วยปรับพฤติกรรมการกินในระยะยาวได้อีกด้วย

                         

                        วิตามิน Energy Plus

                        • โปรแกรม วิตามินผิว Energy Plus คือ การให้วิตามิน และสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการเผาผลาญเข้าสู่ร่างกาย ผ่านทางหลอดเลือดดำโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้มากถึง 90 – 100% ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับประทานอาหารเสริมทั่วไป เนื่องจากไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในระบบทางเดินอาหาร โดยมีส่วนประกอบสำคัญอย่างเช่น L-carnitine หรือ วิตามิน B Complex ที่จะเข้าไปกระตุ้นอัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และลดการสะสมไขมันส่วนเกิน จึงเหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก และผู้ที่มีปัญหาเรื่องการเผาผลาญ
                        • ข้อดีของโปรแกรม วิตามินผิว Energy Plus คือ ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น พร้อมฟื้นฟู และเสริมสร้างกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย รวมถึง ยังช่วยเติมพลังงาน และลดความรู้สึกอ่อนเพลียได้อีกด้วย

                         

                        Fit Shape Body

                        • โปรแกรม Fit Shape Body คือ เทคโนโลยีกำจัดไขมัน และกระชับสัดส่วน ที่ใช้คลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่มีความถี่สูง 448 kHz ในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกาย พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลือง ทำให้สารอาหาร และออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ ยังกระตุ้นการเผาผลาญระดับเซลล์ กำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกาย ทั้งในชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ทำให้ไขมันเกิดการหดตัว แตกตัว และถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ อีกทั้ง ความร้อนจากพลังงาน ยังส่งตรงถึงชั้นผิวในการกระตุ้นเซลล์ Fibrobalst ให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้หุ่นเฟิร์มกระชับ กำจัดเซลลูไลท์ในทุกระดับชั้นผิว
                        • ข้อดีของโปรแกรม Fit Shape Body คือ ช่วยลดไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพ รวมถึง ยังช่วยลดเซลลูไลท์ ปรับสัดส่วนให้ดูเฟิร์ม กระชับ เรียบเนียน และลดความหย่อนคล้อยของผิวได้อีกด้วย

                         

                        จะเห็นได้ชัดว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้ แค่ปรับพฤติกรรมง่าย ๆ ก็สามารถมีหุ่นดีได้ โดยเน้นการควบคุมอาหาร เช่น กินอาหารในปริมาณที่เหมาะสม เคี้ยวช้า ๆ เน้นโปรตีน และผัก หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด และของหวาน ควบคู่ไปกับการเสริมตัวช่วยจาก รมย์รวินท์คลินิก ได้แก่ โปรแกรม Slim & Slender ที่ช่วยคุมหิว อิ่มไว และโปรแกรม วิตามินผิว Energy Plus ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญ รวมถึง โปรแกรม Fit Shape Body ที่ช่วยกำจัดไขมัน กระชับสัดส่วน ซึ่งทุกโปรแกรมถูกออกแบบมา เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาเกี่ยวกับรูปร่าง ให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับเทศกาล โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักอีกต่อไป 

                        UltraV 10th Anniversary Thank You Party Concert

                        UltraV

                        ROMRAWIN x UltraV Thailand สวยพร้อมรับบัตรคอนเสิร์ตฟรี 

                         

                        บอกแล้วว่าเปิดปีนี้รมย์รวินท์คลินิกไม่มีเว้นว่างแน่นอน ยังคงเสิร์ฟต่อเนื่อง ปีนี้เราจะทำให้คุณทั้งสวยและมีความสุขไปพร้อมๆ กัน 

                         

                        ROMRAWIN x UltraV Thailand ใจดีพร้อมเสิร์ฟความสวย พร้อมความสุขให้กับลูกค้าของรมย์รวินท์คลินิก กับกิจกรรม First Come First-Serve เมื่อซื้อโปรแกรม ULTRACOL หรือโปรแกรม SECRET GLOW SKIN ไม่ว่าจะเป็นทางช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ ก็มีสิทธิ์รับฟรีไปเลย บัตรคอนเสิร์ต UltraV 10th Anniversary Thank You Party Concert ไปเลย แต่ต้องรีบๆ หน่อยนะ เพราะมีจำนวนจำกัด เพียง 18 สิทธิ์ เท่านั้น! 

                         

                        รับฟรี บัตรคอนเสิร์ต UltraV 10th Anniversary Thank You Party Concert

                        พบกับคอนเสิร์ตสุดพิเศษจากศิลปินระดับแนวหน้าของวงการเพลง ไม่ว่าจะเป็น นนท์ ธนนท์ นักร้องเสียงนุ่ม ร้องเพลงเพราะจับจิตจับใจ  ,โอ๊ต ปราโมท พ่อหมีอบอุ่น เจ้าพ่อเพลงฮิตติดท๊อปชาร์ต , ป๊อบ ปองกุล เจ้าพ่อเพลงประกอบละคร ไม่ว่าเพลงไหนก็ดังแบบฉุดไม่อยู่ , B5 เพลงดีทั้งวง แบบที่การีนตีความเริ่ด

                        กลุ่มนักร้องชื่อดังที่จัดคอนเสิร์ตทีไรก็บัตรเต็มทุกที่นั่งไม่เคยเหลือ งานนี้ได้จับพวกเขาทั้งหมดมารวมกันแล้ว ไม่ต้องไปรอกดบัตรที่ไหน คุ้ม ยิ่งกว่าคุ้ม มันเริ่ด ยิ่งกว่าเริ่ด

                         

                        กติกาการได้รับบัตรคอนเสิร์ตไปแบบฟรีๆ ก็ง่ายมากก

                         

                        โปรโมชันพิเศษ ซื้อโปรแกรม ULTRACOL 200 หรือ โปรแกรม SECRET GLOW SKIN 

                        • จำนวน 1  ขวด ราคาเพียง 15,900 บาท จากราคาปกติ 25,000 บาท  (ลูกค้าจะได้รับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 1 ใบ)
                        • จำนวน 2 ขวด ราคาเพียง 30,000 บาท จากราคาปกติ 25,000 บาท (ลูกค้าจะได้รับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 2 ใบ)

                         

                        จากนั้นเข้าไปกรอกข้อมูล พร้อมหลักฐานการชำระเงินในลิ้งก์ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม  https://forms.gle/T75PqbZ2fYiV17rQ6  โดยลูกค้าจะต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนทุกข้อ

                        ทางรมย์รวินท์คลินิกจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับบัตรคอนเสิร์ต UltraV 10th Anniversary Thank You Party Concert ในวันที่ 4 มีนาคม 2568 

                         

                        ร่วมกิจกรรมรับบัตรคอนเสิร์ตฟรี ได้ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2568 จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 

                         

                        หมายเหตุ

                        1. เริ่มกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์ 2568
                        2. เมื่อสั่งซื้อ Program ในกลุ่ม UltraV เช่น Program Ultracol, Program Secret Glow Skin
                        3. คอนเสิร์ตจัดวันที่ 9 มีนาคม 2568 ประตูเปิดเวลา 16.30 น.
                        4. ลงทะเบียนหน้างาน เวลา 15.30 น. และเจ้าหน้าที่ Romrawin จะพาเข้างาน
                        5. สถานที่ Bangkok Convention Center Centara Grand @CENTRALWORD (ชั้น 22)
                        6. ลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์ไม่สามารถเลือกที่นั่งได้ ถ้าเข้าก่อนสามารถเลือกได้ก่อน
                        7. มีอาหารทานเล่นและเครื่องดื่มให้ฟรีภายในงาน
                        8. ในกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถมาเองได้ ต้องนำรูปถ่ายบัตรประชาชนมายืนยันการใช้สิทธิ์แทนกับเจ้าหน้าที่ Romrawin
                        9. บัตรนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้หรือของรางวัลอย่างอื่นได้
                        10. เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่หน้างานอีกครั้ง

                         

                        เปิดตัวระบบประเมินความพึงพอใจภายใต้แคมเปญ Romrawin Follow Up For The Better Result

                        Romrawin Follow Up For The Better Result

                        รมย์รวินท์คลินิก เปิดตัวระบบประเมินความพึงพอใจภายใต้แคมเปญ Romrawin Follow Up For The Better Result มุ่งยกระดับบริการสู่มาตรฐานสากล

                         

                        ความพึงพอใจของลูกค้า คือ หนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดของรมย์รวินท์คลินิก

                        รมย์รวินท์คลินิก ประกาศเปิดตัวระบบประเมินความพึงพอใจภายใต้แคมเปญ Follow Up For The Better Result สำหรับผู้เข้ารับบริการ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการอย่างครอบคลุมในทุกมิติ พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ทั้งฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ทั้งในด้านการรักษา ความสะดวกสบาย และการดูแลอย่างมืออาชีพ เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกค้า โดยผลลัพธ์จากการประเมินจะถูกนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น

                         

                        ระบบประเมินนี้ได้รับการออกแบบให้ครอบคลุมทุกจุดสัมผัสการบริการ ตั้งแต่การติดต่อสอบถามเบื้องต้น การจองบริการ การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลหลังการเข้ารับบริการ

                         

                        ระบบประเมินความพึงพอใจของรมย์รวินท์คลินิกถูกพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพบริการ โดยนำความคิดเห็นของผู้ใช้บริการที่ร่วมแสดงความคิดเห็นทุกท่านมาปรับปรุงกระบวนการทำงานและพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น พร้อมมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ทุกท่านอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ระบบยังแสดงถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจในความต้องการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความไว้วางใจในแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน

                        โดยระบบประเมินนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย ผ่านช่องทาง SMS ของลูกค้าทุกท่าน โดยลูกค้าสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณภาพของบริการ เจ้าหน้าที่ หรือกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

                         

                        Romrawin Follow Up For The Better Result การพัฒนาบริการด้วยข้อมูลจากระบบประเมินความพึงพอใจ

                         

                        ข้อมูลจากระบบประเมินจะช่วยให้ทีมงานเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และนำไปสู่การปรับกลยุทธ์การให้บริการของรมย์รวินท์คลินิกอย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเน้นด้านการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเข้ารับบริการให้กับลูกค้า การแสดงออกถึงความใส่ใจ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจและยกระดับความเชื่อมั่นในตัวรมย์รวินท์คลินิกต่อลูกค้า  เพื่อให้เป็นผู้นำด้านการบริการที่ใส่ใจในทุกมิติการบริการเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากลูกค้าในระดับสากล

                        การประเมินความพึงพอใจในแต่ละด้านเพื่อ The Better Result 

                        • ประเมินด้านการบริการ

                        เพื่อวัดระดับความพึงพอใจในการต้อนรับ ความใส่ใจของทีมงาน พนักงานทุกท่าน ในด้านการดูแลลูกค้าในทุกขั้นตอน

                        • ประเมินความรู้ความเข้าใจ

                        เพื่อตรวจสอบความชัดเจนและความครบถ้วนในการให้ข้อมูลจากพนักงาน รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาต่างๆและการให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้ให้บริการ

                        • ประเมินด้านการรักษา

                        เพื่อประเมินผลลัพธ์และประสิทธิภาพของการเข้ารับบริการทุกชนิด  การดูแลติดตามผลหลังการรักษา รวมถึงความพึงพอใจในผลลัพธ์หลังเข้ารับการรักษา

                        • ประเมินด้านสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก

                        เพื่อตรวจสอบความสะอาด บรรยากาศ และความสะดวกสบายของพื้นที่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

                         

                        ระบบประเมินความพึงพอใจ Follow Up For The Better Result  นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรมย์รวินท์คลินิก ในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพบริการให้ตรงใจยิ่งขึ้น เสียงของลูกค้าทุกท่านมีความหมายในการพัฒนาของเรา ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานการบริการที่ดีที่สุด

                        Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วน เคล็ดลับหุ่นเฟิร์ม

                        Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วน เคล็ดลับหุ่นเฟิร์ม

                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                          Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วน เคล็ดลับหุ่นเฟิร์ม

                          หุ่นไม่เฟิร์ม มีพุง ลดไม่ได้ หัตถการช่วยได้จริงเหรอ? เรียกได้ว่าการมีรูปร่างที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะรูปร่างจะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับตัวเราได้เป็นอย่างดี สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ คนไหนที่กำลังมีปัญหากังวลใจเกี่ยวกับไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ที่ไม่ว่าจะลดยังไงก็เอาไม่ออกสักที หรือมีปัญหาหุ่นไม่กระชับ หุ่นไม่เฟิร์ม วันนี้มาทำความรู้จักกับ Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วน เคล็ดลับหุ่นเฟิร์ม ตัวช่วยลดหุ่น กระชับสัดส่วนที่มาแรงในตอนนี้

                          Fit Shape Body คืออะไร

                          Fit Shape Body หรือ Indiba เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีลดไขมัน กระชับสัดส่วนที่กำลังมาแรงอย่างมากในตอนนี้ โดย Fit Shape Body กระชับสัดส่วน นั้น ออกแบบมาเพื่อช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน สามารถลดไขมันสะสมได้มากถึง 11% โดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ Fit Shape Body ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า มาพร้อมเทคโนโลยี Capacitive Resistive Monopolar Radiofrequency (CRMRF) ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz ที่มีความปลอดภัยสูง และถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์นานกว่า 35 ปี ซึ่งการรักษา Fit Shape Body กระชับสัดส่วน ด้วยการใช้คลื่นวิทยุนั้น ถือเป็นคลื่นความถี่ที่มีความเสถียรในการรักษา ทำให้สามารถรักษาได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น การกำจัดไขมัน การกระชับสัดส่วน ฟื้นฟูเนื้อเยื่อชั้นลึก รวมถึงการบรรเทาอาการปวดตามร่างกาย 

                           

                          Fit Shape Body คืออะไร
                          Fit Shape Body คืออะไร

                           

                          Fit Shape Body ดีอย่างไร?

                          Fit Shape Body ถือเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยดูแลสุขภาพได้อย่างหลากหลายตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจาก Indiba นั้น สามารถแก้ปัญหาได้ถึงระดับเซลล์ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกายให้ทำงานได้ดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการรักษาด้วย Fit Shape Body กระชับสัดส่วน สามารถช่วยอาการต่าง ๆ ได้ ดังนี้

                          • Fit Shape Body ช่วยลดไขมันสะสมใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ช่วยกระชับสัดส่วน และช่วยลดเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้มในทุกจุด
                          • Fit Shape Body ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้ฟื้นฟู ซ่อมแซมตัวเอง อีกทั้งยังกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                          • Fit Shape Body ช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม บำรุงหนังศีรษะ ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม ให้รากผมแข็งแรงขึ้น
                          • Fit Shape Body ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อหลังการผ่าตัด ลดอาการปวด บวมหลังการผ่าตัด
                          • Fit Shape Body ช่วยยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็น บริเวณใบหน้า รอบดวงตา คอ และบริเวณลำตัว
                          • Fit Shape Body ช่วยบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) อาการปวดคอ บ่า ไหล่ 
                          • Fit Shape Body ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อและเซลล์ผิวบริเวณช่องคลอด กระชับช่องคลอด พร้อมลดปัญหาปัสสาวะเล็ด

                           

                          Fit Shape Body ช่วยเรื่องอะไร?
                          Fit Shape Body ช่วยเรื่องอะไร?

                           

                          Fit Shape Body ช่วยเรื่องอะไร?

                          Fit Shape Body เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่มีประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การกระชับผิวหน้า กระชับรูปร่าง กระชับช่องคลอด ปลูกผม รวมถึงปัญหาออฟฟิศซินโดรม นอกจากนี้ Fit Shape Body ยังช่วยดูแลในเรื่อง การกระชับรูปร่างและสัดส่วนได้ ดังนี้

                          • Fit Shape Body ช่วยลดการสะสมไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว และไขมันในช่องท้อง
                          • Fit Shape Body ช่วยลดไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา
                          • Fit Shape Body ช่วยลดความหย่อนคล้อยของผิว ยกกระชับผิวให้เต่งตึง
                          • Fit Shape Body ช่วยกระชับสัดส่วนให้ได้รูปร่างที่ต้องการ
                          • Fit Shape Body ช่วยกำจัดและลดการเกิดเซลลูไลท์ (Cellulite) ใต้ชั้นผิว ลดการเกิดผิวเปลือกส้ม
                          • Fit Shape Body ช่วยเร่งการเผาผลาญของไขมัน และกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย
                          • Fit Shape Body ช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซม และกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว
                          • Fit Shape Body ช่วยฟื้นฟูเซลล์ในร่างกาย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน
                          • Fit Shape Body ช่วยลดอาการปวด บวม ช้ำจากการศัลยกรรม หรือทำหัตถการ
                          • Fit Shape Body ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดความฟกช้ำบริเวณผิวหนัง
                          • Fit Shape Body ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นให้ดูจางลง

                           

                          Fit Shape Body ปลอดภัยไหม? 

                          Fit Shape Body เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุในการปรับสมดุลเซลล์ โดยคลื่นนั้นจะไม่ทำลายเซลล์บริเวณข้างเคียง ช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกาย พร้อมกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกาย กระชับสัดส่วน ช่วยลดไขมัน และลดเซลลูไลท์ส่วนเกิน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง Fit Shape Body ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA จากทั้งประเทศไทย และประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีการจดสิทธิบัตรรับรองถึง 12 สิทธิบัตร และยังได้รับรางวัลในการยอมรับระดับสากลมากมาย ว่า Fit Shape Body เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่เข้ารับบริการ ซึ่ง Indiba เป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์อย่างมากในด้านการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องความงาม หรือการรักษา เนื่องจาก Fit Shape Body เป็นโปรแกรมที่สามารถทำการรักษาได้อย่างครอบคลุมทั่วทั้งร่างกาย

                           

                          Fit Shape Body ทำงานอย่างไร?

                          Fit Shape Body เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz ที่คลื่นความถี่ 0.5 MHz  โดยจะมีระบบโปรไอออนิก (Proionic) ที่จะส่งคลื่นไปที่ชั้นผิวหนังแท้ หรือชั้นผิวลึก ที่มีเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินอยู่ โดยคลื่นวิทยุของ Fit Shape Body จะส่งพลังงานเข้าไปทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างปลอดภัย และเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ที่อยู่ในระดับตื้น และระดับลึก ทำให้ผิวหรือเซลล์บริเวณนั้นถูกฟื้นฟู ซึ่งการรักษาโดย Fit Shape Body จะมี 3 โหมดด้วยกัน ซึ่งแต่ละโหมดนั้น ก็จะเหมาะกับแต่ละบริเวณ และแต่ละปัญหาที่แตกต่างกันไป ดังนี้

                          1. Fit Shape Body มีโหมด Biostimulation เป็นโหมดที่ไม่มีความร้อน ใช้กระตุ้นบริเวณชั้นผิวหนัง ซึ่งคลื่นความถี่วิทยุจะเข้าไปซ่อมแซม ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย และกระตุ้นการสร้างไฟโบรบลาสต์ ให้สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังใหม่ และเรียงตัวได้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวกระชับ กระชับสัดส่วน มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความหย่อนคล้อยได้
                          1. Fit Shape Body มีโหมด Vascularization เป็นโหมดที่ใช้ความร้อนปานกลาง โดยจะความรู้สึกอุ่น ๆ ที่ผิว ซึ่งคลื่นความถี่วิทยุจะเข้าไปกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ใต้ชั้นผิวหนัง ให้เลือดไหลเวียนได้ดี ฟื้นฟูเนื้อเยื่อบริเวณชั้นผิวชั้นลึกให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดบวม กระชับสัดส่วน พร้อมช่วยบรรเทาอาการปวดตามร่างกายได้ดี
                          1. Fit Shape Body มีโหมด Hyperactivation เป็นโหมดที่มีการใช้ความร้อนสูงบริเวณผิว จะให้ความรู้สึกที่อุ่นมากขึ้น ไม่ร้อนจนเกินไป โดยคลื่นความถี่วิทยุจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของกระบวนการเมแทบอลิซึม (metabolism) หรือกระบวนการเผาผลาญของเซลล์เพื่อให้ร่างกายสร้างพลังงานได้ ทั้งยังช่วยดีท็อกซ์ของเสียที่ตกค้างในร่างกาย Fit Shape Body พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน ทั้งยังช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว ฟื้นฟูสุขภาพได้ดี

                           

                          Fit Shape Body ช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน ได้อย่างไร?

                          Fit Shape Body ใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency) 448 kHz ที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดไขมันและกระชับสัดส่วน Fit Shape Body จะส่งคลื่นวิทยุความถี่ 448 kHz ผ่านกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณที่มีการสะสมไขมันอย่างหนาแน่น จากนั้นจะค่อย ๆ เพิ่มอุณหภูมิบริเวณเนื้อเยื่อ ทำให้ไขมันเกิดการหดตัวและแตกตัวและไขมันเหล่านี้จะถูกเผาผลาญ จากนั้นจะถูกกำจัดออกผ่านกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกาย โดยกระบวนการนี้ช่วยลดปริมาณไขมันสะสมในระดับเซลล์ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและไฟฟ้าระหว่างเซลล์ 

                          คลื่นความถี่จาก Fit Shape Body จะช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมส่วนเกินในระดับเซลล์ โดยทำการเพิ่มสารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลล์มากขึ้น ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันลดจำนวนลงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วยกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน และอิลาสตินใหม่ มากขึ้น ทำให้ผิวบริเวณที่ทำยกกระชับ ไม่หย่อนคล้อย กระชับสัดส่วน และ Fit Shape Body ช่วยปรับโครงสร้างเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ลดปัญหาผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับมากยิ่งขึ้น

                           

                          Fit Shape Body กระชับสัดส่วน เหมาะกับใคร ?
                          Fit Shape Body กระชับสัดส่วน เหมาะกับใคร ?

                           

                          Fit Shape Body กระชับสัดส่วน เหมาะกับใคร ?

                          อยากลดไขมัน กระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body by Indiba เทคโนโลยีที่จะช่วยฟื้นฟูเซลล์ภายในร่างกายให้กลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว พร้อมกระตุ้นให้เซลล์ไขมันเสื่อมสภาพลง โดยพลังงานนี้จะไม่ทำให้เซลล์บริเวณรอบ ๆ ถูกทำลาย การลดไขมันกระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body by Indiba เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่าง หรือผู้ที่มีปัญหา ดังนี้

                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยและต้องการกระชับสัดส่วน ต้องการฟื้นฟูผิวให้มีความยืดหยุ่น และยกกระชับให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น
                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีผิวไม่เรียบเนียน ผิวเปลือกส้ม มีเซลลูไลท์ที่เกิดจากไขมันใต้ผิวหนัง
                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีผิวหลวม ผิวไม่แน่น หรือมีร่องริ้วรอย เนื่องจากอายุที่มากขึ้น หรือผิวย้วยจากการลดน้ำหนัก
                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด และต้องการลดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดได้ยาก
                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษารอยแผลเป็น อยากลดรอยแผลเป็นให้จางลง 
                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยและต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์
                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเซลลูไลท์บริเวณต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง
                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีไขมันหน้าท้อง ต้องการลดไขมันส่วนเกิน และกระชับสัดส่วนเฉพาะจุด 
                          • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการเผาผลาญไขมันในร่างกาย สำหรับคนที่ต้องการเร่งการเผาผลาญไขมันและเพิ่มความกระชับให้รูปร่าง

                          สำหรับใครที่อยากจะลดไขมัน กระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาได้ ซึ่งผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Fit Shape Body นั้นก็จะขึ้นอยู่กับปัญหา และรูปร่างของแต่ละบุคคล

                           

                          Fit Shape Body ไม่เหมาะกับใคร ?

                          Fit Shape Body กระชับสัดส่วน เป็นการรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุความถี่ 448 kHz โดยจะมีการใช้พลังงานกระแสไฟฟ้าส่งไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา จึงมีในบางกลุ่มที่อาจจะไม่เหมาะ หรือต้องระวังการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ ดังนี้ 

                          • Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากคลื่นวิทยุอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกได้
                          • Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าในร่างกาย เพราะคลื่นความถี่อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์
                          • Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือด เส้นเลือดโป่งพอง
                          • Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะมะเร็งระยะลุกลาม
                          • Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อเฉพาะที่ หรือมีแผลเปิดบริเวณที่จะทำการรักษา Fit Shape Body

                           

                          Fit Shape Body มีข้อดีอะไรบ้าง ?

                          • Fit Shape Body เป็นคลื่นวิทยุความถี่ 448 kHz ที่เหมาะสมในการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
                          • Fit Shape Body กระชับสัดส่วน สามารถช่วยฟื้นฟู และซ่อมแซมเนื้อเยื่อชั้นลึกได้ และ Fit Shape Body ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดให้ทำงานได้เต็มที่ขึ้น
                          • Fit Shape Body กระชับสัดส่วน หลังทำไม่มีผลข้างเคียงใด
                          • การกระชับสัดส่วน ด้วย Fit Shape Body ไม่เจ็บ และไม่มีบาดแผล 
                          • Fit Shape Body กระชับสัดส่วน ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว
                          • Fit Shape Body กระชับสัดส่วน ช่วยลดอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัด การทำคีโม หรือการบาดเจ็บได้
                          • Fit Shape Body กระชับสัดส่วน สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต พร้อมช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อต่าง ๆ ภายในร่างกาย
                          • Fit Shape Body กระชับสัดส่วน ช่วยลดการเกิดพังผืดหลังการทำศัลยกรรม และช่วยรักษาแผลคีลอยด์

                           

                          ข้อควรระวังในการกระชับสัดส่วน ด้วย Fit Shape Body

                          • การกระชับสัดส่วน Fit Shape Body ในบางโหมดจะมีอุณหภูมิของเนื้อเยื่อ ควรปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้เกิดความร้อนสูงเกินไปที่อาจทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง
                          • การกระชับสัดส่วน Fit Shape Body ไม่ควรทำการรักษานานเกินไปในจุดเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เนื้อเยื่อ หรือเซลล์เกิดความเสียหาย โดยการทำ 1 พื้นที่ ไม่ควรเกิน 60 นาที เพราะอาจจะทำให้เกิดพลังงานสะสมได้
                          • การกระชับสัดส่วน Fit Shape Body ควรหลีกเลี่ยงทำในบริเวณที่มีโลหะในร่างกาย เช่น รากฟันเทียม หรือโลหะจากการผ่าตัด

                           

                          ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ Fit Shape Body

                          ในการทำ Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วนนั้น จะมีการใช้ความร้อนในบริเวณผิวเพื่อลดไขมันสะสมใต้ชั้นผิว อาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดความแดงชั่วคราว หรือเกิดความร้อน และอาการตึงบริเวณผิว เนื่องจากการทำงานของคลื่นวิทยุใน Fit Shape Body กระชับสัดส่วน จะเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ให้ไหลเวียนดีขึ้น

                           

                          เทคโนโลยีไหนบ้าง ที่ช่วยลดไขมันได้
                          เทคโนโลยีไหนบ้าง ที่ช่วยลดไขมันได้ ?

                           

                          เทคโนโลยีไหนบ้าง ที่ช่วยลดไขมันได้ ?

                          การใช้ความเย็นลดไขมัน (Cryolipolysis)

                          เป็นการใช้เทคโนโลยี Cryolipolysis ที่เป็นคลื่นความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในการแช่แข็งและลดไขมันใต้ชั้นผิว กระชับสัดส่วน เช่น บริเวณ หน้าท้อง ข้างลำตัว สะโพก ต้นแขน หรือต้นขา ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายเครื่องที่ใช้ความเย็นในการลดไขมัน เช่น Coolsculpting

                          คลื่นวิทยุ (RF หรือ Radio Frequency)

                          การใช้คลื่นวิทยุ เป็นคลื่นที่ได้รับความนิยมสูงในการกระชับสัดส่วน เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย ที่สามารถช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำลายเซล์บริเวณรอบ ๆ โดยจะทำการเผาผลาญไขมันใต้ชั้นผิว และช่วยกระตุ้นการสร้างและจัดเรียงคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ดี ช่วยลดเซลลูไลท์ ให้ผิวเรียบเนียน เครื่องที่ใช้คลื่นวิทยุในการลดไขมัน เช่น Fit Shape Body

                          คลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound)

                          คลื่นอัลตราซาวนด์ เป็นเทคโนโลยีคลื่นความถี่สูง ที่ช่วยกระชับสัดส่วน และยังช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ โดยไม่ทำลายเส้นเลือดและเส้นประสาทรอบ ๆ พร้อมช่วยลดปัญหาการเกิดเซลลูไลท์ เครื่องที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ในการลดไขมัน เช่น Accent Ultra 

                           

                          Fit Shape Body ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?

                          การกระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล? ซึ่งผลลัพธ์ของการทำ Fit Shape Body จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิว ปริมาณไขมัน และบริเวณที่ทำ โดยในแต่ละบริเวณนั้นก็จะมีจำนวนครั้งที่ไม่เท่ากัน ซึ่ง Fit Shape Body นั้นใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุทำให้มีความเสถียรและความปลอดภัยสูงจึงสามารถทำได้หลายครั้ง ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษา Fit Shape Body ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

                           

                          ทำ Fit Shape Body เจ็บไหม?

                          ในการทำ Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วนนั้น จะมีการใช้โหมดที่มีความร้อนเล็กน้อย ซึ่งจะให้ความรู้สึกอุ่น ๆ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่แสบ ไม่อันตรายต่อผิว จึงทำให้ไม่ต้องแปะยาชา และหลังทำ Fit Shape Body สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ 

                           

                          ลดไขมันด้วย Fit Shape Body ไขมันจะถูกขับออกทางไหน

                          ไขมันที่ถูกทำให้หดและแตกตัวด้วย Fit Shape Body จะถูกเผาผลาญ และถูกขับออกทางกระบวนการขับของเสียของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การปัสสาวะ อุจจาระ โดยไม่ตกค้าง และไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย

                           

                          หลังลดไขมันด้วย Fit Shape Body ไขมันจะกลับมาอีกไหม?
                          หลังลดไขมันด้วย Fit Shape Body ไขมันจะกลับมาอีกไหม?

                           

                          หลังลดไขมันด้วย Fit Shape Body ไขมันจะกลับมาอีกไหม?

                          หลังการลดไขมัน กระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body นั้น มีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาใหม่ เนื่องจากการทำ Fit Shape Body เป็นการลดไขมันเก่าที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิว และไม่สามารถป้องกันการสะสมของไขมันใหม่ได้ หากหลังทำแล้วไม่ดูแลตัวเอง ปรับพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกาย ก็อาจจะทำให้เกิดไขมันใหม่สะสมขึ้นมาได้ ทั้งนี้หากต้องการลดไขมัน ลดน้ำหนัก และลดสัดส่วนให้ได้ผลในระยะยาว ควรทำ Fit Shape Body ควบคู่กับการออกกำลังกาย ทานอาหารให้มีประโยชน์ ลดของมัน ของทอด ของหวาน พักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะช่วยทำให้คุณได้รูปร่างที่สวยงาม และมีสุขภาพที่ดีได้

                           

                          เลือกทำ Fit Shape Body ที่ไหนดี?

                          เลือกทำ Fit Shape Body ที่ไหนดี? การเลือกคลินิกทำ Fit Shape Body นั้นมีหลายปัจจัยอย่างมาก เนื่องจาก Fit Shape Body เป็นเครื่องลดไขมัน กระชับสัดส่วน ที่ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz  จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงใจ ควรพิจารณาคลินิกที่ทำ Fit Shape Body ดังนี้

                          • คลินิกต้องมีความน่าเชื่อถือ และถูกกฎหมาย

                          ควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ตรวจสอบว่าคลินิกมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลและได้รับการรับรองจากหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข และเลือกคลินิกที่มีประสบการณ์ในการให้บริการ Fit Shape Body โดยเฉพาะ

                          • คลินิกต้องมีแพทย์ที่ผ่านการอบรมการทำ Fit Shape Body 

                          คลินิกต้องมีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาต ที่ผ่านการฝึกอบรมในการใช้เครื่อง Fit Shape Body โดยเฉพาะ รวมถึงแพทย์ควรให้คำปรึกษาและประเมินสภาพร่างกายอย่างละเอียดก่อนเริ่มการรักษา

                          • เลือกใช้ Fit Shape Body เครื่องแท้ ตรวจสอบได้

                          เลือกคลินิกที่ใช้ Fit Shape Body ของแท้และได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย และคลินิกที่เลือกใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน มีการบำรุงรักษาเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย

                          • คลินิกมีความสะอาดและมีมาตรฐานความปลอดภัย

                          คลินิกที่ดีควรมีความสะอาดและมีการจัดการตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยในการให้บริการ รวมถึงผู้ให้บริการควรสวมถุงมือในการทำหัตถการทุกครั้ง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ

                          • อ่านรีวิว และสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ Fit Shape Body 

                          ก่อนเลือกคลินิกทำ Fit Shape Body สามารถเข้าดูรีวิวของผู้เข้าใช้บริการ หรืออ่านประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้บริการที่คลินิกก่อน หรือสอบถามทางคลินิกเกี่ยวกับข้อมูล รายละเอียด และราคาของคอร์สก่อนเลือกทำ เพื่อให้ได้คลินิกที่ถูกใจ และมีความสบายใจในการเข้ารับบริการ 

                          • คลินิกมีบริการติดตามผลหลังการรักษา

                          ควรเลือกคลินิกที่ดูแลพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังทำ Fit Shape Body และมีบริการติดตามผล และพร้อมให้คำแนะนำได้ทุกคำถาม

                           

                          Fit Shape Body ราคาเท่าไหร่

                          ราคาของ Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วนนั้น ในแต่ละคลินิกก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไป โดยจะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นในช่วงเวลานั้น ๆ และขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินถึงปัญหา รวมถึงวางแผนการรักษา Fit Shape Body เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

                          Fit Shape Body เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่หลาย ๆ คนต่างให้ความสนใจ นอกจากเป็นเครื่องที่ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz ซึ่งเป็นความถี่ที่ปลอดภัยต่อการฟื้นฟูได้ถึงระดับเซลล์แล้ว ยังช่วยลดไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วน ลดความหย่อนคล้อย ผิวไม่เรียบเนียนได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่สนใจลดไขมัน กระชับสัดส่วน ด้วย Fit Shape Body สามารถเข้ามาปรึกษาและสอบถามได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกช่องทาง

                           

                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                            Oligio ลดแก้ม เก็บเหนียง หน้าเพรียวสวยเกินฟิลเตอร์

                            Oligio ลดแก้ม เก็บเหนียง หน้าเพรียว

                            Oligio ลดแก้ม เก็บเหนียง หน้าเพรียวสวยเกินฟิลเตอร์

                             

                            ผักกาดเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้ อะไรที่ตัวเองใช้ดีก็อยากจะแชร์ให้คนอื่นบ้าง นอกจากเรื่องสกินแคร์และเครื่องสำอาง ก็มีเรื่องการทำหัตถการเกี่ยวกับผิวนี่แหละค่ะ ที่ผักกาดทำแล้วดีก็อยากจะบอก แต่การเลือกทำหัตถการอย่างใดอย่างหนึ่งกับผิวหน้าของเรา ผักกาดก็จะต้องศึกษาก่อนทั้งเรื่องหัตถการที่จะทำกับผิวหน้าของเรา และคลินิกที่ทำจะต้องมีความน่าเชื่อถือมีใบรับรอง เครื่องมือที่ทำจะต้องเป็นของแท้ และคุณหมอที่ทำให้จะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ค่ะ เพราะเราจะลงทุนเรื่องความสวยก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และอีกอย่างหนึ่งคือเราต้องใช้หน้าในการทำงานไปอีกนานค่ะ ผักกาดได้รู้จักกับรมย์รวินท์คลินิก เพราะเขามีหลายสาขาตามห้างสรรพสินค้าที่ผักกาดได้เห็นหน้าร้านอยู่บ่อยๆ และจากคำแนะนำของเพื่อนที่มาทำสวยที่นี่ และมีคุณหมอผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลผิวโดยเฉพาะ ทำให้ผักกาดมั่นใจเลือกรมย์รวินท์คลินิกเป็นผู้ดูแลผิวของผักกาดค่ะ

                             

                            ตอนนี้ผักกาดได้ยินมาว่ามีเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้หน้ายกกระชับและลีนได้ในโปรแกรมเดียว นั่นก็คือ Oligio และที่รมย์รวินท์คลินิกก็มีหัตถการนี้ด้วย วันนี้ผักกาดก็เลยจะมาขอคำปรึกษาจากคุณหมอ และให้คุณหมอช่วยดูแลเรื่องผิวของผักกาดให้ลีน ลด ยก เฟิร์ม ด้วย  Oligio และคุณหมอไข่มุก (พญ.มุกตาภา สนธิอัชชรา) ยังบอกอีกด้วยนะคะว่าหลังทำเสร็จนอกจากความยกกระชับ ความลีนของผิวแล้วยังช่วยมอบ skin quality ที่ดีให้กับผิวได้อีกด้วย ตอนนี้ผักกาดอยากลองแล้วค่ะ 

                             

                            ทำก่อน สวยนาน ป้องกันการหย่อนคล้อยในอนาคต
                            ทำก่อน สวยนาน ป้องกันการหย่อนคล้อยในอนาคต

                             

                            อันดับแรกคุณหมอไข่มุกช่วยวิเคราะห์ผิวให้กับผักกาดด้วยเทคนิคเฉพาะของทางรมย์รวินท์คลินิกที่มีชื่อว่า Lifting Select ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์ผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ได้ตรงกับปัญหาผิวของเรามากที่สุดค่ะ หลังจากที่คุณหมอไข่มุกวิเคราะห์ผิวให้ผักกาดแล้ว คุณหมอเลือกทำ Oligio ให้ผักกาดค่ะ ซึ่ง Oligio เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้ลึกถึงโครงสร้างผิว โดย Oligio จะยิงพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง หรือ  Monopolar RF ที่ทำให้เกิดความร้อนเพื่อช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เกิดการหดตัวและเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวแน่นเฟิร์มมาก ดูยกกระชับขึ้น และพลังงานความร้อนของ Oligio ยังยิงได้ลงลึกถึงชั้นไขมันเพื่อเข้าไปสลายแฟตส่วนเกิน จำพวกแก้มที่ย้อยๆ ห้อยๆ เหนียง คางสองชั้นของผักกาดให้ผิวหน้าดูลีน กรอบหน้าเรียวชัดมากยิ่งขึ้นค่ะ และ Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่มีความปลอดภัยมากเลยค่ะ เพราะ Oligio ได้รับการรับรองจาก US FDA และอย.ไทยด้วยค่ะ และจุดเด่นของ Oligio ก็คือ 

                             

                            ฟื้นฟูลึกถึงโครงสร้าง ทำให้คงผลลัพธ์ได้นาน 6-12 เดือน
                            ฟื้นฟูลึกถึงโครงสร้าง ทำให้คงผลลัพธ์ได้นาน 6-12 เดือน

                            Oligio ลดแก้ม เก็บเหนียง

                            • ให้ความเจ็บน้อยกว่า (Minimize Pain) เพราะ Oligio มีระบบสั่น (Vibration) ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในระหว่างทำการยกกระชับผิวหน้า และ Oligio ยังมีระบบ Cooling System ที่จะปล่อยไอเย็นออกมาในระหว่างทำ เพื่อช่วยปกป้องผิวชั้นนอกไม่ให้สะสมพลังงานความร้อนมากเกินไปจนทำให้ผิวเกิดการไหม้เบิร์น Oligio ยังส่งพลังงานความถี่ลงไปสู่ชั้นผิวลึกเพื่อดึงยกผิวโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ทำให้เมื่อทำ Oligio เสร็จสามารถออกไปใช้ชีวิตต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นเลยค่ะ 
                            • ให้การรักษาได้เร็วมากขึ้น (Faster Treatment) เพราะ Oligio มีการทำงานในฟังก์ชัน Auto จึงทำให้ Oligio สามารถทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว มีความแม่นยำ และปลอดภัย และ Oligio ยังมีหัว Tips ที่มีขนาดกว้าง 4 ซม. ทำให้สามารถครอบคลุมบริเวณที่รักษาได้กว้างมากขึ้น ทำให้การรักษาด้วย Oligio เร็วขึ้นกว่าเดิมค่ะ
                            • มีความปลอดภัย (Safe Treatment) เพราะ Oligio มีระบบที่ช่วยตรวจวัดอุณหภูมิของผิวในบริเวณที่ทำการรักษาได้แบบเรียลไทม์ หรือ Real-Time temperature เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของผิวที่จะเกิดการสะสมความร้อนมากเกิน ป้องกันการเกิดผิวไหม้เบิร์นขณะทำการรักษาด้วย Oligio
                            • ให้ความสะดวกมากขึ้น (Convenience) เพราะ Oligio มีระบบทรีตเมนต์ด้วยกันทั้งหมด 3 โหมด คือ Single / Double / Auto ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษาด้วย Oligio จะประเมิน และเลือกปรับใช้ตามความเหมาะสมกับปัญหาผิวของผู้มาเข้ารับบริการ
                            • ให้ผลลัพธ์ยาวนาน (Long-Lasting Effect) เพราะ Oligio ยิงพลัง Monopolar RF ลงสู่ชั้นผิวเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวให้เกิดการเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้เมื่อทำ Oligio สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน ซึ่งให้ผลลัพธ์การรักษานาน 6 เดือน 

                             

                            ผักกาดบอกเลยค่ะว่าทุกคนควรมาทำ Oligio มากๆ หน้าของผักกาดยกกระชับขึ้น และยังช่วยลดแก้ม เก็บเหนียงให้หน้าเพรียวสวย หน้าลีน ยกกระชับมากยิ่งขึ้น และอย่างที่คุณหมอบอกเลยค่ะว่า Oligio ช่วยสร้าง skin quality ให้ผิว ผักกาดรู้สึกได้เลยว่าผิวของผักกาดเนียนละเอียดขึ้นมากๆ ตอนนี้สวยเนียนแบบไม่ต้องง้อฟิลเตอร์เลยค่ะ ใครที่อยากสัมผัสความหน้าลีน ผิวเฟิร์ม ยกกระชับ ต้องมาลอง Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิกแล้วนะคะ 

                             

                            รีดไขมันส่วนเกิน ผิวแน่นเฟิร์ม ไม่ต้องฉีด
                            รีดไขมันส่วนเกิน ผิวแน่นเฟิร์ม ไม่ต้องฉีด

                             

                            ทำไมต้องมาทำ Oligio ลดแก้ม เก็บเหนียงที่รมย์รวินท์คลินิก

                            • เพราะ Oligio ช่วยเรื่องความยกกระชับของใบหน้า ลดความหย่อนคล้อยของผิว
                            • เพราะ Oligio ช่วยสลายแฟตส่วนเกินบนใบหน้า บริเวณแก้ม เหนียง คางสองชั้นให้สลายไป ทำให้หน้าลีนมากยิ่งขึ้น
                            • เพราะ Oligio ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวทำให้ผิวเฟิร์มกระชับมากขึ้น
                            • เพราะ Oligio ช่วยสร้าง Skin Quality ที่ดีให้ผิว
                            • เพราะ Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิกเป็นเครื่องแท้ ได้รับการรับรองจาก FDA ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และไทย
                            • เพราะ Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิกทำการรักษาโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านการยกกระชับผิว
                            • เพราะ Oligio มอบความลีน ลด ยก เฟิร์มให้ผิวคุณได้ในหนึ่งเดียว

                             

                            ใครที่มีปัญหาผิวไม่ยกกระชับ หรือปัญหาอื่นๆ เชิญมาปรึกษาปัญหากับคูรหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิก ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ

                            พีค มิ้นท์ ฟินแน่เตรียมกรี๊ดอย่างสุดเสียงกับงาน MEET & GREET

                            พีค มิ้นท์

                            สวยแล้วขอฟินต่อ! กรี๊ดสุดเสียง ฟินสุดใจไปกับ “พีค มิ้นท์”

                             

                            Romrawin เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่เป็นสาวสวยสุดฮอต “มิ้น รัญชน์รวี” ในครั้งนี้ก็เล่นเอาชาวด้อม CATBIT กรี๊ดกันไปยกใหญ่ จนเพจแทบแตกแล้วว แต่ Romrawin ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่ายัง..ยังให้ได้อีก เสิร์ฟต่อรัวๆๆ แบบไม่ให้แฟนๆๆ ได้พัก ไม่ต้องรอนาน.. 

                             

                            ไหนๆ ใครอยากรู้แล้วบ้างว่าจะเป็นอะไร Tiktok..Tiktok..เฉลยเลยละกัน!

                            งานนี้ขอเสียงเหล่า CATBIT ของน้องมิ้นท์รัญพรีเซ็นเตอร์คนสวยของ Romrawin หน่อยค่าาาา 

                             

                            Romrawin ขอบอกเลยเหล่า CATBIT ต้องเตรียมตัวกันไว้ให้พร้อม ใครมีนัดขอให้ยกเลิกนัดไปก่อน เพราะงานนี้ความฟิน จิ้น เวอร์! กำลังรอคุณอยู่ คุณ! อาจจะได้เป็นผู้โชคดีได้ 1 ใน 20 ท่าน ที่ได้รับบัตรเข้าร่วมงาน MEET & GREET “พีค & มิ้นท์” ขอบอกว่าความฟินแบบนี้พิเศษแบบนี้เสิร์ฟให้เฉพาะชาว Romrawin เท่านั้น! 

                             

                            ไม่ต้องจิกหมอน ไม่ต้องกลั้นเสียงกรี๊ด ฟินกันให้สุดใจกับ“พีค มิ้นท์”

                             

                            Romrawin ใจดีม๊ากมากก มีรางวัลมาแจกให้กับผู้โชคดีจำนวน 20 ท่าน ได้เข้าร่วมงาน MEET & GREET ครั้งแรกของ “พีค & มิ้นท์” ให้เป็นวันพิเศษสุดฟิน และให้ความประทับใจกับแฟนคลับของทั้งคู่กันไปเลย 

                            เตรียมตัวให้พร้อม และไปอ่านกติกาในการเป็นผู้โชคดีที่ได้ร่วมงามแฟนมีตในครั้งนี้กัน เพราะพลาดไปแล้วขอบอกว่าน่าเสียดายมากๆๆ 

                             

                            First Come First Serve สำหรับผู้โชคดีทั้ง 20 ท่านแรก ที่มียอดซื้อโปรแกรม หรือหัตการใดๆ ก็ได้ของรมย์รวินท์คลินิก โดยจะต้องซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์ของรมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น โดยกำหนดยอดซื้อตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป และจะต้องชำระเต็มจำนวน ในวันที่ 23 มกราคม 68 ถึงวันที่ 31 มกราคม 68 โดยยึดจากลำดับการลงทะเบียนพร้อมอัปโหลดหลักฐานการชำระเงิน และตรวจสอบจาก

                             

                            1. ลำดับการลงทะเบียนที่อัปโหลดหลักฐานการชำระเงิน  
                            2. สลิป วัน-เวลา ที่ชำระเงินผ่านบัตร หรือโอนเงินที่ปรากฏในสลิปทางออนไลน์เท่านั้น 
                            3. ผู้ที่ทำถูกต้องตามกติกาที่ทางรมย์รวินท์คลินิกกำหนด และตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง

                             

                            Link สำหรับส่งหลักฐาน :     https://forms.gle/P4f9cgA2T8VPXaLN8 

                             

                            รมย์รวินท์คลินิก จะอัปเดตรายชื่อผู้โชคดีให้ทราบ ในทุกๆ 3 วัน จนกว่าจะครบจำนวนที่กำหนด และจะประกาศรายชื่อผู้โชคดี 20 ท่านแรก ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่านทาง Facebook Fanpage RomrawinClinic หรือคลิก https://www.facebook.com/RomrawinClinic (หากได้รายชื่อผู้โชคดีครบก่อนวันที่กำหนด จะประกาศรายชื่อให้ทราบก่อนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568)

                             

                            หมายเหตุ : 

                            1. ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจำกัดแค่ 1 ท่าน/สิทธิ์
                            2. ไม่สามารถคืนเงิน หรือเปลี่ยนของรางวัลเป็นเงินสดได้
                            3. ไม่สามารถโอนสิทธิ์รางวัลที่ได้รับให้ผู้อื่นได้
                            4. งานจัดวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568    และลงรับบัตรหน้างาน 12.00 – 13.00 น. (Show Time 14.00 น.)  Phenix Grand Ballroom ชั้น 5
                            5. เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่หน้างานอีกครั้ง

                             

                            งานนี้แฟนคลับของ “พีค-มิ้นท์” และชาว “CATBIT” ห้ามพลาดเลย

                            สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว! เตรียมตัวสวยปัง ในวันสำคัญที่ รมย์รวินท์คลินิก

                            สมรสเท่าเทียม

                            สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว! เตรียมตัวสวยปัง ในวันสำคัญที่ รมย์รวินท์คลินิก

                             

                            ในที่สุดก็เดินทางมาถึงวันนี้ วันที่สมรสเท่าเทียมได้เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ว่า วันที่ความรักของคนทุกเพศได้รับการยอมรับ และคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน เป็นการสิ้นสุดการรอคอยที่แสนยาวนาน และถือเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทย ในการยอมรับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งการมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการให้สิทธิทางกฎหมายแก่คู่รักเพศเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสังคม ลดการเลือกปฏิบัติ และสร้างความเข้าใจในความหลากหลายทางเพศมากยิ่งขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้คู่รักทุกคู่ได้สร้างครอบครัวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับสิทธิ และสวัสดิการต่าง ๆ เช่นเดียวกับคู่รักชายหญิงทั่วไป ที่สำคัญคือ เป็นการยืนยันว่าประเทศไทยโอบรับความรักในทุกรูปแบบอย่างแท้จริง

                             

                            เพราะวันสำคัญของทุกคนมีความหมาย และควรค่าแก่การจดจำ รมย์รวินท์คลินิก เข้าใจดีว่าวันแต่งงาน คือ วันที่พิเศษที่สุดในชีวิต เราพร้อมดูแล และซัพพอร์ตทุกความสวย ให้คุณเปล่งประกาย สะกดทุกสายตา ไม่ว่าคุณจะอยากดูดีลุคไหน ก็สามารถเผยความงามที่แท้จริงได้อย่างมั่นใจ เตรียมตัวสวยสมบูรณ์แบบพร้อมสำหรับวันสำคัญของคุณได้แล้ววันนี้ ที่ รมย์รวินท์คลินิก เท่านั้น บทความนี้ รวบรวมตัวช่วยที่จะทำให้คุณสวยโดดเด่น และมั่นใจที่สุดในวันสำคัญ ฉลองสมรสเท่าเทียมนี้ค่ะ

                             

                            สวย ครบ จบ ดูดีที่สุดในวันสำคัญ
                            สวย ครบ จบ ดูดีที่สุดในวันสำคัญ

                             

                            ฉลองสมรสเท่าเทียม เปิดเคล็ดลับปรับลุคสวยสมบูรณ์แบบ ก่อนแต่งงาน 

                            รวม 6 โปรแกรมสวยครบจบ สะกดทุกสายตา

                             

                            โปรแกรมฉีดโบ จัดการริ้วรอย จบทุกรอยย่น

                            • โปรแกรมฉีดโบ คือ การฉีดสารที่สกัดจากแบคทีเรียถึง 7 ชนิดเข้าสู่ผิวหน้า เพื่อใช้ในการลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้า รวมถึง นำมาใช้ในการรักษาทางการแพทย์ เช่น ลดเหงื่อ รักษาออฟฟิศซินโดรม และรักษาอาการปวดไมเกรนได้อีกด้วย ซึ่งการฉีดโบนั้น จะเข้าไปยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทระหว่างเซลล์ประสาทกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดโบไม่สามารถหดตัวได้ชั่วคราว จึงช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อกราม และลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าได้อย่างตรงจุด เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหางตา และริ้วรอยระหว่างคิ้ว
                            • การฉีดโบ เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย รวมถึง ผู้มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ใบหน้าดูบาน ต้องการให้กรอบหน้าดูเรียวเล็ก 
                            • หลังฉีดโบไปแล้ว ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ ภายใน 3 – 4 วัน แต่จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ภายใน  1 – 2 สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่ ผลลัพธ์จะสามารถคงอยู่ได้ ประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบที่เลือกฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด

                             

                            โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องลึก คืนความอ่อนเยาว์

                            • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าสู่ผิวหน้า เพื่อเติมเต็ม และปรับโครงหน้าให้มีสัดส่วนที่สวยงาม โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเพิ่มปริมาตรให้ผิว ในบริเวณที่สูญเสียคอลลาเจน ไขมัน และกระดูกทรุดตัวลง ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดมีความอิ่มฟู เรียบเนียน ดูมีมิติ และเต่งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณบนใบหน้า ทั้งใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ กรอบหน้า คาง หรือริมฝีปาก โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย
                            • การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก ใบหน้าตอบ ดูโทรม ไม่สดใส และผู้ที่มีสัดส่วนใบหน้าไม่สมดุล ต้องการยกกระชับผิวหน้าให้ดูเต่งตึง รวมถึง ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง หลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน
                            • หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที โดยฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่ และกลมกลืนเข้ากับผิว ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ภายใน 2 – 4 สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่ ผลลัพธ์จะสามารถคงอยู่ได้ ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด 

                             

                            โปรแกรม Ultherapy Prime ยกหน้าชัด ลงลึกถึงชั้น SMAS

                            • โปรแกรม Ultherapy Prime คือ โปรแกรมยกกระชับที่ใช้เทคโนโลยี Micro-Focused Ultrasound ในการส่งพลังงานความร้อน 60 – 70 องศา ลงลึกไปยังชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึง และมีความยืดหยุ่น ซึ่งความพิเศษของ Ultherapy Prime ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ หน้าจอแสดงผลแบบ Real Time มีขนาดใหญ่ขึ้น 35% ทำให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวได้อย่างแม่นยำระหว่างการรักษา และส่งพลังงานในระดับที่เหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ยังมีระบบประมวลผลที่รวดเร็วขึ้น 20% ทำให้ลดระยะเวลาในการรักษา ประหยัดเวลาผู้รับบริการอีกด้วย
                            • การทำ Ultherapy Prime เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึกจากอายุที่มากขึ้น รวมถึง ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด ใบหน้าบาน มีแก้ม และเหนียง
                            • หลังทำ Ultherapy Prime สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ประมาณ 20 – 30% แต่จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ประมาณ 3 เดือน โดยส่วนใหญ่ ผลลัพธ์จะสามารถคงอยู่ได้ ประมาณ 1 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังทำ

                             

                            โปรแกรม Thermage FLX ล็อกหน้าตึง ลดแก้มเหนียง

                            • โปรแกรม Thermage FLX คือ เทคโนโลยียกกระชับ และลดไขมันที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar RF ในการส่งพลังงานความร้อน 45 – 70 องศา เข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ซึ่งสามารถลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิวเป็นวงกว้าง โดยจะเข้าไปแยกโมเลกุลน้ำในชั้นผิวออกจากเส้นใยคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนเดิมที่เสื่อมสภาพเกิดการหดตัวทันที พร้อมกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวดูแน่น กระชับ และปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ พลังงานความร้อนยังเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันสะสม โดยเฉพาะไขมันบริเวณแก้ม และเหนียง ส่งผลให้ใบหน้าเรียวเล็ก กรอบหน้าชัดมากขึ้นอีกด้วย
                            • การทำ Thermage FLX เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก กรอบหน้าไม่ชัดเจน รวมถึง ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด บริเวณแก้ม และเหนียง 
                            • หลังทำ Thermager FLX สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ประมาณ 20% แต่จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ประมาณ 2 – 3 เดือน โดยส่วนใหญ่ ผลลัพธ์จะสามารถคงอยู่ได้ ประมาณ 1 – 2 ปี  ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังทำ

                             

                            โปรแกรม Yag Laser เคลียร์ขน หมดกลิ่น

                            • โปรแกรม Yag Laser คือ เทคโนโลยีกำจัดขนที่ใช้พลังงานแสงเลเซอร์ ที่มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 1064 นาโนเมตร สามารถส่งความร้อนลงลึกได้ถึงรากขน โดยจะเข้าไปทำลายรากขน ทำให้เส้นขนฝ่อ และหยุดการเจริญเติบโตในที่สุด เมื่อเส้นขนหยุดการเจริญเติบโต ขนก็จะค่อย ๆ หลุดร่วงไปตามธรรมชาติ แก้ปัญหาขนคุด รูขุมขนอุดตัน และผิวหนังไก่ได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน กระชับ ลดกลิ่นอับชื้น และเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น 
                            • การทำ Yag Laser เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการกำจัดขน โดยเฉพาะผู้ที่มีเส้นขนหนา และมีสีเข้ม เช่น บริเวณหนวด รักแร้ แขน หรือขา รวมถึง ผู้ที่ต้องการลดเหงื่อ และระงับกลิ่นตัว
                            • หลังทำ Yag Laser สามารถกำจัดขนได้ ประมาณ 20 – 30% ตั้งแต่ครั้งแรก โดยขนจะเริ่มบางลง และหลุดออกไปเอง ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ แนะนำให้ทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 6 – 8 ครั้ง เว้นระยะห่างกัน 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้เส้นขนหลุดออกไปจนหมด

                             

                            โปรแกรม Coolsculpting ลดทุกจุด หยุดส่วนเกิน

                            • โปรแกรม Coolsculpting คือ เทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็น ที่ใช้กระบวนการ Cryolipolysis ในการปล่อยความเย็นระดับจุดเยือกแข็ง อุณหภูมิอยู่ที่ – 11 ถึง – 13 องศา ซึ่งเป็นระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมในการฟรีซเซลล์ไขมันให้แข็งตัว และเข้าสู่ภาวะการตายของเซลล์ (Apoptosis) ในที่สุด หลังจาก เมื่อเซลล์ไขมันถูกทำลาย และตายลง ร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดเซลล์ไขมันเหล่านี้ ผ่านทางระบบน้ำเหลือง และระบบขับถ่าย ซึ่งสามารถเลือกทำเฉพาะจุดได้ เช่น บริเวณเอว หน้าท้อง ปีกหลัง ต้นแขน หรือต้นขา โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดูดไขมัน
                            • การทำ Coolsculpting เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด และผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย รวมถึง ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น และไม่ต้องการการผ่าตัด 
                            • หลังทำ Coolsculpting สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ ประมาณ 27% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ประมาณ 2 – 3 เดือน แนะนำให้ทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

                             

                            ซัพพอร์ตทุกความหลากหลาย สร้างความประทับใจที่สุดในวันสำคัญ ต้อง รมย์รวินท์คลินิก

                            สำหรับใครที่มีแพลนแต่งงาน อยากสวย ดูดี และเปล่งประกายที่สุด รมย์รวินท์คลินิก พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความประทับใจในวันสำคัญของคุณ ด้วยโปรแกรมที่หลากหลาย และครอบคลุม ตั้งแต่การดูแลผิวพรรณ ปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอย ไปจนถึงการดูแลรูปร่าง และสัดส่วน พร้อมด้วยแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญ สามารถให้คำปรึกษา และออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณสวยสมบูรณ์แบบ และมั่นใจที่สุดในวันสำคัญของชีวิต

                            ยกกระชับผิวหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัดด้วย Bar Lift

                            BARLIFT ยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอย ไม่ต้องผ่าตัด

                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                              Bar Lift เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอยแบบไม่ต้องผ่าตัด

                              ในยุคปัจจุบันการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการดูแลผิวหน้าให้กระชับ ไร้ริ้วรอย แบบไม่ต้องเสี่ยงผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน 

                              เทคโนโลยี Bar Lift เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ทันสมัยในการยกกระชับผิวหน้า ที่จะช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น ซึ่ง Bar Lift คือเทคนิคยกกระชับผิวหน้าที่ใช้เครื่องมือที่มีพลังงานในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน

                              บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ตั้งแต่หลักการทำงาน ประโยชน์ และเหตุผลที่ทำให้เทคโนโลยี Bar Lift กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในการดูแลผิวหน้าในปัจจุบัน

                               

                              BARLIFT คืออะไร
                              BARLIFT คืออะไร

                               

                              เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift คืออะไร?

                              เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift เป็นการยกกระชับผิวหน้าโดยใช้เทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจงไปยังชั้นผิว SMAS เพื่อกระตุ้นการหดตัวของเนื้อเยื่อและกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับการยกกระชับผิวหน้าและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยแบบไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์ที่ได้มีความปลอดภัยสูง มีประสิทธิภาพดี อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่มองหาการยกกระชับผิวหน้าอย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาวอีกด้วย

                               

                              การทำงานของ BARLIFT
                              การทำงานของ BARLIFT

                               

                              หลักการทำงานของเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift

                              การทำงานของเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift โดยใช้เทคโนโลยีพลังงาน HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังผิวหนังอย่างแม่นยำ โดยพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์นี้จะถูกโฟกัสให้กระจายลงลึกไปยังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนัง มีบทบาทสำคัญในการพยุงโครงสร้างของผิว

                              เมื่อคลื่นอัลตราซาวนด์ถูกส่งลงไปยังชั้น SMAS จะเกิดการเปลี่ยนพลังงานคลื่นเสียงให้กลายเป็นพลังงานความร้อน ซึ่งความร้อนนี้จะถูกกระจายออกเป็นจุดพลังงานเล็ก ๆ ที่เรียงตัวต่อเนื่องกันในลักษณะรูปแบบเส้น (Linear) บนชั้นผิวหนัง SMAS จุดพลังงานเหล่านี้ช่วยทำให้ชั้นเนื้อเยื่อเกิดการหดตัวในทันที  นอกจากนี้ ความร้อนที่เกิดขึ้นนั้นยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรง แน่นกระชับ แลดูอ่อนเยาว์

                               

                              BARLIFT ช่วยอะไรบ้าง
                              BARLIFT ช่วยอะไรบ้าง

                               

                              เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift ช่วยอะไรบ้าง?

                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงมากขึ้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากอายุหรือการแสดงสีหน้า
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ ได้รูปมากขึ้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ลดปัญหาแก้มที่หย่อนคล้อย คางสองชั้น 
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ลดการสะสมของไขมันบนใบหน้า
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เพิ่มความยืดหยุ่นและผิวกระชับให้กับผิวหน้า
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยดำ และรอยแดง
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ลดขนาดของรูขุมขนกว้าง ให้เรียบเนียนกระชับขึ้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณใบหน้าและลำคอ
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวและทุกวัย

                               

                              ข้อดีของเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift

                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ผลลัพธ์สดใสและกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันปกติได้ทันที
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ยกกระชับใบหน้าและลำคอให้ผิวเต่งตึงมากขึ้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ปรับรูปหน้าให้สมส่วน กรอบหน้าคมชัดขึ้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift กระชับรูขุมขนพร้อมปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เห็นผลลัพธ์ทันทีและต่อเนื่องในระยะยาว
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง ปลอดภัยในระยะยาว
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะสำหรับการยกกระชับหลากหลายบริเวณของร่างกาย
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าที่เกิดจากอายุหรือปัจจัยอื่น ๆ
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ฟื้นฟูผิวหน้าที่หมองคล้ำให้กลับมาสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก ลดริ้วรอยรอบดวงตา
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้

                               

                              ใครบ้างที่เหมาะกับเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift

                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้า กรอบหน้า และลำคอ
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่มีปัญหาเหนียงหรือคางสองชั้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่เริ่มมีริ้วรอยตื้นบริเวณรอบดวงตา ร่องแก้ม หรือหน้าผาก
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift  เหมาะกับ คนที่มีปัญหาร่องใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่ต้องการปรับรูปหน้าและลดเหนียง
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่ต้องการผิวเรียบเนียนและกระจ่างใส
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันทีแบบไม่ต้องพักฟื้น
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับ คนที่กลัวการผ่าตัดหรือกลัวเข็ม

                               

                              ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift

                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ สตรีที่กำลังตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ คนที่เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือด เช่น โรคหัวใจ โรคไต
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ คนที่ใส่อุปกรณ์ไฟฟ้าในร่างกายเ เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ คนที่มีโลหะในร่างกายในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ คนที่มีบาดแผลเปิดหรือแผลผ่าตัดที่ยังไม่หายสนิท
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ คนที่มีแผลเป็นคีลอยด์บริเวณที่ต้องการรักษา
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ คนที่มีการอักเสบของผิวหนังในบริเวณที่ต้องการรักษา
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ คนที่มีเนื้อเยื่อผิวหนังหนาหรือไขมันสะสมมากเกินไป
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับ คนที่มีความไวต่อความรู้สึกหรือประสาทบกพร่อง

                               

                              BARLIFT ทำบริเวณใดได้บ้าง
                              BARLIFT ทำบริเวณใดได้บ้าง

                               

                              เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift ทำบริเวณใดได้บ้าง?

                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณใบหน้า ยกกระชับ ปรับกรอบหน้าได้
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณหน้าผาก ลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณรอบดวงตา ริ้วรอยหางตา และริ้วรอยรอบดวงตา
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณแก้ม ช่วยลดไขมันสะสมที่แก้ม
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณริมฝีปาก และร่องมุมปาก ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณลำคอ ช่วยลดริ้วรอยหย่อนคล้อยที่ลำคอ
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณต้นแขน ช่วยลดไขมัน และกระชับสัดส่วนต้นแขน
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณหน้าท้อง ลดขนาดรอบเอวกระชับขึ้น 
                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณสะโพก ช่วยกระชับสะโพกให้เข้ารูปมากขึ้น

                               

                              BARLIFT กับผลลัพธ์ในแต่ละช่วงวัย
                              BARLIFT กับผลลัพธ์ในแต่ละช่วงวัย

                               

                              เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift ในแต่ละช่วงวัย

                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ในวัย 20-30 ปี

                              ในช่วงวัยนี้ ผิวจะยังคงกระชับและยังมีปริมาณคอลลาเจนอยู่ แต่ในบางคนอาจเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย เนื่องจากการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ฝุ่น แสงแดด มลภาวะ การทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift จะช่วยฟื้นฟูผิว ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต และทำให้ผิวกระชับและดูสดใสขึ้น ซึ่งควรทำปีละ 1-2 ครั้งเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนาน

                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ในวัย 30-40 ปี

                              ในช่วงวัยนี้ ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น เริ่มมีริ้วรอยบางจุด เช่น ริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผาก และบริเวณรอบดวงตา  นอกจากนี้ผิวอาจเริ่มหย่อนคล้อยบริเวณแก้มหรือกรอบหน้า การทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ช่วยลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูโครงสร้างผิว ยกกระชับผิวหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งควรทำปีละ 2-3 ครั้ง หรือปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม

                              • ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ในวัย 40-50 ปี

                              ในช่วงวัยนี้ คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดน้อยลง ทำให้ริ้วรอยลึกและความหย่อนคล้อยชัดเจน การทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ช่วยยกกระชับผิวที่เริ่มหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน ลดเลือนริ้วรอยลึกบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และร่องแก้ม ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ซึ่งควรทำปีละ 3 ครั้งขึ้นไป หรือปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม

                               

                              การเตรียมตัวก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift

                              การเตรียมตัวก่อนทำเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้การยกกระชับผิวหน้าปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยการเตรียมตัว มีดังนี้

                              • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและปรึกษาปัญหาผิว โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
                              • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
                              • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ยาต้านอักเสบ
                              • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าวันที่ไปทำหัตถการ
                              • ก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลหรือวิตามินซี

                              ขั้นตอนการทำเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift

                              1. วิเคราะห์สภาพผิวและปัญหาผิวโดยละเอียดกับแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
                              2. ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift
                              3. แพทย์หรือผู้ช่วยแพทย์ทายาชาลงบนบริเวณผิวที่ต้องการรักษา โดยทาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์เต็มที่
                              4. แพทย์จะใช้หัวอุปกรณ์ของ Bar Lift ที่สามารถส่งคลื่นพลังงานอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ลงไปยังชั้นผิว SMAS ได้อย่างแม่นยำ โดยคลื่นพลังงานจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวหน้าไปพร้อมกัน
                              5. หลังจากยกกระชับผิวหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะตรวจสอบผลลัพธ์เบื้องต้น โดยสามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที 20% และผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ภายใน 2-3 เดือน
                              6. แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหลังทำ เพื่อรักษาผลลัพธ์ของการยกกระชับผิวหน้า

                               

                              การดูแลตัวเองหลังทำเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift

                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ 
                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ควรรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูเร็วขึ้น
                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หลีกเลี่ยงการกดหรือการนวดบนใบหน้า
                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น อบไอน้ำ อบซาวน่า
                              • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift หากมีอาการปวดหรือรู้สึกตึงบริเวณผิว สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้

                               

                              เปรียบเทียบยกกระชับผิวหน้า Bar Lift กับการยกกระชับผิวหน้าแบบอื่น

                              นอกจากเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift แล้ว ยังมีวิธีการยกกระชับผิวหน้าอีกหลากหลายวิธี เช่น Ultherapy, Thermage, HIFU และ Morpheus8 ซึ่งแต่ละเทคนิคมีความแตกต่างกันในเรื่องของเทคโนโลยีและหลักการทำงาน ดังนี้

                              • Ultherapy เป็นการใช้เทคโนโลยีพลังงานอัลตราซาวนด์ความถี่สูง ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก โดยสามารถลงลึกไปถึงชั้นผิวหนัง SMAS ซึ่งช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดความหย่อนคล้อย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                              • Thermage ใช้พลังงานความร้อนในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ด้วยพลังงานคลื่นวิทยุ โดยจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูให้ผิวกระชับขึ้น โดยไม่ทำให้ชั้นผิวโดนทำลาย
                              • HIFU เป็นการใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ที่มีความแม่นยำในการลงสู่ชั้นผิวต่าง ๆ ช่วยให้ผิวหน้าดูยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด และสามารถเห็นผลในระยะเวลาอันสั้นได้
                              • Morpheus8 ใช้เทคโนโลยีการดูแลผิวด้วย Microneedling RF ที่ใช้เข็มขนาดเล็กส่งพลังงานคลื่นวิทยุเข้าสู่ชั้นผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ส่งผลให้ผิวหน้าดูกระชับ เรียบเนียน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

                               

                              คำถามพบบ่อยของเทคโนโลยียกกระชับผิว Bar Lift

                              Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เจ็บไหม?

                              A : การทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift โดยปกติจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่ในบางคนอาจจะรู้สึกอุ่นหรือรู้สึกจี๊ดเล็กน้อยในระหว่างทำยกกระชับผิวหน้า ซึ่งระดับความรู้สึกนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                              Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

                              A : ผลลัพธ์ของการทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift จะเริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์ ซึ่งอาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้งต่อปี เพื่อคงผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย

                              Q : ผลลัพธ์ของยกกระชับผิวหน้า Bar Lift อยู่ได้นานแค่ไหน?

                              A : ผลลัพธ์ของการทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคล

                              Q : หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ต้องพักฟื้นไหม?

                              A : ทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแรง ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ระคายเคืองในช่วง 1-2 วันแรก

                              Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift มีผลข้างเคียงไหม?

                              A : ผลข้างเคียงจากการทำยกกระชับ Bar Lift พบได้น้อยมาก อาจมีรอยแดงหรืออาการบวมเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน

                              Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับคนอายุเท่าไหร่?

                              A : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับคนที่อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีสัญญาณของริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย

                              Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ราคาเท่าไหร่?

                              A : ราคายกกระชับผิวหน้า Bar Lift โดยปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 10,000-50,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำและจำนวนครั้งที่ต้องการทำ

                              Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift มีข้อจำกัดหรือไม่?

                              A : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังในบริเวณที่ต้องการทำ หรือมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจหรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน

                              Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?

                              A : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำร่วมกับหัตถการความงามอื่นได้ เช่น การฉีดโบหรือฟิลเลอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวหน้าอย่างรอบด้าน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความรู้เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

                              Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณร่างกายได้ไหม?

                              A : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณร่างกายได้ เช่น ลำคอ แขน หน้าท้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์

                              ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เป็นเทคโนโลยียกกระชับที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ ที่ต้องการดูแลผิวให้อ่อนเยาว์อย่างปลอดภัยแบบมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน ซึ่งความโดดเด่นของยกกระชับผิวหน้า Bar Lift อยู่ที่การฟื้นฟูผิวจากภายใน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูยกกระชับและเรียบเรียนขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ

                              ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน การยกกระชับผิวหน้าด้วย Bar Lift ก็สามารถปรับให้เหมาะสมกับสภาพผิว และความต้องการเฉพาะบุคคลได้ หากกำลังมองหาคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือและมีความรู้ในการดูแลผิวพรรณ รมย์รวินท์คลินิก พร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์ที่มีความรู้และเครื่องมือที่ทันสมัย มั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด

                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                ฉีดโบลดกรามปรับหน้าเรียว เพื่ออะไร เหมาะกับใคร

                                ปรับหน้าเรียว

                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                  ฉีดโบลดกรามปรับหน้าเรียว ทางเลือกใหม่ของคนอยากหน้า V-Shape

                                  ในยุคที่รูปลักษณ์และความงามมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การมีใบหน้าที่เรียวสวยเป็นเป้าหมายที่หลายคนต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่หรือรูปหน้าไม่สมส่วน ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในการเข้าสังคมหรือในสถานการณ์ต่าง ๆ การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

                                   

                                  การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เป็นวิธีการที่ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม โดยหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการทำหัตถการนี้ไม่เพียงแต่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ยังเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

                                   

                                  บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจทุกแง่มุมของการฉีดโบลดกราม ตั้งแต่ขั้นตอนการฉีดโบลดกราม ข้อดีข้อเสียของการฉีดโบลดกราม ไปจนถึงคำแนะนำในการดูแลหลังการฉีดโบลดกราม เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยในการปรับรูปหน้าให้สวยงาม

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ฉีดถูกจุด ปังกว่าเดิม
                                  ฉีดโบลดกราม ฉีดถูกจุด ปังกว่าเดิม

                                   

                                  โบลดกรามจุดฮิต ปรับหน้าเรียว ทางลัดของคนอยากหน้า V-Shape

                                  จุดฮิตฉีดโบลดกราม ฉีดถูกจุด ปังกว่าเดิม!

                                  1. ขอบกรามด้านล่าง : เป็นการฉีดเน้นบริเวณกล้ามเนื้อที่ขยายใหญ่ขึ้นตรงกรามล่าง มักจะอยู่ตรงแนวกรามทั้งสองข้าง โดยการฉีดโบลดกรามจุดนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อ Masseter (แมสซีเทอร์) เล็กลงและดูผ่อนคลายขึ้น ทำให้บริเวณกรามดูเรียวเล็ก
                                  2. ตำแหน่งกึ่งกลางของกล้ามเนื้อ Masseter : แพทย์จะทำการหาจุดกึ่งกลางของบริเวณกล้ามเนื้อ Masseter (แมสซีเทอร์) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมดุลและสมส่วนที่สุด โดยตำแหน่งนี้จะช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณกรามให้เล็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว คืออะไร?

                                  โบลดกราม ปรับหน้าเรียว คือ การฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ เข้าไปในสู่บริเวณกล้ามเนื้อกราม เป็นวิธีการลดขนาดของกรามเพื่อให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง โดยมุ่งเน้นการฉีดที่กล้ามเนื้อ Masseter (แมสซีเทอร์) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ตรงบริเวณข้างกรามหรือกรามล่างของเรา ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นและกระชับมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน หลังจากนั้นต้องฉีดซ้ำเพื่อนรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ทำงานอย่างไร
                                  ฉีดโบลดกราม ทำงานอย่างไร

                                   

                                  การทำงานของโบลดกราม ปรับหน้าเรียว

                                  การออกฤทธิ์ของโบลดกราม เป็นวิธีการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการฉีดโบเข้าไปที่กล้ามเนื้อ Masseter (แมสซีเทอร์) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อหลักที่ทำให้กรามดูกว้างและใหญ่ การออกฤทธิ์ของโบลดกรามจะทำงานโดยลดขนาดของกล้ามเนื้อในบริเวณนี้ให้เล็กลง ทำให้ใบหน้าดูเรียวและได้สัดส่วนมากขึ้น 

                                   

                                  ขั้นตอนของการออกฤทธิ์ของโบลดกราม

                                  1. โบลดกรามเข้าสู่กล้ามเนื้อ Masseter (แมสซีเทอร์) : หลังจากฉีดโบลดกรามเข้าสู่กล้ามเนื้อ Masseter (แมสซีเทอร์) โดยตรง ที่เป็นกล้ามเนื้อที่ใช้สำหรับบดเคี้ยวอาหาร เมื่อทำการฉีดโบลดกรามเข้าไป จะช่วยยับยั้งการทำงานของสัญญาณประสาทที่ส่งจากสมองจากสมองมาที่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อกรามเกิดการผ่อนคลาย ไม่หดตัวหรือขยายขนาดจนมากเกินไป
                                  2. ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อกรามชั่วคราว : โบลดกรามจะยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท Acetylcholine (อะเซทิลโคลีน) ซึ่งเป็นสารที่ส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อเพื่อทำให้กรามเนื้อหดตัว เมื่อสาร Acetylcholine (อะเซทิลโคลีน) ถูกยับยั้ง กล้ามเนื้อ Masseter (แมสซีเทอร์) จะเริ่มคลายตัวและหยุดการทำงานชั่วคราว ส่งผลลัพธ์ที่ทำให้ขนาดของกล้ามเนื้อค่อย ๆ ลดลง
                                  3. กล้ามเนื้อกรามเริ่มเล็กลง : หลังจากฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียวไป 7-14 วัน จะเริ่มเห็นผลลัพธ์กล้ามเนื้อ Masseter (แมสซีเทอร์) มีขนาดเล็กลง ซึ่งผลมาจากการหยุดหดตัวของกล้ามเนื้อและทำให้เกิดการผ่อนคลายในระยะยาว ทำให้กรามดูเรียวลงมากขึ้น ผลลัพธ์ของโบลดกรามนั้นจะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ กลับมาทำงานอีกครั้ง อาจต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ยาวนานขึ้น

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
                                  ฉีดโบลดกราม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยเรื่องอะไร

                                  การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว มีข้อดีที่หลากหลายด้าน ดังนี้

                                  • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ลดความกว้างของใบหน้าบริเวณกราม
                                  • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ทำให้โครงหน้าดูสมดุล สมส่วนมากขึ้น
                                  • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยให้ใบหน้าดูเล็กลง มีมิติมากขึ้น
                                  • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนหวาน ละมุนมากขึ้น
                                  • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ทำให้รูปหน้าดูสมมาตรมากขึ้น ในกรณีที่กรามสองข้างไม่เท่ากัน
                                  • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยเพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับใคร

                                  การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับกลุ่มคน ดังนี้

                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่มีกรามใหญ่
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่มีใบหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยม
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่มีกรามสองข้างไม่เท่ากัน
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่กล้ามเนื้อกรามเยอะ
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่ต้องการโครงหน้าที่สมส่วนมากขึ้น
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจ
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่มีระยะเวลาจำกัด มีเวลาน้อย
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัด

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับใคร

                                  การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับกลุ่มคน ดังนี้

                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติแพ้สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคที่มีเลือดออกง่าย
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับคนที่ติดเชื้อบริเวณที่ฉีด ควรรักษาให้หายก่อน
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีกรามเล็กอยู่แล้ว
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวหนังบาง

                                   

                                  ข้อดีและข้อจำกัดขอการฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว

                                  ข้อดีของการฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว

                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยปรับหน้าให้เรียวขึ้น
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่ต้องพักฟื้นนาน กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องมีรอยแผลเป็น
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจากอย. ไทย

                                   

                                  ข้อจำกัดของการฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว

                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจเกิดอาการดื้อยาได้
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกประเภท
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการบวม รอยแดง รอยช้ำ
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจมีความเสี่ยงจากการฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
                                  • โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ผลลัพธ์ไม่ถาวร เนื่องจากโบสลายได้เองตามธรรมชาติ

                                   

                                  ยี่ห้อโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เลือกแบบไหนดี

                                  โบลดกรามที่ใช้มีหลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลต่อการออกฤทธิ์ ความปลอดภัย และระยะเวลาในการเห็นผล โดยยี่ห้อโบลดกรามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีดังนี้

                                  โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Allergan

                                  • จุดเด่น : โบหางตายี่ห้อ Allergan เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และผ่านการรับรองจากทั้ง FDA สหรัฐอเมริกา และ อย.ไทย มีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์ได้อย่างแม่นยำตรงจุด ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนอย่างเป็นธรรมชาติ
                                  • ระยะเวลาของผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 7 วัน และเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2 สัปดาห์
                                  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน : โบลดกรามยี่ห้อ Allergan ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
                                  • เหมาะกับ : คนที่ต้องการลดกรามและต้องการผลลัพธ์เปลี่ยนอย่างเป็นธรรมชาติ

                                   

                                  โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Dysport

                                  • จุดเด่น : โบหางตายี่ห้อ Dysport มีขนาดโมเลกุลที่เล็กกว่าโบลดกรามทั่วไป ทำให้กระจายตัวได้ดีและเหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่ต้องการลดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม เหมาะกับคนที่ต้องการให้โบกระจายตัวไปทั่วกล้ามเนื้อเพื่อให้กรามดูเล็กลงแบบเป็นธรรมชาติ
                                  • ระยะเวลาของผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 7 วัน และเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2 สัปดาห์
                                  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน : โบลดกรามยี่ห้อ Dysport ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
                                  • เหมาะกับ : คนที่ต้องการลดกรามที่ให้ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับกล้ามเนื้อใหญ่ที่ต้องการให้โบกระจายตัวได้ดี

                                   

                                  โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Xeomin

                                  • จุดเด่น : มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านความบริสุทธิ์สูง ถูกออกแบบมาให้ปราศจากโปรตีนที่ไม่จำเป็น ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดการดื้อโบ ซึ่งเกิดจากการสะสมของโปรตีนในร่างกายหลังการฉีดหลายครั้ง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดโบลดกรามระยะยาว
                                  • ระยะเวลาของผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 7 วัน และเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2 สัปดาห์
                                  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน : โบลดกรามยี่ห้อ Xeomin ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
                                  • เหมาะกับ : คนที่มีปัญหาริ้วรอยหรือกรามใหญ่ ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงเหมาะกับคนที่ดื้อโบลดกรามอีกด้วย

                                   

                                  โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Nabota

                                  • จุดเด่น : เป็นโบลดกรามเกาหลีที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย เพราะมีการพัฒนาคุณภาพที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก FDA สหรัฐอเมริกาและอย.ไทย นอกจากนี้โบลดกราม ยี่ห้อ Nabota ยังมีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% ซึ่งช่วยให้ลดโอกาสการดื้อโบลดกรามได้ดี
                                  • ระยะเวลาของผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 3 วัน และเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2 สัปดาห์
                                  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน : โบลดกรามยี่ห้อ Nabota ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
                                  • เหมาะกับ : คนที่ต้องการลดกรามอย่างรวดเร็ว และต้องการผลลัพธ์ที่ไว

                                   

                                  โบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Aestox

                                  • จุดเด่น : เป็นโบลดกรามของเกาหลีรุ่นใหม่ที่พัฒนามาให้มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดโอกาสการดื้อโบลดกรามได้ดี ได้รับการรับรองจากอย.ไทย
                                  • ระยะเวลาของผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 7 วัน และเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2 สัปดาห์
                                  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน : โบลดกรามยี่ห้อ Aestox ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
                                  • เหมาะกับ :  คนที่ต้องการโบลดกรามคุณภาพดี ที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ดูแลตัวเองก่อนฉีดอย่างไร
                                  ฉีดโบลดกราม ดูแลตัวเองก่อนฉีดอย่างไร

                                   

                                  การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว

                                  การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดกรามเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อให้การฉีดโบลดกรามมีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงต่าง ๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

                                   

                                  • ก่อนฉีดโบลดกราม ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน มีแพทย์ที่มีความรู้ด้านการฉีดโบ
                                  • ก่อนฉีดโบลดกราม ควรแจ้งข้อมูลของสุขภาพทั้งหมด เช่น การแพ้ยา โรคประจำตัว และ ยาที่รับประทานประจำ 
                                  • ก่อนฉีดโบลดกราม งดยาแก้ปวดประเภทแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือ ยากลุ่มต้านการอักเสบ ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงเกิดรอยช้ำ
                                  • ก่อนฉีดโบลดกราม งดรับประทานอาหารเสริมหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา โสม และแปะก๊วย ประมาณ 5-7 วัน
                                  • ก่อนฉีดโบลดกราม งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัวและเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำ
                                  • ก่อนฉีดโบลดกราม หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า เช่น การผลัดเซลล์ผิวหรือเลเซอร์ 1-2 สัปดาห์
                                  • ก่อนฉีดโบลดกราม ในวันนัดฉีดควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
                                  • ก่อนฉีดโบลดกราม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

                                   

                                  ขั้นตอนการฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว

                                  1. แพทย์จะวิเคราะห์รูปหน้าและประเมินกล้ามเนื้อกราม เพื่อกำหนดปริมาณโบลดกรามและจุดฉีดที่เหมาะสม
                                  2. ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการฉีดโบลดกรามอย่างทั่วถึงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
                                  3. แพทย์จะทำการมาร์กจุดฉีดบนกราม ซึ่งมักจะเป็นตำแหน่งที่กล้ามเนื้อ Masseter หรือกล้ามเนื้อบดเคี้ยว
                                  4. ในบางกรณีแพทย์อาจใช้ยาชาหรือเจลประคบเย็นเพื่อลดบรรเทาความเจ็บปวด
                                  5. แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดโบเข้าไปยังบริเวณที่มาร์กจุดไว้ โดยเข็มจะถูกสอดเข้าไปในกล้ามเนื้อ Masseter ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งระยะเวลาในการฉีดในแต่ละจุดใช้เวลาไม่นาน โดยรวมทั้งหมดใช้ระยะเวลา 20 นาที
                                  6. หลังฉีดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะตรวจสอบใบหน้าของอีกครั้ง เพื่อดูว่าโบลดกรามกระจายตัวในกล้ามเนื้ออย่างเหมาะสม
                                  7. แพทย์จะแนะนำก่อนดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดกราม เพื่อให้โบออกฤทธิ์ได้ดีและปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไร
                                  ฉีดโบลดกราม ดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไร

                                   

                                  การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว

                                  • หลังฉีดโบลดกราม หลีกเลี่ยงการนอนราบหรือนอนตะแคงในช่วง 4-6 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งอื่น
                                  • หลังฉีดโบลดกราม หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่ง หรือ ยกน้ำหนัก
                                  • หลังฉีดโบลดกราม หลีกเลี่ยงการกด นวด หรือถูบริเวณกราม อย่างน้อย 24 ชั่วโมงแรก
                                  • หลังฉีดโบลดกราม งดการอบซาวน่า อบไอน้ำ หรือการแช่น้ำร้อน ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
                                  • หลังฉีดโบลดกราม งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วง 24-48 ชั่วโมง
                                  • หลังฉีดโบลดกราม งดการทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ บริเวณกรามในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
                                  • หลังฉีดโบลดกราม หลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยว เช่น หมากฝรั่ง หรืออาหารแข็งมาก ๆ ในช่วง 3-4 วันแรก
                                  • หลังฉีดโบลดกราม ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพราะจะช่วยให้โบออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                  • หลังฉีดโบลดกราม ควรกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น การยิ้ม ในช่วง 1-2 วันแรก

                                   

                                  คำถามพบบ่อยของการฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว

                                  โบลดกราม ปรับหน้าเรียว อยู่ได้นานแค่ไหน?

                                  • ผลลัพธ์ของการฉีดโบลดกรามจะเริ่มเห็นชัดเจนประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังฉีด และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อของแต่ละคน

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เจ็บไหม?

                                  • การฉีดโบลดกราม จะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจากการถูกเข็มจิ้ม แต่ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการทายาชาหรือประคบเย็นก่อนฉีดเพื่อลดความเจ็บระหว่างทำ

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลถาวร?

                                  • การฉีดโบลดกรามผลลัพธ์ไม่ถาวร สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ แต่หากฉีดต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง โดยห่างกันทุก 4-6 เดือน กล้ามเนื้อกรามอาจเล็กลงถาวร เพราะกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งานจนมีการลดขนาดแบบถาวรได้

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

                                  • ผลข้างเคียงที่อาจพบหลังฉีดโบลดกรามได้ คือ มีอาการบวม หรือรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด และมีอาการตึงบริเวณกรามในช่วงแรก นอกจากนี้ยังสามารถพบอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว หากฉีดโบในปริมาณที่มากเกินไป ได้อีกด้วย

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว มีผลต่อการเคี้ยวอาหารไหม?

                                  • ในช่วงแรกหลังฉีดโบลดกรามอาจรู้สึกเมื่อยหรือเคี้ยวอาหารแข็งได้ยากขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ส่งผลต่อการเคี้ยวในระยะยาว

                                   

                                  หยุดฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว กล้ามเนื้อกรามจะกลับมาใหญ่เหมือนเดิมไหม?

                                  • หากหยุดฉีดโบลดกราม กล้ามเนื้อกรามจะค่อย ๆ กลับมาใหญ่ขึ้นตามการใช้งานปกติ แต่จะไม่ใหญ่ขึ้นกว่าขนาดเดิมก่อนฉีด

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว สามารถทำพร้อมกับหัตถการอื่นได้ไหม?

                                  • สามารถฉีดโบลดกรามควบคู่กับการทำหัตถการอื่นได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์หรือการทำเลเซอร์ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนหัตถการอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อกัน

                                   

                                  ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ความสวยที่มาพร้อมความมั่นใจ

                                  การฉีดโบลดกรามเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยขั้นตอนที่ปลอดภัยและไม่ยุ่งยาก ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าที่ดูเรียวเล็กลง ช่วยเสริมความมั่นใจอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้การเตรียมตัวและการดูแลหลังฉีดมีความสำคัญอย่างมากต่อผลลัพธ์ที่สวยงามและยาวนาน

                                   

                                  ที่สำคัญควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน พร้อมปรึกษาแพทย์ผู้มีความรู้เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความต้องการ เพื่อใบหน้าที่เรียวสวยในแบบที่ต้องการ พร้อมกับความมั่นใจในทุก ๆ วัน เพราะความงามที่ปลอดภัยคือสิ่งสำคัญ การฉีดโบลดกรามจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ

                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                    รมย์รวินท์คลินิกเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่! ตัวแทน New Generation

                                    เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของรมย์รวินท์คลินิก

                                    รมย์รวินท์คลินิกเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่! ตัวแทน New Generation สุดปังที่ทุกคนรอคอย

                                    ใครรอเฉลยอยู่บ้าง? ในที่สุดคำถามที่ทำให้ทุกคนลุ้นกันมานานก็มีคำตอบ! รมย์รวินท์คลินิก ปล่อยข่าวใหญ่สะเทือนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ กับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ที่มีคำใบ้ว่า นักแสดงดาวรุ่งสุดครบเครื่องที่ทั้งเก่ง ทั้งสวย และเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ มีความน่ารัก สวยสดใส และมีความมั่นใจ  กล้าแสดงออก ร้องเด่น เต้นได้ ทั้งยังเป็นนักกีฬา ไม่ว่าจะบทบาทไหนที่ได้รับโอกาส เธอก็สามารถทำออกมาได้ตรงตามคาแรคเตอร์ โดยไม่เคอะเขิน ตรงกับคอนเซ็ปต์ของ Romrawin มากกก

                                     

                                     

                                    ตอนนี้พร้อมเฉลยแล้ววว่าพรีเซ็นเตอร์คนใหม่คนนั้นคือ ..

                                     

                                    “มิ้น รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร” สาวสวย ผิวดี รูปร่างเริ่ด มีดีกรีเป็นทั้งนักแสดง และนักกีฬา ที่ไม่ว่าจะได้รับบทบาทอะไรก็ทำได้เป็นอย่างดี ครบเครื่องและทรงเสน่ห์ที่เป็นที่สะกดทุกสายตา เธอคือตัวแทนของ New Gen ที่มั่นใจในตัวเอง กล้าฝัน กล้าทำ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน

                                     

                                    การที่ รมย์รวินท์คลินิก เลือกสาว มิ้น รัญชน์รวี ในฐานะพรีเซ็นเตอร์นั้น ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความสวยครบเครื่องของเธอเพียงเท่านั้น แต่เธอยังเป็นสาวสมัยใหม่ที่เป็นเหมือนเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่น พลังบวกของคนรุ่นใหม่ และความมุ่งมั่นในการดูแลและพัฒนาตัวเองอย่างครบทุกมิติได้เป็นอย่างดี เธอเป็นตัวแทนของผู้ที่กล้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย พร้อมกับรักษาสมดุลระหว่างการดูแลตัวเองและการทำงานอย่างมืออาชีพ เหมือนกับแนวทางของรมย์รวินท์คลินิกที่เน้นความงามในทุกๆด้าน รวมทั้งการดูแลตัวเอง จากภายนอกและภายใน

                                     

                                    เปิดตัว Presenter คนใหม่ของรมย์รวินท์คลินิก
                                    เปิดตัว Presenter คนใหม่ของรมย์รวินท์คลินิก

                                    เฉลยกิจกรรมทายพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของรมย์รวินท์คลินิก

                                     

                                    รมย์รวินท์คลินิกขอเฉลยรายชื่อผู้โชคดี ที่จะได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ iPhone 16 Pro Max, ipad, Apple Watch, Oligio, Laser  Hair Removal, P White, Acne Clear, IV Drip – IV Blink  มูลค่ากว่า 500,000 บาท ทาง Facebook Fan Page Romrawin Clinic 

                                     

                                    ตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีที่ร่วมเล่นกิจกรรมทายชื่อพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ได้ที่ Facebook Fan Page : https://www.facebook.com/RomrawinClinic พร้อมทักแสดงตัวได้ทาง LINE : https://bit.ly/Romrawinclinic ช่องทางเดียวเท่านั้น 

                                     

                                    *ทีมงานขอสงวนสิทธิ์ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำถูกกติกาทุกข้อเท่านั้น

                                    *คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุดเท่านั้น

                                    *เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด

                                     

                                    เตรียมพบกับกิจกรรมต่างๆสุดพิเศษที่ มิ้น รัญชน์รวี จะมีร่วมกับรมย์รวินท์คลินิก

                                     

                                    ห้ามพลาด! พบกับกิจกรรมพิเศษที่จะเกิดขึ้นระว่าง มิ้น รัญชน์รวี X Romrawin Clinic พร้อมกับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ อย่างยิ่งใหญ่ ในงาน Grand Opening Event พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษพร้อมจิ้น ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นี้ ที่สยามพารากอน ชั้น 1

                                    พร้อมร่วมเดินทางในเส้นทางใหม่ๆของรมย์รวินท์คลินิก ไปกับ มิ้น รัญชน์รวี ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ที่จะสร้างความประทับใจในทุกแคมเปญ 

                                    ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทุกช่องทางของ รมย์รวินท์คลินิก แล้วมาร่วมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สวยสมบูรณ์แบบไปด้วยกัน

                                    หมอออย หมอริว เปิดตัว Ultherapy Prime อย่างยิ่งใหญ่

                                    เปิดตัว Ultherapy Prime

                                     หมอออย หมอริว เปิดตัว Ultherapy Prime อย่างยิ่งใหญ่ ยกกระชับผิวหน้าแบบเหนือระดับ บุกใจกลางกรุงฯ และทุกภูมิภาคในประเทศไทย

                                     

                                    รมย์รวินท์คลินิก พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการความงามด้วยโปรแกรม Ultherapy Prime ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าและปรับรูปหน้าให้เรียวได้ดั่งใจโดยไม่ต้องศัลยกรรม โปรแกรมนี้ช่วยลดความเจ็บปวดที่เคยมี และยังให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ช่วยให้ทุกคนได้สัมผัสกับความงามในแบบที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริง

                                     

                                    งานนี้นำทีมโดย คุณหมอริว-นพ. อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน และ คุณหมอออย-พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการรักษา คุณหมอทั้งสองพร้อมวิเคราะห์ปัญหาผิวและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ

                                     

                                     หมอออย หมอริว เปิดตัว Ultherapy Prime อย่างยิ่งใหญ่
                                    เปิดตัว Ultherapy Prime

                                    เล่นใหญ่ จัดเต็ม เสิร์ฟให้สุด! ทั่วกรุงเทพฯ และภูมิภาคทั่วประเทศไทย

                                    รมย์รวินท์คลินิก พร้อมให้บริการในทุกย่านของกรุงเทพฯ ครอบคลุมทั้งเขตธุรกิจและชุมชน ด้วยสาขาที่ตั้งอยู่ในจุดสำคัญ เพื่อมอบความสะดวกสบายให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ระดับพรีเมียม

                                     

                                    รมย์รวินท์คลินิกไม่ได้หยุดเพียงแค่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังพร้อมนำ Ultherapy Prime ออกเดินทางไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย กับ Road Trip สุดพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด จุดหมายปลายทางหลัก ได้แก่ 

                                    • เมืองพัทยา เมืองแห่งสีสัน พร้อมเติมเต็มความงามที่สมบูรณ์แบบ
                                    • ภูเก็ต สวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่คู่ควรกับเทคโนโลยีความงาม
                                    • ขอนแก่น ศูนย์กลางของภาคอีสานที่เชื่อมต่อความงามสู่ทุกพื้นที่
                                    • เชียงใหม่ เมืองแห่งเสน่ห์ล้านนา พร้อมบริการยกกระชับระดับโลก

                                     

                                     หมอออย หมอริว เปิดตัว Ultherapy Prime อย่างยิ่งใหญ่
                                    เปิดตัว Ultherapy Prime

                                    Ultherapy Prime เทคโนโลยีใหม่แห่งการยกกระชับ

                                    สัมผัสเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งการยกกระชับกับโปรแกรม Ultherapy Prime ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอย และความไม่กระชับของผิว ซึ่งเทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความถี่สูง ที่สามารถส่งพลังงานลึกลงไปในชั้นผิว SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวจากภายในโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าและคืนความอ่อนเยาว์ให้กับตัวเอง พร้อมให้คุณมั่นใจได้กับผลลัพธ์ที่ ชัดเจน ปลอดภัย และยาวนาน

                                     

                                     หมอออย หมอริว เปิดตัว Ultherapy Prime อย่างยิ่งใหญ่
                                    เปิดตัว Ultherapy Prime

                                     

                                    จุดเด่นของ Ultherapy Prime ที่โดดเด่นกว่าใคร

                                    หน้าจอแสดงผล Full HD ขนาดใหญ่ขึ้น

                                    • Ulthera Prime มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Full HD ที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ช่วยให้แพทย์มองเห็นรายละเอียดของโครงสร้างชั้นผิวได้ชัดเจนในทุกขั้นตอนการรักษา การออกแบบนี้ทำให้สามารถประเมินตำแหน่งและปรับการส่งพลังงานได้อย่างแม่นยำ พร้อมตอบโจทย์ทุกสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

                                    ระบบประมวลผลที่เร็วขึ้น

                                    • ด้วยการพัฒนาระบบประมวลผลที่ล้ำสมัย Ultherapy Prime ทำงานได้เร็วขึ้นถึง 20% ช่วยลดระยะเวลาในการรักษาได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ การประมวลผลที่รวดเร็วยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำหัตถการ ช่วยให้ประสบการณ์การรักษานั้นราบรื่นยิ่งขึ้น

                                    ดีไซน์ใหม่ทันสมัย

                                    • การออกแบบที่เน้นความทันสมัยของ Ultherapy Prime ทำให้เครื่องมีดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ยังคงความหรูหรา พร้อมขนาดที่กะทัดรัดเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในทุกคลินิก ตั้งแต่คลินิกขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ความสะดวกในการเคลื่อนย้ายและติดตั้งทำให้สามารถใช้งานได้ในทุกพื้นที่ พร้อมยกระดับภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและทันสมัยให้กับคลินิกได้ในทันที

                                    ผลลัพธ์ชัดเจนทันที

                                    • หลังจากทำ Ultherapy Prime ครั้งแรก จะสัมผัสได้ถึงการยกกระชับที่ชัดเจนในทันที โดยผิวหน้าจะดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดเลือนลง และโครงหน้าดูชัดเจนมากขึ้น ผิวจะแลดูอ่อนเยาว์และสดใส พร้อมทั้งมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

                                    คงผลลัพธ์ยาวนาน

                                    • ผลลัพธ์จากการยกกระชับด้วย Ultherapy Prime สามารถคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและการดูแลผิวหลังทำ ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องทำซ้ำบ่อยครั้ง ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย พร้อมมอบผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและคุ้มค่าในระยะยาว ทั้งนี้ หากดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย

                                     

                                     หมอออย หมอริว เปิดตัว Ultherapy Prime อย่างยิ่งใหญ่
                                    เปิดตัว Ultherapy Prime

                                     

                                    ทำไมต้องเลือกโปรแกรม Ultherapy Prime ที่รมย์รวินท์คลินิก?

                                    • ทีมแพทย์มืออาชีพ
                                      ทุกขั้นตอนการดูแลดำเนินการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางในด้านการยกกระชับและปรับรูปหน้า จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ตรงตามความคาดหวัง
                                    • เทคโนโลยีมาตรฐานโลก
                                      รมย์รวินท์คลินิกใช้เครื่อง Ultherapy Prime ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองในระดับสากล ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
                                    • การดูแลเฉพาะบุคคล
                                      รมย์รวินท์คลินิกเข้าใจว่าความต้องการของแต่ละคนแตกต่างกัน ทีมแพทย์ของเราจึงให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัญหาเฉพาะบุคคล และออกแบบการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์คุณที่สุด
                                    • เครือข่ายสาขาทั่วประเทศ
                                      ด้วยสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย คุณจึงสามารถเข้าถึงบริการความงามระดับพรีเมียมได้ง่ายและสะดวก ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน

                                    รมย์รวินท์คลินิกพร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการยกกระชับผิวหน้าที่ดีที่สุด เพราะเรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบความมั่นใจและความงามในแบบที่เป็นตัวคุณเอง เราพร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับทุกคนทั่วไทย ตั้งแต่ใจกลางกรุงเทพฯ ไปจนถึงทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

                                     

                                    Romrawin x HArmonyCa งานเปิดตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Grand Launch Event

                                    Romrawin x HArmonyCa

                                    Romrawin x HArmonyCa งานเปิดตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Grand Launch Event

                                     

                                    รมย์รวินท์คลินิก และ Allergan Aeshetics ประเทศไทย จัดงานเปิดตัว HArmonyCa™ (HACa) สุดยิ่งใหญ่แห่งปี 2025 เทคโนโลยีความงามที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผิว ด้วยหัตถการรูปแบบฉีดที่ผสาน 2 คุณสมบัติเด่นไว้ในตัวเดียว ทั้ง ยกกระชับผิวทันที และ ฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว เพื่อผิวเฟิร์มแน่นและดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2568 ณ ห้อง Magnolia Ballroom ที่โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok ที่ผ่านมา โดยได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามทั้งในประเทศและระดับโลก

                                     

                                    ซึ่งงานนี้ ทางรมย์รวินท์คลินิกนำโดยทีมแพทย์ชั้นนำ ได้แก่ หมอฐา, หมอแพร, หมอบาส และหมอแบงค์ ได้เข้าร่วมกิจกรรมภายในงาน ซึ่งมีไฮไลต์สำคัญอย่างการสาธิตโดย Dr. André Braz ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามระดับโลก และการแลกเปลี่ยนความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี HArmonyCa™ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

                                     

                                    Harminyca
                                    Harminyca

                                     

                                    ไฮไลต์ของงาน HArmonyCa™ Grand Launch Event

                                    งานเปิดตัว HArmonyCa™ ครั้งนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ โดยมีไฮไลต์สำคัญดังนี้

                                     

                                    Harminyca
                                    Harminyca

                                    เรียนรู้ความพิเศษของ HArmonyCa™ (HACa)

                                    • HArmonyCa™ (HACa) เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ผสาน Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (Ca) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างกลไกการทำงานแบบ Duo Effects ที่มีประสิทธิภาพ โดยช่วยยกกระชับผิวทันที ให้ผลลัพธ์ที่สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรก ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้มีความเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ และปลอดภัย

                                    การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกและประเทศไทย

                                    ภายในงานมีการบรรยายจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง Dr. André Braz รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศไทย ที่ร่วมแชร์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ การประยุกต์ใช้ HArmonyCa™ ในการรักษา และแนวทางการเลือกใช้ที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการในประเทศไทย

                                    การพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ใน Panel Discussion

                                    ภายในงานยังมีการเสวนาในรูปแบบ Panel Discussion ซึ่งเปิดโอกาสให้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศไทยได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการใช้ HArmonyCa™ ในการรักษา เทคนิคและเคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา รวมไปถึงประโยชน์สูงสุดที่ผู้เข้ารับบริการจะได้รับจากเทคโนโลยี HArmonyCa™

                                    HArmonyCa™ เทคโนโลยีเพื่อผิวสวยสมบูรณ์แบบ

                                    HArmonyCa™ (HACa) เป็นเทคโนโลยีความงามใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผิวอย่างครอบคลุม ด้วยเทคโนโลยี Biostimulator ตัวแรกที่ผสาน 2 สารสำคัญ เข้าด้วยกัน ได้แก่ Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (Ca) ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทั้งระยะสั้นและระยะยาว

                                    • Hyaluronic Acid (HA) หนึ่งในส่วนผสมสำคัญที่ช่วยยกกระชับใบหน้าได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
                                    • Calcium Hydroxyapatite (Ca) สารอีกชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพผิวให้แข็งแรงในระยะยาว พร้อมทั้งลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยอย่างปลอดภัย โดยไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหรืออาการแพ้

                                     

                                    Harminyca
                                    Harminyca

                                    ผลลัพธ์ที่โดดเด่นของ HArmonyCa™

                                    • HArmonyCa™ มอบผลลัพธ์ที่แตกต่างและน่าประทับใจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยหลังการทำทันที ผิวจะดูกระชับ เรียบเนียน และไม่มีความสะดุดตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีมิติอย่างเป็นธรรมชาติ
                                    • ในระยะยาว HArmonyCa™ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เฟิร์มแน่น และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                    • ด้วยผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งสองด้านของ HArmonyCa™ จึงทำให้ HArmonyCa™ เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างล้ำลึก และแสวงหาผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในทุกมิติของการฟื้นฟูและเสริมความงามของผิวพรรณ

                                     

                                    Harminyca
                                    Harminyca

                                     

                                    ร่วมสัมผัสกับเทคโนโลยี HArmonyCa™ ที่พลิกโฉมเทรนด์ใหม่แห่งวงการความงาม พร้อมเปิดประสบการณ์การดูแลผิวด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ผสานคุณสมบัติเด่นอย่างครบถ้วน ทั้งช่วยยกกระชับและฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงจากภายใน

                                    นอกจากนี้ยังมีโอกาสเรียนรู้เทคนิคและเคล็ดลับจากทีมผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ที่จะช่วยให้การรักษาของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ HArmonyCa™ ที่รมย์รวินท์คลินิกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนการดูแลผิวของคุณ ให้ก้าวสู่ระดับใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งความงามและสุขภาพในระยะยาว

                                    อวสารฟิลเตอร์ไอจี เตรียมหน้าจริงให้พร้อมก่อนถอดฟิลเตอร์ออกหมดด้วย Sylfirm X Plus

                                    อวสารฟิลเตอร์ไอจี หน้าสดแค่ไหนก็รอด เพราะมี Sylfirm X Plus

                                    อวสารฟิลเตอร์ไอจี เตรียมหน้าจริงให้พร้อมก่อนถอดฟิลเตอร์ออกหมดด้วย Sylfirm X Plus

                                    เริ่มแล้ว อวสารฟิลเตอร์ไอจี! เตรียมทยอยถอดออก ปิดตำนานปกปิดหน้าสดด้วยฟิลเตอร์ ผิวสวยจริงเท่านั้นที่จะรอดในทุกสถานการณ์ เพราะฉะนั้นยกเลิกฟิลเตอร์ได้ แต่ยกเลิกดูแลผิวหน้าที่ รมย์รวินท์คลินิก ไม่ได้เด็ดขาด 

                                    ถึงเวลาแล้วที่จะเปิดเผยหน้าจริง โชว์ผิวสวยแบบมั่นใจ บอกลาฝ้า กระ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้างทิ้งไป หน้าสดแค่ไหนก็ไม่หวั่น ไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์อีกต่อไป วันนี้ รมย์รวินท์ มีตัวช่วยดี ๆ มาบอก กับ “Sylfirm X Plus” โปรแกรมซ่อมผิวพัง เคลียร์จบทุกปัญหาผิว หนักแค่ไหนก็เอาอยู่ พร้อมรีทัชงานผิวกริบ ให้ผิวดีเหมือนติดฟิลเตอร์ตลอดเวลา ไม่ต้องตุ๊งรูปให้ยุ่งยาก สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า Sylfirm X Plus คืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง? บทความนี้รวบตึงมาให้แล้ว

                                     

                                    Sylfirm X Plus
                                    ปราบ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วย Sylfirm X Plus

                                     

                                    NO ฟิลเตอร์ เตรียมโชว์ผิวสวย มั่นใจแม้หน้าสดด้วย Sylfirm X Plus

                                     

                                    5 วิธี บอกลาปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                    • รักษาด้วยการทาครีม

                                    ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถรักษาได้ด้วยการทาครีมบำรุงผิว โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม ที่ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส และยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง เช่น วิตามินซี (Vitamin C), อาร์บูติน (Arbutin), ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) หรือกรดโคจิก (Kojic) เป็นต้น ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้

                                    • รักษาด้วยสมุนไพรธรรมชาติ

                                    ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถรักษาได้ด้วยสมุนไพรธรรมชาติ โดยการนำส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิว หรือลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน มาพอกบริเวณใบหน้า หรือแต้มเฉพาะจุด เช่น มะขามเปียก มีกรด AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว, หัวไชเท้า มีสาร Glycoside ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี หรือมะนาว มีกรด AHA ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ทั้งนี้ การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยสมุนไพรธรรมชาติ จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน และใช้ระยะเวลานาน ซึ่งไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง

                                    • รักษาด้วยการฉีดหน้าใส

                                    ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถรักษาได้ด้วยหัตถการฉีดหน้าใส โดยเป็นการฉีดวิตามินบำรุงผิว เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ซึ่งจะช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ชะลอการกระจายของฝ้า และฟื้นฟูผิวที่คล้ำเสีย ทำให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยการฉีดหน้าใส อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้าหนา หรือฝ้าสีเข้ม

                                    • รักษาด้วยการเลเซอร์

                                    ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถรักษาได้ด้วยการเลเซอร์ (Laser) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยการปล่อยพลังงานความร้อนลงไปยังชั้นผิวที่มีปัญหา เพื่อทำลายเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ โดยเฉพาะฝ้า กระ จุดด่างดำ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูกระจ่างใส ฝ้า กระ จุดด่างดำดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

                                    • รักษาด้วย RF Microneedling

                                    ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถรักษาได้ด้วยเทคโนโลยี RF Microneedling เป็นการผสานพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เข้ากับ Microneedling ซึ่งเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กมาก ๆ ส่งพลังงานความร้อนเข้าสู่ชั้นผิว ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน พร้อมผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ แก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และรูขุมขนกว้างได้อย่างตรงจุด โดยไม่ก่อให้เกิดสะเก็ดหลังทำ

                                     

                                    อวสารฟิลเตอร์ไอจี หน้าสดแค่ไหนก็รอด เพราะมี Sylfirm X Plus
                                    อวสารฟิลเตอร์ไอจี หน้าสดแค่ไหนก็รอด เพราะมี Sylfirm X Plus

                                    Sylfirm X Plus ปราบฝ้า กระ จุดด่างดำ สู่ผิวสวยทุกมิติ

                                    Sylfirm X Plus คืออะไร?

                                    Sylfirm X Plus คือ โปรแกรมฟื้นฟูผิว ที่ใช้เทคโนโลยี RF Microneedling System ผ่านเข็มขนาดเล็ก เพียง 300 ไมครอน ปรับระดับความลึกได้ตั้งแต่ 0.3 – 4.0 มม. จึงเข้าสู่ชั้นผิวหนังชั้นลึกได้อย่างแม่นยำ โดยการส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิว ประมาณ 40 – 60 องศา ซึ่งเป็นการปล่อยพลังงานแบบ Dual Wave ประกอบไปด้วย Pulse Wave Mode เน้นจัดการเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ และ Continuous Wave Mode เน้นกระตุ้นให้คอลลาเจนจัดเรียงตัวขึ้นใหม่ สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย และครอบคลุมในเครื่องเดียว โดยมีระบบ AI ที่ช่วยในการประเมินสภาพผิว ทำให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างเหมาะสม ไม่ทำให้ผิวไหม้ ผิวเบิร์นหลังทำ

                                     

                                    Sylfirm X Plus แก้ปัญหาอะไรบ้าง?

                                    • Sylfirm X Plus สามารถแก้ปัญหาริ้วรอย โดยการกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวเต่งตึง ริ้วรอย หรือรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น
                                    • Sylfirm X Plus สามารถแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง รูขุมขนไม่กระชับ โดยจะทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ส่งผลให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลง มีความกระชับมากขึ้น
                                    • Sylfirm X Plus สามารถแก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยการลดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำดูจางลง
                                    • Sylfirm X Plus สามารถแก้ปัญหารอยแดง รอยดำจากสิว โดยการลดการทำงานของเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้รอยดำ รอยแดงดูจางลง
                                    • Sylfirm X Plus สามารถแก้ปัญหาหลุมสิว รอยแผลเป็นต่าง ๆ โดยจะทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
                                    • Sylfirm X Plus สามารถแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใส ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
                                    • Sylfirm X Plus สามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย โดยการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวตึงกระชับ ดูอ่อนเยาว์

                                     

                                    Sylfirm X Plus เหมาะกับใคร?

                                    • Sylfirm X Plus เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ
                                    • Sylfirm X Plus เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ
                                    • Sylfirm X Plus เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
                                    • Sylfirm X Plus เหมาะสำหรับ รอยแดง และรอยดำจากสิว
                                    • Sylfirm X Plus เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว ผิวขรุขระ
                                    • Sylfirm X Plus เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใส

                                     

                                    รีทัชผิวใส เหมือนติดฟิลเตอร์ต้อง รมย์รวินท์คลินิก

                                    ไม่ว่าปัญหาผิวไหน ๆ ก็จบได้หมด ทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือรูขุมขนกว้าง แค่มา รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา แม้ไม่มีฟิลเตอร์ก็สามารถมีผิวดีได้ จะรูปถ่าย หรือตัวจริงก็ตรงปกไม่จกตา ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย พร้อมด้วยแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์ สามารถวางแผนการรักษา และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เตรียมเผยผิวใส หน้าสดแค่ไหนก็มั่นใจทุกสถานการณ์ 

                                     Utraformer MPT 4D LIFT ยกกระชับทุกมิติ ไม่มียกเว้น

                                    ULTRAFORMER MPT 4D LIFT

                                     Utraformer MPT 4D LIFT ยกกระชับทุกมิติ ไม่มียกเว้น

                                    ประกวดจบแต่ความสวยต้องไม่มีจบค่าาา แต่ยิ่งต้องเพิ่มกว่าเดิม จะมาอ่อม มายมไม่ได้ ได้ตำแหน่งมาทั้งทีก็อยากจะให้คงอยู่ไปนานๆ อย่างเรื่องใบหน้า ความสวยก็เช่นกันค่ะ เพราะคนเราต้องรู้จักพัฒนาตัวเองได้ดียิ่งๆ ขึ้นไปเรื่อยค่ะ อย่างเวลาว่างจากการทำงาน ปอยก็ชอบมาเสริมความสวย ความออร่าให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอ และรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ ผู้ช่วยตัวจริงของปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม 2025 ล่ะค่า

                                    ยกกระชับทุกมิติ
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    วันนี้ปอยเข้ามาดูแลผิวที่รมย์รวินท์คลินิกกับคุณหมอบีบี (พญ.ช่ออัญชัน ปัญญาเอกะวิทู) ค่ะ ก่อนทำคุณหมอบีบีใช้เทคนิค Lifting Select วิเคราะห์ก่อนการทำหัตถการด้วย 3 เฟรมเวิร์กไม่ว่าจะเป็น

                                    • Frame Selection ปรับและแก้ไขโครงหน้าและชั้นผิว บอกลาความหย่อนคล้อยให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์
                                    • Light & Shadow Me เพิ่มมิติให้กับใบหน้า เสริมจุดเด่นให้ชัดเจนและโดดเด่น แก้ไขจุดบกพร่องให้ลดลง
                                    • Conceal Selection เผยผิวสวยเนียนละเอียดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ไม่มีอะไรที่ต้องปกปิดอีกต่อไป 

                                    และต้องบอกเลยว่าเทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่คิดค้นโดยประสบการณ์กว่า 20 ปี ของทีมแพทย์รมย์รวินท์คลินิก และมีเฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้นนะคะ

                                    ยกกระชับทุกมิติ
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    หลังจากวิเคราะห์ผิวแล้วคุณหมอบีบีเลือกให้ปอยทำ ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ค่ะ คุณหมอบีบีบอกว่า ULTRAFORMER MPT 4D LIFT เป็นโปรแกรมตัวเด็ดมากสำหรับคนที่อยากยกกระชับผิวค่ะ เพราะนอกจาก ULTRAFORMER MPT 4D LIFT จะช่วยเรื่องยกกระชับแล้ว ยังเก็บกรอบหน้าให้เรียวชัด ได้รูป V Shape ยังช่วยลดไขมันส่วนเกินอย่างพวกแก้มย้อย เหนียง คางสองชั้นให้หายไป และยังช่วยเรื่องงานผิวให้เนียนละเอียดมีคุณภาพผิวที่ดีได้อีกด้วยค่ะ ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ใช้พลังงาน Micro Pulsed Technology ที่ยิงลงลึกได้ถึงผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่นิยมในการทำศัลยกรรมดึงยกผิวหน้า โดย ULTRAFORMER MPT 4D LIFT จะปล่อยพลังงานถึง 417 จุด ใน 1 ช็อต โดยใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที ทำให้ผิวบริเวณที่ทำยังไม่ทันได้รับรู้ถึงความเจ็บ เหมาะมากสำหรับคนที่อยากทำหัตถการยกกระชับแต่กลัวเจ็บค่ะ และ ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ยังมีหัว Ultra Booster หรือที่คุณหมอบีบีเรียกว่าหัวปากกา โดยหัวนี้จะปล่อยพลังงานแบบวงกลม ซึ่งจะช่วยในเรื่องการเก็บรายละเอียดงานผิว ให้ผิวมีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งกระชับรูขุมขน ให้ผิวเนียนละเอียดมากยิ่งขึ้น ช่วยลดร่องรอย ปรับผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น และคุณหมอบีบียังสปอยล์มาว่า ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ทำ 1 ครั้ง ผลลัพธ์ความสวยหน้ายกกระชับอยู่ได้นาน 6-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ และที่ปอยตื่นเต้นอยากจะทำมากแล้ว เพราะคุณหมอบีบีบอกว่า ULTRAFORMER MPT 4D LIFT เห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันทีว่ายกกระชับได้ถึง 20% เลยค่ะ อยากเห็นผลลัพธ์แล้วต้องขอตัวไปให้คุณหมอบีบีทำ ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ให้ก่อนนะคะ

                                    ยกกระชับทุกมิติ
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    มาแล้วค่า หลังจากที่ปอยทำ ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ปอยรู้สึกได้เลยว่า กรอบหน้าชัด เรียวมากขึ้น และพวกเหนียว คางสองชั้น แก้มย้อยที่เคยมีก็หายไปเลยค่ะ ทำให้ใบหน้าของปอยสวยดูมีมิติมากยิ่งขึ้นค่ะ และนอกจากเรื่องงานยกกระชับแล้ว สิ่งที่ปอยชอบอีกอย่างก็คือเรื่องงานผิวค่ะ อย่างที่บอกว่า ULTRAFORMER MPT 4D LIFT จะพิเศษกว่ารุ่นเดิมตรงที่มีหัว Ultra Booster ซึ่งเป็นหัวปากกาช่วยในเรื่องการเก็บรายละเอียดงานผิวค่ะ ทำให้ผิวของปอยสวยเนียนใสมากยิ่งขึ้น ขอบอกเลยว่าปอยเลิฟ ULTRAFORMER MPT 4D LIFT มากๆ และอยากให้ทุกคนมาลองทำ ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะคะ คุณจะได้ผลลัพธ์ผิวสวยยกกระชับงานผิวดีแบบปอยค่ะ 

                                    ทำ ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ยกกระชับทุกมิติ ที่รมย์รวินท์คลินิกดีอย่างไร

                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ผิวยกกระชับ
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้าให้ตื้นขึ้น อ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยแก้ปัญหาเรื่องตาตก ช่วยยกคิ้วและหางตา
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยลดริ้วรอย ความคล้ำ และถุงใต้ตา 
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยเรื่องความหย่อนคล้อยได้ทั้งใบหน้า ลำคอ ร่างกาย
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยลดไขมันสะสมทั้งแก้ม เหนียง คางสองชั้น
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยสร้างกรอบหน้าให้เรียวชัด ล็อกหน้าให้ V-Shape
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยให้ผิวดูแน่นเฟิร์ม อิ่มฟูมากยิ่งขึ้น
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยให้ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนกระชับ
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น 
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT เห็นผลหลังทำได้ในทันทีถึง 20% ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับ อ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุด
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT วิเคราะห์รูปหน้า และปรเมินปัญหาผิวอย่างละเอียด 
                                    • ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านการยกกระชับ

                                    อยากดูแลผิวหน้าให้สวยยกระชับแบบคุณปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม 2025 ด้วย ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาเลยนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นค่ะ 

                                    Ultherapy ยกกระชับ เคล็ดลับพระเอกดัง ยิงละเอียด เก็บครบทุกชั้น 

                                    ultherapy ยกกระชับ

                                    Ultherapy ยกกระชับ เคล็ดลับพระเอกดัง ยิงละเอียด เก็บครบทุกชั้น 

                                     

                                    จะดูกี่ทีก็เห็นแต่ความหล่อใส หน้ายกกระชับของคุณนิว วงศกร ปรมัตถากร ตลอดๆ เลย จะกี่เรื่อง กี่บทบาท ก็ยังดูดีได้อยู่ ไม่ทราบว่าคุณนิวมีเคล็ดลับอะไรคะเนี่ยยย! 

                                    เคล็ดลับการดูแลตัวเองของนิวก็ง่ายๆ เลยครับ แค่ออกกำลังกาย และกินอาหารดีๆ และช่วงนี้ก็เป็นช่วงวันหยุดยาวทั้งที นิวก็ว่างจากการถ่ายละครได้มีเวลาพักผ่อน และไปเที่ยวได้เต็มที่เลยครับ แต่ก่อนที่จะไปเที่ยว ขอแวะมาเสริมความหล่อ ความมั่นใจให้กับตัวเองซักหน่อยครับ เพราะช่วงนี้ผมออกกำลังกายหนัก ทำกิจกรรมกลางแจ้งเยอะครับ ต้องเจอทั้งแดด เจอทั้งมลภาวะ ไหนช่วงนี้จะมีฝุ่น PM 2.5 แรงอีก เริ่มรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง ยิ่งเรื่องผิวหน้ายิ่งแล้วใหญ่เลยครับ เพราะด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี เวลาที่เราทำอะไรแบบสมบุกสมบันไป มันก็จะขาดการดูแลผิว ทำให้รู้สึกว่าหน้าเริ่มโทรม ดูหย่อนคล้อย ไม่ยกกระชับเลย วันนี้ก็เลยขอแวะมาหาตัวช่วยดูและผิวซักหน่อย แต่สำหรับผมจะหาตัวช่วยทั้งทีก็ต้องมั่นใจว่าดี มีชื่อเสียง และเชื่อถือได้ เพราะเรายังต้องอยู่ในวงการไปอีกนาน และหน้าตาก็เป็นเครื่องมือในการทำงาน จะมาสุ่มเสี่ยงไม่ได้หรอกครับ และผมก็ไว้ใจที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละครับ ที่จะให้มาเป็นผู้ช่วยดูแลเรื่องความยกกระชับ จัดการความหย่อนคล้อยให้ผม เพราะที่รมย์รวินท์คลินิกมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานกว่า 21 ปี และดูแลผิวโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านเลยครับ และที่สำคัญคือคนรอบตัวผมมาทำที่นี่กันเยอะมากครับ 

                                     

                                    และวันนี้คุณหมอริว (นพ.อัครวินท์ ดำรงวัฒนโภคิน) จะมาเป็นผู้ดูแลเรื่องความยกกระชับ จัดการผิวหย่อนคล้อยให้กับนิวครับ ก่อนเริ่มทำการรักษาคุณหมอริว ประเมินผิวหน้าให้กับนิวด้วยเทคนิคที่คุณหมอบอกว่าเป็นเทคนิคเฉพาะมีแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกที่เดียวเท่านั้น นั่นก็คือเทคนิค Lifting Select ครับ โดยจะทำการวิเคราะห์ผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก ได้แก่ 

                                     

                                    • Frame Selection ช่วยเรื่องการปรับและแก้ไขโครงหน้า ยกกระชับผิว และจัดการความหย่อนคล้อยให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์ขึ้นครับ
                                    • Light & Shadow Me ช่วยในเรื่องมิติของใบหน้า คือการเพิ่มจุดเด่นให้ผิวหน้าดูคมชัดมีมิติมากขึ้น และการลดจุดบกพร่องของใบหน้าให้ลดลงครับ
                                    • Conceal Selection ช่วยในเรื่องของงานผิว จัดการกับปัญหาผิว ปรับผิวให้เนียนละเอียดจนไม่ต้องคอยปกปิดอีกต่อไปครับ 

                                     

                                    ultherapy ยกกระชับ
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                     

                                    หลังจากคุณหมอริววิเคราะห์ใบหน้าให้นิวเรียบร้อยแล้ว คุณหมอแนะนำให้ทำ Ultherapy ครับ โดยตัว Ultherapy ที่นิวได้ลองเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับใบหน้า จัดการกับความหย่อนคล้อยด้วยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความถี่สูงที่มีความเฉพาะเจาะจง หรือ Focused Ultrasound ยิงลงพลังงานลงสู่ชั้นผิวต่างๆ ได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS โดยเป็นชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งอยู่ใต้ชั้นไขมัน และชั้น SMAS นี้ มีความสำคัญมากในการทำการผ่าตัดศัลยกรรมยกกระชับดึงหน้า หรือการทำหัตถการเกี่ยวกับการยกกระชับผิว โดย Ultherapy มีความแม่นยำสูงเพราะมีเทคโนโลยีหน้าจอที่แสดงผลของชั้นผิว สามารถมองเห็นการรักษาได้ทุกขั้นตอน เครื่อง Ultherapy ช่วยในเรื่องการยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น และยังช่วยสร้างกรอบหน้าให้เรียว คม ชัด ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น และ Ultherapy ยังมีการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ทำให้ได้ผลลัพธ์หลังทำที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ และคุณหมอริวยังบอกอีกว่า  Ultherapy สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1 ปี เลยครับ

                                     

                                    ultherapy
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                     

                                    หลังจากที่ผมได้ลองทำ Ultherapy บอกเลยว่าประทับใจกับผลลัพธ์ที่ได้มากครับ รู้สึกหน้ายกกระชับขึ้นได้ทันทีเลย ส่วนที่หย่อนคล้อยก็ยกให้ตึงขึ้น ตอนนี้ผิวหน้าของผมดูเฟิร์มมากขึ้นเลยครับ และ Ultherapy ยังช่วยให้กรอบหน้าของผมดูคมชัดด้วย และที่สำคัญคือคุณหมอเก่งมากเลยครับ สามารถประเมินหน้าให้ผมก่อนทำ และช่วยทำให้หน้าของผมดูอ่อนเยาว์ลงมาก แถมตอนทำก็ไม่ค่อยเจ็บเลยครับ ทำแป๊บเดียวเสร็จ แต่ผลที่ได้ออกมาพอใจกับใบหน้าของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมครับ สำหรับใครที่หน้าหย่อนคล้อย อยากจะยกกระชับให้หน้าดูเด็ก ดูไม่โทรม ผมแนะนำให้มาทำ Ultherapy กันครับ หรือใครที่มีปัญหาผิวในเรื่องอื่นๆ และกำลังมองหาตัวช่วยดูแลผิวแบบผม ขอแนะนำที่รมย์รวินท์คลินิกเลยครับ เขาเป็นตัวจริงเรื่องยกกระชับผิวที่สุดครับ 

                                     

                                    ultherapy
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    ทำ Ultherapy ยกกระชับ ที่รมย์รวินท์คลินิกดีอย่างไร

                                    • Ultherapy ช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวหน้าจากความหย่อนคล้อยให้กลับมาอ่อนเยาว์ขึ้น 
                                    • Ultherapy ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและช่วยเรื่องงานผิว รูขุมขนกระชับ ผิวแน่นเฟิร์มมากยิ่งขึ้น
                                    • Ultherapy ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกในระดับปานกลางไปจนถึงมาก
                                    • Ultherapy ช่วยสร้างกรอบหน้าให้คมชัด เรียว ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
                                    • Ultherapy ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
                                    • Ultherapy คงผลลัพธ์ความยกกระชับ อ่อนเยาว์อยู่ได้นานถึง 1 ปี
                                    • Ultherapy ให้ผลลัพธ์ความยกกระชับหลังทำถึง 30% 
                                    • Ultherapy ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งบาดแผล สามารถใช้ชีวิตต่อได้ทันที
                                    • Ultherapy มีการวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเฉพาะบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด 
                                    • Ultherapy เทคโนโลยียกกระชับที่ได้มาตรฐาน เครื่องแท้แน่นอน
                                    • Ultherapy เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่มีความแม่นยำ เพราะมีจอแสดงผลสามารถเห็นได้ชัดเจน
                                    • Ultherapy สามารถยกกระชับผิวจากความหย่อนคล้อยได้หลายส่วนของร่างกาย 
                                    • Ultherapy ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านการยกกระชับผิว 

                                    ยกหน้าตึงฉบับบอยแบนด์ยุค 90 ด้วย Thermage FLX

                                    Thermage FLX ยกหน้าตึง


                                    ยกหน้าตึงฉบับบอยแบนด์ยุค 90 ด้วย Thermage FLX

                                    บอยแบนด์ยุค 90 เขาดูและผิวกันดีจังเลยนะ คุณหยวน Dragon 5 ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ขอมาดูแลผิวให้ยกกระชับ ดูอ่อนเยาว์ ดูดีมากกว่าเดิม รมย์รวินท์คลินิกก็จัดให้สิคะ! 

                                    Thermage FLX ยกหน้าตึง
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    เห็นเพื่อน (คุณเต๋า อดิศร อรรถกฤษณ์) มาทำแล้วหน้าดี ผิวดีขึ้นกว่าเดิมก็เลยลองทำบ้างครับ (หัวเราะ) อยากดูดีบ้าง เพราะตอนนี้อายุก็ปาเข้าไปเลข 4 แล้ว ปกติก็เป็นคนดูแลตัวเองครับ อย่างการออกกำลังกายนี่ทำเป็นประจำเลยครับ ส่วนเรื่องผิวหน้าอาจจะใช้ครีม เซรั่มอะไรแล้วมันไม่ค่อยเห็นผลกับหน้าเราแล้วครับ เลยอยากใช้ทางลัด ช่วยกู้ผิวตัวเองให้ดูดีขึ้น อย่างเดี๋ยวนี้ก็มีเทคโนโลยี มีหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิว จัดการความหย่อนคล้อย เสริมความดูดีมากมาย และคลินิกเสริมความงามมีเยอะมากมายเช่นกันครับ เราจะเลือกคลินิกอะไรก็ได้ไม่ได้เด็ดขาด หน้าเราทั้งที ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองสิครับ อย่างที่หยวนเลือกให้รมย์รวินท์คลินิกเป็นผู้ช่วยดูและเรื่องผิวครับ ผมมั่นใจที่นี่ เพราะที่นี่มีชื่อเสียงมายาวนาน เพื่อนๆ ดาราทั้งในและนอกวงการมาทำกันเยอะมาก และที่นี่ยังดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการยกกระชับผิวด้วยครับ ทำให้หยวนมั่นใจมากว่าผลลัพธ์ที่ได้จะต้องออกมาดีอย่างแน่นอนครับ

                                    Thermage FLX ยกหน้าตึง
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    วันนี้หยวนเข้ามาให้คุณหมอบีบี (พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู) ช่วยดูแลให้ครับ ก่อนทำการรักษาคุณหมอบีบีใช้เทคนิค Lifting Select ช่วยวิเคราะห์ผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์กเพื่อช่วยวิเคราะห์ผิวได้ลงลึกทุกชั้น เพื่อเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์กับปัญหาผิวของผมมากที่สุดครับ

                                    ลงลึกถึง FAT เก็บแก้ม ลดเหนียง
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    ยกหน้าตึงฉบับบอยแบนด์ยุค 90 ด้วย Thermage FLX

                                    อย่างที่บอกว่าปัญหาของหยวนจะเป็นเรื่องความหย่อนคล้อย ความไม่ยกกระชับของผิวที่เป็นไปตามวัย คุณหมอบีบีจึงแนะนำหัตถการที่ช่วยตอบโจทย์ปัญหาให้ผิวหน้าของหยวนยกกระชับได้มากขึ้นด้วย Thermage FLX ครับ คุณหมอบีบีบอกว่า Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องการยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย และยังช่วยในเรื่องของงานผิวด้วยครับ ด้วยการยิงพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง หรือ Monopolar Radiofrequency ซึ่งเป็นพลังงานความร้อนที่สามารถยิงพลังงานได้ลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งเข้าไปทำให้คอลลาเจนเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่ซึ่งทำให้ผิวมีความแน่นเฟิร์มมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวยกกระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคุณหมอบีบีบอกกับผมว่าหลังทำ Thermage FLX จะเห็นผลลัพธ์ความยกกระชับได้ทันทีถึง 30% ครับ นอกจากเรื่องยกกระชับผิวคุณหมอบีบีบอกว่า Thermage FLX ยังช่วยลดไขมันส่วนเกินสะสมอย่างพวกแก้ม เหนียง คางสองชั้น ผิวหย่อนคล้อยให้ผิวฟูแน่นยิ่งขึ้นครับ และ Thermage FLX ยังมีจุดเด่นคือ 

                                    F – Faster 

                                    Thermage FLX สามารถทำการรักษาได้เร็วกว่าเดิมถึง 25% และครอบคลุมพื้นที่ผิวได้มากกว่าเดิมถึง 33%

                                    L – Algorithm

                                    Thermage FLX มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า AccuREP ที่สามารถปรับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้มาเข้ารับบริการ และมีความแม่นยำในการรักษาซึ่งให้ผลลัพธ์ความยกกระชับผิวอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

                                    X – Experience 

                                    Thermage FLX ให้การรักษาที่สบายกว่า เพราะมีระบบ Cooling Effect ที่ช่วยปล่อยพลังงานความเย็นออกมาเพื่อลดอุณหภูมิของผิวไม่ให้บริเวณที่รักษาเกิดความร้อนสะสมมากเกินไปจนเกิดการไหม้เบิร์น และระบบ Vibration ระบบสั่นสะเทือนเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บในขณะทำการรักษา

                                    Thermage FLX ยกหน้าตึง
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    และ Thermage FLX ยังเป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัยกับผิว เพราะได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US FDA และอย.ไทย และ Thermage FLX ยังจัดว่าเป็นโปรแกรมยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีเคสการรักษาผิวหน้าให้ยกกระชับด้วย Thermage FLX ไปแล้วมากกว่า 2 ล้านทรีตเมนต์ทั่วโลกเลยครับ 

                                    Thermage FLX ยกหน้าตึง
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    ความรู้สึกของหยวนเลยตอนทำ Thermage FLX ก็เจ็บนะครับ จะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็เป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นความเจ็บที่ผมสามารถทนได้ เพื่อความยกกระชับของผิวครับ และอีกอย่างที่ผมรู้สึกได้เลยก็คือพลังงานที่ Thermage FLX ยิง รู้สึกได้เลยว่าพลังงานมันลงสู่ชั้นผิวจริงๆ ทำ Thermage FLX ผมต้องขอร้องว้าวเลยครับ เพราะมันเห็นถึงความต่างระหว่างก่อนทำ เห็นเลยว่าจากหน้าของผมก่อนทำที่มีแต่ความหย่อนคล้อย มันยกกระชับขึ้นทันทีเลยถึง 30% ตามที่คุณหมอบีบีบอกไว้เลย และนอกจากเรื่องความยกกระชับ Thermage FLX ก็ยังช่วยเก็บแก้ม เหนียง คางสองชั้นของผมให้หน้าผมเรียวและลีนมากกว่าเดิมด้วยครับ และเรื่องริ้วรอยรอบดวงตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องรอยแห่งวัยมันตื้นขึ้นมาก ตอนนี้ผิวของผมยกกระชับ แน่นเฟิร์มมากเลยครับ ตอนนี้หน้าของผมดูอ่อนเยาว์กว่าตอนเข้ามาอีกนะครับ (หัวเราะ) ไม่ต้องเชื่อผมมากก็ได้ครับ แต่ผมอยากให้ทุกคนได้มาลองพิสูจน์ผลลัพธ์ความยกกระชับของผิวด้วย Thermage FLX ด้วยตัวคุณเองที่รมย์รวินท์คลินิกครับ 

                                    Thermage FLX ยกหน้าตึง
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                    อยากยกกระชับผิว จัดการความหย่อนคล้อย ให้หน้าดูอ่อนเยาว์แบบคุณหยวนต้อง Thermage FLX ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ หรือใครที่มีปัญหาผิวอยากปรึกษาคุณหมอผู้มีประสบการณ์เชิญได้ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ 

                                    Dorothy Dewy Filler รูขุมขุนกระชับ พร้อมผิวฉ่ำโกลว์

                                    Dorothy Dewy รูขุมขุนกระชับ พร้อมผิวฉ่ำโกลว์

                                    Dorothy Dewy Filler รูขุมขุนกระชับ พร้อมผิวฉ่ำโกลว์

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler เป็นนวัตกรรมฟิลเลอร์ประเภท Skin Quality Filler ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวให้ดูฉ่ำวาว ชุ่มชื้น อิ่มฟู และเรียบเนียน โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic Acid (HA) แบบเชื่อมขวาง (Crosslinked) ที่มีความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร Particle size อนุภาคขนาดเล็ก (<100 ไมครอน) ซึ่งทำให้ Dorothy Dewy Filler นั้นมีเนื้อที่เบาและกระจายตัวได้ดีช่วยให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดี ลดโอกาสเกิดการเป็นก้อน และเพิ่มความเป็นธรรมชาติหลังการฉีด

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler คืออะไร
                                    Dorothy Dewy Filler คืออะไร

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler มีความปลอดภัย ไม่อันตราย สลายได้หมด ไม่มีผลข้างเคียง และยังผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ยุโรป เกาหลี อีกทั้ง Dorothy Dewy Filler ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันมาแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก

                                    Dorothy Dewy Filler เป็นฟิลเลอร์นวัตกรรมใหม่ที่ผลิตโดย CHA Bio Group บริษัทชีวการแพทย์ชั้นนำอันดับ 1 ของเกาหลี ซึ่งอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยแพทย์ CHA และเครือ Medical Center กว่า 90 สาขา พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,800 คน และนักวิจัย R&D มากกว่า 2,000 คน บริษัทนี้ยังเป็นผู้ผลิตฟิลเลอร์ชื่อดังอย่าง HYAFILIA ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการความงาม

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี IFRHA (Innovative Filler with Reinforced Hyaluronic Acid) ที่ผสานคุณสมบัติ 2-in-1 ทั้งเติมเต็มและฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก โดยช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นยาวนานถึง 4-6 เดือน มอบความโกลว์ให้ผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เติมเต็มใต้ตา ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และฉีดได้ทั้งใบหน้าและลำคอ ทำให้ผิวดูสุขภาพดี อ่อนเยาว์ และชุ่มชื้นอย่างยาวนาน

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler ช่วยอะไรได้บ้าง
                                    Dorothy Dewy Filler ช่วยอะไรได้บ้าง

                                     

                                    คุณสมบัติของ Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ช่วยเรื่อง Skin Glow

                                     ปรับให้ผิวมีความสวย ใส ฉ่ำวาว ปรับให้ผิวมีสุขภาพดี แต่งหน้าติดง่าย

                                    • Dorothy Dewy Filler ช่วยเรื่อง Skin Hydration

                                    เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แก้ปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ ด้วยการเติมน้ำให้ผิว

                                    • Dorothy Dewy Filler ช่วยเรื่อง Skin Softness & Pore Tightening 

                                    ช่วยปรับผิวเรียบเนียน กระชับแน่น  ทั้งยังเด่นเรื่องการกระชับรูขุมขน

                                    • Dorothy Dewy Filler ช่วยเรื่อง Skin Firmness

                                     กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว

                                    • Dorothy Dewy Filler ช่วยเรื่อง Lifting & Contour

                                    ยกกระชับผิวหน้า ให้แน่นกระชับมากยิ่งขึ้น

                                    • Dorothy Dewy Filler ช่วยเรื่อง Long Lasting Outcome

                                    Dorothy Dewy Filler เป็นฟิลเลอร์งานผิวที่สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

                                     

                                    จุดเด่นของ Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler มีอนุภาคเล็ก (<100 ไมครอน) ลดโอกาสการเกิดก้อน ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับงานผิว ให้ผิวดูเปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ เหมือนผิวสุขภาพดีจากภายใน
                                    • Dorothy Dewy Filler ผ่านการรับรองมาตรฐาน ได้รับการรับรองจาก USFDA และใช้งานในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
                                    • Dorothy Dewy Filler 1 ไซริงค์มีปริมาณ 3 cc 
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับผิวทุกประเภท

                                     

                                    บริเวณที่เหมาะสำหรับการฉีด Dorothy Dewy

                                    1. ใบหน้า ควรฉีด Dorothy Dewy Filler เพิ่มความชุ่มชื้น กระชับผิว และลดริ้วรอยที่มีขนาดเล็ก ๆ
                                    2. ใต้ตา ควรฉีด Dorothy Dewy Filler เพื่อแก้ปัญหาผิวแห้ง ใต้ตาลึก ดูสดใส
                                    3. ลำคอ Dorothy Dewy Filler  คืนความอ่อนเยาว์ กระชับผิว ลดรอยสร้อยคอ และรอยเหี่ยวย่น

                                     

                                    ผลลัพธ์หลังการทำ Dorothy Dewy

                                    •  Dorothy Dewy Filler  ทำให้รูขุมขนกระชับ
                                    •  Dorothy Dewy Filler  ทำให้ผิวละเอียด เรียบเนียน 
                                    •  Dorothy Dewy Filler  ทำให้ผิวโกลว์ ฉ่ำวาว
                                    •  Dorothy Dewy Filler  ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ
                                    •  Dorothy Dewy Filler  ทำให้ผิวหน้ากระชับ

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler เหมาะกับใคร
                                    Dorothy Dewy Filler เหมาะกับใคร

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler เหมาะสำหรับใคร

                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มฟู ฉ่ำวาว
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรูขุมขนกว้าง
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่ไม่ต้องการหัตถการที่เจ็บหรือพักฟื้นนาน
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการความอ่อนเยาว์ และต้องการผิวที่ ดูอิ่มฟู
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการมีผิวที่ยืดหยุ่น และมีความกระชับ
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการทำหัตถการที่ไม่เจ็บ
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการทำหัตถการงานผิวที่ไม่มีรอย และไม่ต้องพักฟื้น

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler ไม่เหมาะสำหรับใคร

                                    • Dorothy Dewy Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังอักเสบของผิวในบริเวณที่ต้องการฉีด
                                    • Dorothy Dewy Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้สารเติมเต็ม
                                    • Dorothy Dewy Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติ แผลฟกช้ำง่าย รวมทั้งมีปัญหาเลือดหยุดยาก 
                                    • Dorothy Dewy Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติ อยู่ในขณะรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเกล็ดเลือด
                                    • Dorothy Dewy Filler ไม่เหมาะกับสตรีที่มีการตั้งครรภ์ 
                                    • Dorothy Dewy Filler ไม่เหมาะกับผู้อยู่ในช่วงให้นมบุตร

                                     

                                    การเตรียมตัวก่อนฉีด Dorothy Dewy Filler

                                    1. แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวแก่แพทย์ก่อนฉีด Dorothy Dewy Filler
                                    2. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิวก่อนฉีด Dorothy Dewy Filler เช่น วิตามินซี หรือกรดผลัดเซลล์ผิว
                                    3. งดการใช้ผลิตภัณฑ์วิตามิน และอาหารเสริม 1 สัปดาห์ ก่อนฉีด Dorothy Dewy Filler
                                    4. งดดื่มแอลกอฮอล์ 1 วัน ก่อนทำ Dorothy Dewy Filler
                                    5. หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ Dorothy Dewy Filler
                                    6. หากมีแผนทำหัตถการอื่น เช่น เลเซอร์ ฉีดแฟต ควรทำก่อนเริ่มฉีด Dorothy Dewy Filler

                                     

                                    ขั้นตอนการดูแลหลังฉีด Dorothy Dewy Filler

                                    1. หลังฉีด Dorothy Dewy Filler ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเป็นการทำให้ HA จากผลิตภัณฑ์ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
                                    2. หลังฉีด Dorothy Dewy Filler ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น การซาวน่า หรือแสงแดดจัด
                                    3. หลังฉีด Dorothy Dewy Filler ควรทาครีมกันแดดและครีมบำรุงที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อป้องกันผิวหน้าบอบบาง
                                    4. หลังฉีด Dorothy Dewy Filler ควรทำความสะอาดใบอย่างเบามือ งดถูหน้า และงดสครับใบหน้า ที่จะทำให้ใบหน้าระคายเคือง
                                    5. หลังฉีด Dorothy Dewy Filler ควรงดสูบบุหรี่อย่างต่ำ 48 ชั่วโมง
                                    6. หลังฉีด Dorothy Dewy Filler ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่ำ 48 ชั่วโมง
                                    7. หลังฉีด Dorothy Dewy Filler ควร งดทำเลเซอร์ผิวชั้นลึก เนื่องจากผิวมีความบอบบาง
                                    8. หลังฉีด Dorothy Dewy Filler ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

                                     

                                    มาตรฐานความปลอดภัยและของแท้สำหรับ Dorothy Dewy Filler

                                    • ต้องมี สติ๊กเกอร์ QR Code บริเวณฝาเปิดของกล่อง เพื่อยืนยันความเป็นของแท้
                                    • สัญลักษณ์บนกล่อง Dorothy Dewy Filler จะต้องนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน
                                    • มี สลากเลข อย. ไทย พร้อมเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ครบถ้วน
                                    • สามารถ สแกน QR Code ที่มี โลโก้ Vitapharm ผ่านแอปพลิเคชัน Hidden Tag เพื่อยืนยันผลิตภัณฑ์
                                    • หมายเลข Lot บน Syringe จะต้องตรงกับหมายเลขบนกล่องทุกครั้ง

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler ต้องทำกี่ครั้ง

                                    • ต้องทำการฉีด Dorothy Dewy Filler ด้วยกัน 2 ครั้งจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของผลิตภัณฑ์ โดยครั้งแรกฉีดด้วยกัน 6 cc หรือ 2 ไซริงค์ และจากนั้น 1 เดือน ให้ฉีดเพิ่มอีก 3 cc หรือ 1 ไซริงค์

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler ต้องฉีดถี่ห่างแค่ไหน

                                    • การฉีด Dorothy Dewy Filler ควรฉีดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่คงทนยาวนาน

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler ผลลัพธ์หลังทำ
                                    Dorothy Dewy Filler ผลลัพธ์หลังทำ

                                     

                                    การฉีด Dorothy Dewy Filler เจ็บหรือไม่

                                    • การฉีด Dorothy Dewy Filler เป็นหัตถการที่มีความเจ็บน้อยมาก จาก 10  ขอให้ระดับอยู่ที่ 3 เนื่องจากลักษณะของฟิลเลอร์ Dorothy Dewy Filler ถูกออกแบบมาสำหรับลดความเจ็บหรือแสบของตัวยา เนื่องจากเป็น Pure HA ทำให้แสบน้อยกว่าปกติ และมีการกระจายตัวที่ดี ซึ่งทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายระหว่างการฉีด หรือหากกลัวเจ็บ สามารถทายาชาก่อนเข้ารับบริการได้ นอกจากนี้ การฉีดควรทำโดยแพทย์ที่ได้รับการเทรนด์ เพื่อลดความเจ็บและเพิ่มความแม่นยำ

                                     

                                    ฉีด Dorothy Dewy Filler ต้องเลือกคลินิกเสริมความงามอย่างไร จึงจะปลอดภัย

                                    • เลือกฉีด Dorothy Dewy Filler กับ คลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
                                    • แพทย์ที่เป็นผู้ให้บริการฉีด Dorothy Dewy Filler จะต้องมีความเชี่ยวชาญ ในการฉีด Dorothy Dewy Filler  
                                    • สามารถตรวจสอบประวัติรวมถึงเลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ผู้ให้บริการได้อย่างโปร่งใส
                                    • คลินิกเสริมความงามดังกล่าวจะต้องใช้ Dorothy Dewy Filler ของแท้ ที่ผ่านการรับรองจาก อย. โดยสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ทุกกล่อง 
                                    • ผลิตภัณฑ์ Dorothy Dewy Filler จะต้องถูกเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมตามข้อกำหนด
                                    • ควรมี รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง พร้อมภาพ Before-After ของ Dorothy Dewy Filler ที่ชัดเจน เพื่อยืนยันผลลัพธ์ และแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการฉีดที่ถูกต้องและปลอดภัย

                                     

                                    Dorothy Dewy filler กับงานผิวอื่นๆ
                                    Dorothy Dewy filler กับงานผิวอื่นๆ

                                     

                                    Dorothy Dewy filler กับโปรแกรมงานผิวชนิดอื่นๆ

                                     

                                    เปรียบเทียบ Dorothy Dewy Filler กับ Belotero Revive

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Fillerใช้ Hyaluronic Acid (HA) แบบเชื่อมขวาง (Crosslinked) ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
                                    • Dorothy Dewy Filler มีอนุภาคขนาดเล็ก (<100 ไมครอน) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดีเมื่อฉีดลงใต้ชั้นผิว  ลดโอกาสเกิดก้อน และให้ผลลัพธ์ที่แลดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

                                     

                                    Belotero Revive

                                    • Belotero Revive ใช้ Hyaluronic Acid (HA) แบบไม่เชื่อมขวาง (Non-Crosslinked) ผสมกับ Glycerol เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
                                    • Belotero Revive ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอยตื้น

                                     

                                    การใช้งานของ Dorothy Dewy Filler กับ Belotero Revive

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เป็นฟิลเลอร์ประเภท Skin Quality Filler หรือฟิลเลอร์ประเภทงานผิว ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว กระชับรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
                                    • Dorothy Dewy Filler ใช้สำหรับเพิ่มคุณภาพงานผิวในบริเวณใบหน้า ใต้ตา และลำคอ

                                     

                                    Belotero Revive

                                    • Belotero Revive เน้นการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างล้ำลึก เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็ก และปรับปรุงความเรียบเนียนของผิว
                                    • Belotero Revive เหมาะสำหรับการฉีดผิวหน้า ลำคอ หรือบริเวณอื่นๆที่ต้องการเสริมคุณภาพผิว

                                     

                                     ผลลัพธ์หลังการฉีด

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ให้ผลลัพธ์ด้านการเพิ่มความชุ่มชื้น ยกกระชับ และเติมเต็มผิวได้ในระดับตื้น เช่น ใต้ตาและผิวหน้า
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวในเชิงลึก พร้อมผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

                                     

                                    Belotero Revive

                                    • Belotero Revive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวได้เป็นอย่างดี ในทันที และยังช่วยลดริ้วรอยตื้น บนผิวหน้าได้ ทำให้ผิวสวย เงา เหมือนสาวเกาหลี
                                    • Belotero Revive เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับปรุงผิวให้เรียบเนียนโดยไม่ต้องการเติมเต็ม

                                     

                                    ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการฉีด

                                     

                                    Belotero Revive

                                    • Belotero Revive ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว

                                     

                                    ความปลอดภัยและการรับรอง

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ผ่านการรับรองจาก USFDA, อย. ไทย, KFDA (เกาหลี) และใช้งานในกว่า 40 ประเทศ
                                    • Dorothy Dewy Filler ใช้เทคโนโลยี IFRHA ที่ผสานคุณสมบัติเติมเต็มและฟื้นฟูผิวในตัวเดียว

                                     

                                    Belotero Revive

                                    • Belotero Revive ผ่านการรับรองจาก USFDA และหน่วยงานสุขภาพในยุโรป
                                    • Belotero Revive เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Belotero ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องฟิลเลอร์คุณภาพสูง

                                     

                                    การใช้งานในบริเวณต่าง ๆ

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะสำหรับใบหน้า ใต้ตา และลำคอ โดยเน้นการฟื้นฟูผิวและยกกระชับ

                                     

                                    Belotero Revive

                                    • Belotero Revive เหมาะสำหรับการเติมความชุ่มชื้นในผิวหน้า ลดรูขุมขน  และปรับปรุงผิวที่มีริ้วรอยตื้น

                                     

                                    เหมาะกับใคร

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม  และต้องการยกกระชับผิวไปพร้อมกัน 

                                     

                                    Belotero Revive

                                    • Belotero Revive เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ และปรับปรุงผิวให้เรียบเนียนโดยเฉพาะ

                                     

                                    เปรียบเทียบ Dorothy Dewy Filler กับ Skinvive 

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ใช้ Hyaluronic Acid (HA) แบบเชื่อมขวาง (Crosslinked) ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
                                    • Dorothy Dewy Filler มีอนุภาคขนาดเล็ก (<100 ไมครอน) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดีเมื่อฉีดลงใต้ชั้นผิว  ลดโอกาสเกิดก้อน และให้ผลลัพธ์ที่แลดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

                                     

                                    Skinvive 

                                    • Skinviveใช้ Hyaluronic Acid (HA) แบบไม่เชื่อมขวาง (Non-Crosslinked) ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น บางเบา และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
                                    • Skinvive ผสมเทคโนโลยี VYCROSS ช่วยกระจายตัวได้ดีและยืดอายุของผลลัพธ์

                                     

                                    การใช้งาน  Dorothy Dewy Filler กับ Skinvive

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เป็นฟิลเลอร์ประเภท Skin Quality Filler หรือฟิลเลอร์ประเภทงานผิว ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว กระชับรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
                                    • Dorothy Dewy Filler ใช้สำหรับเพิ่มคุณภาพงานผิวในบริเวณใบหน้า ใต้ตา และลำคอ

                                     

                                    Skinvive

                                    • Skinvive ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวโดยเฉพาะ เช่น ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ เพิ่มความชุ่มชื้น และทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ
                                    • Skinvive เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณใบหน้า

                                     

                                    ผลลัพธ์หลังการฉีด

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้น ยกกระชับ และเติมเต็มในระดับตื้น
                                    • Dorothy Dewy Filler ผิวดูฉ่ำวาว อิ่มฟู และสุขภาพดี

                                     

                                    Skinvive

                                    • Skinvive เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และปรับปรุงพื้นผิวให้เรียบเนียน
                                    • Skinvive ผิวดูเปล่งปลั่งและมีความยืดหยุ่น

                                     

                                    ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการฉีด

                                     

                                    Skinvive

                                    • Skinvive ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิว

                                     

                                    ความปลอดภัยและการรับรอง

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ผ่านการรับรองจาก USFDA, อย. ไทย และ KFDA (เกาหลี)
                                    • Dorothy Dewy Filler ใช้เทคโนโลยี IFRHA ผสานคุณสมบัติฟื้นฟูและเติมเต็มในตัวเดียว

                                     

                                    Skinvive

                                    • Skinvive ผ่านการรับรองจาก USFDA และเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Juvederm ที่ได้รับความเชื่อถือในระดับสากล

                                     

                                    การใช้งานในบริเวณต่าง ๆ

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะสำหรับงานผิวในบริเวณใบหน้า ใต้ตา และลำคอ
                                    • Dorothy Dewy Filler เน้นการยกกระชับและฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม

                                     

                                    Skinvive

                                    • Skinvive เหมาะสำหรับบริเวณใบหน้า เช่น แก้มและขมับ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับผิวให้เรียบเนียน

                                     

                                    เหมาะกับใคร

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวในเชิงลึก ให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และสุขภาพดี
                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

                                     

                                    Skinvive

                                    • Skinvive เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และปรับผิวให้ดูเรียบเนียนโดยเฉพาะ

                                     

                                    เปรียบเทียบ Dorothy Dewy Filler กับ Rejuran

                                    ส่วนประกอบหลัก

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ใช้ Hyaluronic Acid (HA) แบบเชื่อมขวาง (Crosslinked) ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
                                    • Dorothy Dewy Filler มีอนุภาคขนาดเล็ก (<100 ไมครอน) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดีเมื่อฉีดลงใต้ชั้นผิว  ลดโอกาสเกิดก้อน และให้ผลลัพธ์ที่แลดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

                                     

                                    Rejuran

                                    • Rejuran มีส่วนประกอบหลักคือ Polynucleotide (PN) หรือ DNA ที่สกัดจากปลาแซลมอน ช่วยฟื้นฟูผิว กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ และเพิ่มการสร้างคอลลาเจน

                                     

                                    การใช้งาน Dorothy Dewy Filler กับ Rejuran

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เป็นฟิลเลอร์ประเภท Skin Quality Filler หรือฟิลเลอร์ประเภทงานผิว ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว กระชับรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
                                    • Dorothy Dewy Filler ใช้สำหรับเพิ่มคุณภาพงานผิวในบริเวณใบหน้า ใต้ตา และลำคอ

                                     

                                    Rejuran

                                    • Rejuran เน้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวระดับลึก ซ่อมแซมผิวที่เสียหาย ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
                                    • Rejuranใช้สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเสียสะสม เช่น รอยแผลจากสิว ผิวบาง หรือผิวที่เสื่อมสภาพ

                                     

                                    ผลลัพธ์หลังการฉีด

                                    Dorothy Dewy Filler 

                                    • Dorothy Dewy Filler ให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งการเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว และปรับผิวให้ฉ่ำวาว อิ่มฟู ดูสุขภาพดี

                                     

                                    Rejuran

                                    • Rejuran เน้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวในระดับลึก โดยช่วยปรับปรุงความเรียบเนียน ความแข็งแรง และยืดหยุ่นของผิว

                                     

                                    ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการฉีด

                                     

                                    Rejuran

                                    • Rejuran ผลลัพธ์ต้องใช้เวลา 2-4 สัปดาห์หลังการฉีดถึงจะเริ่มเห็นผล และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

                                     

                                    การใช้งาน

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทันทีที่ฉีด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยยกกระชับผิว

                                     

                                    Rejuran

                                    • Polynucleotide (PN) เข้าไปกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ช่วยซ่อมแซมผิวเสีย และกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

                                     

                                    ความปลอดภัยและการรับรอง

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler ผ่านการรับรองจาก USFDA, อย. ไทย และ KFDA (เกาหลี) และใช้งานในกว่า 40 ประเทศ

                                     

                                    Rejuran

                                    • Rejuran ผ่านการรับรองจาก KFDA (เกาหลี) และใช้ในหลายประเทศในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

                                     

                                    การใช้งานในบริเวณต่าง ๆ

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะสำหรับใบหน้า ใต้ตา และลำคอ โดยเน้นการฟื้นฟูผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น

                                     

                                    Rejuran

                                    • Rejuran เหมาะสำหรับใบหน้าและบริเวณที่มีปัญหาผิวเสีย เช่น รอยแผลจากสิว หรือผิวบางจากการโดนแดด

                                     

                                    เหมาะกับใคร

                                    Dorothy Dewy Filler

                                    • Dorothy Dewy Filler เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูคุณภาพผิวในเชิงลึก ให้ผิวดูฉ่ำวาวและสุขภาพดี

                                     

                                    Rejuran

                                    • Rejuran เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเสียสะสม ผิวบางจากมลภาวะ รอยแผลเป็นจากสิว หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก

                                     

                                    Dorothy Dewy Filler เป็นฟิลเลอร์นวัตกรรม Skin Quality Filler ที่โดดเด่นเรื่องการเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว กระชับรูขุมขน และยกกระชับในหนึ่งเดียว ด้วย Hyaluronic Acid แบบเชื่อมขวาง (Crosslinked) ที่มีอนุภาคขนาดเล็ก (<100 ไมครอน) ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน 6-12 เดือน พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่น เช่น Belotero Revive, Skinvive, และ Rejuran ซึ่งเน้นคุณสมบัติเฉพาะด้าน เช่น เพิ่มความชุ่มชื้นหรือฟื้นฟูเซลล์ผิว Dorothy Dewy จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยรวม ให้ผิวดูฉ่ำวาว สุขภาพดี และตอบโจทย์ปัญหาผิวหลากหลายได้ในหนึ่งเดียว ทั้งยังเหมาะกับทุกสภาพผิวและปลอดภัยสูงสุด และหากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์ที่ได้รับการเทรนด์ผลิตภัณฑ์และมีประสบการณ์ในการฉีด

                                    แจกแพลนความสวย หุ่นจึ้ง ผิวเปล่งประกาย ทันวาเลนไทน์

                                    ผิวสวย หุ่นจึ้ง มั่นใจทุกโมเมนต์เตรียมตัวก่อนวาเลนไทน์

                                    แจกแพลนความสวย หุ่นจึ้ง ผิวเปล่งประกาย ทันวาเลนไทน์

                                     

                                    เคยไหม? ยิ่งใกล้วันสำคัญทีไร ผิวหน้ายิ่งไม่เป็นใจทุกที วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก เสกความสวยมาให้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อมกับแพลนผิวสวย หุ่นจึ้งแบบไม่มีสะดุด ไม่ว่าโมเมนต์ไหน ก็ต้องเป๊ะ มั่นใจเกินร้อย พร้อมออกเดตนัดสำคัญ ออร่าเปล่งประกายทันวันวาเลนไทน์ จัดเต็มทั้งงานผิว และรูปร่าง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

                                    เตรียมตัวปรับลุคใหม่ มั่นใจทุกโมเมนต์ พร้อมออกเดตทันวาเลนไทน์

                                     

                                    รวมโปรเเกรมก่อนวาเลนไทน์

                                     

                                    รวมโปรแกรมที่ควรทำ ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวาเลนไทน์

                                    Coolsculpting 

                                    • Coolsculpting คือ เทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็น โดยการส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง อุณหภูมิอยู่ที่ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียส ไปยังบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินสะสม เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน หรือเอว ซึ่งความเย็นระดับนี้ จะทำให้เซลล์ไขมันถูกแช่แข็ง และเกิดภาวะการตาย (Apoptosis) ในที่สุด เมื่อเซลล์ไขมันตายแล้ว ร่างกายจะเริ่มกระบวนการกำจัดเซลล์ไขมันเหล่านี้ ออกไปผ่านทางการขับถ่าย ทำให้ไขมันในบริเวณที่ทำลดลงอย่างถาวร โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ และเนื้อเยื่อบริเวณรอบข้าง
                                    • Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย และผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่ต้องการลดไขมันอย่างยั่งยืน รวมถึง คุณแม่หลังคลอดที่ต้องการลดไขมันส่วนเกิน
                                    • หลังทำ Coolsculpting จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของ รูปร่าง และสัดส่วนที่ลดลง ภายใน 3 – 4 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดเจนที่สุด ภายใน 3 เดือน ซึ่งการทำ Coolsculpting 1 ครั้ง สามารถลดไขมันได้มากถึง 27% ทั้งนี้ แนะนำให้กลับมาทำ Coolsculpting ซ้ำในจุดเดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
                                    • อาการที่เกิดขึ้นหลังทำ Coolsculpting จะรู้สึกปวดระบมเล็กน้อย ประมาณ 7 – 10 วันแรก รวมถึง อาจมีอาการบวม ชา และคันในบริเวณที่ทำ ประมาณ 1 เดือน ซึ่งถือเป็นอาการปกติ ไม่เป็นอันตรายใด ๆ และสามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ

                                     

                                    Emsella

                                    • Emsella คือ เทคโนโลยีกระชับอุ้งเชิงกราน ที่มาในรูปแบบเก้าอี้ โดยการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง หรือ High-Intensity Focused Electromagnetic (HIFEM) ไปยังบริเวณกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง เทียบเท่ากับการขมิบ หรือออกกำลังกายบริเวณอุ้งเชิงกราน มากถึง 11,200 ครั้ง เพียงแค่นั่งเฉย ๆ 30 นาที ก็สามารถฟื้นฟูอุ้งเชิงกรานให้กลับมาแข็งแรง แก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดได้อย่างตรงจุด รวมถึง ทำให้ช่องคลอดกระชับ ไม่หย่อนคล้อย เพิ่มความสุขทางเพศได้อีกด้วย โดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้า และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น
                                    • Emsella เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง ช่องคลอดไม่กระชับ ช่องคลอดหลวม มีปัญหาปัสสาวะเล็ดขณะจาม ไอ หรือยกของหนัก รวมถึง ผู้ที่สมรรถภาพทางเพศเสื่อม ต้องการเพิ่มความรู้สึกทางเพศ
                                    • หลังทำ Emsella สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่แนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน ประมาณ 3 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
                                    • อาการที่เกิดขึ้นหลังทำ Emsella อาจรู้สึกชา และร้อนบริเวณอุ้งเชิงกรานเล็กน้อย รวมถึง อาจรู้สึกปวดเมื่อยล้าบริเวณอุ้งเชิงกราน ซึ่งถือเป็นอาการที่ไม่อันตราย และสามารถหายได้เอง ภายใน 1 – 2 วัน

                                     

                                    รวมโปรแกรมความสวย ที่ควรทำ 14 วัน รับวาเลนไทน์
                                    รวมโปรแกรมความสวย ที่ควรทำ 14 วัน รับวาเลนไทน์

                                    Continue reading

                                    หน้าหมองเหมือนโดนของ อยากมีผิวกระจ่างใส ?

                                    หน้าหมอง เพราะโดนของ

                                    หน้าหมองเหมือนโดนของ อยากมีผิวกระจ่างใส ทำอย่างไรดี?

                                     

                                    เปิดศักราชใหม่เขย่าขวัญขั้นสุด พบกับปฐมบทแห่งเรื่องราวไสยศาสตร์ที่สะเทือนไปทั้งผิวหน้า เมื่อมีคนทักว่า หน้าหมองคล้ำเหมือนโดนของ ผิวโทรมไม่สดใส จนหลอนไปทุกโสตประสาท ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่มั่นใจ ที่จะคอยกัดกินจิตใจอย่างรุนแรงไม่มีที่สิ้นสุด สร้างความหวาดระแวง และความวิตกกังวลให้แก่ผู้ที่พบเห็นไปตลอดกาล 

                                    ต้องรีบแก้ไขด่วน! ร่วมค้นหาเบาะแส และวิธีการกู้หน้าหมอง เพราะบางทีอาจไม่ใช่การโดนของ แต่เป็นเพราะความเครียด พักผ่อนน้อย และผิวไม่ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ ทำให้หน้าหมองเหมือนถูกคุณไสยเล่นงานตลอดเวลา สำหรับใครที่อยากมูฟออนหน้าหมอง ฟื้นฟูผิวกระจ่างใส รมย์รวินท์ มีทางออกมาให้แล้วในบทความนี้ค่ะ

                                     

                                    คู่หู กู้หน้าหมอง ทวงคืนผิวใส x2
                                    คู่หู กู้หน้าหมอง ทวงคืนผิวใส x2

                                     

                                    สยบหน้าหมองเหมือนโดนของ สานต่อตำนานผิวใสที่ รมย์รวินท์

                                    6 ตัวการหน้าหมองคล้ำ ผิวไม่สดใส

                                    พักผ่อนไม่เพียงพอ

                                    • การนอนดึก หรือพักผ่อนน้อย ทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ออกมาในช่วงที่เราหลับสนิท เวลา 22.00 น. – 02.00 น. ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมร่างกาย หากนอนหลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้หน้าหมองคล้ำ ดูเหนื่อยล้า และไม่สดใสได้

                                    แสงแดด

                                    • รังสี UV จากแสงแดด เป็นตัวการหลักที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส โดยรังสี UV ในแสงแดดจะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินสะสม จนทำให้หน้าหมองคล้ำ ผิวแห้งเสีย อีกทั้ง ยังเร่งการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายอีกด้วย

                                    ความเครียด

                                    • ความเครียด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้หน้าหมอง เนื่องจากความเครียด จะกระตุ้นให้ร่างกายฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผิวหนัง ทำให้หน้าหมองคล้ำ และเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ เช่น สิว ริ้วรอย และจุดด่างดำ

                                    ดื่มน้ำน้อย

                                    • การดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น จนผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน ลอกเป็นขุยได้ ซึ่งส่งผลให้หน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา

                                    อายุ

                                    • อายุที่มากขึ้น เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หน้าหมองคล้ำ เนื่องจากร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพลง การผลัดเซลล์ผิวก็ช้าลงตามไปด้วย อีกทั้ง คอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง ก็ไม่สามารถผลิตออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส เกิดเป็นริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อยได้

                                    สภาพอากาศ

                                    • สภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศหนาว อากาศแห้ง หรืออยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวของเราถูกดูดความชุ่มชื้นออกไปจนหมด ส่งผลให้ผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย และหน้าหมองคล้ำได้

                                     

                                    คู่หู กู้หน้าหมอง ทวงคืนผิวใส X2

                                    โปรแกรม NU PICO BRIGHT 

                                    • NU PICO BRIGHT เป็นโปรแกรมเลเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Picosecond Laser ในการแก้ปัญหาผิวหน้าต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึง หน้าหมองคล้ำ และรูขุมขนไม่กระชับได้อย่างตรงจุด
                                    • โดย NU PICO BRIGHT นั้น ใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะอยู่ที่ 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร มีความถี่ 750 พิโควินาที สามารถยิงพลังงานเลเซอร์ที่มีความเร็วสูงในระดับ Picosecond (หนึ่งในล้านล้านวินาที) ไปยังเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ทำให้เม็ดสีแตกตัวออกเป็นอนุภาคเล็ก ๆ และสามารถกำจัดออกได้ง่ายตามธรรมชาติ โดยไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสมบนผิวหนัง จึงลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ หรือรอยดำหลังทำการรักษา
                                    • ข้อดีของการทำ NU PICO BRIGHT คือ ช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำเสีย ลดผิวที่หมองคล้ำ ให้กลับมาสว่าง กระจ่างใส ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ จุดด่างดำต่าง ๆ ดูจางลง ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว และช่วยให้รูขุมขนดูเรียบเนียนมากขึ้น โดยที่ไม่ทิ้งรอยแผล และไม่ตกสะเก็ดหลังทำ

                                     

                                    โปรแกรม REJURAN

                                    • REJURAN เป็นโปรแกรม Skin Booster ที่มี Polynucleotide (PN) เป็นส่วนประกอบ โดยสกัดมาจาก DNA ของปลาแซลมอน ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ถึง 98% สามารถฟื้นฟูผิวได้ถึงระดับโครงสร้าง โดยเฉพาะปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น หน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส รวมถึง รูขุมขุนกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                    • โดย สาร PN ใน REJURAN นั้น จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างรวดเร็ว เพื่อแทนที่เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพไป และกระตุ้นการหลั่ง Growth Factor ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ผิว รวมทั้ง กระตุ้นการทำงานของ Fibroblast ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน อีกทั้ง สาร PN ยังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการระคายเคืองของผิว และทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
                                    • ข้อดีของการทำ REJURAN คือ ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะ ปรับสีผิวให้สว่าง กระจ่างใส ลดความหมองคล้ำบนใบหน้า และคืนความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้น และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

                                     

                                    อยากหน้าใสทุกระดับ ต้องพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ รมย์รวินท์คลินิก

                                    อย่าปล่อยให้หน้าได้มีโอกาสหมอง พร้อมแล้วหรือยัง … ที่จะคืนชีพให้หน้ากระจ่างใส ด้วย 2 โปรแกรมพิเศษจาก รมย์รวินท์ ไม่ว่าจะเป็น NU PICO BRIGHT หรือ REJURAN ก็สามารถเพิ่มออร่าให้ผิวได้แบบไม่ต้องพัก พร้อมปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ มีความเรียบเนียน ดูเปล่งปลั่งกว่าที่เคยมีมา ยิ่งทำควบคู่กัน ผลลัพธ์ยิ่งปังกว่าเดิม ไม่ต้องทนหน้าหมองอีกต่อไป หน้าใสแบบนี้คุณก็มีได้แค่มา รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา

                                    กู้ผิวพัง จัดการเรื่องสิวให้จบใน 4 ขั้นตอน

                                    AC CLEAR III รีวิว

                                    กู้ผิวพัง จัดการเรื่องสิวให้จบใน 4 ขั้นตอน

                                     

                                    ชาวโซเชียลคงไม่มีใครไม่รู้จักกับ แฝดสาวหน้าฝรั่งหัวใจไทย “น้องกระถิน” และ “น้องมะลิ” เน็ตไอดอลอู้กำเมืองที่ดังมากๆ ในตอนนี้ คราวนี้น้องๆ ปิ๊กมาที่รมย์รวินท์คลินิกให้ช่วยดูแลเรื่องผิวด้วยจัดไปเจ้าาา!

                                     

                                    วันนี้กระถินจูงมือมากับมะลิมาให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลเรื่องผิวให้หน่อยค่ะ ปัญหาของกระถินและมะลิที่อยากจะให้คุณหมอช่วยจัดการก็คือเรื่องสิวนี่แหละค่ะ พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นกระถินและมะลิก็ต้องรักสวยรักงาม กลัวจะหน้าพัง ไม่สวยใสเหมือนคนอื่นๆ เขา แล้วยิ่งช่วงนี้สิวก็ขึ้นง่ายมาก เพราะต้องเจอทั้ง ฝุ่น PM 2.5 และมลภาวะเยอะ ทำให้ผิวหน้าของกระถินและมะลิยิ่งมีสิวเห่อเขาไปกันใหญ่ ตอนนี้ไม่ว่ากระถินและมะลิจะใช้ครีมบำรุง หรือยารักษาสิวอะไรก็ไม่ค่อยได้ผล และไม่อยากจะรักษาเองเพราะกลัวถ้าใช้อะไรไม่ถูกกับหน้า หรือรักษาผิดวิธีจะยิ่งแย่กว่าเดิม วันนี้กระถินและมะลิก็เลยเข้ามาที่รมย์รวินท์คลินิก มาปรึกษากับคุณหมอแวว (พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์) ให้คุณหมอช่วยพวกเราด้วย

                                     

                                    AC CLEAR III รีวิว
                                    AC CLEAR III รีวิว

                                     

                                    คุณหมอแวววิเคราะห์ปัญหาของกระถินและมะลิ และเลือกรักษาด้วย AC CLEAR III ซึ่งเป็นโปรแกรมรักษาสิวที่สามารถจัดการได้ทั้งปัญหาสิวเรื้อรัง และปัญหาสิวซ้ำซากให้กระถินและมะลิได้ โดยใช้แค่การรักษาแค่ 4 ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการกดสิว คุณหมอจะกดสิวที่อุดตัน ทั้งสิวหัวขาว และสิวหัวดำออกก่อน คุณหมอแววบอกว่าสิวพวกนี้ถ้าไม่จัดการกดออกมันจะทำให้อุดตันจนเกิดเป็นสิวอักเสบ ทีนี้จะยิ่งแก้ไขยากเลยค่ะ สำหรับสิวอักเสบคุณหมอจะจัดการยับยั้งด้วยการฉีดตัวยาเข้าไปตรงจุดที่เป็นสิวค่ะ เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ บวมแดง และยังช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวซ้ำซาก สิวใหม่อีกด้วยค่ะ ขั้นตอนต่อไปคุณหมอก็จะใช้เลเซอร์สำหรับการฆ่าเชื้อสิวบนใบหน้า ซึ่งนอกจากเรื่องสิวแล้ว ตัวเลเซอร์ยังช่วยลดเลือนรอยดำ รอยแดง และแผลจากสิว ปรับผิวหน้าให้กระจ่างใสมากขึ้น และยังช่วยยับยั้งความมันบนใบหน้าเพื่อลดโอกาสการเกิดสิวค่ะ ขั้นตอนสุดท้ายคือการทำทรีตเมนต์ โดยขั้นตอนนี้จะเป็นทั้งการบำรุง และการผลักตัวยาลงสู่ผิวเพื่อลดการอักเสบของผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นขั้นตอนนี้เหมือนได้ผ่อนคลายผิวหน้าเลยค่ะ 

                                     

                                    AC CLEAR III
                                    AC CLEAR III รีวิว

                                     

                                    ตอนทำรู้สึกสบายมากเลยค่ะ ใช้เวลาทำเพียงแค่ 30 นาที และผลลัพธ์หลังจากที่ได้ทำ AC CLEAR III กระถินและมะลิรู้สึกได้เลยว่าผิวของตัวเองได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ ด้วยวิธีที่ถูกต้องมาก พวกสิวอักเสบ หรือสิวอุดตันก็ลดลงเยอะมาก และพวกรอยจากสิวก็จางลงกว่าก่อนทำ หน้าดูกระจ่างใสขึ้นมากเลยค่ะ ต่อไปนี้กระถินและมะลิก็โชว์หน้าสดได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องคอยกังวลแล้วค่ะ ใครที่เป็นสิวแบบกระถินและมะลิมาลองทำ AC CLEAR III ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะคะจะได้หน้าสวยใสแบบเราสองคนค่ะ 

                                     

                                    คุณกระถิน AC CLEAR III
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                     

                                    AC CLEAR III คืออะไร

                                    AC CLEAR III คือ โปรแกรมที่ช่วยรักษาสิวบนใบหน้าได้ตั้งแต่ต้นตอของการเกิดสิว ทำให้หน้ากลับมาดูสวยกระจ่างใสอีกครั้ง ผ่านขั้นตอนการรักษาใน 4 ขั้นตอน

                                     

                                    • Step 1 ขั้นตอนการกดสิว 

                                    ขั้นตอนนี้จะทำการกดสิวที่อุดตันบนใบหน้า ทั้งสิวหัวดำ และสิวหัวขาว หยุดการอักเสบก่อนที่สิวเหล่านี้จะพัฒนากลายไปเป็นสิวอักเสบในอนาคต

                                     

                                    • Step 2 ขั้นตอนการฉีดสิว

                                    ขั้นตอนนี้จะช่วยยับยั้งอาหารบวมของสิวที่ไม่มีหัวก่อนที่จะกลายเป็นสิวอักเสบ หรือสิวหนอง ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยและหลุมสิว และการฉีดยังช่วยลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ได้อีกด้วย

                                     

                                    • Step 3 ขั้นตอนการเลเซอร์

                                    ขั้นตอนนี้จะใช้เลเซอร์ในการฆ่าเชื้อสิว ลดอาการบวม อักเสบของผิว ช่วยปรับสีผิว รอยดำ รอยแดงจากสิวให้ผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น และยังช่วยลดความมัน ปรับผิวให้สมดุลเพื่อลดโอกาสในการเกิดสิวใหม่อีกด้วย 

                                     

                                    • Step 4 ขั้นตอนการทรีตเมนต์  

                                    ขั้นตอนนี้เป็นการผลักตัวยา P-Acne เข้าไปสู่ผิวชั้นลึก เพื่อลดอาการอักเสบของผิว และยังช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น ปรับผิวให้กระจ่างใส

                                     

                                    คุณมะลิ AC CLEAR III
                                    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                     

                                    รักษาสิวด้วย AC CLEAR III ดีอย่างไร

                                    • AC CLEAR III ช่วยรักษาสิวได้ถึงต้นตอของการเกิดสิว
                                    • AC CLEAR III ช่วยรักษาสิวด้วยขั้นตอนที่ถูกต้องและไม่ทำร้ายผิว
                                    • AC CLEAR III ช่วยฟื้นฟูผิวให้สวยสดใส
                                    • AC CLEAR III ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวใหม่
                                    • AC CLEAR III ช่วยรักษาสิวให้หายโดยไม่มีการเลี้ยงไข้
                                    • AC CLEAR III ช่วยรักษาได้ทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ รอยดำ และรอยแดงที่เกิดจากสิว
                                    • AC CLEAR III ช่วยปลอบประโลมผิวได้ดีกว่าการรักษาสิวแบบทั่วไป 

                                     

                                    ใครที่มีปัญหาสิวอย่าปล่อยเอาไว้ มารักษาให้หายด้วย AC CLEAR III แบบคุณกระถินและมะลิ เพียงแค่ 4 ขั้นตอนก็ทำให้คุณเป็นเจ้าของหน้าสวยใสได้อีกครั้งนะคะ หรือใครที่มีปัญหาผิวเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศได้เลยนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น

                                    ปิดตำนานรอยลบสักตลอดกาลด้วย PICO UN-TATTOO

                                    ลบรอยสัก PICO UN-TATTOO

                                    ปิดตำนานลบรอยสักตลอดกาลด้วย PICO UN-TATTOO

                                     

                                    สร้างปรากฏการณ์สั่นสะเทือนรูปแบบใหม่ กับจักรวาลความสยองขวัญ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรอยสักที่สวยงาม เตรียมปิดตำนานต้นกำเนิดรอยสักอาถรรพ์ที่ไม่มีวันจางหาย และยากจะลบเลือน คอยตามหลอกหลอนไปทุกหนทุกแห่งไม่มีวันสิ้นสุด ทุกคนจะต้องจดจำรอยสักนี้ไปตลอดกาล หากไม่สามารถลบออกได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งรอยสักนี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่รอการแก้ไข จะมีวิธีใดที่สามารถกำจัดรอยสักนี้ได้บ้าง? โดยไม่หลงเหลือรอยใด ๆ บนร่างกาย บทความนี้รวบรวมมาให้แล้ว พร้อมแนะนำทางเลือกใหม่ ในการลบรอยสักอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงค่ะ

                                     

                                    ลบต้นกำเนิด จักรวาลความผิดพลาดสู่ผิวสวยตลอดกาล
                                    ลบต้นกำเนิด จักรวาลความผิดพลาดสู่ผิวสวยตลอดกาล

                                     

                                    เตรียมลบต้นกำเนิดรอยสัก จักรวาลความพลาด สู่ผิวสวย ตลอดกาล

                                    4 วิธีลบรอยสักยอดฮิต มีอะไรบ้าง?

                                    การลบรอยสักมีหลากหลายวิธี แต่ละวิธีก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งการเลือกวิธีลบรอยสักนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งขนาดของรอยสัก สีของหมึก และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่วิธีที่นิยมใช้สำหรับการลบรอยสัก มีดังนี้

                                    • ลบรอยสักด้วยน้ำยาลบรอยสัก 

                                    การลบรอยสักด้วยน้ำยาลบรอยสัก เป็นวิธีการที่มีความเสี่ยงสูง และไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง โดยน้ำยาลบรอยสักส่วนใหญ่ มักมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งจะกัดเซาะผิวหนังบริเวณที่มีรอยสัก ทำให้เม็ดสี และน้ำหมึกที่ฝังอยู่จางหายไป ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังสูง ทำให้ผิวไหม้ เกิดการติดเชื้อ หรือเกิดแผลเป็นขั้นรุนแรงได้

                                    • ลบรอยสักด้วยการศัลยกรรมผ่าตัด

                                    การศัลยกรรมผ่าตัดลบรอยสัก เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับรอยสักขนาดเล็ก โดยจะตัดเอาผิวหนังที่มีรอยสักออกไปโดยตรง และทำการเย็บแผลปิดบริเวณที่ผ่าตัด ซึ่งหลังทำมีโอกาสที่จะเกิดรอยแผลเป็นใหม่ และใช้เวลาในการพักฟื้นค่อนข้างนาน รวมถึง มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการติดเชื้อ เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ 

                                    • ลบรอยสักด้วยการกรอผิวหนัง

                                    การลบรอยสักด้วยการกรอผิวหนัง เป็นวิธีการที่ใช้เครื่องมือแพทย์กรอผิว เพื่อขัดเอาเม็ดสี และน้ำหมึกออกจากผิวหนัง ทำให้รอยสักจางลง แต่ไม่สามารถหายไปได้ทั้งหมด ซึ่งจะต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงเห็นผลชัดเจน อีกทั้ง ขณะทำอาจรู้สึกเจ็บ และรู้สึกแสบในบริเวณที่ทำการกรอผิวหนังได้

                                    • ลบรอยสักด้วยเลเซอร์

                                    การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เช่น เครื่อง PICO UN-TATTOO เนื่องจากเป็นทางเลือกที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และลดโอกาสในการเกิดแผลเป็น โดยเลเซอร์จะปล่อยพลังงานแสงเข้าไป เพื่อทำลายเม็ดสี และน้ำหมึกที่ฝังอยู่บนผิวหนัง ทำให้รอยสักบริเวณนั้นค่อย ๆ จางลง และหายไปตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งรอยแผล และไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณรอบ ๆ แต่อาจจะต้องมีการทำหลายครั้ง จึงจะสามารถลบรอยสักออกได้ทั้งหมด 

                                     

                                    ลบเกลี้ยง PICO UN-TATTOO
                                    ลบเกลี้ยง PICO UN-TATTOO

                                     

                                    PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก ทางเลือกใหม่ ลบเกลี้ยงทุกรอยสัก กำจัดได้ทุกเม็ดสี

                                    PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก คืออะไร? ทำไมถึงนิยมลบรอยสัก?

                                    PICO UN-TATTOO คือ เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในการรักษาปัญหาผิว และลบรอยสักได้ทุกสี ทุกขนาด โดยใช้พลังงานความยาวคลื่นที่มีความหลากหลาย ได้แก่ 532 นาโนเมตร 670 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร สามารถตอบโจทย์สำหรับการรักษาปัญหาผิวทุกรูปแบบ ตั้งแต่ฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง หลุมสิว ไปจนถึงรอยสักได้อย่างตรงจุด ซึ่งการมีพลังงานความยาวคลื่นที่หลากหลายนั้น ทำให้สามารถปรับพลังงานได้ตามความเหมาะสมกับรอยสักในแต่ละสี ทั้งสีดำ สีแดง สีเหลือง หรือสีน้ำเงิน

                                    อีกทั้ง เครื่อง PICO UN-TATTOO ยังสามารถปล่อยพลังงานในระดับ Nanosecond และ Picosecond ซึ่งมีความเร็วสูงมาก ทำให้เกิดปฏิกิริยา Photo-acoustic ที่ช่วยให้เม็ดสีแตกกระจาย เป็นโมเลกุลขนาดเล็กละเอียดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายกำจัดออกไปได้ง่ายขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมใต้ผิวหนัง จึงลดโอกาสในการเกิดแผลเป็น และผิวไหม้หลังทำ

                                    นอกจากนี้ PICO UN-TATTOO ยังมีโหมด Pico Genesis ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียน มีความแข็งแรง และดูกระจ่างใสขึ้นหลังจากทำการรักษา 

                                     

                                    PICO UN-TATTOO ลบรอยสักมีข้อดีอะไรบ้าง?

                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการเม็ดสี โดยเฉพาะรอยสักได้ทุกสี ทุกขนาด ทั้งรอยสักสีดำ สีน้ำตาล สีแดง สีเขียว หรือสีน้ำเงิน
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก สามารถรักษาปัญหาผิวได้หลากหลาย นอกจากการลบรอยสักแล้ว PICO UN-TATTOO ยังใช้รักษาปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น ฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง หลุมสิว และรูขุมขนกว้าง
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่มีความร้อนสะสมใต้ชั้นผิว ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็น หรือผิวไหม้ ผิวเบิร์นหลังทำ
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาผิวของแต่ละบุคคล
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก ได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการรักษา
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก ไม่ต้องมีการพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

                                     

                                    PICO UN-TATTOO ลบรอยสักเหมาะกับใคร?

                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระตื้น กระลึก และกระแดด
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง รูขุมขนไม่กระชับ
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลบรอยสักทุกสี ทุกขนาด
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็น รอยแตกลาย
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสีผิวให้ดูสว่าง กระจ่างใส
                                    • PICO UN-TATTOO ลบรอยสัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสี

                                     

                                    จะเห็นได้ว่า การทำ PICO UN-TATTOO ลบรอยสักถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลบรอยสัก และสามารถจัดการกับปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว หลุมสิว หรือรูขุมขนกว้าง โดยไม่ทำลายผิวหนังบริเวณรอบข้าง ทำให้มีความปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการแก้ไขปัญหาผิว หรือต้องการลบรอยสัก สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้แล้ววันนี้ ที่รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา

                                    ร่วมทายพรีเซนเตอร์ ! ใครเป็น GEN ใหม่ของ รมย์รวินท์คลินิก

                                    ทายพรีเซนเตอร์

                                    ทายพรีเซนเตอร์ ! ใครเป็น GEN ใหม่ของ รมย์รวินท์คลินิก

                                     

                                    เปิดศักราชใหม่ 2025 ทั้งที แน่นอนว่า..ตัวจริง ตัวแม่อย่าง รมย์รวินท์ Beauty Clinic No.1 in Thailand จะต้องมีสิ่งใหม่ๆ จัดมาคุณในแบบที่ให้ไฉไลกว่าเดิมแน่น๊อนนน..

                                    ในปี 2025 นี้ รมย์รวินท์คลินิกมาภายใต้คอนเซปต์ “For the better you ให้คุณดูดีได้ในแบบที่เป็นคุณ” ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เราพร้อมดูแลเรื่องความสวยให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการทุกท่านให้ดูดีและมั่นใจในทุกๆ วัน 

                                    นอกจากความสวยที่ รมย์รวินท์คลินิก พร้อมดูแลคุณแล้ว ยังเป็นเวลาดีสำหรับการเปิดตัว ตัวแทนคนรุ่นใหม่ New Gen..New Presenter คนต่อไปของ รมย์รวินท์คลินิก

                                     

                                    ไหนๆจะเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ทั้งที ! รมย์รวินท์คลินิกจะต้องเล่นใหญ่กันหน่อย  งานนี้มีกิจกรรม ร่วมทายพรีเซนเตอร์คนใหม่ให้ร่วมสนุกกัน พร้อมรับไปเลยของรางวัลสุดพิเศษ

                                    คำใบ้สำหรับพรีเซนเตอร์ คนนี้คือ … เป็นผู้หญิงสวย สูง หุ่นดี ไม่ว่าจะลุค หวาน หรือเซ็กซี่ก็เอาอยู่หมด สวย และเก่ง ครบจบทุกด้านในคนเดียว 

                                     

                                    ใบ้แค่นี้ก่อน !!  แล้วมาร่วมสนุกกันทาง Facebook FanPage คลิก >> :https://www.facebook.com/RomrawinClinic

                                     

                                    ทายพรีเซนเตอร์
                                    ทายพรีเซนเตอร์

                                     

                                    เพียงเท่านี้ คุณก็มีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้ลุ้นรับของรางวัลจาก รมย์รวินท์คลินิกกว่า 500,000 บาท 170 รางวัล ดังนี้ !!

                                    • iPhone 16 Pro Max จำนวน 1 รางวัล
                                    • ipad จำนวน 2 รางวัล
                                    • Apple Watch จำนวน 2 รางวัล
                                    • Oligio โปรแกรมยกกระชับ ปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นกว่าเดิม จำนวน 3 รางวัล
                                    • Laser Hair Removal (รักแร้)  ให้ผิวใต้วงแขนเรียบเนียน ไร้ขน จำนวน  20 รางวัล
                                    • P White  ทรีทเมนท์ บำรุงผิวให้กระจ่างใส จำนวน 25 รางวัล 
                                    • Acne Clear โปรแกรมรักษาสิว ด้วยเทคนิคของรมย์รวินท์คลินิก จำนวน  60 รางวัล
                                    • ให้วิตามินผิว เพื่อผิวกระจ่างใส จำนวน  60  รางวัล

                                     

                                    บอกเลยว่าพรีเซนเตอร์คนนี้น่ารักจน คุณจะหลงรักเธอได้อย่างง่ายดาย เพราะเราหลงรักเธอไปแล้ว จน อดใจไม่ไหวต้องคว้าตัวมาร่วมงานเลยทีเดียว พูดมาขนาดนี้! ทุกคนต้องอยากรู้แล้วใช่มั้ย ว่าเป็นใคร ยังไม่บอก แต่จะใบ้เพิ่มให้อีกหน่อยว่า  “เธอคนนี้มีความน่ารัก สวยสดใส และมีความมั่นใจ กล้าแสดงออก ทั้งการแสดงและเล่นกีฬา ไม่ว่าจะบทบาทไหน ก็มีความมั่นใจและดูดีได้ในแบบที่เป็นตัวเอง”

                                     

                                    ได้คำใบ้ทั้งหมดแล้ว ทายชื่อที่คุณคิดว่าใช่ ที่สุด เพียง 1 ชื่อเท่านั้น พร้อมเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นเธอคนนี้ ใต้ Comment  พร้อมกด Like & Share >>  https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1011587614345063&set=a.1011587614345063

                                    ทายพรีเซนเตอร์ ! ใครเป็น GEN ใหม่ของ รมย์รวินท์คลินิก

                                     

                                    ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2568 เป็นต้นไป  ย้ำอีกครั้ง ว่า เริ่มร่วมสนุกในวันที่ 11 มกราคม 2568 เท่านั้น

                                    พร้อยเฉลย Presenter คนใหม่ของ รมย์รวินท์คลินิกรู้ไปเลยพร้อมกันทุกช่องทางออนไลน์ทั่วประเทศ ในวันที่ 21 มกราคม 2568 นี้พร้อมกันแน่นอน! 

                                    ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอยรอบดวงตา

                                    โบยกหางตา

                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                      ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอยรอบดวงตา ทางเลือกใหม่ในการปรับใบหน้าให้อ่อนเยาว์

                                      การฉีดโบยกหางตา เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปหน้า ที่ช่วยลดริ้วรอยและยกหางตาให้ดูสดใสขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยตีนกาและหางตาตก ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูมีอายุและไม่สดใส การฉีดโบยกหางตาจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณหางตา ทำให้ริ้วรอยเหล่านี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด 

                                       

                                      นอกจากนี้ยังช่วยให้ดวงตามีลักษณะที่เปิดกว้างและสดใสขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดโบยกหางตา รวมถึงข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีการดูแลตัวเองที่เหมาะสมที่สุด

                                       

                                      โบยกหางตา คืออะไร
                                      โบยกหางตา คืออะไร

                                       

                                      ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย คืออะไร?

                                      ฉีดโบยกหางตา คือ การฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเข้าไปในบริเวณหางตา เพื่อช่วยลดริ้วรอยและยกหางตาให้ดูสูงขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาริ้วรอยหางตาและหางตาตก ซึ่งจะทำให้ผิวบริเวณหางตาและรอบดวงตาเรียบเนียนและกระชับขึ้น ช่วยให้ดวงตามีความสดใสและกลมโตมากขึ้น

                                       

                                      ปัญหาหางตาตก เกิดจากอะไร?

                                       

                                      ปัญหาหางตาตกเกิดจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของใบหน้าและการเปลี่ยนแปลงตามอายุ ดังนี้

                                       

                                      • อายุที่มากขึ้น

                                      เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงและยืดหยุ่น ทำให้ผิวหนังบริเวณหางตาหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย ส่งผลให้หางตาดูตกลงต่ำกว่าเดิม

                                      • โครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ

                                      โครงสร้างกระดูกเบ้าตาที่ผิดปกติ เช่น กระดูกโหนกคิ้วที่โค้งลงมากเกินไป หรือความหนาของกระดูก สามารถส่งผลต่อระดับของหางตาได้ นอกจากนี้ กล้ามเนื้อที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของเปลือกตาอาจมีความผิดปกติหรืออ่อนแรง ทำให้ไม่สามารถยกหางตาขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                      • การสะสมของไขมัน

                                      การสะสมไขมันบริเวณหางตา อาจทำให้เกิดความรู้สึกว่าหางตาตก เนื่องจากไขมันส่วนเกินจะดึงผิวหนังให้หย่อนคล้อยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดลักษณะหางตาที่ดูตกลง

                                      • กรรมพันธุ์

                                      บางคนอาจมีปัญหาหางตาตกเนื่องจากกรรมพันธุ์ ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างของดวงตาและผิวหนังบริเวณรอบดวงตา โดยเฉพาะในคนเอเชียที่มักมีเนื้อบริเวณรอบดวงตามากกว่าคนในทวีปอื่น

                                      • พฤติกรรมการใช้ชีวิต

                                      การขยี้ตาบ่อย ๆ การสัมผัสแดดโดยไม่ทาครีมกันแดดปกป้องผิว และการนอนหลับไม่เพียงพอ สามารถทำให้ผิวหนังรอบดวงตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย

                                      • ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ

                                      บางครั้ง ปัญหาหางตาตกอาจเกิดจากโรคหรือภาวะทางการแพทย์ เช่น ความผิดปกติของระบบประสาท หรือโรคที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการหนังตาตกหรือหางตาตก

                                       

                                      ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอยรอบ ช่วยอะไร?

                                      การฉีดโบยกหางตา เป็นหัตถการที่ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอย และความหย่อนคล้อยบริเวณรอบดวงตา ซึ่งช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนี้

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ช่วยลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาและหางตา
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ช่วยยกหางตา ทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ช่วยปรับให้ใบหน้าโดยรวมดูดีขึ้น
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงอันตราย
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้นนาน
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น

                                       

                                      โบยกหางตา เหมาะกับใคร
                                      โบยกหางตา เหมาะกับใคร

                                       

                                      ใครบ้างที่ควรฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย?

                                      การฉีดโบยกหางตาเหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป 
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับคนที่ชั้นตาหลบใน
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับคนที่มีปัญหาหางตาตก คิ้วตก
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับคนที่มีปัญหาหนังตาหย่อนคล้อย
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหางตาจากการแสดงสีหน้า
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับคนที่ต้องการปรับใบหน้าให้สดใส อ่อนเยาว์
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

                                       

                                      ใครที่ไม่ควรฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      คนที่ไม่ควรฉีดโบยกหางตาเพื่อลดริ้วรอยรอบดวงตา มีดังนี้

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับคนที่มีอาการแพ้สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับคนที่มีการติดเชื้อบริเวณที่ต้องการฉีด
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับคนที่มีแผลเปิดบริเวณที่ต้องการฉีด
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหนัง เช่น สิว ผดผื่น ควรรักษาให้หายก่อนฉีด
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับคนที่ใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร เพราะฉีดโบสลายได้เองตามธรรมชาติ

                                       

                                      ข้อดีของการฉีดโบยกหางตา
                                      ข้อดีของการฉีดโบยกหางตา

                                       

                                      ข้อดีและข้อเสียของการฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอยรอบดวงตา

                                      ข้อดีของการฉีดโบยกหางตาเพื่อลดริ้วรอย มีดังนี้

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องมีรอยแผลเป็น
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย สามารถเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ช่วยยกหางตา แก้ปัญหาหางตาตก
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ช่วยให้ดวงตาดูโตขึ้นและสดใสขึ้น
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหางตาและรอบดวงตา

                                       

                                      ข้อเสียของการฉีดโบยกหางตาเพื่อลดริ้วรอย มีดังนี้

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงประสิทธิภาพ
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ไม่เหมาะสำหรับปัญหาหางตาตกมาก
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย อาจเกิดอาการข้างเคียง เช่น หนังตาตก หรือเปลือกตาตก
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ หากฉีดในสถานพยาบาลที่ไม่สะอาด
                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย อาจส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียง

                                       

                                      ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เลือกยี่ห้อไหนดี?

                                      การเลือกยี่ห้อฉีดโบสำหรับการฉีดยกหางตาเพื่อลดริ้วรอยนั้นมีความสำคัญ เนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกใช้ ดังนี้

                                       

                                      ฉีดโบยกหางตายี่ห้อ Allergan

                                      • จุดเด่น : เป็นแบรนด์ที่มีการเลือกใช้งานยาวนานที่สุดในโลก และได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา มีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์เร็ว เห็นผลชัดเจนภายใน 3-7 วัน และคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ทำให้มีความปลอดภัย และมีความแม่นยำตรงจุด
                                      • ข้อดี : สามารถใช้ในการรักษาได้หลายตำแหน่ง เช่น ลดริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก แก้ม ปีกจมูก และกราม เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อลดเหงื่อในบริเวณรักแร้ และปรับรูปร่างของแขนและขาได้

                                       

                                      ฉีดโบยกหางตายี่ห้อ Dysport

                                      • จุดเด่น : เป็นยี่ห้อฉีดโบยกหางตาที่มาจากประเทศอังกฤษ มีโมเลกุลที่เล็กกว่าทำให้สามารถกระจายตัวได้กว้างและทั่วถึงเมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว มีโอกาสน้อยที่จะเกิดอาการดื้อยา ผลลัพธ์จากการฉีด Dysport มักจะดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ใบหน้าตึงหรือแข็งเกินไป
                                      • ข้อดี : มีความหลากหลายในการใช้งาน ด้วยคุณสมบัติในการกระจายตัวอย่างดี ออกฤทธิ์รวดเร็ว มีระยะเวลาการอยู่ได้นาน ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติ และเหมาะสำหรับการฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อบริเวณแขน น่อง

                                       

                                      ฉีดโบยกหางตายี่ห้อ Xeomin

                                      • จุดเด่น : มีจุดเด่นที่สำคัญคือความบริสุทธิ์สูงถึง 100% ซึ่งไม่มีโปรตีนที่ไม่จำเป็นเจือปน ทำให้ลดโอกาสเกิดอาการแพ้และดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีโมเลกุลขนาดเล็กที่ช่วยให้กระจายตัวได้ดี ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและไม่แข็งตึง นอกจากนี้ Xeomin ยังได้รับการรับรองจาก USFDA ซึ่งยืนยันถึงความปลอดภัยและคุณภาพของตัวยา
                                      • ข้อดี : สามารถใช้ในการรักษาได้หลายตำแหน่ง เช่น ลดริ้วรอยบนใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียว และลดกล้ามเนื้อกราม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เคยมีปัญหาการดื้อยา

                                       

                                      ฉีดโบยกหางตายี่ห้อ Aestox

                                      • ข้อดี : มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการดื้อยาและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังออกฤทธิ์เร็วและเห็นผลได้ภายในเวลาอันสั้น ทำให้เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ 
                                      • จุดเด่น :สามารถใช้ในการลดริ้วรอยต่าง ๆ เช่น รอยหางตา รอยย่นระหว่างหน้าผาก หรือปรับรูปหน้าให้เรียว  มีความบริสุทธิ์มาก ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และออกฤทธิ์เร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย และปรับรูปหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

                                       

                                      ฉีดโบยกหางตายี่ห้อ Nabota

                                      • ข้อดี : มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการดื้อยา เป็นยี่ห้อฉีดโบยกหางตายี่ห้อเกาหลีเพียงยี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) ใช้เทคโนโลยี Hi-PURE ที่พัฒนามานานกว่า 30 ปี ซึ่งช่วยในการสกัดและผลิต
                                      • จุดเด่น : มีความบริสุทธิ์มาก ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และได้รับการรับรองจาก US FDA ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย และปรับรูปหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

                                       

                                      ฉีดโบหางตา ที่ไหนดี? เคล็ดลับเลือกคลินิกให้ปลอดภัย

                                      • เลือกคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง

                                      ตรวจสอบว่าเป็นคลินิกที่มีการจดทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุข มีใบอนุญาตชัดเจน และดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความรู้ประจำคลินิก

                                      • ฉีดโบยกหางตากับแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์

                                      แพทย์ที่มีความรู้จะเข้าใจกายวิภาคของใบหน้าว่ากล้ามเนื้อบริเวณหางตามีความซับซ้อน การฉีดในตำแหน่งที่ผิดอาจทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือผิดธรรมชาติ เพราะฉะนั้นการฉีดโบกับแพทย์ที่มีความรู้มีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อันตรายในอนาคต

                                      • ฉีดโบแท้ที่มีความปลอดภัยเท่านั้น

                                      ฉีดโบหางตาที่ดีควรเป็นของแท้ มีการรับรองจาก อย. เช่น ยี่ห้อ Allergan, ยี่ห้อ Xeomin, หรือ ยี่ห้อ Dysport แพทย์ควรเปิดขวดใหม่ต่อหน้าเพื่อความมั่นใจ

                                      • ตรวจสอบชื่อเสียงและรีวิว

                                      ค้นหาข้อมูลและรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงผ่านเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อดูประสบการณ์ของลูกค้าคนอื่น ๆ ในการประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกฉีดโบหางตา

                                       

                                      เปรียบเทียบการฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย กับการยกหางตาวิธีอื่น ๆ 

                                      การยกหางตา เป็นวิธีการที่ช่วยปรับรูปทรงของดวงตาให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยมีหลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ได้ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้

                                       

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      การทำงาน : เป็นการฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อบริเวณใต้ท้องคิ้ว เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ดึงหางตาตก ทำให้หางตายกขึ้นและใบหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

                                      ข้อดี : ช่วยให้หางตาที่ตกลงกลับมายกขึ้น โดยการคลายกล้ามเนื้อที่ดึงหางตาลง ทำให้ดวงตาดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น เป็นทางเลือกที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและปลอดภัย

                                       

                                      • ร้อยไหมยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      การทำงาน : เป็นการใช้ไหมชนิดละลายร้อยเข้าไปในชั้นผิวบริเวณเหนือหางตา เพื่อกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

                                      ข้อดี : ช่วยยกหางตาที่ตกลงให้กลับมาสูงขึ้นทันทีหลังทำ โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

                                       

                                      • ฟิลเลอร์ยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      การทำงาน : เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อเติมเต็มและยกคิ้วขึ้น

                                      ข้อดี : ช่วยยกหางตาโดยการฉีดเข้าไปที่ใต้คิ้ว ทำให้หางตายกสูงขึ้นตามแนวคิ้วที่ถูกยกขึ้น สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

                                       

                                      • Ulthera SPT ยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      การทำงาน : เป็นการใช้เทคโนโลยีพลังงานเสียงในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

                                      ข้อดี : การยกหางตาด้วย Ulthera SPT ให้ผลลัพธ์การยกหางตาแบบ 3 มิติ ทั้งส่วนหางตา ขมับ และชั้นผิวโดยรอบ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ และผลลัพธ์จะดีขึ้นต่อเนื่องใน 2-3 เดือน

                                       

                                      • ศัลยกรรมยกหางตา

                                      การทำงาน : เป็นการผ่าตัดเพื่อยกหางคิ้วหรือหนังตา ด้วยเทคนิค Subbrow Lift หรือ เทคนิค Temporal Lift ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้หางตายกสูงขึ้น และยังช่วยแก้ไขปัญหารอยตีนกาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                      ข้อดี : การศัลยกรรมยกหางตา ช่วยให้หางตาที่ตกหรือหย่อนคล้อยกลับมายกขึ้น ลดรอยเหี่ยวย่นบริเวณหางตาและรอยหางตา ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ ผลลัพธ์จากการศัลยกรรมยกหางตามักจะคงอยู่ได้ถาวร โดยสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ

                                       

                                      เตรียมตัวก่อนฉีด โบยกหางตา
                                      เตรียมตัวก่อนฉีด โบยกหางตา

                                       

                                      การเตรียมตัวก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      การเตรียมตัวก่อนฉีดโบยกหางตา เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้การทำฉีดโบยกหางตาเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นควรปฏิบัติตามข้อแนะนำ ดังนี้

                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ควรแจ้งโรคประจำตัวและยาที่รับประทานประจำให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนฉีด
                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ควรตรวจสอบโบที่ใช้ว่าแท้หรือไม่ เพื่อความมั่นใจว่าเป็นโบแท้
                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดทานอาหารเสริมประเภทวิตามินอี น้ำมันปลา ก่อนฉีด 1 สัปดาห์
                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดทานยาที่มีผลต่อการเข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ก่อนฉีด 1 สัปดาห์
                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
                                      • ก่อนฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดการสครับหรือขัดหน้าเป็นเวลา 2-3 วันก่อนฉีด

                                       

                                      ขั้นตอนการฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      การฉีดโบยกหางตา เป็นหัตถการการที่ช่วยปรับรูปทรงของดวงตาให้ดูสดใสและลดริ้วรอย โดยมีขั้นตอน ดังนี้

                                      1. พบแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์และประเมินปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนฉีดโบยกหางตา 
                                      2. แพทย์จะพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการของ และแนะนำยี่ห้อโบยกหางตา รวมถึงปริมาณตัวยาที่เหมาะสม
                                      3. ทำความสะอาดผิวหน้าบริเวณที่จะฉีดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและแอลกอฮอล์
                                      4. เริ่มแปะยาชาบริเวณที่ต้องการฉีดโบยกหางตา เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด โดยรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 15-30 นาที
                                      5. แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดโบหางตาเข้าไปบริเวณใต้ท้องคิ้วแถวหางตา
                                      6. ในระหว่างการฉีดโบยกหางตา อาจมีการประคบเย็นเพื่อลดอาการเจ็บและบวมแดงจากเข็ม
                                      7. เมื่อทำการฉีดโบยกหางตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด

                                       

                                      เตรียมตัวก่อนฉีด โบยกหางตา
                                      เตรียมตัวก่อนฉีด โบยกหางตา

                                       

                                      การดูแลตัวเองหลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      การดูแลตัวเองหลังฉีดโบยกหางตา เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำ ดังนี้

                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดการสัมผัส หรือ กดบริเวณที่ฉีดในช่วง 4 ชั่วโมงแรก
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดการอบซาวน่า หรือการอยู่ในที่มีอุณหภูมิสูง
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดนอนราบหรือนอนคว่ำในช่วง 4-6 ชั่วโมงแรก
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย หลีกเลี่ยงการทาสกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ AHA หรือ BHA ในวันแรก
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย หากมีอาการบวม สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย หลังฉีดประมาณ 30 นาที ควรทำการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เช่น ยักคิ้ว
                                      • หลังฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย หากมีอาการบวม สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง

                                       

                                      คำถามพบบ่อยเรื่องการฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ดีไหม?

                                      การฉีดโบยกหางตาเป็นวิธีที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกหรือริ้วรอยรอบดวงตา โดยช่วยให้หางตายกขึ้นและลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

                                       

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เจ็บไหม?

                                      ก่อนการฉีดโบยกหางตาจะมีการใช้ยาชาและประคบเย็นระหว่างการฉีดโบยกหางตา ทำให้ความรู้สึกเจ็บน้อยลง โดยทั่วไปจะรู้สึกเพียงเล็กน้อยเมื่อเข็มลงบนผิวหน้า

                                       

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย เห็นผลเมื่อไหร่?

                                      การฉีดโบยกหางตา เริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 3-4 วันหลังจากการฉีด โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วง 7-14 วันหลังทำ ซึ่งจะช่วยให้หางตายกขึ้นและลดริ้วรอยรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

                                       

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม?

                                      ผลลัพธ์จากการฉีดโบยกหางตาเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 3-4 วันหลังจากฉีดโบหางตา และผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดในช่วง 7-14 วัน ซึ่งในระยะนี้จะช่วยให้หางตายกขึ้นและลดริ้วรอยรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นั้น โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ยี่ห้อของโบหางตาที่ใช้และการดูแลตัวเองหลังการฉีด

                                       

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย มีอันตรายไหม?

                                      การฉีดโบยกหางตามักไม่เป็นอันตราย หากทำโดยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ และใช้โบยกหางตาของแท้ หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือใช้โบปลอม อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น หางตาตกหรือใบหน้าดูแข็งเกินไป

                                       

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย มีผลข้างเคียงไหม?

                                      แม้ว่าการฉีดโบยกหางตาจะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการบวม ฟกช้ำ หรือการเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงในบริเวณที่ไม่ได้ตั้งใจ หากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์

                                       

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย สามารถฉีดซ้ำได้ไหม?

                                      โบยกหางตาสามารถฉีดซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปควรทิ้งระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือนระหว่างการฉีด เพื่อให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวและไม่เกิดอาการดื้อยา

                                       

                                      • ฉีดโบยกหางตา ลดริ้วรอย สามารถทำร่วมกับวิธีอื่นได้ไหม?

                                      การฉีดโบยกหางตาสามารถทำร่วมกับฟิลเลอร์หรือวิธีอื่น ๆ ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้า เช่น การใช้ฟิลเลอร์ใต้คิ้วเพื่อเสริมสร้างรูปทรงของใบหน้าให้ดูเรียวขึ้น เป็นต้น

                                       

                                      การฉีดโบยกหางตาเป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงาม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปลักษณ์ของดวงตาให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์มากขึ้น การทำหัตถการนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น ช่วยยกหางตา ลดริ้วรอยรอบดวงตา และทำให้ใบหน้าดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

                                       

                                      อีกทั้งการฉีดโบยกหางตาช่วยแก้ปัญหาหางตาตกและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 3-4 วันหลังการฉีด และจะชัดเจนที่สุดในช่วง 7-14 วัน การฉีดโบยกหางตาเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเล็กน้อยหรือริ้วรอยรอบดวงตา แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกมาก ซึ่งอาจต้องพิจารณาวิธีการอื่น เช่น การผ่าตัดหรือร้อยไหม

                                       

                                      เพราะฉะนั้น ควรเลือกฉีดโบยกหางตากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง นอกจากนี้ ควรดูแลตัวเองหลังจากการฉีดโบยกหางตาอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานที่สุด

                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                        Ultherapy Prime กับ Ulthera SPT ต่างกันอย่างไร เรื่องที่ต้องรู้ก่อนเลือกทำ

                                        Ultherapy Prime กับ Ulthera SPT ต่างกันอย่างไร

                                        เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime กับ Ulthera SPT ต่างกันอย่างไร เรื่องที่ต้องรู้ก่อนเลือกทำ

                                        การยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กลับมาเต่งตึง อ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ซึ่ง Ulthera SPT นับเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์และผู้รับบริการมายาวนาน ล่าสุดเทคโนโลยีนี้ได้ถูกพัฒนาต่อยอดออกเป็นเวอร์ชันที่โดดเด่นขึ้น นั่นก็คือ Ultherapy Prime ซึ่งทั้งสองต่างก็มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป

                                        ในบทความนี้ รมย์รวินท์คลินิกจะพาไปทำความรู้จักกับความแตกต่าง ระหว่างยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime และ Ulthera SPT เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ว่าเทคโนโลยีแบบใดเหมาะสมกับความต้องการและปัญหาผิวมากที่สุด พร้อมทั้งข้อดีและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันของทั้งสองเทคโนโลยีนี้

                                        Ultherapy Prime vs Ulthera SPT ความแตกต่างที่จำเป็นต้องรู้ก่อนยกกระชับใบหน้า 

                                        Ultherapy เทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาจาก Ulthera SPT
                                        Ultherapy เทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาจาก Ulthera SPT

                                        ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนามาจาก Ulthera SPT

                                        • เทคโนโลยีล่าสุดในวงการความงาม Ultherapy Prime ถือเป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้า ที่พัฒนาต่อยอดจาก Ulthera SPT ด้วยการผสานความก้าวหน้าและความเข้าใจในสรีรวิทยาผิวอย่างลึกซึ้ง ระบบนี้โดดเด่นด้วยความแม่นยำในการส่งคลื่นพลังงานที่เหนือชั้น สามารถเจาะลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นโครงสร้างสำคัญใต้ผิวหนัง 
                                        • การรักษาด้วย Ultherapy Prime ไม่เพียงมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่า แต่ยังลดระยะเวลาการทำลงอย่างมาก ส่งผลให้ผู้รับการรักษาได้สัมผัสประสบการณ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมกับผลลัพธ์การยกกระชับที่เห็นผลชัดเจนและเป็นธรรมชาติ นับเป็นการยกระดับมาตรฐานการดูแลผิวที่ตอบโจทย์ทั้งแพทย์ผู้ให้การรักษาและผู้รับบริการ
                                        • สิ่งที่โดดเด่นของการยกกระชับด้วย Ultherapy Prime คือผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ผิวจะค่อย ๆ กระชับและแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนภายใน 2-3 เดือนหลังทำ และสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 1-2 ปี โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรือใช้เวลาพักฟื้นนาน เทคโนโลยีนี้จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเทคโนโลยีการยกกระชับผิว ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลงตัว

                                        ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime คืออะไร?

                                        Ultherapy Prime คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก Ulthera SPT โดยยังคงใช้หลักการของ High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) หรือคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูงที่มีความแม่นยำสูง ในการส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า

                                        จุดเด่นของ Ultherapy Prime ที่ทำให้โดดเด่นกว่าเดิม มีดังนี้

                                        • หน้าจอขนาดใหญ่และคมชัด 35% 

                                        Ultherapy Prime มาพร้อมระบบแสดงผลอัลตราซาวนด์รุ่นใหม่ ที่ยกระดับประสบการณ์การมองเห็นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่พิเศษ 35% พร้อมความคมชัดระดับ Full HD ช่วยให้แพทย์สามารถศึกษาโครงสร้างผิวได้อย่างละเอียด ทั้งในแง่ความลึกและมิติของชั้นผิวแต่ละระดับ

                                        ด้วยภาพที่คมชัดเหนือระดับนี้ ทำให้การวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

                                        • ระบบประมวลผลที่รวดเร็วและเสถียรขึ้น

                                        Ultherapy Prime มาพร้อมกับระบบที่พัฒนาขึ้นให้มีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงขึ้นถึง 20% ช่วยให้การปล่อยพลังงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และต่อเนื่องยิ่งขึ้น ส่งผลให้ระยะเวลาในการทำหัตถการสั้นลง โดยยังคงรักษาคุณภาพของผลลัพธ์ไว้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

                                        • ดีไซน์ทันสมัยและใช้งานง่าย

                                        ตัวเครื่องถูกออกแบบใหม่ให้มีดีไซน์ที่ทันสมัย ดูหรูหรา และใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ขนาดเครื่องถูกปรับให้ เล็กลงกว่าเดิม ทำให้สามารถจัดวางและเคลื่อนย้ายได้สะดวก ออกแบบตามหลัก Ergonomics (สรีรศาสตร์) เพื่อรองรับการใช้งานที่ยาวนานของแพทย์ ลดความเมื่อยล้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

                                        Ultherapy Prime ทำงานอย่างไร
                                        Ultherapy Prime ทำงานอย่างไร

                                        หลักการทำงานของยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วยพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์

                                        ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น 35% ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวหนังแบบเรียลไทม์ผ่านหน้าจออัลตราซาวนด์ได้ดีกว่าเดิม ทำให้พลังงานคลื่นเสียงถูกโฟกัสอย่างแม่นยำลงไปยังชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า โดยพลังงานที่ส่งลงไปจะทำให้ชั้น SMAS หดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

                                        • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

                                        เมื่อพลังงานความร้อนถูกส่งไปยังชั้น SMAS จะเกิดจุดความร้อนเล็กๆ จำนวนมากในชั้นผิว

                                        ความร้อนนี้จะกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ตามธรรมชาติ

                                        คอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะช่วยฟื้นฟูและยกกระชับผิวจากภายในสู่ภายนอก

                                        • ผลลัพธ์ที่แม่นยำและตรงจุด

                                        ด้วยระบบประมวลผลที่เร็วขึ้น ทำให้พลังงานถูกควบคุมให้มีความเสถียรและแม่นยำตลอดการรักษา แพทย์สามารถกำหนดระดับความลึกและตำแหน่งที่พลังงานจะลงไปได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้ผิวยกกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างชัดเจน โดยไม่กระทบกับชั้นผิวหนังส่วนอื่น

                                        ข้อดีของการยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime 

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างลึกถึงชั้น SMAS
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย UltherapyPrime ช่วยลดความเสี่ยงของการยิงพลังงานผิดตำแหน่ง
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล หรือรอยช้ำหลังทำ
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำทันที
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ทำให้ผลลัพธ์ยกกระชับใบหน้าที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนใหม่ ให้ผิวแน่นกระชับมากขึ้น
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น 35% ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวได้แบบละเอียดมากขึ้น
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime มีระบบประมวลผลเร็วขึ้น 20% ใช้เวลาในการทำน้อยลง
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ดีไซน์เครื่องทันสมัยขึ้น อำนวยความสะดวกต่อการใข้งานและการเคลื่อนย้าย

                                        ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT คืออะไร?

                                        Ulthera SPT เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูง (High-Intensity Focused Ultrasound: HIFU) ในการส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวลึกที่เรียกว่า SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า

                                        การทำงานของ Ulthera SPT เป็นการใช้เทคโนโลยี SPT (See-Plan-Treat) ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถ มองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ (Real-Time) ผ่านหน้าจออัลตราซาวนด์ ทำให้สามารถวางแผนและกำหนดจุดปล่อยพลังงานได้อย่างแม่นยำในชั้นผิวที่ต้องการรักษา

                                        หลักการทำงานของยกกระชับใบหน้า Ulthera SPT

                                        หลักการทำงานของยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera มี 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

                                        • ส่งพลังงานคลื่นเสียงเข้าสู่ชั้นผิวลึก

                                        เทคโนโลยี Ulthera SPT ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ ที่มีความแม่นยำสูงในการส่งพลังงานความร้อนลงไปยังชั้นผิวหนังลึกที่เรียกว่า SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานที่ปล่อยออกมาจะสร้างจุดความร้อนเล็กๆ ในชั้น SMAS ช่วยกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนและทำให้ผิวกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

                                        • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

                                        หลังจากส่งพลังงานลงไปยังชั้น SMAS จะเกิดจุดความร้อนที่มีขนาดและความลึกแม่นยำ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ กระบวนการนี้จะฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

                                        • ผลลัพธ์ที่แม่นยำตรงจุด

                                        ด้วยเทคโนโลยี Real Time ใน Ulthera SPT แพทย์สามารถมองเห็นภาพชั้นผิวหนังได้แบบเรียลไทม์ขณะทำการรักษา ทำให้สามารถกำหนดตำแหน่ง ความลึก และความเข้มข้นของพลังงานได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการยกกระชับผิว ลดความเสี่ยงจากความคลาดเคลื่อน และมั่นใจได้ว่าพลังงานจะถูกส่งไปยังตำแหน่งที่ต้องการอย่างแม่นยำที่สุด

                                        ข้อดีของการยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันปกติได้ทันที
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ที่มีความปลอดภัยสูง
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกา
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT ใช้เทคโนโลยีแบบ Real Time ที่ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT ช่วยลดความเสี่ยงในการยิงพลังงานผิดจุด
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT ช่วยยกกระชับผิวได้นาน 1-2 ปี
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT สามารถใช้ได้กับทุกสีผิวและทุกสภาพผิว
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า 
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT ช่วยให้ใบหน้าเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ขึ้น
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับผิว แต่ไม่อยากเจ็บตัวหรือมีรอยแผล

                                        Ulthera SPT VS Ultherapy Prime
                                        Ulthera SPT VS Ultherapy Prime

                                        ความแตกต่างระหว่างยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime vs Ulthera SPT

                                        การเปรียบเทียบระหว่าง Ultherapy Prime และ Ulthera SPT มีความแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

                                        1. เทคโนโลยี

                                        Ultherapy Prime และ Ulthera SPT เป็นการยกกระชับใบหน้าที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน ด้วยการใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงแบบ HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) เพื่อยิงพลังงานลงลึกไปถึงชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการศัลยกรรมดึงหน้า 

                                        แต่ Ulthera Prime เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม โดยเพิ่มระบบการประมวลผลที่รวดเร็วมากขึ้น 20% มีหน้าจอใหญ่ขึ้น 35% ซึ่งช่วยให้การรักษามีความแม่นยำตรงจุดได้เฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงดีไซน์เครื่องที่ทันสมัย สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น

                                        2. เทคโนโลยีการมองเห็นชั้นผิวที่ล้ำสมัย

                                        ทั้ง Ultherapy Prime และ Ulthera SPT มาพร้อมกับระบบแสดงภาพชั้นผิวที่มีความละเอียดและคมชัดสูง ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นและวิเคราะห์โครงสร้างผิวในทุกชั้นได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและตรงจุด โดยการปรับระดับพลังงานและความลึกให้เหมาะสมกับลักษณะผิวเฉพาะของแต่ละบุคคล เพื่อให้การยกกระชับมีประสิทธิภาพสูงสุดและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในทุกขั้นตอนการรักษา

                                        3. การวางแผนการรักษา

                                        เทคโนโลยี Ultherapy Prime และ Ulthera SPT มอบความสามารถในการแสดงภาพชั้นผิวแบบเรียลไทม์อย่างคมชัด ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินโครงสร้างผิว ระบุปัญหาเฉพาะจุด และเข้าใจความต้องการของผู้รับบริการได้อย่างละเอียด ส่งผลให้สามารถวางแผนการรักษา กำหนดตำแหน่ง ระดับความลึก และพลังงานที่เหมาะสมสำหรับแต่ละจุดได้อย่างแม่นยำ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการยกกระชับผิว

                                        4. ความแม่นยำในการยิงพลังงาน

                                        ทั้ง Ultherapy Prime และ Ulthera SPT มีความแม่นยำสูงขึ้น เนื่องจากมีระบบการมองเห็นชั้นผิวแบบ Real Time ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์โครงสร้างผิวและมองเห็นชั้นผิวหนังได้อย่างชัดเจนในระหว่างการรักษา ทำให้สามารถกำหนด ตำแหน่ง ความลึก และความเข้มข้นของพลังงาน ได้อย่างเหมาะสมและตรงจุด

                                        นอกจากนี้ ระบบการควบคุมพลังงานยังถูกออกแบบมาให้ ปล่อยพลังงานอย่างสม่ำเสมอและเสถียรในทุกจุดที่ทำการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลึกถึงชั้น SMAS อย่างเต็มประสิทธิภาพ

                                        5. ผลลัพธ์ที่ได้รับ

                                        Ultherapy Prime และ Ulthera SPT ช่วย ยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ผลลัพธ์ที่ เป็นธรรมชาติและสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น

                                        6. ความรู้สึกระหว่างยกกระชับใบหน้า

                                        Ultherapy Prime อาจมีความรู้สึกเจ็บน้อยลง เนื่องจากมีการประมวลผลระบบการทำงานมีความรวดเร็วขึ้น ทำให้ใช้ระยะเวลาในการทำที่น้อยลง ส่วน Ulthera SPT อาจจะมีความรู้สึกจี๊ด ๆ อุ่น ๆ ในระดับที่ทนไหวตรงบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งก่อนทำจะมีการทายาชา เพื่อลดความเจ็บในระหว่างการรักษา

                                        Ultherapy Prime ยกกระชับที่ดีกว่าเดิม
                                        Ultherapy Prime ยกกระชับที่ดีกว่าเดิม

                                        ข้อดีของการยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ที่เหนือกว่า Ulthera SPT

                                        • ความแม่นยำที่เหนือกว่า เพื่อผลลัพธ์การยกกระชับที่สมบูรณ์แบบ

                                        Ultherapy Prime นำเสนอเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ล้ำสมัย ด้วยระบบการแสดงภาพชั้นผิวแบบเรียลไทม์ที่มีความคมชัดและละเอียดมากขึ้น ช่วยให้แพทย์สามารถโฟกัสพลังงานได้อย่างแม่นยำในทุกจุดสำคัญ เช่น กรอบหน้า ร่องแก้ม และบริเวณใต้คาง ทำให้การยกกระชับเป็นไปอย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลอย่างครบถ้วน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืนกว่าเดิม

                                        • การวางแผนการรักษาที่ดีกว่า

                                        การเห็นภาพชั้นผิวระหว่างทำยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ทำให้แพทย์สามารถวางแผนการยิงพลังงานได้อย่างละเอียด และเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

                                        • ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและคงนานกว่า

                                        เนื่องจากความแม่นยำในการยิงพลังงานและผลลัพธ์ที่ได้จากการยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime จะเห็นได้ชัดเจนในระยะเวลาที่เร็วขึ้น และผลลัพธ์คงนานอย่างเป็นธรรมชาติ

                                        • ความสะดวกสบาย

                                        เทคโนโลยียกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ที่สามารถปรับพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละจุด ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกเจ็บน้อยลง และมีความสบายมากขึ้นในระหว่างการทำยกกระชับ

                                        ใครควรเลือกการยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime vs Ulthera SPT

                                        ใครควรเลือกยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime?

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป 
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า หางตา และแก้ม
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และหางตาตก
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการป้องกันความหย่อนคล้อย
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นผลได้ชัดเจน

                                        ใครควรเลือกยกกระชับใบหน้า Ulthera SPT?

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณ แก้ม หางตา และลำคอ
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริ้วรอยรอบดวงตา ให้ดูตื้นขึ้น
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เหมาะกับคนที่ต้องการกรอบหน้าคมชัด ยกกระชับมากขึ้น
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มฟู เต่งตึงมากขึ้น
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เหมาะกับคนที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติ

                                        ขั้นตอนการยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera Prime vs Ulthera SPT

                                        การเตรียมตัวก่อนทำ Ulthera Prime vs Ulthera SPT

                                        • ก่อนยกกระชับใบหน้า ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ที่มีความรู้ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษา
                                        • ก่อนยกกระชับใบหน้า ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่กำลังรับประทานอยู่
                                        • ก่อนยกกระชับใบหน้า หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ
                                        • ก่อนยกกระชับใบหน้า งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ เรตินอล หรือ วิตามินซี อย่างน้อย 3-5 วันก่อนทำ
                                        • ก่อนยกกระชับใบหน้า หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือทำทรีตเมนต์
                                        • ก่อนยกกระชับใบหน้า งดทานยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาแก้อักเสบบางชนิด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
                                        • ก่อนยกกระชับใบหน้า งดอาหารเสริมหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา โสม หรือกระเทียม อย่างน้อย 1 สัปดาห์
                                        • ก่อนยกกระชับใบหน้า งดแต่งหน้าในวันที่มาทำ เพื่อให้ผิวสะอาดพร้อมสำหรับการทำหัตถการ

                                        ขั้นตอนการทำ Ulthera Prime vs Ulthera SPT

                                        1. ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวหน้าและปัญหา เพื่อกำหนดตำแหน่งที่ต้องการยกกระชับใบหน้า
                                        2. แพทย์หรือผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณใบหน้าและลำคอ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
                                        3. ทายาชาบริเวณที่ต้องการยกกระชับใบหน้า เพื่อลดความเจ็บขณะทำ
                                        4. แพทย์เริ่มใช้หัวเครื่องมือเพื่อส่งพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ลงไปสู่ชั้น SMAS ชั้นผิวสำหรับยกกระชับใบหน้าโดยเฉพาะ
                                        5. แพทย์จะทำการดูชั้นผิวผ่านหน้าจอการแสดงผลแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมในแต่ละจุด
                                        6. หลังจากการยกกระชับใบหน้า ผิวอาจมีรอยแดงหรือรู้สึกอุ่นเล็กน้อย นับเป็นอาการปกติและจะหายได้เองในไม่กี่ชั่วโมง
                                        7. แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังยกกระชับใบหน้า

                                        การดูแลตัวเองหลังทำ Ulthera Prime vs Ulthera SPT

                                        • หลังยกกระชับใบหน้า งดออกกำลังกายหนัก ในช่วง 2-3 วันแรก
                                        • หลังยกกระชับใบหน้า งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
                                        • หลังยกกระชับใบหน้า หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
                                        • หลังยกกระชับใบหน้า หลีกเลี่ยงการกด นวด หรือขัดผิวหน้า ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
                                        • หลังยกกระชับใบหน้า หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ เรตินอล หรือสารเคมี อย่างน้อย 7 วันหลังทำ
                                        • หลังยกกระชับใบหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น
                                        • หลังยกกระชับใบหน้า ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
                                        • หลังยกกระชับใบหน้า ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+++ ทุกวัน เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV

                                        Ultherapy Prime กับ Ulthera SPT ต่างกันอย่างไร
                                        Q&A รวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Ultherapy

                                        รวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Ulthera Prime vs Ulthera SPT

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ดีกว่า Ulthera SPT ไหม?

                                        ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime มีข้อได้เปรียบในเรื่องความแม่นยำ และการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น จึงให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างการทำ

                                        • การยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เจ็บน้อยกว่า Ulthera SPT ไหม?

                                        เทคโนโลยียกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime ได้รับการพัฒนาให้ลดความรู้สึกเจ็บน้อยลง โดยการประมวลผลของระบบการทำงานที่รวดเร็วขึ้นถึง 20% ทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการทำให้น้อยลง จึงอาจช่วยให้สามารถช่วยลดความเจ็บได้ด้วย

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เห็นผลเร็วกว่า Ulthera SPT?

                                        ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าของทั้งสองเทคโนโลยีใช้ระยะเวลาเห็นผลใกล้เคียงกัน โดยผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2-3 เดือนหลังทำ

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวหรือไม่?

                                        Ultherapy Prime และ Ulthera SPTสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว เนื่องจากพลังงานอัลตราซาวนด์ไม่ทำลายชั้นผิวหนังด้านนอก ทำให้สามารถยกกระชับใบหน้าได้ดี

                                        • ต้องยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera Prime บ่อยแค่ไหน?

                                        ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคล

                                        • ยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera Prime สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?

                                        Ultherapy Prime สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ แต่ควรเว้นระยะเวลาในการทำ เช่น การฉีดโบหรือการฉีดฟิลเลอร์ ควรทำหลังยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera SPT อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้วางแผนการรักษาเพื่อลำดับการทำหัตถการให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล

                                        Ultherapy Prime vs Ulthera SPT เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

                                        Ultherapy Prime และ Ulthera SPT เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งสองเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว พร้อมยกกระชับให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

                                        อย่างไรก็ตาม Ultherapy Prime ถือเป็นเวอร์ชันที่ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้นจาก Ulthera SPT โดยเน้นที่ความแม่นยำในการส่งพลังงานล้ำลึกถึงชั้นผิวที่ต้องการ มีระบบประมวลผลที่เร็วขึ้น ช่วยลดระยะเวลาในการรักษา และหน้าจออัลตราซาวนด์ที่ใหญ่ขึ้นถึง 35% พร้อมความคมชัดระดับ Full HD ทำให้การวิเคราะห์และวางแผนการรักษาในแต่ละจุดมีความละเอียดและแม่นยำยิ่งกว่าเดิม

                                        ก่อนตัดสินใจ ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการและสภาพผิว ในการยกกระชับด้วย Ultherapy Prime ไม่เพียงแต่จะช่วยยกกระชับใบหน้า แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจ และคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อย่างยาวนาน

                                        YAG Laser กำจัดขนโชว์ผิวใส ไม่กลัวขน

                                        YAG Laser กำจัดขน

                                        YAG Laser กำจัดขนตรงไหนหลุดตรงนั้น โชว์ผิวใส ไม่กลัวขน เลเซอร์ตัวโปรดของคุณหวาน

                                         

                                        เคล็ดลับความสวยใสเรียกความมั่นใจของคุณน้ำหวาน พิมรา เจริญภักดี (น้ำหวาน Zaza) ความมั่นใจ ผิวสวยเนียนใสอีกอย่างที่คุณน้ำหวาน พิมรา เจริญภักดี อยากเปิดแบบไม่มีปิด จนต้องฝากรมย์รวินท์คลินิกเปิดเผย นั่นก็คือโปรแกรมกำจัดขน YAG Laser 1064 นี่แหละ ไม่ต้องงง เพราะไม่ได้พูดผิด! YAG Laser 1064 โปรแกรมกำจัดขนที่ช่วยให้ผิวของคุณน้ำหวานสวย เนียนใส ไร้ขน ไม่ว่าจะใส่ชุดจะใส่ชุดอะไร เปิดเผยแค่ไหน ก็โชว์ได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้คงอยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ ว่า YAG Laser 1064 ดีอย่างไรคุณน้ำหวานถึงได้ปลื้มขนาดนี้ ต้องไปฟังจากปากของคุณน้ำหวานเองเลยค่า

                                         

                                        ผิวหวานเนียนใสได้ก็เพราะว่ามีตัวช่วยกำจัดขนอย่าง YAG Laser 1064 เนี่ยแหละค่ะ ต่อให้บำรุงแค่ไหน ทาครีมดีๆ ราคาแพงๆ แค่ไหน แต่ถ้าจับตรงไหนก็มีแต่ขน ผิวที่หมั่นบำรุงมาทั้งหมดก็จบเลยค่ะ โชว์ผิวได้ไม่สุดเพราะติดขนเลย แต่ตอนนี้หวานไม่มีเรื่องแบบนั้นให้รบกวนใจแล้วค่ะ เพราะหวานฝากให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลผิวของหวานให้เนียนใสไร้ขนด้วย YAG Laser 1064 เนี่ยแหละค่ะ ที่ตอบโจทย์มาก ตอนนี้หวานมั่นใจได้มากขึ้นเลยค่ะ ไม่ว่าหวานจะใส่ชุดอะไร โชว์ส่วนไหนก็สวยใสได้สุด เอาอยู่ได้หมด

                                         

                                        ไม่ใช่แค่ให้ลองทำนะคะ แต่หวานขอบอกเลยว่าควรมาทำ YAG Laser 1064 ที่รมย์รวินท์คลินิกค่ะ เพราะมันดีมาก ยิงขนของหวานหลุดได้ตั้งแต่ช็อตแรก และก็หลุดถึงรากถึงโคนเลย ส่วนไหนที่กังวลใจ อยากกำจัดออก YAG Laser 1064 ก็ทำได้หมดค่ะ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลย อันนี้หวานไม่ได้เว่อร์ แต่มันคือเรื่องจริงค่ะ เพราะ YAG Laser 1064 เป็นพลังงานเลเซอร์ที่มีคลื่นความยาว 1,064 นาโนเมตร อยากจะกำจัดขนตรงไหนก็จ่อตรงนั้น จากนั้น YAG Laser 1064 จะจัดการกำจัดขนของเราให้สิ้นซากถึงรากขนเลย แต่ไม่ต้องกลัวว่า YAG Laser 1064 จะทำให้ผิวเกิดอาการแสบร้อนหรือไหม้เบิร์น เพราะ YAG Laser 1064 มี Cryogen หรือไอเย็นปล่อยออกมาขณะทำเพื่อช่วยปลอบประโลมผิว และช่วยลดอุณหภูมิความร้อนที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังให้เย็นลง และ YAG Laser 1064 ตัวนี้ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวหลังทำเรียบเนียนมากขึ้น ไม่เกิดหนังไก่ หรือขนคุด แถมยังทำให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้นด้วยค่ะ 

                                         

                                        และต้องบอกว่าตอนทำหวานไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ นอนทำได้แบบชิลๆ สบายๆ เลย และกำจัดขนครั้งหนึ่งอยู่ได้ 1 เดือนเลยค่ะ และขนที่ขึ้นใหม่เล็กและบางลงมาก และ YAG Laser 1064 เป็นโปรแกรมกำจัดขนที่มีความปลอดภัยมาก เพราะเขาได้รับการรับรองจาก US FDA (อย.สหรัฐอเมริกา) เลยค่ะ ทำให้หวานมั่นใจทุกครั้งที่ได้กำจัดขนด้วย YAG Laser 1064 ตอนนี้บอกได้เต็มปากเลยว่าขนแขนของหวานเนียนสวย ไม่แสตนอัพแล้วค่ะ (หัวเราะ) ขนหลุดได้อย่างปลอดภัยด้วย YAG Laser 1064 ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะคะ 

                                         

                                        YAG Laser กำจัดขนให้ผิวคุณน้ำหวานเนียนใส

                                         

                                        YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนที่มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร ที่ยิงลงใต้ชั้นผิวหนังได้ถึง  5-7 มิลลิเมตร YAG Laser 1064 จึงเป็นเลเซอร์ที่กำจัดขนได้ลงลึกถึงราก และกำจัดขนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเลเซอร์แบบอื่น เพราะ YAG Laser 1064 กำจัดขนด้วยการยิงคลื่นแสงเข้าไปจับเม็ดสีเมลานินในเซลล์รากขนและปล่อยพลังงานความร้อนทำให้รากขนบริเวณนั้นเกิดการฝ่อตัวลง แต่ไม่ทำให้ผิวรอบข้างเกิดการระคายเคือง แสบร้อน หรือไหม้เบิร์น เพราะระหว่างทำการกำจัดขน YAG Laser 1064 จะปล่อย Cryogen หรือไอเย็นออกมาเพื่อช่วยปลอบประโลมผิวและลดอุณหภูมิของผิวบริเวณที่ทำไม่ให้เกิดการสะสมความร้อนใต้ผิวหนังมากเกินไปจนทำให้เบิร์น และหลังทำ YAG Laser 1064 ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง YAG Laser 1064 ยังเป็นโปรแกรมกำจัดขนที่ได้รับการรองรับมาตรฐานจาก US FDA อีกด้วย จึงทำให้มั่นใจว่าเป็นโปรแกรมกำจัดผลที่มีประสิทธิภาพที่ดี มีผลข้างเคียงน้อย และให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการกำจัดขนด้วยวิธีอื่นหรือเลเซอร์ชนิดอื่น 

                                         

                                        ทำไมต้องเลือกกำจัดขนด้วย YAG Laser กำจัดขน

                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนได้ลึกถึงราก
                                        • YAG Laser 1064 มี cryogen ป้องกันการเกิดผิวไหม้เบิร์น
                                        • YAG Laser 1064 ไม่ทำให้ขนคุด ไม่เกิดหนังไก่ ไม่ทิ้งตอขน
                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนด้วยเลเซอร์ลืมการกำจัดขนแบบเดิมๆ
                                        • YAG Laser 1064 ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง แสบร้อน 
                                        • YAG Laser 1064 ทำได้แม้ผิวที่บอบบาง
                                        • YAG Laser 1064 ทำได้ในพื้นที่แคบ
                                        • YAG Laser 1064 ดีกว่าเลเซอร์แบบอื่น
                                        • YAG Laser 1064 จำนวนทำซ้ำน้อยกว่าเลเซอร์อื่น
                                        • YAG Laser 1064 ได้มาตรฐาน US FDA 
                                        • YAG Laser 1064 ขนใหม่เล็กและบางลง
                                        • YAG Laser 1064 เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ 
                                        • YAG Laser 1064 เหมาะกับทุกสภาพและสีผิว โดยเฉพาะคนเอเชีย

                                         

                                        YAG Laser 1064 กำจัดขนจุดไหนได้บ้าง

                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบริเวณใบหน้า
                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบริเวณหนวด เครา
                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบริเวณรักแร้
                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบริเวณหน้าอก
                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบริเวณแผ่นหลัง
                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบริเวณแขน
                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบริเวณขา
                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบริเวณจุดซ่อนเร้น

                                         

                                        กำจัดขนให้ผิวเนียนใส ไร้ขน โชว์ผิวได้อย่างมั่นใจด้วย YAG Laser 1064 ที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขาเลยนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นค่ะ

                                        หน้าเด็ก ลดอายุผิว ทำอย่างไร หน้าเด็กต้องรับวันเด็ก 2025

                                        ยกขบวนหน้าเด็ก

                                        หน้าเด็ก ลดอายุผิว ทำอย่างไร

                                         

                                        วันเด็กปีนี้! หน้าไม่ยอมแก่ง่าย ๆ เตรียมยกขบวนหน้าเด็ก ยกระดับความสวยให้ปังกว่าใคร เผยผิวใหม่ ดูอ่อนกว่าวัย เหมือนกดรีเซตอายุให้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง รมย์รวินท์คลินิก จัดมาให้แล้ว อัปเดต 4 หัตถการสตาฟหน้าเด็ก โกงอายุผิว ก้าวข้ามปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย และขาดความยืดหยุ่น ไม่ต้องทนหน้าแก่ก่อนวัยอีกต่อไป แต่จะมีหัตถการอะไรบ้างนั้น? บทความนี้รวบตึงมาให้แล้วค่ะ

                                         

                                        ล็อกหน้าเด็ก เป๊ะทุกองศา
                                        ล็อกหน้าเด็ก เป๊ะทุกองศา

                                        ยกขบวนหน้าเด็ก ยกระดับความสวย เหนือกาลเวลา รับวันเด็ก 2025

                                         

                                        หน้าแก่ก่อนวัย เกิดจากอะไร?

                                        ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก โดยสาเหตุหลักที่ส่งผลให้หน้าแก่ก่อนวัย มีดังนี้

                                         

                                        หน้าแก่ก่อนวัยจากปัจจัยภายใน

                                        • ผิวเสื่อมสภาพตามวัย

                                        เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และไม่เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหย่อนคล้อย และเหี่ยวย่นก่อนวัยนั่นเอง

                                        • อนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น 

                                        การสะสมของอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟู และซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ทำให้ผิวหน้าขาดความกระชับ และขาดความยืดหยุ่น จนเกิดเป็นริ้วรอยได้ง่าย

                                        • สูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง

                                        อายุที่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะค่อย ๆ สูญเสียไขมันใต้ผิวหนังไปตามกระบวนการธรรมชาติ เมื่อไขมันใต้ผิวหนังลดลง ผิวหนังก็จะขาดการพยุง ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย ใบหน้าขาดความอิ่มฟู และดูแก่กว่าวัย

                                        • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

                                        การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือน ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงลดลง ซึ่งส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน และเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าปกติ

                                         

                                        หน้าแก่ก่อนวัยจากปัจจัยภายนอก

                                        • แสงแดด 

                                        รังสี UV จากแสงแดด ถือเป็นศัตรูตัวร้ายของผิวหนัง โดยรังสี UV ในแสงแดดจะเข้าไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมามากมาย ทั้งเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และผิวเหี่ยวย่นได้ง่าย

                                        • มลภาวะ

                                        มลพิษ ฝุ่นละออง ควัน และสารเคมีในชีวิตประจำวัน สามารถกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระได้ ซึ่งเป็นตัวการในการทำร้ายเซลล์ผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ และดูแก่กว่าวัย

                                        • สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

                                        สารพิษในบุหรี่ และแอลกอฮอล์ อาจส่งผลกระทบต่อคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวสูญเสียน้ำ ขาดความชุ่มชื้น และเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ

                                        • นอนหลับไม่เพียงพอ

                                        การนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่ง Growth Hormone ออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง Growth Hormone มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซม และฟื้นฟูส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายจะหลั่ง Cortisol Hormone ออกมาแทน ส่งผลให้คอลลาเจนลดลง ผิวเกิดความหย่อนคล้อย ดูไม่สดใสได้

                                        • ดื่มน้ำไม่เพียงพอ

                                        การดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ และส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวในระยะยาว ทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยได้ง่าย

                                        • ความเครียดสะสม

                                        เมื่อมีความเครียด ร่างกายจะหลั่ง Cortisol Hormone ออกมามากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็ว และผิวแก่ก่อนวัย อีกทั้ง ความเครียดยังสามารถสังเกตได้จากการแสดงสีหน้า หากมีความเครียดมาก คิ้วจะเริ่มขมวด และใบหน้าบึ้งตึง ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย

                                        • แต่งหน้าหนัก 

                                        การแต่งหน้าหนัก หรือแต่งหน้าบ่อย ๆ โดยไม่ปล่อยให้ผิวได้พัก อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน และส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวโดยรวมได้ อีกทั้ง การทำความสะอาดผิวหน้าแรง ๆ เช่น การใช้สำลีถูหน้า อาจทำให้เกิดการเสียดสี จนผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย

                                         

                                        รวมมิตรโปรแกรมฮิต ล็อกหน้าเด็ก เป๊ะทุกองศา 

                                        • โปรแกรม Radiesse 

                                        Radiesse คือ สารเติมเต็มที่ผลิตจาก Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่สามารถพบได้ในร่างกาย จึงมีความปลอดภัย ไม่ใช่สารแปลกปลอมใด ๆ โดย Radiesse มีคุณสมบัติพิเศษ ในการกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ถึง 5 ประการ ได้แก่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1,  กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 3, กระตุ้นการสร้าง Elastin, กระตุ้นการสร้าง Proteoglycan และ กระตุ้นการสร้าง Angiogenesis เมื่อฉีด Radiesse เข้าไปยังผิวหนังแล้ว CaHA จะกระตุ้นการทำงานของ Fibroblasts ให้ผลิตคอลลาเจนใหม่มากขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ผิวถึงระดับโครงสร้าง ส่งผลให้ผิวดูเติมเต็ม หน้าเด็ก มีความอิ่มฟู และทำให้ร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

                                        • โปรแกรม Sculptra

                                        Sculptra คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนที่ผลิตจาก Poly-L-Lactic Acid หรือ PLLA ซึ่งเป็นสารแบบเดียวกับเส้นไหมที่แพทย์นำมาใช้ในการเย็บแผล อีกทั้ง ยังเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวแรก และตัวเดียวที่ได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกา (US FDA) โดย Sculptra มีคุณสมบัติพิเศษ ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 มากถึง 66.5% เมื่อฉีด Sculptra เข้าสู่ผิวหน้าแล้ว PLLA จะไปกระตุ้นการทำงานของ Fibroblasts ที่อยู่ใต้ชั้นผิว ให้เกิดการรวมตัวกัน และผลิตคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิว และเสริมชั้นผิวให้แข็งแรง ส่งผลให้ผิวเกิดการยกกระชับ หน้าเด็กลง ผิวมีความหนาแน่น และยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

                                        • โปรแกรม Ultherapy Prime

                                        Ultherapy Prime คือ เทคโนโลยียกกระชับที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Ulthera รุ่นเดิม โดย Ultherapy Prime มีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้สูงขึ้น และมีความรวดเร็วขึ้นถึง 20% รวมถึง หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 35% ทำให้แพทย์สามารถทำการรักษาได้อย่างสะดวกสบาย และมีความแม่นยำมากขึ้น ซึ่ง Ultherapy Prime จะส่งพลังงาน Micro-Focused Ultrasound ลงลึกเข้าสู่ชั้นผิวได้ถึง 3 ระดับ สามารถแก้ไขปัญหาครอบคลุมในทุกระดับชั้นผิว ตั้งแต่ 1.5 มม. สำหรับลดริ้วรอย กระชับรูขุมขนชั้นบน, 3.0 มม. สำหรับลดความหย่อนคล้อยของผิว และ 4.5 มม. สำหรับชั้น SMAS ยกกระชับผิว ทั้งแก้ม เหนียง ลำคอ ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึง และหน้าเด็ก ดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น สามารถคงผลลัพธ์ยาวนานถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

                                        • โปรแกรม Thermage FLX

                                        Thermage FLX คือ เทคโนโลยียกกระชับ และลดไขมัน โดยใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ทำให้เกิดความร้อน และเกิดอาการสั่น Vibration ในชั้นผิวหนังแท้ และชั้นไขมัน จากนั้นคอลลาเจนจะเกิดการหดตัวลงทันที พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ทดแทน อีกทั้ง ความร้อนนี้ ยังเข้าไปลดไขมันส่วนเกินในชั้นไขมัน โดยเฉพาะบริเวณแก้ม และเหนียง ส่งผลให้กรอบหน้าชัด ผิวเฟิร์มแน่น และลดเลือนริ้วรอยได้ สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

                                         

                                        อยากหน้าเด็ก ผิวสวยเหมือน 14 อีกครั้ง ต้องมาพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น ไม่ว่าจะมีปัญหาผิวหน้าแบบไหน โปรแกรม Radiesse, โปรแกรม Sculptra, โปรแกรม Ultherapy Prime และโปรแกรม Thermage FLX สามารถช่วยให้คุณมีผิวหน้าที่อ่อนกว่าวัย เปล่งปลั่ง และดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ที่ รมย์รวินท์คลินิก เรามีทีมแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญเกี่ยวกับโครงสร้างผิวหน้า พร้อมให้การดูแล และให้คำปรึกษาปัญหาผิวแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด

                                        รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าการตลาดไม่หยุดยั้ง 2025 ทุ่มงบการตลาดมากขึ้น 50% พร้อมเตรียมเปิด 4 สาขา

                                        รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าการตลาดไม่หยุดยัง 2025

                                        รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าการตลาดไม่หยุดยั้ง 2025 ทุ่มงบการตลาดมากขึ้น 50% พร้อมเตรียมเปิด 4 สาขากลางกรุง คาดดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ และต่างชาติ พร้อมรุกตลาด Body and Wellness

                                         

                                        รมย์รวินท์คลินิก เดินหน้ารุกตลาดปี 2025 เพิ่มงบการตลาดมากขึ้น 50% พร้อมขยาย 4 สาขาในกรุงเทพ เพื่อเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่และชาวต่างชาติ

                                        รมย์รวินท์คลินิก แบรนด์ความงามและสุขภาพแนวหน้าของประเทศไทย ประกาศกลยุทธ์การตลาดครั้งใหญ่ของปี 2025 ด้วยการขยายสาขาใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานครอีก 4 แห่ง พร้อมทุ่มงบการตลาดเพิ่มขึ้นอีก 50% จากปีก่อนหน้า เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการด้านความงามและสุขภาพที่เพิ่มขึ้น เน้นการลงทุนในช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการสื่อสารแบรนด์ และการบริกการ ทั้งยังมีการจัดกิจกรรมที่ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์และลูกค้าให้มากขึ้น

                                         

                                        รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าการตลาดไม่หยุดยัง 2025
                                        รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าการตลาดไม่หยุดยั้ง 2025

                                         

                                        ทั้งในกลุ่มลูกค้าใหม่และกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติโดยจะใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีและมาตรฐานการบริการที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมาเป็นตัวดึงดูด หลังจากประสบความสำเร็จด้านการตลาดออนไลน์อย่างสูงในปี 2024 จากยอดขายและผลตอบรับเชิงบวกในทุกด้าน 360 องศา

                                        ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญในด้านการตลาดของรมย์รวินท์คลินิก โดยสามารถสร้างผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งยอดขายทางช่องทางออนไลน์ที่ได้ทุบสถิติเดิม เพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มธุรกิจความงามและสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ ความสำเร็จในครั้งนี้จึงนับเป็นการผลักดันให้รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการเติบโตขึ้นไปอีกขั้นในปี 2025 ที่ตั้งใจมุ่งเน้นในด้านการเพิ่มศักยภาพของรมย์รวินท์คลินิกในทุกมิติ ทั้งการขยายสาขา การปรับปรุงบริการ และการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่

                                         

                                        รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าการตลาดไม่หยุดยัง 2025
                                        รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าการตลาดไม่หยุดยั้ง 2025

                                         

                                        รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าการตลาดไม่หยุดยั้ง 2025 ขยาย 4 สาขาในกรุงเทพฯ รองรับลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น

                                        เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มขึ้น รมย์รวินท์คลินิกจึงเตรียมเปิดสาขาใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เพิ่มอีกถึง 4 สาขา โดยได้เลือกทำเลที่ตั้งสาขาเป็นย่านเศรษฐกิจ และย่านธุรกิจ
                                        เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น โดยสาขาที่จะเปิดขึ้นใหม่ยังคงแนวคิดเกี่ยวกับการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและบริการที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น

                                         

                                        เน้นการให้บริการกลุ่ม Body and Wellness

                                        หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของปี 2025 คือการขยายการให้บริการในกลุ่ม Body and Wellness ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดที่รมย์รวินท์คลินิกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การฟื้นฟูร่างกาย การกระชับสัดส่วน และโปรแกรมสุขภาพเฉพาะบุคคล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับทั้งความงามและสุขภาพ
                                        ด้วยแผนการตลาดที่ครอบคลุมรวมทั้งการลงทุนในสาขาและบริการใหม่ การรุกตลาดในปี 2025 นี้จึงไม่เพียงแค่เป็นการเติบโตขึ้นในเชิงปริมาณ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาของรมย์รวินท์คลินิกในการเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในทุกๆด้าน รวมทั้งไลฟ์สไตล์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ในทุกมิติอย่างยั่งยืน

                                        Coolsculpting Elite สยบไขมันด้วยความเย็น

                                        Coolsculpting Elite สยบไขมันด้วยความเย็น

                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                          Coolsculpting Elite ตัวช่วยสยบไขมันด้วยความเย็น ลดไขมันได้ดีจริงไหม?

                                           

                                          ในยุคที่ใครก็ต่างให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่าง ดูแลตัวเอง เพราะการมีรูปร่างที่ดีจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันก็มีตัวช่วยเรื่องหุ่นอย่าง Coolsculpting Elite เทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็น ที่จะมาช่วยลดไขมันและกระชับสัดส่วนเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด

                                           

                                          Coolsculpting Elite ลดไขมันด้วยความเย็นคืออะไร
                                          Coolsculpting Elite ลดไขมันด้วยความเย็นคืออะไร

                                           

                                          Coolsculpting Elite ลดไขมัน ด้วยความเย็น คืออะไร?

                                          • ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่จะช่วยสานฝันหุ่นสวยให้คุณได้อย่างรวดเร็ว Coolsculpting Elite คือ เทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็นสัญชาติอเมริกา Coolsculpting Elite เป็นเครื่องที่พัฒนามาจาก Coolsculpting ซึ่งเป็นรุ่นเดิม โดยเพิ่มหัวแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) ตัวใหม่รูปทรงตัว C เพิ่มทั้งหมด 3 หัว และปรับขนาดหัวแอปพลิเคเตอร์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า 20% ออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระของร่างกายหลาย ๆ จุด ทั้งยังสามารถทำงานพร้อมกันได้ทั้ง 2 จุดในเวลาเดียวกัน เพิ่มความสะดวก ประหยัดเวลา และยังเห็นผลได้ไวขึ้น
                                          • ซึ่ง Coolsculpting Elite เป็นเทคโนโลยีลดไขมันที่ได้รับความสนใจอย่างมากในตอนนี้ เนื่องจากสามารถลดไขมันได้ด้วยความเย็นจัด ที่เรียกว่า Cryolipolysis ที่ช่วยลดไขมันอุณหภูมิ -11 ถึง -13 องศา ทำให้เซลล์ไขมันตายและหายไป นอกจากนี้ Coolsculpting Elite ยังมีความปลอดภัย เพราะได้รับการรับรองจาก U.S. FDA หรือ อย. อเมริกาและได้รับรอง อย. ไทย มีงานวิจัยรองรับมากกว่า 120 ฉบับ ลดไขมันได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ยกกระชับ ลดสัดส่วนให้ได้ตามที่ต้องการ

                                           

                                          หลักการทำงานของ Coolsculpting Elite

                                          • Coolsculpting Elite เป็นเครื่องที่ช่วยลดไขมันเฉพาะจุด จะทำงานโดยการปล่อยพลังงานความเย็นด้วย Cryolipolysis แบบเสถียรในช่วงอุณหภูมิ –11 ถึง –13 องศา ลงไปยังเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันนั้น ถูกผลึกให้เป็นน้ำแข็งแและถูกทำลาย เซลล์ไขมันจะตาย และถูกขับออกจากทางร่างกายผ่านกระบวนการขับของเสียตามธรรมชาติ จึงทำให้ Coolsculpting Elite สามารถลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบยั่งยืน นอกจากนี้ Coolsculpting Elite ยังมีความปลอดภัย และสามารถยิงพลังงานได้อย่างเสถียร เนื่องจากมีระบบ Freeze Detect ที่ช่วยตัดความเย็นให้เหมาะสมกับผล ลดโอกาสผิวเบิร์น ป้องกันความเสี่ยงที่เนื้อเยื่อจะเกิดความเสียหายได้ ทั้งนี้ระบบ Freeze Detect ยังได้รับการจดสิทธิบัตรเฉพาะเครื่อง Coolsculpting Elite เท่านั้น

                                           

                                          ซึ่ง Coolsculpting Elite นั้นจะมีหัว Applicators อยู่ทั้งหมด 7 หัว ที่สามารถเลือกใช้ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ทั่วร่างกาย 

                                           

                                          Coolsculpting Elite มีกี่หัว แต่ละหัวแตกต่างกันไหม?

                                          ลดไขมันด้วยความเย็น แบบปลอดภัย ด้วย Coolsculpting Elite ดีไหม ? ต้องบอกก่อนว่าปัจจุบัน Coolsculpting Elite ได้มีการพัฒนาหัว Applicators ให้มีหลายขนาดมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้หลากหลายจุด โดยหัว Applicators ของ Coolsculpting Elite นั้นเป็นแบบ 2 IN 1 ซึ่งมีหัว 2 แบบ จึงสามารถทำได้ สามารถทำได้ 2 จุด พร้อมกันในเวลาเดียว ช่วยให้ประหยัดเวลาในการทำมากขึ้น และยังพัฒนาหัว Applicators ให้มีความใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มหน้าที่ในการทำงานของ Coolsculpting Elite ได้ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้สามารถลดไขมันได้มากกว่า 20% และยังสามารถเข้าถึงไขมันได้หลายส่วนมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Coolsculpting Elite ได้เต็มที่มากขึ้น โดยหัว Applicators จะมีทั้งหมด 7 ไซส์ แต่ละหัวก็มีคุณสมบัติที่แตกต่าง และเหมาะกับแต่ละจุดแตกต่างกันไป ดังนี้

                                           

                                          • CoolAdvantage เป็นหัว Applicator ที่ได้รับความนิยมสูง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมระดับปานกลาง สามารถทำได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น เอว หน้าอกผู้ชาย แขน บริเวณปีกหลัง ท้อง ต้นขาด้านใน และใต้ก้น 
                                          • CoolAdvantage Petite เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมน้อย โดยหัวนี้จะใช้ลดไขมันได้หลายจุด เช่น ท้อง หน้าอกผู้ชาย เอว แขน บริเวณปีกหลัง ต้นขาด้านใน และใต้ก้น 
                                          • CoolAdvantage Plus เป็นหัวที่มีขนาดใหญ่ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมที่เยอะ โดยจะใช้ลดไขมันบริเวณร่างกายที่มีพื้นที่เยอะ เช่น เอว ท้อง
                                          • CoolMini เป็นหัว Applicator ที่มีขนาดเล็กที่สุด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันมันบริเวณเฉพาะจุด เช่น เหนียง เนื้อใต้รักแร้ หรือบริเวณนมน้อย หรือบริเวณที่เนื้อมีความย้วย
                                          • CoolSmooth Pro เป็นหัว Applicator เฉพาะที่ ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณขาด้านนอก และบริเวณใต้สะโพกลงมา ทั้งยังสามารถใช้ทำซิกแพ็คบริเวณหน้าท้องได้

                                           

                                          หัว Applicators ตัวใหม่ของ Coolsculpting Elite นั้นจะแบ่งออกเป็น 3 Series ซึ่งแต่ละ Series นั้นก็มีคุณสมบัติ และความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป ดังนี้

                                           

                                          • Curve Series เป็นหัว Applicator ที่มาใหม่ของ Coolsculpting Elite เหมาะกับบริเวณส่วนโค้งเว้าของร่างกาย โดยแบ่งออกเป็น

                                          หัว Curve 80 ช่วยลดไขมันโดยเฉพาะ ในบริเวณที่มีพื้นที่แคบ เช่น คาง หรือเหนียง เหนือหัวเข่า และนมน้อย

                                          หัว Curve 120 ช่วยลดไขมันบริเวณที่มีพื้นกว้างปานกลาง เช่น ต้นขาด้านใน หน้าท้อง และเอว

                                          หัว Curve 150 ช่วยลดไขมันบริเวณที่มีพื้นที่กว้าง เช่น บริเวณหน้าท้อง และบั้นท้าย

                                          หัว Curve 240 ช่วยลดไขมันส่วนเกินของผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเยอะ ทั้งยังช่วยยกกระชับผิวให้ได้สัดส่วนมากขึ้น

                                          • Flat Series เป็นหัว Applicator ที่มาใหม่ของ Coolsculpting Elite มีความแบนจึงเหมาะสำหรับบริเวณผิวที่เรียบแบน โดยแบ่งออกเป็น

                                          หัว Flat 125 ช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณต้นขาด้านใน และบริเวณต้นแขน

                                          หัว Flat 165 ช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณหน้าท้องส่วนบน และหน้าท้องส่วนล่าง

                                          • Surface 150 ป็นหัว Applicator ที่มาใหม่ของ Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับบริเวณที่หัวอื่น ๆ ไม่สามารถหนีบได้ เช่น บริเวณหน้าท้อง และต้นขาด้านนอก ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้

                                           

                                          Coolsculpting Elite ช่วยอะไรบ้าง
                                          Coolsculpting Elite ช่วยอะไรบ้าง

                                           

                                          Coolsculpting Elite ช่วยอะไรบ้าง ?

                                          Coolsculpting Elite ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตที่หลาย ๆ คนกำลังสงสัย ซึ่ง Coolsculpting Elite นั้นสามารถช่วยลดไขมันในร่างกายได้หลายจุด ดังนี้

                                          • Coolsculpting Elite ช่วยลดไขมันต้นแขน แก้ปัญหาต้นแขนใหญ่ แขนไม่กระชับ แขนย้วย
                                          • Coolsculpting Elite ช่วยลดไขมันต้นขา แก้ปัญหาต้นแขนขาใหญ่ ไม่กระชับ หรือปัญหาขาเบียด
                                          • Coolsculpting Elite ช่วยลดไขมันหน้าท้อง แก้ปัญหาหน้าท้องไม่แบนราบ หรืออ้วนลงพุง  
                                          • Coolsculpting Eliteช่วยลดไขมันบริเวณรอบ ๆ เอว หรือเอวห่วงยาง ช่วยกระชับเอวให้ได้สัดส่วน
                                          • Coolsculpting Elite ช่วยลดไขมันบริเวณสะโพก และบริเวณก้น แก้ปัญหาสะโพกใหญ่ มีความย้วย ลดไขมันใต้ก้น ให้กระชับได้สัดส่วนขึ้น

                                          ขั้นตอนการทำ Coolsculpting Elite

                                          การทำ Coolsculpting Elite สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีขั้นตอนเยอะ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อลดไขมันด้วยความเย็นจัดโดยเฉพาะ ทำให้มีความปลอดภัย สะดวกสบาย และประหยัดเวลา ซึ่งขั้นตอนของ Coolsculpting Elite มีดังนี้

                                           

                                          • ก่อนเริ่มทำ Coolsculpting Elite ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหา ความกังวลของคนไข้ และทางแพทย์จะได้วางแผนการรักษาด้วยเครื่อง Coolsculpting Elite ได้ถูกต้องและตรงจุด 
                                          • แพทย์เลือกใช้หัว Applicator ตามตำแหน่งร่างกายที่ต้องการรักษา โดยแพทย์จะออกแบบการวางหัว Applicator บนผิวหนังตามสรีระร่างกาย จากนั้นจะเริ่มทำการรักษา
                                          • ขั้นตอนการรักษา แพทย์จะเริ่มวางหัว Applicator ในจุดที่ต้องการ จากนั้นจะทำการปล่อยพลังงานความเย็นเข้าไปที่ชั้นเซลล์ไขมันประมาณ 35 นาที
                                          • จากนั้นแพทย์จะทำการนวดก้อนไขมันเป็นเวลา 2 นาที เพื่อให้ก้อนไขมันนั้นแตกออกจากกัน และทำให้ไขมันสลายได้ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดขึ้น
                                          • เมื่อทำการรักษาเสร็จเรียบร้อย แพทย์จะทำการแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting Elite อย่างละเอียด จากนั้นจะทำการนัดหมายเพื่อมาติดตามผลอีกครั้ง แพทย์แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังทำอย่างใกล้ชิด และอาจมีการนัดหมายติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

                                           

                                          การดูแลตัวเองหลังการทำ Coolsculpting Elite

                                          หลังลดไขมันด้วย Coolsculpting Elite ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยในช่วงแรกหลังทำ อาจจะรู้สึกถึงความปวด หรือชา ในบริเวณที่รักษาได้ แต่เป็นเพียงอาการชั่วคราวที่หายได้  ซึ่งวิธีดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting Elite มีดังนี้

                                          • ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายในช่วงแรก เพื่อช่วยลดการระคายเคืองในบริเวณที่ทำการรักษาด้วย Coolsculpting Elite
                                          • ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยเรื่องระบบเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยควรเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดิน วิ่ง หรือเล่นโยคะ
                                          • ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีนไขมันต่ำ และธัญพืชไม่ขัดสี
                                          • ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ของทอด น้ำตาล และเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูง เช่น น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์ ที่อาจจะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินในร่างกายได้
                                          • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียออก และช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น
                                          • หลีกเลี่ยงการนวด หรือกดแรง ๆ บริเวณที่ทำการรักษาในช่วงสัปดาห์แรก
                                          • หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง หรือปวดบริเวณที่ทำการรักษาอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
                                          • เข้าพบแพทย์เพื่อติดตามอาการหลังทำ 

                                           

                                          Coolsculpting Elite เหมาะกับใคร
                                          Coolsculpting Elite เหมาะกับใคร

                                           

                                          Coolsculpting Elite ลดไขมัน เหมาะกับใคร

                                          • Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันน้อยถึงปานกลาง มีค่าดัชนีมวลหรือค่า BMI<35
                                          • Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนให้มีความกระชับ
                                          • Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสม มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดตามร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน เหนียง
                                          • Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหุ่นสวยแบบเร่งด่วน อยากได้หุ่นที่ต้องการ
                                          • Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาควบคุมอาหาร
                                          • Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากพักฟื้นนาน
                                          • Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด 

                                           

                                          Coolsculpting Elite ไม่เหมาะกับใคร

                                          • Coolsculpting Elite ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับความเย็น เช่น โรคภูมิแพ้ความเย็น (Cold Urticaria) หรือโรคเลือดผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับความเย็น (Cryoglobulinemia, Paroxysmal Cold Hemoglobinuria)
                                          • Coolsculpting Elite ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังรุนแรงในบริเวณที่ต้องการทำ เช่น มีแผลเปิด การติดเชื้อ หรือปัญหาผิวอื่น ๆ ที่อาจทำให้การรักษาไม่ปลอดภัย
                                          • Coolsculpting Elite ไม่เหมาะกับ สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากหลังทำ Coolsculpting Elite อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
                                          • Coolsculpting Elite ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาก Coolsculpting Elite ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก แต่เหมาะสำหรับการปรับรูปร่างและกำจัดไขมันเฉพาะจุด
                                          • Coolsculpting Elite ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีภาวะสุขภาพไม่เหมาะสม เช่น โรคร้ายแรงที่ยังไม่ได้รับการรักษา หรือผู้ที่แพทย์ประเมินว่าไม่เหมาะสมกับการทำหัตถการนี้
                                          • Coolsculpting Elite ไม่เหมาะกับ ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เกินจริง ควรเข้าใจว่า Coolsculpting Elite ช่วยลดไขมันเฉพาะจุด แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ในทันที หรือลดน้ำหนักได้ทันที

                                           

                                          ข้อดีของการทำ Coolsculpting Elite ลดไขมันด้วยความเย็น

                                          • Coolsculpting Elite เป็นเทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม มีความปลอดภัย พักฟื้นน้อย สามารถใช้ชีวิตปกติได้เลยหลังทำ
                                          • Coolsculpting Elite ช่วยลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้ และช่วยแก้ปัญหาเซลลูไลท์ได้หลายบริเวณในร่างกาย 
                                          • Coolsculpting Elite ช่วยกำจัดเซลล์ไขมัน พร้อมกระชับสัดส่วนให้มีความสวยงาม ได้หุ่นที่สวยตามต้องการ
                                          • Coolsculpting Elite เป็นเทคโนโลยีลดไขมันที่มีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับมากกว่า 120 ฉบับ
                                          • Coolsculpting Elite ได้รับการรับรองว่าผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากไทยและต่างประเทศ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้
                                          • Coolsculpting Elite เป็นการลดไขมันด้วยเทคโนโลยีความเย็น ที่ใช้เวลาไม่นาน มีขั้นตอนที่สะดวก ไม่ยุ่งยาก สามารถเห็นผลได้ไว

                                           

                                          ความรู้สึกระหว่างที่ทำ Coolsculpting Elite

                                          สำหรับผู้ที่มีความสนใจอยากลองลดไขมันด้วยเครื่อง Coolsculpting Elite แต่ยังกังวลว่าจะมีความเจ็บปวดไหม? หรือมีความรู้สึกอย่างไรระหว่างทำ โดยทั่วไปแล้ว การลดไขมันด้วยเครื่อง Coolsculpting Elite จะใช้เทคโนโลยีความเย็นในการฟรีซเซลล์ไขมันให้ตาย ซึ่งอาจจะทำให้บริเวณที่ทำการรักษานั้นรู้สึกตึง ๆ เย็น ๆ มีความชา หรืออาจจะมีอาการปวดร่วมด้วยเล็กน้อย และหลังจากทำ Coolsculpting Elite เสร็จแล้วอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้น และหายไปตามลำดับ

                                           

                                          ผลลัพธ์หลังทำ Coolsculpting Elite

                                          • หลังทำ Coolsculpting Elite สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก โดยหลังทำ Coolsculpting Elite จะสามารถลดไขมันได้ถึง 27–31% ของไขมันทั้งหมดในบริเวณที่ทำการรักษา
                                          • หลังทำ Coolsculpting Elite จะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นภายใน 2–3 เดือน หลังทำการรักษา และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ยาวนานขึ้น หากมีการควบคุมน้ำหนักที่ดี
                                          • แนะนำให้ทำการรักษาด้วย Coolsculpting Elite อย่างต่อเนื่อง เพื่อคงผลลัพธ์และกำจัดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                          • ผลลัพธ์ในการทำ Coolsculpting Elite นั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและปัญหา ความกังวล ของแต่ละบุคคล

                                           

                                          ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ Coolsculpting Elite

                                          หลังการทำ Coolsculpting Elite ลดไขมัน อาจจะเกิดผลข้างเคียงที่เกิดจากขั้นตอนระหว่างทำได้ โดยผลข้างเคียงที่อาจะเกิดได้หลังทำ Coolsculpting Elite นั้นก็อาจมีหลายอาการ ไม่ว่าจะเป็น

                                          • ผลข้างเคียงหลังทำ Coolsculpting Elite อาจมีอาการบวม แดง ตึง ผิวบริเวณที่ทำมีการเปลี่ยนสีชั่วคราว หรือเกิดรอยฟกช้ำในบริเวณที่ทำการรักษา
                                          • ผลข้างเคียงหลังทำ Coolsculpting Elite ในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก อาจรู้สึกเจ็บ ชา คัน หรือมีรอยแดงและบวมในบริเวณที่ทำการรักษา

                                          แต่อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปหลังจากทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะเริ่มเห็นว่าสัดส่วนและไขมันในร่างกายลดลงภายใน 2–3 เดือนหลังการทำ หากพบว่ายังมีอาการข้างเคียงที่ยังไม่หาย หรือมีอาการอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมานั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ทันที

                                           

                                          Coolsculpting Elite ทำที่ไหนดี
                                          Coolsculpting Elite ทำที่ไหนดี

                                           

                                          Coolsculpting Elite ต่างกับ Coolsculpting รุ่นเดิมอย่างไร ?

                                          ไขข้อสงสัย Coolsculpting Elite กับ Coolsculpting รุ่นเดิม มีความแตกต่างกันอย่างไร? และควรเลือกทำเครื่องไหนดี? วันนี้เรามีคำตอบ 

                                           

                                          Coolsculpting รุ่นเดิม

                                          • Coolsculpting รุ่นเดิม มีจำนวนหัว Applicator 5 หัว
                                          • Coolsculpting รุ่นเดิม สามารถทำได้ทีละหัว 
                                          • Coolsculpting รุ่นเดิม มีความเจ็บน้อย เนื่องจากใช้หัว Applicator แบบสุญญากาศ
                                          • Coolsculpting รุ่นเดิม สามารถลดไขมันได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
                                          • Coolsculpting รุ่นเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันไม่เยอะมาก และต้องการลดไขมันในราคาที่คุ้มค่า
                                          • Coolsculpting รุ่นเดิม มีราคาที่ประหยัดกว่า
                                          • Coolsculpting รุ่นเดิม มีความเสถียรในการปล่อยพลังงานเนื่องจากปล่อยพลังงานเพียงหัวเดียว

                                           

                                          Coolsculpting Elite

                                          • Coolsculpting Elite มีจำนวนหัว Applicator 7 หัว
                                          • Coolsculpting Elite สามารถทำหลายหัวพร้อมกันได้ในครั้งเดียว 
                                          • Coolsculpting Elite สามารถปรับการใช้งานให้สะดวกได้ยิ่งขึ้น
                                          • Coolsculpting Elite สามารถลดไขมันได้ดีและผลลัพธ์ยาวนานเหมือนกัน
                                          • Coolsculpting Elite เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเร็วขึ้น และต้องการความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
                                          • Coolsculpting Elite มีราคาที่สูงกว่า

                                           

                                          Coolsculpting Elite กับ การผ่าตัดดูดไขมัน ต่างกันอย่างไร ?

                                          ใครที่กำลังมีข้อสงสัยว่าแล้ว Coolsculpting Elite กับ ดูดไขมัน ต่างกันอย่างไร ? เลือกทำแบบไหนดี ? วันนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับข้อสงสัย สำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมัน และอยากได้ทางเลือกที่ดีที่สุด และตอบโจทย์กับปัญหาได้มากที่สุด ซึ่งความแตกต่างระหว่างการทำ Coolsculpting Elite กับการดูดไขมัน มีดังนี้

                                           

                                          Coolsculpting Elite

                                          • Coolsculpting Elite ใช้เทคโนโลยีความเย็น Cryolipolysis ที่ช่วยลดไขมันในอุณหภูมิ -11 ถึง -13 องศา เพื่อทำลายเซลล์ไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด และร่างกายจะกำจัดเซลล์ไขมันออกเองตามธรรมชาติ สามารถทำได้หลายส่วนบนร่างกาย
                                          • Coolsculpting Elite เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด หรือมี BMI<35  
                                          • Coolsculpting Elite เป็นการใช้เครื่อง ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่มีการวางยาสลบ และไม่มีแผล
                                          • Coolsculpting Elite มีความเสี่ยงต่ำ มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเครื่องผ่านการรับรองอย. ทั้งไทย และต่างประเทศ
                                          • Coolsculpting Elite หลังทำอาจมีอาการปวดระบม หรือบวมในจุดที่เซลล์ไขมันตายและค้างอยู่ ซึ่งผลข้างเคียงจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
                                          • Coolsculpting Elite หลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
                                          • Coolsculpting Elite จะค่อย ๆ เริ่มเห็นผลลัพธ์ใน 3-4 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเต็มที่ใน 3 เดือน
                                          • Coolsculpting Elite มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งที่อาจจะต่ำกว่าการดูดไขมัน แต่ต้องเข้ามาทำซ้ำ ในบางกรณีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                           

                                          การผ่าตัดดูดไขมัน

                                          • การผ่าตัดดูดไขมัน เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้เครื่องมือเฉพาะในการดูดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายโดยตรงและทันที ช่วยปรับรูปร่างและลดสัดส่วนได้อย่างรวดเร็ว และต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
                                          • การผ่าตัดดูดไขมัน เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันเยอะ หรือมี BMI>35
                                          • การผ่าตัดดูดไขมัน เป็นการผ่าตัดที่ช่วยปรับรูปร่างและลดสัดส่วนได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำได้หลายส่วนบนร่างกาย
                                          • การผ่าตัดดูดไขมัน หลังทำผิวบริเวณที่ทำอาจมีอาการเจ็บบวม ฟกช้ำ ผิวเป็นคลื่นไม่เรียบเนียน
                                          • การผ่าตัดดูดไขมัน อาจมีความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้ เช่น การติดเชื้อ หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาชา
                                          • การผ่าตัดดูดไขมัน อาจต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานถึง 1-2 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ดูดออก
                                          • การผ่าตัดดูดไขมัน จะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 3-4 เดือน หลังทำ
                                          • การผ่าตัดดูดไขมัน มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งที่สูงกว่า แต่ทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินได้

                                           

                                          สำหรับใครที่เลือกไม่ได้ว่า ดูดไขมัน กับ Coolsculpting Elite ทำอันไหนดี แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสัดส่วน วิเคราะห์ปัญหา และวางแผนการแก้ไขให้ตรงจุด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดดูดไขมัน หรือ การใช้เครื่องลดไขมัน Coolsculpting Elite หากต้องการผลลัพธ์ในระยะยาว และถาวร ควรควบคุมอาหาร และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมด้วย

                                           

                                          ทำ Coolsculpting Elite ที่ไหนดี ?

                                           

                                          หากต้องการที่จะทำ Coolsculpting Elite ลดไขมันด้วยความเย็นนั้น ต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่รักษาให้ดี เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี การเลือกคลินิก ทำ Coolsculpting Elite ที่ไหนดี ? นั้นสำคัญมาก ซึ่งมีวิธีเลือก ดังนี้

                                          • ตรวจสอบว่าคลินิกมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกต้อง และผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
                                          • เครื่อง Coolsculpting Elite  ต้องเป็นของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา
                                          • คลินิกมีความสะอาดและมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน
                                          • เลือกคลินิกที่ทำการรักษาโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่อง Coolsculpting Elite และมีความเชี่ยวชาญด้านการปรับสัดส่วนร่างกาย
                                          • แพทย์สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างละเอียด เกี่ยวกับกระบวนการการรักษาด้วย Coolsculpting Elite และผลลัพธ์ที่คุณคาดหวัง
                                          • ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับรีวิว Coolsculpting Elite หรือประสบการณ์จากผู้ที่เคยใช้บริการที่คลินิกนั้น เพื่อดูว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร
                                          • ควรเลือกคลินิกที่มีราคา Coolsculpting Elite ไม่ต่ำหรือสูงเกินไป เมื่อเทียบกับคุณภาพบริการ และมาตรฐานของสถานที่
                                          • ควรระวังโปรโมชั่นที่ราคาถูกมากเกินไป เพราะอาจเป็นเครื่องมือ Coolsculpting Elite ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นเครื่องปลอมได้

                                           

                                          Coolsculpting Elite ต้องทำกี่ครั้ง ?

                                          การลดไขมันด้วย Coolsculpting Elite จะต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ? ในการทำ Coolsculpting Elite นั้นแพทย์จะทำการสอบถามถึงปัญหาและความกังวลใจของคนไข้ ว่าต้องการลดไขมันในจุดไหน และต้องทำกี่ครั้งถึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยทั้งนี้ระยะเวลาในการทำ และจำนวนครั้งในการทำ Coolsculpting Elite จะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของคนไข้ โดยปกติแล้ว Coolsculpting Elite สามารถกลับมาทำซ้ำได้ทุก ๆ 4-6 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นเครื่องลดไขมันที่ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บ และขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์

                                           

                                          Coolsculpting Elite ราคาเท่าไหร่ ?

                                          ราคาของ Coolsculpting Elite ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำและโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก โดยก่อนเริ่มทำ แพทย์จะประเมินและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับความต้องการ และงบประมาณของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสม

                                           

                                          สำหรับใครที่อยากจะลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด Coolsculpting Elite ลดไขมันด้วยความเย็น เรียกได้ว่าเป็นเครื่องที่ตอบโจทย์อย่างมากในตอนนี้ ช่วยแก้ปัญหารูปร่างได้อย่างตรงจุด ซึ่งทาง รมย์รวินท์คลินิก ก็พร้อมให้บริการแล้วทุกสาขา สามารถเข้ามาสอบถาม และรับคำปรึกษาเกี่ยวกับ Coolsculpting Elite ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา

                                          Coolsculpting ฟรีซไขมัน คุณครีม เปรมสินี

                                          Coolsculpting ฟรีซไขมัน


                                          Coolsculpting ฟรีซไขมันคุณครีม ลดไขมัน เลข 4 แล้ว แต่หุ่นยังแซ่บได้อยู่!

                                          เลข 4 แล้ว แต่คุณครีม เปรมสินี รัตนโสภา ก็ไม่มีหวั่น หุ่นยังสวย แซ่บ แจ๋วได้ขนาดนี้ เพราะคุณครีมมาให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลเรื่องหุ่นให้เฟิร์ม ไร้ไขมัน ไม่ว่าจะนั่งโพส ยืนโพส หรือท่วงท่าไหนก็ยังสวยเริ่ดได้อยู่เสมอเลยค่ะ 

                                          ถึงแม้จะเลข 4 แล้ว แต่ครีมก็ไม่มีหวั่นเรื่องอายุหรอกค่ะ เพราะยิ่งอายุเยอะขึ้น เราต้องยิ่งดูแลตัวเองให้ดีขึ้นได้มากกว่าเดิม จะมาปล่อยประปละเลยไม่ได้เลยค่ะ ยิ่งเรื่องหุ่น ครีมยิ่งไม่ปล่อยเลยค่ะ เพราะถ้าขืนปล่อยนิดหน่อย เอากลับคืนมายกแน่นอน ครีมพยายามรักษาหุ่นของตัวเองให้อยู่ในเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ไม่ให้มีไขมันส่วนเกินตลอดค่ะ ทั้งเรื่องการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร ไม่ให้หุ่นเผละ มีไขมันส่วนเกิน แต่พอมาถึงยุคนี้แล้วใครๆ ก็หันพึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ ครีมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีการดูแลหุ่น กระชับสัดส่วน กำจัดไขมันส่วนเกินมากมายจนมาจบที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ

                                          Coolsculpting คุณครีม
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          Coolsculpting ฟรีซไขมันคุณครีม

                                          ครีมได้เข้ามาปรึกษาเรื่องการกระชับสัดส่วนที่รมย์รวินท์คลินิก เพราะที่นี่เขาจะมีศูนย์ Body & Wellness ไว้ให้คำปรึกษาเรื่องหุ่นและสุขภาพโดยเฉพาะเลยค่ะ ตอนนี้ครีมเองก็มีปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องค่ะ ทั้งมีเนื้อปลิ้นด้านข้าง และไหนจะมีพุงหมาน้อยอีก พอใส่ชุดรัดรูปก็จะมีพุงส่วนนี้โผล่ออกมาทำให้ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลยค่ะ ครั้งนี้ครีมจะดูแลรูปร่าง และไขมันส่วนเกินของครีมด้วย CoolSculpting ค่ะ ที่นี่มีทีม CoolSculpting Speacialist คอยให้การดูแลและปรึกษา ก่อนทำจะมีการวิเคราะห์และประเมินปัญหาแบบเฉพาะบุคคลเลยค่ะ เครื่อง CoolSculpting ที่ครีมเลือกทำจะช่วยในเรื่องลดไขมันส่วนเกินค่ะ โดย CoolSculpting จะปล่อยพลังงานผ่านตัว Applicator ด้วยความเย็นถึง -11 องศา ซึ่งจะกระจายความเย็นและแทรกซึมลงไปใต้ชั้นผิวหนังและชั้นไขมัน จากนั้น CoolSculpting ก็จะแช่แข็งเซลล์ไขมันส่วนเกินทำให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็งและทำให้แตกละเอียด จากนั้นก็จะถูกร่างกายของเราขับออกเป็นของเสียโดยธรรมชาติค่ะ ซึ่งการกำจัดไขมันส่วนเกินด้วย CoolSculpting เป็นวิธีที่สบายมาก ไม่ทำให้ทรมาน ไม่รู้สึกเจ็บ หรือชาเลยค่ะ เพราะ CoolSculpting มีเทคโนโลยีควบคุมความเย็นอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีระบบ Freez detect ซึ่งจะหยุดทำงานทันทีเมื่อตรวจจับความเย็นในชั้นผิวมากเกินไป CoolSculpting สามารถลดไขมันได้เฉพาะส่วน อยากกำจัดไขมันตรงไหนก็ให้ CoolSculpting ฟรีซตรงนั้น และ CoolSculpting ยังเป็นวิธีรักษาหุ่น และกำจัดไขมันที่ปลอดภัยมาก เพราะไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องใช้การผ่าตัด ที่สำคัญคือไม่ต้องเสี่ยงกับการดูดไขมัน ไม่ทิ้งบาดแผลหลังทำด้วยค่ะ และ CoolSculpting ยังได้รับการรับรองจาก US FDA และมีงานวิจัยรับรองผลด้วยนะคะ 

                                          ตอนทำ CoolSculpting ครีมบอกเลยว่านอนทำแบบชิลๆมากเลยค่ะ ปล่อยให้ CoolSculpting ใช้เวลาในการฟรีซไขมันเพียง 35 นาที นั่งเล่นมือถือหรือดูหนังไประหว่างทำ รู้ตัวอีกทีก็เสร็จแล้ว เป็นการกำจัดไขมันที่สบายมาก และหลังทำ CoolSculpting ก็เห็นผลลัพธ์ ลดไขมันได้ถึง 25% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยค่ะ ตอนนี้ไขมันส่วนเกิน เนื้อปลิ้น พุงหมาน้อยหายไปหมดแล้วค่ะ เหลือแต่หุ่นที่กระชับได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ครีมใส่เสื้อผ้ารัดรูปได้อย่างมั่นใจไม่ต้องคอยแขม่วพุงให้อึดอัดใจแล้วค่ะ 

                                          Coolsculpting คุณครีม
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          CoolSculpting คืออะไร ช่วยฟรีซไขมันได้อย่างไร

                                          CoolSculpting คือโปรแกรมกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยการใช้ความเย็นถึงที่ -11 องศา ในการทำให้ไขมันแข็งตัว โดย CoolSculpting จะปล่อยพลังงานผ่านตัว Applicator ซึ่งจะแทรกตัวลงสู่ชั้นผิวลงลึกไปจนถึงชั้นไขมัน และจะกระจายความเย็นเพื่อไปแช่แข็งเซลล์ไขมันส่วนเกินทำให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็งและจากนั้น CoolSculpting จะนวดให้ก้อนไขมันที่ถูกแช่แข็งนั้นแตกละเอียด เพื่อให้ร่างกายกำจัดออกไปในรูปแบบของเสีย และ CoolSculpting ยังมีระบบ  Freez detect ซึ่งเป็นการควบคุมความเย็นโดย CoolSculpting จะหยุดทำงานทันทีเมื่อตรวจจับความเย็นในชั้นผิวมากเกินไป นอกจากนั้น CoolSculpting ยังเป็นวิธีกำจัดไขมันส่วนเกินได้เฉพาะจุดที่ต้องการอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด หรือการดูดไขมันที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อร่างกาย และ CoolSculpting ยังได้รับการรับรองจาก US FDA และมีงานวิจัยรับรองผลอีกด้วย

                                          CoolSculpting เหมาะกับใครบ้าง 

                                          • CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินที่ลดยาก
                                          • CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษารูปร่างให้สวย หุ่นดี
                                          • CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด
                                          • CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับหุ่นแต่ไม่อยากผ่าตัด
                                          • CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับหุ่นอย่างปลอดภัย
                                          • CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย
                                          • CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายเฉพาะจุดแล้วไม่ได้ผล
                                          • CoolSculpting เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการอดอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก

                                          สวยและปลอดภัย โชว์หุ่นได้อย่างมั่นใจทุกท่วงท่า ปรึกษากับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ได้ที่รมย์รวินท์คลินิก หรือ Body & Wellness ได้ทุกสาขานะคะ

                                          Ultherapy PRIME หน้าเด็กได้เพราะโปรแกรมนี้ ความลับที่คุณเขตอยากบอกต่อ

                                          Ultherapy Prime หน้าเด็ก


                                          Ultherapy PRIME หน้าเด็กตลอดกาล ความลับของคุณเขตต์ ที่ขอยกกระชับผิวแบบ VVIP 

                                          คุณเขตต์ ฐานทัพ พระเอกหน้าเด็กตลอดกาลขอบุกรมย์รวินท์คลินิก ขอเป็น “กลุ่มแรก” ที่ได้ลองสัมผัสประสบการณ์ความ “PRIME” ให้ผิวหน้า

                                          อยู่ในวงการมานาน ถึงตอนนี้จะไม่ได้ทำงานเบื้องหน้าแล้ว แต่เรื่องผิวหน้าก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นมากครับ ด้วยอายุของเราที่มาขึ้น ความหย่อนคล้อย ไม่ยกกระชับ ริ้วรอย ตีนกาอะไรมันก็มาหมด ทำให้เรายิ่งดูแก่ ดูโทรม เราจะปล่อยตัวเองไว้แบบนี้ไม่ได้ ก็ต้องขอดูแลตัวเองหน่อย ถึงแม้จะมีเวลาน้อยนิดก็ต้องดูแลเรื่องผิว และตอนนี้ได้ยินมาว่าที่รมย์รวินท์คลินิกมีงานยกกระชับผิวตัวใหม่ที่ดีกว่าเดิม มีความ PRIME กว่าเดิม วันนี้ก็เลยอยากมาเป็น “กลุ่มแรก” ที่ได้ลองสัมผัสครับ

                                          Ultherapy Prime หน้าเด็ก
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          ก่อนทำการรักษาคุณหมอแพร (พญ.นภัสนันท์ เทพพรพิทักษ์) ประเมินปัญหาผิวให้ผมด้วยเทคนิค Lifting Select ที่สามารถวิเคราะห์ได้ทุกชั้นผิว เพื่อเลือกโปรแกรมการรักษาที่ตอบโจทย์ปัญหาได้ตรงจุดที่สุดครับ และก็ถึงเวลาที่ผมจะได้สัมผัสกับความ “PRIME” ด้วยเทคโนโลยียกกระชับผิวที่อัปเดตใหม่ล่าสุดในรอบ 15 ปี กับ Ultherapy PRIME ขอบอกเลยครับว่าตื่นเต้นมากที่จะได้ลอง Ultherapy PRIME เพราะเราเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเกี่ยวกับการยกกระชับผิวต่างๆ เพราะตอนทำมันรู้สึกเจ็บ รู้สึกทรมานทุกครั้งที่ทำ ทำให้รู้สึกกลัวไปเลย ตอนเริ่มทำ Ultherapy PRIME ก็มีความรู้สึกกังวลว่ามันจะเจ็บมั้ย แต่พอคุณหมอแพรยกกระชับผิวด้วย Ultherapy PRIME ช็อตแรกมันไม่เจ็บแบบที่เรากังวลเลย แต่มันเป็นความรู้สึกที่สบายมาก รู้สึกได้ถึงพลังงานที่ยิงลงสู่ชั้นผิว แต่ไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจนทนไม่ไหวครับ ความเจ็บจาก  Ultherapy PRIME ผมว่าให้ซัก 3 ครับ อึ้งเหมือนกันครับว่าหน้าผมโดน Ultherapy PRIME ไปถึง 600 Shots ยิงทั้งหน้าแต่ไม่รู้สึกเจ็บ หรือระบมเลย แต่หลังทำ Ultherapy PRIME มันเห็นได้ชัดทันทีเลยว่าหน้าผมยกกระชับขึ้น กรอบหน้าชัดเลย ส่วนแก้มย้อย ผิวหย่อนคล้อยมันยกเลยครับ รู้สึกว้าวกับผลลัพธ์หลังทำ Ultherapy PRIME ตอนนี้ค่อยสมฉายาพระเอกหน้าเด็กตลอดกาลหน่อยครับ (หัวเราะ) ต้องบอกเลยว่าประทับใจมากๆ แล้วก็ชอบมากๆ ครับ สำหรับ Ultherapy PRIME เครื่องนี้ 

                                          ถ้าถามผมว่า Prime Time คืออะไร ก็จะบอกว่ามันคือ เขาเรียกกันว่าเป็น “เวลาทอง” ถ้าเป็น Ultherapy PRIME ก็คือเป็นช่วงเวลาที่มันพิเศษสุดๆ สำหรับการยกผิวหน้าให้ยกกระชับได้มากกว่าเดิม เหมาะสำหรับคุณเท่านั้นที่เป็นคนพิเศษครับ

                                          Ultherapy Prime หน้าเด็ก
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          Ultherapy PRIME หน้าเด็ก

                                          Ultherapy PRIME คืออะไร 

                                          Ultherapy PRIME เทคโนโลยียกกระชับผิว New Generation ที่ถูกต่อยอดและพัฒนามาจากตัวเดิม Ultherapy PRIME มีการรักษาที่แม่นยำกว่าเดิม ยกกระชับได้มากกว่าเดินด้วยพลังงาน Micro-Focused Ultrasound หรือ MFUS ซึ่งเป็นพลังงานที่มีความเข้มข้นสูงในการยกกระชับผิวได้ลงลึกถึงผิวชั้น SMAS ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เกิดการจัดเรียงกันใหม่อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งช่วยทำให้ผิวแน่นเฟิร์มมากยิ่งขึ้น โดยการปล่อยพลังงานของ Ultherapy PRIME จะทำให้ผิวเกิดความร้อนเฉพาะจุด ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้นนั่นเอง Ultherapy PRIME สามารถทำได้กับทุกสภาพผิวและทุกสีผิว และสามารถทำได้บริเวณผิวหน้า ลำคอ ไปจนถึงบริเวณหน้าอก โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ทิ้งบาดแผล สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ใน 2-3 เดือน และคงผลลัพธ์ความยกกระชับ อ่อนเยาว์ได้นานถึง 1 ปี 

                                          • Ultherapy PRIME มีหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นถึง 35% มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น และมีความละเอียดสูง เห็นภาพชัดได้ทุกมุม
                                          • Ultherapy PRIME มีระบบ Advance Ultrasound หรือระบบการทำงานและการประมวลผลเร็วขึ้นถึง 20% 
                                          • Ultherapy PRIME มีประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่สูง และเสถียรมากขึ้น
                                          • Ultherapy PRIME มีการออกแบบที่ล้ำสมัย และประมวลผลได้รวดเร็ว
                                          • Ultherapy PRIME มีการทำการรักษาไปแล้วมากกว่า 3 ล้านเคสทั่วโลก
                                          • Ultherapy PRIME มีผู้ให้ความพึงพอใจหลังทำการรักษา
                                          • Ultherapy PRIME ผ่านการรับรองมาตรฐาน US FDA
                                          • Ultherapy PRIME มอบผลลัพธ์ความยกกระชับที่ดีและยาวนานกว่าที่เคย
                                          • Ultherapy PRIME 95% ของผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจมาก 

                                          ทำไมต้องทำ Ultherapy PRIME

                                          • Ultherapy PRIME เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวที่ออกแบบการรักษาได้เฉพาะบุคคล ทำให้รักษาปัญหาได้อย่างตรงจุด 
                                          • Ultherapy PRIME สามารถยิงพลังงานลงลึกได้ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้สำหรับผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า 
                                          • Ultherapy PRIME สามารถเห็นผลลัพธ์ความยกกระชับ อ่อนเยาว์ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ ว่ายกกระชับผิวได้ถึง 20% 
                                          • Ultherapy PRIME คงผลลัพธ์ความยกกระชับได้นานถึง 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
                                          • Ultherapy PRIME ยกผิวให้กระชับได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งบาดแผลหลังทำเสร็จ
                                          • Ultherapy PRIME ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ลดไขมันส่วนเกินบริเวณ แก้ม เหนียง คางสองชั้น 
                                          • Ultherapy PRIME ช่วยสร้างกรอบหน้าให้คมชัด ดูมิมิติมากยิ่งขึ้น 

                                          Ultherapy Prime หน้าเด็ก
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          Ultherapy PRIME เหมาะกับใครบ้าง

                                          • Ultherapy PRIME เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย
                                          • Ultherapy PRIME เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว
                                          • Ultherapy PRIME เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว แต่ไม่อยากผ่าตัด หรือพักฟื้น
                                          • Ultherapy PRIME เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว แต่กลัวเจ็บ
                                          • Ultherapy PRIME เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำ และยาวนานกว่าเดิม
                                          • Ultherapy PRIME เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีผิวยกกระชับ แต่ไม่อยากทำซ้ำบ่อยๆ
                                          • Ultherapy PRIME เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีผิวคุณภาพดี 
                                          • Ultherapy PRIME เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย
                                          • Ultherapy PRIME เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้น

                                          Ultherapy Prime หน้าเด็ก
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          มอบช่วงเวลา PRIME ให้ผิวหน้าของคุณด้วย Ultherapy PRIME ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ 

                                          Oligio Body คุณหนูดี หุ่นเชฟบ๊ะขนาดนี้ ใครจะเชื่อว่ามีลูกแล้ว

                                          Oligio Body คุณหนูดี


                                          Oligio Body คุณหนูดี หุ่นเชฟบ๊ะขนาดนี้ ใครจะเชื่อว่ามีลูกแล้ว 

                                          ใครบอกว่าเป็นคุณแม่แล้วจะหุ่นเป๊ะไม่ได้ มาดูนี่เลย คุณหนูดี รัสรินทร์ นิธิภรณ์รชานนท์ คุณแม่สาวสวยที่พ่วงด้วยตำแหน่ง Miss Wives Thailand 2024 ที่หุ่นยังเป๊ะมากกก

                                          มีลูกแล้วก็ต้องยิ่งเป๊ะสิคะ เรื่องรูปร่างสำหรับหนูดีคือไม่ได้เลย ยิ่งมีลูกแล้ว ทั้งหุ่น สัดส่วน และผิวที่เคยกระชับมันก็ย้วยออกหมด คลอดลูกแล้ว แต่ก็ยังเหลือเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีก ทั้งความหย่อนคล้อย ผิวย้วย ไม่กระชับ จะออกกำลังกายท่าไหน ควบคุมอาหารวิธีไหนมันก็ไม่ช่วยให้ตึงกระชับซักที จนหนูดีต้องพึ่งตัวช่วยแล้วค่ะ สมัยนี้มีเทคโนโลยีมากมายให้เราเลือกทำสวย อยากหุ่นดี ยกกระชับก็ทำให้ได้หมดเลยค่ะ แต่จะเลือกทั้งที หนูดีก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองสิคะ รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ ที่ตอบโจทย์ความยกกระชับให้กับหนูดี

                                          Oligio Body
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          หนูดีมีโอกาสได้ประกวดบนเวที Miss Wives Thailand 2024 และได้ตำแหน่งมาครองก็ต้องขอบคุณรมย์รินท์คลินิกที่ช่วยดูแลหุ่นให้หนูดีได้เฉิดฉายบนเวทีนี้ และวันนี้หนูดีก็มาให้คุณหมอแวว (พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์) ช่วยดูแลเรื่องหุ่นให้หนูดีเช่นเคยค่ะ ครั้งนี้คุณหมอบอกว่ามีเทคโนโลยีตัวใหม่ที่สามารถเก็บพวกรอยเหี่ยว รอยย่น และช่วยกระชับเนื้อส่วนที่ย้อยบริเวณลำตัวของเราได้ นั่นก็คือ Oligio Body ค่ะ ซึ่งตัวนี้เป็นพลังงานเดียวกับที่ใช้ยกกระชับใบหน้า นั่นก็คือพลังงาน Monopolar RF พลังงานลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ และชั้นไขมัน เข้าไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังให้ผิวยกกระชับ และยังช่วยลดไขมันส่วนเกินสะสมให้ผิวแน่นกระชับมากกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ เครื่อง Oligio Body สามารถทำได้ทุกส่วนเลยค่ะนอกจากใบหน้าแล้วก็ยังมีบริเวณต้นแขน หน้าท้อง ต้นขาเรียกว่า ผิวย้วย ผิวหย่อนตรงไหนก็จัดการยกให้กระชับด้วย Oligio Body ตอนทำก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเลยค่ะ เพราะตัว Oligio Body มีระบบสั่นสะเทือนช่วยลดการเจ็บ และยังปล่อยพลังงานความเย็นออกมาระหว่างทำ Oligio Body ทำให้รู้สึกสบายมากขึ้น และยังช่วยลดการเกิดผิวไหม้เบิร์นได้อีกด้วยค่ะ Oligio Body ไม่ใช่และหลังทำ Oligio Body ไม่ต้องพักฟื้น หรือทิ้งบาดแผลไว้เลยค่ะ 

                                          หลังจากที่หนูดีทำ Oligio Body เห็นผลลัพธ์ได้ทันที 20-30% เลยค่ะว่าหุ่นของหนูดีกระชับขึ้นมาก พวกหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขาที่ย้วยๆ ก็กระชับมาก ไม่หย่อนไม่ห้อยแล้วค่ะตอนนี้ และคุณหมอแววยังบอกกับหนูดีว่า Oligio Body  จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นหลังทำไปแล้ว 3 เดือนค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ ตอนนี้หนูดีมั่นใจมากขึ้นเลยค่ะ โชว์สัดส่วน เปิดปิดตรงไหนก็มั่นใจ ไม่หวั่นส่วนย้อย ส่วนย้วยแล้วค่ะ ใครที่อยากกระชับหุ่น Oligio Body ทำได้จริงๆ ค่ะ และต้องมั่นใจว่าปลอดภัยต้องเลือกมาทำที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ 

                                           

                                          Oligio Body
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          Oligio Body คุณหนูดี

                                          Oligio Body คืออะไร 

                                          Oligio Body คือโปรแกรมยกกระชับผิว และช่วยปรับรูปร่างโดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง หรือ Monopolar Radiofrequency  ด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่สูง 6.78 MHz ยิงเข้าสู่ชั้นผิวหนัง 4.3 มิลลิเมตร โดย Oligio Body สามารถยิงพลังงานลงได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่ที่เป็นระเบียบและแน่นมากยิ่งขึ้น และ Oligio Body จะปล่อยพลังงานความร้อนจากหัว Tip ที่มีลักษณะเป็นเข็ม ส่งผ่านพลังงานเข้าไปยังชั้นผิวหนัง โดยพลังงานจาก Oligio Body ที่ส่งผ่านเข้าไปจะมีความสม่ำเสมอ และแม่นยำ เพื่อช่วยลดไขมันส่วนเกินสะสม ทำให้ผิวและหุ่นกระชับมากยิ่งขึ้น สัดส่วนดูลดลง 

                                          Oligio Body ใช้เทคนิคการรักษาแบบ Fast Moving ที่มีความโดดเด่น

                                          • Minimize Pain 

                                          Oligio Body มีระบบ Vibration หรือระบบสั่นสะเทือนเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดขณะทำการรักษา และมีการปล่อยพลังงานความเย็น หรือ Cool System ออกมาเพื่อปกป้องผิวทำให้รู้สึกสบายมากขึ้น โดยหลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

                                          • Faster Treatment 

                                          Oligio Body มีฟังก์ชัน Auto และขนาดของหัว Tip ช่วยประหยัดเวลาในการยกกระชับผิวกายมากยิ่งขึ้น โดยหัว Tip 600 Shots ใช้เวลาในการรักษา 20-30 นาที และหัว Tip 300 Shots ใช้เวลาในการรักษา 10-15 นาที

                                          • Long-Lasting Effect 

                                          Oligio Body ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้คงผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวตัวจากความหย่อนคล้อยได้นาน 6 เดือน ถึง 1 ปี 

                                          Oligio Body
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                          ทำไมต้องเลือกยกกระชับผิวกายด้วย Oligio Body 

                                          • Oligio Body เห็นผลลัพธ์ได้หลังทำทันทีประมาณ 20-30%
                                          • Oligio Body คงผลลัพธ์ความยกกระชับของผิวได้นาน 6 เดือน – 1 ปี
                                          • Oligio Body ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม 
                                          • Oligio Body ช่วยลดไขมันสะสมตามร่างกายให้ลดลง
                                          • Oligio Body ช่วยกระชับสัดส่วนให้ดียิ่งขึ้น
                                          • Oligio Body ช่วยชะลอความหย่อนคล้อยของผิวให้ดูอ่อนเยาว์
                                          • Oligio Body มีความปลอดภัย ไม่ทำให้แสบ ปวด หรืออักเสบ ไม่ทิ้งบาดแผล
                                          • Oligio Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วนได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
                                          • Oligio Body มีระบบตรวจจับอุณหภูมิผิว ช่วยลดความเสี่ยงจากผิวไหม้เบิร์นขณะทำ 

                                          Oligo Body เหมาะกับผู้ใดบ้าง

                                          • Oligio Body เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
                                          • Oligio Body เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
                                          • Oligio Body เหมาะกับผูที่ต้องการลดไขมันใต้ชั้นผิว
                                          • Oligio Body เหมาะกับผู้ที่อยากยกกระชับผิวกายและลดไขมัน โดยไม่ต้องการผ่าตัด
                                          • Oligio Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวกาย
                                          • Oligio Body เหมาะกับผู้ที่เคยมีความเสี่ยงว่าจะผิวไหม้ หรือผิวแพ้ง่าย 
                                          • Oligio Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการชะลอความหย่อนคล้อยของผิวกายที่เกิดขึ้นตามวัย

                                          ใครมีปัญหาเรื่องรูปร่าง ต้องการยกกระชับปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ 

                                          เคล็ดลับผิวสวย 50+ ยังแจ๋ว ด้วย Secret Glow Skin

                                          Secret Glow Skin

                                          เคล็ดลับผิวสวย 50+ ยังแจ๋ว ด้วย Secret Glow Skin

                                           

                                          ค้นหาหน้าใหม่ใกล้ฉัน อยากได้หน้าใหม่ที่ยกกระชับ ดูอ่อนเยาว์ ดูเด็ก ลืมไปเลยความหย่อนคล้อย ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล แค่มาที่รมย์รวินท์คลินิก ก็ช่วยจัดการให้คุณได้ ออกไปดูเด็กลงกว่าเดิมแน่นอน พิสูจน์ด้วยดาราดัง คุณปู กรองทอง รัชตะวรรณ ทำแล้ว เหมือนได้หน้าใหม่กลับไปเลยยย

                                           

                                          Secret Glow Skin
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                           

                                          ตัวปูเองก็คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมานานมาก เล่นละครมาก็ตั้งหลายเรื่อง หน้าตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากค่ะ เพราะว่าปูต้องใช้หน้าเยอะมาก ทั้งแสดงอารมณ์ ทั้งออกกล้อง ออกทีวี ก็ต้องใช้หน้าตา และยิ่งด้วยอายุของเราที่เพิ่มมากขึ้น เข้าเลข 5 แล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนต้องเจอเหมือนกันก็คือความแก่ ทั้งหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอย ร่องลึก ผิวไม่กระชับ มาหมดเลยค่ะ ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นทให้การทำงานของคอลลาเจนในร่างกายยิ่งลดลง พอผลิตคอลลาเจนน้อยลง ความเหี่ยว ความหย่อนคล้อย ริ้วรอยก็ตามมา ปูเลยต้องมองหาตัวช่วยที่จะมาช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ลองมาหมอแล้วค่ะ ทั้งทา ทั้งกิน แต่สิ่งที่เห็นผลลัพธ์ได้ดีเพราะปูมาปรึกษากับคุณหมอบีบี (พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู : ว.49909) ที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ

                                           

                                          ก่อนทำคุณหมอบีบีจะตรวจวิเคราะห์ปัญหาผิวด้วย Lifting Select ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก ที่คิดค้นจากประสบการณ์ของทีมแพทย์มากว่า 21 ปี เลยค่ะ ซึ่ง Lifting Select เป็นเทคนิควิเคราะห์ปัญหาผิวก่อนเลือกทำหัตถการ เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหา และให้ผลลัพธ์ที่ดี ด้วย 3 เฟรมเวิร์ก ได้แก่

                                          • Frame Selection ปรับและแก้ไขโครงหน้าให้มีความอ่อนเยาว์
                                          • Light & Shadow Me เพิ่มมิติให้ใบหน้า เสริมจุดเด่นให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
                                          • Conceal Selection เก็บงานผิวให้เนียนกริ๊บ เผยผิวอย่างมั่นใจ ไม่ต้องปกปิดจุดบกพร่อง 

                                           

                                          Secret Glow Skin
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                           

                                          หลังจากที่คุณหมอบีบีตรวจวิเคราะห์ผิวเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหมอบีบีบอกว่าอายุที่มากขึ้นทำให้การทำงานของคอลลาเจนเสื่อมลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่ยกกระชับเหมือนเดิม ถ้าอยากย้อนเวลากลับไปให้ผิวดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง ก็จำเป็นที่จะต้องมีตัวช่วยกระตุ้น คุณหมอจึงเลือก Secret Glow Skin ให้กับปูค่ะ ซึ่งคุณหมอบีบีบอกว่า Secret Glow Skin คือไหมน้ำที่มาในรูปแบบของการฉีดค่ะ ไหมน้ำใน 1 ขวด เท่ากับการร้อยไหมถึง 1,427 เส้น และมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์และร้อยไหมในคราวเดียวกัน Secret Glow Skin มีความปลอดภัยต่อผิว และเจ็บน้อยกว่าการร้อยไหมแบบทั่วไปเพราะ Secret Glow Skin เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับ Nano Technology โดย Secret Glow Skin จะกระตุ้นคอลลาเจนทั้ง Type 1 และ Type 3 ซึ่งช่วยทำให้ผิวมีความแน่นเฟิร์ม ยกกระชับ ผิวอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ลดเลือนความหย่อนคล้อย ริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า และยังมีกรดอะมิโนแอซิด ที่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง เรียบเนียน แถมยังช่วยปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ หน้ากระจ่างใสมากยิ่งขึ้น และด้วยเทคนิคการฉีดเฉพาะของคุณหมอรมย์รวินท์คลินิกทำให้ฉีด Secret Glow Skin แล้วไม่ทำให้หน้าเป็นตุ่มหรือเป็นก้อน ไม่ทิ้งบาดแผล หลังฉีดแล้วยุบทันทีไม่ทำให้หน้าบวม ไม่ต้องพักฟื้น ทำแล้วใช้หน้าต่อได้ทันที สวยได้ทันใจเลยค่ะ และ Secret Glow Skin ยังไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สลายได้เองตามธรรมชาติค่ะ 

                                           

                                          หลังจากที่ทำ Secret Glow Skin แล้วเห็นผลลัพธ์ทันทีเลยค่ะ ว่าหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นทันทีเลย ใบหน้าที่เคยหย่อนคล้อย ตอนนี้ยกกระชับขึ้นมาก เหมือนไปร้อยไหมมาเลยค่ะ แต่ Secret Glow Skin ทำแล้วไม่เจ็บเหมือนการร้อยไหมนะคะ และผิวก็ดูเนียนละเอียด แน่นเฟิร์มมากขึ้น ผิวหน้าที่เคยมีรอยดำก็กระจ่างใสมากขึ้นด้วยค่ะ Secret Glow Skin ให้ผลลัพธ์ผิวสวยที่ตรงใจแลทันใจมากค่ะ สวยแบบเร่งด่วนต้อง Secret Glow Skin ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ 

                                           

                                          Secret Glow Skin
                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                           

                                          ทำไมต้องเลือก Secret Glow Skin ดูแลผิวหน้า

                                           

                                          เพราะ Secret Glow Skin หรือไหมน้ำชนิด PDO (Polydioxanone) ซึ่งเป็นตัวที่นิยมใช้ในทางการแพทย์และความงามอย่างมาก มีความยืดหยุ่นสูง โดย Secret Glow Skin ใน 1 ขวด เทียบเท่าได้กับการร้อยไหมถึง 1,427 เส้น และยังเทียบเท่ากับการร้อยไหมและฉีดฟิลเลอร์ในคราวเดียวกันด้วย Secret Glow Skin เป็น Biostimulator ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในระดับ Nano Technolgy ทำให้ Secret Glow Skin มีความเจ็บน้อยกว่าการร้อยไหมแบบทั่วไป ซึ่ง Secret Glow Skin จะกระตุ้นคอลลาเจนทั้ง Tupe 1 และ Type 3 ให้กับผิว ทำให้ผิวมีความแน่นเฟิร์ม Secret Glow Skin ช่วยเพิ่มความแน่นหนาให้กับชั้นผิวได้ถึง 34.36% ลดเลือนริ้วรอยเติมเต็มร่องลึกให้กับผิวได้ถึง 13.33% และช่วยปรับผิวให้สม่ำเสมอมีความกระจ่างใสได้ถึง 9.15% โดยรวมคือ Secret Glow Skin  ช่วยลดความหย่อนคล้อยของผิว ให้ผิวยกกระชับ คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวย้อนกลับมาเด็กได้อีกครั้ง และผลลัพธ์จาก Secret Glow Skin ยังสามารถอยู่ได้นาน 6-8 เดือนอีกด้วย *ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล และ Secret Glow Skin ทำแล้วไม่เป็นอันตราย ไม่ทิ้งสารตกค้าง ไม่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ หรือบวม เพราะ Secret Glow Skin สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และยังได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA สหรัฐอเมริกาอีกด้วย 

                                           

                                          • Secret Glow Skin กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทั้ง Type 1 และ Type 3 
                                          • Secret Glow Skin ลดเลือนริ้วรอยและเติมเต็มร่องลึกให้กับผิว
                                          • Secret Glow Skin ลดความหย่อนคล้อยให้ผิวยกกระชับ
                                          • Secret Glow Skin คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวกลับมาดูเด็กอีกครั้ง
                                          • Secret Glow Skin ฟื้นฟูผิวให้มีความแข็งแรง แน่นเฟิร์ม
                                          • Secret Glow Skin ปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ กระจ่างใส
                                          • Secret Glow Skin ให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
                                          • Secret Glow Skin ผิวตึงกระชับได้เทียบเท่ากับการร้อยไหมแบบทั่วไป 

                                           

                                          อยากผิวสวยใส หน้ายกกระชับ ดูอ่อนเยาว์ มาปรึกษากับคุณหมอรมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ 

                                          โบกระชับรูขุมขน ฟื้นฟูใบหน้าเรียบเนียน กระชับรูขุมขนกว้าง

                                          ฉีดโบกระชับรูขุมขน

                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                            โบกระชับรูขุมขน ฟื้นฟูใบหน้าเรียบเนียน เผยผิวใส กระชับรูขุมขนกว้าง

                                            ปัญหารูขุมขนกว้าง เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้กับหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน การแต่งหน้า และการดูแลผิวพรรณ ซึ่งการมีรูขุมขนกว้างทำให้ผิวหน้าดูขรุขระ ไม่เรียบเนียน และอาจทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น 

                                             

                                            ด้วยสาเหตุเหล่านี้ จึงมีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง หนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมและให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจก็คือ “การฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง” ซึ่งเป็นวิธีการทางการแพทย์ที่ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น และดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

                                             

                                            วันนี้รมย์รวินท์คลินิกจะมาแนะนำเรื่องของโบกระชับรูขุมขนกว้างว่ามีหลักการทำงานอย่างไร วิธีเลือกยี่ห้อควรเลือกแบบไหนดี รวมไปถึงการดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกทำหัตถการนี้ 

                                             

                                            ทำความรู้จักกับโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                            วิธีที่จะช่วยทำให้รูขุมขนเกิดความกระชับขึ้น ปรับผิวหน้าให้มีความเรียบเนียนได้ด้วยการฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นสารที่สกัดมาจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม (Clostridium) ในปัจจุบันสารตัวนี้ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในวงการความงาม ใช้เพื่อการปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ปรับผิวให้อ่อนเยาว์ขึ้น โดยวิธีการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง จะฉีดเข้าไปยังบริเวณในจุดกล้ามเนื้อและต่อมไขมัน ทำให้ผิวส่วนนั้นมีความกระชับมากขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนหดตัวและแคบลง

                                             

                                            สาเหตุของปัญหารูขุมขนกว้าง
                                            สาเหตุของปัญหารูขุมขนกว้าง

                                             

                                            สาเหตุของปัญหารูขุมขนกว้าง

                                            ปัญหารูขุมขนกว้าง เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย สาเหตุของปัญหานี้มีหลากหลายปัจจัย เกิดได้จากปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอกที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน ซึ่งสาเหตุหลักของปัญหารูขุมขนกว้าง ดังนี้

                                            • พันธุกรรม : การมีรูขุมขนกว้างจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากครอบครัวจะมีลักษณะรูขุมขนที่ใหญ่และชัดกว่าคนปกติทั่วไป เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้
                                            • อายุที่เพิ่มมากขึ้น : เมื่ออายุของคนเราเพิ่มมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่น คอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้รูขุมขนบนผิวหน้าขยายตัวกว้างขึ้นได้
                                            • ระดับของฮอร์โมนที่มากเกินไป : ฮอร์โมนในร่างกายเป็นตัวการสำคัญในการกระตุ้นต่อมไขมันให้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสร้างนำมันบนผิวที่มากกว่าปกติ ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายกว่าปกติ
                                            • การผิวอักเสบของผิว : การเกิดสิวหรือการอักเสบของผิวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จะทำให้รูขุมขนขยายตัวกว้างขึ้นและอาจเกิดรอยแผลเป็นจากสิวได้อีกด้วย
                                            • การดูแลผิวไม่ถูกวิธี : การล้างหน้าบ่อยจนเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์สครับใบหน้า หรือการขัดผิวหน้าแรงเกินไป อาจทำให้เกิดผิวระคายเคืองและรูขุมขนขยายตัว
                                            • แสงแดด : แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิวให้ทรุดโทรมได้ง่าย นอกจากนี้เมื่อร่างกายโดนความร้อนจากแสงแดด จะทำให้เกิดการสร้างน้ำมันบนผิวหน้าที่มากขึ้น จนทำให้รูขุมขนกว้างและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
                                            • มลภาวะ : ในชีวิตประจำวัน ผิวต้องเผชิญกับมลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง PM2.5 ควัน และสิ่งสกปรก ที่ลอยอยู่ในอากาศ สิ่งสกปรกเหล่านี้จะสะสมและอุดตันอยู่ในรูขุมขน ส่งผลให้รูขุมขนขยายตัวกว้างมากขึ้น 
                                            • การใช้เครื่องสำอางไม่เหมาะสม : การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสารเคมีที่รุนแรง อาจทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนและทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น
                                            • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : ในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การมีประจำเดือน หรือการตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดการผลิตน้ำมันบนผิวหน้าเพิ่มขึ้นและรูขุมขนกว้างขึ้น
                                            • พฤติกรรมการใช้ชีวิต : พฤติกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน เช่น การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวและทำให้เกิดปัญหารูขุมขนกว้างได้
                                            • โรคบางชนิด : โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ อาจทำให้รูขุมขนขยายตัวได้ 

                                             

                                            ฉีดโบกระชับรูขุมขนทำงานอย่างไร
                                            ฉีดโบกระชับรูขุมขนทำงานอย่างไร

                                             

                                            โบกระชับรูขุมขนกว้าง ทำงานอย่างไร?

                                            หลักการทำงานของการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง คือการฉีดตัวยาที่เป็นสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเข้าไปในบริเวณส่วนกล้ามเนื้อและต่อมไขมัน เพื่อให้ตัวยาถูกดูดซึมเข้าไปที่เซลล์ประสาท ทำให้บริเวณดังกล่าวทำงานได้ลดน้อยลงแบบชั่วคราว รูขุมขนจะค่อย ๆ หดตัวลง ส่งผลให้ช่วยลดความมันบนใบหน้าที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวได้

                                             

                                            ฉีดโบกระชับรูขุมขนฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
                                            ฉีดโบกระชับรูขุมขนฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

                                             

                                            บริเวณที่สามารถฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้างได้

                                            โดยปกติทั่วไปการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้างนั้น จะเน้นไปที่บริเวณที่มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้างที่สุด ซึ่งตำแหน่งที่มักพบปัญหารูขุมขนกว้างได้ มีดังนี้

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง บริเวณแก้ม : เป็นบริเวณที่พบปัญหารูขุมขนกว้างบ่อยที่สุด
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง บริเวณจมูก : รูขุมขนบริเวณจมูกมักมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณอื่น ๆ
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง บริเวณคาง : โดยเฉพาะบริเวณใต้คาง
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง บริเวณหน้าผาก : อาจฉีดเพื่อลดการผลิตน้ำมัน และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

                                             

                                            ฉีดโบกระชับรูขุมขนเหมาะกับใครบ้าง
                                            ฉีดโบกระชับรูขุมขนเหมาะกับใครบ้าง

                                            ใครบ้างที่เหมาะกับโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวมัน
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง เหมาะกับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง เหมาะกับคนที่ต้องการผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง เหมาะกับคนที่ต้องการลดการเกิดสิว
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง เหมาะกับคนที่ต้องการลดการทำงานของต่อมไขมัน
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว

                                             

                                            ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับสตรีตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง  โรคระบบประสาทบางชนิด
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับคนที่มีแผลติดเชื้อ 
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับคนที่แพ้สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวหนังอักเสบ 
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับคนที่มีแผลเปิดบริเวณที่ต้องการฉีด
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหากับการแข็งตัวของเลือด
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร

                                             

                                            ฉีดโบกระชับรูขุมขนมีข้อดีอะไรบ้าง
                                            ฉีดโบกระชับรูขุมขนมีข้อดีอะไรบ้าง

                                             

                                            ข้อดีของการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ช่วยทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวเนียนละเอียดขึ้น
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดโอกาสเกิดสิวอุดตัน
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ช่วยให้กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระชับ เต่งตึงขึ้น
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กบนใบหน้าได้
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง มีความปลอดภัยสูง โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมาก

                                             

                                            ข้อเสียของการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ผลลัพธ์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น บวม แดง หรือมีรอยช้ำ
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ไม่สามารถแก้ไขทุกปัญหาผิวได้ 

                                             

                                            เลือกฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ยี่ห้อไหนดี?

                                            โดยส่วนมากโบกระชับรูขุมขน มีทั้งของประเทศเกาหลี ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ ซึ่งแพทย์จะเป็นคนประเมินว่าคนไข้ในแต่ละเคส เหมาะกับโบกระชับรูขุมขนชนิดไหน เพื่อความเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด โดยยี่ห้อโบกระชับรูขุมขนกว้าง มีดังนี้

                                             

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้างยี่ห้อ Aestox (ประเทศเกาหลี) : เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ฮิตในประเทศไทย ส่งตรงจากแดนกิมจิ ที่โดดเด่นด้วยความบริสุทธิ์ 99.5% ส่งผลให้เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว มีความเป็นธรรมชาติ ออกฤทธิ์ได้ไว ตัวยากระจายตัวแคบ ผลลัพธ์คงอยู่ได้สั้นกว่าโบกระชับรูขุมขนฝั่งยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้างยี่ห้อ Nabota (ประเทศเกาหลี) : เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านการออกฤทธิ์เร็ว เห็นผลไวกว่าโบเกาหลีแบรนด์อื่น ๆ อีกทั้งยังมีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% นอกจากนี้ Nabota ยังเป็นโบเกาหลีแบรนด์เดียว ที่ผ่านการรับรองจากงานวิจัยขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน และมั่นใจในคุณภาพระดับสากล
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้างยี่ห้อ Allergan (ประเทศสหรัฐอเมริกา) : เป็นโบแบรนด์แรกของโลกที่ได้รับความไว้วางใจ และความนิยมจากผู้ใช้ในหลายประเทศ จุดเด่นของแบรนด์นี้อยู่ที่ตัวยาที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% พร้อมด้วยการกระจายตัวแคบ ทำให้การรักษามีความแม่นยำและตรงจุดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่นานหลายเดือน
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้างยี่ห้อ Dysport (ประเทศอังกฤษ) : เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานเทียบเท่ากับยี่ห้อ Allergan มีจุดเด่นในเรื่องมีขนาดโมเลกุลขนาดเล็ก ตัวยากระจายตัวได้กว้าง มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้างยี่ห้อ Xeomin (ประเทศเยอรมัน) : เป็นแบรนด์ที่มีตัวยาบริสุทธิ์สูงมาก ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน มีจุดเด่นคือการนำเอาข้อดีของยี่ห้อ Allergan กับ Dysport มารวมไว้ด้วยกัน เป็นแบรนด์ที่ได้รับผลลัพธ์ดีในเคสที่ดื้อยา

                                             

                                            เปรียบเทียบ โบกระชับรูขุมขนกว้าง VS วิธีรักษารูขุมขนกว้างอื่น ๆ

                                            ปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและอาจทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น การรักษาด้วยวิธีการทางการแพทย์ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยม เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดและรวดเร็ว

                                             

                                            วิธีทางการแพทย์นั้น มีหลากหลายวิธีในการรักษารูขุมขนกว้าง ในแต่ละวิธีจะมีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของปัญหา วิธีการรักษาที่ได้รับความนิยม มีดังนี้

                                             

                                            • การฉีดโบรักษารูขุมขนกว้าง

                                            การฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง  เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการรักษารูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณทีโซนที่มักมีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้างและผิวมัน การฉีดโบจะเข้าไปช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อและต่อมไขมัน ทำให้รูขุมขนหดเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น

                                             

                                            • การเลเซอร์รักษารูขุมขนกว้าง

                                            เป็นหนึ่งในวิธีการรักษารูขุมขนกว้าง ที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด และรวดเร็ว โดยหลักการทำงานของเลเซอร์คือ การใช้พลังงานแสงความเข้มสูง ไปกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวกระชับขึ้น รูขุมขนเล็กลง และผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น

                                             

                                            • การทำ HIFU กระชับรูขุมขนกว้าง

                                            เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการยกกระชับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ซึ่งนอกจากจะช่วยยกกระชับผิวแล้ว ยังมีประสิทธิภาพในการช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงอีกด้วย

                                             

                                            • การทำ RF กระชับรูขุมขนกว้าง

                                            เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการดูแลผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง เพราะ RF ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับ รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น

                                             

                                            • การฉีดวิตามินผิว กระชับรูขุมขนกว้าง

                                            การฉีดวิตามินผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ได้รับความนิยมในการดูแลผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง

                                             

                                            • การฉีดฟิลเลอร์รักษารูขุมขนกว้าง

                                            การฉีดฟิลเลอร์รักษารูขุมขนกว้าง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการรักษารูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่รูขุมขนกว้างมาก และเป็นปัญหาอย่างเห็นได้ชัด ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มร่องลึกและรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

                                             

                                            เลเซอร์ที่นิยมใช้สำหรับรักษารูขุมขนกว้าง มีดังนี้

                                            • Fractional CO2 Laser : ทำงานโดยการปล่อยลำแสงเลเซอร์ขนาดเล็กจำนวนมากลงสู่ชั้นผิวหนังชั้นบน ซึ่งช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน และกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
                                            • Picosecond Laser : เป็นเลเซอร์ที่มีพลังงานสูงมาก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนรอยดำ รอยแดง และรูขุมขน
                                            • IPL (Intense Pulsed Light) : เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงที่มีความเข้มข้นสูงในการรักษาปัญหาผิวหลายประเภท โดยมีหลักการทำงานที่สามารถช่วยลดรอยแดงและรอยดำ รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวดูเรียบเนียน และมีสุขภาพดีขึ้น
                                            • Dual Yellow Laser : เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทำงานโดยการรวมพลังงานแสงสีเหลืองจากสองความยาวคลื่นที่เหมาะสม เพื่อทำลายเม็ดสีเมลานินอย่างแม่นยำ ช่วยลดปัญหาผิวคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ

                                             

                                            การเตรียมตัวก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ควรทำการศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง หากมีโรคประจำตัว ยาที่ต้องทานยาเป็นประจำ หรือการแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดทานยา วิตามินอาหารเสริม เช่น วิตามินอี แอสไพริน ยาต้านการอักเสบ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดการทำเลเซอร์ผิวหน้า หรือทรีตเมนต์หน้า 1 เดือนก่อนทำ
                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดทายากลุ่มผลัดเซลล์ผิว หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging อย่างน้อย 3 วัน
                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดแวกซ์ผิว การสครับผิว การนวดหน้า 3 วันก่อนทำ
                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อน
                                            • ก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดกิจกรรมที่ส่งผลให้มีการสูบฉีดไหลเวียนของเลือดมากขึ้น ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนทำ

                                             

                                            ขั้นตอนการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                            1. ก่อนการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิว ตรวจสอบประวัติสุขภาพ และอธิบายถึงขั้นตอนการรักษา ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
                                            2. ทำความสะอาดผิวหน้าของคุณให้สะอาดก่อนการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง
                                            3. หากกังวลรู้สึกกลัวเจ็บ แพทย์อาจทายาชาบริเวณที่จะฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้างก่อน
                                            4. แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้างเข้าไปในกล้ามเนื้อและต่อมไขมันบริเวณที่ต้องการฉีด ใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 15-30 นาที
                                            5. หลังจากฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
                                            6. แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการฉีดโบกระชับรูขุมขน เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่นาน

                                             

                                            การดูแลตัวเองหลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อให้โบถูกปลายประสาทดูดซึมเข้าไปให้ได้มากที่สุด
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ควรทำการประคบให้ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ควรทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดนอนราบ 3-4 ชั่วโมงแรกหลังทำ
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดการนวด กด บีบ คลึง ในบริเวณที่ฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด 2 สัปดาห์หลังฉีด
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดแต่งหน้า งดการทาครีมบำรุง 24 ชั่วโมง
                                            • หลังฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง งดการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่จะทำให้เหงื่อออกมาก 1 สัปดาห์

                                             

                                            คำถามที่พบบ่อยของการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง

                                             

                                            • ฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ใช้กี่ยูนิต?

                                            โดยปกติการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง จะใช้ปริมาณโบกระชับรูขุมขนกว้างประมาณ 65 ยูนิต ซึ่งในแต่ละบุคคลอาจใช้ปริมาณมากน้อยแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัญหาของผิวหน้า ทั้งนี้แพทย์ที่มีประสบการณ์จะประเมินปัญหาและปริมาณตัวยาที่เหมาะสม

                                             

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง เจ็บไหม?

                                            ระหว่างฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง อาจจะรู้สึกเจ็บจากเข็มเล็กน้อยในกรณีที่ใครกลัวเจ็บ สามารถแจ้งแพทย์ก่อนเริ่มฉีดได้ ซึ่งก่อนฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง แพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะฉีด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บให้เบาลง

                                             

                                            • ฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง กี่วันเห็นผล?

                                            การฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง โดยทั่วไปจะเริ่มรู้ว่าสึกผิวกระชับขึ้น หน้าไม่มัน รูขุมขนดูตื้นขึ้นเห็นและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน หลังจากฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์

                                             

                                            • ฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง อยู่ได้นานไหม?

                                            ผลลัพธ์ของการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง โดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้และการดูแลตัวเองหลังฉีด

                                             

                                            • ฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ดีไหม?

                                            การฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น ลดปัญหาสิว และดูอ่อนเยาว์ ซึ่งเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะเห็นผลได้นานประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบกระชับรูขุมขนกว้างที่เลือกฉีด

                                             

                                            • ทำไมต้องฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง? 

                                            การฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อและต่อมไขมัน ทำให้น้ำมันบนใบหน้าลดลง อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดปัญหาสิวอุดตัน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สดใส และเปล่งปลั่ง

                                             

                                            • ผลข้างเคียงของการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง?

                                            การฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง เป็นที่นิยมมากเนื่องจากเห็นผลเร็วและเห็นผลชัดเจน แต่การฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้างก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงและหายไปได้เอง โดยผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อย มีดังนี้

                                            • อาการบวม แดง รอยเขียวช้ำ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ปกติทั่วไป มักเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีด และสามารถหายไปเองภายใน 2-3 วัน
                                            • อาการปวดศีรษะ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้บ้างในบางราย เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ามีการปรับตัว
                                            • อาการคลื่นไส้ ซึ่งโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก และมักหายไปเอง

                                             

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ต้องฉีดซ้ำบ่อยแค่ไหน?

                                            การฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ถาวร โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้ระยะเวลาของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง และสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อรักษาความเรียบเนียนของผิวและกระชับรูขุมขนให้คงอยู่ แนะนำให้ฉีดซ้ำทุก ๆ 4-6 เดือน ตามคำแนะนำของแพทย์

                                             

                                            • โบกระชับรูขุมขนกว้าง ฉีดแล้วหน้าแข็งไหม?

                                            โดยปกติทั่วไปการฉีดโบโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์จะไม่ทำให้หน้าแข็ง แต่จะช่วยให้ใบหน้าดูผ่อนคลาย รูขุมขนเล็กลง และผิวเรียบเนียนขึ้น

                                             

                                            จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้าง เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในการรักษารูขุมขน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดและรวดเร็ว ทั้งนี้ผลลัพธ์ของการรักษาขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย เช่น ประเภทของผิวหนัง ปริมาณโบกระชับรูขุมขนที่ใช้ และเทคนิคการฉีดของแพทย์ นอกจากนี้ การฉีดโบกระชับรูขุมขนยังมีความจำเป็นต้องทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจฉีดโบกระชับรูขุมขนกว้างจึงควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำที่เหมาะสม 

                                            ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ในการแสดงสีหน้า

                                            ฉีดโบระหว่างคิ้วลดรอยขมวดคิ้ว

                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                              ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เคล็ดลับใบหน้าอ่อนกว่าวัย

                                               

                                              ริ้วรอยระหว่างคิ้วที่เกิดขึ้นตามวัย ไม่เพียงแต่ทำให้ดูแก่กว่าวัย แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย และไม่มีใครอยากมีใบหน้าที่ดูขมวดคิ้วตลอดเวลา การฉีดโบระหว่างคิ้วจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คน ที่ต้องการมีใบหน้าที่เรียบเนียนอ่อนเยาว์ บทความนี้จะไขข้อข้องใจทุกอย่างเกี่ยวกับการฉีดโบระหว่างคิ้ว ไม่ว่าจะเป็นหลักการทำงานของโบระหว่างคิ้ว ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดโบระหว่างคิ้ว ผลข้างเคียงของโบระหว่างคิ้วที่อาจเกิดขึ้น และคำถามที่ทุกคนอยากรู้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว

                                               

                                              ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว แก้ปัญหารอยย่นตรงจุด ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ

                                               

                                              ฉีดโบระหว่างคิ้ว คืออะไร?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว คือ การฉีดสารที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ เข้าไปใต้ชั้นผิวหนังในชั้นกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยย่นบริเวณระหว่างคิ้ว ซึ่งกลไกการทำงานของโบระหว่างคิ้วจะออกฤทธิ์ในการยับยั้งสาร Acetycholine จากปลายประสาทบริเวณที่ฉีดเข้าไป สารตัวนี้จะทำให้กล้ามเนื้อบีบเกร็งตัว เมื่อฉีดโบระหว่างคิ้วเข้าไปยับยั้ง จะส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณระหว่างคิ้วคลายตัว ลดความแรงในการบีบตัวของกล้ามเนื้อ เนื่องจากการบีบรัดตัวจากการขมวดคิ้ว เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอยย่นตรงระหว่างคิ้วได้

                                               

                                              ริ้วรอยขมวดคิ้ว เกิดจากสาเหตุอะไร
                                              ริ้วรอยขมวดคิ้ว เกิดจากสาเหตุอะไร

                                               

                                              ริ้วรอยขมวดคิ้ว เกิดจากสาเหตุอะไร?

                                               

                                              ริ้วรอยระหว่างคิ้ว รอยย่นจากการขมวดคิ้ว เป็นปัญหาที่หลายคนกังวล เพราะทำให้ใบหน้าดูเคร่งเครียดและดูแก่กว่าวัย ซึ่งสาเหตุของการเกิดริ้วรอยขมวดคิ้ว มีดังนี้

                                              • การแสดงออกทางสีหน้า : คนที่ชอบขมวดคิ้วบ่อย ๆ หรือคนที่ชอบแสดงอารมณ์ทางสีหน้า เช่น การเครียด เป็นต้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณระหว่างคิ้วทำงานหนัก ส่งผลให้เกิดรอยพับขนเห็นเป็นริ้วรอยชัดเจน
                                              • อายุที่เพิ่มขึ้น : เมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น ผิวหนังของคนเราจะสูญเสียความยืดหยุ่น ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ทำให้ผิวหน้าบางลง จนเกิดรอยพับและริ้วรอยได้ง่าย
                                              • แสงแดด : รังสียูวีจากแสงแดดจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวมีริ้วรอยและดูแก่เร็ว
                                              • มลภาวะ : ฝุ่นละอองและสารเคมีต่าง ๆ ทำให้ผิวอักเสบและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าได้
                                              • การพักผ่อน : การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผิวโทรม ไม่สดใส และเกิดริ้วรอยได้มากขึ้น 
                                              • พันธุกรรม : การเกิดพันธุกรรมสามารถเกิดริ้วรอยได้เหมือนกัน หากคนในครอบครัวมีคนที่มีริ้วรอยตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ทำให้มีโอกาสเกิดริ้วรอยได้มากกว่าคนอื่น ๆ

                                               

                                              โบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้วได้อย่างไร?

                                              แพทย์จะฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเข้าไปที่กล้ามเนื้อโปรเซอรัส (Procerus) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อรูปพีระมิดขนาดเล็กอยู่ระหว่างคิ้ว ที่คอยทำหน้าที่ขมวดคิ้ว และกล้ามเนื้อคอร์รูเกเตอร์ ซูเปอร์ซิลิไอ (Corrugator Supercilii) ที่อยู่บริเวณเหนือหัวคิ้ว ที่ทำหน้าที่ดึงหัวคิ้วลงและดึงเข้าหากึ่งกลาง เกิดเป็นเส้น Glabellar Frown Lines โดยการฉีดโบจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อทั้ง 2 มัดนี้ เวลาที่แสดงสีหน้า เช่น เครียด หรือโกรธ ก็จะไม่ทำให้เกิดริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว

                                               

                                              ฉีดโบระหว่างคิ้วมีข้อดีอย่างไร
                                              ฉีดโบระหว่างคิ้วมีข้อดีอย่างไร

                                               

                                              ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว มีข้อดีอย่างไร?

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ช่วยให้ใบหน้าดูผ่อนคลาย ไม่ดูตึงเครียดจนเกินไป
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ช่วยชะลอและป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว 
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องรอนาน
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว มีความปลอดภัยสูง ไม่เสี่ยงอันตราย
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

                                               

                                              ฉีดโบระหว่างคิ้วเหมาะกับใคร
                                              ฉีดโบระหว่างคิ้วเหมาะกับใคร

                                               

                                              ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้ว เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครหลายคนที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย และแก้ไขปัญหาใบหน้าให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ขึ้น เพราะฉะนั้นการฉีดโบระหว่างคิ้วจึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาดังต่อไปนี้

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยระหว่างคิ้ว จากการขมวดคิ้ว หรือแสดงสีหน้า
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยระหว่างคิ้ว แม้ไม่แสดงสีหน้า
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เหมาะกับคนที่ต้องการลดเลือนรอยย่นยับ
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เหมาะกับคนที่ต้องการให้ใบหน้าดูผ่อนคลาย
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เหมาะกับคนที่ต้องการป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เหมาะกับคนที่ต้องการใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เหมาะกับคนที่ต้องการลดริ้วรอยโดยไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เหมาะกับคนที่ต้องการลดริ้วรอยแบบเร่งด่วน

                                               

                                              ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้ว มีบุคคลบางกลุ่มที่ไม่เหมาะสมกับการทำหัตถการนี้ ดังนี้

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่เหมาะกับคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง 
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่เหมาะกับคนที่แพ้สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่เหมาะกับคนที่มีแผลติดเชื้อบริเวณที่ต้องการฉีด ควรรักษาให้หายปกติก่อน
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่เหมาะกับคนที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต 
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร

                                               

                                              ยี่ห้อโบระหว่างคิ้วที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

                                               

                                              ปัจจุบันมีโบระหว่างคิ้วหลายยี่ห้อ ที่ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย เช่น Allergan, Dysport, Xeomin, Nabota, Aestox เป็นต้น ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ดังนี้

                                               

                                              โบระหว่างคิ้วยี่ห้อ Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา 

                                              • จุดเด่นคือตัวยามีลักษณะการกระจายตัวแคบ 
                                              • มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% ทำให้เกิดโอกาสดื้อโบน้อยที่สุด 
                                              • ให้ผลลัพธ์การรักษาที่แม่นยำและตรงจุด 
                                              • สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยเฉพาะจุดได้ดี 
                                              • การันตีด้วยงานวิจัยมากมาย เป็นหนึ่งในยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

                                               

                                              โบระหว่างคิ้วยี่ห้อ Dysport จากประเทศอังกฤษ 

                                              • จุดเด่นคือมีขนาดของโมเลกุลที่เล็ก 
                                              • ตัวยามีลักษณะการกระจายตัวเป็นวงกว้าง
                                              • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยย่น และคนที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน
                                              • หลังฉีดจะรู้สึกตึงประมาณ 50% ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

                                               

                                              โบระหว่างคิ้วยี่ห้อ Xeomin จากประเทศเยอรมัน 

                                              • จุดเด่นคือการนำข้อดีของยี่ห้อ Allergan และ Dysport มารวมไว้ด้วยกัน 
                                              • มีความบริสุทธิ์สูงมาก ไม่กระจุกตัวแคบเกินไป
                                              •  สามารถป้องกันการเกิดโอกาสดื้อโบได้ 
                                              • มีงานวิจัยแสดงว่าโบระหว่างคิ้วยี่ห้อ Xeomin ได้ผลลัพธ์ดีในกรณีที่ดื้อยา

                                               

                                              โบระหว่างคิ้วยี่ห้อ Nabota จากประเทศเกาหลี 

                                              • จุดเด่นคือมีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% 
                                              • เป็นโบเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจากอย.อเมริกา 
                                              • ออกฤทธิ์ไวกว่าโบเกาหลียี่ห้ออื่น 
                                              • ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า 
                                              • เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน

                                               

                                              โบระหว่างคิ้วยี่ห้อ Aestox จากประเทศเกาหลี 

                                              • พัฒนาโครงสร้างโมเลกุลให้เทียบเท่ากับ Allergan แต่อยู่ได้สั้นกว่า
                                              • จุดเด่นคือมีตัวยาบริสุทธิ์ 99.5% สามารถออกฤทธิ์ได้ไว
                                              • ตัวยากระจายตัวแคบ ออกฤทธิ์แม่นยำและตรงจุด
                                              • นิยมใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาริ้วรอย ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ

                                               

                                              เลือกยี่ห้อโบระหว่างคิ้ว
                                              เลือกยี่ห้อโบระหว่างคิ้ว

                                               

                                              วิธีการเลือกยี่ห้อโบระหว่างคิ้ว แบบไหนถึงดีที่สุด?

                                               

                                              • เลือกยี่ห้อที่ได้รับการรับรอง : ควรเลือกยี่ห้อโบระหว่างคิ้วที่ผ่านการรับรองจากอย.ไทยและการรับรองจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น FDA (องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา) เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลลัพธ์
                                              • ประสบการณ์ของแพทย์ : แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถเลือกใช้ยี่ห้อโบระหว่างคิ้วที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ รวมไปถึงแพทย์ควรมีความเข้าใจในสรีรวิทยาของใบหน้า เพื่อวางแผนการฉีดให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                              • ปัญหาที่ต้องการแก้ไข : โบระหว่างคิ้วแต่ละยี่ห้อจะมีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางยี่ห้ออาจเหมาะสำหรับริ้วรอยตื้น บางยี่ห้ออาจเหมาะสำหรับริ้วรอยลึก เป็นต้น
                                              • ความต้องการของแต่ละบุคคล : ในบางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ในขณะที่บางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน ซึ่งโบระหว่างคิ้วในแต่ละยี่ห้อมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์และคงอยู่แตกต่างกันออกไป
                                              • ปริมาณโบระหว่างคิ้วที่ใช้ : แพทย์จะทำการคำนวณปริมาณของโบระหว่างคิ้วที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย

                                               

                                              ข้อควรรู้ก่อนเลือกฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว

                                               

                                              ก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย ควรเตรียมตัวดังนี้

                                               

                                              • ก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว งดดื่มแอลกอฮอล์
                                              • ก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว งดรับประทานยายาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน 
                                              • ก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว งดอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา
                                              • ก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าก่อนมาทำหัตถการ
                                              • ก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ก่อนทำเพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยง และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
                                              • ก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนทำหัตถการ

                                               

                                              ขั้นตอนการฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว

                                               

                                              • ก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินสภาพผิวและปัญหาผิวก่อนทำ รวมไปถึงแพทย์จะทำการอธิบายถึงกระบวนการฉีดโบระหว่างคิ้วด้วย
                                              • ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ฉีดโบระหว่างคิ้ว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
                                              • แพทย์อาจทายาชาบริเวณที่ต้องการฉีดสำหรับคนที่กลัวเจ็บ เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม
                                              • แพทย์จะเริ่มใช้เข็มขนาดเล็กฉีดโบระหว่างคิ้วเข้าไปในกล้ามเนื้อตรงช่วงระหว่างคิ้ว
                                              • หลังแพทย์ฉีดโบระหว่างคิ้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวม
                                              • ก่อนกลับบ้านแพทย์จะทำการแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตนเองหลังจากฉีดโบระหว่างคิ้ว เพื่อผลลัพธ์คงอยู่อย่างยาวนานแบบเป็นธรรมชาติ

                                               

                                              ข้อห้ามและการดูแลตัวเอง หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว

                                               

                                              • หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
                                              • หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ควรฉีดโบต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ควรเว้นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ฉีดถี่จนเกินไป
                                              • หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
                                              • หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด
                                              • หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงแรก
                                              • หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น การออกกำลังกายหนัก ซาวน่า
                                              • หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า และการนอนราบ

                                               

                                              ฉีดโบระหว่างคิ้วที่ไหนดี
                                              ฉีดโบระหว่างคิ้วที่ไหนดี

                                               

                                              ฉีดโบระหว่างคิ้ว ที่ไหนดี?

                                               

                                              การเลือกคลินิกฉีดโบระหว่างคิ้วเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดโบระหว่างคิ้ว ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

                                              • คลินิกที่มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ

                                              ควรเลือกเข้ารับการฉีดโบระหว่างคิ้วจากคลินิกที่ได้มาตรฐานการรับรองตามกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง

                                              • มีแพทย์ที่มีประสบการณ์ประจำคลินิก

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้วเป็นบริเวณที่ฉีดยาก ดังนั้นควรทำหัตถการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ที่สามารถวิเคราะห์ใบหน้าได้เป็นอย่างดี และเลือกใช้เทคนิคเฉพาะตัวเพื่อให้คงผลลัพธ์ได้นาน และมีความปลอดภัยที่สุด

                                              • ใช้ผลิตภัณฑ์โบแท้ ตรวจสอบได้

                                              ควรเลือกคลินิกที่ยินยอมให้ตรวจสอบตัวยาว่าใช้โบแท้หรือไม่ และเลือกคลินิกที่แพทย์แกะกล่องผสมตัวยาให้ดูต่อหน้า เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนฉีดโบระหว่างคิ้ว

                                               

                                              ฉีดโบระหว่างคิ้วกับรมย์รวินท์คลินิกดีอย่างไร?

                                               

                                              รมย์รวินท์คลินิกพร้อมให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ โดยใช้ตัวยาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีอย.เท่านั้น สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้ว่าเป็นของแท้ที่ผ่านการสั่งซื้อจากบริษัทที่เป็นผู้นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย สำหรับคนไข้ที่เข้ารับบริการฉีดโบระหว่างคิ้วกับรมย์รวินท์คลินิก จะได้รับการประเมินใบหน้าโดยแพทย์ประจำคลินิก โดยพิจารณาขนาดกล้ามเนื้อ ประเมินปริมาณของโบระหว่างคิ้ว เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

                                               

                                              รวมคำถามพบบ่อยของการฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว กี่ยูนิต?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้ว เป็นจุดที่ใช้ปริมาณไม่เยอะ โดยส่วนมากการฉีดโบแก้ปัญหาริ้วรอยขมวดคิ้ว จะใช้โบระหว่างคิ้วประมาณ 25 ยูนิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการในแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะประเมินเป็นรายบุคคล เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีและคุ้มค่าที่สุด

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว เจ็บไหม?

                                               

                                              ระหว่างฉีดโบระหว่างคิ้ว อาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย สำหรับใครที่กลัวเจ็บสามารถแจ้งแพทย์ก่อนเริ่มฉีดได้ ซึ่งแพทย์จะทายาชาบริเวณที่จะฉีด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บลง

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ดีจริงไหม?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้วทำให้กล้ามเนื้อบริเวณระหว่างคิ้วไม่ขยับ ไม่เกิดรอยพับ ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ อีกทั้งการฉีดโบระหว่างคิ้ว มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องพักฟื้น จึงได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว อันตรายไหม?

                                               

                                              อันตรายที่เกิดจากการฉีดโบระหว่างคิ้วที่พบส่วนใหญ่ จะเกิดจากการฉีดโบปลอม โบหิ้วกับหมอกระเป๋า ฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีรู้เรื่องกายวิภาค ทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะฉีดพลาดไปโดนเส้นเลือด จนเกิดรอยเขียวช้ำ หรือเป็นอันตราย เพราะฉะนั้นควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีด และมีความรู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ด้วยโบแท้ที่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว กี่วันเห็นผล?

                                               

                                              หลังฉีดโบระหว่างคิ้ว จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ใน 3-4 วัน โดยจะรู้สึกตึง ๆ ผิวบริเวณที่ฉีด และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ใน 2 สัปดาห์

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว จะทำให้คิ้วไม่เท่ากันไหม?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้วสามารถทำให้คิ้วไม่เท่ากันได้ ในกรณีนี้จะเกิดจากแพทย์ฉีดผิดตำแหน่ง หรือคำนวณปริมาณโบระหว่างคิ้วผิดพลาด ซึ่งถ้าใช้ปริมาณของโบเยอะเกินไป จะทำให้ยากระจายตัวไปยังจุดอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการ จึงทำให้ตาตก คิ้วไม่เท่ากันได้ ดังนั้นการเลือกคลินิกฉีดโบระหว่างคิ้วจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เกิดผลข้างเคียง

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว อยู่ได้นานแค่ไหน?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้ว จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์หลังจากที่ฉีดโบระหว่างคิ้วไปแล้ว โดยบริเวณระหว่างคิ้วจะเริ่มตึงขึ้น และริ้วรอยรอยย่นค่อย ๆ ลดลง ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 3 – 6 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบที่เลือกใช้ 

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว ช่วยลดริ้วรอยระหว่างคิ้วได้จริงไหม?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้ว แก้ปัญหาริ้วรอยขมวดคิ้ว สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่น ริ้วรอยขมวดคิ้วได้จริง และยังเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว ตรงจุด และเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว มีผลข้างเคียงไหม?

                                               

                                              หลังจากฉีดโบระหว่างคิ้ว อาจพบอาการบวมเข็ม หรือรอยช้ำจากจุดที่ฉีด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และหายได้เองในเวลาต่อมา ไม่ถือว่าเป็นผลข้างเคียง ส่วนผลข้างเคียงจากการฉีดโบระหว่างคิ้ว เกิดได้จาก 2 กรณี คือ

                                              • แพทย์ไม่มีประสบการณ์ในด้านการฉีดโบระหว่างคิ้ว ฉีดผิดตำแหน่ง ใช้ประมาณของโบไม่เหมาะสม อาจทำให้คิ้วไม่เท่ากันได้
                                              • ใช้โบปลอม ทำให้ฉีดโบระหว่างคิ้วแล้วไม่ได้ผล ทำให้ต้องฉีดบ่อยขึ้นจนเสี่ยงต่อการดื้อโบ หรือกรณีฉีดโบแล้วตัวยากระจายตัวไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น ซึ่งสามารถทำให้หนังตาตกได้

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว แก้ปัญหาใดได้อีกบ้าง?

                                               

                                              นอกจากการฉีดโบระหว่างคิ้วจะช่วยลดริ้วรอยระหว่างคิ้วแล้ว ยังสามารถช่วยยกคิ้วขึ้น แก้ปัญหาหนังตาตกได้อีกด้วย ทั้งนี้ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เนื่องจากเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็ก ต้องใช้ความละเอียดเป็นพิเศษ

                                               

                                              • ฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว แก้หนังตาตกได้จริงไหม?

                                               

                                              การฉีดโบระหว่างคิ้วสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนังตาตกได้จริง โดยแพทย์จะฉีดตัวยาเข้าสู่บริเวณหน้าผากเหนือบริเวณคิ้ว วิธีนี้จะช่วยทำให้คิ้วยกสูงขึ้น ส่งผลให้ดวงตาดูเฉี่ยวและกลมโตมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาคิ้วตก หนังตาตกไม่มาก 

                                               

                                              • ทำไมต้องฉีดโบระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยขมวดคิ้ว?

                                               

                                              ในการฉีดโบระหว่างคิ้ว จะช่วยเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ริ้วรอยระหว่างคิ้วจางลง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งการฉีดโบระหว่างคิ้วจะทำให้ใบหน้าดูผ่อนคลาย ไม่เคร่งเครียด และดูอ่อนเยาว์ลง ส่งผลให้ใบหน้าดูดีขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย นอกจากนี้การฉีดโบระหว่างคิ้วเป็นหัตถการที่เห็นผลรวดเร็ว สามารถเริ่มเห็นผลใน 3-7 วัน ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดโบระหว่างคิ้วสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และมีความปลอดภัยเมื่อฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์

                                               

                                              สรุปการฉีดโบระหว่างคิ้ว เป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ในการลดเลือนริ้วรอยและให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประสบการณ์ของแพทย์ คุณภาพของโบ และการดูแลหลังการฉีด ดังนั้น ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำที่เหมาะสม 

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) คืออะไร ? อันตรายแค่ไหน

                                              ไขมันในช่องท้อง (visceral fat) คืออะไร อันตรายยังไง

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) คืออะไร ? รู้จักกับภัยเงียบที่ทำลายสุขภาพ

                                              หลาย ๆ คนได้ยินคำว่าไขมัน อาจจะนึกถึงสัดส่วนที่เกินมาตรฐาน หรือความอ้วน ซึ่ง ไขมัน ที่ร่างกายของเรามีนั้น ไม่ได้มีเพียงไขมันที่มองเห็นเท่านั้น แต่ยังมี ไขมันที่มองไม่เห็น อย่าง ไขมันในช่องท้อง ไขมันตัวร้าย ภัยเงียบที่ทำลายสุขภาพของใครหลาย ๆ คน มาทำความรู้จักกับ ไขมันในช่องท้อง พร้อมวิธีการดูแลตัวเองให้สุขภาพดี

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง (visceral fat) คืออะไร
                                              ไขมันในช่องท้อง (visceral fat) คืออะไร

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat)  คืออะไร ?

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) เป็นไขมันที่มองไม่เห็น และแทรกอยู่ภายในร่างกาย โดยจะแทรกอยู่ตามบริเวณอวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ตับ กระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็ก ซึ่งไขมันประเภทนี้เป็นไขมันที่มีความอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากสามารถแทรกซึมเข้าสู่หลอดเลือดแดงของเราได้ นอกจากนี้ไขมันในช่องท้องยังเป็นไขมันที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลายโรค

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) อันตรายแค่ไหน?

                                              หากมีคำถามว่าไขมันในช่องท้องอันตรายไหม? ต่างจากไขมันใต้ชั้นผิวอย่างไร โดยไขมันใต้ชั้นผิวนั้น หากร่างกายมีมากเกินไป จะทำให้เกิดไขมันส่วนตามสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งอาจจะทำให้รูปร่างของเราดูอ้วนขึ้น แต่หากมีไขมันในช่องท้องเยอะ อาจจะเกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ เนื่องจากไขมันจะไปสะสมบริเวณอวัยวะภายใน และเป็นความเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา

                                              สัญญาณเตือน ไขมันในช่องท้องเกิน
                                              สัญญาณเตือน ไขมันในช่องท้องเกิน

                                               

                                              สัญญาณเตือนว่าคุณอาจมีไขมันในช่องท้องเกิน

                                              ไขมันในช่องท้อง เป็นไขมันที่ไม่สามารถมองเห็นได้ หรือสามารถสัมผัสได้เหมือนกับไขมันบริเวณผิวชั้นนอก เนื่องจากไขมันในช่องท้องนั้นจะเข้าไปแทรกและสะสมอยู่ตามอวัยวะสำคัญภายในช่องท้อง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง แต่ก็มีวิธีสังเกตหรือมีสัญญาณเตือนที่จะบอกได้ว่าคุณอาจมีไขมันในช่องท้อง ดังนี้ 

                                               

                                              • เส้นรอบเอวเพิ่มขึ้น อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                               

                                              ในผู้ที่มีไขมันในช่องท้องเยอะนั้น จะสังเกตได้ว่ามีไขมันสะสมรอบ ๆ ท้อง หรือเอวมากขึ้น โดยลักษณะหน้าท้องจะมีความตึงและแน่น ซึ่งคุณสามารถใช้สายวัดรอบเอวที่ระดับสะดือ โดยไม่ต้องกลั้นหายใจ โดยเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป คือ

                                              ผู้ชาย: เส้นรอบเอวเกิน 90 ซม. (35 นิ้ว)

                                              ผู้หญิง: เส้นรอบเอวเกิน 80 ซม. (32 นิ้ว)

                                              หากมีเส้นรอบเอวเกินกว่าตัวเลข คุณอาจจะมีความเสี่ยงที่อาจมีไขมันในช่องท้องสะสมเยอะเกิน

                                               

                                              • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะบริเวณกลางลำตัว อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              หลาย ๆ คนที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเร็ว หรือมีไขมันสะสมบริเวณท้องส่วนกลางมากกว่าบริเวณอื่น เช่น คนที่มีรูปร่างแบบแอปเปิล (Apple Shape)  แม้จะมีน้ำหนักตัวที่ปกติ แต่มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น อาจจะเป็นสัญญาณว่าคุณมีไขมันในช่องท้องสะสมมากขึ้น

                                               

                                              • ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และอัตราส่วนรอบเอวต่อสะโพก (WHR) สูง อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              การคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ย่อมาจาก Body Mass Index เป็นค่าสากลที่ใช้เพื่อคำนวณเพื่อหาน้ำหนักตัวที่เป็นมาตรฐาน โดยจะคำนวณจากน้ำหนักตัว และส่วนสูง ซึ่งค่า BMI นั้นจะมีค่ามาตรฐานของน้ำหนักที่สมส่วน โดยคำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง หากค่า BMI เกิน 25 ถือว่าอาจมีน้ำหนักเกิน

                                              และการดูอัตราส่วนรอบเอวต่อสะโพก (WHR) ย่อมาจาก Waist-to-Hip Ratio จะคำนวณจากความยาวเส้นรอบเอว (หน่วยเป็นเซนติเมตร) และความยาวเส้นรอบสะโพก (หน่วยเป็นเซนติเมตร) ซึ่งค่าที่ได้จะเป็นจุดทศนิยม หากผู้ชายมีค่า WHR มากกว่า 0.9 และผู้หญิงมีค่า WHR มากกว่า 0.85 อาจจะแสดงให้เห็นว่าเริ่มมีความอ้วน และอาจมีไขมันในช่องท้อง

                                               

                                              • พลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ น้อยลง อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              การมีไขมันในช่องท้องที่มากเกินไป อาจจะส่งผลให้คุณรู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียเรื้อรัง หรือไม่มีเรี่ยวแรงได้ เนื่องจากไขมันในช่องท้องนั้นไปรบกวนการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย และยังรบกวนระบบการสร้างพลังงานในร่างกายอีกด้วย

                                               

                                              • ความดันโลหิตสูง อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              ความดันโลหิตสูง เกิดได้จากหลายปัจจัยรวมถึง เกิดจากไขมันในช่องท้องที่มีมากเกินไป ซึ่งนอกจากความดันโลหิตสูงแล้ว ไขมันในช่องท้องยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดอีกด้วย เนื่องจากไขมันในช่องท้องนั้นสามารถส่งผลต่อระบบฮอร์โมน และกระบวนการอักเสบในร่างกาย 

                                               

                                              • ค่าคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดผิดปกติ อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              สัญญาณที่เตือนว่าคุณอาจจะมีไขมันในช่องท้องสะสมอีกหนึ่งสัญญาณ คือ ระดับไขมันในเลือด และระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้น (คอเลสเตอรอล LDL สูง, HDL ต่ำ, ไตรกลีเซอไรด์สูง) เนื่องจากไขมันในช่องท้องมีบทบาทสำคัญในการผลิตสารที่ส่งผลกระทบต่อระบบเผาผลาญ เช่น สารอักเสบที่อาจกระตุ้นให้ระดับไขมันในเลือด และระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้น

                                               

                                              • มีอาการกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีไขมันสะสมในช่องท้อง  เพราะไขมันในช่องท้องมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากไขมันในช่องท้องสามารถกดทับบริเวณช่องอกและระบบทางเดินหายใจ อาจจะทำให้ทางเดินหายใจตีบหรืออุดตันในขณะหลับ ส่งผลให้เกิดการกรนหรือหยุดหายใจชั่วคราว ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก

                                               

                                              • ระบบย่อยอาหารผิดปกติ อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              หากมีไขมันในช่องท้องที่มากเกินไป ไขมันอาจจะเข้าไปรบกวนการทำงานของลำไส้และกระเพาะอาหารได้ โดยอาจจะส่งผลทำให้ระบบย่อยอาหารมีความผิดปกติ เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายได้

                                               

                                              • ความเครียดสูงและมีอารมณ์แปรปรวน อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              ความเครียดสะสม ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการกระตุ้นการเกิดไขมันในช่องท้องมากเกินไป เนื่องจากเมื่อเกิดความเครียดสูงร่างกายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่เพิ่มการสะสมไขมันในช่องท้อง จึงส่งผลให้เกิดอารมณ์ที่แปรปรวนและหงุดหงิดง่าย เรียกได้ว่าไขมันในช่องท้องส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต

                                               

                                              • ประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคเรื้อรัง อาจเกิดจากไขมันในช่องท้องเยอะเกินไป

                                              หากครอบครัวมีประวัติเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ หรือโรคอ้วน อาจจะมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับพันธุกรรม ซึ่งอาจจะเกิดไขมันในช่องท้องที่มากเกินไป 

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) เกิดจากอะไร ?

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) เป็นไขมันที่สะสมอยู่ในช่องท้องลึก รอบอวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ตับอ่อน และลำไส้ ไขมันในช่องท้องมีบทบาทสำคัญในระบบร่างกายเมื่ออยู่ในปริมาณที่เหมาะสม แต่เมื่อสะสมมากเกินไป อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพได้ ซึ่งสาเหตุการเกิดไขมันในช่องท้องสะสมมากเกินไปนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

                                               

                                              1. การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล

                                               ไขมันในช่องท้อง เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล หรือไม่ครบ 5 หมู่นั้น อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ยิ่งเพิ่มปัจจัยในการสะสมไขมันในช่องท้อง เช่น

                                              • การรับประทานอาหารแปรรูป เช่น ขนมขบเคี้ยว ไส้กรอก เบเกอรี่
                                              • การรับประทานเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ชานมไข่มุก
                                              • การรับประทานอาหารไขมันอิ่มตัว เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน ของทอด

                                              การเลือกรับประทานอาหารประเภทนี้มากเกินไป จะทำให้ร่างกายนั้นได้รับพลังงานมากเกินไป ทำให้เผาผลาญได้ไม่หมด และกลายเป็นการสะสมไขมันในช่องท้อง 

                                               

                                              1. การขาดการออกกำลังกาย

                                               ไขมันในช่องท้อง เกิดจากการขาดการออกกำลังกาย เมื่อเราเคลื่อนไหวน้อยลง ก็จะทำให้การเผาผลาญพลังงานน้อยลงเช่นกัน ยิ่งใครที่ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั้น อาจจะทำให้พลังงานที่อยู่ภายในร่างกายถูกเผาผลาญได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดไขมันในช่องท้องสะสมจำนวนมาก ดังนั้นจึงควรหากิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวระหว่างวันบ้าง เช่น การเดิน การวิ่ง

                                               

                                              1. ความเครียดและฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol)

                                               ไขมันในช่องท้อง เกิดจากความเครียด ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ร่างกายสะสมไขมันในช่องท้องมากกว่าปกติ ซึ่งเมื่อเราเกิดความเครียดนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดในปริมาณสูง ซึ่งฮอร์โมนนี้จะเข้าไปกระตุ้นให้ตับสร้างน้ำตาลมากขึ้น เนื่องจากในภาวะเครียดร่างกายจะต้องการพลังงานมากกว่าปกติ โดยจะส่งผลให้หิวบ่อยขึ้น กินเยอะขึ้น และอาจจะทำให้เกิดไขมันในช่องท้องได้ 

                                               

                                              1. การนอนหลับไม่เพียงพอ

                                               ไขมันในช่องท้อง เกิดจากการนอนหลับไม่เพียงพอ หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีปัญหานอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) และเลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมความหิวในร่างกาย ที่ทำให้กระตุ้นความอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารประเภทของหวาน และของหวานที่มีไขมันสูง ซึ่งการรับประทานอาหารเหล่านี้มากเกินไป อาจจะทำให้เกิดการสะสมไขมันในช่องท้องที่มากขึ้น 

                                               

                                              1. การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก

                                               ไขมันในช่องท้อง เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดไขมันในช่องท้อง เนื่องจากแอลกอฮอล์นั้นมีแคลอรีที่สูง ทั้งยังทำให้ระบบเผาผลาญไขมันในร่างกายทำงานได้ช้าลง จึงเกิดเป็นไขมันส่วนเกินบริเวณรอบ ๆ เอว หรืออ้วนลงพุง

                                               

                                              1. พันธุกรรมและฮอร์โมนในร่างกาย

                                               ไขมันในช่องท้อง เกิดจากพันธุกรรมและฮอร์โมนในร่างกาย ในโรคบางโรคสามารถส่งต่อได้ทางพันธุกรรม โดยในบางคนนั้นอาจมีแนวโน้มที่จะสะสมไขมันในช่องท้อง นอกจากพันธุกรรมแล้ว ฮอร์โมนในร่างกาย ก็เป็นปัจจัยที่อาจส่งผลให้คุณมีไขมันในช่องท้อง เช่น การทำงานของอินซูลินที่ผิดปกติ หรือระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงในช่วงวัยหมดประจำเดือน ก็อาจทำให้เกิดไขมันในช่องท้องมากเกินไป

                                               

                                              โรคที่เกิดจากไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) 

                                               

                                              การมีไขมันในช่องท้องสะสมในปริมาณมาก ๆ อาจจะนำไปสู่โรคที่อันตรายต่อสุขภาพได้ ไขมันเหล่านี้จะไปแทรกและสะสมอยู่ตามอวัยวะภายในร่างกายบริเวณช่องท้อง ซึ่งโรคที่อาจเกิดขึ้นจากไขมันในช่องท้องที่มากเกินไป มีดังนี้

                                               

                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากไขมันเข้าไปกระตุ้นให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด โรคไขมันในเลือดสูง เนื่องจากร่างกายจะกระตุ้นการสร้างไขมันเหลว หรือคอเลสเตอรอลมากกว่าไขมันดี
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด โรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากร่างกายมีระดับอินซูลินในเลือดสูง
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด โรคหัวใจ เนื่องจากไขมันเข้าไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานหนัก และไขมันเข้าไปอุดตันในเส้นเลือด
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด โรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากไขมันเข้าไปอุดตันตามหลอดเลือดแดง ทำให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด ภาวะไขมันพอกตับ เนื่องจากไขมันจะเข้าไปขัดขวางกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลของร่างกาย
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เนื่องจากไขมันเข้าไปขัดขวางการขยายตัวของปอด ทำให้หายใจไม่เป็นปกติ หรือร่างกายอาจหยุดหายใจขณะนอนหลับได้ ซึ่งอันตรายมาก
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด โรคหลอดเลือดหัวใจขาดเลือด เนื่องจากไขมันไปเกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือด ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตผิดปกติ 
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เนื่องจากไขมันจะเข้าไปอุดตันเส้นเลือด ทำให้หลอดเลือดในสมองตีบ และนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง
                                              • ไขมันในช่องท้องทำให้เกิด ภาวะภูมิแพ้ เนื่องจากไขมันไปอุดตันอยู่ตามหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ

                                               

                                              สำหรับใครที่มีความกังวลว่าจะมีภาวะไขมันในช่องท้องสะสมมากเกินไปนั้น สามารถวัดไขมันในเลือด (วัด Total cholesterol, Triglycerides, HDL-c, LDL-c) เพื่อเช็กระดับไขมัน คอเลสเตอรอลชนิดดี คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้ จากนั้นควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาไขมันในช่องท้องต่อไป ซึ่งในแต่ละบุคคลนั้นก็จะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง (visceral fat) ต่างจากไขมันทั่วไปอย่างไร
                                              ไขมันในช่องท้อง (visceral fat) ต่างจากไขมันทั่วไปอย่างไร

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) ต่างจากไขมันทั่วไป (Fat) อย่างไร?

                                              หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “ไขมันในช่องท้อง” หรือ Visceral Fat แต่ยังไม่เข้าใจว่าแตกต่างจากไขมันทั่วไปที่สะสมอยู่ตามร่างกายอย่างไร และเหตุใดการมีไขมันในช่องท้องชนิดนี้มากเกินไปจึงส่งผลต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับไขมันทั้งสองประเภท พร้อมเปรียบเทียบความแตกต่าง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง คืออะไร ?

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) เป็นไขมันที่สะสมอยู่ภายในร่างกายบริเวณช่องท้อง โดยไขมันจะกระจายตัวรอบ ๆ อวัยวะสำคัญในช่องท้อง เช่น ตับ ตับอ่อน และลำไส้ ไขมันในช่องท้องชนิดนี้ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้จากภายนอก จำเป็นต้องตรวจเท่านั้น หากมีการสะสมไขมันในช่องท้องมากเกินไป อาจจะเกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคไขมันพอกตับ

                                               

                                              ไขมันทั่วไป คืออะไร ?

                                              นอกจาก ไขมันในช่องท้อง ร่างกายของเรายังมีไขมันอีกประเภท คือ ไขมันทั่วไป (Subcutaneous Fat) หรือไขมันที่อยู่บริเวณชั้นผิวหนัง จึงสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น จากการที่รับประทานอาหารมากเกินไป และร่างกายไม่ได้เผาผลาญไขมันออกไป ทำให้เกิดไขมันส่วนเกินตามร่างกายได้ เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก ซึ่งไขมันประเภทนี้หากสะสมมากเกินไปอาจจะทำให้น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง และรูปลักษณ์เปลี่ยนไปได้

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร ?

                                              ไขมันในช่องท้อง จัดว่าเป็นไขมันชนิดที่มีความอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากสามารถผลิตสารอักเสบและฮอร์โมนที่รบกวนระบบเผาผลาญของร่างกาย ไขมันในช่องท้อง เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลาย ๆ โรค ไม่ว่าจะเป็น 

                                              • ไขมันในช่องท้องเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากไขมันในช่องท้องจะเข้าไปเพิ่มความดันโลหิตให้สูงขึ้น และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ให้สูงขึ้น จนอาจจะเกิดอันตรายได้
                                              • ไขมันในช่องท้องเพิ่มโอกาสการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากเข้าไปรบกวนการทำงานของอินซูลิน ทำให้ร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลีน
                                              • ไขมันในช่องท้องเพิ่มการกระตุ้นการสะสมไขมันพอกตับ เนื่องจากไขมันในช่องท้องที่มากเกินไป จะเข้าไปสะสมแทรกตัวบริเวณตับ ทำให้เกิดไขมันพอกตับ และอาจจะพัฒนาเป็นโรคร้ายได้

                                               

                                              พฤติกรรมที่ทำให้คุณมีไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) โดยไม่รู้ตัว

                                              • การรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงและน้ำตาลมาก เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารแปรรูป หรือขนมหวาน
                                              • ขาดการออกกำลัง นั่ง หรือนอน ในเวลานาน
                                              • การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน
                                              • ความเครียดสะสม หรือเครียดเรื้อรัง
                                              • การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
                                              • การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้บรรจุกล่อง และเครื่องดื่มชูกำลัง
                                              • การรับประทานอาหารดึกบ่อย ๆ
                                              • การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ดื่มน้ำน้อยเกินไป

                                               

                                              5 วิธีลดขมันในช่องท้อง (visceral fat)
                                              5 วิธีลดขมันในช่องท้อง (visceral fat)

                                               

                                              มัดรวม 5 วิธีลดไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) ด้วยตัวเอง

                                              • ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อลดไขมันในช่องท้อง

                                              ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็น ไขมันดี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และผักที่มีกากใยสูง ที่จะช่วยทำให้ร่างกายสุขภาพดี และยังช่วยลดการเกิดไขมันในช่องท้อง

                                               

                                              • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

                                              การออกกำลังกาย ทั้งแบบคาร์ดิโอ และแบบเวทเทรนนิ่ง จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี ซึ่งกล้ามเนื้อนั้นจะช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานจากน้ำตาลและไขมันในร่างกายได้ ซึ่งจะทำให้ไขมันในร่างกายลดลง ทั้งยังช่วยลดไขมันในช่องท้องได้ ซึ่งควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

                                               

                                              • พักผ่อนให้เพียงพอ

                                              อยากลดไขมันช่องท้องต้อง พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เหมาะสมจะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และฮอร์โมนความหิวอย่างเกรลิน (Ghrelin) และเลปติน (Leptin) ทำให้ร่างกายลดความอยากอาหารมากเกินความจำเป็น และช่วยลดการสะสมไขมันในช่องท้อง ซึ่งเวลานอนที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 6-7 ชั่วโมงต่อวัน ที่จะช่วยลดไขมันในช่องท้อง และช่วยปรับสมดุลสุขภาพโดยรวม เช่น ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และปัญหาน้ำหนักเกิน

                                               

                                              • ควบคุมความเครียด

                                              ความเครียดไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต แต่ยังส่งผลกระทบต่อร่างกาย โดยเฉพาะการสะสมไขมันในช่องท้อง เนื่องจากหากเกิดความเครียดเรื้อรังร่างกายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันในช่องท้องมากขึ้น ดังนั้นการควบคุมความเครียด หรือลดความเครียดจะช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ 

                                               

                                              • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

                                              การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำนั้น เป็นตัวการที่ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน และเกิดการสะสมไขมันในช่องท้องที่มากเกินไป เพราะทำให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานลดลง นอกจากนี้ยังส่งผลต่อโรคอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

                                               

                                              ลดไขมัน กับลดน้ำหนัก ต่างกันอย่างไร
                                              ลดไขมัน กับลดน้ำหนัก ต่างกันอย่างไร

                                               

                                              ลดไขมัน กับ ลดน้ำหนัก ต่างกันอย่างไร ?

                                              การลดน้ำหนัก ไม่เท่ากับ การลดไขมัน หรือน้ำหนักที่น้อยไม่ได้แปลว่าหุ่นดี หรือมีสุขภาพที่ดี เพราะร่างกายของเรานั้นประกอบด้วยหลาย ๆ องค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น น้ำ ไขมัน หรืออวัยวะภายใน หากต้องการลดไขมันในช่องท้อง ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก และการลดไขมัน 

                                               

                                              ลดน้ำหนัก

                                              การลดน้ำหนัก หมายถึง การทำให้ตัวเลขบนตาชั่งลดลง ซึ่งสามารถทำได้ง่ายในระยะสั้น โดยวิธีนี้จะทำให้ร่างกายเกิดการสูญเสียน้ำ และสูญเสียกล้ามเนื้อ เช่น การอดอาหาร หรือการลดปริมาณอาหารแบบหักดิบทันที ซึ่งวิธีนี้อาจจะเห็นผลลัพธ์ได้ไวทันที แต่อาจจะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพ และไม่ช่วยลดไขมันในช่องท้องในระยะยาว ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ และอาจจะทำให้สัดส่วนของร่างกายดูไม่กระชับ ไม่ดูสุขภาพดี

                                               

                                              ลดไขมัน

                                              การลดไขมัน จะมุ่งเน้นไปที่การลดปริมาณไขมันในร่างกายอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการมีสุขภาพดีและรูปร่างที่กระชับ โดยไขมันที่ควรลด คือ ไขมันใต้ผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง ที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณต้นแขน ต้นขา สะโพก และหน้าท้อง หรือไขมันในช่องท้องที่เกาะอยู่รอบอวัยวะสำคัญ เช่น ลำไส้ ตับ ไต การลดไขมันจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง ช่วยรักษากล้ามเนื้อไว้ และทำให้ระบบเผาผลาญยังทำงานได้ดี จึงทำให้สุขภาพดีในระยะยาว และยังทำให้รูปร่างกระชับและสัดส่วนเล็กลง

                                              อาหารที่ช่วยลดไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

                                              1. ผักใบเขียว

                                              อาหารที่มีส่วนช่วยลดการสะสมไขมันในช่องท้อง คือ ผักใบเขียว ที่เป็นแหล่งไฟเบอร์ที่สำคัญ นอกจากจะช่วยเพิ่มความอิ่ม ลดความอยากอาหาร และทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นแล้วนั้น ผักใบเขียวยังช่วยลดการสะสมไขมันในช่องท้องได้เป็นอย่างดี เช่น ผักโขม คะน้า บรอกโคลี หรือผักกาดหอม

                                               

                                              1. ธัญพืชเต็มเมล็ด 

                                              อาหารที่ช่วยลดไขมันในช่องท้อง คือ ธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole Grains) ได้แก่ ข้าวกล้อง ควินัว ข้าวโอ๊ต และขนมปังโฮลวีต เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันในช่องท้อง ป้องกันการสะสมของไขมัน และยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ สามารถใช้แทนข้าวขาวได้

                                               

                                              1. ผลไม้ที่มีไฟเบอร์และน้ำตาลต่ำ

                                              อาหารที่ช่วยลดไขมันในช่องท้อง คือ ผลไม้ที่มีไฟเบอร์และน้ำตาลต่ำ การเลือกทานผลไม้ที่มีไฟเบอร์และน้ำตาลต่ำ เช่น แอปเปิล  เบอร์รี กีวี และเกรปฟรุต จะช่วยลดการสะสมไขมันในช่องท้อง และเนื่องจากผลไม้มีไฟเบอร์สูง มีน้ำตาลที่ต่ำ และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ

                                               

                                              1. โปรตีนไขมันต่ำ

                                              อาหารที่ช่วยลดไขมันในช่องท้อง คือ โปรตีนไขมันต่ำ การเลือกทานโปรตีน จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ลดการสะสมของไขมันในช่องท้อง และยังช่วยลดความหิวระหว่างวันได้ ทั้งนี้โปรตีนที่ดีต่อสุขภาพนั้น ควรเป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ไม่ติดหนัง เนื้อปลา ไข่ขาว และถั่วชนิดต่างๆ และควรหลีกเลี่ยงโปรตีนที่มีแคลอรี่สูง และมีไขมัน

                                               

                                              1. ไขมันดี

                                              อาหารที่ช่วยลดไขมันในช่องท้อง คือ ไขมันดี (Healthy Fats) การเลือกทานไขมันดี จะช่วยลดการอักเสบและช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในช่องท้องได้เป็นอย่างดี เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน อะโวคาโด และถั่วอัลมอนด์ 

                                               

                                              1. น้ำเปล่า

                                              อาหารที่ช่วยลดไขมันในช่องท้อง คือ น้ำเปล่า การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ประมาณ 6- 8 แก้วต่อวัน จะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้ทำงานดีขึ้น และยังช่วยลดการสะสมไขมันในช่องท้อง ทั้งยังช่วยขจัดสารพิษ และลดอาการบวมโซเดียมได้เป็นอย่างดี การดื่มน้ำเปล่านั้นจะช่วยทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                               

                                              อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) 

                                              • อาหารแปรรูป เช่น ขนมขบเคี้ยว ไส้กรอก หรืออาหารสำเร็จรูป
                                              • เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ชานมไข่มุก 
                                              • ไขมันทรานส์ เช่น ขนมอบ หรืออาหารทอด
                                              • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 

                                               

                                              ไขมันในช่องท้อง เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลาย ๆ คนต่างพบเจอ โดยเฉพาะเหล่าวัยทำงานที่มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ ไม่ว่าจะเป็น การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ การเคลื่อนไหวร่างกายน้อย หรือนั่งนานเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณที่เยอะ รวมถึงความเครียดสะสม ซึ่งการมีไขมันในช่องท้องที่เยอะนั้น จะส่งผลให้เกิดโรคหลาย ๆ โรคตามมาได้ ดังนั้นการดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวแบบปลอดภัย และมีความสุข หากต้องการตัวช่วยในการลดไขมันในช่องท้องเพื่อสุขภาพสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ >>https://bit.ly/Romrawinclinic

                                              โปรโมชันเดือนมกราคม เปิดปี 68 รับโบนัสความสวย Beauty Bonus ให้ปั๊ว ปัง เป๊ะ

                                              โปรโมชันเดือนมกราคม Beauty Bonus Beauty Bonus Buy 1 Get 1 Free

                                              โปรโมชันเดือนมกราคม เปิดปี 68 รับโบนัสความสวย Beauty Bonus ให้ปั๊ว ปัง เป๊ะ

                                               

                                              ไม่ต้องหมุนวงล้อเสี่ยงโชค ไม่ต้องจับฉลากเสี่ยงทาย คุณก็มี Beauty Bonus ได้เลยทันทีที่คุณแวะมาที่รมย์รวินท์คลินิก เพราะเราเตรียมโบนัสไว้มากมายรอให้คุณมาเติมความสวยของคุณให้ทั้ง ปั๊ว และปังรับปีงู ไม่ใช่แค่ 1 แต่ได้ถึง 2  รับโบนัสความสวยไปแบบเต็มๆ รมย์รวินท์คลินิกจัดให้เลยย

                                               

                                              โปรโมชันมกราคม Beauty Bonus เริ่มต้น 25,000.-
                                              โปรโมชันมกราคม Beauty Bonus เริ่มต้น 25,000.-

                                               

                                              โปรโมชันเดือนมกราคม Beauty Bonus..โบนัสหน้าเรียวชัด รีทัชริ้วรอย

                                               

                                              เลิกแก่ เลิกเหี่ยว เลิกบวม จัดการทุกปัญหาร่อง ทุกริ้วรอย หน้าเรียวสวยก็จัดให้ได้ เติมหน้าให้สวยด้วยโบนัสนี้ที่จัดรมย์รวินท์คลินิกจัดให้

                                              ฉีดโบ หน้าเรียวสวย แบบเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งแอปฯ ไม่ต้องตุ๊งรูป หน้าก็อ่อนเยาว์ จัดเก็บทุกริ้วรอย จัดเก็บกรอบหน้าให้เรียวสวย คมชัดแบบไม่โปะ 

                                               

                                              • รับโบนัสความสวย รีทัชริ้วรอย หน้าวี ไม่มีโป๊ะ ด้วย ฉีดโบ เริ่มต้นเพียง 25,000.- (จากราคาปกติ 43,000.-) 
                                              • รับฟรี เลเซอร์หน้าใส มูลค่า 8,000.-

                                               

                                              โปรโมชันมกราคม Beauty Bonus Thermage เริ่มต้น 25,000.-
                                              โปรโมชันมกราคม Beauty Bonus Thermage เริ่มต้น 25,000.-

                                               

                                              โปรโมชันเดือนมกราคม Beauty Bonus..โบนัสยกหน้าเป๊ะ  

                                               

                                              ยกหน้าให้เป๊ะกว่าเดิม ปั๊วกว่าเดิม ไม่ต้องเสียเวลาเข้าแอป ไม่ต้องตุ๊งรูปขจัดความหย่อนคล้อย และความยับบนใบหน้าให้เหนื่อย เพราะสวยยกกระชับได้เลยกับโบนัสนี้

                                               

                                              Thermage FLX ยกหน้าด้วยพลังงาน Focused Ultrasound ยิงลงชั้นผิวและชั้นไขมัน ให้หน้ายกกระชับ พร้อมลดไขมันสะสมทั้งแก้ม และเหนียง ให้หน้าเรียว V Shape มอบความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าด้วยผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 2 ปี 

                                              Ultherapy ทั้งยก ทั้งดึงผิวให้ตึงกระชับ แต่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ให้ใบหน้าเฟิร์ม เรียว สวย กับผลลัพธ์ที่คงความอ่อนเยาว์ให้ผิวได้นานถึง 2 ปี

                                               

                                              • รับโบนัสความสวย ให้หน้ายก เฟิร์ม เป๊ะด้วย Thermage FLX 300 Shot + Ultherapy 300 Lines ราคาเพียง 54,900.- (จากราคาปกติ 164,000.-)
                                              • รับโบนัสความสวย ให้หน้ายกกระชับ ดึงหน้าให้อ่อนเยาว์ขั้นสุด ด้วย Thermage FLX 400 Shot + Ultherapy 300 Lines ราคาเพียง 54,900.- (จากราคาปกติ 164,000.-)
                                              • รับโบนัสความสวยให้ผิวยกแล้ว ยกได้อีก ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Thermage FLX 900 Shot + Ultherapy 400 Lines ราคาเพียง 92,900.- (จากราคาปกติ 226,000.-) 

                                               

                                              โปรโมชันมกราคม Beauty Bonus Oligio เริ่มต้น 25,000.-
                                              โปรโมชันมกราคม Beauty Bonus Oligio เริ่มต้น 25,000.-

                                               

                                              โปรโมชันเดือนมกราคม Beauty Bonus..โบนัสผิวแน่น เฟิร์ม กระชับ

                                               

                                              Oligio เปลี่ยนหน้าให้ ลีน ลด ยก เฟิร์ม ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ยกกระชับให้ผิวตึง พร้อมลดลดไขมันส่วนเกินบริเวณแก้ม เนียง และคาง พร้อมปรับผิวให้เนียน ละเอียด รูขุมขนกระชับ skin quality ดี เจ็บน้อยแต่สวยนาน

                                               

                                              • รับโบนัสความสวยผิวเฟิร์ม ยก ลีน ด้วย Oligio 600 Lines + Ultra 4D Lift 500 Lines ราคาเพียง 37,900.- (จากราคาปกติ 110,000.-)
                                              • รับโบนัสความสวยผิวเฟิร์ม ยก ลีน ด้วย Oligio 900 Lines + Ultra 4D Lift 500 Lines ราคาเพียง 44,900.- (จากราคาปกติ 140,000.-)

                                               

                                              Bonus พิเศษ
                                              Bonus พิเศษ

                                               

                                              Beauty Bonus..โบนัสพิเศษเพิ่มความสวยจากทุกยอดช้อป  

                                              • โบนัสความสวยพิเศษ เมื่อซื้อครบ 15,000.- รับฟรี Blink It Up 2 ครั้ง
                                              • โบนัสความสวยพิเศษ เมื่อซื้อครบ 30,000.- รับฟรี Aura White Peel  2 ครั้ง
                                              • โบนัสความสวยพิเศษ เมื่อซื้อครบ 60,000.- รับฟรี Color Ice  2 ครั้ง

                                               

                                              เปิดศักราชใหม่ มาเปิดรับโบนัสความสวยให้เป๊ะ ปัง ปั๊ว ก่อนใครที่รมย์รวินท์คลินิก 

                                               

                                              *โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2568

                                              *โปรโมชั่นนี้เฉพาะจองออนไลน์เท่านั้น

                                              *โปรโมชั่นเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

                                              *ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล

                                              *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่

                                              *เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการท่านั้น

                                              Ultherapy Prime ยกหน้าตึง ดึงผิวให้กระชับ ส่งท้ายปี 2024

                                              Ultherapy Prime ยกหน้า

                                              Ultherapy Prime ยกหน้าตึง ดึงผิวให้กระชับ ส่งท้ายปี 2024

                                               

                                              เดินทางมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2024 ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง บอกลาผิวหน้าที่เคยหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ดูแก่กว่าวัย เป็นผิวยกกระชับ เป๊ะปัง เหมือนได้หน้าใหม่ ผิวเนียนละเอียดกว่าเดิม วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก มีตัวช่วยดี ๆ มาบอก! สำหรับใครที่อยากอัปเกรดผิวตัวเองส่งท้ายปี และกำลังมองหาตัวช่วยยกกระชับผิวหน้าอยู่ รมย์รวินท์ขอแนะนำให้รู้จักกับ Ultherapy Prime ขั้นสุดของเทคโนโลยียกระชับ ที่อัปเกรดใหม่ล่าสุดในรอบ 15 ปี ซึ่งมีความปลอดภัยสูง สามารถยกกระชับผิวได้ดีกว่าเดิม โดยไม่ต้องมีการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

                                               

                                              ส่งท้ายปี 2024 ด้วย Ultherapy Prime ปฏิวัติวงการยกกระชับ เก็บหมดทุกความหย่อนคล้อย 

                                              ผิวหย่อนคล้อย คืออะไร?

                                              ผิวหย่อนคล้อย คือ สภาพผิวที่สูญเสียความยืดหยุ่น และความกระชับ จนทำให้ผิวเต่งตึงน้อยลง และค่อย ๆ หย่อนคล้อยลงมาตามบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอบดวงตา และลำคอ ซึ่งปัญหานี้ ถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็มีปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้ผิวหย่อนคล้อยก่อนวัยได้เช่นกัน ไม่ว่าเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด หรือแม้แต่รังสี UV ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ดูแก่กว่าวัยได้

                                               

                                              Ultherapy prime ยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด
                                              Ultherapy prime ยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด

                                               

                                              ผิวหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร?

                                              • อายุที่มากขึ้น

                                              เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกายจึงลดน้อยลง ส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอ และผิวสูญเสียความยืดหยุ่น จนทำให้ผิวดูหย่อนคล้อย และไม่เต่งตึงเหมือนเดิม

                                              • พันธุกรรม

                                              พันธุกรรม ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยได้เช่นกัน หากเรามีพันธุกรรมที่ทำให้ผิวยืดหยุ่น หรือผลิตคอลลาเจนออกมาน้อยกว่าปกติ อาจส่งผลให้ผิวมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยได้เร็วกว่าคนอื่น 

                                              • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

                                              การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ก็มีส่วนทำให้ผิวหย่อนคล้อยได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เริ่มลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดความหย่อนคล้อยได้ง่ายขึ้น

                                              • รังสี UV 

                                              รังสี UV ในแสงแดด เป็นตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ให้แตกตัวและเสื่อมสภาพลง อีกทั้ง ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารที่ทำลายเซลล์ผิว และเร่งกระบวนการให้ผิวแก่ก่อนวัย ส่งผลให้เกิดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยบนใบหน้าได้

                                              • ความเครียด

                                              เมื่อรู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว โดยฮอร์โมนนี้ จะเข้าไปยับยั้งการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ผิวจึงเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดการหย่อนคล้อยตามมา

                                              • พักผ่อนไม่เพียงพอ

                                              การนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลให้ผิวหนังเกิดความหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และเหี่ยวย่นได้ง่าย

                                              • สูบบุหรี่

                                              สารพิษต่าง ๆ ในบุหรี่ สามารถเร่งให้ผิวหนังเสื่อมสภาพได้โดยตรง โดยการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว รวมถึง ยังสร้างสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำร้ายเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวยิ่งขาดความยืดหยุ่น จนใบหน้าหย่อนคล้อยเร็วมากขึ้น

                                              • ลดน้ำหนักรวดเร็ว

                                              เมื่อมีการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผิวหนังที่เคยยืดออกเพื่อรองรับไขมันนั้น อาจไม่สามารถหดตัว หรือคืนสู่สภาพเดิมได้ทันที ทำให้ผิวบริเวณต่าง ๆ เกิดความหย่อนคล้อย ย้วย และไม่กระชับได้

                                               

                                              Ultherapy Prime ทางเลือกยกกระชับผิวเจนใหม่ โดยไม่ต้องผ่าตัด

                                              Ultherapy Prime คืออะไร?

                                              Ultherapy Prime คือ เทคโนโลยียกกระชับผิว ที่ถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นมาจากเครื่อง Ulthera รุ่นก่อน โดยใช้พลังงาน Micro-Focused Ultrasound ที่มีความเข้มข้นสูง ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว สามารถทำการรักษาได้ที่หลายระดับความลึกของชั้นผิว ตั้งแต่ 1.5 มม. 3 มม. และ 4.5 มม. ลงลึกได้ถึงชั้น SMAS จึงยกกระชับผิวได้อย่างครอบคลุม และตรงจุดมากขึ้น

                                              อีกทั้ง Ultherapy Prime ยังมีฟังก์ชันในการสร้างภาพผ่านจอแบบเรียลไทม์ และมีหน้าจอแสดงผลใหญ่ขึ้นถึง 35% จึงทำให้แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างผิวได้อย่างชัดเจนขณะทำ และสามารถทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มความแม่นยำในการส่งพลังงานไปยังจุดที่เหมาะสม โดยมีการทำการรักษาไปแล้วกว่า 3 ล้านเคสทั่วโลก

                                               

                                              Ultherapy Prime มีข้อดีอะไรบ้าง?

                                              • Ultherapy Prime มีหน้าจอใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 35% ซึ่งมีความละเอียดสูง และมีความคมชัดระดับ Full HD
                                              • Ultherapy Prime มีการประมวลผลรวดเร็วขึ้น ทำงานไว ศักยภาพสูง ได้ผลลัพธ์เพิ่มขึ้นถึง 20%
                                              • Ultherapy Prime เพิ่มความแม่นยำในการรักษา ทำให้สามารถยิงพลังงานได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
                                              • Ultherapy Prime มีความสะดวก และประหยัดเวลามากกว่าเดิม
                                              • Ultherapy Prime สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์หลังทำการรักษามากกว่า 3 ล้านเคสทั่วโลก
                                              • Ultherapy Prime ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US FDA หรือ อย. อเมริกา
                                              • Ultherapy Prime สามารถยกกระชับผิว ในทุกระดับชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                              • Ultherapy Prime สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
                                              • Ultherapy Prime ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเจ็บตัว

                                               

                                              Ultherapy Prime เหมาะกับใคร?

                                              • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
                                              • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้า
                                              • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า และลำคอ
                                              • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องการพักฟื้นนาน
                                              • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้กรอบหน้าชัด 
                                              • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป 
                                              • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวหน้าอ่อนกว่าวัย 
                                              • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวหน้า

                                               

                                              สัมผัสประสบการณ์ยกกระชับผิวด้วย Ultherapy Prime ก่อนใครที่ รมย์รวินท์ 

                                              สำหรับใครที่อยากยกกระชับผิวหน้าส่งท้ายปี Ultherapy Prime คือคำตอบ ทางเลือกใหม่ในการยกกระชับผิวที่มีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูง สามารถยกกระชับผิวได้อย่างครอบคลุม ทั้งใบหน้า และลำคอ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์กับ รมย์รวินท์คลินิก ได้แล้ววันนี้ ทุกสาขา รีบมายกกระชับผิวหน้า ให้ดูอ่อนกว่าวัยก่อนสิ้นปีนี้กันนะคะ

                                               

                                              โบลดน่อง ปรับขาเรียว บอกลาขาใหญ่ แบบไม่ต้องผ่าตัด

                                              โบลดน่องปรับขาเรียวแบบ ไม่ต้องผ่าตัด

                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                โบลดน่อง ปรับขาเรียว บอกลาขาใหญ่ แบบไม่ต้องผ่าตัด 

                                                ในยุคที่ความสวยความงามเป็นเรื่องสำคัญ การมีเรียวขาสวยเป๊ะก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้โดดเด่นได้ แต่สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องน่องใหญ่ กล้ามเนื้อน่องชัด หรือมีปัญหาเรื่องรูปร่างของน่องไม่สมส่วน “การฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว” อาจเป็นทางออกของขาเรียวสวยที่น่าสนใจ เพราะเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณมีเรียวขาที่เพรียวบางได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจน

                                                 

                                                การฉีดโบลดน่องจึงกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องน่องใหญ่ เพราะเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เสียเวลาพักฟื้น และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณมั่นใจและพร้อมที่จะเผยให้เห็นเรียวขาที่สวยงามได้อย่างเต็มที่

                                                 

                                                ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว คืออะไร?

                                                 

                                                โบลดน่อง คือ การใช้สารที่ออกฤทธิ์ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อ Gastrocnemius บริเวณน่อง เมื่อฉีดโบเข้าไปบริเวณน่องขา โบลดน่องจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องที่ใหญ่มีขนาดเล็ก ลดขนาดของกล้ามเนื้อให้เล็กลง ซึ่งเทคนิคของการฉีดโบลดน่องของแพทย์นั้น แพทย์จะฉีดเฉพาะกล้ามเนื้อบางส่วนในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งไม่ส่งผลต่อการยืนหรือการเดิน

                                                 

                                                น่องใหญ่เกิดจากอะไร?
                                                น่องใหญ่เกิดจากอะไร?

                                                สาเหตุที่ทำให้น่องใหญ่ น่องปูด มีอะไรบ้าง?

                                                ปัญหาน่องใหญ่ น่องปูด มีหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้

                                                • น่องใหญ่ น่องปูด จากไขมัน : เกิดจากการสะสมของไขมันส่วนเกินบริเวณน่อง ปัญหานี้พบได้ในคนที่มีไขมันส่วนเกินสะสมในร่างกายมาก กับคนที่มีน้ำหนักเกิน หรือมีปัญหาการเผาผลาญไขมัน ถ้าการเผาผลาญไม่ดีอาจทำให้ไขมันสะสมมากขึ้นในบริเวณต่าง ๆ รวมถึงบริเวณน่องด้วย
                                                • น่องใหญ่ น่องปูด จากกล้ามเนื้อ : เกิดจากการที่กล้ามเนื้อน่องทำงานหนักเกินไป หรือเกิดจากการออกกำลังกายที่เน้นการใช้งานกล้ามเนื้อน่องโดยเฉพาะ เช่น การปั่นจักรยาน การวิ่ง การยืนนาน หรือการใส่ส้นสูงประจำ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อน่องมีขนาดใหญ่ขึ้นได้
                                                • น่องใหญ่ น่องปูด จากพันธุกรรม : ลักษณะทางพันธุกรรม มีผลอย่างมากต่อการสะสมกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกาย โดยบางคนอาจมีกล้ามเนื้อน่องที่ขยายใหญ่ขึ้นได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ
                                                • น่องใหญ่ น่องปูด จากการอักเสบของเส้นเอ็น : อาการเส้นเอ็นอักเสบอาจทำให้เกิดอาการบวมบริเวณน่องได้ และทำให้น่องดูใหญ่กว่าปกติ
                                                • น่องใหญ่ น่องปูด จากภาวะบวมน้ำ : ภาวะบวมน้ำจากการยืนนาน ๆ หรือระบบการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี อาจทำให้น่องดูใหญ่ขึ้นได้
                                                • น่องใหญ่ น่องปูด จากการใส่รองเท้าไม่เหมาะสม : การใส่รองเท้าที่หลวมหรือคับจนเกินไป อาจส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อน่องและทำให้เกิดอาการบวมบริเวณน่องได้
                                                • น่องใหญ่ น่องปูด จากกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานมาก : การเดินขึ้นบันไดบ่อย ๆ การวิ่ง หรือการเล่นกีฬาที่ใช้ขานาน ๆ สามารถทำให้กล้ามเนื้อน่องมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ โดยเฉพาะหากมีการใช้งานหนักอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อจะตอบสนองโดยการสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อใหม่ขึ้น ทำให้น่องดูใหญ่มากขึ้น

                                                 

                                                กระบวนการทำงานของโบลดน่อง
                                                กระบวนการทำงานของโบลดน่อง

                                                 

                                                ฉีดโบลดน่องมีกระบวนการทำงานอย่างไร?

                                                สำหรับหลักการทำงานของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียวนั้น จะเป็นการฉีดโบไปยังบริเวณกล้ามเนื้อที่มีชื่อว่า Gastrocnemius บริเวณน่อง เพื่อให้โบเข้าไปออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อน่องที่ใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งการทำงานคล้ายกับการฉีดโบลดกรามปรับหน้าเรียว โดยก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับหน้าเรียว แพทย์จะทำการประเมินก่อนว่าปัญหาของน่องใหญ่ น่องปูดมาจากไขมันสะสมหรือกล้ามเนื้อ เพื่อวางแผนการรักษาปรับรูปทรงน่องให้กลับมาสมดุลและเรียวสวย เข้ากับสรีระร่างกายของในแต่ละบุคคล

                                                 

                                                โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยอะไรบ้าง?

                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อน่อง
                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยให้น่องเรียวสวยและสมส่วน
                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยทำให้น่องไม่เป็นก้อนนูน
                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อน่อง

                                                 

                                                ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

                                                 

                                                การฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากมีขาเรียวสวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีปัญหาน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อ อาจเกิดจากการออกกำลังกายที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อ หรือเกิดจากคนที่ใช้กล้ามเนื้อน่องบ่อย ๆ เช่น การยืนนาน ทำให้กล้ามเนื้อน่องใหญ่ขึ้น โดยการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่มีปัญหา ดังนี้

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่น่องใหญ่ น่องปูดจากกล้ามเนื้อ
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่มีปัญหากล้ามเนื้อน่องตึง
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่มีปัญหาน่องใหญ่ไม่สมส่วน
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่เคยลดน่องด้วยวิธีอื่นมาแล้วไม่ได้ผล
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่อยากปรับรูปทรงขา เพื่อขาเรียวสวย
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างความมั่นใจในการใส่กระโปรงหรือกางเกงขาสั้น
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่อยากขาสวยแต่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่อยากได้ผลลัพธ์ขาเรียวสวยแบบรวดเร็ว

                                                 

                                                ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว?

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่ต้องใส่ส้นสูงนาน ยืนนาน หรือเดินนาน
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนมีอายุต่ำกว่า 18 ปี
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่น่องใหญ่ น่องปูดจากไขมัน
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่แพ้สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเกี่ยวกับระบบประสาท โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคเลือดออกง่าย เป็นต้น
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เกิดรอยช้ำง่าย
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีการติดเชื้อบริเวณที่ต้องการฉีด ควรรอให้แผลหายสนิทก่อน 
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีความผิดปกติทางระบบประสาทบางชนิด เช่น โรคเส้นเลือดในสมองตีบ โรคพาร์กินสัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร

                                                 

                                                ข้อดีและข้อเสียของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

                                                 

                                                วิธีการฉีดโบลดน่องเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปทรงน่องให้เรียวสวย แต่ก่อนตัดสินใจฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียวต้องพิจารณาข้อดีและข้อเสีย เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ดังนี้

                                                 

                                                ข้อดีของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยทำให้รูปทรงของน่องดูเรียวสวย และสมส่วนมากขึ้น
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่อยากแก้ไขน่องใหญ่ น่องปูดแบบไม่ต้องผ่าตัด
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเจ็บตัว
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้โบลดน่องแท้ จะมีความปลอดภัยสูง
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว สามารถใช้ชีวิตประจำวันหลังทำได้ตามปกติ

                                                 

                                                ข้อเสียของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำหลังจากโบลดน่องสลายไปตามธรรมชาติ
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว อาจเกิดอาการบวม ปวด แดง หรือช้ำตรงบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ หายได้เองหลังจากนั้น
                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะสมกับคนที่มีน่องใหญ่จากไขมัน หรือคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด

                                                 

                                                โบลดน่องเลือกยี่ห้อไหนดี
                                                โบลดน่องเลือกยี่ห้อไหนดี

                                                ยี่ห้อโบลดน่อง ปรับขาเรียว เลือกแบบไหนดี?

                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศอเมริกา (Allergan)

                                                โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Allergan เป็นบริษัทออริจินอลแบรนด์ดังของการฉีดโบ ที่มีงานวิจัยรองรับมากที่สุดถึง 3,500 งานวิจัย ได้รับการรับรองจาก FDA ตั้งแต่ปี 1985 มีผลการรักษาแม่นยำที่สุด โดยตัวยามีการกระจายตัวแคบ มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% ทำให้เกิดโอกาสดื้อโบน้อยที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาแม่นยำและตรงจุด สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยเฉพาะจุดได้ดี เช่น ริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ริ้วรอยย่นระหว่างคิ้ว และริ้วรอยหางตา อีกทั้งยังเหมาะกับการฉีดโบลิฟกรอบหน้า  ฉีดโบลดกราม ซึ่ง Allergan เป็นหนึ่งในยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างมาก

                                                 

                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศอังกฤษ (Dysport)

                                                โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Dysport จากประเทศอังกฤษ ผลิตโดยบริษัท Ipsen ได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2009 มีขนาดของโมเลกุลที่เล็กกว่าโบลดน่องยี่ห้อ Allergan มีลักษณะการกระจายตัวเป็นวงกว้าง ทำให้การฉีดโบลดน่องยี่ห้อ Dysport ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และต้องระมัดระวังในการฉีดสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ลดกราม รวมไปถึงยังช่วยลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว ลดน่อง และลดต้นแขน โดยผลลัพธ์ที่ได้จะค่อนข้างรวดเร็ว ใครที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วนต้องเลือกฉีดโบลดน่อง Dyspot

                                                 

                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศเยอรมัน (Xeomin)

                                                โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Xeomin จากประเทศเยอรมัน ได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2011 มีจุดเด่นที่นำข้อดีของยี่ห้อ Allergan และ Dysport มารวมไว้ด้วยกัน ซึ่งโบลดน่อง ปรับขาเรียว Xeomin เป็นยี่ห้อแรกที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก ไม่มีสารเติมแต่งใด ๆ ทำให้ดูมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงจนเกินไป สามารถป้องกันการเกิดโอกาสดื้อโบได้ นอกจากนี้ยังมีอาการผลข้างเคียงน้อยและเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วอีกด้วย

                                                 

                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศเกาหลี (Nabota และ Aestox)

                                                โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศเกาหลีมีทั้งหมด 2 ยี่ห้อด้วยกัน คือ โบลดน่องยี่ห้อ Nabota และ โบลดน่องยี่ห้อ Aestox รายละเอียดของโบลดน่อง ปรับขาเรียว มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้

                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Nabota เป็นโบลดน่องแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวจากประเทศเกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2018 ที่มีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% ผ่านการวิจัยทดลองมากว่า 30 ปี มีจุดเด่นในด้านการออกฤทธิ์ไวกว่าโบเกาหลียี่ห้ออื่น ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องตื้นบนใบหน้า เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน
                                                • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Aestox เป็นโบลดน่อง ปรับขาเรียว ที่มีตัวยาบริสุทธิ์ 99.5% ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เกิดโอกาสดื้อยาน้อย ออกฤทธิ์ไวใกล้เคียงกับโบลดน่องยี่ห้อ Allerganจากสหรัฐอเมริกา แต่ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า  มักนิยมใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาริ้วรอย ปรับรูปหน้าเรียวเล็ก และทำให้กรอบหน้าคมชัด 

                                                การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

                                                • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินปัญหาให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล
                                                • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบลดน่องอย่างละเอียด 
                                                • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรอง มีเครื่องมือที่ทันสมัย และแพทย์ที่มีประสบการณ์
                                                • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด รวมไปถึงโรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน และการแพ้ยาต่าง ๆ 
                                                • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ก่อนทำ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากส่งผลต่อการฟื้นตัว
                                                • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว หลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของโบลดน่อง
                                                • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรงดยากลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน 

                                                 

                                                ขั้นตอนการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

                                                1. ปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินสภาพกล้ามเนื้อน่อง และประเมินปริมาณโบลดน่องที่เหมาะสมในบริเวณที่ต้องการฉีด
                                                2. ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการฉีดโบลดน่องด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
                                                3. สำหรับคนที่กลัวเจ็บ แพทย์อาจทายาชาบริเวณที่ต้องการฉีด เพื่อบรรเทาความเจ็บจากเข็มจากการฉีดโบลดน่อง
                                                4. แพทย์จะใช้เข็มฉีดสารที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการลดขนาด โดยเลือกจุดฉีดที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ
                                                5. หลังจากฉีดโบลดน่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำจากเข็ม

                                                 

                                                การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

                                                 

                                                • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว สามารถประคบเย็นได้เป็นระยะ เพื่อลดอาการบวม
                                                • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันทีประมาณ 30 นาที เพื่อให้โบลดน่องถูกเซลล์ประสาทดูดซึมเข้าไปมากที่สุด
                                                • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 2-3 วันแรก
                                                • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่ฉีด
                                                • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด 3 วัน
                                                • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 3 วัน
                                                • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว งดอาหารรสจัด อาหารหมักดอง 3 วัน

                                                  โบลดน่อง VS ดูดไขมันน่อง
                                                  โบลดน่อง VS ดูดไขมันน่อง

                                                 

                                                การฉีดโบลดน่อง VS การดูดไขมันน่อง แตกต่างกันอย่างไร?

                                                ฉีดโบลดน่อง ปรับหน้าเรียว

                                                • การฉีดโบลดน่อง เป็นกระบวนการที่ใช้สารออกฤทธิ์เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อในบริเวณน่อง ซึ่งโบลดน่องมีกระบวนการที่มีหน้าที่ป้องกันการส่งผ่านสัญญาณจากเซลล์ประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้นาน ๆ ส่งผลให้เกิดการลดขนาดของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ถูกฉีด โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคล การฉีดโบลดน่องจะเน้นที่กล้ามเนื้อบางส่วนเท่านั้น และไม่มีผลกระทบต่อการยืนหรือการเดิน เนื่องจากมีกล้ามเนื้ออื่นที่ยังคงรับน้ำหนักและปรับท่าทางในการเคลื่อนไหว

                                                 

                                                การดูดไขมันลดน่อง

                                                • ปัญหาน่องใหญ่ น่องปูด จากไขมันสะสมจากการรับประทาน แก้ไขปัญหาโดยการดูดไขมันน่องจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เนื่องจากการดูดไขมันส่วนเกินบริเวณน่องออก ทำให้น่องเล็กลง ขาเรียวสวยขึ้น เห็นผลลัพธ์ไว ปลอดภัย ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันมีหลายเทคโนโลยีในการดูดไขมันลดน่อง ทั้งนี้การดูดไขมันลดน่องเหมาะกับคนที่มีปัญหาน่องใหญ่ น่องปูด ที่เกิดจากไขมันสะสม ที่อยากลดขนาดของน่องขาให้เรียวเล็กลง เพราะการออกกำลังกายไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งได้ จำเป็นต้องใช้การดูดไขมันลดน่องร่วมด้วย

                                                 

                                                คำถามพบบ่อยของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ใช้กี่ยูนิต?

                                                โดยปกติทั่วไป หากต้องการลดขนาดของน่องให้เล็กลง อาจต้องใช้ปริมาณของโบลดน่องมากถึง 500-600 ยูนิตต่อขา 1 ข้าง ซึ่งร่างกายของคนเราไม่สามารถรับปริมาณของโบได้มากเกิน 300 ยูนิต ในะยะเวลา 3 เดือน  และถ้าหากฉีดครั้งเดียวในปริมาณที่มากเกินไป จะส่งผลต่อการเดือนและการยืนได้ แนะนำให้ทยอยฉีดเพียงครั้งละ 200 ยูนิตเท่านั้น

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เจ็บไหม?

                                                การฉีดตัวยาเข้าสู่กล้ามเนื้อมีความเจ็บเป็นเรื่องปกติ แต่เป็นความเจ็บในระดับที่อดทนได้ หากมีความกังวลเรื่องของความเจ็บระหว่างฉีดโบลดน่อง สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอทายาชาหรือประคบเย็นก่อนฉีดได้ เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว มีผลข้างเคียงไหม?

                                                ผลข้างเคียงหลังที่อาจเกิดขึ้นหลังจากฉีดโบลดน่องที่พบโดยทั่วไป คือ อาการบวม แดง หรือมีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  รวมไปถึงอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราวได้ โดยอาการเหล่านี้สามารถหายได้เองในเวลาต่อมาได้ นอกจากผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดโบลดน่องเหล่านี้แล้ว ยังมีผลข้างเคียงที่เกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปริมาณที่ใช้ในการฉีดโบลดน่อง เทคนิคการฉีดโบลดน่อง ดังนั้นการฉีดโบลดน่องในปริมาณที่เหมาะสม ใช้โบแท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะทำให้ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายอย่างแน่นอน

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกไหม?

                                                ในการฉีดโบลดน่อง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณ 3 เดือน ซึ่งในการฉีด 1 ครั้งขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณน่องจะลดลงได้ประมาณ 10-20% เพราะกล้ามเนื้อบริเวณน่องเป็นมัดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ ทำให้ค่อนข้างใช้ระยะเวลาในการฉีดซ้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว อันตรายไหม?

                                                ถ้าฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียวกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้ตัวยาในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะไม่มีผลข้างเคียงที่อันตราย แต่ถ้าหากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ ใช้ปริมาณโบลดน่องไม่เหมาะสม อาจเกิดปัญหากับการเดินหรือการยืนได้ รวมไปถึงการฉีดโบลดน่องกับหมอกระเป๋า หมอปลอม ที่ใช้ยาหิ้ว ทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียวต้องเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว อยู่ได้นานไหม?

                                                การฉีดโบลดน่อง สามารถช่วยลดขนาดน่องให้เรียวเล็กลงได้ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ยี่ห้อของโบลดน่องที่เลือกใช้ และระดับการใช้งานกล้ามเนื้อน่องของแต่ละบุคคล หากมีการใช้งานกล้ามเนื้อน่องมาก เช่น การเดินหรือออกกำลังกายบ่อย ๆ ผลลัพธ์อาจสลายเร็วขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 4-6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ต่อไป

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว กี่ครั้งเห็นผล?

                                                โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว จะเริ่มเห็นผลชัดเจนประมาณ 1-2 เดือน หลังจากการฉีดครั้งแรก และผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน แต่หากต้องการให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องเล็กลงอย่างต่อเนื่อง อาจต้องฉีดซ้ำทุกๆ 6 เดือน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                 

                                                • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว มีผลต่อการเดินไหม?

                                                การฉีดโบลดน่องนั้น หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และฉีดในปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเดิน เพราะแพทย์จะฉีดเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อน่องส่วนที่ทำให้เกิดน่องใหญ่เท่านั้น โดยยังคงเหลือกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ที่ช่วยในการยืนและเดินอยู่ ดังนั้นหากฉีดโบลดน่องในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดผิดจุด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงมากเกินไปจนส่งผลต่อการเดินได้ ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบลดน่องโดยเฉพาะ

                                                 

                                                การฉีดโบลดน่อง เป็นขั้นตอนการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับคนที่ต้องการปรับรูปร่างให้ขาเรียวสวย โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาน่องใหญ่ กล้ามเนื้อน่องเป็นมัด หรือต้องการแก้ไขปัญหาความไม่สมส่วนของขา ใครที่กำลังสนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องของการฉีดโบลดน่อง สามารถติดต่อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

                                                Secret Glow Skin คุณเดียร์ ญาดา เลือกให้ดูแลผิวในปีใหม่นี้

                                                Secret Glow Skin คุณเดียร์


                                                Secret Glow Skin คุณเดียร์ ญาดา เลือกทำสวยรับปีใหม่ ผิวเด้งกระชับทันใจ

                                                 

                                                ปีใหม่หน้าต้องสวยปั๊ว ปัง สลัดลุคคนเก่าที่ดูโทรม เยิน พัง ไปเลย มาเติมอาหารให้ผิวสวยเด้งกระชับเหมือนคุณเดียร์ ญาดา เจริญสุพิพัฒน์ ที่รมย์รวินท์คลินิกกันค่ะ

                                                 

                                                SecretGlowSkin
                                                SecretGlowSkin

                                                 

                                                ปีใหม่ก็ต้องเป็นคนใหม่สิคะ ตัวเดียร์เองก็มีอาชีพเป็นอินฟลูเอนเซอร์ต้องรีวิวนั่นนี่ และด้วยความที่เป็นผู้หญิง ถ้ามาหน้าย้วย หน้าบวม ผิวหย่อนคล้อยก็ยิ่งไม่มั่นใจเลย จะให้หลบมุมกล้อง หรือตุ๊งรูปทุกรูปก็ไม่ไหวค่ะ อยากสวยแบบธรรมชาติ แบบเรียลๆ มากกว่า และด้วยความที่สมัยนี้คลินิกเสริมความงามก็มีมากมาย ตังช่วยเรื่องความสวยความงามก็มีให้เลือกทำเยอะแยะไปหมด เดียร์ว่าเดี๋ยวนี้มันง่ายมากเราอยากทำอะไร หย่อนคล้อยตรงไหน อยากยกกระชับ หรืออยากลดตรงไหนก็มีให้หมด แต่ว่าจะลงทุนกับความสวยทั้งทีก็ต้องเลือกให้ดีค่ะ เพราะถ้าทำแล้วหน้าพังขึ้นมาก็คือจบเลย แก้ยากเลยค่ะ เดียร์ก็ดูรีวิวจากหลายๆที่ และจากคำแนะนำของคนรอบข้าง เดียร์ก็เลยมาที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ ตอบโจทย์ตรงใจเดียร์เลยค่ะ

                                                 

                                                SecretGlowSkin
                                                SecretGlowSkin

                                                 

                                                Secret Glow Skin คุณเดียร์ ญาดา

                                                หน้าของเดียร์มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย แก้มย้วย และมีจุดด่างดำบนใบหน้าค่อนข้างเยอะ  เดียร์อยากได้ความกระชับความเฟิร์มของผิวและอยากให้ผิวของเดียร์ดูกระจ่างใสขึ้น เดียร์ก็เลยมาปรึกษากับคุณหมอบีบี (พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู) ค่ะ คุณหมอบีบี ประเมินผิวหน้าให้เดียร์ด้วยเทคนิค Lifting Seclect ซึ่งช่วยวิเคราะห์ปัญหาได้ทุกชั้นผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อดูว่าผิวของเรามีปัญหาในเรื่องใด และเลือกโปรแกรมการรักษาให้ตอบโจทย์กับปัญหาที่มีได้ตรงจุดค่ะ และเทคนิคนี้คุณหมอบีบีบอกว่าเป็นเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก ที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์มากว่า 21 ปีเลยค่ะ 

                                                 

                                                Secret Glow Skin
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                 

                                                คุณหมอบีบีเลือกทำ SECRET GLOW SKIN ให้กับเดียร์ค่ะ คุณหมอบอกตัวนี้เหมือนการร้อยไหมให้ใบหน้าแต่ตัวนี้จะมีความปลอดภัย และเจ็บน้อยกว่า SECRET GLOW SKIN  เป็นไหมน้ำใน 1 ขวดจะเทียบเท่ากับการร้อยไหมถึง 1,427 เส้น  และการทำ 1 ครั้งยังเทียบเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์และร้อยไหมให้ผิวในคราวเดียวกันอีกด้วยค่ะ SECRET GLOW SKIN เป็น biostimulator หรือตัวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับใบหน้า ทั้ง Type 1 และ Type 3 ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ลดความหย่อนคล้อยของผิว ให้ผิวยกกระชับ เติมเต็มพวกร่องและริ้วรอยให้ตื้นขึ้น ซึ่งคุณหมอบีบีบอกว่า SECRET GLOW SKIN เป็นขั้นกว่าของการทำ Skin Booster แบบทั่วไปค่ะ และด้วยเทคนิคพิเศษของรมย์รวินท์คลินิกที่ฉีดแล้วไม่ทำให้เกิดบาดแผล หลังทำยุบทันที ไม่ทำให้หน้าบวม ไม่เป็นตุ่มหรือเป็นก้อน สามารถใช้หน้าต่อได้ทันที และไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย สามารถสลายได้เองโดยธรรมชาติค่ะ 

                                                 

                                                พอทำ Secret Glow Skin เสร็จ เดียร์เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีในครั้งแรกที่ทำเลยค่ะ ว่าหน้าดูยกกระชับขึ้น ตรงบริเวณแก้มของเดียร์ที่หย่อนคล้อยก็ยกกระชับขึ้นทันทีเลย ผิวหน้าของเดียร์ดูอิ่มฟู แน่นเฟิร์มขึ้นมากค่ะ และผิวยังกระจ่างใสขึ้นด้วยค่ะ ใครอยากสวยแบบทันใจต้อง Secret Glow Skin ตัวนี้เลยค่ะ หน้าสวยด้วย แถมปลอดภัยด้วยค่ะ 

                                                 

                                                Secret Glow Skin
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                Secret Glow Skin คืออะไร ดีอย่างไร

                                                 

                                                Secret Glow Skin คือ ไหมน้ำชนิด PDO (Polydioxanone) ที่มีความยืดหยุ่นสูง เป็นที่นิยมใช้ในทางการแพทย์และความงาม มีความปลอดภัยเพราะได้รับการรับรองจาก US FDA สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและผิว Secret Glow Skin เป็น Biostimulator ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 และ Type 3 คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวย้อนวัยกลับมาเด็กได้อีกครั้ง และ Secret Glow Skin ยังช่วยเรื่องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าให้กลับมาแน่นเฟิร์มช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงมากขึ้น และยังปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย Secret Glow Skin ช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับชั้นผิวได้ถึง 34.36% ลดเลือนริ้วรอยร่องลึกได้ถึง 13.33% และให้ผิวกระจ่างใสได้ถึง 9.15% ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล

                                                • Secret Glow Skin ไหมน้ำ 1 ขวดเทียบเท่ากับการร้อยไหม 1,427 เส้น 
                                                • Secret Glow Skin เท่ากับการฉีดฟิลเลอร์และร้อยไหมให้ผิวในคราวเดียวกัน
                                                • Secret Glow Skin กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับ Nano Technology ซึ่งมีความเจ็บกว่าการร้อยไหมแบบทั่วไป
                                                • Secret Glow Skin มีกรดอะมิโนแอซิด ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวที่สึกหรอให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง 

                                                 

                                                Secret Glow Skin
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                Secret Glow Skin ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

                                                • Secret Glow Skin ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าให้ตื้นขึ้น
                                                • Secret Glow Skin ช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าละมุนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
                                                • Secret Glow Skin ช่วยยกกระชับให้หน้าอ่อนเยาว์ 
                                                • Secret Glow Skin ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 และ Type 3
                                                • Secret Glow Skin ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
                                                • Secret Glow Skin ช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาแน่นเฟิร์ม
                                                • Secret Glow Skin ช่วยให้ผิวมีคุณภาพดี แข็งแรงขึ้น
                                                • Secret Glow Skin ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
                                                • Secret Glow Skin ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว
                                                • Secret Glow Skin ช่วยให้ผิวเนียนละเอียด กระชับรูขุมขน
                                                • Secret Glow Skin ช่วยให้ผิวตึงกระชับเทียบเท่ากับการร้อยไหม

                                                อยากผิวยยกระชับ ลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของใบหน้า สวยรับปีใหม่ต้อง Secret Glow Skin ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ 

                                                น้องโกโกวาแก้มเยอะ เหนียงชัด อยากลดแก้ม ลดเหนียงทำอย่างไรดี

                                                โกโกวา

                                                น้องโกโกวาแก้มเยอะ เหนียงชัด อยากลดแก้ม ลดเหนียงทำอย่างไรดี?

                                                 

                                                มีใครเป็นแฟนคลับน้องโกโกวากันบ้าง? ล่าสุดน้องโกโกวา บุคแลนด์มาร์กใจกลางเมืองกรุงเทพ เล่นใหญ่สมการรอคอย กับการกลับมาของ Squid Game 2 ซึ่งจุดเด่นของน้องโกโกวาในครั้งนี้ คือ ขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มาพร้อมกับแก้มและเหนียงที่ดูเด่นชัดมาก แต่รู้หรือไม่ว่าปัญหาแก้มเยอะ แก้มห้อย เหนียงชัดนี่แหละที่ทำให้หลาย ๆ คนกังวลใจ จนขาดความมั่นใจได้เลยทีเดียว 

                                                สำหรับใครที่มีแก้มเยอะ เหนียงชัดแบบน้องโกโกวา ถึงเวลาต้องรีดไขมันออก! วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก จะมาเปิดเผยเคล็ดลับที่ทำให้แก้ม และเหนียงหายไปจนหมดสิ้น เปลี่ยนจากสาวแก้มเยอะ เหนียงชัด ให้กลายเป็นสาวหน้าเรียวแบบง่าย ๆ แต่จะเป็นหัตถการอะไรนั้น บทความนี้เตรียมมาให้แล้วค่ะ

                                                 

                                                โกโกวา
                                                ถึงเวลารีดไขมันออกด้วย Oligio

                                                 

                                                แก้มเยอะ เหนียงชัดแบบน้องโกโกวา ถึงเวลารีดไขมันออก ฉบับรมย์รวินท์

                                                สาเหตุของไขมันแก้มเยอะ เหนียงชัด มีอะไรบ้าง?

                                                • ปัญหาไขมันแก้มเยอะ เหนียงชัดจาก พันธุกรรม

                                                ลักษณะโครงสร้างใบหน้า และการสะสมของไขมัน สามารถถูกส่งต่อทางพันธุกรรมได้ หากมีบุคคลในครอบครัวมีไขมันบริเวณแก้ม หรือเหนียงเยอะ อาจทำให้เรามีโอกาสสูงที่จะมีแก้ม หรือเหนียงเยอะตามไปด้วย

                                                • ปัญหาไขมันแก้มเยอะ เหนียงชัดจาก อายุ

                                                เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวหนังจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย ซึ่งส่งผลให้ไขมันบริเวณแก้ม และเหนียงสามารถเห็นได้ชัดมากขึ้น

                                                • ปัญหาไขมันแก้มเยอะ เหนียงชัดจาก พฤติกรรมการกิน

                                                การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด ขนมหวาน และอาหารแปรรูป รวมถึง การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น จนถูกสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะบริเวณแก้ม และเหนียง

                                                • ปัญหาไขมันแก้มเยอะ เหนียงชัดจาก ขาดการออกกำลังกาย

                                                การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน หากขาดการออกกำลังกาย หรือไม่ออกกำลังกายเลย อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้อย่างเต็มที่ จนไขมันเข้าไปสะสมอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ รวมถึง บริเวณแก้ม และเหนียงอีกด้วย

                                                • ปัญหาไขมันแก้มเยอะ เหนียงชัดจาก น้ำหนักตัว

                                                การมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ไขมันส่วนเกินจะเข้าไปสะสมอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึง บริเวณแก้ม และเหนียง ทำให้ใบหน้าดูบาน แก้มเยอะ และเหนียงเด่นชัดมากขึ้น

                                                • ปัญหาไขมันแก้มเยอะ เหนียงชัดจาก ฮอร์โมน

                                                การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย มีผลกระทบต่อระบบเผาผลาญไขมัน ทำให้ไขมันสะสมได้ง่าย โดยเฉพาะในบริเวณแก้ม และเหนียง 

                                                 

                                                Oligio เทคโนโลยีลดแก้ม หดเหนียง เก็บครบทุกไขมัน 

                                                ทำความรู้จัก Oligio คืออะไร?

                                                Oligo คือ เทคโนโลยียกกระชับ พร้อมลดไขมันในเครื่องเดี่ยว โดยใช้คลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ที่มีความถี่สูง 6.78 MHz สามารถปรับโหมดได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดเดี่ยว โหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ โดยจะแทรกซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกได้อย่างตรงจุด เจาะลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) ทำให้เกิดความร้อนอุณหภูมิ 40 – 60 องศา ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น รวมทั้ง ยังสามารถลดเซลล์ไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณแก้ม และเหนียง ทำให้ไขมันค่อย ๆ ลดหายไป และถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ

                                                นอกจากนี้ ยังมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ ที่จะช่วยควบคุมอุณหภูมิขณะทำ หากมีความร้อนสูงเกินไป เครื่องจะหยุดการทำงานทันที และมีระบบปล่อยความเย็น Cooling System ที่จะช่วยลดความแสบร้อนขณะทำ ทำให้การรักษามีความปลอดภัย และลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดผิวไหม้ ผิวเบิร์น

                                                 

                                                Oligio ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

                                                • Oligio ช่วยลดเลือนริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ 
                                                • Oligio ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง
                                                • Oligio ช่วยยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย
                                                • Oligio ช่วยลดไขมันส่วนเกิน บริเวณแก้ม และเหนียง
                                                • Oligio ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง
                                                • Oligio ช่วยปรับกรอบหน้าให้คมชัด ดูมีมิติมากขึ้น
                                                • Oligio ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
                                                • Oligio ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับผิว
                                                • Oligio ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว ผิวดูสุขภาพดี

                                                 

                                                ใครที่เหมาะกับการทำ Oligio?

                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอย มีร่องลึกต่าง ๆ 
                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับ ให้ผิวแน่นเฟิร์ม
                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่คมชัด
                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีไขมันสะสม บริเวณแก้ม และเหนียง
                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย มีแก้มห้อย 
                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิว
                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เล็กลง
                                                • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการชะลอความหย่อนคล้อยก่อนวัย

                                                 

                                                Oligio ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับ พร้อมลดไขมันแก้ม และเหนียงในเครื่องเดียว ซึ่งมีความปลอดภัยสูง หลังทำเสร็จไม่ต้องมีการพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที สำหรับใครที่สนใจทำ Oligio รมย์รวินท์คลินิก ยินดีให้บริการ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินผิวหน้า และวิเคราะห์ปัญหาได้ทุกสาขาค่ะ

                                                รมย์รวินท์ คลินิก จัดงาน “Ultherapy Prime Exclusive Training”

                                                Ultherapy Prime Exclusive Training

                                                รมย์รวินท์ คลินิก จัดงาน “Ultherapy Prime Exclusive Training”

                                                 

                                                รมย์รวินท์คลินิก คลินิกความงามและสุขภาพผิวชั้นนำระดับประเทศ จัดงานอบรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Ultherapy Prime Exclusive Training” ที่ รมย์รวินท์คลินิก สาขาเซ็นทรัลชิดลม ชั้น 3 โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์ในด้านการเสริมสร้างความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทักษะในการใช้เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้ารุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Ultherapy Prime – New Generation เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00-13.00 น. ที่ผ่านมา

                                                 

                                                งานอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก แพทย์หญิงอรุณี ทองอัครนิโรจน์ หรือ หมอออย แพทย์ผู้มีความรู้ประจำรมย์รวินท์คลินิก เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และทักษะเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยี Ultherapy Prime ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การยกกระชับผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยจุดเด่นที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน เจ็บน้อย และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ด้านความงามทั่วโลก

                                                 

                                                Ultherapy Prime Exclusive Training
                                                Ultherapy Prime Exclusive Training

                                                กิจกรรมภายในงาน Ultherapy Prime Exclusive Training

                                                 

                                                บรรยากาศภายในงาน เริ่มต้นเปิดงานด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก แพทย์หญิง ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล หรือ หมอฐา ซึ่งได้กล่าวทักทายแพทย์ทุกท่านที่มาร่วมงาน พร้อมอธิบายถึงวัตถุประสงค์และความสำคัญของการจัดอบรมในครั้งนี้ 

                                                ต่อด้วยการบรรยายพิเศษจาก แพทย์หญิงอรุณี ทองอัครนิโรจน์ หรือ หมอออย Merz aesthetic KOL ที่มาอัปเดตเทคโนโลยี Ultherapy Prime – New Generation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ในการยกกระชับผิวหน้าอย่างแม่นยำและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยาวนาน พร้อมแชร์เคล็ดลับและเทคนิคการใช้งานเครื่องอย่างถูกต้องและปลอดภัย

                                                 

                                                จากนั้นเข้าสู่ช่วง Workshop Training เชิงปฏิบัติการ โดยผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่อง Ultherapy Prime อย่างละเอียด ผ่านการทดลองใช้งานจริงกับอาสาสมัคร พร้อมฝึกฝนการตั้งค่าอุปกรณ์อย่างถูกต้อง และสามารถสอบถามข้อสงสัยกับทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง

                                                 

                                                ปิดท้ายด้วยพิธีมอบ เกียรติบัตรจาก Merz Aesthetics ให้แก่แพทย์ทุกท่านที่ผ่านการอบรม พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเพื่อเป็นที่ระลึก

                                                 

                                                Ultherapy Prime 2

                                                ตอกย้ำวิสัยทัศน์แห่งความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีความงาม

                                                การจัดเวิร์กช็อปนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ รมย์รวินท์คลินิก ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีความงามที่ทันสมัยและปลอดภัยที่สุด โดยมีเป้าหมายสำคัญในการนำเสนอนวัตกรรมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล มาสู่การให้บริการในประเทศไทย พร้อมทั้งมุ่งมั่นพัฒนาทักษะและศักยภาพของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง

                                                Ultherapy Prime จึงไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีเพื่อความงาม แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความใส่ใจในทุกขั้นตอนการรักษา เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจได้ว่าทุกการบริการจะดำเนินไปด้วยมาตรฐานสูงสุด

                                                 

                                                Ultherapy Prime Exclusive Training
                                                Ultherapy Prime Exclusive Training

                                                ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า

                                                ความมุ่งมั่นในครั้งนี้ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การพัฒนาทักษะของทีมแพทย์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ในการรับบริการยกกระชับผิวหน้าด้วยเทคโนโลยี Ultherapy Prime ทุกขั้นตอนการรักษาจะถูกดำเนินการอย่างมืออาชีพ ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่ชัดเจน ยาวนาน และตรงกับความคาดหวัง

                                                 

                                                Ultherapy Prime Exclusive Training
                                                Ultherapy Prime Exclusive Training

                                                 

                                                เวิร์กช็อปนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี Ultherapy Prime แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ และความใส่ใจในทุกขั้นตอนของการบริการ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจได้ว่า ทุกครั้งที่ก้าวเข้าสู่ รมย์รวินท์คลินิก จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ด้วยมาตรฐานการบริการระดับสากล

                                                รมย์รวินท์คลินิก จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการให้บริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกคน ว่าทุกครั้งที่ก้าวเข้าสู่รมย์รวินท์คลินิก จะได้รับการดูแลด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด บริการที่อบอุ่น และผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ

                                                Switch Game เปลี่ยนหน้ายับ เป็นหน้ายกที่ รมย์รวินท์

                                                Switch Game

                                                Switch Game เปลี่ยนหน้ายับ เป็นหน้ายกที่ รมย์รวินท์

                                                 

                                                เมื่อหน้ายับ ริ้วรอยเยอะ ผิวเหี่ยวย่น มีรอยพับเต็มไปหมด จะทนไปทำไมกับหน้ายับแบบเดิม ๆ ถึงเวลาแล้วที่จะพลิกเกม เตรียมล็อกหน้ายก บล็อกหน้ายับทุกด่าน เปิดศึกท้าชนทุกรอยพับ ปราบทุกปัญหาผิวหน้าให้อยู่หมัด ไม่ต้องทนหน้ายับอีกต่อไป ด้วยโปรแกรม FIXLIFT มิติใหม่แห่งการยกกระชับ อัปเลเวลความสวยไปอีกขั้น โดยไม่ต้องผ่าตัดจาก รมย์รวินท์คลินิก พร้อมเก็บทุกรอยยับ เย็บตึงทุกรอยพับให้หมดไป ยกได้ทั้งหน้าและคอไปพร้อมกัน ไม่ว่าเกมไหนก็พร้อมวินทุกมิชชั่น 

                                                 

                                                ยกหน้ายับ อัปหน้าเด็กด้วย FIX LIFT
                                                ยกหน้ายับ อัปหน้าเด็กด้วย FIX LIFT

                                                 

                                                ท้าชนทุกรอยยับ บอกลาทุกรอยพับกับ “Switch Game”

                                                หน้ายับ หน้าย่น คืออะไร?

                                                หน้ายับ หน้าย่น คือ ลักษณะของผิวหน้าที่มีความเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ดูมีรอยพับอย่างชัดเจน ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต และอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และขาดความกระชับ จนเกิดเป็นรอยพับ ใบหน้ายับ ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน โดยสามารถเห็นได้ชัดในบริเวณที่มีการแสดงสีหน้าบ่อย ๆ เช่น หน้าผาก ร่องแก้ม หรือรอบดวงตา 

                                                 

                                                หน้ายับ หน้าย่น เกิดจากอะไร?

                                                อายุที่เพิ่มขึ้น 

                                                • เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของเราจะเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลงทุก ๆ ปี ทำให้ผิวค่อย ๆ เสื่อมสภาพ ขาดความยืดหยุ่น จนเกิดเป็นริ้วรอย ใบหน้ายับ และเหี่ยวย่นได้ง่าย

                                                แสงแดด 

                                                • รังสี UV จากแสงแดด สามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวได้ เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินเริ่มเสื่อมสภาพลง ผิวก็จะเริ่มขาดความชุ่มชื้น จนเกิดริ้วรอย รอยย่น ร่องลึก และดูหมองคล้ำได้ง่ายขึ้น

                                                การแสดงออกทางสีหน้า 

                                                • การแสดงออกทางสีหน้า ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว หรือเลิกคิ้ว ทำให้กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังเกิดการหดตัวซ้ำ ๆ เมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้าบ่อย ๆ ส่งผลให้เกิดรอยพับ หรือเกิดริ้วรอยได้อย่างชัดเจนบนผิวหน้า เช่น หน้าผาก รองดวงตา 

                                                การสูบบุหรี่ 

                                                • สารนิโคตินในบุหรี่ สามารถเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่ตึงกระชับ จนเกิดเป็นริ้วรอย หรือรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยได้ อีกทั้ง การสูบบุหรี่ยังเป็นการลดการไหลเวียนเลือด ทำให้เซลล์ผิวได้รับออกซิเจน และสารอาหารไม่เพียงพอ ผิวจึงดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และแก่ก่อนวัยได้ง่าย

                                                การนอนหลับไม่เพียงพอ 

                                                • การนอนหลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมตัวเอง และฟื้นฟูเซลล์ผิวได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย อีกทั้ง การนอนหลับไม่เพียงพอ ยังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวเกิดการอักเสบ ขาดความยืดหยุ่น และเกิดรอยเหี่ยวย่นได้

                                                พันธุกรรม 

                                                • พันธุกรรมมีส่วนสำคัญในการกำหนดโครงสร้างผิวต่าง ๆ ในร่างกาย หากมีโครงสร้างผิวที่อ่อนแอ หรือบอบบาง อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าปกติ

                                                สภาพแวดล้อม 

                                                • สภาพแวดล้อมที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน ทั้งมลภาวะ ฝุ่นละออง ควันพิษ และสารเคมีต่าง ๆ ล้วนส่งผลให้เซลล์ผิวเกิดกระบวนการออกซิเดชันเพิ่มขึ้น จนเกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ซึ่งเป็นการเร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย และทำให้ผิวอักเสบ ดูหมองคล้ำง่ายมากขึ้น

                                                 

                                                ยกหน้ายับ อัปผิวเด็ก ด้วยโปรแกรม FIXLIFT 

                                                ทำความรู้จักโปรแกรม FIXLIFT คืออะไร ?

                                                โปรแกรม FIXLIFT คือ โปรแกรมยกกระชับที่ผสาน 2 เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ได้แก่ เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) และไมโครนีดลิ่ง (Microneedling) โดยคลื่นวิทยุ RF จะส่งพลังงานความร้อนไปในชั้นผิวหนัง โดยเฉพาะชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ชั้นผิว (Subcutaneous Fat) ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน พร้อมช่วยให้คอลลาเจนจัดเรียงตัวใหม่ โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนเกิดความเสียหาย หรือเกิดผิวไหม้ ผิวเบิร์นหลังทำ ซึ่งจะทำร่วมกับเทคโนโลยี Microneedling ที่ประกอบไปด้วย หัวทิปที่เป็นเข็มขนาดเล็กเคลือบทองคำ “Golden Micro Pins” จำนวน 24 เข็มสำหรับผิวหน้า และ 40 เข็มสำหรับลำตัว เจาะลงไปยังผิวหนังเพื่อสร้างบาดแผลในชั้นผิว ทำให้ร่างกายของเราเกิดการซ่อมแซมตัวเอง โดยการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ 

                                                ซึ่งการผสมผสานของ 2 เทคโนโลยีนี้ ทำให้โปรแกรม FIXLIFT สามารถยิงพลังงานโฟกัสได้ในทุกชั้นผิว ปรับระดับความลึกของพลังงานได้ ตั้งแต่ 0.5 ไปจนถึง 4 มิลลิเมตรสำหรับใบหน้า และสูงสุด 7 มิลลิเมตรสำหรับลำตัว ส่งผลให้ผิวที่เหี่ยวย่นกลับมาแน่นกระชับ เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ แก้ปัญหาหน้ายับ ผิวหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งใบหน้า ลำคอ และลำตัว

                                                 

                                                โปรแกรม FIXLIFT มีข้อดีอย่างไร ?

                                                • โปรแกรม FIXLIFT สามารถส่งพลังงานลงลึกได้ทุกระดับชั้นผิว
                                                • โปรแกรม FIXLIFT สามารถยกกระชับผิวให้เรียบเนียน จัดการรอยเหี่ยวย่นให้เรียบตึง ทั้งผิวหน้า และลำตัว
                                                • โปรแกรม FIXLIFT สามารถลดเลือนริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ ให้ตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
                                                • โปรแกรม FIXLIFT สามารถปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ แก้ปัญหาเม็ดสีใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวดูสว่าง กระจ่างใส
                                                • โปรแกรม FIXLIFT สามารถลดไขมัน ลดแก้ม เหนียง และคางสองชั้นได้อย่างตรงจุด
                                                • โปรแกรม FIXLIFT สามารถรักษาได้ทุกโทนสีผิว โดยไม่ทำให้ผิวไหม้ ผิวเบิร์น
                                                • โปรแกรม FIXLIFT ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
                                                • โปรแกรม FIXLIFT มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US FDA และ TH FDA

                                                 

                                                หยุดผิวยับได้แล้ววันนี้ ที่ รมย์รวินท์คลินิก

                                                สำหรับใครที่มีปัญหาหน้ายับ ผิวเหี่ยวย่น ดูแก่กว่าวัย โปรแกรม FIXLIFT คือทางออก! ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ สามารถจัดการได้หมดทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแบบไหนก็เรียบได้ ไม่ต้องทนอยู่กับหน้ายับแบบเดิม ๆ อีกต่อไป สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้แล้ววันนี้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา ด้วยทีมแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจ ด้านโครงสร้างผิวหน้าโดยเฉพาะ สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด เพื่อให้ผิวกลับมากระชับ มั่นใจ ไม่มียับแน่นอน

                                                ซ่อมหลุมสิว จบปัญหา “ผิวดวงจันทร์” คุณเต้ PowerPuff GAY

                                                NuPico MLA เต้ Power Puff Gay หลุมสิว

                                                ซ่อมหลุมสิว จบปัญหา “ผิวดวงจันทร์”

                                                 

                                                คุณเต้ พัฒนากร อดิเรกเกียรติ หรือ คุณเต้ PowerPuff GAY บุกรมย์รวิท์คลินิก ทวงคืนผิวหน้าเนียน! วันนี้เต้มาบุกรมย์รวินท์คลินิกถึงที่เลยครับ จะมาทวงคืนผิวหน้าเนียนใสให้ตัวเอง เพราะเต้ได้ข่าวว่าที่นี่มีตัวช่วยรักษาหลุมสิวแบบตรงจุดมากกก ก็เลยจะมาลองซักหน่อยว่าจะดีแค่ไหน พิสูจน์ด้วยหน้าของเต้เองเนี่ยแหละครับ 

                                                 

                                                NuPico MLA เต้ Power Puff Gay หลุมสิว
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                 

                                                เต้เป็นคนหนึ่งที่ผิวหน้าเนียนเรียบ เพราะตอนเป็นสิวมันอดใจไม่ไหวชอบเอามือไปบีบ หรือไม่ก็ไปซื้อที่กดสิวมากดเองประจำผลก็เลยเป็นอย่างที่เห็นครับ หน้าเป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนผิวดวงจันทร์จนนาซาจะถามหาแล้วตอนนี้ ก็เลยต้องมาที่รมย์รวินท์คลินิกให้คุณหมอแวว (พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์) ช่วยซ่อมหน้าของเต้ให้หน่อยครับ 

                                                 

                                                คุณหมอแววเลยจัด NU PICO MLA ให้เต้เลยครับ คุณหมอแววบอกว่าเลเซอร์นี้เป็นหนึ่ง Nu Pico Laser โดยใช้เลนส์ MLA หรือ Micro Lens Array ซึ่งเป็นเลนส์ที่ใช้ในการรักษาพวกหลุมสิวโดยเฉพาะเลยครับ โดยเลเซอร์นี้จะยิงลงสู่ชั้นผิวลึก เพื่อไปตัดพังผืดในผิวที่มันยึดกันจนเป็นหลุมสิวออก และเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้น ทำให้หลุมสิวของเรามันตื้นขึ้นครับ 

                                                 

                                                จากหน้าหลุมผิวพระจันทร์วันนี้เหมือนถูกลาดยางมะตอยแล้ว (หัวเราะ) ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้เลยคือหลุมสิวของเต้มันตื้นขึ้นเลย และรูขุมขนของเราก็ดูกระชับมากขึ้น เสริมความมั่นใจมากขึ้น ใครที่มีผิวหน้าแบบเต้ มีหลุมสิว มีปัญหาต่างๆ ทำให้ไม่มั่นใจมาเลยครับที่รมย์รวินท์คลินิก เต้พิสูจน์แล้วว่ามันดีจริงๆ ครับ 

                                                 

                                                NuPico MLA เต้ Power Puff Gay หลุมสิว
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                หลุมสิวเกิดจากอะไร

                                                • หลุมสิวเกิดจากการเกิดสิวอักเสบรุนแรงและมีการติดเชื้อในชั้นผิวหนังและไปทำลายเนื้อเยื่อและคอลลาเจนในชั้นผิวจนเกิดเป็นหลุมสิว
                                                • หลุมสิวเกิดจากพฤติกรรมการบีบ แคะ หรือแกะสิวเอง โดยทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บและอาจติดเชื้อจากมือที่สัมผัสแผลนั้นทำให้เกิดการอักเสบและเกิดเป็นหลุมสิว
                                                • หลุมสิวเกิดจากการสมานแผลที่ไม่สมบูรณ์ โดยเมื่อมีแผลที่หายจากสิวและเกิดการสร้างคอลลาเจนมาสมานผิวไม่เพียงพอทำให้เกิดเป็นร่องหลุมสิว
                                                • หลุมสิวเกิดจากความรุนแรงของสิว โดยการเป็นสิวอักเสบเป็นระยะเวลานานและไม่ได้รับการรักษาทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นถูกทำลายมากขึ้น และบริเวณนั้นสูญเสียคอลลาเจนในการฟื้นฟูผิวไปทำให้เกิดเป็นหลุมสิว
                                                • หลุมสิวเกิดจากพันธุกรรม ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสิวอักเสบรุนแรงแต่การฟื้นฟูไม่ดีเท่ากับคนทั่วไป ทำให้มีโอกาสเป็นหลุมสิวได้ 

                                                 

                                                หลุมสิวมีกี่ประเภท

                                                • หลุมสิวแบบตื้น (Rolling Scar) คือหลุมสิวที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการอักเสบของผิวที่ไม่รุนแรงมากนัก มีลักษณะเป็นหลุมตื้นๆ ขอบหลุมไม่ชัดเจนมากนัก สามารถรักษาได้ง่ายที่สุด
                                                • หลุมสิวแบบกล่อง (Boxcar Scar) หลุมสิวชนิดนี้เกิดจากสิวที่มีการอักเสบค่อนข้างรุนแรงและขากคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ขอบหลุมมีลักษณะเป็นเหลี่ยมชัดเจน 
                                                • หลุมสิวแบบจิกลึก (Ice Pick Scar) เป็นหลุมสิวที่รักษายากที่สุด เพราะมีลักษณะเล็ก แคบ และลึกที่สุด เกิดจากการเป็นสิวอักเสบรุนแรง และติดเชื้อทำให้เข้าไปทำลายเนื้อเยื่อใต้ผิวบริเวณนั้นจนทำให้เกิดเป็นหลุมสิวในที่สุด 

                                                 

                                                NU PICO MLA คืออะไร

                                                NU PICO MLA หรือ Micro Lens Array ซึ่งเป็นเลนส์หนึ่งของ Nu Pico Laser ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาเรื่องหลุมสิวอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการยิงเลเซอร์ที่มีพลังงานสูง และปล่อยพลังงานในระยะสั้นๆ ทะลุลงสู่ผิวหนังชั้นลึก และมีความแม่นยำแต่ไม่ทำลายผิวหนังชั้นบน เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ชั้นผิวให้เกิดการจัดเรียงตัวที่เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวตื้นและเรียบเนียนขึ้น 

                                                 

                                                NU PICO MLA ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

                                                • NU PICO MLA ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
                                                • NU PICO MLA ช่วยลดรอยแดงรอยดำ และแผลเป็นจากสิว 
                                                • NU PICO MLA ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำให้จางลง ทำให้ผิวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น 
                                                • NU PICO MLA ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระชับรูขุมขน 
                                                • NU PICO MLA ช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ ให้จางลง ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น 

                                                 

                                                NU PICO MLA เหมาะกับใครบ้าง

                                                • NU PICO MLA เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว
                                                • NU PICO MLA เหมาะกับผู้ที่มีฝ้า กระ จุดด่างดำ
                                                • NU PICO MLA เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน
                                                • NU PICO MLA เหมาะกับผู้่ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
                                                • NU PICO MLA เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยตื้นๆ
                                                • NU PICO MLA เหมาะกับผู้ที่มีรอยแดง รอยดำจากสิว
                                                • NU PICO MLA เหมาะกับผู้ที่มีแผลเป็นจากสิว

                                                 

                                                NuPico MLA เต้ Power Puff Gay หลุมสิว
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                 

                                                ปัญหาหลุมสิว ผิวไม่เนียนเรียบ หรือปัญหาผิวแบบใด สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขาเลยนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นค่ะ 

                                                อวดผิวไบร์ท ทลายฝ้า ก่อนฉลองคริสต์มาส

                                                คริสต์มาส

                                                อวดผิวไบร์ท ทลายฝ้า ก่อนฉลองคริสต์มาส

                                                Ho Ho Ho! ใกล้เข้ามาแล้ว กับเทศกาลคริสต์มาสที่ทุกคนรอคอย ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความสุขที่ทุกคนล้วนเฉลิมฉลอง ออกมาปาร์ตี้ และออกมาทำคอนเทนต์ ถ่ายรูปสวย ๆ กันแบบจัดเต็ม แต่ไม่ว่าจะดูแลผิวหน้าแค่ไหน ผิวหน้าของเราก็ดูเหมือนจะยังไม่พร้อมอยู่ดี มีทั้งฝ้าแดด ฝ้าตื้น ฝ้าลึกเต็มไปหมด 

                                                ถึงเวลาแล้วที่จะทวงคืนผิวใส ปลุกความไบร์ทให้ผิวในทุกระดับ ไม่ต้องกลัวกล้องสด ไม่ต้องขอพรจากซานต้าอีกต่อไป เตรียมมีผิวใหม่ บอกลาฝ้ากวนใจ เปล่งประกาย จนใคร ๆ ต้องหันมามอง พร้อมออกไปเฉิดฉายในทุกปาร์ตี้ ทำคอนเทนต์ให้ทันก่อนคริสต์มาสนี้ ผิวสวยเหมือนรีทัชกริบทุกงานผิว แค่มาที่ รมย์รวินท์คลินิก

                                                 

                                                กู้ผิวครบสูตรจบทุกปัญหาฝ้า ด้วย NUPICO BRIGHT
                                                กู้ผิวครบสูตรจบทุกปัญหาฝ้า ด้วย NUPICO BRIGHT

                                                ฝ้า คืออะไร?

                                                ฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในผู้หญิง มักมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อน ไปจนถึงน้ำตาลเข้มบนผิวหนัง ซึ่งเกิดจากเซลล์เม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติ ทำให้เม็ดสีผลิตออกมามากจนเกินไป จนสะสมรวมกันเป็นกลุ่ม ทำให้เกิดเป็นฝ้าบนผิวหนัง สามารถเห็นได้ชัดในบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก คาง เหนือริมฝีปาก หรือจมูก 

                                                ฝ้า มีกี่ประเภท?

                                                • ฝ้าตื้น

                                                ฝ้าตื้น (Epidermal melasma) เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้มถึงดำ สามารถเห็นขอบได้อย่างชัดเจน และรักษาได้ง่ายกว่าประเภทอื่น ๆ

                                                • ฝ้าลึก

                                                ฝ้าลึก (Dermal melasma) เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ (Dermis) มีลักษณะเป็นสีม่วงอมน้ำเงิน เห็นขอบไม่ชัดเจน มักกระจายตัวเป็นบริเวณกว้าง และรักษาได้ยากกว่าฝ้าตื้น

                                                • ฝ้าแดด

                                                ฝ้าแดด (Sunburn) เป็นฝ้าที่เกิดจากการที่ผิวหนังโดนแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้เซลล์เม็ดสีเมลานินผลิตออกมาปริมาณมากและสะสมกัน จนเกิดเป็นรอยด่างสีน้ำตาลเข้ม หรืออมเทาม่วงบนผิวหนัง

                                                • ฝ้าเลือด

                                                ฝ้าเลือด (Vascular melasma) เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นในผู้ที่มีฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง ผิวบอบบาง ไวต่อแสงแดด ทำให้ผิวมีสีแดง หรือมีรอยแดงคล้ายเส้นเลือด มักพบร่วมกับฝ้าแดด

                                                ฝ้า เกิดจากอะไร?

                                                • แสงแดด 

                                                ฝ้าเกิดจากแสงแดด โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เซลล์ผลิตเม็ดสีเมลานินทำงานมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้ง่าย

                                                • ฮอร์โมน 

                                                ฝ้าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ระหว่างตั้งครรภ์ หรือการใช้ยาคุมกำเนิด ทำให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนสูงเกินไป อาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้

                                                • พันธุกรรม

                                                ฝ้าเกิดจากพันธุกรรม สำหรับผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นฝ้ามาก่อน ก็มีโอกาสที่จะเป็นฝ้าได้สูงขึ้น

                                                • สารเคมีในเครื่องสำอาง

                                                ฝ้าเกิดจากสารเคมีในเครื่องสำอาง ที่ส่งผลให้ผิวบางลง ทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น และกระตุ้นให้เกิดฝ้าใหม่เพิ่มขึ้น เช่น สารปรอท สารสเตียรอยด์

                                                • อายุ

                                                ฝ้าเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากร่างกายเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้ผิวหนังของเราบางลง มีความไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้

                                                NU PICO BRIGHT กู้ผิวครบสูตร จบทุกปัญหาฝ้า

                                                NU PICO BRIGHT คืออะไร?

                                                NU PICO BRIGHT เทคโนโลยี Picosecond Laser รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่มีพลังงานคลื่นแสงแบบเฉพาะเจาะจง มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร มีความถี่ในระยะเวลา 750 พิโควินาที โดยจะปล่อยลำแสงเลเซอร์ เพื่อนกำจัดเม็ดสีเมลานินที่มีความผิดปกติ ให้แตกตัวออกเป็นเม็ดเล็ก ๆ และจางหายไปในที่สุด  มีความอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการสะสมความร้อนใต้ชั้นผิว จึงมีความปลอดภัยสูง หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องมีการพักฟื้น

                                                NU PICO BRIGHT มีข้อดีอะไรบ้าง?

                                                • NU PICO BRIGHT ช่วยลดปัญหาฝ้ากระ จุดด่างดำ
                                                • NU PICO BRIGHT ช่วยให้ผิวสว่าง กระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ
                                                • NU PICO BRIGHT ช่วยให้รูขุมขนกระชับ ผิวมีความเรียบเนียนมากขึ้น
                                                • NU PICO BRIGHT ช่วยลดรอยแดง รอยดำจากสิว
                                                • NU PICO BRIGHT เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
                                                • NU PICO BRIGHT ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่ต้องมีการแปะยาชาใด ๆ
                                                • NU PICO BRIGHT ไม่ตกสะเก็ด ไม่ทิ้งรอยแผลไว้หลังทำ
                                                • NU PICO BRIGHT ไม่ทำให้เกิดการเลือดออกใต้ผิวหลังทำ

                                                อยากผิวใส ไม่ต้องรอซานต้าพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ รมย์รวินท์คลินิก

                                                สำหรับใครที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำกวนใจ แต่ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา ด้วยโปรแกรม NU PICO BRIGHT ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเคลียร์ฝ้า ใช้หน้าเร่งด่วน หลังทำ NU PICO BRIGHT เสร็จแล้ว หน้าไม่แดง ไม่เบิร์น ไม่ตกสะเก็ด สามารถออกไปฉลองคริสต์มาสต่อได้เลย ไม่ว่าเทศกาลไหนก็ไม่หวั่น พร้อมอวดหน้าใส แบบไม่ต้องขอพรจากซานต้า

                                                 Ultherapy เคล็ดลับหน้ายกกระชับจนคนไม่รู้อายุจริง ของคุณนาเดียร์

                                                Ultherapy คุณนาเดียร์

                                                Ultherapy เคล็ดลับหน้ายกกระชับจนคนไม่รู้อายุจริง ของคุณนาเดียร์

                                                 

                                                เห็นหน้าค่าตาของคุณนาเดีย โสภณกุล ในจอทีวีมามากมาย ทั้งละคร และพิธีกร จนหายหน้าหายตาไปจากวงการอยู่พักใหญ่ เข้าสู่โหมดคุณแม่อย่างเต็มตัวแล้ว คราวนี้พอมีโอกาสได้เห็นคุณนาเดียตามสื่ออีกครั้งก็พอจะทำให้แฟนคลับของคุณนาเดียคลายความคิดถึงกันไปได้บ้าง แต่การกลับมาคราวนี้ คุณนาเดียยังเหมือนเดิมเป๊ะ สวยไม่เปลี่ยนแปลงเลย และดูเหมือนว่าจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมด้วยนะคะเนี่ย

                                                 

                                                พอมีเวลาว่างๆ ก็หนีลูกมาอีกแล้วค่า (หัวเราะ) หนีลูกมาผ่อนคลายตัวเองด้วยการทำสวยค่ะ ถึงจะเป็นคุณแม่แล้วก็ตามนาเดียจะไม่ยอมแก่เด็ดขาด เขาว่าผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้น ยิ่งต้องสวยให้สุดค่ะ ตอนที่เรายังวัยรุ่น ยังอายุน้อยกว่านี้ ผิวหน้ามันยังมีความอ่อนเยาว์อยู่ ไม่มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยของใบหน้า แต่ตอนที่ยังอยู่ในวงการบันเทิง นาเดียก็ต้องแต่งหน้าบ่อยๆ ก็จะได้เคล็ดลับการบำรุงผิว การดูแลตัวเองจากช่างแต่งหน้าบ้าง จากรุ่นพี่บ้างอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นาเดียอยู่ในโหมดของการเป็นคุณแม่อย่างเต็มตัว จะต้องทำงานด้วย เลี้ยงลูกด้วย และด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ก็ย่างเข้าเลข 4 ก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม อย่างพวกความเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ริ้วรอยนี่เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยค่ะ และเมื่อเราหลีกเลี่ยงมันไม่ได้เราก็ต้องหาวิธีการหยุดมันแทนค่ะ

                                                 

                                                นาเดียก็ได้รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะที่เป็นผู้ช่วยดูและเรื่องผิว และริ้วรอย ความเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยให้นาเดียค่ะ นาเดียได้รู้จักกับที่นี่เพราะเพื่อนๆ และคนรู้จักแนะนำมาค่ะ บวกกับนาเดียได้ยินชื่อเสียงของที่นี่มานานแล้ว เพราะเขาเปิดมาแล้วถึง 21 ปี และมีสาขาทั่วประเทศถึง 28 สาขาเลยค่ะ นาเดียรู้ได้เลยว่าที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยจะต้องเป็นตัวจริงแน่นอนเปิดมายาวนานและมีชื่อเสียงถึงขนาดนี้ นาเดียเลยวางใจเลยค่ะ

                                                 

                                                Ultherapy เคล็ดลับหน้ายกกระชับจนคนไม่รู้อายุจริง

                                                 

                                                วันนี้ว่างนาเดียก็แอบแว๊บมาที่รมย์รวินท์คลินิกอีกแล้วค่ะ ครั้งนี้นาเดียปรึกษากับคุณหมอว่านาเดียอยากจัดการเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อยให้มันคงผลลัพธ์ระยะยาว เพราะอย่างที่บอกเป็นคุณแม่ด้วย ทำงานด้วยก็จะค่อนข้างยุ่ง เมื่อมีโอกาสก็ขอจัดเต็มนิดนึงค่ะ ก่อนเลือกโปรแกรมคุณหมอใช้เทคนิค Lifting Select ช่วยวิเคราะห์ผิวให้นาเดียผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก ซึ่งเทคนิคนี้จะทำให้เราสามารถประเมินผิวหน้า และมองเห็นถึงปัญหาของผิว เพื่อเลือกโปรแกรมในการรักษาที่ตอบโจทย์มากที่สุดค่ะ 

                                                 

                                                คุณหมอบอกว่าสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย อยากยกกระชับผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอยให้ผลลัพธ์ระยะยาวต้อง Ultherapy ตัวนี้เลยค่ะ เพราะ Ultherapy เป็นโปรแกรมยกกระชับที่ใช้พลังงาน Focus Ultrasound ลงสู่ชั้นผิวได้ลึกถึงชั้น SMAS เลยนะคะ ซึ่งต้องบอกว่าชั้น SMAS คือชั้นที่แพทย์นิยมใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมยกกระชับ หรือดึงหน้า ซึ่งเราไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นเลย เพราะ Ultherapy ทำให้เรายกกระชับได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว หรือใช้เวลาในการพักฟื้นเลยค่ะ และ Ultherapy มีจอแสดงภาพชั้นผิวทุกชั้นได้แบบเรียลไทม์ เพื่อแก้ปัญหาผิวได้อย่างแม่นยำ และตรงจุด Ultherapy ยิงพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว ให้เกิดการหดตัว และเรียงตัวกันใหม่อย่างเป็นระเบียบที่ช่วยให้ผิวแน่นมากยิ่งขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ผิวหน้าแน่นยกกระชับ และ Ultherapy ยังช่วยยกเก็บกรอบหน้าให้กระชับ เรียว มีมิติมากขึ้น หมดปัญหาเรื่องหน้าหย่อนคล้อย Ultherapy ช่วยเติมเต็มผิว ลดเลือนริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการแสดงสีหน้าสีตา ทั้ง หน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตาที่มีเริ่มมีตีนกาตอนนี้กระเด็นไปไกลแล้วค่ะ และพวกร่องแก้ม ร่องน้ำหมากที่เคยลึกก็ตื่นขึ้นและ ตอนนี้ดูเด็กลงมากเหมือนตอนนาเดียเพิ่งเข้าวงการมาใหม่ๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) อ่อ! และ Ultherapy ยังให้ผลลัพธ์หน้ายกกระชับ อ่อนเยาว์ได้ยาวนานถึง 2 ปีเลยนะคะ แบบนี้เหมาะกับคนที่อยากยกกระชับ หน้าเด็กแต่ไม่ค่อยมีเวลาแบบนาเดียมากเลยค่ะ และนาเดียก็อยากให้ทุกคนมาลองทำ Ultherapy ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะคะ 

                                                 

                                                อยากสวย ผิวยกกระชับหน้าอ่อนเยาว์ จัดการกับความหย่อนคล้อยต้อง Ultherapy เลยค่ะ แต่จะเลือกทำทั้งทีต้องเลือกกับคลินิกเสริมความงาม หรือแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญนะคะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ Ultherapy ปลอมระบาดกันมากมายค่ะ อย่างนาเดียจะเลือกทำหัตถการ หรือเสริมสวยก็จะนึกถึงรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ Ultherapy เครื่องแท้ ได้มาตรฐานแน่นอน และยังมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำ ปรึกษาทั้งก่อนและหลังทำด้วยนะคะ นาเดียไว้ใจให้รมย์รวินท์คลินิกเป็นตัวจริงเรื่องผิวเลยค่ะ 

                                                 

                                                • Ultherapy ช่วยลดความหย่อนคล้อยยกให้ใบหน้า
                                                • Ultherapy ช่วยทำให้ผิวหน้ายกกระชับ
                                                • Ultherapy ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก 
                                                • Ultherapy ช่วยให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
                                                • Ultherapy ช่วยให้มีผลลัพธ์ความอ่อนเยาว์ที่ยาวนาน
                                                • Ultherapy ช่วยฟื้นฟูผิว เสริมสร้างให้ผิวมีคุณภาพดี

                                                 

                                                ใครที่มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยของใบหน้า ต้องการมีผิวยกกระชับ สวยแบบไม่เสี่ยง มาปรึกษาและประเมินผิวกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านผิวพรรณได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทั้ง 28 สาขาได้เลยนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ 

                                                คุณฟรอยด์พาคุณแม่มาจัดการฝ้าฝังลึกด้วย NU PICO BRIGHT 

                                                NU PICO BRIGHT

                                                คุณฟรอยด์พาคุณแม่มาจัดการฝ้าฝังลึกด้วย NU PICO BRIGHT 

                                                 

                                                จะหล่อดูดีคนเดียวไม่ได้ คนข้างกายต้องดูดีด้วย คุณฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ เลยถือโอกาสนี้พาคุณแม่บุษบา มาเสริมสวยที่รมย์รวินท์คลินิกแบบแพ็กคู่ ให้ดูดีไปด้วยกันเลยน่ารักจริงๆ เลยค่ะ

                                                 

                                                ฝ้า ปัญหาหนักใจของคุณแม่บุษบา

                                                NU PICO
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                ปัญหาที่หนักใจของแม่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องฝ้าค่ะ เพราะอายุที่มากขึ้นทำให้ผิวเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ผิวหน้าเราก็บางลง ยิ่งมาเจอแดด ฝุ่น มลภาวะ ทำให้ผิวของเราบางลง เกิดเป็นริ้วรอย ฝ้า จุดด่างดำได้ง่ายขึ้นค่ะ ยิ่งแดดประเทศไทยร้อนแรงมาก ปัญหาฝ้าก็ยิ่งบานปลายมากค่ะ สำหรับแม่การทาครีมทาฝ้าก็คงจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่แล้วค่ะ ตอนที่ฟรอยด์บอกว่าจะพาแม่ไปทำสวย แม่ก็ดีใจค่ะ แม่อยากทำ เป็นผู้หญิงก็อยากสวยเป็นธรรมดาแหละค่ะ ถึงแม้อายุจะมากแล้วก็ยังอยากดูดี ดูมั่นใจมากขึ้นค่ะ และวันนี้ก็ได้คุณหมอแวว (พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู) ช่วยดูแลเรื่องผิวให้แม่ค่ะ 

                                                 

                                                NU PICO
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                จัดการปัญหาฝ้าให้คุณแม่บุษบาด้วย NU PICO BRIGHT

                                                สำหรับปัญหาผิวของคุณแม่จากที่หมอบีบีประเมินนะคะ คุณแม่บุษบามีปัญหาเรื่องฝ้าที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น และยังมีกระแดด และกระกรรมพันธุ์ ซึ่งวันนี้หมอบีบีก็จะใช้เครื่อง NU PICO BRIGHT ช่วยรักษาปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่ง NU PICO BRIGHT ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ สำหรับการดูแลฝ้า กระ จุดด่างดำค่ะ และ NU PICO BRIGHT ยังช่วยทำให้คุณภาพผิวของคุณแม่บุษบาดีขึ้นได้อีกด้วยค่ะ เพราะ NU PICO BRIGHT ช่วยกระชับรูขุมขน กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น และไม่ใช่แค่ฝ้า กระ ที่จางลง แต่ NU PICO BRIGHT ยังช่วยทำให้สีผิวสม่ำเสมอกันได้อีกด้วยค่ะ ไม่ทำให้เลือดสาด หรือเลือดออกใต้ผิวหนังเลยค่ะ ทำ NU PICO BRIGHT เสร็จสามารถใช้หน้าต่อได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นค่ะ 

                                                 

                                                NU PICO
                                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                ผลลัพธ์หลังทำ NU PICO BRIGHT ของคุณแม่บุษบา

                                                หลังจากทำ NU PICO BRIGHT แม่รู้สึกว่าฝ้า กระ จางลงมาก สีผิวมันดูสม่ำเสมอ และผิวยังดูเนียนขึ้นกว่าก่อนทำด้วยค่ะ ตอนทำรู้สึกเจ็บน้อยกว่าที่คิด ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเลือดออกเลยค่ะ เพราะคุณหมอบอกหลังทำหน้าจะแดงนิดๆ และก็จะค่อยๆ จางไปเองค่ะ ตอนนี้แม่รู้สึกว่าตัวเองสวยมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ (ยิ้ม) ใครมีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำแบบแม่ต้องมาลองทำ NU PICO BRIGHT ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะคะ 

                                                 

                                                ทำความรู้จักกับ NU PICO BRIGHT 

                                                โปรแกรม NU PICO BRIGHT รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยพลังงานเลเซอร์คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร และมีความเฉพาะเจาะจงไปที่เม็ดสีผิวเมลานินที่ผิดปกติให้เกิดการแตกตัวออกเป็นเม็ดเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายกำจัดออกได้โดยง่าย โดย และไม่ต้องห่วงว่าเมื่อทำเสร็จจะทำให้เกิดเลือดออกใต้ผิวหนัง เพราะ NU PICO BRIGHT เป็นเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยน โดยจะเลือกใช้พลังงานที่เหมาะสมกับสภาพของผิวหน้า สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องแปะยาชา หลังทำ NU PICO BRIGHT อาจจะทำให้หน้าแดงระเรื่อ อมชมพูเล็กน้อย ไม่ต้องพักฟื้นใบหน้า สามารถแต่งหน้าได้ เหมาะสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้หน้าทันที

                                                 

                                                ทำไมถึงแนะนำให้ทำ NU PICO BRIGHT 

                                                • NU PICO BRIGHT ช่วยจัดการปัญหาเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ 
                                                • NU PICO BRIGHT ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
                                                • NU PICO BRIGHT ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอกัน
                                                • NU PICO BRIGHT เลเซอร์ที่อ่อนโยนไม่ทำให้เลือดออกใต้ผิวหนัง 
                                                • NU PICO BRIGHT ก่อนทำการรักษาไม่ต้องแปะยาชาก่อนทำ
                                                • NU PICO BRIGHT ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น และไม่ทำให้หน้าตกสะเก็ด 
                                                • NU PICO BRIGHT หลังทำไมต้องพักหน้า สามารถใช้หน้าต่อได้ทันที

                                                 

                                                ยกขบวนความสุขส่งท้ายปี กับ “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต

                                                “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต

                                                รมย์รวินท์คลินิก ยกขบวนความสุขส่งท้ายปี กับ “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต

                                                 

                                                รมย์รวินท์คลินิก ได้จัดกิจกรรมพิเศษส่งท้ายปีในงาน “Oligio Day” ณ สาขาเซ็นทรัล ภูเก็ต ชั้น 3 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ที่รักความสวยความงาม โดยภายในงานมาพร้อมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ลดสูงสุดถึง 70% สำหรับโปรแกรม Oligio นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้าสุดล้ำที่ช่วยฟื้นคืนความมั่นใจให้กับทุกคน เมื่อวันที่ 13-14 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

                                                 

                                                “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต
                                                “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต

                                                ไฮไลต์พิเศษภายในงาน

                                                 

                                                งานนี้ไม่ได้มีดีแค่โปรโมชั่น แต่ยังได้รับเกียรติจาก “นายแพทย์ประภัสร์ กลิ่นสุคนธ์” หรือ “หมอต้น” แพทย์ผู้มีความรู้เฉพาะด้านยกกระชับ ที่บินตรงมาดูแลผู้ใช้บริการถึงที่ ให้คำปรึกษาแบบใกล้ชิด ช่วยให้ผู้เข้ารับบริการมั่นใจในผลลัพธ์ของการดูแลผิวหน้าด้วย Oligio พร้อมทีมผู้มีความรู้และประสบการณ์ที่คอยให้บริการและคำแนะนำอย่างอบอุ่น

                                                 

                                                บรรยากาศภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นการรับคำปรึกษาฟรี การสาธิตวิธีการยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่อง Oligio รวมไปถึงการแจกของขวัญและส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จองคอร์สในวันงาน

                                                ซึ่งหลายคนต่างกล่าวชื่นชมในบริการและผลลัพธ์ที่ได้รับจากการดูแล โดยทีมแพทย์ของรมย์รวินท์คลินิก รวมถึงโปรโมชั่นที่ช่วยให้การยกระดับความมั่นใจ กลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น

                                                 

                                                “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต
                                                “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต

                                                ทำไมต้องทำ Oligio?

                                                 

                                                โปรแกรม Oligio เป็นเทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้าอย่างปลอดภัย ด้วยพลังงานคลื่น RF ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ชั้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้คือ กรอบหน้าคมชัดมากขึ้น และยังช่วยเผยผิวหน้าเรียบเนียน ผิวยกกระชับ ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า รวมไปถึงเหนียงยุบลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเทคโนโลยีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้กระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาในการทำไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น

                                                 

                                                “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต
                                                “Oligio Day” ที่สาขาภูเก็ต

                                                 

                                                สำหรับใครที่พลาดโอกาสกิจกรรมดี ๆ ช่วงสิ้นปี 2567 ในครั้งนี้ รมย์รวินท์คลินิกยังเตรียมความพิเศษอีกมากมาย ให้คุณได้ร่วมสัมผัสตลอดปี 2568 ทั้งโปรโมชั่นสุดคุ้ม กิจกรรมเพื่อความงามสุดพิเศษ และบริการใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้คุณดูดีและมั่นใจในทุกมิติของความงาม 

                                                 

                                                ไม่ว่าคุณจะต้องการดูแลผิวหน้า รูปร่าง หรือเสริมความมั่นใจในทุกด้าน รมย์รวินท์คลินิกพร้อมเคียงข้างคุณในทุกช่วงเวลาความสวย มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา และสร้างความเปลี่ยนแปลงในแบบที่คุณต้องการ

                                                 

                                                เพื่อไม่พลาดข่าวสารดี ๆ และโปรโมชั่นสุดพิเศษ สามารถติดตามเราได้ที่ 

                                                • เว็บไซต์: www.romrawin.com รวมข้อมูลบริการ โปรโมชั่น และบทความด้านความงามที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณ
                                                • Facebook: Romrawin Clinic อัปเดตข่าวสารล่าสุด พร้อมเคล็ดลับการดูแลตัวเอง
                                                • Line Official: @romrawin รับข่าวสาร โปรโมชั่น และสอบถามข้อมูลบริการได้สะดวกทันใจ

                                                อย่าหาทำ! เครื่อง HIFU ปลอมเองที่บ้าน ถ้าไม่อยากหน้าพังตลอดชีวิต

                                                อันตรายทำเอง HIFU ที่บ้าน

                                                อย่าหาทำ! เครื่อง HIFU ปลอมเองที่บ้าน ถ้าไม่อยากหน้าพังตลอดชีวิต

                                                 

                                                เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญในวงการความงาม ซึ่งกำลังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล เมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่ง ออกมาทำคอนเทนต์ โพสต์คลิปวิดีโอขณะทำการยกกระชับผิวหน้าด้วยเครื่อง HIFU เองที่บ้าน โดยไม่ได้ผ่านการดูแลจากแพทย์ ซึ่งสร้างความตกใจให้กับผู้คนในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ล่าสุดแพทย์หลายท่าน ได้ออกมาเตือนภัยถึงอันตรายจากการกระทำในครั้งนี้ และเปิดเผยว่า เครื่อง HIFU ที่อยู่ในคลิปวิดีโอนั้น เป็นเครื่องปลอม ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย. ซึ่งลักษณะเครื่องภายนอก มีการลอกเลียนแบบเครื่อง Ulthera ที่เป็นเครื่องยกกระชับที่ใช้ในคลินิกความงามชั้นนำทั่วไป 

                                                ทั้งนี้ นอกจากการใช้เครื่อง HIFU ปลอมจะเสี่ยงอันตรายสูงแล้ว การนำเครื่อง HIFU หรือเครื่องมือทางการแพทย์มาใช้งานเองที่บ้าน โดยไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ หรือไม่มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้งานอย่างถูกต้อง ก็ส่งผลกระทบให้เกิดอันตรายต่อผิวหน้าอย่างร้ายแรงเช่นกัน ทั้งผิวไหม้ ผิวแดง เกิดรอยช้ำ และในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้ผิวหน้าเหี่ยวกว่าเดิม เส้นประสาทเสียหาย หรือเกิดการติดเชื้อได้ ดังนั้น เหตุการณ์นี้ จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การทำหัตถการความงาม ควรอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                 

                                                HIFU ปลอม อันตรายจริงไหม? ทำไมถึงไม่ควรทำ HIFU เองที่บ้าน? 

                                                อันตรายจาก HIFU ปลอม

                                                เครื่อง HIFU ปลอม อันตรายอย่างไร?

                                                เครื่อง HIFU ปลอม ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงมากมายที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น พลังงานไม่สม่ำเสมอ ปล่อยความร้อนที่สูงเกินไป และเทคนิคการทำที่ไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวหน้า ดังนี้

                                                • ผิวไหม้ 

                                                การใช้เครื่อง HIFU ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพต่ำนั้น มักมาพร้อมกับระบบควบคุมพลังงานที่ไม่ดี ทำผลให้พลังงานที่ส่งไปยังผิวหนังของเราไม่เสถียร และไม่สม่ำเสมอ บางจุดอาจได้รับพลังงานความร้อนสูงเกินไป จนทำให้เกิดรอยแดง ผิวไหม้ ผิวเบิร์น หรือแผลพุพองบนผิวหนังได้

                                                • หน้าบวมช้ำ 

                                                การใช้เครื่อง HIFU ปลอม สามารถทำให้เกิดอาการหน้าบวมช้ำได้ เนื่องจากพลังงานที่ปล่อยออกมาไม่เสถียร และมีระดับความร้อนที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการสะสมของพลังงานในชั้นผิวหนังมากเกินไป ส่งผลให้ผิวอักเสบ จนเกิดอาการบวม และช้ำใต้ผิวได้

                                                • หน้าเหี่ยวกว่าเดิม

                                                การใช้เครื่อง HIFU ปลอมนั้น อาจไม่สามารถปล่อยพลังงานได้อย่างเพียงพอ และไม่สามารถกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้ไม่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ขาดความกระชับ และใบหน้าดูเหี่ยวมากกว่าเดิม

                                                • เส้นประสาทเสียหาย

                                                การใช้เครื่อง HIFU ปลอม มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เส้นประสาทเสียหาย เนื่องจากพลังงานที่ส่งออกไปยังผิวหนังไม่สม่ำเสมอ หากยิงพลังงานผิดจุด หรือยิงเข้าไปในบริเวณที่อยู่ใกล้เส้นประสาท อาจทำให้เส้นประสาทได้รับความเสียหาย จนให้เกิดอาการหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือรู้สึกชาในบางส่วนของใบหน้าได้

                                                • ติดเชื้อ

                                                เครื่อง HIFU ปลอม มักผลิตขึ้นมาในโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการทำความสะอาด และฆ่าเชื้อที่ไม่เพียงพอ ทำให้อาจมีเชื้อโรคตกค้างอยู่บนเครื่องมือ และสามารถเข้าสู่ร่างกายขณะทำหัตถการได้ นอกจากนี้ การยิงพลังงานที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดบาดแผล หรือแผลเปิด ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายง่ายมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อบนผิวหนังได้

                                                 

                                                อย่าหาทำ HIFU เองที่บ้าง
                                                อย่าหาทำ HIFU เองที่บ้าง

                                                 

                                                ทำไมถึงไม่ควรทำ HIFU ปลอมเองที่บ้าน?

                                                • เกิดอันตรายจากเครื่องปลอม

                                                เครื่อง HIFU ปลอม มักมีคุณภาพต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้พลังงานที่ใช้ไม่มีความไม่เสถียรมากพอ จึงไม่สามารถยิงพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากยิงพลังงานไปยังจุดที่ไม่เหมาะสม หรือใช้พลังงานแรงจนเกินไป อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดผิวไหม้ ผิวเบิร์น หรือเกิดแผลเป็นได้

                                                • ผลลัพธ์ไม่แน่นอน

                                                เครื่อง HIFU ปลอม ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวได้อย่างที่ต้องการ เนื่องจากพลังงานที่ใช้ไม่มีความเหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง และอาจเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้ ซึ่งแตกต่างจากการใช้เครื่องแท้ที่ให้ผลลัพธ์อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพ

                                                • ขาดความรู้ และประสบการณ์ 

                                                การทำ HIFU ต้องอาศัยความรู้ และประสบการณ์จากแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิว และปรับพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมถึง ใช้เทคนิคในการยิงได้อย่างตรงจุด ซึ่งการทำเองที่บ้าน โดยไม่มีความรู้ความชำนาญ อาจทำให้เกิดความผิดพลาด และเกิดอันตรายต่อใบหน้าได้ง่าย

                                                • ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย 

                                                เครื่อง HIFU ที่ใช้ในคลินิกชั้นนำทั่วไป จะต้องได้รับการรับรองจาก อย. เท่านั้น ซึ่งคลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน จะมีการควบคุมคุณภาพ และมีมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทำให้มีความปลอดภัยสูง ซึ่งแตกต่างจากเครื่อง HIFU ปลอมที่ซื้อมาใช้งานเองที่บ้าน โดยไม่ทราบที่มา และไม่ได้ผ่านการรับรองใด ๆ

                                                5 เหตุผลที่ HIFU ควรทำโดยแพทย์เท่านั้น

                                                • แพทย์มีความเข้าใจในโครงสร้างผิวหนัง

                                                การทำ HIFU โดยแพทย์มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับโครงสร้างของผิวหนังเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเครื่อง HIFU สามารถปล่อยพลังงานได้หลากหลายระดับชั้นผิว หากยิงผิดจุด หรือยิงผิดชั้นผิว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้

                                                • แพทย์สามารถวางแผนการรักษาอย่างตรงจุด

                                                แพทย์สามารถวางแผนการรักษาให้เหมาะสม กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล โดยเริ่มจากประเมินใบหน้า วิเคราะห์ปัญหา พร้อมปรับค่าพลังงานเครื่อง HIFU ให้เหมาะสม กับแต่ละชั้นผิวได้อย่างแม่นยำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

                                                • ลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียง

                                                การทำ HIFU โดยแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ ผิวแดง หรือแผลเป็นจากการยิงพลังงานผิดจุด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ หากทำโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์

                                                • หากเกิดปัญหาสามารถแก้ไขได้ทันที

                                                หากเกิดปัญหา หรือผลข้างเคียงหลังทำ HIFU แพทย์สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที เนื่องจากแพทย์มีความรู้มีความเข้าใจ และมีประสบการณ์ในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

                                                • มีความปลอดภัยสูง

                                                การทำ HIFU โดยแพทย์ ในคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถมั่นใจได้ว่า เครื่องมือที่ใช้มีความปลอดภัย และได้รับการรับรองจาก อย. ซึ่งเครื่อง HIFU แท้ที่ได้มาตรฐาน จะมีการจัดจำหน่ายให้เฉพาะคลินิกความงามเท่านั้น หากพบว่า มีการจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเครื่องปลอม

                                                เครื่อง HIFU ปลอม แตกต่างจากเครื่อง HIFU แท้ อย่างไร?

                                                เครื่อง HIFU ปลอมและเครื่อง HIFU แท้ มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งส่งผลระทบโดยตรงต่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการรักษา ดังนี้

                                                • เครื่อง HIFU แท้

                                                เครื่อง HIFU แท้ มีการผลิตที่ได้มาตรฐาน และมีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ทำให้มีความปลอดภัยสูงในการรักษา อีกทั้ง เครื่อง HIFU ยังใช้เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความถี่สูง (High Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. สามารถปล่อยพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ และปรับระดับพลังงานได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยกกระชับผิวลงลึกถึงชั้น SMAS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                • เครื่อง HIFU ปลอม

                                                เครื่อง HIFU ปลอม มักมีการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้วัสดุในการผลิตที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. รวมถึง เทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษา อาจไม่ใช่เทคโนโลยี HIFU ที่ถูกต้อง มีการดัดแปลง หรืลอกเลียนแบบเทคโนโลยีอื่นมาใช้ ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการยกกระชับที่เพียงพอ เนื่องจากพลังงานที่ปล่อยออกมาไม่เสถียร อาจได้รับพลังงานต่ำ หรือสูงเกินไป ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ รอยแดง รอยช้ำ เส้นประสาทเสียหาย และอาจเสียโฉมถาวรได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มักไม่มีความแน่นอน อาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หรือผิวหน้าเสียหายกว่าเดิมได้

                                                HIFU คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม?

                                                HIFU เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความถี่สูง (High-Intensity Focused Ultrasound) ส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวหนังได้อย่างเฉพาะเจาะจง ลงลึกชั้น SMAS ชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ซึ่งสามารถปรับระดับพลังงาน และระดับความลึกของการรักษาได้อย่างหลากหลาย เพื่อครอบคลุมในทุกระดับชั้นผิว ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น นอกจากนี้ HIFU ยังสามารถใช้ได้กับหลายบริเวณ ทั้งใบหน้า และลำคอ โดยไม่ต้องใช้พักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องเสี่ยงผิวไหม้ ผิวเบิร์นขณะทำ

                                                เลือกทำ HIFU อย่างไรให้ปลอดภัย

                                                เลือกทำ HIFU อย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงเจอเครื่องปลอม?

                                                • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน

                                                เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีใบอนุญาตประกอบกิจการ 11 หลัก จากกระทรวงสาธารณสุขอย่างชัดเจน ซึ่งภายในคลินิกต้องมีความสะอาด และถูกสุขอนามัย เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต้องมีความปลอดเชื้อ 

                                                • ใช้เครื่อง HIFU แท้

                                                เลือกคลินิกที่ใช้เครื่อง HIFU แท้ มีคุณภาพสูง สามารถตรวจสอบประวัติที่มาของเครื่องได้ และที่สำคัญ ต้องได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย.

                                                • ทำหัตถการโดยแพทย์เท่านั้น

                                                การทำ HIFU ควรทำแพทย์ที่มีความรู้ และมีประสบการณ์เท่านั้น ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาผิวหน้าของแต่ละบุคคล พร้อมวางแผนการรักษา และประเมินจำนวนไลน์ที่ใช้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง

                                                • ราคาไม่ถูกจนเกินไป

                                                การทำ HIFU ควรเปรียบเทียบราคา และโปรโมชันจากหลาย ๆ คลินิก หลีกเลี่ยงโปรโมชัน HIFU บุฟเฟต์ ไม่จำกัดช็อต เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงที่จะได้เครื่อง HIFU ที่ไม่มีคุณภาพ และไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงตามมา และผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

                                                • มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

                                                ก่อนตัดสินใจทำ HIFU ควรดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ ก่อน ทั้งรูปภาพก่อน – หลัง และคลิปวิดีโอ เพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์ และสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น

                                                • มีการติดตามผลหลังการรักษา

                                                คลินิกที่ดี ควรมีการติดตามผลลัพธ์หลังการรักษา เพื่อประเมินผลลัพธ์ที่ได้ว่า เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ และหากมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น แพทย์สามารถให้คำแนะนำวิธีการดูแลตัวเอง และรักษาได้อย่างทันท่วงที

                                                จะเห็นได้ชัดเลยว่า การใช้เครื่อง HIFU ปลอม มีความเสี่ยงอันตรายสูง และไม่สามารถให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวได้อย่างที่คาดหวัง เนื่องจากพลังงานที่ปล่อยออกมาไม่มีความเสถียรมากพอ ทำให้เข้าไม่ถึงชั้นผิวที่จะทำการรักษา ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวหน้าสารพัด ดังนั้น การทำ HIFU ควรเลือกทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่อง HIFU แท้ที่มีคุณภาพ และอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ 

                                                สำหรับท่านใดที่อยากสวยแบบปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงเจอเครื่องปลอม ต้องที่ รมย์รวินท์คลินิก เท่านั้น เราใช้ HIFU เครื่องแท้ และยังมีโปรแกรม SUPER HIFU ที่เป็นขั้นกว่าของ HIFU และยังได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์คอยให้การดูแล ตั้งแต่ขั้นตอนการประเมินผิวหน้า ไปจนถึงการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณมีใบหน้าสวย ดูดีอย่างมั่นใจ ผิวดูอ่อนกว่าวัยในทุกมุมอีกด้วย

                                                ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี ทรงสวย อวบอิ่มมากกว่ากัน

                                                ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี

                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                  ฟิลเลอร์ปากคืออะไร ควรใช้ยี่ห้อไหน ฉีดครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง ฉบับอัปเดต

                                                  ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การปรับรูปลักษณ์ให้สวยงามเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่ายุคสมัยก่อน หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ การฉีดฟิลเลอร์ปาก ซึ่งเป็นการใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด เพื่อปรับรูปทรงของริมฝีปากให้ดูอิ่มฟูและสวยงามมากขึ้น 

                                                   

                                                  อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ปากมีความปลอดภัยและเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว

                                                   

                                                  วันนี้เราจะมาอัปเดตข้อมูลน่าสนใจที่เกี่ยวกับฟิลเลอร์ปากว่า ควรใช้ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี ฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง รวมไปถึงทุกคำถามที่หลายคนอยากรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก ปรับทรงสวยแบบธรรมชาติ ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร?

                                                   

                                                  การฉีดฟิลเลอร์ปาก ปรับรูปทรง เพิ่มความอวบอิ่ม คือ การฉีดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluromic Acid : HA) ที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการอุ้มน้ำ ในการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นเป็นการฉีดเติมเต็มเข้าไปบริเวณริมฝีปากบนและล่าง เพื่อเพิ่มเนื้อริมฝีปาก ปรับรูปทรงปากให้สวยธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาริมฝีปากบน-ล่างไม่เท่ากัน ปากแห้ง แตก เป็นร่อง 

                                                   

                                                  นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ปัญหารูปปากคว่ำ ให้กลับมาดูยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น ด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก โดยจะฉีดเข้าไปบริเวณใบหน้าช่วงบนหรือช่วงแก้มให้ยกกระชับขึ้น

                                                   

                                                  เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปาก

                                                   

                                                  การฉีดปาก เพื่อรูปทรงสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ แพทย์จะต้องมีเทคนิคและประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ปากได้อย่างเหมาะสม แบบไม่ลึกหรือตื้นจนเกินไป ในการฉีดฟิลเลอร์ปากจุดที่ต้องใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษคือบริเวณขอบปาก (Vermilion border) และ ร่องบนริมฝีปาก (Philtrum) เนื่องจากอาจมีปัญหาขอบปากไม่ชัด ริมฝีปากไม่เป็นทรง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยสร้างขอบปาก เติมเต็มบริเวณติ่งริมฝีปาก ทำให้ปากเป็นรูปทรงกระจับมากขึ้น

                                                   

                                                  รูปทรงปากที่เหมาะกับคนไทย อัปเดตทรงปากที่นิยม

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปากเชอร์รี่ (Cherry Lips)

                                                  เป็นเทรนด์รูปทรงริมฝีปากที่มีความคล้ายกับลูกเชอร์รี่ มีลักษณะเป็นปากกระจับบน-ล่าง โดยปากบนมีติ่งเนื้อตรงกลาง ริมฝีปากล่างอวบอิ่ม เป็นอีกหนึ่งทรงที่คนส่วนใหญ่นิยมเลือกเสริมโหงวเฮ้งบนใบหน้าให้ดีขึ้น

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปากธรรมชาติ (Classy Lips)

                                                  เป็นรูปทรงที่มีลักษณะริมฝีปากอวบอิ่ม โดยริมฝีปากบนจะบางกว่าริมฝีปากล่างในสัดส่วนที่พอดีกัน ช่วยทำให้ใบหน้าสมดุลมากขึ้น เป็นรูปทรงริมฝีปากที่เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากบาง เนื้อน้อย ต้องการเพิ่มขนาดของริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มมากขึ้น

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปากอวบอิ่ม (Sexy Lips)

                                                  รูปทรงปากอวบอิ่ม เป็นรูปทรงที่เน้นขอบริมฝีปากชัดเจน เพิ่มปริมาณเนื้อริมฝีปากอวบอิ่มทั้งบนและล่าง แต่ไม่อวบหนาเท่ากับริมฝีปากทรงสายฝอ ซึ่งการฉีดริมฝีปากทรงนี้จะช่วยให้ริมฝีปากดูเซ็กซี่มากขึ้น

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ

                                                  เป็นรูปทรงริมฝีปากที่มีลักษณะโค้งเรียวสวยคล้ายกับผลของกระจับ โดยริมฝีปากบน-ล่างมีความสมดุลกัน ช่วยเพิ่มความละมุนให้กับใบหน้า เป็นอีกหนึ่งรูปทรงริมฝีปากที่ได้รับความนิยมตลอดกาล และเป็นรูปทรงริมฝีปากที่เสริมโหงวเฮ้งที่ดีอีกด้วย

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปากปีกนก

                                                  รูปทรงปากปีกนก เป็นรูปทรงที่เหมาะกับโครงหน้าของคนไทย โดยรูปทรงปากนี้มุมปากจะยกขึ้นคล้ายกับปีกนก เหมาะสำหรับคนที่มุมปากคว่ำ มุมปากตก รูปทรงปากนี้จะช่วยให้ใบหน้าอ่อนหวานมากขึ้น

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปากเกาหลี

                                                  รูปทรงปากเกาหลี เป็นลักษณะรูปทรงที่มีความอวบอิ่มเล็กน้อย โดยริมฝีปากบนเป็นกระจับเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น ซึ่งริมฝีปากทรงเกาหลีจะช่วยให้ใบหน้ามีความละมุน น่ารักแบบสาวเกาหลี 

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอ

                                                  เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก รูปทรงปากวายฝอจะเน้นขอบปากคมชัด เนื้อริมฝีปากแน่นและอวบอิ่มทั้งริมฝีปากบน-ล่าง ทำให้ริมฝีปากมีความโดดเด่น ช่วยเพิ่มความเซ็กซี่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบรูปมทรงริมฝีปากอวบหนา มีเนื้อริมฝีปากเยอะ 

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก Heavy Upper Lips

                                                  เป็นการฉีดฟิลเลอร์ปากโดยจะเน้นริมฝีปากบนจะหนาและมีขนาดใหญ่กว่าริมฝีปากล่าง เน้นช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ทำให้ริมฝีปากโดดเด่น ซึ่งรูปทรงริมฝีปากนี้สามารถใช้เทคนิคการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในริมฝีปากบนมากกว่าปกติ ส่วนริมฝีปากล่างจะฉีดแบบพอดี ไม่ใหญ่จนเกินไป

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก Heavy Lower Lips 

                                                  เทรนด์การปั้นรูปทรงริมฝีปากที่เน้นให้ริมฝีปากล่างมีขนาดใหญ่และอวบอิ่มกว่าริมฝีปากบน โดยมีลักษณะคล้ายกับปากกระจับแต่มีความอวบอิ่มเต่งตึงกว่า โดยเป็นหนึ่งในทรงปากสายฝอที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

                                                   

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก Full Lips

                                                  เป็นรูปทรงริมฝีปากที่มีลักษณะริมฝีปากบนและริมฝีปากล่างจะมีความอวบอิ่มมาก และมีสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งการฉีดริมฝีปากรูปทรงนี้จะทำให้ริมฝีปากดูโดดเด่นมากขึ้น เหมาะกับคนที่มีโครงหน้าชัดอยู่แล้ว

                                                   

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับใครบ้าง?

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่มีริมฝีปากไม่เท่ากัน
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่มีริมฝีปากบางขึ้น
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและขอบปาก
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากลอกและริมฝีปากแห้ง
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากไม่เรียบเนียน ริมฝีปากตกร่อง
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่มีรูปทรงปากคว่ำ มุมปากตก
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงริมฝีปากให้เข้ากับใบหน้า
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากชุ่มชื้น อิ่มฟูมากขึ้น
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่เสริมโหงวเฮ้งให้กับใบหน้า

                                                   

                                                  ฟิลเลอร์ปากมีข้อดียังไง
                                                  ฟิลเลอร์ปากมีข้อดียังไง

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อดีอย่างไร?

                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เพิ่มความอวบอิ่ม ช่วยปรับรูปทรงปากกระจับ
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาริมฝีปากบาง ปากไม่เท่ากัน
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและมุมปาก
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น อิ่มฟู ให้กับริมฝีปาก
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้นนาน
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีความปลอดภัยสูง ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน สามารถย่อยสลายเองได้ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถปั้นรูปทรงริมฝีปากได้หลายทรง
                                                  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ผลลัพธ์อยู่ไม่ถาวร แต่สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ 

                                                   

                                                  ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี
                                                  ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี?

                                                   

                                                  ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับทรงปากเกาหลี ทรงปากกระจับ

                                                  การเลือกฟิลเลอร์สำหรับทรงปากเกาหลี หรือทรงปากกระจับ ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลนิ่มและยืดหยุ่น เพื่อให้ริมฝีปากดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดฟิลเลอร์สำหรับทรงปากกระจับมักใช้ปริมาณฟิลเลอร์ประมาณ 1 CC แต่หากต้องการเพิ่มวอลลุ่มมากขึ้น อาจใช้ประมาณ 2 CC ต่อการฉีดในแต่ละครั้ง ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมมีดังนี้

                                                  • Restylane Refyne ฟิลเลอร์ปากจากสวีเดน ที่มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยเติมเต็มริมฝีปากและมุมปากให้ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ถึง 12 เดือน
                                                  • Restylane Volyme ฟิลเลอร์ปากจากสวีเดน มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน ช่วยเพิ่มความอิ่มฟูให้ริมฝีปากได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
                                                  • Juvederm Volift ฟิลเลอร์ปากจากสหรัฐอเมริกา เนื้อเจลนิ่มและเนียนละเอียด เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณร่องมุมปากที่ไม่ลึกมาก ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
                                                  • Definisse Touch ฟิลเลอร์ปากจากอิตาลี ที่มีเนื้อเจลนุ่มพิเศษ ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปากและปรับรูปให้สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมแก้ปัญหาริมฝีปากแห้งแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน

                                                   

                                                  ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับทรงปากเซ็กซี่ อวบอิ่ม แบบสายฝอ

                                                  เมื่อเลือกฟิลเลอร์สำหรับทรงปากสายฝอ ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีเนื้อฟูเพื่อสร้างขอบปากที่ชัดเจนและเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก โดยปริมาณฟิลเลอร์ที่แนะนำจะอยู่ที่ 1-2 CC สำหรับการเพิ่มความเต็มอิ่มธรรมชาติ หากต้องการเพิ่มความหนาให้ชัดเจน อาจต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณมากขึ้น ฟิลเลอร์ที่แนะนำ ดังนี้

                                                  • Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์ปากจากสหรัฐอเมริกา มีเนื้อสัมผัสนุ่มและฟู ช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอิ่มเต็ม พร้อมปรับรูปทรงให้เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
                                                  • Juvederm Voluma ฟิลเลอร์ปากจากสหรัฐอเมริกา เนื้อเจลเนียนละเอียดและยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเพิ่มวอลลุ่มและความหนาให้ริมฝีปาก ให้ดูเต็มอิ่มและมีมิติอย่างชัดเจน โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
                                                  • Restylane Kysse ฟิลเลอร์ปากจากสวีเดน ด้วยเนื้อสัมผัสที่ละเอียดและคงตัวสูง ช่วยเสริมสร้างขอบริมฝีปากให้ชัดเจน พร้อมทั้งมอบความชุ่มชื้นและอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
                                                  • Belotero Volume ฟิลเลอร์ปากจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความยืดหยุ่นดีและเนียนละเอียด ช่วยเพิ่มวอลลุ่มและความหนาให้ริมฝีปาก ให้ดูเต็มและมีมิติ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
                                                  • Belotero Lips ฟิลเลอร์ปากคุณภาพจากสวิตเซอร์แลนด์ ออกแบบมาเฉพาะเพื่อปรับแต่งริมฝีปากให้ดูอิ่มเอิบและมีมิติ ช่วยสร้างขอบปากที่ชัดเจน ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและสามารถคงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน

                                                   

                                                  ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากดูแลตัวเองยังไง
                                                  ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากดูแลตัวเองยังไง

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก ก่อนทำต้องเตรียมตัวอย่างไร?

                                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 1 สัปดาห์
                                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
                                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดการออกกำลังกายหนัก หรือ งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมง
                                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดแว็กซ์บริเวณรอบริมฝีปากก่อนทำ 1 สัปดาห์
                                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดทายาชนิดผลัดเซลล์ผิวทุกชนิด 1 สัปดาห์ก่อนทำ
                                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่รับประทานเป็นประจำ ให้แจ้งกับแพทย์ก่อนฉีด

                                                   

                                                  ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก

                                                  1. ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก แพทย์จะทำการประเมินลักษณะของริมฝีปากของผู้ที่เข้ารับบริการ เพื่อเลือกทรงริมฝีปากปากที่เหมาะสมกับใบหน้า
                                                  2. แพทย์จะแนะนำยี่ห้อ และรุ่นที่เหมาะสมของฟิลเลอร์ปาก ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ
                                                  3. เริ่มทำความสะอาดบริเวณริมฝีปากก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อความสะอาดและปลอดภัย
                                                  4. แปะยาชาและประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บจากเข็ม
                                                  5. แพทย์จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์ลงบนบริเวณริมฝีปาก
                                                  6. หลังฉีดฟิลเลอร์ปากเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น

                                                   

                                                  ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากดูแลตัวเองยังไง
                                                  ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากดูแลตัวเองยังไง

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก หลังทำดูแลตัวเองอย่างไร?

                                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส ดึง ลอก บริเวณริมฝีปาก
                                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก งดทาลิปสติก และการใช้หลอดดูดน้ำใน 12 ขั่วโมงแรก
                                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก งดรับประทานอาหารร้อน ๆ อาหารรสจัด หรืออาหารหมักดอง 
                                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก งดการออกกำลังกายหนัก อาจทำให้ปากเสียรูปทรงได้
                                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยการเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์ฟูและอยู่ได้นานขึ้น

                                                   

                                                  ฟิลเลอร์ปาก กับ ศัลยกรรมปาก ทำอะไรดี
                                                  ฟิลเลอร์ปาก กับ ศัลยกรรมปาก ทำอะไรดี

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก vs ศัลยกรรมผ่าตัดปาก

                                                  การฉีดฟิลเลอร์ปาก กับ การศัลยกรรมผ่าตัดปาก มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

                                                   

                                                  การฉีดฟิลเลอร์ปาก

                                                  • การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที
                                                  • การฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน เนื่องจากไม่มีรอยแผล อาจมีแค่รอยจากเข็มเล็กน้อย
                                                  • การฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจมีอาการบวมช้ำประมาณ 7-14 วัน และสามารถหายได้เอง
                                                  • การฉีดฟิลเลอร์ปาก ผลลัพธ์จะชัดเจนเต็มที่ ประมาณ 1-2 สัปดาห์
                                                  • การฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้

                                                   

                                                  การศัลยกรรมผ่าตัดปาก

                                                  • การผ่าตัดปากจำเป็นต้องรอแผลสมานตัว ซึ่งใช้ระยะเวลานานกว่า 7-9 วัน และอาจใช้ระยะเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ แผลถึงจะหายสนิท
                                                  • การผ่าตัดปากใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน
                                                  • การผ่าตัดปากอาจมีรอยแผลนูน หรือรอยแผลเป็นจากบริเวณแผลผ่าตัด
                                                  • หลังการผ่าตัดปาก อาการบวมจะชัดเจนที่สุดในช่วง 3-4 วันแรก จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ กระบวนการฟื้นตัวของอาการบวมทั้งหมด จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน 
                                                  • ผลลัพธ์ของการผ่าตัดปาก สามารถรักษารูปทรงปากได้อย่างถาวร

                                                   

                                                  ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากกับการศัลยกรรมผ่าตัดปาก มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป โดยการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเน้นปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มขึ้น สามารถทำทรงปากกระจับได้ แต่ผลลัพธ์อยู่ไม่ได้ถาวร ส่วนการศัลยกรรมผ่าตัดปาก รักษารูปทรงปากได้อย่างถาวร แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงจากการผ่าตัด และถ้าหากมีข้อผิดพลาดก็จะแก้ไขได้ยากมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากที่สามารถฉีดสลายได้

                                                  รวมคำถาม Q&A ของฟิลเลอร์ปาก

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ CC? 

                                                  • โดยปกติทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้ปริมาณเพียง 1 CC ก็สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ส่วนกรณีที่มีริมฝีปากบางมาก ๆ ต้องการรูปทรงปากอวบอิ่มแบบสายฝอ ต้องการเพิ่มวอลลุ่ม อาจต้องใช้ปริมาณของฟิลเลอร์ 2 CC  

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม?

                                                  • ในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์อาจจะมีความรู้สึกเจ็บ แต่เป็นความเจ็บอยู่ในระดับที่สามารถอดทนได้ เนื่องจากบริเวณริมฝีปากอ่อนและบางกว่าบริเวณอื่น ๆ ทำให้ไวต่อความรู้สึก ทั้งนี้ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีการแปะยาชาก่อนเพื่อช่วยลดความเจ็บจากเข็ม

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันถึงจะเข้าที่ และอยู่ได้นานแค่ไหน? 

                                                  • การฉีดฟิลเลอร์ปาก จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเข้าที่ อวบอิ่ม เป็นทรงสวย ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ปากที่เลือกใช้ รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม? 

                                                  • การฉีดฟิลเลอร์ปากไม่อันตราย หากฉีดโดยแพทย์ที่มากประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์แท้ เพราะการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน (HA) มีความปลอดภัยสูง และสามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ 100% ซึ่งการฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านจะมีความรู้ในด้านของเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง เนื่องจากบริเวณริมฝีปากประกอบไปด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก ต้องใช้ความระมัดระวังใจการฉีด เพื่อป้องกันการเกิดฟิลเลอร์อุดตันในเส้นเลือดหรือฉีดโดนเส้นที่อยู่ลึกลงไป เพราะฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน? 

                                                  • หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจมีอาการบวมประมาณ 2-3 วัน ในบางกรณีที่มีผิวบอบบาง บวมง่าย อาจพบอาการบวมประมาณ 5-7 วัน หลังจากนั้นจะค่อย ๆ หายได้เอง ซึ่งฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่ประมาณ 7-14 วัน

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันถึงทาลิปได้?

                                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรงดทาลิปสติกในช่วง 12 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นสามารถทาลิปสติกได้ปกติ โดยหลังจากฉีดฟิลเลอร์อาจมีรอยเข็มอยู่ สามารถใช้ลิปสติกทากลบรอยเข็มได้

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอาการข้างเคียงอะไรบ้าง?

                                                  การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการเพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปากและปรับรูปทรงริมฝีปากให้สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยแต่อาจจะมีผลข้างเคียงที่ตามมาได้ ซึ่งผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์มีดังนี้

                                                  • รู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีด : เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ เพราะผิวบริเวณริมฝีปากค่อนข้างบางและไวต่อความรู้สึก และสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน สามารถทานยาแก้ปวดได้ตามอาการ หากมีอาการรุนแรงขึ้น ควรรีบแจ้งแพทย์เพื่อทำการรักษาตามอาการ
                                                  • อาการบวมหรือช้ำ : เป็นอาการที่สามารถพบได้ทั่วไป หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก 3 วันแรก โดยจะมีรอยแดงจากเข็ม ในบางคนอาจมีรอยช้ำ รอยเขียวจากเข็ม หรืออาการบวมในบริเวณที่ฉีด หลังจาก 5-7 วัน จะไม่มีอาการบวม และค่อย ๆ หายได้เอง และฟิลเลอร์เข้าที่ใน 14 วัน สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อช่วยลดอาการบวมได้
                                                  • การติดเชื้อ : สามารถพบได้บ่อยในเคสที่ฉีดฟิลเลอร์ปากโดยหมอกระเป๋า หรือคลินิกเถื่อน มีขั้นตอนการฉีดที่ไม่สะอาด อุปกรณ์ที่ใช้ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ คลินิกไม่ได้มาตรฐาน ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์จริงที่มีใบรับรอง ฉีดฟิลเลอร์ปากกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น
                                                  • ปวดแสบ ปวดร้อน บริเวณที่ฉีด : อาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณี ซึ่งเกิดจากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ปากผิดตำแหน่ง โดยการฉีดฟิลเลอร์เข้าหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดอุดตัน จนนำไปสู่อาการเนื้อตาย (necrosis) เพราะเลือดไม่ไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนัง เพราะฉะนั้นควรฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร?

                                                  • ชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด

                                                  หากนำฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูง มาฉีดบริเวณผิวชั้นตื้น ทำให้ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อนได้ เช่น ใช้ฟิลเลอร์ที่มีความแข็งและเหนียวที่ค่อนข้างมากมาฉีดบริเวณปาก อาจจับตัวเป็นก้อนได้

                                                  • เทคนิคและประสบการณ์การฉีดของแพทย์

                                                  การฉีดฟิลเลอร์ปากต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์ โครงสร้างของสรีรวิทยาร่างกายมนุษย์ รวมไปถึงศิลปะด้านการปรับรูปหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด หากแพทย์ขาดความรู้และประสบการณ์ อาจมีความเสี่ยงที่จะฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อนได้

                                                  • ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ผ่าน อย.

                                                  ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. เป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถสลายได้เองแบบธรรมชาติ มีราคาถูก ไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์จะจับตัวกันเป็นก้อน ไหลย้อยไม่เป็นทรง ไม่สามารถฉีดสลายได้ ต้องผ่าตัดออกเท่านั้น

                                                  • ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากจนเกินไป

                                                  การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ปาก ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ และตำแหน่งที่ฉีด ต้องพิจารณาให้มีความเหมาะสม เนื่องจากหากใช้เกินความจำเป็น ก็อาจทำให้ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อนได้

                                                   

                                                  ฉีดฟิลเลอร์ปาก แล้วเป็นก้อน มีวิธีแก้ไขอย่างไร?

                                                  หลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน บวม ผิดปกติ การแก้ไขปัญหาจะมีอยู่ทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยในแต่ละเคส ดังนี้

                                                  • การฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก : เป็นการใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (HYAL) เข้าไปลดคุณสมบัติการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ทำลายการยึดเกาะของฟิลเลอร์ ปรับสมดุลบริเวณผิวที่ฉีดฟิลเลอร์ ให้กลับมาเหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ ยุบตัวลง และสลายไปในที่สุด โดยสามารถสลายออกได้หมด 100%
                                                  • การขูดฟิลเลอร์ปาก : ในกรณีที่ฉีดสารเติมเต็มประเภทซิลิโคน หรือ พาราฟิน นั้น สารเติมเต็มประเภทนี้ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และไม่มีสารตัวใดสลายฟิลเลอร์ชนิดนี้ได้ ต้องทำการขูดออกเท่านั้น
                                                  • ผ่าตัดฟิลเลอร์ออก : กรณีนี้เป็นการแก้ไขในคนที่ฉีดฟิลเลอร์ประเภทซิลิโคนเหลวมา จนเกิดการอักเสบ ฟิลเลอร์เป็นก้อนขนาดใหญ่และแข็งมาก ซึ่งการผ่าตัดส่วนใหญ่จะไม่สามารถเอาฟิลเลอร์ออกได้ทั้งหมด เพราะต้องระวังทั้งเรื่องของเส้นประสาทและเส้นเลือดสำคัญต่าง ๆ 

                                                   

                                                  ศัลยกรรมผ่าตัดปากมาแล้วบางเกินไป ฉีดฟิลเลอร์ปากแก้ไขได้ไหม?

                                                  • ในกรณีที่ผ่าตัดปากบางมาแต่ริมฝีปากบางเกินไป ในบางเคสสามารถใช้ฟิลเลอร์ปากแก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพังผืดที่เกิดจากการผ่าตัด ถ้าพังผืดดึงรั้งมากก็จะเติมฟิลเลอร์ได้น้อย ดังนั้นก่อนที่จะผ่าตัดทำริมฝีปากควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะกรณีที่ผ่าตัดริมฝีปากมาบางเกินไปจนเนื้อน้อยมาก จะไม่สามารถเติมฟิลเลอร์แก้ไขได้

                                                   

                                                  บทสรุปของฟิลเลอร์ปาก ปรับทรงสวยแบบธรรมชาติ

                                                   

                                                  การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยุคปัจจุบัน เป็นการปรับรูปทรงปากให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยแก้ปัญหาปากแห้งแตกเป็นร่อง และยังช่วยบำรุงริมฝีปากให้อวบอิ่ม เต่งตึง ริมฝีปากแลดูสุขภาพดี รวมไปถึงช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับสาว ๆ ทุกคนมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

                                                   

                                                  ซึ่งการเลือกฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัยอย่างแน่นอน สำหรับใครที่สนใจอยากฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ด้านการปรับรูปทรงปากให้เข้ากับใบหน้า สามารถเข้ารับคำแนะนำและปรึกษากับแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกได้ โดยแพทย์จะแนะนำฟิลเลอร์ที่เหมาะสมให้ตรงกับทุกความต้องการของทุกท่านอย่างแน่นอน 

                                                  Glass Glow Skin โปรแกรมลับเพื่อผิวโกลว์ เงา ราวกับกระจก

                                                  Glass Glow Skin


                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                    Glass Glow Skin โปรแกรมลับเพื่อผิวโกลว์ เงา ราวกับกระจก

                                                    ในยุคที่เทรนด์ความงามให้ความสำคัญกับผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ การมีผิวโกลว์ เงา ฉ่ำเด้ง จึงเป็นเทรนด์ความสวยยอดฮิตที่หลาย ๆ คนต่างใฝ่ฝัน วันนี้รมย์รวินท์เลยจะพาไปรู้จักกับโปรแกรมที่จะช่วยให้ผิวโกลว์ เงา สวย ฉ่ำวาว ยอดนิยมอย่าง “Glass Glow Skin” พร้อมเผยเคล็ดลับการดูแลผิวโกลว์ เงา ราวกับกระจกให้ได้ผลลัพธ์หลังทำที่ยาวนาน 

                                                    Glass Glow Skin คืออะไร
                                                    Glass Glow Skin คืออะไร

                                                    ผิวโกลว์ คืออะไร ?

                                                    ผิวโกลว์ คือ ผิวที่ดูอิ่มน้ำ เงา สวย สุขภาพดี มีความชุ่มชื้นจากภายใน ทำให้ผิวดูสวยเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ ในผู้ที่มีผิวโกลว์ จะทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ บ่งบอกถึงการมีสุขภาพผิวที่ดี ช่วยเสริมความมั่นใจได้

                                                    Glass Glow Skin คืออะไร ?

                                                    Glass Glow Skin เป็นโปรแกรมการฉีดเพื่อฟื้นฟูผิว สวย เงาราวกับกระจก  มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ผิวโกลว์ โดยการใช้ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติเด่นในการกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่น และปรับปรุงคุณภาพผิว ซึ่งกระบวนการใช้ Hyaluronic Acid (HA)  ที่ใช้ในโปรแกรม Glass Glow Skin มีโมเลกุลที่เล็กกว่า เนื้อละเอียด และน้ำหนักเบากว่า HA ในฟิลเลอร์ทั่วไป ทำให้ไม่เกิดความรู้สึกหนักผิวหลังฉีด และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ไม่หลอกตา

                                                    ซึ่งนอกจากการช่วยให้ผิวโกลว์ เงา สวย ฉ่ำวาว แล้วนั้นโปรแกรม Glass Glow Skin ยังสามารถช่วยเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ และลดร่องลึกบางส่วนได้อีกด้วย จึงถือเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีมาก สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวอย่างล้ำลึก อยากมีหน้าอ่อนเยาว์ ผิวโกลว์ใส ฉ่ำวาว

                                                    Glass Glow Skin ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำได้อย่างไร
                                                    Glass Glow Skin ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำได้อย่างไร

                                                    Glass Glow Skin ช่วยให้ผิวโกลว์ เงา สวย ได้อย่างไร ?

                                                    Glass Glow Skin เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้ผิวโกลว์ เงา สวย ฉ่ำวาว รวมถึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี อิ่มฟู จากภายในสู่ภายนอกได้ด้วยการผสมผสานเทคนิคพิเศษและสารสำคัญอย่าง Hyaluronic Acid (HA) ที่มีหน้าที่ในการช่วยเติมความชุ่มชื้นในผิวได้อย่างดี โดย Glass Glow Skin ช่วยให้ผิวโกลว์ อิ่มน้ำ ฉ่ำวาว ได้จากกระบวนการ ดังต่อไปนี้

                                                    • Glass Glow Skin เติม Hyaluronic Acid (HA) สู่ผิวโดยตรง การทำ Glass Glow Skin ใช้การฉีด Hyaluronic Acid (HA) ลงในชั้นกลางของผิวหนัง ซึ่งการเติม Hyaluronic Acid (HA) ในบริเวณนี้มีผลโดยตรงต่อการกักเก็บน้ำในเซลล์ผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวจากภายใน ทำให้ผิวโกลว์ เงา ฉ่ำวาว อิ่มน้ำ
                                                    • Glass Glow Skin ใช้เทคนิคพิเศษเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ การทำโปรแกรม Glass Glow Skin จะใช้เทคนิคพิเศษอย่างเทคนิค Hourglass Technique ในการเติมผิวชั้นกลาง ซึ่งการใช้เทคนิคนี้จะช่วย Hyaluronic Acid (HA) ให้แตกตัว ทำให้ผิวโกลว์  เงา ฉ่ำวาว อย่างเป็นธรรมชาติ
                                                    • Glass Glow Skin ลดการสูญเสียน้ำในผิว อีกทั้งยังช่วยให้ผิวแข็งแรง สร้างเกราะป้องกันให้กับผิว ทำให้ผิวกักเก็บน้ำได้นาน ดูเงา สวย ฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ

                                                    จุดเด่นของ Glass Glow Skin
                                                    จุดเด่นของ Glass Glow Skin

                                                    จุดเด่นของ Glass Glow Skin 

                                                    Glass Glow Skin เป็นโปรแกรมที่มีจุดเด่นหลายอย่าง ที่ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชอบการดูแลผิว ที่ต้องการให้ผิวหน้าอิ่ม ผิวโกลว์ใส ฉ่ำวาว ราวกับผิวกระจก เพราะจุดเด่นที่สำคัญของโปรแกรม Glass Glow Skin คือการมุ่งเน้นในการฟื้นฟู และเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวโกลว์ เงา  ฉ่ำวาว สุขภาพดี นอกจากนี้ Glass Glow Skin ยังมีจุดเด่นอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ ดังนี้

                                                    • Glass Glow Skin มีจุดเด่นในเรื่องของการเติมความชุ่มชื้นที่ล้ำลึก 

                                                    Glass Glow Skin ใช้การฉีดสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำได้ดีมากอย่าง Hyaluronic Acid (HA) ลงในชั้น Mid Dermis ทำให้ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ล้ำลึกถึงใต้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ผิวโกลว์ เงา ใส ฉ่ำวาว อย่างเป็นธรรมชาติ

                                                    • Glass Glow Skin มีจุดเด่นในเรื่องของการช่วยให้ผิวโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ

                                                    ขั้นตอนการฟื้นฟูเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยโปรแกรม Glass Glow Skin จะใช้เทคนิคการฉีดด้วยเทคนิค Hourglass Technique ที่จะช่วยให้ Hyaluronic Acid (HA)  กระจายตัวในชั้นผิว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้หลังการทำ Glass Glow Skin  นั้นช่วยให้ผิวโกลว์ เงา ฉ่ำวาว อย่างเป็นธรรมชาติ

                                                    • Glass Glow Skin มีจุดเด่นในเรื่องของการฟื้นฟูผิวในระยะยาว

                                                    โปรแกรม Glass Glow Skin ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ผิวโกลว์ใส แต่ยังมีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว เพื่อปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น ช่วยในการฟื้นฟูในระยะยาว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และกระชับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้อีกด้วย

                                                    • Glass Glow Skin มีจุดเด่นในเรื่องของความปลอดภัย

                                                    จุดเด่นที่สำคัญของโปรแกรม Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ คือ การใช้สารเติมเต็มความชุ่มชื้นที่มีความปลอดภัยสูง ทำให้ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ และมีโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่น้อยมาก จึงสามารถทำได้แม้แต่ในผู้ที่มีผิวบอบบาง

                                                    • Glass Glow Skin มีจุดเด่นในเรื่องของการใช้งานได้หลากหลายบริเวณ

                                                    โปรแกรม Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์สามารถทำได้หลายบริเวณ ทั้งบริเวณใบหน้า,ลำคอ และบริเวณมือ ซึ่งผิวหนังบริเวณนี้มักเป็นบริเวณที่ผิวเริ่มแห้งและมีริ้วรอยได้ง่าย การทำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ในผิวหนังบริเวณนี้จะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน อิ่มน้ำ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้

                                                    Glass Glow Skin เหมาะกับผิวแบบไหน ?

                                                    Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์เหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะมีความปลอดภัยสูงจากการใช้สารธรรมชาติจึงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำ อีกทั้งยังเหมาะเป็นอย่างยิ่งในผู้ที่ต้องการเติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว อยากมีผิวโกลว์ ฉ่ำวาว และโปรแกรม Glass Glow Skin จะเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่มีสภาพผิวดังต่อไปนี้ 

                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และลอกง่าย
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผิวมันที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป แต่ยังคงขาดน้ำในชั้นผิวลึก
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผิวที่มีริ้วรอยหรือร่องตื้น ๆ จากการขาดคอลลาเจนและความชุ่มชื้น
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผิวบอบบาง มีแนวโน้มเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ง่าย
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผิวที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง เพราะผิวขาดความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผิวหมองคล้ำที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น และความเปล่งปลั่ง

                                                    Glass Glow Skin เหมาะกับใคร
                                                    Glass Glow Skin เหมาะกับใคร

                                                    Glass Glow Skin เหมาะกับใคร 

                                                    โปรแกรม Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว เติมความชุ่มชื้น ทำให้ ดูอิ่มน้ำ ผิวโกลว์ และเหมาะเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ หรือผิวที่เริ่มมีริ้วรอย และร่องรอยตื้น ๆ นอกจากนี้ Glass Glow Skin  ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวอีกหลายแบบ ดังนี้

                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย และร่องลึก
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูผิวในระยะยาว
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวโกลว์ เงา สวย ฉ่ำวาว
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับทุกสภาพผิว
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้หน้าดูอ่อนเยาว์
                                                    • Glass Glow Skin เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับสีผิวให้กระจ่างใส

                                                    Glass Glow Skin ไม่เหมาะกับใคร 

                                                    แม้ Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์จะเหมาะกับทุกสภาพผิว และมีความปลอดภัยสูง แต่การทำโปรแกรม Glass Glow Skin อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ปัญหาผิว หรือมีข้อควรระมัดระวังเป็นพิเศษในบางบุคคล โดยผู้ที่อาจไม่เหมาะกับการทำ Glass Glow Skin มีดังนี้

                                                    • Glass Glow Skin ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ Hyaluronic Acid  
                                                    • Glass Glow Skin ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อหรือปัญหาผิวหนังบริเวณที่ฉีด เช่น เริม แผลเปิด หรือผื่นแพ้ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
                                                    • Glass Glow Skin ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคภูมิแพ้ตนเอง , โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
                                                    • Glass Glow Skin ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 
                                                    • Glass Glow Skin ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังในระดับรุนแรง เช่น โรคสะเก็ดเงิน , โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือสิวรุนแรง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองและทำให้ปัญหาผิวแย่ลงได้

                                                    ถึงแม้ Glass Glow Skin จะเป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัยและผลข้างเคียงต่ำ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจทำ Glass Glow Skin เพื่อความปลอดภัย 

                                                    Glass Glow Skin ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
                                                    Glass Glow Skin ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

                                                    Glass Glow Skin ช่วยเรื่องอะไรบ้าง 

                                                    Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์มีจุดมุ่งหมายหลักในการช่วยฟื้นฟู และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ผิวโกลว์ และผิวดูสุขภาพดี นอกจากนี้การทำ Glass Glow Skin ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลายด้าน ดังนี้

                                                    • Glass Glow Skin ช่วยในการปรับโทนสีผิวให้กระจ่างใส เนื่องจากการฉีด Hyaluronic Acid ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นจึงส่งผลลัพธ์ที่ได้ต่อมาคือ ผิวสม่ำเสมอ ดูกระจ่างใสมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ที่มีผิวหมองจากการขาดน้ำหรือความเครียด
                                                    • Glass Glow Skin ช่วยให้ผิวดูโกลว์เป็นธรรมชาติ ด้วยเทคนิคพิเศษอย่างการฉีด Hourglass Technique จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวดูมีมิติมากขึ้น ดูผิวโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะ Hyaluronic Acid มีการกระจายตัวจากเทคนิคการฉีดเฉพาะในโปรแกรม  Glass Glow Skin ทำให้ผิวไม่วาวเกินไป ผิวดูโกลว์จากภายใน ไม่หลอกตา
                                                    • Glass Glow Skin ช่วยในการเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องลึกได้ หากร่องลึกหรือริ้วรอยเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและความชุ่มชื้น การทำ Glass Glow Skin จะช่วยให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นจาก Hyaluronic Acid จนสามารถช่วยเติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยตื้น ๆ เหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียน
                                                    • Glass Glow Skin ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่น การเติม Hyaluronic Acid ในโปรแกรม Glass Glow Skin ช่วยปรับสภาพความยืดหยุ่นของผิว และกระชับผิวให้ดูตึงขึ้นได้ จากการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ที่เป็นโปรตีนสำคัญในการยกกระชับ และทำให้ผิวยืดหยุ่น
                                                    • Glass Glow Skin ช่วยลดความหมองคล้ำ เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นแล้วนั้นจะมีส่วนช่วยในการลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวดูสดใส สม่ำเสมอ ช่วยปรับสภาพผิวให้ดูมีชีวิตชีวาได้อีกด้วย
                                                    • Glass Glow Skin ช่วยในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว Glass Glow Skin มีส่วนช่วยโดยตรงในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ผิวโกลว์ ฉ่ำวาว จากการฉีด Hyaluronic Acid ที่มีส่วนช่วยในการดูดซับน้ำ ช่วยเก็บความชุ่มชื้นในและดูแลบำรุงผิวอย่างล้ำลึก

                                                    การทำ Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ไม่ได้ช่วยเพียงการเติมความชุ่มชื้น และทำให้ผิวโกลว์อิ่มน้ำเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยในปัญหาผิวได้อีกหลายด้าน ซึ่งผลลัพธ์หลังงานรักษาสามารถอยู่ได้ยาวนานหลายเดือนตามการดูแลหลังการทำเลยค่ะ

                                                    Glass Glow Skin เจ็บไหม ?

                                                    การทำ Glass Glow Skin จะใช้การฉีด Hyaluronic Acid ด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผิวโกลว์ ฉ่ำวาว อิ่มน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ จึงอาจเกิดความรู้สึกเจ็บได้มากเล็กน้อย เมื่อมีการแทงเข็มเข้าสู่ผิวหนัง แต่โดยปกติแล้วจะมีการเจ็บเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นระหว่างการทำ Glass Glow Skin 

                                                    Glass Glow Skin อันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า ?

                                                    การทำ Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ เป็นโปรแกรมการทำที่มีความปลอดภัย และมีโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงหลังการทำที่ต่ำมาก หากทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากเป็นการใช้สารเติมความชุ่มชื้น ที่ช่วยให้ผิวโกลว์ อิ่มน้ำ ด้วยสารที่ได้รับรองความปลอดภัย  แต่อย่างไรก็ตามการฉีด Hyaluronic Acid อาจเกิดผลข้างเคียงได้บ้างในบางบุคคล ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการทำ Glass Glow Skin มีดังนี้

                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin อาจเกิดบวมและแดงได้ ซึ่งการเกิดผลข้างเคียงนี้หลังการทำ Glass Glow Skin ถือเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากการที่ร่างกายตอบสนองต่อเข็มหรือสารที่ฉีด แต่ไม่เป็นอันตราย และสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน
                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin อาจเจ็บหรือระคายเคืองได้  โดยหลังการทำมีโอกาสที่จะเจ็บหรือตึงในบริเวณที่ฉีดได้ กแต่จะหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน
                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin อาจเกิดรอยฟกช้ำ ซึ่งรอยฟกช้ำเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้จากการที่เข็มไปกระทบหลอดเลือดใต้ผิวหนัง แต่รอยฟกช้ำที่เกิดหลังการทำ จะสามารถหายได้เองภายใน 3-7 วัน

                                                    อาการข้างเคียงต่าง ๆ เหล่านี้ อาจเกิดขึ้นได้ในบางบุคคล แต่มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรง สามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งสามารถลดการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ เหล่านี้ได้จากการเตรียมตัวให้พร้อม และปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการทำ Glass Glow Skin อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้

                                                    Glass Glow Skin อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องทำกี่ครั้ง ?

                                                    ผลลัพธ์หลังการทำ Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ นอกจากจะช่วยให้ผิวโกลว์ ดูอิ่มน้ำ แล้วนั้นยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวอื่น ๆ ได้ โดยเห็นผลความเปลี่ยนแปลงได้ตามระยะเวลาที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

                                                    • ผลลัพธ์ในการเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวโกลว์ หลังการทำ Glass Glow Skin จะเริ่มเห็นได้หลังการทำทันที และจะเริ่มเห็นผลได้ชัดขึ้น 7-14 วันหลังการทำ
                                                    • ผลลัพธ์ในการกระชับผิว เต่งตึง หลังการทำ Glass Glow Skin ผิวจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น ภายใน 14 วัน
                                                    • ผลลัพธ์ในการลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก หลังการทำ Glass Glow Skin จะเห็นผลลัพธ์มากขึ้น เนื่องจากต้องกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง โดยเฉลี่ยจะเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 14-30 วัน

                                                    สรุปแล้วหลังการทำ Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ ผิวจะค่อย ๆ เริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ยาวนาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาผิวหลังการทำและปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ซึ่งการทำ Glass Glow Skin ในผิวปกติควรทำ 1-2 ครั้ง/ปี และในผู้ที่มีผิวแห้งควรทำ 3 ครั้ง/ปีค่ะ

                                                    การเตรียมตัวก่อนทำ Glass Glow Skin

                                                    การเตรียมตัวให้พร้อมเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการทำ Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการทำที่มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้หลังการทำ Glass Glow Skin อีกด้วย ดังนั้นก่อนทำ Glass Glow Skin ควรเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้ 

                                                    • ก่อนการทำ Glass Glow Skin ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิว และให้คำแนะนำที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลก่อนการทำ
                                                    • ก่อนการทำ Glass Glow Skin ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว
                                                    • ก่อนการทำ Glass Glow Skin ควรหยุดใช้ยาบางชนิด ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก่อนการทำ 5-7 วันภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดเลือดออกหรือรอยช้ำหลังจากการฉีด
                                                    • ก่อนการทำ Glass Glow Skin ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำหลังการฉีดได้ จึงควรงดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการทำ Glass Glow Skin 
                                                    • ก่อนการทำ Glass Glow Skin ควรเตรียมสภาพผิวให้สะอาด หากมีเครื่องสำอางบนใบหน้าควรทำความสะอาดออกให้เรียบร้อย 
                                                    • ก่อนการทำ Glass Glow Skin ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
                                                    • ก่อนการทำ Glass Glow Skin ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพ ควรแจ้งแพทย์ให้ละเอียดเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา หรือโรคประจำตัวต่าง ๆ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

                                                    และทั้งหมดนี้คือการเตรียมตัวเบื้องต้นก่อนการทำ Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญนอกจากการเตรียมตัวให้พร้อมตามคำแนะนำแล้วนั้น ก่อนการทำ Glass Glow Skin ควรเข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาและประเมินผิวเบื้องต้น สำหรับการวางแผนการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ หลังจากการทำ Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ได้

                                                    วิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Glass Glow Skin

                                                    หากต้องการให้ผลลัพธ์ผิวโกลว์ อิ่มน้ำ ฉ่ำวาวอย่างยาวนาน โดยไม่มีผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาการดูแลตัวเองหลังการทำ Glass Glow Skin เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การดูแลตัวเองก่อนทำ Glass Glow Skin เลย ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังการทำที่มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง ควรดูแลตัวเองหลังการทำ Glass Glow Skin ดังนี้

                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือกดทับบริเวณที่ฉีด เพื่อไม่ให้ Hyaluronic Acid เลื่อนผิดตำแหน่ง
                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin ไม่ควรบีบ หรือนวดแรง ๆ ในบริเวณที่ฉีด ในช่วง 7-14 วันแรกหลังการทำ
                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin ควรหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์หน้า และควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ ที่อาจกระทบกับการทำ Glass Glow Skin ก่อน ในช่วง 7-14 วันแรกหลังการทำ
                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin ควรหลีกเลี่ยงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ 
                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin ควรติดตามผลและปรึกษาแพทย์ หากมีอาการที่ผิดปกติมากกว่าปกติ หลังการทำ Glass Glow Skin เช่น ปวด , บวม หรือแดง ควรรีบปรึกษาแพทย
                                                    • หลังการทำ Glass Glow Skin ควรดื่มน้ำให้มาก เพื่อให้ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ให้ผลลัพธ์ผิวโกลว์ อิ่มน้ำ ยาวนาน

                                                    การดูแลตัวเองหลังการทำ Glass Glow Skin เป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมาก เพราะส่งผลถึงผลลัพธ์ ความปลอดภัย และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้าผู้เข้ารับการรักษามีข้อกังวลใจ หรือพบอาการที่ผิดปกติหลังจากการทำ Glass Glow Skin ควรรีบแจ้งเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง

                                                    Glass Glow Skin ช่วยผิวโกลว์ เป็นโปรแกรมการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวผ่านการฉีด Hyaluronic Acid  ที่จะทำให้ผิวโกลว์ใส เงา สวย ฉ่ำวาว อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา อีกทั้งยังสามารถช่วยลดร่องลึกหรือริ้วรอย ที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและความชุ่มชื้นได้อีกด้วย โดยผลลัพธ์หลังการทำ Glass Glow Skin สามารถอยู่ได้ 4-6 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังการทำของแต่ละบุคคล 

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวตัวช่วยผิวสวย ใส ฉ่ำ วาว

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวยอดฮิต

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวคืออะไร ? ดียังไง ตอบคำถาม หมดเปลือก

                                                    ผิวสวยกระจ่างใส เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นและผิวขาดความชุ่มชื้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่ออายุมากขึ้น ฟิลเลอร์งานผิว จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งฟิลเลอร์งานผิวช่วยให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์ สดใส และเปล่งปลั่งอีกครั้ง แม้ว่าฟิลเลอร์งานผิวจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในยุคสมัยนี้ แต่เทคโนโลยีในการผลิตฟิลเลอร์และเทคนิคการฉีดพัฒนาก้าวหน้าไปมาก ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยยิ่งขึ้น 

                                                     

                                                    บทความนี้จะอธิบายถึงฟิลเลอร์งานผิวคืออะไร ฟิลเลอร์งานผิวทำงานอย่างไร ยี่ห้อของฟิลเลอร์งานผิวที่นิยมใช้ เพื่อให้คุณเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง รวมไปถึงเจาะลึกเรื่องของของฟิลเลอร์งานผิว เทคนิคการฉีด และผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์งานผิว

                                                     

                                                    เจาะลึกฟิลเลอร์งานผิว เลือกฟิลเลอร์เพื่อปรับสภาพผิวยี่ห้อไหนดี

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวคืออะไร
                                                    ฟิลเลอร์งานผิวคืออะไร

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว คืออะไร?

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว คือ การฉีดสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักเป็น ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย และมีคุณสมบัติสำคัญในการช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว การใช้ฟิลเลอร์ชนิดนี้มีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟู และปรับสภาพผิวให้ดูสดใสอย่างมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยเนื้อสัมผัสของฟิลเลอร์จะบางเบา เหมาะสำหรับการเติมเต็มในระดับผิวหนัง ไม่ได้เน้นการปรับรูปหน้า แต่จะช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ผิวแลดูมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

                                                     

                                                    การฉีดฟิลเลอร์งานผิวเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้าน หรือปรับให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น โดยเฉพาะคนที่เผชิญปัญหาผิวขาดน้ำจากมลภาวะหรืออายุที่เพิ่มขึ้น ฟิลเลอร์งานผิวจะช่วยคืนความสมดุลของผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สดใส และดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มองหาวิธีดูแลผิวแบบง่าย ๆ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวช่วยอะไรบ้าง
                                                    ฟิลเลอร์งานผิวช่วยอะไรบ้าง

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว ช่วยอะไรบ้าง?

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เพิ่มความชุ่มชื้น อิ่มน้ำให้กับผิวหน้า
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก เผยผิวเรียบเนียน
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ฟื้นฟูโครงสร้างผิวเพื่อผิวแลดูสุขภาพดี
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เพิ่มคุณภาพผิวให้ผิวยืดหยุ่น แข็งแรงขึ้น
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวเติมส่วนไหนได้บ้าง
                                                    ฟิลเลอร์งานผิวเติมส่วนไหนได้บ้าง

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว เติมเต็มส่วนไหนได้บ้าง?

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวเพื่อการปรับสภาพผิว สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า หรือหากมีตำแหน่งที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษก็สามารถฉีดได้ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและการประเมินของแพทย์ของแต่ละบุคคล โดยบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์งานผิวได้ มีดังนี้

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิวทั่วใบหน้า เติมเต็มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเรียบเนียน
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิวบริเวณหน้าผาก ช่วยเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ 
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิวบริเวณรอบดวงตา แก้ปัญหารอบดวงตาหมองคล้ำ ลดริ้วรอยหางตา และลดริ้วรอยรอบดวงตา
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิวบริเวณรอบริมฝีปาก ลดเลือนริ้วรอยบริเวณมุมปากและรอบริมฝีปาก
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิวที่เป็นหลุมสิว แก้ปัญหาผิวขรุขระ เติมเต็มหลุมสิว

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวเหมาะกับใคร
                                                    ฟิลเลอร์งานผิวเหมาะกับใคร

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับใครบ้าง?

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับคนที่ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งขาดความยืดหยุ่น
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับคนที่มีผิวไม่กระชับ หย่อนคล้อย
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ และริ้วรอยร่องตื้นบริเวณใบหน้า
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับคนที่มีใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับคนที่ต้องการเติมน้ำให้ผิว ฟื้นฟูผิวให้กลับมากระจ่างใส
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับคนที่มีรอยดำ รอยแดง จากสิว
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับคนที่ต้องการให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่ง
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เหมาะกับคนที่ต้องการป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติแพ้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะผิวหนังอักเสบ
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติแพ้ยาชา
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ไม่เหมาะกับสตรีที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ไม่เหมาะกับคนที่มีแผลฟกช้ำง่าย มีภาวะเลือดออกแล้วหยุดยาก
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ไม่เหมาะกับคนที่ป่วยเป็นโรคงูสวัด หรือโรคเริม ควรรักษาให้หายก่อน

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวมีข้อดีอะไรบ้าง
                                                    ฟิลเลอร์งานผิวมีข้อดีอะไรบ้าง

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว มีข้อดีอย่างไร?

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ช่วยแก้ไขริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ ได้ทั่วบริเวณใบหน้า
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ลดรอยคล้ำบริเวณใต้ดวงตา
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว แก้ปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น ฉ่ำวาวให้ผิวหน้า
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ช่วยทำให้ผิวเด้ง ผิวดูอิ่มฟู
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ช่วยรักษาคุณภาพผิว ให้ผิวสดใส ดูอ่อนวัย
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ริ้วรอยตื้นบนใบหน้าเรียบเนียนขึ้น
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก เน้นเพิ่ม Skin Quality ให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ช่วยกระตุ้นการเกิดคอลลาเจน ให้มีการจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ และผิวเรียบเนียนมากขึ้น
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว สามารถช่วยปรับโครงสร้างผิวหน้าให้ดูมีมิติมากขึ้น 
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว มีความปลอดภัยสูง เมื่อทำโดยแพทย์ที่มีความรู้ และเลือกใช้ฟิลเลอร์งานผิวแท้

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว ข้อควรระวังมีอะไรบ้าง?

                                                    การฉีดฟิลเลอร์งานผิวเพื่อปรับสภาพผิว ต้องระมัดระวังเรื่องฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมนอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เนื้อฟิลเลอร์จะไม่สามารถย่อยสลายเองได้ ทำให้เกิดการอักเสบและทิ้งสารตกค้างในร่างกายได้ ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว ต้องคำนึงดังนี้

                                                    • เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
                                                    • แพทย์มีใบรับรอง สามารถตรวจสอบได้ และมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์
                                                    • ใช้ฟิลเลอร์แท้ สามารถตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้
                                                    • มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ที่น่าเชื่อถือได้

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว เลือกยี่ห้อไหนดี?

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว BELOTERO REVIVE

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวกระจก มีส่วนผสมทั้งไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) และ กลีเซอรอล (Glycerol) อยู่ในตัวเดียวกัน เป็นฟิลเลอร์เนื้ออ่อนที่สุด สามารถแนบเนียนไปกับผิวได้ ดูดีแบบธรรมชาติ ช่วยเติมเต็มผิวให้อิ่มฟู ฉ่ำวาว รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียนละเอียดขึ้น ซึ่งการฉีด BELOTERO REVIVE 1 ครั้ง ครั้งละ 2 CC จะช่วยให้ผิวฉ่ำวาวมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นฟิลเลอร์ตัวเดียวที่ช่วยในการเติมเต็มหลุมสิว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9 เดือน นิยมใช้ฉีดบำรุงผิว เน้นการฟื้นฟูผิว เพื่อความแข็งแรงให้ผิว

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว NEAUVIA HYDRO DELUXE

                                                    ฟิลเลอร์ประเภทสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid :HA) จากประเทศอิตาลีที่ผลิตขึ้นมาในปี 2012 เป็นเทคโนโลยีใหม่ทางการแพทย์ที่ได้รับการพัฒนามาล่าสุด ซึ่งจุดเด่นของฟิลเลอร์คือการเลือกใช้สาร Polyyethylene Glycol (PEG) มาเป็นสาร Cross link กับ Hyaluronic Acid ทำให้เนื้อฟิลเลอร์สามารถทนต่อความร้อนได้ดี หลังฉีดไม่ค่อยเกิดอาการบวม ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยแก้ปัญหาผิวเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ปรับผิวให้มีความเรียบเนียนและชุ่มชื้นขึ้น

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว SKINVIVE

                                                    สกินบูสเตอร์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากบริษัท Allergan ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก ไมโครดรอปเล็ท (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ที่มีความพิเศษกว่า HA ทั่วไป เพราะโมเลกุลที่มีขนาดเล็กละเอียดกว่า กระจายตัวได้ดี กลืนไปกับผิวได้ง่าย ช่วยอุ้มน้ำได้ดีกว่า ทำให้ผิวมีความฉ่ำวาว ชุ่มชื้นขึ้นกว่าเดิม ลดปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ รวมไปถึงช่วยกระชับรูขุมขน เผยผิวเรียบเนียนอย่างยาวนาน ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 9 เดือน

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว Restylane Vital Light

                                                    เป็นฟิลเลอร์สำหรับเหมาะกับการเก็บรายละเอียดบนใบหน้า เนื่องจากมีโมเลกุลขนาดเล็ก เนื้อฟิลเลอร์ละเอียด สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ใบหน้ามีความชุ่มชื้น ปรับผิวให้กระจ่างใส เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณผิวหนังชั้นตื้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว Juvederm Volite

                                                    เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตขึ้นมาจากบริษัทชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา มีลักษณะเนื้อฟิลเลอร์นิ่ม มีเนื้อบางเบาละเอียด เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์รุ่นอื่น ๆ เหมาะกับคนที่ผิวบาง เป็นตัวช่วยในการฟื้นฟูผิว สามารถกักเก็บน้ำ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย ช่วยให้ผิวฉ่ำวาวสุขภาพดี ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟูมากขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 9 เดือน

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว กับ ฟิลเลอร์ทั่วไป แตกต่างกันอย่างไร?

                                                    ฟิลเลอร์งานผิวและฟิลเลอร์ทั่วไป เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักเป็นไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เหมือนกันทั้งคู่ แต่มีผลลัพธ์และหลักการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว :มุ่งเน้นการปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้น (Skin Quality) โดยมีคุณสมบัติหลักในการเติมเต็มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น ฟิลเลอร์ประเภทนี้ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน กระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใบหน้า ซึ่งฟิลเลอร์งานผิวมีโมเลกุลขนาดเล็ก ซึ่งช่วยให้สารเติมเต็มสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ มีริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา หรือผิวหมองคล้ำที่ไม่สดใส เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับสภาพผิวให้อ่อนเยาว์ขึ้น
                                                    • ฟิลเลอร์ทั่วไป เน้นการเติมเต็มร่องลึก แก้ปัญหาริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้อิ่มฟูมากขึ้น ปรับโครงสร้างใบหน้าให้มีความสมดุล ซึ่งฟิลเลอร์ประเภทนี้จะมีโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่ ช่วยให้คงรูปได้ดี เหมาะกับการเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปนั้นเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าตอบ ร่องแก้มลึก ริมฝีปากบาง และต้องการปรับรูปหน้าให้สมดุลและอ่อนเยาว์

                                                     

                                                    การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว

                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน แอโรบิก 24 ชั่วโมง
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว ควรงดยาแอสไพริน งดอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 1 สัปดาห์
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว งดแว็กซ์หรือสครับบริเวณใบหน้า 1 สัปดาห์
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์งานผิว
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว หากมีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้บริการ
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว ควรเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์งานผิวที่ได้รับมาตรฐานและปลอดภัย

                                                     

                                                    ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์งานผิว

                                                    1. ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไขก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว
                                                    2. แพทย์จะทำการแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์งานผิว และปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวในแต่ละบุคคล
                                                    3. ทำความสะอาดใบหน้า กรณีผู้รับบริการแต่งหน้ามา จะมีเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว
                                                    4. ก่อนฉีดฟิลเลอร์งานผิว แพทย์จะต้องแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า เพื่อตรวจสอบได้ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้
                                                    5. เริ่มประคบน้ำแข็ง เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม ซึ่งในเนื้อฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะมียาชาผสมอยู่
                                                    6. เมื่อฉีดฟิลเลอร์งานผิวเสร็จแล้ว แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์งานผิวอย่างใกล้ชิด
                                                    7. แพทย์ทำการนัดหมาย เพื่อติดตามผลของการฉีดฟิลเลอร์งานผิวหลังทำทุกเคส

                                                     

                                                    การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว

                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว อาจมีรอยแดงและรอยเข็ม ในบริเวณจุดที่ฉีด และค่อย ๆ หายได้เองใน 2-3 วัน
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว ควรลดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิว 1 เดือน
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว ควรดื่มน้ำมาก ๆ ให้เพียงพอต่อร่างกาย เพื่อคงสภาพฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว หลีกเลี่ยงการตากแดดกลางแจ้ง
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อรักษาสภาพผิวให้แข็งแรง
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว งดนวด คลึง กด หรือสัมผัสแรง ๆ ในบริเวณที่ฉีด
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร้อน  อาหารรสจัด และอาหารหมักดอง

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์งานผิว ที่ไหนดี?

                                                    1. คลินิกได้รับการรับรองมาตรฐาน มีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
                                                    2. แพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการฉีดฟิลเลอร์งานผิวเป็นหัตถการที่ใช้ความชำนาญในการฉีดสูง เพราะฉะนั้นแพทย์ต้องมีประสบการณ์ เพื่อประเมินปัญหาผิวและสภาพผิวอย่างเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                    3.  เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ มีความปลอดภัย สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% แบบไม่มีสารตกค้าง ไม่มีผลข้างเคียง และไม่มีผลกระทบใด ๆ
                                                    4. มีรีวิวจากการใช้บริการจริง เพื่อความปลอดภัยควรตรวจสอบรีวิว และพิจารณาจากผลของการรักษาจากแหล่งที่เป็นกลางเชื่อถือได้ 

                                                    คำถามพบบ่อยของฟิลเลอร์งานผิว

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ควรใช้กี่ cc?

                                                    ปริมาณฟิลเลอร์งานผิวที่แต่ละคนควรใช้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิว ตำแหน่งที่ต้องการฉีด และปัญหาผิวเฉพาะของแต่ละบุคคล ก่อนการรักษา แพทย์จะทำการประเมินและวิเคราะห์สภาพผิวของผู้เข้ารับบริการอย่างละเอียด เพื่อกำหนดปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม

                                                     

                                                    โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้มักจะอยู่ที่ประมาณ 1 CC ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้การตัดสินใจเกี่ยวกับปริมาณฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์ที่มีความรู้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และปลอดภัยที่ดีที่สุด

                                                     

                                                    • ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว มีอะไรบ้าง?

                                                    หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิวเพื่อปรับสภาพผิว อาจมีรอยแดงจากเข็ม ซึ่งสามารถหายได้เองใน 2-3 วัน และอาจมีอาการบวมหลังฉีด นับเป็นอาการปกติที่พบได้หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว

                                                     

                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว กี่วันเห็นผล?

                                                    หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิวจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ในบางกรณีอาจจะมีรอยเข็มหรืออาการบวมเกิดขึ้นหลังฉีด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และจะค่อย ๆ หายได้เอง เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ในระยะเวลา 1 เดือน

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว อยู่ได้นานไหม?

                                                    หลังจากการฉีดฟิลเลอร์งานผิว จะสังเกตเห็นว่าผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียนขึ้นทันที ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างเต็มที่ ภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์งานผิวจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังการฉีด 

                                                     

                                                    • ฉีดฟิลเลอร์งานผิว เจ็บไหม?

                                                    การฉีดฟิลเลอร์งานผิว เป็นหัตถการที่ต้องใช้เข็มฉีดตัวยาเข้าสู่ผิว ซึ่งอาจมีความรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้ว ความเจ็บจะอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ ซึ่งแพทย์จะทำการแปะยาชาก่อนการฉีดเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดลง นอกจากนี้ ฟิลเลอร์บางชนิดยังมีส่วนผสมของยาชาอยู่ ทำให้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้มากขึ้น

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว อันตรายไหม?

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว ไม่เป็นอันตราย หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ รู้ตำแหน่ง และเทคนิคการฉีด ที่สำคัญคือต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อได้รับมาตรฐานการรับรอง ผ่าน อย. สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ปลอดภัย 

                                                     

                                                    • ฉีดฟิลเลอร์งานผิว กี่วันหายบวม?

                                                    หลังจากการฉีดฟิลเลอร์งานผิว อาการบวมมักเกิดขึ้นจากการใช้เข็ม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของร่างกาย โดยอาการบวมและรอยแดงเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีด มักจะลดลงและหายไปเองภายใน 7-14 วัน ทั้งนี้ระยะเวลาที่อาการบวมจะหายสนิท อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เทคนิคของแพทย์ และการดูแลตัวเองหลังการฉีด

                                                     

                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว สามารถแต่งหน้าได้ไหม?

                                                    หลังฉีดฟิลเลอร์งานผิว 24 ชั่วโมง แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าไปก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมจากเครื่องสำอาง สัมผัสกับรอยเข็มตรงบริเวณที่ฉีด เมื่อครบ 24 ชั่วโมงแล้วสามารถกลับมาแต่งหน้าได้ตามปกติ

                                                     

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?

                                                    การฉีดฟิลเลอร์งานผิว สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เพียงแต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด เช่น การฉีดโบลดริ้วรอย การร้อยไหม รวมถึงการทำเครื่องมือยกกระชับ Hifu, Ulthera SPT และ Thermage FLX สามารถทำร่วมกันได้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยแพทย์จะประเมินปัญหาผิวของแต่ละคน และเลือกวิธีที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ดูเป็นธรรมชาติ และตรงกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์งานผิว ทำร่วมกับหัตถการอะไรได้บ้าง? 

                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ทำร่วมกับฉีดโบลดริ้วรอย : เพื่อช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนมากขึ้น
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ทำร่วมกับการเลเซอร์ : เพื่อช่วยรักษาปัญหาผิวอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น รอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                                    • ฟิลเลอร์งานผิว ทำร่วมกับเครื่องยกกระชับต่าง ๆ : เพื่อช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับขึ้น กระตุ้นการสร้างของคอลลาเจนและอีลาสติน อีกทั้งใบหน้าชุ่มชื้น อิ่มน้ำ สุขภาพดีร่วมด้วย

                                                     

                                                    • ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์งานผิว กับการทำหัตถการอื่น ๆ ร่วมกัน มีอะไรบ้าง?

                                                    การฉีดฟิลเลอร์งานผิวร่วมกับการทำหัตถการอื่น ๆ ร่วมด้วย จะช่วยประหยัดเวลา สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลายอย่างในครั้งเดียว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นได้ชัดเจนและยาวนานขึ้น เพื่อผิวอ่อนเยาว์ สุขภาพดี เปล่งปลั่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่การพิจารณาของแพทย์ เพื่อวางแผนการทำหัตถการก่อนและหลังเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด

                                                     

                                                    เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลผิวที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย เช่น ผิวแห้งขาดน้ำ ริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า และแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวดูอิ่มฟู อิ่มน้ำมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์งานผิวควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลผิวหลังทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและปลอดภัย สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่https://bit.ly/RomrawinLINE

                                                    Romrawin Clinic ร่วมฉลองโฉมใหม่ Central Chidlom ในงาน The Store of Bangkok GRAND OPENING

                                                    เซ็นทรัลชิดลม

                                                    Romrawin Clinic ร่วมฉลองโฉมใหม่ เซ็นทรัลชิดลม ในงาน The Store of Bangkok GRAND OPENING

                                                     

                                                    Romrawin Clinic คลินิกเสริมความงามชั้นนำระดับประเทศ ที่อยู่คู่กับ Central Chidlom มาอย่างยาวนาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานเฉลิมฉลองเปิดตัวโฉมใหม่ของ Central Chidlom ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้คอนเซปต์ “The Store of Bangkok” พร้อมตอกย้ำความสัมพันธ์อันยาวนานและความสำเร็จร่วมกัน 

                                                     

                                                    เซ็นทรัลชิดลม
                                                    ร่วมฉลองโฉมใหม่ เซ็นทรัลชิดลม ในงาน The Store of Bangkok GRAND OPENING

                                                     

                                                    โดยมีเหล่าดาราระดับท็อปสตาร์ นำโดย “นัมจูฮยอก” แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของ Central Chidlom บินลัดฟ้าร่วมงาน พร้อมด้วยสองผู้บริหารของรมย์รวินท์คลินิก “มาดามจอย – ขวัญฤทัย ดํารงค์วัฒนโภคิน” และ “หมอฐา – พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล” ที่ได้ร่วมแสดงความยินดีกับ Central Chidlom โฉมใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

                                                     

                                                    เซ็นทรัลชิดลม
                                                    ร่วมฉลองโฉมใหม่ เซ็นทรัลชิดลม ในงาน The Store of Bangkok GRAND OPENING

                                                    ความผูกพันธ์อันยาวนานของ Romrawin Clinic และเซ็นทรัลชิดลม

                                                     

                                                    เซ็นทรัลชิดลม
                                                    ร่วมฉลองโฉมใหม่ เซ็นทรัลชิดลม ในงาน The Store of Bangkok GRAND OPENING

                                                     

                                                    ในโอกาสพิเศษครั้งนี้ มาดามจอย ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานและแน่นแฟ้นระหว่าง Romrawin Clinic และ Central Chidlom โดยระบุว่า Romrawin Clinic ได้เปิดให้บริการที่ Central Chidlom ตั้งแต่วันแรกของการก่อตั้ง เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของสถานที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการให้บริการที่ครบวงจรในรูปแบบ One-Stop Shopping ครอบคลุมทั้งการช้อปปิ้งและการดูแลตัวเอง

                                                     

                                                    นอกจากนี้ มาดามจอยยังแสดงความภาคภูมิใจในความเติบโตของ Central Chidlom ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นห้างสรรพสินค้าระดับโลก พร้อมเน้นย้ำว่า Romrawin Clinic รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จครั้งนี้ พร้อมเชิญชวนทุกท่านที่มาเยือน Central Chidlom แวะเข้ารับบริการความงามที่ Romrawin Clinic บนชั้น 3 เพื่อสัมผัสประสบการณ์การดูแลผิวพรรณและความงามระดับพรีเมียม

                                                     

                                                    เซ็นทรัลชิดลม
                                                    ร่วมฉลองโฉมใหม่ เซ็นทรัลชิดลม ในงาน The Store of Bangkok GRAND OPENING

                                                    Romrawin Clinic สวยในแบบที่เป็นคุณ ด้วยเทคโนโลยีความงามระดับโลก

                                                     

                                                    Romrawin Clinic เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำด้านความงาม ที่มุ่งมั่นในการยกระดับความมั่นใจของลูกค้า ด้วยเทคนิคทางการแพทย์และเทคโนโลยีความงาม เช่น การยกกระชับผิวด้วยโปรแกรมยกกระชับ การดูแลปัญหาผิวพรรณ และการฟื้นฟูสุขภาพผิว ซึ่งทุกโปรแกรมออกแบบมาเฉพาะบุคคลเท่านั้น

                                                     

                                                    เซ็นทรัลชิดลม
                                                    ร่วมฉลองโฉมใหม่ เซ็นทรัลชิดลม ในงาน The Store of Bangkok GRAND OPENING

                                                     

                                                    Romrawin Clinic ให้บริการด้วยทีมแพทย์ผู้มีความรู้และมาตรฐานระดับสากล พร้อมมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทุกความสวยของลูกค้าทุกคน ภายใต้คำมั่นสัญญา For the Better You สวยในแบบที่เป็นคุณ

                                                     

                                                    Romrawin Clinic และ เซ็นทรัลชิดลม ความสัมพันธ์ที่เติบโตเคียงข้างกัน

                                                     

                                                    เซ็นทรัลชิดลม
                                                    ร่วมฉลองโฉมใหม่ เซ็นทรัลชิดลม ในงาน The Store of Bangkok GRAND OPENING

                                                     

                                                    Central Chidlom ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของ Romrawin Clinic ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ และยังคงเป็นสาขาหลักที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเสมอมา ความสัมพันธ์อันยาวนานนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าและเติบโตไปด้วยกัน

                                                     

                                                    Romrawin Clinic พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Central Chidlom และยังคงมุ่งมั่นส่งมอบบริการเสริมความงามที่ดีที่สุดให้กับทุกท่าน พบกับเราได้ที่ Central Chidlom ชั้น 3 ในบรรยากาศใหม่ที่หรูหราและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เพราะความงามของคุณคือแรงบันดาลใจของเรา

                                                    Profhilo ฟื้นฟูผิว คืออะไร ดียังไง ต่างจากฟิลเลอร์ปกติยังไง

                                                    Proflio

                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                       Profhilo ฟื้นฟูผิว คืออะไร ดียังไง ต่างจากฟิลเลอร์ปกติยังไง

                                                       

                                                      ผิวเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา เหมือนร่างกายที่เริ่มมีสุขภาพที่แย่ลงเมื่อถึงวัย ในเมื่อเราต้องออกกำลังกายให้สุขภาพดี กินอาหารเสริมหรือของที่มีประโยชน์เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้วฉันใด เราก็ต้องดูแลผิวเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นฉันนั้น คอลลาเจน และอิลาสตินที่อยู่ใต้ชั้นผิวนั้น ลดลงตามกาลเวลาเนื่องจากร่างกายของคนเราจะลดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวลงปีละ 1.5% ซึ่งเมื่ออายุของเราครบ 40 ปีโดยประมาณร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้ช้าลงอีกถึง 30% ดังนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วเราจะเห็นได้ชัดว่าผิวของเราเสื่อมสภาพ เนื่องจากเสื่อมสภาพสะสมมาระยะหนึ่งแล้วนั่นเอง

                                                       

                                                      แต่จะดีกว่าไหม หากเราไม่ต้องรอให้ผิวเกิดการเสื่อมสภาพค่อยดูแล ในเมื่อเราสามารถดูแลผิวได้เลย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการเสื่อมสภาพ หรือหากผิวเสื่อมสภาพไปแล้ว ก็ไม่สายเกินไปที่จะย้อนเวลาผิว ให้ผิวที่เรารักกลับไปสู่วัยเด็กอีกครั้ง Profhilo 

                                                       

                                                       Profhilo ผลติภัณฑ์ฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยสร้างผิวที่มีคุณภาพ และยังช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาดีได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอาการข้างเคียง

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิวคืออะไร ?

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว คือสารที่มีองค์ประกอบด้วย ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่สังเคราะห์บริสุทธิ์ถึง 100% เนื่องจากปราศจากสารเติมแต่งใดๆ จึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย 

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว  เป็นผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นสูงอีกทั้งยังผลิตด้วย กระบวนการผลิตด้วยความร้อนอันเป็นเอกลักษณ์และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดย IBSA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า NAHYCO®  นั่นเอง Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว 2 มล. จะมีไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid) ประกอบอยู่เป็นปริมาณมากถึง 64 มก. 

                                                       

                                                      จึงทำให้ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว มีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ไปทางลักษณะเหลว เพื่อให้กระจายตัวในชั้นผิวหนังได้เป็นอย่างดี และยังช่วยให้เข้าไปฟื้นฟูใต้ผิวหนังได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว จะทำงานโดยการเข้าไปกระจายตัวอยู่ในบริเวณใต้ชั้นผิวหนังเพื่อให้เกิดการให้ใต้ผิวหนังกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ใต้ผิวหนังของเรานั้นเกิดการฟื้นฟูได้เองตามธรรมชาติ อีกทั้งคอลลาเจน และอิลาสตินที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วนั้นจะยังคงสามารถคงอยู่ที่ใต้ชั้นผิวได้ต่อไป ถึงแม้ว่า Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ที่ฉีดเข้าไปจะสลายไปตามกาลเวลาแล้วก็ตาม

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ใช้เพื่อการฉีดลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยและรอยเหี่ยวย่น และยังช่วยในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้น คืนความสาว และเด็กให้กับผิวหนังที่เกิดการเสื่อมสภาพอีกด้วย ทั้งยังช่วยในการลดริ้วรอยเล็กๆ ซ่อมแซมผิวที่เกิดการเสียหายจากการเกิดสิวหรือรอยแผลเป็นอีกด้วย

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิวได้ยังไง

                                                       

                                                      • Profhilo เพิ่มความชุ่มชื้นได้ลึก และกักเก็บน้ำได้

                                                      ไฮยาลูรอนิก แอซิตที่อยู่ใน Profhilo เป็นสารที่สามารถอุ้มน้ำได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน หลังจากฉีด Profhilo ไปแล้ว ผิวจึงสามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และหยาบกร้านน้อยลง ทั้งยังช่วยลดริ้วรอยบนผิวหนังที่มีขนาดเล็กอีกด้วย

                                                       

                                                      • Profhilo สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินที่ใต้ชั้นผิวได้

                                                      โดยคอลลาเจนและอีลาสตินนั้น นับเป็นโปรตีนที่สำคัญเป็นอย่างมากที่ช่วยให้ความยืดหยุ่นแต่ผิว นอกจากนั้นยังเป็นส่วนทำให้ผิวมีความแข็งแรง แน่น ฟู กระชับ เมื่อผลลัพธ์ส่งผลสู่ภายนอกก็จะทำให้ผิวภาพรวมดูอ่อนเยาว์

                                                       

                                                      • Profhilo ช่วยในการปรับโครงสร้างผิว

                                                      ไฮยาลูรอนิกใน Profhilo มีความสามารถในการปรับโครงสร้างผิว และยังช่วยในการฟื้นฟูผิวให้มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นและมีคุณภาพผิวที่ดี ผิวดูสวยสดชื่นไม่โทรมและเรียบเนียน

                                                       

                                                      • Profhilo สามารถกระจายตัวยาเมื่อเข้าสู่ใต้ผิวได้เป็นอย่างดี

                                                      Profhilo เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความหนืดในตัวต่ำ รวมทั้งสามารถกระจายตัวยาได้เป็นอย่างดี เมื่อฉีดลงสู่ใต้ชั้นผิว สามารถฟื้นฟูและบำรุงได้เป็นบริเวณที่กว้าง และสามารถฉีดในบริเวณที่กว้างได้เป็นอย่างดี

                                                       

                                                      • Profhilo ปรับสมดุล และซ่อมแซมผิวได้ในระดับโครงสร้าง

                                                      Profhilo ทำให้ผิวแข็งแรง ลดการเสื่อมสภาพ และสามารถเผชิญกับปัญจัยภายนอกได้เป็นอย่างดี ลดการเกิดปัญหาผิว เช่นริ้วรอย ความหมองคล้ำ หย่อนคล้อย ให้กลับมาเรียบเนียนและสวยได้เหมือนตอนยังเยาว์วัย

                                                       

                                                      Profhilo ปลอดภัยหรือไม่

                                                       

                                                      Profhilo ได้รับการรับรองมาตรฐาน ความปลอดภัยจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือ US FDA สถาบันรองรับมาตรฐานในระดับสากล โดย Profhilo เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยในด้านการใช้ในการฟื้นฟูผิว ทั้งยังมีรางวัลการันตีจากสหราชอาณาจักร คือรางวัล Asthatic Awards ซึ่งได้รับต่อเนื่องกันถึง 4 ปีติดต่อกันคือ ปี 2016-2019 จึงทำให้เชื่อถือได้ว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกาย ไม่ทำอันตรายต่อใบหน้าและผิวเมื่อฉีดเข้าไป ทั้งยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ก่อให้เกิดการตกค้าง

                                                       

                                                      Profhilo เหมาะกับฉีดบริเวณใด
                                                      Profhilo เหมาะกับฉีดบริเวณใด

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีดบริเวณใด ?

                                                       

                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีด แก้ม

                                                       ที่มีผิวหนังที่หย่อนคล้อย ห้อย ย้อย และเหี่ยวย่น จากการสลายของคอลลาเจนรวมทั้งอิลาสติน

                                                       

                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีด แนวกราม

                                                      ที่ไม่ชัด ไม่คม ห้อย ย้อย

                                                       

                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีด ลำคอ

                                                      ที่มีความแห้งและผิวบางลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น

                                                       

                                                      •  Profhilo  ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีด มือ

                                                      ที่มีความเหี่ยวย่นตามกาลเวลา จนเห็นเส้นเลือดเด่นชัด ไม่สวยงามเหมือนตอนวัยสาว

                                                       

                                                      •  Profhilo  ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีด เข่า

                                                      หัวเข่าที่เหี่ยวจนดูไม่น่ามอง และทำให้ไม่กล้าใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้น

                                                       

                                                      •  Profhilo  ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีด แขน

                                                      ที่เหี่ยวย้อย หรือหย่อนคล้อยตามวัย

                                                       

                                                      •  Profhilo  ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีด ริ้วรอยรอบดวงตาและริ้วรอยใต้ตา

                                                      อันเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าเริ่มมีอายุ

                                                       

                                                      •  Profhilo  ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับการฉีด ริ้วรอยรอบปาก

                                                      เกิดจากอายุที่มากขึ้น และการสูบบุหรี่บ่อยครั้ง

                                                       

                                                      •  Profhilo  เหมาะกับการฉีด หน้าอก 

                                                      เนินอกที่มีความหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ และเหี่ยวย่น

                                                       

                                                      Profhilo เหมาะกับใคร
                                                      Profhilo เหมาะกับใคร

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับใคร ?

                                                       

                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ ต้องการมีผิวหน้าเรียบเนียนกระชับ
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ ต้องการมีสุขภาพผิวที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติ จากภายใน
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ ต้องการมีผิวหน้าที่เต่งตึง
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ผิวดูเด็กลง
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ มีผิวบอบบางหรือผิวแพ้ง่าย
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ มีผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ มีผิวเสื่อมโทรมเป็นแผล
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ ต้องการเพิ่มความหนาแน่นของชั้นผิว
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ มีผิวเหี่ยวย่น
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ มีผิวหย่อนคล้อย
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ แต่งหน้าไม่ติด
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ ทาครีมไม่ลงผิว
                                                      •  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เหมาะกับผู้ที่ ผิวขาดความยืดหยุ่น

                                                       

                                                      อายุเท่าไหร่ถึงจะทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ได้ ?

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว  สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ซึ่งเป็นวัยที่คอลลาเจนในร่างกายเริ่มลดลงนั่นเอง

                                                       

                                                      การเตรียมตัวก่อนการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว

                                                      • ก่อนการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ควรงดรับประทานวิตามิน ยาแอสไพริน และวิตามินอี รวมทั้งอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของแปะก๊วย ก่อนการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว 1-2 วันเนื่องจากยาดังกล่าวมีส่วนในการทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด และทำให้เกิดความบวมช้ำได้
                                                      • ก่อนการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ และ กิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 1-2 วัน
                                                      • ก่อนการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ควรงดสูบบุหรี่ 1-2 วัน
                                                      • ก่อนการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวหลังฉีดได้เร็วขึ้นและดีขึ้น
                                                      • ก่อนการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่อย่างละเอียด

                                                       

                                                      ขั้นตอนการทำการรักษาโดย Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว 

                                                      1. ประเมินปัญหา และบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
                                                      2. ทำความสะอาดใบหน้าเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
                                                      3. ทายาชาบริเวณเฉพาะที่ต้องการทำการรักษา 20-40 นาทีก่อนการรักษาเพื่อบรรเทาความเจ็บและลดความกลัว
                                                      4. แพทย์ลงมือทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ด้วยความชำนาญด้วยเทคนิคเฉพาะตัวของรมย์รวินท์คลินิก
                                                      5. ทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้ง

                                                       

                                                      การดูแลตัวเองหลังการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว

                                                      • หลังการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือทาเครื่องสำอางบริเวณที่ทำการรักษาเป็นเวลา 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
                                                      • หลังการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว  บริเวณที่ทำการรักษาอาจมีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อเล็กน้อยและนูนขึ้นหลังการรักษา นี้จะลดลงในวันถัดไป
                                                      • หลังการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว  ไม่ควรเอามือไปสัมผัสบริเวณรอยเข็ม ไม่แคะ แกะ เกาหรือถู เพราะนอกจากจะป้องกันการติดเชื้อที่แผลแล้วยังอาจทำให้ตัวยาเกิดการกระจายตัว เคลื่อนที่ไปผิดตำแหน่งและทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดน้อยลงได้
                                                      • หลังการทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว  ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการอักเสบ บวมช้ำ ของแผล และทำให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วกว่า

                                                       

                                                      คำถามเกี่ยวกับ Profhilo
                                                      คำถามเกี่ยวกับ Profhilo

                                                       

                                                      Profhilo ต้องฉีดกี่ครั้ง

                                                      • เบื้องต้นควรฉีด 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนเพื่อให้ผิวฟื้นฟู จากนั้นสามารถทิ้งระยะในการฉีดได้โดยฉีดทุกๆ 6 เดือน

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ต้องทำบ่อยแค่ไหน ?

                                                      • ครั้งแรก ให้ทำติดกัน 2 ครั้งใน 1 เดือน จากนั้น  Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ควรทำทุกๆ 6 เดือนอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีที่สุด

                                                       

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเริ่มเห็นผล ?

                                                       Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว เป็นโปรแกรมที่เห็นผลลัพธ์หลังการรักษาว่าผิวบริเวณที่ทำการรักษานั้นจะดีขึ้นตั้งแต่ 1 เดือนแรก และจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด

                                                       

                                                      • การฉีด Phofhilo ในครั้งแรก  หากไม่เคยฉีดมาก่อนเลย จะทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูก่อนเบื้องต้นโดยผิวจะเริ่มชุ่มชื้น อิ่มฟูขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังฉีดจะเห็นได้ว่าผิวจะค่อยๆ เปล่งปลั่ง มีความกระจ่างใส และมีความเรียบเนียนขึ้น ความหยาบกร้านน้อยลง ควรฉีดอีกหนึ่งครั้งหลังฉีดครั้งแรกไป 4 สัปดาห์

                                                       

                                                      • เมื่อฉีด Phofhilo ในครั้งที่สอง ผิวจะเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิวจะเริ่มมีความแน่น เต่งตึง ริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้าที่เคยมีกลับลดลง เพิ่มความยืดหยุ่นมากขึ้น ผิวดูไบร์ท กระจ่างใส และมีความกระชับมากขึ้น

                                                      Proflio
                                                      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                       

                                                      หลังทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว จะมีผลข้างเคียงใดหรือไม่ ?

                                                      • หลังทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว อาจมีอาการบวม แดง ภายในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมงหลังทำการรักษา แต่อาการดังกล่าวจะค่อยๆดีขึ้น โดยจัดเป็นอาการปกติของการทำ Profhilo

                                                       

                                                       Profhilo คงผลลัพธ์ได้นานเท่าไหร่

                                                      •  Profhilo สามารถคงผลลัพธ์ หลังจากฉีดครบ 2 ครั้ง ได้นาน 6-9 เดือนโดยประมาณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลรักษาของคนไข้ผู้เข้ารับบริการ

                                                       

                                                       Profhilo ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน

                                                      • หากต้องการผลลัพธ์หลังฉีดที่ดีและยาวนาน แนะนำให้ฉีด Profhilo ทุกๆ 6-12 เดือน อย่างต่อเนื่อง จึงจะเป็นการคงสภาพผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่อง

                                                       

                                                      ใครที่ไม่สามารถทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ได้ ?

                                                      • ผู้ที่ไม่สามารถทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ได้คือผู้ที่สงสัยว่ามีการแพ้สารในกลุ่มไฮยารูลอนิก แอซิด
                                                      • ผู้ที่ไม่สามารถทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิวได้คืออยู่ในระหว่างการรับประทานยาห้ามเลือดแข็งตัว
                                                      • ผู้ที่ไม่สามารถทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิวได้คือหญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
                                                      • ผู้ที่ไม่สามารถทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิวผู้ที่มีผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อ เช่นโรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังต่างๆ
                                                      • ผู้ที่ไม่สามารถทำ Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิวผู้ป่วยโรคมะเร็ง SLE

                                                       

                                                      Profhilo
                                                      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                       

                                                      Profhilo ต่างจากฟิลเลอร์หรือไม่ อย่างไร

                                                      Profhilo  และฟิลเลอร์ มีส่วนประกอบที่เป็นส่วนที่เหมือนกันคือ HA หรือ ไฮยาลูลอริก แอซิด แต่ตัวผลิตภัณฑ์นั้นมีวัตถุประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกันกับฟิลเลอร์อย่างชัดเจน สามารถเปรียบเทียบกันได้ดังนี้ คือ

                                                       

                                                      • Profhilo เป็น HA บริสุทธิ์ 100% ที่สามารถเข้ากับผิวได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้าหรือโครงสร้างใบหน้า 
                                                      • ฟิลเลอร์ มีการผสมสารบางชนิดเพื่อการคงตัวของผลิตภัณฑ์ จึงสามารถใช้เพื่อปรับโครงสร้างและรูปทรงได้เป็นอย่างดี ใช้ในการปรับ และเปลี่ยนแปลงรูปทรงใบหน้าได้
                                                      • Profhilo เป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและฟื้นฟู และยกกระชับผิว โดยการสร้างคอลลาเจนด้วยสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูจากภายใน ส่งผลลัพธ์ความอ่อนเยาว์ และสุขภาพดีสู่ภายนอก
                                                      • ฟิลเลอร์ เป็นผลิตภัณฑ์สารเติมเต็ม สามารถใช้เติมเต็มได้ตั้งแต่โครงสร้างใบหน้า หรือใช้ในการปรับรูปหน้า ในจุดที่บกพร่องและต้องการแก้ไข สามารถใช้เพื่อเติมจุดที่สูญเสียปริมาตรไป หรือใช้เพื่อเพิ่ม รวมทั้งปรับรูปทรงเฉพาะส่วนได้ เช่น ปาก ร่องแก้ม ขมับ โหนกแก้ม เพื่อให้ใบหน้ามีมิติมากขึ้น
                                                      • Profhilo มีความคงทน เนื่องจากเป็นการเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ที่เป็นของตัวเราเองในระยะยาว แต่ตัวผลิตภัณฑ์สามารถคงอยู่ใต้ชั้นผิวได้ประมาณ 6-9 เดือน  และจะสลายไปได้เองตามธรรมชาติโดยไม่อันตราย
                                                      • ฟิลเลอร์ แต่ละชนิด ยี่ห้อ และรุ่นจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วจะสามารถคงสภาพได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการฉีดด้วย

                                                       

                                                      Proflio
                                                      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                       

                                                      Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว จึงเป็นโปรแกรมที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่เข้าสู่วัยที่คอลลาเจนและอิลาสตินที่อยู่ใต้ผิวหนัง ลดปริมาณการสร้างและค่อยๆ ลดตัวลงตามกาลเวลา ผู้ที่มีปัญหาผิว ริ้วรอย และความชุ่มชื่น โดยที่ไม่เพียงแต่จะฟื้นฟูได้ในบริเวณใบหน้า Profhilo ฟื้นฟูสภาพผิว ยังสามารถใช้ในการฉีดเพื่อฟื้นฟูผิวหนังในบริเวณอื่นๆ ในร่างกายได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้หากมีความกังวล เกี่ยวกับผิว ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใด ใบหน้า หรือร่างกาย สามารถเข้ามาปรึกษา หรือปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์ของ Romrawin Clinic ได้เช่นกัน เพื่อทำการแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด และถูกต้องที่สุด ทั้งนี้ Romrawin Clinic ยังมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และชำนาญการในการใช้ผลิตภัณฑ์ และการรักษา มีคลินิกที่มีผลิตภัณฑ์ในการเสริมความงามแบบครบวงจร และยังมีผลิตภัณฑ์ดีดี ที่เหมาะกับการแก้ปัญหาในทุกส่วน ที่เหมาะกับผู้เข้ารับบริการทุกท่านไว้บริการเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้บริการในการรักษา

                                                      Romrawin X Merz Aesthetics Radiesse+ ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”

                                                      Radiesse+ ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”

                                                      Romrawin X Merz Aesthetics ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล” แบบเอกซ์คลูซิฟ

                                                       

                                                      รมย์รวินท์คลินิก ร่วมกับ Merz Aestheticsจัดกิจกรรมพิเศษสุดเอกซ์คลูซิฟเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการความงามและตอบแทนลูกค้าคนสำคัญ กิจกรรมในครั้งนี้ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าคนพิเศษของรมย์รวินท์คลินิก โดยมีจุดประสงค์เพื่อมอบช่วงเวลาสุดพิเศษสำหรับโอกาสในการชมละครเวทีชื่อดัง “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล” ซึ่งเป็นผลงานการแสดงที่เต็มไปด้วยคุณภาพและความอลังการ  ไปจนถึงการพบปะใกล้ชิดกับซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทย “ณเดชน์ คูกิมิยะ” เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 เวลา 17.30 – 22.00 น. ณ รัชดาลัยเธียเตอร์

                                                       

                                                      Radiesse+ ช่วงเวลาพิเศษสำหรับลูกค้าคนพิเศษของรมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น

                                                       

                                                      Radiesse+ ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”
                                                      Radiesse+ ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”

                                                       

                                                      ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล” แบบเอกซ์คลูซิฟ

                                                      รมย์รวินท์คลินิก ร่วมกับ Merz Aestheticsจัดกิจกรรมพิเศษสุดเอกซ์คลูซิฟเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการความงามและตอบแทนลูกค้าคนสำคัญ กิจกรรมในครั้งนี้ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าคนพิเศษของรมย์รวินท์คลินิก โดยมีจุดประสงค์เพื่อมอบช่วงเวลาสุดพิเศษสำหรับโอกาสในการชมละครเวทีชื่อดัง “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล” ซึ่งเป็นผลงานการแสดงที่เต็มไปด้วยคุณภาพและความอลังการ  ไปจนถึงการพบปะใกล้ชิดกับซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทย “ณเดชน์ คูกิมิยะ” เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 เวลา 17.30 – 22.00 น. ณ รัชดาลัยเธียเตอร์

                                                       

                                                      ช่วงเวลาพิเศษสำหรับลูกค้าคนพิเศษของรมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น

                                                      “มาดามจอย ขวัญฤทัย ดํารงค์วัฒนโภคิน” ผู้นำแห่งรมย์รวินท์คลินิก นำผู้โชคดีทั้ง 15 ท่านจากกิจกรรมสุดพิเศษ Top Spender ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในการชมละครเวที “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล” ซึ่งจัดขึ้นในบรรยากาศสุดเอกซ์คลูซิฟ ทำให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถดื่มด่ำกับการแสดงสุดแสนอลังการที่เต็มไปด้วยคุณภาพแบบส่วนตัวเท่านั้น

                                                       

                                                      ละครเวทีสุดคลาสสิกอย่าง “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในละครเวทีที่มีการผสมผสานบทเพลงและการแสดงได้อย่างลงตัว โดยในครั้งนี้ผู้โชคดีต่างสัมผัสได้ถึงอรรถรสของเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดอย่างทรงพลัง ราวกับได้เดินทางเข้าสู่โลกแห่งทะเลทรายอย่างแท้จริง

                                                       

                                                      Radiesse+ ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”
                                                      Radiesse+ ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”

                                                      ฟินต่อเนื่อง Meet & Greet กับ ณเดชน์ คูกิมิยะ

                                                       

                                                      หลังจากจลการแสดงละครเวที ผู้โชคดีทุกท่านยังได้พบกับไฮไลต์สุดพิเศษ ที่สร้างความฟินแบบเกินต้าน กับกิจกรรม Meet & Greet กับ ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกแถวหน้าของเมืองไทย  โดยณเดชน์ได้ร่วมพูดคุยอย่างใกล้ชิดและถ่ายภาพกับผู้ร่วมงานในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

                                                       

                                                      Radiesse+ ความงามที่คมชัดทะลุจอทุกมิติ

                                                       

                                                      Radiesse+ ผลิตภัณฑ์พิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความงาม สำหรับคนที่มองหาการยกกระชับใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของ Rediesse+ ที่ช่วยเติมเต็มความคมชัดให้กับใบหน้า พร้อมฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

                                                       

                                                      จุดเด่นที่ทำให้ Radiesse+ แตกต่าง คือ เทคโนโลยีที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติในชั้นผิว ทำให้ใบหน้ามีความเต่งตึง กระชับ และเรียบเนียนกว่าเดิม ซึ่ง Radiesse+ ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการปรับรูปหน้า เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และลดเลือนริ้วรอยลึกอย่างเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

                                                       

                                                      Radiesse+ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ฟื้นฟูผิวระดับพรีเมียม โดยเฉพาะคนที่ต้องการปรับปรุงโครงหน้าให้กลับมาอ่อนเยาว์และเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ Radiesse+ ยังช่วยเสริมสร้างมิติให้กับใบหน้า เช่น แนวกราม คาง หรือแก้ม ให้คมชัดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ 

                                                       

                                                      Radiesse+ ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”
                                                      Radiesse+ ใกล้ชิด ณเดชน์ คูกิมิยะ ชม “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”

                                                      “Radiesse+ คมทะลุจอ” ประสบการณ์ที่เหนือระดับในทุกมิติ

                                                       

                                                      คำว่า “คมทะลุจอ” ไม่ได้สื่อถึงแค่ความคมชัดของผลลัพธ์จากการดูแลความงาม แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดสำหรับลูกค้าของรมย์รวินท์คลินิก กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการรวมตัวของศาสตร์และศิลป์แห่งความงามและความบันเทิง ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่าการบริการทั่วไป

                                                       

                                                      ด้วยการสนับสนุนจาก Merz Aesthetics ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีความงามที่ทันสมัยที่สุด รมย์รวินท์คลินิกได้ยกระดับกิจกรรมในครั้งนี้ให้กลายเป็นความพิเศษ ที่ตอบโจทย์ด้านความงามและการเติมเต็มความสุขในทุกมิติ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองและความทรงจำที่ล้ำค่าสำหรับลูกค้าคนพิเศษทุกคน

                                                       

                                                      นอกจากลูกค้าทั้ง 15 ท่านที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการดูแลอย่างพิเศษแล้ว ยังมีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศที่แสดงถึงความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่รมย์รวินท์คลินิกและ Merz Aesthetics ตั้งใจสร้างสรรค์ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อลูกค้าเสมอ สำหรับใครที่พลาดงานกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ สามารถรอติดตามกิจกรรมในครั้งต่อไปของที่รมย์รวินท์คลินิก ตามช่องทางโซเชียลมีเดียของรมย์รวินท์คลินิกได้

                                                      “มาดามจอย ขวัญฤทัย ดํารงค์วัฒนโภคิน” ผู้นำแห่งรมย์รวินท์คลินิก นำผู้โชคดีทั้ง 15 ท่านจากกิจกรรมสุดพิเศษ Top Spender ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในการชมละครเวที “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล” ซึ่งจัดขึ้นในบรรยากาศสุดเอกซ์คลูซิฟ ทำให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถดื่มด่ำกับการแสดงสุดแสนอลังการที่เต็มไปด้วยคุณภาพแบบส่วนตัวเท่านั้น

                                                       

                                                      ละครเวทีสุดคลาสสิกอย่าง “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในละครเวทีที่มีการผสมผสานบทเพลงและการแสดงได้อย่างลงตัว โดยในครั้งนี้ผู้โชคดีต่างสัมผัสได้ถึงอรรถรสของเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดอย่างทรงพลัง ราวกับได้เดินทางเข้าสู่โลกแห่งทะเลทรายอย่างแท้จริง

                                                       

                                                      ฟินต่อเนื่อง Meet & Greet กับ ณเดชน์ คูกิมิยะ

                                                       

                                                      หลังจากจลการแสดงละครเวที ผู้โชคดีทุกท่านยังได้พบกับไฮไลต์สุดพิเศษ ที่สร้างความฟินแบบเกินต้าน กับกิจกรรม Meet & Greet กับ ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกแถวหน้าของเมืองไทย  โดยณเดชน์ได้ร่วมพูดคุยอย่างใกล้ชิดและถ่ายภาพกับผู้ร่วมงานในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

                                                       

                                                      Radiesse+ ความงามที่คมชัดทะลุจอทุกมิติ

                                                       

                                                      Radiesse+ ผลิตภัณฑ์พิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความงาม สำหรับคนที่มองหาการยกกระชับใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของ Rediesse+ ที่ช่วยเติมเต็มความคมชัดให้กับใบหน้า พร้อมฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

                                                       

                                                      จุดเด่นที่ทำให้ Radiesse+ แตกต่าง คือ เทคโนโลยีที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติในชั้นผิว ทำให้ใบหน้ามีความเต่งตึง กระชับ และเรียบเนียนกว่าเดิม ซึ่ง Radiesse+ ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการปรับรูปหน้า เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และลดเลือนริ้วรอยลึกอย่างเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

                                                       

                                                      Radiesse+ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ฟื้นฟูผิวระดับพรีเมียม โดยเฉพาะคนที่ต้องการปรับปรุงโครงหน้าให้กลับมาอ่อนเยาว์และเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ Radiesse+ ยังช่วยเสริมสร้างมิติให้กับใบหน้า เช่น แนวกราม คาง หรือแก้ม ให้คมชัดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ 

                                                       

                                                      “Radiesse+ คมทะลุจอ” ประสบการณ์ที่เหนือระดับในทุกมิติ

                                                       

                                                      คำว่า “คมทะลุจอ” ไม่ได้สื่อถึงแค่ความคมชัดของผลลัพธ์จากการดูแลความงาม แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดสำหรับลูกค้าของรมย์รวินท์คลินิก กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการรวมตัวของศาสตร์และศิลป์แห่งความงามและความบันเทิง ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่าการบริการทั่วไป

                                                       

                                                      ด้วยการสนับสนุนจาก Merz Aesthetics ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีความงามที่ทันสมัยที่สุด รมย์รวินท์คลินิกได้ยกระดับกิจกรรมในครั้งนี้ให้กลายเป็นความพิเศษ ที่ตอบโจทย์ด้านความงามและการเติมเต็มความสุขในทุกมิติ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองและความทรงจำที่ล้ำค่าสำหรับลูกค้าคนพิเศษทุกคน

                                                       

                                                      นอกจากลูกค้าทั้ง 15 ท่านที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการดูแลอย่างพิเศษแล้ว ยังมีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศที่แสดงถึงความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่รมย์รวินท์คลินิกและ Merz Aesthetics ตั้งใจสร้างสรรค์ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อลูกค้าเสมอ สำหรับใครที่พลาดงานกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ สามารถรอติดตามกิจกรรมในครั้งต่อไปของที่รมย์รวินท์คลินิก ตามช่องทางโซเชียลมีเดียของรมย์รวินท์คลินิกได้

                                                      สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า จัดงาน “CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better” 

                                                      CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better

                                                      รมย์รวินท์คลินิก สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า จัดงาน “CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better” 

                                                       

                                                      รมย์รวินท์คลินิก สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ได้จัดงานCoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better” อีเวนต์สุดพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างและดูแลสุขภาพผิวพรรณ เป็นงานอีเวนต์ที่รวมพลคนอยากมีหุ่นดี ปรับหุ่นให้ Better ได้มากกว่าที่เคยเป็น แรงเกินต้าน จัดใหญ่ จัดเต็มกว่าเดิม! พร้อมรับส่วนลดสูงสุดถึง 5,000.- ผ่านการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา 

                                                       

                                                      บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก มีการพูดคุยเปิดใจเกี่ยวกับเคล็ดลับการดูแลสุขภาพและรูปร่างโดย “คุณหมอบีบี – พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู” แพทย์ด้านความงามและการดูแลรูปร่างจากรมย์รวินท์คลินิก พร้อมด้วย MC ผู้ดำเนินรายการ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศสนุกสนาน และดึงดูดผู้ชมทั้งในสถานที่และทางออนไลน์

                                                      คุณหมอบีบีได้แนะนำวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายและผิวพรรณในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมเผยว่าหากการดูแลตัวเองยังไม่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้อย่างที่ต้องการ  CoolSculpting คือตัวช่วยที่ตอบโจทย์มากที่สุด

                                                       

                                                      CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Bette
                                                      CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better

                                                      CoolSculpting เทคโนโลยีการปรับรูปร่าง

                                                      คุณหมอบีบีได้อธิบายถึงรายละเอียดของ CoolSculpting ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ความเย็นขั้นสูง เพื่อกำจัดเซลล์ไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น หลักการทำงานของเครื่องนี้ คือการส่งความเย็นเฉพาะจุดเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง เซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะถูกกำจัดออกจากร่างกายผ่านระบบขับถ่ายตามธรรมชาติ ทำให้ผิวกระชับและรูปร่างดูสมส่วนมากขึ้น

                                                      CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better

                                                      โชว์ขั้นตอนจริงการทำ CoolSculpting เพิ่มความมั่นใจให้ผู้รับบริการ

                                                      จุดเด่นของงานนี้ คือการพาผู้ชมเข้าชมขั้นตอนการทำ CoolSculpting แบบสด ๆ โดยมีเคสตัวอย่างที่เข้ารับบริการจริง และคุณหมอบีบีได้อธิบายทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมินจำนวนหัวหนีบที่ต้องใช้ในแต่ละจุด การชั่งน้ำหนัก และวัดสัดส่วนก่อนเริ่มทำ ไปจนถึงการติดตั้งอุปกรณ์และการทำงานของเครื่องจริง

                                                       

                                                      ซึ่งคุณหมอบีบีให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีและเห็นผลลัพธ์ไว สามารถทำ CoolSculpting ร่วมกับ Fit Shape Body ซึ่งช่วยกระชับผิวและปรับสัดส่วนเพิ่มเติมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

                                                       

                                                      CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Bette
                                                      CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better

                                                      โปรโมชั่น CoolSculpting สุดพิเศษสำหรับผู้ร่วมงาน

                                                       

                                                      งานอีเวนต์นี้ รมย์รวินท์คลินิก ยังมอบโปรโมชั่นพิเศษที่ไม่ควรพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 5,000 บาท สำหรับผู้ที่จอง CoolSculpting ภายในวันงานเท่านั้น อีกทั้งสิทธิพิเศษอีกมากมาย

                                                       

                                                      CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better
                                                      CoolSculpting Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better

                                                       

                                                      ผู้ที่สนใจสามารถติดตามกิจกรรมและโปรโมชั่นสุดพิเศษจาก รมย์รวินท์คลินิก ได้ที่ทุกสาขา หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook และเว็บไซต์ของคลินิกหากมีโปรโมชันดีๆ สามารถจองได้แบบไม่ต้องรอ

                                                       

                                                      อย่าพลาดโอกาสดี ๆ ที่จะปรับรูปร่างให้ดูดีในแบบที่คุณต้องการ เพราะรูปร่างที่สวยงาม เริ่มต้นได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก เท่านั้น

                                                      In-House Training Program Profhilo ยกระดับเทคนิคฟื้นฟูผิวระดับโลก

                                                      Training Program Profhilo

                                                      รมย์รวินท์คลินิก จัด “In-House Training Program Profhilo” ยกระดับเทคนิคฟื้นฟูผิวระดับโลก

                                                       

                                                      รมย์รวินท์คลินิกตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความงามและการดูแลผิวพรรณ จัดกิจกรรมเวิร์กช็อปสุดพิเศษ “In-House Workshop : It’s not Filler, It’s Bio-Remodeling” เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับทีมแพทย์ของรมย์รวินท์คลินิก เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 07.00 – 09.30 น. ณ รมย์รวินท์คลินิก สาขาชิดลม ที่ผ่านมา

                                                       

                                                      Training Program Profhilo
                                                      Training Program Profhilo

                                                       

                                                      ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี Profhilo Program ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ Bio Remodeling ที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน พร้อมแชร์เทคนิคการฉีดแบบเฉพาะทางโดย ศาสตราจารย์ ดร. Ofir Artzi ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังระดับโลกจากประเทศอิสราเอล ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

                                                       

                                                      Training Program Profhilo
                                                      Training Program Profhilo

                                                      ไฮไลต์ของงาน Training Program Profhilo

                                                       

                                                      • การบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก

                                                      เวิร์กช็อปเริ่มต้นด้วยการบรรยายของศาสตราจารย์ ดร. Ofir Artzi ที่จะอธิบายข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Profhilo Program ตั้งแต่จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เอกสารวิจัยทางการแพทย์ ไปจนถึงเทคนิคการฉีดที่เรียกว่า BAP Injection ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าและลำคอ

                                                      • Hands-on Workshop

                                                      ทีมแพทย์ของรมย์รวินท์คลินิกมีโอกาสฝึกปฏิบัติการฉีด Profhilo Program จริง โดยมีศาสตราจารย์ ดร. Ofir Artzi คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญในการใช้ผลิตภัณฑ์นี้

                                                      • ถาม-ตอบแบบเจาะลึก

                                                      ช่วงถาม-ตอบ (Q&A) ช่วยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งาน Profhilo Program กับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

                                                       

                                                       

                                                      Training Program Profhilo
                                                      Training Program Profhilo

                                                      ทำความรู้จัก Profhilo Program

                                                      Profhilo Program เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติวงการความงามด้วยการใช้เทคโนโลยี Bio Remodeling ซึ่งเน้นการปรับโครงสร้างผิวจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ โดย Profhilo Program มีกรดไฮยารูโลนิกในปริมาณความเข้มข้นสูง พร้อมด้วยการผสมผสานโมเลกุลขนาดเล็กและใหญ่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิว

                                                      โดย Profhilo Program มีจุดเด่น ดังนี้

                                                       

                                                      Training Program Profhilo
                                                      Training Program Profhilo

                                                       

                                                      • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 4 ชนิด คือ คอลลาเจนชนิดที่ 1, 3, 4 และ 7 รวมไปถึง

                                                      อีลาสตินที่ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่นขึ้น

                                                      • ฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเลียนแบบกระบวนการในร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ
                                                      • ช่วยยกกระชับและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าและลำคอ ให้ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ
                                                      • ครอบคลุมปัญหาผิวในด้านการรักษาหลุมสิวและด้านการฟื้นฟูผิว

                                                       

                                                      งานเวิร์กช็อปนี้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับทีมแพทย์ของรมย์รวินท์คลินิกที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการดูแลผิว และพัฒนาศักยภาพในการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยมาตรฐานระดับสากล งานนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของรมย์รวินท์คลินิกในการยกระดับการให้บริการ เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “For the Better You” 

                                                      ยกหน้าเป๊ะ ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Thermage FLX คุณพันช์

                                                      ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Thermage FLX


                                                      คุณพันช์ ยกหน้าเป๊ะ ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Thermage FLX 

                                                       

                                                      ดูดีอยู่เสมอเลยนะคะ สำหรับคุณพั้นช์ ภัคญดา ชุติดนัยกุล ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Phakyada ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว และผิว คุณพั้นช์บอกกับรมย์รวินท์คลินิกว่าจะต้องสวยดูดี จะไม่ยอมแก่ หรือโทรมแน่นอนค่ะ 

                                                       

                                                      เป็นผู้หญิงก็ต้องอยากให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอใช่มั้ยคะ ทั้งการแต่งตัว รูปร่าง และก็เรื่องผิวหน้าด้วย พั้นช์จึงคอยดูแลเรื่องผิวหน้าของตัวเองด้วย พั้นช์จะไม่ยอมให้ตัวเองดูแก่ ดูโทรม ดูไม่สวยแน่นอน พั้นช์อยากให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอและต้องดูดีในแบบที่เป็นตัวเองด้วยค่ะ วันว่างๆ ของพั้นช์จึงมาเติมความสวยให้ตัวเองอยู่เรื่อยๆ และก็ที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ ที่พั้นช์ไว้ใจให้ดูแลเรื่องผิว เสริมความดูดีให้กับพั้นช์ค่ะ

                                                       

                                                      Thermage FLX
                                                      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                       

                                                      และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันว่างของพั้นช์ พั้นช์จึงมาให้คุณหมอผล (นพ.อธิวัชร อัศวภิวัฒน์) ช่วยดูแลเรื่องผิวให้พั้นช์ เพราะตอนนี้พั้นช์เริ่มรู้สึกว่าหน้าของพั้นช์เริ่มหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยร่องลึก พั้นช์จึงต้องรีบจัดการซะก่อนค่ะ คุณหมอผลช่วยประเมินปัญหาผิวให้กับพั้นช์ด้วยเทคนิค Lifting Select ที่ช่วยวิเคราะห์ลงลึกทุกชั้นผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อเลือกโปรแกรมในการรักษาที่ตรงจุดมากที่สุด และขอบอกว่าเทคนิคนี้เป็นเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก มีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นนะคะ

                                                       

                                                      Thermage FLX
                                                      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                       

                                                      คุณหมอผลเลือกทำ Thermage FLX ให้กับพั้นช์ค่ะ ตัว Thermage FLX ช่วยเรื่องยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย และลดเลือนริ้วรอย อีกทั้งยังช่วยเรื่องงานผิวด้วยค่ะ Thermage FLX  ยิงด้วยพลังงานลงลึกถึงชั้นไขมัน ช่วยยกกระชับผิวหน้าและช่วยลดไขมันส่วนเกินที่จับบริเวณแก้ม เหนียง และคางให้สลายไป และหมดห่วงเรื่องผิวไหม้เบิร์นไปได้เลยค่ะ เพราะ Thermage FLX มีระบบ Cooling Effect หรือพลังงานความเย็นที่จะปล่อยในระหว่างทำการรักษา ซึ่งระบบนี้ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลงด้วยค่ะ

                                                       

                                                      หลังทำ Thermage FLX พั้นช์สัมผัสได้เลยถึงผิวที่ยกกระชับมากขึ้นกว่าเดิม ร่องลึกบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้มที่เคยมีของพั้นช์มันตื้นขึ้นมาก พั้นช์รู้สึกได้ถึงความอ่อนเยาว์มากขึ้นเลยค่ะ ซึ่งคุณหมอผลบอกกับพั้นช์ว่า หลังทำจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีถึง 20% เลย และพั้นช์ก็สัมผัสได้ว่ามันอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ ทุกคนยังไม่ต้องเชื่อพั้นช์ก็ได้ค่ะ แต่อยากให้มาลองทำ Thermage FLX ด้วยตัวเองจริงๆ แล้วจะพบกับผลลัพธ์ที่คุณต้องหลงรัก Thermage FLX เหมือนกับพันช์ที่หลงรักผิวของตัวเองแล้วค่ะตอนนี้ 

                                                       

                                                      Thermage FLX
                                                      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                      ผิวแน่นเฟิร์ม Thermage FLX คืออะไร 

                                                      Thermage FLX ช่วยยกกระชับผิว ด้วยพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง หรือ Monopolar Radio Frequency ยิงพลังงานลงลึกถึงชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เกิดการเรียงตัวกันใหม่ที่แน่นและเป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้ชั้นผิวแน่นเฟิร์ม กระชับมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้า เช่น แก้ม เหนียง และคางสองชั้นได้อีกด้วย และยังช่วยกระชับรูขุมขน ให้ผิวที่เนียนละเอียดยิ่งขึ้น ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น Thermage FLX ได้รับการรับรองจาก US FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา และ อย.ไทย จึงเป็นโปรแกรมยกกระชับที่ความปลอดภัย และได้มาตรฐาน และเป็นที่นิยม โดย Thermage FLX มีจุดเด่น คือ

                                                       

                                                      • F “FASTER” Thermage FLX รักษาได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 25% และรักษาได้ครอบคลุมพื้นที่ของผิวได้มากกว่าเดิมถึง 33% 
                                                      • L “ALGORITHM” Thermage FLX มีเทคโนโลยี AccuREP ที่สามารถปรับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้มาใช้บริการได้แบบ Real Time และThermage FLX ยังมีความปลอดภัยและมีความแม่นยำในการรักษามากขึ้น 
                                                      • X “EXPERIENCE” Thermage FLX ที่ปรับให้มีความสบายมากขึ้น โดยจะปล่อย Cooling Effect หรือระบบทำความเย็น ในระหว่างการรักษา เพื่อช่วยป้องกันการไหม้เบิร์นของผิว และมีระบบ Vibration ซึ่งเป็นระบบสั่นที่ช่วยลดความเจ็บปวดขณะทำการรักษา

                                                       

                                                      Thermage FLX
                                                      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                      ข้อดีของ Thermage FLX 

                                                      • Thermage FLX ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับ
                                                      • Thermage FLX ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึกทั้งหน้าผาก ร่องแก้ม รอบดวงตา
                                                      • Thermage FLX ช่วยปรับรอบหน้าให้เรียว คมชัดมากขึ้น
                                                      • Thermage FLX ช่วยให้ผิวหน้าเนียนละเอียด รูขุมขนกระชับมากขึ้น
                                                      • Thermage FLX ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ 
                                                      • Thermage FLX ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณแก้ม เหนียงคาง ให้ผิวหน้าเรียวกระชับ
                                                      • Thermage FLX ให้ผลลัพธ์ความยกกระชับยาวนาน 1 – 2 ปี
                                                      • Thermage FLX ยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทิ้งบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น

                                                       

                                                      ใครที่ควรทำ Thermage FLX บ้าง

                                                      • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีผิวหน้าอ่อนเยาว์
                                                      • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า กระชับรูขุมขน
                                                      • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยบริเวณผิวหน้า คอ และตัว 
                                                      • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับแต่ไม่อยากผ่าตัด หรือพักฟื้น
                                                      • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสมบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็นบริเวณแก้ม เหนียง ใต้คาง
                                                      • Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลต์ ผิวไม่เรียบเนียน ผิวเป็นคลื่น

                                                       

                                                      Thermage FLX
                                                      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                       

                                                      Thermage FLX สามารถทำได้บริเวณไหนบ้าง

                                                      • Thermage FLX Thermage FLX สามารถทำได้บริเวณผิวหน้า ช่วยลดความหย่อนคล้อย กรอบหน้าเรียวกระชับ
                                                      • Thermage FLX สามารถทำได้บริเวณรอบดวงตา ช่วยแก้ปัญหาตาตก ริ้วรอย ตีนกา และถุงใต้ตา
                                                      • Thermage FLX สามารถทำได้บริเวณคิ้ว ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตก 
                                                      • Thermage FLX สามารถทำได้บริเวณแก้ม ช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ลดไขมันสะสมบริเวณแก้ม
                                                      • Thermage FLX สามารถทำได้บริเวณคอ ช่วยลดความเหี่ยวย่นของผิวหนังบริเวณให้ตึงกระชับ
                                                      • Thermage FLX สามารถทำได้บริเวณลำตัว ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก ช่วยยกระชับผิว และเก็บส่วนเกิน ลดความหย่อนคล้อย

                                                       

                                                      พิสูจน์ผลลัพธ์ผิวยกกระชับแบบคุณพั้นช์ด้วย Thermage FLX ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ และหากคุณมีปัญหาเรื่องผิวแวะมาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขา ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ 

                                                      ฉีดโบลดกรามหน้าเรียวครั้งแรก ควรรู้อะไรบ้าง 

                                                      ฉีดโบลดกรามช่วยอะไรบ้าง

                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรรู้อะไรบ้าง 

                                                        การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจเป็นคำตอบที่สาว ๆ และหนุ่ม ๆ กำลังมองหา ในยุคที่ความสวยงามเป็นสิ่งสำคัญ การมีใบหน้าที่เรียวเล็ก ใบหน้าได้สัดส่วน เป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการ ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรม อาจไม่ใช่ทางเลือกแรกสำหรับทุกคน แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้น การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว จึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มาจนถึงในยุคปัจจุบัน

                                                         

                                                        บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดโบลดกรามอย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงานของโบลดกราม ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดโบลดกราม หรือ โบลดกราม ปรับหน้ารวมเหมาะกับใครบ้าง รวมไปจนถึงข้อควรระวังและการเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ตัดสินใจก่อนฉีดโบลดกรามได้อย่างมั่นใจก่อนเข้ารับการรักษา

                                                         

                                                        ฉีดโบกรามคืออะไร ช่วยอะไรบ้าง
                                                        ฉีดโบกรามคืออะไร ช่วยอะไรบ้าง

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว คืออะไร?

                                                        การฉีดโบลดกราม เป็นวิธีการลดกรามให้เล็กลงด้วยการฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่สร้างมาจากแบคทีเรียที่ชื่อ Clostridium เมื่อฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้กรามมีขนาดเล็กลง ใบหน้าจึงเรียวเล็กลง ช่วยให้รูปหน้ามีความวีเชฟมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อีกทั้งยังสามารถฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ต่อเนื่อง

                                                         

                                                        ปัญหากรามใหญ่ หน้าบาน เกิดจากอะไร?

                                                         

                                                        • กรามใหญ่จากพันธุกรรม ลักษณะกรามใหญ่นั้นสามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ โดยเฉพาะคนเอเชียที่มักจะมีขากรรไกรใหญ่ และกรามใหญ่จากกรรมพันธุ์
                                                        • กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกราม หากกล้ามเนื้อกรามถูกใช้งานหนัก จากพฤติกรรมการบดเคี้ยวอาหารเหนียวและแข็งเป็นระยะเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและมีความแข็งแรงมากขึ้น 
                                                        • กรามใหญ่จากไขมัน เป็นผลมาจากการบริโภคอาหาร ที่มีปริมาณไขมันและน้ำตาลสูง เช่น ของทอด ขนมหวาน น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะส่วนล่างของแก้ม เมื่อน้ำหนักไขมันส่วนนี้ สะสมร่วมกับกล้ามเนื้อกรามที่เด่นชัด จะทำให้ใบหน้าดูกว้างและขาดความเรียวกระชับ 
                                                        • กรามใหญ่จากกระดูก ในบางคนอาจมีการเจริญเติบโตของกระดูกที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้กรามใหญ่

                                                         

                                                        กรามใหญ่ มีกี่แบบ?

                                                         

                                                        1. กรามใหญ่ หน้าเหลี่ยม เกิดจากการที่โครงสร้างกระดูกขากรรไกรใหญ่ ทำให้ใบหน้าดูเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม
                                                        2. กรามใหญ่ แก้มเยอะ ทำให้ใบหน้าดูใหญ่ และหน้าบาน
                                                        3. กรามใหญ่แบบข้างเดียว เกิดจากการเจริญเติบโตของกระดูกที่ผิดปกติ หรือเกิดจากการเคี้ยวอาหารข้างเดียว ทำให้กรามทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
                                                        4. กรามใหญ่ โหนกแก้มสูง ทำให้ใบหน้าดูดุและดูแข็ง
                                                        5. กรามใหญ่ คางสั้น ทำให้ใบหน้าดูกลม หน้าสั้น ใบหน้าดูไม่มีมิติ

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ช่วยลดกราม ปรับหน้าเรียว ได้อย่างไร?

                                                         

                                                        การออกฤทธิ์ของโบลดกราม แพทย์จะทำการฉีดตัวยาเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ โดยตัวยาจะแยกออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาท และ ส่วนที่ไม่ดูดซึมจะถูกนำออกไปตามกระแสเลือด ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังฉีด โดยจะถูกขับออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ แบบไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ

                                                         

                                                        การฉีดโบลดกราม จะช่วยลดการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ Masseter โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้ทำงานน้อยลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งานอย่างหนัก ขนาดของกล้ามเนื้อกรามจึงค่อย ๆ เล็กลง ส่งผลให้รูปหน้าดูเรียวและสมส่วนมากยิ่งขึ้น

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยอะไรบ้าง?

                                                         

                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กมากขึ้น
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยให้ส่วนกรามดูเล็กลง 
                                                        • ฉีดโบลดกราม ช่วยให้แก้มดูเรียวขึ้น เนื่องจากเนื้อบริเวณกรามเล็กลง

                                                         

                                                        ฉีดโบกรามเหมาะกับใคร
                                                        ฉีดโบกรามเหมาะกับใคร

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับใคร?

                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก แบบไม่ต้องผ่าตัด
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการใช้หน้าเร็ว ๆ เพราะไม่มีเวลาพักฟื้น

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับใคร?

                                                         

                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อในการกลืนอาหาร
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีอาการติดเชื้อในจุดที่ต้องการฉีด
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่าง ๆ
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ เนื่องจากแก้มจะยิ่งตอบมากขึ้นถ้ากรามมีขนาดเล็กลง
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาโหนกแก้มชัด เนื่องจากกรามเล็กลงทำให้โหนกแก้มอาจจะยิ่งเห็นชัดขึ้น
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้มช่วงล่าง กรามเล็กลงอาจจะทำให้แก้มหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้นได้
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปริมาณไขมันที่แก้มเยอะ อาจต้องลดแก้มร่วมด้วย
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีกระดูกขากรรไกรใหญ่กว่ากล้ามเนื้อกราม
                                                        • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามขนาดเล็ก เนื่องจากไม่มีกล้ามเนื้อกรามให้ลด

                                                         

                                                        โบกรามเลือกยี่ห้อไหนดี
                                                        โบกรามเลือกยี่ห้อไหนดี

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อไหนดี?

                                                        ปัจจุบันโบลดกรามมีอยู่หลายยี่ห้อที่ผ่านอย. ไทย โดยยี่ห้อที่เหมาะสมกับการนำมาฉีดโบลดกราม มีดังนี้

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Allergan

                                                         

                                                        โบลดกราม Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแบรนด์แรกที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า ที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ช่วยลดโอกาสการดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังได้รับความไว้วางใจในด้านคุณภาพและความปลอดภัยจากแพทย์และผู้ใช้งานทั่วโลก

                                                         

                                                        ซึ่งโบลดกราม Allergan เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียง และได้รับการรับรองจากงานวิจัยมากกว่า 3,500 ฉบับ โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือ การออกฤทธิ์แบบกระจายตัวแคบ ซึ่งช่วยให้การรักษามีความแม่นยำและตรงจุด เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณกราม

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Dysport

                                                         

                                                        โบลดกราม จากประเทศอังกฤษ ตัวยามีโมเลกุลขนาดเล็ก มีการออกฤทธิ์ในรูปแบบการกระจายเป็นวงกว้าง ให้ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการนำมาฉีดลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกว้าง เช่น ต้นแขน ต้นขา อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการฉีดลดริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้วได้อีกด้วย

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Nabota

                                                         

                                                        โบลดกรามคุณภาพสูงจากประเทศเกาหลี ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical และมีการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา โดยมีความบริสุทธิ์ของตัวยาถึง 98.7% ทำให้มีประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบเห็นผลทันที

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Aestox

                                                         

                                                        เป็นโบลดกรามจากเกาหลีที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยมีคุณสมบัติเด่นคือ ความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเน้นการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และผลลัพธ์ที่ได้จะมีอายุการใช้งานนานกว่าโบเกาหลีอื่น ๆ

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Xeomin

                                                         

                                                        โบลดกราม จากประเทศเยอรมัน ผลิตด้วยเทคโนโลยี XTRACT ทำให้ สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ไม่มีการปนเปื้อน จากโปรตีน ตัวยามีโมเลกุลขนาดเล็กและมีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์แบบกระจายกว้าง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดลดเลือนริ้วรอย อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ไม่มากอีกด้วย

                                                         

                                                        การเตรียมตัวก่อนฉีดโบกราม
                                                        การเตรียมตัวก่อนฉีดโบกราม

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เตรียมตัวก่อนฉีดอย่างไร?

                                                        • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันปลา หรือวิตามินอี ล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน
                                                        • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 3-7 วัน
                                                        • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ประมาณ 1 สัปดาห์
                                                        • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่รับประทานประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
                                                        • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับโบแท้ และควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน

                                                         

                                                        การดูแลตัวเองหลังฉีดโบกราม
                                                        การดูแลตัวเองหลังฉีดโบกราม

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไร?

                                                        • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อจุดที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
                                                        • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดนอนราบ 3 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ตัวยาไหลไปเกาะบริเวณที่ไม่ต้องการได้
                                                        • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 
                                                        • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและงดสูบบุหรี่
                                                        • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดอาหารหมักดอง
                                                        • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรฉีดโบลดกรามต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม ไม่ฉีดถี่เกินไป และไม่ควรเว้นระยะห่างเกินไป

                                                         

                                                        เปรียบเทียบฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว กับ หัตถการอื่น ๆ

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว vs ร้อยไหมหน้าเรียว

                                                         

                                                        การฉีดโบลดกราม และการร้อยไหม สามารถช่วยให้ใบหน้าเรียวได้ทั้งสองหัตถการ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละปัญหานั้นเหมาะกับหัตถการแบบไหน ซึ่งการฉีดโบลดกรามจะช่วยลดกล้ามเนื้อให้เล็กลง ส่วนการร้อยไหมจะช่วยในการยกกระชับ แก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย กรณีที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว vs ผ่าตัดเหลากราม

                                                         

                                                        ปัญหากรามใหญ่ เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ทั้งกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน การเลือกวิธีแก้ปัญหา ควรเลือกวิธีแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมกับในแต่ละบุคคล ความแตกต่างของการฉีดโบลดกราม กับ การผ่าตัดเหลากราม มีดังนี้

                                                        • การฉีดโบลดกรามนั้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ซึ่งหลังฉีดกรามไม่จำเป็นต้องพักฟื้น กรามยุบเต็มที่ใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-5 เดือน 
                                                        • การผ่าตัดเหลากราม เหมาะกับคนที่มีกระดูกกรามใหญ่ ผลลัพธ์อยู่ได้นานถาวร แต่หลังผ่าตัดต้องดูแลความสะอาดช่องปากเป็นพิเศษ และต้องกินยาที่แพทย์จ่ายอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานจนกว่าแผลจะหายดี  6-12 สัปดาห์ 

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เห็นผลลัพธ์ เพราะอะไร?

                                                         

                                                        หลายคนที่ฉีดโบลดกรามมา แล้วไม่เห็นผลลัพธ์ มีสาเหตุมาจาก 2 ปัจจัย ดังนี้

                                                         

                                                        • แก้ปัญหาไม่ตรงสาเหตุ : กรณีที่เป็นคนกรามใหญ่เพราะโครงสร้างกระดูกใบหน้า หรือ กรามใหญ่เพราะไขมันกระพุ้งแก้ม การฉีดโบลดกรามเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ จึงไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ เพราะในกรณีที่กรามใหญ่จากกระดูก ต้องใช้การผ่าตัดเหลากราม ส่วนกรณีกรามใหญ่เพราะไขมัน ต้องฉีดแฟต หรือดูดไขมันออก เท่านั้น
                                                        • ใช้ตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน : การฉีดโบลดกราม ต้องมั่นใจว่าเป็นโบลดกรามแท้ ผ่าน อย. เพราะหากเป็นโบลดกรามปลอม โบลดกรามที่ผสมน้ำเกลือมากเกินไป ฉีดแล้วจะไม่เห็นผลลัพธ์ และอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น ปากเบี้ยว หรือ มุมปากตก

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว กับคำถามพบบ่อย

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ใช้กี่ยูนิต?

                                                        • โดยทั่วไปการฉีดโบลดกรามจะอยู่ที่ 50-100 ยูนิต เนื่องจากกล้ามเนื้อกราม (Masseter muscle) มีความหนาและแข็งแรงกว่ากล้ามเนื้อในบริเวณอื่น ๆ การฉีดโบลดกรามจึงต้องใช้ปริมาณโบที่มากกว่า หากผู้เข้ารับบริการมีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่มาก อาจต้องใช้ถึง 200 ยูนิต เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด

                                                         

                                                        หลังฉีดโบกราม จะปวดกรามหรือเมื่อยกรามไหม?

                                                        • อาการปวด หรืออาการเมื่อยบริเวณกราม เป็นผลข้างเคียงของการฉีดโบลดกรามที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับการฉีดโบลดกรามทำงานน้อยลง

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียวได้จริงไหม?

                                                        • ฉีดโบลดกราม ช่วยให้หน้าเรียวได้จริง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลด้วย เพราะโบลดกรามจะใช้ได้ผลดีกับบริเวณกล้ามเนื้อเท่านั้น โดยแพทย์จะประเมินว่ามีปัญหาจากจุดไหน จากกระดูก กล้ามเนื้อ หรือว่าไขมัน เพื่อแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาดังกล่าว

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เจ็บไหม?

                                                        • ปกติการฉีดโบลดกราม จะมีการแปะยาชาก่อนฉีด 30 นาที หลังจากนั้นยาชาจะออกฤทธิ์ ทำให้ไม่มีความรู้สึกเจ็บระหว่างฉีด แต่ในบางกรณีอาจรู้สึกตึง ๆ ระหว่างฉีดได้

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว กี่วันเห็นผล?

                                                        • หลังจากฉีดโบลดกรามเพื่อปรับรูปหน้าเรียว ผลลัพธ์จะเริ่มปรากฏให้เห็นภายใน 1-2 สัปดาห์แรก กล้ามเนื้อบริเวณกรามจะเริ่มคลายตัว และไม่แข็งตึงเมื่อกัดฟัน โดยผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดมักปรากฏในช่วง 2-3 เดือนหลังการฉีด ทั้งนี้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคลและการดูแลหลังฉีดอย่างเหมาะสม

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อันตรายไหม?

                                                        • การฉีดโบลดกราม หากฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญการ และฉีดด้วยโบลดกรามแท้ ผ่าน อย. ที่ตรวจสอบได้ ไม่เป็นอันตายอย่างแน่นอน และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิก แพทย์ที่มีความชำนาญการ และตัวยาแท้ เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว และอาจทำให้เกิดการดื้อโบลดกรามได้

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อยู่ได้นานไหม?

                                                        • ระยะเวลาผลลัพธ์ของโบลดกรามจะอยู่ได้นาน 5-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบลดกรามที่เลือกใช้และการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคลอีกด้วย หากรับประทานอาหารที่ต้องเคี้ยวบ่อย ๆ กล้ามเนื้อกรามจะสามารถถูกกลับมากระตุ้นให้กลับมาทำงานเร็วขึ้นได้

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ฉีดบ่อย ๆ ได้ไหม?

                                                        • การฉีดโบลดกราม ควรมีการเว้นระยะห่างระหว่างแต่ละครั้งอย่างเหมาะสม โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดห่างกันทุก 3-6 เดือน เพื่อให้กล้ามเนื้อกรามค่อย ๆ ลดขนาดลงอย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดถี่เกินไปอาจทำให้ร่างกายดื้อต่อโบลดกราม ในขณะที่การเว้นช่วงนานเกินไป อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ต่อเนื่องและต้องใช้ปริมาณโบลดกรามมากขึ้นในครั้งถัดไป เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจน

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว มีผลข้างเคียงไหม?

                                                        การฉีดโบลดกราม มีผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติทั่วไป และสามารถหายได้เองภายใน 7 วัน มีดังนี้

                                                        • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจรู้สึกเจ็บ หรืออาการบวม มีรอยแดง 
                                                        • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจมีรอยช้ำที่เกิดจากเข็มโดนเส้นเลือด

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ทำไมเหนียงเยอะขึ้น?

                                                        • เมื่อฉีดโบลดกรามลงบนกล้ามเนื้อกราม เมื่อกรามยุบลงไป จะทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยขึ้น และผิวหนังบริเวณลำคอเยอะขึ้น ทำให้ใบหน้าดูห้อยหย่อนคล้อยลง ในบางกรณีแพทย์จะแนะนำให้ฉีดโบลดกรามคู่กับโบลิฟกรอบหน้า จะทำให้ผิวกระชับพอดี ไม่หย่อนคล้อยลงมา นอกจากนี้หากฉีดโบด้วยเทคนิค Nefertiti lift จะช่วยลดเหนียงได้อีกด้วย

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ทำให้ยิ้มแข็ง หรือยิ้มไม่สุด เกิดจากอะไร?

                                                        สาเหตุของการการฉีดโบลดกรามแล้วมีอาการยิ้มแข็ง ยิ้มไม่สุด เกิดได้จากสาเหตุ ดังนี้

                                                        • การฉีดโบลดกรามผิดตำแหน่ง
                                                        • กล้ามเนื้อไรซอเรียสเกาะต่ำกว่าปกติ ไม่เหมือนของคนอื่นทั่วไป สามารถพบได้ 1-2%
                                                        • ใช้ปริมาณของโบลดกรามเยอะ ยาจึงแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ซึ่งสาเหตุนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการทยอยฉีดโบลดกราม
                                                        • ใช้ตัวยาโบลดกรามปลอม ตัวยาที่ไม่คุณภาพทำให้ยากระจายตัวไม่สม่ำเสมอกัน

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว แล้วปากเบี้ยว เกิดจากอะไร?

                                                        • การที่ปากเบี้ยวหลังจากฉีดโบลดกราม อาจเกิดจากการกระทบกับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของปาก เช่น กล้ามเนื้อ Risorius หรือ Zygomaticus ซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการยิ้มและการเคลื่อนไหวของมุมปาก เมื่อโบถูกฉีดเข้าไปใกล้บริเวณนี้ อาจทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้อ่อนกำลังลงและส่งผลให้มุมปากไม่สมดุลกันได้ ดังนั้นการฉีดโบลดกรามควรทำโดยแพทย์ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และควรเลือกใช้เทคนิคที่ระมัดระวังในการฉีด

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว แล้วแก้มห้อย เพราะอะไร?

                                                        • การเกิดก้อนหลังการฉีดโบลดกราม เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการฉีด เนื่องจากโบจะต้องใช้เวลาทำงาน เพื่อคลายกล้ามเนื้อกรามให้มีความนิ่มขึ้น บางครั้งกล้ามเนื้อบางส่วนอาจไม่ตอบสนองทันที ซึ่งอาจรู้สึกเป็นก้อนหรือแข็งตัวเมื่อเคี้ยวอาหารหรือขยับกราม การเกิดก้อนในช่วงนี้ถือเป็นอาการชั่วคราวและจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป จนถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์

                                                         

                                                        ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว แล้วแก้มตอบ ปรับหน้าเรียว แล้วแก้มตอบ เพราะอะไร?

                                                        • เป็นกรณีที่สามารถพบได้ในคนที่มีเนื้อแก้มน้อย แก้มตอบ เนื่องจากกล้ามเนื้อกรามอยู่บริเวณแนวกระดูกกรามยาวไปจนถึงบริเวณแก้มตอบ การฉีดโบลดกรามจำเป็นต้องอาศัยเทคนิคการฉีดอย่างมาก โดยแพทย์จะเน้นฉีดลดกล้ามเนื้อกรามลงแค่บริเวณส่วนล่างของกล้ามเนื้อตรงแนวกระดูกกราม รวมไปถึงใช้ปริมาณยูนิตที่เหมาะสม ไม่เยอะจนเกินไป เท่านี้ก็จะสามารถช่วยลดโอกาสเกิดแก้มตอบจากการฉีดโบลดกรามได้

                                                         

                                                        ทำไมฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว แล้วเป็นก้อน?

                                                        • หลังจากการฉีดโบลดกรามเพื่อปรับหน้าเรียว บางคนอาจรู้สึกถึงการเป็นก้อนในบริเวณกราม ซึ่งเกิดจากการที่โบที่ฉีดไปยังกล้ามเนื้อกรามต้องใช้เวลาในการกระจายตัวและทำงาน โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกที่ผลลัพธ์ยังไม่สมบูรณ์ เมื่อกล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวและยุบลง ก้อนที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ ลดลงเองจนเห็นผลลัพธ์สุดท้ายใน 2-4 สัปดาห์หลังการฉีด

                                                         

                                                        การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยขึ้น อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่มีกล้ามเนื้อบริเวณกรามใหญ่ นอกจากการฉีดโบลดกรามเพื่อปรับให้รูปหน้าเรียวเล็กแล้ว ยังมีการฉีดโบลิฟกรอบหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจเลือกฉีดโบลดกราม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพใบหน้า และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีจากการฉีดโบลดกราม

                                                        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ก่อนฉีดต้องรู้อะไรบ้าง?

                                                        ฉีดโบหน้าผากต้องรู้อะไรบ้าง

                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ก่อนฉีดต้องรู้อะไรบ้าง?

                                                           

                                                          เมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัญหาผิวที่คนส่วนมากต้องพบเจอคือ ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก เป็นหนึ่งในปัญหาริ้วรอยที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังเกิดจากการแสดงสีหน้า จนทำให้เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ขึ้น เมื่อเกิดริ้วรอยบนหน้าผาก ทำให้ใบหน้าไม่สดใส ดูมีอายุ หมดความมั่นใจ ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหาริ้วรอยที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด คือ การฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย 

                                                           

                                                          ในบทความนี้รมย์รวินท์คลินิกจะมาแนะนำเรื่องของการฉีดโบหน้าผากว่า การฉีดโบหน้าผากคืออะไร ฉีดโบหน้าผากช่วยอะไร ก่อนและหลังฉีดโบหน้าผากต้องดูแลตัวเองอย่างไร รวมทุกเรื่องของการฉีดโบหน้าผากที่ต้องรู้ก่อนฉีด

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ฉีดครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง 

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย คืออะไร?

                                                           

                                                          การฉีดโบหน้าผาก คือ การฉีดสารโออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบลูทินัม เข้าไปออกฤทธิ์เพื่อยับยั้งเซลล์ประสาทไม่ให้ผลิตสาร อะซีติลโคลีน เป็นสารที่ทำหน้าที่สั่งให้กล้ามเนื้อยืดและหด ส่งผลลัพธ์ให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว เมื่อฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก จะไม่เกิดริ้วรอยย่น เวลาแสดงสีหน้า เช่น ขมวดคิ้ว เลิกคิ้ว เป็นต้น ทำให้ผิวบริเวณหน้าผากเรียบเนียนขึ้น

                                                          ข้อดีของการฉีดโบหน้าผาก
                                                          ข้อดีของการฉีดโบหน้าผาก

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ดีอย่างไร?

                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย เป็นหัตถการที่แก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างตรงจุด และช่วยลดริ้วรอยบริเวณอื่น ๆ ได้ เช่น หางตา รอยขมวดระหว่างคิ้ว
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ช่วยให้บริเวณหน้าผากเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย สามารถชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ใช้เวลาทำไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายเดือน และสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบริเวณหน้าผากในอนาคต
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาร่องพับ ร่องลึก ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ช่วยลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว หน้าผาก และลดรอยหางตาได้

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผากเหมาะกับใคร
                                                          ฉีดโบหน้าผากเหมาะกับใคร

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย เหมาะกับใคร?

                                                          • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยหน้าผาก เมื่อแสดงสีหน้าจะเห็นริ้วรอยชัด
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกบริเวณหน้าผากชัดเจน แม้เวลาไม่ได้แสดงสีหน้า
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยหน้าผาก โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังฉีดรวดเร็ว
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากมีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ต้องการป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ไม่เหมาะกับใคร?

                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีอาการแพ้โบลดริ้วรอย
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
                                                          • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อในบริเวณที่ต้องการฉีด

                                                          ริ้วรอยหน้าผากเกิดจากอะไร
                                                          ริ้วรอยหน้าผากเกิดจากอะไร

                                                           

                                                          ริ้วรอยย่นบนหน้าผาก เกิดจากอะไร?

                                                          ปัญหาของริ้วรอยย่นบนหน้าผาก เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักของปัญหานี้ คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนและชั้นไขมันเสื่อมสภาพ หรือ มีปริมาณของคอลลาเจนและไขมันลดน้อยลง จึงทำให้เกิดรอยย่น หรือรอยพับ จากการแสดงสีหน้า นอกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพจนเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนี้

                                                          • การสูบบุหรี่ : ในบุหรี่มีสารที่เรียกว่า นิโคติน ซึ่งสารนี้ทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง ทำให้ผิวบาง ผิวแห้ง และผิวหย่อนยาน จนทำให้เกิดริ้วรอยได้
                                                          • การดื่มแอลกอฮอล์ : ทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี ส่งผลเสียต่อผิวพรรณ เนื่องจากผิวมีความต้องการวิตามินบี การขาดวิตามินบีจะทำให้ผิวพรรณแห้งและเหี่ยวง่าย
                                                          • รังสียูวีเอจากแสงแดด : ทำให้เซลล์เนื้อเยื่อของผิว หรือ คอลลาเจน เสื่อมสภาพเร็ว 

                                                           

                                                          วิธีแก้ปัญหาริ้วรอยย่นบนหน้าผากมีอะไรบ้าง?

                                                           

                                                          การแก้ปัญหาริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ให้มีความเรียบเนียนขึ้นสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ทั้งวิธีธรรมชาติ และวิธีการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งการฉีดโบหน้าผาก เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับแรก เพราะสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้อย่างตรงจุด ส่วนวิธีแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผาก มีดังนี้

                                                           

                                                          • การลดริ้วรอยย่นบนหน้าผากแบบธรรมชาติ

                                                          การลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผากแบบธรรมชาติ เป็นเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ด้วยการมาสก์หน้าจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ แตงกวา น้ำผึ้ง เป็นต้น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ โดยแนะนำให้มาสก์ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก ซึ่งวิธีนี้จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือริ้วรอยเล็ก ๆ เท่านั้น 

                                                           

                                                          • การลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

                                                          เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดริ้วรอยหน้าผากให้ลดน้อยลง ผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยต่อต้านริ้วรอย ลดริ้วรอย มักมีส่วนผสมของสารโคเอนไซม์ คิวเทน, กรดไฮยาลูรอน, ซาโปนิน และเพนทาเปปไทด์ เป็นสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเน้นการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ และต้องการบำรุงผิวหน้า

                                                           

                                                          • การลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ด้วยแผ่นแปะมาสก์หน้าผาก

                                                          การแปะแผ่นมาสก์หน้าผาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว สามารถใช้แผ่นมาสก์แปะหน้าผากขณะหลับโดยไม่เสียเวลา ซึ่งแผ่นมาสก์หน้าผาก สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่นโดยการบังคับกล้ามเนื้อหน้าผาก ไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหว  โดยแปะมาสก์หน้าผากทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง

                                                           

                                                          • การฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก

                                                          การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ลดริ้วรอยย่นยับ คือการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่นใต้ผิวหนัง ช่วยลดเลือนริ้วรอย และผิวเรียบเนียนขึ้นได้ นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ยังช่วยแก้ปัญหา หน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่อยากมีแผล และต้องการเติมเต็มร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของบริเวณหน้าผาก สามารถเห็นผลลัพธ์ทันที เป็นวิธีการลดริ้วรอย และเติมเต็มหน้าผากที่อยู่ได้นาน 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์และการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคล

                                                           

                                                          • เครื่องยกกระชับ ลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก

                                                          เครื่องมือยกกระชับหย่อนคล้อย ที่สามารถลดเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รวมถึงริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องมุมปาก เหนียง ลำคอ รวมถึงช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น หลังทำยกกระชับจะเห็นผลลัพธ์ทันที 20-30% หลังจากนั้น 2-3 เดือนจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเต็มที่ เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น

                                                           

                                                          • การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก

                                                          การผ่าตัดศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า เป็นการผ่าตัดยกหนังหน้าผากและคิ้วขึ้นไปบริเวณตำแหน่งที่เหมาะสม โดยเป็นการผ่าตัดหนังศีรษะส่วนเกิน และตัดแต่งกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่นบนหน้าผากและหัวคิ้วออก หรือใช้วัสดุทางการแพทย์ ที่มีลักษณะเป็นหมุดขนาดเล็ก ยึดกับผิวหนัง ลดริ้วรอย โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหนังศีรษะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการดึงหน้าเพื่อความอ่อนเยาว์แบบถาวร

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี?

                                                           

                                                          โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Allergan

                                                           

                                                          เป็นแบรนด์แรกที่นำการฉีดโบมาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ก่อนที่จะถูกนำมาใช้เพื่อความงามในการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และลดกราม โดยมีการรับรองจาก U.S. FDA ซึ่งยืนยันถึงความปลอดภัย ซึ่งโบหน้าผากยี่ห้อ Allergan ผลิตโดยบริษัท Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา โบยี่ห้อนี้มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ซึ่งถือว่าเป็นระดับความบริสุทธิ์ที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับโบยี่ห้ออื่น ๆ ทำให้เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยบนใบหน้า และปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้สามารถอยู่ได้นาน 6-8 เดือน 

                                                           

                                                          จุดเด่นของโบหน้าผาก ยี่ห้อ Allergan

                                                           

                                                          •  มีความบริสุทธิ์สูงมากถึง 99.5%
                                                          • โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อย
                                                          • ยากระจายตัวแคบ ออกฤทธิ์ได้อย่างแม่นยำ

                                                           

                                                          โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Aestox

                                                           

                                                          โบหน้าผากยี่ห้อ Aestox เป็นโบหน้าผากจากประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก KFDA (อย. เกาหลี) และมีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% จุดเด่นของโบหน้าผากยี่ห้อ Aestox คือผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับโบอื่น ๆ ของเกาหลี การฉีดโบหน้าผาก Aestox ต่อเนื่องจะช่วยให้ผลลัพธ์การรักษาครั้งถัดไปมีความคงทนมากขึ้น และปริมาณที่ต้องการฉีดลดลง ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงขึ้นในระยะยาว

                                                           

                                                          จุดเด่นของโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Aextox

                                                          • มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5%
                                                          • โอกาสดื้อโบหน้าผากน้อย
                                                          • ออกฤทธิ์ได้ไวและมีความอ่อนโยน
                                                          • หลังฉีดเห็นผลลัพธ์ไว

                                                          โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Dysport

                                                          ผลิตจากประเทศอังกฤษ มีโมเลกุลขนาดเล็ก จุดเด่นคือตัวยามีการกระจายวงกว้าง เมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อ จะไม่รวมตัวกันอยู่ในพื้นที่แคบ เหมาะกับการฉีดเพื่อลิฟกรอบหน้า หรือฉีดยกกระชับด้วยเทคนิค Dermolift และสามารถฉีดบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ เช่น ฉีดโบลดต้นแขน ฉีดโบลดน่อง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน 

                                                           

                                                          จุดเด่นของโบหน้าผาก ยี่ห้อ Dysport

                                                           

                                                          • มีความบริสุทธิ์สูง
                                                          • โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อย
                                                          • ยากระจายตัวกว้าง ไม่ทำให้หน้าแข็งจนเกินไป

                                                           

                                                          โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Xeomin 

                                                           

                                                          ผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA จากประเทศเยอรมนี มีโมเลกุลขนาดเล็กเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เพราะใช้กระบวนการผลิต XTRACT Technology™ ในการกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้ขนาดโมเลกุลมีขนาดเล็กลง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

                                                           

                                                          จุดเด่นของโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ XEOMIN 

                                                          • มีความบริสุทธิ์สูง
                                                          • ใช้เทคโนโลยีเฉพาะ XTRACT Technology
                                                          • สามารถฉีดในเคสดื้อโบลดริ้วรอยตัวอื่น ๆ ได้
                                                          • โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อย
                                                          • ยากระจายตัวดี ฉีดแล้วไม่ตึงจนเกินไป

                                                           

                                                          โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Nabota

                                                           

                                                          เป็นโบหน้าผากจากประเทศเกาหลีใต้ ผลิตโดยบริษัท DAEWOONG และเป็นโบจากเกาหลียี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ตั้งแต่ปี 2018 ด้วยการพัฒนาให้มีการออกฤทธิ์ที่รวดเร็ว และมีความบริสุทธิ์สูง ทำให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังการฉีดอย่างชัดเจน แม้ผลลัพธ์จะไม่ยาวนานเท่าโบจากอเมริกา ซึ่งโบหน้าผากยี่ห้อ Nabota เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

                                                           

                                                          จุดเด่นของโบหน้าผาก ยี่ห้อ Nabota

                                                           

                                                          • มีความบริสุทธิ์สูง 98.7%
                                                          • มีการใช้เทคโนโลยีเฉพาะ HI-PURE Technology
                                                          • มีโอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อย
                                                          • ยาออกฤทธิ์ไว

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย การดูแลตัวเองก่อน-หลังอย่างไร?

                                                           

                                                          เตรียมตัวก่อนฉีดโบหน้าผาก
                                                          เตรียมตัวก่อนฉีดโบหน้าผาก

                                                           

                                                          การดูแลตัวเองก่อนฉีดโบหน้าผาก

                                                          • ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉีดโบหน้าผาก
                                                          • ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย
                                                          • ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรใช้โบหน้าผากแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น
                                                          • ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรงดยาในกลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแก้ปวด เป็นต้น
                                                          • ก่อนฉีดโบหน้าผาก งดสครับหน้า 2-3 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของอาการเขียวช้ำ
                                                          • ก่อนฉีดโบหน้าผาก หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

                                                           

                                                          ขั้นตอนการฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย

                                                          • ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินสภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล
                                                          • แพทย์จะเลือกยี่ห้อของโบลดหน้าผาก ให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
                                                          • แพทย์จะเริ่มฉีดโบหน้าผากในตำแหน่งที่ต้องการรักษา โดยใช้ระยะเวลา 30 นาทีโดยประมาณ
                                                          • หลังจากแพทย์ฉีดโบหน้าผากเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะแนะนำข้อควรปฏิบัติตัวดูแลตัวเองหลังฉีดโบหน้าผาก ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อคงผลลัพธ์ให้นานที่สุด

                                                           

                                                          ดูแลตัวเองหลังฉีดโบหน้าผาก
                                                          ดูแลตัวเองหลังฉีดโบหน้าผาก

                                                           

                                                          การดูแลตัวเองหลังฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย

                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1-2 ครั้ง จะทำให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปกระจายได้ทั่วกล้ามเนื้อหน้าผาก
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก ห้ามนอนราบ ห้ามนอนตะแคง และห้ามก้มหน้า 3-4 ชั่วโมง
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ส่งผลให้หน้าแดง เช่น ปั่นจักรยาน คาร์ดิโอ วิ่ง เป็นต้น
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนทุกชนิด เช่น การทำซาวน่า การใช้น้ำอุ่นล้างหน้า ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีดโบหน้าผาก
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ 
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก งดการกด การนวด หรือการถู บริเวณที่ฉีด เพราะจะทำให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่น
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก สามารถทำความสะอาดใบหน้าและใช้ครีมบำรุงผิวหน้าได้ตามปกติ
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก งดอาหารหมักดอง อาหารรสจัด เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด  ควรทาครีมกันแดด SPF 50 PA+++ก่อนออกข้างนอกทุกครั้ง
                                                          • หลังฉีดโบหน้าผาก ควรฉีดโบหน้าผากต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ควรเว้นระยะห่าง 3 เดือน เป็นอย่างต่ำ ไม่ควรฉีดถี่จนเกินไป

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย กับคำถามพบบ่อย

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต?

                                                           

                                                          • การฉีดโบหน้าผาก จะใช้โบหน้าผากประมาณ 30 ยูนิต โดยในแต่ละเคสอาจใช้ปริมาณของการฉีดโบหน้าผากไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาริ้วรอยในแต่ละบุคคล 

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย เจ็บไหม?

                                                           

                                                          • ก่อนฉีดโบหน้าผาก สามารถเลือกได้ว่าต้องการแปะยาชาหรือไม่ ในกรณีที่เลือกแปะยาชานั้น จะต้องแปะยาชาทิ้งไว้ก่อนฉีดประมาณ 30-45 นาที และจะมีการประคบเย็นก่อนฉีด เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บจากการฉีดโบหน้าผาก

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย กี่วันเห็นผลลัพธ์?

                                                           

                                                          • ปกติการฉีดโบหน้าผาก ผิวจะเริ่มตึงขึ้นในช่วง 3-4 วัน และเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังฉีด ใช้ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย อยู่ได้นานกี่เดือน?

                                                           

                                                          ผลลัพธ์จากการฉีดโบหน้าผาก จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบที่เลือกใช้ รวมถึงการดูแลหลังการฉีด เมื่อฤทธิ์ของโบเริ่มหมด สามารถฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น โบจะสลายไปเองตามธรรมชาติ 100% โดยไม่เหลือสารตกค้างในร่างกาย ทำให้เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการลดเลือนริ้วรอยหน้าผาก

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย อันตรายไหม?

                                                           

                                                          การฉีดโบหน้าผากต้องฉีดในบริเวณที่ใกล้ส่วนสำคัญของใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณดวงตา เพราะฉะนั้นการฉีดโบหน้าผากจำเป็นต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญการเท่านั้น ซึ่งหลักการฉีดโบหน้าผากที่ปลอดภัย มีดังนี้

                                                          • เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ มีทีมแพทย์ที่ความชำนาญการสูง และสถานที่ตั้งของคลินิกหรือสถานพยาบาลต้องมีความสะอาด อยู่ในจุดที่สังเกตได้ง่าย
                                                          • เลือกแพทย์ที่มีความชำนาญการด้านการฉีดโบหน้าผาก แพทย์ต้องสามารถประเมินกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องการฉีดได้ หากฉีดไม่ตรงจุดอาจจะเห็นผลลัพธ์ช้าและอยู่ได้สั้นลง รวมไปถึงควรหลีกเลี่ยงเทคนิคของการฉีดที่ไม่ได้เข้าไปในกล้ามเนื้อโดยตรง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยาได้ 
                                                          • ตรวจสอบโบหน้าผากแท้หรือไม่ ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรศึกษาวิธีตรวจสอบโบหน้าผากแท้ไว้เบื้องต้น เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่าโบหน้าผากที่เลือกนำมาฉีดนั้นเป็นโบหน้าผากแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. 

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย มีผลข้างเคียงไหม?

                                                           

                                                          หลังจากการฉีดโบหน้าผาก จะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งไม่เป็นอันตราย แต่บางคนอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่ปกติ หากไม่ได้ฉีดโบหน้าผากที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยผลข้างเคียงปกติและผลข้างเคียงผิดปกติของการฉีดโบหน้าผาก มีดังนี้

                                                           

                                                           ผลข้างเคียงปกติ

                                                          • หลังฉีดโบหน้าผากจะรู้สึกตึง ๆ บริเวณที่ฉีด 
                                                          • มีรอยแดง รอยเขียวช้ำ บริเวณที่ฉีด เป็นรอยช้ำเข็มที่สามารถพบได้โดยทั่วไป 

                                                           

                                                          ผลข้างเคียงที่ผิดปกติ

                                                          • หากฉีดโบหน้าผากแล้วรู้สึกเจ็บหรืออักเสบในบริเวณที่ฉีด หรือมีอาการบวมแดง ติดเชื้อ อาการนี้เกิดได้จากโบหน้าผากที่ไม่ได้มาตรฐาน
                                                          • ใบหน้าดูหน้าแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ ขยับใบหน้าได้ลำบาก เกิดจากการใช้ปริมาณโบหน้าผากมากเกินความเหมาะสม ในบางกรณีอาจมีอาการปวดหัวร่วมด้วย

                                                           

                                                          หลังฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย มีอาการอะไรบ้าง?

                                                           

                                                          • โดยปกติทั่วไปอาการหลังจากฉีดโบหน้าผาก อาจมีความรู้สึกตึงเล็กน้อย นับเป็นอาการปกติ แต่ในบางรายอาจมีอาการปวดหัว อาการนี้อาจเกิดจากการแพ้โบลดริ้วรอย ซึ่งมักพบได้น้อยมาก หากมีอาการดังกล่าวควรอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ในกรณีที่หลังฉีดโบหน้าผากแล้วรู้สึกตึงมากจนเกินไป อาจเกิดจากการที่แพทย์ใช้ปริมาณของโบลดริ้วรอยมากเกินไป เพราะฉะนั้นควรฉีดโบหน้าผากกับแพทย์ที่มีความชำนาญการเท่านั้น

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผากแล้วปวดหัว เกิดจากอะไร?

                                                           

                                                          • ในบางกรณีฉีดโบหน้าผากอาจมีอาการปวดหัวได้ ซึ่งอาการนี้เกิดจากการแพ้โบหน้าผาก ควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

                                                           

                                                          ฉีดโบหน้าผากตึงมากเกินไป ทำอย่างไร?

                                                           

                                                          • การฉีดโบหน้าผากจนตึงเกินไป อาจเกิดจากการที่แพทย์ใช้ปริมาณโบหน้าผากมากเกินไป ควรเลือกฉีดโบหน้าผากกับแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น เพื่อการคำนวณปริมาณของโบหน้าผากที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล

                                                           

                                                          เสริมหน้าผากมา สามารถฉีดโบหน้าผากได้ไหม?

                                                           

                                                          • กรณีคนที่เสริมหน้าผากมาจนหายดีปกติแล้ว สามารถฉีดโบหน้าผากได้ เนื่องจากการฉีดโบหน้าผากจะฉีดเข้าไปบริเวณชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่บนผิวหนังชั้นตื้น ซึ่งเป็นคนละชั้นกับซิลิโคนหน้าผาก ซึ่งการฉีดโบหน้าผากไม่ได้ฉีดลงลึกไปถึงชั้นซิลิโคน

                                                           

                                                          สรุปเรื่องของโบหน้าผาก ลดริ้วรอย

                                                           

                                                          ปัญหาของการเกิดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น และเกิดจากการแสดงสีหน้า จนทำให้เกิดรอยพับและริ้วรอยบริเวณหางตา การฉีดโบหน้าผากจึงเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอยหางตา รวมไปถึงช่วยทำให้รูขุมขนกระชับมากขึ้นอีกด้วย

                                                           

                                                          สำหรับใครที่กำลังต้องการฉีดโบหน้าผาก ควรหาศึกษาข้อมูลของคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉีดโบหน้าผากทั้งหมด เนื่องจากการฉีดบริเวณหน้าผากใกล้กับจุดสำคัญอย่างเช่น บริเวณดวงตา เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจเลือกฉีดโบหน้าผาก ควรปรึกษากับแพทย์ผู้มีความรู้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด

                                                          Slim & Slender ทางเลือกหุ่นสวย ช่วยลดน้ำหนัก

                                                          Slim & Slender

                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                            Slim & Slender คืออะไร ทางเลือกหุ่นสวย ช่วยลดน้ำหนัก

                                                            “โรคอ้วน” เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ยังทำให้หลาย ๆ คนขาดความมั่นใจในตัวเอง การดูแลสุขภาพเป็นทางออกที่จะช่วยทำให้ร่างกายของเรานั้นห่างไกลจากโรคอ้วน แต่สำหรับบางคนที่ลดน้ำหนักลดยาก น้ำหนักลงช้าไม่เป็นไปตามเป้าสักทีนั้น การใช้ตัวช่วยอย่าง Slim & Slender ลดน้ำหนัก ก็เป็นทางเลือกที่จะทำให้ได้หุ่นเป๊ะในแบบที่ต้องการ

                                                             

                                                            โรคอ้วน ภาวะอ้วน ต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ

                                                            โรคอ้วน หรือภาวะที่ร่างกายมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น กรรมพันธุ์ โรคประจำตัวบางชนิด การเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมัน และน้ำตาลสูง รวมถึงการเคลื่อนไหวน้อย มักเกิดจากการที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และการทำงานที่ผิดปกติของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันคนเราเป็นโรคอ้วนกันง่ายมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทั้งการเลือกรับประทานอาหาร การทำกิจกรรมต่าง ๆ อาจจะส่งผลตัวให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เมื่อน้ำหนักตัวของเราเกินเกณฑ์ ไม่ได้ส่งผลแต่เพียงรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ขาดความมั่นใจ ทั้งยังส่งผลถึงสุขภาพกาย และระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจจะเกิดโรคร้ายตามมาได้

                                                             

                                                            โรคอ้วน ภาวะอ้วน ต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ
                                                            โรคอ้วน ภาวะอ้วน ต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ

                                                             

                                                            ซึ่งเราสามารถสังเกตตัวเองว่าเรานั้นใกล้น้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือมีภาวะโรคอ้วนหรือไม่ได้ง่าย ๆ ด้วยการหาค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI ดังนี้

                                                            สูตรการคำนวณค่า BMI (body mass index) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง 

                                                            สามารถแปลผลคำควณได้ ดังนี้

                                                            • < 18.5 < 18.5 น้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน
                                                            • 18.5-24.9 18.5-22.9 ปกติ
                                                            • 25-29.9 23-24.9 อ้วนระดับ 1
                                                            • 30-34.9 25-29.9 อ้วนระดับ 2
                                                            • 35-39.9 มากกว่าหรือเท่ากับ 30 อ้วนระดับ 3
                                                            • มากกว่าหรือเท่ากับ 40 อ้วนระดับ 4

                                                            Slim & Slender คืออะไร 

                                                            Slim & Slender หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เปปไทด์คุมหิว” นั้น  คือ โปรแกรมควบคุมน้ำหนักชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนประกอบเป็นตัวยาสำคัญที่เลียนแบบการทำงานของฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่ร่างกายปล่อยออกมาเมื่อเราทานอาหาร มีส่วนช่วยควบคุมความอยากอาหารและการเผาผลาญ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และลดการหลั่งของกลูคากอน (ตัวเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด) ซึ่ง Slim & Slender จะช่วยลดน้ำหนัก ให้รู้สึกอิ่มเร็วและลดความอยากอาหาร ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอยากอาหารน้อยลง

                                                            Slim & Slender ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
                                                            Slim & Slender ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

                                                            Slim & Slender ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

                                                            Slim & Slender เป็นหนึ่งในตัวช่วยเรื่องลดน้ำหนัก ช่วยลดความอยากอาหาร เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเยอะ มีไขมันส่วนเกิน ไม่มั่นใจ ซึ่ง Slim & Slender ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? มาดูกัน

                                                            1. Slim & Slender ช่วยคุมความอยากอาหาร เนื่องจากภายใน Slim & Slender มีเปปไทด์ที่ช่วยลดความอยากอาหาร ช่วยทำให้ควบคุมปริมาณการทานอาหารให้พอเหมาะ
                                                            2. Slim & Slender ช่วยปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร  ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงาน ลดน้ำหนักได้ดีขึ้น
                                                            3. Slim & Slender ช่วยลดน้ำหนักและลดการสะสมของไขมันส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้ เนื่องจากเมื่อทานอาหารได้น้อยลง ร่างกายก็จะนำไขมันสะสมมาใช้มากขึ้น
                                                            4. Slim & Slender ช่วยปรับพฤติกรรมการกิน ช่วยลดปัญหาการกินจุบจิบ รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ปรับพฤติกรรมการกินให้ดีขึ้น
                                                            5. Slim & Slender ช่วยทำให้อิ่มเร็วและอิ่มได้นานขึ้น ส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลง ปริมาณอาหารลดลง ลดความโหยระหว่างวัน
                                                            6. Slim & Slender ลดน้ำหนัก ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วนเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ที่เป็นปัญหาสุขภาพระยะยาว

                                                            การลดน้ำหนักและปรับรูปร่าง เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม การใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนักควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามเป้าหมาย

                                                            Slim & Slender คืออะไร
                                                            Slim & Slender คืออะไร

                                                            Slim & Slender ลดน้ำหนัก ทำงานอย่างไร?

                                                            • Slim & Slender เป็นการเลียนแบบฮอร์โมนอิ่ม GLP-1 (Glucagon Like Peptide 1)  โดยตัวยานั้นมีความใกล้เคียงกับ GLP-1 ที่มีอยู่ในร่างกายสูงถึง 97%
                                                            • Slim & Slender จะเข้าไปช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้มีการย่อยอาหารที่ช้าลง ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น อิ่มนานขึ้น จึงทำให้ทานได้น้อยลง
                                                            • Slim & Slender นั้นมีการออกฤทธิ์ต่อสมอง ทำให้ความรู้สึกหิวลดลง ความอยากอาหารน้อยลง และทำให้ควบคุมการกินได้ดียิ่งขึ้น 
                                                            • Slim & Slender จะช่วยเข้าไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อน ให้ช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งมีส่วนช่วยไม่ทำให้เกิดอาการวูบ หรืออาการน้ำตาลตก Slim & Slender จะออกฤทธิ์เมื่อทานอาหารเข้าไปแล้วเท่านั้น

                                                             

                                                            GLP-1 (Glucagon Like Peptide 1) คืออะไร 

                                                            ทำความรู้จักกับ Slim & Slender เปปไทด์คุมหิวที่เลียนแบบการทำงานของ ฮอร์โมน Glucagon-Like Peptide-1 หรือ GLP-1 ซึ่งเป็นฮอร์โมนตามธรรมชาติที่อยู่ภายในร่างกาย สร้างจากเยื่อบุลำไส้เล็กส่วนปลาย โดยจะหลั่งออกมาเมื่อรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว และจะออกฤทธิ์ต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น การควบคุมความอยากอาหาร การจัดการระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ช่วยยับยั้งการหลั่งกลูคากอนจากตับอ่อนในภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูง และชะลอการเคลื่อนไหว การบีบตัวของกระเพาะอาหาร โดย GLP-1 จะเข้าไปทำงานกับสมองส่วนไฮโปธาลามัส  ส่งผลให้เราเกิดความอิ่มนั่นเอง ทั้งนี้ GLP-1 สามารถทำงานได้เต็มที่เพียงแค่ 2 นาที หลังจากที่ร่างกายรับสารอาหาร

                                                            ปัจจุบันจึงได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงบางโมเลกุลของ GLP-1 มาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ GLP-1 ให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งยังช่วยส่งผลให้ร่างกายอิ่มไวขึ้น อิ่มนานขึ้น และยังทำให้น้ำหนักตัวลดลง อย่าง Slim & Slender เปปไทด์คุมหิวที่ช่วยลดความอยากอาหาร 

                                                            GLP-1 ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

                                                            1. กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน : ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน โดยเฉพาะในช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร
                                                            2. ยับยั้งการหลั่งกลูคากอน : GLP-1 ยับยั้งการหลั่งกลูคากอน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการปล่อยน้ำตาลจากตับเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
                                                            3. ยับยั้งการบีบตัวของกระเพาะอาหาร : GLP-1 ชะลอการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะย่อยอาหารช้าลง ส่งผลให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานขึ้น
                                                            4. ลดการบริโภคอาหาร : เนื่องจากความรู้สึกอิ่มที่เพิ่มขึ้น GLP-1 ช่วยลดความอยากอาหารและการบริโภคอาหารในแต่ละมื้อ ส่งผลต่อการลดน้ำหนัก
                                                            5. ลดน้ำหนักตัว : ควบคุมความอยากอาหารและลดปริมาณการบริโภคอาหาร GLP-1 เป็นอีกวิธีที่ช่วยในการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน

                                                            รู้จักฮอร์โมนความหิวในร่างกาย

                                                            จริง ๆ ร่างกายของเรามีฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ภายในกระเพาะอาหารของเรา นั่นคือ “ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin hormone)” ซึ่งฮอร์โมนนี้เป็นฮอร์โมนต้นกำเนิดของความหิว โดยจะหลั่งออกมาจากเซลล์กระเพาะอาหาร และส่งสัญญาณไปที่สมอง เพื่อกระตุ้นความหิว ทำให้ร่างกายต้องการอาหาร ในบางครั้งอาจจะแสดงออกเป็นอาการต่าง ๆ เช่น ท้องร้อง โดยฮอร์โมนเกรลินจะค่อย ๆ สูงขึ้นก่อนมื้ออาหาร และจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว โดยเฉลี่ยประมาณ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นฮอร์โมน GLP-1 จะเริ่มทำงานให้ร่างกายเราอิ่ม ซึ่งการใช้ Slim & Slender นั้นจะช่วยคุมหิว ลดความอยากอาหารได้

                                                             

                                                            การทำงานของ Slim & Slender ในการลดน้ำหนัก

                                                            1. Slim & Slender ช่วยควบคุมความอยากอาหาร : โดย Slim & Slender จะส่งสัญญาณไปยังสมองส่วนไฮโปธาลามัสซึ่งควบคุมความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดความหิว และช่วยควบคุมการบริโภคอาหารได้ดีขึ้น
                                                            2. Slim & Slender ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน : เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหลังมื้ออาหาร Slim & Slender จะช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อย ๆ ลดลง โดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลต่ำเกินไป
                                                            3. Slim & Slender ช่วยลดฮอร์โมนกลูคากอน : Slim & Slender ช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เพิ่มระดับน้ำตาลและกรดไขมัน เมื่อกลูคากอนลดลงจะทำให้การเพิ่มของระดับน้ำตาลในเลือดลดลงตามไปด้วย
                                                            4. Slim & Slender ช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร : Slim & Slender ทำให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารช้าลง ส่งผลให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ทำให้รู้สึกอิ่มและทานน้อยลง สามารถช่วยลดน้ำหนักได้

                                                            **การทดลองจาก Astrup และคณะ (2010) ยังพบว่าอาสาสมัครที่ได้รับ Slim & Slender สามารถลดน้ำหนักได้มาก แสดงให้เห็นว่า Slim & Slender มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักและช่วยควบคุมการอยากอาหารได้ดี**

                                                             

                                                            ข้อควรรู้ก่อนใช้ Slim & Slender 

                                                            การใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนักนั้น เป็นการลดน้ำหนักที่มีความปลอดภัย และดูแลโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตามการใช้ Slim & Slender ก็มีข้อควรรู้ และข้อควรระวังที่ผู้ใช้ควรให้ความสำคัญ และควรสังเกตตัวเองระหว่างการใช้ Slim & Slender ดังนี้

                                                            • ควรระมัดระวังการใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนัก ในปริมาณมากเกินไป หากน้ำหนักลดลงเร็วกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์ โดยปกติการใช้ครั้งแรกภายใน 1 สัปดาห์ ไม่ควรลดเกิน 5% ของน้ำหนัก 
                                                            • โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการวางแผนการรักษา Slim & Slender ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ เช่น สัดส่วนที่ต้องการ น้ำหนักที่ต้องการ หากต้องการรักษาโดย Slim & Slender ให้ได้ผลควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
                                                            • เพื่อผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักที่ดี และยาวนานขึ้น ควรใช้ Slim & Slender ร่วมกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ร่วมด้วย

                                                            Slim & Slender เหมาะกับใคร

                                                              Slim & Slender เหมาะกับใคร

                                                            Slim & Slender ลดน้ำหนัก เหมาะกับใคร ?

                                                            การลดน้ำหนักโดยใช้ Slim & Slender นั้น เป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยม และสามารถทำควบคู่กับการลดน้ำหนักวิธีอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัย ซึ่ง Slim & Slender เหมาะกับกลุ่มคน ดังนี้

                                                            • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 30 และสุขภาพปกติ

                                                            ผู้ที่มีค่า BMI สูงกว่า 30 ถือว่าเข้าข่ายน้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือภาวะอ้วน Slim & Slender เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย

                                                            • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 27 และมีปัญหาสุขภาพ

                                                            สำหรับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 27 และอาจจะมีปัญหาสุขภาพในระยะยาว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคความดันโลหิตสูง การลดน้ำหนัก Slim & Slender จะช่วยทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคดังกล่าว

                                                            • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ภายใต้การดูแลของแพทย์

                                                            ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพนั้น การใช้ Slim & Slender ควรดูแลโดยแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยงของการลดน้ำหนักแบบผิดวิธีได้

                                                            • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่เคยลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแต่ไม่ได้ผล

                                                            Slim & Slender ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เคยลองลดน้ำหนักมาหลายวิธีแล้ว แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน Slim & Slender นี้จะช่วยทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น

                                                            • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่มีนิสัยกินจุบจิบ และรู้สึกอิ่มยากจากโรคอ้วนเรื้อรัง

                                                            Slim & Slender ช่วยลดความโหย ความอยากลง ทำให้ช่วยลดนิสัยกินจุบจิบ จากผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนเรื้อรังได้

                                                            ทั้งนี้การลดน้ำหนักด้วย Slim & Slender จำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ลดน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยมากที่สุด

                                                             

                                                            ใครบ้างที่ห้ามใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนัก

                                                            การใช้ Slim & Slender นั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้คนในบางกลุ่ม หากต้องการใช้ Slim & Slender ควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์โดยตรง ซึ่งกลุ่มที่ควรระวังในการใช้ Slim & Slender มีดังนี้

                                                            • Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นเนื้องอกต่อมไร้ท่อชนิดที่ 2 การใช้ Slim & Slender อาจเข้าไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติในร่างกายได้
                                                            • Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์ หรือมะเร็งไทรอยด์ การใช้ Slim & Slender อาจจะทำให้เกิดปัญหากับผู้ที่มีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ เพราะ Slim & Slender อาจจะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนได้
                                                            • Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะตับอักเสบ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ตับอ่อน หรือไตการใช้ Slim & Slender ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
                                                            • Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากการลดน้ำหนัก อาจจะเกิดอันตรายต่อทั้งตัวแม่ และตัวเด็กได้ ควรใช้ Slim & Slender หลังจากหยุดการให้นมบุตร
                                                            • Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้ยารักษาโรคเบาหวานบางชนิด การใช้ Slim & Slender นั้นมีสารที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มีภาวะดื้ออินซูลิน อาจจะเกิดอันตรายหลังจากตัวยาออกฤทธิ์ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
                                                            • Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารุนแรงเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เพื่อป้องกันการเกิดอาการแทรกซ้อนในระบบย่อยอาหารในผู้ป่วย หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
                                                            • Slim & Slender ลดน้ำหนัก ไม่เหมาะกับผู้ที่มีนิสัยกินน้อยอยู่แล้ว เพราะจะออกฤทธิ์ลดความอยากอาหาร ซึ่งอาจจะส่งผลให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หากต้องการลดน้ำหนักควรเน้นไปที่ระบบเผาผลาญแทน
                                                            • Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ที่อายุมากกว่า 75 ปี หากจำเป็นต้องใช้ ควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

                                                            ทั้งนี้การลดน้ำหนักด้วย Slim & Slender จำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ลดน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยมากที่สุด

                                                             

                                                            ผลข้างเคียงจากการใช้งาน Slim & Slender

                                                            เนื่องจาก Slim & Slender นั้นมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร และระดับน้ำตาลในเลือดโดยตรง ในระหว่างที่มีการใช้ Slim & Slender  อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้ 

                                                            • Slim & Slender ช่วยลดน้ำหนัก อาจทำให้คลื่นไส้ พะอืดพะอม อาเจียน เมื่อรับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป
                                                            • Slim & Slender อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย 
                                                            • Slim & Slender อาจทำให้ท้องเสีย ท้องผูก เนื่องจาก Slim & Slender จะลดอัตราการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ อาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องผูกได้
                                                            • Slim & Slender อาจทำให้มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วยในบางครั้ง
                                                            • การใช้ Slim & Slender ที่ปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำระดับอันตราย
                                                            • Slim & Slender ช่วยลดน้ำหนัก อาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน ซึ่งทำให้เกิดอาการผื่นคัน หัวใจเต้นผิดปกติ อาการบวม ชา บริเวณใบหน้า และลำตัวได้ หากเกิดอาการแพ้ Slim & Slender ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์
                                                            • นอกจากนี้การใช้ Slim & Slender ช่วยลดน้ำหนัก อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น ตับอ่อนอักเสบ เนื้องอกไทรอยด์ หรือมะเร็งไทรอยด์ ได้ในอนาคต

                                                             

                                                            Slim & Slender มีข้อควรระวังอะไรบ้างที่ควรรู้ไว้ 

                                                            • ก่อนเริ่มใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนัก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาก่อนเสมอ
                                                            • หากต้องการใช้ตัวช่วย Slim & Slender ลดน้ำหนัก ควรศึกษาข้อมูล วิธีการใช้งาน Slim & Slender ข้อควรระวัง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอย่างละเอียดก่อน
                                                            • การใช้ Slim & Slender อาจเกิดผลข้างเคียงในช่วงเริ่มแรงของการใช้ได้ เช่น อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดท้อง ผู้ใช้ควรสังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการข้างเคียงจากการใช้ Slim & Slender ที่รุนแรง ควรรีบเข้าพบแพทย์ 
                                                            • ควรใช้ Slim & Slender ควบคู่กับการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้น้ำหนักลดลงอย่างสุขภาพดี
                                                            • ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ ในแต่ละวัน ระหว่างการใช้ Slim & Slender เพื่อช่วยประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก
                                                            • หลังจากเปิดใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนัก จะมีอายุการใช้งานอยู่ได้ 1 เดือน และควรเก็บรักษา Slim & Slender ให้ดีทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว

                                                             

                                                            Slim & Slender ช่วยให้น้ำหนักลดลงได้จริงหรือไม่? 

                                                            การใช้ Slim & Slender จะช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก เนื่องจากตัวยาจะเข้าไปลดความอยากอาหาร รวมถึงช่วยลดไขมันสะสมในร่างกาย ทั้งนี้ควรเลือกใช้ Slim & Slender ที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองความปลอดภัย และควรอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์

                                                            ยาลดน้ำหนัก กับ Slim & Slender ต่างกันอย่างไร?

                                                            การลดน้ำหนักนั้นในปัจจุบันมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการใช้ตัวช่วยอย่าง ยาลดน้ำหนัก หรือ Slim & Slender ถึงแม้ว่าทั้ง 2 รูปแบบนั้นจะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก แต่สิ่งที่ยาลดน้ำหนัก กับ Slim & Slender ต่างกัน คือ เรื่องความปลอดภัย เนื่องจากการลดน้ำหนักด้วย Slim & Slender นั้นเป็นการลดน้ำหนักที่มีความปลอดภัยสูง เพราะดูแลโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด ทั้งยังผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

                                                             

                                                            ความอ้วน เสี่ยงต่อโรคร้ายจริงเหรอ ?

                                                            ความอ้วนนั้น อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ โดยผู้ที่มีภาวะอ้วนเกิน นั้นจะมีเนื้อเยื่อไขมันแทรกตามกล้ามเนื้อ และตามอวัยวะภายในร่างกาย ทำให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ผิดปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดโรคอันตรายได้ เช่น

                                                            • โรคเบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes)

                                                            มักเกิดจากเซลล์ไขมันส่วนเกินที่สะสมมาก โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง โดยเกิดจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินเหมือนอย่างเคย อินซูลิน ถือเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยทำหน้าที่นำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่เมื่อเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อผลิตอินซูลินเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เมื่อเซลล์ยังไม่สามารถใช้น้ำตาลได้อย่างเต็มที่ ระดับน้ำตาลในเลือดก็ยังคงสูงอยู่ ทำให้กลายเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง และเกิดอันตรายต่อร่างกายได้

                                                            • โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) 

                                                            เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากโรคอ้วน เป็นภาวะที่ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ จึงทำให้เกิดการสะสมของไขมันในเลือดระดับสูง โดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) กรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acid) และไลโปโปรตีนชนิดบี (ApoB) ซึ่งที่เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอักเสบอย่างต่อเนื่อง ภาวะอักเสบในหลอดเลือดเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว ทั้งยังเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด (Heart Attack) และหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก (Stroke) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

                                                            • ภาวะโรคอ้วนเรื้อรัง

                                                            เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีการสะสมของเซลล์ไขมันมากเกินไป โดยจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสาร C-Reactive Protein (C-RP) เป็นโปรตีนที่ตับสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบในร่างกาย ซึ่งสาร C-RP นี้จะไปจับกับฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ฮอร์โมนที่มีหน้าที่ส่งสัญญาณให้สมองรับรู้ว่าอิ่มแล้ว แต่เมื่อ C-RP จับกับเลปติน เกิดเป็น “C-RP Leptin Complex” ทำให้สมองไม่สามารถรับรู้สัญญาณอิ่มได้ จึงเกิดเป็นภาวะดื้อต่อเลปติน (Leptin Resistance) หากเกิดในระยะยาวจะส่งผลให้การสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและภาวะโรคอ้วนได้

                                                            • โรคมะเร็ง 

                                                            เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยส่วนมากนั้นเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น กรรมพันธุ์ โรคประจำตัวอื่น ๆ รวมถึงโรคอ้วน ที่อาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งตามได้ 

                                                            จะเห็นได้ว่าโรคอ้วนนั้น ถือเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลาย ๆ โรคตามมา ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับ หรือโรคมะเร็ง ซึ่งการดูแลน้ำหนักให้ไม่เกิดมาตรฐาน ก็จะช่วยลดปัญหาความเสี่ยงของโรคได้หลายโรค 

                                                            ซึ่งการดูแลตัวเอง หรือการลดน้ำหนักนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ดี การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการคุมอาหาร อยากลดน้ำหนักให้ได้ประสิทธิภาพ Slim & Slender ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ 

                                                            ถ้าหยุดใช้ Slim & Slender แล้วโยโย่ไหม ?

                                                            หลาย ๆ คนอาจจะมีความสงสัยว่า แล้วถ้าใช้ Slim & Slender แล้วน้ำหนักลดลงจนพอใจแล้ว หากต้องการหยุดใช้ Slim & Slender แล้วจะกลับมาโยโย่ไหม ต้องบอกเลยว่า การใช้ Slim & Slender นั้นเป็นการใช้ตัวยาเพื่อช่วยลดความอยากอาหาร หากหยุดใช้จะไม่กลับมาโย่โย่ หรือส่งผลเสียต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามควรปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิต เพื่อที่จะได้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพดี และสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

                                                             

                                                            Slim & Slender สามารถลดไขมันส่วนใดบ้าง ?

                                                            Slim & Slender เป็นตัวช่วยลดน้ำหนักที่อยู่ในรูปแบบของเปปไทด์คุมหิว โดยจะช่วยลดน้ำหนักทั่วร่างกาย ทั้งยังช่วยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ เนื่องจาก Slim & Slender ช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน รับประทานอาหารได้น้อยลง แต่ Slim & Slender นั้นจะไม่สามารถเลือกลดเฉพาะส่วนได้ 

                                                            การลดน้ำหนักด้วย Slim & Slender เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน ควบคุมพฤติกรรมการกินไม่ได้ หรือมีภาวะเสี่ยงโรคอ้วนเรื้อรัง ซึ่ง Slim & Slender จะเข้าไปช่วยลดความอยากอาหาร ลดอาการกินจุบจิบ  กินเยอะ ปรับให้ร่างกายรับประทานอาหารแบบพอดี ทั้งนี้การรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น สำหรับใครที่มีปัญหา หรือมีความกังวลใจเกี่ยวกับรูปร่าง ต้องการหาตัวช่วยอย่าง Slim & Slender ลดน้ำหนัก นั้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา

                                                            CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร ดียังไง

                                                            CaHA คืออะไร

                                                            CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจน ตัวช่วยหน้าเด็ก โกงอายุผิว

                                                            เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะเริ่มเสื่อมสภาพจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ หากไม่มีการทดแทนหรือเติมเต็ม ผิวของเราก็จะเกิดปัญหาตามมาสารพัด เช่น ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ขาดความยืดหยุ่น และขาดความชุ่มชื้น ซึ่งส่งผลใบหน้าดูแก่กว่าวัย จนหมดความมั่นใจในที่สุด ปัจจุบันมีการพัฒนาสาร CaHA ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และชะลอความเสื่อมของผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้ากลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง

                                                            บทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจนว่า CaHA คืออะไร? ทำไม CaHA ถึงสำคัญต่อผิว? และ CaHA มีกลไกการทำงานอย่างไร? บทความนี้พร้อมตอบทุกประเด็นเกี่ยวกับ CaHA

                                                            CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจนใน Radiesse คืออะไร? เหมาะกับใคร?

                                                             

                                                            CaHA คืออะไร
                                                            CaHA คืออะไร

                                                            CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร?

                                                            แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite – CaHA) คือ สารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย (Biostimulator) มักถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ความงามอย่าง Radiesse สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว ซึ่ง CaHA เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา โดยเฉพาะกระดูกและฟัน CaHA มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงและความทนทาน ให้กับกระดูกและฟัน ดังนั้น CaHA จึงเป็นสารที่สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย ทำให้มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน

                                                             

                                                            CaHA มีหลักการทำงานอย่างไร?

                                                            CaHA มีลักษณะเป็นไมโครสเฟียร์ (Microsphere) ที่มีขนาดอนุภาคสม่ำเสมอ ขนาด 25 – 45 ไมครอน เมื่อฉีด CaHA เข้าสู่ชั้นผิวแล้ว CaHA จะจับตัวกันเป็นโครงสร้างที่แข็งแรง ในการสร้างเส้นใยตาข่าย 3 มิติ (3D Matrix) และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดของคอลลาเจน ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น โดยสามารถกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอในบริเวณที่ฉีด ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้ผิวแข็งแรง มีความหนาแน่น และยืดหยุ่น นอกจากนี้ CaHA ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในร่างกาย

                                                             

                                                            CaHA สำคัญต่อผิวอย่างไร
                                                            CaHA สำคัญต่อผิวอย่างไร

                                                            ทำไม CaHA ถึงมีความสำคัญต่อผิว?

                                                            CaHA มีความสำคัญในด้านการดูแลผิวอย่างมาก ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างยาวนานกว่า 25 ปี มีงานวิจัยยืนยันถึง ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้ CaHA เพื่อฟื้นฟูผิว ซึ่งสามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ถึง 5 ประการ ได้แก่

                                                            1. CaHA กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 (Type I) เพิ่มขึ้น 150% ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง เฟิร์ม กระชับ
                                                            2. CaHA กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 3 (Type III) เพิ่มขึ้น 130% ช่วยให้ผิวแน่น เต่งตึง เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเรียงตัวของคอลลาเจนประเภทที่ 1
                                                            3. CaHA กระตุ้นการสร้างอีลาสติน (Elastin) เพิ่มขึ้น 260% ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และลดเลือนริ้วรอย
                                                            4. CaHA กระตุ้นการสร้าง Proteoglycan ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเปล่งปลั่ง
                                                            5. CaHA กระตุ้นการสร้าง Angiogenesis หรือกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดี ดูอมชมพู มีเลือดฝาด

                                                             

                                                            3 ผลลัพธ์ของ CaHA ในระยะยาว มีอะไรบ้าง?

                                                            CaHA นอกจากจะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังการฉีดแล้ว CaHA ยังมี 3 ผลลัพธ์ในระยะยาวที่โดดเด่น จากการที่ร่างกายค่อย ๆ เพิ่มจำนวนคอลลาเจนขึ้นมาใหม่หลังฉีด CaHA  ได้แก่

                                                            1. ผลลัพธ์ของ CaHA ในระยะยาว คือ Healthier เสริมสร้างโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวเฟิร์มกระชับ อิ่มฟู และดูสุขภาพดีมากขึ้น
                                                            2. ผลลัพธ์ของ CaHA ในระยะยาว คือ Younger ทำให้ริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อยลดลง ผิวดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
                                                            3. ผลลัพธ์ของ CaHA ในระยะยาว คือ Longer ยืดอายุผิวที่มีคุณภาพดีให้ยาวนานมากขึ้น สามารถคงผลลัพธ์ได้ถึง 2 ปี

                                                             

                                                            CaHA มีความพิเศษกว่า HA ทั่วไปอย่างไร?

                                                            CaHA (Calcium Hydroxylapatite) และ HA (Hyaluronic Acid) เป็นสารเติมเต็มที่นิยมใช้ในการเติมเต็มผิว และปรับรูปหน้า ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ มีหลักการทำงานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่

                                                            • CaHA เป็นส่วนประกอบหลักของ Radiesse ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ ที่สามารถพบได้ในร่างกายของเรา เช่น กระดูกและฟัน CaHA มีความโดดเด่นตรงที่ไม่เพียงแต่การเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้า แต่ CaHA ยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาใหม่ เน้นการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวในระยะยาว และต้องการมีผิวหน้าที่แข็งแรง อ่อนกว่าวัย โดยผลลัพธ์ของ CaHA จะคงอยู่ได้ยาวนานกว่า HA ทั่วไปถึง 2 ปี
                                                            • HA เป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบสารในร่างกายของเรา HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ กักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เมื่อนำมาใช้ในรูปแบบของฟิลเลอร์ จะช่วยเพิ่มวอลุ่มและเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนัง เพื่อทดแทนเนื้อเยื่อหรือกระดูกที่ทรุดตัวลงจากอายุที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวอิ่มน้ำ ดูเรียบเนียน เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิว ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

                                                            คอลลาเจนมีกี่ประเภท?

                                                            คอลลาเจน (Collagen) มีหลายประเภท สามารถได้ตามคุณสมบัติและการทำงานในร่างกาย โดยทั่วไปแล้วมีการจำแนกคอลลาเจนออกเป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่

                                                            1. คอลลาเจนประเภทที่ 1 (Type I) พบมากที่สุดในร่างกาย ประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด ทำหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง กระดูก เอ็น และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 
                                                            2. คอลลาเจนประเภทที่ 2 (Type II) พบในกระดูกอ่อน เช่น หู จมูก และกระดูกซี่โครง ทำหน้าที่รักษาความยืดหยุ่น และลดการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ
                                                            3. คอลลาเจนประเภทที่ 3 (Type III) มักพบร่วมกับคอลลาเจนประเภทที่ 1 ในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด มีหน้าที่ในการเสริมสร้างโครงสร้างของผิว
                                                            4. คอลลาเจนประเภทที่ 4 (Type IV) พบในชั้นเยื่อบุผิว และชั้นเนื้อประสานที่รองรับเนื้อผิว มีลักษณะเฉพาะตัว ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
                                                            5. คอลลาเจนประเภทที่ 5 (Type V) พบในเซลล์ผิว รก และเส้นผม ทำหน้าที่ในการเสริมสร้างโครงสร้างของเนื้อเยื่อ เพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผมและเล็บ

                                                            จะเห็นได้เลยว่า คอลลาเจนแต่ละชนิดมีบทบาทที่สำคัญต่อร่างกายแตกต่างกันไป แต่คอลลาเจนที่จำเป็นสำหรับผิวหนังนั้น คือ คอลลาเจนประเภทที่ 1 และ คอลลาเจนประเภทที่ 3 ดังนั้น การเสริมคอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 จึงเป็นอีกหนึ่งวิธี ในการช่วยชะลอความเสื่อมของผิวหนัง และคงความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า

                                                             

                                                            ความเสื่อมของคอลลาเจนในผิวหนัง แต่ละช่วงวัย?

                                                            ความเสื่อมของคอลลาเจนในผิวหนังเกิดขึ้นตามช่วงอายุ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ตั้งแต่อายุ 25 ปี ขึ้นไป เนื่องจากร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจนลดลงประมาณ 1 – 1.5% ต่อปี ซึ่งส่งผลให้ผิวของเรา เริ่มมีริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้

                                                            • อายุ 25 – 30 ปี เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนที่ลดลง ทำให้ผิวเริ่มมีริ้วรอยบาง ๆ และเริ่มสูญเสียน้ำ รูขุมขนกว้าง ผิวแห้งตึง
                                                            • อายุ 30 – 40 ปี การผลิตคอลลาเจนลดลงมากขึ้น ส่งผลให้เห็นริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ร่องแก้ม และริ้วรอยหน้าผาก อีกทั้ง ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย ผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดใส
                                                            • อายุ 40 – 60 ปี คอลลาเจนจะลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้เห็นริ้วรอย ร่องลึกชัดเจนกว่าเดิม ผิวหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้ง ผิวจะบางลงและบอบบางง่าย ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ซึ่งส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจน
                                                            • อายุ 65 ปีขึ้นไป คอลลาเจนเสื่อมสภาพอย่างมาก ทำให้ผิวหนังบาง แห้งกร้าน เห็นริ้วรอยอย่างชัดเจน และเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยขั้นรุนแรง เช่น บริเวณรอบดวงตา บริเวณแก้ม และบริเวณลำคอ อีกทั้งยังส่งผลต่อมวลกระดูกที่เสื่อมสภาพลงอีกด้วย

                                                             

                                                            พฤติกรรมทำลายคอลลาเจน
                                                            พฤติกรรมทำลายคอลลาเจน

                                                            พฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว?

                                                            • การสูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่จะทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ
                                                            • การดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลให้คอลลาเจนถูกทำลาย ผิวจึงสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น และเกิดความเหี่ยวย่นได้ง่าย
                                                            • การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป น้ำตาลทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชั่น (Glycation) ซึ่งจะเข้าไปทำลายโปรตีนในผิวหนังอย่าง คอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเหี่ยวย่นและมีริ้วรอย
                                                            • ได้รับแสงแดดมากเกินไป รังสี UV จากแสงแดดเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้เกิดความเสื่อมสภาพของผิวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยได้ง่าย
                                                            • ความเครียด เมื่อมีความเครียด ร่างกายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งมีส่วนในการทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวแห้งและหมองคล้ำ
                                                            • พักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ไม่เต็มที่ ซึ่งส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว

                                                             

                                                            เมื่อคอลลาเจนลดลงจะส่งผลต่อผิวหนังอย่างไร?

                                                            • ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอย เนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจน ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และความกระชับ ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อยได้ง่าย
                                                            • ผิวแห้งและหมองคล้ำ เนื่องจากคอลลาเจน มีบทบาทในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว เมื่อระดับคอลลาเจนลดลง ผิวจะเริ่มแห้งกร้าน ดูไม่สดใส
                                                            • ผิวแพ้ง่ายและไม่แข็งแรง เนื่องจากการลดลงของคอลลาเจน ทำให้โครงสร้างของผิวหนังอ่อนแอลง ส่งผลให้ผิวแพ้ง่าย บอบบาง มีโอกาสเกิดสิว ผด และผื่นได้ง่ายขึ้น
                                                            • การเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ เมื่อผิวหนังบอบบางลงจากการขาดคอลลาเจน ผิวจึงมีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบได้ง่าย ซึ่งเป็นการยิ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ อีกทั้ง เมื่อคอลลาเจนลดลง กระบวนการฟื้นฟูตัวเองจึงช้าลงตามไปด้วย
                                                            • การสร้างเซลล์ผิวใหม่ลดลง เนื่องจากคอลลาเจนมีความสำคัญในกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เมื่อคอลลาเจนลดลง อาจทำให้กระบวนการนี้ชะลอลง ส่งผลให้ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น

                                                             

                                                            Radiesse คืออะไร
                                                            Radiesse คืออะไร

                                                             

                                                            Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA คืออะไร?

                                                            Radiesse (เรเดียสซ์) เป็นสารเติมเต็ม Regenerative Biostimulator ที่มีส่วนประกอบหลัก คือ Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท Merz Aesthetics บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยีความงามระดับโลก และได้รับ FDA Approved จากอย. อเมริกา (US FDA) ในปี 2006 ซึ่ง Radiesse ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ความงามอย่างกว้างขวาง จึงมียอดใช้งานกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วโลก ถือเป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูง ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยมีคอนเซปต์ คือ The One of a Kind Regenerative Biostimulator

                                                             

                                                            ด้วยส่วนประกอบของ CaHA ใน Radiesse จึงทำให้ Radiesse มีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 และคอลลาเจนประเภทที่ 3 เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน และยังสามารถใช้ในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ทำให้ผิวอิ่มฟู ปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ มีความคมชัดมากขึ้น

                                                             

                                                            อีกทั้ง ใน Radiesse มีปริมาณของ CaHA สูงถึง 30% ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมในการออกฤทธิ์เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้จริงหลังฉีด และอีก 70% คือ CarboxyMethyl Cellulose (CMC gel) ที่เป็นตัวนำพาอนุภาค CaHA เข้าสู่ผิวหนัง ช่วยให้ CaHA กระจายตัวอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

                                                             

                                                            Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีลักษณะเด่นเฉพาะอย่างไร?

                                                            • ลักษณะเด่นเฉพาะของ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA คือ Strong Structural Skin เสริมสร้างโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง
                                                            • ลักษณะเด่นเฉพาะของ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA คือ Profound Rejuvenation ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
                                                            • ลักษณะเด่นเฉพาะของ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA คือ Cell Regenerative Stimulation กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ เพิ่มความหนาแน่นของผิว เพื่อทดแทนส่วนที่เสื่อมสภาพไป 

                                                             

                                                            Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

                                                            Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถฉีดได้หลายบริเวณ ทั้งใบหน้าและลำคอ แต่ไม่แนะนำให้ฉีดในบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา และริมฝีปาก

                                                            • ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณหน้าแก้ม เพื่อยกกระชับและเพิ่มวอลุ่ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
                                                            • ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณขมับ เพื่อเติมเต็มขมับที่ยุบตัว ทำให้โครงหน้ามีความสมดุลมากขึ้น โหนกแก้มลดลง
                                                            • ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มร่องลึกข้างแก้มที่เกิดขึ้นตามอายุ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
                                                            • ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณร่องน้ำหมาก เพื่อเติมเต็มเส้นร่องมุมปาก ให้ดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูเด็กลง
                                                            • ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณกรอบหน้า เพื่อเพิ่มความคมชัด เพิ่มมิติให้กรอบหน้า
                                                            • ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณหลังมือ เพื่อแก้ปัญหาหลังมือแห้งกร้าน เหี่ยวย่น ทำให้หลังมือมีความเต่งตึง และชุ่มชื้น
                                                            • ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณลำคอ เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น เพิ่มความเต่งตึงให้ผิวบริเวณคอ

                                                             

                                                            Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีข้อดีอะไรบ้าง?

                                                            • การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก CaHA ไม่ใช่สารแปลกปลอม จึงไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสในการเกิดอาการแพ้
                                                            • การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีความสะดวกและประหยัดเวลา ฉีดเพียงครั้งเดียว สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
                                                            • การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย
                                                            • การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งจาก US FDA (อย.อเมริกา) และ TH FDA (อย.ไทย)
                                                            • การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีการใช้ในวงการแพทย์ทั่วโลกกว่า 25 ปี และมีงานวิจัยรองรับกว่า 250 ฉบับ
                                                            • การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มียอดใช้งานกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วโลก

                                                             

                                                            Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะกับใคร?

                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 25 ปี ขึ้นไป คอลลาเจนค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยหรือร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่กระชับ
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลุ่มให้ผิว
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ผิวขาดวอลุ่ม
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าไม่แข็งแรง ขาดความยืดหยุ่น
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า กรอบหน้าไม่คมชัด
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรอยเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือ และลำคอ
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าในระยะยาว

                                                             

                                                            Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะกับใคร?

                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังให้นมบุตร
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีแผลเปิด หรือสิวอักเสบบริเวณที่จะฉีด
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เลือดออกง่าย
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติการแพ้ขั้นรุนแรง
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบใน Radiesse
                                                            • Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดคีลอยด์ หรือรอยแผลเป็นนูน

                                                             

                                                            การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA

                                                            • ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา และประวัติโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ
                                                            • ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA งดรับประทานยา หรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
                                                            • ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
                                                            • ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
                                                            • ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA งดสครับผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ีฉีด
                                                            • ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA นอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

                                                             

                                                            การดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA

                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง หรือนอนคว่ำ 
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA งดแต่งหน้า 12 ชั่วโมงแรก 
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น ออกกำลังกายหนัก นอนอาบแดด หรือเข้าซาวน่า
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA งดสัมผัส นวด หรือกดในบริเวณที่ฉีด
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถประคบเย็นเบา ๆ ในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมช้ำได้
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด หรือความร้อนทุกรูปแบบ
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที

                                                             

                                                            ผลลัพธ์ 3 ระยะที่เกิดขึ้นหลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA

                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เห็นผลลัพธ์ทันที 

                                                            หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถเข้าไปเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และเพิ่มวอลุ่มให้กับผิว ทำให้เห็นผลลัพธ์ในการยกกระชับและปรับรูปหน้าได้ทันที

                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เห็นผลลัพธ์ใน 1 เดือน

                                                            หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ใน 1 เดือน สาร CaHA ใน Radiesse จะเริ่มออกฤทธิ์ในการกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวมีความแข็งแรง มีความหนาแน่น เด้งฟู และยืดหยุ่นมากขึ้น

                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เห็นผลลัพธ์ใน 6 – 24 เดือน

                                                            หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ใน 6 – 24 เดือน เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว จะถูกสร้างขึ้นอย่างเต็มที่ ทำให้ผิวแข็งแรง เฟิร์มกระชับ (Healthier) ผิวดูอ่อนเยาว์ (Younger) และยืดอายุผิวคุณภาพดีให้ยาวนาน (Longer) 

                                                             

                                                            ผลข้างเคียงของ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA

                                                            แม้ว่า Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA จะเป็นสารเติมเต็มที่ได้รับความนิยม และมีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มักพบผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง และหายได้เองภายในระยะเวลาอันสั้น

                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA อาจเกิดรอยแดง บวมช้ำขึ้นได้ในบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1 – 2 วัน
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA อาจเกิดอาการคันในบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถหายได้เอง
                                                            • หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ผิวเปลี่ยนสี หรือเกิดเป็นก้อนขึ้นมา ควรรีบพบแพทย์ทันที

                                                            วิธีเช็ค Radiesse ของแท้
                                                            วิธีเช็ค Radiesse ของแท้

                                                            Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีวิธีตรวจสอบของแท้อย่างไร?

                                                            • ตัวกล่อง Radiesse ต้องสมบูรณ์ ไม่ชำรุด บุบ หรือถูกเปิดใช้งานมาก่อน
                                                            • มีเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง
                                                            • ตรวจสอบ QR Code สติ๊กเกอร์ Merz Check หน้ากล่อง และลองสแกนดูว่า เป็นของแท้หรือไม่
                                                            • มีเลข Lot. วันที่ผลิต และวันหมดอายุที่ชัดเจน ซึ่งเลข Lot. ที่กล่องและเลข Lot. ที่ซองต้องตรงกัน
                                                            • ได้รับใบรับประกัน Skin Rejuvenation Card หรือ Radiesse Club Card หลังใช้บริการฉีด Radiesse
                                                            • ตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่มีการสั่งซื้อ Radiesse อย่างถูกต้องในเว็บไซต์ www.merzaesthetics.co.th

                                                             

                                                            จะเห็นได้ว่า สาร CaHA ใน Radiesse ถือเป็นสารที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ ซึ่งต่างจากสารเติมเต็มทั่วไป ที่เน้นแค่การเติมเต็มและเพิ่มปริมาตรให้ผิวในชั่วคราว แต่สาร CaHA ใน Radiesse จะให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจน และเสริมโครงสร้างผิวในระยะยาว ทำให้ผิวแข็งแรง และสุขภาพดีจากภายใน 

                                                            สำหรับใครที่สนใจ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA รีบจองคิวเข้ามาปรึกษาแพทย์กับ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา อย่าปล่อยให้ผิวหน้าดูแก่กว่าวัยมากไปกว่านี้ เตรียมบอกลาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ค้นพบผิวใหม่ที่สวยกว่าเดิม รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

                                                             

                                                            Fractional Laser ลาขาดหลุมสิว เผยผิวเรียบเนียน

                                                            Fractional Laser

                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                              Fractional Laser ลาขาดหลุมสิว เผยผิวเรียบเนียน

                                                              ปัญหาหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน ปัญหากวนใจที่แก้ได้ยาก และอาจเกิดผลกระทบหลายด้าน หากรักษาไม่ถูกวิธี ปัจจุบันจึงมีเทคโนโลยีและวิธีการรักษาหลุมสิวเกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในวิธีการรักษาหลุมสิวยอดฮิต  “Fractional Laser” เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น จากการช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น พร้อมกับการแก้ไขปัญหาผิวหลายด้านอย่างมีประสิทธิภาพ

                                                              หลุมสิวเกิดจากอะไร ?

                                                              หลุมสิว คือ รอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหาย โดยเฉพาะในสิวอักเสบรุนแรงที่มีการอักเสบมาก สิวหัวช้าง หรือการบีบสิวโดยไม่ถูกวิธี ทำให้เกิดการอักเสบ จนชั้นใต้ผิวหนังเกิดการเสียหาย ทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลาย จนเกิดเป็นหลุมสิวได้ แต่หลุมสิวก็สามารถเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น จากพันธุกรรม หรือโรคบางชนิด ที่ทำให้ผิวหนังซ่อมแซมตัวเองได้ช้าจนเกิดหลุมสิวได้

                                                               

                                                              ประเภทของหลุมสิว 

                                                              หลุมสิวนอกจากจะเกิดได้จากหลายปัจจัยแล้ว ยังมีหลายประเภทอีกด้วย เพื่อการรักษาหลุมสิวได้ดี การรู้จักหลุมสิวนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อการเลือกวิธีการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพ โดยหลุมสิวแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

                                                               

                                                              • หลุมสิวแบบ Boxcar Scar หลุมสิวแบบนี้เป็นหลุมสิวที่มีขอบและขนาดค่อนข้างชัดเจน จากการที่ชั้นผิวถูกทำลาย ทำให้เกิดแผลลึกลงไปในผิว


                                                              • หลุมสิวแบบ Ice Pick Scar  มีลักษณะเป็นหลุมลึก แคบ เป็นหลุมที่ค่อนข้างลึก ทำให้การรักษายากกว่าหลุมสิวประเภทอื่น ๆ 


                                                              • หลุมสิวแบบ Rolling Scar  เป็นหลุมสิวแบบกว้าง ลาดเอียง ขอบหลุมไม่ชัดเจน ลักษณะเหมือนคลื่นพังผืดที่ดึงผิวหนังอยู่ใต้หลุม ทำให้ผิวไม่เรียบ เป็นคลื่น รักษาค่อนข้างยาก จากการที่ต้องจัดการพังผืดลึกใต้ผิว

                                                               

                                                              หลุมสิวหายได้เองไหม ?

                                                              หลุมสิวส่วนใหญ่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มักไม่หายไปเอง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ยิ่งจะทำให้หลุมสิวเห็นได้ชัดขึ้น โดยเฉพาะหลุมสิวที่ลึก และมีขนาดใหญ่ ซึ่งหลุมสิวที่เกิดจากการที่สิวอักเสบรุนแรง ผิวหนังชั้นในจะถูกทำลาย  และถ้าหากร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้เพียงพอ หลุมสิวก็จะไม่สามารถตื้นขึ้นได้ 

                                                              Fractional Laser คืออะไร
                                                              Fractional Laser คืออะไร

                                                              Fractional Laser คืออะไร ? 

                                                              Fractional Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการรักษาหลุมสิว และการแก้ไขปัญหาผิวที่หลากหลาย ทำงานผ่านการปล่อยเลเซอร์ที่มีขนาดเล็กลงไปบนผิวหนัง ช่วยให้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น และยังช่วยลดรอยแดง รอยดำจากสิวได้อีกด้วย ทำให้ Fractional Laser จึงเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน

                                                               

                                                              หลักหารทำงาน Fractional Laser
                                                              หลักหารทำงาน Fractional Laser

                                                              หลักการทำงานของ Fractional Laser

                                                              หลักการทำงานของ Fractional Laser หลุมสิวจะทำงานผ่านการปล่อยพลังงานเลเซอร์ที่เป็นลำแสงขนาดเล็ก ๆ หลายพันจุดลงไปบนผิวหนัง โดย Fractional Laser จะสร้างจุดความร้อน และสร้างบาดแผลเล็ก ๆ บนชั้นผิวที่ต้องการแก้ไข ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการซ่อมแซม และสามารถฟื้นฟูตัวเองในบริเวณที่ถูก Fractional Laser กระตุ้น 

                                                              โดยขั้นตอนการทำงานหลักของ Fractional Laser แบ่งออกได้ ดังนี้

                                                              • ขั้นตอนการสร้างความร้อน  ขั้นตอนนี้เลเซอร์ในเครื่อง Fractional จะยิงลำแสงลงบนผิวหนังในระดับที่เหมาะสมกับการรักษาปัญหาผิว 
                                                              • ขั้นตอนกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และซ่อมแซม ในขั้นตอนนี้หลังจากผิวถูกกระตุ้นด้วยความร้อนในจุดต่าง ๆ แล้วร่างกายจะเกิดการซ่อมแซม โดยเซลล์ผิวใหม่จะถูกสร้างขึ้นใหม่ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน 
                                                              • ขั้นตอนการฟื้นฟู  Fractional Laser ยิงเลเซอร์ออกเป็นจุดเล็ก ๆ โดยผิวที่ไม่ได้รับเลเซอร์จะไม่ได้รับผลอะไร ทำให้ผิวคงสภาพสมบรูณ์ จึงช่วยในการฟื้นฟูผิวเร็วขึ้น 

                                                               

                                                              Fractional Laser เหมาะกับใคร
                                                              Fractional Laser เหมาะกับใคร

                                                              Fractional Laser เหมาะกับใคร ?

                                                              Fractional Laser นอกจากจะรักษาหลุมสิวได้ดีแล้วนั้น ยังเป็นเทคโนโลยีทันสมัยที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าที่หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้ 

                                                               

                                                              • Fractional Laser เหมาะกับผู้ที่เป็นหลุมสิวทุกประเภท เลเซอร์นี้เหมาะมากกับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวเพราะสามารถรักษาได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหลุมสิวแบบตื้น หรือหลุมสิวแบบลึก ก็สามารถทำ Fractional Laser เพื่อทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้
                                                              • Fractional Laser เหมาะกับผู้ที่เป็นรอยแผลเป็น ผู้ที่มีปัญหากังวลใจเกี่ยวกับรอยแผลเป็น ทายาก็ไม่หายสามารถทำ Fractional Laser เพื่อช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นให้จางลงได้
                                                              • Fractional Laser เหมาะกับผู้ที่เป็นรอยแดง รอยดำจากสิว หากต้องการให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงอย่างรวดเร็ว สีผิวสม่ำเสมอ สามารถทำ Fractional Laser เพื่อให้รอยต่าง ๆ เหล่านี้จางลงได้
                                                              • Fractional Laser เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย เพราะสามารถลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ได้
                                                              • Fractional Laser เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง เลเซอร์จะช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้ จากการกระตุ้นคอลลาเจนและผลัดเซลล์ผิว

                                                               

                                                              Fractional Laserไม่เหมาะกับใคร ? 

                                                              Fractional Laser เป็นเทคโนโลยียอดนิยมที่ใช้ในการแก้ไขผิวหน้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะปัญหาหลุมสิว เหมาะกับทุกผิวหน้า แต่อาจจะมีข้อยกเว้นในบางบุคคล ดังต่อไปนี้ 

                                                              • Fractional Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อ

                                                              หากมีปัญหาผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อบริเวณที่ต้องการทำ ควรหลีกเลี่ยงการทำ Fractional Laser หลุมสิวก่อน เพราะหากทำ Fractional Laser ในขณะช่วงที่มีปัญหาผิวอักเสบ หรือติดเชื้อ อาจจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบมากขึ้น หรือไปกระตุ้นการติดเชื้อให้แพร่กระจายลุกลามได้ ดังนั้นควรรอให้ผิวหนังหายดี และกลับมาเป็นปกติก่อนค่อยทำ Fractional Laser

                                                               

                                                              • Fractional Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้แสงแดด

                                                              ในผู้ที่มีภาวะไวต่อแสงแดด (Photosensitivity) ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์   Fractional Laser หลุมสิว เพราะอาจเสี่ยงต่อผิว ทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวเสียจากแดด หรืออาจเกิดรอยด่างดำหลังการทำเลเซอร์ได้ง่ายขึ้น

                                                               

                                                              • Fractional Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด

                                                              ในผู้ที่เป็นโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ หรือโรคที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาจจะหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำ  Fractional Laser หลุมสิวเนื่องจากหลังการทำเลเซอร์ผิวอาจจะต้องซ่อมแซมนาน หรืออาจเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น

                                                               

                                                              • Fractional Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

                                                              ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร อาจทำให้ผิวตอบสนองต่อการทำเลเซอร์ที่ต่างกันออกไปจากปกติ จากที่ฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง หากต้องการทำ  Fractional Laser หลุมสิวควรรอให้ฮอร์โมนกลับสู่ปกติก่อนจึงทำ  Fractional Laser หลุมสิวได้

                                                               

                                                              • Fractional Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่เคยมีประวัติการใช้ยาบางชนิด

                                                              ในการทำ  Fractional Laser หลุมสิว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง หรือทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น หากทานยาบางชนิดร่วมด้วย เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือยารักษาสิวที่มีกรดเรติโนอิก ดังนั้นควรหยุดทานยาเหล่านี้ตามคำสั่งของแพทย์ก่อนการทำ Fractional Laser

                                                               

                                                              ดังนั้นก่อนการทำ Fractional Laser หลุมสิว ควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำ และการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

                                                              Fractional Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

                                                              เทคโนโลยี Fractional Laser เป็นการรักษาผิวผ่านการยิงเลเซอร์ลงในชั้นผิว นอกจากจะรักษาหลุมสิวได้ดีแล้ว ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อีกหลายด้าน ดังนี้ 

                                                               

                                                              • Fractional Laser ช่วยในการรักษาหลุมสิว 

                                                              ความสามารถในการทำงานหลักที่โดดเด่นของ Fractional Laser คือการรักษาหลุมสิวได้ทุกประเภท ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น หลังการทำ Fractional Laser

                                                               

                                                              • Fractional Laser ช่วยในการรักษารอยแผลเป็น 

                                                              ในผู้ที่เป็นรอยแผลเป็น การทำ Fractional Laser ถือเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะสามารถช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นได้ ไม่ว่าจะรอยแผลเป็นจากรอยสิว การผ่าตัด หรืออุบัติเหตุ จากการทำ Fractional Laser ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่บริเวณแผลเป็น ทำให้รอยแผลจางลง ผิวเรียบเนียนมากขึ้น

                                                               

                                                              • Fractional Laser ช่วยในการรักษารอยแดง รอยดำ

                                                              ผู้ที่มีปัญหารอยหลังจากการเกิดสิว  เช่น ปัญหารอยดำ ปัญหารอยแดง สามารถทำ Fractional Laser เพื่อให้รอยจางลงได้ จากการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวกลับมาสม่ำเสมอได้มากยิ่งขึ้น หลังการทำ Fractional Laser

                                                               

                                                              • Fractional Laser ช่วยในการปรับผิวเรียบเนียน

                                                              หลังการทำ Fractional Laser ช่วยปรับผิวทำให้ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ช่วยลดความขรุขระ และทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นได้

                                                               

                                                              • Fractional Laser ช่วยในการกระชับรูขุมขน

                                                              เลเซอร์นี้ช่วยทำให้รูขุมขนกระชับให้รูขุมขนเล็กลง ผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับ ทำให้รูขุมขนเล็กลงผิวละเอียด เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

                                                               

                                                              • Fractional Laser ช่วยในการลดริ้วรอยตื้น ๆ 

                                                              การทำ Fractional Laser สามารถลดเลือนริ้วรอยให้จางลงได้

                                                               

                                                              • Fractional Laser ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน

                                                              ทำให้ผิวแข็งแรง ให้มีความยืดหยุ่น ลดโอกาสการเกิดริ้วรอย หรือปัญหาผิวต่าง ๆ รวมถึงช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในอนาคต

                                                               

                                                              • Fractional Laser ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

                                                              ในผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้า สีผิวไม่เท่ากัน สามารถทำ Fractional Laser เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้ผิวดูกระจ่างใส สม่ำเสมอได้ หลังการทำเลเซอร์นี้

                                                               

                                                              ข้อดีของ Fractional Laser
                                                              ข้อดีของ Fractional Laser

                                                              ข้อดีของ Fractional Laser

                                                              การทำเลเซอร์ Fractional Laser ได้รับความนิยมจากการที่มีข้อดีหลายประการ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพ ดังนี้

                                                               

                                                              • Fractional Laser มีข้อดีในการแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย 

                                                              ในผู้ที่มีปัญหาผิวหลากหลายรูปแบบ สามารถทำ Fractional Laser เพื่อรักษาปัญหาผิวต่าง ๆ พร้อมกันได้ เพราะFractional Laser มีความสามารถในการรักษาปัญหาผิวที่หลากหลาย สามารถแก้ปัญหาผิวได้ทั้งปัญหาหลุมสิว รอยแผลเป็น รอยต่าง ๆ จึงเหมาะมากกับผู้ที่ต้องการแก้ไขฟื้นฟูผิวในหลายด้านพร้อมกัน

                                                               

                                                              • Fractional Laser มีข้อดีในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน 

                                                              หากต้องการทำเลเซอร์ที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน Fractional Laser ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก เพราะหลังการทำการรักษาด้วย Fractional Laser ไม่นาน ปัญหาผิวต่าง ๆ จะถูกแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน หลุมสิวจะตื้นขึ้น ผิวสม่ำเสมอ เรียบเนียน รอยต่าง ๆ จะจางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย  ในบางคนหลังการทำ Fractional Laser ครั้งแรกก็สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้เลย 

                                                               

                                                              • Fractional Laser มีข้อดีในการรักษาด้วยระยะเวลาสั้น ในการทำการรักษาใช้เวลาในการทำไม่นาน โดยทั่วไปจะใช้เวลาเพียง 30 นาที – 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับในบริเวณที่ทำ ทำให้สะดวกกับผู้ที่มีเวลาจำกัด และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้หลังการทำ Fractional Laser


                                                              • Fractional Laser มีข้อดีในการทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ 

                                                              หากต้องการทำเลเซอร์หลุมสิวที่สามารถทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ เพราะมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย หลังการทำสามารถทำหัตถการ หรือการรักษาอื่น ๆ ร่วมกันได้เลย แต่ควรอยู่ในคำแนะนำและการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย

                                                               

                                                              เทคโนโลยี Fractional Laser เป็นเทคโนโลยีรักษาผิวที่มีประสิทธิภาพเหมาะกับคนทุกกลุ่ม สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย

                                                               

                                                              Fractional Laser เจ็บหรือเปล่า ? 

                                                              ในการทำ Fractional Laser อาจจะมีความรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวบริเวณที่ทำได้เล็กน้อย ไม่รุนแรง ไม่เจ็บมาก อยู่ในขั้นที่ควบคุมได้ผ่านการปรับพลังงานของเลเซอร์ในเครื่อง Fractional Laser  โดยความเจ็บปวดขึ้นอยู่กับสภาพผิว ของการตอบสนองของแต่ละบุคคล ในบางบุคคลอาจจะไม่รู้สึกเจ็บเลยก็เป็นไปได้ค่ะ

                                                               

                                                              Fractional Laser อันตรายไหม ?

                                                              การทำงานของ  Fractional Laser ไม่เป็นอันตราย อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูงมาก ผ่านกระบวนการทำงานของเลเซอร์ที่เจาะลงสู่ชั้นผิวหนัง ในบริเวณที่ต้องการรักษาเท่านั้น ไม่ทำลายผิวหนังโดยรอบ ทำให้เทคโนโลยี  Fractional Laser มีความปลอดภัย และ Fractional Laser เป็นเครื่องที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอีกด้วย 

                                                               

                                                              หากทำการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการในการใช้เครื่องแล้วนั้น จะทำให้การทำงานของ  Fractional Laser มีความปลอดภัยมากขึ้นไปอีก หากมีความกังวลในเรื่องของผิวหรือความปลอดภัย สามารถปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อขอคำแนะนำก่อนและหลังการทำเลเซอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงหลังการทำได้

                                                               

                                                              Fractional Laser เห็นผลลัพธ์ภายในกี่วัน ?

                                                              ผลลัพธ์หลังการทำ Fractional Laser ส่วนมากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 7-14 วันหลังการทำครั้งแรก แต่จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น หลังการทำ Fractional Laser ประมาณ 30-45 วัน แต่ทั้งนี้การแสดงผลลัพธ์ในแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล 

                                                               

                                                              หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์อาจจะแนะนำให้ทำซ้ำทุก 4-6 สัปดาห์ เพื่อเสริมผิวให้ฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนต่อเนื่อง ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ระยะยาว

                                                               

                                                              Fractional Laser ต้องทำกี่ครั้ง ?

                                                              ในผู้ที่มีปัญหาผิวทั่วไป เช่น ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนไม่กระชับ ผู้ที่มีรอยดำรอยแดง อาจจะต้องทำ Fractional Laser 2 – 3 ครั้ง ในขณะที่ผู้ที่มีปัญหาผิวมาก เช่น ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวลึก หรือต้องการรักษารอยแผลเป็น อาจจำเป็นต้องทำ Fractional Laser  4 – 5 ครั้ง หรือมากกว่านั้นตามระดับความรุนแรงและคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ แต่โดยเฉลี่ยแล้วนั้นส่วนมาก แพทย์จะแนะนำให้ทำ 3 – 5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างในการทำครั้งละ  4 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้มีเวลาฟื้นฟูตัวเอง และมีเวลาในการสร้างคอลลาเจนระหว่างรักษาด้วย Fractional Laser

                                                               

                                                              ทั้งนี้จำนวนครั้งของการทำของแต่ละบุคคล จะแตกต่างกันออกไปตามสภาพผิว ปัญหาผิว และความรุนแรง ดังนั้นก่อนการทำควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกัน

                                                               

                                                              การเตรียมตัวก่อนทำ Fractional Laser
                                                              การเตรียมตัวก่อนทำ Fractional Laser

                                                              การเตรียมตัวก่อนทำ Fractional Laser

                                                              การเตรียมตัวก่อนการทำเลเซอร์ Fractional เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง โดยก่อนการทำ Fractional Laser สามารถเตรียมตัว ได้ดังนี้

                                                               

                                                              • ก่อนการทำ Fractional Laser ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ในการทำเลเซอร์การแจ้งประวัติ โรคประจำตัว และยาที่กินประจำ ให้แพทย์รู้ก่อนทำการรักษาเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยตรง ดังนั้นก่อนการทำเลเซอร์ควรแจ้งรายละเอียดให้ครบถ้วน เพื่อการทำที่ปลอดภัย และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากผลข้างเคียง 


                                                              • ก่อนการทำ Fractional Laser ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ก่อนการทำเลเซอร์ 14 วัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และทาครีมกันแดด SPF สูงเป็นประจำ


                                                              • ก่อนการทำ Fractional Laser ควรหยุดใช้ยาบางชนิด หากกินยาอะไรประจำก่อนหน้าการมาทำ Fractional Laser ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อประเมินการรักษา และหยุดทานยาบางชนิดระหว่างการทำ Fractional Laser เพราะในยาบางชนิดมีผลข้างเคียงที่ทำให้ผิวบาง ไวต่อแสง หรือส่งผลโดยตรงกับการแข็งตัวของเลือด แต่ทั้งนี้ไม่ควรหยุดกินยาเอง ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ 


                                                              • ก่อนการทำ Fractional Laser ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด ในผลิตภัณฑ์บางชนิดมีสารที่ทำให้ผิวระคายเคืองได้ ดังนั้นก่อนการทำเลเซอร์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจจะทำให้ผิวอักเสบ หรือระคายเคือง อย่างน้อยประมาณ 7-14 วันก่อนการทำ Fractional Laser


                                                              • ก่อนการทำ Fractional Laser ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ผิวแห้ง และไวต่อการระคายเคือง


                                                              • ก่อนการทำ Fractional Laser ควรเตรียมผิวให้สะอาด การเตรียมผิวก่อนการทำ Fractional Laser เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะในผิวอาจจะมีน้ำมัน เครื่องสำอาง หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ บนผิวหน้า ดังนั้นก่อนการทำ Fractional Laser ควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง จะช่วยให้เลเซอร์ทำงานได้อย่างดี และช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการทำเลเซอร์ได้ 

                                                               

                                                              การดูแลตัวเองหลังทำ Fractional Laser

                                                              การดูแลผิวหลังทำ Fractional Laser อย่างถูกวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่ดี สามารถทำได้ ดังนี้

                                                               

                                                              • หลังการทำ Fractional Laser แนะนำให้รักษาความสะอาดของผิว โดยหลังการทำเลเซอร์ ควรใช้การทำความสะอาดที่อ่อนโยน ใช้น้ำเปล่าหรือน้ำเกลือล้างเบา ๆ  ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง  ไม่สัมผัสหน้าโดยตรงหรือขัดผิวแรง ๆ เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อ
                                                              • หลังการทำ Fractional Laser แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิว โดยหลังการ Fractional Laser ผิวอาจจะเกิดอาการแห้งได้ ดังนั้นหลังการทำแนะนำให้ทาครีม หรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีสารสกัดที่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองเพิ่ม เพื่อทำให้ผิวหนังหลังทำมีความชุ่มชื้น 
                                                              • หลังการทำ Fractional Laser แนะนำให้หลีกเลี่ยงแดดจัด หลังการทำผิวจะไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น ควรเลี่ยงแสงแดดจัดหรือทาครีมที่มี SPF สูง ๆ เพื่อป้องกันการไหม้แดด หรือการระคายเคือง
                                                              • หลังการทำ Fractional Laser แนะนำให้หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า 1-2 วันแรกควรงดใช้เครื่องสำอางบนใบหน้า หลังการทำ Fractional Laser เนื่องจากหลังทำผิวจะบอบบางขึ้น ในเครื่องสำอางบางอันอาจจะมีสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือทำให้ผิวอักเสบได้ 
                                                              • หลังการทำ Fractional Laser แนะนำให้หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน หรือการอบซาวน่า ในช่วง 7-14 วันแรกหลังการทำเลเซอร์ เพราะอาจจะทำให้ผิวร้อนเกินไป เพิ่มความเสี่ยงในการระคายเคือง หรือเกิดการบวมได้ 

                                                              ผลข้างเคียงหลังการทำ Fractional Laser

                                                              หลังการทำ Fractional Laser เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ที่จะเกิดผลข้างเคียงในบางบุคคล โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลข้างเคียงที่เกิดได้เล็กน้อย และหายไปได้เองในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังการทำ Fractional Laser  ได้แก่

                                                               

                                                              • หลังการทำ Fractional Laser อาจผิวแห้ง หากรู้สึกว่าผิวแห้ง สามารถใช้ครีมบำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้เร็วขึ้น
                                                              • หลังการทำ Fractional Laser อาจเกิดการคัน อาการเช่นนี้สามารถพบได้บ่อยหลังการทำเลเซอร์ เป็นผลข้างเคียงที่ไม่อันตราย สามารถบรรเทาได้ด้วยการทาครีมตามคำแนะนำของแพทย์
                                                              • หลังการทำ Fractional Laser อาจเกิดอาการแสบร้อน ในบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจรู้สึกแสบร้อนได้ ซึ่งสามารถบรรเทาอาการนี้ได้ ด้วยการประคบเย็น
                                                              • หลังการทำ Fractional Laser อาจเกิดรอยแดง เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการทำ Fractional Laser  แต่จะยุบและหายไปได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง
                                                              • หลังการทำ Fractional Laser อาจเกิดการติดเชื้อในบางกรณี หากไม่ดูแลตัวเองหลังการทำ  Fractional Laser อาจจะเกิดการติดเชื้อได้ แต่เกิดได้น้อยมาก ๆ ดังนั้นหลังการทำ Fractional Laser การดูแลตัวเองจึงเป็นเรื่องจำเป็น และสำคัญมาก

                                                               

                                                              Fractional Laser เทคโนโลยีรักษาหลุมสิวยอดฮิตที่ได้รับความนิยม จากการที่รักษาหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อย่างหลากหลาย โดย Fractional Laser ทำงานผ่านการปล่อยพลังงานที่เฉพาะเจาะจง ไม่ทำลายผิวรอบข้าง แถมยังมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อยมาก ผิวฟื้นฟูได้ดีจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีหลุมสิวทุกชนิด และผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหลายอย่างพร้อมกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/RomrawinLINEhttps://bit.ly/RomrawinLINE