หมูเด้งผิวแห้ง ไม่อยากผิวแห้งแตกลาย เหมือนน้องหมูเด้ง ทำอย่างไร

หมูเด้งผิวแห้ง เลิกผิวแห้ง แบบหมูเด้ง กู้ผิวฉ่ำ

หนาวนี้ ไม่อยากผิวแห้งแตกลาย เหมือนน้องหมูเด้ง ทำอย่างไรดี?

 

เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ซึ่งอากาศที่หนาวเย็นนั้น มักมาพร้อมกับปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ แต่ไม่ใช่แค่เราที่ต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ ล่าสุดน้องหมูเด้ง ฮิปโปแคระตัวน้อย ประจำสวนสัตว์เปิดเขาเขียว สร้างตำนานไม่หยุด เมื่อทางเพจ ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง ได้ออกมาเผยแพร่ภาพ น้องหมูเด้งลุคใหม่ ที่กำลังประสบปัญหาผิวแห้ง แตกลายไปทั้งตัว จากที่เคยผิวฉ่ำวาว อิ่มน้ำ กลาสสกิน กลับกลายเป็นผิวแห้งตึงอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาแฟนคลับต่างพากันคอมเมนต์ และเอ็นดูน้องหมูเด้งไม่ไหว จนเป็นไวรัลไปทั่วโซเชียล 

วันนี้ รมย์รวินท์ ขอนำเสนอ 2 โปรแกรมกู้ผิวฉ่ำเด้งเร่งด่วน บอกลาปัญหาผิวแห้งแตกลาย พร้อมทวงผิวสวยให้ดูออร่าพุ่งแบบ น้องหมูเด้ง อีกครั้ง แต่จะมีหัตถการอะไรบ้างนั้น บทความนี้ มัดรวมคำตอบมาให้แล้วค่ะ

หมูเด้งผิวแห้ง เลิกผิวแห้งแบบหมูเด้ง 

 

เลิกผิวแห้ง แบบหมูเด้ง กู้ผิวฉ่ำ
เลิกผิวแห้งแบบหมูเด้ง ทางลัดกู้ผิวฉ่ำ

ทางลัดกู้ผิวฉ่ำ จบปัญหาผิวแห้งแตกลาย แบบน้องหมูเด้ง

 

ผิวแห้ง คืออะไร?

ผิวแห้ง (Dry Skin) คือ สภาพผิวที่ขาดความสมดุล มีน้ำมันผลิตออกมาน้อยกว่าปกติ ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น เกิดอาการแห้งตึง ลอกเป็นขุย หรือแตกเป็นร่อง ซึ่งโดยปกติแล้ว ผิวของเราจะมีการผลิตน้ำมันออกมา เพื่อรักษาความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิว แต่เมื่อน้ำมันผลิตออกมาไม่เพียงพอ หรือลดน้อยลง ผิวจึงเริ่มสูญเสียน้ำ จนเกิดปัญหาผิวแห้งกร้านได้

 

ปัจจัยที่ทำให้ผิวแห้ง

ผิวแห้งกร้าน สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ได้แก่

อายุมากขึ้น

  • เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราจึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และเสื่อมสภาพลง ทำให้ต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิว ทำงานลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความสมดุล จนขาดความชุ่มชื้น แห้ง ตึงในที่สุด

พันธุกรรม

  • พันธุกรรมมีส่วนสำคัญในการกำหนดสภาพผิวของเรา ผู้ที่เป็นโรคบางชนิดที่ส่งผลให้ผิวแห้งจากพันธุกรรม  เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)

ฮอร์โมน

  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย สามารถทำให้ผิวแห้งกร้านได้ โดยเฉพาะในช่วงวัยหมดประจำเดือน ช่วงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียน้ำ และขาดความชุ่มชื้น

ขาดวิตามิน และแร่ธาตุ

  • วิตามิน และแร่ธาตุ มีบทบาทสำคัญในการรักษาความชุ่มชื้น และซ่อมแซมเซลล์ผิว หากร่างกายได้รับวิตามิน และแร่ธาตุไม่เพียงพอ โดยเฉพาะวิตามิน A, C, E และซิงค์ อาจทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และแห้งกร้านได้ง่าย

สภาพอากาศ

  • สภาพอากาศส่งผลกระทบต่อสภาพผิวอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศหนาว และอากาศแห้ง อุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ยิ่งทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ และระคายเคืองได้ง่ายมากขึ้น

ทำความสะอาดผิวบ่อย

  • การทำความสะอาดผิวบ่อย หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารเคมีที่รุนแรง อาจทำให้ผิวแห้ง และระคายเคืองได้

2 โปรแกรมฮิต เปลี่ยนผิวแห้ง ให้กลับมาฉ่ำเด้งที่ รมย์รวินท์

Rejuran

  • Rejuran คือ Skin Booster ที่จัดอยู่ในกลุ่มฉีดหน้าใส มีส่วนประกอบของ โพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide) ที่สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนในทะเลธรรมชาติ ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ถึง 98% ผ่านเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรเฉพาะของ Rejuran ที่มีชื่อเรียกว่า DOT™ โดยสามารถนำมาฉีดเข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ได้โดยตรง เพื่อฟื้นฟู และซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาแข็งแรงจากภายใน พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว รวมถึง ปรับปรุงคุณภาพผิว ให้ผิวฉ่ำวาว อิ่มน้ำแบบเร่งด่วน
  • Rejuran เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส และผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง มีหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน ต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน
  • ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด Rejuran คือ ผิวชุ่มชื้น ฉ่ำวาว กระจ่างใส พร้อมลดการอักเสบของผิว และลดเลือนรอยแดง ให้สีผิวดูสม่ำเสมอ ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

Revive

  • Revive คือ Skin Booster ที่จัดอยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์งานผิว มีส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) และ Glycerol ผ่านเทคโนโลยีการผลิตลิขสิทธิ์เฉพาะของ Belotero ที่มีชื่อเรียกว่า CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นเนื้อเจลละเอียด เรียบเนียน สามารถกลมกลืนกับผิวของเราได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ไหลไม่เป็นก้อนง่าย โดยสามารถนำมาฉีดเข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อฟื้นฟู และปรับปรุงคุณภาพผิวจากภายใน สามารถกักเก็บน้ำได้มากถึง 1,000 เท่า ทำให้ผิวชุ่มชื้น ฉ่ำเด้ง พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความกระชับ ยืดหยุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Revive เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น มีริ้วรอยร่องตื้น ผิวหน้าขาดความยืดหยุ่น และมีปัญหาผิวโทรม ไม่สดใส แต่งหน้าไม่ติด
  • ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด Revive คือ ฟื้นฟูผิวได้ถึง 4 มิติ ได้แก่ Skin Firmness ผิวมีความยืดหยุ่น เฟิร์มกระชับ, Skin Hydration ผิวมีความชุ่มชื้น, Skin Glow ผิวมีความฉ่ำวาว อิ่มน้ำ และ Skin Tone Evenness สีผิวสม่ำเสมอ มีความกระจ่างใส

 

สัมผัสงานผิวฉ่ำเด้งได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา

สำหรับใครที่มีผิวไม่ชุ่มชื้น แห้งลอก อย่าปล่อยให้ผิวแห้งแตกลาย แบบน้องหมูเด้งไปมากกว่านี้ ต้องรีบดูแลผิวด่วนที่ รมย์รวินท์คลินิก เรามีทีมแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญ สามารถประเมินสภาพผิวหน้า และออกแบบการรักษาให้ตรงกับปัญหาได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์สำหรับทุกปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวโทรม ผิวแห้ง หรือผิวขาดน้ำ ให้ผิวของคุณกลับมาชุ่มชื้น ผิวฉ่ำวาว ดูเปล่งปลั่งอีกครั้ง ไม่ต้องกังวลเรื่องผิวแห้งแตกลายอีกต่อไป

Profhilo กับ Radiesse ต่างกันอย่างไร? อัปเดต 2025

Profhilo กับ Radiesse ต่างกันอย่างไร?

Profhilo กับ Radiesse ต่างกันอย่างไร? อัปเดต 2025

การมีผิวที่สุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนต้องการ ซึ่งในปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีความงามออกมามากมาย ที่ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูโครงสร้างผิว โดยหนึ่งในนั้นคือ โปรแกรมฉีด Profhilo และ โปรแกรมฉีด Radiesse ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ ถึงแม้ว่า โปรแกรมฉีด Profhilo และ โปรแกรมฉีด Radiesse จะมีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่ทั้งสองหัตถการก็มีส่วนประกอบ และหลักการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน บทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ โปรแกรมฉีด Profhilo และ โปรแกรมฉีด Radiesse พร้อมเจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่าง Profhilo และ Radiesse เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกฉีด โปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse ได้อย่างเหมาะสม และตอบโจทย์ปัญหาผิวมากที่สุดค่ะ

โปรแกรมฉีด Profhilo VS โปรแกรมฉีด Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน ต่างกันอย่างไร? 

รู้จักโปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ก่อนฉีด

โปรแกรมฉีด Profhilo คืออะไร?
โปรแกรมฉีด Profhilo คืออะไร?

โปรแกรมฉีด Profhilo คืออะไร?

โปรแกรมฉีด Profhilo คือ สารฟื้นฟูโครงสร้างผิว (Bio-Remodeling) ใหม่ล่าสุด จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งโปรแกรมฉีด Profhilo ใช้เทคโนโลยีพิเศษที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเฉพาะ เรียกว่า NAHYCO® ในการใช้พลังงานความร้อนแบบจำเพาะ เชื่อม Hyaluronic Acid (HA) ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ และขนาดเล็กเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการสร้างพันธะเป็นโครงสร้าง เรียกว่า Hybrid Cooperative Complex (HCC) โดยไม่ได้มีการเชื่อมพันธะ (Cross-linked) แบบฟิลเลอร์ทั่วไป จึงช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ และเกิดอันตรายต่อร่างกาย

โดยโปรแกรมฉีด Profhilo มีส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 100% และมีความเข้มข้นสูงถึง 64 มิลลิกรัม (mg) ต่อ 2 มิลลิลิตร (ml) ซึ่งมีความเข้มข้นสูงมากที่สุดในปัจจุบัน โปรแกรมฉีด Profhilo มีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟูโครงสร้างทุกระดับชั้นผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ชุ่มชื้น และแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี

Radiesse คืออะไร?
Radiesse คืออะไร?

โปรแกรมฉีด Radiesse คืออะไร?

โปรแกรมฉีด Radiesse คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) จากประเทศเยอรมนี โดยมีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่มีอนุภาคทรงกลมขนาดเล็ก ประมาณ 25 – 45 ไมครอน เป็นสารที่สามารถพบได้ในร่างกายของมนุษย์ โดยเฉพาะกระดูก และฟัน จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไม่ใช่สารแปลกปลอม หรืออันตรายใด ๆ 

โดยโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดได้ 2 แบบ ทั้งการฉีดเพื่อเติมเต็ม หรือเพิ่มปริมาตรให้ผิวในทันที เหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ และสามารถฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับ มีความยืดหยุ่น และมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ต่างกันอย่างไร?

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ต่างกันอย่างไร?

โปรแกรมฉีด Profhilo และ โปรแกรมฉีด Radiesse แม้ว่าจะเป็นหัตถการที่ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านส่วนประกอบ หลักการทำงาน วิธีการฉีด หรือแม้แต่ระยะเวลาในคงอยู่ของผลลัพธ์ โดยโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse มีความแตกต่างกัน ดังนี้

1. ส่วนประกอบของโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse

  • โปรแกรมฉีด Profhilo มีส่วนประกอบของ Hyaluronic acid (HA) แบบ Non-Crosslinked ที่มีความเข้มข้น และมีความบริสุทธิ์สูง 100% ปราศจากสารเติมแต่งเจือปน ซึ่งโปรแกรมฉีด Profhilo มีการผสมผสานโมเลกุล HA ขนาดเล็ก และขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถกระจายตัวได้ดีในทุกระดับชั้นผิว โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือการอักเสบ
  • โปรแกรมฉีด Radiesse มีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่มีลักษณะคล้ายแคลเซียมในกระดูก และฟัน ซึ่งถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างกว้างขวางกว่า 25 ปี โดย CaHA เป็นสารสังเคราะห์ที่มีอนุภาคขนาดเล็กสม่ำเสมอ ประมาณ 25 – 45 ไมครอน จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกายของเรา ไม่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน 

2. หลักการทำงานของโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse

  • โปรแกรมฉีด Profhilo จะทำงานโดยการกระจาย Hyaluronic acid (HA) ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกันไปทั่วชั้นผิว ซึ่งโปรแกรมฉีด Profhilo จะออกฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นใหม่ โดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบ รวมถึง โปรแกรมฉีด Profhilo ยังช่วยในการฟื้นฟูโครงสร้าง และปรับสมดุลผิวในทุกระดับ (Bio-Remodeling) ตั้งแต่ผิวชั้นตื้นไปจนถึงชั้นลึก ทำให้ผิวมีความเนียนละเอียด ชุ่มชื้น กระชับ และดูสุขภาพดีมากขึ้น
  • โปรแกรมฉีด Radiesse จะทำงานโดยการให้สาร CaHA ก่อตัวรวมกันเป็นโครงสร้างที่แข็งแรง เพื่อสร้างเส้นใยตาข่าย 3 มิติ (3D Matrix) ใต้ชั้นผิว และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) โดยตรง ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวมีความหนาแน่น กระชับ และยืดหยุ่นมากขึ้น 

3. วิธีการฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse

  • โปรแกรมฉีด Profhilo สามารถฉีดได้ทั้งผิวชั้นตื้น และผิวชั้นลึก โดยจะเน้นฉีดเพื่อเก็บรายละเอียดปัญหาผิว เช่น รูขุมขนกว้าง หลุมสิว หรือริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ รวมถึง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ซึ่งโปรแกรมฉีด Profhilo ใช้เทคนิคในการฉีดแบบ Bio Aesthetic Points (BAP) บริเวณใบหน้า 5 จุดต่อข้าง และบริเวณลำคอ 10 จุด เพื่อให้สาร HA ในโปรแกรมฉีด Profhilo สามารถกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง และครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง โดยไม่แข็ง ไม่เป็นก้อน และไม่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนแปลง
  • โปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดได้ 2 แบบ ได้แก่ ฉีดเพื่อเติมเต็มในบริเวณที่สูญเสียปริมาตร ทำหน้าที่เป็นเหมือนโครงสร้างพยุงผิวในชั้นลึก เช่น ร่องแก้ม ขมับ และฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ในระยะยาว ซึ่งโปรแกรมฉีด Radiesse จะเน้นกระตุ้นคอลลาเจน และแก้ไขปัญหาโครงสร้างผิวชั้นลึกมากกว่าโปรแกรมฉีด Profhilo

4. จุดเด่นของโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse

  • โปรแกรมฉีด Profhilo มีจุดเด่น คือ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนถึง 4 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนชนิดที่ 1, คอลลาเจนชนิดที่ 3, คอลลาเจนชนิดที่ 4 และคอลลาเจนชนิดที่ 7 พร้อมฟื้นฟูโครงสร้างผิว (Bio-Remodeling) ในทุกระดับชั้นผิว อีกทั้ง โปรแกรมฉีด Profhilo ยังกระตุ้นการทำงานของเซลล์ถึง 3 ชนิด ได้แก่ กระตุ้นเซลล์ Keratinocyte ในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis), กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ในชั้นหนังแท้ (Dermis) และกระตุ้นเซลล์ Adipocyte ในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Hypodermis) ทำให้ผิวมีความกระชับ เรียบเนียน และชุ่มชื้นมากขึ้น
  • โปรแกรมฉีด Radiesse มีจุดเด่น คือ กระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวถึง 5 ประการ ได้แก่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 มากถึง 150%, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 3 มากถึง 130%, กระตุ้นการสร้างอีลาสติน มากถึง 260% พร้อมกระตุ้นการสร้าง Angiogenesis และกระตุ้นการสร้าง Proteoglycan ทำให้ผิวแน่นกระชับ ยืดหยุ่น และดูสุขภาพดีแบบองค์รวม

5. ระยะเวลาเห็นผลของโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse

  • โปรแกรมฉีด Profhilo โดยทั่วไป จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ภายใน 1 เดือน และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน เมื่อครบ  2 เดือนขึ้นไป แนะนำให้ฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo อย่างต่อเนื่อง ประมาณ 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยโปรแกรมฉีด Profhilo สามารถคงอยู่ได้นาน ประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังฉีด 
  • โปรแกรมฉีด Radiesse โดยทั่วไป จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการเติมเต็ม และเพิ่มปริมาตรให้ผิวได้ในทันที คล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่ผลลัพธ์ในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน จะค่อย ๆ เห็นผล ภายใน 1 – 3 เดือนหลังฉีด โดยโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถคงอยู่ได้นาน ประมาณ 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังฉีด
โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะกับใคร?
โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะกับใคร?

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะกับใคร?

โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะกับใคร?

  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไป คอลลาเจนสูญเสียบางส่วน ผิวไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม
  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง มีหลุมสิว ผิวขรุขระ ไม่เรียบเนียน
  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ หรือมีริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้า เช่น หน้าผาก รอบดวงตา และรอยริมฝีปาก
  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ห้อยย้อย ไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่นเล็กน้อย
  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น แต่งหน้าไม่ติด
  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ขาดความสดใส ไม่เปล่งปลั่ง
  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการบำรุงผิว อยากได้ผิวแบบ Glass Skin การฉีด โปรแกรมฉีด Profhilo สามารถช่วยได้
  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่เคยฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra หรือโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo เพื่อแก้ไขผิวชั้นตื้นให้เรียบเนียนขึ้นได้
  • โปรแกรมฉีด Profhilo เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยรวม ต้องการมีผิวดูสุขภาพดี อิ่มฟู และเปล่งปลั่ง

โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะกับใคร?

  • โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึกอย่างเห็นได้ชัด เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
  • โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวสูญเสียปริมาตร ใบหน้าซูบตอบ ดูมีอายุ เช่น ขมับตอบ แก้มตอบ
  • โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่คมชัด ต้องการปรับรูปหน้า
  • โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ ไม่ยืดหยุ่น
  • โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มคอลลาเจน และอีลาสตินให้กับผิว
  • โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างผิวชั้นลึก ต้องการให้ผิวแข็งแรง
  • โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ จากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในระยะยาว และยั่งยืน
ข้อดีของโปรแกรมฉีด Profhilo
ข้อดีของโปรแกรมฉีด Profhilo

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse มีข้อดี – ข้อจำกัดอะไรบ้าง?

ข้อดีของโปรแกรมฉีด Profhilo

  • โปรแกรมฉีด Profhilo เน้นฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยรวม (Bio-Remodeling) ตั้งแต่ผิวชั้นตื้น ไปจนถึงผิวชั้นลึก
  • โปรแกรมฉีด Profhilo ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสติน โดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบ โปรแกรมฉีด Profhilo สามารถกระตุ้นคอลลาเจนมากถึง 4 ชนิด ทั้งชนิดที่ 1, 3 ,4 และ 7 ทำให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู และเรียบเนียนขึ้น
  • โปรแกรมฉีด Profhilo ช่วยเรื่อง Skin Quality เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เนื่องจากโปรแกรมฉีด Profhilo มีปริมาณ HA สูง ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และดูสุขภาพดีจากภายใน
  • โปรแกรมฉีด Profhilo มีความปลอดภัย เนื่องจากโปรแกรมฉีด Profhilo ไม่มีสาร Cross-linked เช่น BDDE ทำให้มีความบริสุทธิ์สูง ปราศจากสารแปลกปลอม รวมถึง ลดความเสี่ยงในการเกิดการอักเสบ หรืออาการแพ้
  • โปรแกรมฉีด Profhilo ฉีดง่าย เจ็บน้อย และใช้เวลาในการฉีดไม่นาน เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม เนื่องจากโปรแกรมฉีด Profhilo ใช้เทคนิคการฉีดแบบ BAP (Bio Aesthetic Points) ทำให้ HA กระจายตัวได้ดี ไม่จำเป็นต้องฉีดหลายจุด จึงลดรู้สึกเจ็บปวดระหว่างฉีดได้
  • โปรแกรมฉีด Profhilo ไม่แข็ง ไม่เป็นก้อน ไม่อุดตันในเส้นเลือด เนื่องจากโปรแกรมฉีด Profhilo มีลักษณะเป็นเนื้อเหลว บางเบา สามารถกระจายตัวได้ดี และกลมกลืนไปกับผิวอย่างแนบเนียน
  • โปรแกรมฉีด Profhilo ไม่ต้องมีการพักฟื้นหลังฉีด ซึ่งส่วนใหญ่อาจเกิดรอยแดง หรือบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo โดยหลังฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ข้อจำกัดของโปรแกรมฉีด Profhilo

  • โปรแกรมฉีด Profhilo ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยขั้นรุนแรง หรือมีปัญหาร่องลึก เช่น ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก
  • โปรแกรมฉีด Profhilo ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตร และปรับรูปทรงใบหน้า เนื่องจากเนื้อของโปรแกรมฉีด Profhilo มีความเหลว และบางเบาเหมือนน้ำ จึงไม่สามารถขึ้นทรงได้เหมือนกับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรมฉีด Radiesse
  • โปรแกรมฉีด Profhilo ใช้เวลานานในการเห็นผลลัพธ์ เนื่องจากต้องรอให้ HA ค่อย ๆ ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
  • โปรแกรมฉีด Profhilo ต้องฉีดซ้ำต่อเนื่องในช่วงแรก แนะนำให้ฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน และควรฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo ซ้ำทุก 6 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อดีของโปรแกรมฉีด Radiesse
ข้อดีของโปรแกรมฉีด Radiesse

ข้อดีของโปรแกรมฉีด Radiesse

  • โปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดได้ 2 แบบ ทั้งฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรให้ผิวในทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 รวมถึง กระตุ้นอีลาสติน ทำให้ผิวมีความหนาแน่น และยืดหยุ่นมากขึ้น
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนาน โดยโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเองหลังฉีด ซึ่งคงอยู่นานกว่าการฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และมียอดการใช้งานทั่วโลกกว่า 15 ล้านไซริงค์ 
  • โปรแกรมฉีด Radiesse มีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก CaHA เป็นสารที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์กว่า 25 ปี และมีงานวิจัยรองรับเป็นจำนวนมากกว่า 250 ฉบับ 
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากลจาก อย. ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ อย. อเมริกา (US FDA) อย. ยุโรป (EU FDA) และ อย. ไทย (TH FDA)

ข้อจำกัดของโปรแกรมฉีด Radiesse

  • โปรแกรมฉีด Radiesse อาจทำให้เกิดอาการบวมแดง หรือช้ำมากกว่าโปรแกรมฉีด Profhilo ในบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้ จะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 สัปดาห์
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ บริเวณที่มีผิวบอบบาง มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา หรือหน้าผาก เนื่องจากอาจทำให้เกิดการอักเสบ หรือเป็นก้อนได้ง่าย
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ใช้เวลานานในการเห็นผลลัพธ์ ในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจนเหมือน โปรแกรมฉีด Profhilo เนื่องจากต้องรอให้ CaHA ค่อย ๆ ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว

โปรแกรมฉีด Profhilo กับ โปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดร่วมกันได้ไหม?

โปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดร่วมกันได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ เนื่องจากโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse มีคุณสมบัติในการใช้งานที่แตกต่างกัน หากใช้งานอย่างเหมาะสม และวางแผนในการฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse อย่างถูกต้อง จะช่วยเสริมผลลัพธ์ให้มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น 

โดยโปรแกรมฉีด Profhilo จะเน้นฟื้นฟูผิวในทุกระดับชั้นผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเหมาะสำหรับการเก็บรายละเอียดผิวชั้นตื้น เช่น ริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ หลุมสิว รูขุมขนกว้าง หรือผิวขาดน้ำ โดยไม่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้ผิว ส่วนโปรแกรมฉีด Radiesse เน้นเติมเต็ม และเพิ่มปริมาตรให้ผิวในชั้นลึก เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้า และแก้ไขปัญหาโครงสร้างผิว รวมถึง กระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ต่างจาก ฟิลเลอร์ทั่วไป อย่างไร?

โปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse แม้จะมีความคล้ายกับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ ในเรื่องของหลักการทำงาน หรือผลลัพธ์หลังฉีด ซึ่งทำให้ไม่สามารถจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปได้ โดยโปรแกรมฉีด Profhilo, โปรแกรมฉีด Radiesse และโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป มีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • โปรแกรมฉีด Profhilo ประกอบไปด้วย Hyaluronic Acid (HA) แบบ Non-Crosslinked ที่มีความบริสุทธิ์สูง 100% จึงมีความปลอดสูง เนื่องจากไม่มีสารเติมแต่งเจือปน ซึ่งสามารถกระจายตัวเข้ากับผิวได้อย่างทั่วถึง ไม่เกิดเป็นก้อน และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ได้มีการเพิ่มปริมาตรให้ผิว หรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้า ซึ่งการฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo จะเน้นฟื้นฟูผิวในทุกระดับชั้นผิว ตั้งแต่ผิวชั้นตื้นจนถึงผิวชั้นลึก พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น เนียนละเอียด และดูแน่นกระชับจากภายใน โดยโปรแกรมฉีด Profhilo สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ประกอบไปด้วย Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เป็นสารที่พบได้ในกระดูกตามธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ใช่สารแปลกปลอมในร่างกาย ซึ่งการฉีดโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดได้ 2 แบบ ทั้งการฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรให้ผิวในทันที เหมือนกับฟิลเลอร์ และฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึกในระยะยาว โดยส่วนใหญ่โปรแกรมฉีด Radiesse จะเน้นปรับโครงสร้าง และยกกระชับผิวชั้นลึกเป็นหลัก ทำให้ผิวมีความแข็งแรง กระชับ และแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างเป็นดี สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป ประกอบไปด้วย Hyaluronic Acid (HA) แบบ Cross-linked ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่โครงสร้างใบหน้า ปรับรูปหน้า และเติมเต็มผิวเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ เพื่อทดแทนบริเวณที่สูญเสียคอลลาเจน ไขมัน และกระดูกที่ทรุดตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่ไม่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้เหมือนกับโปรแกรมฉีด Profhilo หรือโปรแกรมฉีด Radiesse โดยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ และหลากหลายรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และยี่ห้อโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่เลือกใช้

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ต่างจากโปรแกรมฉีด Sculptra อย่างไร?

โปรแกรมฉีด Profhilo, โปรแกรมฉีด Radiesse และโปรแกรมฉีด Sculptra ถือเป็นหัตถการที่ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในด้านส่วนประกอบ หลักการทำงาน และผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้เหมาะกับปัญหาผิว และความต้องการที่แตกต่างกัน โดยโปรแกรมฉีด Profhilo, โปรแกรมฉีด Radiesse และโปรแกรมฉีด Sculptra มีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • โปรแกรมฉีด Profhilo ประกอบไปด้วย Hyaluronic Acid (HA) แบบ Non-Crosslinked เน้นฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยรวม (Bio-Remodeling) ในทุกระดับชั้นผิว และช่วยเรื่อง Skin Quality ให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน และดูสุขภาพดี พร้อมกระตุ้นการทำงานของ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ โดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบในร่างกาย รวมถึง ไม่สามารถเพิ่มปริมาตรให้ผิวได้เหมือนโปรแกรมฉีด Radiesse และโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป ซึ่งการฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้มากถึง 4 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนชนิดที่ 1, ชนิดที่ 3, ชนิดที่ 4 และชนิดที่ 7 ทำให้ผิวเฟิร์มกระชับ แข็งแรง และลดความหย่อนคล้อยบนใบหน้าได้
  • โปรแกรมฉีด Radiesse ประกอบไปด้วย Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเน้นเติมเต็มร่องลึก หรือเพิ่มปริมาตรให้ผิวในทันที พร้อมกระตุ้นการทำงานของ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสตินโดยตรง สามารถเห็นผลได้ในระยะยาว โดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบ ซึ่งการฉีดโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้ถึง 150%, กระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 3 ได้ถึง 130%, กระตุ้นอีลาสตินได้ถึง 260% รวมถึง กระตุ้น Proteoglycan และ Angiogenesis ทำให้ผิวชุ่มชื้น อมชมพู และดูสุขภาพดีจากภายในอีกด้วย 
  • โปรแกรมฉีด Sculptra ประกอบไปด้วย Poly-L-lactic Acid (PLLA) ซึ่งเน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลีก ผ่านระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยจะกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ไปกระตุ้น Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ สามารถเพิ่มคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้มากถึง 66.5% พร้อมฟื้นฟูผิวจากภายในอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู แข็งแรง และแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปหน้า และสามารถเห็นผลได้ในระยะยาว ไม่สามารถเพิ่มปริมาตรให้ผิวได้ในทันทีเหมือนโปรแกรมฉีด Radiesse หรือโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse ฉีดกี่วันเห็นผล?

  • โปรแกรมฉีด Profhilo สามารถเห็นผลลัพธ์หลังฉีดได้ ตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ  ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo ประมาณ 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน จากนั้นควรฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo ทุก 6 – 12 เดือน เพื่อคงสภาพของผลลัพธ์ให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
  • โปรแกรมฉีด Radiesse สามารถเห็นผลลัพธ์ในเรื่องของเติมเต็ม และเพิ่มปริมาตรให้ผิวชั้นลึกได้ในทันทีหลังฉีด แต่ผลลัพธ์ในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจน สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ ประมาณ 1 – 3 เดือน โดย CaHA จะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse เจ็บไหม?

  • การฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo จะใช้เทคนิค Bio Aesthetic Points (ฺBAP) ในการฉีด ซึ่งจะฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo เพียง 5 จุดต่อข้าง บริเวณใบหน้า และ 10 จุด บริเวณลำคอ ทำให้มีความเจ็บเพียงเล็กน้อย เนื่องจากไม่ต้องฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo หลายจุด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากมีความกังวลเรื่องความเจ็บ สามารถขอทายาชา เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดลงได้
  • การฉีดโปรแกรมฉีด Radiesse จะมีความเจ็บที่มากกว่าโปรแกรมฉีด Profhilo เล็กน้อย แต่อยู่ในระดับที่สามารถทนได้ เนื่องจากโปรแกรมฉีด Radiesse จะฉีดเข้าไปในผิวชั้นลึกมากกว่า ทำให้อาจรู้สึกตึง หรือเจ็บขณะฉีดได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากมีความกังวลเรื่องความเจ็บ สามารถขอทายาชา เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดลงได้

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse อันตรายไหม?

  • โปรแกรมฉีด Profhilo มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) ที่มีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีเจือปน หรือสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ ที่สำคัญโปรแกรมฉีด Profhilo ยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ในหลายประเทศ รวมทั้ง อย. ไทย (TH FDA) อีกด้วย
  • โปรแกรมฉีด Radiesse มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ตามธรรมชาติ จึงลดความเสี่ยงในการเกิดการแพ้ และได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยา (FDA) ในหลายประเทศ ทั้ง อย. อเมริกา (US FDA) อย. ยุโรป (EU FDA) และ อย. ไทย (TH FDA) อีกด้วย

โปรแกรมฉีด Profhilo กับโปรแกรมฉีด Radiesse มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

แม้ว่าโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse จะเป็นหัตถการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และมีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บ้าง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกาย และความชำนาญของแพทย์ผู้ฉีด ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรง และสามารถหายได้เอง โดยผลข้างเคียงหลังฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse มีดังนี้

  • หลังฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo อาจเกิดอาการบวมแดงเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด และจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 – 2 วันหลังฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo
  • หลังฉีดโปรแกรมฉีด Radiesse อาจเกิดอาการบวม แดง ช้ำ หรือปวดตึงในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย และจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 สัปดาห์หลังฉีดโปรแกรมฉีด Radiesse

โปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse ถือเป็นหัตถการที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่ก็มีจุดเด่น และหลักการทำงานที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยโปรแกรมฉีด Profhilo เป็นสาร HA ที่มีความเข้มข้น และบริสุทธิ์สูง เน้นกระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูโครงสร้างในทุกชั้นผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดี โดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้า ในขณะที่โปรแกรมฉีด Radiesse เป็นสาร CaHA ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก และเพิ่มปริมาตรให้ผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย ต้องการแก้ไขโครงสร้างผิว ดังนั้น การเลือกฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo หรือโปรแกรมฉีด Radiesse ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวหน้า พร้อมวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังฉีดโปรแกรมฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีด Radiesse ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

12.12 สวยพุ่งส่งท้ายปี ราศีไหนก็ปังได้ 

12.12 สวยพุ่ง

12.12 สวยพุ่งส่งท้ายปี ราศีไหนก็ปังได้ 

 

Double Day เดือนนี้ รมย์รวินท์คลินิกขอนำเสนอวิธีเสริมเสน่ห์ให้คุณดับเบิลความสวยด้วย 12.12 โปรสวยพุ่งส่งท้ายปี เสริมเสน่ห์ความสวยให้ทั้ง 12 ราศี มีแต่ความปัง! พร้อมเฉิดฉายความสวยออร่ารับปีใหม่ 

 

เสริมเรื่องสุขภาพ
โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 4-12 ธันวาคม 2567

12.12 สวยพุ่ง เรื่องสุขภาพ

ใครอยากเสริมเสน่ห์เรื่องสุขภาพให้พุ่ง ให้ปัง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับผิวสวย สุขภาพแข็งแรงรับปีใหม่ต้องเสริมด้วยโปรนี้ที่รมย์รวินท์คลินิกจัดให้ 

ให้วิตามินผิวที่มีให้เลือกบูสต์ความสวยสุขภาพดีได้ถึง 7 สูตร

  • วิตามินผิวสูตร Detox ดีท็อกซ์ล้างสารพิษภายใน ปรับสมดุลร่างกาย
  • วิตามินผิวสูตร White & Fresh ปรับผิวขาว ผิวไบรท์ กระจ่างใส ออร่าพุ่ง
  • วิตามินผิวสูตร Immune สร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ลดการเกิดภูมิแพ้
  • วิตามินผิวสูตร Immune Plus เสริมภูมิคุ้มกันขั้นสุด บำรุงลึก พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระ
  • วิตามินผิวสูตร White Skin & Detox ฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน ดีท็อกซ์ร่างกาย เสริมให้สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก 
  • วิตามินผิวสูตร Super Hydrate กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวฉ่ำน้ำ คืนความสดชื่นให้ผิว 
  • วิตามินผิวสูตร Energy Plus เร่งเผาผลาญในร่างกาย ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด 

 

เสริมเสน่ห์ให้สวยสุขภาพดี เลือกให้วิตามินผิวสูตรใดก็ได้ จำนวน 1 ครั้ง เพียง 3,500.- พิเศษ ซื้อ 3 ครั้ง เหลือเพียง 9,900.-

ฟรี! Blink it up ทรีตเมนต์เสริมให้หน้าใสยิ่งขึ้น จำนวน 1 ครั้ง 

 

เสริมเรื่องการงาน
โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 4-12 ธันวาคม 2567

 

12.12 สวยพุ่ง เรื่องการงาน

อยากมีการงานพุ่ง ต้องมาเสริมเสน่ห์ด้วยโปรแกรม Combo หน้าใส มั่นใจขายงานผ่านฉลุย รมย์รวินท์คลินิกจัดให้เลย

 

Buffet Mask เติมความชุ่มชื้น กักเก็บน้ำและความสวย บำรุงผิวอย่างล้ำลึกเสมือนผิวได้รับการปรนนิบัติ เสริมความแข็งแรงให้ผิวเนียนใส 

 

  • เสริมเสน่ห์ให้ผิวหน้าสวยใส ด้วย Buffet Mask จำนวน 10 ครั้ง ราคาเพียง 7,900.-

 

Blink It Up ทรีตเมนต์บำรุงผิว ผลักวิตามินและสารอาหารลงสู้ชั้นผิวลึก ฟื้นฟูผิวให้ยิ่งสวยกระจ่างใส เหมือนเปิดไฟให้ผิว 

 

  • เสริมเสน่ห์การงานให้ปังด้วย Blink it up จำนวน 1 ครั้ง ราคาเพียง 300.- จำนวน 7 ครั้ง ราคาเพียง 1,900.-

 

เสริมเรื่องความรัก สำหรับคนมีคู่
โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 4-12 ธันวาคม 2567

 

12.12 สวยพุ่ง เรื่องความรัก (คนมีคู่)

เสริมเสน่ห์ให้คนมีคู่ ให้ได้มองหน้าสวยผิวใส หน้ามองอยู่เสมอ รมย์รวินท์คลินิกจัดให้ด้วย 

 

SMART FEM บูสต์ผิวให้สว่างใส ด้วยคลื่นแสง ตัดวงจรการเกิดเม็ดสีผิดปกติ ลดการเกิดฝ้าใหม่ และฝ้าซ้ำซ้อน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เผยผิวเรียบเนียนกระจ่างใส 

 

MELASMA FADE หมดกังวลเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำที่บดบังให้ผิวหมองไม่น่ามอง ด้วยตัวยาฉีดสูตรเฉพาะ ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเดิม สู่ผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่า เนียนเรียบกว่า ไม่ต้องคอยปกปิด 

 

Av Mask ทรีตเมนต์มาสก์ ที่บำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก เติมความชุ่มชื้นให้ผิวเปล่งปลั่ง สดใส ดูมีชีวิตชีวา 

 

  • เสริมเสน่ห์ความใสให้คนข้างกายตกหลุมรักอีกครั้งด้วย ราคาเพียง 5,900.- 

 

เสริมเรื่องความรัก สำหรับคนโสด
โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 4-12 ธันวาคม 2567

 

12.12 สวยพุ่ง เรื่องความรัก (คนโสด) 

เสริมเสน่ห์คนโสดให้สวยใส ไร้ขนให้ทั่วเรือนร่าง มีแต่คนอยากเข้าหารมย์รวินท์คลินิกก็จัดให้

 

Buffet กำจัดขนให้เกลี้ยง ด้วย YAG LASER 1064 พลังงานเลเซอร์กำจัดขนยิงพลังงานลงลึกถึงราก ไม่เหลือตอ ไม่ทิ้งหนังไก่ มี Cryogen ปล่อยขนะยิง ไม่ทำให้ผิวไหม้เบิร์น เผยผิวเนียนใส มุมไหน ซอกไหนก็ไร้ขน โชว์ได้ไม่มีปกปิด 

 

เสริมเสน่ห์ผิวสวย โชว์ได้มั่นใจด้วย Buffet กำจัดขน (เลือกทำได้ทั่วเรือนร่าง)

  • ราคาเพียง 5,000.- สามารถใช้ได้ถึง 6,000.- 

 

โปรแกรมรักแร้ขาว เคลียร์รักแร้ให้สวยกระจ่างใส โชว์ความมั่นด้วย 

โปรแกรม Laser RS เลเซอร์ที่เข้าสลายเม็ดสี จะทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น จุดด่างดำจางลง และยังเรียบเนียนขึ้น

โปรแกรม P-white รักแร้ ฟื้นฟูและบำรุงผิวรักแร้ให้ขาวเนียนขั้นสุด เติมความชุ่มชื้น ชะลอการเกิดริ้วรอย

 

  • โปรแกรมรักแร้ขาว จำนวน 1 ครั้ง 2,500.- พิเศษ ซื้อ 4 ครั้ง ราคาเพียง 7,900.-

 

รีบมาเสริมเสน่ห์ให้รับความสวยปังได้ตั้งแต่วันที่ 4-12 ธันวาคม 2567 ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา 

 

*โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 4-12 ธันวาคม 2567

*โปรโมชันนี้เฉพาะจองออนไลน์เท่านั้น

*โปรโมชันเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

*ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกันทางเจ้าหน้าที่

Training Workshop  RADIESSE Neck and Hand by Dr.Oil พี่หมอพาสวย

Training Workshop RADIESSE Neck and Hand by Dr.Oil

รมย์รวินท์คลินิก จัดเทรนนิ่งสุดเอกซ์คลูซิฟ Training Workshop  RADIESSE Neck and Hand by Dr.Oil พี่หมอพาสวย

รมย์รวินท์คลินิก ผู้นำด้านการดูแลผิวพรรณและความงาม ยกระดับมาตรฐานการดูแลผิวในคนยุคใหม่ด้วยนวัตกรรมล่าสุด ร่วมมือกับ RADIESSE เทคโนโลยีฟิลเลอร์เพื่อการฟื้นฟูผิวระดับโลก จัดงานเทรนนิ่งสุดเอ็กซ์คลูซิฟ “RADIESSE® VERSATILITY: A Regenerative Biostimulator for All” เพื่อนำเสนอเทคนิคการฉีด RADIESSE แบบเจาะลึก โดยเฉพาะการฟื้นฟูผิวบริเวณลำคอและมือ ซึ่งเป็นจุดที่บ่งบอกถึงอายุได้ชัดเจนที่สุด

เทรนนิ่งครั้งนี้เน้นการอัปเดตเทคนิคใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลปัญหาผิวบริเวณลำคอและมือโดยเฉพาะ ด้วยคุณสมบัติของ RADIESSE ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติ ฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน พร้อมปรับผิวให้เรียบเนียน เต่งตึง และดูสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

คุณหมอออย KOL & SPEAKER แชร์ความรู้และเทคนิคขั้นสูง

งานเทรนนิ่งนี้ นำโดยคุณหมอออย แพทย์ผู้มีความรู้ด้านผิวหนังประจำรมย์รวินท์คลินิก ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ และอัปเดตความรู้ล่าสุดเกี่ยวกับเทคนิคการฟื้นฟูผิวด้วย RADIESSE® โดยเน้นการประยุกต์ใช้ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล เพื่อให้แพทย์ของรมย์รวินท์คลินิก สามารถดูแลผิวของผู้รับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Training Workshop  RADIESSE Neck & Hand
Training Workshop  RADIESSE Neck & Hand

RADIESSE เติมเต็มทุกปัญหาผิวให้ตรงจุด

ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์จากสาร Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟูผิวที่เหมาะสำหรับการดูแลในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะบริเวณลำคอและมือ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเติมเต็มผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น RADIESSE เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวในหลายบริเวณ เช่น ใบหน้า ลำคอ และมือ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยย่น พร้อมคืนความเรียบเนียนและความยืดหยุ่นให้ผิว RADIESSE จึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูและดูแลผิวอย่างล้ำลึก พร้อมมอบผลลัพธ์ที่เห็นผลทันทีและยั่งยืนในระยะยาว

โดย Radiesse เป็นสาร biostimulator ที่เป็นตัวช่วยในการสร้าง Fibroblasts ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดตัวสำคัญในการสร้างคอลลาเจนให้กับบริเวณใต้ชั้นผิว  และยังช่วยเสริมสร้างความแข็งให้กับผิวลึกถึงชั้นโครงสร้าง ผิวจึงฟื้นฟูได้ดีมากยิ่งขึ้นหลังจากได้ฉีด Radiesse ส่งผลให้เกิดการเติมเต็ม ทำให้ผิวอิ่มฟู และยังทำให้ผิวมีการคืนตัวได้เป็นอย่างดีหลังฉีดผลิตภัณฑ์ Radiesse

Training Workshop  RADIESSE Neck & Hand
Training Workshop  RADIESSE Neck & Hand

รมย์รวินท์คลินิก ให้คุณสวยในแบบที่เป็นตัวเอง

รมรวินท์คลินิก ดำเนินธุรกิจความงามด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมความงามที่ทันสมัย พร้อมมอบประสบการณ์การดูแลผิวพรรณที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าทุกท่าน ไม่ว่าคุณจะกังวลเรื่องผิวบริเวณไหน เช่น ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือปัญหาผิวเฉพาะจุด ทีมแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกของเราพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณด้วยมาตรฐานสูงสุด

เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณได้เผยความงามในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยเทคนิคและเทคโนโลยีที่ผ่านการวิจัยและรับรอง พร้อมบริการที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกช่วงเวลาของคุณ ให้ความงามของคุณเปล่งประกายอย่างแท้จริง

Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor 

Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor 

ปรับหุ่นให้ Better กว่าที่เคยด้วย CoolSculpting ในงา Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor 

รมย์รวินท์คลินิกจัดงาน Change Your Body ปรับหุ่นให้ Better กว่าที่เคยด้วย Cool Sculpting ที่มีการจัดกิจกรรมบริเวณหน้าร้าน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คุณดูดีได้ในแบบที่เป็นคุณ

ในงานนี้มีคุณหมอแพร พญ.ธิรดา จิตตการ และคุณหมอไข่มุก คุณหมอมุก พญ.มุตาภา สนธิอัชชรา แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกเข้าร่วมภายในงานด้วย 

Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor 

Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor

โดยภายในงาน Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor 

คุณหมอแพร พญ.ธิรดา จิตตการ ได้อธิบายถึงข้อมูลของ CoolSculpting พร้อมตอบปัญหาที่หลายคนสงสัย อาทิ

  • หลักการทำงานของ Coolsculpting ฟรีซไขมัน ลดไขมันด้วยความเย็นได้อย่างไร ใครทำได้บ้าง เหมาะกับใครบ้าง
  • บริเวณใดในร่างกายที่สามารถใช้  Coolsculpting ในการกำจัดไขมันส่วนเกินได้บ้าง 

คุณหมอไข่มุก พญ.มุตาภา สนธิอัชชรา ได้สาธิตวิธีการทำ CoolSculpting กำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องให้กับเคสตัวอย่างที่เข้ารับบริการ

  • Coolsculpting ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล  และระยะเวลาในการทำแต่ละครั้ง
  • ใช้อุปกรณ์อย่างไรถึงจะถูกต้อง
  • ความรู้สึกของผู้เข้ารับบริการ ในขณะใช้บริการ Coolsculpting

จากนั้นมีการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของผู้ใช้บริการจริง ว่ารู้สึกอย่างไร ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ได้รับผลลัพธ์ตามความต้องการหรือไม่

Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor 
Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor

โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความสนุกสนาน และได้รับเสียงตอบรับจากคนไข้มากมายที่เข้าใช้บริการภายในวันนั้น และคนไข้ทุกท่านที่เข้าร่วมภายในงานต่างชื่นชมในผลลัพธ์ที่ได้

ไขมันส่วนเกินต้องโดนทุบให้ตุ้บ! ให้สลายได้แรง x 2 ด้วยคู่หูจัดการไขมันด้วยการฟรีซไขมันและฆ่าไขมัน ด้วยความเย็น ให้คุณมีรูปร่างที่ดีได้โดยไม่ทำลายสุขภาพ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เพียงนอนเฉยๆ ก็สามารถลดไขมันได้อย่างปลอดภัย

𝗖𝗼𝗼𝗹𝗦𝗰𝘂𝗹𝗽𝘁𝗶𝗻𝗴 ฟรีซไขมันด้วยความเย็น -11 องศา 

เทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็น โดยการใช้ความเย็นในระดับ -11 องศาเซลเซียสปล่อยลงสู่ใต้ชั้นผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อเข้าไปฟรีซไขมัน ฆ่าไขมัน จากนั้นให้ร่างกายก็จะทำการกำจัดออกไปโดยวิธีการธรรมชาติทางปัสสาวะ โดยไม่จำเป็นต้องดูดออก

Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor 
Event Coolsculpting at MARCHE Thonglor

Coolsculpting เหมาะกับใครบ้าง ?

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด 
  • เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายแล้วยังมีไขมันที่สะสมในอวัยวะต่างๆและเกิดความกังวล 
  • เหมาะกับผู้ที่ลดไขมันยาก และลดไขมันเฉพาะส่วนไม่ลง
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีรูปร่างที่สวยงาม สมส่วน
  • เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่ต้องการมีรูปร่างที่ดี
  • เหมาะกับผู้ที่อยากรูปร่างดีแต่ไม่อยากดูดไขมัน

ข้อดีของ Coolsculpting

  • Coolsculpting ควบคุมความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Coolsculpting ฟรีซและลดไขมันได้อย่างตรงจุด เฉพาะส่วน
  • Coolsculpting ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำ

Coolsculpting ใช้เวลาในการทำต่อครั้งนานเท่าไหร่ ?

ใช้เวลาในการทำต่อครั้งเพียง 35 นาทีเท่านั้น โดยไม่ส่งผลลัพธ์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

ใครที่อยากมีรูปร่างที่ดี แต่ไม่ต้องการออกกำลังกาย Coolsculpting จึงเป็นทางออกที่ดี แต่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งโปรโมชันได้ที่ทุกช่องทางออนไลน์ของรมย์รวินท์คลินิก

Belotero Filler รู้ลึกก่อนฉีด แต่ละสีต่างกันอย่างไร?

BELOTERO FILLER

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    Belotero Filler รู้ลึกก่อนฉีด แต่ละสีต่างกันอย่างไร?

    เคยสังเกตตัวเองกันไหมว่า พออายุเริ่มมากขึ้น มักมาพร้อมกับปัญหาผิวหน้าสารพัด เช่น มีริ้วรอย ร่องลึก ใบหน้าดูโทรม ไม่อวบอิ่ม มีปัญหาผิวแห้งกร้าน และกระดูกเริ่มทรุดตัวลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้หน้าเราดูแก่กว่าวัย แต่ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ ในการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย

    แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้คงไม่สามารถหมดไปง่าย ๆ การใช้แค่ครีมบำรุงทั่วไปอาจไม่เพียงพอ ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นทางออก! ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวขาดน้ำ ต้องการปรับรูปหน้า และยกกระชับผิว

    วันนี้ รมย์รวินท์ ขอพาไปทำความรู้จักกับBelotero Filler ซึ่งเป็นแบรนด์ฟิลเลอร์คุณภาพสูง ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ หลาย ๆ คนคงเคยเห็นและได้ยินชื่อฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจยังไม่รู้แบบเจาะลึกว่า Belotero Filler ดีอย่างไร? ทำไมถึงต่างจากยี่ห้ออื่น? มีจุดเด่นและข้อดีอย่างไร? สามารถอ่านบทความนี้ได้เลยค่ะ

    Belotero Filler ดีอย่างไร? มีกี่รุ่น? แต่ละรุ่นเหมาะกับใคร?

    Belotero Filler คืออะไร?

    Belotero Filler เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยบริษัท Merz Aesthetic Thailand รวมถึง ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. ไทย และ อเมริกา ซึ่งBelotero Filler มีความโดดเด่นแตกต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ ตรงที่กล่องของฟิลเลอร์แต่ละรุ่น จะมีสีสันที่สดใส มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้Belotero Filler มีชื่อเรียกอีกหนึ่งชื่อว่า Colorful Filler

    อีกทั้ง Belotero Filler ยังเป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตจากสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เหมือนกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ซึ่งสาร HA เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผิวหนัง มีหน้าที่หลักในการดูดซึมและอุ้มน้ำไว้ในผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มฟู มีความยืดหยุ่น พร้อมเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมในแต่ละบริเวณ

     

    BELOTERO FILLER
    จุดเด่นของ BELOTERO FILLER

    Belotero Filler มีจุดเด่นอย่างไร?

    Belotero Filler มีจุดเด่น คือ เทคโนโลยีการผลิตอย่าง CPM Technology (Cohesive Polydensified Matrix) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรเฉพาะของBelotero Filler เท่านั้น โดยเทคโนโลยีนี้ช่วยให้โครงสร้างโมเลกุลของ HA มีความยืดหยุ่นสูง แต่ยังคงรูปได้ดี ทำให้ฟิลเลอร์ยึดเกาะแนบแน่นกันเป็นเนื้อเดียว เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหน้าแล้ว จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เรียบเนียนไปกับผิว ไม่ไหล ไม่จับตัวเป็นก้อนได้ง่าย โดยมี 3 คุณสมบัติเด่น ดังนี้

    1. Cohesivity มีความสามารถ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ยึดเกาะกันอย่างแน่นหนา คงรูปได้ดี ไม่กระจายตัวและไม่เคลื่อนที่ไปในบริเวณอื่นได้ง่าย ช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีด มีความแม่นยำและคงรูปได้ตามที่แพทย์ออกแบบไว้
    2. Elasticity มีความสามารถ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น เคลื่อนไหวใบหน้าได้อย่างอิสระ แสดงสีหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่แข็งทื่อ ไม่ไหลไปยังบริเวณอื่น
    3. Plasticity มีความสามารถ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ปรับรูปทรงได้ตามความต้องการ ปั้นทรงได้ง่าย เข้ากับบริเวณที่ฉีดได้ดี 

     

    BELOTERO FILLER
    ผลลัพธ์ของ BELOTERO FILLER

    Belotero Filler มีกี่รุ่น? แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร?

    ปัจจุบันBelotero Filler มีทั้งหมด 6 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมา เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดยสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับสภาพผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล

    Belotero Soft

    • Belotero Soft เป็นฟิลเลอร์รุ่นกล่องสีเหลือง เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่มมากที่สุด มีโมเลกุลขนาดเล็กและมีความละเอียดสูง สามารถกลมกลืนกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
    • Belotero Soft เหมาะสำหรับ การเติมเต็มและเก็บรายละเอียดริ้วรอยตื้น ๆ พร้อมกระชับรูขุมขน และปรับผิวให้เรียบเนียนในบริเวณต่าง ๆ เช่น รอบดวงตา หน้าผาก
    • Belotero Soft สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 6 – 12 เดือน

    Belotero Balance

    • Belotero Balance เป็นฟิลเลอร์รุ่นกล่องสีส้ม เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่มปานกลาง หนากว่า Belotero Soft เล็กน้อย
    • Belotero Balance เหมาะสำหรับ การเติมเต็มร่องลึกปานกลาง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือแก้ไขปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า รวมถึง หลุมสิวตื้น ๆ ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ
    • Belotero Balance สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 12 – 18 เดือน

    Belotero Intense

    • Belotero Intense เป็นฟิลเลอร์รุ่นกล่องสีชมพู เนื้อฟิลเลอร์มีความหนาแน่นและยืดหยุ่นสูงกว่า Belotero Volume เล็กน้อย สามารถคงรูปได้ดี ปั้นขึ้นทรงได้ง่าย นิยมใช้ในบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ
    • Belotero Intense เหมาะสำหรับ การเติมเต็มร่องลึก เพิ่มวอลุ่มให้กับใบหน้า พร้อมปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนมากขึ้น เช่น ร่องแก้ม ขมับ แก้มตอบ และคาง
    • Belotero Intense สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 18 เดือน

    Belotero Volume

    • Belotero Volume เป็นฟิลเลอร์รุ่นกล่องสีม่วง เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง รองลงมาจาก Belotero Intense สามารถยึดเกาะผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดโอกาสในการเกิดเป็นก้อน
    • Belotero Volume เหมาะสำหรับ การเติมเต็มร่องลึก เพิ่มวอลุ่ม เพิ่มมิติให้ใบหน้า แก้ไขใบหน้าตอบ ใช้ฉีดเสริมชั้นกระดูก ที่เกิดจากการทรุดตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น เช่น ร่องแก้มลึก ขมับ คาง
    • Belotero Volume สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 18 เดือน

    Belotero Revive

    • Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์รุ่นกล่องสีเขียว ใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Belotero เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียด บางเบา และเรียบเนียนไปกับผิว ซึ่งเป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก ที่มีการผสมผสานระหว่าง HA และ Glycerol เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถปรับปรุงคุณภาพผิว พร้อมฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • Belotero Revive เหมาะสำหรับ ผิวแห้ง เน้นฉีดงานผิว เติมเต็มความชุ่มชื้น สร้างผิวกระจก พร้อมปรับผิวเรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ เช่น รอบดวงตา คอ หลังมือ หรือฉีดทั่วใบหน้า
    • Belotero Revive สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 6 – 9 เดือน

    Belotero Lips

    • Belotero Lips เป็นฟิลเลอร์รุ่นกล่องสีแดง ถูกออกแบบมาเพื่อฉีดริมฝีปากโดยเฉพาะ ซึ่งใน 1 เซ็ตจะประกอบไปด้วย 2 รุ่น ได้แก่ Belotero Lips – Shape และ Belotero Lips – Contour ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการแก้ไขปัญหาริมฝีปากที่หลากหลาย
    • Belotero Lips – Shape เหมาะสำหรับ เติมเต็มและเพิ่มวอลุ่มให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ช่วยยกมุมปาก แก้ไขปัญหามุมปากตก ทำให้ใบหน้าดูละมุนมากขึ้น
    • Belotero Lips – Contour เหมาะสำหรับ ปรับรูปทรงริมฝีปากให้คมชัด ทำให้ขอบปากชัดเจนขึ้น ริมฝีปากดูมีมิติ ได้รูปทรงปากตามที่ต้องการ
    • Belotero Lips สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 9 – 12 เดือน

     

    Belotero Filler สามารถฉีดได้กี่จุด?

    ฟิลเลอร์ใต้ตา

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา หรือริ้วรอยรอบดวงตา โดยจะเติมเต็มร่องใต้ตา ทำให้ใต้ตาดูอิ่มฟูขึ้น ลดเลือนความหมองคล้ำใต้ตา และทำให้ใบหน้าดูสดใส ไม่โทรม

    ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณร่องแก้ม เพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึก ร่องแก้มชัด โดยจะเติมเต็มร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าอิ่มฟู เรียบเนียน และดูอ่อนกว่าวัย

    ฟิลเลอร์ริมฝีปาก

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณริมฝีปาก เพื่อแก้ไขปัญหาริมฝีปากบาง ริมฝีปากแห้ง ริมฝีปากไม่เป็นทรง และมุมปากตก โดยจะเพิ่มวอลุ่มให้ริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากอวบอิ่ม มุมปากยกขึ้น ริมฝีปากเป็นทรงสวยงาม

    ฟิลเลอร์ขมับ

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณขมับ เพื่อแก้ไขปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ โหนกแก้มชัด ใบหน้าดูแก่กว่าวัย โดยจะเติมเต็มขมับที่ยุบ ทำให้ขมับอิ่มฟู ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมดุล

    ฟิลเลอร์หน้าผาก

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณหน้าผาก เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หน้าผากนูน หน้าผากเป็นแอ่ง โดยจะเติมเต็มให้หน้าผากนูนสวย ดูมีมิติ ตามหลักโหงวเฮ้ง 

    ฟิลเลอร์แก้มตอบ

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณแก้มตอบ เพื่อแก้ไขปัญหาแก้มตอบ แก้มยุบ โหนกแก้มชัด ทำให้ใบหน้าดูดุ ดูโทรม และดูมีอายุ โดยจะเติมเต็มแก้มที่ยุบหายไปให้ดูอิ่มฟูขึ้น ปรับรูปหน้าให้สมส่วน มีความละมุนมากขึ้น

    ฟิลเลอร์แก้มส้ม

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณพวงแก้ม หรือตรงกึ่งกลางของใบหน้า (Midface Filler) เพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้ม หน้าแก้มแบน ร่องใต้ตาลึก โหนกแก้มสูง โดยจะเติมเต็มและยกกระชับให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ หน้าแก้มดูเต็ม ใบหน้าดูเด็กลง

    ฟิลเลอร์คาง

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณคาง เพื่อแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม คางผิดรูป โดยจะเติมเต็มและปรับรูปทรงคางให้ยาวขึ้น คางได้รูปสวย ใบหน้าดูเรียว มีความสมดุลมากขึ้น

    ฟิลเลอร์กรอบหน้า

    • Belotero Filler สามารถฉีดบริเวณกรอบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาใบหน้าบาน ใบหน้ากลม สันกรามไม่ชัด หน้าไม่มีมิติ โดยจะปรับกรอบหน้าให้คมชัด ใบหน้ามีความวีเชฟ (V-Shape) มีมิติมากขึ้น

    ฟิลเลอร์ทั่วหน้า

    • Belotero Filler สามารถฉีดทั่วหน้า เพื่อปรับสภาพผิว (Skin Booster) แก้ไขปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ ลอกเป็นขุย มีรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน รวมถึง มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ โดยจะเติมเต็มให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ฉ่ำวาว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี รูขุมขนกระชับมากขึ้น 

     

    Belotero Filler เหมาะกับใครบ้าง?

    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยตื้น ๆ ไปจนถึงริ้วรอยร่องลึก 
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรูปหน้าไม่ได้สัดส่วน ไม่มีความสมดุล 
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่กระชับ
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหากระดูกทรุดตัวลงจากอายุที่มากขึ้น
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนเริ่มเสื่อมสภาพลง 
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ผิวไม่ชุ่มชื้น แต่งหน้าไม่ติด
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลุ่ม เพิ่มความอวบอิ่มให้ผิว
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ใบหน้าดูโทรม ดูมีอายุ แก่กว่าวัย
    • Belotero Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิว

     

    Belotero Filler ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

    • Belotero Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ เช่น มีสิวอักเสบ ผื่น ลมพิษ หรือแผลเปิด
    • Belotero Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังให้นมบุตรหรือกำลังตั้งครรภ์อยู่
    • Belotero Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบในฟิลเลอร์ หรือแพ้สาร HA ในฟิลเลอร์
    • Belotero Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย เลือดหยุดไหลยาก
    • Belotero Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่รับประทานยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ

     

    Belotero Filler มีข้อดีอย่างไร?

    • Belotero Filler มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US FDA (อย.อเมริกา) และ TH FDA (อย.ไทย)
    • Belotero Filler มีให้เลือกหลากหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกันได้อย่างตรงจุด
    • Belotero Filler ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 18 เดือน เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์บางยี่ห้อ จึงไม่ต้องมีการฉีดซ้ำบ่อย ๆ
    • Belotero Filler สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรืออาการแพ้ใด ๆ
    • Belotero Filler สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด โดยไม่ต้องพักฟื้น
    • Belotero Filler สามารถกระจายตัวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่เป็นก้อนง่าย

     

    ก่อนฉีด Belotero Filler ควรเตรียมตัวอย่างไร?

    • ก่อนฉีดBelotero Filler งดรับประทานยากลุ่มต้านการอักเสบ หรือกลุ่มยาแอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์
    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Beloter งดรับประทานยาหรืออาหารเสริม ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Beloter งดการสครับ ผลัดเซลล์ผิว หรือเลเซอร์ในบริเวณที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Beloter หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง 

     

    หลังฉีด Belotero Filler ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

    • หลังฉีดBelotero Filler หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเย็นเบา ๆ ในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมช้ำได้
    • หลังฉีดBelotero Filler หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า อย่างน้อย 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
    • หลังฉีดBelotero Filler หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสในบริเวณที่ฉีด
    • หลังฉีดBelotero Filler แนะนำให้นอนหนุนหมอนสูง ไม่ควรนอนตะแคง เพื่อลดอาการบวมช้ำ
    • หลังฉีดBelotero Filler งดการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
    • หลังฉีดBelotero Filler งดความร้อน หรืออยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดเป็นเวลานาน เช่น ซาวน่า หรือการทำเลเซอร์
    • หลังฉีดBelotero Filler ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อลดอาการบวมช้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อฟิลเลอร์ให้ฟูขึ้น
    • หลังฉีดBelotero Filler หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำ และการอักเสบ
    • หลังฉีดBelotero Filler หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นอาหารหวานจัด เค็มจัด หรือเผ็ดจัด เพื่อป้องกันการอักเสบ

     

    BELOTERO FILLER
    ผลลัพธ์ของ BELOTERO FILLER

    หลังฉีด Belotero Filler ผลลัพธ์เป็นอย่างไร?

    • Belotero Filler ช่วยให้ริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้าดูตื้นขึ้น
    • Belotero Filler ช่วยให้ใบหน้าได้สัดส่วน มีความสมดุลตามที่ต้องการ 
    • Belotero Filler ช่วยให้ใบหน้ากระชับ ลดความหย่อนคล้อย ดูอ่อนกว่าวัย
    • Belotero Filler ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ฉ่ำวาว แต่งหน้าติดทนมากขึ้น
    • Belotero Filler ช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
    • Belotero Filler ช่วยให้ผิวมีวอลุ่ม ดูอิ่มฟู มีมิติมากขึ้น
    • Belotero Filler  ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส เปล่งปลั่ง ดูไม่โทรม
    • Belotero Filler ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น มีความแข็งแรง

     

    BELOTERO FILLER
    วิธีเช็ค BELOTERO FILLER ของแท้

    Belotero Filler แท้ มีวิธีตรวจสอบได้อย่างไร?

    • กล่องBelotero Filler มีความสมบูรณ์ ไม่บุบสลาย และไม่มีรอยเปิดมาก่อน
    • ภายในกล่อง มีเอกสารกำกับเป็นภาษาไทย และมีเลขที่ อย. ไทยรับรอง
    • ตรวจสอบเลข Lot 3 จุด ได้แก่ เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และเลข Lot ที่หลอดฟิลเลอร์ ซึ่งทั้ง 3 จุดต้องมีเลข Lot ที่ตรงกัน
    • สามารถโทรตรวจสอบกับบริษัท Merz Aesthetics เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเลข Lot และความถูกต้องของฟิลเลอร์

     

    เทียบความแตกต่างระหว่าง Belotero Filler กับ ฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น

    ปัจจุบัน ฟิลเลอร์มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ที่ได้ แตกต่างกันในเรื่องของความหนาแน่น ความยืดหยุ่น และระยะเวลาในการคงอยู่ ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์โดยตรง  

    Belotero Filler

    • Belotero Filler เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีจุดเด่น คือ ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ในการผลิต มีคุณสมบัติทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเกาะกันเป็นเนื้อเดียวได้อย่างแนบแน่น กลมกลืนกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ และปั้นทรงได้ตามความต้องการ ให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ
    • Belotero Filler สามารถคงผลลัพธ์ได้นานสูงสุด 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด

    ฟิลเลอร์ Juvederm

    • ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ที่มีจุดเด่น คือ ใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต ได้แก่ เทคโนโลยี Hylacross ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถทนต่อแรงขยับได้ โดยจะเน้นเติมเต็มและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยี Vycross ในการผลิต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีคุณสมบัติทำให้โครงสร้างของเนื้อฟิลเลอร์ มีความแข็งแรงกว่า Hylacross โมเลกุลยึดเกาะกันอย่างหนาแน่น จึงสามารถคงรูปได้ดี เน้นยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนตามต้องการ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการบวม และไม่เป็นก้อนได้ง่าย
    • ฟิลเลอร์ Juvederm สามารถคงผลลัพธ์ได้นานสูงสุด 24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด

    ฟิลเลอร์ Restylane

    • ฟิลเลอร์ Restylane เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน ที่มีจุดเด่น คือ ใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต ได้แก่ เทคโนโลยี NASHA ที่มีคุณสมบัติในการดึงโมเลกุลน้ำเข้ามาเก็บในเนื้อฟิลเลอร์ ซึ่งมีขนาดโมเลกุลที่หลากหลาย ทั้งเล็ก กลาง และใหญ่ ทำให้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยี OBT ในการผลิต ที่มีคุณสมบัติทำให้เนื้อฟิลเลอร์ มีความสมดุลระหว่างความหนาแน่นและความยืดหยุ่น สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้ดี ไม่จับตัวเป็นก้อนได้ง่าย
    • ฟิลเลอร์ Restylane สามารถคงผลลัพธ์ได้นานสูงสุด 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด

    BELOTERO FILLER
    รวมคำถามของ BELOTERO FILLER

    รวมคำถามเกี่ยวกับ Belotero Filler

     

    Belotero Filler มียาชาไหม?

    • Belotero Filler มียาชาผสมอยู่ในบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่เนื้อฟิลเลอร์มีความหนาแน่นสูง เช่น Belotero Intense หรือ Belotero Balance เนื่องจากอาจมีความยากในการฉีดมากกว่ารุ่นเนื้อละเอียด จึงมีส่วนผสมยาชาเข้ามา เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดขณะฉีดได้

    Belotero Filler ปลอดภัยไหม?

    • Belotero Filler เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้เทคโนโลยี CPM ในการผลิต ซึ่งทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความเรียบเนียน กลมกลืนกับผิวได้ดี ลดความเสี่ยงในการจับตัวเป็นก้อน หรือเกิดอาการแพ้ได้ง่าย อีกทั้ง ยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย. ทั้งในประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา อีกด้วย

     

    Belotero Filler มีผลข้างเคียงไหม?

    • หลังฉีดBelotero Filler อาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำในบริเวณที่ฉีด ซึ่งถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อย และจะค่อย ๆ หายไปเอง ภายใน 2 – 3 วัน แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงรุนแรง

     

    Belotero Filler ฉีดกี่วันเห็นผล?

    • หลังฉีดฟิลลอร์ Belotero สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด แต่จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด หลังจากอาการบวมค่อย ๆ ยุบลง ประมาณ 2 สัปดาห์ สำหรับBelotero Filler Revive จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด ประมาณ 3 เดือน 

     

    Belotero Filler ถือเป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ไม่แพ้ฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่มีความโดดเด่นและปลอดภัยสูง มีให้เลือกหลากหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่ต่างกันโดยเฉพาะ สำหรับใครที่สนใจฉีด Belotero Filler สามารถเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ผู้ชำนาญการของ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวหน้า และเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ตอบโจทย์กับปัญหามากที่สุด 

    Romrawin X Program Neauvia จัดงาน Exclusive Neauvia Symposium 

    Neauvia Symposium

    Romrawin X Neauvia จัดงาน Exclusive Neauvia Symposium 

     

    Romrawin X Neauvia จัดงานสุดเอกซ์คลูซิฟเพื่ออัปเดตความรู้ด้านความงาม พร้อมเทคนิคการใช้ Neauvia Hybrid Fillers ฟิลเลอร์เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวให้เนียนนุ่ม และสวยสมบูรณ์แบบ ซึ่งงาน “ Neauvia Symposium ” Hybrid Fillers for Skin Quality Improvement จัดขึ้น ณ โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา

     

    นำทีมโดยทีมแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก คุณหมอแพร-พญ. ธิรดา จิตตการ, คุณหมอแวว-พญ. วรรณวิมล วรรณรักษ์, คุณหมอแพร-พญ. นภัสนันท์ เทพพรพิทักษ์ และ คุณหมอต้น-นพ. ประภัสร์ กลิ่นสุคนธ์ เป็นการผสานความร่วมมือระหว่างรมย์รวินท์คลินิก และ Neauvia ซึ่งทีมแพทย์ได้ร่วมแบ่งปันความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในหัวข้อการใช้โปรแกรม Neauvia Hybrid Fillers เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิว โดยเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน

    PROGRAM NEAUVIA 03

    อัปเดตความรู้ใหม่กับเหล่าผู้คร่ำหวอดในวงการความงาม

     

    บรรยากาศภายในงาน ประกอบด้วยหัวข้อการบรรยายและการแบ่งปันความรู้ จากผู้เชี่ยวชาญในวงการความงามทั้งในและต่างประเทศ โดยมีหัวข้อสำคัญดังนี้ 

    • การรักษาเพื่อปรับปรุงคุณภาพผิว (Skin Quality Improvement Treatment Strategies) 
    • ศาสตร์และเทคนิคใหม่ของ HA + CaHA สำหรับฟื้นฟูผิวหน้าและลำคอ (Beyond a Skin Booster)
    • การใช้ Neauvia SCT และ LaserMe เพื่อประโยชน์สูงสุด (Benefits of Neauvia SCT and LaserMe) 
    • N-Glow: การรักษารอยแผลเป็นจากสิวและปรับปรุงคุณภาพผิว 

    นอกจากนี้ยังมีช่วงพิเศษ Wrap Up และ Q&A ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างใกล้ชิด

    PROGRAM NEAUVIA 06

    ไฮไลต์พิเศษจากแบรนด์แอมบาสเดอร์ Neauvia Hydro Deluxe

     

    งานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณเจษ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Neauvia Hydro Deluxe ที่ได้ร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมแสดงผลลัพธ์ที่ช่วยปรับปรุงและเติมเต็มความเรียบเนียนของผิว โดยมีทีมแพทย์และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศร่วมเสริมข้อมูลเชิงลึก

     

    Neauvia –เทคโนโลยีใหม่เพื่อคุณภาพผิวที่ดีกว่า

     

    Neauvia เป็นเทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟูผิวที่เหนือชั้น ด้วยคุณสมบัติพิเศษของ Hybrid Fillers เป็นการผสมผสานกันระหว่าง HA+CaHA ที่สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับโครงสร้างผิว และฟื้นฟูความเรียบเนียนในระดับเซลล์ผิว ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูอ่อนเยาว์ เปล่งประกาย และเป็นธรรมชาติ สามารถตอบโจทย์ทั้งการเติมเต็มและการฟื้นฟูคุณภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังใช้ เทคโนโลยี PEG (Polyethylene Glycol) เพื่อเพิ่มความคงทนของฟิลเลอร์ ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและปลอดภัย โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม auvia Hybrid Fillers มีดังนี้

     

    • Neauvia Hydro Deluxe โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยเฉพาะ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน เปล่งประกาย และมีสุขภาพดี
    • Neauvia Intense Flux โปรแกรมฟิลเลอร์สำหรับการเติมเต็มโครงหน้าและปรับรูปหน้า ให้ผลลัพธ์ยกกระชับ ดูเป็นธรรมชาติ
    • Neauvia Stimulate โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ลดเลือนริ้วรอย ช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว

    PROGRAM NEAUVIA 03

    พร้อมให้บริการแล้วที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

     

    รมย์รวินท์คลินิกพร้อมนำเสนอเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคลินิก ซึ่งมุ่งเน้นการออกแบบรูปหน้าให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล พร้อมยกระดับคุณภาพผิวในเวลาเดียวกัน สำหรับผู้ที่สนใจโปรแกรม Neauvia Hydro Deluxe สามารถสัมผัสประสบการณ์การดูแลผิวที่เหนือระดับได้แล้ววันนี้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

    ดราม่าแค่ไหน “ทับทิม” ก็ไม่ห่วงเรื่องริ้วรอย เพราะมี Thermage FLX Blue Tip

    Thermage FLX Blue ริ้วรอย 


    ดราม่าแค่ไหน “ทับทิม” ก็ไม่ห่วงเรื่องริ้วรอย 

     

    เห็นหน้าค่าตาของคุณทับทิม อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ ในจอทีวีบ่อยว่าสวยแล้ว วันนี้รมย์รวินท์คลินิกมีโอกาสได้เจอคุณทับทิมแบบตัวเป็นๆ แล้ว ขอบอกว่ายิ่งสวยกว่าในทีวีไปอีกกก.. จนต้องขอถามเคล็ดลับความสวยของคุณทับทิมมาฝากทุกๆ คนเลยค่ะ 

     

    ช่วงที่ทับทิมถ่ายละครหนักๆ หลายๆ เรื่องติดต่อกัน เป็นช่วงที่ทำให้ทับทิมไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลตัวเอง เวลาออกกองทีก็หลายวันและต้องไปทุกโลเคชั่น บางทีก็ต้องเข้าป่า ถ่ายกลางแจ้งอยู่บ่อยๆ ไหนจะต้องแต่งหน้าข้ามวัน และบทส่วนใหญ่ที่ทับทิมได้รับก็จะเป็นบทดราม่าซะเยอะ ต้องร้องไห้ แสดงอารมณ์ซะส่วนใหญ่ ทำให้ต้องแสดงสีหน้าซะเยอะ จนบางทีก็เริ่มมีร่อง ริ้วรอยเพิ่มขึ้น มีความหย่อนคล้อยของผิว ด้วยความที่ทับทิมก็เป็นผู้หญิง ก็ไม่อยากให้หน้าของทับทิมมีร่องรอยให้เราดูแก่ ดูโทรม อยากให้ผิวยกกระชับ เพราะเราต้องใช้หน้าอีกเยอะ บวกกับอายุเราที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผิวหน้าก็อาจไม่ดีเท่าก่อน พอมีเวลาว่างปุ๊บทับทิมก็เลยต้องหาวิธีดูแลตัวเองแบบเร่งด่วนเลยค่ะ ก็จะชอบเข้าคลินิกเสริมความงามให้คุณหมอช่วยดูแล และคลินิกความงามที่ทับทิมไว้ใจให้ดูแลเรื่องผิวหน้าของทับทิมก็ต้องรมย์รวินท์คลินิกนี่แหละค่ะ เพราะที่นี่มีชื่อเสียงมานานกว่า 21 ปี และขึ้นชื่อว่าเป็นตัวจริงเรื่องยกกระชับผิวเลยค่ะ 

     

    Thermage FLX Blue
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    วันนี้มีเวลาว่างทับทิมก็มาปรึกษาคุณหมอแพร (พญ.ธิรดา จิตตการ) ให้คุณหมอช่วยแนะนำหัตถการที่เหมาะกับปัญหาผิวของทับทิมในช่วงนี้ค่ะ คุณหมอแพรวิเคราะห์ผิวหน้าของทับทิมผ่านโปรแกรม Lifting Select ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยวิเคราะห์และมองเห็นปัญหาได้ทุกชั้นผิวเพื่อเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวมากที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ ใครที่มาดูแลผิวที่รมย์รวินท์คลินิกจะต้องผ่านเทคนิคนี้ทุกคนค่ะ และเป็นเทคนิคเฉพาะที่มีแค่รมย์รวินท์คลินิกที่เดียวเท่านั้นนะคะ

     

    คุณหมอแพรเลือกทำ Thermage FLX Blue Tip ให้ทับทิมค่ะ ซึ่งหัวสีฟ้าของ Thermage FLX มีหัวTip ขนาด 3.0 ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้กับบริเวณผิวหน้าโดยเฉพาะเลยค่ะ โดย Thermage FLX Blue Tip จะปล่อยพลังงานลงสู่ผิวได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดของงานผิวได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก ลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้า แต่ไม่ทำให้หน้าตอบ และยังช่วยกระชับรูขุมขน ปรับคุณภาพผิวของเราให้ดียิ่งขึ้นค่ะ และ Thermage FLX Blue Tip ให้ผลลัพธ์งานผิวและความยกกระชับได้นาน 1 – 2 ปีเลยค่ะ 

     

    หลังจากที่ทับทิมได้ทำ Thermage FLX Blue Tip ทับทิมก็สัมผัสถึงผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีเลยค่ะว่าหน้าของทับทิมดูดีขึ้นมาก พวกริ้วรอยเล็กๆ ร่องแก้มของทับทิมดูตื้นขึ้นมาก และผิวของทับทิมก็เนียนละเอียดขึ้นมากเลยค่ะ พวกรูขุมขนก็กระชับขึ้นด้วย รู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าของทับทิมแน่นเฟิร์ม ยกกระชับผิวหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเลยค่ะ เหมาะสำหรับทับทิมที่ไม่ค่อยมีเวลา และคนที่อยากสวยแต่ไม่อยากพักผิวหน้ามากๆ ค่ะ

     

    Thermage FLX Blue Tip
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    อยากผิวหน้าสวย เฟิร์ม กระชับ แต่ไม่ค่อยมีเวลาแบบทับทิมต้องมาทำ Thermage FLX Blue Tip ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ ดีจริง จึ้งจริง ทับทิมคอนเฟิร์มค่ะ 

     

    Thermage FLX Blue Tip คืออะไร ช่วยยกกระชับได้อย่างไร

    Thermage FLX Blue Tip คือหัว Tip ใหม่ล่าสุดของ Thermage FLX โดยมีขนาดของหัว Tip 3.0 ซึ่ง Thermage FLX Blue Tip ออกแบบมาเพื่อใช้กับบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะ โดย Thermage FLX Blue Tip ส่งพลังงานลงสู่ผิวได้อย่างแม่นยำ ช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนให้เกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่ที่มีความแน่นมากกว่าเดิม ทำให้ผิวหน้ายกกระชับ ไม่ทำให้หน้าตอบ แต่มอบผลลัพธ์ความแน่นเฟิร์มให้ผิว ทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ ผิวหน้าเนียนละเอียดมาก คุณภาพผิวโดยรวมดีขึ้นกว่าที่เคย สวยยกกระชับได้โดยไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้า ไม่ต้องพักผิวหน้า และไม่ทิ้งบาดแผล 

     

    ข้อดีของ Thermage FLX Blue Tip 

    • Thermage FLX Blue Tip กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้จัดเรียงใหม่
    • Thermage FLX Blue Tip เห็นผลลัพธ์หลังทำ 20-30% 
    • Thermage FLX Blue Tip ช่วยทำให้ผิวเฟิร์มกระชับ 
    • Thermage FLX Blue Tip ช่วยฟื้นฟูริ้วรอยตื้นๆ และร่องลึก
    • Thermage FLX Blue Tip เก็บได้ทุกรายละเอียดงานผิว ให้คุณภาพผิวที่ดี 
    • Thermage FLX Blue Tip ช่วยให้รูขุมขนกระชับผิวเนียนละเอียดมากยิ่งขึ้น
    • Thermage FLX Blue Tip สามารถยกกระชับผิวได้ครอบคลุมทุกชั้นผิว
    • Thermage FLX Blue Tip ช่วยเก็บผิวและยกกระชับได้ทุกมุม ทุกรายละเอียดงานผิว
    • Thermage FLX Blue Tip ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี 
    • Thermage FLX Blue Tip ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งบาดแผล
    • Thermage FLX Blue Tip ไม่ต้องแปะยาชาก่อนทำหัตถการ
    • Thermage FLX Blue Tip ให้ความสวยอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ 
    • Thermage FLX Blue Tip ไม่ต้องใช้เข็มในการรักษา 
    • Thermage FLX Blue Tip ได้รับการรับรองจาก US FDA และอย.ไทย 

     

    ใครที่ควรทำ Thermage FLX Blue Tip บ้าง

    • Thermage FLX Blue Tip เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าหย่อนคล้อยไม่ยกกระชับ
    • Thermage FLX Blue Tip เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก
    • Thermage FLX Blue Tip เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้ามัน
    • Thermage FLX Blue Tip เหมาะสำหรับผู้ที่อยากยกกระชับผิวหน้า แต่กลัวเจ็บ
    • Thermage FLX Blue Tip เหมาะสำหรับผู้ที่อยากยกกระชับผิวแต่ไม่อยากผ่าตัด
    • Thermage FLX Blue Tip เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีคุณภาพผิวที่ดี
    • Thermage FLX Blue Tip เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้าแบบเป็นธรรมชาติ

     

    หากคุณมีปัญหาเรื่องผิวแวะมาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกได้เลยนะคะ เรามีทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศไว้บริการเรื่องความงามให้แก่คุณ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ 

    เปลี่ยนคุณพ่อพุงใหญ่ เป็นหุ่นใหม่ ไร้ไขมันช่องท้อง อยากลดพุง ต้องทำอย่างไร?

    แดดดี้พุงใหญ่เพราะไขมันช่องท้อง

    แดดดี้พุงใหญ่ เพราะไขมันช่องท้อง อยากพุงยุบ ทำอย่างไรดี?

     

    เมื่อคุณพ่อพุงใหญ่ พุงหนา ไม่มีเวลาออกกำลังกาย อาจเป็นเพราะไขมันตัวร้ายที่มีชื่อว่า “ไขมันช่องท้อง” กำลังสะสมอยู่ ซึ่งไขมันชนิดนี้ไม่ได้ทำให้พุงป่องเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่าง ๆ ตามมามากมาย ทั้งโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรือการขาดการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง ไขมันจึงสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นปัญหาสุขภาพได้ในที่สุด

    บทความนี้ ขอพาไปทำความรู้จักกับไขมันช่องท้องว่า คืออะไร? เกิดจากสาเหตุอะไร? แล้วมีวิธีไหนที่จะช่วยลดไขมันช่องท้องได้บ้าง? สามารถอ่านบทความนี้ได้เลย

     

    เปลี่ยนคุณพ่อพุงใหญ่ เป็นหุ่นใหม่ ไร้ไขมันช่องท้อง อยากลดพุง ต้องทำอย่างไร?

     

    ไขมันช่องท้อง
    ไขมันช่องท้อง

     

    ไขมันช่องท้อง คืออะไร?

    ไขมันช่องท้อง หรือ Visceral Fat คือ ไขมันที่สะสมอยู่ในภายในช่องท้อง ล้อมรอบอวัยวะสำคัญภายในอย่าง ตับ ลำไส้เล็ก และกระเพาะอาหาร ซึ่งไขมันช่องท้องเป็นไขมันที่อยู่ลึกกว่าชั้นกล้ามเนื้อและชั้นผิวหนัง เกิดจากการที่ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ไม่หมด เมื่อร่างกายมีไขมันในช่องท้องปริมาณมากจนเกินไป ร่างกายจะพยายามนำไขมันส่วนเกินนี้ ไปเก็บสะสมไว้ในอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงตับ ซึ่งตับเป็นอวัยวะที่อยู่ใกล้ไขมันชนิดนี้มากที่สุด ทำให้ไขมันช่องท้องเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่โรคไขมันพอกตับได้อีกด้วย

     

    ไขมันช่องท้องเกิดจากอะไร
    ไขมันช่องท้องเกิดจากอะไร

     

    ไขมันช่องท้อง มีสาเหตุมาจากอะไร?

    • พฤติกรรมการรับประทานอาหาร

    การรับประทานอาหารที่มีไขมัน คาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม อาหารทอด อาหารมัน ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น จนไม่สามารถเผาผลาญได้หมด ซึ่งนำไปสู่การสะสมของไขมันช่องท้องได้

    • การขาดการออกกำลังกาย

    การไม่ออกกำลังกาย หรือขยับร่างกายน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลง ส่งผลให้ไขมันเข้าไปสะสมในร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง ทำให้เกิดไขมันช่องท้องได้

    • ฮอร์โมน

    การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดไขมันช่องท้องได้ เช่น ช่วงวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง ทำให้ระดับเอสโตรเจนลดลง อาจทำให้เกิดไขมันสะสมในช่องท้องได้ 

    • ความเครียด

    ความเครียดเรื้อรัง ส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมามากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดการสะสมไขมันช่องท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อร่างกายตอบสนองต่อความเครียด จะกระตุ้นให้รู้สึกมีความอยากอาหารมากขึ้น จนเกิดการสะสมไขมันได้มากกว่าปกติ

    • พันธุกรรม

    พันธุกรรม เป็นตัวกำหนดอัตราการเผาผลาญในร่างกายของแต่ละบุคคล หากมีอัตราการเผาผลาญต่ำ ก็อาจมีแนวโน้มที่จะสะสมไขมันช่องท้องง่ายกว่าปกติ

     

    ไขมันช่องท้องเสี่ยงโรคอะไรบ้าง
    ไขมันช่องท้องเสี่ยงโรคอะไรบ้าง

     

    ไขมันช่องท้อง เสี่ยงต่อการเกิดโรคอะไรบ้าง?

    ไขมันช่องท้อง ถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของเราอย่างมาก เนื่องจากเป็นไขมันที่ลดยาก และสามารถเข้าสู่กระแสเลือดไปสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดแดง ทำให้หลอดเลือดตีบได้ อีกทั้ง ยังส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ อีกมากมาย ดังนี้

    • โรคหัวใจ ไขมันช่องท้องส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เนื่องจากไขมันเข้าไปเกาะและสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดเกิดการอุดตัน จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้
    • โรคเบาหวาน ประเภท 2 เนื่องจากไขมันในช่องท้องมีผลต่อการทำงานของอินซูลิน ทำให้ร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และกระตุ้นความเสี่ยงให้เกิดโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2 ได้
    • ความดันโลหิตสูง ขมันในช่องท้อง สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง เนื่องจากไขมันส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ จนทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้
    • ไขมันพอกตับ การสะสมของไขมันในช่องท้องมากเกินไป ทำให้ตับได้รับผลกระทบไปด้วย  เนื่องจากตับได้ปริมาณน้ำตาลเกินความจำเป็น ทำให้น้ำตาลถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมัน ส่งผลให้เกิดไขมันพอกตับได้ 
    • ไขมันในเลือดสูง เนื่องจากไขมันช่องท้องมีปริมาณมากเกินไป ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Trigleceride) สูงขึ้นเช่นกัน
    • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เนื่องจากไขมันที่สะสมในช่องท้อง อาจกดทับหรือขัดขวางทางเดินหายใจ ทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอน และสุขภาพโดยรวมได้

     

    FIT SHAPE BODY รีดหุ่นใหม่ พุงหายเกลี้ยง
    FIT SHAPE BODY รีดหุ่นใหม่ พุงหายเกลี้ยง

     

    Fit Shape Body โปรแกรมรีดหุ่นใหม่ พุงหายเกลี้ยง

    Fit Shape Body คืออะไร?

    Fit Shape Body คือ เทคโนโลยีรีดไขมันสะสม ลงลึกถึงไขมันช่องท้อง โดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง Capacitive Resistive Monopolar Radiofrequency (CRMRF) ที่มีความถี่ 448 kHz ซึ่งเป็นความถี่ที่เหมาะสมกับการทำงานในระดับเซลล์ของร่างกาย ถูกใช้ในวงการแพทย์มาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจาก US FDA (อย. อเมริกา) แล TH FDA (อย. ไทย) โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

    โดยจะส่งพลังงานจากคลื่นวิทยุ เข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ไขมันเกิดความร้อน ส่งผลเซลล์ไขมันหดตัว และแตกตัวออกจากกัน จึงสามารถลดปริมาณไขมันช่องท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง ยังสามารถกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้มากกว่าเดิม พร้อมเพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้เซลล์ได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น จึงช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกาย อีกทั้ง ยังกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจน ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวกระชับ และลดเซลลูไลต์ได้อีกด้วย

     

    Fit Shape Body ช่วยเรื่องอะไร?

    • Fit Shape Body ช่วยลดไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย ลงลึกถึงไขมันที่สะสมในช่องท้อง (Visceral Fat) ได้ถึง 11%
    • Fit Shape Body ช่วยกระชับสัดส่วน แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ห้อยย้อย ให้กลับมาเฟิร์มกระชับ
    • Fit Shape Body ช่วยลดเซลลูไลต์สะสมในทุกชั้นผิว โดยขับออกผ่านทางเหงื่อ ปัสสาวะ หรืออุจจาระ ทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น
    • Fit Shape Body ช่วยให้สัดส่วนเล็กลง ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น 
    • Fit Shape Body ช่วยเพิ่มการเผาผลาญถึงระดับเซลล์ ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
    • Fit Shape Body ช่วยฟื้นฟูผิวจากการดูดไขมัน และช่วยสมานแผล ลดเลือนรอยแผลเป็น

     

    Fit Shape Body ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถลดไขมันช่องท้องได้อย่างตรงจุด พร้อมกระชับสัดส่วน และกำจัดเซลลูไลต์ในเครื่องเดียว อย่าปล่อยให้ไขมันสะสมในช่องท้อง จนทำลายความมั่นใจ นอกจากจะทำให้พุงใหญ่ พุงย้อยแล้ว  ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาสารพัด ดังนั้น สำหรับใครที่สนใจลดไขมันช่องท้อง สามารถเข้ามาปรึกษากับ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา เพื่อทวงคืนหุ่นใหม่ คุณพ่อมั่นใจ ไม่ต้องเก็บพุงอีกต่อไป สามารถสอบถามได้ทาง รมย์รวินท์คลินิก ทางลิ้งค์นี้ > https://bit.ly/Romrawinclinic

     

    โปรโมชันเดือนธันวาคม UNWRAP YOUR BEAUTY แกะกล่องความสวยส่งท้ายปี

    โปรโมชันเดือนธันวาคม Unwrap your beauty

    โปรโมชันเดือนธันวาคม UNWRAP YOUR BEAUTY แกะกล่องความสวยส่งท้ายปี

     

    ส่งท้ายปลายปี 2024 นี้ รมย์รวินท์คลินิกขอเชิญทุกท่านมาร่วมแกะกล่องของขวัญชิ้นพิเศษ UNWRAP YOUR BEAUTY กับโปรโมชันพิเศษที่เราเตรียมมาเซอร์ไพรส์เติมเต็มความสวยให้คุณเป็นพิเศษในเวลาแห่งความสุข ถ้าคุณพร้อมที่จะรับความสวยนี้แล้วไปร่วมเปิดกันเลยย!

     

    UNWRAP YOUR BEAUTY.. ยกหน้า ย้อนเวลาให้ผิว 

     

    โปรโมชันต้อนรับปีใหม่ Unwrap your beauty
    1-31 ธันวาคม 2567

     มาออกกำลังให้ผิวหน้ายกกระชับ เต่งตึง เหมือนได้ย้อนเวลาให้ผิวกันกับแพ็กที่คุณเลือกเองได้

     

    Pack A

    Emface โปรแกรมยกกระชับผิวที่ตอบโจทย์คนกลัวเจ็บ ไม่ต้องใช้เข็ม แค่แปะ Applicator ก็เหมือนได้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อหน้าให้ตึงกระชับ ช่วยลดเหนียง และลดไขมันส่วนเกิน แต่ไม่ทำให้หน้าตอบ และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเนียนละเอียดขึ้นด้วย

    • Unwrap ผิวให้สวย..ยก ด้วย Emface หน้าผาก + แก้ม จำนวน 4 ครั้ง ราคา 150,000.- จากราคาปกติ 260,000.-
    • แถมฟรี Oligio 600 Lines หรือ Ultra 4D Lift 600 Lines

    Pack B

    Emface Submentum โปรแกรมที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการยกกระชับผิวและลดไขมันไปพร้อมกัน ซึ่งโปรแกรมนี้สามารถลดไขมันบริเวณเหนียง และคาง สร้างกรอบหน้าให้คมชัด โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด มีความปลอดภัย ไม่ทิ้งบาดแผล ไม่มีผลกระทบต่อระบบประสาท

    • Unwrap ผิวให้ยกพร้อมลดเหนียง ด้วย Emface Submentum แก้ม​ + ใต้คาง จำนวน 4 ครั้ง ราคา 150,000.- จากราคาปกติ 260,000.-
    • แถมฟรี Oligio 600 Lines  หรือ Ultra 4D Lift 600 Lines 

     

    UNWRAP YOUR BEAUTY.. ผิวแน่นขั้นกว่า ยกกระชับขั้นสุด 

    โปรโมชันต้อนรับปีใหม่ Unwrap your beauty
    1-31 ธันวาคม 2567

     

    เมื่อ 2 ตัวแม่ “ยกกระชับขั้นสุด” มาเจอกับ “แน่นกระชับขั้นกว่า” ก็มอบความสวยให้ผิวหน้าคุณยกแล้ว ยกอีกกับ

     

    Thermage FLX ยกหน้าให้กระชับ และลดไขมันสะสมบนใบหน้า มอบความแน่นเฟิร์มกระชับให้ผิว พร้อมลดเลือนริ้วรอยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ได้มากกว่าที่เคย 

     

    Ultherapy ที่สุดแห่งโปรแกรมยกกระชับผิว ที่ส่งพลังงานลึกถึงผิวชั้น SMAS ยกดึงหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทิ้งบาดแผล และยังช่วยสร้างกรอบหน้าให้คมชัด ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ให้ผิวสวยดูอ่อนเยาว์ เห็นผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี

     

    • Unwrap ผิวแน่น ยกกระชับขั้นสุด ด้วย Thermage FLX 300 Shot + Ultherapy 300 Lines ราคา 54,900.- จากราคาปกติ 144,500.-
    • Unwrap ผิวกระชับยกขั้นสุด  ด้วย Thermage FLX Total Tip 400 Shot + Ultherapy 300 Lines  ราคา 54,900.- จากราคาปกติ 164,500.-
    • Unwrap ผิวยกกระชับได้อีก ด้วยThermage FLX 900 Shot + Ultherapy 400 Lines  ราคา 92,900.- จากราคาปกติ 226,000.-

     

    UNWRAP YOUR BEAUTY.. ผิวแน่นกระชับ ปรับมิติให้ใบหน้า

    โปรโมชันต้อนรับปีใหม่ Unwrap your beauty
    1-31 ธันวาคม 2567

    Oligio เปลี่ยนผิวหน้าที่เคยหย่อนคล้อย ไขมันสะสมบริเวณแก้ม เหนียง และคาง เป็นผิวยกกระชับพร้อมปรับผิวให้สวยเนียนละเอียด รูขุมขนกระชับ มอบ Skin Quality ที่ดีให้ผิว สวยได้แบบ ลีน ลด ยก เฟิร์ม 

     

    Ultra 4D Lift ยกผิวหน้าให้แน่นกระชับ ลดเลือนริ้วรอย สร้างกรอบหน้าให้คมชัดได้มากกว่าที่เคย พร้อมเก็บงานผิวให้เนียนละเอียด สวยแบบมีมิติในเครื่องเดียว 

     

    • Unwrap ผิวสวย กระชับ คมชัดมีมิติ ด้วย Oligio 600 Lines + Ultra 4D Lift 500 Lines ราคา 37,900.- จากราคาปกติ 110,000.-
    • Unwrap ผิวสวย กระชับ คมชัดมีมิติ ด้วย Oligio 900 Lines + Ultra 4D Lift 500 Lines ราคา 44,900.-จากราคาปกติ 140,000.-

     

    UNWRAP YOUR BEAUTY..ผิวเป๊ะใส ดับเบิลความสวย 

    โปรโมชันต้อนรับปีใหม่ Unwrap your beauty
    1-31 ธันวาคม 2567

    Duo Lift ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนทำให้ริ้วรอยจางลง ลดไขมันเหนียง แก้ม ให้ลดลงหน้าแน่นเฟิร์ม กระชับ 

     

    Super Lift จัดเก็บริ้วรอยบนผิวหน้า กระชับรูขุมขน พร้อมปรับผิวให้เรียบเนียนละเอียด 

     

    Pack A 

    • Unwrap ผิวเป๊ะใส Duo Lift แถมฟรี เลเซอร์หน้าใส 8,000.- (ยกเว้น FEM) จำนวน 10 ครั้ง 150,000.- จากราคาปกติ 480,000,-

     

    Pack B 

    • Unwrap ผิวเป๊ะใส  Super Lift แถมฟรี เลเซอร์หน้าใส 8,000.- (ยกเว้น FEM) จำนวน 10 ครั้ง 150,000.- จากราคาปกติ 480,000,-

     

    UNWRAP YOUR BEAUTY..บูสต์ผิวใส หน้าไวท์ ผิวโกลว์ เติมความสวย ขาวกระจ่างใส เหมือนเปิดไฟให้ผิว ต้องบูสต์ผิวด้วย 

    (1-31 ธันวาคม 2567Skin Booster เติมอาหาร และวิตามินให้ผิวแบบเร่งด่วน ฟื้นฟูผิวจากภายใน ให้ผิวชุ่มชื้น นุ่นเนียน ดูอ่อนเยาว์ พร้อมปรับผิวให้กระจ่างใส เหมือนเปิดไฟให้ผิวมีออร่า 

     

    • Unwrap บูสต์ผิวสวยใส ด้วย Skin Booster BUFFET PROGRAM (เลือกสูตรใดก็ได้) จำนวน 30 ครั้ง 120,000.- จากราคาปกติ 225,000.-

     

    *สามารถเลือกได้ดังนี้ White Plus, White up, Aura Care, Celeb Lift, Bio, Magica Young White, Chanel, Skin Reborn

     

    UNWRAP YOUR BEAUTY..หน้าเรียว กรอบชัด รีทัชริ้วรอย

    โปรโมชันต้อนรับปีใหม่ Unwrap your beauty
    1-31 ธันวาคม 2567

    หน้าแก่ หน้าหย่อนคล้อย จัดการรีทัชให้ผิวสวยไม่ต้องพึ่งแอปฯ ด้วยตัวนี้

     

    ฉีดโบ เก็บทุกริ้วลดทุกรอย ลดขนาดกราม เผยกรอบหน้าที่คมชัด มีมิติมากยิ่งขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติไม่ดูตึงจนเกินไป 

     

    • Unwrap รีทัชผิวให้สวยเนียน ด้วย ฉีดโบ 100u จำนวน 1 ครั้ง 25,000.- จากราคาปกติ 43,000.-
    • แถมฟรี เลเซอร์หน้าใส มูลค่า 8,000.- 

     

    รีบมาแกะกล่องความสวย UNWRAP YOUR BEAUTY ส่งท้ายปีให้สวยเป๊ะกว่าใครได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

     

     

    *โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ธันวาคม 2567

    *โปรโมชั่นนี้เฉพาะจองออนไลน์เท่านั้น

    *โปรโมชั่นเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

    *ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล

    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่

    Neauvia Hybrid Filler ผิวเด้ง เต่งตึง สวยฉ่ำเด้งตาม ฉบับคุณโอเว่น

    Neauvia Hybrid Filler

    ผิวเด้ง เต่งตึง สวยฉ่ำเด้งแบบ Neauvia Hybrid Filler

     

    รมย์รวินท์คลินิกได้เจอตัวจริงของคุณคุณโอเว่น Miss Keemao 2025 ขอบอกเลยว่าสวย ฉ่ำ เด้ง มาก จนทนไม่ไหวอยากรู้ว่ามีเคล็ดลับอะไรให้สวยเด้งแบบนี้รมย์รวินท์คลินิกขอรับหน้าที่ตามไปสืบเคล็ดลับความสวยของคุณโอเว่นให้ค่ะ

     

    Neauvia Hybrid Filler
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    ตอนโอเว่นเข้าประกวดเวที Miss Keemao โอเว่นก็จะมองหาหัตถการที่ช่วยเสริมความสวยให้เราเป็นพิเศษ เพราะเราต้องสวยที่สุดบนเวที แต่ที่สำคัญต้องเป็นธรรมชาติที่สุด ต้องไม่โป๊ะต่อหน้าคณะกรรมการ และผู้ชม โดยส่วนตัวโอเว่นก็ชอบมาเสริมความสวยที่รมย์รวินท์คลินิกอยู่แล้ว ก็เลยได้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอแพร พญ.ธิรดา จิตตการ ช่วยประเมินและดูแลผิวให้โอเว่นค่ะ 

     

    คุณหมอแพรแนะนำให้โอเว่นฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA ค่ะ คุณหมอแพรบอกว่าตัวนี้เป็นฟิลเลอร์แบบ hybrid ซึ่งมีความแตกต่างจากฟิลเลอร์แบบทั่วไป เพราะฟิลเลอร์ NEAUVIA มีสารประกอบที่หลากหลายทั้งตัว HA ที่เด่นอยู่แล้วในเรื่องของความชุ่มชื้น การเติมเต็มวอลลุ่มให้กับผิวทำให้ผิวยก แต่ในฟิลเลอร์ NEAUVIA จะมี CaHA ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ทำให้ผิวเนียนละเอียดขึ้น ลดเลือนพวกริ้วรอย ร่องรอยที่มีให้ตื้นมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เรียกได้ว่าทั้งเติมเต็มและกระตุ้นให้ผิวสวยครบจบเลยค่ะ และตัวฟิลเลอร์ NEAUVIA นี้ คุณหมอแพรบอกกับโอเว่นเลยว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองหรืออักเสบกับผิวแน่นอนค่ะ 

     

    Neauvia Hybrid Filler
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

     

    ตอนทำคุณหมอแพรก็คือมือเบามากตอนฉีดไม่รู้สึกเจ็บเลย และคุณหมอน่ารักมาก ให้คำปรึกษาดีมาก และผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA ขอบกเลยว่าสวย ฉ่ำ เด้งมากกก มันทั้งช่วยยกผิวหน้าเราให้กระชับ ช่วยเติมเต็มจุดบกพร่อง และยังช่วยให้ผิวสวยขึ้นได้อีก ตอนนี้ไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์แล้วค่ะ เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่โอเว่นจะใส่ก็คือฟิลเลอร์ NEAUVIA เท่านั้นค่ะ เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เข้าคลินิกเสริมความงาม ยุคนี้ เดี๋ยวนี้มันจะสวยเฉยๆ อย่างเดียวไม่ได้แล้ว มันต้องสวยได้อีก สวยแบบ hybrid ค่าาา 

     

    ฟิลเลอร์ NEAUVIA คืออะไร 

     

    ฟิลเลอร์ NEAUVIA คือ สารเติมเต็มผิวจากประเทศอิตาลี โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ 

    • Hyaluronic Acid หรือ HA ซึ่งสังเคราะห์มาจาก Probiotics Bacteria ที่มีชื่อว่า Bacilllus Subtilis ซึ่งทำให้ฟิลเลอร์ NEAUVIA มีความปลอดภัยกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เพราะมีความบริสุทธิ์สูง ช่วยในเรื่องของการกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นให้กับผิว เติมเต็มร่องริ้วรอยให้ผิวที่แห้ง กร้าน หย่อนคล้อยกลับมาดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
    • Calcium Hydroxyapatite หรือ CaHa ที่เป็นสารตัวช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 และ Type ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างอิลาสตินให้ผิว โดยเป็นสารที่พบได้ในร่างกายของเรา ทำให้ไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ไม่ทำให้อักเสบ หรือบวม แต่ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง กลับมาสุขภาพดี มีความยืดหยุ่น กระชับมากยิ่งขึ้น
    • Polyethylene Glycol หรือ PEG เป็นสารที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง ไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบหรือแพ้ โดยเป็นตัว Cross Link กับ HA ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถขึ้นรูปทรงได้ดี และมีความกลมกลืนไปกับผิวบริเวณที่ฉีด 
    • L-Proline เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ ช่วยในเรื่องของการสร้างคอลลาเจน และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ โดยเป็นตัวช่วยลดอาการอักเสบของผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งยังช่วยในเรื่องการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอีกด้วย 
    • Glycine เป็นกรดอะมิโนอีกชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ และเป็นส่วนหลักที่ช่วยในเรื่องของการสร้างคอลลาเจนทำให้ชั้นผิวมีความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี ทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับแข็งแรง

     

    Neauvia Hybrid Filler
    ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

    จุดเด่นของฟิลเลอร์ NEAUVIA ที่ทำให้ผิวสวย ฉ่ำ เด้ง 

    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA ใช้สาร PEG เป็นตัว Cross Link กับ HA ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถขึ้นรูปทรงได้ดี และกลมกลืนไปกับผิว
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA เป็น Hybrid ฟิลเลอร์ที่ใช้ HA จาก Probiotics Bacteria ทำให้ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ บวม หรือระคายเคืองต่อผิว
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA มีสารประกอบของ CaHA, L-Proline และ Glycine ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ผิวมีความกระชับ และอ่อนเยาว์ ดูสุขภาพดี
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA ทนความร้อนได้สูง สามารถใช้ร่วมกับหัตถการที่เป็นเลเซอร์ได้ 

     

    ฟิลเลอร์ NEAUVIA ช่วยผิวในเรื่องใดบ้าง

    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA มอบความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำวาว ทำให้ผิวมีสุขภาพดี
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA ช่วยแก้ปัญหาเรื่องหลุมสิวให้ตื้นขึ้นทำให้หน้าดูเรียบเนียนขึ้น
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA ช่วยเติมจุดที่บกพร่อง ให้ผิวมีวอลลุ่มมากยิ่งขึ้น
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA ช่วยแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง ปรับผิวให้กระชับ
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA ช่วยเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยต่างๆ ให้ผิวดูอ่อนเยาว์
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้ผิว
    • ฟิลเลอร์ NEAUVIA ช่วยยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ให้ผิวเต่งตึง 

     

    ฟิลเลอร์ NEAUVIA ฉีดบริเวณไหนทำให้หน้าสวยปิ๊ง ฉ่ำเด้ง

    • ฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA บริเวณหน้าผากช่วยลดเลือนริ้วรอยเติมเต็มร่องลึกจากการแสดงสีหน้า
    • ฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA บริเวณใต้ตา ช่วยลดความหมองคล้ำ ลดถุงใต้ตา เติมเต็มร่องลึกให้ตาดูสดใส
    • ฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA บริเวณร่องแก้ม เติมเต็มร่องให้ตื้นขึ้นทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ 
    • ฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA บริเวณริมฝีปาก ริมฝีปากชุ่มชื้น เติมร่องลึกให้อิ่มฟู ปรับรูปทรงปากให้สวย
    • ฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA บริเวณกรอบหน้า ช่วยให้กรอบหน้าได้รูป มีความคมชัด มีมิติมากยิ่งขึ้น
    • ฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA บริเวณใต้คาง แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด เติมเต็มให้หน้าได้รูป
    • ฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA บริเวณคอ แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยให้คอดูเต่งตึงอ่อนเยาว์ 

     

    ใครที่อยากสวย ฉ่ำ เด้ง แบบคุณโอเว่น Miss Keemao แนะนำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ NEAUVIA หรือเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทั้ง 28 สาขาได้เลย

     

     

    PLURYAL เทคโนโลยีใหม่ เพื่อผิวสวยขั้นสุด

    PLURYAL

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      PLURYAL เทคโนโลยีใหม่ เพื่อผิวสวยขั้นสุด

      ในยุคที่หลากหลายแบรนด์พัฒนาสินค้าขึ้นมาให้ดีที่สุดเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการ ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเห็นผลลัพธ์ที่ดี การมีผลลัพธ์ที่ช่วยได้อย่างหลากหลาย รวมไปจนถึงการป้องกันอาการแพ้ต่างๆ เพื่อความปลอดภัยอย่างมากที่สุดสำหรับผู้เข้ารับบริการ

      Pluryal จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์ข้อนี้ให้มากที่สุด โดยเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมทางด้านเวชศาสตร์ความงามให้มีคุณภาพสูง ในทุกๆด้าน มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และยังต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในด้านความต้องการด้านการฟื้นฟูและดูแลผิว

       

      PLURYAL ประกอบด้วยกัน 4 รุ่น ที่มีความแตกต่างกัน ทั้งด้านผลลัพธ์และทางด้านการผลิต

      • Pluryal Biosculpture  ปรับรูปหน้า ลดความหย่อนคล้อย เพิ่มโครงสร้าง
      • Pluryal Densify  เพิ่มความชุ่มชื้น ปรับปรุงความยืดหยุ่นและ ช่วยเรื่องความกระชับของผิว 
      • Pluryal Silk  เพิ่มความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น กระชับ ลดรอยแแผลเป็น
      • Pluryal Hair Density  ฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ เพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม

       

      ทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์  Pluryal ในแต่ละรุ่น

      Pluryal Biosculpture  
      Pluryal Biosculpture

      Pluryal Biosculpture  

      • ผลิตภัณฑ์ Pluryal รุ่น Pluryal Biosculpture  นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทสารเติมเต็มที่ใช้สำหรับเติมเต็มและแก้ไขความหย่อนคล้อยของใบหน้าที่เกิดขึ้นตามวัยและต้องการจะที่จะได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ Pluryal รุ่น Pluryal Biosculpture ยังสามารถปรับรูปทรงของริมฝีปาก มีส่วนประกอบหลัก คือ กรดไฮยาลูรอนิกแบบ Cross-Linked 
      • มีจุดเด่นโดยการผลิตด้วยเทคโนโลยี MATRICYAL 3D ทำให้ Pluryal Biosculpture สามารถรักษา เติมเต็มและแก้ไขปัญหาร่องลึกของใบหน้าในส่วนต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติบนพื้นฐานของความปลอดภัย ไร้สารต่างๆ ตกค้าง

       

      ส่วนประกอบของ Pluryal Biosculpture 

      Pluryal Biosculpture  มีส่วนประกอบจาก Hyaluronic Acid (Cross-Linked HA)

      • กรดไฮยาลูรอนิกแอซิตที่มีขนาดของ โมเลกุลที่มีความแตกต่างกันถึง 3 ประเภท และยังเป็นไฮยาลูรอนิกแอซิตที่มีความบริสุทธ์เป็นอย่างมาก ที่ผสานกันขึ้นมาเป็นโครงข่าย เพื่อให้สามารถซึมเข้าผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ

       

      Pluryal Biosculpture มีส่วนประกอบจาก Phosphate Buffer (บัฟเฟอร์ฟอสเฟต)

      • Phosphate Buffer (บัฟเฟอร์ฟอสเฟต) เป็นสารละลาย ที่ช่วยในการรักษาความเข้มข้นของสารไฮโดรเจนไอออน (pH) ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้โปรตีนใน Hyaluronic Acid นั้นสามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

       

      คุณสมบัติของสารเติมเต็มแบบ Cross-Linked ใน Pluryal Biosculpture นั้นมีคุณสมบัติ

      สารเติมเต็มแบบ Cross-Linked ใน Pluryal Biosculpture นั้นมีคุณสมบัตินี้

      • ด้านความคงทน

      เนื่องจากการ Cross-Linking ของสารเติมเต็มเป็นการเพิ่มความเสถียรของผลิตภัณฑ์ เมื่อถูกฉีดเข้าสู่ร่างกาย ทำให้สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นานกว่า สารเติมเต็มแบบธรรมชาติ 

      • ด้านความหนาแน่น

      สารเติมเต็มแบบ Cross-Linked นั้นจะมีโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ที่หนาแน่นกว่าสารเติมเต็ม แบบธรรมชาติทั่วไป จึงเหมาะแก่การให้เติมเต็มใบหน้า

       

      Pluryal Biosculpture เหมาะกับใคร

      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับหรือหย่อนคล้อย
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวเรียบเนียนและอิ่มน้ำ
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวด้วยวิธีธรรมชาติ
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับผู้ที่ต้องการเตรียมผิวสำหรับการทำหัตถการอื่นๆ

       

      Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดบริเวณใดบนใบหน้า

      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดบริเวณรอยพับบริเวณใต้จมูก
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดบริเวณรอยแผลเป็นและรอยสิว
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดบริเวณริ้วรอยรอบปาก
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดบริเวณริ้วรอยบริเวณหว่างคิ้ว
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดบริเวณริ้วรอยบนหน้าผาก
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดเติมเต็มบริเวณบริเวณร่องแก้ม 
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดเติมเต็มบริเวณบริเวณคาง 
      • Pluryal Biosculpture เหมาะกับการฉีดเติมเต็มบริเวณบริเวณโหนกแก้ม

      หลังการใช้ Pluryal Biosculpture คงผลลัพธ์ได้นานเท่าไร 

      • หลังการใช้ Pluryal Biosculpture จะเห็นผลลัพธ์หลังทำประมาณ 5 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับ สภาพผิว อายุ และปัจจัยต่างๆ

      หลังการใช้ Pluryal Biosculpture ควรฉีดซ้ำทุกกี่เดือน

      • Pluryal Biosculpture ควรฉีดกระตุ้นซ้ำทุก ๆ 5 – 6 เดือน อย่างเป็นประจำ

      Pluryal Biosculpture สามารถใช้ได้กับทุกคนหรือไม่ 

      • Pluryal Biosculpture เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย Pluryal Biosculpture จึงเป็นโปรแกรมที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขจุดบกพร่องผิวที่เกิดขึ้นตามใบหน้าและเรือนร่าง  

       

       

      PLURYAL DENSIFY
      PLURYAL DENSIFY

      PLURYAL DENSIFY

      PLURYAL รุ่น PLURYAL DENSIFY เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อให้มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว และยังช่วยเสริมไฟโบรบลาสต์ อันเป็นตัวปรับความยืดหยุ่นและเพิ่มความกระชับของผิว ด้วยโพลินิวคลิโอไทด์ (Polynucleotide) สารจากธรรมชาติที่สกัด DNA จากปลาแซลม่อน ที่มีโครงสร้างคล้ายกับ DNA ของมนุษย์และกรดไฮยาลูโรนิกแอซิต ช่วยในการเติมเต็ม สร้างความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้ผิว

       

      จุดเด่น ของ PLURYAL DENSIFY คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ ทำงานร่วมกันระหว่าง PN + HA จึงช่วยในการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิว  ผลิตโดย HPN TECHNOLOGY จึงทำให้ Polynucleotide ที่ได้มีความบริสุทธิ์สูงมาก ที่สำคัญยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากล เหมาะแก่การใช้เพื่อเตรียมผิวก่อนทำโปรแกรมอื่นๆ เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

       

      ส่วนประกอบของ Pluryal DENSIFY

       

      Pluryal DENSIFY มีส่วนประกอบจาก Hyaluronic Acid (Cross-Linked HA)

      • สารที่นิยมใช้ในการผลิตสารเติมเต็ม ช่วยในการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยใช้ผิวเสื่อมสภาพช้าลง  ลดริ้วรอยบนใบหน้าและยังทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าวัย

      Pluryal DENSIFY มีส่วนประกอบจาก Polynucleotide (PN)

      • Polynucleotide (PN) เป็นสารที่ถูกสกัดขึ้นมาจาก DNA ของปลาแซลมอน ที่ดข้าสู่กระบวนการต่างๆ จนเกิดเป็น  Polynucleotide ที่มีความบริสุทธิ์ในตัวสูง ทั้งยังเป็นสารที่ช่วยในการช่วยในการปรับปรุงความยืดหยุ่นและเพิ่มความกระชับให้กับผิว

      Pluryal DENSIFY มีส่วนประกอบจาก Mannitol

      • เป็นสารที่มีคุณสมบัติในด้านเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวทั้งยังมีฤทธิ์ที่ช่วยในการต้านสารอนุมูลอิสระ ทำให้เมื่อทำงานร่วมกับสารเติมเต็มประเภท HA จะสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นานมากขึ้น

       

      Pluryal Densify กับบริเวณใดได้บ้าง ?

      1. Pluryal Densify ฉีดบริเวณใบหน้า

      Pluryal Densify เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับปรุงสภาพผิวที่โดนทำร้ายจากแสงแดด ผิวที่อ่อนล้า การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจนมีริ้วรอย รอยดำ หรือรอยแดงบนใบหน้า ร่องแก้ม รอยพับจมูก ไม่ควรใช้กับบริเวณรอบดวงตา

      1. Pluryal Densify ฉีดบริเวณหลังมือ

       Pluryal Densify ฉีดหลังมือจะช่วยปรับริ้วรอย และร่องลึกที่บริเวณหลังมือให้หลังมือดูเรียบเนียน พร้อมเติมความชุ่มชื้นไปในเวลาเดียวกัน

      1. Pluryal Densify ฉีดบริเวณลำคอและเนินอก

      Pluryal Densify สามารถใช้รักษาได้ ทั้งริ้วรอยในส่วนอื่น ๆ ในบริเวณร่างกาย อาทิรอยพับที่คอ ริ้วรอยบริเวณเนินอก เนื่องจากสามารถแก้ไขให้ริ้วรอยเหล่านั้นให้ดีขึ้นและจางลง

      Pluryal DENSIFY ช่วยเรื่องอะไร

      • Pluryal DENSIFY ช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอย
      • Pluryal DENSIFY ช่วยเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
      • Pluryal DENSIFY ช่วยเรื่องเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
      • Pluryal DENSIFY ช่วยเรื่องเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
      • Pluryal DENSIFY ช่วยเรื่องต้านสารอนุมูลอิสระ

       

      Pluryal DENSIFY เหมาะกับใคร

      • Pluryal DENSIFY เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลปัญหาผิว
      • Pluryal DENSIFY เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว
      • Pluryal DENSIFY เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมความแข็งแรงให้กับผิว
      • Pluryal DENSIFY เหมาะกับผู้ที่ต้องการเตรียมผิวสำหรับการทำหัตถการอื่นๆ
      • Pluryal DENSIFY เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย
      • Pluryal DENSIFY เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว

       

      Pluryal Densify ควรฉีดต่อเนื่องในระยะเวลาเท่าไร

      • Pluryal Densify ควรฉีดต่อเนื่องติดกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลาทุกๆ 3 สัปดาห์ และเติมเพื่อความสม่ำเสมอ  1 กล่อง ในทุก ๆ 3 เดือน

      Pluryal Densify ควรฉีดปริมาณเท่าไหร่

      • Pluryal Densify 1 กล่อง มีปริมาณ 2 cc ในการฉีดครั้งแรกควรฉีด 1 กล่อง ทั้งนี้การฉีดในแต่ละครั้งควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาและผ่านการอบรมผลิตภัณฑ์มาเป็นอย่างดี

      Pluryal Densify สามารถคงผลลัพธ์ได้นานเท่าไร

      • Pluryal Densify จะสามารถคงผลลัพธ์ได้นานเท่าไร ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคลรวมทั้งการดูแลตัวเอง และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยควรฉีดซ้ำทุก ๆ 3 เดือนเพื่อคงสภาพผลลัพธ์อย่างยาวนาน

       

      PLURYAL SILK
      PLURYAL SILK

      PLURYAL SILK

      ผลิตภัณฑ์ PLURYAL รุ่น PLURYAL SILK เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโพลินิวคลีโอไทด์ ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้น และสร้างไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่น และเพิ่มความกระชับของผิวและยังช่วยลดเลือนรอยแตกลาย รอยแผลเป็นในบริเวณที่ฉีดได้ด้วย นอกจากนี้ PLURYAL รุ่น PLURYAL SILK  ยังช่วยลดรอยคล้ำ บริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี

       

      จุดเด่นของ PLURYAL SILK  คือการเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้ในการดูแลผิวที่มีความบอบบาง เนื่องจากมีส่วนประกอบที่เป็นสารธรรมชาติที่สกัดจากปลา มีความบริสุทธิ์ ปลอดเชื้อ และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารก่อไข้

       

      PLURYAL SILK ช่วยอะไร

      • PLURYAL SILK ช่วยในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
      • PLURYAL SILK ช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นในชั้นผิว
      • PLURYAL SILK ช่วยในการลดริ้วรอยและความหมองคล้ำ
      • PLURYAL SILK ช่วยในการลดรอยแตกลายและแผลเป็น

       

      PLURYAL SILK เหมาะกับใคร

      • PLURYAL SILK เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
      • PLURYAL SILK เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
      • PLURYAL SILK เหมาะกับผู้ที่ผิวแห้ง ต้องการความชุ่มชื้น
      • PLURYAL SILK เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยแตกลาย รอยแผลเป็น
      • PLURYAL SILK เหมาะกับผู้ที่มีความหมองคล้ำ

       

      ารดูแลตัวเองก่อนทำ Pluryal

      1. ก่อนทำ Pluryal ควรหยุดการใช้ยาหรืออาหารเสริม เช่น วิตามินอี (Vitamin E) , น้ำมันปลา (Fish Oil) แปะก๊วย, (Ginkgo Biloba) เนื่องจากมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด  7–10 วันก่อนทำก่อนทำ Pluryal  
      2. ก่อนทำ Pluryal ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24–48 ชั่วโมงก่อนทำ Plurya เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำและมีความบวมหลังฉีด
      3. ก่อนทำ Pluryal ควรงดทำกิจกรรมที่มีการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เช่นออกกำลังกาย การ ซาวน่า อย่างน้อย 24–48 ชั่วโมง
      4. ก่อนทำ Pluryal ควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อให้ผิวเตรียมพร้อมสำหรับให้กรดไฮยาลูโรนิกได้ดูดซึมน้ำได้ดียิ่งขึ้น
      5. ก่อนทำ Pluryal  ควรงดการรักษาอื่นๆ เช่นการทำ เลเซอร์ การทำทรีตเมนต์ผิวหน้าที่รุนแรง หรือการแว็กซ์ในบริเวณที่จะฉีด 1 สัปดาห์ ก่อนทำ
      6. ก่อนทำ Pluryal ควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อลดอาการบวม หรืออักเสบหลังการรักษา

       

      PLURYAL HAIR DENSITY

      PLURYAL รุ่น PLURYAL HAIR DENSITY สารสกัดจากแซลมอน DNA ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถฉีดเพื่อฟื้นฟูศีรษะ หรือบริเวณที่มีขน เช่น หน้าผาก คิ้ว หนวดเคราได้ รวมทั้งบริเวณอื่นที่มีรากผม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยในการกระตุ้นไฟโบรพลาสต์ เสริมความมั่นคงแข็งแรงรวมทั้งยังสร้างความยืดหยุ่นได้ด้วย 

      ส่วนประกอบของ PLURYAL HAIR DENSITY

       

      PLURYAL HAIR DENSITY มีส่วนประกอบจาก Polynucleotides (PN)

       

      • สารจากธรรมชาติที่สกัดจากปลาแซลมอนบริสุทธิ ที่สามารถดูดซึมลงสู่ผิวได้ดี มี DNA คล้าคลึงกับ DNA ของคน ทำให้ปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ 

       

      PLURYAL HAIR DENSITY มีส่วนประกอบจาก Hyaluronic Acid (HA)

       

      • กรดไฮยาลูโรนิกเป็นสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ

       

      PLURYAL HAIR DENSITYใช้เทคโนโลยี 

       

      HPN (Highly Pure Polynucleotides) ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่ใช้ในการสกัด Polynucleotides ที่มีความบริสุทธิ์มีคุณสมบัติเฉพาะในการกระตุ้นการสร้าง Fibroblast

      PLURYAL HAIR DENSITY ช่วยอะไรบ้าง

      • PLURYAL HAIR DENSITY ช่วยดูแลหนังศีรษะ
      • PLURYAL HAIR DENSITY ช่วยดูแลรากผม
      • PLURYAL HAIR DENSITY ช่วยเพิ่มการเติบโตของเส้นผม
      • PLURYAL HAIR DENSITY ช่วยเสริมความแข็งแรง ลดการหลุดร่วง
      • PLURYAL HAIR DENSITY ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่หนังศีรษะ

       

      Pluryal Hair Density รักษาอะไรได้บ้าง

      • สามารถใช้เพื่อดูแลพร้อมแก้ไขปัญหาเส้นผมได้อย่างหลากหลาย อาทิ ผมขาด ผมร่วง ผมบาง เส้นผม ผมเส้นเล็ก ผมไม่แข็งแรง อ่อนแอ ขาดง่าย โดยสามารถรักษาได้ทุกบริเวณที่มีรากขน 

       

      Pluryal Hair Density ควรทำบ่อยแค่ไหน

      Pluryal Hair Density ควรทำตามความถี่ที่แพทย์แนะนำ ในแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไปตามสภาพเส้นขนของแต่ละบุคคล โดยสามารถจำแนกได้คร่าวๆดังนี้

       

      1.Pluryal Hair Density ใช้ในการรักษาปัญหาผมร่วงที่เกิดจากฮอร์โมน

      ควรเข้ารับบริการ Pluryal Hair Density ใน 1 – 2 สัปดาห์ ติดต่อกันนาน 4 สัปดาห์ หลังจากนั้น ควรรักษา Pluryal Hair Density 1 ครั้ง ภายใน 3 – 4 สัปดาห์ ติดต่อกัน 4 ครั้ง

       

      2.Pluryal Hair Density ใช้ในการรักษาผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง อันเนื่องมาจากการเผชิญมลพิษทางอากาศ การติดโควิด-19 ในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ และคุณแม่หลังคลอด

      ควรทำการรักษา 1 ครั้ง ทุก ๆ 3 สัปดาห์ ในระยะเวลาติดต่อกัน 4 ครั้ง

       

      3.Pluryal Hair Density ใช้การรักษาผู้ใช้บริการหลังจากการปลูกผม หรือรักษาควบคู่กับการฉายแสง LED และปลูกผม 

      ควรทำการรักษา 1 ครั้ง ทุก ๆ 3 สัปดาห์ ในระยะเวลาติดต่อกัน 3 ครั้ง

       

      ขั้นตอนการรักษาด้วย Pluryal 

      -ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวการใช้ยา อาหารเสริม หรือโรคประจำตัว เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาด้วย Pluryal อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

      -แพทย์ประเมินปัญหาผิว และใบหน้า และการแก้ไข รวมทั้งเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม อาทิ  

      • Pluryal Biosculpture: สำหรับการปรับรูปหน้า
      • Pluryal Density: สำหรับลดริ้วรอยเล็กๆ ผิวใส สวยเหมือนกระจก
      • Pluryal Silk: เพิ่มความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น ลดรอยแแผลเป็น

      -ทำความสะอาดใบหน้า บริเวณที่จะรักษาด้วย Pluryal 

      -ทายาชาเพื่อบรรเทาความเจ็บ

      -แพทย์ทำการรักษาในบริเวณที่คนไข้กังวลจนเสร็จ

      -ทำหาทำการห้ามเลือด

       

      การดูแลตัวเองหลังทำ Pluryal

      • หลังทำ Pluryal หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด Pluryal ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
      • หลังทำ Pluryal หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 
      • หลังทำ Pluryal หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนจัด ซาวน์น่า โดนแดดจัด หรือความเย็นจัดเป็นเวลา 2–3 วัน

      ข้อควรระวังของ Pluryal

      • การใช้ผลิตภัณฑ์ควรใช้โดยแพทย์ที่ผ่านการอบรมมาแล้วเท่านั้น
      • ห้ามใช้ในบริเวณที่มีผิวหนังอักเสบ
      • ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีประวัติอาหารทะเล

      ข้อควรระวังหลังทำ Pluryal

      • หลังทำ Pluryal ในบางคนอาจมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อย ซึ่งอาการดังกล่าวจะค่อยๆ หายไปได้เองภายใน3–7 วัน
      • การทำ Pluryal จะต้องทำโดยแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้วเท่านั้น

       

      Pluryal ที่โดดเด่นในด้านสารเติมเต็มและผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิว มีหลากหลายสูตรให้เลือกตามปัญหาของแต่ละบุคล เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นทางด้านความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ แต่ควรทำการรักษาโดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้จากบริษัทผู้จัดจำหน่ายเท่านั้น ที่สำคัญควรทำการรักษาโดยแพทย์ที่ผ่านจากอบรมผลิตภัณฑ์จากแพทย์ของบริษัทเท่านั้นหรือสอบถามได้ที่รมย์รวินท์คลินิก

      รมย์รวินท์คลินิกจัดงาน Pluryal Exclusive Training ยกระดับมาตรฐานความงาม

      Pluryal Exclusive Training

      รมย์รวินท์คลินิกจัดงาน Pluryal Exclusive Training ยกระดับมาตรฐานความงาม

       

      รมย์รวินท์คลินิก ผู้นำด้านเทคโนโลยีความงามและการดูแลผิวพรรณ ได้จัดงานเทรนนิ่งสุดเอกซ์คลูซิฟ Pluryal Exclusive Training สำหรับทีมแพทย์ผู้ประจำรมย์รวินท์คลินิก โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณ Vladlena Averina M.D. แพทย์และวิทยากรด้านความงามระดับโลก มาร่วมแบ่งปันความรู้และเทคนิคการใช้ผลิตภัณฑ์ Pluryal ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ช่วยในการยกระดับการดูแลผิวพรรณและความงาม เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา

       

      Pluryal Exclusive Training
      Pluryal Exclusive Training

      อัปเดตเทรนและเทคนิคโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความงามระดับโลก Pluryal Exclusive Training 

       

      คุณ Vladlena Averina M.D. แพทย์และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ได้บรรยายถึงแนวโน้มและเทรนด์ใหม่ในวงการความงาม พร้อมเผยเทคนิคการฉีดโปรแกรม Pluryal อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ทีมแพทย์สามารถปรับใช้ในงานบริการดูแลผิวพรรณของผู้ใช้บริการได้อย่างแม่นยำและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

       

      Pluryal Exclusive Training
      Pluryal Exclusive Training

      Pluryal โปรแกรมเทคโนโลยีเพื่อความงามในทุกมิติงานผิว

       

      Pluryal Exclusive Training
      Pluryal Exclusive Training

      บรรยากาศภายในงานได้มีการนำเสนอโปรแกรม Pluryal ทั้ง 3 รุ่น ซึ่งได้รับการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวในแต่ละด้านได้อย่างครอบคลุมและตรงจุด ซึ่งโปรแกรม Pluryal เป็นฟิลเลอร์ที่พัฒนามาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจากยุโรป มีจุดเด่นในด้านการดูแลผิวพรรณและเส้นผมได้อย่างล้ำลึก นอกจากนี้โปรแกรม Pluryal ทั้ง 3 รุ่นนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ที่แตกต่างกัน โดยรายละเอียดดังนี้

       

      • Program Pluryal Densify

      โปรแกรมที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้า ยกกระชับ และลดเลือนริ้วรอย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ

      • Program Pluryal Silk

      โปรแกรมที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น เพิ่มความกระชับ เนียน เด้งและยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้กับผิว

      • Program Pluryal Hair Densify

      เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อลดปัญหาผมบางและผมร่วง ช่วยฟื้นฟูหนังศีรษะและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่

      • Program Pluryal Biosculpture

      โปรแกรมสำหรับแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหน้า พร้อมทั้งช่วยปรับรูปร่างของริมฝีปาก อีกทั้งยังสามารถเติมเต็มบริเวณใบหน้าให้กลับมาเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

      รมย์รวินท์คลินิกมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อผู้เข้ารับบริการทุกท่าน

       

      ภายในงานทีมแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกได้ให้ความสนใจอย่างล้นหลาม ทั้งร่วมฟังบรรยายและสอบถามข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคนิคการใช้งานโปรแกรม Pluryal เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดในการบริการดูแลผู้ใช้บริการทุกท่าน

       

      Pluryal Exclusive Training
      Pluryal Exclusive Training

       

      ทางรมย์รวินท์คลินิก ยังคงยึดมั่นในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดและความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้ใช้บริการทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี หรือผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้เข้ารับบริการทุกท่าน เพราะความงามของผู้เข้ารับบริการคือแรงบันดาลใจของเรา หากคุณกำลังมองหาการดูแลผิวพรรณและความงามในระดับพรีเมียม สามารถแวะเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ ได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

      Pluryal Exclusive Training
      Pluryal Exclusive Training

      เสือน้อยเอวา หน้าเด็ก หน้าแบ๊ว ซุปตาร์ตัวใหม่

      เสือน้อยเอวา หน้าแบ๊ว หน้าเด็ก แบบเสือน้อยเอวา

      เสือน้อยเอวา ซุปตาร์ตัวใหม่ อยากหน้าเด็ก หน้าแบ๊วแบบน้องเอวา ต้องทำยังไงนะ

      ขึ้นแท่นดาวดวงใหม่! ใครจะไปคิดว่าเสือโคร่งจะน่ารักได้ขนาดนี้ เมื่อทางเพจเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โพสต์ภาพความน่ารักของ “น้องเอวา” ลูกเสือโคร่งสตรอว์เบอร์รีสุดน่ารัก ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี กลายขวัญใจของชาวโซเชียลไปแล้ว ด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนลูกแมวเหมียว ทำให้ใคร ๆ ต่างก็หลงรัก จนลืมไปเลยว่านี่คือ เสือโคร่ง ซึ่งความน่ารักของน้องเอวาไม่ใช่แค่หน้าตาเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงนิสัยที่ขี้อ้อน ซุกซน ทำให้ทาสแมวทั้งหลายใจละลาย โดนตกกันแบบเต็ม ๆ ซึ่งหลายคนต่างก็พากันเข้ามาคอมเมนต์ และแชร์ภาพของน้องเอวากันอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์

      นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดเด่นของน้องเอวาที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ ความหน้าเด็ก หน้าแบ๊วที่ดูติดแกลม จนหลาย ๆ คนอิจฉา บวกกับความน่ารักของท่าทาง และผิวพรรณลูกคุณหนูที่เหมือนอาบน้ำวันละ 10 รอบ ทำเอาหลาย ๆ คนหลงรักกันไปตาม ๆ กัน แล้วอยากรู้กันไหมว่า เคล็ดลับหน้าเด็กแบบน้องเอวาคืออะไร? ทำอย่างไรให้หน้าเด็ก หน้าอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก มีคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว อย่าปล่อยให้น้องเอวาหน้าเด็กอยู่คนเดียว!!

      ไขความลับ หน้าเด็ก หน้าแบ๊วแบบน้องเอวา มีโปรแกรมอะไรบ้าง

      เสือน้อยเอวา
      หน้าแบ๊ว หน้าเด็ก แบบเสือน้อยเอวา

      ทำความรู้จักกับ “เสือน้อยเอวา”

      “น้องเอวา” เสือโคร่งสีทองสุดหายาก หรือ เสือโคร่งสตรอว์เบอร์รี เพศเมีย อายุ 3 ขวบ ซึ่งมีพี่สาวชื่อ พี่ลูน่า โดยความพิเศษของน้องเอวา คือ ขนสีส้มเข้มสดใส หน้าตาน่ารัก หน้าแบ๊ว ท่าทางซุกซน ขี้เล่นที่ไม่เหมือนเสือตัวไหน ๆ ซึ่งถือเป็นเสือโคร่งสีทองที่หาได้ยากมากในเสือโคร่งทั่วไป โดยสีขนนี้เกิดจากยีนด้อย ที่ทำหน้าที่ควบคุมสีขนบนร่างกาย คล้ายกับเสือโคร่งสีขาว แต่โอกาสที่จะเกิดเสือโคร่งสีทองในลักษณะแบบนี้ จะมีโอกาสเกิดได้ยากมาก มีเพียง 50 – 100 ตัวบนโลกเท่านั้น

      ซึ่งความโด่งดังของน้องเอวานั้น กลายเป็นขวัญใจของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีกันอย่างหนาแน่น เพื่อมาชมความน่ารักของน้องเอวาด้วยตาตัวเอง สำหรับใครที่อยากเห็น ความน่ารักสดใสของน้องเอวาแบบใกล้ชิดตัวจริงเสียงจริง สามารถแวะมาพบน้องได้ที่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โซนอาณาจักรเสือ (Tiger World) รับรองว่าจะไม่ผิดหวังกับความน่ารัก หน้าเด็กของน้องเอวาอย่างแน่นอน

      4 โปรแกรม หน้าเด็ก หน้าแบ๊ว แบบน้องเอวา

      Radiesse

      • Radiesse สารเติมเต็ม Biostimulator ที่ผลิตจากสาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ สร้างโครงตาข่ายสามมิติ (3D Matrix) ในชั้นผิวหนังแท้ ผ่านกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกาย ส่งผลให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน พร้อมเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสาร CaHA ใน Radiesse นั้น เป็นสารที่สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย หลังฉีดสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
      • ข้อดีของ Radiesse คือ ช่วยให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง กระชับ แน่น เด้ง อิ่มฟู และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น อีกทั้ง ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี อมชมพู มีเลือดฝาด
      • Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องปรับรูปหน้า มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และมีผิวหน้าหย่อนคล้อย โครงหน้ายุบจากชั้นกระดูก
      • หลังฉีด Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี

      Sculptra

      • Sculptra เป็นหัตถการที่อยู่ในกลุ่ม Biostimulator ซึ่งผลิตจากสาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวแรกของโลก ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ตั้งแต่ปี 1999 โดยสาร PLLA นั้น มีอนุภาคขนาดเล็กมาก เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว สารนี้จะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ผลิตคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่เสียไปตามอายุ ทำให้ผิวที่เคยหลวมกลับมาหนาแน่น อิ่มฟู และยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย
      • ข้อดีของ Sculptra คือ กระตุ้นคอลลาเจนได้มากถึง 66% ทำให้ผิวแน่น กระชับ อิ่มฟู และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
      • Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น และผู้ที่มีริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด
      • หลังฉีด Sculptra สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี

      Oligio

      • Oligio เทคโนโลยียกกระชับ พร้อมลดไขมันส่วนเกิน โดยใช้คลื่น Monopolar RF (Radio Frequency) ความถี่ 6.78 MHz ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้  และชั้นไขมัน ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ รวมถึง ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ชะลอความเสื่อมของผิวให้ดีขึ้น อีกทั้ง ยังมีระบบตรวจสอบอุณหภูมิผิว ในระหว่างทำได้อย่างแม่นยำ และระบบทำความเย็นอัจฉริยะ ที่ช่วยป้องกันผิวไหม้ ผิวเบิร์น หรือเกิดการระคายเคือง จึงมีความปลอดภัยสูง หลังทำเสร็จไม่ต้องมีการพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
      • ข้อดีของ Oligio คือ ช่วยให้ผิวแน่น ตึงกระชับ ใบหน้าเรียวเล็ก ริ้วรอยลดเลือนลง และกรอบหน้าชัดเจนมากขึ้น
      • Oligio เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ไม่กระชับ และผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน มีปัญหาคาง 2 ชั้น ต้องการมีรูปหน้าวีเชฟ 
      • หลังทำ Oligio สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 6 – 12 เดือน

      Ultherapy Prime

      • Ultherapy Prime เทคโนโลยียกกระชับผิว ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก เครื่อง Ulthera รุ่นก่อนหน้านี้ โดยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาที่สูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นถึง 20% มีหน้าจอคมชัดและใหญ่ขึ้นถึง 35% ทำให้มีความแม่นยำสูง ในการส่งพลังงานไปยังจุดที่ต้องทำการรักษา รวมถึง สามารถแสดงผลได้ดีกว่าเดิม ทำให้แพทย์เห็นโครงสร้างผิวได้อย่างชัดเจนขณะทำ โดย Ultherapy Prime ใช้พลังงานอัลตราซาวนด์แบบ Micro-Focused Ultrasound (MFUS) ที่มีความเข้มข้นสูงในการยกกระชับผิว ลงลึกถึงชั้น SMAS จึงทำให้เกิดความร้อนขึ้นแบบเฉพาะจุด สามารถยกกระชับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี พร้อมกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
      • ข้อดีของ Ultherapy Prime คือ ช่วยให้ผิวเฟิร์มกระชับ เต่งตึง ริ้วรอยลดเลือนลง ใบหน้าเรียวเล็ก ผิวแข็งแรงขึ้น หน้าเด็กลง
      • Ultherapy Prime เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อยมาก
      • หลังทำ Ultherapy Prime สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้น 

      สำหรับใครที่อยากมีหน้าเด็กแบบน้องเอวา ต้องห้ามพลาดกับ 4 โปรแกรมนี้ ทั้ง Radiesse Plus, Sculptra, Oligio และ Ultherapy Prime ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป แนะนำให้เข้ามาปรึกษาได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น โดยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์สภาพผิวหน้าของคุณ เพื่อเลือกโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ในการแก้ไขปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด หรือมีไขมันสะสม รับรองว่า ทำแล้วเตรียมมีหน้าเด็กแข่งกับน้องเอวาได้เลย

      รวมคำถามที่ต้องรู้เกี่ยวกับฉีดฟิลเลอร์

      คำถามที่ต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

      คำถามที่ต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ 

      ฟิลเลอร์ อีกหนึ่งตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจ สร้างมิติให้ใบหน้า พร้อมเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด ถือเป็นตัวช่วยที่สาว ๆ มักจะนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อต้องการมีผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ อิ่มฟู และดูสุขภาพดี แต่ก่อนจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ หลายคนอาจเกิดคำถามในใจว่า ฟิลเลอร์สามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง? แต่ละจุดควรฉีดกี่ CC? ฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน? ฉีดกี่วันถึงจะเข้าที่? แล้วมีผลข้างเคียงไหม? วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก จะมาไขข้อสงสัยทุกประเด็นเกี่ยวกับ การฉีดฟิลเลอร์ รวบรวมมาให้แล้วในบทความเดียว

       

      ถาม-ตอบ ทุกข้อสงสัย คำถามที่ต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

       

      คำถามที่ต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
      ฟิลเลอร์คืออะไร

       

      ฟิลเลอร์ คืออะไร?

      สารเติมเต็ม ไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) เป็นสารธรรมชาติที่ผลิตขึ้นมาเพื่อเลียนแบบสารในร่างกายของเรา มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้น คืนความยืดหยุ่นให้ผิวดูอิ่มฟู ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไป เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณไฮยาลูรอนิกในร่างกายก็จะลดลง ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยตามมา ซึ่งฟิลเลอร์มีความพิเศษ คือ สามารถทำงานได้กับทุกชั้นผิว จึงช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้าได้เป็นอย่างดี เช่น ร่องแก้ม คาง ขมับ ใต้ตา หรือริมฝีปาก นอกจากนี้ ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวฉ่ำวาว เรียบเนียน และดูชุ่มชื้น ที่สำคัญ ฟิลเลอร์สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในชั้นผิว จึงมีความปลอดภัยสูง

       

      ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท?

      • ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler) หรือที่เรารู้กันดีว่า ฟิลเลอร์ประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) เป็นสารเติมเต็มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เอง และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
      • ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent Filler) เป็นสารเติมเต็มที่ได้รับความนิยมรองลงมาจาก ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ แต่ไม่สามารถสลายได้ทั้งหมด เมื่อฉีดไปนาน ๆ อาจก่อให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรืออักเสบตามมาได้ ซึ่งฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว สามารถอยู่ได้นานถึง 2 – 5 ปี ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและชนิดของสาร เช่น CaHA (Calcium Hydroxyapatite), PLLA (Poly-L-lactic acid) หรือ Polyalkylimide
      • ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler) เป็นสารเติมเต็มที่ออกแบบมาให้คงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลานานหรืออาจตลอดชีวิต ไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ทำให้เกิดการตกค้างอยู่ในชั้นผิว เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน ซึ่งในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ประเภทนี้ ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย  เนื่องจากมีความเสี่ยงและอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาวได้

       

      ฉีดฟิลเลอร์ สามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง?

      การฉีดฟิลเลอร์ สามารถฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า ซึ่งขึ้นอยู่ว่า ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหน้าแบบไหน เช่น ริ้วรอยร่องตื้น ริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้า หรือฉีดงานผิว แต่สำหรับจุดที่นิยมฉีดฟิลเลอร์บ่อย ๆ มีดังนี้

      • ฟิลเลอร์ปาก
      • ฟิลเลอร์คาง
      • ฟิลเลอร์ใต้ตา
      • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
      • ฟิลเลอร์ขมับ
      • ฟิลเลอร์แก้มส้ม
      • ฟิลเลอร์แก้มตอบ
      • ฟิลเลอร์กรอบหน้า
      • ฟิลเลอร์หน้าผาก
      • ฟิลเลอร์งานผิว ฉีดทั่วใบหน้า

       

      ฟิลเลอร์แต่ละจุดใช้กี่ cc
      ฟิลเลอร์แต่ละจุดใช้กี่ cc

       

      แต่ละจุดควรฉีดฟิลเลอร์กี่ CC?

      การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุดของใบหน้าจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหน้า ความลึกของริ้วรอย และความต้องการของแต่ละคน โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำปริมาณในการฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละจุดที่ต้องการแก้ไข เช่น

      • ริมฝีปาก ใช้ฟิลเลอร์ 1 – 2 CC
      • คาง ใช้ฟิลเลอร์ 1 – 2 CC
      • หน้าผาก ใช้ฟิลเลอร์ 3 – 5 CC
      • แก้มส้ม ใช้ฟิลเลอร์ 2 – 4 CC
      • ใต้ตา ใช้ฟิลเลอร์ 1 – 3 CC
      • ร่องแก้ม ใช้ฟิลเลอร์ 2 – 4 CC
      • ขมับ ใช้ฟิลเลอร์ 2 – 4 CC

        

      ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนผ่านอย. ไทย?

      ปัจจุบัน ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย. มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อก็มีหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็เหมาะกับปัญหาผิวและบริเวณที่ฉีดแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้าให้คมชัด หรือฉีดงานผิวเติมความชุ่มชื้น ดังนั้น การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงความต้องการและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

      • Restylane ฟิลเลอร์นำเข้า สัญชาติประเทศสวีเดน
      • Juvederm ฟิลเลอร์นำเข้า สัญชาติประเทศสหรัฐอเมริกา
      • Belotero ฟิลเลอร์นำเข้า สัญชาติประเทศสวิตเซอร์แลนด์
      • Neauvia ฟิลเลอร์นำเข้า สัญชาติประเทศอิตาลี
      • Definisse ฟิลเลอร์นำเข้า สัญชาติประเทศอิตาลี
      • Art Filler ฟิลเลอร์นำเข้า สัญชาติประเทศฝรั่งเศส
      • Volifil ฟิลเลอร์นำเข้า สัญชาติประเทศเกาหลี

       

      ฉีดฟิลเลอร์ กี่วันเห็นผล?

      การฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ ซึ่งหลังจากนั้นอาจมีอาการบวมเล็กน้อย โดยอาการบวมหลังจากฉีดฟิลเลอร์จะค่อย ๆ หายไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีด ทั้งนี้ สามารถเห็นผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์แบบเต็มที่ ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ ในช่วงแรกแนะนำให้หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่เซตตัว อาจทำให้เกิดการเคลื่อนที่ได้ รวมถึงดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ดูอิ่มฟู ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ

       

      ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?

      การฉีดฟิลเลอร์ไม่เป็นอันตราย เนื่องจากฟิลเลอร์สามารถย่อยสลายเองได้ หากฉีดฟิลเลอร์แท้ เลือกยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและปลอดภัย ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ การเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์โดยเฉพาะก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดในแต่ละจุด รวมถึง เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงขั้นรุนแรงได้

       

      ฉีดฟิลเลอร์ เจ็บไหม?

      ก่อนเริ่มการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการแปะยาชาในบริเวณที่ฉีดก่อน ซึ่งยาชาจะออกฤทธิ์ทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ชาและลดความรู้สึกเจ็บลง โดยทั่วไป ยาชาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 15 – 20 นาที เมื่อยาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว แพทย์จึงจะเริ่มทำการฉีดฟิลเลอร์ตามจุดที่ต้องการ โดยจะรู้สึกเพียงแค่เจ็บจี๊ดเล็กน้อย ซึ่งเป็นความรู้สึกที่สามารถทนได้ และจะหายไปเองหลังจากการฉีดเสร็จสิ้น 

       

      ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน
      ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน

       

      ฉีดฟิลเลอร์ อยู่ได้นานแค่ไหน?

      การฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไปเฉลี่ย สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ยี่ห้อของฟิลเลอร์ รุ่นที่ใช้ และบริเวณที่ต้องการฉีด เช่น บริเวณริมฝีปาก ฟิลเลอร์อาจสลายตัวได้เร็วกว่าบริเวณอื่น ๆ เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวบ่อย

       

      ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

      • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์เบื้องต้น เช่น ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อ มีกี่รุ่น, ฟิลเลอร์ช่วยเรื่องไร, ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร และสามารถฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหนได้บ้าง
      • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตถูกต้อง มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์โดยเฉพาะ
      • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง โดยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์และประเมินสภาพผิวหน้า เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
      • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรแจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ยาที่รับประทานเป็นประจำ รวมถึง การตั้งครรภ์ให้แพทย์ทราบก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
      • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรแจ้งประวัติการทำหัตถการ ฉีดหน้าต่าง ๆ รวมถึงการทำศัลยกรรม ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
      • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดยากลุ่มต้านการอักเสบ รวมถึงอาหารเสริมบางชนิดที่ทำให้เลือดแข็งตัว ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำ
      • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 – 2 วัน เพื่อลดอาการบวมช้ำและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
      • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดทายาหรือครีมกลุ่มผลัดเซลล์ผิว รวมถึง ดึงหรือโกนขนบริเวณที่ต้องการฉีด

       

      หลังฉีดฟิลเลอร์ ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

      • หลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถประคบเย็นได้ เพื่อลดอาการบวมช้ำในบริเวณที่ฉีด โดยประคบอย่างเบามือ ไม่กดแรง
      • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดการนวด กด หรือบีบในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี อาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัวได้
      • หลังฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ กิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เนื่องจากจะทำให้ร่างกายร้อน เลือดสูบฉีดเร็วขึ้น ส่งผลให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่และเกิดการบวมช้ำได้ง่าย
      • หลังฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1 วัน
      • หลังฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงความร้อน อากาศร้อนจัด หรือเจอแสงแดดโดยตรง เช่น ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำและทำให้ฟิลเลอร์เซตตัวได้ดีขึ้น
      • หลังฉีดฟิลเลอร์ ดื่มน้ำให้มาก ๆ เนื่องจากการดื่มน้ำให้เพียงพอจะยิ่งทำให้ฟิลเลอร์ดูดซับน้ำได้มากขึ้น ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ดูอิ่มฟูและเป็นธรรมชาติ
      • หลังฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้บริเวณที่ฉีดฟื้นตัวช้าและอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้

       

      อาหารที่ต้องหลีกเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์
      อาหารที่ต้องหลีกเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์

       

      หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไร?

      หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลลัพธ์หลังฉีดและไม่ทำให้ฟิลเลอร์เกิดการอักเสบ โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรก ได้แก่

      • ปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ ที่ต้องนั่งหน้าเตานาน ๆ เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้าและสลายตัวเร็วได้
      • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการบวมแดงหลังฉีดฟิลเลอร์ได้
      • อาหารรสจัด ทั้งรสหวานจัด เค็มจัด หรือโซเดียมสูง เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการบวมและกระตุ้นการอักเสบได้ง่าย
      • อาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง เนื่องจากอาจมีแบคทีเรียที่ทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้
      • อาหารดิบ เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้

       

      ฉีดฟิลเลอร์ 1 กล่อง มีกี่ CC?

      โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ 1 กล่อง จะมีปริมาณ 1 CC เมื่อฉีดออกมาจะมีขนาดเทียบเท่าประมาณ 1 เหรียญบาท ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับ บริเวณที่ต้องการเติมเต็มริ้วรอย ร่องตื้น หรือปรับรูปทรง เช่น ร่องแก้มตื้น ริมฝีปากบาง หรือคาง หากต้องการเติมเต็มในบริเวณที่มีพื้นที่กว้าง พื้นที่ที่มีความลึก หรือมีปัญหาหลายจุด อาจต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 1 กล่อง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์

       

      ฉีดฟิลเลอร์ มีผลข้างเคียงไหม?

      ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ คือ รอยแดง รอยช้ำ ที่เกิดจากรอยเข็มบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระบม ฟกช้ำ เล็กน้อย แต่สามารถหายได้เอง ภายใน 2 – 3 วัน หากเกิดผลข้างเคียงที่ผิดปกติหรือรุนแรง เช่น แพ้ฟิลเลอร์ หน้าเบี้ยว หน้าผิดรูป ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ หลังจากฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

       

      ฉีดฟิลเลอร์แล้วบวม อันตรายไหม?

      การฉีดฟิลเลอร์แล้วบวมถือเป็นเรื่องปกติ โดยทั่วไปอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ จะค่อย ๆ ยุบลงและหายไปเอง ภายใน 7 – 14 วัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น บริเวณที่ฉีด หากฉีดในบริเวณที่ผิวบอบบาง อาจทำให้มีอาการบวมมากกว่าบริเวณอื่น รวมถึง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป หากฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากก็อาจมีโอกาสบวมมากกว่าฉีดฟิลเลอร์ปริมาณน้อย ซึ่งการประคบเย็นเบา ๆ จะสามารถลดอาการบวมและอาการปวดลงได้

       

      ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร

      ฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นอาการที่พบได้บ่อย สังเกตได้จากการสัมผัสในบริเวณที่ฉีด เวลาลูบแล้วเกิดผิวนูน ๆ ดูเป็นก้อนใต้ผิวหนัง เห็นได้ชัดเวลาแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ หรือพูดคุย ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่

      • ฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวไม่เท่ากัน เกิดการจับตัวเป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติได้
      • แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ หากฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคในการฉีดไม่ถูกต้อง อาจทำให้ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว จนส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนได้
      • เลือกเนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละรุ่นเหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้น หากเลือกฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความหนาแน่นสูงในจุดที่ผิวบอบบาง อาจทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนได้ง่ายกว่าฟิลเลอร์เนื้ออื่น ๆ
      • ฉีดฟิลเลอร์ปลอม ไม่ใช่ฟิลเลอร์แท้ที่ใช้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) เมื่อฉีดเข้าไปแล้วไม่สามารถสลายเองได้ ทำให้เวลาผ่านไปเกิดการจับตัวเป็นก้อน ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูปได้
      • มีอาการแพ้ฟิลเลอร์ ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านฟิลเลอร์ ทำให้เกิดการอักเสบและก้อนขึ้นมา

       

      อาการแพ้ฟิลเลอร์ เกิดจากอะไร?

      อาการแพ้ฟิลเลอร์ เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มีโอกาสพบน้อยมาก โดยเกิดจากปฏิกิริยาต่อต้านฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปหรือเกิดการติดเชื้อในบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจมาจากเทคนิคในการฉีดที่ไม่สะอาด เครื่องมือไม่ปลอดเชื้อ แพทย์ไม่มีความชำนาญ ทำให้เกิดการอักเสบ แดง บวม มีตุ่มนูน หรือมีอาการแพ้ต่าง ๆ ตามมา ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการฉีดสลาย แต่ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์แท้จาก ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) เท่านั้น ซึ่งอาการแพ้ที่เกิดขึ้นจะมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หายใจไม่ออก หรือหน้าบวม แนะนำให้หมั่นสังเกตอาการในช่วงแรก ๆ ไปจนถึงช่วง 1 เดือนหลังฉีด หากเกิดอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้เร็วที่สุด

       

      ฉีดสลายฟิลเลอร์ คืออะไร?

      การฉีดสลายฟิลเลอร์ เป็นการแก้ไขปัญหาการฉีดฟิลเลอร์แล้ว ให้ผลลัพธ์ไม่ตรงตามความต้องการ เช่น ฉีดแล้วเป็นก้อน ฉีดแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ซึ่งการฉีดสลายฟิลเลอร์ จะใช้สารที่เรียกว่า ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ในการสลายฟิลเลอร์ประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) โดยจะฉีดเข้าไปในบริเวณที่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน เพื่อทำลายโครงสร้างและลดการยึดเกาะของฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์ค่อย ๆ สลายตัวและถูกดูดซึมออกจากร่างกายไปในที่สุด

       

      ฉีดฟิลเลอร์ กับ ฉีดโบ สามารถทำพร้อมกันได้ไหม?

      การฉีดฟิลเลอร์และฉีดโบ สามารถทำควบคู่กันได้ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย เนื่องจากฟิลเลอร์และโบ ฉีดคนละชั้นผิวและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งการฉีดโบจะฉีดบริเวณชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อออกฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ทำให้ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าและลดขนาดกรามได้อย่างตรงจุด ส่วนฟิลเลอร์ สามารถฉีดได้ทั้ง ผิวหนังชั้นตื้น ผิวหนังชั้นใน หรือแม้แต่ชั้นกระดูก ซึ่งเป็นการเติมเต็มผิวหน้า ทดแทนคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ และแก้ไขโครงสร้างกระดูกที่เกิดการยุบตัว เมื่ออายุมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       

      ฉีดฟิลเลอร์ กับ Ulthera สามารถทำพร้อมกันได้ไหม?

      การฉีดฟิลเลอร์ และ Ultherapy สามารถทำควบคู่กันได้ แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ทำ Ultherapy ก่อน แล้วค่อยฉีดฟิลเลอร์ทีหลัง เนื่องจาก Ultherapyใช้คลื่นพลังงานอัลตราซาวนด์ (Focused Ultrasound) ในการปล่อยความร้อน เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิวลงลึกถึงชั้น SMAS ส่วนฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ในการปรับรูปหน้า เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ซึ่งไม่ควรโดนความร้อนทันทีหลังฉีด หากฉีดฟิลเลอร์ก่อน พลังงานจาก Ultherapy อาจไปรบกวนฟิลเลอร์ได้ ทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร

       

      เลือกฟิลเลอร์ยังไงให้ปลอดภัย
      เลือกฟิลเลอร์ยังไงให้ปลอดภัย

       

      เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างไรให้ปลอดภัย?

      • เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการ 11 หลัก อย่างถูกต้องตามกฎหมายจากกระทรวงสาธารณสุข
      • แพทย์มีความเชี่ยวชาญ มีใบประกอบวิชาชีพที่ถูกต้อง และมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ รวมถึง มีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างผิวหนังเป็นอย่างดี
      • ใช้ฟิลเลอร์แท้ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของแท้ โดยให้แพทย์แกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า
      • มีการนัดติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ว่า เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ หากมีปัญหาหรือเกิดผลข้างเคียงจุดไหน สามารถแก้ไขได้ทันที รวมถึง แพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำวิธีการในการดูแลตัวเองที่ถูกต้องหลังฉีดฟิลเลอร์
      • ราคาสมเหตุสมผล แนะนำให้เปรียบเทียบราคาหลาย ๆ คลินิก แต่ไม่ควรเลือกคลินิกที่มีราคาถูกจนเกินไป เพราะอาจมีความเสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะเป็นของปลอมได้
      • รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ทั้งรูปภาพ วิดีโอ และอ่านความคิดเห็น จะทำให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายและได้เห็นผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดว่า ตอบโจทย์ความต้องการหรือไม่

       

      จะเห็นได้ว่า การฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่มีความละเอียดอ่อน และมีความซับซ้อนมากกว่าที่คิด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นก่อน จากนั้นปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับการ ฉีดฟิลเลอร์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและออกแบบรูปหน้าที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด สำหรับใครที่มีข้อสงสัยหรือยังเลือกไม่ได้ว่าควรฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน รุ่นอะไรดี สามารถเข้ามาปรึกษากับทาง รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา ยินดีให้บริการและพร้อมดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเติมเต็มผิว ปรับรูปหน้า ให้คุณดูดีทุกมิติ

      ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน อันตรายไหม แก้ไขได้อย่างไร

      ฟิลเลอร์เป็นก้อน

      อุทาหรณ์! ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีวิธีแก้อย่างไร?

      กระแสความนิยมในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยใต้ตา เบ้าตาลึก หรือถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าทรุดโทรม ไม่สดใส กำลังมาแรงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น แต่กลับกลายเป็นประเด็นที่กำลังถูกพูดถึงในช่วงนี้ เนื่องจากมีหลายคนไปฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาแล้วเป็นก้อน เจอฟิลเลอร์ไม่ได้คุณภาพ ราคาถูก แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดตำแหน่ง จนทำให้เกิดเป็นก้อนบวมบริเวณใต้ตา หากปล่อยไว้นาน อาจเสี่ยงติดเชื้อและก่อให้เกิดอันตรายได้ ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน

       

      ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน คืออะไร?

      ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีลักษณะเป็นก้อนนูน ๆ ขึ้นมาบริเวณใต้ตา สามารถเห็นได้ชัดเวลาที่แสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม พูดคุย หรือหัวเราะ ซึ่งอาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณมากเกินไป เทคนิคในการฉีดที่ไม่ถูกต้อง หรือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติหรือเกิดการอักเสบได้ ซึ่งนอกจาก ก้อนนูนบริเวณใต้ตาแล้ว หากมีอาการแดง รู้สึกเจ็บ หรือก้อนเริ่มขยายใหญ่ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการแก้ไขทันที

       

      ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเกิดจากอะไร
      ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเกิดจากอะไร

      ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดจากอะไร

      • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปริมาณมากเกินไป การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินความพอดี อาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่สามารถกระจายตัวอย่างทั่วถึง จนเกิดการจับตัวเป็นก้อนได้
      • เลือกเนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์มีให้เลือกหลายยี่ห้อและหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นก็เหมาะกับบริเวณที่ฉีดแตกต่างกัน หากเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็ง มีความหนาแน่นและคงตัวสูง แล้วนำมาฉีดบริเวณที่ผิวบอบบางอย่าง ใต้ตา อาจทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้
      • เทคนิคในการฉีดไม่ถูกต้อง ฉีดฟิลเลอร์ไม่ตรงชั้นผิว เช่น ฉีดเข้าไปที่ชั้นกล้ามเนื้อ ฉีดเข้าไปที่ชั้นตื้น อาจทำให้ฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งอื่นและกลายเป็นก้อนใต้ตาได้
      • ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรองรับความปลอดภัยจาก อย. อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอม มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วก่อให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และเกิดเป็นก้อนบริเวณใต้ตาได้
      • สภาพผิวหน้าไม่เหมาะสม เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากมีผิวใต้ตาบางมาก อาจทำให้เห็นฟิลเลอร์ได้ชัดเจนและจับตัวเป็นก้อนได้ง่าย รวมถึง หากมีกล้ามเนื้อบริเวณหัวตาแข็งแรง จนทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ฉีดเข้าไปถูกดันและเคลื่อนที่ จนเกิดเป็นก้อนได้ แม้ว่าจะใช้เทคนิคในการฉีดที่ถูกต้องก็ตาม
      • แพทย์ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือไม่มีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างผิว ทำให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ตรงจุด รวมถึง เลือกเนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข ทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนอย่างเห็นได้ชัด

       

      อุทาหรณ์ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
      อุทาหรณ์ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน

      ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีวิธีแก้อย่างไร

      • ฉีดสลายฟิลเลอร์

      เบื้องต้นหากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ต้องพิจารณาก่อนว่า ฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นของแท้หรือไม่ หากเป็นฟิลเลอร์ประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) สามารถให้แพทย์ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ซึ่งการฉีดสลายฟิลเลอร์จะช่วยแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วบวม หรือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วผิวไม่เรียบเนียน โดยใช้สารไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) ฉีดเข้าไปบริเวณที่เป็นก้อน เพื่อทำปฏิกิริยากับโมเลกุลของฟิลเลอร์ ทำให้เกิดการสลายตัว

      •  ขูดฟิลเลอร์

      เป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าไปในใต้ตาแล้วเกิดปัญหาฟิลเลอร์อักเสบ ฟิลเลอร์เป็นก้อน ซึ่ง แพทย์จะทำการขูดฟิลเลอร์ออก แต่ไม่สามารถขูดได้หมด 100% อาจทำให้ฟิลเลอร์ยังคงตกค้างอยู่ในผิว

      • ผ่าตัด

      การผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ออก เป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ ประเภทซิลิโคนเหลว เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อนขนาดใหญ่และแข็ง รวมถึง ฟิลเลอร์เกาะติดกับเนื้อเยื่อ จนเกิดเป็นพังผืด ไม่สามารถขูดฟิลเลอร์ออกได้ ซึ่งการผ่าตัดมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือความเสี่ยงเกี่ยวกับเส้นประสาท จึงควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจผ่าตัด

       

      วิธีป้องกันไม่ให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน

      • เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือและได้มาตรฐานเท่านั้น ห้ามฉีดกับคลินิกเถื่อนเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือใบหน้าผิดรูปได้
      • เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ แพทย์ต้องมีประสบการณ์และมีความเข้าใจโครงสร้างชั้นผิวเป็นอย่างดี
      • ศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รวมถึง แจ้งประวัติการแพ้ยา สภาพผิว และความต้องการให้แพทย์ทราบ เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงในการเกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
      • เลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสม โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะเป็นผู้วิเคราะห์สภาพผิวหน้าและเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณใต้ตา ลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
      • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดในบริเวณที่ฉีด งดแต่งหน้าในวันแรก รวมถึง หลีกเลี่ยงความร้อนและงดกิจกรรมที่ต้องเจอแสงแดดแรง ๆ  
      • สังเกตอาการหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง อักเสบ หรือฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

       

      การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือเป็นหัตถการที่ค่อนข้างยาก ต้องอาศัยเทคนิคให้การฉีดและประสบการณ์ของแพทย์เป็นหลัก เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นไปได้อย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนนูนบริเวณใต้ตา แต่สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจว่า จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์กับทาง รมย์รวินท์คลินิก  เราพร้อมให้บริการ ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์โดยตรง จากบริษัทที่นำเข้าฟิลเลอร์โดยเฉพาะ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า จะได้รับการดูแลอย่างดีและผลลัพธ์ที่ได้ตรงตามความต้องการ หมดต้องกังวลเรื่องฉีดฟิลเลอร์แล้วจะเกิดก้อนนูนบริเวณใต้ตาได้เลย

       

      RADIESSE PLUS ทำปุ๊บ หล่อปั๊บ กรอบหน้าชัด คมเข้ม

      Radiesse plus

      ทำปุ๊บ หล่อปั๊บ กรอบหน้าชัด คมเข้มด้วย RADIESSE PLUS

       

      เห็นผลงานของคุณแจ็ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรพา มามากมายไม่ว่าจะเป็นทั้ง เอ็มวีเพลง ละคร ซีรีส์อีกมากมาย และที่เพิ่งจบไปหมาดๆ กับซีรีส์เรื่องสืบสันดานที่ฮิตไปทั่วบ้าน ทั่วเมือง และล่าสุดคุณแจ็คยังมีผลงานมาให้เราได้ติดตามกันอีก นั่นก็คือผลงานการสร้างกรอบหน้าให้คมชัดด้วย RADIESSE PLUS ของคุณแจ็ค ที่รมย์รวินท์คลินิกไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะออกมาเริ่ดขนาดไหน! 

       

      ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าอายุน้อยอยู่ยังไม่จำเป็นต้องดูแลตัวเอง แค่ทาครีมบำรุงผิวก็ได้ แต่พออายุเริ่มแตะที่เลข 3 ก็รู้สึกได้เลยครับว่าหน้าเราเริ่มหย่อนคล้อยแล้ว เห็นผมลุคแบดๆ แบบนี้ผมก็ดูแลตัวเองเหมือนกันนะครับ ทั้งออกกำลังกาย เลือกกินอาหาร แต่เรื่องผิวหน้ายอมรับเลยว่าดูแลได้ไม่มากพอ ผมเลยมองหาตัวช่วยให้ผมดูดีขึ้น อย่างคนรอบๆ ตัวผม ทั้งเพื่อน คนรู้จักก็แนะนำให้มาดูแลตัวเองที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละครับ 

       

      ผมได้เข้ามาปรึกษาคุณหมอริว (นพ.อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน) ที่รมย์รวินท์คลินิก คุณหมอช่วยวิเคราะห์ใบหน้าให้ผมด้วยเทคนิคที่มีชื่อว่า Lifting Select เป็นการปรับทุกมิติของใบหน้าของเราให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความหย่อนคล้อย ปัญหาเรื่องริ้วรอยร่องลึก และยังช่วยเรื่องการปรับคุณภาพของผิวเราโดยผ่าน 3 เฟรมเวิร์กที่คิดค้นและออกแบบจากประสบการณ์ของทีมแพทย์จากรมย์รวินท์คลินิก ไม่ว่าจะเป็น

      • Frame Selection แก้ไขและปรับโครงหน้าและชั้นผิวให้กลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
      • Light & Shadow Me เพิ่มมิติให้ใบหน้ามีความคมชัด ใบหน้าเล่นแสงเงาได้มากกว่าที่เคย
      • Conceal Selection ปรับผิวให้เนียนละเอียด เผยผิวได้อย่างมั่นใจเพราะไม่มีปัญหาที่ต้องปกปิด 

       

      Radiesse Plus
      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

       

      คุณหมอริววิเคราะห์และประเมินปัญหาผิวหน้าและเลือก RADIESSE PLUS ให้ผมครับ คุณหมอริวบอกว่า RADIESSE PLUS นอกจากจะแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้แล้ว ยังช่วยปรับโครงสร้างหน้าของเราให้มีมิติมากยิ่งขึ้น กรอบหน้าคมชัดมากยิ่งขึ้นด้วย โดยคุณหมอเลือกฉีดบริเวณโหนกแก้มเพื่อช่วยในการยกกระชับผิว และยังเพิ่มมิติให้ใบหน้า และฉีด RADIESSE PLUS บริเวณกรอบหน้า หรือ jawline เพิ่มความคมชัดของกรอบหน้า และคุณหมอริวยังบอกอีกว่า RADIESSE ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนแน่นกระชับ อิ่มฟูขึ้น และช่วยลดริ้วรอย เติมเต็มร่องลึกให้ดูอ่อนเยาว์อีกด้วย และยังใ้ห้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 24 เดือนด้วยนะครับ

       

      Radiesse Plus
      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

       

      หลังทำเสร็จบอกได้คำเดียวเลย คมชัดมากกกก RADIESSE PLUS ช่วยยกกระชับ สร้างกรอบหน้าของผมให้คมชัดมากกว่าเดิม เห็นสันกรามของผมมั้ยครับ มันชัดมากขึ้นอ่ะ พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มากครับ เพราะมันสัมผัสได้จริง เห็นได้ด้วยตาจริงๆ ตอนทำคุณหมอก็แนะนำได้ตรงจุดตามความต้องการที่เราต้องการอยากจะแก้ไขจริงๆ ครับ ใครที่ต้องการสร้างกรอบหน้าให้คมชัดดูมีมิติ คมเข้มมากขึ้นแบบผมต้องมาลอง RADIESSE PLUS ที่รมย์รวินท์คลินิกเลยครับ ผมบอกเลยว่ามันดีมาก คุ้มค่ามากจริงๆ ครับ 

       

      RADIESSE PLUS คืออะไรช่วยให้ผิวยก กรอบชัดได้อย่างไร

      RADIESSE PLUS คือ biostimulator ที่มีสารประกอบจากธรรมชาติ ซึ่งก็คือ Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่ง CaHA เป็นสารประกอบที่มีอยู่แล้วในร่างกาย จึงไม่เกิดการต่อต้าน อักเสบ หรือบวม โดย RADIESSE PLUS ถูกพัฒนามาจาก RADIESSE รุ่นเดิมก็คือการเพิ่มส่วนประกอบของ Lidocaine ซึ่งทำหน้าที่เป็นยาชาช่วยลดความเจ็บปวดขณะฉีด โดย RADIESSE PLUS ช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิว และสร้างกรอบหน้า เพิ่มมิติให้ใบหน้ามีความคมชัดบริเวณกรอบหน้า โหนกแก้ม สันกราม ช่วยให้ทรงหน้ามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน 24 เดือน และ RADIESSE PLUS ยังได้รับการรับรองจาก US FDA ด้านการฉีดสร้างกรอบหน้า และเติมเต็มโครงสร้างผิว นอกจากนั้นยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากยุโรป และอย.ไทยอีกด้วย ทำให้สวยได้อย่างปลอดภัย

      • RADIESSE PLUS LIFTING ยกกระชับโครงหน้าให้ชัด สร้างมิติให้ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณกราม คาง โหนกแก้มให้ดูคมชัดมากยิ่งขึ้น และยังกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน แน่นเฟิร์ม ยกกระชับมากขึ้น  
      • RADIESSE PLUS CONTURING สร้างกรอบหน้าให้พุ่ง คม มีมิติ ด้วยการสร้างเส้น Z line Lift & Contour ลากตัดขอบที่ Cheek bone & Jawline ด้วยสารเติมเต็มที่มาจากธรรมชาติช่วยเสริมหน้าให้ดูเรียวเล็ก ปรับโครงสร้างหน้าให้คมชัดมากยิ่งขึ้น
      • RADIESSE PLUS NOW & LONG AFTER สร้างโครงหน้า ยกกระชับผิวให้ตึงกระชับด้วย biostimulator ทำให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น มอบความอิ่มฟูให้ผิว เติมร่องลึกตื้นขึ้น ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ให้ผลลัพธ์นานถึง 2 ปี

       

      Radiesse plus
      ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

       

      RADIESSE PLUS ฉีดบริเวณใดบ้าง

      • RADIESSE PLUS ฉีดบริเวณกรอบหน้า ลิฟกรอบหน้าให้ยกกระชับ หน้าเรียว
      • RADIESSE PLUS ฉีดบริเวณโหนก ยกผิวให้กระชับดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
      • RADIESSE PLUS ฉีดบริเวณคางเพิ่มมิติให้คาง แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด
      • RADIESSE PLUS ฉีดบริเวณสันกรามให้มีความคมชัด เพิ่มมิติให้ใบหน้า  
      • RADIESSE PLUS ฉีดบริเวณร่องแก้มเติมเต็มร่องริ้วรอยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์  

       

      ทำไมต้องฉีด RADIESSE PLUS 

      • RADIESSE PLUS ช่วยสร้างและปรับโครงหน้าให้คมชัดมากยิ่งขึ้น
      • RADIESSE PLUS ช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูเฉี่ยวคม
      • RADIESSE PLUS ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง สุขภาพดี
      • RADIESSE PLUS ช่วยเติมเต็มจุดทรุดของใบหน้าให้ดูอิ่มฟู
      • RADIESSE PLUS ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก ให้ผิวอ่อนเยาว์
      • RADIESSE PLUS ให้ผลลัพธ์ความดูดี อ่อนเยาว์ กรอบหน้าคมชัด มีมิติได้ยาวนานถึง 24 เดือน 

       

      มีปัญหาผิวหน้า หรืออยากปรึกษาปัญหาเพื่อแก้ไขได้อย่างตรงจุด แนะนำให้มาที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ที่นี่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านเรื่องความงามรอให้คำปรึกษารอคุณอยู่ค่ะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น

      ฉีดโบหางตา ช่วยอะไรบ้าง ดียังไง ตาแข็งจริงไหม

      โบหางตา แก้ปัญหาริ้วรอยโดยไม่ต้องผ่าตัด

      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





        วันที่สะดวกในการติดต่อ








        ฉีดโบหางตา แก้ปัญหาริ้วรอยหางตา เห็นผลลัพธ์ชัดเจน แบบไม่ต้องผ่าตัด

        ปัญหาริ้วรอยรอบบริเวณดวงตา และริ้วรอยหางตา เป็นปัญหาที่ใครหลายคนต้องเจอเมื่อมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในบางกรณีมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วย ยิ่งทำให้ใบหน้าดุ และใบหน้าดูมีอายุมากกว่าเดิม ซึ่งวิธีแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาและหางตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “การฉีดโบหางตา” เป็นหัตถการที่ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เกิดการคลายตัวชั่วคราว ช่วยรักษาริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา รวมไปถึงริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา และริ้วรอยหางตา ซึ่งเห็นผลลัพธ์ภายใน 5-7 วัน 

         

        ในบทความนี้จะมาแนะนำเรื่องของการฉีดโบหางตา เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากยกหางตา แก้ปัญหาริ้วรอย พร้อมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการฉีดโบหางตาทั้งหมด ที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้ก่อนฉีด

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอยรอบดวงตา แก้ตาตก เห็นผลลัพธ์ชัดเจน 

         

        ฉีดโบหางตา ยกหางตา ลดริ้วรอย คืออะไร?

         

        การฉีดโบหางตา เป็นหัตถการที่ใช้สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อในการลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา โดยเฉพาะรอยหางตาและริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเมื่ออายุมากขึ้น สารของโบจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้ริ้วรอยลดลงและผิวดูเรียบตึงขึ้น 

         

        ริ้วรอยหางาเกิดจากอะไร
        ริ้วรอยหางาเกิดจากอะไร

         

        ริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา รอยหางตา เกิดจากอะไร?

        สาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา มาจากคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิกในผิวนั้นลดลง และสารต้านอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวเริ่มเสื่อมและหย่อนคล้อยลง ซึ่งเกิดจากการสะสมของน้ำและไขมันที่มากขึ้น

         

        ปัญหาริ้วรอยหางตา ริ้วรอยรอบดวงตา อาจไม่ได้เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเดียว แต่อาจเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น พฤติกรรมที่ชอบขยี้ตาแรง ๆ  การแสดงอารมณ์ทางสีหน้า รวมไปถึงผิวหนังที่ถูกทำลายด้วยแสงแดดและการสูบบุหรี่

         

        นอกจากนี้ การระคายเคืองของผิวหนังรอบดวงตา อาการภูมิแพ้จากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ล้วนแต่จะมีส่วนที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตาได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ในกรณีที่มีริ้วรอยรอบดวงตาที่เกิดจากการทรุดตัวของกระดูก จนทำให้มองเห็นเบ้าตาลึก ตาโหล มีร่องใต้ตา ซึ่งปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบหางตาอย่างเดียว จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อเข้าไปช่วยปรับใบหน้าโดยรวม ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ 

         

         

        โบหางตา ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร?

         

        เมื่อฉีดโบหางตา แพทย์จะทำการฉีดตัวยาเข้าไปสู่บริเวณกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการ โดยตัวยาแยกออกเป็น 2 ส่วน

        1. ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาท เป็นส่วนที่จะเข้าไปออกฤทธิ์กับระบบประสาท
        2. ส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม เป็นส่วนที่ไปตามกระแสของเลือด และถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ ในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังฉีดโบ

         

        เมื่อฉีดโบหางตา ส่วนของตัวยาที่ถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์ประสาท โดยจะเข้าไปออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ทำงาน ทำให้ไม่มีการดึงรั้งผิวหนังชั้นบนให้ย่นหรือพับ ช่วยลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นการฉีดโบหางตาตั้งแต่อายุน้อย จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ไม่เกิดรอยพับ หรือรอยย่น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่าคนที่ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ในตอนที่อายุเยอะแล้ว

         

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ฉีดตำแหน่งไหน?

         

        ตำแหน่งในการฉีดโบหางตา ในแต่ละบุคคลนั้นอาจจะไม่เหมือนกัน เนื่องจากในแต่ละบุคคลมีลักษณะปัญหาที่แตกต่างกัน แพทย์จะทำการประเมินเบื้องต้นก่อน ถึงจะกำหนดตำแหน่งของการฉีดโบหางตาได้ โดยทั่วไปตำแหน่งที่ฉีดหลัก ๆ ดังนี้

        1. บริเวณหางตา : จุดฉีดโบหางตาสำหรับลดริ้วรอยหางตา ลดรอยพับหางตา
        2. บริเวณหน้าผาก : จุดฉีดโบหน้าผากสำหรับลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
        3. บริเวณระหว่างคิ้ว : จุดฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว

        สำหรับกรณีที่มีปัญหาหางตาตก หางคิ้วตก แพทย์จะทำการฉีดโบคลายกล้ามเนื้อทั้ง 3 บริเวณให้ทำงานน้อยลง เพื่อจำกัดพื้นที่ตรงกลางระหว่างกล้ามเนื้อหน้าผาก และกล้ามเนื้อตา ซึ่งการฉีดโบเพื่อล็อกพื้นที่ทั้ง 3 บริเวณนี้ จำเป็นต้องฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น

         

        โบหางตา ช่วยอะไร
        โบหางตา ช่วยอะไร

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ช่วยอะไร?

        • ฉีดโบหางตา ช่วยลดริ้วรอยย่นใต้ตา และบริเวณหางตา
        • ฉีดโบหางตา ช่วยให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น ใบหน้าสดใสกว่าเดิม
        • ฉีดโบหางตา ปรับรูปทรงตาให้ดูเฉี่ยว
        • ฉีดโบหางตา ช่วยยกหางตาตก แก้ปัญหาตาตก
        • ฉีดโบหางตา ช่วยปรับโหงวเฮ้งให้ดูดีขึ้น

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับใคร?

        • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาหนังตาตก ผิวบริเวณดวงตาหย่อนคล้อย 
        • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา 
        • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใต้ตา
        • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับใบหน้าให้สดใสมากขึ้น
        • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจเวลาแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ 

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร?

        • ฉีดโบหางตาแก้ ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และมีความปลอดภัยสูง
        • ฉีดโบหางตา ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
        • ฉีดโบหางตา สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าให้อ่อนเยาว์ขึ้น
        • ฉีดโบหางตา สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว

         

        ข้อเสียของการฉีดโบหางตา

        • ฉีดโบหางตา ผลลัพธ์อยู่ไม่ถาวร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบหางตาที่เลือกใช้
        • การฉีดโบหางตา หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ หรือแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดผลข้างเคียง หรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี?

        การเลือกโบยกหางตา ลดริ้วรอย เป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากมีหลายยี่ห้อที่มีคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน โดยในปัจจุบันมีโบยกหางตาที่ได้รับการรับรองจากอย.ไทยมากมาย เช่น Allergan, Dysport, Nabota และ Aestox เป็นต้น ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้แตกต่างกันไป ดังนี้

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Allergan (โบสหรัฐอเมริกา)

         

        Allergan เป็นบริษัทต้นตำรับของโบลดริ้วรอย ที่มีงานวิจัยรองรับยาวนานที่สุด กว่า 3,500 งานวิจัย ตั้งแต่ปี 1989 เป็นโบลดริ้วรอยที่ผ่านการพัฒนา เพื่อลดโอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อยที่สุด ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดดีที่สุดเมื่อเทียบกับโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น 

        จุดเด่นของโบหางตา ลดริ้วรอย Allergan ให้ผลลัพธ์การรักษาที่แม่นยำที่สุด ยากระจายตัวแคบที่สุด ทำให้แพทย์สามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Dysport (โบอังกฤษ)

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย จากประเทศอังกฤษ ที่เน้นการพัฒนาตัวยาเพื่อลดโอกาสในการดื้อโบลดริ้วรอยน้อยลง และช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น จุดเด่นของโบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Dysport คือ ทำให้ตัวยากระจายตัวได้อย่างทั่วถึง ยามีความกระจายตัว

         

        ซึ่งโบหางตายี่ห้อ Dysport มีโมเลกุลที่เล็กกว่าโบหางตาบางยี่ห้อ ทำให้สามารถกระจายตัวได้กว้างและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวบริเวณหางตา และลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Aestox (โบเกาหลี)

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย จากประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐาน อย.เกาหลี (KFDA) มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% จุดเด่นของโบหางตา ลดริ้วรอยยี่ห้อ Aestox คือ ผลลัพธ์จะมีความเป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับกลุ่มโบยี่ห้ออื่น ๆ จากประเทศเกาหลี เมื่อฉีดโบหางตา ลดริ้วรอยต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์การฉีดครั้งต่อไปอยู่ได้นานมากขึ้น

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Xeomin (โบเยอรมัน)

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย จากประเทศเยอรมนี ที่พัฒนาเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน โดยคุณสมบัติต่าง ๆ นั้น จะอยู่กึ่งกลางระหว่างสหรัฐอเมริกากับอังกฤษ คือมีความบริสุทธิ์สูง ตัวยากระจายตัวกว้าง ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่แสดงว่าโบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Xeomin ได้ผลลัพธ์ดีในเคสที่ดื้อโบลดริ้วรอย ซึ่งเคสนั้นต้องหยุดการฉีดโบมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Nabota (โบเกาหลี)

         

        โบหางตา ลดริ้วรอย จากประเทศเกาหลี เป็นโบยี่ห้อแรกและยี่ห้อเดียว ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USFDA) และอย. ไทย มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% ทำให้มีความปลอดภัยและลดโอกาสในการดื้อยา ซึ่งโบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Nabota มีคุณสมบัติเด่นในการลดริ้วรอยรอบดวงตาและหางตาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 3-7 วันหลังการฉีด และผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 14 วัน

         

        เตรียมตัวก่อนฉีดโบหางตา
        เตรียมตัวก่อนฉีดโบหางตา

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย เตรียมตัวก่อนฉีดอย่างไร?

        • ก่อนฉีดโบหางตา งดสครับใบหน้าและขัดหน้า เป็นเวลา 2-3 วัน
        • ก่อนฉีดโบหางตา หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 3-7 วัน
        • ก่อนฉีดโบหางตา งดทานยา หรืออาหารเสริม ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 2-3 วัน
        • ก่อนฉีดโบหางตา งดยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ประมาณ 1 สัปดาห์
        • ก่อนฉีดโบหางตา หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่รับประทานประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
        • ก่อนฉีดโบหางตา หากมีคอร์สทำหน้า ควรทำก่อนฉีด เพราะหากทำหลังฉีดจะต้องรออีก 2 สัปดาห์
        • ก่อนฉีดโบหางตา ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับโบแท้ และควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน

         

        ขั้นตอนการฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย

         

        • ก่อนฉีดโบหางตา ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินรูปหน้า สภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล
        • แพทย์จะเลือกยี่ห้อของโบหางตา ลดริ้วรอย ให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
        • แพทย์จะเริ่มฉีดโบหางตาในตำแหน่งที่ต้องการรักษา โดยใช้ระยะเวลา 30 นาทีโดยประมาณ
        • หลังจากแพทย์ฉีดโบหางตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
        • แพทย์จะแนะนำข้อควรปฏิบัติตัวดูแลตัวเองหลังฉีดโบหางตา ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานที่สุด

         

        การดูแลตัวเองหลังฉีดโบหางตา
        การดูแลตัวเองหลังฉีดโบหางตา

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไร?

        หลังฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย การปฏิบัติดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้โบออกฤทธิ์ได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ คงผลลัพธ์การรักษาได้นาน โดยมีแนวทางปฏิบัติดูแลตัวเองหลังฉีด ดังนี้

         

        หลังฉีดโบหางตา 3 ชั่วโมง

        • หลังฉีดโบหางตา ไม่ควรประคบเย็น เนื่องจากจะขัดขวางตัวยาเข้าเซลล์ประสาท
        • หลังฉีดโบหางตา ไม่ควรนอนราบ รวมถึงไม่ควรก้มต่ำกว่าระดับหัวใจ
        • หลังฉีดโบหางตา ไม่ควรจับ ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด 

         

        หลังฉีดโบหางตา 24 ชั่วโมง

        • หลังฉีดโบหางตา สามารถทาครีมบำรุงผิวทับบริเวณเข็ม และสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ

         

        หลังฉีดโบหางตา 48 ชั่วโมง

        • หลังฉีดโบหางตา ควรหลีกเลี่ยงอาหารและความร้อน เช่น การอบซาวน่า การทานชาบู การทานปิ้งย่าง

         

        หลังฉีดโบหางตา 2-3 วัน

        • เริ่มเห็นผลลัพธ์จากการฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย
        • หลังฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย สามารถเกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดหัว คอแห้ง ซึ่งจะหายได้เองใน 2สัปดาห์

         

        หลังฉีดโบหางตา 7-10 วัน

        • หลังฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย อาจมีรอยเขียวช้ำหลงเหลืออยู่บ้าง จะค่อย ๆ หายได้เองใน 14 วัน และไม่ควรประคบร้อน

         

        หลังฉีดโบหางตา 14 วัน

        • เห็นผลลัพธ์จากการฉีดโบหางตา ลดริ้วรอยชัดเจนมากขึ้น
        • หลังฉีดโบหางตา สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ
        • หลังฉีดโบหางตา ควรหลีกเลี่ยงการยิงเลเซอร์ ทำยกกระชับใบหน้า RF
        • หลังฉีดโบหางตา ควรฉีดต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ฉีดโบถี่จนเกินไป

         

        ฉีดโบหางตา ยกหางตา กับวิธียกหางตาอื่น ๆ

         

        ปัญหาหางตาตก ริ้วรอยเยอะ นอกจากแก้ไขด้วยการฉีดโบยกหางตาแล้ว ยังมีวิธีทางการแพทย์อื่น ๆ ที่ช่วยยกหางตา แก้ปัญหาหางตาตกได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าวิธีไหนเหมาะสม แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยวิธียกหางตาอื่น ๆ มีดังนี้

         

        • Ultraformer lll และ Ulthera SPT ยกกระชับผิวรอบดวงตาด้วยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ยกคิ้ว ยกหางตา เหมาะสำหรับผู้ที่หางตาตกไม่มาก
        • Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีกระชับผิวด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) รุ่นที่พัฒนาล่าสุด ที่สามารถส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ โดยอุปกรณ์จะปล่อยคลื่น RF ผ่านหัวทรีตเมนต์ลงสู่ผิวหนังชั้นลึก ความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมหดตัว พร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง
        • ร้อยไหมยกหางตา ช่วยให้หางตายกขึ้นทันทีหลังทำ เหมาะกับคนที่หางตาตกมาก และหนังตาหย่อนคล้อยจนชั้นตาปิด วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ดีเทียบเท่ากับการผ่าตัด แต่ใช้เวลาทำน้อยกว่า และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
        • ผ่าตัดยกหางตา ช่วยปรับรูปตา ยกหางตาให้สูงขึ้น เป็นวิธีที่สามารถกำหนดระดับความสูงของหางตาได้เท่าที่ต้องการ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกมาก หลังทำต้องใช้เวลาในการพักฟื้น

         

        ฉีดโบหางตา ที่ไหนดี
        ฉีดโบหางตา ที่ไหนดี

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ที่ไหนดี?

        1. ฉีดโบหางตากับคลินิกที่ได้มาตรฐาน  ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข  มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก
        2. คลินิกควรตั้งอยู่ในทำเลที่ปลอดภัย สะอาด และกว้างขวาง เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์
        3. ฉีดกับแพทย์ที่มีใบรับรอง สามารถนำชื่อ-นามสกุล เข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของแพทยสภาได้ และควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ฉีดโบหางตามาก่อน
        4. ใช้โบหางตาแท้เท่านั้น ควรศึกษาวิธีดูโบหางตาแท้เบื้องต้น 
        5. ดูรีวิวฉีดโบหางตาจากผู้ที่เคยใช้บริการจริง ในแหล่งที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย กับคำถามพบบ่อย

        คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ โบหางตา
        คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ โบหางตา

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย เจ็บไหม?

        • การฉีดโบหางตา เป็นหัตถการไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวล จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยแบบอดทนได้ ในกรณีที่กลัวเจ็บมาก ๆ สามารถทายาชาและประคบน้ำแข็งเพื่อบรรเทาความเจ็บได้

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต?

        • การฉีดโบหางตา โดยปกติจะใช้ปริมาณของตัวยาประมาณ 25 ยูนิต ทั้งนี้ปริมาณของโบหางตาที่ใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาของในแต่ละบุคคล รวมไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดในแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย กี่วันถึงเห็นผล?

        • การฉีดโบหางตาจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในช่วง 3-4 วัน และจะรู้สึกได้ว่าผิวบริเวณหางตาตึง กระชับขึ้นได้ชัดเจนเต็มที่ในช่วงประมาณ 14 วัน 

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ต้องฉีดซ้ำไหม อยู่ได้นานเท่าไหร่?

        • การฉีดโบหางตา ต้องฉีดซ้ำทุก 3-4 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ เนื่องจากโบหางตาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ถาวร หลังฉีดโบหางตาจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในช่วง 3-4 วัน และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ประมาณ 14 วัน ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองในแต่ละบุคคล และควรเว้นระยะห่างการฉีดโบหางตาแต่ละครั้ง ประมาณ 2 เดือนเป็นอย่างน้อย เพราะอาจจะเสี่ยงกับการดื้อโบ และกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดฝ่อและบางลง

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย อันตรายไหม?

        • การฉีดโบหางตา ไม่เป็นอันตราย หากฉีดด้วยโบแท้ กับแพทย์ที่มีความชำนาญการ ในคลินิกที่มีมาตรฐาน ในกรณีที่ฉีดโบหางตาแล้วอันตรายนั้น คือการฉีดยาหิ้วกับหมอกระเป๋า ไม่ควรฉีดโบหางตากับหมอกระเป๋าเด็ดขาด เนื่องจากตัวยาจำเป็นต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม หากไม่ได้เก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม จะทำให้คุณภาพตัวยาคุณภาพลดลง

         

        ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย มีผลข้างเคียงไหม?

        • ผลข้างเคียงของการฉีดโบหางตาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไป คือ จะมีรอยเข็มจากการฉีดโบหางตา และอาจมีอาการเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดในช่วงแรก สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

         

        ฉีดโบหางตา มีอะไรที่ต้องระวังก่อนฉีดบ้าง?

        • การฉีดโบหางตาต้องฉีดโดยใช้โบแท้ที่ได้มาตรฐาน ผ่านอย. และนำเข้ามาอย่างถูกต้องเท่านั้น หากใช้โบหางตาปลอม หรือไม่ได้มีการผสมตัวยาให้ดูต่อหน้า ฉีดแล้วอาจไม่ได้ผลลัพธ์ หรือตัวยากระจายไปบริเวณกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ต้องการ
        • ควรฉีดโบหางตากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินบริเวณที่ต้องการฉีด และปริมาณตัวยาที่ฉีดได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม หากใช้โบหางตาไม่เพียงพอ หรือน้อยเกินไป จะทำให้รูปทรงคิ้วเปลี่ยนได้

         

        โดยสรุปแล้ว การฉีดโบหางตาเป็นวิธีที่ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหางตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น การฉีดโบในจุดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน เห็นผลลัพธ์ชัดเจนอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีความรู้และใช้โบหางตาที่มีคุณภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย ใครที่กำลังกังวลหรือลังเลว่า ฉีดโบหางตา ดีไหม แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทางรมย์รวินท์คลินิก เพื่อประเมินสาเหตุของริ้วรอย และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล

        รอยแค่ไหน ฉีดโบริ้วรอยจัดการได้หมด ! คุณตัวเล็ก ผู้ใช้บริการจริง

        รีวิวโบริ้วรอย


        ฉีดโบจัดการน้องริ้ว & รอย 

        น้องริ้ว พี่รอยตามมาทั่วใบหน้า จนใครๆ ก็เรียกว่าแม่ คุณตัวเล็ก พรศิริ ผู้จัดการดารา ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบภัยจากริ้วรอยจนต้องมาขอความช่วยเหลือด่วน! SOS

        ประสบการณ์ในวงการของเราโชกโชนมาก ริ้วรอยแห่งประสบการณ์ก็โชกโชนมากเช่นกันค่ะ ทั้งหน้าผาก หางตามาหมด ตอนนี้ไม่ว่าจะไปเจอใครๆ ทุกคนเรียกแม่! กันหมดแล้วค่ะ พี่เพ่ออะไรไม่มีแล้ว มีแต่แม่อย่างเดียวเลย ตอนแรกเราก็คิดในทางบวกว่าเขาให้ความเคารพเราหรือเปล่านะ แต่พอกลับมาส่องกระจกดูเท่านั้น! สมควรแล้วที่เขาจะเรียกเราว่าแม่ (หัวเราะ) ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น ความหย่อนคล้อยมาเพียบ! ทนไม่ไหวแล้วค่ะ ไม่อยากเป็นแม่แล้ว เลยรีบมาที่รมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ มาให้คุณหมอแพร (พญ.ธิรดา จิตตะการ) ช่วยจัดการด่วนๆ เลยค่ะ 

         

        คุณหมอแพรแนะนำฉีดโบริ้วรอย หยุด! เรียกแม่แน่นอน

         

        อย่างแรกเลยคือเริ่มมองเห็นริ้วที่มันกำลังเริ่มเป็นรอยแล้ว หัตถการที่คุณหมอแพรแนะนำก็คือฉีดโบค่ะ โดยตัวนี้เมื่อฉีดตรงจุดที่เป็นปัญหาจะเข้าไปออกฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของมัดกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้มัดกล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการคลายตัวลง เมื่อเราแสดงสีหน้ากล้ามเนื้อมัดนั้นจะไม่ขยับตามไปด้วย ทำให้รอยพับ รอยย่นลดลง ริ้วรอยก็ไม่เกิดค่ะ คุณหมอแพรฉีดโบลบร่องรอยแห่งประสบการณ์ให้ตัวเล็กที่บริเวณหน้าผาก และหางตาค่ะ หลังฉีดโบแล้วเห็นผลเลยค่ะ ความเต่งตึง อ่อนเยาว์มันมาแล้ว พวกริ้วรอย รอยยับที่หน้าผาก รอยย่นที่หว่างคิ้ว มันตื้นขึ้นมาก หางตาตอนนี้ไม่มีตีนกาแล้ว แถมฉีดโบยังช่วยให้หน้ายกกระชับ เก็บกรอบหน้าให้เรียวเล็กลงไปอีกค่ะ ออกไปจากคลินิกเขาจะไม่เรียกเราว่าแม่แล้วค่ะ แต่จะเรียกพี่แทน ฉีดโบปุ๊บหายไปเลย 10 ปีค่ะ 

         

        รีวิวโบริ้วรอย
        ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

        ผลลัพธ์หลังจากฉีดโบ 3 อาทิตย์ เรียกพี่ได้แล้วนะ

        หลังจาก 3 อาทิตย์ที่ได้ฉีดโบมันดีขึ้นมากๆ เลยค่ะ ดีขึ้นแบบตราตึงเลย บริเวณไหนที่เคยมีน้องริ้ว กับน้องรอย ตอนนี้ไม่มีแล้วจ้า ตอนนี้หน้าตึงกระชับขึ้นมากๆ และที่สำคัญคือมันดูเป็นธรรมชาติ เป็นความอ่อนเยาว์ที่ไม่ดูโป๊ะ หลังจากฉีดก็มีแต่คนทักไปทำหน้ามาหรอ ดูเด็กลงมาก เราก็บอกไปอย่างมั่นใจได้เลยว่าไปฉีดโบที่รมย์รวินท์คลินิกมา 

        สำหรับใครอยากหน้าเด็ก หน้าดูอ่อนเยาว์ แนะนำลองมาฉีดโบค่ะ แต่เราจะมัวมาดูแค่ความสวยอย่างเดียวไม่ได้นะคะ เพราะสมัยนี้มีของปลอม ของเถื่อนระบาดกันมากมาย นอกจากความสวยแล้วต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเราด้วยนะคะ เลือกทำที่คลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน ตัวเล็กแนะนำให้มาทำที่รมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ มีมาตรฐานแน่นอนเพราะที่นี่เขามีชื่อเสียงมานานถึง 21 ปี เป็นตัวจริงเรื่องผิวแน่นอนค่ะ 

         

        รีวิวโบริ้วรอย
        ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

        ฉีดโบคืออะไร ช่วยในการลดริ้วรอยได้จริงมั้ย

        การฉีดโบ เป็นหัตถการที่หลายๆ คนนิยมทำเพื่อใช้ในการลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึง ซึ่งจะทำงานโดยการออกฤทธิ์ไปยับยั้งการทำงานของมัดกล้ามเนื้อไม่ให้สามารถหลั่งสารสื่อประสาทออกมาได้ ทำให้กล้ามเนื้อมัดนั้นคลายตัวลง เมื่อเราแสดงสีหน้า เช่น การมุ่นคิ้ว เลิกคิ้ว ย่นหน้าผาก มัดกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะไม่ขยับตามไปด้วย ทำให้ไม่เกิดรอยพับ รอยย่น ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือนลงตามไปด้วย นอกจากจะช่วยเรื่องริ้วรอยแล้ว การฉีดโบยังช่วยลดขนาดกราม และทำให้กรอบหน้าคมชัด และเรียวเล็กลงได้อีกด้วย ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติไม่ตึงจนเกินไป และสามารถสลายไปได้เอง ไม่มีสารตกค้างต่อร่างกาย 

         

        รีวิวโบริ้วรอย
        ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

         

        ฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณไหนดี

        • ฉีดโบช่วยลดรอยย่นบริเวณหน้าผาก
        • ฉีดโบช่วยลดริ้วรอยพับบริเวณระหว่างคิ้วจากการแสดงอารมณ์
        • ฉีดโบช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา และรอยตีนกา
        • ฉีดโบช่วยลดริ้วรอยร่องแก้มจากการยิ้มบ่อยๆ 
        • ฉีดโบช่วยยกกระชับกรอบหน้าให้หน้าคมชัด เรียวเล็ก 

         

        รีวิวโบริ้วรอย
        ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

         

        เลือกฉีดโบอย่างมั่นใจต้องเลือกฉีดโบที่รมย์รวินท์คลินิก

        • รมย์รวินท์คลินิกได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนานถึง 21 ปี และมีสาขาทั่วประเทศถึง 28 สาขา ได้การรับรองจากแพทยสภา และมีเลขทะเบียนที่สามารถตรวจสอบได้ 
        • รมย์รวินท์คลินิกเลือกฉีดโบที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และการเก็บรักษาที่คงประสิทธิภาพในการทำการรักษาอย่างเต็มที่ ผู้มาเข้าใช้บริการสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของแท้ผ่านอย.ไทย 
        • รมย์รวินท์คลินิกทำการฉีดโบด้วยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านการฉีดโบ ที่สามารถประเมิน และวิเคราะห์จำนวนที่ใช้ในการรักษาให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการสวยดูดี และปลอดภัย และได้รับความสวยกลับไป
        • รมย์รวินท์คลินิกมีโปรโมชันพิเศษตลอดทุกเดือนมาให้ผู้มาเข้ารับบริการได้ติดตามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้รับทั้งความสวย ความประทับใจ และราคาที่เป็นกันเอง

         

        ปรึกษาเรื่องฉีดโบและปัญหาผิวได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น 

        ดีลดีสวยสับ .. รับ Black Friday & Cyber Monday

        Black Friday & Cyber Monday

        ดีลดีสวยสับ .. รับ Black Friday & Cyber Monday

         

        เข้าสู่โค้งสุดท้ายของปีทั้งทีมีหรือจะปล่อยให้พลาด ก็ต้องจัดกันให้สุดๆ ไปเลยกับดีลสวยสับ ที่หนึ่งปีมีครั้งเดียว! กับ Black Friday to Cyber Monday Sale ช้อปความงามให้ศุกร์สวยสุดๆไปถึงจันทร์ ลดสูงสุดถึง 50% ที่รมย์รวินท์คลินิกยกขบวนมาถล่มให้คุณสวยส่งท้ายปี 

         

        Black Friday & Cyber Monday
        Promotion Black Friday & Cyber Monday

        ดีลสวยสับรับ.. Black Friday & Cyber Monday ผิวไบรท์ ออร่าพุ่ง

        ฝุ่น มลภาวะ แสงแดด ทำร้ายผิวให้หมองคล้ำ ไม่สดใส แถมสุขภาพก็แย่ตามไปด้วย ต้องรีบมาบูสต์ทั้งผิว อัพทั้งสุขภาพให้แข็งแรงด่วนๆ ด้วย

        วิตามินผิว สูตร White Skin & Detox ล้างสารพิษ ดีท็อกซ์ร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกันให้สุขภาพแข็งแรงจากภายใน ลดผิวหมองคล้ำ ปรับผิวให้ไบรท์ใสสู่ภายนอกได้แบบเร่งด่วน ทางลัดผิวสวย สุขภาพดีในยุคเร่งรีบต้องตัวนี้! 

         

        • ให้วิตามินผิว สูตร Blink ปรับผิวให้ขาวกระจ่างใส เหมือนเปิดไฟให้ผิวสว่างไสวมีออร่า
        • ดีลผิวสวยสุขภาพดีด้วยการให้วิตามินผิวสูตร White Skin & Detox 2 ได้รับ วิตามินผิวสูตร Blink ฟรีอีก 2

        ราคาเพียง 6,500.- จากปกติ 10,000.- 

         

        Black Friday & Cyber Monday
        Promotion Black Friday & Cyber Monday

        ดีลสวยสับรับ.. Black Friday & Cyber Monday ผิวไร้ฝ้า

         

        แดดประเทศไทยมันร้อนแรง ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ตัวการทำลายผิวสวยของเรา ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องรีบจัดการด้วย

        CODE OF WHITE MINI โค้ดลับของผิวสวยที่ช่วยจัดการฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าได้ถึง 2 Step ด้วย D WHITE + WHITE 3 ผลักวิตามินและตัวยาเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิกลงสู่ชั้นผิว เพื่อยับยั้งการเกิดเม็ดสี และปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ กระจ่างใสในแบบที่คุณเห็นผลลัพธ์ได้ มาสยบฝ้าให้หน้าใสด้วยโค้ดลับนี้กัน!

         

        • ดีลผิวใสไร้ฝ้าด้วย CODE OF WHITE

        ราคาเพียง 1,900.- จากปกติ 4,500.- 

         

        Black Friday & Cyber Monday
        Promotion Black Friday & Cyber Monday

        ดีลสวยสับรับ.. Black Friday & Cyber Monday ผิวเนียนใสไร้ขน

         

        ส่งท้ายปีทั้งทีจะมาสวยแต่หน้าไม่ได้ ผิวต้องใสไร้ขนด้วยถึงจะถูก vacation นี้จะได้ใส่ชุดมั่นใจโชว์ผิวสวยไม่สะดุดขน ด้วย

         

        YAG LASER เลเซอร์กำจัดขน พลังงานเดียวที่ยิงลงลึกถอนได้ถึงตอ ขุดได้ถึงราก โดยไม่ทำให้เกิดหนังไก่ ไม่ทำให้ผิวไหม้เบิร์น เพราะมี Cryogen ปลอบประโลมผิวระหว่างทำ ทำได้ทุกสภาพและทุกสีผิว โดยเฉพาะผิวของคนเอเชีย อยากผิวสวยเนียนไร้ขนต้องลอง!

         

        ดีลผิวเนียนสวยไร้ขนด้วย YAG LASER  แบบเหมาๆ 3 บริเวณ ราคาเพียง 1,799.-  เลือกบริเวณที่ทำได้ดังนี้ 

        • หนวด
        • รักแร้
        • ขอบบิกินี
        • แขนบน หรือ ล่าง
        • ร่องก้น
        • บิกินีทั้งหมด (ไม่รวมร่องก้น) 

         

        12 11 67 Black Friday Cyber Monday 1040x1040 04 1

        ดีลสวยสับรับ.. Black Friday & Cyber Monday ผิวฉ่ำ

         

        เทรนด์ผิวฉ่ำ หน้าโกลว์ยังไม่จบ! เราก็ต้องไม่จบ! ตอบโจทย์ด้วยงานผิวฉ่ำ ผิวกระจก ต้องตัวนี้เท่านั้น!

         

         REJURUN ไอเทมฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน ช่วยลดผิวแห้งกร้าน ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง และยังช่วยเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอยให้ผิวอ่อนเยาว์ ปรับผิวให้กระจ่างใส เติมความชุ่มชื้น ล็อกน้ำให้ผิวอิ่มฟู รันวงการผิวฉ่ำน้ำแบบต่อเนื่องไปเลย!

         

        • ดีลผิวฉ่ำน้ำด้วย REJURAN

        ราคาเพียง 9,000.- จากปกติ 19,900.- 

         

        กดตะกร้ารับโปรฯ Black Friday to Cyber Monday Sale ให้คุณช้อปความสวย เสริมความงามให้สนุกตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันจันทร์ พร้อมรับดีลส่วนลดสูงสุดถึง 50% ที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทุกสาขา แต่ต้องรีบๆ กันหน่อยนะคะ เพราะโปรโมชันดีๆ ท้ายปีแบบนี้มีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นนะคะ

         

        *โปรโมชันวันที่ 27 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2567 

        *โปรโมชันเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

        *โปรโมชันเฉพาะสาขาที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

        *ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล

        *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่

        HArmonyCa Filler คืออะไร ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร เหมาะกับใคร

        HArmonyCa Filler


        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





          วันที่สะดวกในการติดต่อ








          HArmonyCa Filler เป็นสารเติมเต็มชนิดใหม่ล่าสุดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ในกลุ่มที่เป็น Hybrid Dermal Fillers ที่มีคุณสมบัติทั้งในการเติมเต็มผิวด้วยการช่วยกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนโดยธรรมชาติที่บริเวณใต้ชั้นผิวและยังช่วยเติมเต็มใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูสวยมีมิติ ทำครั้งเดียวได้ประโยชน์ถึงสองด้าน จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวคงความอ่อนเยาว์ได้อย่างยาวนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์แบบเดิม ๆ โดยเฉพาะการลดเลือนริ้วรอยและยกกระชับผิวหน้า ไม่เพียงเท่านั้นยังมีส่วนประกอบของ Lidocaine (ลิโดเคน) หรือยาชาที่ทำให้การฉีดมีความเจ็บหรือปวดในระหว่างการรักษาที่น้อยลง ทำให้รู้สึกสบายมากขึ้น

           

          ทำความรู้จัก HArmonyCa Filler ว่าดียังไง ต่างจากฟิลเลอร์อื่น ๆ ยี่ห้อทั่วไปอย่างไร

          HArmonyCa Filler
          ส่วนประกอบที่โดดเด่นของ HArmonyCa Filler

          HArmonyCa Filler คืออะไร

           

          HArmonyCa Filler เป็น สารเติมเต็มไฮบริดแบบดูอัลเอฟเฟกต์ที่รวมที่มีส่วนประกอบเด่นๆ 2 ชนิด ที่ช่วยทั้งการเติมเต็มและการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว โดยประกอบด้วย

          • ไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) 70% ในรูปแบบ Crosslinked
          • แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) 30%

           

          ไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA)

          สารที่มีอยู่ในร่างกาย และร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองโดยธรรมชาติ อยู่ในชั้นผิวหนังแท้ เป็นโมเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่รู้จักกันภายใต้ชื่อ polysaccharide ซึ่งร่างกายของคนเราจะสามารถผลิต ไฮยาลูรอนิกแอซิด ได้น้อย และช้าลง เมื่อมีอายุที่มากขึ้น ทั่วไปแล้วจะเริ่มลดน้อยลงเมื่อเข้าวัย 20 ปีเป็นต้นไป

           

          แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA)

           

          เป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของคนเรา จัดเป็นสารที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย และเข้ากันกับร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยในการฟื้นฟู แก้ไข รวมทั้งเติมเต็มในส่วนบกพร่องของผิวหนัง โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังหรือร่างกาย

           

          ซึ่งคอลลาเจนที่สร้างขึ้นโดย HArmonyCa Filler  นั้น สามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้ยาวนานถึง 12 เดือนจึงทำให้  HArmonyCa Filler ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง และยังได้รับการรับรองจาก อย. หรือ องค์การอาหารและยาของประเทศไทยแล้ว

          การทำงานของ HArmonyCa Filler 

           

          คือการที่ตัวยาจะเข้าไปยกพยุงผิวได้ทันทีหลังจากฉีดเข้าสู่ผิวหน้า ทั้งยังช่วยเติมเต็ม ร่องลึกและริ้วรอยให้ตื้นและดูเรียบเนียนขึ้น ทำให้ใบหน้าภาพรวมดูอ่อนเยาว์ ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากเติมเต็มเรียบร้อยแล้ว สาร แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) จะเริ่มทำงาน โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งอีลาสติน ขึ้นมาทดแทนคอลลาเจนใต้ผิวหนังที่สูญเสียไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น และเมื่อผิวหนังเกิดการสร้างคอลลาเจนแล้ว จะทำให้ใบหน้าหรือบริเวณที่ฉีดไป มีความตึงกระชับ รวมทั้งยังมีคุณภาพผิวที่ดีมากยิ่งขึ้นด้วย โดย HArmonyCa Filler สามารถคงอยู่ใต้ผิวได้นาน 1-3 ปี ตามแต่การดูแลของแต่ละบุคคล

           

          หลังการฉีด HArmonyCa Filler เข้าสู่ผิวจะช่วยในการปรับปรุงโครงสร้างของผิวทำให้เกิดการยกกระชับผิวจาก HAได้ใน ทันทีและให้ผลลัพธ์ด้านการยกกระชับผิวแบบยั่งยืนจากการผลิตคอลลาเจนขึ้นใหม่ด้วยสาร CaHA นั่นเอง

          ชื่อ HArmonyCa Filler คืออะไรมาจากไหน?

          HArmonyCa Filler  นั้นเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นจากส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ที่มีตัวย่อของ HA และ CA อันมาจากกรดตัวย่อของ Hyaluronic Acid  ไฮยาลูรอนิก หรือ (HA) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในการเป็นส่วนประกอบสำคัญของการผลิตสารเติมเต็ม ส่วนคำว่า “Ca” นั้นมาจากตัวย่อของ Calcium Hydroxyapatite ที่อยู่ซึ่งเป็นอีกส่วนประกอบหลักสำคัญ ของตัวยาชนิดนี้ เมื่อรวมส่วนประกอบทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกันในผลิตภัณฑ์เดียว บริษัท  Allergan จึงตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ให้มีความกลมกลืนและสมดุล กลายเป็นชื่อ HArmonyCa ซึ่งเป็นชื่อที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังบ่งบอกถึงสารประกอบหลักสำคัญของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน

           

          HArmonyCa Filler เติมจุดใดบนใบหน้าได้บ้าง?

          1. HArmonyCa Filler สามารถฉีดบริเวณโหนกแก้ม  (Zygomatic arch)
          2. HArmonyCa Filler สามารถฉีดบริเวณของขากรรไกรล่าง (Ramus of mandible)
          3. HArmonyCa Filler สามารถฉีดบริเวณแนวขากรรไกร (Mandibular line)

          จะเห็นได้ว่า HArmonyCa Filler เหมาะกับการนำมาเติมบริเวณกรอบหน้าเพื่อสร้างคอลลาเจน ให้มีความคมชัด ทำให้ใบหน้ามีความยกกระชับและให้คุณภาพผิวที่ดีขึ้น

           

          HArmonyCa Filler
          ข้อดีของ HArmonyCa Filler

          ข้อดีของ HArmonyCa Filler 

           HArmonyCa Filler เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง

          • เนื่องจาก  HArmonyCa Filler ได้ ผ่านการทดสอบและได้การรับรองจากหน่วยงานความงามในหลายประเทศ รวมทั้งอย.จากประเทศไทย ไม่อันตรายเนื่องจากเป็นการใช้สารที่เข้ากันกับโครงสร้างผิวตามธรรมชาติ HArmonyCa และจะยิ่งมี ความปลอดภัยสูงขึ้นไปอีกขั้น เมื่อใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีความรู้ความสามารถและความเข้าใจในผลิตภัณฑ์

           HArmonyCa Filler ให้ผลลัพธ์หลังฉีดในทันทีและยังเป็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน

          • เมื่อฉีดการฉีด HArmonyCa Filler เข้าสู่ชั้นผิว  HArmonyCa Filler  จะเริ่มทำงานในด้านการเติมเต็มทันที ซึ่งเป็นผลลัพธ์จาก HA คือการเติมเต็มผิวและยังช่วยในการทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น  จากนั้น CaHA จะเริ่มทำงานโดยการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ผลลัพธ์คงอยู่นาน 

           HArmonyCa Filler การยกกระชับผิว

          • HArmonyCa Filler มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ต้องการยกกระชับ ในบริเวณ แนวกราม กรอบหน้า และแก้ม HArmonyCa Filler จะสามารถช่วยปรับรูปหน้าและช่วยยกกระชับผิวให้ได้รูปที่ชัดเจนขึ้น

          HArmonyCa Filler ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน 

          • HArmonyCa Filler นอกจากการช่วยเติมเต็มริ้วรอยในทันทีแล้ว HArmonyCa ยังช่วยมีความยืดหยุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งหลังทำ HArmonyCa Filler จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อฉีดไปประมาณ 1-2 เดือนเมื่อผิวเกิดการสร้างคอลลาเจน

          HArmonyCa Filler ปรับโครงหน้าได้ดี

          • HArmonyCa Filler ช่วยยกกระชับกรอบหน้า แก้ม และคางได้ดี เนื่องจากมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยังเป็นการช่วยเสริมโครงสร้างผิวหน้าในระยะยาว

           

          ข้อเสียของ HArmonyCa Filler

          HArmonyCa Filler ไม่เหมาะกับบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อย

          • HArmonyCa Filler อาจไม่เหมาะสมในการฉีดบริเวณเช่น ริมฝีปากหรือใต้ตาที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง HArmonyCa เพราะมีส่วนประกอบ CaHA ทำให้บริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อยมีความตึงมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป

          HArmonyCa Filler อาจทำให้เกิดอาการบวมแดงได้มากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป

          • เพราะ HArmonyCa Filler มีส่วนประกอบเป็น CaHA ที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ในบางคนมีอาการบวม แดง หรือเกิดอาการตึงได้นานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปเล็กน้อย

           

          HArmonyCa Filler
          HArmonyCa Filler เหมาะกับใคร

          การรักษาด้วย HArmonyCa Filler เหมาะกับใคร?

          1. HArmonyCa Filler เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย
          2. HArmonyCa Filler เหมาะกับ ผู้ที่มีร่องแก้มลึก
          3. HArmonyCa Filler เหมาะกับ ผู้ที่มีเหนียง ต้องการลดเหนียง
          4. HArmonyCa Filler เหมาะกับ ผู้ที่มีขมับและใต้ตาลึก
          5. HArmonyCa Filler เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับ
          6. HArmonyCa Filler เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า
          7. HArmonyCa Filler เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิว
          8. HArmonyCa Filler เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าและยกกระชับ
          9. HArmonyCa Filler เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่คงทนและยาวนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์

          ใครที่ไม่เหมาะกับ  HArmonyCa Filler

          1. HArmonyCa Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้หรือไวต่อสารในฟิลเลอร์
          2. HArmonyCa Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบหรือติดเชื้อในบริเวณที่ต้องการฉีด
          3. HArmonyCa Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบ ผิวหนังอักเสบ
          4. HArmonyCa Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
          5. HArmonyCa Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อการสมานแผลหรือการสร้างคอลลาเจน
          6. HArmonyCa Filler ไม่เหมาะกับผู้ที่ผู้ที่ต้องการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงและเคลื่อนไหวบ่อย

           

          HArmonyCa Filler
          การเตรียมตัวก่อนฉีด HArmonyCa Filler

          การเตรียมตัวก่อนฉีด HArmonyCa Filler

          การเตรียมตัวก่อนฉีด HArmonyCa Filler นั้นมีความสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและยังเป็นการลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียงหลังการฉีด HArmonyCa Filler ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดดังนี้

          1. ก่อนฉีด HArmonyCa Filler ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด

          • HArmonyCa Filler ควรงดการรับประทานยาที่จะส่งผลให้เลือดไหลออกง่าย เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, ยาต้านการอักเสบอื่น ๆ และอาหารเสริมที่มีผลต่อลิ่มเลือด (เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา) เป็นต้น ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนฉีด HArmonyCa Filler  เพื่อป้องกันการเกิดรอยฟกช้ำหรือเลือดออกง่าย
          • หากมีความจำเป็นจะต้องรับประทานยาใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนหยุดยา

          2. ก่อนฉีด HArmonyCa Filler ควรงดแอลกอฮอล์และบุหรี่

          • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 1-2 วันก่อนการฉีด HArmonyCa Filler  เนื่องจากอาจทำให้ผิวแห้งและช้ำง่ายขึ้น ทั้งยังก่อให้เกิดการอักเสบได้อีกด้วย

          3. ก่อนฉีด HArmonyCa Filler ควรดูแลสุขภาพผิว

          • ก่อนฉีด HArmonyCa Filler ควรรักษาผิวหน้าให้มีความสะอาดและแข็งแรง เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองหรือติดเชื้อหลังการฉีด HArmonyCa Filler 

          4. ก่อนฉีด HArmonyCa Filler ควรนอนหลับให้เพียงพอและดื่มน้ำให้มาก

          • การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอและการดื่มน้ำอย่างเหมาะสม ช่วยให้ร่างกายและผิวแข็งแรง ทำให้HArmonyCa Filler สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

          5. ก่อนฉีด HArmonyCa Filler ควรงดการแต่งหน้าวันที่ฉีด

          • ในวันที่จะฉีด HArmonyCa Filler ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า เพื่อให้ผิวสะอาดและพร้อมรับการฉีด ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือหากไม่ได้งดการแต่งหน้า ที่รมย์รวินท์คลินิกมีการทำความสะอาดใบหน้าก่อนฉีด HArmonyCa Filler อยู่แล้ว

           

          ขั้นตอนการฉีด HArmonyCa Filler 

          1. ปรึกษาแพทย์และวางแผนการรักษาด้วย HArmonyCa Filler 

          • แพทย์ผู้รักษาจะทำการประเมินรูปหน้าและความต้องการของคนไข้ อย่างละเอียด พร้อมทั้งอธิบายผลลัพธ์ที่คาดหวังหลังจากกการฉีด HArmonyCa Filler  
          • แพทย์ผู้รักษาจะตรวจสอบประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการใช้ยาของคนไข้ เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้สามารถเข้ารับการฉีด HArmonyCa Filler ได้อย่างปลอดภัย

          2. การทำความสะอาดใบหน้าและฆ่าเชื้อ ก่อนฉีด HArmonyCa Filler 

          • ก่อนการฉีด HArmonyCa Filler ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าในบริเวณที่ต้องการฉีด HArmonyCa Filler ให้สะอาด เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อหลังการฉีด HArmonyCa Filler 

          3. ทายาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บจากการฉีด HArmonyCa Filler 

          • ถึงแม้ว่า HArmonyCa Filler จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของยาชา แต่คนไข้ผู้เข้ารับบริการสามารถทายาชาก่อนฉีดเพิ่มเติม เพื่อให้รู้สึกสบายและลดอาการเจ็บในระหว่างฉีด HArmonyCa Filler ได้ โดยแจ้งได้ที่ผู้ช่วยแพทย์

          4. แพทย์ทำการฉีด HArmonyCa Filler 

          • แพทย์จะทำการฉีด HArmonyCa Filler ลงไปในชั้นผิวที่เหมาะสม ในบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหา  เพื่อการเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยจะต้องทำโดยแพทย์ที่มีความแม่นยำในด้านชั้นผิวหนัง จึงจะทำการฉีด HArmonyCa Filler อย่างแม่นยำเพื่อปรับรูปหน้าให้ได้ตามที่ต้องการ

          5. ทำความสะอาด และห้ามเลือด

          • ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้า ห้ามเลือดและแปะพลาสเตอร์ปิดรอยเข็มให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกลงบนแผล

           

          HArmonyCa Filler
          การดูแลตัวเองหลังฉีด HArmonyCa Filler

          การดูแลตัวเองหลังทำ HArmonyCa Filler

          1. หลังทำ HArmonyCa Filler ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด

          • ห้ามกด นวด หรือจับบริเวณที่ฉีด HArmonyCa Filler ในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของตัวยา HArmonyCa Filler และเพื่อให้เกิดการคงตัวที่ชั้นผิว

          2. หลังทำ HArmonyCa Filler ควรงดการแต่งหน้าและควรทำความสะอาดผิวเบา ๆ

          • ในวันแรกหลังการฉีด HArmonyCa Filler ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า เพื่อป้องกันการอุดตันที่รอยเข็ม และควรทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเบามือ โดยเฉพาะบริเวณที่ทำการฉีด HArmonyCa Filler 

          3. หลังทำ HArmonyCa Filler ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกหรืออุณหภูมิสูง

          • ควรงดการออกกำลังกายหนัก ซาวน่า อบไอน้ำ รวมทั้งการทำกิจกรรม ที่ทำให้เหงื่อออกมากทั้งยังควรงดอยู่ในที่อุณหภูมิสูงในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังทำ HArmonyCa Filler เพราะอาจทำให้เกิดการบวมและเกิดอาการอักเสบ

          4. งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่หลังทำ HArmonyCa Filler

          • การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วง 1–2 วันแรกหลังทำ HArmonyCa Filler อาจทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้น ซึ่งการไหลเวียนของเลือดนั้นจะทำให้โอกาสในการเกิดรอยฟกช้ำและทำให้การฟื้นฟูของผิวช้าลง

          5. สามารถประคบเย็นเพื่ออาการลดบวมหลังทำ HArmonyCa Filler 

          • หากมีอาการบวมหลังฉีด HArmonyCa Filler สามารถใช้การประคบเย็นเบา ๆ ในบริเวณที่ฉีด HArmonyCa Filler ได้ เพื่อเป็นการลดอาการบวมรวมทั้งยังช่วยรอยแดงได้ด้วย

          6.นอนในท่าที่เหมาะสมหลังทำ HArmonyCa Filler 

          • การทำการฉีด HArmonyCa Filler เป็นการฉีดสารเติมเต็ม ดังนั้น การทำให้สารเติมคงสภาพ ไม่เคลื่อนที่การนอนในท่าที่เหมาะสมเป็นการป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีด และคงสภาพสารเติมเต็มและยังช่วยลดอาการบวมได้อีกด้วย

          7. ดื่มน้ำให้มาก ๆ หลังทำ HArmonyCa Filler

          • การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ Hyaluronic Acid ทำงานได้ดีขึ้น ฟู และพองตัวได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นสารที่สามารถดูดซับน้ำได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญจะทำให้ผลลัพธ์หลังการฉีดดูอิ่มฟูได้มากขึ้น

          8. งดทรีตเมนต์ใบหน้าหรือหัตถการอื่น ๆ หลังทำ HArmonyCa Filler

          • ควรงดการทำเลเซอร์ การผลัดเซลล์ผิว หรือทรีตเมนต์ใด ๆ หลังทำ HArmonyCa Filler บนใบหน้าอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเกิดการระคายเคืองและการอักเสบในบริเวณที่ฉีด

           

          เปรียบเทียบ HArmonyCa Filler กับ Filler หรือสารเติมเต็มชนิดอื่น ๆ

          HArmonyCa Filler กับ Filler 

          HArmonyCa Filler แตกต่างจากฟิลเลอร์ สารเติมเต็มชนิดอื่น ๆ ที่ฟิลเลอร์ชนิดอื่น ๆ เป็น Hyaluronic Acid (HA) แต่ HArmonyCa Filler เป็นสารที่ผสมผสานระหว่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) จึงให้ซึ่งให้ผลลัพธ์ ทั้งเติมเต็มในทันทีและในระยะยาว 

          • ฟิลเลอร์ (Filler)

          ใช้ Hyaluronic Acid (HA) เป็นส่วนประกอบหลัก HA จะเติมเต็มผิวและช่วยให้ความชุ่มชื้นและเติมเต็มริ้วรอยได้ทันทีหลังฉีด ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียน ฟิลเลอร์ทั่วไปจะไม่มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างชัดเจน คงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6–12 เดือน

          • HArmonyCa Filler

          ใช้การผสมระหว่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งทำให้ HArmonyCa Filler ทำงานได้ในสองระยะด้วยกันคือ

          • ระยะสั้น ทำงานด้วย: HA คือการช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยังช่วยเติมเต็มได้ในทันทีหลังฉีด
          • ระยะยาว ทำงานด้วย: CaHA คือช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ผิวดูแน่น อิ่มฟูกระชับและยืดหยุ่นขึ้นได้ด้วยในระยะยาว ถึงแม้ว่า HA ในผลิตภัณฑ์จะสลายตัวไปแล้ว ทำให้สามารถคงผลลัพธ์คงอยู่นานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ประมาณ 12–18 เดือน

          HArmonyCa Filler กับ Biostimulators 

          HArmonyCa Filler และ Biostimulators ต่างกันในด้านส่วนประกอบและคุณสมบัติในการทำงาน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและลักษณะของผลลัพธ์ 

          ส่วนประกอบหลักและคุณสมบัติการทำงาน

          • HArmonyCa Filler

          เป็นฟิลเลอร์ที่ผสมระหว่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ทำหน้าที่เติมเต็มผิวรวมทั้งให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ในทันที ส่วน CaHA ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ช่วยให้ผิวดูเติมเต็มและชุ่มชื้น อีกทั้งในระยะยาวยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ คงผลลัพธ์อยู่ใต้ผิว ประมาณ 6–12 เดือน

          • Biostimulators 

          เป็นสารที่เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนโดยตรง แต่จะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มทันทีแบบ HA หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากฟิลเลอร์

          Sculptra เป็นสารที่ผลิตจาก Poly-L-Lactic Acid (PLLA) มีในรูปแบบขวดที่ต้องนำมาผสม Sterile water ก่อนฉีด เป็นสารที่ ที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว โดยหลังทำ จะเห็นว่าผลลัพธ์ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นใน 4-6 สัปดาห์ แต่จะสามารถคงสภาพใต้ผิวได้นาน 2-3 ปี

          Radiesse เป็น Biostimulators ที่ผลิตโดย Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ช่วยทำให้ผิวแน่นกระชับขึ้น คงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี

           

          ควรทำ HArmonyCa Filler หรือไม่?

          ควรทำหากเป็นผู้มีความต้องการดีงนี้

          • ควรทำ HArmonyCa Filler หากต้องการผลลัพธ์ที่ดูเต็มอิ่ม ชุ่มชื้นทันที 
          • ควรทำ HArmonyCa Filler หากต้องการยกกระชับในระยะยาว
          • ควรทำ HArmonyCa Filler หากต้องการปรับโครงหน้า ยกกรอบหน้า
          • ควรทำ HArmonyCa Filler หากต้องการเพิ่มความแน่นกระชับให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
          • ควรทำ HArmonyCa Filler หากต้องการผลลัพธ์ที่คงทนและยาวนาน โดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อย ๆ

          ไม่ควรหากเป็นผู้มีข้อจำกัดดังนี้

          • ไม่ควรทำ HArmonyCa Filler หากต้องการเติมเต็มในบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปาก หรือใต้ตา 
          • ไม่ควรทำ HArmonyCa Filler หากต้องการฟิลเลอร์ที่ยืดหยุ่นสูง 
          • ไม่ควรทำ HArmonyCa Filler หากกำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร 
          • ไม่ควรทำ HArmonyCa Filler หากมีปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัว

          การฉีด HArmonyCa Filler อาจมีความแตกต่างกับการฉีดฟิลเลอร์ปกติ ผู้เข้ารับบริการอาจต้องทำความเข้าใจก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นผลลัพธ์ที่ตรงตามต้องการ โดยการฉีดจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี เพื่อทำการประเมินผลลัพธ์ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสมกับปัญหาบนใบหน้าที่สุด

          ร่วมสนับสนุน มอบทุนการศึกษามูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา

          มูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา

          รมย์รวินท์คลินิก ร่วมสนับสนุน มอบทุนการศึกษามูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา

          มูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชาได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษาประจำปี 2567 แก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ โดยมี คุณสุรชัย สิทธิวรชัย ประธานมูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา เป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ณ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ห้องประชุมจุฬาภรณ์  ชั้น 2 ตึกสยามินทร์ ที่ผ่านมา

          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์
          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์

          รมย์รวินท์พร้อมสนับสนุนวงการแพทย์ สู่อนาคตการแพทย์ไทย

          “มาดามจอย ขวัญฤทัย ดํารงค์วัฒนโภคิน” ผู้นำแห่งรมย์รวินท์คลินิก นำพาความสวยในแบบที่เป็นคุณ พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมบุคลากรทางการแพทย์ สร้างคน สร้างแพทย์ เพื่อผลิตแพทย์ที่พร้อมดูแลคนไทยทุกคน ซึ่งการสนับสนุนในครั้งนี้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 แล้ว โดยทางมูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา ได้คัดเลือกนักศึกษาแพทย์ที่เรียนดี แต่ขาดทุนทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา

          รมย์รวินท์คลินิกเชื่อมั่นในปณิธานของมูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา ที่มุ่งสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่ขาดทุนทรัพย์ เงินบริจาคจำนวนนี้จะนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่มีความตั้งใจเรียนแต่ขาดทุนทรัพย์ เพื่อช่วยขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนไทย

          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์
          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์

          ด้าน คุณสุรชัย สิทธิวรชัย ประธานมูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา ณ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่าน ที่ได้ร่วมพัฒนาและสนับสนุนทุนให้กับนักศึกษาแพทย์ทุกท่าน 

          พลังแห่งการให้โอกาสทางการศึกษา สู่อนาคตที่ยั่งยืน

          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์
          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์

          รมย์รวินท์ไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่เราพร้อมสนับสนุนทุน เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้มีความรู้ เพราะความรู้คือใบเบิกทางที่สำคัญในการสร้างอนาคต และเราเชื่อว่าการลงทุนด้านการศึกษา คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยสร้างอนาคตให้กับเยาวชนแล้ว ยังเป็นการพัฒนาวงการแพทย์ของประเทศไทยในระยะยาวได้อีกด้วย

          มาดามจอยกล่าว “รมย์รวินท์คลินิกเชื่อว่าการศึกษานั้นนับเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์นั้น ไม่เพียงช่วยเหลือนักศึกษาแพทย์ที่ได้รับทุน แต่ยังเห็นการสร้างคุณค่าให้กับสังคมในระยะยาว” การมอบทุนการศึกษาครั้งนี้จึงเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในด้านการส่งเสริมโอกาสให้กับเยาวชนผู้มีศักยภาพทางด้านการศึกษา มีความสามารถแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์

          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์
          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์

          มูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา

          มูลนิธิทุนแพทย์เพื่อปวงประชา เป็นมูลนิธิที่มีเป้าหมายสำคัญในด้านการช่วยเหลือนักศึกษาแพทย์ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงิน ทั้งด้านการใช้ชีวิตและด้านการศึกษา เพื่อให้สามารถเรียนจนจบหลักสูตรและสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางอาชีพแพทย์ได้อย่างมั่นคง  ซึ่งการสนับสนุนจากรมย์รวินท์คลินิกในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างคุณค่าให้กับสังคมในระยะยาว ในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์

          ROMRAWIN สร้างคน สร้างแพทย์นอกจากนี้ ในด้านของเทคโนโลยีและโปรแกรมที่รมย์รวินท์พร้อมให้การดูแลผู้ใช้บริการทุกท่านแล้ว การสนับสนุนบุคลากรทางแพทย์ถือว่าเป็นส่วนสำคัญยิ่ง เพราะการศึกษาที่ดีตั้งแต่จุดเริ่มต้น ทำให้เราได้บุคลากรทางการแพทย์ที่พร้อมจะดูแลผู้ป่วย ด้วยความเชี่ยวชาญและมีจิตวิญญาณของความเป็นแพทย์อย่างแท้จริง 

          รมย์รวินท์คลินิกกับบทบาทในสังคม

          การมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาแพทย์ในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในความตั้งใจของรมย์รวินท์คลินิกที่ตั้งใจให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคมในแง่มุมต่างๆอย่างทั่วถึง โดยที่ผ่านมา คลินิกได้มีส่วนร่วมในโครงการเพื่อสังคมหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านการศึกษาหรือกิจกรรมเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการตอบแทนสังคม

          Romrawin Clinic รุก Loyalty Program เดินหน้า Rawin Club CRM ตลาดคลินิกความงามอันดับ 1

          CRM Rawin Club

          Romrawin Clinic รุก Loyalty Program เดินหน้า Rawin Club CRM ตลาดคลินิกความงามอันดับ 1

          Romrawin Clinic เดินเกมรุกตลาดคลินิกความงาม เดินหน้าแผน CRM สร้าง Loyalty Program หวังมัดใจลูกค้า ภายใต้ชื่อ Rawin Club เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความสวยงาม และมอบสิทธิประโยชน์อีกมากมายให้กับลูกค้า

          CRM Rawin club
          สิทธิพิเศษ ไม่มีใครเหมือน

          Romrawin Clinic พร้อมเสิร์ฟความพรีเมียม มอบให้ชาว Rawin Club ทุกท่าน

          Romrawin Clinic ขอแจ้งให้ทราบว่าจะมีการปฏิวัติทุกกฎเกณฑ์ความสวยที่เคยมีมา เพราะเราจะไม่เพียงมอบประสบการณ์ความงามแบบเดิมๆที่คุณที่เคยได้รับ แต่จะให้คุณได้สัมผัสและสะสมความสุขไปพร้อมกับการได้ดูแลตัวเองให้สวยและดูดี ด้วยสิทธิพิเศษและกิจกรรมสุด Exclusive ตลอดปีที่มีไว้ให้เฉพาะคุณ รวมอยู่ใน Rawin Club แล้ว

          เพียงคุณสมัครสมาชิก Rawin Club วันนี้ ก็ได้รับคะแนนสะสม (Welcome Point) ไปเลยทันที 30 คะแนน และสามารถนำคะแนนที่ได้แลกรับรางวัลและสิทธิพิเศษ Rawin Reward อีกมากมายที่เตรียมไว้ให้เฉพาะคุณ

           

          มอบสิทธิ์สุด Exclusive สำหรับ MEMBER คนพิเศษของ Rawin Club

          ภายใต้ Rawin Club ลูกค้าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของ Rawin Member โดยการสะสมจากยอดการใช้จ่ายเมื่อเข้ารับบริการที่รมย์รวินท์คลินิกในทุกสาขา โดยทางรมย์รวินท์คลินิกจะมอบสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างตามระดับสมาชิกของท่าน ไม่ว่าจะเป็น..

          • ผู้ช่วยส่วนตัว

          คุณจะได้รับการดูแลเสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวจากเรา เมื่อคุณต้องการมาเข้ารับบริการความงามที่รมย์รวินท์คลินิก เรามีบริการจองคิวสุดพรีเมียม เพื่อให้คุณเข้ารับบริการได้รวดเร็วกว่าที่เคยพร้อมดูแลหลังการรับบริการอย่างใกล้ชิด

          • สิทธิพิเศษจากรมย์รวินท์คลินิก

          คุณจะได้รับสิทธิ์ส่วนลดพิเศษสำหรับการเข้ารับบริการ หรือรับโปรแกรมความงามฟรี หรือส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้ากลุ่มเวชสำอางค์ของรมย์รวินท์คลินิก

          • สิทธิพิเศษจากพาร์ตเนอร์ชั้นนำ

          คุณจะได้รับ ส่วนลดและบริการพิเศษจากพาร์ตเนอร์ชั้นนำ ที่เราจะมอบให้คุณใช้บริการอย่างเหนือระดับตลอดปี

          • ของขวัญพิเศษในวันพิเศษ

          คุณจะได้รับของขวัญสุดพรีเมียม และสิทธิพิเศษสุด Exclusive ในช่วงเทศกาลและเดือนเกิดของท่านสมาชิก

          RAWIN CLUB CRM
          แลกดีลสุดพิเศษ

          สะสมทุกความสวยไปพร้อมกับคะแนน Rawin Reward

          จะดีกว่ามั้ย..นอกจากคุณได้รับความสวย ดูดี แล้วยังได้ความพิเศษที่เหนือกว่า! เปลี่ยนทุกการดูแลผิวและความสวยของคุณให้เป็นความคุ้มค่า ด้วยระบบสะสมคะแนน ที่สามารถเปลี่ยนทุกการใช้จ่ายเป็นคะแนนสะสม เพื่อให้สมาชิกนำคะแนนมาแลกรับบริการ และผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการได้ทันที พร้อมรับสิทธิพิเศษเหนือใครในทุกระดับสมาชิก ไม่ว่าจะเป็น..

          • ของรางวัลสุดพิเศษ

          เราเตรียมของรางวัลสุดพิเศษให้แก่ท่านสมาชิกคนพิเศษของเราไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริการทางด้านความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณระดับพรีเมียมที่รมย์รวินท์คัดสรรมามอบให้

          • สิทธิประโยชน์และดีลพิเศษจากพันธมิตร

          ท่านสมาชิกสามารถใช้คะแนนที่มีเพื่อแลกรับส่วนลด หรือดีลพิเศษจากกลุ่มพาร์ตเนอร์ ทั้งกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ไลฟ์สไตล์ โรงแรม หรือแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ได้ทันที

          • Rawin Cash

          เปลี่ยนคะแนนสะสมเป็น Cash Voucher เพื่อนำมาเป็นส่วนลดในการเข้ารับบริการด้านความงามได้ตามที่ต้องการ

           

          RAWIN CLUB CRM
          สมัครสมาชิก

          Your Journey to Beauty Starts Here

          ยกระดับประสบการณ์ความงามของคุณให้พรีเมียมไปอีกขั้นกับ Rawin Club จากรมย์รวินท์คลินิก เพียงคุณสมัครสมาชิกวันนี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์และรางวัลพิเศษอีกมากมาย พร้อมสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจที่ไม่มีใครเหมือน ได้ที่รมย์รวินท์คลินิก ที่เดียวที่จะมอบความพรีเมียมให้คุณ

          แล้วคุณล่ะคะ พร้อมรับความพรีเมียมนี้แล้วหรือยัง

          ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://romrawin.feyverly.com/welcome หรือ Romrawin clinic สาขาใกล้บ้านคุณ

          อันตรายจากของหวาน รู้หรือไม่ … กินของหวานมื้อเช้า เสี่ยงอ้วนง่ายกว่าที่คิด

          อันตรายจากของหวาน

          กินของหวานมื้อเช้า เสี่ยงอ้วนง่ายกว่าที่คิด

          ปัจจุบันในยุคที่ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพและรูปร่าง การเลือกกินอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการกินของหวานที่มักมีส่วนประกอบของไขมัน แป้ง และน้ำตาลสูง ซึ่งของหวานถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของร่างกายเลยก็ว่าได้ หากเลือกกินของหวานไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลา เลือกกินในตอนเช้า หรือตอนที่ท้องยังว่างอยู่ อาจส่งผลเสียต่อระดับน้ำตาลในเลือด และยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย บทความนี้ รวบรวมเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การกินของหวานในตอนเช้ามาให้แล้วว่า การกินของหวานตอนเช้าส่งผลเสียอย่างไร? อาหารแบบไหนบ้างที่ไม่ควรกิน? เมื่อกินไปแล้วจะมีวิธีดูแลรูปร่างอย่างไรบ้าง? สามารถอ่านบทความนี้ได้เลย

           

          กินของหวานมื้อเช้า อ้วนจริงไหม? ทำไมถึงไม่ควรกิน?

           

          อันตรายจากของหวาน กินหวานมื้อเช้า ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร

          อันตรายจากของหวาน กินของหวานมื้อเช้าส่งผลต่อร่างกายอย่างไร?

          น้ำตาลพุ่งสูง (Glucose Spike) 

          • เมื่อกินของหวานตอนท้องว่างเข้าไป น้ำตาลจะเกิดการแตกตัวกลายเป็นโมเลกุลกลูโคส โดยจะถูกย่อยอย่างรวดเร็วและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดอาการ Glucose Spike หรือภาวะน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการกินน้ำตาลและแป้งสูงเกินไป โดยสิ่งนี้จะทำให้เรารู้สึกดีและมีพลังงานในระยะเวลาอันสั้น ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงแต่หลังจากนั้นไม่นาน ระดับน้ำตาลก็จะตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลลดต่ำกว่าปกติ (Glucose Crash) ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกหิว และต้องการความหวานเพิ่มขึ้นอีก

          ดื้ออินซูลิน 

          • เมื่อกินของหวานในตอนเช้า ร่างกายต้องเผชิญกับภาวะน้ำตาลสูง ทำให้ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ออกมาในปริมาณมาก เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่หากเกิดภาวะน้ำตาลสูงขึ้นบ่อย ๆ ตับอ่อนก็จะทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมจนเกิดความเสื่อม ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่โรคเบาหวานได้

          น้ำหนักเพิ่มขึ้น

          • เมื่อกินของหวานในตอนเช้า น้ำตาลส่วนเกินจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ ทำให้ไขมันที่มีอยู่ในร่างกายไม่ได้ถูกดึงไปใช้ ดังนั้น น้ำตาลส่วนเกินที่ร่างกายนำเข้ามา จึงถูกสะสมไว้ในรูปแบบไขมันส่วนเกิน ซึ่งส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นนั่นเอง

          อารมณ์แปรปรวน

          • เมื่อน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงและลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และสมอง รู้สึกหงุดหงิด กระสับกระส่าย หรืออ่อนล้าได้ง่าย รวมถึง ยังส่งผลต่อสมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ อีกด้วย

          เสี่ยงโรคเรื้อรัง

          • การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอ้วน

           

          อาหารแบบไหนไม่ควรกินมื้อเช้า
          อาหารแบบไหนไม่ควรกินมื้อเช้า

           

          อาหารแบบไหนที่ไม่ควรกินมื้อเช้า?

          ของหวาน 

          • เนื่องจาก ของหวานทุกประเภท เช่น โดนัท เค้ก คุกกี้ หรือไอศกรีม เป็นอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง และตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกหิวบ่อย จนอาจนำไปสู่โรคอ้วน หรือโรคเบาหวานในอนาคตได้

          ซีเรียล

          • เนื่องจาก ซีเรียลสำเร็จรูป เป็นอาหารเช้าที่มีน้ำตาลสูงและใยอาหารต่ำ ซึ่งการกินซีเรียลเพียงอย่างเดียว อาจทำให้รู้สึกหิวเร็ว หิวบ่อย รวมถึง เสี่ยงระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ ดังนั้น การกินซีเรียลในมื้อเช้าจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี

          น้ำผลไม้สำเร็จรูป 

          • เนื่องจาก น้ำผลไม้สำเร็จรูปหลายชนิด มักมีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และตกลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หิวบ่อย หิวเร็ว นอกจากนี้ การดื่มน้ำผลไม้สำเร็จรูป ยังทำให้เราขาดใยอาหารที่ได้จากการกินผลไม้สด ซึ่งใยอาหารมีบทบาทสำคัญ ที่จะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มนาน และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย

          ชานมไข่มุก

          • เนื่องจาก ชานมไข่มุกมักมีปริมาณน้ำตาลและไขมันที่สูงมาก ซึ่งหากดื่มในตอนเช้า อาจทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนส่งผลให้รู้สึกหิวบ่อยในระหว่างวัน นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน และโรคเบาหวานได้อีกด้วย

          น้ำอัดลม

          • เนื่องจาก น้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก การดื่มในตอนเช้าจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจะตกลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ 

          อาหารแปรรูป 

          • เนื่องจาก อาหารแปรรูปบางชนิด เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม หรืออาหารกระป๋อง มักมีสารกันบูด โซเดียม และน้ำตาลสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย

          อาหารทอด 

          • เนื่องจาก อาหารที่ผ่านกระบวนการทอด เช่น ไก่ทอด เฟรนช์ฟราย มักมีปริมาณไขมันและแคลอรี่สูง ซึ่งการรับประทานอาหารทอดที่มากเกินไป อาจนำไปสู่โรคหัวใจ และหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ การใช้น้ำมันทอดอาหารซ้ำ ๆ อาจก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

          3 โปรแกรม ปิดจบความหวาน กู้คืนหุ่นสวย 

           

          3 โปรแกรม จบความหวาน กู้หุ่นสวย
          3 โปรแกรม จบความหวาน กู้หุ่นสวย

           

          Slim & Slander โปรแกรมคุมหิว ปรับการกิน

          • Slim & Slender หรือ เปปไทด์คุมหิว เป็นเทคโนโลยีลดน้ำหนักทางเลือกใหม่ โดยมีสารสำคัญอย่าง “เปปไทด์” ซึ่งจะออกฤทธิ์เลียนแบบการทำงานของฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide 1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ ถูกปล่อยออกมาหลังจากรับประทานอาหาร โดยเปปไทด์จะเข้าไปควบคุมความอยากอาหาร ลดการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ส่งผลให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ย่อยช้าลง ทำให้รู้สึกอิ่มนาน
          • Slim & Slender เหมาะสำหรับผู้ที่หิวบ่อย รู้สึกหิวตลอดเวลา ชอบกินของหวาน ของทอด รวมถึง ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและควบคุมอาหาร แต่ยังไม่มีเวลาออกกำลังกาย
          • ผลลัพธ์หลังใช้ Slim & Slender คือ ช่วยควบคุมอาหาร ปรับสมดุลลำไส้ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และลดการกินจุกจิกระหว่างวัน นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน หรือโรคอ้วนได้อีกด้วย

           

          IV Energy Plus โปรแกรมบูสต์ระบบเผาผลาญเร่งด่วน

          • IV Energy Plus เป็นการให้วิตามิน และสารอาหารผ่านทางหลอดเลือดดำ สามารถเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ดูดซึมได้ถึง 100% โดยประกอบไปด้วยสารสำคัญหลายชนิดอย่าง L-Carnitine ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองจากตับและไต โดยจะเข้าไปช่วยให้ร่างกายนำไขมันที่สะสมมาใช้เป็นพลังงาน เร่งอัตราการเผาผลาญไขมันลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้ไขมันส่วนเกินลดลง ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ
          • IV Energy Plus เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ ชอบกินของหวาน อาหารที่มีไขมันสูง รวมถึง ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก และออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งการให้ IV Energy Plus จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกายให้ดียิ่งขึ้น
          • ผลลัพธ์หลังให้ IV Energy Plus คือ ช่วยเร่งระบบเผาผลาญ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ที่เกิดจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระอีกด้วย

           

          Fit Shape Body โปรแกรมรีดไขมัน กระชับสัดส่วน

          • Fit Shape Body เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่เฉพาะ 448 kHz ซึ่งมีความปลอดภัย ในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกาย สามารถลดไขมันในช่องท้อง และเซลลูไลต์ได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำลายเซลล์อื่น ๆ รวมถึง ยังต่อต้านการสร้างใหม่ของเซลล์ไขมัน พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ใต้ชั้นผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ สามารถกระชับผิวในบริเวณที่หย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี
          • Fit Shape Body เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลต์ ผิวขรุขระ ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึง ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนแบบเร่งด่วน 
          • ผลลัพธ์หลังทำ Fit Shape Body คือ ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกิน ทั้งในชั้นผิวหนังและในช่องท้อง (Visceral Fat) อีกทั้ง ยังช่วยกำจัดเซลลูไลต์ และผิวเปลือกส้มในทุกระดับชั้นผิว พร้อมลดการอักเสบและลดอาการบวมน้ำ ทำให้ผิวเรียบเนียน รูปร่างเฟิร์มกระชับ ไม่ห้อยย้อย 

           

          สัมผัสประสบการณ์ดูแลรูปร่างได้ ที่ รมย์รวินท์ ทุกสาขา

          สำหรับใครที่สนใจดูแลรูปร่าง อยากมีหุ่นสวยแบบเร่งด่วน สามารถเข้ามาปรึกษากับ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา เราพร้อมดูแลคุณอย่างใกล้ชิด ด้วยโปรแกรมดูแลรูปร่างที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก ปรับการกิน กำจัดไขมัน หรือกระชับสัดส่วน โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ ที่สามารถวิเคราะห์รูปร่างได้อย่างแม่นยำ เพื่อวางแผนการรักษาที่ตรงจุด ให้คุณมีหุ่นสวยกลับบ้านได้อย่างมั่นใจ

           

          ทางลัดกู้หุ่นพัง สู่หุ่นปังระดับจักรวาล ฉบับ รมย์รวินท์

          ทางลัดกู้หุ่นพัง

          ยินดีกับสาวงามประเทศไทย ในการประกวด Miss Universe 2024 ที่ประเทศเม็กซิโก ที่คว้ารางวัล รองอันดับ 3 มาครอง แน่นอนว่า เรื่องความเป๊ะ ความปังนั้น เราไม่น้อยหน้าใคร นอกจากความสวย ความฉลาดแล้ว หุ่นของเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ถึงแม้ภารกิจระดับจักรวาลจะไม่สำเร็จ แต่ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า สาวไทยของเราเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย กับการประกวดในรอบไฟนอลนี้ 

          ใครที่เห็นหุ่นสาวไทย ในรอบประกวดไฟนอล เป็นต้องร้องฮือฮากันทั้งทั้ง เพราะสาวโอปอล์ทั้งรูปร่าง หุ่นแซ่บสะพรึง ทรวดทรงดีไม่มีใครเกิน

          ใครที่อยากมีหุ่นสวยแบบสาวโอปอล์ หรืออยากรักษาหุ่นเพราะอยากเข้าประกวดบ้างในปีถัดไปแบบไม่ต้องออกกำลังกาย  แค่มา รมย์รวินท์คลินิก พร้อมด้วย 4 โปรแกรมลับกระชับหุ่นสวย สัดส่วนจึ้งจับใจจักรวาล ไม่แพ้นางงาม แม้หุ่นพังแค่ไหนก็ลดได้ ฉีกทุกกฎของการดูแลรูปร่างไว้ในที่นี่ที่เดียว บทความนี้รวบรวมมาให้แล้วแบบม้วนเดียวจบ

          รวมโปรแกรมปั้นหุ่นนางงาม ทางลัดกู้หุ่นพัง แบบสวยเร่งด่วน

          ทางลัดกู้หุ่นพัง
          ทางลัดกู้หุ่นพัง

          TOP 4 โปรแกรมหุ่นสับ แบบนางงามจักรวาล

          Coolsculpting 

          • Coolsculpting เทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็นระดับจุดเยือกแข็ง โดยใช้อุณหภูมิอยู่ที่ -11 ถึง -13 °C ซึ่งเป็นระดับความเย็นที่มีงานวิจัยรองรับกว่า 120 ฉบับว่า สามารถลดเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างถาวร โดยการฟรีซเซลล์ไขมันให้แข็งตัวและตายไปในที่สุด จากนั้นเซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะค่อย ๆ สลายตัว และถูกขับออกจากร่างกายตามกระบวนการธรรมชาติ ผ่านทางระบบขับถ่ายในรูปแบบของเสีย เช่น ปัสสาวะ หรืออุจจาระ โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายต่อร่างกาย สามารถเลือกทำเฉพาะจุดได้ เช่น ต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง เอว หรือสะโพก ใช้เวลาเพียงแค่ 35 นาที หลังทำเสร็จไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
          • Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด ลดไขมันยาก พยายามอดอาหารและออกกำลังกายแต่ไม่เห็นผล ต้องการลดไขมันเร่งด่วน รวมถึง ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาจ้างเทรนเนอร์
          • ผลลัพธ์หลังทำ Coolsculpting คือ สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้มากถึง 27 – 31% ทำให้สัดส่วนลดลง รูปร่างสมส่วนมากขึ้น หุ่นสวยขึ้นกว่าเดิม

          Emsculpt 

          • Emsculpt เทคโนโลยีสร้างกล้ามเนื้อ ที่ให้มากกว่าการออกกำลังกาย ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นและความถี่สูง HIFEM (High Intensity Focused Electromagnetic) สามารถสร้างกล้ามเนื้อ พร้อมลดไขมันได้ในขั้นตอนเดียว โดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อให้เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่องซ้ำ ๆ จะสามารถสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ และเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อที่มีอยู่เดิมได้อย่างตรงจุด ในขณะเดียวกันนั้น การเผาผลาญของร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายลดลง โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็เทียบกับการซิทอัพถึง 20,000 ครั้ง สามารถเลือกทำได้หลากหลายบริเวณ เช่น ต้นแขน หน้าท้อง สะโพก หรือต้นขา
          • Emsculpt เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ ปั้น Six Pack ให้ชัด ปั้นสะโพกให้กลมสวย และผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ต้องการสร้างกล้ามเนื้อแบบเร่งด่วน รวมถึง คุณแม่หลังคลอด ต้องการแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อหน้าท้องแยกให้กลับมาชิดกัน
          • ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ Emsculpt คือ สามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ถึง 16% พร้อมลดไขมันได้ถึง 19% และลดการแยกของกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ถึง 11% ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง สัดส่วนดูดี หุ่นสวยมากขึ้น

          Oligio Body

          • Oligio Body เทคโนโลยียกกระชับรูปร่าง ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar RF (6.78 MHz) สามารถยิงเข้าสู่ชั้นผิวหนัง 4.3 มิลลิเมตร ลงลึกได้ถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ปล่อยพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง และกระจายพลังงานได้ดี มีความแม่นยำสูง ด้วยเทคนิค Fast Moving Technique เป็นเทคนิคเฉพาะที่ถูกออกแบบมา เพื่อยกกระชับสำหรับเครื่อง Oligio เท่านั้น สามารถปรับพลังงานได้ 3 โหมด ทั้งโหมดเดี่ยว โหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่แตกต่างได้อย่างตรงจุด โดยจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ ลดความหย่อนคล้อย รวมถึง ยังทำให้เซลล์ไขมันใต้ผิวหนังแตกตัว และสลายไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจจับอุณหภูมิอัจฉริยะ แบบ Real Time สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดผิวไหม้ ผิวเบิร์นหลังทำ หากมีความร้อนสูงเกิน 43 °C ตัวเครื่องจะหยุดทำงานทันที จึงมีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย
          • Oligio Body เหมาะสำหรับผู้ที่อายุมาก มีปัญหารูปร่างหย่อนคล้อย ผิวเหี่ยวย่น ห้อยย้อย ไม่เฟิร์มกระชับ รวมถึง ผู้ที่มีไขมันสะสมตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย
          • ผลลัพธ์หลังทำ Oligio Body สามารถกระชับสัดส่วน ลดความหย่อนคล้อยได้ถึง 20 – 30% พร้อมลดไขมันส่วนเกิน และชะลอความหย่อนคล้อยของผิว ทำให้รูปร่างเฟิร์มกระชับ หุ่นสวย ดูอ่อนกว่าวัย

          Fit Shape Body

          • Fit Shape Body โปรแกรมลดไขมันในช่องท้อง พร้อมกำจัดเซลลูไลต์ ด้วยเทคโนโลยี CRMRF (Capacitive Resistive Monopolar Radiofrequency) ที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่เฉพาะ 448 kHz โดยเข้าไปขจัดไขมันที่สะสม ทำให้ไขมันเกิดการหดตัวและแตกตัว หลังจากนั้นร่างกายจะขับไขมันออกมาอัตโนมัติผ่านทางระบบขับถ่าย สามารถกำจัดเซลลูไลต์ได้ในทุกระดับชั้นผิว และเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกายให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบโปรไอออนิก (Proionic) สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ซึ่งจะทำงานร่วมกับคลื่นวิทยุ ลงลึกไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ เพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดอาการบวม รวมถึง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว โดยไม่ทำลายเซลล์อื่น ๆ ในร่ากงาย
          • Fit Shape Body เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมัน เซลลูไลต์ และผิวเปลือกส้ม ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง รวมถึง ผู้ที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ระบบเผาผลาญทำงานช้า
          • ผลลัพธ์หลังทำ Fit Shape Body สามารถลดไขมันสะสม ทั้งในชั้นผิวหนังและช่องท้อง (Visceral Fat) ได้ถึง 11% ลดเซลลูไลต์และผิวเปลือกส้มได้อย่างตรงจุด ทำให้สัดส่วนกระชับ เต่งตึง ผิวไม่หย่อนคล้อย หุ่นสวยมากขึ้น

          สัมผัสความสวยที่จักรวาลเลือกแล้วที่ Romrawin Clinic ทุกสาขา

          สำหรับใครที่อยากปรับลุคใหม่ ทวงคืนความมั่นใจให้รูปร่างอีกครั้ง 4 โปรแกรมนี้ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ ตั้งแต่การลดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ ยกกระชับผิว ไปจนถึงการกำจัดเซลลูไลต์อย่างมีประสิทธิภาพ หากใครที่สนใจดูแลรูปร่าง สามารถเข้ามาปรึกษากับทาง รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา เรามีทีมแพทย์และทีม Specialist ที่มีความรู้ ความชำนาญด้านรูปร่างโดยเฉพาะ สามารถวิเคราะห์และออกแบบรูปร่างได้อย่างตรงจุด เพื่อให้คุณมีหุ่นสวยสับ สุขภาพดี ลืมหุ่นพังไปได้เลย

          อัปเดตเทรนด์ความรู้ใหม่ VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All 

          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All 

          Romrawin X RADIESSE® VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All 

           

          ล้ำหน้าไปอีกขั้น! กับนวัตกรรมความงามที่เหนือกว่าการฟิลเลอร์ทั่วไป กับงานอัปเดตเทรนด์ความรู้ “RADIESSE® VERSATILITY: A Regenerative Biostimulator for All” ที่จะมาเผยความลับของการฟื้นฟูผิวระดับเซลล์ด้วย Biostimulator ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งงานนี้จัดโดย Merz Aesthetics Thailiand 

           

          RADIESSE® ผู้นำด้านนวัตกรรม Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เทคโนโลยีกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมนำเสนอความรู้ใหม่และเทคนิคการรักษาที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้รับการรักษา ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล

           

          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All 
          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All

          Romrawin ร่วมอัปเดตเทรนด์ความรู้ใหม่ RADIESSE® ทวงคืนผิวอ่อนเยาว์

           

          รมย์รวินท์คลินิกได้เข้าร่วมอัปเดตความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการความงาม พร้อมเจาะลึกเทคนิคการรักษาที่ตอบโจทย์ผู้รับบริการในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา  ณ ห้อง Magnolia Ballroom ชั้น 10 ที่โรงแรม Waldorf Astoria

          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All 
          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All

          บรรยากาศภายในงานถูกออกแบบให้ระดับพรีเมียม เป็นการอัปเดตเทรนด์ความรู้และเทคนิคใหม่เกี่ยวกับเทคนิคการฉีด RADIESSE® บริเวณลำคอและมือ เพื่อให้ผิวบริเวณลำคอและมือมีความเรียนเนียน อิ่มฟู และตึงกระชับ ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงานในวันนี้คือการอัปเดตเทคนิคการทวงคืนผิวอ่อนเยาว์ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวให้กับคนยุคใหม่ทุกคน

           

          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All 
          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All

           

          งานอัปเดตเทรนด์ความรู้ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านความงามกว่าทุกท่านที่เข้าร่วมอัปเดตความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตลอดทั้งวัน

           

          RADIESSE® นวัตกรรมสุดล้ำ พิชิตผิวโทรม เผยผิวอ่อนเยาว์ ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น

           

          RADIESSE® เป็นนวัตกรรม Regenerative Biostimulator ระดับโลก ที่เป็นมากกว่าการเป็นฟิลเลอร์ทั่วไป ด้วยเทคโนโลยี Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ RADIESSE® ยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ด้วยผลการศึกษาวิจัยที่รับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยมาอย่างยาวนาน พร้อมเป็นทางเลือกในการดูแลความงามที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน 

           

          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All 
          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All

           

          รมย์รวินท์คลินิกจึงเลือก RADIESSE® มาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการออกแบบให้ช่วยในการปรับรูปหน้าและเติมเต็มริ้วรอย โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องการการยกกระชับ เช่น โครงสร้างใบหน้า ลำคอ และบริเวณมือ ซึ่งมีข้อดีหลายประการที่สอดคล้องกับบริการของรมย์รวินท์คลินิก ด้วยคุณสมบัติเด่นในด้านการเติมเต็มและช่วยยกกระชับ ทำให้ใบหน้าสดใสและมีมิติมากขึ้น ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 2 ปี 

           

          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All 
          VERSATILITY A Regenerative Biostimulator for All

           

          ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของ RADIESSE® จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าที่รมย์รวินท์คลินิก โดยสามารถให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน สำหรับใครที่อยากปรับหน้าเด็ก เผยผิวอ่อนเยาว์ด้วยเทคนิคสุดพิเศษกับทางแพทย์ที่มีประสบการณ์ประจำรมย์รวินท์คลินิก สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาที่ใกล้บ้านคุณ

          NU PICO BRIGHT เคลียร์ผิวกระจ่างใสให้คุณอ๊อฟ ชนะพล

          NU PICO BRIGHT


          ดีดฝ้า จุดด่างดำ เคลียร์ผิวกระจ่างใสให้คุณอ๊อฟ ชนะพล ด้วย NU PICO BRIGHT 

           

          พระเอกหนุ่มสุดหล่อ พ่วงด้วยตำแหน่งว่าที่เจ้าบ่าว คุณอ๊อฟ ชนะพล สัตยา เห็นในหน้าจอทีวีก็ว่าหล่อแล้ว ยิ่งมาเห็นตัวจริงยิ่งหล่อ หน้าใสมากก หรือว่าเพราะความรักนะที่ทำให้คุณอ๊อฟหน้าใสได้ขนาดนี้

           

          NuPico
          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

           

          (หัวเราะ) ไม่หรอกครับที่ผมหน้าใสได้ขนาดนี้ก็เพราะรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละครับ (ยิ้ม) เมื่อก่อนทำงานหนักมาก ด้วยอาชีพของเราที่เป็นนักแสดง บทบาทส่วนใหญ่ที่ผมได้รับก็จะเป็นบทแอ็กชัน ซึ่งก็ต้องถ่ายกลางแจ้ง ลุยแดด ลุยฝุ่น เรียกได้ว่าต้องลุยทุกอย่างเลย และต้องใช้เวลาถ่ายนาน ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองบางทีก็ข้ามไปอีกวัน ไม่มีเวลาบำรุงผิว ยิ่งกันแดดนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ข้ามวันแน่นอน เวลาเลิกกองกลับถึงบ้าน เคลียร์หน้าปุ๊บเท่านั้นแหละ โอโห! หน้าเราไปไกลขนาดนี้แล้วนะแล้ว มันมาเลยครับ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ฝ้านี่ตัวดีเลยครับมันมาเป็นปื้น เป็นจุดเลยครับ ตั้งแต่วันนี้ก็บอกกับตัวเองเลยว่าจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าขืนเราปล่อยเลยตามเลยมันต้องแย่กว่านี้แน่นอนเลย

           

          NuPico
          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

           

          หลังจากนั้นผมก็หาวิธีกู้หน้าของผมเลยครับ จากหน้าพังๆ ของเรา ต้องดูดีกว่านี้ ดูใสกว่านี้ จนผมได้มาเจอกับรมย์รวินท์คลินิกเพราะเพื่อนๆ ของผมแนะนำมานี่แหละครับ ส่วนตัวผมก็รู้จักและได้ยินชื่อเสียงของที่รมย์รวินท์คลินิกมานานแล้วเหมือนกัน ผมไว้ใจที่นี่เพราะเขามีชื่อมานานกว่า 21 ปี และมีถึง 28 สาขาทั่วประเทศ ขนาดนี้ต้องเป็นตัวจริงเรื่องผิวแน่นอนครับ

          และวันนี้ก็มาถึง (หัวเราะ) ผมมาปรึกษาคุณหมอแวว (พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์) ให้คุณหมอแววช่วยดีดฝ้า ดีดผิวหมองคล้ำ รอยด่างดำ ออกไปให้หน้าผมดูกระจ่างใส ดูดีได้อีกครั้งครับ เริ่มแรกคุณหมอแววจะประเมินปัญหาของผมก่อน และแนะนำให้ทำ NU PICO BRIGHT ซึ่งเลเซอร์ตัวนี้เป็นเลเซอร์ที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำครับ คุณหมอแววจะเลือกใช้พลังงานที่เหมาะสมกับผิวหน้าของเรา โดย NU PICO BRIGHT เป็นพลังงานเลเซอร์ที่ยิงลงชั้นผิวไปโฟกัสอย่างจำเพาะเจาะจงกับเม็ดสี ทำให้เม็ดสีที่ผิดปกตินั้นแตกตัวออกเป็นเม็ดเล็กๆ ทำให้ร่างกายสามารถผลัดเม็ดสีพวกนี้ออกไปได้โดยง่ายมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ทำให้เกิดบาดแผล ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ทำให้เลือดออกใต้ผิวหนัง และข้อนี้ที่อ๊อฟชอบมากคือหลังทำ NU PICO BRIGHT เสร็จแล้วสามารถใช้หน้าต่อได้ทันทีเลยครับ 

           

          คุณอ๊อฟ ชนะพล กับผลลัพธ์ 1 เดือน หลังทำ NU PICO BRIGHT ที่สามารถพิสูจน์ได้จริง

           

          NuPico
          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

           

          ตอนนี้ก็ 1 เดือนแล้วอ๊อฟรู้สึกว่าหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้น เอาจริงๆ เลยก็คือหลังจากทำ NU PICO BRIGHT มันเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลย พวกจุดด่างดำ ฝ้า กระ ที่เคยเป็นกังวล เป็นปัญหาสำหรับเรามันก็จางลงไปเลยครับ และรูขุมขนก็ดูกระชับขึ้นด้วย ตอนนี้ก็คือความมั่นใจ ความเยาว์วัยมันกลับมาอีกครั้งแล้วครับ สร้างผิวใหม่ให้แข็งแรง แบบไม่มีปื้นดำ ต้อง NU PICO BRIGHT ที่รมย์รวินท์คลินิกครับ

           

          NU PICO BRIGHT คืออะไร ทำให้หน้าคุณอ๊อฟ ชนะพล ใสได้อย่างไร

          โปรแกรม NU PICO BRIGHT นวัตกรรม Picosecond Laser ยิงพลังงานเลเซอร์คลื่นแสงที่มีความเฉพาะเจาะจงไปที่เม็ดสีผิวเมลานินที่มีความผิดปกติให้แตกตัวออกเป็นเม็ดเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายกำจัดออกได้โดยง่าย โดยเลเซอร์ที่นำมาใช้ในการรักษา ฝ้า กระ จุดด่างดำ จะใช้ความยาวคลื่นอยู่ที่ 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร NU PICO BRIGHT เลเซอร์ที่มีความอ่อนโยน ใช้พลังงานที่เหมาะสมกับสภาพของผิวหน้า สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องแปะยาชา หลังทำโปรแกรม NU PICO BRIGHT อาจจะทำให้หน้าแดงระเรื่อ อมชมพูเล็กน้อย ไม่มีเลือดออกใต้ผิวหนัง ไม่ต้องพักฟื้นใบหน้า สามารถแต่งหน้าได้ เหมาะสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้หน้าทันที

           

          ทำไมคุณอ๊อฟ ชนะพลเลือกมาทำ NU PICO BRIGHT ที่รมย์รวินท์คลินิก 

          • NU PICO BRIGHT ช่วยแก้ปัญหาเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ
          • NU PICO BRIGHT ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
          • NU PICO BRIGHT บูสต์ผิวให้กระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ ไม่สดใสของใบหน้า
          • NU PICO BRIGHT เลเซอร์ที่มีความอ่อนโยน ใช้พลังงานที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ 
          • NU PICO BRIGHT ไม่ทำให้เลือดออกใต้ผิวหนัง หลังทำจะหน้าแดงอมชมพูเล็กน้อย 
          • NU PICO BRIGHT ไม่ต้องแปะยาชา ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือแสบ
          • NU PICO BRIGHT ทำแล้วไม่ทิ้งรอยแผล หน้าไม่ตกสะเก็ด 
          • NU PICO BRIGHT หลังทำไม่ต้องพักหน้า สามารถใช้หน้าต่อได้ทันที

           

          ดูแลผิวอย่างไรหลังทำ NU PICO BRIGHT

          • หลังจากทำ NU PICO BRIGHTควรงดการล้างหน้า 24 ชั่วโมง
          • หลังจากทำ NU PICO BRIGHT ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดอย่างน้อย 2 อาทิตย์
          • หลังจากทำ NU PICO BRIGHT ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ (ถึงแม้จะไม่ได้ทำ NU PICO BRIGHT ก็ควรทำเป็นประจำ)
          • หลังจากทำ NU PICO BRIGHT ควรทามอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

           

          รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำอย่างได้ผลแนะนำเลเซอร์ NU PICO BRIGHT ที่รมย์รวินท์ คลินิก ผิวสวยเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ผิวกระจ่างใส และยังปลอดภัย เพราะเครื่องมือได้รับรองมาตรฐานจาก US FDA สหรัฐอเมริกา และดูแลรักษาโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทุกเคส 

           

          สามารถเข้าปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์ คลินิก เรามีสาขาทั่วประเทศถึง 28 สาขา ให้บริการคุณ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ

           

          ROMRAWIN x MERZ AESTHETIC 1 FREE 1 รับความสวย

          1 Free 1

          คุณคือผู้ถูกเลือกให้ได้รับความสวยเป็นสองเท่า!!

           

          แจก แจก แจก 1 ฟรี 1 !! ยินดีด้วย! คุณคือได้รับเลือกจาก ROMRAWIN x MERZ AESTHETIC ให้ได้รับผิวเปล่งประกายและอ่อนเยาว์เป็นสองเท่า

           

          1+1 = ผิวเปล่งประกาย ไม่ได้บวกเลขผิด แต่เป็นจริงได้ด้วยโปรโมชันที่เราคัดสรรมาเพื่อมอบความสวยที่เป็นจริงให้คุณแล้ววันนี้ 

          1 FREE 1

          Belotero Revive 1 Free 1
          Belotero Revive 1 Free 1

           

          ผิววาวใสฉ่ำน้ำดูเด้งเกินต้านเป็นสองเท่า ด้วย BELOTERO REVIVE เติมเต็มผิวให้สวย เนียนเรียบ สุขภาพผิวดี ที่จัดมาให้คุณพิเศษสุด!

          • ซื้อ 1 ได้อีก 1 ในราคาเพียง 20,000 บาท

          Program Filler Belotero Revive จำกัด 10 สิทธิ์ เท่านั้น!!

          Radiesse 1 Free 1
          Radiesse 1 Free 1

           

          ดึงผิวให้จึง ขึงผิวให้แน่น ยกผิวให้กระชับ ด้วย RADIESSE งานผิวตัวดังที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวตึง อ่อนเยาว์ หน้าเด็ก ที่จัดมาให้คุณ

          • พิเศษสุด! ซื้อ 1 ได้อีก 1 ในราคาเพียง 36,000 บาท

           

          Radiesse Plus 1 Free 1
          Radiesse Plus 1 Free 1

           

          ฟื้นฟูโครงหน้าให้ชัด ปรับกรอบหน้าให้คมชัด เพิ่มมิติให้ใบหน้าคมเฉี่ยวทุกมุมมอง ด้วย RADIESSE PLUS เพิ่มมิติให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์ด้วย 3 จุดเด่น คมชัด พุ่ง มีมิติ ที่จัดมาให้คุณ

          • พิเศษสุด! ซื้อ 1 ได้อีก 1 ในราคาเพียง 36,000 บาท

           

          โปรพิเศษ เปล่งประกายความงาม ความอ่อนเยาว์ให้คุณได้สองเท่าขนาดนี้ อย่ามัวรีรอ ต้องหยิบมือถือขึ้นมาจองสิทธิ์กันแล้วนะ เพราะถ้าพลาดแล้วพลาดเลย โปรโมชันดีๆ แบบนี้ใครมือไวได้สวยนำไปก่อนนะ 

           

          RADIESSE และ RADIESSE PLUS จำกัด 10 สิทธิ์เท่านั้น!!

          * โปรโมชันนี้เฉพาะจองออนไลน์เท่านั้น

           

          มารู้จัก 3 ตัวเด่น บูสต์ผิวให้เปล่งประกายอ่อนเยาว์  

           

          BELOTERO REVIVE คืออะไร

           

          BELOTERO REVIVE สารเติมเต็มที่มอบงความฉ่ำวาวให้ผิว ซึ่ง BELOTERO REVIVE เป็นสารเติมเต็มรุ่นแรกของโลกที่มีสารประกอบของ Hyaluronic Acid  และ Glycrol ด้วยนวัตกรรมการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BELOTERO โดยเฉพาะ มีคุณสมบัติเด่น คือ

           

          • Hyaluronic Acid หรือ HA สารเติมเต็มผิวที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถกักเก็บน้ำได้ดี ช่วยมอบความชุ่มชื้นแก่ผิว ให้ผิวฉ่ำวาว และเติมเต็มผิวให้เรียบเนียน โดยทำให้เกิดการแพ้แก่ผิว
          • Glycerol เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ปลอบประโลมผิว และช่วยลดอาการอักเสบและการระคายเคืองของผิว และทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายอีกด้วย 

           

          ทำให้ BELOTERO REVIVE มีคุณสมบัติที่เด่นๆ ในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวหน้าฉ่ำโกลว์ ช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว ให้ผิวดูมีสุขภาพดี แข็งแรง เนียนเรียบ BELOTERO มีคุณสมบัติเด่น คือ

           

          • Cohessivity มีความยึดเกาะได้ดี ทำให้เวลาฉีดกลืนไปกับผิวได้ง่าย 
          • Elasticity มีความยืดหยุ่น ไม่ทำให้เกิดการไหลหรือย้อยเมื่อฉีดเข้าสู่ผิว
          • Plasticity สามารถขึ้นรูปทรง หรือตกแต่งให้เข้ากับบริเวณที่ต้องการได้ง่าย

           

          BELOTERO REVIVE ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

          • BELOTERO REVIVE ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำวาว
          • BELOTERO REVIVE มอบความเนียนเรียบให้แก่ผิว
          • BELOTERO REVIVE ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ให้ผิว
          • BELOTERO REVIVE ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
          • BELOTERO REVIVE ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับมากขึ้น

           

          RADIESSE คืออะไร 

           

          RADIESSE สารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบของ Clcium Hydroxylapatite หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ CaHA  ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายของคนเรา จึงไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม เมื่อฉีด RADIESSE แล้ว ร่างกายไม่เกิดการต่อต้าน หรืออาการบวม อักเสบ โดยสามารถย่อยสลายไปเองได้โดยธรรมชาติ ไม่เกิดการตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดย RADIESSE จะช่วยเข้าไปกระตุ้นการสร้างตาข่ายผิวใหม่ 5 ประการในหนึ่งเดียว

          • กระตุ้นการสร้าง Collagen Type I ได้ถึง 150% ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และกระชับมากยิ่งขึ้น
          • กระตุ้นการสร้าง Collagen Type III ได้ถึง 130% ทำให้ผิวมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
          • ช่วยเพิ่ม Elastin ทำให้ผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
          • ช่วยเพิ่ม Proteoglycan ทำให้ผิวมีความฉ่ำโกลว์ ผิวนุ่ม อิ่มน้ำ คงความชุ่มชื้นให้ผิวได้นานกว่าที่เคย ทำให้ผิวมีความอ่อนเยาว์
          • กระตุ้น Angiogenesis เสริมสร้างหลอดเลือดเล็ก และกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ทำให้สารอาหารไปหล่อเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น ทำให้ผิวมีความสมบูรณ์ แข็งแรงสุขภาพดี

           

          RADIESSE ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

          • YOUNGER ให้ผิวอ่อนเยาว์กว่าที่เคย
          • HEALTHIER ยกระดับผิวสุขภาพดีกว่าที่เป็น
          • LONGER ผลลัพธ์งานผิวอยู่ได้นานถึง 2 ปี 

           

          RADIESSE  PLUS คืออะไร Biostimulator ที่นอกจากจะช่วยเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการเติมเต็มริ้วรอย ฟื้นฟูโครงหน้า เพิ่มความคมชัดให้ใบหน้ามีมิติมากขึ้น โดยมีการพัฒนามาจาก RADIESSE โดยมีการเพิ่มสาร Lidocaine หรือยาชาเข้าไปเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด RADIESSE PLUS ช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์ด้วย 3 จุดเด่น

          • LIFTING ยกกระชับโครงหน้าให้ชัด
          • Contouring สร้างกรอบหน้าให้พุ่ง มีมิติ แลดูคมชัดด้วยการสร้างเส้น Z line & Contour ลากตัดขอบที่ Cheek bone & Jawline 
          • NOW & LONG AFTER กระตุ้นการสร้างโครงหน้าโดยผ่านกระบวนการธรรมชาติ หรือ Body Natural Process ที่อยู่ได้นานถึง 2 ปี 

           

          RADIESSE PLUS  ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

          • RADIESSE PLUS ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน
          • RADIESSE PLUS ช่วยยกกระชับใบหน้า
          • RADIESSE PLUS ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า 
          • RADIESSE PLUS ช่วยเพื่มมิติให้ใบหน้า
          • RADIESSE PLUS ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด

           

          อย่ามัวรีรอ จำนวนจำกัด! ใครมือไวได้สวยเปล่งประกายนำไปก่อนนะ

           

          * เงื่อนไขในการเข้าร่วมแคมเปญ มีดังนี้

          1.เมื่อซื้อโปรแกรมที่ร่วมรายการข้างต้น ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยชำระเต็มจำนวน ภายในวันที่ 25 ธ.ค.67 โดยยึดจากลำดับการลงทะเบียนพร้อมอัปโหลดหลักฐานการชำระเงิน และตรวจสอบจาก

          1.1 ลำดับการลงทะเบียนที่อัปโหลดหลักฐานชำระเงิน
          1.2 สลิป วัน-เวลา ที่ชำระเงินผ่านบัตร หรือโอนเงินที่ปรากฏในสลิปทางออนไลน์เท่านั้น
          1.3 ผู้ที่ทำถูกต้องตามกติกาที่ทางรมย์รวินท์คลินิกกำหนด และตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง
          .
          Link สำหรับส่งหลักฐาน https://forms.gle/opgfkBwdRZXs9Kcs9
          .
          2. จำกัดแค่ 1 ท่าน/สิทธิ์
          3. ไม่สามารถคืนเงิน หรือเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
          4. ขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ทำถูกต้องตามกติกาและข้อกำหนด
          5. เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่หน้างานอีกครั้ง

          *ระยะเวลาโปรโมชัน 18 พฤศจิกายน ถึง 25 ธันวาคม 67 นี้เท่านั้น!! ลงทะเบียนก่อน ได้สิทธิ์ก่อน!!
          *หากสิทธิ์เต็มจะแจ้งให้ทราบก่อนวันที่ 25 ธ.ค.67

          *โปรโมชันนี้เฉพาะลูกค้าใหม่เท่านั้น
          *สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าในแคมเปญนี้ จะต้องเข้ารับบริการภายใน 25 ธันวาคม 67 นี้เท่านั้น!
          *โปรโมชันนี้เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
          *โปรโมชั่นนี้เฉพาะจองออนไลน์เท่านั้น
          *โปรโมชั่นเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น
          *ไม่สามารถเปลี่ยนโปรแกรม หรือหัตถการอื่นในคลินิกได้

           

          รมย์รวินท์ เปิดตำราหน้าใส ไร้สิว รับลอยกระทง 2024

          ลอยกระทง ลอยหน้าสิว

          AviClearลอยกระทงปีนี้ ขอลอยหน้าสิว ผิวเสียให้หายไป

          จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า … ลอยกระทงปีนี้ ขอปล่อยความทุกข์และปัญหากวนใจทิ้งไป ลอยหน้าสิว ผิวไม่ใสให้หายเกลี้ยง แล้วขอพรให้ได้ผิวใหม่ หน้าใส ไร้สิวจงอยู่กับเราตลอดไป ไม่กลับมาเป็นสิวซ้ำด้วยเทอญ 

          ปัญหาสิว เป็นปัญหาโลกแตกที่ตามหลอกหลอนใครหลายคนอยู่ ไม่ว่าจะพยายามดูแลหรือรักษาเท่าไหร่ สิวตัวร้ายก็ยังคงขึ้นมากวนใจอยู่เสมอ หากปล่อยไว้ ไม่รีบรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้สิวลุกลาม กลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมาได้  

          ใกล้จะถึงวันลอยกระทงแล้ว เตรียมพร้อมบอกลาหน้าสิว ผิวไม่ใสแล้วหรือยัง? วันนี้ รมย์รวินท์ จะมาแนะนำสุดยอดเทคโนโลยี ที่จะช่วยสยบปัญหาสิวทุกรูปแบบ จัดการสิวได้ตั้งแต่ต้นตอ พร้อมป้องกันการเกิดสิวซ้ำในระยะยาว จะเป็นหัตถการอะไรนั้น บทความนี้มีคำตอบให้แล้ว

          สิว คืออะไร?

          สิว (Acne) เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน ส่งผลให้เกิดการสะสมของน้ำมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกมากมาย จนกลายเป็นแหล่งให้แบคทีเรีย Cutibacterium Acnes (C. Acnes) เกิดการเจริญเติบโต ทำให้ผิวอักเสบ ติดเชื้อ จนกลายเป็นสิวที่มีลักษณะเหมือนตุ่มนูนเล็ก ๆ บนผิวหนัง ซึ่งอาจมีอาการบวมแดง หรือมีหนองร่วมด้วย โดยสามารถพบได้บ่อยในบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น อย่างบริเวณใบหน้า หน้าอก และหลัง นอกจากนี้ สิวยังมีหลากหลายประเภท ทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวช้าง หรือแม้แต่สิวฮอร์โมน ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะเฉพาะตัว และวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป 

           

          ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว มีอะไรบ้าง?

          ฮอร์โมน 

          • เกิดจากฮอร์โมนเพศชาย หรือ ฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดสิวได้ง่าย รวมถึง ช่วงก่อนมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนจะลดลง ทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันมากขึ้น รูขุมขนอุดตัน และเกิดสิวตามมา

          แบคทีเรีย 

          • เกิดจากแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) หรือปัจจุบันที่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Cutibacterium acnes (C.acnes) ที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนของเรา เมื่อรูขุมขนอุดตันจากน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แบคทีเรียชนิดนี้จะเจริญเติบโต และปล่อยสารเคมีที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดสิวอักเสบได้

          การผลิตน้ำมันส่วนเกิน

          • เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป น้ำมันส่วนเกินนี้ จะเข้าไปอุดตันในรูขุมขนร่วมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน และเกิดเป็นสิวอุดตันขึ้นในที่สุด เช่น สิวหัวดำ สิวหัวขาว

          พันธุกรรม 

          • พันธุกรรม มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของร่างกายหลายอย่าง รวมถึง การทำงานของต่อมไขมัน การสร้างเซลล์ผิว และการตอบสนองต่อการอักเสบ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนมีผลต่อการเกิดสิวทั้งสิ้น หากพบว่า มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นสิวมาก่อน ก็จะส่งผลให้เรามีความเสี่ยงที่จะเป็นสิวมากกว่าคนทั่วไปนั่นเอง

          อาหาร 

          • การรับประทานอาหารบางประเภท อาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารมัน อาหารแปรรูป หรือผลิตภัณฑ์จากนม ล้วนส่งผลให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น

          ยาบางชนิด

          • การรับประทานยาบางชนิดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดสิว หรือทำให้สิวที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยาชนิดนั้น เช่น ยาคุมกำเนิด หรือยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ 

          ความเครียด 

          • เมื่อรู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันและเกิดสิวได้ อีกทั้ง ความเครียดยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายเกิดการอักเสบได้ง่าย และทำให้สิวรุนแรงขึ้นได้

          สภาพแวดล้อม 

          • หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี อาจส่งผลกระทบต่อการเกิดสิวได้ เช่น มลภาวะ ฝุ่นละออง ควันรถยนต์ และสิ่งสกปรกในอากาศ โดยสิ่งเหล่านี้ จะเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตัน และยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้อีกด้วย

          เครื่องสำอาง 

          • เครื่องสำอางบางประเภท มักมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้ อาการระคายเคือง และทำให้ผิวเกิดการอักเสบได้ง่าย เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ ซิลิโคน หรือพาราเบน อีกทั้ง เครื่องสำอางที่มีน้ำมัน มีส่วนผสมที่หนักหน้า อาจทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน จนเกิดสิวอุดตันขึ้นได้ นอกจากนี้ การไม่ทำสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นประจำ อาจเกิดการสะสมของแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโต จนเกิดสิวอักเสบได้เช่นกัน

           

          Aviclear Laser ตัดจบวงจรสิวซ้ำซาก ตั้งแต่ต้นตอ

          AviClear Laser คืออะไร?

          AviClear Laser คือ เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อรักษาสิวโดยเฉพาะ โดยมีความยาวคลื่นในระดับ 1726 นาโนเมตร สามารถดูดซับน้ำมัน (Sebum) ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำงานโดยตรงกับต่อมไขมันบริเวณรูขุมขน (Sebaceous glands) ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว อยู่ใต้ผิวประมาณ 0.5 – 1.5 มิลลิเมตร ทำให้เซลล์ผลิตน้ำมันถูกทำลาย ส่งผลให้รูขุมขนไม่เกิดการอุดตัน และลดโอกาสการเกิดสิวทุกประเภท สามารถรักษาสิวได้ทุกระยะ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ปานกลาง ไปจนถึงระยะรุนแรง ซึ่งทำการรักษาสิวเพียง 3 ครั้ง สามารถยับยั้งการเกิดสิวในระยะยาวได้ถึง 2 ปี

          นอกจากนี้ ยังมีระบบทำความเย็น หรือ AviCool ซึ่งเป็นระบบทำความเย็นที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเครื่อง AviClear เท่านั้น โดยก่อนทำเลเซอร์ ระบบ AviCool จะปล่อยความเย็นลงบนผิวหน้า ทำให้ผิวเย็นลงประมาณ 2 – 4 องศาเซลเซียส ช่วยลดความรู้สึกแสบร้อนระหว่างการทำ และช่วยให้ผิวหนังผ่อนคลาย ซึ่งในขณะที่เลเซอร์เริ่มปล่อยพลังงาน ระบบ AviCool จะทำงานควบคู่กันไป เพื่อลดความร้อนจากการยิงเลเซอร์ ทำให้ผิวไม่ไหม้ ไม่เบิร์น และไม่เกิดความเสียหายบริเวณเนื้อเยื่อรอบข้าง

           

          AviClear Laser มีข้อดีอะไรบ้าง?

          • AviClear Laser สามารถรักษาสิวได้ทุกประเภทในทุกระดับความรุนแรง
          • AviClear Laser สามารถลดการเกิดสิวระยะยาวได้ถึง 2 ปี
          • AviClear Laser สามารถลดความมันและลดขนาดรูขุมขนได้
          • AviClear Laser ไม่ทำร้ายผิว ไม่ทำให้ผิวไหม้ ผิวเบิร์นหลังทำ
          • AviClear Laser สามารถทำได้แม้ในบริเวณที่ผิวบอบบาง 
          • AviClear Laser มีระบบทำความเย็น หรือ AviCool ในตัวเครื่อง
          • AviClear Laser ได้รับการรับรองจาก US FDA (อย. อเมริกา) และ TH FDA (อย. ไทย)

           

          ปฏิวัติวงการรักษาสิวได้แล้ววันนี้ที่ Romrawin Clinic

          สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาสิวอยู่ AviClear Laser ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ตอบโจทย์ในการรักษาปัญหาสิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าคุณมีปัญหาสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสิวหัวหนอง AviClear Laser สามารถจบปัญหาสิวได้ตั้งแต่ต้นตอ ทำให้สิวลดลงอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง และไม่ทำร้ายผิวรองข้าง พร้อมดูแลอย่างใกล้ชิด โดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการจาก รมย์รวินท์คลินิก ที่เข้าใจปัญหาสิวอย่างลึกซึ้ง สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ปราบสิว ผิวไม่เป๊ะให้อยู่หมัด คืนความมั่นใจ ผิวใสในทุกมุม

          ไม่อยากเข้าวัยเหี่ยว หน้าเหี่ยว ต้องทำยังไง

          วัยเหี่ยว

          วัยหนุ่ม ไม่น่ากลัวเท่า “วัยเหี่ยว” ไม่อยากหน้าเหี่ยวก่อนวัย ทำอย่างไรดี?

           

          เรื่องราวของชีวิตที่ก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยน เมื่อวัยหนุ่ม วัยสาวไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กลับกลายเป็นวัยเหี่ยว วัยแก่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กระจกที่เคยสะท้อนใบหน้าที่สดใส กลับกลายเป็นภาพสะท้อนของกาลเวลา ริ้วรอยเลือนลางเริ่มปรากฏขึ้น ผิวที่เคยเต่งตึงเริ่มหย่อนคล้อย รอบดวงตาเริ่มปรากฏร่องรอยของความเหนื่อยล้า ใบหน้าที่เคยชุ่มชื้นกลับแห้งกร้าน และริมฝีปากที่เคยอวบอิ่มก็เริ่มบางลงทุกที อย่าปล่อยให้กาลเวลาทำร้ายผิวหน้าของเราไปมากกว่านี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะหันมาดูแลตัวเอง บอกลาหน้าเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัย เตรียมทวงคืนวัยหนุ่ม วัยสาว เพื่อผิวหน้าที่สวยใส เปล่งปลั่ง และอ่อนเยาว์อีกครั้ง

           

          เคยสงสัยกันไหมว่า? ทำไมบางคนถึงหน้าเด็ก ดูอ่อนกว่าวัยตลอดเวลา วันนี้ รมย์รวินท์ จะพาไปทำความรู้จักกับโปรแกรมหน้าเด็ก หน้าเด้ง จะมีโปรแกรมอะไรบ้างนั้น ต้องห้ามพลาดบทความนี้เลยค่ะ

           

          เฉลยเคล็ดลับหน้าเด็ก บอกลาวัยเหี่ยว หน้าเหี่ยวก่อนวัย

           

          หน้าเหี่ยว เกิดจากอะไร

          หน้าเหี่ยว เป็นปัญหาที่หลายคนมักกังวล เนื่องจากเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ และทำให้หน้าดูแก่กว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด โดยสาเหตุหลักของปัญหาหน้าเหี่ยวนั้นมีหลายปัจจัย ได้แก่

          อายุที่เพิ่มขึ้น 

          • เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ซึ่งคอลลาเจนและอีลาสตินมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ผิวเต่งตึงและมีความยืดหยุ่น หากคอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพลง ผิวจะเริ่มเกิดการหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยได้ง่าย ส่งผลให้หน้าเหี่ยว หน้าแก่อีกด้วย

          แสงแดด 

          • รังสี UV จากแสงแดด ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอยก่อนวัย และหน้าเหี่ยวในที่สุด อีกทั้ง แสงแดดยังส่งผลให้ผิวคล้ำเสีย เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้ง่ายอีกด้วย

          การแสดงออกทางสีหน้า 

          • เมื่อมีการแสดงสีหน้า กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังจะเกิดการหดตัว ทำให้เกิดรอยพับบนผิวหนังซ้ำ ๆ จนกลายเป็นรอยเหี่ยวย่น ซึ่งมาจากการยิ้ม การหัวเราะ หรือการขมวดคิ้วบ่อย ๆ ทำให้เกิดรอยเส้น และริ้วรอยขึ้นได้

          พฤติกรรมการใช้ชีวิต 

          • พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เราทำเป็นประจำ อาจเป็นการเร่งให้ผิวหน้าของเราเสื่อมสภาพ และเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้นกว่าปกติ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารไม่สมดุล และความเครียดเรื้อรัง ล้วนส่งผลให้ผิวแก่ก่อนวัยได้ทั้งสิ้น

          มลภาวะ 

          • มลภาวะ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย และเกิดความเหี่ยวย่นได้ง่าย เช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ หรือมลพิษในอากาศ โดยมลภาวะเหล่านี้ จะปล่อยอนุมูลอิสระออกมา ซึ่งจะเข้าไปทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ และเกิดการอักเสบ รวมถึง ทำให้หน้าเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัยได้อีกด้วย

           

          เคล็ดลับล็อกหน้าเด็กชะลอหน้าเหี่ยว
          เคล็ดลับล็อกหน้าเด็กชะลอหน้าเหี่ยว

           

          4 เคล็ดลับ ล็อกหน้าเด็ก ชะลอหน้าเหี่ยว

          ฟิลเลอร์

          • ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) เป็นหลัก ซึ่งเป็นสารที่ผลิตขึ้นมา เพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายของเรา ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ และกักเก็บความชุ่มชื้น สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย ปัจจุบันฟิลเลอร์มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. ของไทย อย่างเช่น ฟิลเลอร์  Belotero, ฟิลเลอร์ Restylane, ฟิลเลอร์ Juvederm หรือ ฟิลเลอร์ Neauvia เป็นต้น
          • เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวแล้ว ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างในบริเวณที่มีริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ และเพิ่มวอลุ่มให้กับบริเวณที่ฉีด เช่น ขมับ แก้ม หรือริมฝีปาก นอกจากนี้ ยังสามารถปรับรูปหน้า แก้ไขใบหน้าที่ไม่ได้สัดส่วนได้เป็นอย่างดี 
          • ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าไม่สมส่วน มีปัญหากระดูกเริ่มทรุดตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น และผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน รวมถึง ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ 
          • ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์ คือ ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น ผิวหน้าดูอิ่มฟู มีความยืดหยุ่น ผิวดูชุ่มชื้น ดูอ่อนกว่าวัย รูปหน้ามีสัดส่วนเข้ารูป ดูมีมิติมากขึ้น สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด

           

          Radiesse 

          • Radiesse หรือ เรเดียส คือ สารเติมเต็มกระตุ้นคอลลาเจน Biostimulator ที่มีความแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปตรงที่ Radiesse มีส่วนประกอบหลักของ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา เช่น ในกระดูกและฟัน จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย จุดเด่นของ Radiesse คือ กระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ถึง 5 ประการ ได้แก่  Collagen Type 1, Collagen Type 3, Elastin,  Angiogenesis และ Proteoglycan 
          • เมื่อฉีด Rediesse เข้าสู่ผิวแล้ว สาร CaHA จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ เสริมความแข็งแรงของโครงสร้างผิว และฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น
          • Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัด ผิวขาดวอลุ่ม ดูแก่กว่าวัย รวมถึง ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน รูขุมขนกว้าง ขาดความยืดหยุ่น 
          • ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด Radiesse คือ ช่วยเพิ่มวอลุ่มให้ผิว ทำให้ผิวอิ่มฟู มีความยืดหยุ่น กรอบหน้าชัด ดูมีมิติ ที่สำคัญยังช่วยมอบ 3 ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าในระยะยาว ได้แก่ Healthier ผิวเฟิร์ม แน่นกระชับ ดูสุขภาพดี, Younger ริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวมีความอ่อนเยาว์ ดูเด็กลง และ Longer ยืดอายุผิวให้ยาวนาน สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี

           

          Sculptra

          • Sculptra คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน Biostimulator ตัวแรกของโลก ที่ได้รับการอนุมัติในการใช้เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนจาก US FDA (อย. อเมริกา) โดย Sculptra มีส่วนประกอบหลักของ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติสังเคราะห์จากพืช จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย จุดเด่นของ Sculptra คือ กระตุ้นการสร้าง Collagen Type 1 ได้ถึง 66.5% พร้อมฟื้นฟูผิวลึกถึงโครงสร้าง 
          • เมื่อฉีด Sculptra เข้าสู่ผิวหนังแล้ว PPLA จะกระจายอย่างทั่วถึงในบริเวณที่ฉีด โดยจะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ทำงานอย่างแข็งขัน ทำให้เกิดการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน  ปรับโครงสร้างผิวจากภายใน สามารถยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
          • Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ไม่เต่งตึง ผิวหน้าขาดความยืดหยุ่น รวมถึง ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย
          • ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด Sculptra คือ ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง แน่นกระชับ ดูอิ่มฟู ริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวมีความชุ่มชื้น ดูกระจ่างใส สุขภาพดีจากภายใน สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี

           

          Ultherapy

          • Ultherapy คือ เทคโนโลยียกกระชับ ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) โดยใช้ความร้อนพลังงาน 60 – 70°C ในการยกกระชับผิวหน้า ลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งมีจุดเด่น ที่สามารถมองเห็นหน้าจอสแกนชั้นผิวได้แบบ Real Time ด้วยเทคโนโลยี MFU-V, Plan วิเคราะห์และออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ Treat มีความแม่นยำในการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ สามารถปรับระดับคลื่นได้ตามความเหมาะสม กับสภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล ทำให้ลดอาการเจ็บ และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ 
          • เมื่อ Ultherapy ส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิว จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้างปฏิกิริยาหดตัวของเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้นทันที นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ขึ้นใหม่ ทดแทนคอลลาเจนเก่าที่เสื่อมสภาพตามอายุ
          • Ultherapy เหมาะสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาผิวมีความหย่อนคล้อย ใบหน้าเริ่มเหี่ยวย่น ไม่ตึงกระชับเหมือนเดิม มีกระเปาะแก้ม แก้มห้อย มีปัญหาคางสองชั้น มีเหนียง และมีรอยเหี่ยวย่นบริเวณลำคอ 
          • ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ Ultherapy คือ ช่วยให้ผิวหน้ามีความกระชับ หน้าเรียวเล็ก กรอบหน้าคมชัด ริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลง ผิวมีความละเอียด และดูเรียบเนียนมากขึ้น โดยสามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 1 ปี

           

          จะเห็นได้ว่าทั้ง 4 โปรแกรมหน้าเด็กอย่าง ฟิลเลอร์, Radiesse, Sculptra และ Ultherapy นั้น ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาหน้าเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัยได้อย่างครอบคลุม สามารถจัดการกับปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ทั้งเรื่องความหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ เมื่อทำการรักษาร่วมกันแล้ว จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น ผิวหน้าจะดูอ่อนเยาว์ กระชับ เต่งตึง ริ้วรอยลดเลือน และหน้าเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนตัดสินใจทำหัตถการ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวหน้า พร้อมวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หน้าเด็กลงกว่าอายุจริงไปหลายปีเลย

          อัปเดตเทรนด์ความงามระดับโลกที่งาน BELOTERO Symposium

          BELOTERO Symposium

          ทีมแพทย์รมย์รวินท์คลินิก ร่วมอัปเดตเทรนด์ความงามระดับโลกที่งาน BELOTERO Symposium

          สวยมั่นใจแบบ upgrade! รมย์รวินท์เดินหน้าอัปเดตเทรนด์ความสวยประจำปี พร้อมเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ จาก Merz Aesthetics แบบใกล้ชิด ภายในงาน BELOTERO Symposium

          “Consensus on Natural-Beauty: BELOTERO Approach in Pan-Facial Rejuvenation” เพื่อให้ทีมแพทย์ได้รับประสบการณ์ความรู้ เทคนิคใหม่ ๆ กันแบบจัดเต็ม

          BELOTERO Symposium
          อัปเดตเทรนด์ความงามระดับโลกที่งาน BELOTERO Symposium

          อัปเดตเทรนด์ความงามใหม่ ๆ BELOTERO จาก Merz Aesthetics 

          เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ทีมแพทย์รมย์รวินท์คลินิก นำโดยคุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ และคุณหมอแวว พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์ ได้เข้าร่วมงานสัมมนาเชิงวิชาการระดับนานาชาติ Merz Aesthetics BELOTERO Symposium ภายใต้หัวข้อ “Consensus on Natural-Beauty: BELOTERO Approach in Pan-Facial Rejuvenation” ณ โรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel ณ กรุงเทพมหานคร

          ถือเป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชั้นนำของประเทศไทย รวมถึงคลินิกชื่อดังมากมาย ที่ตบเท้าเข้ามาร่วมงานนี้ เพื่ออัปเดตเทคโนโลยีล่าสุด CPM-HA Filler & Clinical Correlations for Facial indications รวมถึงเทคนิคการใช้สารเติมเต็ม BELOTERO เพื่อการฟื้นฟูผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความสมดุลระหว่างความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของใบหน้า จากผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม 4 ท่าน จาก BELOTERO ที่มาแนะนำเทคนิคการเติมเต็มทั่วหน้า และเทคนิควิเคราะห์ใบหน้า 

          BELOTERO Symposium
          อัปเดตเทรนด์ความงามระดับโลกที่งาน BELOTERO Symposium

          ทั้งยังร่วมพูดคุยถึงอนาคตของผลิตภัณฑ์ BELOTERO ในวงการความงาม แนวโน้มการใช้สารเติมเต็มในการรักษา และเสริมความงามแบบธรรมชาติ การวิเคราะห์รูปหน้าเพื่อการรักษาที่ตรงจุด พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคใหม่ ๆ ที่จะช่วยทำให้การเติมเต็มใบหน้านั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นับเป็นงานที่ได้ความรู้เพื่อนำมาปรับใช้ในการให้บริการได้เป็นอย่างดี

          ทำไม BELOTERO ถึงมีความโดดเด่น 

          Boletero สารเติมเต็มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีสุดพิเศษ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) เอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์นี้เท่านั้น มีการจดสิทธิบัตรเฉพาะ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เนื้อสารเติมเต็มมีความหนาแน่น และมีความยืดหยุ่น เนื้อไม่เป็นก้อน ปั้นทรงสวย เป็นธรรมชาติ ช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มร่องลึกได้แบบแนบเนียนไปกับผิว 

          BELOTERO มีทั้งหมด 6 รุ่น 6 สี ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีเนื้อและความโดดเด่นที่ต่างกันออกไป และเนื้อฟิลเลอร์ที่ต่างกันออกไป 

          • BELOTERO Soft: กล่องสีเหลือง เนื้อนิ่ม เหมาะกับการเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ ปรับผิวให้ดูเรียบเนียน
          • BELOTERO Balance : กล่องสีส้ม เนื้อนิ่มปานกลาง เหมาะกับการเติมเต็มร่องลึก
          • BELOTERO Intense: กล่องสีชมพู เนื้อมีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะกับการเติมเต็มร่องลึกมาก
          • BELOTERO Volume : กล่องสีม่วง เนื้อมีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะกับการเพิ่มมิติ เพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า
          • BELOTERO Revive : กล่องสีเขียว เหมาะสำหรับงานผิว เติมเต็มผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู ฉ่ำน้ำ สุขภาพดี
          • BELOTERO Lips : กล่องสีแดง สำหรับฉีดปากโดยเฉพาะ ปากดูสวย อวบอิ่ม ขึ้นทรงง่าย

          BELOTERO Symposium
          อัปเดตเทรนด์ความงามระดับโลกที่งาน BELOTERO Symposium

          รมย์รวินท์คลินิก เดินหน้าพัฒนาคุณภาพการบริการ เพื่อความสวยงามที่ปลอดภัย

          ไม่เคยหยุดพัฒนาเพราะรมย์รวินท์คลินิก ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความรู้และทักษะของทีมแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้รับบริการได้เข้าถึงความงามที่ดีที่สุด โดยการใช้เทคโนโลยี และเทคนิคการรักษาที่ทันสมัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัย และให้คุณได้รับความสวยกลับไปในแบบที่คุณเป็นภายใต้คอนเซปต์ For the better you

          Coolsculpting ลดไขมัน ฟรีซไขมัน คืออะไร ทำงานอย่างไร

          Coolsculpting ลดขมัน กระชับหุ่น

          Coolsculpting ลดไขมัน กระชับหุ่นสวย ด้วยความเย็น ดีจริงเหรอ?

          นอกจากใบหน้าที่ต้องสวยออร่าแล้ว ต้องยอมรับเลยว่า การมีรูปร่างที่ดี จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เราได้มากขึ้น ยิ่งในปัจจุบันที่หลายคนต่างให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่างของตัวเอง ไม่ว่าจะเพื่อสุขภาพ หรือความสวยงาม ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นก็สามารถเป็นตัวช่วยในการลดไขมัน กระชับสัดส่วนเฉพาะจุดได้ อย่าง Coolsculpting ทางลัดหุ่นสวย ลดไขมันด้วยความเย็นได้แบบไม่ต้องผ่าตัด 

          ไขมันส่วนเกินคืออะไร
          ไขมันส่วนเกินคืออะไร

           

          ไขมันส่วนเกิน คืออะไร ?

          ไขมันส่วนเกิน เรียกได้ว่าเป็นปัญหาของหลาย ๆ คนที่อยากดูแลสุขภาพและดูแลรูปร่าง ไขมันส่วนเกินนั้น มักจะเกิดจากการบริโภคอาหารที่มากเกินต่อความต้องการของร่างกาย และระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งไขมันส่วนเกินในร่างกาย นั้นก็มีหลายประเภท ดังนี้

          • ไขมันส่วนเกิน (Subcutaneous Fat) คือ ไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังและกล้ามเนื้อ โดยพบได้ตามบริเวณต่าง ๆ เช่น ต้นขา ต้นแขน สะโพก หน้าท้อง หรือใบหน้า ซึ่งไขมันส่วนนี้มีวิธีการลดที่สามารถทำได้หลายวิธี
          • ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) เป็นไขมันที่มีการสะสมอยู่ในอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ลำไส้ ไขมันประเภทนี้ถือเป็นไขมันที่มีความอันตรายต่อสุขภาพระยะยาว เพราะสามารถนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้  ทั้งยังลดได้ยากกว่าแบบแรก

          ไขมันส่วนเกินมาจากไหน?

          ไขมันส่วนเกิน นั้นเกิดจากอะไร ถึงแม้หลายคนจะรู้อยู่แล้วว่าการทานอาหารที่มากเกินไป หรือรับพลังงานที่เกินกว่าร่างกายควรได้รับต่อวันนั้น จะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินได้ ซึ่งสารอาหารที่ร่างกายไม่ควรรับมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินหรืออ้วนได้ คือ สารอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน ที่ร่างกายนั้นจะเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานที่ใช้ต่อวัน หากใช้พลังงานไม่หมดนั้น ร่างกายจะเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานสำรองที่อยู่ในรูปแบบไขมัน ซึ่งเมื่อสะสมนานเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นไขมันส่วนเกินในร่างกาย

          การทำให้เกิดไขมันส่วนเกินในร่างกายนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการกิน การไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ออกกำลังกาย เพศ อายุที่เพิ่มขึ้น ระดับฮอร์โมนบางชนิด และพันธุกรรม เป็นต้น แม้อาจจะไม่ใช่ปัจจัยทางตรง แต่ปัจจัยเหล่านี้ก็สามารถส่งผลให้ระบบเผาผลาญในร่างกาย หรือระบบอื่น ๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ และอาจจะส่งผลให้เกิดการสร้างไขมันได้

          วิธีลดไขมันส่วนเกิน มีอะไรบ้าง?

          การลดไขมัน นั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การดูแลสุขภาพ 

          • การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีไขมัน น้ำตาลสูง จะช่วยลดไขมันได้
          • การออกกำลังกายทุกวัน การเคลื่อนไหวจะช่วยทำให้ร่างกายนั้นเผาผลาญพลังงานได้เยอะ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อมาแทนไขมันได้มากขึ้น 
          • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยทำให้ร่างกายนั้นได้ซ่อมแซมตัวเอง และระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น 
          • ควรหลีกเลี่ยงความเครียด เนื่องจากฮอร์โมน Cortisol จะสูงมากขึ้น ทำให้เกิดความอยากอาหาร และรับประทานเยอะขึ้นได้
          • การใช้ตัวช่วยในการลดไขมัน พร้อมกระชับสัดส่วน อย่างเทคโนโลยี Coolsculpting ตัวช่วยลดไขมันด้วยความเย็นที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม

          Coolsculpting คืออะไร
          Coolsculpting คืออะไร

           

          Coolsculpting คืออะไร ? 

          ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่จะช่วยทำให้การลดไขมันส่วนเกินนั้นทำได้สะดวกมากขึ้น อย่าง  Coolsculpting เครื่องลดไขมันกระชับสัดส่วนด้วยความเย็น โดย Coolsculpting จะใช้ความเย็นนั้นแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวเข้าไปแทนที่ความร้อนของร่างกาย เพื่อให้เกิดการแปรสภาพของเซลล์ไขมันที่อยู่ในชั้นผิวกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง จากนั้นไขมันที่ถูกฟรีซจะค่อย ๆ ลดลงตามระบบกลไกของร่างกาย ซึ่งตัวเครื่องนั้นมีจุดเยือกแข็งเย็นถึง -11 ถึง -13 °C มาพร้อม Applicator ที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด มีระบบ Freeze detect ที่เครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป ทำให้ Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัย ได้การรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทั้งยังมีการทำวิจัยระดับโลกจากผู้ใช้บริการจริง

          ทำความรู้จัก Coolsculpting ลดไขมัน ทำงานอย่างไร?

          การทำงานของ Coolsculpting ลดไขมันด้วยความเย็นนั้น จะทำงานผ่านหัวแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) โดยแพทย์จะกำหนดสัดส่วนที่จะทำการลดไขมัน จากนั้นจะนำหัว Applicator นั้นหนีบเข้าไปที่ชั้นไขมัน และปล่อยความเย็นที่อุณหภูมิ -11 ถึง -13 °C โดยใช้เวลาประมาณ 35 นาที เพื่อทำให้เซลล์ไขมันนั้นถูกฟรีซกลายเป็นน้ำแข็ง จากนั้นจึงนวดก้อนไขมันให้แตกละเอียด ซึ่งเซลล์ไขมันจะตายไปอย่างเป็นธรรมชาติ (Cellapoptosis) ทำให้สามารถกำจัดไขมันได้อย่างถาวร Coolsculpting ยังช่วยทำให้ผิวมีความกระชับ ไม่ย้วยหลังทำ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น ทั้งยังปลอดภัย สะดวกสบายอีกด้วย 

          Coolsculpting มีกี่หัว แต่ละหัวแตกต่างกันไหม?

          เครื่องลดไขมัน พร้อมยกกระชับ Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดไขมันด้วยความเย็น ในรุ่นนี้จะมีทั้งหมด 5 หัว โดยหัว Applicator จะมีลักษณะเป็นสุญญากาศ ทำให้สามารถดูผิวบริเวณที่มีไขมันสะสมได้ดี และทำให้เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาน้อย ทั้งยังเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน ทั้งนี้ Coolsculpting นั้นสามารถลดไขมันได้หลายตำแหน่งทั่วร่างกาย โดย Coolsculpting แต่ละหัวก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ดังนี้

          • CoolAdvantage เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมระดับปานกลาง สามารถทำได้ทั้งหมด 7 จุด ได้แก่ ท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ปีกหลัง ขาด้านใน และใต้ก้น เป็นหัวที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด 
          • CoolAdvantage Petite เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมน้อย อย่าง คนตัวเล็ก หรือคนที่เคยทำหัว CoolAdvantage มาก่อน ซึ่งหัวนี้จะใช้ลดไขมันได้ทั้งหมด 7 จุด คือ ท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ปีกหลัง ขาด้านใน และใต้ก้น 
          • CoolAdvantage Plus เป็นหัวที่มีขนาดใหญ่ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมที่เยอะ โดยจะใช้ลดไขมันบริเวณกว้าง คือ เอว ท้อง
          • CoolMini เป็นหัว Applicator ที่มีขนาดเล็กที่สุด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันมันบริเวณเฉพาะจุด เช่น เหนียง เนื้อใต้รักแร้ หรือนมน้อย รวมถึงเนื้อย้วยที่อยู่บริเวณเหนือเข่า
          • CoolSmooth Pro เป็นหัวเฉพาะที่ใช้สำหรับลดไขมันบริเวณขาด้านนอก และบริเวณใต้สะโพกลงมา ซึ่งในบางคลินิกนั้นจะใช้ในการทำซิกแพคได้ด้วย

          Coolsculpting ลดไขมันส่วนไหนได้บ้าง
          Coolsculpting ลดไขมันส่วนไหนได้บ้าง

           

          Coolsculpting ลดไขมันส่วนไหนได้บ้าง ? 

          Coolsculpting จะช่วยลดไขมันสะสมใต้ผิวหนังเฉพาะจุด ช่วยลดไขมัน พร้อมกระชับรูปร่าง ให้มีความสมส่วนมากขึ้น โดย Coolsculpting นั้นสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ในหลายตำแหน่งบนร่างกาย ดังนี้ 

          • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง คางสองชั้น หรือบริเวณกรอบหน้า
          • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ช่วยลดไขมันหน้าท้อง สำหรับคนที่มีปัญหาอ้วนลงพุง
          • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณเอว ไม่ว่าจะเป็น ไขมันรอบเอวหรือห่วงยาง และบริเวณหน้าท้องล่าง
          • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณนมน้อย ที่อยู่ใกล้กับรักแร้ หรือ หน้าอกผู้ชาย
          • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณต้นแขน ช่วยลดต้นใหญ่ กระชับต้นแขนที่ย้วย หรือถุงกาแฟ
          • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณต้นขา แก้ปัญหาต้นขาใหญ่ และปัญหาขาเบียด ทำให้ขาดความมั่นใจ
          • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณสะโพก ช่วยลดไขมันสะโพก ลดไขมันใต้ก้น ทำให้สะโพกและก้นกระชับได้รูปร่างที่สวยขึ้น
          • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณปีกหลัง หรือ Fat Bra แก้ปัญหาปีกหลังหนาเป็นชั้น

          Coolsculpting เหมาะกับใคร ?

          การลดไขมันด้วย Coolsculpting เป็นการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ที่สามารถทำได้ทั่วร่างกาย เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย เหมาะสำหรับใครบ้าง มาดูกัน

          • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ทำให้ออกแรงเยอะ หรือออกกำลังกายไม่สะดวก
          • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดระดับปานกลาง (BMI < 35) ต้องการลดไขมันส่วนเกิน บริเวณต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง ใบหน้า หรือบริเวณสะโพก แต่ไม่ได้มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่พยายามลดน้ำหนัก และควบคุมอาหาร แต่ยังมีไขมันสะสมเฉพาะส่วนอยู่ 
          • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการรูปร่างที่กระชับขึ้นและมีสัดส่วนที่สวยงาม 
          • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดดูดไขมัน ไม่ต้องการพักฟื้น หรือมีเวลาน้อย
          • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มี BMI  ไม่เกิน 35 จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่า

          Coolsculpting ไม่เหมาะกับใคร ?

          ถึงแม้ว่าการลดไขมันด้วยความเย็นด้วย Coolsculpting จะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงที่น้อย แต่อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีข้อระวัง และข้อจำกัด สำหรับคนบางกลุ่ม ดังนี้

          • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์เยอะ หรือมีค่า BMI สูงกว่า 35 เพราะอาจจะทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจน
          • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เพราะอาจเสี่ยงต่อปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด
          • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคแพ้ความเย็น เนื่องจาก Coolsculpting จะเป็นการใช้ความเย็นในการลดไขมัน อาจจะทำให้เกิดปัญหาขณะทำการรักษาได้
          • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคแพ้ความเย็น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น โรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ หรือผู้ที่กำลังเป็นไส้เลื่อน 
          • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัด ควรรอให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ก่อนแล้วจึงค่อยทำ Coolsculpting
          • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิดหรือผิวหนังอักเสบ ควรรักษาให้หายก่อน เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้
          • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรือมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย อาจมีความเสี่ยงในการใช้ Coolsculpting ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา
          • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
          • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน หากกำลังเป็นประจำเดือนควรหลีกเลี่ยงการรักษาในช่วงนี้

          ข้อควรรู้ก่อนทำ Coolsculpting ลดไขมันด้วยความเย็น

          • ข้อดีของการทำ Coolsculpting

           Coolsculpting เป็นหัตถการที่ไม่ต้องเตรียมตัวเยอะ ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร เนื่องจากไม่ใช่การผ่าตัด ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งยังเป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นานเพียง 35 นาที จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว 

          • ข้อเสียของการทำ Coolsculpting

          การทำ Coolsculpting ลดไขมัน และกระชับสัดส่วนนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ความเย็นในการช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะจุด ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่ติดอุปกรณ์ภายในร่างกาย รวมถึงผู้ที่ตั้งครรภ์ และให้นมบุตร

          CoolSculpting ใช้อย่างไร มีกี่ขั้นตอน

          1. ก่อนที่จะเข้ารับการรักษา ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อแจ้งปัญหาและความกังวลใจ รวมถึงแจ้งบริเวณที่ต้องการทำ CoolSculpting แพทย์จะทำการประเมินปัญหา ชั่งน้ำหนัก วัดสัดส่วน และถ่ายภาพก่อนทำ จากนั้นจะวางแผนการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
          2. เตรียมตัวก่อนทำการรักษา Coolsculpting โดยทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำการรักษา ทำเครื่องหมายบริเวณที่ติดหัว Applicator เพื่อให้การรักษามีความแม่นยำ
          3. แพทย์จะเริ่มทำการรักษาด้วย CoolSculpting ความเย็นจะถูกปล่อยเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อทำให้เซลล์ไขมันลดไป แพทย์จะเลือกทำแต่ละบริเวณที่กำหนดไว้ โดย CoolSculpting จะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 35 นาที 
          4. หลังจากทำการรักษา Coolsculpting เสร็จ แพทย์จะทำการนวดก้อนไขมันประมาณ 2 นาที เพื่อช่วยให้ไขมันแตกละเอียดและเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์
          5. หลังการรักษาแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการรักษา Coolsculpting อย่างใกล้ชิด และอาจมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

          ลดไขมันด้วย CoolSculpting หรือ โปรแกรมลดไขมันเลือกวิธีไหนดี?

          CoolSculpting 

          CoolSculpting เป็นการลดไขมัน กระชับสัดส่วน ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ความเย็นจัดในการทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง ซึ่งเซลล์ไขมันที่ถูกทำให้เย็นจัดจะตายและถูกขับออกจากร่างกายตามกระบวนการทางธรรมชาติ วิธีนี้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เข็ม โดยจะทำการลดไขมันผ่าน Applicator ที่ช่วยกระจายความเย็นได้อย่างแม่นยำตรงจุด ทั้ง Coolsculpting ยังมาพร้อมนวัตกรรมตรวจจับอุณหภูมิความเย็นอัจฉริยะ ที่ทำให้ปลอดภัยต่อร่างกาย Coolsculpting จึงเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด บริเวณใบหน้า และบริเวณลำตัว

          ข้อดี และข้อจำกัดของ CoolSculpting

          • Coolsculpting ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม
          • Coolsculpting สามารถทำได้หลายบริเวณ เช่น กรอบหน้า เหนียง หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน
          • Coolsculpting ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างถาวร เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะไม่กลับมาอีก
          • Coolsculpting ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
          • Coolsculpting จะทำให้ไขมันจะค่อย ๆ ลดไป จึงอาจจะเห็นผลลัพธ์ได้ช้า
          • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันมากเกินไป
          • Coolsculpting ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น

          โปรแกรมลดไขมัน

          เป็นการนำตัวยาลงไปที่ชั้นไขมัน เพื่อลดไขมันเฉพาะจุด และลดเซลลูไลท์เข้าไปในชั้นไขมัน โดยโปรแกรมลดไขมันนั้นเป็นสกัดจากธรรมชาติที่มีความหลากหลาย เช่น Artichoke Extract, L-carnitine, Mesostabyl ซึ่งการฉีดเมโสแฟตก็เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูง เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด นิยมใช้กับบริเวณใบหน้า

          ข้อดี และข้อจำกัดของโปรแกรมลดไขมัน

          • การทำโปรแกรมลดไขมัน จะสามารถเห็นผลเร็วกว่า CoolSculpting 
          • การทำโปรแกรมลดไขมันนั้นสามารถทำได้กับหลายบริเวณ
          • โปรแกรมลดไขมันเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์ และมีไขมันสะสมเฉพาะจุดไม่เยอะมาก
          • โปรแกรมลดไขมันอาจจะต้องทำหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
          • อาจมีอาการข้างเคียง เช่น บวม แดง หรืออาการปวดได้
          • ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรเท่ากับ CoolSculpting เนื่องจากเป็นการลดไขมันไม่ได้กำจัดเซลล์ไขมัน
          • ต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทาง

          CoolSculpting ช่วยลดไขมันต้นขาได้อย่างไร ?

          • CoolSculpting จะช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมันบริเวณต้นขาได้อย่างถาวร ทำให้ต้นขานั้นมีความกระชับมากยิ่งขึ้น
          • CoolSculpting จะเข้าไปเร่งกระบวนการกำจัดไขมัน โดยการทำ CoolSculpting 1 ครั้ง สามารถช่วยลดไขมันได้ในปริมาณ 60-70 CC หรือราว ๆ 25% ของเซลล์ไขมันในบริเวณที่ทำ
          • CoolSculpting จะใช้เวลาในการทำน้อย โดยส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที 
          • CoolSculpting มีความปลอดภัย เพราะมีเทคโนโลยี Freeze Detect ที่ช่วยตรวจจับอุณหภูมิอัจฉริยะ โดยจะตรวจจับความเย็นบนชั้นผิว เมื่อพบว่ามีความเย็นที่มากเกินไป ระบบจะหยุดทำงานทันที ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการเบิร์นหรือไหม้ของผิว

          CoolSculpting ใช้เวลานานไหม?

          สำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก และต้องการลดไขมันแบบเร่งด่วน การรักษาด้วย CoolSculpting เรียกได้ว่าตอบโจทย์อย่างมาก โดยปกติแล้วนั้นจะใช้เวลาในการทำประมาณ 35 นาที ต่อ 1 บริเวณ ซึ่งจะเรียกหน่วยจำนวนยิงพลังงานว่า ไซเคิล (Cycle) โดยการยิง CoolSculpting 1 ไซเคิล จะใช้เวลาประมาณ 35 นาทีจึงจะฟรีซและลดไขมันได้ และค่อยเปลี่ยนเป็นบริเวณอื่น ๆ ตามที่ต้องการ

          ต้องทำ CoolSculpting กี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?

          คำถามที่หลายคนต่างสงสัย คือ ต้องทำ CoolSculpting กี่ครั้งจึงจะเห็นผล? การลดไขมันกระชับสัดส่วนด้วย CoolSculpting 1 ครั้ง สัดส่วนจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 3-4 สัปดาห์ จะเห็นผลชัดเจนในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและได้ผลที่ดี ควรจะทำติดต่อกัน 4 ครั้งต่อ 1 เดือนอย่างต่อเนื่อง จากนั้นสามารถทำ Coolsculpting ครั้งละ 2 สัปดาห์ เพื่อความต่อเนื่องและความคงทนของผลลัพธ์ 

          ทำ CoolSculpting เจ็บไหม?

          การลดไขมันด้วย CoolSculpting เป็นการใช้ความเย็นในการลดไขมัน ซึ่งเป็นความเย็นที่ได้รับการควบคุมอุณหภูมิ จึงทำให้ความรู้สึกระหว่างทำนั้นมีความสบาย ไม่เจ็บมาก ทั้งผิวหนังในส่วนที่หัว Applicator นั้นถูกดูดเข้าไป จะไม่ทำให้เจ็บ หรือปวดมาก ทำให้เวลาทำการรักษานั้นสามารถผ่อนคลาย และมีความสบายได้ หลังทำ Coolsculpting ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และร่างกายจะค่อย ๆ เริ่มกำจัดเซลล์ไขมันออกไป

          ผลข้างเคียงที่อาจเกิดเมื่อทำ CoolSculpting

          หลังทำ CoolSculpting ยกกระชับ ลดไขมัน อาจจะมีผลข้างเคียงที่เกิดหลังทำได้ โดยส่วนมากผลข้างเคียงเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมง ได้แก่

          • หลังทำ Coolsculpting ผิวอาจเกิดอาการบวม ช้ำ แดง
          • หลังทำ Coolsculpting จะมีความรู้สึกเสียวแปลบที่ผิว บริเวณที่ทำ CoolSculpting
          • หลังทำ Coolsculpting ผิวบริเวณที่ทำจะมีอาการซีดชั่วขณะ
          • หลังทำ Coolsculpting อาจมีก้อนแข็งอยู่ภายในผิวบริเวณที่ทำ
          • หลังทำ Coolsculpting จะมีอาการกดเจ็บที่ผิวหนัง
          • หลังทำ Coolsculpting อาจมีอาการตะคริวบริเวณผิวรอบ ๆ ที่ทำ
          • หลังทำ Coolsculpting จะมีความรู้สึกคัน หรือแสบบริเวณผิว
          • หลังทำ Coolsculpting จะมีความรู้สึกตึงบริเวณผิวที่ทำ

          Coolsculpting อันตรายไหม ?

          การลดไขมันด้วย Coolsculpting เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย เนื่องจากตัวเครื่องนั้นได้ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  ทั้งยังมีงานวิจัยรองรับหลายฉบับ Coolsculpting สามารถตรวจสอบของแท้ได้ ทำให้มั่นใจได้เลยว่ามีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

          ทำ Coolsculpting แล้วเห็นผลจริงไหม ?

          การทำ Coolsculpting สามารถเห็นผลได้จริง สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันส่วนเกินได้อย่างถาวร ซึ่งการลดไขมัน พร้อมยกกระชับด้วยเทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมสูงในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งยังมีงานวิจัยที่สามารถตรวจสอบได้ และยังสามารถดูได้จากรีวิว Coolsculpting จากผู้ใช้บริการมากมาย ทั้งนี้ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Coolsculpting นั้นจะขึ้นอยู่กับการปัญหา อายุ หรือการดูแลตัวเองหลังทำด้วย

          Coolsculpting เลือกทำที่ไหนดี
          Coolsculpting เลือกทำที่ไหนดี

           

          เลือกทำ Coolsculpting ที่ไหนดี? 

          ก่อนที่จะตัดสินใจเลือก Coolsculpting ที่ไหนดี? นั้น ควรเลือกคลินิกที่มีความปลอดภัย การเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกก่อนทำ Coolsculpting นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก และมีหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้ 

          • เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานของคลินิก มีใบรับรองที่ถูกต้อง มีความสะอาด เลือกใช้อุปกรณ์การแพทย์ และเลือกใช้เครื่องลดไขมัน Coolsculpting ที่เป็นของแท้ และสามารถตรวจสอบได้
          • เลือกคลินิกที่ดูแลโดยแพทย์ผู้มีความชำนาญการ และมีประสบการณ์ในการใช้เครื่อง Coolsculpting โดยเฉพาะ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบชื่อของแพทย์ได้ทางเว็บไซต์แพทยสภา
          • เลือกคลินิกที่มี Review รูปภาพหรือรีวิวการทำ Coolsculpting จากผู้ใช้บริการจริง มีความน่าเชื่อถือ จากทั้งในเว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย
          • เลือกคลินิกที่มีราคา Coolsculpting ที่สมเหตุสมผล ไม่ถูกมากจนเกินไป เนื่องจากอาจจะเจอกับเครื่องปลอม หรือเครื่องเลียนแบบได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

          ปัจจุบันการดูแลรูปร่าง ถือเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนต่างให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิง หรือผู้ชาย ซึ่งนอกจากการออกกำลังกายแล้ว เทคโนโลยีก็สามารถเป็นตัวช่วยลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้เป็นอย่างดี อย่าง Coolsculpting  เครื่องลดไขมัน ยกกระชับสัดส่วน ที่ช่วยแก้ปัญหารูปร่างได้อย่างตรงจุด ซึ่งทาง รมย์รวินท์คลินิก ก็พร้อมให้บริการแล้วทุกสาขา สามารถเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับ CoolSculpting ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา หรือผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย

          รวมวิธีรักษาฝ้า เพื่อผิวหน้าใสไร้จุดด่างดำ

          รวมวิธีรักษาฝ้า

          รวมวิธีรักษาฝ้า เพื่อผิวหน้าใสไร้จุดด่างดำ

           

          ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนและสามารถเกิดได้หลายจุดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบนใบหน้า ซึ่งการเกิดฝ้านั้นทำให้หลายคนเสียความมั่นใจจึงมีการพยายามหาวิธีการในการรักษาฝ้าและการป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำที่หลากหลาย เพื่อช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้น วันนี้รมย์รวินท์จึงได้รวบรวมวิธีการรักษาฝ้าที่ได้ผลดีเพื่อให้ผิวสวยกระจ่างใส ไร้ฝ้า กลับมามั่นใจอีกครั้ง 

          ฝ้าคืออะไร ?

          ฝ้า หรือ Melasma คือภาวะที่เม็ดสีเมลานินในชั้นผิวที่มีมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นรอยจุดด่างดำหรือรอยสีน้ำตาลอมเทาบนใบหน้า ซึ่งฝ้าส่วนใหญ่จะมีลักษณะรูปร่างและสีในแต่ละคนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของฝ้าที่เป็น เกิดได้หลายจุดบนร่างกาย โดยเฉพาะจุดที่สัมผัสแดดร้อนจัดบ่อย และฝ้าสามารถพบได้ทั้งชายและหญิง

          สาเหตุของการเกิดฝ้า

          ฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุที่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีเมลานินในผิวหนังมากเกินไป ทำให้เกิดจุดด่างดำหรือรอยคล้ำบนใบหน้า โดยปัจจัยส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดฝ้าคือแสงแดด เนื่องจากรังสี UVA และ UVB ในแสงแดดจะเข้าไปกระตุ้นให้เมลานินในผิวหนังทำงานเพิ่มขึ้น ทำให้มีเม็ดสีสะสมมากขึ้น ซึ่งการเกิดฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยที่กระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินและฝ้ามีหลายระดับ 

          ดังนั้นในการรักษาฝ้าจึงมีทั้งวิธีการรักษาฝ้าในแบบตื้นและรุนแรง ตามระดับและชนิดของฝ้า อีกทั้งการรักษาฝ้านั้นควรทำควบคู่ไปกับการป้องกันการรักษาฝ้าร่วมด้วยเพราะฝ้าสามารถเกิดขึ้นได้ใหม่เรื่อย ๆ เสมอหากไม่ป้องกันการเกิดฝ้า

           

          ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดฝ้า
          ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดฝ้า

           

          ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเกิดฝ้า

          การเกิดฝ้าสามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่จะกระตุ้นการเกิดฝ้ามีได้ ดังนี้

          • ฝ้าถูกกระตุ้นจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน 

          ปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เมลานินผลิตเม็ดสีมากขึ้นในผิวหนัง มักเกิดจากแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าจากรังสี UV โดยเฉพาะ UVA และ UVB ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอและทำให้เกิดฝ้าได้ง่าย ฝ้าจึงมักจะพบได้บ่อยในบริเวณที่สัมผัสแสงแดดบ่อยๆ 

          • ฝ้าถูกกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

          ฝ้าสามารถถูกกระตุ้นได้จากฮอร์โมนในร่างกายที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ หรือการใช้ยาคุมกำเนิด

          • ฝ้าถูกกระตุ้นจากการที่ผิวระคายเคือง 

          การที่ทำให้ผิวระคายเคืองไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง หรือการขัดถูผิวแรงเกินไป เพราะอาจจะกระตุ้นให้ผิวอักเสบ จนต้องทำให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น จนเกิดการสะสมเม็ดสีที่มากเกินไปจนเกิดเป็นฝ้า

          • ฝ้าถูกกระตุ้นจากมลภาวะในอากาศ

          การเกิดฝ้านั้นสามารถถูกกระตุ้นได้จากมลภาวะในอากาศที่เจอได้ เช่น ฝุ่น ควัน หรือสารเคมีต่างๆ ทำให้ผิวอักเสบและระคายเคืองได้ 

          • ฝ้าถูกกระตุ้นจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น

          คนเราเมื่ออายุมากขึ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวช้าลง ส่งผลให้ผิวไวต่อแสงและปัจจัยการกระตุ้นต่าง ๆ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฝ้าได้มากขึ้น

          • ฝ้าถูกกระตุ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวบอบบาง

          หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวบอบบางเป็นประจำบ่อยๆ อาจจะทำให้ผิวบอบบางและไวต่อแสงเสี่ยงต่อการทำให้ระคายเคืองจนเกิดฝ้าได้

           

          ฝ้าเกิดจุดใดได้บ้าง
          ฝ้าเกิดจุดใดได้บ้าง

           

          ฝ้าเกิดที่จุดไหนได้บ้าง ?

          ก่อนการรักษาฝ้าควรรู้ก่อนว่าฝ้าสามารถขึ้นบริเวณใดได้บ้าง โดยการเกิดฝ้านั้นสามารถเกิดได้หลายบริเวณบนร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการโดนแดดร้อนจัดบ่อยๆ เนื่องจากผิวหนังบริเวณนั้นจะถูกกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินจนเกิดการสะสมที่มากเกินไปจากรังสี UV และจุดที่พบฝ้าได้บ่อยมีดังนี้

          • ฝ้าบนใบหน้า ฝ้าบริเวณนี้สามารถพบได้บ่อยมากที่สุด เนื่องจากเป็นบริเวณที่โดนแดดบ่อย โดยเฉพาะที่แก้ม หน้าผาก และเหนือริมฝีปาก
          • ฝ้าบริเวณลำคอ ฝ้านี้พบได้ไม่บ่อยแต่ในบางคนอาจจะเกิดฝ้าบริเวณลำคอได้
          • ฝ้าบริเวณแขน การเกิดฝ้าบริเวณแขนมักพบได้ในผู้ที่ออกแดดบ่อย ๆ หรือผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ่ง โดนฝ้านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบนแขนและหลังมือ
          • ฝ้าบริเวณอกและบ่า ฝ้าบริเวณนี้แม้ไม่ได้พบมากเท่าบริเวณอื่น ๆ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน จากการที่ถูกแสงแดดโดยตรง เช่น การใส่เสื้อเกาะอกและการใส่เสื้อแขนกุด

           

          ฝ้ามีกี่ชนิด ต่างกันยังไง ?

          การรักษาฝ้าจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นหากรู้จักชนิดของฝ้า เนื่องจากฝ้าแต่ละชนิดมีลักษณะและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ซึ่งการเกิดฝ้านั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดตามความลึกของการสะสมเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง ดังนี้

          • ฝ้าแบบตื้น 

          Epidermal Melasma หรือฝ้าแบบตื้นเกิดในชั้นกำพร้า มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัดเจน และมีสีเข้มกว่าฝ้าชนิดอื่น มักเป็นแค่ผิวชั้นนอก ในการรักษาฝ้าแบบตื้นมักรักษาด้วยการทาครีม,การทำเลเซอร์ IPL หรือการทำฟีลลิ่ง

          • ฝ้าแบบลึก 

          Dermal Melasma หรือ ฝ้าแบบลึกเกิดในหนังชั้นแท้ มีลักษณะฝ้าสีเทาหรือสีน้ำตาลอมเทา ขอบเขตไม่ชัดเจน กระจายเป็นวงกว้าง 

          โดยการรักษาของฝ้าแบบลึกจะใช้เวลาการรักษาที่นานมากกว่าและเห็นผลช้า การทาครีมรักษาฝ้าอาจจะไม่เห็นผลดีมากนัก ส่วนใหญ่จึงจะนิยมรักษาฝ้าแบบนี้ด้วยการใช้เลเซอร์หรือการฉีดสารลดเม็ดสีที่ทำให้เกิดฝ้าเพื่อให้รักษาถึงชั้นหนังแท้ 

          • ฝ้าแบบผสม 

          Mixed Melasma หรือ ฝ้าแบบผสมพบได้มากที่สุด โดยฝ้าแบบผสมเป็นฝ้าที่มีทั้งฝ้าแบบตื้นและฝ้าแบบลึกผสมกัน ลักษณะของฝ้าแบบผสมจะมีสีเป็นสีน้ำตาลและเทา มีขอบเขตทั้งชัดเจนและไม่ชัดเจน กระจายอยู่หลาย ๆ ตำแหน่ง โดยการรักษาฝ้าชนิดนี้ต้องใช้วิธีการรักษาหลายแบบร่วมกัน เพื่อการรักษาที่ล้ำลึก

          ทำไมต้องรักษาฝ้า ?

          การรักษาฝ้านั้นไม่ใช่รักษาเพียงเพื่อแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญหลายอย่าง เนื่องจากการเกิดฝ้านั้นมีผลต่อสุขภาพผิวอื่นๆอีกด้วย ดังนั้นเหตุผลในการรักษาฝ้ามี ดังนี้

          • รักษาฝ้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจ การเกิดฝ้านั้นส่งผลต่อความสวยงามของฝ้าโดยตรงทำให้หลายคนอาจทำให้ผู้ที่เกิดฝ้ารู้สึกไม่มั่นใจ ดังนั้นการรักษาฝ้าจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนและดูกระจ่างใสทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น
          • รักษาฝ้าเพื่อป้องกันไม่ให้เข้มขึ้นหรือลุกลาม หากไม่รักษาฝ้าหรือปล่อยทิ้งไว้นานๆ ฝ้าจะเข้มขึ้นและสามารถขยายวงกว้างได้ โดยเฉพาะเมื่อโดนแสงแดดหรือโดนปัจจัยที่ทำให้กระตุ้นการเกิดฝ้าเข้มขึ้นหรือทำให้เกิดฝ้าลุกลามได้
          • รักษาฝ้าเพื่อคงสุขภาพผิวและลดความหมองคล้ำ ฝ้ามักทำให้ผิวดูหมองคล้ำและผิวไม่สดใส การรักษาฝ้าจะช่วยปรับสีผิวไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผิวดูกระจ่างใส สุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
          • รักษาฝ้าเพื่อลดการสะสมเม็ดสีที่อาจส่งผลต่อผิวในระยะยาว  เมื่อเป็นฝ้าแล้วนั้นผิวจะอ่อนแอและไวต่อแสงแดดมากขึ้น จากการที่มีการสะสมเม็ดสีที่มากเกินไป แล้วเมื่อสะสมเป็นเวลานานการรักษาฝ้าจะยากมากยิ่งขึ้นอีก ดังนั้นหากเป็นฝ้าแล้วควรรีบดูแลและรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นจะดีที่สุด
          • รักษาฝ้าเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย

          การป้องกันผิวจากแสงแดดและการรักษาฝ้าเมื่อเป็นทันทีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยในอนาคตและรังสี UV ที่จะส่งผลต่อสุขภาพผิวและความอ่อนเยาว์ในระยะยาวได้

           

          10 วิธีรักษาฝ้า
          10 วิธีรักษาฝ้า

          10 วิธีการรักษาฝ้า

          การรักษาฝ้านั้นมีหลายวิธีมากในปัจจุบัน ซึ่งการเลือกวิธีการรักษาฝ้าที่เหมาะสมกับชนิดและความรุนแรงฝ้าที่ตัวเองเป็นนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะฝ้าแต่ละชนิดต้องการการรักษาที่แตกต่างกันจึงมีวิธีการรักษาที่มากมาย ดังนี้

          • รักษาฝ้าด้วยการทาครีมรักษาฝ้า

          การรักษาฝ้าด้วยการทาครีมที่มีคุณสมบัติในการลดเม็ดสีเมลานิน ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี และมีวิตามินที่ช่วยฟื้นฟูผิวลดความเข้มของฝ้า เป็นวิธีที่มีความนิยม จากการที่สามารถรักษาได้เองที่บ้าน มีความสะดวกและสามารถรักษาได้ในฝ้าแบบตื้น แต่ในบางบุคคลอาจจะมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง หากใช้สารที่มีความเข้มข้นสูงหรือใช้ต่อเนื่องนานเกินไป ดังนั้นเพื่อป้องกันการเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

          • รักษาฝ้าด้วยการเลเซอร์รักษาฝ้า

          การรักษาฝ้าด้วยการใช้เลเซอร์ เช่น Pico Laser มีความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถรักษาได้ลงลึก เน้นการทำงานไปยังที่เม็ดสีเมลานินในผิว และเห็นผลเร็ว โดยการรักษาฝ้าช่วยลดฝ้าได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นาน สามารถทำลายเม็ดสีได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผิวบริเวณอื่น 

          ดังนั้นการทำเลเซอร์เพื่อรักษาฝ้าเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฝ้าฝังลึกหรือเม็ดสีที่เข้ม และในการทำเลเซอร์รักษาฝ้าควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและดูแลผิวให้ดีหลังการทำเลเซอร์

          • รักษาฝ้าด้วยการฉีดสารลดเม็ดสีเมลานิน

          การฉีดสารที่ช่วยลดเม็ดสีเมลานินเป็นวิธีการที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดฝ้าและเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว และวิธีนี้ต้องทำกับแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้นโดยการฉีดสารเข้าสู่ผิวช่วยให้ฝ้าจางลงและเห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการทาครีมหรือวิธีการรักษาฝ้าทางธรรมชาติ อีกทั้งวิธีการนี้ยังลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่ได้อีกด้วย แต่วิธีนี้อาจจะทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ในบางบุคคล โดยเฉพาะคนที่แพ้ง่ายและผิวบอบบาง 

          • รักษาฝ้าด้วยการทำ IPL 

          การรักษาฝ้าด้วยวิธีนี้จะใช้คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ ซึ่งสามารถเลือกช่วงคลื่นที่เหมาะสมกับปัญหาเม็ดสีต่าง ๆ ได้ โดยฝ้าที่เกิดจากการสะสมเม็ดสีในชั้นผิวตื้น ๆ จะถูกดูดซึมและจางลงได้หลังจากการได้รับพลังงานจากคลื่นแสง IPL แต่การรักษาฝ้าด้วยวิธีนี้ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการและต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้หายขาดและไม่ให้เกิดซ้ำอีก

          • รักษาฝ้าด้วยการใช้กรดผลไม้

          การรักษาฝ้าด้วยวิธีนี้จะใช้กรดผลไม้ในรูปแบบของสกินแคร์ ได้แก่ กรด AHA และ BHA เพื่อผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก โดยกรด AHA จะช่วยให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกไปได้ง่ายขึ้น และกรด BHA จะช่วยในการลดการอุดตันและป้องกันการเกิดสิวในอนาคต อีกทั้งการใช้กรดทั้งสองนี้จะช่วยให้ผิวที่มีปัญหาฝ้ามีผิวสม่ำเสมอขึ้น เหมาะสำหรับการใช้ในระยะยาว ช่วยค่อยๆทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นทีละนิด และช่วยลดฝ้าและจุดด่างดำในระยะเบื้องต้น 

          แต่ถ้าหากใช้ความเข้มข้นที่สูงเกินไปอาจทำให้ผิวบางลง ทำให้ผิวไวต่อแสงและเกิดการระคายเคืองได้ง่ายมากขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้นหากต้องการรักษาฝ้าด้วยกรดผลไม้ควรปรึกษาผู้ชำนาญการเพื่อให้ได้รับคำแนะนำและปริมาณการใช้ที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้

           

          10 วิธีรักษาฝ้า
          10 วิธีรักษาฝ้า

          • รักษาฝ้าด้วยการ Chemical Peeling

          การรักษาฝ้าด้วยการใช้สารเคมีหรือ Chemical Peeling เป็นการใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงกว่ากรดผลไม้ในการกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ซึ่งสารเคมีที่ใช้มีหลายชนิด ในบางชนิดอาจเข้มข้นถึงระดับที่ทำให้เกิดการผลัดผิวชั้นลึกขึ้น เหมาะสำหรับการรักษาฝ้าและรอยดำที่ลึกและชัดเจน โดยการรักษาฝ้าด้วยวิธีนี้ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำให้การรักษาปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดอาการข้างเคียง เช่น ผิวลอกมากเกินไป ได้

          • รักษาฝ้าด้วยการยาทารักษาฝ้า

          การทายารักษาฝ้าเป็นวิธีที่นิยมและมีประสิทธิภาพสูงในการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำได้ดี รวมถึงยังช่วยปรับสมดุลสีผิว ทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น แต่การใช้ยารักษาฝ้าควรอยู่ใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากยารักษาฝ้าบางชนิดมีฤทธิ์แรงและอาจมีผลข้างเคียงได้ หากใช้ยาอย่างไม่ถูกต้อง

          • รักษาฝ้าด้วยการใช้ครีมกันแดด

          การใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง ที่ช่วยป้องกันแสง UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นการเกิดฝ้า เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการเกิดฝ้าใหม่และป้องกันไม่ให้ฝ้าเข้มขึ้น เนื่องจาก เมื่อผิวได้รับแสง UV มากๆ ผิวจะพยายามปกป้องตัวเองด้วยการผลิตเมลานินมากขึ้นทำให้เกิดฝ้าได้ โดยการใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สีผิวความสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้า และยังช่วยรักษาผิวให้อ่อนเยาว์ได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย

          • รักษาฝ้าด้วยการทำ Phonophoresis

          การรักษาฝ้าด้วย Phonophoresis เป็นการผลักสารบำรุงผิวด้วยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ช่วยให้สารบำรุงที่ใช้การลดฝ้าสามารถซึมลึกเข้าไปถึงผิวชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าการทาทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้ฝ้าจางลงและสีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น เนื่องจากสารบำรุงที่ล้ำลึกช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีสามารถเข้าถึงชั้นผิวได้โดยตรง แต่การรักษาด้วย Phonophoresis ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิว

           

               10.รักษาฝ้าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

          วิธีนี้เป็นวิธีที่ช่วยลดเลือนฝ้าและทำให้ผิวดูสม่ำเสมอขึ้น โดยใช้สารบำรุงที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเมลานิน ทำให้ฝ้าค่อย ๆ จางลงได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาฝ้า ดูแลผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ และสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องพักฟื้น แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง โดยเฉพาะในผู้ที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์

          ทำไมรักษาฝ้าแล้วไม่หายสักที ?

          ปัญหาการรักษาฝ้าแล้วไม่หายอาจจะเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในบางบุคคล ซึ่งการรักษาฝ้าแล้วไม่หายขาดนี้อาจจะเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

          • รักษาฝ้าแล้วไม่หายจากสาเหตุของการเกิดฝ้า

          การเกิดฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น แสงแดด ยาคุมกำเนิด หรือพันธุกรรม หากปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าเหล่านี้ยังกระตุ้นการเกิดฝ้าอยู่ ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าซ้ำหรือไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้

          • รักษาฝ้าแล้วไม่หายจากการที่ไม่ปกป้องผิวจากแดด

          รังสี UV จากแสงแดดนั้นเป็นปัจจัยหลักที่มักกระตุ้นให้เกิดฝ้า หากรักษาฝ้าแล้วไม่ทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง หรือตากแดดบ่อยๆ ก็สามารถกระตุ้นให้ฝ้ากลับมาเกิดซ้ำได้อีก

          • รักษาฝ้าแล้วไม่หายจากการเลือกวิธีที่รักษาไม่ถูกกับชนิดของฝ้า 

          ในปัจจุบันการรักษาฝ้ามีหลายวิธีมาก ไม่ว่าจะเป็นการทาครีม การทำเลเซอร์ หรือการทำ IPL เป็นต้น โดยวิธีการรักษาที่เหมาะกับชนิดของฝ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเลือกการรักษาที่ไม่ถูกกับชนิดของฝ้าอาจทำให้การบำรุงรักษาไม่เพียงพอ หรือไม่ลึกถึงชั้นปัญหาที่เป็น ทำให้การรักษาฝ้านั้นไม่หายขาด

          • รักษาฝ้าแล้วไม่หายจากฮอร์โมนในร่างกาย

          หากเกิดฝ้าจากฮอร์โมนในร่างกาย มักจะหายขาดยากกว่าฝ้าแบบอื่น เนื่องจากจะมีฮอร์โมนเป็นตัวกระตุ้นในเกิดฝ้าได้เสมอ หากไม่ลดหรือควบคุมฮอร์โมนที่ทำให้เกิดฝ้า

          • รักษาฝ้าแล้วไม่หายจากการไม่ดูแลผิวต่อเนื่อง

          ในการรักษาฝ้านั้นส่วนใหญ่ต้องใช้เวลา หากการรักษาฝ้ายังไม่สิ้นสุดแล้วหยุดรักษาไปก่อน ไม่รักษาต่อเนื่อง อาจจะทำให้ฝ้ากลับมาเร็วขึ้น

           

          ฝ้าสามารถหายขาดได้ไหม ?

          การรักษาฝ้าสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่อาจจะเป็นเรื่องที่ยากเพราะมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดฝ้า แต่ในการรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่องจะทำให้ฝ้าลดเลือนจางลง และทำให้ผิวกลับมากระจ่างใสมีสุขภาพดีได้

          วิธีการป้องกันการเกิดฝ้า
          วิธีการป้องกันการเกิดฝ้า

          วิธีการป้องกันการเกิดฝ้า 

          การป้องกันการเกิดฝ้าเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าอยากให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพควรทำควบคู่ไปกับการป้องกันการเกิดฝ้าด้วย เพื่อลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำ โดยสามารถป้องกันการเกิดฝ้าได้ดังนี้

          • ทาครีมกันแดด ควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวันแม้ในวันที่มีอากาศครึ้ม และควรทาซ้ำเรื่อย ๆ ทุก 2-3 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแดด และควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF สูงเพื่อป้องกันรังสียูวีอย่างมีประสิทธิภาพ


          • รักษาความชุ่มชื้น ในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญในการป้องกันการเกิดฝ้า เนื่องจากความชุ่มชื้นในผิวจะทำให้ผิวสุขภาพดีและแข็งแรง ลดโอกาสการเกิดฝ้าได้ โดยวิธีการในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวมีมากมายหลายวิธี เช่น การทามอยเจอไรเซอร์ การใช้มาสก์ หรือเซรั่มบำรุงผิว เป็นต้น


          • เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว อีกวิธีที่สำคัญในการป้องกันการเกิดฝ้าคือการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเข้มข้น เพราะการที่ผิวระคายเคืองมากๆจะไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสีในผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นฝ้าขึ้นมาได้ 


          • หลีกเลี่ยงแสงแดด วิธีการที่ดีในการป้องกันฝ้าอีกวิธี คือ การหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในวันที่อากาศร้อนจัด แดดจ้า โดยเฉพาะแสงแดดกลางแจ้งในช่วง 10.00 – 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่รังสี UV สูงที่สุด หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งในแดดที่ร้อนจัดควรเลือกทำในที่มีร่มเงา หรือสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย เพื่อลดการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง


          • ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมช่วยป้องกันฝ้า เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพดีในการดูแลผิวและลดโอกาสการเกิดฝ้า เนื่องจากส่วนผสมในครีมบำรุงสามารถช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวและใช้เป็นประจำควบคู่กับการดูแลผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

          การรักษาฝ้านั้นสามารถทำได้หลายวิธี และสามารถรักษาให้ขาดได้ หากทำอย่างต่อเนื่อง และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความรุนแรงและชนิดของฝ้า ในบางคนการรักษาฝ้าอาจจะต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน แต่สิ่งที่สำคัญในการรักษาฝ้าคือควรทำควบคู่ไปกับการป้องกันการเกิดฝ้าใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และควรรักษาภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง และให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย

          Thermage Body คืออะไร? ตัวช่วยกระชับสัดส่วน ยอดฮิต

          Thermage Body คืออะไร

          Thermage Body คืออะไร? ตัวช่วยกระชับสัดส่วน ยอดฮิต

          อายุที่มากขึ้นทำให้ร่างกายของเรานั้นเริ่มพบกับปัญหาที่มากขึ้น เช่น ผิวกายที่ดูหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หรือร่างกายมีไขมันสะสมเฉพาะจุดที่มากขึ้น ปัญหาเหล่านี้ มีหลากหลายวิธีการในการแก้ไข แต่ก็มีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ

          ซึ่งปัจจุบันมีทางเทคโนโลยีมากมายที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่การเลือกเทคโนโลยีในการกระชับสัดส่วน จำเป็นต้องเลือกเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย ดูแลโดยแพทย์หรือผู้มีความรู้เท่านั้น เพื่อไม่ให้การรักษานำมาพาซึ่งอันตราย

          อย่าง Thermage Body เครื่องยกกระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกิน ที่รมย์รวินท์คลินิกดูแลและลงมือทำโดยแพทย์ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยเราจะพาไปทำความรู้จักกันในบทความนี้

          การกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน ควรทำที่ชั้นไหนดีที่สุด ?

          • การยกกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้น ควรเน้นที่ชั้นหนังแท้ (Dermis) หรือชั้นผิวที่ลึก เนื่องจากเป็นชั้นที่มีคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ทำให้ผิวดูยืดหยุ่นและกระชับ การเสริมสร้างคอลลาเจน แก้ปัญหาผิวไม่กระชับ มีความหย่อนคล้อย ไม่เรียบเนียน เกิดริ้วรอยนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การบำรุงดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้น การดูแลสุขภาพให้ดี เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ หรือการออกกำลังกาย นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีที่ปลอดภัย มาเป็นตัวช่วยยกกระชับสัดส่วน ลดความหย่อนคล้อยของผิวได้ อย่าง Thermage Body ยกผิวกายหย่อนคล้อย กระชับสัดส่วน พร้อมลดไขมัน
          • Thermage Body เป็นการใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุ (RF) จะช่วยกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน ให้ผิวดูเต่งตึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยิงพลังความร้อนลงได้ลึกถึง 3 ชั้นผิว เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ กระชับสัดส่วน พร้อมลดไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณผิวกาย ทำให้ผิวกายแน่น กระชับ มีเกิดความยืดหยุ่น ช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ดูสุขภาพดี

          Thermage Body คืออะไร

          Thermage Body คืออะไร

          • Thermage Body (เทอร์มาจ บอดี้) คือ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจากโปรแกรม Thermage เดิมที่มีความโด่งดังในด้านการยกกระชับ ที่พัฒนาให้มีหัว Tip ที่จะช่วยยกกระชับผิวกาย ที่สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย กระชับสัดส่วน ช่วยแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียนได้ทั่วร่างกาย โดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency หรือ RF) เข้าไปกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้คอลลาเจนหดตัว ส่งผลให้ผิวมีความกระชับเต่งตึงขึ้น กระชับสัดส่วน ลดเลือนริ้วรอย พร้อมช่วยปรับให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น 

          ทั้งนี้ Thermage Body ยังช่วยในเรื่องของการลดไขมันสะสมใต้ชั้นผิวหนัง กระชับสัดส่วน ให้ได้รูปร่างที่ต้องการหัว Thermage Body นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าหัวแบบธรรมดามากถึง 4 เท่า จึงเหมาะสำหรับการใช้ในบริเวณพื้นที่กว้างของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา

          Thermage กระชับ มีกี่หัว ใช้แตกต่างกันอย่างไร บริเวณไหนเหมาะกับชนิดไหน?

          • Thermage Total Tip 4 cm2

          หัวยิง Total Tip 4 ตร.ซม. เป็นหัวยิงสีม่วง ที่ออกแบบมาเฉพาะของรุ่น FLX เป็นหัวที่เหมาะสำหรับใช้บริเวณใบหน้า และช่วงลำคอ ทั้งยังสามารถยิงได้ถึง 900 ช็อต ใช้เวลารวดเร็วกว่า Total Tip 3 ตร.ซม. ทำให้ประหยัดเวลาในการทำหัตถการกระชับสัดส่วน 

          • Thermage Total Tip 3 cm2

          หัวยิง Total Tip 3 ตร.ซม. เป็นหัวยิงที่ยิงฟ้า ที่สามารถยิงได้ถึง 1,200 ช็อต เหมาะสำหรับกระชับสัดส่วน บริเวณใบหน้าและลำคอ

          • Thermage Body Tip 16 cm2

          หัวยิง Body Tip 16 ตร.ซม. เป็นหัวยิงสีส้ม เป็นหัวยิงที่มีขนาดใหญ่ที่สุด จึงเหมาะสำหรับการกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน บริเวณที่มีพื้นที่กว้าง เช่น ช่วงลำตัว แขน หรือขา เพราะ Thermage Body สามารถทำได้สะดวกและรวดเร็วกว่า

          • Thermage Eye Tip 0.25 cm2

          หัวยิง Eye Tip 0.25 ตร.ซม. เป็นหัวยิงสีเขียว ขนาดเล็กที่สุด เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องใช้ความละเอียดเป็นพิเศษ หรือพื้นที่จำกัด เช่น รอบดวงตา

          Thermage Body ช่วยเรื่องอะไร

           

          Thermage Body กระชับสัดส่วน ช่วยเรื่องอะไร?

          • Thermage Body ช่วยยกกระชับผิวกายให้เรียบเนียน กระชับสัดส่วน ลดไขมัน บริเวณหน้าท้อง หน้าท้องยุบได้โดยไม่ต้องผ่าตัด 
          • Thermage Body ช่วยยกกระชับผิวกายที่เกิดการหย่อนคล้อย ทำให้เข้ารูปได้สัดส่วนมากขึ้น
          • Thermage Body ช่วยลดเลือนรอยแตกลาย ร่องรอยดำ บริเวณหน้าท้องให้จางหายไป ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
          • Thermage Body ช่วยกระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง พร้อมปรับรูปร่างให้กระชับได้สัดส่วนที่สวยงาม
          • Thermage Body ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวบริเวณหน้าท้อง สำหรับคุณแม่หลังคลอด หรือคนที่ดูดไขมัน ที่ผิวไม่กระชับให้แข็งแรงขึ้น
          • Thermage Body ใช้เวลาในการทำไม่นาน มีความเจ็บน้อย ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

          Thermage Body กระชับสัดส่วน  เหมาะกับใคร ?

          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลังคลอดบุตรแล้วหน้าท้องเหี่ยว หย่อนคล้อย หรือผู้ที่เคยคลอดบุตรแล้วหน้าท้องไม่กระชับ 
          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับ ผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น
          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวย้วย ไม่กระชับ ทำให้ผิวเสียรูปทรง เนื่องจากการลดของน้ำหนักที่รวดเร็ว
          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับสัดส่วน ให้มีรูปร่างที่สวยงาม
          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการดูดไขมัน หรือต้องการทำหัตถการที่ไม่ต้องใช้เข็ม หรือผ่าตัด
          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่ผิวไม่เฟิร์ม อยากยกกระชับผิวกายทั่วลำตัว เช่น บริเวณหน้าท้อง ท้องน้อย ต้นแขน หรือต้นขา ที่มีความหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ
          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่เคยผ่าตัดดูดไขมัน อาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้น ๆ เกิดการหย่อนคล้อย หรือผิวไม่กระชับ
          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเยอะ จนเกิดเป็นปัญหาเซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม ผิวเป็นคลื่นที่บริเวณก้น ต้นขา หรือบริเวณสะโพก จนทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ผิวไม่สม่ำเสมอ
          • Thermage Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดขนาดสัดส่วน รอบเอว รอบขา หรือรอบแขน ให้เล็กลง

          ใครที่ไม่ควรทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน

          • Thermage Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวเสื่อมสภาพจากแสงแดด ทำให้ผิวหนังตอบสนองต่อการรักษาได้ไม่ดี และอาจทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น
          • Thermage Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติการใช้ยากลุ่ม NSAIDs หรือ Corticosteroids เป็นเวลานาน เพราะยากลุ่มนี้อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของผิวหลังทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน และลดประสิทธิภาพของการรักษา
          • Thermage Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสุขอนามัยไม่ดี หรือมีปัญหาสุขภาพจิต เนื่องจากไม่สามารถดูแลตนเองหลังการรักษา Thermage Body ได้อย่างเหมาะสม
          • Thermage Body ไม่เหมาะกับผู้ที่ประสาทสัมผัสไม่ดี เช่น ผู้ที่มีความไวต่อความรู้สึกบกพร่อง อาจไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด หรือความร้อนขณะทำการรักษา ซึ่งอาจเกิดการบาดเจ็บได้
          • Thermage Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และมีผิวหย่อนคล้อยมาก การยกกระชับสัดส่วน Thermage Body อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าที่ควร
          • Thermage Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือมีโลหะอยู่ภายในร่างกาย เช่น เครื่อง Permanent Pacemaker (เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ) การทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน อาจเข้าไปรบกวนคลื่นการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้ และก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ 

           

          เตรียมตัวอย่างไร ก่อนทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน

          • ก่อนทำ Thermage Body ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว ว่ามีปัญหาแบบไหน เพื่อวางแผนในการรักษาได้อย่างเหมาะสม
          • ก่อนทำ Thermage Body ควรแจ้งประวัติสุขภาพ หากมีโรคประจำตัว แจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษาเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่รับประทาน วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ใช้ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
          • ก่อนทำ Thermage Body ควรดูแลผิวกายให้ชุ่มชื้นด้วยการทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง
          • ก่อนทำ Thermage Body ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังทำ Thermage Body
          • ก่อนทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน ควรงดแอลกอฮอล์และคาเฟอีน ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีนก่อนทำ เนื่องจากอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
          • ก่อนทำ Thermage Body ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงก่อนและหลังทำ Thermage เพื่อป้องกันผิวไหม้
          • ผู้ที่เคยทำหัตถการฟิลเลอร์ ร้อยไหม ควรเว้นระยะห่างจากการทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน อย่างน้อย 1 เดือน

          ขั้นตอนการทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน 

          • ปรึกษากับแพทย์ เพื่อประเมินปัญหา และวางแผนการรักษา Thermage Body กระชับสัดส่วน ที่เหมาะสม
          • ก่อนเริ่มต้องแปะยาชาบริเวณที่ต้องการจะทำ จากนั้นรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 15-30 นาที 
          • แพทย์จะเริ่มด้วยการใช้หัว Thermage Body Tip กระชับสัดส่วน กดลงบนผิวให้แนบชิด จากนั้นจะค่อย ๆ ยิงพลังงานตามช็อตที่กำหนดไว้ ลงสู่ผิวชั้นลึก 
          • ระหว่างการรักษา Thermage Body จะให้ความรู้สึกอุ่นบริเวณผิวที่ทำ โดยจะใช้เวลา 45-90 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณผิว จำนวนช็อต รวมถึงสภาพผิวกายของแต่ละบุคคล
          • หลังทำ Thermage Body Tip สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น เนื่องจาก Thermage Body เป็นการใช้ตัวพลังงานคลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวจะค่อย ๆ กระชับ และเรียบเนียนขึ้นภายใน 2-3 เดือน ทั้งยังสามารถคงผลลัพธ์ให้ยาวนานกว่า 1-2 ปี

          ทั้งนี้ ในระหว่างทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน แพทย์จะสอบถามความรู้สึกของผู้เข้ารับบริการเป็นระยะ เพื่อที่จะปรับค่าพลังงาน Thermage Body ให้มีความเหมาะสมกับความเจ็บ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ

          • Thermage Body ระดับ 0-1 ค่าพลังงานน้อย ไม่มีความร้อน แต่รู้สึกว่าผิวสั่น จะได้ผลลัพธ์ที่น้อย
          • Thermage Body ระดับ 2-2.5 ค่าพลังงานปกติ มีความร้อน ความอุ่นบนผิว ในระดับที่ทนได้ เป็นค่าพลังงานที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพได้
          • Thermage Body ระดับ 3-4 ค่าพลังงานสูง มีความร้อนที่มากเกินไป จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าระดับอื่น แต่อาจจะทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บได้ ไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

          Thermage Body ทำบริเวณไหนได้บ้าง ?

          • ใบหน้าและลำคอ 

          Thermage Body เครื่องยกกระชับผิว โดยจุดที่นิยมใช้มากที่สุด คือ บริเวณใบหน้าและช่วงลำคอ เช่น บริเวณแก้มห้อย คางสองชั้น เหนียง กรอบหน้า หรือบริเวณผิวใต้คางที่มีความหย่อนคล้อย Thermage Body จะช่วยทำให้ผิวกระชับ ลดไขมัน และกรอบหน้าชัดขึ้น

          • ต้นแขน ต้นขา

          Thermage Body สามารถทำบริเวณต้นแขนและต้นขา เพื่อกระชับความหย่อนคล้อย และยังสามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ด้วย

          • ลำตัว

          Thermage Body สามารถช่วยยกกระชับสัดส่วนได้เป็นอย่างดี นิยมทำในบริเวณ ลำตัว สะโพก หน้าท้อง ที่มีความหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น นอกจากนี้ Thermage Body ยังช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้ ทำให้ผิวการกระชับมีสัดส่วนขึ้น

          Thermage Body กระชับสัดส่วน ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ?

          • Thermage Body เป็นเครื่องยกกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน พร้อมลดไขมัน ด้วยพลังงานคลื่นวิทยุ ทำให้หลังทำ Thermage Body ผิวหนังจะค่อย ๆ สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ ฟื้นฟูผิวได้จากภายใน ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์จะเริ่มค่อย ๆ เห็นชัดในช่วง 2-6 เดือนตั้งแต่หลังทำครั้งแรก 

          ผลลัพธ์หลังทำกระชับสัดส่วนด้วย Thermage Body 

          • หลังทำ Thermage Body ยกกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน และลดไขมัน ผิวจะดูกระชับขึ้นทันทีหลังทำ ประมาณ 20-30% จากนั้นผลลัพธ์ชัดเจนอย่างต่อเนื่อง 2-6 เดือน และ Thermage Body จะคงผลลัพธ์ยาวนานถึง 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ

           

          ปัญหาผิวหย่อนคล้อย เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง 

          ผิว เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนต่างให้ความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ผิวหน้า หรือผิวกาย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี เพราะการมีผิวที่กระชับ เรียบเนียน มีสัดส่วนที่กระชับ ดูสุขภาพดีนั้น นั้นจะให้เราดูสุขภาพดี ยิ่งในช่วงวัยเด็กนั้นถือเป็นช่วงที่ผิวพรรณดูสวย เปล่งปลั่ง สุขภาพดี เนื่องจากยังมีคอลลาเจนอยู่มาก แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นหลายคนอาจจะเจอกับปัญหาผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้ง ผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหย่อนคล้อย สัดส่วนไม่กระชับ ทำให้เสียความมั่นใจได้ง่าย ๆ 

          • โดยปัญหาผิวนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น อายุที่มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มลภาวะ ความเครียด รวมถึงการดูแลตัวเอง ซึ่งในแต่ละช่วงวัยนั้นก็มีปัญหาผิวที่แตกต่างกัน 

          บริเวณที่มักพบปัญหาผิวได้บ่อย ๆ

          1.  ใบหน้า : ใบหน้าเป็นสิ่งที่มักแสดงอารมณ์ และมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จึงส่งผลให้เกิด เส้นริ้วรอยบนผิวหน้าได้ง่าย โดยเฉพาะริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม รอบดวงตา หรือบริเวณหน้าผาก
          2. ลำคอและเต้านม : ผิวหนังลำคอ และเต้านมนั้น เป็นส่วนที่หลาย ๆ คนต่างลืมให้ความสำคัญ ยิ่งเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก อาจจะทำให้เกิดริ้วรอยและผิวเหี่ยวย่นได้ง่าย 
          3. มือและเท้า : ผิวหนังบริเวณมือและเท้านั้น เป็นส่วนที่มีการใช้งานมากสุด เช่น การล้างมือ การใช้สารเคมี การสวมรองเท้า ซึ่งอาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้นแห้ง หยาบกร้าน และเหี่ยวย่นได้ 
          4. ลำตัว : ผิวบริเวณลำตัวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก และการยืดของผิวในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นอาจจะทำให้ผิวมีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หรือเกิดริ้วรอยได้ เช่น หน้าท้อง
          5. แขนและขา : ผิวในบริเวณนี้เป็นผิวที่มีการยืดหดบ่อยครั้ง จึงส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยที่ชัดเจนได้ เช่น บริเวณข้อศอกและเข่า

          โครงสร้างชั้นผิว

          โครงสร้างผิวมีกี่ชั้น สำคัญอย่างไร?

          โครงสร้างของผิวหนังแบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลัก ได้แก่

          1. ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) : เป็นชั้นนอกสุดที่ปกป้องผิวจากสิ่งแปลกปลอม เช่น สารพิษและแบคทีเรีย โดยชั้นนี้จะสร้างเซลล์ผิวใหม่เรื่อย ๆ ทำให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียน
          2. ชั้นหนังแท้ (Dermis) : เป็นชั้นกลางของผิวหนังที่มีความสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่น โดยมีองค์ประกอบหลัก คือ คอลลาเจน และอิลาสติน ชั้นนี้เป็นส่วนที่ทำให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึง และเรียบเนียน
          3. ชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) : ชั้นนี้เป็นชั้นที่ลึกที่สุดและประกอบด้วยเซลล์ไขมัน ทำหน้าที่ช่วยป้องกันความร้อน และความอบอุ่นในร่างกาย ซึ่งปริมาณไขมันของแต่ละคนนั้นจะไม่เท่ากัน

          วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Thermage Body

          วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน 

          การทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน นั้นไม่มีการใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้มีความเจ็บน้อย หลังทำจึงสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ โดยจะมีเพียงการดูแลเบื้องต้นที่ควรทำ ดังนี้

          • หลังทำ Thermage Body สามารถทาครีมบำรุงผิวกายได้ตามปกติ 
          • หลังทำ Thermage Body ควรทาครีมที่เน้นในเรื่องของความชุ่มชื้นผิว เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวหลังทำได้ 
          • หลังทำ Thermage Body ควรดูแลผิวกาย หลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรง และแดดจัด ควรหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป
          • หลังทำ Thermage Body ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสกับความร้อน เช่น การซาวน่า การอบผิว หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่แดดแรงจัด เป็นเวลา 2 สัปดาห์
          • หลังทำ Thermage Body ควรหลีกเลี่ยง การทำทรีตเมนต์ผิวกาย เลเซอร์ลงชั้นผิวลึก ประมาณ 1 เดือน

          ผลข้างเคียงหลังทำ Thermage Body

          • การยกกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน และลดไขมันด้วย Thermage Body นั้น อาจจะมีผลข้างเคียงที่มักจะพบได้เล็กน้อย เช่น อาการบวม รอยแดง หรืออาการปวดเล็กน้อย โดยส่วนมากอาการเหล่านี้มักจะพบหลังทำ Thermage Body ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และค่อย ๆ หายไปเองภายใน 2-3 วัน

          การทำ Thermage Body อันตรายไหม ?

          • Thermage Body กระชับสัดส่วน เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความปลอดภัยสูง ด้วยการใช้คลื่นพลังงานวิทยุส่งผ่านเข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก US FDA จึงทำให้มั่นใจในความปลอดภัยได้ แต่สำหรับเครื่อง Thermage Body ปลอม ที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น จะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้  ดังนั้นควรตรวจสอบคลินิกให้ดีก่อนเข้ารับบริการ ว่าคลินิกนั้นเลือกใช้เครื่อง Thermage Body แท้หรือไม่

          ทำ Thermage Body ราคาเท่าไหร่

          • Thermage Body นวัตกรรมยกกระชับสัดส่วน ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง และช่วยลดเซลลูไลท์โดยเฉพาะ ซึ่งการทำ Thermage Body นั้นจะมีราคาที่แตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิว และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก 

          Thermage Body ใช้เวลาในการทำนานไหม ?

          • การทำ Thermage Body เป็นเครื่องยกกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน  ลดไขมัน ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ใช้เวลาในการทำประมาณ 40-90 นาที โดยปกติแล้วการทำ Thermage Body 450 ช็อต จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที หากมีจำนวนช็อตที่มากขึ้น หรือทำในบริเวณที่ใช้พื้นที่เยอะ อาจจะต้องใช้เวลาในการทำที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่เกิน 90 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิว รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการใช้ Thermage Body อีกด้วย

          ควรทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน กี่ครั้ง ?

          • สำหรับใครที่สงสัยว่าการทำ Thermage Body นั้นควรทำกี่ครั้งถึงเห็นผล และอยู่ได้นานแค่ไหน ? Thermage Body สามารถคงผลลัพธ์ 1-2 ปี หากต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานต่อเนื่อง สามารถทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน 1 ครั้งต่อ 1 ปี ซึ่งระยะเวลาของผลลัพธ์นั้นจะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล รวมถึงสภาพปัญหาผิวกาย

          กระชับสัดส่วน Thermage Body อยู่ได้นานไหม ?

          • Thermage Body อยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุของคนไข้ หลังทำผิวกระชับขึ้นทันที 20% และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณ 2-3 เดือนหลังทำ Thermage Body เนื่องจากร่างกายจะสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ช่วยให้ผิวกายกระชับขึ้นอีก ทำให้ผิวแข็งแรง กระชับและดูอ่อนกว่าวัย 

          Thermage Body ควรทำกี่ช็อต

          Thermage Body ควรทำกี่ช็อต ?

          • ควรทำยกกระชับสัดส่วน Thermage Body กี่ช็อต ? การทำ Thermage Body กระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน ช่วงลำตัวจะใช้หัว Thermage Body Tip 16 cm2 ซึ่งเป็นหัวที่เหมาะสำหรับพื้นที่กว้างอย่างลำตัว แขน หรือขาที่สุด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจากแต่ละบุคคลนั้นก็จะมีปัญหาผิว สภาพผิวกายที่แตกต่างกันไป หรือมีความต้องการที่แตกต่างกัน จึงควรเข้ามาประเมินสภาพผิว เพื่อให้แพทย์นั้นได้วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมที่สุด
          • Thermage Body จำนวน 900 ช็อต โดยจะใช้ Thermage Body Tip 16 cm2 ช่วยแก้ไขปัญหาผิวกายหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ลดไขมันส่วนเกิน และลดเซลลูไลท์ที่สะสมได้ทั่วร่างกาย เช่น บริเวณต้นแขน ต้นขา  หน้าท้อง และสะโพก

          Thermage Body เจ็บไหม ?

          • การทำ Thermage Body กระชับสัดส่วน อาจทำให้รู้สึกเจ็บขณะทำ โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องใช้พลังงานสูงเข้าไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทั้งนี้ความเจ็บของการทำ Thermage Body นั้นเป็นความเจ็บที่ทนได้ ไม่เจ็บมาก และทำเสร็จไม่ต้องพักฟื้น เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด สำหรับใครที่กลัวเจ็บสามารถขอแปะยาชาก่อนทำได้

          Thermage Body ควรทำก่อนหรือหลังหัตถการอื่น

          • หากเลือกทำการยกกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน Thermage Body หรือเครื่องยกกระชับอื่น ๆ ก่อนการทำหัตถการกลุ่มฉีดนั้น หลังทำ Thermage Body ควรเว้นระยะห่างในการทำหัตถการกลุ่มฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
          • หากเลือกทำหัตถการกลุ่มฉีดก่อน ควรเว้นระยะห่างในการทำยกกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน ด้วย Thermage Body หรือเครื่องยกกระชับอื่น ๆ ประมาณ 4 สัปดาห์ขึ้นไป

          ทั้งนี้ก่อนเข้ารับการรักษา Thermage Body กระชับสัดส่วน ควรปรึกษาและวางแผนการรักษากับแพทย์ผู้ชำนาญการ ซึ่งลำดับการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมินปัญหาผิวกายว่าควรทำอะไรก่อน หรือหลัง และมีวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Thermage Body ของแต่ละบุคคลอย่างไร ให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

           

          Thermage Body เรียกได้ว่าเป็นเครื่องยกกระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกินทั่วร่างกาย ที่จะช่วยคืนความเป๊ะ ผิวเฟิร์มให้กับหุ่นของเรา ซึ่ง Thermage Body นับว่าเป็นทางเลือกปรับรูปร่าง กระชับสัดส่วน ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ เพราะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก หลังทำผิวกายดูกระชับขึ้นประมาณ 20% นอกจากนี้ Thermage Body ยังไม่ต้องเข้าผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม เจ็บน้อย และพักฟื้นในเวลาสั้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปร่างแบบเร่งด่วน คนที่กลัวเข็ม และเร่งใช้หุ่น สำหรับใครที่สนใจยกกระชับผิวกาย กระชับสัดส่วน ด้วย Thermage Body สามารถเข้ามารับคำปรึกษากับแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา ดูแลหุ่นสวย แบบปลอดภัย

          FIT SHAPE BODY เด็ดจนคุณนาเดียร์ ต้องหนีลูกมาทำ

          FIT SHAPE BODY


          “ไม่ดีจริง”  คุณนาเดียร์ไม่หนีลูกมาทำ FIT SHAPE BODY

           

          ยังสวย และยังดูดีไม่เปลี่ยนเลย คุณนาเดียร์ โสภณกุล ถึงจะเป็นคุณแม่แล้วแต่หุ่นก็ยังเป๊ะอยู่เหมือนเดิมเลยนะคะ 

           

          ปัญหาส่วนใหญ่ของนาเดียร์ก็คงจะเป็นเรื่องส่วนเกินเนี่ยแหละค่ะ ถึงเราจะยังดูผอม ดูไม่อ้วนเลย แต่เราก็มีไขมันสะสมเกาะอยู่เฉพาะจุดนะ ด้วยความที่เราผ่านการมีลูกมาแล้วอะไรๆ ที่เคยยุบ เคยกระชับ มันก็ย้วยออกมาค่ะ คนอื่นอาจจะดูไม่ออกคิดว่า อุ๊ย! มีลูกแล้วทำไมยังดูผอมอยู่เลย ดูดีจัง แต่เขาไม่มองเห็นส่วนที่ย้อยๆ เผละๆ ของเราเพราะเราอาจจะปกปิดไง (หัวเราะ) อย่างตัวนาเดียร์เองจะมีปัญหาเรื่องไขมันสะสมบริเวณแขนค่ะ แขนของนาเดียร์ก็จะย้อยๆ ห้อยๆ หน่อย ยิ่งเวลาเรายกแขน หรือโบกแขนเนี่ยจะเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะ

           

          เราอยากลดน้ำหนัก ลดส่วนเกินที่มันเผละๆ นาเดียร์ก็พยายามมองหาวิธีที่จะช่วยลดไขมันสะสม สลัดเซลลูไลต์ส่วนเกินในชีวิตของเราให้ออกไปซักที ที่เคยทำก็จะมีออกกำลังกายพวกยกเวทบ้าง หรือควบคุมอาหารบ้าง แต่ด้วยความที่เราเป็นคนชอบกิน บางทีเราก็อยากกินนั่นกินนี่ ตามใจปาก ตามใจตัวเองบ้าง และก็รู้ตัวเองว่าเราคงจะให้มานั่งคุมอาหารทุกมื้อก็คงไม่ไหว ก็เลยมองหาวิธีที่ง่ายกว่า ไม่ต้องทรมาน ไม่ต้องฝืนตัวเองจนเกินไปค่ะ

           

          ในเมื่อเราใช้การอดอาหารหรือทรมานตัวเองแล้วไม่ได้ผล นาเดียร์ก็ต้องหาวิธีลัดอย่างโปรแกรมดูแลรูปร่าง ลดส่วนเกินที่ทำได้ง่าย และเก็นผลได้จริง จนได้มาเจอกับโปรแกรม FIT SHAPE BODY ที่รมย์รวินท์คลินิกค่ะ ตอนแรกที่ได้ปรึกษาคุณหมอ และได้รู้ถึงวอธีการรักษาก็ยังคิดอยู่เลยนะ ว่ามันจะช่วยลดส่วนเหินของเราได้จริงๆ เหรอ เพราะขั้นตอนการรักษามันง่ายมากแค่เรานั่งเฉยปล่อยให้ FIT SHAPE BODY ทำงานก็ลดได้แล้ว โดย FIT SHAPE BODY ทำงานด้วยการปล่อยพลังงาน RF หรือ Radio Frequency ลงสู่ชั้นผิวเพื่อไปลดไขมันให้เกิดการแตกตัว หลังจากนั้นไขมันก็จะถูกร่างกายกำจัดออกไปเองโดนอัตโนมัติ และ FIT SHAPE BODY ยังช่วยเรื่องผิวหย่อนคล้อยของนาเดียร์ให้กลับมากระชับได้อีกด้วยค่ะ 

           

          ความรู้สึกของนาเดียร์ หลังได้ลองทำ FIT SHAPE BODY ครั้งแรก นาเดียร์รู้สึกได้ถึงความต่างเลย เปรียบเทียบระหว่างข้างที่ทำเสร็จแล้วกํบข้างที่ยังไม่ได้ทำ รู้สึกว่าข้างที่ทำมันกระชับขึ้นมาก ลองแกว่งแขนแล้วช่วงท้องแขนไม่มีไขมันย้วยๆ แล้วค่ะ นาเดียร์บอกได้เลยว่า FIT SHAPE BODY นี่คือที่สุดเลยค่ะ นาเดียร์ชอบมาก เวลาว่างๆ จะหนีลูกมาทำเรื่อยๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) ใครที่มีหุ่นดีอยู่แล้ว แต่ต้องการลดไขมันสะสม เซลลูไลต์ นาเดียร์แนะนำให้มาทำ FIT SHAPE ได้ที่รมย์รวินท์คลินิก และ Body & Wellness ได้ทุกสาขาเลยนะคะ ที่นี่เขามีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะ ที่ช่วยแนะนำโปรแกรม และวิเคราะห์ร่างกายก่อนการรักษาทุกเคสด้วยนะคะ

           

          FIT SHAPE BODY คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร

          FIT SHAPE BODY โปรแกรมดูแลรูปร่างที่ช่วยเร่งกระตุ้นการเผาผลาญ ลดไขมันในช่องท้อง และเซลลูไลต์โดยไม่ทำลายเซลล์อื่นๆ โดย FIT SHAPE BODY ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่เฉพาะ 448 kHz ที่คลื่นความถี่ 0.5 MHz ซึ่งมีความปลอดภัยต่อร่างกาย เพราะถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มายาวนาน ซึ่งคลื่นความถี่นี้จะเข้าไปลดไขมัน ลดเซลลูไลต์ที่สะสมตามร่างกาย ต่อต้านการสร้างใหม่ของเซลล์ไขมัน (Lipolytic or antiadipogenic effect) กระชับสัดส่วน กระชับผิว และลดความหย่อนคล้อย โดยไม่มีบาดแผล ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำได้ทุกส่วนในร่างกาย ทั้งหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก แผ่นหลัง น่อง FIT SHAPE BODY มีความปลอดภัยสูง เพราะได้รับการรับรองจาก FDA อเมริกา และไทย 

          FIT SHAPE BODY ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

          • FIT SHAPE BODY ช่วยกำจัดไขมันในชั้นผิวหนังและช่องท้อง (Visceral Fat)
          • FIT SHAPE BODY ช่วยกำจัดเซลลูไลต์ในทุกชั้นผิว
          • FIT SHAPE BODY ช่วยเพิ่มการเผาผลาญระดับเซลล์
          • FIT SHAPE BODY ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ให้ดีขึ้น
          • FIT SHAPE BODY ช่วยกระตุ้น Fibroblast สร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว
          • FIT SHAPE BODY ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือด
          • FIT SHAPE BODY ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อถึงระดับเซลล์
          • FIT SHAPE BODY ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อย

          ข้อดีของ FIT SHAPE BODY

          • ทลายไขมันได้ถึงระดับเซลล์
          • ไขมันสะสมลดลงถึง 11%
          • ลดรอยเหี่ยวย่นปรับผิวให้กระชับ
          • ช่วยกระชับสัดส่วน
          • ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
          • ช่วยลดผิวเปลือกส้ม
          • ไม่ต้องผ่าตัด 
          • ไม่ต้องพักฟื้น
          • ไม่มีบาดแผล

          FIT SHAPE BODY เหมาะสำหรับใครบ้าง

          • ผู้ที่มีส่วนที่หย่อนคล้อยและต้องการกระชับ
          • ผู้ที่มีผิวเปลือกส้ม ลดความขรุขระของผิว
          • ผู้ที่มีไขมันสะสมที่ต้องการลดไขมัน
          • ผู้ที่ต้องการลดเซลลูไลต์ 
          • ผู้ที่มีไรมันหน้าท้อง
          • ผู้ที่ต้องการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

          อยากหุ่นดี ไม่มีไขมันเผละ มาที่รมย์รวินท์คลินิก และ Body & Wellness ได้ทุกสาขาเลยนะคะ เรามีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะคอยให้คำปรึกษาคุณอยู่ค่ะ

           

          เผยเคล็ดลับดูแลตัวเองแบบ Non Stop ของคุณเต๋า Dragon 5

          Ultherapy

          เต๋า Dragon 5 นักร้องบอยแบนด์ยุค 90 เผยเคล็ดลับดูแลตัวเอง

           

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เวลาผ่านไป 20 ปี คุณเต๋า อดิศร อรรถกฤษณ์ หรือ เต๋า Dragon 5 นักร้องบอยแบนด์ยุค 90 ยังหล่อดูดี หน้ายกกระชับ ดูอ่อนเยาว์เหมือนเดิม ที่เขาว่ากันว่ากาลเวลาทำอะไรไม่ได้นี่ก็เป็นเรื่องจริง อยากรู้เคล็ดลับการดูแลตัวเองของคุณเต๋าแล้วว่าทำอย่างไรให้ตัวเองยังไงถึงหล่อ ดูอ่อนเยาว์ หน้ายกกระชับ โกงอายุได้ขนาดนี้คะ

           

          โกงอายุเลยเหรอครับ (หัวเราะ) ไม่หรอก เราก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้ตัวเองดูดี ดูอ่อนเยาว์อยู่ จากที่เคยเป็นบอยแบนด์จนถึงตอนนี้ก็ผ่านไป 20 กว่าปีแล้วครับ เวลาผ่านไปเร็วมากๆเลย อะไรๆ ที่เคยตึงก็ต้องเริ่มหย่อนเป็นธรรมดาครับ อายุเราก็ 40+ แล้วด้วยก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองครับ เพราะถึงจะไม่ได้เป็นบอยแบนด์แล้ว แต่ก็ยังมีอาชีพนักแสดงอยู่ ยิ่งเวลาเข้ากล้องนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ตัวจริงเท่าไหร่ เวลาออกจอทีวีจะยิ่งขยายเท่านั้นเลยครับเพราะกล้องสมัยนี้ชัดมาก ยิ่งกว่า 4K (หัวเราะ) เราก็คงไม่อยากให้ใครเห็นร่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย เหนียง หรือหน้าบานๆ ของเราหรอกครับ ก็เลยต้องดูแลตัวเองซักหน่อย 

          06 11 67Ultherapy 04

          แต่การดูแลสำหรับเราอาจจะไม่ได้ง่ายๆ เหมือนตอนสมัยวัยรุ่นที่แค่ทำครีมบำรุงก็ดีขึ้นแล้ว ด้วยความที่อายุเพิ่มขึ้นอะไรๆ มันก็อาจจะกู้ยากขึ้นอย่างเช่นเรื่องความหย่อนคล้อย ริ้วรอยเนี่ยแหละครับ ผมเลยต้องหาตัวช่วยให้ตัวเองดูดี อย่างวิธีการดูแลเรื่องผิวที่ดาราหลายๆ ท่านใช้กันก็คงเป็นการทำหัตถการความงามเนี่ยแหละครับ เดี๋ยวนี้ก็มีเทคโนโลยีมากมายให้เลือก พวกเทคโนโลยียกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยให้ผิว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายก็อยากดูดี หล่อสวยกันทั้งนั้น ตัวของผมก็เช่นกัน ผมเลยศึกษาข้อมูลก่อนจะเลือกทำ ทั้งดูรีวิว และได้รับคำแนะนำมา จนตัดสินใจมาที่รมย์รวินท์คลินิกให้ช่วยดูแลเรื่องผิวว่าจะมีวิธีใดบ้างที่ทำให้ผิวหน้าของผมยกกระชับขึ้นครับ

           

          ความประทับใจแรกของผมที่เข้ามาปรึกษาที่รมย์รวินท์คลินิกเลยก็คือ คุณหมอครับ ที่นี่มีคุณหมอผู้มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำ ปรึกษาเรื่องปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับได้เฉพาะเลยครับ ดังนั้นใครที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย ไม่กระชับของผิว ไม่ต้องห่วงเลย เดินเข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกได้เลยครับ และอีกอย่างที่ผมเลือกมาทำที่รมย์รวินท์คลินิกก็คือที่นี่มีชื่อเสียงมายาวนานถึง 21 ปี ถ้าถามผมๆ ก็เลือกที่นี่แหละครับ เพราะถ้าไม่ดีจริงคงไม่มีชื่อเสียงมายาวนานแบบนี้หรอกครับ 

           

          คุณหมอที่ดูแลเรื่องผิวให้ผมในวันนี้คือคุณหมอผล (นพ.อธิวัชร อัศวภิวัฒน์) ขั้นตอนแรกเลยคุณหมอผลจะประเมินและวิเคราะห์ผิวหน้าของเราก่อนด้วยเทคนิค Lifting Select ซึ่งจะวิเคราะห์ผิวของเราในแต่ละชั้นผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อลงลึกถึงปัญหาผิว ก่อนการเลือกโปรแกรมในการแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับเราครับ 

          06 11 67 Ultherapy 02

          คุณหมอผลเลือก Ultherapy ให้ผมครับ โดยคุณหมอผลบอกว่า Ultherapy เด่นในเรื่องของการเก็บริ้วรอย เก็บจุดหย่อนคล้อยอย่างเช่นแก้ม และเหนียงของเราให้ยกกระชับ และช่วยเรื่องกรอบหน้าให้คมชัดมากขึ้น โดย Ultherapy จะยิงด้วยพลังงาน Ultrasound ที่สามารถยิงลงลึกได้ถึงผิวชั้น SMAS เป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างชั้นผิวและชั้นไขมัน ซึ่งชั้นนี้คุณหมอผลบอกว่าเป็นชั้นผิวที่นิยมใช้สำหรับการผ่าตัดยกกระชับผิวหน้า แก้ความหย่อนคล้อยของผิวหน้าครับ Ultherapy จะยิงพลังงานเข้าไปกระตุ้นให้คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวของเราเกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่ที่เป็นระเบียบและมีความแน่นมากยิ่งขึ้นส่งผลให้ผิวเฟิร์มกระชับมากขึ้น Ultherapy ช่วยทำให้ส่วนที่หย่อนคล้อย หรือเป็นร่องลึกของเราก็จะถูกยกกระชับ ถูกดึงให้หน้าตึง สร้างกรอบหน้าของเราให้เรียวมากขึ้นด้วยนั่นเองครับ ที่สำคัญ Ultherapy ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถไปทำงานต่อได้เลยครับ 

          06 11 67 Ultherapy 03

          หลังทำเสร็จเห็นผลชัดเลยครั้ง หน้าของผมถูกยกขึ้นทันที เรียวขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดเจนขึ้นมาก จากอะไรที่เคยหย่อนๆ ก็กลับมาตึงกระชับขึ้นเลยครับ หน้าผมดูอ่อนเยาว์เหมือนตอนที่ยังเป็นบอยแบนด์เลยครับ (หัวเราะ) ต้องขอบคุณ Ultherapy และรมย์รวินท์คลินิกเลยที่ช่วยผมไว้ 

           

          Ultherapy ดีอย่างไร ทำไมต้องมาทำที่รมย์รวินท์คลินิก 

          • Ultherapy เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
          • Ultherapy เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และปัญหาร่องแก้มลึก
          • Ultherapy เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
          • Ultherapy ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง
          • Ultherapy ช่วยยกกระชับผิวหน้า โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
          • Ultherapy ใช้เวลาทำเพียง 30-45 นาทีเท่านั้น
          • Ultherapy ให้ผลลัพธ์ผิวยกกระชับอยู่ได้นานถึง 1 ปี 

           

          ต่อให้เวลาจะผ่านไปกี่ปี คุณยังดูดีได้อยู่เสมอ ให้รมย์รวินท์คลินิกเป็นเคล็ดลับช่วยดูแลผิวของคุณให้อ่อนเยาว์ ดูดีได้ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ

          รมย์รวินท์รับรางวัลไม่เคยแผ่ว ทั้งในและนอกประเทศ จาก Merz Aesthetics 

          MERZ AESTHETICS PORTFOLIO - 2nd RUNNER UP HIGHEST ACHIEVEMENT ASIA PACIFIC

          ก้าวสู่เวทีโลก! รมย์รวินท์คลินิก คว้ารางวัลระดับเอเชียแปซิฟิก จาก Merz Aesthetics  ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการดูแลผิว

           

          Merz Aesthetics (เมิร์ซ เอสเธติกส์) จัดงาน Beauty’s North Star Constellations of Inspiration 9th Golden Record Award อย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2567 ROMRAWIN CLINIC THAILAND คว้ารางวัล “2nd Runner Up และ Highest Achievement Asia Pacific Category A” ที่มีเทคโนโลยีความงามแห่งการดูแลผิว ยกกระชับ และมีผลงานการดูแลผู้ใช้บริการเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย !  และเป็น Top 3 ของ ASIA PACIFIC

          MERZ AESTHETICS PORTFOLIO - 2nd RUNNER UP HIGHEST ACHIEVEMENT ASIA PACIFIC

          ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความน่าประทับใจ ณ กรุงฮานอย วันที่  5-6 พฤศจิกายน 2567

          รมย์รวินท์คลินิก ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมงานประกาศรางวัล  Beauty’s North Star Constellations of Inspiration 9th Golden Record Award อย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2567 โดยเป็นการให้รางวัลจากบริษัท Merz Aesthetics แขนงต่าง ๆ โดยมีคลินิกเสริมความงามมากมายเข้าร่วมภายในงานนี้

           

          โดยภายในงานมีการประกาศรางวัลอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งรมย์รวินท์คลินิก คว้ารางวัลใหญ่สำหรับประเทศไทย อย่าง “2nd Runner Up และ Highest Achievement Asia Pacific Category A” ซึ่งเป็นรางวัล อันดับ 1 ของประเทศไทย และยังเป็น Top 3 ของ ASIA PACIFIC เป็นเครื่องการันตีถึงการให้บริการของรมย์รวินท์คลินิกที่สามารถให้บริการได้อย่างครอบคลุมเป็นอย่างดี

          MERZ AESTHETICS PORTFOLIO - 2nd RUNNER UP HIGHEST ACHIEVEMENT ASIA PACIFIC

          รมย์รวินท์ คลินิก ยกระดับความงามด้วยเทคโนโลยี Merz Aesthetics

           

          รมย์รวินท์ คลินิก ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดจาก Merz Aesthetics มาปรับใช้ในการดูแลลูกค้าอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น การยกกระชับผิวหน้า สารเติมเต็ม ลดเลือนริ้วรอย หรือปรับปรุงสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ดังนี้

          MERZ AESTHETICS PORTFOLIO - 2nd RUNNER UP HIGHEST ACHIEVEMENT ASIA PACIFIC

          • โปรแกรม RESET ผิว Young : ฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์

          Radiesse นวัตกรรมในการฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยมีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว CaHA จะทำหน้าที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง อิ่มฟู ริ้วรอยลดเลือน และดูอ่อนเยาว์ลง สามารถอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน

           

          • โปรแกรม RESET(+) Lift & Contour : ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์

          Radiesse Plus เป็นนวัตกรรมล่าสุดในการเติมเต็มและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ เป็นโปรแกรมที่เน้นการยกกระชับ ปรับรูปหน้า และเพิ่มความกระชับของผิว ช่วยเสริมความมั่นใจและให้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และต้องการใบหน้าที่ดูมีมิติมากขึ้น สามารถคงอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน

          MERZ AESTHETICS PORTFOLIO - 2nd RUNNER UP HIGHEST ACHIEVEMENT ASIA PACIFIC

          • โปรแกรม Ultherapy: ยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

          Ultherapy หรือ อัลเทอร่า คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Focused Ultrasound) ส่งตรงไปยังชั้นผิว SMAS (ชั้นกล้ามเนื้อที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า) ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

           

          • โปรแกรม Skin Revive : ฟื้นฟูผิวให้กลับมามีชีวิตชีวา

          Belotero Revive นวัตกรรมฟิลเลอร์รุ่นใหม่ที่เน้นการฟื้นฟูผิวให้กลับมามีสุขภาพดี ชุ่มชื้น และอิ่มฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ หรือต้องการปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์

          MERZ AESTHETICS PORTFOLIO - 2nd RUNNER UP HIGHEST ACHIEVEMENT ASIA PACIFIC

          • โปรแกรม Belotero Filler

          Belotero Filler เป็นสารเติมเต็มคุณภาพที่มีความหลากหลาย ทำให้สามารถแก้ปัญหาใบหน้าได้ครบทุกชั้นผิวที่ช่วยได้ทั้งการยกกระชับ การเติมเต็มผิวและยังช่วงส่งผลถึงงานผิวที่ดี ที่สำคัญยังสามารถคงสภาพอยู่ได้ชั้นผิวได้อย่างยาวนาน ไม่เป็นก้อนและให้ผลลัพธ์ที่สวยงาม

           

          ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รมย์รวินท์คลินิก จะยังคงเป็นผู้นำในการสร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับวงการความงามของประเทศไทยต่อไป

           

           

          รมย์รวินท์ คลินิก ยกระดับมาตรฐานความงามไทย สู่ยุคใหม่

          รมย์รวินท์ คลินิก ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีความงามและการดูแลผิวพรรณ พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการความงามของประเทศไทย เดินหน้ายกระดับมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้สวยงามและอ่อนเยาว์

          ฉีดโบปลอม เสี่ยงหน้าพัง เสียโฉมตลอดชีวิต

          ฉีดโบปลอม

          ฉีดโบปลอม เสี่ยงหน้าพัง เสียโฉมตลอดชีวิต

          อันตราย! เมื่อภัยร้ายมักซ่อนอยู่ในขวดโบปลอม สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ตกเป็นเหยื่อของคลินิกเถื่อน ที่นำเข้าโบปลอมแบบผิดกฎหมาย แล้วนำมาฉีดให้แก่ผู้รับบริการ ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงต่อใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใบหน้าเบี้ยว เกิดการติดเชื้อ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งจะเห็นได้เลยว่า ในปัจจุบันมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ออกมาให้เห็นอยู่เป็นประจำ สะท้อนให้เห็นถึง ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสวยของใครหลาย ๆ คน ดังนั้น การเลือกใช้บริการในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจนำมาซึ่งอันตรายร้ายแรงไม่รู้จบ ผู้รับบริการควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

           

          ระวัง! พิษจากโบปลอม อันตรายกว่าที่คิด

          ฉีดโบปลอม

          ทำไมการฉีดโบถึงได้รับความนิยม

          การฉีดโบ เป็นสารสกัดที่ได้จากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง เมื่อนำมาใช้ทางการแพทย์ จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ในบริเวณที่ฉีดเข้าไป ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ลดขนาดกล้ามเนื้อกรามได้อย่างตรงจุด ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าลดเลือนลง เช่น ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอยหางตา และริ้วรอยบริเวณหน้าผาก พร้อมปรับรูปหน้า ทำให้ใบหน้าเรียวเล็ก มีความเรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์อีกด้วย ซึ่งการฉีดโบจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัย และสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือน 

           

          ฉีดโบปลอม คืออะไร?

          โบปลอม คือ ผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบขึ้นมา เพื่อเลียนแบบโบแท้ โดยใช้ตัวยาที่ไม่มีคุณภาพ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานตามที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนด อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือสารอื่น ๆ ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงต่อใบหน้า เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใบหน้าเบี้ยว หรือเกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ โดยโบปลอมส่วนมาก มักจะพบได้ในคลินิกเถื่อน คลินิกที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือบางรายอาจเห็นแก่ราคาถูก เลือกฉีดโบกับหมอกระเป๋า ซึ่งผู้ที่ฉีดมักไม่ใช่แพทย์ที่มีความชำนาญโดยตรง ดังนั้น จึงไม่สามารถทราบได้เลยว่า สารที่นำมาฉีดคืออะไร มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโบปลอมหรือโบหิ้วที่ไม่ได้มาตรฐาน

          ผลกระทบจากการฉีดโบปลอม

          การฉีดโบปลอม มีความอันตรายอย่างมาก เนื่องจากโบปลอม ใช้ตัวยาที่ไม่บริสุทธิ์ มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้มากมาย เช่น

          • ฉีดโบปลอมแล้วไม่เห็นผล เนื่องจากโบปลอมไม่มีประสิทธิภาพพอ ในการลดเลือนริ้วรอย หรือลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
          • หนังตาตก ใบหน้าเบี้ยว เนื่องจากตัวยาของโบปลอม กระจายไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก หรือใบหน้าบิดเบี้ยวได้
          • เกิดการติดเชื้อ เนื่องจากตัวยาของโบปลอม ไม่มีความบริสุทธิ์เพียงพอ เป็นสารที่ไม่ได้รับการรองรับทางการแพทย์ อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ส่งผลให้เกิดอาการแพ้หรือติดเชื้อ ทำให้ผิวหนังแดง บวม คัน หรือหายใจลำบากได้
          • เสี่ยงภาวะดื้อโบ เนื่องจากตัวยาของโบปลอม อาจมีสิ่งแปลกปลอมหรือสารปนเปื้อนผสมอยู่ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหน้า ร่างกายจึงสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้าน ทำให้การฉีดโบในครั้งต่อ ๆ ไปไม่เห็นผล แม้จะฉีดหลายครั้งก็ตาม

          วิธีป้องกัน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ จากการฉีดโบปลอม

          • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ภายในคลินิกมีความสะอาด อุปกรณ์ปลอดเชื้อ และมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิก
          • แพทย์ที่มีความรู้และความชำนาญ มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง โดยสามารถนำชื่อและนามสกุลของแพทย์ เข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของแพทยสภาได้ เพื่อตรวจเช็กว่า แพทย์ที่ทำการฉีดโบเป็นแพทย์จริงหรือไม่
          • เลือกโบแท้ ยี่ห้อที่ได้รับการรับรองจาก อย. เท่านั้น สามารถขอตรวจสอบโบก่อนฉีดได้ โดยให้แพทย์แกะกล่อง เปิดขวด และผสมตัวยาให้ดูต่อหน้า หากเป็นคลินิกที่ใช้โบแท้ จะยินดีให้ผู้รับบริการตรวจสอบได้อย่างแน่นอน
          • ราคาไม่ถูกจนเกินไป เนื่องจากหากมีราคาถูกเกินจริงจนน่าสงสัย อาจเป็นสัญญาณได้ว่า โบที่ใช้คือโบปลอม ที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการผสมสารปนเปื้อนที่อันตรายต่อร่างกาย
          • หมั่นสังเกตอาการหลังฉีดโบ เมื่อฉีดโบไปแล้ว ควรสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เช่น บวม แดง ปวด หรือกล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแรง หากพบอาการผิดปกติเมื่อไหร่ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

           

          เลือกฉีดโบทั้งที เลือก รมย์รวินท์คลินิก

          เพื่อให้การฉีดโบเป็นไปอย่างปลอดภัย มั่นใจในผลลัพธ์ ไม่ต้องเสี่ยงเจอโบปลอม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการได้แล้ววันนี้ ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เราใส่ใจทุกรายละเอียดและขั้นตอนในการรักษา ด้วยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญการ สามารถประเมินผิวหน้า พร้อมวางแผนการรักษาที่เหมาะสม มีโปรแกรมฉีดโบให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งทุกยี่ห้อได้รับการรับรองจาก อย. ไทย ทั้งสิ้น อย่าไปหลงเชื่อกับโปรโมชันราคาถูก ในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่ รมย์รวินท์คลินิก เราพร้อมให้คำแนะนำในการเลือกยี่ห้อและปริมาณโบที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและน่าพึงพอใจ  บอกลาริ้วรอย กรามใหญ่ หน้าไม่เรียวเล็กได้ทันที

          นอนกรนจนเพื่อนร้อง วันนี้ต้องเลิกกรนแล้ว ใหม่ ลอว์เรน

          เลเซอร์นอนกรน


          “ใหม่ ลอว์เรน” ประกาศชัด! วันนี้ขอเลิกนอนกรน

           

          เพื่อนๆ ร่วมกันแฉ พฤติกรรม “ใหม่ ลอร์เรน” กรนหนักมากเหมือนเรือหางยาววิ่งผ่านหน้าบ้าน!! 

          ใช่!! ทุกคนที่เคยนอนกับเราบอกแบบนั้น (หัวเราะ) ทนมานาน ทนหนักมาก หมายถึงคนรอบข้าง ทนเราหนักมาก เหมือนเป็นฝันร้าย ก็เราเองอีกนั่นแหละที่เป็นฝันร้ายของเพื่อนๆ และคนรอบข้าง ตอนนอนหลับเราก็ไม่รู้ตัวเองหรอกว่าเรานอนกรน แต่คนรอบข้างที่นอนกับเราเขารู้สึกไง เพราะว่ากรนดังมาก กรนหนักมาก และนับวันมันยิ่งจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่มีใครอยากนอนด้วยแล้วค่ะ และบางทีเวลานอนๆ อยู่จะรู้สึกว่ามีกระตุก มันเหมือนเราหยุดหายใจชั่วคราว พอตื่นเช้ามาเราก็จะรู้สึกว่า เราพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความงัวเงียระหว่างวัน เราก็ไม่ได้ละ จะปล่อยให้เรา

          กรนหนักแบบนี้ไม่ได้ จะปล่อยให้คนรอบข้างทนกับพฤติกรรมการนอนกรนของเราไม่ได้ ก็พยายามศึกษาหาข้อมูลว่ามันมีวิธีไหนที่จะช่วยหยุดการนอนกรนให้ได้ผลอย่างแท้จริง จนมาเจอSnore Laser หรือ เลเซอร์แก้กรนที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละที่น่าสนใจ เพราะเขาบอกว่าสามารถแก้อาการนอนกรนได้ด้วยเลเซอร์ ไม่ต้องผ่าตัดเลย เราก็เลยโอเคตัดสินใจว่าวิธีนี้แหละน่าจะช่วยเราได้ไม่มากก็น้อย 

          เลเซอร์นอนกรน

          ตอนแรกเราก็สงสัยว่า เลเซอร์แก้กรนมันจะทำงานยังไง มันจะช่วยแก้อาการกรนของเราได้ยังไง จนได้มาปรึกษากับคุณหมอแวว (พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์) คุณหมอแววก็อธิบายว่าเลเซอร์นี้เป็น Laser chest erbium ซึ่งเป้าหมายของเครื่องนี้คือการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้เนื้อเยื่อของเราแข็งแรงขึ้น โดยจะยิงเลเซอร์นี้บริเวณเพดานอ่อน กระพุ้งแก้ม แล้วก็ลิ้นไก่ ไปทำให้มันเกิดการหดตัว ทำให้ลมผ่านเข้าไปได้มากขึ้น อาการกรนก็จะลดลง 

          พอได้มาลองทำเลเซอร์แก้กรนแล้วก็รู้สึกว่าเราหายใจโล่งขึ้น เหมือนลมมันเข้าดีขึ้น พอมันเข้าดีขึ้นก็ทำให้เราอาการนอนกรนของเรามันดีขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าทำครั้งเดียวแล้วจบ วู้ววว หายเป็นปลิดทิ้งไปเลยนะ แต่มันช่วยให้อาการนอนกรนของเราเบาลงมากกว่าเดิม ตอนนี้นอนร่วมกับคนอื่นได้แล้ว (หัวเราะ) เพราะตนข้างๆ บอกว่าน้อยลงมาก กลางคืนสงบ กลางวันสบาย มันทำให้รู้สึกว่าคุณภาพชีวิตเรามันดีขึ้นมากกว่าเดิมค่ะ

           

          ถ้าพูดถึงความรู้สึกต่อเลเซอร์แก้กรนที่ได้ทำ สำหรับเราๆ จะแนะนำให้คนที่มีอาการนอนกรนเหมือนเรามาลองทำเลย เพราะเลเซอร์แก้กรนมันเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก ไม่ต้องใช้การผ่าตัด แค่ใช้เลเซอร์ในการรักษา เพราะฉะนั้นเลเซอร์แก้กรน เป็นวิธีที่เรารู้สึกว่า มันไม่ยุ่งยาก ไม่เสียเวลา ใช้เวลาทำแค่ 30 นาทีต่อครั้ง ทำเสร็จแล้วเราไม่ต้องพักฟื้น สามารถมาทำงานต่อได้เลยค่ะ 

          เลเซอร์นอนกรน

          วันนี้ขอฝากข้อคิดสำหรับการนอนกรนไว้นะคะ..ทุกคนคะ วันที่ดี เริ่มจากการนอนที่ดี แบบไม่ “กรน” ค่าาา (หัวเราะ) 

           

          เลเซอร์แก้กรนคืออะไร ทำไมถึงหยุดพฤติกรรมการนอนกรนของคุณใหม่ ลอว์เรนได้ 

          เลเซอร์แก้กรน หรือ Snore Laser เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการรักษาอาการนอนกรนด้วยการยิงเลเซอร์เออร์เบี่ยม (Embium : Yag Laser) ที่มีความยาวคลื่น 2,940 นาโนเมตร โดยจะยิงเลเซอร์ไปที่บริเวณเพดานอ่อนด้านในปาก กระพุ้งแก้ม รวมถึงลิ้นไก่ เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการหดตัว ทำให้อากาศสามารถผ่านเข้าไปได้มากขึ้นสะดวกขึ้น ทำให้การหายใจขณะนอนหลับคล่องขึ้น ทำให้อาการกรนลดลง 

          รักษาอาการนอนกรนด้วยเลเซอร์แก้กรนดีอย่างไร

          • ลดอาการนอนกรนได้ถึง 80% 
          • พักผ่อนได้เต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาสดชื่นมากขึ้น
          • ไม่ต้องใช้การผ่าตัดเพื่อรักษา ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น
          • ใช้เวลาในการรักษาเพียงแค่ 30 นาทีต่อครั้ง
          • เห็นผลได้เร็ว และชัดตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา
          • มีความปลอดภัยสูงได้รับรองจาก US FDA และอย.ไทย
          • ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ในการรักษาขณะนอนหลับ
          • ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคแทรกซ้อน

           

          รู้สาเหตุของการนอนกรน

          • น้ำหนักตัวเกิน ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงเพราะเกิดไขมันสะสม 
          • อาการของโรคภูมิแพ้ ทำให้หายใจลำบากและเสียดสีกับทางเดินหายใจส่วนบน
          • ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ทำให้กล้ามเนื้อหย่อน
          • อายุมากขึ้น ทำให้กล้ามคอหย่อน ทางเดินหายใจแคบลง
          • รูปหน้าผิดปกติ เช่น สันจมูกเบี้ยว หรือคด คางผิดปกติ
          • ต่อมทอนซิลโต ขวางทางเดินหายใจ
          • กรรมพันธุ์ หากคนในครอบครัวมีประวัติการนอนกรน หรือมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น ก็มีโอกาสที่จะเป็น 

           

          อย่าไว้ใจการนอนกรน รู้จักภัยร้ายที่แฝงตัวมากับการนอนกรน

          • ภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับ
          • อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าง่าย
          • ไม่มีสมาธิ ทำงานหรือเรียนได้ไม่มีประสิทธิภาพ
          • โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ 
          • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
          • ความจำเสื่อม 

           

          อาการนอนกรนไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นสิ่งที่ต้องรีบรักษา วันที่ดีเริ่มจากการนอนที่ดี มาเลิกกรน เลิกเสี่ยง เลิกเป็นฝันร้ายของคนรอบข้าง เลือกจัดการปัญหาด้วยเลเซอร์แก้กรนที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ 

          ช็อก! IPL เลเซอร์หน้าใส ทำผิวไหม้เกรียมทั้งหน้า

          IPL Laser

          ช็อก! IPL เลเซอร์หน้าใส ทำผิวไหม้เกรียมทั้งหน้า

          เกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนใจขึ้น เมื่อผู้เสียหายรายหนึ่ง ออกมาเปิดใจเล่าว่า หลังไปทำ IPL เลเซอร์หน้าใสที่คลินิกแห่งหนึ่ง ผิวหน้าเริ่มมีอาการแดงและบวมอย่างรุนแรง จนกลายเป็นรอยแผลไหม้ เหมือนเอาเตารีดมานาบหน้า โดยผู้เสียหายเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ทำหัตถการ IPL เลเซอร์หน้าใสให้ เป็นเพียงพนักงานทั่วไป ไม่ใช่แพทย์ผู้ชำนาญการแต่อย่างใด ในขณะที่ทำ IPL เลเซอร์หน้าใสอยู่ รู้สึกแสบร้อนไปทั่วใบหน้า เมื่อทำเสร็จความร้อนก็ยังไม่หาย ส่งผลให้ใบหน้าที่เคยดูดี กลายเป็นแผลไหม้ จนรู้สึกทรมานในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก จะออกไปทำงานหรือออกไปไหนก็รู้สึกไม่มั่นใจ 

          ดังนั้น อยากให้เหตุการณ์นี้ เป็นเหตุการณ์ตัวอย่างที่เตือนภัยสำหรับสาว ๆ ที่กำลังใช้บริการคลินิกเสริมความงามอยู่ ควรศึกษาหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ สอบถามคลินิกก่อนเข้ารับบริการว่า ใครเป็นผู้ทำหัตถการให้ หากเป็นพนักงานทั่วไป ที่ไม่ใช่แพทย์ผู้ชำนาญการ ควรหลีกเลี่ยงทันที เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้ซ้ำรอย

           

          บทเรียนราคาแพง! ผิวไหม้เกรียม หลังทำ IPL เลเซอร์หน้าใส กับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์

          IPL Laser

          IPL เลเซอร์คืออะไร?

          IPL เลเซอร์ หรือ Intense Pulse Light เป็นเทคโนโลยีคลื่นแสงที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่ง IPL เลเซอร์ จะปล่อยแสงที่มีความยาวคลื่นที่หลากหลายออกมา มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 420 – 1,200 nm (นาโนเมตร) ทำให้คลื่นแสงเหล่านี้ ไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว ส่งผลให้เม็ดสีเมลานินแตกตัวและสลายไป โดยสามารถปรับเปลี่ยนความยาวคลื่นได้ตามปัญหาผิวที่ต้องการรักษา ทำให้ IPL เลเซอร์สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่การลดเลือนรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ ไปจนถึงการกระชับรูขุมขน และลดริ้วรอย นอกจากนี้ IPL เลเซอร์ ยังสามารถใช้ในการกำจัดขนในบริเวณต่าง ๆ ได้อีกด้วย ทำให้ IPL เลเซอร์ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในวงการความงาม

           

          IPL เลเซอร์ ช่วยเรื่องอะไร?

          เนื่องจาก IPL เลเซอร์ มีความยาวคลื่นที่หลากหลาย ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ดังนี้

          • IPL เลเซอร์ ช่วยลดเลือนรอยดำ รอยแดง จากสิว 
          • IPL เลเซอร์ ช่วยลดเลือนฝ้า กระ หรือจุดด่างดำต่าง ๆ
          • IPL เลเซอร์ ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียน
          • IPL เลเซอร์ ช่วยลดริ้วรอยตื้น ๆ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
          • IPL เลเซอร์ ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น
          • IPL เลเซอร์ ช่วยลดการอักเสบของผิว ช่วยลดปัญหาสิวและผิวแพ้ง่าย
          • IPL เลเซอร์ ช่วยกำจัดขน สามารถใช้กำจัดขนได้หลายบริเวณ เช่น ขนรักแร้ ขนขา หรือขนแขน

           

          อาการที่พบบ่อยหลังทำ IPL เลเซอร์ 

          • ผิวแดง เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด หลังทำ IPL เลเซอร์ โดยในบริเวณที่ทำอาจมีอาการแดงเกิดขึ้น ซึ่งจะค่อย ๆ จางหายไป ภายใน 1 – 2 วัน
          • รู้สึกแสบร้อน หลังทำ IPL อาจเกิดอาการแสบร้อนเล็กน้อยบริเวณในบริเวณที่ทำ และซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง
          • บวม ในบางเคสอาจมีอาการบวมเล็กน้อยบริเวณที่ทำ ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1 – 2 วัน
          • คัน อาการคันหลังทำ IPL สามารถอาจเกิดขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง
          • ผิวแห้ง หลังทำ IPL ผิวอาจรู้สึกแห้งตึงในบริเวณที่ทำ แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

           

          ผลข้างเคียงอันตรายจากการทำ IPL เลเซอร์

          อาการที่เกิดขึ้นจากการทำ IPL เลเซอร์ ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายไปเองได้ภายในระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้เช่นกัน หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือทำ IPL เลเซอร์ในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ได้แก่

          • การติดเชื้อ หากเครื่องมือที่ใช้ไม่มีความสะอาด หรือการทำความสะอาดผิวไม่ดีพอ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
          • รอยแผลไหม้ หากใช้พลังงานความยาวคลื่นสูงเกินไป อาจทำให้รอยแผลไหม้ เกิดแผลพุพอง และต้องใช้เวลานานกว่าจะรักษาให้หาย
          • รอยแผลเป็น ในบางเคสอาจเกิดรอยแผลเป็นนูน หรือรอยแผลเป็นบุ๋ม จนไม่สามารถรักษาให้หายได้
          • ผิวเปลี่ยนสี ในบริเวณที่ทำ ผิวอาจเปลี่ยนสีเป็นเข้มขึ้นหรือซีดลงอย่างถาวร
          • เกิดตุ่มน้ำใส ในบางเคสอาจเกิดตุ่มน้ำใสขึ้น ในบริเวณที่ทำการรักษา
          • เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ผิวหนังอักเสบอย่างรุนแรง 

           

          ปัจจัยที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงอันตราย จากการทำ IPL เลเซอร์

          • คลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน มีเครื่องมือที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี หรือไม่มีการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
          • ผู้ที่ทำหัตถการไม่ใช่แพทย์ เนื่องจากผู้ที่ทำหัตถการต้องมีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับเครื่อง IPL เลเซอร์ และสภาพผิวของผู้รับบริการเป็นอย่างดี หากผู้ที่ทำไม่ใช่แพทย์ อาจมีการตั้งค่าพลังงานที่ไม่เหมาะสมหรือเทคนิคในการทำไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้
          • ตั้งค่าพลังงานสูงเกินไป เนื่องจากการตั้งค่าพลังงานที่ไม่เหมาะสมกับปัญหา หรือบริเวณที่ทำการรักษา เช่น ตั้งค่าพลังงานสูงในบริเวณที่มีผิวบาง อาจทำให้เซลล์ผิวถูกทำลาย และเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง จนส่งผลให้เกิด รอยไหม้ แผลพุพอง และรอยแผลเป็นได้
          • เทคนิคการทำไม่ถูกต้อง เช่น การยิงเลเซอร์ซ้ำซ้อนในบริเวณเดียวกัน อาจทำให้เกิดความร้อนสะสม และทำลายผิวได้ 
          • เครื่องมือไม่ได้รับการบำรุงรักษา หรือมีอายุการใช้งานนาน ปล่อยพลังงานคลื่นแสงออกมาไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้เกิดแสงเลเซอร์ที่ไม่เสถียรและก่อให้เกิดอันตรายได้

          เลเซอร์หน้าใสอย่างปลอดภัย ที่ รมย์รวินท์คลินิก

          • รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกความงามชั้นนำ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์และความชำนาญในด้านการดูแลผิวพรรณ ทำให้รมย์รวินท์คลินิกเป็นที่รู้จักในด้านการให้บริการ เครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ
          • ที่รมย์รวินท์คลินิก เรามีทีมแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญ ด้านการเลเซอร์ผิวหนังโดยเฉพาะ สามารถให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ขั้นตอนการปรึกษา ให้คำแนะนำ พร้อมวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิว ไปจนถึง ทำหัตถการเลเซอร์โดยแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
          • ที่รมย์รวินท์คลินิก มีเทคโนโลยีเลเซอร์ที่หลากหลาย มีความทันสมัย มีการอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา จึงสามารถตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น สิว ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำต่าง ๆ  
          • ที่รมย์รวินท์คลินิก มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นอันดับหนึ่ง มีการควบคุมคุณภาพในการให้บริการ พร้อมฆ่าเชื้อและทำความสะอาดอุปกรณ์อย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้บริการมั่นใจในความปลอดภัย
          • ที่รมย์รวินท์คลินิก มีรีวิว Feedback จากผู้ใช้บริการจริงในด้านที่ดี โดยมีการบอกเล่าถึงความพึงพอใจและความประทับใจหลังจากเข้ารับบริการ อีกทั้ง ยังมีภาพ Before & After ผลการรักษาจริงจากผู้ใช้บริการให้ชมอีกด้วย

           

          สำหรับใครที่สนใจอยากเลเซอร์หน้าใสแบบปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเป็นรอยแผลไหม้ทั่วหน้า สามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การดูแลผิวหน้าได้แล้ววันนี้ ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เราพร้อมดูแลคุณ ด้วยการให้บริการที่ครอบคลุมทุกปัญหาผิว เพื่อให้คุณมีผิวสวยใส มั่นใจในทุก ๆ วัน 

          Oligio ช่วยลดแก้ม จนนักสืบต้อง ตามหาแก้ม คุณตูนลี่ สืบสันดาน

          Oligio ช่วยลดแก้ม

          แก้มหายไม่ต้องสืบ เพราะ Oligio ช่วยลดแก้มสืบให้แล้ว

          เห็นคุณตูนลี่ในซีรีส์สืบสันดานในมาดสาวใช้สุดแซ่บกันมาแล้ว บอกเลยว่าจึ้งมาก ไม่ว่ามุมไหนคุณตูนลี่ก็เป๊ะ สมเป็นอินฟลูเอนเซอร์สาวสุดสวยมากค่ะ มีเคล็ดลับอะไรต้องตามไปสืบซะแล้วว..

          เห็นสวย เป๊ะได้ขนาดนี้เพราะมีตัวช่วยค่ะ อ๊ะๆๆ ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องมาสืบด้วย เพราะว่างานนี้ตูนลี่ให้คุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ ช่วยสืบให้ตูนลี่เอง (ยิ้ม) 

          Oligio ช่วยลดแก้ม
          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

          ด้วยความเป็นผู้หญิงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา บวกกับอาชีพของตูนลี่ที่เราเป็นอินฟลูเอนเซอร์ แล้วตอนนี้ก็ได้มีโอกาสเป็นดารานักแสดงอีก (หัวเราะ) ต้องใช้หน้าตาในการทำงานจะปล่อยให้ตัวเองมาดูโทรม ดูแย่ หน้าบาน แก้มเยอะ เหนียงออกไม่ได้ และก็ต้องยอมรับเลยว่าคลินิกเสริมความงามเนี่ยแหละค่ะ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเป็นทางลัดที่ทำให้เราสวยได้แบบเร่งด่วน ตูนลี่ก็ศึกษามาหลายๆ คลินิกเลยค่ะ เพราะว่าเราจะสวยทั้งทีก็ต้องมีความปลอดภัยด้วย และตูนลี่ก็มาเจอรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ ที่ตูนลี่ไว้ใจให้ดูแลผิวหน้า เพราะด้วยชื่อเสียงที่มีมากว่า 20 ปี พร้อมแพทย์ผู้มีประสบการณ์เรื่องผิวพรรณ บวกกับที่นี่มีการอัปเดต เทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอ ทำให้ตูนลี่ไว้วางใจค่ะ

          ด้วยความที่ตูนลี่ต้องออกกล้อง ถ่ายรูปบ่อยๆบางทีก็รู้สึกว่าหน้าเราดูบวม ไม่กระชับ เวลาถ่ายรูปก็จะอาศัยมุมกล้องเก็บแก้ม เก็บเหนียง ซึ่งพอที่จะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าตูนลี่ต้องถ่ายคลิป หรือถ่ายซีรีส์นี่เราต้องถ่ายได้ทุกมุม เพราะมันไม่สามารถหลบมุมกล้องได้เลย ทำให้บางทีเห็นแก้มใหญ่มาก มีเหนียงโผล่มาแจมอีกต่างหาก ซึ่งนี่เป็นปัญหาของตูนลี่เลยค่ะ ตูนลี่ก็พยายามหาตัวช่วยเรื่องไขมันบริเวณแก้ม เหนียง ซึ่งก็คือการทำหัตถการเนี่ยแหละค่ะ เราก็ดูมาเรื่อยๆ ว่าโปรแกรมไหนบ้างที่ตอบโจทย์ปัญหาจนมาเจอ Oligio เนี่ยแหละค่ะที่ใช่เลย

          Oligio ช่วยลดแก้ม
          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

          วันนี้คุณหมอริว (นพ.อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน) ช่วยดูแลผิวให้ตูนลี่ด้วย Oligio คุณหมอริวบอกว่าโปรแกรมนี้ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และยังช่วยลดไขมันส่วนเกิน บริเวณ แก้ม เหนียง และคางสองชั้นของเราให้หายไป ทำให้หน้าดูเรียวเล็กลงค่ะ พอตูนลี่ได้ลองOligio แล้วขอบอกอย่างแรกเลยว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลย ไม่ได้แปะยาชาด้วย สามารถนอนให้คุณหมอทำให้แบบชิลๆ เลยค่ะ และที่อยากจะบอกก็คือตูนลี่รู้สึกได้ถึงความยกกระชับ ความเล็กลงของหน้า เก็บแก้ม เก็บเหนียงของตูนลี่ได้ และคุณหมอริวยังบอกว่า Oligio ช่วยสร้าง Skin quality ให้กับผิวด้วย ตูนลี่รู้สึกว่าผิวเนียนละเอียด แน่นเฟิร์มมากยิ่งขึ้น กรอบหน้าก็ชัดมากขึ้นด้วยค่ะ

          Oligio รีวิว
          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

          Up ทุกระดับกับผลลัพธ์ของคุณตูนลี่หลังทำ Oligio ผ่านไป 2 เดือน

          ยิ่งผ่านไปยิ่งเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเลยค่ะ หลังทำคุณหมอริวบอกว่ายิ่งผ่านไป 3 อาทิตย์ถึง 1 เดือน ผลลัพธ์จะยิ่งจึ้งมาก เพราะหน้าเล็กลงมากไม่ต้องกังวลเวลาถ่ายรูปหรือเข้ากล้องเลยค่ะ ถ่ายได้มั่นใจทุกมุมเลย คนรอบข้างก็ทำว่าหน้าเล็กลง แก้มเล็กลง เหนียงไม่มีแล้วก็รู้สึกดีใจค่ะ ใครถามว่าไปทำอะไรมา ตูนลี่ก็จะบอกทุกคนอย่างมั่นใจเลยค่ะว่าไปทำ Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิกมา 

          Oligio ช่วยลดแก้มและยังช่วยเรื่องอะไรอีกบ้าง

          • Oligio ช่วยแก้ปัญหาคาง 2 ชั้น
          • Oligio ช่วยลดไขมันบริเวณแก้ม และเหนียง
          • Oligio ช่วยยกกระชับใบหน้า
          • Oligio ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา
          • Oligio ช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว
          • Oligio ช่วยลดความหย่อนคล้อยของผิว
          • Oligio ช่วยลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน
          • Oligio  ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวอิ่มฟู

          จุดเด่นของ Oligio ช่วยลดแก้ม

          • Minimize Pain

          Oligio มีระบบ Vibration ช่วยลดความเจ็บปวดขณะทำการรักษา และยังมีระบบ Cooling system ที่ปล่อยความเย็นออกมาเพื่อปกป้องผิวชั้นนอกจากความร้อน และส่งพลังงานความถี่สูงลงไปยังผิวชั้นลึก ทำให้หลังทำ Oligio สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นผิวหน้า

          • Faster Treatment

          Oligio มีฟังก์ชันออโต้ ทำให้การทำและขนาดของ Oligio ปลอดภัยและมีความแม่นยำสูง และ Oligio ยังมีหัว Face Tip ขนาดกว้างถึง 4 เซนติเมตร ซึ่งสามารถทำได้เป็นบริเวณกว้าง ช่วยประหยัดเวลาในการทำการรักษา ใช้เวลาในการทำ Oligio เฉลี่ย 20-30 นาที

          • Safe Treatment

          Oligio มีระบบ Real-Time temeration Monitoring ที่สามารถวัดอุณหภูมิของผิวหนังในขณะทำการรักษาด้วย Oligio ได้แบบเรียลไทม์ ลดความเสี่ยงในการเกิดผิวไหม้เบิร์นขณะทำ Oligio และยังมีระบบ Pressure Sensing ที่ช่วยตรวจสอบแรงต้านทานของผิวและหัว Face Tip เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดก่อนทำการรักษาอีกด้วย

          • Convenience

          ระบบ Treatment ของ Oligio มีด้วยกัน 3 โหมด คือ Single, Double และ Auto ซึ่งแพทย์สามารถเลือกใช้และปรับใช้ให้เหมาะกับผิวหน้าของผู้มาเข้ารับบริการ

          •  Long-Lasting Effect

          Oligio ยิงพลังงานลงสู่ผิวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวให้เกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่ ส่งผลให้ผิวมีความแน่นกระชับมากขึ้น และให้ผลลัพธ์นานถึง 1 ปี

          Oligio ยกกระชับ ลดไขมันส่วนเกินได้ตรงจุด ตอบโจทย์มากสำหรับสาวๆ หรือหนุ่มๆ ที่มีปัญหาส่วนเกินบริเวณแก้ม เหนียง คางสองชั้น สัมผัสความยกกระชับ แก้มเล็กลง กรอบหน้าเรียวของ Oligio แบบคุณตูนลี่ได้ที่รมย์รวินท์คลินิก เราให้บริการเรื่องความสวยทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ

          ฉีดโบเพื่ออะไร เห็นผลหรือไม่ ทำไมต้องฉีด ข้อควรรู้ในการฉีดโบ

          ฉีดโบ


          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





            วันที่สะดวกในการติดต่อ








            ฉีดโบลดริ้วรอยทั่วใบหน้าครั้งแรก ต้องรู้อะไรบ้าง? รวมเรื่องฉีดโบริ้วรอยต้องรู้ 

            เมื่อเทรนด์ดูแลตัวเองได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นยุคสมัยใหม่ที่คนส่วนมากใส่ใจในเรื่องของสุขภาพและความงาม ทำให้กระแสเทรนด์ความงามได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งเทรนด์ความที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้คือ “ฉีดโบลดริ้วรอย” เป็นหัตถการแรกที่คนส่วนใหญ่เริ่มเข้าวงการความงาม เนื่องจากปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยใต้ตา และริ้วรอยร่องแก้ม ซึ่งสาเหตุของริ้วรอยบนใบหน้าเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ การฉีดโบลดริ้วรอยจึงเป็นหัตถการที่แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ให้กลับมาเรียบเนียนและตึงกระชับมากขึ้น เห็นผลลัพธ์ได้เร็ว และไม่ต้องพักฟื้น ทั้งนี้การฉีดโบลดริ้วรอยจึงเป็นหัตถการอันดับแรกที่เหมาะสำหรับคนที่อยากลดริ้วรอยที่สุด

            ฉีดโบลดริ้วรอยทั่วใบหน้า ต้องรู้อะไรบ้าง? รวมเรื่องฉีดโบริ้วรอยที่มือใหม่ต้องรู้ 

             

            ฉีดโบลดริ้วรอย คืออะไร ?

            การฉีดโบลดริ้วรอย เป็นการนำสารพิษที่ได้จากแบคทีเรียที่มีถึง 7 ชนิดด้วยกัน มีคุณสมบัติออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. ช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ปรับใบหน้าให้เรียวเล็กลง และสามารถใช้เพื่อการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ออฟฟิศซินโดรม ไมเกรน ได้อีกด้วย

            ฉีดโบ
            ฉีดโบทำงานอย่างไร

            ฉีดโบลดริ้วรอย ทำงานอย่างไร ?

            • การทำงานของฉีดโบลดริ้วรอย เป็นสารพิษที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะรบกวนระบบประสาทให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาท ทำให้กล้ามเนื้อขาดการรับรู้การสั่งงานจากเซลล์ประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ ซึ่งหลักการทำงานของการฉีดโบลดริ้วรอย ทำให้มีการฉีดโบเพื่อการลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าบริเวณหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว รวมไปถึงช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อรูปหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงอีกด้วย

            ฉีดโบลดริ้วรอย เลือกยี่ห้อไหนดี ?

            • ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าโบลดริ้วรอยหลากหลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ซึ่งในแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันออกไป ที่รมย์รวินท์คลินิกมียี่ห้อโบลดริ้วรอยทั้งหมด 5 ยี่ห้อ ดังนี้

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Allergan

            • ฉีดโบลดริ้วรอย Allergan เป็นแบรนด์ฉีดโบลดริ้วรอยที่แรกที่คิดค้นนำการฉีดโบเข้ามาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ในปัจจุบันการฉีดโบลดริ้วรอยจึงนำมาเพื่อใช้ในการลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้า ลดกราม และเป็นแบรนด์โบลดริ้วรอยแรกที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ซึ่งผลิตโดยบริษัท Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา

            จุดเด่นของฉีดโบลดริ้วรอย Allergan มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% สูงที่สุด เมื่อเทียบกับฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ จึงเหมาะสำหรับการฉีดโบเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า และปรับหน้าเรียวเล็ก อีกทั้งฉีดโบลดริ้วรอย Allergan โอกาสที่จะเกิดการดื้อยาเกิดขึ้นได้ยากเมื่อฉีดหลายครั้งในอนาคต เนื่องจากตัวยาไม่กระจายเป็นวงกว้าง ออกฤทธิ์ยาได้อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุด ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport

            ฉีดโบลดริ้วรอย Dysport เป็นยี่ห้อที่ผลิตจากประเทศอังกฤษ มีโมเลกุลขนาดเล็ก  มีจุดเด่นคือตัวยามีการกระจายวงกว้าง เมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อ จะไม่รวมตัวกันอยู่ในพื้นที่แคบ เหมาะกับการฉีดลิฟกรอบหน้า หรือฉีดยกกระชับด้วยเทคนิค Dermolift และฉีดบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ฉีดโบลดต้นแขน ฉีดโบลดน่อง ฉีดโบริ้วรอยหน้าผาก รวมไปถึงการฉีดโบลดกลิ่นตัว ฉีดโบลดเหงื่อ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน 

            อีกจุดแตกต่างที่ทำให้ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport มีความแตกต่างกับยี่ห้ออื่น คือ การนับจำนวนยูนิต โดยฉีดโบลดริ้วรอย Dysport 300 ยูนิต เทียบเท่ากับ 100 ยูนิตของฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ 

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin 

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin ผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA จากประเทศเยอรมนี จุดเด่นคือมีโมเลกุลขนาดเล็กเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เนื่องจากใช้กระบวนการผลิต XTRACT Technology™ ในการกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้ขนาดโมเลกุลมีขนาดเล็กลง ทำให้ฉีดโบลดริ้วรอย Xeomin มีความบริสุทธิ์สูง

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Nabota

            ฉีดโบลดริ้วรอย Nabota ผลิตโดยบริษัท DAEWOONG จากประเทศเกาหลีใต้ โบลดริ้วรอยเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองจาก U.S.FDA approved ปี 2018 จุดเด่นคือมีการพัฒนาเพื่อให้ออกฤทธิ์ไว มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังฉีดเร็ว แค่ผลลัพธ์นั้นอยู่ได้ไม่นานเท่ากับฉีดโบลดริ้วรอยของอเมริกา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและคนที่ต้องการลิฟกรอบหน้า

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Aestox

            ฉีดโบลดริ้วรอย Aestox  จากประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐาน อย.เกาหลี (KFDA) มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จุดเด่นของการฉีดโบลดริ้วรอย Aestox คือ ผลลัพธ์จะมีความเป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับกลุ่มฉีดโบลดริ้วรอยอื่น ๆ จากประเทศเกาหลี เมื่อฉีดโบลดริ้วรอยต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์การฉีดครั้งต่อไปอยู่ได้นานมากขึ้นและปริมาณการฉีดลดน้อยลง

            ฉีดโบลดริ้วรอย แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ?

            ฉีดโบลดริ้วรอยมีจุดเด่นและความแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทำตัวยาให้มีความบริสุทธิ์ ขนาดของโมเลกุล (Molecule complex) ชนิดของโปรตีน (Protein complex) และความคงทนในการเก็บรักษาขนาดของโมเลกุล (Molecule complex size) คุณสมบัติเหล่านี้ที่ทำให้การฉีดโบลดริ้วรอยมีความแตกต่างกัน ดังนี้

            ขนาดของโมเลกุลในการฉีดโบลดริ้วรอย (Molecule complex size)

            ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักด้วยกัน คือ

            1. ส่วนที่ 1 Accessories protein 

            ทำหน้าที่แพร่กระจายตัวยาและปกป้องส่วนของ Heavy chain และ ส่วนของ Light chain จากจุดที่ฉีดโบลดริ้วรอยไปยังปลายเส้นประสาท ได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกทำลาย ซึ่งขนาดของโมเลกุลที่ส่งผลต่อการแพร่กระจาย ดังนี้

            • โมเลกุลกระจายตัวแคบ : ข้อดีคือทำให้สามารถควบคุมการฉีดโบลดริ้วรอยออกมาแม่นยำ ตรงจุด เหมาะกับการฉีดโบลดริ้วรอยที่กล้ามเนื้อโดยตรง ซึ่งมีความเข้มข้นสูง ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น แต่การฉีดโบลดริ้วรอยชนิดนี้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นธรรมชาติ ต้องอาศัยแพทย์ที่มากประสบการณ์ เนื่องจากอาจเกิด ยิ้มแข็ง คิ้วกระดก แก้มตอบ ได้
            • โมเลกุลกระจายตัวกว้าง : เป็นการฉีดที่ช่วยให้ผลลัพธ์ของการฉีดโบลดริ้วรอยดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับเทคนิค Dermolift โดยมีข้อดี คือ ออกฤทธิ์ไว เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์การฉีดโบหน้ากระชับแบบรวดเร็ว และเหมาะกับการฉีดโบลดต้นแขน ลดน่องในบริเวณกว้าง 
            1. ส่วนที่ 2 Heavy chain 

            ทำหน้าที่พาส่วนของ Light chain เข้าสู่เซลล์เส้นประสาท

            1. ส่วนที่ 3 Light chain 

            เป็นส่วนหนึ่งของ สารที่ออกฤทธิ์ระงับการทำงานของกล้ามเนื้อ

            ความบริสุทธิ์ของโบลดริ้วรอย

            การฉีดโบลดริ้วรอย คือ โปรตีน (Protein) ชนิดหนึ่ง เมื่อฉีดโบลดริ้วรอยเข้าไปภายในร่างกาย จะสามารถสลายได้หมด 100% โดยไม่เป็นอันตราย แต่ในร่างกายของบางคน จะเกิดการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำให้เกิดการดื้อโบลดริ้วรอย เมื่อดื้อโบลดริ้วรอยจะทำให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปไม่ออกฤทธิ์

            ซึ่งการดื้อโบสามารถเกิดได้จาก Accessories protein, Heavy chain และ Light chain โดยปกติ  Light chain ในโบลดริ้วรอยจะมีความคล้ายคลึงกันทุกยี่ห้อ เพราะเป็นสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อชนิดเอ เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่สายพันธุ์เล็กน้อย ซึ่งส่วน Accessories protein และ Heavy chain แตกต่างกัน ดังนี้

            • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Allergan : มีงานวิจัยรับรองที่ยาวนานที่สุด กว่า 3,500 งานวิจัย (since 1989) จึงน่าเชื่อถือได้ว่าชนิดของโปรตีน (protein complex) ส่วน Accessories protein และ Heavy chain นี้ผ่านการพัฒนามาเพื่อทำให้โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อยที่สุด และผลการรักษาดีที่สุด เมื่อเทียบกับโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ
            • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin : เป็นการพัฒนาข้อดีของยี่ห้อ Allergan กับ Dysport มามัดรวมกันโดยที่คุณสมบัติต่าง ๆ จะอยู่กึ่งกลาง มีความบริสุทธิ์สูง และตัวยาที่ไม่กระจุกตัวแคบมากจนเกินไป
            • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport : เป็นการเน้นพัฒนาแค่ส่วน Heavy chain เท่านั้น โดยเชื่อว่า การลด Accessories protein จะทำให้โอกาสในการดื้อโบลดริ้วรอยน้อยลง และช่วยให้ในส่วนของ Light chain ออกฤทธิ์ระงับกล้ามเนื้อได้เร็วมากยิ่งขึ้น
            • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Nabota : จุดเด่นคือการเน้นให้ออกฤทธิ์เร็วกว่าโบลดริ้วรอยเกาหลียี่ห้ออื่นเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์โบลดริ้วรอยแบบเร่งด่วน รวดเร็ว

            ฉีดโบ
            ฉีดโบเหมาะกับใคร

            ฉีดโบลดริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง?

            ฉีดโบลดริ้วรอยเป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า และการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รวมไปถึงริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาและรอบริมฝีปาก ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต นอกจากนี้การฉีดโบลดริ้วรอยยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกคิ้ว ทำให้ดวงตาโตขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอย สามารถเห็นผลลัพธ์เร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน และมีความปลอดภัยสูง

            ฉีดโบ
            ข้อดีของการฉีดโบ

            โบลดริ้วรอย มีข้อดีอย่างไร?

            ข้อดีของการฉีดโบลดริ้วรอย มีดังนี้

            • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยดูจางลง เป็นหัตถการที่ใช้เวลาในการรักษารวดเร็ว หลังฉีดโบสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
            • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยให้รูปลักษณ์และบุคลิกดูดีมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจ เนื่องจากรอยเหี่ยวย่นยับบนใบหน้า เป็นการบ่งบอกถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียนและไม่สดใส
            • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต เนื่องจากการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยในช่วง 3-4 เดือน ทำให้สามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ กล้ามเนื้อบนใบหน้าทำงานน้อยลง
            • ฉีดโบลดริ้วรอย ป้องกันการเกิดของริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้า

            ฉีดโบ
            ฉีดโบตรงไหนได้บ้าง

            โบลดริ้วรอย ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

            • ฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก

            การฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและอารมณ์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นจุดที่ใกล้กับดวงตา หากฉีดไปถูกเส้นเลือด อาจเกิดอันตรายต่อดวงตาได้ ดังนั้นการฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก ควรฉีดโดยแพทย์ที่มากประสบการณ์ และมีความชำนาญในเทคนิคการฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผากที่ถูกต้อง

            • ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว

            ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นง่ายที่สุด และเป็นจุดสังเกตแรกที่คนส่วนใหญ่เห็นชัดเจน การฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้วจะช่วยยับยั้งการหดตัว ทำให้ผิวหนังส่วนบนมีความเรียบเนียนขึ้น ซึ่งตำแหน่งบริเวณระหว่างคิ้วนั้น เป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัย ควรฉีดโดยแพทย์ที่มากประสบการณ์ และมีความชำนาญในเทคนิคการฉีด

            • ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา

            ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาและหางตา เป็นปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรืออาจมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วย ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ไม่สดใส ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยหางตา จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเกิดการคลายตัวชั่วคราว สามารถช่วยให้ริ้วรอยลดลงได้

            • ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา

            บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ง่ายที่สุด และมักจะเกิดริ้วรอยก่อนบริเวณอื่น ๆ ใบหน้า การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาคลายตัวชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยรอบบริเวณดวงตาลดลง ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตานั้นหากฉีดใบปริมาณที่มากจนเกินไป

            • ฉีดโบลดร่องแก้ม

            ปัญหาร่องแก้ม มักเกิดจากการยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงจนเกินไป ซึ่งการฉีดโบลดร่องแก้มไม่ควรแก้ด้วยการฉีดโบ 100% เนื่องจากทำให้การยิ้มดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ แนะนำว่าให้ใช้ฉีดโบลดร่องแก้ม 50% และแก้ด้วยการเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เทคนิคนี้เรียกว่า การใช้ฟิลเลอร์ฉีดหนุนกล้ามเนื้อ หรือฉีดกดกล้ามเนื้อ สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานมากกว่า

            • ฉีดโบลิฟกรอบหน้า

            การฉีดโบลิฟกรอบหน้า จะช่วยให้บริเวณกรอบหน้ามีความยกกระชับขึ้น ช่วยให้ใบหน้าคมขึ้น เพิ่มมิติให้แก่ใบหน้า โดยเทคนิคของการฉีดโบลิฟกรอบหน้ามีทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ดังนี้

            ฉีดโบ
            ฉีดโบต้องฉีดเท่าไร

            ฉีดโบลดริ้วรอย แต่ละจุดฉีดกี่ยูนิต ?

            การฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบุคคลอาจใช้ปริมาณการฉีดโบที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับปัญหา ความต้องการ และการประเมินของแพทย์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยตำแหน่งต่าง ๆ ใช้ปริมาณ ดังนี้

            • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณหน้าผาก ใช้ประมาณ 30 ยูนิต
            • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
            • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณหางตา ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
            • ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต

            การดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดโบลดริ้วรอย

            การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดริ้วรอย

            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉีดโบลดริ้วรอยอย่างละเอียด เช่น ศึกษายี่ห้อโบลดริ้วรอยยี่ห้อต่าง ๆ เป็นต้น
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดยาหรือวิตามินประเภทที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดสครับบริเวณใบหน้า 2-3 วัน 
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดยากลุ่มแก้ปวด หรือยากลุ่มยาต้านการอักเสบ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดดื่มแอลกอฮอล์ เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง

            ขั้นตอนการฉีดโบลดริ้วรอย

            • ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินรูปหน้า สภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล
            • แพทย์จะเลือกยี่ห้อของโบลดริ้วรอยให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
            • แพทย์จะเริ่มฉีดโบลดริ้วรอยในตำแหน่งที่ต้องการรักษา โดยใช้ระยะเวลา 30 นาทีโดยประมาณ
            • หลังจากแพทย์ฉีดโบลดริ้วรอยเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการแนะนำข้อควรปฏิบัติตัวดูแลตัวเองหลังฉีดโบ ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

            การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดริ้วรอย

            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนั้นทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบลดริ้วรอยถูกเซลล์ประสาทดูดซึมเข้าไปมากที่สุด
            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย ห้ามนอนราบ 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบลดริ้วรอย
            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย งดอาหารรสจัด รสเผ็ด แสบร้อนจนหน้าแดง อย่างน้อย 48 ชั่วโมง

            คำถามพบบ่อยของโบลดริ้วรอย

            ฉีดโบลดริ้วรอย มีผลข้างเคียงอย่างไร ?

            การฉีดโบลดริ้วรอยอาจมีผลข้างเคียงหลังฉีด เช่น รู้สึกเมื่อยหรือรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด เป็นอาการปกติที่ไม่อันตราย ส่วนผลข้างเคียงที่อันตราย มักเกิดจากการฉีดกับหมอกระเป๋า การใช้โบลดริ้วรอยราคาถูก หรือใช้โบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งผลข้างเคียงอันตราย มีดังนี้

            • การอักเสบติดเชื้อหลังฉีด กรณีนี้เกิดจากการเลือกฉีดโบลดริ้วรอยกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือหมอกระเป๋า ที่ไม่มีระบบการดูแลความสะอาดและปลอดเชื้อ
            • หนังตาตก มุมปากเบี้ยว หน้าแข็ง เกิดจากใช้เทคนิคที่ผิดในฉีดโบลดริ้วรอย ประเมินปริมาณโบลดริ้วรอยไม่เหมาะสม และฉีดโบลดริ้วรอยไม่ถูกตำแหน่ง เช่น ฉีดโบลดริ้วรอยใกล้เปลือกตาด้านบน เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรง และหนังตาตกลงมา เป็นต้น

            ฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันเห็นผลลัพธ์ ?

            หลังฉีดโบลดริ้วรอย โบลดริ้วรอยจะเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีด 3-4 วัน และโบลดริ้วรอยจะให้ผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว หรือ ใต้ตา เป็นต้น โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบุคคล

            ฉีดโบลดริ้วรอย บ่อยได้แค่ไหน ?

            ในการฉีดโบลดริ้วรอยเพื่อรักษาผลลัพธ์ ไม่ควรฉีดบ่อยจนมากเกินไป อย่างน้อยควรเว้น 3 เดือน แต่ไม่ควรเว้นนานเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากลับมาทำงานได้ตามปกติ และอาจทำให้ต้องใช้ปริมาณของโบลดริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

            ฉีดโบลดริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต ?

            การฉีดโบลดริ้วรอย โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 25 ยูนิต ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบริเวณจะพิจารณาจากยี่ห้อโบลดริ้วรอยและปริมาณที่ใช้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินตามความเหมาะสมในแต่ละบุคคล

            ฉีดโบลดริ้วรอย ดีไหม ?

            การฉีดโบลดริ้วรอยจะช่วยในการรักษาริ้วรอยบนใบหน้าและปกป้องการเกิดริ้วรอยใหม่ ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ใบหน้ามีความอ่อนเยาว์ และนอกจากนี้การฉีดโบลดริ้วรอยทำให้ผิวมีความตึงกระชับขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยลดเหงื่อ ลดกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน และลดกล้ามเนื้อน่องได้อีกด้วย

            ดื้อโบลดริ้วรอย คืออะไร ? 

            ดื้อโบลดริ้วรอย  คือ ภาวะที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น มาทำลายตัวยาโบลดริ้วรอยที่ฉีดเข้าไป เพราะมองว่าเป็นสารแปลกปลอมที่เข้ามาร่างกาย ส่งผลให้การฉีดโบลดริ้วรอยแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ หรือถ้าเห็นผลลัพธ์ ก็จะเห็นผลลัพธ์ได้น้อยมาก และการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยจะเสื่อมไวกว่าปกติ จากเดิมที่ออกฤทธิ์ได้ 4 – 6 เดือน ก็อาจอยู่ได้เพียง 1 – 2 เดือน เท่านั้น

            ดื้อโบลดริ้วรอย สาเหตุมาจากอะไร ?

            อาการดื้อโบลดริ้วรอยมี 3 สาเหตุ ดังนี้

            • ฉีดโบลดริ้วรอยปริมาณมาก หรือถี่เกินไป : โดยปกติการฉีดโบลดริ้วรอย ควรเว้นระยะห่างการฉีดในแต่ละครั้งประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป เพื่อรอให้โบลดริ้วรอยที่ฉีดไปล่าสุด เสื่อมฤทธิ์ลงก่อน เพราะหากฉีดโบลดริ้วรอยถี่เกินไป อาจทำให้เกิดอาการดื้อโบลดริ้วรอยได้
            • ฉีดโบลดริ้วรอยปลอม หรือโบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน : การฉีดโบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิของตัวยา อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้โบลดริ้วรอยได้
            • เกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน : ในบางกรณี ร่างกายจะมีการสร้างภูมิคุ้มกันออกมา เพื่อต่อต้านโบลดริ้วรอยมากกว่าปกติ ทำให้การฉีดโบลดริ้วรอยครั้งต่อไปไม่ได้ผลลัพธ์ หรือเห็นผลลัพธ์น้อยกว่าปกติ

            ฉีดโบลดริ้วรอย แล้วทำหัตถการอื่นได้ไหม ?

            การฉีดโบลดริ้วรอยสามารถทำพร้อมกับหัตถการอื่นได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การทำเครื่องยกกระชับ เป็นต้น เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาคนละส่วน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและปัญหาผิวในแต่ละบุคคลก่อน เพื่อวางแผนการทำหัตถการว่า ควรทำหัตถการไหนก่อน และควรเว้นระยะเวลาในการทำแต่ละหัตถการเท่าไหร่

            สรุปการฉีดโบลดริ้วรอยทั่วหน้า เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย

            การฉีดโบลดริ้วรอย เป็นทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและอารมณ์ หรือริ้วรอยที่มาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้โบลดริ้วรอย ยังสามารถใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคบางชนิดอีกด้วย เช่น โรคไมเกรน ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง เป็นต้น

            สำหรับใครที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยด้วยการฉีดโบลดริ้วรอย ทางรมย์รวินท์คลินิกมีบริการฉีดโบลดริ้วรอยเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวดูมีอายุ ให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิกพร้อมให้คำปรึกษา และพร้อมให้บริการด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับโบลดริ้วรอย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

            APT.3 โปรแกรมลับ ฉบับ รมย์รวินท์คลินิก

            APT.

            APT. 3 โปรแกรมลับ ฉบับ รมย์รวินท์คลินิก

             

            อาพาทึ อาพาทึ อาพาทึ … นาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักเพลง “APT.” เพลงสุดฮิตที่ทำลายสถิติระดับโลกของ โรเซ่ (ROSE) และบรูโน่ มาส์ (Bruno Mars) ซึ่งกลายเป็นกระแสไวรัล ดังพลุแตกไปทั่วโลก เชื่อว่ามีหลายคนไม่น้อย ที่เกิดความสงสัยว่า คำว่า APT. แปลว่าอะไร? มีที่มาจากไหน? ซึ่งคำว่า APT,  ในภาษาเกาหลี แปลว่า อะพาร์ตเมนต์ มาจากเกมยอดนิยมของคนในเกาหลีใต้ ที่มักเล่นกันในวงปาร์ตี้ พร้อมด้วยเนื้อร้องและทำนองที่สุดแสนจะติดหู จนหลายคนอดใจไม่ไหว ต้องลุกออกมาโชว์สเตปแดนซ์กันสนั่นโซเชียล ไม่ว่าใครก็ต้องโยกตาม กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่น่าจับตามองสุด ๆ 

             

            นอกจาก MV และทำนองของ APT. ที่ติดหูแล้ว ความสวย ผิวดี ออร่าจับของโรเซ่ก็สร้างเรื่องสุด ๆ เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ขโมยซีนไปเต็ม ๆ ทำให้ MV เพลงนี้ปังยิ่งกว่าปัง! รวมถึง ยังจุดกระแสให้สาว ๆ หันมาให้ความสนใจในการดูแลผิวหน้ามากขึ้นอีกด้วย

             

            วันนี้ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ 3 โปรแกรมลับ APT. ฉบับ รมย์รวินท์คลินิก ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รวบรวมมาให้แล้วที่นี่ที่แรก เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือผิวหย่อนคล้อย โปรแกรมนี้มีทางออก! สำหรับใครที่อยากรู้ว่าโปรแกรมลับนี้คืออะไร? มีหัตถการอะไรบ้าง? บทความนี้ จะพาคุณไปเจาะลึกกับ APT. โปรแกรม เพื่อเตรียมผิวสวย ก่อนออกไปปาร์ตี้อย่างมั่นใจแบบไม่มีสะดุด

             

            เผยเคล็ดลับ โปรแกรม APT. เฉพาะที่ รมย์รวินท์คลินิก

            APT

            APT. โปรแกรมลับ อัพหน้าสวย มีหัตถการอะไรบ้าง?

            A : AviClear โปรแกรมเคลียร์สิว ผิวสวย

            • AviClear เทคโนโลยีเลเซอร์รักษาสิวตัวใหม่ ที่มีความยาวคลื่นระดับ 1726 nm (นาโนเมตร) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสิวโดยเฉพาะ มีความแม่นยำสูง รักษาสิวได้ทุกระยะ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ระยะปานกลาง ไปจนถึงระยะรุนแรง สามารถเล็งเป้าหมายไปยังต่อมไขมันใต้ชั้นผิว (Sebaceous glands) ที่ผลิตน้ำมันส่วนเกินได้โดยตรง ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดสิว ทำให้ลดการอุดตันในรูขุมขน ส่งผลให้สิวลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีระบบทำความเย็น หรือ AviCool ที่ช่วยปกป้องผิวชั้นนอก ไม่ให้เกิดอาการผิวไหม้ ผิวเบิร์นขณะทำ ลบภาพจำวิธีการรักษาสิวแบบเดิม ๆ ให้หมดไปได้เลย
            • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสิวหัวหนอง รวมถึง ผู้ที่ผ่านการรักษาสิวมาหลายวิธีแต่ไม่เห็นผล
            • ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ AviClear คือ ช่วยลดการเกิดสิวระยะยาวถึง 2 – 3 ปี พร้อมหยุดสาเหตุการเกิดสิวซ้ำซากตั้งแต่ต้นตอ ทำให้ผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

            P : Pico Majesty Laser โปรแกรมเคลียร์ฝ้า หน้าใส

            • Pico Majesty Laser เทคโนโลยีเลเซอร์ตัวแรกของโลก ที่สามารถปล่อยพลังงานความเร็วสูงถึง 250 Picosecond ถือเป็นหน่วยที่สั้นเมื่อเทียบกับ Pico Laser ทั่วไป มีจุดเด่นเรื่องความยาวคลื่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคลื่น 1064, 532, 595 และ 660 nm (นาโนเมตร) พร้อมด้วยหัวเลเซอร์ 7 แบบ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกันได้อย่างตรงจุด โดยจะปล่อยพลังงานเลเซอร์ไปยังบริเวณที่ต้องการแก้ไข สามารถกำจัดเม็ดสีผิวที่ผิดปกติได้โดยตรง ไม่ทำให้ผิวบริเวณรอบ ๆ เสียหายและถูกทำลาย 
            • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ มีปัญหารอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิว รวมถึง ผู้ที่ต้องการลบรอยสักทุกโทนสี
            • ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ Pico Majesty Laser คือ ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และช่วยกระชับรูขุมขน แก้ไขปัญหาหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียนได้เป็นอย่างดี พร้อมลบรอยปาน ขี้แมลงวัน รวมถึงรอยสักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            T : Thermage FLX โปรแกรมยกหน้า บอกลาเหนียง

            • Thermage FLX เทคโนโลยียกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน โดยใช้พลังงานความร้อน คลื่นวิทยุที่มีความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ซึ่งพลังงาน RF จะถูกยิงลงไปตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ผ่านชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ลงลึกไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) สามารถแก้ไขปัญหาผิวในแต่ละชั้นได้อย่างตรงจุด ซึ่งความร้อนที่ถูกส่งเข้าไปจะแยกโมเลกุลน้ำออกจากเส้นใยคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเดิมที่เสื่อมสภาพเกิดการหดตัว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี AccuREP สามารถปรับพลังงานได้ตามความเหมาะสมกับสภาพผิว มีความแม่นยำแบบ Real Time รวมถึง มีระบบทำความเย็น Cooling Effect ที่ช่วยลดความร้อน ป้องกันผิวไหม้ ผิวเบิร์นขณะทำอีกด้วย 
            • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับ ปรับรูปหน้า มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับที่เกิดขึ้นตามอายุ รวมถึง ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้ม คาง และเหนียง
            • ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำ Thermage FLX คือ ช่วยให้ผิวเฟิร์มกระชับ ลดริ้วรอย และความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวแน่นฟู รูขุมขนกระชับ พร้อมลดไขมันสะสม ทำให้ใบหน้าเรียวเล็ก กรอบหน้าชัดอีกด้วย

             

            จะเห็นได้ชัดเลยว่า ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาผิวแบบไหน 3 โปรแกรม APT : AviClear, Pico Majesty Laser และ Thermage FLX สามารถแก้ไขปัญหาผิวของคุณได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่สิว ฝ้า ไปจนถึงยกกระชับผิวหน้า ด้วยเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและประสบการณ์ของทีมแพทย์ของ รมย์รวินท์คลินิก ที่จะช่วยยกระดับใบหน้าของคุณให้ดูดีแบบไร้ที่ติ ผิวสวยใสในทุกมุมมอง

            อย่านอนกรน หยุดเสียงลี้ลับ มิติใหม่ที่ตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตา 

            อย่านอนกรน

            อย่านอนกรน เสียงลี้ลับมิติใหม่ที่ตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตา 

             

            มิติใหม่แห่งความลึกลับ ที่มาพร้อมกับเสียงกรนสนั่นในยามค่ำคืน บ้านอาจไม่ใช่สถานที่ที่ควรกลับอีกต่อไป เมื่อสามีกรนหนัก เสียงดังกึกก้องราวกับรถไฟ คืนแล้วคืนเล่าเสียงกรนก็ยังคงดังก้องกังวานไปทั่วบ้าน จนกลายเป็นปริศนาที่ค่อย ๆ ขยายวงกว้างในครอบครัว ภรรยาและลูกต่างพากันหวาดผวา ที่ต้องเผชิญกับเสียงกรนสุดแสนประหลาด ที่หาคำอธิบายไม่ได้ในบ้านหลังนี้ เชื่อว่า เสียงกรนที่เกิดขึ้นต้องมีความลึกลับซ่อนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน ซึ่งภรรยาก็พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อสยบเสียงกรนของสามี แต่เสียงกรนเหล่านี้ยังคงทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ความผิดปกติของเสียงกรนที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่รบกวนการนอนหลับของคนรอบข้าง แต่ยังนำพาความวิตกกังวลและความหวาดกลัว มาสู่ทุกคนในครอบครัวอีกด้วย

            เสียงกรน จึงได้กลายเป็นปมปริศนาสุดท้าทายที่ยากจะคลี่คลาย ทำให้ทุกคนในบ้านต้องร่วมกันไขปริศนาสุดลึกลับนี้ให้ได้! เพื่อหยุดเสียงกรนอันน่าสะพรึงกลัว โดยทุกคนต่างพากันตั้งคำถามว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของเสียงกรนนี้? จะทำอย่างไรดีให้คืนนี้หลับอย่างสงบสุข? แล้วมีวิธีไหนที่จะช่วยหยุดยั้งเสียงกรนนี้ได้บ้าง? บทความนี้ไขข้อสงสัยมาให้แล้วค่ะ

             

            เปิดเบาะแสลี้ลับกับ “อย่านอนกรน” ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก

            อย่านอนกรน

            นอนกรน คืออะไร?

            อาการนอนกรน คือ ภาวะที่มีเสียงดังเกิดขึ้นขณะนอนหลับ เกิดจากการที่กล้ามเนื้อบริเวณคอและเพดานอ่อนหย่อนตัวลงขณะหลับ ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลง จนลมหายใจที่ผ่านเข้าออก ไปกระทบกับเนื้อเยื่อบริเวณคอ เช่น ลิ้นไก่ และเพดานอ่อน ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและส่งเสียงดังขึ้น โดยอาการนอนกรนสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งผู้ชายมีแนวโน้มที่จะนอนกรนมากกว่าผู้หญิง ทั้งนี้ นอกจากอาการนอนกรน จะเป็นอาการที่รบกวนการนอนหลับของตัวเราเองและคนรอบข้างแล้ว อาการนอนกรนยังเป็นสัญญาณเตือน บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ หากปล่อยปะละเลย อาการนอนกรนอาจนำไปสู่ภาวะที่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

            นอนกรน มีสาเหตุมาจากอะไร?

            อาการนอนกรน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละคนก็มีสาเหตุที่แตกต่างกัน โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น มีดังนี้

            • ทางเดินหายใจแคบ เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณคอและเพดานอ่อน หย่อนตัวลงขณะนอนหลับ ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนแคบลง ลมหายใจที่ผ่านจึงเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดเสียงกรนรบกวน
            • โครงสร้างใบหน้าผิดรูป เช่น คางสั้น คางเล็ก ลิ้นไก่ใหญ่ หรือเพดานอ่อนยาว ส่งผลให้ทางเดินหายใจแคบลง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะนอนกรนมากกว่าคนทั่วไป
            • น้ำหนักเกิน เนื่องจากผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน มีไขมันส่วนเกินบริเวณคอ ซึ่งอาจไปกดทับทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอุดตันและเกิดเสียงกรนได้
            • อายุมากขึ้น เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณคอจะหย่อนตัวลง ทำให้ทางเดินหายใจแคบ ส่งผลให้เกิดอาการนอนกรนได้
            • ภูมิแพ้ การอักเสบในโพรงจมูกจากภูมิแพ้ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง ลมหายใจเสียดสีกับทางเดินหายใจส่วนบน จนเกิดอาการนอนกรนได้
            • ดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหย่อนตัว ส่งผลให้ทางเดินหายใจแคบลง จนนอนกรนได้
            • ท่าทางการนอน อาการนอนกรน มักพบได้บ่อยเมื่อนอนหงาย ซึ่งการนอนหงาย จะทำให้น้ำหนักของลิ้นและเพดานอ่อน ไปกดทับทางเดินหายใจได้ง่ายมากที่สุด
            • พันธุกรรม ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวมีประวัตินอนกรน หรือมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการนอนกรนได้มากกว่าคนทั่วไป
            • เป็นร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจล้มเหลว หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ก็อาจทำให้เกิดอาการนอนกรนได้เช่นกัน

             

            หยุดกรนด้วย Snore Laser เลเซอร์แก้นอนกรน

            Snore Laser หรือ เลเซอร์แก้นอนกรน เป็นการรักษาอาการนอนกรนด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ชนิดเออร์เบี่ยม (Erbium: YAG Laser) ซึ่งมีความยาวคลื่น 2940 nm (นาโนเมตร) โดยเลเซอร์จะถูกยิงไปยังบริเวณที่ทำให้เกิดเสียงกรน เช่น เพดานอ่อน ลิ้นไก่ หรือกระพุ้งแก้ม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตึงตัวมากขึ้น ขยายทางเดินหายใจให้เปิดกว้างมากขึ้น เมื่อทางเดินหายใจเปิดกว้าง ลมหายใจจะผ่านได้อย่างสะดวก ทำให้ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ และแก้ปัญหาอาการนอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            Snore Laser มีข้อดีอะไรบ้าง?

            • Snore Laser ลดอาการนอนกรนได้ถึง 80% เมื่อมีการนอนหลับที่ดี สุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้นตามไปด้วย ทั้งตัวคุณเองและคนรอบข้าง สามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
            • Snore Laser ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังเลเซอร์สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องบาดแผล
            • Snore Laser ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที ในการทำเลเซอร์ จึงประหยัดเวลา เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด 
            • Snore Laser เห็นผลเร็ว ซึ่งอาการนอนกรนจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการกรนมาก แนะนำให้ทำการเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง 3 – 4 ครั้ง
            • Snore Laser มีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก Snore Laser เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจาก US FDA (อย.อเมริกา) และ TH FDA (อย. ไทย)
            • Snore Laser มีผลข้างเคียงน้อย หลังทำเลเซอร์แก้นอนกรน อาจมีอาการระคายเคืองในช่องปากเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้ จะค่อย ๆ หายไปเองภายในไม่กี่วัน
            • Snore Laser ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ขณะหลับ ไม่ต้องเสียเวลาดูแลรักษาอุปกรณ์ สามารถนอนหลับได้อย่างอิสระ ไม่รู้สึกอึดอัด หรือรำคาญใจ
            • Snore Laser ลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ จากการนอนกรน เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
            •  

            เตรียมสยบเสียงกรน ได้แล้ววันนี้ ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา

            สำหรับท่านใดที่กำลังประสบปัญหานอนกรนอยู่ อย่าเพิ่งหวาดกลัวไป สามารถเข้ามาปรึกษากับทีมแพทย์ของ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา ด้วยเทคโนโลยี Snore Laser เลเซอร์รักษาอาการนอนกรนที่มีความทันสมัย มีความปลอดภัย สามารถแก้ปัญหาอาการนอนกรนของคุณได้อย่างตรงจุด พร้อมที่จะช่วยให้คุณหลับสนิท ตื่นเช้ามาอย่างสดใส บอกลาเสียงกรนกวนใจไปได้เลย

            Oligio ตัวช่วยลดแก้มตุ้ยนุ้ย ให้คุณสปาย สวยฮ๊อตได้อย่างมั่นใจ

            Oligio ตัวช่วยลดแก้ม


            Oligio ตัวช่วยลดแก้ม สุดฮอตให้คุณสปาย

            สาวแก้มเยอะ แก้มย้วย แก้มใหญ่ มีเฮ! เพราะโปรแกรมนี้จะทำให้แก้มใหญ่เป็นแก้มลีน หน้ายกกระชับแน่นอน พิสูจน์มาแล้วจากสาวแก้มใหญ่ แต่ตัวเล็กอย่างคุณสปาย ศิวาพร พวงสำลี เห็นผลลัพธ์ด้วยตัวเองเลยย..

            สปายเป็นคนตัวเล็กค่ะ แต่เพราะแก้มใหญ่ แก้มย้วยของเรา ทำให้หน้าเราดูบานมาก เวลายิ้มทีแก้มของสปายก็ออกเยอะมาก และเพราะแก้มใหญ่ๆ ย้วยๆ เนี่ยแหละ ทำให้เราดูเป็นสาวอวบไปเลยค่ะ ตอนแรกก็มีคนชมว่ามี chabby cheek ดูหน้าเด็ก น่ารักดี แต่พอเริ่มมีเพื่อน คนรู้จักมาทักว่าอ้วนขึ้นหรือเปล่า หน้าดูบวมๆ แค่นั้นแหละทำให้สปายรู้สึกไม่มั่นใจเลย พยายามลดน้ำหนักคุมอาหาร แต่มันลดแค่น้ำหนักเท่านั้น เพราะแก้มใหญ่ๆ ของเรามันไม่ได้ลดตามไปเลย ก็เลยคิดหาวิธีช่วยอื่นในเรื่องของการทำหัตถการความงามแทน เพราะการลดน้ำหนักมันไม่ตอบโจทย์ปัญหาเราละ

            สปายมองหาการทำหัตถการหลายอย่างมากกก ที่เกี่ยวกับการยกกระชับ กำจัดไขมันแก้มของสปาย จนมาเจอมาเจอเทคโนโลยียกกระชับตัวนี้ที่ตอบโจทย์ปัญหาคนมีแก้มแบบสปายเลย สปายไม่รีรอเลย เข้าไปปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ

            คุณหมอเจ้าของเคสของสปายคือคุณหมอบีบี (พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู) ค่ะ คุณหมอบีบีให้คำปรึกษากับสปายดีมาก เข้าใจปัญหาของสปายทุกอย่างเลย คุณหมอเลือก Oilgio ให้สปายค่ะ ซึ่งคุณหมอบอกว่า Oligio นี้ ตอบโจทย์เลย สำหรับคนที่มีปัญหาแก้มใหญ่ แก้มย้อย มีไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณแก้มแบบสปาย และคนที่มีเหนียงหรือคางสองชั้นคุณหมอบีบีบอกว่าสามารถทำได้เหมือนกันนะคะ 

            Oligio
            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

            ก่อนทำ Oligio คุณหมอบีบีจะวิเคราะห์และประเมินปัญหาของสปายก่อน เพื่อเลือกจำนวนช็อตให้เหมาะสมกับการรักษา คนที่กลัวเจ็บจากการทำหัตถการยกกระชับ ขอบอกว่าหายห่วงเลยค่ะ เพราะสปายทำ Oligio แล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ ตอนทำสปายไม่ต้องทายาชา นอนทำแบบสบายๆ ฟินๆ ไปได้เลยค่ะ หลังทำ Oligio คุณหมอบีบีวัดหน้าให้สปายทันทีเลยค่ะ (หัวเราะ) แก้มสปายเล็กลงมาก เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีว่ามันกระชับขึ้นไม่ยืดย้วยแล้ว แก้มของสปายหลังทำ Oligio ลดลงตั้ง 10 กว่าเซนแหน่ะ! กรี๊ดมากกก ดีใจสุดๆ แก้มสปายไม่ย้อย ไม่ห้อยแล้ว เพราะ Oligio เลยค่ะ แถมตัวนี้ยังให้ Skin quality ที่ดีกับผิวด้วยค่ะ หลังทำรู้สึกเลยว่าผิวเนียนละเอียดขึ้นมาก ตอนนี้สปายตกหลุมรัก Oligio มากค่ะ

            Oligio
            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

            หลังทำ Olgio 1 เดือน ผลลัพธ์ที่คุณสปายฟินมากก

            หลังทำ Oligio มา 1 เดือน เห็นผลลัพธ์ชัดมากขึ้นเลยค่ะ สปายรู้สึกเลยว่าหน้าเรามันจึ้งขึ้นมาก ตอบโจทย์ในสิ่งที่เรากังวลเลย จากที่เคยกังวลเรื่องแก้มใหญ่ ย้อย ไม่กระชับ กรอบหน้าไม่กระชับ หลังจากที่ทำ Oligio มีแต่คนทักว่าไปทำอะไรมา ทำไมหน้าดูเล็กลง ผอมลงหรือเปล่า เพราะ Oiligio นี่แหละที่ทำให้หน้าเด้ง หน้าดูเด็กขึ้น หน้าเล็กลง ผิวแน่น ผิวเฟิร์มขึ้น เราก็เลยแนะนำไปเลยสิคะว่าแค่มาทำ Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นค่ะ 

            a woman with a white headband
            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

            Oligio ตัวช่วยลดแก้มดียังไง ทำไมคุณสปายถึงติดใจ

            Oligio เทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิวด้วยการพลังงานคลื่นความถี่วิทยุแบบ Monopolar RF ด้วยการใช้คลื่น 6.78 MHz ทำให้เกิดความร้อนและมีอุณหภูมิเพียงพอที่จะกระตุ้นเซลล์ผิวหนังลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ หรือ Dermis กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิวหนังให้เกิดการจัดเรียงกันใหม่ และหดตัวกันแน่น ทำให้ชั้นผิวแน่นขึ้น Oligio ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวยกกระชับและช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งพลังงานความร้อนยังสามารถลงไปได้ลึกถึงชั้นไขมัน หรือ Subcutaneous Fat ซึ่งช่วยลดไขมันส่วนเกินที่สะสมใต้ชั้นผิวหนัง เช่น เหนียง แก้ม และคางสองชั้น ทำให้กรอบหน้ายกกระชับและลีนมากยิ่งขึ้น Oligio มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรองรับจาก FDA จากอเมริกา ยุโรป และไทย

            Oligio
            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

            • Oligio ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน
            • Oligio ช่วยลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน
            • Oligio ช่วยยกกระชับใบหน้า สร้างกรอบหน้า
            • Oligio ช่วยลดเหนียง ลดไขมันส่วนเกิน
            • Oligio ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมายืดหยุ่น
            • Oligio เห็นความต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ 
            • Oligio คงผลลัพธ์นาน 6 เดือน – 1 ปี

            Oligio ตัวช่วยลดแก้ม
            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

            ใครที่เป็นสาวตัวเล็กแต่แก้มใหญ่แบบคุณสปายก็หมดกังวลปัญหาไปได้เลย มาลอง Oligio กันได้ที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะคะ 

            11.11 โปรเด็ดโดนใจให้คุณแบบ 1 free 1 

            11.11

            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





              วันที่สะดวกในการติดต่อ








              11.11 นี้ต้องพิเศษกว่าใครๆ ให้คุณสวยเป็นที่หนึ่ง ที่จะ Surprise โปรโมชันความสวยให้คุณ 1 free 1 

              11.11
              ตั้งแต่วันที่ 5-12 พ.ย. 2567

               

              Surprise 1 : หลังสวย ไร้สิว

              เซอร์ไพรส์ผิวหลังของคุณให้สวยเนียนเรียบ โชว์หลังแค่ไหนก็เอาอยู่..ด้วย

              BACK CLEAR II ดูแลผิวหลังของคุณให้สวยห่างไกลสิวด้วย 4 ขั้นตอน

              • กดสิว กำจัดต้นตอของสิวอุดตัน ยับยั้งตัวการร้าย ลดโอกาสการพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบในอนาคต
              • ฉีดสิว ลดอาการอักเสบของสิว ตัดวงจรที่เป็นตัวการที่จะกระตุ้นให้สิวเกิดการอักเสบ ตัดต้นตอการเกิดสิวใหม่
              • ทรีตเมนต์ P-Acne บำรุงผิวด้วยตัวยาที่ช่วยลดอาการอักเสบของผิว พร้อมบำรุง และมอบความชุ่มชื้นให้ผิว
              • เลเซอร์ปราบเชื้อสิว ลดอาการอักเสบ บวมแดง และช่วยลดร่องรอยที่สิวทิ้งไว้ ทั้งรอยดำ รอยแดง ให้จางลง ผิวหลังเนียน กระจ่างใสอีกครั้ง 

              AC CLEAR SPOT FADE ปรับสีผิวให้กระจ่างใส ลดร่องรอยที่เกิดจากสิว ลดอาการระคายเคือง ให้หลังเนียนสวยพร้อมโชว์ 

              Surprise หลังให้สวย 1 free 1 ด้วย BACK CLEAR II รับฟรี AC CLEAR SPOT FADE ราคา 3,400.- จากปกติ 8,520.-

               

              11.11
              ตั้งแต่วันที่ 5-12 พ.ย. 2567

              Surprise 2 : จัดการสิว ผิวอักเสบ และสิว ที่บดบังความสวยของผิวหน้าคุณด้วย

              AC CLEAR IV ทวงคืนความใส ดูแลผิวหน้าให้เนียนเรียบไร้สิวบดบัง ด้วยขั้นตอนการดูแลผิวที่ครบจบในโปรแกรมเดียว

              • กดสิว กำจัดสิวอุดตัน ก่อนพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบตัวร้ายที่ทำให้เกิดเป็นหลุม ร่องบนผิว
              • ฉีดสิว ลดการอักเสบของผิว ตัดวงจรการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบจนกลายเป็นสิวหัวหนองในอนาคต ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ 
              • ทรีตเมนต์ P-White ผลักตัวยา และวิตามินเข้าสู่ผิวเพื่อลดการอักเสบที่เกิดจากสิว พร้อมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
              • Smart Laser เลเซอร์เพื่อผิวใส ลดการเกิดรอยแดง รอยดำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ คืนความกระจ่างใสให้ผิว
              • Mask Acne ช่วยฟื้นฟูผิว และลดอาการบวมแดงจากสิว พร้อมทั้งบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นเนียนนุ่ม

              STOP ACNE สะกิดผิว ลดการเกิดสิวใหม่

              Suprise ผิวให้ไร้สิว 1 free 1 ด้วย AC CLEAR รับฟรี STOP ACNE ราคา 4,900.- จากปกติ 11,100.-

               

              11.11
              ตั้งแต่วันที่ 5-12 พ.ย. 2567

               

              Surprise 3 : เหมากำจัดขนให้ยกแผง 

              เหมาๆ ยกแผงให้ขนเกลี้ยงเกลาจะโชว์ใต้วงแขน หรือใส่บิกินีเว้าแค่ไหนก็ไม่กลัวขนแพลม ด้วย

              • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ยิงยกแผงกำจัดขนรักแร้ ด้วย YAG LASER 1064 เลเซอร์ที่กำจัดได้ถึงรากขน แต่ไม่ทำให้ผิวเกิดการไหม้เบิร์น พร้อมปรับผิวใต้วงแขนให้ขาวกระจ่างใสพร้อมโชว์
              • เลเซอร์กำจัดขนบิกินี (ไม่รวมร่องก้น) เหมายกแผงโชว์อย่างมั่นใจด้วย YAG LASER 1064 พลังงานเดียวที่ยิงได้เกลี้ยงไม่เหลือตอ ไม่ทำให้เกิดขนคุด หรือการระคายเคือง อวดผิว อวดบิกินีได้สบายใจ

              Surprise ขนเรียบ เหมายกแผงราคาเดียว 4 free 4 ด้วย 

              • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ รับฟรี รักแร้ขาว 4,900.- จากปกติ 16,800.- 
              • เลเซอร์กำจัดขนบิกินี (ไม่รวมร่องก้น) รับฟรี ขาหนีบขาว ราคา 4,900.- จากปกติ 17,000.-

               

              11.11
              ตั้งแต่วันที่ 5-12 พ.ย. 2567

               

              Surprise 4 : เคลียร์ฝ้าครบลูป

              ไม่ทนกับฝ้าที่วนลูป จัดการฝ้าให้กระเด็นออกไปจากหน้าด้วย

              • NU PICO BRIGHT เลเซอร์ที่ยิงตรงเข้าไปจัดการกับเม็ดสีที่ผิดปกติให้แตกตัวและจางหายไป ปรับสีผิวให้กระจ่างใส สม่ำเสมอ โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง ไม่ทำให้ผิวไหม้เบิร์น หรือมีเลือดออกใต้ผิวหนัง 
              • MELASMA FADE บอกลาฝ้า จุดด่างดำฝังลึก ด้วยตัวยาสูตรเฉพาะที่ช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีที่ผิดปกติใต้ชั้นผิวหนัง พร้อมกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเดิม ให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้น

              Surprise หน้าใส ไร้ฝ้า 1 free 1 ด้วย NU PICO BRIGHT รับฟรี MELASMA FADE ราคา 6,900.- จากปกติ 21,600.- 

               

              11.11
              ตั้งแต่วันที่ 5-12 พ.ย. 2567

              Suprise 5 : ยกกรอบหน้า ลดริ้วรอย 

              หน้าหย่อน ผิวย้อย ไม่เนียนเรียบ จัดการเก็บริ้วรอย ยกหน้าให้กรอบหน้ากระชับด้วย

              • HIFU ULTRALIFT ยกผิวให้ตึง ดึงหน้าให้กระชับ เก็บกรอบหน้าให้ชัดด้วยพลังงาน Ultrasound ความถี่สูง ลงลึกถึงชั้น SMAS ให้ผิวหน้าฟู ยกกระชับผิวได้ถึง 3 ระดับ  เก็บแก้ม เหนียง ลดริ้วรอยร่องลึก สร้างกรอบหน้าให้สวย 

              Surprise ให้กรอบชัด ผิวอ่อนเยาว์ 1 free 1 ด้วย HIFU ULTRALIFT รับฟรี REFRESHING MASK ราคา 9,900.- จากปกติ 41,000.- 

               

              11.11

               

              Suprise 6 : เหมาริ้วรอย จบทุกรอยย่น

              ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ก็จัดการเก็บหมดทุกริ้วรอย คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าด้วย

              • ฉีดโบ เหมาปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย ร่องลึก ให้เรียบ เก็บหมดทั้ง 3 จุดยอดฮิตทั้งหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ตีนกา คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว 
              • RG LIFT ยกกระชับผิวเก็บริ้วรอย พร้อมกระชับรูขุมขน ให้ผิวหน้าเรียบเนียนสวย ดูอ่อนเยาว์ 
              • SLIM FACE ลดไขมันส่วนสะสมบริเวณแก้มและเหนียง ยกกระชับหน้าให้ดูเรียวมากขึ้น เก็บกรอบหน้าให้คมชัดมีมิติ  

              Surprise ผิวให้อ่อนเยาว์ เหมาหมดทุกร่องรอย 1 free 1 ด้วยฉีดโบ รับฟรี RG LIFT หรือ SLIM FACE ราคา 12,900.- จากปกติ 28,000.-

               

              11.11 นี้มีแต่ความสวยมา Surprise ผิว เฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิก 

              *โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 5-12 พ.ย. 2567

              *โปรโมชั่นนี้เฉพาะจองออนไลน์เท่านั้น

              *โปรโมชั่นเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

              *ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล

              *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่

              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                ร่วมงานเปิดตัวรมย์รวินท์คลินิก Ultherapy PRIME ที่สิงคโปร์ 

                Ultherapy PRIME

                รมย์รวินท์คลินิกเข้าร่วมงานเปิดตัว Ultherapy PRIME สัมผัสประสบการณ์ยกงานผิวขั้นกว่า

                สัมผัสผลลัพธ์ความ PRIME กับ Ultherapy PRIME ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ รมย์รวินท์คลินิก นำทีมโดย คุณหมอริว และ คุณหมอออย ได้เดินทางไปร่วมงานสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่ออัปเดตเทคโนโลยีล่าสุดเครื่องยกกระชับผิวหน้า Ultherapy PRIME จาก Merz Aesthetics โดยตรง

                Ulthera Prime

                เปิดตัว Ultherapy PRIME จาก Merz Aesthetics สู่เอเชียแปซิฟิก ณ สิงคโปร์

                Merz Aesthetics (เมิร์ซ เอสเธติกส์) จัดงานเปิดตัว Ultherapy PRIME อย่างยิ่งใหญ่ ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 30-31 ตุลาคม 2567 โดยมี คุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ และ คุณหมอริว นพ.อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกเข้าร่วมภายในงาน ในงานนี้มีแพทย์ผิวหนังและแพทย์จากแวดวงความงามชั้นนำจากประเทศไทยและสิงคโปร์เพียง 15 คลินิกเท่านั้นที่ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานนี้ เพื่อเป็นการสัมผัสประสบการณ์และเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้ารุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

                Ultherapy PRIME คือ นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้าและลำคอแบบไม่ผ่าตัด ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวกลับมาตึงกระชับ เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ และดูอ่อนเยาว์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

                เปิดตัว Ultherapy Prime
                เปิดตัว Ultherapy Prime

                Highlight สำคัญของงานเปิดตัวเครื่องตระกูล Ultherapy ในรอบ 15 ปี

                • เรียนรู้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทีมแพทย์ของรมย์รวินท์คลินิกได้เข้าร่วมสัมมนาอบรมเชิงลึก เพื่อเรียนรู้เทคนิคการใช้ Ultherapy PRIME อย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ
                • สัมผัสประสบการณ์ตรง ได้ทดลองใช้เครื่อง Ultherapy PRIME รุ่นล่าสุด และเรียนรู้ฟังก์ชันใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้อย่างตรงจุด
                • แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก มีโอกาสได้พบปะและแลกเปลี่ยนความรู้เทคนิคใหม่ ๆ กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจากทั่วโลก

                สัมผัสประสบการณ์การสัมมนาเชิงวิชาการสุด Exclusive จาก Merz Aesthetics 

                ในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 พบกับสัมมนาเชิงวิชาการ (Dinner Symposium)  ในหัวข้อ (Dinner Symposium) ในหัวข้อ “It’s PRIME time” จากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามระดับโลก 4 ท่าน

                ที่ได้มาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี Ultherapy PRIME และเทคนิคการรักษาที่ทันสมัย

                 

                ในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เป็นการเข้าร่วมการสัมมนากึ่งปฏิบัติการ (Ultherapy Prime, The First Touch Workshop) เป็นกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นสำหรับแพทย์และผู้บริหารคลินิก พร้อมเวิร์คช็อปปฏิบัติการ แพทย์ผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสเรียนรู้การใช้งาน และทดลองใช้เครื่อง Ultherapy® PRIME อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งฝึกฝนทักษะการรักษาด้วยตัวเอง 

                เปิดตัว Ultherapy PRIME
                เปิดตัว Ultherapy PRIME

                โดยมีการสาธิตการใช้งานจริงใน 3 หัวข้อหลัก

                • Advance เปรียบเทียบความเร็วและประสิทธิภาพการทำงานระหว่าง Ultherapy® PRIME กับรุ่นก่อนหน้า (The Next Generation) กับ Ultherapy® รุ่นปัจจุบัน (Legacy Generation) ทั้งในขณะปิดเครื่อง และขณะทำงาน
                • VIVID เปรียบเทียบขนาดและคุณภาพของหน้าจอแสดงผล  Ultherapy® Prime (The Next Generation) กับ Ultherapy® รุ่นปัจจุบัน (Legacy Generation) เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น
                • Prove it to yourself แพทย์ทุกท่านสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ของ Ultherapy® Prime ด้วยตนเอง สาธิตการออกแบบเครื่องที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน Ergonomic design ให้แพทย์ได้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

                รวมถึงมีการฝึกอบรมด้านสรีรศาสตร์และการจัดวางท่าทางขณะทำการรักษา (Ergonomic training) ซึ่งนำโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพบำบัด เพื่อยกระดับความสะดวกสบายขณะทำการรักษา

                ทำไมต้อง Ultherapy PRIME  นวัตกรรมยกกระชับผิวที่เหนือกว่า

                Ultherapy PRIME คือ เทคโนโลยีล่าสุดในการยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัดที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Ultherapy® ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ และผู้รับบริการทั่วโลก 

                • ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และ FDA สหรัฐอเมริกาในการยกกระชับผิวบริเวณคิ้ว คาง คอ และลดเลือนริ้วรอยร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                • ผลลัพธ์การยกกระชับที่ได้สามารถคงอยู่ได้นานถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้น โดยมีผู้รับบริการพึงพอใจสูงถึง 95% ในปีแรก ภายใต้มาตรฐานระดับ Gold Standard
                • ผ่านการวิจัยทางคลินิกมากกว่า 56 การศึกษา และมีงานวิจัยตีพิมพ์มากกว่า 120 ฉบับ ยืนยันถึงความปลอดภัย และประสิทธิภาพ
                • มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย ระบบปฏิบัติการขั้นสูง หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ภาพคมชัด Full HD  ช่วยให้การรักษาแม่นยำและรวดเร็วขึ้น
                • ระบบทำงานและประมวลผลเร็วขึ้น เร็วขึ้น 20%  ทำให้การรักษาเสร็จสิ้นเร็วขึ้น
                • ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomic design)  ช่วยให้แพทย์ใช้งานได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ดีไซน์ทันสมัย

                Ultherapy PRIME มอบประสบการณ์ใหม่ในการยกกระชับผิว

                ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย Ultherapy PRIME ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวหน้าที่กระชับ เรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ และเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าเดิม ถือเป็นการเปิดตัวเครื่องตระกูล Ultherapy พร้อมยกระดับงานผิวให้ Prime ยิ่งขึ้นในรอบ 15 ปี Merz Aesthetics มุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมด้านความงามที่ทันสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ Romrawin Clinic 

                Body Firm by EMSCULPT คุณแอนดรูว์แซ่บขนาดนี้ได้เพราะสิ่งนี้ !

                Body Firm by EMSCULPT


                Body Firm by EMSCULPT ทางลัดปั้นหุ่นแซ่บให้คุณแอนดรูว์ 

                 

                เห็นหุ่นของคุณแอนดรูว์ โคนินทร์ แซ่บๆ ได้แบบนี้เพราะมีทางลัดปั้นหุ่นให้เฟิร์ม Six Pack แน่น ได้แบบเร่งด่วน! คุณแอนดรูว์บอกว่า มีวันนี้เพราะรมย์รวินท์คลินิกให้ จะให้ยังไงตามไปสืบดีกว่าค่ะ 

                 

                ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากมีหุ่นฟิต เฟิร์ม มี six pack ร่อง 11 แต่การออกกำลังกาย ผมยอมรับเลยว่ามันเหนื่อยและทรมานมากๆ ผมเคยเข้าฟิตเนสเป็นวันๆ เล่นเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้าง six pack โดยเฉพาะ แต่กว่าจะปั้นได้ก็ยากมาก ไหนจะต้องควบคุมอาหาร เสริมโปรตีนอีกทำให้ยุ่งยาก และด้วยอาชีพของผมที่เวลามีงานก็จะยุ่งติดๆกันมาก เวลาไม่ค่อยแน่นอนทำให้การฟิตหุ่นสำหรับผมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเลยครับ

                Emsculpt
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                ท่าออกกำลังกายที่ผมไม่ชอบมากที่สุดในการฟิตหุ่นก็คือการเล่นกล้ามท้องเนี่ยแหละครับ เพราะนอกจากจะสร้างกล้ามได้ช้าแล้วยังทำให้ปวดหลังมาก ทรมานมาก ในใจเราก็คิดว่าทำไมนะ ทำไมไม่มีทางลัดที่ทำให้เรามีกล้าม มี six pack แบบที่ไม่ต้องเหนื่อย ต้องทรมาน ผมก็ลองหาข้อมูลเล่นๆ จะมาเจอเข้ากับ Body Firm by EMSCULPT ที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละที่น่าสนใจมาก ผมเลยได้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอแพร (พญ.ธิรดา จิตตการ) ก่อนทำคุณหมอจะวิเคราะห์ร่างกายพร้อมให้คำแนะนำ และข้อมูลของ Body Firm by EMSCULPT ก่อน 

                 

                ตอนทำ Body Firm by EMSCULPT ผมรู้สึกเลยว่ากล้ามเนื้อผมได้รับการกระตุ้นมาก เหมือนกับว่ามันกำลังสร้างกล้ามเนื้อให้ผมอยู่ ถ้าถามผมว่า Body Firm by EMSCULPT เหมือนกับการออกกำลังกายมั้ย ส่วนตัวเลยนะ ผมว่ามันดีกว่า เพราะแค่ทำ Body Firm by EMSCUL เหมือนกับเราได้เล่นซิทอัพถึง 20,000 ครั้ง ซึ่งคนเราคงทำไม่อยู่แล้ว คนปกติเล่นก็เล่นแค่ 3 เซต 60 ครั้ง ยังไม่ได้ครึ่งค่อนของการทำ Body Firm by EMSCULPT เลยนะ และอย่างบางคนเล่นซิทอัพไม่ถูกวิธี เล่นไปก็เปล่าประโยชน์ไม่ได้อะไรกลับมาเลย แต่เนี่ยแค่ทำ Body Firm by EMSCULPT นอนชิลๆ เล่นมือถือรอ ได้สร้างกล้ามเนื้อให้เฟิร์มแล้ว เพราะมันเจาะจงลงไปเลยในสิ่งที่เราต้องการ นั่นก็คือ Six Pack ได้มาง่ายๆ เลยโดยไม่ต้องเหนื่อยออกกำลังกาย ไม่ต้องทรมาน แถมใช้เวลาแค่ 30 นาทีเอง ไม่ต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมงเพื่อเข้าฟิตเนสเป็นชั่วโมงๆ แต่ไม่เห็นผลลัพธ์อะไรมาก 

                Body Firm by EMSCULPT
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                หลังจากทำ Body Firm by EMSCULPT รู้สึกเลยว่าหุ่นผมเฟิร์มกระชับขึ้นมาก ไขมันส่วนเกินลดลง ร่อง Six Pack ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นี่แหละครับตัวช่วยฟิตหุ่นแบบเร่งด่วนที่ผมยกให้เป็นที่หนึ่งเลยครับ

                 

                Emsculpt
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                 

                Body Firm by EMSCULPT คืออะไร 

                Body Firm by EMSCULPT  เป็นโปรแกรมที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ โดยผสาน 2 เทคโนโลยีรวมกันในเครื่องเดียว ทั้ง Synchoronized RF และ หลักการทำงานคือการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบจำเพาะเจาะจง HIFEM  ปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งอย่างรุนแรงเพื่อทำให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บเสมือนกับการออกกำลังกาย เพื่อเร่งให้ร่างกายเกิดการฟื้นฟูและซ่อมแซม และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและมีทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้น Body Firm by EMSCULPT เป็นการสร้างกล้ามเนื้อ สร้าง six pack โดยใช้เวลาแค่ 30 นาที แค่สามารถเพิ่มกล้ามหน้าท้องได้เทียบเท่ากับการซิทอัพถึง 20,000 ครั้ง โดย Body Firm by EMSCULPT มีความปลอดภัยเพราะได้รับรองจาก FDA ทั้งในอเมริกา และไทย 

                 

                Body Firm Body Firm สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง

                • Body Firm by EMSCULPT สร้างกล้ามเนื้อแขนบริเวณ Biceps และ Triceps
                • Body Firm by EMSCULPT สร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้เกิด Six Pack และร่อง 11
                • Body Firm by EMSCULPT สร้างกล้ามเนื้อสะโพกให้แข็งแรง สวยได้รูป
                • Body Firm by EMSCULPT สร้างกล้ามเนื้อต้นขาและน่องให้เฟิร์มกระชับ 

                 

                Body Firm by EMSCULPTช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

                • Body Firm by EMSCULPT ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและสร้างมวลกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรง 
                • Body Firm by EMSCULPT ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน 
                • Body Firm by EMSCULPT ช่วยลดอาการปวดเมื่อย และแก้อาการ Office Syndrome ได้
                • Body Firm by EMSCULPT ช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกาย
                • Body Firm by EMSCULPT ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายให้ดีมากขึ้น

                 

                Body Firm by EMSCULPT เหมาะกับใครบ้าง

                • Body Firm by EMSCULPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ โดยเฉพาะ six pack 
                • Body Firm by EMSCULPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อแต่ไม่สะดวกที่จะออกกำลังกาย
                • Body Firm by EMSCULPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดสัดส่วน ปั้นหุ่นให้เฟิร์ม กระชับ
                • Body Firm by EMSCULPT เหมาะกับผู้ที่อยากปั้นหุ่นอย่างปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงกับการดูดไขมัน หรือผ่าตัด 

                 

                ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่จะทำ Body Firm by EMSCULPT

                • Body Firm by EMSCULPT ไม่เหมาะกับผู้ที่ใส่เครื่องไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจ
                • Body Firm by EMSCULPT ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือโลหะฝังอยู่ในร่างกาย
                • Body Firm by EMSCULPT  ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาระบบประสาททำงานผิดปกติ
                • Body Firm by EMSCULPT ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร

                 

                อยากมีหุ่นฟิต Six Pack และร่อง 11 ชัด ต้องมาลอง Body Firm by EMSCULPT แบบคุณแอนดรูว์ ที่รมย์รวินท์คลินิก และ Body & Wellness ทุกสาขานะคะ 

                 

                Coolsculpting ฟรีซไขมัน ลดสัดส่วน คุณจอย ชลธิชา

                CoolSculpting รีวิว


                ไขมันเผละๆ ไม่ได้อยู่ข้างนกแล้วนะคะพี่ตา (Coolsculpting)

                ใครๆ ก็อยากหุ่นปังกันทั้งนั้น ถ้าเธอหุ่นปัง ฉันจะมาหุ่นพังไม่ได้! ต้องยอมเหนื่อย ยอมทรมาน อดอาหารเพื่อมีหุ่นปัง แต่บางทีไขมันก็ดื้อด้านเกิ๊นนน จะสลัดออกจากชีวิตยังไงก็ไม่ยอมหลุดซักทีจนท้อใจ ถ้าใครที่มีปัญหากับไขมันเฉพาะจุดที่ลดยากแสนยาก แต่ก็ไม่ลดไม่ได้ซักที คุณจอย ชลธิชา ก็เคยเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยนั้น แต่ตอนนี้ทำได้แล้ว จะทำด้วยวิธีไหนตามไปสืบกับคุณจอยกันดีกว่าค่ะ

                “นกอยู่ข้างพี่ตานะคะ (หัวเราะ) จอยก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่มีต้นแขนใหญ่ ไขมันเฉพาะจุด หรือเรียกง่ายๆว่าเซลลูไลต์นั่นแหละค่ะ แต่ตอนนี้จอยสลัดหลุดแล้ว เพราะจอยมีตัวช่วยที่ดีที่คอยดูแลจอยอยู่ที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ 

                ก่อนหน้าที่จอยจะมาที่รมย์รวินท์คลินิก จอยลองมาหลายวิธีมาก ไม่ว่าจะเป็นควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย เวทเทรนนิ่ง เข้าฟิตเนส จอยผ่านมาหมดแล้ว ท่าไหนที่ว่าลดเฉพาะจุด จอยทำหมด ยิ่งทำแล้วรู้สึกว่าทำไมตัวเองยิ่งทรมาน ยิ่งเหนื่อย แต่ไม่ลดลงเลยล่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าท้อมากค่ะ จอยเลยเริ่มหันมาหาตัวช่วยค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย ที่ช่วยเรื่องการลดหุ่น ลดปัญหาไขมันส่วนเกิน แต่ว่าข้อแม้ของจอยก็มีนะคะ ไม่ใช่ว่าจะเลือกอะไรก็ได้ สิ่งที่จอยจะเลือกทั้งทีจะต้องดีกับตัวจอยทั้งในเรื่องของผลลัพธ์ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือค่ะ ซึ่งจอยว่าที่รมย์รวินท์นี่แหละตอบโจทย์ของจอยมาก เพราะที่นี่มี Body & Wellness ที่ดูแลเรื่องหุ่นและสุขภาพเฉพาะทางเลย และที่สำคัญเลยคือที่นี่มีชื่อเสียงมากด้สนความงาม จอยก็เลยตกลงปลงใจมาให้รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละดูแลปัญหาเรื่องรูปร่างของจอย 

                CoolSculpting รีวิว
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                จอยเข้าลดปัญหาส่วนเกินที่กวนใจจอยด้วย Coolsculpting ที่รมย์รวินท์คลินิก และได้รับคำแนะนำจากทีม Coolsculpting Specialist ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเทรนนิ่งเกี่ยวกับความรู้เรื่องสุขภาพ การลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี และการใช้ Coolsculpting มาเป็นอย่างดี ซึ่ง Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันลดยาก และต้องการลดไขมันเฉพาะจุดที่มีความกังวล โดยใช้ความเย็นในการลด แต่ความเย็นนั้นจะไม่ทำให้เราทรมาน แต่ทำให้ไขมันของเราทรมานแทน โดยเครื่องนี้จะใช้ความเย็นถึง -11 องศา เพื่อทำให้ไขมันตาย และเพื่อให้ร่างกายกำจัดออกไปได้โดยง่ายค่ะ ก่อนทำCoolsculpting จะมีการวิเคราะห์ปัญหาเฉพาะบุคคลก่อนทำ เพื่อให้ลดได้ตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ 

                จอยได้ลอง  Coolsculpting เป็นครั้งแรกเลย ตอนแรกก็สงสัยเหมือนกันนะว่าจะใช้ความเย็นในการลดไขมันได้ยังไง แถมเป็นความเย็นที่ -11 องศาด้วย ทำแล้วมันจะรู้สึกเจ็บ รู้สึกชามั้ย แต่พอได้ทำ Coolsculpting จริงๆ ตรงกันข้ามเลย ไม่รู้สึกว่าเจ็บ หรือทรมานเลย แต่รู้สึกสบายๆ นั่งเล่นมือถือได้ชิลๆ มากเลยค่ะ 

                CoolSculpting รีวิว
                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                พอทำ Coolsculpting เสร็จจอยรู้สึกว่าช่วงแขนจอยมันกระชับขึ้นมาก แขนที่เคยมีไขมันห้อยๆ หายไปแล้ว พุงที่เคยปลิ้นก็กระชับขึ้น รู้สึกมั่นใจขึ้นเลยค่ะ ว่าความเย็นก็ช่วยให้ไขมัน เนื้อย้อย เนื้อปลิ้นหายไปได้จริงๆ ต้องนี้จอยรู้สึกแฮปปี้มาก ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะใส่แขนกุดแล้วแขนจะล้ำ หรือใส่เสื้อโชว์หน้าท้องตอนนี้หมดปัญหาเนื้อเผละแล้วค่ะ ตอนนี้นกจะบอกอะไรให้นะคะพี่ตา..ว่าไขมันเผละๆที่เคยมีไม่ได้อยู่ข้างนกแล้วนะคะพี่ตา ถ้าพี่ตาอยากสวย หุ่นกระชับ ไม่เผละแบบนก พี่ตาต้องมาลองทำ Coolsculpting นะคะ (ยิ้ม)”

                ทำความรู้จักกับ Coolsculpting กันซักหน่อย

                Coolsculpting โปรแกรมที่ถูกออกแบบและคิดค้นมาโดยใช้หลักการในการลดไมัน และทำให้ไขมันตาย ด้วยการใช้พลังงานความเย็นถึง – 11 องศาในการแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวเข้าไปแทนที่ความร้อนในร่างกาย และทำการแช่แข็งเซลล์ไขมันให้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง จากนั้นไขมันที่ถูกแช่แข็งก็จะถูกกลไกทางร่างกายขับออกไปเองตามธรรมชาติ ในรูปแบบของเสียในร่างกาย  โดยไม่ส่งผลข้างเคียง หรือความผิดปกติให้ร่างกายต่อการใช้ชีวิตประจำวัน 

                โดย Coolsculpting ได้รับการรับรองจาก US FDA และมีงานวิจัยรองรับผลและวิธีการในการรักษาจึงทำให้มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานอย่างแน่นอน 

                Coolsculpting สามารถฟรีซไขมันตรงไหนได้บ้าง

                • Coolsculpting สามารถฟรีซไขมันบริเวณเหนียง ใต้คาง
                • Coolsculpting สามารถฟรีซไขมันบริเวณนมน้อย และหลังส่วนบน
                • Coolsculpting สามารถฟรีซไขมันบริเวณแขนด้านใน และแขนด้านนอก
                • Coolsculpting สามารถฟรีซไขมันบริเวณรอบเอว
                • Coolsculpting สามารถฟรีซไขมันบริเวณหน้าท้อง
                • Coolsculpting สามารถฟรีซไขมันบริเวณไขมันใต้ก้น
                • Coolsculpting สามารถฟรีซไขมันบริเวณต้นขาด้านนอก ต้นขาด้านใน

                Coolsculpting โปรแกรมฟรีซไขมันนี้เหมาะกับใครบ้าง

                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีไขมันลดยาก
                • Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างและลดไขมัน 
                • Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด
                • Coolsculpting เหมาะสำหรับคุณแม่หลังคลอดที่มีไขมันส่วนเกินสะสม
                • Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับหุ่นโดยแต่ไม่อยากผ่าตัด 
                • Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย

                อยากหุ่นดีมั่นใจแบบจอยปรึกษาได้ที่รมย์รวินท์คลินิก และ Body & Wellness ทุกสาขาได้เลยนะคะ

                Fit Shape Body ครั้งเดียวแขนคุณน้ำหวาน Zaza ลด 2 cm.

                Fit Shape Body รีวิว


                Fit Shape Body ทำเรื่อง! ครั้งเดียวแขนคุณน้ำหวาน Zaza ลด 2 cm.

                เรื่องเซ็กซี่ตัวแม่ต้องยกให้คุณน้ำหวาน Zaza นักร้อง นักแสดงสาว ที่สวยหุ่นเป๊ะ ดูเฟิร์มไปหมดทุกสัดส่วน แต่กว่าคุณน้ำหวานจะมีวันนี้ได้บอกเลยว่าลองผิด ลองถูกมานาน จนพบทางสว่างกับตัวช่วยนี้!

                ไลฟ์สไตล์ของหวานเองเป็นคนชอบท่องเที่ยว เวลาเราไปเที่ยวเราก็ต้องถ่ายรูปสวยๆ อย่างไปทะเลก็ต้องถ่ายรูปบิกินีลงไอจี ก็จะโดนคนแซวบ่อยมากว่าทำไมเซ็กซี่ แต่เซ็กซี่ไม่สุด เพราะเวลาถ่ายเราไม่เปิดเต็ม เราจะมีเสื้อปกปิดตรงนู้นตรงนี้อยู่ เอาง่ายๆ เลยคือเราก็มีความอาย ไม่มั่นใจรูปร่างของตัวเองอยู่ ก็จะมีปัญหาเรื่องส่วนเกินที่มีย้วยๆ ไม่กระชับ ทั้งบริเวณต้นแขนที่รู้สึกว่าล่ำมากไม่ค่อยมั่นใจเวลาใส่เสื้อเกาะอก สายเดี่ยว หรือเสื้อที่ต้องโชว์แขน แล้วก็มีเรื่องนมน้อยที่มีปลิ้นๆ ออกมาเวลาใส่เสื้อเกาะอกหรือเสื้อรัดรูป เป็นผู้หญิงอ่ะเนาะก็ต้องรักสวยรักงามไม่อยากให้ใครเห็นจุดบกพร่อง ส่วนเกินของเรา แต่หวานก็คิดว่าจะเลิกปกปิดละ อยากเปิดเผยให้เต็มที่ (หัวเราะ) หวานก็เลยมองหาการรักษาส่วนเกินที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยให้กับเรา จนมาเจอกับFit Shape Body ที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละ! ตอบโจทย์หวานเลยค่ะ

                ที่รมย์รวินท์คลินิกเขามี Body & Wellness ที่ให้คำปรึกษาเรื่องรูปร่างและสุขภาพโดยเฉพาะ ก่อนทำเขาจะต้องวิเคราะห์และประเมินการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ที่รมย์รวินท์คลินิกเขาใส่ใจและพร้อมดูแลเราจริงๆ ค่ะ

                หลังจากหวานได้รับคำปรึกษาหวานก็ได้ทำ Fit Shape Body ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ตอบโจทย์ปัญหาของหวานเลยค่ะ Fit Shape Body ที่หวานทำ จะใช้การปล่อยพลังงานคลื่นที่มีชื่อว่า RF หรือ Radio Frequency โดยจะลงไปลดไขมันในชั้นลึก กำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมให้แตกออก และจากนั้นก็จะถูกร่างกายกำจัดออกไปเองโดยอัตโนมัติและยังช่วยเรื่องความหย่อนคล้อยของผิว ให้ผิวเนียนกระชับได้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ 

                Fit Shape Body รีวิว

                หลังทำFit Shape Body หวานรู้สึกเห็นถึงผลลัพธ์ได้ทันทีเลยค่ะ ว่าแขนหวานที่เคยย้วยๆ ย้อยๆ กระชับมากขึ้น เมื่อกี้ก่อนทำ  Fit Shape Body แขนของหวานวัดได้ 9.5 นิ้ว พอหลังทำหวานดีใจมากเพราะวัดได้ 9 นิ้ว ลดลงไปตั้ง 0.5 นิ้วเลยนะ! ปิดจบ ปิดจ๊อบความไม่มั่นใจเรื่องส่วนเกินไปเลยค่ะ เจอ Fit Shape Body แล้ว For the better me ค่าา (หัวเราะ) 

                 Fit Shape Body คืออะไร

                 Fit Shape Body คือโปรแกรมกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยการปล่อยพลังงานวิทยุความถี่เฉพาะ 448 kHz ที่คลื่นความถี่ 0.5 MHz เข้าไปทำลายไขมันที่เกิดการสะสมกันอย่างแน่นหนา ทำให้ไขมันนั้นเกิดการหดตัว และแตกตัวออก และให้ร่างกายขับออกไปโดยอัตโนมัติ โดยไม่ทำลายเซลล์อื่น และต่อต้านการสร้างเซลล์ไขมันใหม่ (Lipolytic or antiadipogenic effect) นอกจากนี้ ความร้อนจากพลังงานจะส่งตรงไปถึงชั้นผิวหนังทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ลดได้ทั้งไขมันส่วนเกิน และลดความเหี่ยวย่น ปรับผิวให้กระชับมากยิ่งขึ้น ลดไขมันส่วนเกินที่สะสมได้ถึง 11% โดยไม่ใช้การผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผล และไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำได้ทุกบริเวณในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง แขน ต้นขา สะโพก แผ่นหลัง หรือน่อง เป็นทางเลือกในการรักษารูปร่าง กำจัดไขมันส่วนเกินด้วยวิธีที่ปลอดภัย เพราะได้รับการรับรองจาก FDA ทั้งสหรัฐอเมริกา และไทย 

                Fit Shape Body ดีอย่างไร 

                • Fit Shape Body ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันในอวัยวะ ทั้งในชั้นผิวหนังและในช่องท้อง (Visceral Fat)
                • Fit Shape Body ช่วยกำจัดเซลลูไลต์ในทุกระดับชั้นผิว
                • Fit Shape Body ช่วยเพิ่มการเผาผลาญระดับเซลล์
                • Fit Shape Body ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์
                • Fit Shape Body ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด
                • Fit Shape Body ช่วยเพิ่มการกระตุ้น Fibrobalst เพื่อสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว
                • Fit Shape Body ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อถึงระดับเซลล์
                • Fit Shape Body ช่วยกระชับผิวหย่อนคล้อย

                Fit Shape Body ทำในบริเวณไหนได้บ้าง

                • Fit Shape Body บริเวณหน้าท้อง ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ลดไขมันในช่องท้อง และช่วยลดสีผิวที่หมองคล้ำ
                • Fit Shape Body บริเวณต้นแขน ช่วยลดแขนหย่อนคล้อย ให้กระชับมากยิ่งขึ้น
                • Fit Shape Body บริเวณต้นขา ลดเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้ม ไขมันส่วนเกินให้ผิวกระชับ เรียบเนียน
                • Fit Shape Body บริเวณสะโพก เก็บเนื้อสะโพกใส่กางเกงไม่ปลิ้นออก กระชับช่วงบั้นท้าย ลดผิวแตกลาย
                • Fit Shape Body บริเวณแผ่นหลัง เก็บเนื้อที่ปลิ้นบริเวณด้านหลัง กระชับแผ่นหลัง
                • Fit Shape Body บริเวณน่อง ลดขนาดน่องให้ดูขาเรียวกระชับมากยิ่งขึ้น 

                Fit Shape Body เหมาะกับใครบ้าง 

                • Fit Shape Body เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมัน
                • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ชอบรับประทานอาหารหวาน และเครื่องดื่มจำพวกชา กาแฟ
                • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ชอบดื่มแอลอฮลล์เป็นประจำ
                • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบการออกกำลังกาย
                • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่อยากคงสภาพหุ่นให้ดูดี ไม่เผละ ไม่ปลิ้น 
                • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการกระชับ
                • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเซลลูไลต์ ไขมันส่วนเกิน และผิวเปลือกส้ม ผิวขรุขระ 
                • Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง และผู้ที่ต้องการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

                6 เทคโนโลยียกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย เห็นผลลัพธ์ที่สุด

                lifting ยกกระชับใบหน้า

                6 เทคโนโลยียกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย เห็นผลลัพธ์ที่สุด ฉบับอัปเดต 2024

                 

                การหย่อนคล้อยของใบหน้า เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัย 35 ปีขึ้นไป ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ การสูบบุหรี่ แสงแดด รวมไปถึงการที่ผิวสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวขาดความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังมีปัญหาริ้วรอยที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ทำให้การยกกระชับใบหน้าจึงเป็นเทคโนโลยีทางเลือกของคนในยุคปัจจุบันนี้

                 

                ซึ่งในยุคนี้มีเทคโนโลยีเครื่องยกกระชับใบหน้าด้วยหัตถการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Ulthera SPT, Volnewmer, Oligio, Ultraformer MPT 4D Lift, Thermage FLX, EMFACE และ Fix Lift ซึ่งในแต่ละเทคโนโลยีนั้นมีความแตกต่างกัน บทความนี้จะมาแนะนำวิธีเทคโนโลยียกกระชับของรมย์รวินท์คลินิก พร้อมนำเสนอวิธีการรักษาและป้องกันปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างครอบคลุม

                 

                6 เทคโนโลยียกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย เห็นผลลัพธ์ครอบคลุมที่สุด ฉบับอัปเดต 2024

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วยเทคโนโลยี มีกี่แบบ?

                 

                เทคโนโลยีพลังงานของเครื่องยกกระชับใบหน้า มีทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกัน ดังนี้

                 

                พลังงานยกกระชับใบหน้า HIFU

                 

                เป็นเทคโนโลยีเครื่องยกกระชับใบหน้า หลักการทำงานด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ ที่มีความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวได้ถึง 3 ระดับ คือ ชั้นหนังแท้ส่วนบน ชั้นหนังแท้ส่วนลึก และชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน หรือที่เรียกว่า SMAS โดยชั้น SMAS เป็นชั้นผิวหนังเดียวกับที่แพทย์ศัลยกรรมใช้สำหรับผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าเพื่อการยกกระชับใบหน้า

                 

                หลักการทำงานของ HIFU คือ เป็นการยิงคลื่นพลังงานเสียงลงไปสู่ผิวหนังชั้นลึก เพื่อให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น  รูขุมขนกระชับขึ้น เพราะคอลลาเจนในชั้นผิวถูกกระตุ้นเพื่อทำให้คุณภาพผิวดีขึ้น

                 

                พลังงานเครื่องยกกระชับใบหน้า RF (Radio-Frequency)

                 

                เทคโนโลยี RF เป็นการยกกระชับใบหน้าที่ใช้แผ่นหรือโลหะขนาด 3.0 mm นวดลงบนผิวหน้า พร้อมกับปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูงลงไปสู่เนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน โดยใช้พลังงานความร้อนอุณหภูมิสะสมที่ 40-42°C เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิว ให้เกิดการหดตัวและสร้างการเรียงใหม่ของคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้ากระชับเต่งตึงขึ้น ช่วยลดไขมันสะสมบนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นอีกด้วย

                 

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย 6 เทคโนโลยี มีหัตถการไหนบ้าง?

                ulthera ยกกระชับ

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime


                Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีเครื่องยกกระชับใบหน้าที่ถูกพัฒนาการรักษาที่แม่นยำกว่าเดิม ด้วยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) โดยจะทำการยิงพลังงานความร้อนเป็นจุดขนาด 1 mm ลงลึกได้ถึงชั้นผิว SMAS หรือ Superficial Musculoaponeurotic System ที่ระดับความลึก 4.5 mm ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ใช้สำหรับการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานความร้อนจะช่วยทำให้ผิวหดตัว และยกกระชับใบหน้าขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำประมาณ 30% และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2-3 เดือน คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี

                 

                เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime เหมาะกับใคร?

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime เหมาะกับ คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยของผิว 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime เหมาะกับ คนที่ต้องการปรับรูปหน้า กรอบหน้าคมชัดขึ้น 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime เหมาะกับ คนที่ต้องลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime เหมาะกับ คนที่ต้องการกระตุ้นการสร้างของคอลลาเจนในชั้นผิว
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime เหมาะกับ คนที่ต้องการฟื้นฟูใบหน้าและลำคอ

                 

                ข้อดีของเครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime ออกแบบการรักษาเฉพาะตัวบุคคล ทำให้การรักษาปัญหาเป็นไปอย่างตรงจุด
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime มีหน้าจอช่วยแสดงผลแบบเรียลไทม์ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและแสดงผลได้ชัดเจนกว่าเดิม
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime สามารถส่งพลังงานได้ถึงผิวหนังชั้น SMAS ซึ่งเป็นผิวชั้นเดียวกับที่ทำศัลยกรรมดึงหน้า
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime ช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime สามารถเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ 20%
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime คงผลลัพธ์ของการยกกระชับได้นานถึง 1 ปีตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime ใช้ระยะเวลาในการรักษาเร็วกว่าเดิมถึง 20%

                 

                Ultraformer ยกกระชับ

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Ultraformer MPT 4D Lift

                 

                Ultraformer MPT 4D Lift เป็นเทคโนโลยีเครื่องยกกระชับใบหน้า ลดริ้วรอย ลดไขมันส่วนเกิน ที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ลงไปในสู่ชั้นผิวหนัง ด้วยพลังงาน 2 รูปแบบ คือ Micro Focused Ultrasound และ Macro Focused Ultrasound เป็นการยิงพลังงานให้ครอบคลุมทั้งการยกกระชับใบหน้า กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอย และลดไขมันส่วนเกิน สามารถปล่อยพลังงานได้ทั้งแบบ Normal Mode ที่มีลักษณะพลังงานเป็นจุดไข่ปลาเรียงกัน ส่วน Micro Pulse Mode ลักษณะพลังงานเป็นเส้น ช่วยให้สามารถสะสมพลังงานความร้อนได้อย่างต่อเนื่อง และช่วยลดความเจ็บระหว่างทำได้อีกด้วย

                 

                เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับใคร?

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับ คนที่มีปัญหาผิวหนังใบหน้า และลําคอหย่อนคล้อยลง 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับ คนที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น บริเวณใบหน้าและลําคอ
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับ คนที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก และหนังตาตก
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับ คนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่คมชัด
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับ คนที่มีไขมันสะสมตรงบริเวณแก้มและใต้คาง 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับ คนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับ คนที่มีผิวหมองคล้ำ ดูโทรม ไม่สดใส
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift เหมาะกับ คนที่มีไขมันส่วนเกินที่ใบหน้าและร่างกาย 

                 

                ข้อดีของเครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Ultraformer MPT 4D Lift

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift มีความปลอดภัยสูง และเป็นที่ยอมรับถึงประสิทธิภาพในการรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจากสถาบันชั้นนํา
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift สามารถปล่อยพลังงานคลื่นลงลึกได้ทุกชั้นผิว โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิว
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift ไม่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่มีรอยแผลหลังการรักษา
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift สามารถเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการรักษา
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Liftแพทย์สามารถกําหนดรูปแบบการปล่อยพลังงานคลื่น และกําหนดตําแหน่งความลึกที่ต้องการรักษาได้อย่างแม่นยําขึ้น 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Ultraformer MPT 4D Lift สามารถแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยได้หลายจุด เช่น ใบหน้า ลำคอ และร่างกาย

                Thermage FLX

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Thermage FLX

                 

                Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีเครื่องยกกระชับใบหน้า พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) สามารถยิงพลังงานก้อนขนาดใหญ่ลงสู่ชั้นผิวหนัง โดยพลังงานลงลึกได้ถึงชั้นผิวหนังแท้ รวมไปถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยใช้พลังงานความร้อนถึง 40-50°C ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อผิวแน่นเฟิร์มกระชับมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย

                 

                เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เหมาะกับใคร?

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เหมาะกับ คนที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กขึ้น
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เหมาะกับ คนที่ต้องการกรอบหน้าให้คมชัด ทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เหมาะกับ คนที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าและร่างกาย
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เหมาะกับ คนที่ต้องการแก้ปัญหาเซลลูไลท์บริเวณต้นขา และบริเวณก้น
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เหมาะกับ คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้ผิวกระชับ แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX  เหมาะกับ คนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เหมาะกับ คนที่ต้องการลดขนาดรอบเอว รอบขา และรอบแขน

                 

                ข้อดีของการเครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Thermage FLX

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที  20% และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2-3 เดือน
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวหน้าในแต่ละบุคคล
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX ทำได้หลายตำแหน่งที่ต้องการยกกระชับ และลดไขมันส่วนเกิน เช่น ใบหน้า รอบดวงตา และลำตัว 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ พร้อมทั้งลดไขมันสะสมส่วนเกิน ทำให้ผิวแน่น และกระชับมากขึ้น
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX  ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน เพียง 40 -90 นาที
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX พลังงานลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิวและชั้นไขมัน
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Thermage FLX เป็นเครื่องยกกระชับผิวที่ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศสหรัฐอเมริกา และ อย. ไทย มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำร้ายชั้นผิว อีกทั้งยังได้รับความนิยมจากทั่วโลก

                emface ยกกระชับ

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย EMFACE

                 

                EMFACE เครื่องยกกระชับใบหน้า เป็นเครื่องยกกระชับกล้ามเนื้อเครื่องแรกของโลกที่ทำงานกับกล้ามเนื้อของใบหน้าได้ดีกว่า ลึกกว่า จึงรักษาผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำและตรงจุดที่สุด ช่วยฟื้นฟูชั้นผิวหนังให้แข็งแรง เก็บเหนียง และลดริ้วรอยได้ในเครื่องเดียว ทำให้ EMFACE เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์เฉพาะของ EMFACE ที่ผสมผสานระหว่าง 2 เทคโนโลยี HIFES และ Sync RF เข้าด้วยกัน อีกทั้งเทคโนโลยีนี้ยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) และแห่งประเทศไทย

                 

                เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE เหมาะกับใคร?

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE เหมาะกับ คนที่ต้องการยกกระชับใบหน้า ลดเหนียง
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE เหมาะกับ คนที่ต้องการแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยลง
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE เหมาะกับ คนที่ต้องการกระตุ้นการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE เหมาะกับ คนที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE เหมาะกับ คนที่ไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากพักฟื้น

                 

                ข้อดีของเครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย EMFACE

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE ช่วยกระตุ้นให้ผิวมีการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น รวมถึงอีลาสติน ที่จะช่วยให้ผิวยืดหยุ่นกว่าเดิม เพื่อผิวเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE กระตุ้นกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงกว่าเดิม เป็นการฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้กลับมามีความกระชับอีกครั้ง
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคตได้ดี 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า EMFACE สามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ดี ผิวดูกระชับขึ้นตั้งแต่หลังทำครั้งแรก 

                Oligio

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Oligio

                 

                Oligio เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุชนิด Monopalar RF ความถี่ 6.78 MHz ซึ่งเป็นขนาดความถี่ที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกได้ โดยคลื่นวิทยุจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวมีความแข็งแรง เรียบเนียน กระชับขึ้น และดูสุขภาพดีมากขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว ส่งผลให้กรอบหน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

                 

                เครื่องยกกระชับใบหน้า Oligio เหมาะกับใครบ้าง?

                 

                • เครื่องยกกระชับ Oligio เหมาะกับ คนที่ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย 
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เหมาะกับ คนต้องการกระชับผิวให้กระชับมากขึ้น
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เหมาะกับ คนที่ต้องการลดปัญหาริ้วรอย กระชับรูขุนขน ปรับร่องแก้มให้ตื้นขึ้น
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เหมาะกับ คนที่ต้องการแก้ปัญหาหนังตาตก เปลือกตาตก คิ้วตก หรือมุมปากตก
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เหมาะกับ คนที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้ชัด รูปหน้าเล็กลง
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เหมาะกับ คนที่ปัญหาเหนียง หรือไขมันใต้คางเยอะ
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เหมาะกับ คนที่ต้องการชะลอการเกิดปัญหาหย่อนคล้อยตามวัย

                 

                ข้อดีของการยกกระชับใบหน้าด้วย Oligio

                 

                • เครื่องยกกระชับ Oligio ช่วยกระตุ้นการสร้าง และจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ 
                • เครื่องยกกระชับ Oligio ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้า
                • เครื่องยกกระชับ Oligio ลดไขมันส่วนเกินใต้ผิว ทำให้ใบหน้าดูเล็กลง
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เพิ่มคุณภาพของคอลลาเจนในผิวชั้นตื้น 
                • เครื่องยกกระชับ Oligio ทำให้ texture ของผิวเรียบเนียน ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน
                • เครื่องยกกระชับ Oligio ชะลอการเกิดความหย่อนคล้อยในอนาคต
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐาน 
                • เครื่องยกกระชับ Oligio ใช้เวลาประมาณ 20–30 นาที ประหยัดเวลาในการทำ
                • เครื่องยกกระชับ Oligio เห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีประมาณ 20% 

                 fixlift ยกกระชับ

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Fix Lift 

                 

                Fix Lift เป็นเทคโนโลยีเครื่องยกกระชับใบหน้า Morpheus8 (Subdermal Fractional microneedling Radio Frequency (RF) technology) ด้วยเทคโนโลยีพลังงาน RF หรือการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว เมื่อส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวหนังลงไป จะเปลี่ยนกลายเป็นพลังงานความร้อน โดยความร้อนจะเข้าไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงโครงสร้างของผิวหนังชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อให้เกิดการหดตัวของชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และเกิดการจัดเรียงตัวของโครงสร้างผิวใหม่ในชั้นหนังแท้ตามมา

                 

                เครื่องยกกระชับใบหน้าด้วย Fix Lift เหมาะกับใคร?

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft เหมาะกับ คนที่มีปัญหาริ้วรอยตามวัย 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft เหมาะกับ คนที่โครงสร้างผิวเสื่อมสภาพ
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft เหมาะกับ คนที่ต้องการกระชับรูขุมขนให้เล็กลง 
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft เหมาะกับ คนที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft เหมาะกับ คนที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงของผิวตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft เหมาะกับ คนที่ที่มีปัญหาผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft เหมาะกับ คนที่ที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นรอยสิว กระ และจุดด่างดำ
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft เหมาะกับ คนที่ต้องการลบเลือนรอยแผลเป็น รอยแผลผ่าตัด

                 

                ข้อดีของการยกกระชับใบหน้าด้วย Fix Lift

                 

                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft สามารถปรับความลึกของเข็ม และพลังงานที่ใช้ในแต่ละบริเวณ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวในแต่ละบุคคลได้
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft หัวทิปที่เป็นเข็มจะเป็นแบบปลอดเชื้อ single used ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่มีการใช้ซ้ำ มั่นใจได้ในความสะอาด และปลอดภัย
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft ช่วยลดเม็ดสีใต้ผิวหนัง ทำให้จุดด่างดำจางลง ปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft ช่วยให้ผิวดูเฟิร์ม กระชับมากขึ้น
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
                • เครื่องยกกระชับใบหน้า Fix LIft ใช้ได้กับทุกสภาพผิว

                 

                ใบหน้าหย่อนคล้อย เกิดจากสาเหตุอะไร?

                 

                ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยสามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวเสื่อมสภาพลง รวมไปถึงทำให้ไขมันใต้ผิวหนังลดน้อยลง จนทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย ซึ่งสาเหตุของใบหน้าหย่อนคล้อย มีดังนี้ 

                • อายุที่เพิ่มมากขึ้น

                นับเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าของเรามีความหย่อนคล้อย เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การสร้างคอลลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนังลดน้อยลงตามไปด้วย รวมไปถึงใบหน้าขาดความยืดหยุ่น จนเกิดปัญหาริ้วรอยและใบหน้าหย่อนคล้อย

                • กรรมพันธุ์

                ในบางกรณีอาจจะมีสภาพผิวที่ขาดความยืดหยุ่นย้อยกว่าปกติ โครงสร้างของใบหน้าไม่แข็งแรง เนื่องจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาทำให้เกิดโอกาสใบหน้าหย่อนคล้อยมากกว่าคนอื่น 

                • ความเครียด

                เมื่อคนเราเกิดความเครียดตลอดเวลา จะทำให้มีใบหน้าที่หย่อนคล้อยมีริ้วรอยบนใบหน้า นอกจากนี้ร่างกายของเราจะมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เข้าไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว การผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติลดน้อยลง รวมไปถึงรบกวนการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีส่วนทำให้ผิวกระชับ อ่อนเยาว์ เรียบเนียน จนทำให้ผิวหนังไม่แข็งแรงจนเกิดปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย

                • แสงแดด รังสี UV

                เป็นที่รู้กันว่ารังสียูวีในแสงแดดนั้นเป็นอันตรายต่อผิวเป็นอย่างมาก เนื่องจากรังสียูวีเข้าไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ เข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนัง รวมไปถึงทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นจนเกิดใบหน้าหย่อนคล้อย

                • กิจวัตรประจำวัน

                ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว อาจจะมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่เร่งทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพและเกิดปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย 

                • กระดูกบนใบหน้า

                เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้กระดูกเริ่มทรุดตัวลงและกระดูกใบหน้าเล็กลง ทำให้เอ็นยึดหน้าที่ยึดผิวหนังกับกระดูกนั้น ยิ่งมีความหย่อนยานมากขึ้น จนเกิดการยุบตัวลงจนใบหน้าไม่กระชับและหย่อนคล้อยในที่สุด

                ยกกระชับใบหน้า ที่ไหนดี?

                 

                • ยกกระชับใบหน้าที่ รมย์รวินท์คลินิก มีหัตถการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมแพทย์ที่มีประสบการณ์ประจำคลินิกที่จะวิเคราะห์สภาพผิวและปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้การยกกระชับใบหน้าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้สามารถเข้ารับบริการหรือปรึกษาแพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทุกสาขาที่ใกล้บ้าน

                 

                คำถามพบบ่อยเรื่องยกกระชับใบหน้า

                 

                ยกกระชับใบหน้า เลือกเครื่องไหนดี?

                 

                • การยกกระชับใบหน้ามีหลายหัตถการที่ได้ผลลัพธ์ดี ขึ้นอยู่กับปัญหา สภาพผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล เนื่องจากหัตถการยกกระชับใบหน้านั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของ พลังงานที่ใช้ ระดับการลงลึกในแต่ละชั้นผิว เช่น Thermage FLX ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง ส่วน Ulthera SPT ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ เป็นต้น ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ประจำคลินิกหรือสถานพยาบาลเพื่อเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับใบหน้าของเรามากที่สุด

                 

                ยกกระชับใบหน้า ได้ผลดีจริงไหม?

                 

                • หัตถการยกกระชับใบหน้าได้ผลลัพธ์ดีจริง เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้กลับมาเรียบเนียนขึ้น ยกกระชับใบหน้า กรอบหน้าคมชัดขึ้น ลดไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือน

                 

                ยกกระชับใบหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

                 

                • การยกกระชับใบหน้าด้วยเทคโนโลยียกกระชับใบหน้า จะมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังการรักษาในแต่ละบุคคล 

                 

                ทำไมต้องยกกระชับใบหน้า?

                 

                • การยกกระชับใบหน้าจะช่วยทำให้ผิวอ่อนเยาว์มากขึ้น ลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้า นอกจากนี้ยังช่วยยกกระชับใบหน้าให้เรียวและกระชับมากขึ้น ทำให้ผิวพรรณดูสดใส มีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม ทั้งนี้ใบหน้าโดยรวมก็จะกลับมาสดใส ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง 

                 

                ทั้งหมดนี้คือวิธีการยกกระชับใบหน้าด้วยเทคโนโลยียกกระชับ และการยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยมอบผลลัพธ์ใบหน้าเรียวเล็ก ยกกระชับมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า ลดไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง รวมไปถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้อีกด้วย หากใครที่กำลังมองหาโปรแกรมยกกระชับใบหน้า ควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาวิธีการยกกระชับต่าง ๆ พร้อมปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ให้ช่วยวิเคราะห์ใบหน้าโดยรวมและสภาพผิว เพื่อผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าที่ดีที่สุด 

                Biostimulator สารกระตุ้นคอลลาเจน ทางลัดสู่ความอ่อนเยาว์ขั้นสุด

                กระตุ้นคอลลาเจน

                Biostimulator ทางลัดสู่ความอ่อนเยาว์ กระตุ้นคอลลาเจนขั้นสุด

                เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายของเราเริ่มเสื่อมสภาพลง ผิวพรรณเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง คอลลาเจนที่เคยมีอยู่ค่อย ๆ สูญเสียไปตามอายุ โดยเฉพาะเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสูญเสียคอลลาเจนถึง 1.5% ต่อปี จากนั้นเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนลดลง เหลือเพียง 20 – 30% เมื่อคอลลาเจนในชั้นผิวลดลงแล้ว ผิวหนังก็จะขาดการพยุงและขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากคอลลาเจนเป็นโครงสร้างสำคัญ ที่ช่วยพยุงชั้นผิวให้มีความแข็งแรงและเรียบเนียน จึงทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาสารพัด ไม่ว่าจะเป็นผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ขาดความชุ่มชื้น ดูหมองคล้ำ รวมถึงผิวหน้าดูแก่กว่าวัยอีกด้วย 

                นอกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จะทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนน้อยลงแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ส่งผลต่อคอลลาเจนในร่างกายเช่นกัน ได้แก่ การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนน้อย เจอแสงแดด และมลภาวะต่าง ๆ เป็นระยะเวลานาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นผลกระทบให้คอลลาเจนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็วได้ทั้งสิ้น

                ปัจจุบัน เทรนด์ความงามยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการคิดค้นสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator ที่มีความสำคัญต่อผิวของเราขึ้นมา ซึ่ง Biostimulator เป็นทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูผิว ทำให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวแน่น กระชับ และเรียบเนียน จึงถือเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์สำหรับใครหลาย ๆ คนอย่างมาก แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า Biostimulator คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไร? แล้วหัตถการอะไรบ้าง? บทความนี้รวบรวมทุกคำตอบของ Biostimulator มาให้แล้ว

                 

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร? มีหัตถการอะไรบ้าง?

                 

                ทำไมคอลลาเจนถึงจำเป็นต่อผิว?

                คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดในร่างกาย สามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เปรียบเสมือนโครงสร้างหลัก ที่ทำให้ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และอวัยวะต่าง ๆ สามารถประสานและเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ คอลลาเจน ถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่มีบทบาททำให้ผิวหนัง มีโครงสร้างที่แข็งแรงและกระชับ โดยเป็นโครงสร้างหลักของผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) หรือ ชั้นผิวที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังบนสุด (Epidermis) ทำหน้าที่เป็นเหมือนเส้นใยตาข่าย ที่ช่วยให้ผิวหนังมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ทำให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน ไม่ดูแก่ก่อนวัย ซึ่งนอกจาก จะช่วยรักษาโครงสร้างผิวให้แข็งแรงแล้ว คอลลาเจนยังมีส่วนช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย โดยคอลลาเจนจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิวหนัง ทำให้ผิวดูฉ่ำวาว อิ่มน้ำ และมีความชุ่มชื้น ดังนั้น การเติมคอลลาเจนให้กับผิว จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว และคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวของเราได้ดียิ่งขึ้น

                 

                คอลลาเจนที่จำเป็นต่อผิว มีกี่ประเภท?

                คอลลาเจนในร่างกายของเรามีอยู่หลายประเภท แต่คอลลาเจนที่จำเป็นต่อผิวของเราและพบได้บ่อยที่สุด มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

                • คอลลาเจน ชนิดที่ 1 (Collagen Type I) 

                คอลลาเจน ชนิดที่ 1 ถือเป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกาย คิดเป็นประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด มีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างของผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูก และผนังหลอดเลือด ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกฉีกขาด ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ส่งผลให้ผิวหนังมีความเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์

                • คอลลาเจน ชนิดที่ 3 (Collagen Type III) 

                คอลลาเจน ชนิดที่ 3 เป็นอีกหนึ่งคอลลาเจนที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนัง มักจะทำงานร่วมกับคอลลาเจน ชนิดที่ 1 พบได้ในผิวหนัง กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน และผนังหลอดเลือด ช่วยให้ผิวหนังมีความกระชับ ยืดหยุ่น และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน

                สัณญาณเตือนคอลลาเจนใต้ผิว

                สัญญาณเตือน! บ่งบอกว่า ผิวของเรากำลังขาดคอลลาเจน

                • มีปัญหาริ้วรอยและร่องลึก

                ปัญหาริ้วรอยและร่องลึก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เมื่ออายุมากขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นก่อนวัย สามารถเห็นได้ชัดเจนในบริเวณที่มีการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ เช่น หางตา ระหว่างคิ้ว หรือหน้าผาก สาเหตุหลักมาจากการที่ผิวหนังสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เมื่อปริมาณของคอลลาเจนลดลง ผิวจึงขาดความกระชับและเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมา

                • มีปัญหาผิวไม่ความชุ่มชื้น

                ปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น ลอกเป็นขุย เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เนื่องจากคอลลาเจนที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวหนังเริ่มผลิตได้น้อยลง เมื่อคอลลาเจนลดลง ผิวหนังยิ่งสูญเสียน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ และไม่สดใสได้

                • มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

                ปัญหาผิวหย่อนคล้อย เป็นปัญหาที่หลายคนกังวล โดยเฉพาะเมื่อมีอายุที่มากขึ้น คอลลาเจนที่คอยพยุงผิวของเราก็ค่อย ๆ น้อยลงตามไปด้วย ส่งให้ผิวที่เคยมีความยืดหยุ่น แน่น กระชับ กลายเป็นผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และดูแก่กว่าวัยอีกด้วย

                • มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ

                ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดจากคอลลาเจนในร่างกายลดลง โครงสร้างผิวจึงถูกทำลายได้ง่าย ส่งผลให้ผิวบอบบางและไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำได้เช่นกัน

                • มีปัญหารูขุมขนกว้าง

                ปัญหารูขุมขนกว้าง เกิดจากผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากคอลลาเจนที่ลดลง รูขุมขนจึงขยายกว้างขึ้นได้ง่าย ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน

                 

                คอลลาเจน สามารถนำไปใช้ในรูปแบบใดได้บ้าง?

                ปัจจุบัน คอลลาเจน สามารถนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบกิน แบบทา และแบบฉีดเข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง ซึ่งแต่ละแบบมีความแตกต่างกัน ดังนี้

                • คอลลาเจนแบบกิน

                คอลลาเจนแบบกิน เป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุด พบได้ในอาหารเสริม เช่น แคปซูล ผง หรือชงดื่ม โดยคอลลาเจนชนิดนี้ มีความสะดวกในการรับประทาน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้เมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานกว่าจะเห็นผล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวจากภายใน ต้องการเห็นผลในระยะยาว

                • คอลลาเจนแบบทา

                คอลลาเจนแบบทา พบได้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน เช่น ครีม โลชั่น หรือเซรั่ม ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้ มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เมื่อทาลงไปบนผิวแล้ว อาจดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ยาก เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นหลัก เหมาะสำหรับการบำรุงผิวชั้นนอกมากกว่า

                • คอลลาเจนแบบฉีด

                คอลลาเจนแบบฉีด เป็นการฉีดคอลลาเจน หรือสารกระตุ้นคอลลาเจนเข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อฟื้นฟู ปรับปรุง และบำรุงผิวแบบเร่งด่วน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่าวิธีอื่น ๆ พบได้ในหัตถการต่าง ๆ เช่น หัตถการกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator อย่าง Radiesse, Sculptra หรือ Gouri เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และต้องการแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุด

                Biostimulator มีกี่ประเภท

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร

                Biostimulator คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายของเรา ผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเองตามธรรมชาติ เมื่อฉีด Biostimulator เข้าสู่ผิวหนังแล้ว Biostimulator จะทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างผิวขึ้นมาใหม่ จึงทำให้ผิวหนังเกิดการฟื้นฟูตัวเองจากภายใน ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึง และมีความแข็งแรง โดยในปัจจุบันมี Biostimulator ให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น CaHA, PDO หรือ PLLA 

                 

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน มีกลไกการทำงานอย่างไร?

                กลไกการทำงานของ Biostimulator หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน จะทำงานโดยตรงที่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ซึ่ง Biostimulator จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) เซลล์ต้นกำเนิดในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง เมื่อเซลล์ไฟโบรบลาสต์ได้รับการกระตุ้น ก็จะเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ตามกระบวนการธรรมชาติ ทดแทนส่วนที่เสื่อมสภาพไป ซึ่งคอลลาเจนใหม่ที่สร้างขึ้นจากการฉีด Biostimulator จะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างใต้ชั้นผิว พร้อมเสริมสร้างโครงสร้างผิวหนัง ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง มีความเรียบเนียน ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน มีทั้งหมดกี่ประเภท?

                ปัจจุบัน Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน มีหลากหลายประเภท โดย Biostimulator แต่ละประเภท ก็จะมีคุณสมบัติและเหมาะสมกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ได้แก่

                 

                • Biostimulator ประเภท PLLA (Poly-L-Lactic Acid) 

                PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่สกัดมาจากธรรมชาติตัวแรกของโลก เป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์ ที่มาในรูปแบบผง โดย PLLA ได้รับการรับรองว่า ปลอดภัยต่อร่างกายของเรา และถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างกว้างขวาง มีลักษณะเป็นอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะค่อย ๆ กระจายตัว และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นหลัก ฟื้นฟูโครงสร้างผิวเดิม ทำให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรงและเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่ง PLLA สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย

                • Biostimulator ประเภท CaHA (Calcium Hydroxylapatite)

                CaHA (Calcium Hydroxylapatite) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ พบได้ในร่างกายของเรา โดยเฉพาะกระดูกและฟัน จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับผิวหนัง มีลักษณะเป็นอนุภาคขนาดเล็ก ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ ผลิตคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 ขึ้นมาใหม่ โดยผ่านกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ไม่ได้ผ่านกระบวนการอักเสบใด ๆ ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก ให้ผิวดูอิ่มฟู และปรับรูปหน้าให้คมชัด โดยไม่เกิดการระคายเคืองผิว เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย

                • Biostimulator ประเภท PDO (Polydioxanone) 

                PDO (Polydioxanone) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ซึ่งเป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์ที่สังเคราะห์ขึ้นมา ในรูปแบบผลึก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น โดยพัฒนาต่อยอดมาจากไหม PDO แบบเส้นดั้งเดิม ที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างแพร่หลาย ผ่านการกระบวนการ Nano Technology ทำให้ PDO มีโมเลกุลเป็นทรงกลม และมีขนาดเล็กระดับนาโน หรือที่เรียกว่า PDO Microsphere ซึ่งมีความปลอดภัยสูง และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เมื่อฉีด PDO เข้าสู่ผิว สามารถกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง ทำหน้าที่ในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 โดยไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและไม่เกิดการบวมหลังฉีด

                • Biostimulator ประเภท PCL (Polycaprolactone)

                PCL (Polycaprolactone) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid) ซึ่งพัฒนามาจากเส้นไหมละลายที่ใช้ในทางการแพทย์ เป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์กึ่งผลึกที่สังเคราะห์ขึ้นมา มีความบริสุทธิ์สูง สามารถย่อยสลายได้ตามกระบวนการ Hydrolysis เมื่อฉีดสาร PCL เข้าสู่ผิว อนุภาค PCL สามารถกระจายตัวได้ดี และสม่ำเสมอทั่วใบหน้า ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทดแทนส่วนที่เสื่อมโทรมไป ทำให้ผิวแน่นกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ตัวยาไม่ต้องละลายก่อนใช้ ทำให้ปลอดภัยต่อร่างกาย ลดโอกาสในการเกิดการปนเปื้อนได้เป็นอย่างดี

                • Biostimulator ประเภท PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid)

                PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่มีโมเลกุลแบบเดียวกับ Poly Lactic Acid (PLA) แต่มีลักษณะพื้นผิวที่แตกต่างกัน โดย PDLLA เป็นไบโอพอลิเมอร์ชีวภาพ มีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายฟองสบู่ เมื่อฉีด PDLLA เข้าสู่ผิวหนัง อนุภาคเล็ก ๆ ของ PDLLA จะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ทำงานอย่างแข็งขัน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 ขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยได้เป็นอย่างดี โดยไม่เกิดการตกค้างในร่างกาย ไม่เกิดเป็นก้อนได้ง่าย และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรชาติ

                กระตุ้นคอลลาเจน

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน มีหัตถการอะไรบ้าง?

                Sculptra 

                • Sculptra มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ตัวแรกของโลก ถูกพัฒนาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. โดยช้กระบวนการผลิตที่จดสิทธิบัตรเฉพาะของบริษัท กัลเดอร์มา เท่านั้น มีงานวิจัยรองรับมากกว่า 50 ฉบับ และได้รับการรับรองจาก US FDA (อย. อเมริกา) และ TH FDA (อย. ไทย)
                • Sculptra มาในรูปแบบผง บรรจุอยู่ในขวด ซึ่งจะต้องถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าสู่ผิว 
                • มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 ตามกระบวนการธรรมชาติ ได้ถึง 66.5% เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน ทำให้ผิวยืดหยุ่น แน่นกระชับ และเรียบเนียน 
                • หลังฉีด Sculptra สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 2 ปี

                Radiesse 

                • Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ถูกพัฒนาโดยบริษัท Merz Aesthetics มีงานวิจัยรองรับกว่า 250 ฉบับ และได้รับการรับรองจาก US FDA (อย. อเมริกา) และ TH FDA (อย. ไทย) 
                • Radiesse มาในรูปแบบเจล บรรจุอยู่ในไซริงค์ ที่อยู่ในสภาพพร้อมฉีด 
                • มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม กระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ ถึง 5 ประการ ได้แก่ คอลลาเจน ชนิดที่ 1, คอลลาเจน ชนิดที่ 3, อีลาสติน, Angiogenesis และ Proteoglycan ที่สำคัญยังมอบ 3 ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าในระยะยาว ได้แก่ Healthier ทำให้ผิวแน่น กระชับ, Younger ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูเด็กลง และ Longer ยืดอายุผิวให้ยาวนานขึ้น 
                • หลังฉีด Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 2 ปี

                Gouri

                • Gouri มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร PCL (Polycaprolactone) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) โดยสามารถกระจายตัวได้ดี ไม่จำเป็นต้องฉีดหลายจุด จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถย่อยสลายได้เอง ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย และได้รับการรับรองจาก TH FDA (อย. ไทย)
                • Gouri ใช้เทคโนโลยี CESABP เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gouri ที่ทำให้สาร PCL อยู่ในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid) บรรจุอยู่ในไซริงค์ ไม่มีส่วนของ Microparticle จึงไม่ต้องละลายน้ำก่อนใช้
                • มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการธรรมชาติ ไม่ทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บ ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ เรียบเนียน และปรับปรุงคุณภาพผิวได้อีกด้วย
                • หลังฉีด Gouri สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 1 ปี

                Ultracol 

                • Ultracol มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร PDO (Polydioxanone) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ถูกพัฒนาโดยบริษัท Ultra V ร่วมกับ Seoul University Hospital (มหาวิทยาลัยทางการแพทย์ชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้) และ Chung-Ang University Hospital ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจาก TH FDA (อย. ไทย) และอีก 13 ประเทศทั่วโลก
                • Ultracol มาในรูปแบบผงละลาย บรรจุอยู่ในขวด ซึ่งจะต้องถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าสู่ผิว 
                • มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 โดยไม่เสี่ยงอาการบวมจากเข็ม ซึ่งใน Ultracol ปริมาณ 1 ขวด จะเท่ากับการร้อยไหม PDO ปกติจำนวนถึง 1,427 เส้น ส่งผลให้เพิ่มความหนาแน่นให้กับผิว ถึง 34.36% ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ถึง 13.33% และเพิ่มความกระจ่างใส ถึง 9.15%
                • หลังฉีด Ultracol สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 6 – 8 เดือน

                Juvelook

                • Juvelook มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ผสมผสานร่วมกับ กรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) อย่างลงตัว มีขนาดอนุภาค ตั้งแต่ 10 ถึง 40 ไมโครเมตร จัดเป็น Hybrid Biostimulator ที่มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจาก TH FDA (อย. ไทย)
                • Juvelook มาในรูปแบบผง บรรจุอยู่ในขวด ซึ่งจะต้องถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าสู่ผิว 
                • มีคุณสมบัติในการสร้างกระตุ้นคอลลาเจน ชนิดที่ 1 เสริมความยืดหยุ่นให้กับผิว และเติมเต็มริ้วรอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ฉ่ำวาว กระชับรูขุมขนได้อีกด้วย
                • หลังฉีด Juvelook สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 2 ปี

                 

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน สามารถฉีดบริเวณใดได้บ้าง?

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน สามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ ทั้งใบหน้า ลำคอ และหลังมือ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ แต่ละหัตถการก็เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดแตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ก่อนตัดสินใจฉีด Biostimulator โดยตำแหน่งที่ฉีดกระตุ้นคอลลาเจน มีดังนี้

                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณหน้าแก้ม
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณกรอบหน้า
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณหน้าผาก
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณขมับ
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณร่องแก้ม
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณรอบดวงตา
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณมุมปาก
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณคาง
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณลำคอ
                • Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณหลังมือ

                Biostimulator ช่วยเรื่องอะไร

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

                • Biostimulator ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 ตามกระบวนการธรรมชาติ 
                • Biostimulator ช่วยฟื้นฟูผิวลึกถึงโครงสร้าง ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงในระยะยาว
                • Biostimulator ช่วยเติมเต็มผิว และลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
                • Biostimulator ช่วยให้เพิ่มความหนาแน่นให้ผิว ทำให้ผิวแน่นกระชับ 
                • Biostimulator ช่วยยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยจากการอายุที่มากขึ้น
                • Biostimulator ช่วยกระชับรูขุมขน แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวเรียบเนียน
                • Biostimulator ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ
                • Biostimulator ช่วยปรับผิวสว่างกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำของผิว
                • Biostimulator ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ดูสุขภาพดี
                • Biostimulator ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
                • Biostimulator ช่วยเพิ่มความอิ่มฟูให้กับผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง 
                • Biostimulator ช่วยให้รูปหน้าดูมีมิติ กรอบหน้าคมชัด

                 

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับใคร?

                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนค่อย ๆ หายไปตามอายุ
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ ของใบหน้า
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น มีปัญหาผิวแห้งกร้าน
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง รูขุมขนไม่กระชับ 
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหมองคล้ำ มีจุดด่างดำต่าง ๆ 
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิว
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด ต้องการเพิ่มความคมชัดให้ใบหน้า
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน มีหลุมสิวตื้น ๆ 
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวโทรม ผิวหน้าไม่สดใส  
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเสริมความแข็งแรงให้กับผิว
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย จากแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ 
                • Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการป้องกันริ้วรอยก่อนวัย 

                 

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เหมาะกับใคร?

                • Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เป็นโรคเลือดออกง่าย
                • Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
                • Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังให้นมบุตร เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทารกแรกเกิดได้
                • Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีแผลเปิด หรือผิวหนังอักเสบในบริเวณที่ต้องการฉีด Biostimulator 
                • Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติแพ้สารประกอบในตัวยา Biostimulator 
                • Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องรับประทานกลุ่มยาแอสไพริน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
                • Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที เนื่องจาก Biostimulator เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนตามกระบวนการธรรมชาติ จึงต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไป

                 

                ก่อนฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ควรเตรียมตัวอย่างไร?

                • ก่อนฉีด Biostimulator แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวหน้า และเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาของเรามากที่สุด
                • ก่อนฉีด Biostimulator ควรแจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
                • ก่อนฉีด Biostimulator งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพื่อป้องกันผิวอักเสบ
                • ก่อนฉีด Biostimulator งดสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการอักเสบและอาการบวมช้ำ
                • ก่อนฉีด Biostimulator งดรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อป้องกันเลือดออกมากเกินไป
                • ก่อนฉีด Biostimulator งดผลัดเซลล์ผิว หรือสครับผิว ในบริเวณที่ฉีด Biostimulator เพื่อป้องกันผิวอักเสบ
                • ก่อนฉีด Biostimulator ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมที่จะทำการฉีด Biostimulator ทำให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น

                 

                หลังฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

                • หลังฉีด Biostimulator งดแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง ในบริเวณที่ฉีด 12 ชั่วโมงแรก
                • หลังฉีด Biostimulator งดการโดนแสงแดดโดยตรง เพื่อป้องกันการอักเสบ
                • หลังฉีด Biostimulator งดกิจกรรมที่โดนความร้อนมาก ๆ เช่น ซาวน่า
                • หลังฉีด Biostimulator งดสัมผัส นวด แกะ เกา ในบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
                • หลังฉีด Biostimulator หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเจลเย็น เพื่อบรรเทาอาการบวมช้ำได้
                • หลังฉีด Biostimulator หลีกเสี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง และป้องกันการติดเชื้อ

                คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Biostimulator

                รวมคำถามยอดฮิต เกี่ยวกับการฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน

                ผลข้างเคียงหลังฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน

                • หลังฉีด Biostimulator อาจเกิดรอยแดง บวมช้ำได้ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักหายไปเองภายใน 2 – 3 วัน
                • หลังฉีด Biostimulator อาจเกิดอาการคันเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด Biostimulator ซึ่งอาการคันที่เกิดขึ้น สามารถหายได้เอง
                • หลังฉีด Biostimulator อาจเกิดอาการปวดหรือเจ็บในบริเวณที่ฉีด Biostimulator ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยการประคบเย็น
                • หลังฉีด Biostimulator อาจเกิดรอยแดง รอยดำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ จางหายไปได้เอง

                 

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ปลอดภัยไหม?

                • การฉีด Biostimulator เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนที่มีความปลอดภัย มีหัตถการให้เลือกหลากหลาย เช่น Radiesse, Sculptra หรือ Ultracol ซึ่งแต่ละหัตถการ ก็ผ่านการรับรองจาก TH FDA หรือ อย.ไทย ทั้งสิ้น ดังนั้น Biostimulator จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกายของเรา แต่อย่างไรก็ตาม ควรฉีด Biostimulator กับแพทย์ผู้ชำนาญการ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เท่านั้น เนื่องจากการฉีด Biostimulator ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างผิวหน้า และเทคนิคในการฉีดที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด หากเลือกฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ คลินิกที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ เช่น เกิดการติดเชื้อ หรือผิวหนังอักเสบได้

                 

                Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?

                • การฉีดฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) เป็นหลัก ซึ่งจะเน้นการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้า ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู เรียบเนียน และดูมีมิติ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด โดยฟิลเลอร์ จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าไม่สมส่วน เช่น ขมับตอบ แก้มตอบ คางบุ๋ม หรือมีปัญหาร่องลึก เช่น ร่องแก้ม เบ้าตาลึก ทำให้ดูแก่กว่าวัย
                • ส่วน Biostimulator เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนจากภายใน ตามกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งมีหลากหลายประเภท ทั้ง CaHA, PLLA หรือ PDO โดยจะเน้นกระตุ้นคอลลาเจน เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงเป็นหลัก ทำให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึง และลดเลือนริ้วรอย สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่ง Biostimulator เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยแห่งวัย ผิวขาดความกระชับ ต้องการปรับปรุงโครงสร้างผิวให้แข็งแรง

                 

                ดังนั้น การฉีด Biostimulator หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าจับตามองอย่างมาก เนื่องจากสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย หรือขาดความชุ่มชื้น ซึ่งการฉีด Biostimulator มีให้เลือกหลากหลายหัตถการที่ได้รับความนิยมทั่วโลก อย่าง Sculptra, Radiesse หรือ Utracol โดยแต่ละหัตถการก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอยู่ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนตัดสินใจฉีด Biostimulator ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์และประเมินปัญหาผิวหน้าอย่างละเอียด พร้อมเลือกหัตถการที่เหมาะสมที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง 

                ฉีดหน้าใสอันตราย สุดท้ายติดเชื้อทั้งหน้า !!

                ฉีดหน้าใส

                สายฉีดหน้าระวัง! ฉีดหน้าใส สุดท้ายติดเชื้อทั้งหน้า

                ระทึกโซเชียล! กลายเป็นประเด็นร้อนแรง เมื่อมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนังท่านหนึ่ง ออกมาเตือนภัยสาว ๆ สายฉีดหน้าหลาย ๆ คน ให้ระวังอันตราย จากการเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีความน่าเชื่อถือ หลังพบผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ฉีดหน้าใสแล้วเกิดติดเชื้ออย่างรุนแรง มีอาการตุ่มแดง ๆ ขึ้นทั่วใบหน้า เนื่องจากยาที่ฉีดเป็นตัวยาที่ผลิตในประเทศไทย ขึ้นทะเบียนเป็นเครื่องสำอางชนิดทา แต่แพทย์กลับนำมาฉีดให้แก่ผู้รับบริการ ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงและอันตรายอย่างมาก โดยจากการตัดชิ้นเนื้อไปพิสูจน์แล้วพบว่า ผู้เสียหายบางรายเป็น Mycobacterium avium และผู้เสียหายบางรายก็เป็น Mycobacterium abcessus ซึ่งการติดเชื้อโรคนี้ ไม่สามารถหายเองได้ รักษาก็ไม่ง่าย ต้องใช้เวลาในการรับประทานยาอยู่หลายเดือน

                เหตุการณ์นี้ สร้างความฮือฮาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล โดยแพทย์ผู้ชำนาญการเน้นย้ำให้ผู้รับบริการทุกท่าน ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำหัตถการใด ๆ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันในลักษณะนี้อีก หากไม่มีการตรวจสอบก่อนการทำหัตถการให้ดี อาจโชคร้ายเหมือนเคสนี้ได้ นอกจากนี้ แพทย์ยังได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้ามาตรวจสอบและดำเนินการกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องสิทธิของผู้รับบริการ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ต้องการเข้ารับบริการคลินิกเสริมความงามอีกด้วย

                 

                ภัยร้าย! ฉีดหน้าใส แต่กลับติดเชื้อ หน้าพังทั้งหน้า

                 

                ฉีดหน้าใส คืออะไร?

                การฉีดหน้าใส คือ การฉีดวิตามินหรือสารสกัดที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนและโคเอนไซม์ ในการบำรุงผิวหน้า เข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) โดยตรง การฉีดหน้าใสจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น มีความชุ่มชื้น และดูกระจ่างใส นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ และรูขุมขนกว้างได้อีกด้วย

                 

                ผลิตภัณฑ์หน้าใส มีกี่รูปแบบ?

                ผลิตภัณฑ์หน้าใส สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

                • ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทา

                  ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทา เป็นเหมือนการทาครีมหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิวเข้มข้น เพื่อให้ผิวดูดซึมสารอาหาร ซึ่งจะซึมเข้าสู่ผิวไม่ลึกเท่ากับการฉีดหน้าใส และต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่มีผลข้างเคียงน้อยและมีราคาที่ประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับการฉีดหน้าใส เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

                • ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบฉีด

                  ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบฉีด เป็นการฉีดสารบำรุงผิวเข้มข้น เข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้โดยตรง ทำให้สารอาหารสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก เห็นผลได้เร็วกว่าผลิตภัณฑ์หน้าใสทา สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว ฝ้า กระ หรือรูขุมขน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

                 

                ฉีดหน้าใส อันตรายไหม?

                • การฉีดหน้าใส ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสารที่ใช้ฉีดหน้าใสส่วนใหญ่เป็นวิตามิน แร่ธาตุ และสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อผิวหนังของเรา เช่น วิตามินซี กรดไฮยาลูรอนิก และคอลลาเจน เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้ จะช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง ชุ่มชื้น และกระจ่างใสขึ้น ที่สำคัญควรฉีดหน้าใสกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ คลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ตัวยาแท้ เนื่องจากอันตรายที่พบจากการฉีดหน้าใสส่วนใหญ่ เกิดจากการฉีดหน้าใสของปลอม ที่มีการลักลอบขายในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน

                ฉีดเมโสหน้าใส

                ผลข้างเคียง! เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทาฉีดเข้าผิวหน้า

                การใช้ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทาฉีดเข้าสู่ผิวหน้านั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อผู้รับบริการอย่างร้ายแรง เนื่องจากผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทาและแบบฉีด มีส่วนผสมและวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน การนำมาใช้ผิดประเภท อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนี้

                • เกิดการติดเชื้อ เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทาที่ไม่ได้รับการฆ่าเชื้อมาฉีดเข้าสู่ผิว อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของแบคทีเรียหรือเชื้อโรค จนนำไปสู่การติดเชื้อได้
                • เกิดอาการแพ้ เนื่องจากสารเคมีในผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทา อาจก่อให้เกิดอาการแพ้รุนแรง เช่น ผื่นคัน บวม หรือมีตุ่มแดงได้
                • ผิวหนังอักเสบ เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทาฉีดเข้าผิวหน้า อาจทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง จนอักเสบเรื้อรังได้
                • เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์หน้าใสแบบทาฉีดเข้าผิวหน้า อาจไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น จนเกิดปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำได้
                • ผลข้างเคียงร้ายแรง ในกรณีที่รุนแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น หลอดเลือดอักเสบ เกิดแผลเป็น หรือแม้แต่การเกิดมะเร็งผิวหนัง

                 

                เลือกฉีดหน้าใส ต้อง รมย์รวินท์คลินิก

                ที่ รมย์รวินท์คลินิก เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นอันดับหนึ่ง เราจึงเลือกใช้ตัวยาที่ฉีดหน้าใสที่มีคุณภาพสูง ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และมีการสั่งซื้อตัวยาจากบริษัทที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ไปจนถึงการให้บริการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการอย่างเป็นมืออาชีพ ซึ่งก่อนทำการฉีดหน้าใส แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ทำให้มั่นใจในผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

                ดังนั้น สำหรับใครที่อยากหน้าใสแบบไม่ต้องเสี่ยง สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการของ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา เราพร้อมดูแลปัญหาผิวของคุณในทุก ๆ รูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ตอบโจทย์ทุกปัญหาของผิวหน้าแบบเฉพาะบุคคล รับรองว่า จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวอย่างแน่นอน

                 Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ด้วย 3 พลังความเย็น

                Color Ice คืออะไร

                Color Ice ผสาน 3 เทคโนโลยีความเย็นฟื้นฟูผิวแห้งเสีย

                • ปัญหาผิวหน้าแห้งเสียเป็นปัญหาที่หลายคนต้องพบเจอ โดยผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน และเกิดปัญหาริ้วรอยก่อนวัยได้  แต่ถ้าหากดูแลฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างถูกวิธี ก็จะสามารถฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และป้องกันปัญหาผิวต่าง ๆ ที่จะตามมาได้ วันนี้รมย์รวินท์จะพาไปรู้จักกับทรีตเมนต์ Color Ice ทรีตเมนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวแห้งเสียด้วยการผสาน 3 เทคโนโลยีไว้ด้วยกัน

                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                  Color Ice เผยผิวใหม่ฟื้นฟูผิวแห้งเสียคืออะไร ?

                  • Color Ice คือทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียโดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการบำรุงและปรับสภาพผิวให้กลับมาชุ่มชื้นแข็งแรง ด้วยการผสมผสาน 3 เทคโนโลยี ได้แก่ Mesotherapy, Cryotherapy, และ LED Phototherapy โดยทรีตเมนต์นี้ออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดการอักเสบ ลดสิว ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูผิวให้ดูกระจ่างใสอย่างมีประสิทธิภาพ

                  Color Ice ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

                  โปรแกรม Color Ice สามารถช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสียและปรับสภาพผิวในหลายด้าน โดยมุ่งเน้นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและแก้ไขปัญหาผิวที่หลากหลาย ดังนี้

                  • Color Ice ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ด้วยเทคโนโลยี Mesotherapy ใน Color Ice ที่ช่วยผลักวิตามิน และสารอาหารเข้าสู่ผิว จึงทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น แข็งแรงได้
                  • Color Ice ช่วยลดการอักเสบของผิว ด้วยความเย็นจาก Cryotherapy ใน Color Ice ช่วยลดการระคายเคือง และการอักเสบของผิว เช่น รอยแดงหรือบวมหลังการทำหัตถการ
                  • Color Ice ช่วยลดสิวและป้องกันสิวใหม่ โดยเฉพาะการควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ด้วยแสงสีฟ้า จาก LED Phototherapy ใน Color Ice ซึ่งช่วยลดการอักเสบและสิวอุดตัน
                  • Color Ice ช่วยลดเลือนริ้วรอย ด้วยแสงสีแดงที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและลดริ้วรอยที่เกิดจากวัย
                  • Color Ice ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส แสงสีเหลืองใน Color Ice ช่วยลดรอยหมองคล้ำและฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้า ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้น
                  • Color Ice ช่วยกระชับรูขุมขน ด้วยความเย็นจาก Cryotherapy ใน Color Ice จะช่วยในการกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและลดความมัน
                  • Color Ice ช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว ช่วยฟื้นฟูผิวที่มีรอยแผลเป็นหรือรอยดำจากสิว ให้กลับมาเรียบเนียนขึ้น

                  จุดเด่นของ Color Ice คือ

                  ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีที่หลากหลายของ Color Ice ในการแก้ไขปัญหาผิวอย่างล้ำลึกและช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย จึงทำให้ Color Ice  มีจุดเด่นในหลายอย่างที่ทำให้เป็นที่นิยม ที่ทำให้ทรีตเมนต์นี้โดดเด่น

                  • จุดเด่นของ Color Ice คือการผสมผสานเทคโนโลยี 3 อย่าง โปรแกรม Color Ice ใช้เทคโนโลยีถึง 3 อย่างในการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ได้แก่ Mesotherapy, Cryotherapy, และ LED Phototherapy โดย 3 เทคโนโลยีนี้ทำงานร่วมกันเพื่อบำรุงและฟื้นฟูผิวอย่างครอบคลุม รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาผิวหลายด้านภายในโปรแกรมเดียว
                  • จุดเด่นของ Color Ice คือการผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นผิว  ด้วยเทคโนโลยี Mesotherapy ใน Color Ice ทำให้สารบำรุงและวิตามินซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกกว่าการทาครีมทั่วไป ส่งผลให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
                  • จุดเด่นของ Color Ice คือเทคโนโลยีความเย็นที่ช่วยฟื้นฟูผิว ด้วยเทคโนโลยี Cryotherapy ใน Color Ice ใช้ความเย็นถึง -15°C เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดอาการอักเสบ บวมแดง และระคายเคือง ทำให้หลังจากการทำหัตถการอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
                  • จุดเด่นของ Color Ice คือการใช้แสง LED เพื่อบำบัดผิว การบำบัดผิวด้วยแสงสีเหลือง  แดง และฟ้า ใน Color Ice ช่วยแก้ปัญหาผิวในหลายมิติ เช่น ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจน ลดสิว และควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว
                  • จุดเด่นของ Color Ice คือผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทุกปัญหาผิว โปรแกรม Color Ice ไม่เพียงช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิว แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวแห้งเสีย หมองคล้ำ สิว รอยแดง ริ้วรอย และการอักเสบของผิวได้อีกด้วย
                  • จุดเด่นของ Color Ice คือเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โปรแกรม Color Ice นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสมก็สามารถทำโปรแกรม Color Ice ได้

                  Color Ice ทำงานยังไง ? 

                  โปรแกรม Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียทำงานผ่าน 3 เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้าด้วยกัน ได้แก่ Mesotherapy, Cryotherapy, และ LED Phototherapy ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีก็มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้

                  • เทคโนโลยี Mesotherapy ใน Color Ice
                    Mesotherapy ใน Color Ice เป็นเทคนิคที่ใช้ในการผลักสารบำรุงผิวลงไปในชั้นผิวหนัง โดยการทำให้เกิดช่องว่างเล็ก ๆ บนผิวชั้นบน ช่วยให้วิตามินและสารอาหารซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น โดยจะช่วยในการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ให้ความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำคือผิวจะมีความชุ่มชื้นสุขภาพดี

                  เทคโนโลยีของ Color Ice

                  เทคโนโลยี Cryotherapy ใน Color Ice 

                  Cryotherapy ใน Color Ice  ใช้ความเย็นถึง -15°C ในการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ซึ่งช่วยปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน และลดการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำ ด้วยความเย็นใน Cryotherapy ของ Color Ice นี้เอง ทำให้ผิวดีขึ้น ช่วยลดบวมแดงและการระคายเคือง โดยยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับมากยิ่งขึ้น

                  เทคโนโลยีแสงบำบัด  LED Phototherapy ใน Color Ice 

                  LED Phototherapy ใน Color Ice เป็นเทคนิคการบำบัดด้วยแสงที่ใช้ประโยชน์จากความเข้มข้นของแสงในแต่ละสีเพื่อตอบสนองต่อปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดยใช้แสง 3 สีหลักที่มีคุณสมบัติที่ต่างกันในการแก้ไขปัญหาผิว  ได้แก่

                  1. แสงสีเหลืองใน LED Phototherapy ของ Color Ice

                  • แสงสีเหลืองใน LED Phototherapy ของ Color Ice มีความสามารถในการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีการอักเสบ ช่วยลดอาการบวมและการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงแสงสีเหลืองยังช่วยในการลดรอยหมองคล้ำ โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหา เช่น รอยดำใต้ตา และช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสยิ่งขึ้น

                  2.แสงสีแดงใน LED Phototherapy ของ Color Ice

                  • แสงสีแดงช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว ซึ่งเป็นสารสำคัญสำหรับการรักษาความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนของผิว โดยการกระตุ้นจากแสงสีแดงใน LED Phototherapy ของ Color Ice จะทำให้ผิวกลับมาดูเรียบเนียนและเต็มอิ่ม รวมถึงสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการเสื่อมสภาพตามวัย ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์หลังการทำโปรแกรม Color Ice  ได้อีกด้วย

                  เทคโนโลยีของ Color Ice

                  3.แสงสีฟ้าใน LED Phototherapy ของ Color Ice

                  • แสงสีฟ้าใน LED Phototherapy ของ Color Ice มีคุณสมบัติในการควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว โดยเฉพาะแบคทีเรียที่ชื่อ Propionibacterium acnes ที่ก่อให้เกิดสิว โดยแสงสีฟ้าช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวหายเร็วขึ้นและลดความรุนแรงของการเกิดสิวใหม่

                  อีกทั้งการบำบัดด้วยแสงสีฟ้าใน LED Phototherapy ของ Color Ice ยังช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดี ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวในอนาคตได้

                  Color Ice เหมาะกับใคร ?

                  • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และปรับสภาพผิวให้กลับมาสดใสแแข็งแรง นอกจากนั้น Color Ice ยังสามารถตอบโจทย์คนได้หลายกลุ่ม
                  • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งเสีย เนื่องจาก Color Ice สามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นและบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวที่แห้งกลับมาชุ่มชื้นและดูสุขภาพดี
                  • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและผิวอักเสบ แสงสีฟ้าใน LED Phototherapy ช่วยควบคุมแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบและสิวอุดตัน
                  • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยหรือผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพ แสงสีแดงใน Color Ice ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวเรียบเนียน อ่อนเยาว์
                  • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแห้งเสียอย่างเร่งด่วน Color Ice ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสียที่อ่อนแอจากการโดนแดด มลภาวะ หรือความเครียด ให้ผิวดีขึ้นได้ในระยะเวลาไม่นาน
                  • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ แสงสีเหลืองใน LED Phototherapy ช่วยลดรอยหมองคล้ำและปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น
                  • Color Ice จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดสิว ลดริ้วรอย ปรับผิวให้กระจ่างใส หรือเติมความชุ่มชื้น

                  Color Ice  ไม่เหมาะกับใคร ?

                  Color Ice อาจไม่เหมาะกับบางกลุ่มคน เนื่องจากลักษณะเฉพาะของทรีตเมนต์ที่ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงผลของการใช้ความเย็นและการกระตุ้นด้วยแสง LED ดังนั้นกลุ่มคนต่อไปนี้อาจไม่เหมาะสมที่จะเข้ารับการทำ Color Ice

                  • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด เนื่องจากความเย็นของ Cryotherapy ใน Color Ice อาจส่งผลให้เส้นเลือดหดตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดฝอยแตก หรือโรคเกี่ยวกับการไหลเวียนเลือดควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อน
                  • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แม้ว่าจะไม่มีผลโดยตรงต่อทารก แต่การทำทรีตเมนต์ที่มีการใช้แสง LED หรือการฉีดสารบำรุงต่าง ๆ เช่น Mesotherapy ซึ่ง Color Ice อาจไม่ปลอดภัยในช่วงนี้ ดังนั้นผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อน
                  • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังรุนแรง ผู้ที่มีปัญหาโรคผิวหนังเรื้อรังหรือรุนแรง เช่น โรคสะเก็ดเงิน, กลาก, หรือโรคผิวหนังอื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงการทำ Color Ice เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองขึ้นได้
                  • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติการแพ้แสง (Photosensitivity)  LED Phototherapy  ใน Color Ice ใช้แสงในการบำบัด ดังนั้นผู้ที่มีความไวต่อแสงหรือมีประวัติการแพ้แสงอาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้หรือการระคายเคืองได้
                  • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อหรือบาดแผลเปิด Color Ice ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีบาดแผลเปิด การติดเชื้อผิวหนัง หรืออาการระคายเคืองที่ยังไม่ได้รับการรักษา ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อนเข้ารับบริการ Color Ice เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสภาพผิวและสุขภาพของแต่ละบุคคล

                  Color Ice อันตรายหรือไม่ ?

                  Color Ice เป็นทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียที่มีความปลอดภัยเนื่องจากทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการ์ณ และเทคโนโลยีที่ใช้ในโปรแกรมนี้ออกแบบมาให้มีความอ่อนโยนต่อผิวพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีความเย็นในการลดการระคายเคืองอีกด้วย

                  Color Ice มีผลข้างเคียงไหม ?

                  ถึงแม้ Color Ice จะเป็นทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียที่มีความปลอดภัย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยได้ในบางกรณี ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น คือ

                  • หลังการทำ Color Ice ทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียอาจมีรอยแดงหรือบวมได้
                    หลังการทำ Color Ice อาจเกิดมีรอยแดงหรือบวมขึ้นได้ทันทีหลังการทำ แต่โดยปกติแล้วจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง
                  • หลังการทำ Color Ice ทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียอาจมีอาการคันหรือระคายเคืองได้
                    ในผิวของบางคนอาจรู้สึกระคายเคือง หรือคันได้เล็กน้อยหลังการทำ Color Ice  โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้เข้ารับรักษามีผิวบอบบาง
                  • หลังการทำ Color Ice ทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียอาจมีผิวแห้งหรือลอก
                    ในบางคนอาจมีอาการผิวแห้งหรือผิวลอกเล็กน้อยได้ หลังการทำ Color Ice ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์

                  โดยผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นชั่วคราวและไม่รุนแรง แต่ถ้าหากมีอาการที่ผิดปกติ หรือหายช้าหลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม

                  Color Ice เจ็บไหม ?

                  Color Ice เป็นทรีตเมนต์ที่ใช้เทคโนโลยีความเย็นเพื่อช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดเลือนริ้วรอย และแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วยการปล่อยคลื่นแสงเพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยที่ตัวเครื่องจะทำงานร่วมกับความเย็นเพื่อลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการรักษา

                  แต่โดยทั่วไปแล้วความรู้สึกตอนทำ Color Ice มักขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกเจ็บมาก  เพราะมีการใช้ความเย็นเข้ามาช่วยบรรเทาอาการ แต่คุณอาจรู้สึกแค่ความร้อนอุ่นๆ หรืออาการคันเล็กน้อยในระหว่างทรีตเมนต์เท่านั้น

                  Color Ice เห็นผลลัพธ์ตอนไหน ?

                  ผลลัพธ์จากการทำ Color Ice มักจะเริ่มเห็นได้ภายใน 2-4 สัปดาห์หลังจากการทำทรีตเมนต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและการตอบสนองของแต่ละคน โดยคุณจะเริ่มสังเกตเห็นจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิวที่ค่อย ๆ จางลง สีผิวจะดูสม่ำเสมอและดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น

                  Color Ice ต้องทำกี่ครั้ง ?

                  การทำ Color Ice มักจะต้องทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข เช่น จุดด่างดำ ฝ้า กระ หรือรอยสิว สำหรับบางคนที่มีปัญหาผิวที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องทำต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น  โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ดังนั้นก่อนเริ่มทำ Color Ice ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทราบถึงปัญหาผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมก่อนเริ่มทำ

                  การเตรียมตัวก่อนทำ Color Ice

                  วิธีการเตรียมตัวก่อนทำ Color Ice 

                  ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้การทำ Color Ice มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ดังนั้นก่อนทำ Color Ice ควรเตรียมตัวก่อนทำ ดังนี้

                  • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดจัด
                    ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียประมาณ 1-2 สัปดาห์  ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อป้องกันผิวไหม้หรือเกิดอาการระคายเคืองในระหว่างการรักษา
                  • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
                    ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, เรตินอยด์ หรือสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ก่อนทำเพื่อป้องกันผิวบางและอาการระคายเคือง
                  • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรงดการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์
                    หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์อื่น ๆ ที่มีความรุนแรงกับผิว เช่น การกรอผิว การลอกผิว ก่อนการทำ ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย
                  • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรพักผิวให้แข็งแรง
                    ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียผู้เข้ารับการรักษาควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและแข็งแรง เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเกินไประหว่างการทำ
                  • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรแจ้งประวัติการรักษากับแพทย์
                    หากผู้เข้ารับการรักษามีปัญหาผิวแพ้ง่าย หรือเคยมีการรักษาผิวหน้ามาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทราบก่อนการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียเพื่อให้แพทย์สามารถประเมินและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมได้

                  การเตรียมตัวเหล่านี้จะช่วยให้การทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียได้ดีขึ้นรวมทั้งช่วยทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผิวหลังการทำได้

                  วิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Color Ice 

                  หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียแล้วนั้นการดูแลผิวอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหลังทำ Color Ice ควรดูแลตัวเอง ดังนี้

                  • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
                    ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง (50 ขึ้นไป) ทุกวันเพื่อป้องกันรังสียูวีทำลายผิวและทำให้จุดด่างดำกลับมา
                  • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น หลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารให้ความชุ่มชื้นหรือครีมบำรุงผิวที่อ่อนโยน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
                  • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด
                    หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียในช่วง 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคือง เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจทำให้ผิวระคายเคืองและแห้งมากขึ้นในช่วงที่ผิวกำลังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟู
                  • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรหลีกเลี่ยงการขัดหรือถูผิวแรงๆหลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรล้างหน้าอย่างเบามือ และหลีกเลี่ยงการขัดถูผิว เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เนื่องจากผิวอาจไวต่อการสัมผัสมากขึ้นในช่วงเวลาฟื้นตัว การถูหรือขัดผิวแรง ๆ อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ระคายเคืองได้
                  • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรดื่มน้ำมากๆ หลังการทำ Color Ice เพื่อฟื้นฟูผิวแห้งเสียแล้วนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นจากภายใน เพราะน้ำมีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นในผิว เมื่อผิวได้รับการฟื้นฟูจากภายนอกด้วยทรีตเมนต์ การดูแลจากภายในด้วยการดื่มน้ำจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษา ทำให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและเร็วขึ้น

                  การดูแลตัวเองหลังการทำ Color IceColor Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรดูแลตัวเองให้ดีตามคำแนะนำเหล่านี้ เนื่องจากจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น และคงผลลัพธ์ที่ดีหลังการทำทรีตเมนต์

                  สรุป Color Ice เป็นทรีตเมนต์ที่ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีความเย็นร่วมกับการผสาน 3 เทคโนโลยี ได้แก่ Mesotherapy, Cryotherapy, และ LED Phototherapy เพื่อฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และผลลัพธ์ที่ได้หลังการทำ Color Ice คือเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและสดใส นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

                  ฉีดฟิลเลอร์ขมับ แก้ปัญหาขมับตอบ ขมับเว้า

                  ฟิลเลอร์ขมับ

                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                    วันที่สะดวกในการติดต่อ









                    ปัญหาขมับ ทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน เป็นปัญหาที่ใครหลายคนมองข้าม เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นบริเวณขมับจะเริ่มตอบและยุบลง ส่งผลทำให้โหนกแก้มดูสูงขึ้น ใบหน้าโทรม และทำให้ดูมีอายุ การแก้ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ขมับเว้า คือการฉีดฟิลเลอร์ขมับ การฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นการทำหัตถการที่ช่วยเติมช่วงบริเวณขมับให้เต็มขึ้น เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ช่วยให้ใบหน้าดูเด็กและสดใสขึ้น

                    ใครที่กำลังมีปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ขมับเว้า รมย์รวินท์คลินิกได้รวบรวมข้อมูลสำคัญของฟิลเลอร์ขมับหรือการฉีดขมับทั้งหมดแล้วที่บทความนี้

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ แก้ปัญหาขมับตอบ ขมับเว้า เพิ่มความสมส่วน 

                    ฟิลเลอร์ขมับ

                    ฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ คืออะไร?

                    ฟิลเลอร์ขมับ หรือ การฉีดขมับ คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) มีจุดเด่นในด้านการอุ้มน้ำได้ดี ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันริ้วรอย และช่วยในการเติมเต็มปรับโครงสร้างของใบหน้าให้ดียิ่งขึ้น

                    ปัญหาขมับลึก ขมับตอบ ขมับเว้า เกิดจากอะไร?

                    ปัญหาขมับตอบ ขมับเว้า ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีอายุ โหนกแก้มเด่นขึ้น รูปหน้าไม่สมส่วน โดยสาเหตุปัญหาขมับตอบ ขมับลึก เกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้

                    • อายุที่เพิ่มมากขึ้น บริเวณกระดูก เนื้อเยื่อ และชั้นไขมัน มีการเปลี่ยนแปลงจนทำให้เกิดรอยบุ๋มยุบลงไปบริเวณขมับ
                    • กะโหลกศีรษะจะมีโครงสร้างความหนา บาง ไม่เท่ากัน โดยบริเวณขมับ หน้าผาก และแก้ม  ทั้งนี้กล้ามเนื้อของขมับจะบางมากกว่าบริเวณอื่นๆ  ในส่วนของขมับที่ยุบ หรือเกิดเป็นแอ่งลึกนั้น เกิดจากการที่กล้ามเนื้อด้านในมีความฝ่อ หรือเกิดการยุบลงกว่ามากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดเป็นปัญหาขมับตอบ ขมับลึก

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ  เติมเต็มขมับ ช่วยอะไร?

                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยเติมเต็มขมับที่ยุบ ขมับลึกเป็นแอ่ง ให้เต็มขึ้น
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยลดโหนกแก้มสูงที่โดดเด่น จากสาเหตุของขมับที่ยุบตัวลง
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยปรับรูปหน้าโดยรวมให้ได้สัดส่วนที่สวยงามขึ้น
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้ใบหน้า เพิ่มความมั่นใจมากขึ้น
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับช่วยทำให้ใบหน้าดูละมุน หน้าเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บริเวณขมับเต่งตึงขึ้น  ริ้วรอยหางตาดูจางลง

                    ฟิลเลอร์ขมับ

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ  เติมเต็มขมับ มีข้อดีอย่างไร?

                    ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย เมื่อฉีดขมับกับแพทย์ที่มีความชำนาญการเฉพาะด้าน มีความรู้เรื่องของสรีระใบหน้า ใช้ฟิลเลอร์แท้และเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะกับบริเวณผิวที่ต้องการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ขมับอื่น ๆ ดังนี้

                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ เป็นการแก้ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ขมับลึก 
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยเติมเต็มผิวให้ตื้นขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ แก้ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากัน ให้ใบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ลดโหนกแก้ม ช่วยให้ใบหน้าดูหวานละมุน ไม่โทรมและดูมีอายุ
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ทำให้ใบหน้าดูสดใสและใบหน้าดูเด็กลง

                    ส่วนข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ คือ ผลลัพธ์ฉีดขมับที่ไม่ถาวรแต่สามารถฉีดเพื่อคงสภาพของผลลัพธ์ที่ดีได้ในทุก ๆ 6-12 เดือน

                    ฟิลเลอร์ขมับ

                    ฟิลเลอร์ขมับเติมเต็มขมับ เลือกใช้ยี่ห้อไหนดี?

                    การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ ต้องเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดบริเวณขมับชั้นลึก ที่มีลักษณะเนื้อฟิลเลอร์ที่ฟูและทนต่อแรงขยับได้ดี ยี่ห้อที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ มีดังนี้

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับยี่ห้อ Restylane

                    ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน ผลิตโดยเทคโนโลยี NASHA Technology และ OBT Technology รุ่นที่แนะนำของฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ขมับชั้นลึก คือ

                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับยี่ห้อ Restylane Volyme ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มปานกลาง ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มชั้นผิวบริเวณที่ลึกหรือตอบลง เพื่อเติมเต็มให้ใบหน้ามีความสมส่วนขึ้น เช่น ฉีดขมับตอบ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ยี่ห้อ Juvederm

                    ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ผลิตโดยเทคโนโลยี VYCROSS Technology และ HYLACROSS Technolygy รุ่นที่แนะนำของยี่ห้อฟิลเลอร์ Juvederm ที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ขมับชั้นลึกมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน คือ

                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับยี่ห้อ Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์เนื้อแน่นที่มีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณร่องลึกต่าง ๆ  เช่น ฉีดขมับ แก้มตอบ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับยี่ห้อ Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เนื้อฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก เช่น ฉีดขมับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แก้มตอบ ปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับยี่ห้อ Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความคงตัวสูง ทนต่อแรงขยับได้ดี เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาฉีดขมับตอบ ขมับยุบ  ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

                    ฟิลเลอร์ขมับ

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ เหมาะกับใคร?

                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ เหมาะกับผู้ที่มีขมับตอบ ขมับลึก ขมับเว้า เป็นแอ่งจากโครงสร้างของกะโหลกหรือกล้ามเนื้อบริเวณขมับเล็ก
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาขมับยุบตัวลงและโหนกแก้มสูง จากการยุบตัวของแก้ม เช่น การจัดฟัน การลดน้ำหนัก
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ เหมาะกับผู้ที่มีขมับสองข้างไม่เท่ากัน และต้องการปรับรูปหน้าให้มีความสมดุล ช่วยให้ใบหน้าเต็มมากขึ้น
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ เหมาะกับผู้ที่อายุเพิ่มมากขึ้น ขมับยุบ หรือโหนกแก้มสูงจากการทรุดตัวของผิวหนัง ไขมัน และกระดูก
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง โดยอาจต้องทำการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากควบคู่กันเพื่อให้ขมับและหน้าผากสวยเข้ารูปมากที่สุด

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ไม่เหมาะกับใคร?

                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้ฟิลเลอร์
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ยาชา
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเป็นแผลคีลอยด์ง่าย
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเริม หรืองูสวัด ต้องรักษาให้หายก่อนทำหัตถการ
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด ฟกช้ำง่าย

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ  เติมเต็มขมับ แก้ปัญหาโหงวเฮ้งขมับ อย่างไร?

                    โหงวเฮ้งหางตา-ขมับ

                    ตามตำราโหงวเฮ้งของจีนบริเวณตำแหน่งหางตาไปจนสุดโคนผม หรือ ขมับ เป็นโหงวเฮ้งที่เกี่ยวกับชีวิตคู่ โดยโหงวเฮ้งขมับที่มีลักษณะเด่นและลักษณะด้อย มีดังนี้

                    • ลักษณะเด่น : ขมับเติมเต็ม รับกับบริเวณแนวของไรผม หน้าผาก และบริเวณรอยหางตามีริ้วรอยไม่มาก ยิ้มเป็นธรรมชาติแบบไร้ตำหนิ ลักษณะโหงวเฮ้งขมับนี้จะมีชีวิตคู่สมบูรณ์
                    • ลักษณะด้อย : หางตามีริ้วรอยจำนวนมาก มีโหนกแก้มเด่นชัด และมีกระดูกโปน โหงวเฮ้งลักษณะนี้มักจะมีความอาภัพ ชีวิตคู่มักพบเจอแต่ปัญหา

                    โหงวเฮ้งขมับ

                    แบ่งได้ 3 ระดับด้วยกัน ดังนี้

                    • หน้าผากและขมับยุบลึก : เป็นลักษณะที่ต้องพึ่งพาตนเอง ทำงานเลี้ยงตนเองเป็นส่วนใหญ่
                    • หน้าผากกว้าง ขมับยุบเข้าไปเล็กน้อย : คู่ครองเอาใจใส่ในระดับปานกลาง ฐานะปานกลาง
                    • หน้าผากเต็ม อิ่มเอิบ ขมับเต็ม หน้ากลม : ลักษณะนี้โหงวเฮ้งดีมาก ชีวิตคู่อยู่อย่างสุขสบาย

                    สำหรับใครที่อยากเสริมโหงวเฮ้งขมับเพื่อเพิ่มความมั่นใจ และปรับรูปหน้าให้สมส่วนมากขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ vs เติมไขมันขมับ

                    ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ขมับลึกเป็นแอ่ง การฉีดฟิลเลอร์ขมับกับการเติมไขมันขมับ มีความแตกต่างกัน ดังนี้

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือ การฉีดเติมเต็มขมับ เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) มีความปลอดภัย สามารถใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ชิดกระดูก เพื่อช่วยเติมเต็มบริเวณขมับ ทำให้ผิวเรียบเนียนเสมอกันอย่างเป็นธรรมชาติ โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับสามารถเห็นผลลัพธ์ทันที  ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ขมับนั้นเมื่อฟิลเลอร์สลายหมด ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ หากต้องการรักษาผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
                    • การเติมไขมันขมับ เป็นการดูดไขมันตัวเองจากบริเวณอื่นมาเพื่อเติมเต็มบริเวณขมับ ลดโอกาสการเสี่ยงอาการแพ้ มีรอยแผลในตำแหน่งที่มีการดูดไขมันเพื่อนำมาฉีด ผลลัพธ์อยู่ได้นานแต่ส่วนมากจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีตั้งแต่เติมไขมันขมับในครั้งแรก ต้องทำซ้ำหลายครั้ง  อีกทั้งในกรณีที่กระดูกทรุดตัวลง จะไม่สามารถเติมเต็มด้วยไขมันได้ แต่แก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ขมับเท่านั้น

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ vs ผ่าตัดเสริมขมับ

                    การฉีดฟิลเลอร์ขมับกับการผ่าตัดเสริมขมับ มีความแตกต่างกัน ดังนี้

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ เป็นวิธีการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด เข้าไปสู่บริเวณขมับที่เป็นแอ่งลึกลงไปด้วยฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัยได้รับมาตรฐานการรับรองจากอย.ไทยและ U.S.FDA สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังทำทันที ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ผลลัพธ์อยู่ได้นานตั้งแต่ 8-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ซึ่งฟิลเลอร์แท้จะสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติและไม่ทิ้งสารตกค้างภายในร่างกาย และสามารถฉีดฟิลเลอร์ขมับซ้ำได้เพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
                    • การผ่าตัดเสริมขมับ เป็นวิธีการผ่าตัดด้วยการเสริมซิลิโคนบริเวณขมับ ซึ่งซิลิโคนมีหลากหลายเกรด มีหลายรูปแบบ เช่น ซิลิโคนสำเร็จรูป ซิลิโคนสั่งทำแบบพิเศษ ต้องเลือกที่มีความปลอดภัย ผ่านมาตรฐาน FDA ก่อนผ่าตัดจะมีการดมยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ มีการเปิดแผลยาว 2-3 เซนติเมตรเพื่อใส่ซิลิโคน และมีรอยแผลบริเวณไรผม 1-2 เซนติเมตร ใช้ระยะเวลาพักฟื้น 3-7 วัน ผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร หากต้องการแก้ไขหรือเอาซิลิโคนออกต้องผ่าตัดเท่านั้น

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ  เติมเต็มขมับ ดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดอย่างไร?

                    การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ

                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ หลีกเลี่ยงยาแก้ปวด วิตามินและอาหารเสริมที่มีฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนโลหิต เช่น วิตามินอี วิตามินซี 2 สัปดาห์
                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ สำหรับผู้ที่ป่วยมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดขมับ
                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ งดการแว็กซ์บริเวณที่ต้องการฉีดขมับ
                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมง
                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรศึกษาข้อมูลก่อนฉีดขมับ
                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานการรับรอง เพื่อความปลอดภัยของการฉีดขมับ

                    ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

                    • ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อประเมินปัญหาผิวและสภาพผิวก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ
                    • แพทย์จะแนะนำยี่ห้อฉีดฟิลเลอร์ขมับ และปริมาณ CC ที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
                    • เริ่มทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อฆ่าเชื้อโรคบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับจะมีการแปะยาชาบริเวณขมับ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บจากเข็ม
                    • หลังจากฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะเห็นผลลัพธ์ทันที และประคบเย็นบริเวณที่ฉีดทุก ๆ 1 ชั่วโมงเพื่อลดอาการบวม

                    ฟิลเลอร์ขมับ

                    การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ

                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรประคบเย็นประมาณ 10 นาทีทุก ๆ ชั่วโมง ในวันที่เข้ารับบริการฉีดขมับ
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสในบริเวณที่ฉีด เนื่องจากอาจพบอาการเขียวช้ำหรือมีอาการบวม รอยแดง และจะหายได้เองหลังจากฉีดขมับประมาณ 2-3 วัน
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ หลีกเลี่ยงการขยับผิวบริเวณที่ฉีดขมับในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวจนผิดตำแหน่งได้
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนต่าง ๆ เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายกลางแจ้ง เป็นต้น อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีดขมับ
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ผู้เข้ารับบริการควรงดแต่งหน้า และงดทาครีม หรือ เซรั่มที่มีส่วนประกอบของ AHA หรือสารที่ส่งผลให้ผิวเกิดอันตราย กับผิว ภายใน 24 ชั่วโมงหลังฉีดขมับ
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยทำให้ฟิลเลอร์คงสภาพได้ดียิ่งขึ้น
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ  หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์บริเวณที่ทำประมาณ 1 เดือน
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ไม่ควรนอนตะแคงเพื่อป้องกันการกดทับใบหน้าในช่วง 2-3 คืนแรกหลังฉีดขมับ
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ หลีกเลี่ยงการแกะ เกา นวด บริเวณที่ฉีดขมับ เพื่อให้ฟิลเลอร์มีการเซตตัว

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ มีผลข้างเคียงอย่างไร?

                    ฟิลเลอร์ขมับ หรือฉีดขมับ เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีความปลอดภัยสูง เสี่ยงต่ออาการแพ้น้อยมาก จำเป็นต้องฉีดขมับกับแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น โดยผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ขมับที่ได้พบได้ทั่วไป มีดังนี้

                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ อาจมีอาการบวมบริเวณฟิลเลอร์ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ แต่จะค่อย ๆ กลืนกับผิวและเรียบเนียนปกติได้ในภายหลัง
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ อาจมีอาการบวม รอยแดง รอยช้ำ จากรอยเข็ม และจะหายได้เองภายใน 7-14 วันหลังฉีดขมับ
                    • อาจเกิดอาการแพ้ยาชาจากการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ
                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ แล้วเป็นก้อน เกิดจากการที่แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง หรือเลือกใช้เนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดขมับ

                    กรณีฉีดเติมเต็มขมับกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ขมับ มีดังนี้

                    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับ แล้วฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด เป็นผลข้างเคียงที่มีความอันตราย จำเป็นต้องฉีดสลายฟิลเลอร์ทันที
                    • ฟิลเลอร์ขมับไหลไปสู่บริเวณที่ไม่ต้องการ ทำให้ผลลัพธ์ไม่ตรงตามที่ต้องการและไม่สวยงาม
                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ อาจจะเกิดอาการปวดหัวได้ เนื่องจากบริเวณขมับนั้นเป็นจุดรวมเส้นประสาท ซึ่งอาการปวดหัวจะสามารถหายไปเองภายใน 1-2 วัน หากมีอาการปวดมาก สามารถรับประทานยาบรรเทาอาการปวดได้

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ  เติมเต็มขมับกับ คำถามพบบ่อย

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับเติมเต็มขมับ ใช้กี่ cc?

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ โดยปกติจะใช้ปริมาณของฟิลเลอร์ข้างละ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับความลึกของปัญหาขมับตอบ ขมับลึก ขมับยุบ โดยแพทย์จะประเมินและให้คำแนะนำที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับเติมเต็มขมับ เจ็บไหม?

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ  จะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น โดยก่อนฉีดขมับจะมีการแปะยาชา และในเนื้อฟิลเลอร์มียาชาเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นอาจจะมีความรู้สึกในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพราะขมับเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึก

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับเติมเต็มขมับ บวมกี่วัน กี่วันถึงจะเข้าที่?

                    • อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังฉีดขมับ และจะค่อย ๆ หายได้เอง ใน 2-3 วัน ส่วนผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีดขมับ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ใบหน้าเริ่มเข้าที่ ภายใน 2 สัปดาห์ 

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับเติมเต็มขมับ นอนตะแคงได้ไหม?

                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือฉีดขมับ  ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แนะนำให้นอนหงายเพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณขมับ เช่น การกด การนวด การทับ

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ อันตรายไหม?

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับกับแพทย์ที่มีความชำนาญการ ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง และใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐานการรับรอง ทำให้อันตรายของการฉีดฟิลเลอร์ขมับพบได้น้อยมาก ซึ่งอันตายจากการฉีดฟิลเลอร์ขมับส่วนมากมาจากการฉีดขมับกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความชำนาญการ หรือฉีดขมับกับหมอกระเป๋า เพราะบริเวณขมับเป็นจุดที่มีเส้นเลือดสำคัญที่เชื่อมโยงไปยังลูกตา ซึ่งหากมีการฉีดขมับที่ผิดพลาดเข้าเส้นเลือด อาจเกิดการตาบอดและเนื้อตายได้ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ขมับกับแพทย์ที่ชำนาญการ มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ ใช้ฟิลเลอร์แท้ในการฉีด จะมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ อยู่ได้นานแค่ไหน?

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ ซึ่งบริเวณที่ฉีดขมับจะดูเติมเต็มขึ้น โหนกแก้มเล็กลง ใบหน้าเด็กและสวยเข้ารูปมากขึ้น ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ รุ่นของฟิลเลอร์ ที่เลือกใช้ โดยทั่วไปฟิลเลอร์ขมับผลลัพธ์จะอยู่ที่ 8-24 เดือน หลังจากฟิลเลอร์ขมับสลาย สามารถฉีดเติมเต็มเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่เสมอ นอกจากนี้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองในแต่ละบุคคลอีกด้วย

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับเติมเต็มขมับ แล้วปวดหัว เกิดจากอะไร?

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ แล้วมีอาการปวดหัวหลังทำ สาเหตุมาจากการที่เนื้อฟิลเลอร์ถูกฉีดแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณขมับ และมีอาการบวมเข็ม ทำให้สามารถปวดหัวได้ และอาการจะค่อย ๆ หายได้เอง สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังฉีดขมับได้

                    หยุดฉีดฟิลเลอร์ขมับเติมเต็มขมับ ขมับจะตอบกว่าเดิมไหม?

                    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์ที่เคยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังจะเริ่มสลายลง เนื่องจากฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ดังนั้นการฉีดขมับที่เติมเต็มจะเริ่มยุบตัวลง แต่จะไม่สามารถทำให้ขมับตอบมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยยกหางตาได้ไหม?

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ สามารถช่วยยกหางตาที่ใกล้กับบริเวณที่ฉีดขมับได้ โดยฟิลเลอร์ขมับจะช่วยทำให้ผิวหนังบริเวณขมับมีความกระชับเต่งตึงขึ้น รวมไปถึงช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหางตา เพราะฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยยกหางตาได้

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ เติมเต็มขมับ ช่วยยกโหนกแก้มสูงได้ไหม?

                    • ปัญหาโหนมแก้มสูง กระดูกโปน เกิดจากการทรุดตัวของผิว ไขมัน และกระดูก สาเหตุจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งอายุที่มากขึ้นยิ่งเห็นได้ชัดเจน การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถช่วยลดโหนกแก้มให้ดูเล็กลงได้ เมื่อฉีดขมับเติมบริเวณที่เป็นแอ่งหรือขมับยุบเว้าลงไป ขมับจะดูเต็มมากขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมส่มส่วน เรียบเนียนเสมอกัน ในกรณีที่มีปัญหาโหนกแก้มสูงและแก้มตอบ สามารถฉีดฟิลเลอร์ขมับคู่กับฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ จะช่วยแก้ปัญหาโหนกแก้มสูงได้เป็นอย่างดี

                    ฉีดฟิลเลอร์ขมับ กับ ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ฉีดจุดไหนแก้ขมับตอบได้ดีกว่ากัน?

                    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ เปรียบเทียบกับ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ไม่เหมือนกัน การฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นการแก้ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ขมับลึก ขมับเว้าเป็นแอ่ง ส่วนการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการเติมหน้าผากให้ดูเต็มมากขึ้น เพื่อให้รับกับรูปหน้าส่วนอื่น ๆ สำหรับคนที่มีปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ขมับลึก การฉีดฟิลเลอร์ขมับจึงสามารถแก้ปัญหาได้อย่างดีและตรงจุดมากที่สุด

                    การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดขมับ จะช่วยแก้ไขปัญหาของคนที่มีขมับตอบ ขมับลึก ขมับยุบ ขมับเว้าเป็นแอ่ง หรือคนที่มีโหนกแก้มสูง เพื่อให้ใบหน้ามีความสมส่วนและรับกับใบหน้ามากขึ้น อีกทั้งการฉีดฟิลเลอร์ขมับสามารถช่วยปรับโหงวเฮ้งใบหน้า ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสวยงามได้อีกด้วย 

                    ทั้งนี้การเลือกฉีดฟิลเลอร์ขมับควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและปลอดภัย มีแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะ รวมไปถึงการเลือกใช้ฟิลเลอร์ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ในการฉีดขมับเท่านั้น ฟิลเลอร์นั้นมีหลากหลายยี่ห้อและหลากหลายรุ่น ควรเลือกยี่ห้อและรุ่นที่เหมาะสมกับการฉีดขมับ เพื่อผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ที่สุด

                    Romrawin X MERZ AESTHETICS EXPO พาผู้โชคดีบุกงาน Meet & Greet ฟินสุดขีด กับเหล่านักแสดงดวงใจเทวพรหม

                    นักแสดงดวงใจเทวพรหม

                    Romrawin X MERZ AESTHETICS EXPO พาผู้โชคดีบุกงาน Meet & Greet ฟินสุดขีด กับเหล่านักแสดงดวงใจเทวพรหม

                     

                    เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รมย์รวินท์คลินิก ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานอีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้น ณ แฟชั่นแกลเลอรี่ ชั้น 1 สยามพารากอน กับงาน ‘Merz Aesthetics Expo: The Showcase of Confidence for All’ ตั้งแต่วันที่ 26 -27 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา พาผู้โชคดีจากกิจกรรมซื้อโปรแกรมฉีด Belotero Filler ทั้ง 6 ท่าน ร่วมงาน Meet & Greet สุดฟินจิ้นไม่ไหว พร้อมร่วม workshop สุดประทับใจกับเหล่าพระเอกและนางเอกสุดฮอต จากละครดวงใจเทวพรหม

                    นักแสดงดวงใจเทวพรหม นักแสดงดวงใจเทวพรหม

                    โดยงาน Merz Aesthetics Expo: The Showcase of Confidence for All เป็นงานบิวตี้เอ็กซ์โปที่พลิกวงการนวัตกรรมเสริมความงามยิ่งใหญ่จัดเต็มตลอด 5 วัน (23-27 ตุลาคม 2567) เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษกับผู้บริโภค รวมไปถึงคลินิกพาร์ตเนอร์ ให้ได้ทำความรู้จักกับ Merz Aesthetics ประเทศไทย ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมความงาม ที่พร้อมผลักดันทุกความมั่นใจให้กับคนทั่วโลก

                    นักแสดงดวงใจเทวพรหม นักแสดงดวงใจเทวพรหม

                    ไฮไลต์ของงาน Merz Aesthetic Expo: The Showcase of Confidence for All

                     

                    โดยคอนเซปต์งาน Merz Aesthetics Expo: The Showcase of Confidence for All เปรียบเสมือนงานที่ส่งต่อความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้าร่วมงานทุกท่าน ได้สื่อสารความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยบรรยากาศภายในงาน เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ได้เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้ค้นพบตัวตนที่สร้างสรรค์ได้ในแบบของตัวเอง ผ่านแกลเลอรี่ภาพถ่ายจากช่างภาพชื่อดัง 3 ท่าน ที่สะท้อนมุมมองความมั่นใจที่หลากหลาย รวมถึงโซนโชว์เคสนวัตกรรมเสริมความงามล้ำสมัย รวมไปถึงเวิร์กช็อปบิวตี้และไลฟ์สไตล์จากผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า มอบทั้งความรู้และความสนุกที่จะมาช่วยเสริมความมั่นใจให้แก่ผู้ร่วมงานในทุกมิติ นอกจากนั้นยังมีเหล่าศิลปินดารา และเซเลบริตีชื่อดังของไทยเข้าร่วมงานอีกมากมาย มาให้คุณได้สัมผัสมุมมองของความมั่นใจผ่านผลงานศิลปะที่หลากหลาย

                    นักแสดงดวงใจเทวพรหม นักแสดงดวงใจเทวพรหม

                    นักแสดงดวงใจเทวพรหม นักแสดงดวงใจเทวพรหม

                    ซึ่งภายในงานวันที่ 26-27 ตุลาคม 2567 นั้น ผู้โชคดีได้ใกล้ชิดกับพระเอกและนางเอก พร้อมร่วม Wokshop สุดเอกซ์คลูซิฟ โดยวันที่ 26 ตุลาคม 2567 นั้น ร่วมสร้างโมเมนต์อบอุ่น กิจกรรมเวิร์กช็อปกำไรสายมูกับ “พีค-มิ้นท์” คู่จิ้นเคมีที่เข้ากันที่สุดในตอนนี้ พร้อมเซอร์ไพรส์เพลงคู่แบบฉบับเวอร์ชัน “พีค-มิ้นท์” ส่วนวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ร่วมกันสร้างประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืม กิจกรรมเวิร์ปช็อปร่วมทำอาหารกับ 2 หนุ่มสุดฮอต “ไมกี้-เทศน์” และ Chef LY จาก Masterchef Thailand

                     

                    ซึ่งงานอีเวนต์ในครั้งนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้โชคดีทั้ง 6 ท่านของรมย์รวินท์คลินิกเป็นอย่างมาก และสำหรับใครที่พลาดงานกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ สามารถรอติดตามกิจกรรมในครั้งต่อไปของที่รมย์รวินท์คลินิกกันตามช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้

                    โปรโมชันเดือน 11 Beauty Wishes ร่ายมนต์ความสวย

                    โปรโมชันเดือน 11

                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                      รมย์รวินท์คลินิกมีพรวิเศษที่มีเฉพาะในเดือน 11 ซึ่งเราถือว่าช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะร่ายพรวิเศษที่จะทำให้ Beauty Wishes ของทุกคนกลายเป็นจริง เสกทุกความปรารถนาในความสวยของทุกคนให้กลายเป็นนิรันดร์ 

                      โปรโมชันเดือน 11 Beauty Wishes

                      radiesse

                      Beauty Wishes..ลดเหี่ยว ย่น คืนความอ่อนเยาว์ 

                      เปลี่ยนทุกผิวที่เหี่ยว ย่น หยาบกร้าน ร่ายพรวิเศษให้ผิวดูตึงกระชับ ให้กลายเป็นความสวย อ่อนเยาว์แบบที่เวลาก็ไม่อาจหยุดยั้งคุณได้ ด้วย

                      • RADIESSE บูสต์ผิวให้อ่อนเยาว์ด้วย biostimulator ที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง มอบความเฟิร์มกระชับ ให้ผิวเรียบเนียน อ่อนเยาว์ขึ้นกว่าที่เคย ด้วยสารประกอบ CaHA ที่มีความปลอดภัยต่อร่างกาย ไม่ทิ้งสารตกค้าง ไม่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ มอบความอ่อนเยาว์แก่ผิว และคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี

                      มอบพรวิเศษให้ผิวคงความสวย อ่อนเยาว์ด้วย RADIESSE ลดทันที 30,000.- 

                      ฟรี! ให้วิตามินผิวใส บอกลาผิวโทรม

                      • ให้วิตามินรีเฟรชผิวที่หมองคล้ำ ฟื้นฟูผิวโทรมให้กลับมากระจ่างใส ดูมีออร่า บูสต์วิตามินลงสู่ผิวให้แข็งแรง เรียบเนียน เหมือนได้รับการดูแลผิวมาเป็นอย่างดี 

                      โปรโมชันเดือน 11

                      Beauty Wishes..เคลียร์ฝ้าฝั่งลึกเป็นปื้น

                      ร่ายพรวิเศษ..เปลี่ยนใบหน้าที่มีแต่ฝ้าฝังลึก ฝ้าเป็นปื้น เป็นใบหน้าที่มีแต่ความเนียนใส ออร่าจับ ด้วย

                      Melasma Killer หยุดปัญหาหน้าลายเพราะฝ้า เคลียร์ผิวหน้าให้ใส ตัดจบทุกปัญหาด้วย 3 ขั้นตอน

                      • เลเซอร์ ลดเม็ดสีผิวที่ผิดปกติ ให้ใบหน้ากระจ่างใส
                      • ฉีดตัวยาเฉพาะแก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำให้จางลง
                      • ทรีตเมนต์ผลักวิตามินเข้าสู่ผิวชั้นลึกเข้าไปเคลียร์ปัญหา

                      มอบพรวิเศษให้ผิวใส ไร้ฝ้าบดบังด้วย Melasma Killer ราคา 3,890.- (จากปกติ 6,500.-)

                      โปรโมชันเดือน 11

                      Beauty Wishes..ดึงผิวยก ลดร่องรอยแห่งวัย

                      ร่ายพรวิเศษ..เปลี่ยนหน้าเหี่ยวย่น ร่องรอยบนใบหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์ ย้อนวัยให้ผิวยกกระชับด้วย

                      • SUPER HIFU ปลดล็อกริ้วรอยแห่งวัย กระตุ้นผิวให้กลับมาแน่นเฟิร์ม ยกกระชับผิวให้เต่งตึงได้ถึง 3 ระดับ กระชับแก้มเหนียง ลดริ้วรอยร่องลึก สร้างกรอบหน้าให้คมสวย 

                       

                      มอบพรวิเศษให้หน้าเรียวสวย อ่อนกว่าวัยด้วย SUPER HIFU ราคา 4,900.- (จากปกติ 30,000.-) 

                      โปรเดือน 11

                      Beauty Wishes..รีดพุงย้อย ไร้ไขมันสุดดื้อ

                      ร่ายพรวิเศษ..สลัดไขมันสุดดื้อ สร้างบอดี้ร่างใหม่ให้ดูดี size xxl หลบไป เพราะตอนนี้เปลี่ยนเป็น size xs ด้วย

                      • Coolsculpting ฟรีซไขมันด้วยความเย็น ไม่ทรมานร่างกายแต่ทรมานไขมัน เพราะใช้ความเย็นถึง -11 องศา ให้ไขมันตาย และถูกกำจัดออกไปอย่างธรรมชาติ กำจัดไขมันได้ตรงจุด ลดได้เฉพาะส่วน ไม่ใช้การผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ แต่ได้หุ่นสวย เซลลูไลต์หายหมด ผนึกกำลังหุ่นสวยด้วย
                      • Fit Shape Body กระตุ้นการเผาผลาญ ลดไขมัน และเซลลูไลต์โดยไม่ทำลายเซลล์อื่นๆ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง แขน ต้นขา หรือส่วนไหนๆ ก็จัดการได้ 

                       

                      มอบพรวิเศษให้ Shape ดี มีร่างทองด้วย Coolsculpting + Fit Shape Body 2 ครั้ง ราคา 9,900.- (จากปกติ 33,000.-) 

                      oligio

                      Beauty Wishes..ยกแก้มย้วย ผิวหย่อน 

                      ร่ายพรวิเศษ..เปลี่ยนแก้มย้วย ผิวหย่อนคล้อยให้เป็นผิวตึงกระชับ อ่อนวัยด้วย

                       

                      • Oligio เปลี่ยนหน้าหย่อนคล้อย แก้มย้วย ให้ ลีน ลด ยก เฟิร์ม ด้วยพลังงาน Monopolar RF ลดไขมันบริเวณแก้ม เก็บความหย่อนคล้อยของผิวให้แน่นกระชับ เก็บกรอบหน้าเรียวสวยมีมิติ 
                      • Ultra 4D Lift ให้หน้าสวยได้ถึง 4 มิติ ยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS เครื่องเดียวได้ทั้งเรื่องความยกกระชับ เก็บความหย่อนคล้อย ได้ทั่วทุกความลึกผิว และยังช่วยเก็บรายละเอียดงานผิวให้ดูเรียบเนียนสวย 

                       

                      มอบพรวิเศษให้หน้าสวย ตรึงผิวให้กระชับด้วย Oligio + Ultra 4D Lift ราคา 15,000.- (จากปกติ 41,500.- )

                      โปรโมชันเดือน 11

                      Beauty Wishes..ผิวจึ้งทั่วเรือนร่าง 

                      ร่ายพรวิเศษ..เปลี่ยนผิวหมองคล้ำ ผิวโทรมเป็นผิวจึ้ง สวยใสได้ทั่วเรือนร่างด้วย

                       

                      • ให้วิตามินบุฟเฟต์ บูสต์วิตามินให้ผิวและร่างกาย ฟื้นฟูผิวพร้อมดีท็อกซ์ร่างกายอย่างเร่งด่วน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้สุขภาพดีจากภายใน เผยออร่าผิวดีสู่ภายนอก  

                       

                      มอบพรวิเศษให้ผิวสวย ไม่มีโทรมด้วยให้วิตามินบุฟเฟต์ 5 ครั้ง เพียง 16,000 .- เฉลี่ย 3,200.-/ ครั้ง 

                      Ultherapy

                      Beauty Wishes..ซ่อมหน้าย้อย ยกหน้าเรียว 

                      ร่ายพรวิเศษ..เปลี่ยนความหย่อนคล้อย เก็บซ่อนความย้อย ให้กลายเป็นหน้ายก เรียวสวยด้วย

                       

                      • Ultherapy ยกกระชับปรับรูปหน้า สร้างกรอบหน้าให้ชัด เก็บทุกส่วนเกินให้เนียนเรียบได้ทุกจุด โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดศัลยกรรม
                      • ULTRA 4D LIFT ยกความหย่อนคล้อย เก็บทุกริ้วรอยให้หน้าสวยได้ถึง 4 มิติ และยังช่วยเก็บรายละเอียดงานผิวให้ดูเรียบเนียนสวยผิวให้สวย ครบ จบในเครื่องเดียว

                       

                      มอบพรวิเศษให้หน้าเรียวยกด้วย Ultherapy รับฟรี! ULTRA 4D LIFT  ราคา 24,900.- (จากปกติ 63,000.-)

                      โปรโมชันเดือน 11

                      Beauty Wishes..ยกเหนียงหย่อนยานให้กระชับ

                      เปลี่ยนเหนียงที่หย่อนคล้อยที่ทำให้หน้าดูหย่อนยาน สู่ผิวที่ยกกระชับ หน้าเรียวสวยด้วย

                       

                      • Thermage FLX ยิงพลังงานลงลึกถึงชั้นไขมัน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน และยังช่วยลดไขมันให้หน้าดูแน่นกระชับ สร้างผิวเฟิร์ม เก็บกรอบหน้าให้กระชับ ให้ผลลัพธ์นานถึง 2 ปี 

                       

                      ร่ายพรวิเศษ..เปลี่ยนเหนียงให้กระชับด้วย Thermage FLX 1 ฟรี 1 ราคา 29,900.- (จากปกติ 100,000.-)

                      โปรโมชันเดือน 11

                      Beauty Wishes..ลดรอยยับ สร้างผิวละเอียด

                      เปลี่ยนรอยยับ รอยพับ รอยย่น ให้เป็นผิวเรียบเนียน อ่อนเยาว์กว่าที่เคยด้วย

                       

                      • Thermage FLX BLUE Tip หัวทิปที่ออกแบบมาเพื่อผิวหน้าโดยเฉพาะ ปล่อยพลังงานลงสู่ผิวชั้นลึกได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ช่วยเติมร่องลึก ลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความเรียบเนียนให้ผิว แน่นเฟิร์มมากยิ่งขึ้น 

                       

                      ร่ายพรวิเศษ..ให้หน้าสวยเรียบเนียนด้วย Thermage FLX BLUE Tip 1 ฟรี 1 ราคา 29,900.- (จากปกติ 100,000.-)

                      โปรโมชันเดือน 11

                      Beauty Wishes..เติมปากให้น่าคิส

                      Filler ปาก เติมปากให้ฉ่ำ ปั้นปากให้สวย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ปากอิ่ม ดูมีมิติ ปากบาง ปากแห้ง ปากตกร่อง มุมปากตก ก็จัดการเติมให้สวย น่าจุ๊บได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

                       

                      • Babies Lips X เลเซอร์ปากลดความหมองคล้ำของริมฝีปาก เผยปากอมชมพูดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
                      • Mask Refreshing บำรุงปากให้ชุ่มชื้น เนียนนุ่ม น่าจุ๊บ ด้วยมาสก์

                       

                      ร่ายพรวิเศษ..ให้ปากน่าคิสด้วย Filler ปาก ราคา 20,000.- 

                      ซื้อ 1 ฟรี 2 รายการ  Babies Lips เลเซอร์ปากชมพู X  และ Mask Refreshing มาสก์ปากเนียนนุ่ม

                      oligio

                      Beauty Wishes..สร้างร่างใหม่ ยกร่างกระชับ

                      เปลี่ยนร่างย้วย ให้เป็นร่างเฟิร์ม ลดผิวย้อย ผิวส่วนเกินให้กระชับมากยิ่งขึ้นด้วย

                       

                      • Oligio BODY นอกจากจะยกกระชับผิวหน้าแล้ว ยังยกกระชับผิวตัวได้ด้วย ด้วยพลังงาน Monopolar RF แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดไขมันสะสมใต้ผิวชั้นลึก ให้ผิวเฟิร์ม กระชับมากยิ่งขึ้น ทำได้ทั่วทั้งเรือนร่าง ทั้งหน้าท้อง ต้นขา และต้นแขน

                       

                      ร่ายพรวิเศษ..ให้ร่างเฟิร์มกระชับด้วย Oligio Body ลดราคดให้สวยสุดๆ 70%

                       

                      ค้นพบความงามและพรวิเศษได้เฉพาะช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ที่รมย์รวินท์คลินิก 

                       

                      *โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.2024

                      *โปรโมชั่นนี้เฉพาะจองออนไลน์เท่านั้น

                      *โปรโมชั่นเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น

                      *ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล

                      *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่

                      *เฉพาะสาขาพารากอนเท่านั้น

                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                        Pico Majesty Laser ใหม่ล่าสุด ดียังไง ช่วยอะไร

                        Pico Majesty บอกลาฝ้ากระ ผิวกระจ่างใส

                        เจาะลึก Pico Majesty Laser เทคโนโลยีลดรอยฝ้ากระ จุดด่างดำ และรอยสิว

                         

                        Pico Majesty Laser คืออะไร ?

                        Pico Majesty Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ตัวแรกของโลกที่มีความสามารถในการปล่อยพลังงานด้วยความเร็วสูงถึงระดับ  250  Picosecond  ซึ่งเป็นหน่วยเวลาที่สั้นมาก ๆ เมื่อเทียบกับ Pico Laser อื่นในการยิงเลเซอร์ลงบนผิวหนัง  โดย Pico Majesty Laser มีคุณสมบัติในการทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติ ช่วยให้ Pico Majesty Laser  สามารถทำลายเม็ดสีในผิวหนังได้ดี ทำให้สามารถลดรอยฝ้ากระ จุดด่างดำ รอยสิวและลบรอยสักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ บริเวณที่ทำการรักษา ทำให้ปลอดภัยและเหมาะสำหรับผิวที่บอบบาง

                         

                        Pico Majesty Laser ทำงานยังไง ?

                        Pico Majesty Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Picosecond ซึ่งมีความเร็วในการปล่อยพลังงานที่สูง โดยหลักการทำงานของ Pico Majesty Laser คือ การปล่อยพลังงานเร็วสูงเข้าไปยังผิวหนังผ่านหัวยิงเลเซอร์ในแบบต่างๆที่มีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันตามความต้องการในการแก้ไขปัญหาผิว ลดรอย ซึ่งพลังงานเลเซอร์จาก Pico Majesty Laser จะส่งตรงไปยังเป้าหมายที่ต้องการ คือ การเข้าไปกำจัดเม็ดสีผิวที่ผิดปกติเท่านั้น ไม่ทำลายผิวหนังส่วนอื่นในบริเวณรอบ ๆ 

                        นอกจากนี้พลังงานเลเซอร์จาก Pico Majesty Laser จะถูกส่งเข้าไปในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ลดรอยต่าง ๆ ผิวเรียบเนียน และกระชับมากขึ้นอีกด้วย

                        Pico Majesty เคลียร์ทุกผัญหาผิว
                        Pico Majesty เคลียร์ทุกผัญหาผิว

                        ความยาวคลื่นของเลเซอร์ Pico Majesty

                        Pico Majesty Laser มีความเด่นเรื่องความหลากหลายของความยาวคลื่น ซึ่งแต่ละความยาวคลื่นจะมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิว และลดรอยที่แตกต่างกันออกไป หากเลือกใช้ความยาวคลื่นที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีขึ้น โดยความยาวคลื่นในเครื่อง Pico Majesty Laser มี 4 คลื่น ดังนี้

                        • คลื่น 1064 นาโนเมตร ใน Pico Majesty Laser ทำงานโดยการทำลายเม็ดสีขนาดใหญ่ ช่วยลบรอยสักสีเข้ม ฝ้าลึก ลดรอยดำและลดรอยแดงจากสิว
                        • คลื่น 532 นาโนเมตร (สีเขียว) ใน Pico Majesty Laser  ทำงานโดยการทำลายเม็ดสีเมลานิน ช่วยลดรอยฝ้ากระ,ลดรอยแดง,ลดรอยดำจากสิว และช่วยลบรอยสักสีอ่อน
                        • คลื่น 595 นาโนเมตร (สีเหลือง) ใน Pico Majesty Laser  ทำงานโดยการลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดรอยแดง,ลดรอยดำจากสิว เหมาะสำหรับผิวแดง ผิวบอบบาง
                        • คลื่น 660 นาโนเมตร (สีแดง) ใน Pico Majesty Laser เพิ่มการไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการซ่อมแซมผิว ทำให้ลดรอยแดง เหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจน

                         

                        หัวยิงใน Pico Majesty Laser

                        Pico Majesty Laser ลดรอยมีหัวยิงเลเซอร์หลายแบบ เพื่อการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดยในแต่ละหัวยิงมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาผิวที่ไม่เหมือนกัน สามารถแบ่งหัวยิงเลเซอร์ออกเป็นทั้งหมด 7 แบบ ดังนี้

                        หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P

                        เป็นหนึ่งในหัวเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมมากจากการที่สามารถปรับความยาวคลื่นได้อย่างหลากหลาย โดยหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P  สามารถปรับความยาวคลื่นได้ทั้ง 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร ซึ่งความยาวคลื่นแต่ละชนิดจะมีประสิทธิภาพในการลดรอยและแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ 

                        1. Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P ความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร เหมาะกับการรักษาเม็ดสีที่อยู่ในระดับที่ตื้น เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดงจากสิว

                         

                        2. Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P ความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร เหมาะสำหรับการรักษาเม็ดสีที่อยู่ระดับลึก เช่น รอยสักสีเข้ม ฝ้าลึก

                        โดยปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วยหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P คือผู้ที่มีปัญหาความต้องการลดรอย,ลดฝ้ากระ,จุดด่างดำ,ลดรอยแดง และลดรอยดำที่เกิดจากสิว รวมถึงผู้ที่ต้องการลบรอยสักสีอ่อนและสีเข้ม โดยเฉพาะรอยสักสีแดง สีเหลือง สีส้ม สีม่วง สีชมพู สีน้ำตาล และผู้มีผิวหมองคล้ำ

                         

                        3. หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Collimation H/P 

                        หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Collimation H/P เป็นอีกหนึ่งหัวเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเม็ดสี เช่นลดรอยฝ้ากระ จุดด่างดำ และรอยดำจากสิว 

                        โดยหลักการทำงานของหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Collimation H/P คือ ทำงานด้วยการปล่อยพลังงานเลเซอร์ออกมาในรูปแบบที่กระจุกตัว ทำให้สามารถส่งพลังงานไปทำลายเม็ดสีที่ไม่ต้องการได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถปรับความยาวคลื่นได้ทั้ง 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ซึ่งปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วยหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Collimation H/P คือ ผู้ที่ต้องการลดรอยลดฝ้ากระ จุดด่างดำ มีปัญหาผิวหมองคล้ำ และต้องการลดรอยดำจากสิว

                         

                        4. หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ MLA H/P

                        หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ MLA H/P เป็นหัวเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวที่ลึกกว่าชั้นผิวหนัง เช่น หลุมสิว รอยแผลเป็น รูขุมขนกว้าง และริ้วรอย 

                        โดยหลักการทำงานของหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ MLA H/P คือ การแบ่งลำแสงเลเซอร์ออกเป็นจุดเล็กๆ จำนวนมาก ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น และลดรอยแผลเป็นได้ ซึ่งปัญหาผิวที่เหมาะกับการทำหัวยิงนี้ คือ ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว, มีรอยแผลเป็น , รูขุมขนกว้าง , มีริ้วรอยตื้นๆ และผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย

                         

                        5. หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DOE H/P

                        หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DOE H/P เป็นเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในการรักษาปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ และต้องการลดรอยดำจากสิว 

                        โดยหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DOE H/P ทำงานคล้ายกับหัวยิง MLA H/P คือลำแสงเลเซอร์จะถูกกระจายแบ่งออกเป็นจุดเล็ก ๆ จำนวนมาก ทำให้สามารถรักษาเฉพาะบริเวณที่ต้องการได้โดยไม่กระทบต่อผิวบริเวณรอบข้าง โดยพลังงานที่ปล่อยออกไปจะกระตุ้นให้เซลล์ผิวที่เสียหายหลุดออกไป และเกิดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนซึ่งปัญหาผิวที่เหมาะกับหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DOE H/P คือผู้ที่ปัญหาผิวที่ต้องการลดฝ้ากระ จุดด่างดำ มีปัญหาผิวหมองคล้ำ และผู้ที่ต้องการลดรอยดำจากสิว

                         

                        หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P

                        หัวยิงแบบ Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีความโดดเด่นในการแก้ไขปัญหาผิวที่หลากหลาย ซึ่งมีความยาวคลื่นที่แตกกต่างกัน ดังนี้

                         

                        6. Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P ความยาวคลื่น 595 นาโนเมตรเหมาะสำหรับการรักษาปัญหาผิวที่มีการอักเสบและลดรอยแดง เช่น รอยแดงจากสิว ซึ่งการใช้คลื่นความยาวนี้จะช่วยลดรอยแดงได้อย่างมีแระสิทธิภาพโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง อีกทั้งหัวยิงแบบ Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P ความยาวคลื่น 593 นาโนเมตร ยังสามารถช่วยลบรอยสักที่มีเม็ดสีน้ำเงินได้ดี โดยเลเซอร์จะทำการสลายเม็ดสีใต้ผิวหนังให้มีขนาดเล็กลงจนถูกดูดซึมและขับไปจากร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยให้รอยสักจางลงอย่างปลอดภัย

                         

                        7. Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P ความยาวคลื่น 660 นาโนเมตรความยาวคลื่นนี้เหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำและผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากความยาวคลื่น 660 นาโนเมตรในหัวยิงนี้สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินได้ในระดับลึก ช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส ดูอ่อนเยาว์ และเรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถลบรอยสักที่มีเม็ดสีเขียวได้ดี

                        โดยปัญหาผิวที่เหมาะกับหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P คือผู้ที่ต้องการลดการอักเสบและลดรอยแดงจากสิว และผู้ที่ต้องการลบรอยสัก 

                        Pico Majesty ดีกว่าเลเซอร์ทั่วไปอย่างไร
                        Pico Majesty ดีกว่าเลเซอร์ทั่วไปอย่างไร

                        จุดเด่นของ Pico Majesty Laser เมื่อเทียบกับเลเซอร์อื่น

                        หลักการทำงานของ Pico Majesty Laser ลดรอยเป็นการรวมเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ากับความปลอดภัยในการรักษาผิว ซึ่งสามารถอธิบายได้ตามจุดสำคัญ ดังนี้

                        • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นที่ความเร็วในการปล่อยพลังงาน จุดเด่นหลักที่ทำให้เครื่อง Pico Majesty Laser ลดรอยโดดเด่นกว่าเครื่องเลเซอร์อื่นมาก ๆ คือเลเซอร์ Pico Majesty ใช้เทคโนโลยี Picosecond ซึ่งมีระยะเวลาในการปล่อยพลังงานสั้นมาก เป็นการปล่อยพลังงานด้วยความเร็วสูงถึงระดับ  250  Picosecond ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูงในการลดรอยและรักษาปัญหาผิวต่าง ๆ เมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ ที่มีระยะเวลาในการปล่อยพลังงานนานกว่า
                        • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นในการรักษาปัญหาผิวที่หลากหลาย ความสามารถที่โดดเด่นอีกอย่างของเครื่อง Pico Majesty Laser คือการรักษาผิวที่หลากหลาย ทั้งการรักษาฝ้ากระจุดด่างดำทุกชนิด ,การลดรอยแดงรอยดำจากสิว และยังสามารถลบรอยสักได้ทุกสีแม้กระทั่งรอยสักสีเข้ม
                        • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นที่มีพลังงานสูงและแม่นยำ การปล่อยพลังงานด้วยความเร็วสูงของ  Pico Majesty Laser นั้นจะถูกส่งตรงไปยังเป้าหมาย คือการทำลายเม็ดสีเท่านั้น ไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อหรือผิวบริเวณรอบๆ
                        • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นที่สามารถทำลายเม็ดสีได้ละเอียดและรวดเร็ว  การที่เครื่อง Pico Majesty Laser สามารถปล่อยพลังงานได้เร็วสูง พลังงานที่ปล่อยออกมาจะสั้นและแรง ทำให้เม็ดสีที่ผิดปกติ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือรอยสัก แตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆ ได้อย่างรวดเร็วและละเอียดมากขึ้น ทำร่างกายสามารถกำจัดเม็ดสีเหล่านี้ออกไปได้ และลดรอยได้ง่ายขึ้น
                        • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยสูง  Pico Majesty Laser มีความปลอดภัยสูงจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้การรักษามีความปลอดภัยสูง อีกทั้ง Pico Majesty Laser ลดรอยยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าเลเซอร์อื่น 
                        • Pico Majesty Laser สามารถผลลัพธ์เห็นได้ชัด หลังการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยเพียงไม่กี่ครั้งจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแตกต่างจากผิวเดิม 

                         

                        Pico Majesty Laser เหมาะกับใคร ?

                        การทำ Pico Majesty Laser ลดรอยสามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาผิวได้หลายอย่าง ทำให้เหมาะกับหลายคนที่มีปัญหาผิว ดังนี้

                        • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฝ้ากระ จุดด่างดำ 
                        • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยแดง รอยดำจากสิว  
                        • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง 
                        • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน    
                        • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย  
                        • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่ต้องการลบรอยสักทุกสี
                        • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีรอยสิว
                        • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปานและขี้แมลงวัน

                         

                        Pico Majesty Laser เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน?

                        Pico Majesty Laser ลดรอยถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและแม่นยำสูงในการรักษา ทำให้สามารถทำได้กับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งในผู้ที่มีผิวที่บอบบางก็สามารถทำ Pico Majesty Laser ได้ เพราะพลังงานที่ปล่อยออกมาจะกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวได้รับความร้อนน้อยลง ไม่ได้รับความระคายเคือง 

                        อีกทั้งยังสามารถปรับระดับพลังงานของเลเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้อีกด้วย ทำให้เหมาะกับหลากหลายสภาพผิว และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลายประเภท

                         

                        Pico Majesty Laser ใช้เวลาทำนานไหม ?

                        ระยะเวลาในการทำ Pico Majesty Laser ของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ต้องการการรักษาและการแก้ไขปัญหาผิวในแต่ละจุด เช่น หากต้องการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยทั่วทั้งใบหน้าก็จะใช้เวลานานกว่าการรักษาลดรอยเฉพาะจุด หรือการรักษาปัญหาผิวที่ซับซ้อน เช่น การลบรอยสักสีเข้ม หรือฝ้าฝังลึก จะต้องการระยะเวลาในการรักษาที่มากกว่า โดยทั่วไปแล้วการทำ Pico Majesty Laser จะใช้เวลาประมาณ 60 นาที แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยเพื่อประเมินสภาพผิวและระยะเวลาในการทำ รวมทั้งเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

                         

                        Pico Majesty Laser  เจ็บไหม ?

                        การทำ Pico Majesty Laser เพื่อลดรอยโดยทั่วไปแล้ว ความรู้สึกระหว่างทำจะมีอาการคล้ายกับการใช้ยางยืดดีดผิวหนังเบาๆ หรืออาจจะมีความรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มเบาๆ ได้บ้าง และในบางคนอาจจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยได้ในบางบุคคล หรือในบางคนอาจรู้สึกเพียงความร้อน หรือรู้สึกไม่เจ็บเลยก็ได้ แต่ทั้งนี้เพื่อลดความรู้สึกเจ็บอาจจะทายาชาเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บได้ หรือสามารถแจ้งแพทย์เพื่อปรับระดับพลังงานที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้

                         

                        Pico Majesty Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

                        • Pico Majesty Laser ช่วยลดฝ้ากระ จุดด่างดำ 
                        • Pico Majesty Laser ช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิว
                        • Pico Majesty Laser ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียน
                        • Pico Majesty Laser ช่วยลบรอยสักทุกสี
                        • Pico Majesty Laser ช่วยลบปาน และขี้แมลงวัน
                        • Pico Majesty Laser ช่วยลดริ้วรอย ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์
                        • Pico Majesty Laser ช่วยลบรอยแผลเป็นจากสิว

                         

                        Pico Majesty Laser มีผลข้างเคียงหรือเปล่า ?

                        การทำ Pico Majesty Laser ลดรอย ถือ เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง และมีผลข้างเคียงน้อยมาก แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงได้บ้างในบางบุคคล โดยการทำ Pico Majesty Laser อาจจะมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้

                        • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีการผิวแดง การผิวแดงหลังการทำ Pico Majesty Laser เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด แต่ผลข้างเคียงนี้จะสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน
                        • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีรอยไหม้ หลังการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยอาจการเกิดรอยไหม้ได้เล้กน้อย หากแพทย์ปรับระดับพลังงานสูงเกินไป หากเกิดผลข้างเคียงนี้สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องได้
                        • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีการบวม หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีอาการบวมเล็กน้อยบริเวณที่ทำเลเซอร์ได้ แต่จะสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน
                        • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีรอยแดงเข้ม หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีรอยแดงเข้มเกิดขึ้นได้ในบางราย และจะค่อยๆ จางลงเองภายใน 1-2 สัปดาห์ 
                        • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีการติดเชื้อ หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ในบางคน แต่สามารถเกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ มักจะเกิดกับคนที่ดูแลความสะอาดไม่ดีพอหลังการทำ  Pico Majesty Laser 

                        Pico Majesty ต้องทำบ่อยแค่ไหน
                        Pico Majesty ต้องทำบ่อยแค่ไหน

                        Pico Majesty Laser เห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่ ? ต้องทำกี่ครั้ง ?

                        ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิว หรือปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข โดยทั่วไปแล้วหลังการทำ Pico Majesty Laser จะสามารถสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังทำเลเซอร์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยผิวจะดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น รอยแดง รอยดำจากสิว รอยสักจะจางลง  และผิวจะค่อย ๆ กระจ่างใสขึ้น ซึ่งจำนวนครั้งในการทำ Pico Majesty Laser นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผิว ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วอาจต้องทำเลเซอร์ประมาณ 3-5 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ต่อครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

                         

                        การเตรียมตัวก่อนทำ Pico Majesty Lase

                        การเตรียมตัวก่อนการทำ Pico Majesty Laser เพื่อลดรอยมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังการทำ และเพื่อให้ผลลัพธ์หลังการทำ Pico Majesty Laser มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นก่อนการทำเลเซอร์ควรเตรียมตัว ดังนี้

                         

                        • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 

                        ก่อนการทำเลเซอร์ลดรอยผู้เข้ารับการรักษาควรแจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่ทานอยู่ รวมถึงการแพ้ยาต่าง ๆ ก่อนการทำ Pico Majesty Laser อีกทั้งหากเคยทำเลเซอร์อื่น ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ชำนาญการก่อนการทำเลเซอร์ลดรอย และบอกแพทย์เกี่ยวกับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลได้

                        • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด 

                        ก่อนการทำ Pico Majesty Laser อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรง หากมีความจำเป็นในการต้องออกแดดควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง หรือสวมหมวก

                        • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด 

                        ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยควรหยุดใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด หรือเรตินอล 1-2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ เนื่องจากสมุนไพรหรือยาบางชนิดมีฤทธิ์กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว อาจทำให้ผิวบอบบางและระคายเคืองได้ง่ายขึ้น เมื่อทำ Pico Majesty Laser

                        • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 

                        ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำเลเซอร์ เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำให้ผิวบวมและรอยแดงหลังการทำเลเซอร์เพิ่มขึ้นได้

                        • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรเตรียมผิวให้พร้อม  ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และไม่ควรแต่งหน้าก่อนทำเลเซอร์

                         

                        วิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Pico Majesty Lase

                        การดูแลผิวหลังการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากและมีการดูแลหลายขั้นตอนเพื่อการดูแลผิวที่ดีที่สุดและลดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนี้

                        การดูแลทั่วไปหลังการรักษา Pico Majesty Laser

                        • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงแดด หลังการทำเลเซอร์หากผิวที่รักษามีการสัมผัสกับแสง UV มากเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงได้ หากจำเป็นต้องออกแดดควรทาครีมกันแดด
                        • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ระคายเคืองผิว การขัดถู การใช้สารเคมี หรือเครื่องสำอางที่ระคายเคือง อาจจะทำให้ผิวอักเสบได้หากทำให้ผิวระคายเคืองเพิ่มหลังการทำ Pico Majesty Laser
                        • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงฟื้นฟู หลังจากการทำเลเซอร์แล้วพักหน้าหายเป็นปกติแล้วนั้นควรเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเพื่อลดการระคายเคือง เนื่องจากหลังการทำ Pico Majesty Laser อาจจะมีโอกาสทำให้ผิวแห้งได้ ดังนั้นการเพิ่มความชุ่มชื้นและดูแลผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำหลังทำเลเซอร์
                        • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรเลี่ยงการออกกำลังกาย หลังการเลเซอร์ควรพักการออกกำลังกายและกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก 1 สัปดาห์หลังการรักษา เพื่อไม่ให้เหงื่อที่เกิดขึ้นทำให้ผิวระคายเคือง
                        • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ หากดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง

                         

                        การดูแลตามอาการข้างเคียงของผิวหลังการทำ Pico Majesty Laser

                        • หากมีอาการบวม/แดงหลังการทำ Pico Majesty Laser  เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และมักหายไปภายใน 2-3 ชั่วโมง แต่บางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้น แนะนำให้คนที่มีผลข้างเคียงประเภทนี้ประคบเย็นหรือนวดเบา ๆ
                        • หากมีอาการคันหลังจากการทำ Pico Majesty Laser ลดรอย อาการนี้จะสามารถหายไปเองไม่นาน แต่ควรหลีกเลี่ยงการเกาหรือสัมผัสใบหน้าบริเวณที่ทำเลเซอร์ ถ้าหากอาการนี้เกิดขึ้นหลังการทำ Pico Majesty Laser ไปแล้ว  1-2 วัน ควรปรึกษาแพทย์
                        • หากมีสะเก็ดจากการทำ Pico Majesty Laser สะเก็ดเหล่านี้มักหลุดลอกออกไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ ไม่ควรแกะสะเก็ดเพื่อป้องกันรอยแผล
                        • การเกิดตุ่มพองเล็กน้อยสามารถเกิดขึ้นได้ หากมีตุ่มพองหลังจากการทำ Pico Majesty Laser  ควรพบแพทย์ ไม่ควรเจาะเอง

                         

                        Pico Majesty Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ตัวแรกของโลก ที่สามารถปล่อยพลังงานด้วยความเร็วสูงระดับ Picosecond และสามารถปล่อยพลังงานได้อย่างแม่นยำ  โดยไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ โดยเลเซอร์นี้สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น การลดรอยดำ รอยแดง รอยสิว และยังสามารถลบรอยสักได้ทุกสีอย่างปลอดภัยอีกด้วย ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง Pico Majesty Laser จึงเป็นเลเซอร์ที่มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมมากตั้งแต่เปิดตัว

                        พังยับเยิน! หน้าไหม้ หน้าเบิร์น เพราะ Ulthera ปลอม

                        ulthera ปลอม

                        ผิวไหม้เกรียม! อุทาหรณ์ Ulthera ปลอมทำพิษ

                        อยากสวย อยากหน้ายก หน้าเรียว ต้องระวังให้ดี! เพราะล่าสุดมีข่าวสุดช็อก เมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่ง ได้ตัดสินใจยกกระชับผิวหน้า ด้วยเครื่อง Ulthera ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีราคาต่ำกว่าปกติ แต่โชคร้ายที่ดันไปเจอ Ulthera ปลอมเข้าให้ ผลที่ได้คือ หน้าไหม้ หน้าเบิร์น และมีรอยแดงเป็นวงกว้าง ผิวเสียหายอย่างรุนแรง แทนที่จะสวย แต่กลับต้องมานั่งเสียใจ กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น นอกจากจะเสียเงินฟรีแล้ว ยังเสี่ยงหน้าพังอีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่เตือนให้เราเห็นถึง อันตรายของการเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานและเครื่องมือที่ไม่ได้รับการรับรอง

                        ดังนั้น การเลือกคลินิกความงามในการทำหัตถการ จึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าหลงเชื่อแค่คำโฆษณา ไม่ใช่แค่ดูราคาที่ถูกที่สุด แต่ควรพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของคลินิก ประสบการณ์ของแพทย์ และเครื่องมือที่ใช้ในการทำหัตถการด้วย เพราะหากเลือกผิดพลาด อาจส่งผลกระทบต่อใบหน้า ทำให้เสียโฉมตลอดชีวิตได้

                        Ulthera คืออะไร ?

                        Ulthera คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า ที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ถูกออกแบบมาให้ส่งพลังงานความร้อน 60 – 70°C ไปยังชั้นผิว SMAS ได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นชั้นผิวที่อยู่ลึกที่สุด ชั้นเดียวกับที่ทำการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือพักฟื้น ซึ่งความร้อนระดับนี้ มีความปลอดภัยต่อผิวหนัง มีระบบควบคุมพลังงานที่แม่นยำ จึงลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น หน้าไหม้ หน้าเบิร์น หรือรอยแดงได้ สามารถแก้ไขปัญหาครอบคลุมทุกชั้นผิว โดยปรับระดับความลึกในการส่งพลังงานได้หลายระดับ ทำให้สามารถเข้าถึงชั้นผิวที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                        เมื่อเครื่อง Ulthera ส่งพลังงานความร้อนลงไปยังชั้นผิว SMAS จะเกิดการกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ ในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ตื่นตัวขึ้น เมื่อเซลล์ไฟโบรบลาสต์ได้รับการกระตุ้น จะเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทดแทนส่วนที่เสื่อมสภาพไปตามอายุ ทำให้ผิวเกิดการยกกระชับ กลับมาเต่งตึงและเรียบเนียน รวมถึง แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี

                        Ulthera ถือเป็นเครื่องยกกระชับที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยความต้องการในการทำที่สูงขึ้น ทำให้มีเครื่องปลอมออกมาหลอกลวงผู้รับบริการมากมาย หากไม่ระวัง อาจตกเป็นเหยื่อของเครื่องปลอม ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวหน้าของเราได้ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่า Ulthera เครื่องไหนคือเครื่องแท้ มีวิธีตรวจสอบอย่างไร บทความนี้มีคำตอบมาให้แล้วค่ะ

                        ulthera ปลอม

                        เครื่อง Ulthera ปลอม อันตรายแค่ไหน?

                        แม้ว่าเครื่อง Ulthera จะได้รับการยอมรับว่าเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิว ที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่ในปัจจุบันก็ยังมีปัญหาเครื่อง Ulthera ปลอมระบาดอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผิวหน้าอย่างร้ายแรง เนื่องจากเครื่องเหล่านี้ ไม่มีระบบความปลอดภัยที่เพียงพอ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายต่อชั้นผิวขณะทำหัตถการ อาจนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ได้ ดังนี้

                        • หน้าไหม้ หน้าเบิร์น เนื่องจากเครื่อง Ulthera ปลอม ปล่อยพลังงานความร้อนออกมาไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไปในบางจุด จนทำให้หน้าไหม้ ผิวหนังอักเสบ มีรอยแดง มีอาการบวมช้ำ จนกระทั่งเกิดแผลเป็นได้
                        • ใบหน้าเบี้ยว ในกรณีที่รุนแรง การใช้เครื่อง Ulthera ปลอม อาจทำให้เส้นประสาทบนใบหน้าเกิดความเสียหาย ได้รับการบาดเจ็บ ส่งผลให้ใบหน้าเบี้ยว อ่อนแรง หรือเกิดความผิดปกติในการเคลื่อนไหวใบหน้าได้
                        • ผิวหย่อนคล้อยกว่าเดิม เนื่องจาก Ulthera เครื่องปลอม มักจะปล่อยพลังงานความร้อนออกมาไม่สม่ำเสมอ หรือมีพลังงานต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผิวไม่เกิดการยกกระชับ หรืออาจหย่อนคล้อยมากกว่าเดิม
                        • ผลลัพธ์ไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก Ulthera เครื่องปลอม ไม่มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวหน้าที่ดีพอ ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ

                         

                        Ulthera  เครื่องแท้ มีวิธีตรวจสอบอย่างไร?

                        • ตรวจสอบรายชื่อคลินิกในประเทศไทยที่ให้บริการ Ulthera ครื่องแท้ ได้ในเว็บไซต์ Merz Aesthetics บริษัทผู้จัดจำหน่ายเครื่อง Ulthera อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เว็บไซต์ :  www.merzaesthetics.co.th 
                        • ภายในคลินิก มีโล่คริสตัลเพชรและใบ Certificate of Authenticity รับรองว่าคลินิกนี้ ใช้เครื่องแท้จากบริษัท Merz Aesthetics อย่างชัดเจน ชื่อคลินิกที่ปรากฏในใบรับรองตรงกับชื่อคลินิกที่กำลังเข้ารับบริการ
                        • ตรวจสอบสติกเกอร์ที่ติดอยู่บนตัวเครื่อง Ulthera ได้แก่ สติกเกอร์สีทอง รับรองจากบริษัทนำเข้า Merz Aesthetics และสติกเกอร์สีส้ม รับรอง Ulthera เครื่องแท้  
                        • สแกน QR Code หน้าเครื่อง Ulthera  สามารถสแกนเพื่อตรวจสอบได้ว่า Ulthera เครื่องที่ใช้บริการ เป็นเครื่องแท้หรือไม่
                        • เมื่อเปิดเครื่อง Ulthera ใช้งาน จะมีโลโก้ Ulthera ปรากฏขึ้นบนหน้าจอและมีหน้าจอแสดงผลแบบ Real Time
                        • เมื่อใช้บริการเครื่อง Ulthera เสร็จสิ้น จะได้รับใบรับรอง Certificate ว่าทำ Ulthera เครื่องแท้

                         

                        การเลือกทำ Ulthera กับคลินิกที่ใช้เครื่องแท้จึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าไปหลงกลกับราคาถูก หรือโฆษณาที่เกินจริง เพราะการทำ Ulthera เครื่องปลอม เท่ากับการสูญเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ และอาจนำมาสู่ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ เช่น หน้าไหม้ หน้าเบิร์น ผิวแดง หรือแผลเป็น ดังนั้น ตรวจสอบคลินิกให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ อยากสวยแบบไม่ต้องเสี่ยง ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้ Ulthera  เครื่องแท้อย่าง รมย์รวินท์คลินิก ที่การันตีความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้เครื่องแท้ทุกหัตถการ และทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ให้คุณสวยแบบมั่นใจ ไม่ต้องเสี่ยงหน้าไหม้ หน้าเบิร์นอีกต่อไปค่ะ

                        บอกลาหุ่นย้วยด้วย Oligio Body จบปัญหาผิวหย่อนคล้อย พร้อมลดไขมัน

                        Oligio Body

                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                          บอกลาหุ่นย้วยด้วย Oligio Body จบปัญหาผิวหย่อนคล้อย พร้อมลดไขมัน

                          ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ ไขมันสะสมเยอะ อาจจะทำให้หลาย ๆ คนนั้นรู้สึกไม่มั่นใจได้ ซึ่งในปัจจุบัน การยกกระชับผิวกาย และการลดไขมันสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงการใช้ตัวช่วย ในการกระชับผิวกายอย่าง เครื่อง Oligio Body ที่สามารถยกกระชับผิวกาย ลดไขมัน และสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด  ที่สำคัญยังไม่เป็นอันตรายอีกด้วย

                          Oligio Body

                          ทำความรู้จักกับ Oligio Body ยกกระชับผิวกาย

                          หลายคนอาจจะมีความสงสัยว่าเครื่อง Oligio Body คืออะไร ช่วยยกกระชับผิวกาย ลดไขมันได้หรือไม่ ? ซึ่ง Oligio เป็นโปรแกรมยกกระชับที่โด่งดังเรื่องการยกกระชับรูปหน้า และสร้างคุณภาพผิว แต่ความจริงแล้ว Oligio ไม่ใช่ทำได้แค่ใบหน้าเพียงเท่านั้น ยังสามารถทำที่บริเวณร่างกายได้ด้วย Oligio เป็นเครื่องยกกระชับผิวกายที่ผลิตจากบริษัท Wontech ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar RF ยิงเข้าสู่ชั้นผิวหนัง 4.3 มิลลิเมตร โดยพลังงานสามารถลงได้ลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis)  และยังถูกพัฒนาให้สามารถปล่อยพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง และมีความแม่นยำเป็นอย่างมาก โดย Oligio Body จะสามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที ถึง 20-30% หลังจากนั้นจะค่อย ๆ เห็นผลได้ชัดเจนหลังทำ 3 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคลที่ทำด้วย

                          เนื่องจากตัวเครื่อง Oligio Body นั้นจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวที่มีความหย่อนคล้อยกลับมากระชับ รูขุมขนดูเล็กลง ลดริ้วรอยร่องลึก และริ้วรอยเล็ก ๆ พร้อมช่วยคืนความแข็งแรงให้ผิวดูเด้ง อิ่มฟู สุขภาพดี นอกจากนี้ Oligio Body ยังช่วยในเรื่องยกกระชับผิวกาย ลดสัดส่วนเฉพาะจุด ลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว กระชับสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็น บริเวณกรอบหน้า เหนียง หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือบริเวณร่างกายอีกด้วย โดยการทำ Oligio Body 1 ครั้ง อยู่ได้นานถึง 1 ปี สามารถทำครั้งต่อไปได้ตั้งแต่เดือนที่ 4-6 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

                          การทำงานของ Oligio Body

                          Oligio Body ยกกระชับผิวกาย เป็นการใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่สูง 6.78 MHz ที่สามารถปรับได้ 3 โหมด คือ โหมดเดี่ยว โหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ ยิงลงลึกสู่ชั้นผิว 3 mm. โดยคลื่นจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) ทำให้ผิวดูกระชับมากขึ้น ทั้งยังเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้มากขึ้น ให้คอลลาเจนที่สร้างใหม่นั้นมีระเบียบ Oligio Body นั้นจะใช้ความร้อนจากหัว Tips ที่มีลักษณะเป็นหัวเข็ม ส่งพลังงานเข้าไปยังชั้นผิวหนัง ทำให้คลื่นมีความสม่ำเสมอและแม่นยำ ทำให้ผิวหลังทำนั้นมีความยืดหยุ่น หนาแน่น กระชับ ทั้งยังช่วยลดไขมัน ทำให้ชั้นไขมันบางลง สัดส่วนดูชัดเจนขึ้น

                          Oligio Body ยกกระชับผิวกาย มีเทคโนโลยีที่จะช่วยตรวจสอบอุณหภูมิผิว มีระบบทำความเย็นอัจฉริยะ และมีระบบตรวจจับแรงกดที่มีความแม่นยำ ที่ช่วยปล่อยลมเย็นออกมาในระหว่างทำอย่างอัตโนมัติ ช่วยลดความเสี่ยงในการสะสมค่าพลังงานความร้อนใต้ผิวที่มากเกินไป ทั้งยังทำให้ช่วยลดโอกาสผิวถูกเผาไหม้อีกด้วย 

                          ทคนิค Fast Moving Technique เฉพาะ Oligio Body ยกกระชับผิวกาย

                          ความพิเศษของ Oligo คือการมีเทคนิค Fast Moving Technique เป็นเทคนิคเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อทำการยกกระชับด้วย Oligio เท่านั้น เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากพลังงานที่ลงสู่ชั้นผิวโดยเครื่อง Oligio Body นั้นจะลงสู่ชั้นผิวที่เท่ากันอย่างแม่นยำ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม

                          เทคนิค Fast Moving Technique เป็นเทคนิคเฉพาะที่ใช้กับ Oligio Body เพื่อยกกระชับผิวกายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ดังนี้

                          1. Pain Relief : Oligio Body มาพร้อมกับระบบสั่นสะเทือนที่ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการรักษา และยังมีระบบปล่อยพลังงานความเย็นที่ช่วยปกป้องผิวชั้นนอก ทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกสบายมากขึ้น และไม่ต้องพักฟื้นหลังการทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
                          2. Faster Treatment : ฟังก์ชั่น Auto ของ Oligio Body ช่วยประหยัดเวลาในการทำยกกระชับผิวกาย โดยจำนวน 600 shots ใช้เวลาเพียง 20-30 นาที และ 300 shots ใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น
                          3. Safe Treatment : Oligio Body มีระบบวัดอุณหภูมิผิวแบบ Real Time หากอุณหภูมิสูงกว่า 43 องศาเซลเซียส เครื่องจะหยุดทำงานทันที เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการไหม้ (Burn) รวมถึงมีระบบตรวจสอบแรงกด เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาจากหัวทิปไม่แนบผิว
                          4. Convenience : เครื่อง Oligio Body มีการทำงานทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ ระบบ Single, ระบบ Double, และระบบ Auto ซึ่งช่วยให้แพทย์นั้นสามารถใช้รักษาได้อย่างแม่นยำ และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดขึ้น 

                          Oligio Body

                          ทำความเข้าใจผิวหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร

                          ผิวหย่อนคล้อย คือ สภาพผิวที่เกิดการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ไม่กระชับมีความหย่อนยาน และทำให้เกิดริ้วรอยขึ้น ทั้งบริเวณใบหน้า และทั่วร่างกาย ส่งผลให้ผิวดูไม่สุขภาพดี ดูแก่กว่าวัย ซึ่งผิวหย่อนคล้อยนั้นเกิดจากคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวนั้นมีการผลิตลดลง ทำให้เซลล์สูญเสียความกระชับ ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

                          1. อายุที่เพิ่มขึ้น

                          ยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายของเราจะยิ่งมีการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ทำให้ผิวเริ่มเสื่อมสภาพลง จึงทำให้ผิวมีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และเกิดริ้วรอยได้ชัดเจน

                          1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน 

                          ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยทำให้ผิวดูกระชับ เรียบเนียน ดูสุขภาพดี ซึ่งร่างกายนั้นจะผลิตในช่วงวัยรุ่น เมื่ออายุมากขึ้นจึงเริ่มผลิตลดลง

                          1. รังสียูวีในแสงแดด และมลภาวะต่าง ๆ

                          รังสียูวีในแสงแดด และมลภาวะต่าง ๆ จะเข้าไปทำลายเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินภายในผิว ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดความหย่อนคล้อย และริ้วรอยตามมา ทั้งยังกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระภายในร่างกายอีกด้วย

                          1. ความเครียด

                          เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว และลดการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติ  ส่งผลให้ผิวดูหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอย และผิวดูโทรม

                          1. การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ

                          หากนอนหลับไม่เพียงพอร่างกายจะทำการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมาได้น้อย ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น และระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ดี จึงอาจส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ แห้งกร้าน รวมถึงอ้วนขึ้นได้

                          การยกกระชับผิวกาย และการลดไขมันสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการใช้ตัวช่วย อย่าง Oligio Body ยกกระชับผิวกาย ลดไขมัน ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด  ทั้งยังไม่เป็นอันตรายอีกด้วย

                          Oligio Body ทำส่วนไหนได้บ้าง

                          Oligio Body ยกกระชับผิวกาย สามารถทำได้หลายส่วนด้วยกัน เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้เป็นระเบียบแล้วนั้น ยังช่วยยกกระชับผิวกาย ลดไขมันสะสมในร่างกาย กระชับสัดส่วน และยังไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนี้

                          •  หน้าผาก Oligio Body จะช่วยลดริ้วรอยร่องเล็ก ๆ บนหน้าผาก
                          • รอบดวงตาและหางตา บริเวณที่มีริ้วรอย ตีนกา ถุงใต้ตา และปัญหาหางตาตก ทำให้ยกกระชับผิวกายให้เต่งตึงขึ้นได้
                          • แก้มและโหนกแก้ม Oligio Body จะช่วยยกกระชับผิว บริเวณแก้มให้กระชับ ทำให้หน้าเป็นมิติมากขึ้น
                          • กรอบหน้า ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่เท่ากัน ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน การยกกระชับผิวกายด้วย Oligio Body จะช่วยทำให้กรอบหน้าชัด มีมิติมากขึ้น
                          • เหนียง บริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน ทำให้ใบหน้าดูกลมมน 
                          • คอ ที่มีความหย่อนคล้อย หรือมีเส้นบริเวณคอที่ชัดเจน Oligio Body ช่วยยกกระชับผิวกายให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง
                          • ต้นแขน ต้นขา ที่มีไขมันส่วนเกิน มีความหย่อนคล้อย Oligio Body จะช่วยลดไขมัน พร้อมยกกระชับผิวกายที่หย่อนคล้อยให้ได้สัดส่วนขึ้น
                          • หน้าท้อง ที่มีไขมันสะสมเยอะ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ

                          Oligio Body

                          Oligio Body เหมาะกับใครบ้าง ? 

                          หลาย ๆ คนที่กำลังประสบปัญหาไม่มั่นใจในร่างกาย รูปร่างของตัวเอง เนื่องจากผิวที่หย่อนคล้อย ไขมันที่สะสมเยอะนั้น การทำ Oligio Body จะช่วยยกกระชับผิวกาย และลดไขมันสะสมใต้ผิวหนัง ให้ผิวกระชับมีสัดส่วนที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่ง Oligio Body เหมาะกับใคร มาดูกันเลย

                          1. Oligio Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวกาย  สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือสูญเสียความยืดหยุ่น เนื่องจากอายุหรือการลดน้ำหนัก
                          2. Oligio Body เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันในชั้นผิว โดยเฉพาะในบริเวณใบหน้าและลำคอ
                          3. Oligio Body เหมาะกับผู้ที่มองหาวิธีการรักษายกกระชับผิวกายลดไขมัน ที่ไม่ต้องพักฟื้น Oligio Body มีการรักษาที่ไม่ทำให้ผิวบอบช้ำ และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน
                          4. Oligio Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในผิว ยกกระชับผิวกายเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดี
                          5. Oligio Body เหมาะกับผู้ที่เคยมีปัญหาผิวไหม้หรือแพ้ง่าย เนื่องจาก Oligio มีระบบป้องกันที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความร้อนและการเกิดปัญหาผิว
                          6. Oligio Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดปัญหาหย่อนคล้อยตามวัย การทำ Oligio Body จะช่วยป้องกันผิวหย่อนคล้อยก่อนวัย ไม่ว่าจะเป็น ผิวหน้า หรือผิวกาย

                          ข้อดีและข้อจำกัดของการทำ Oligio Body

                          ใครที่กำลังสนใจในการทำ Oligio Body ยกกระชับผิวกาย แต่ยังตัดสินใจไม่ได้นั้น สามารถดูข้อดี และข้อจำกัดของ การทำ Oligio Body เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ ดังนี้

                          ข้อดีของการทำ Oligio Body

                          • Oligio Body ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์หลากหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็น การยกกระชับผิวกาย หรือลดไขมัน มาพร้อมระบบทำความเย็นอัจฉริยะและระบบสั่น ทำให้ไม่แสบร้อนระหว่างทำ ทั้งยังมีความปลอดภัยต่อผิวอีกด้วย เนื่องจากได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากหลายประเทศ 
                          • ไม่ต้องเตรียมตัวก่อนทำเหมือนหัตถการอื่น ๆ เนื่องจากการทำ Oligio Body ยกกระชับผิวกาย ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร หรือเตรียมตัวยาก
                          • หลังทำ Oligio Body ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทาครีมกันแดด หรือครีมบำรุงได้ตามปกติ โดยที่ผิวไม่เกิดการระคายเคือง
                          • Oligio Body ใช้เวลาในการทำหัตถการเพียง 20–30 นาที ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าการทำหัตถการอื่น ทำเสร็จสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
                          • หลังทำ Oligio Body สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีประมาณ 20% 
                          • Oligio Body ไม่ทำให้เจ็บ ทำให้ไม่ต้องแปะยาชา จึงไม่เกิดปัญหาผิวแห้งตามมา 

                          ข้อจำกัดในการทำ Oligio Body

                          • หากต้องการผลลัพธ์การยกกระชับผิวกาย ลดไขมัน ที่ต่อเนื่อง ควรทำซ้ำปีละ 1-2 ครั้ง เนื่องจาก Oligio Body นั้นให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 6 เดือน – 1ปี 
                          • Oligio Body ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่ให้นมบุตร หรือผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ และในโรคประจำตัวบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

                           จุดเด่นของ Oligio Body ?

                          • Oligio Body ยกกระชับผิวกาย นั้นไม่ต้องจำกัดเวลาในการใช้จำนวน Shots ทำให้แพทย์นั้นสามารถเก็บรายละเอียด และมีความแม่นยำในการทำ
                          • Oligio Body มีหัวยิงมีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถกระจายพลังงานได้ดี มีความแม่นยำขึ้น จึงทำให้มีความรวดเร็วในการทำ
                          • เจ็บน้อย ไม่ต้องแปะยาชา เนื่องจากเครื่อง Oligio Body นั้นมีนวัตกรรมที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด และทำให้ผิวนั้นไม่แห้งจากยาชา

                          ใครที่ไม่เหมาะกับเครื่องยกกระชับผิวกาย Oligio Body ?

                          • Oligio Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเครื่องมือแพทย์ฝังในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า ICD หรือมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในร่างกาย
                          • Oligio Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีรากฟันเทียมแบบ Bio absorbable 
                          • Oligio Body ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังบางชนิด หรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะรักษา เช่น เริม ผิวอักเสบ หรือติดเชื้อ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการรักษา ควรรักษาให้หายดีก่อนแล้วค่อยทำ
                          • Oligio Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด อาจทำให้เกิดอันตรายระหว่างการทำหัตถการได้  เช่น โรคเบาหวาน โรคลมชัก โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ผู้ที่มีภาวะความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด                   
                          • Oligio Body ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
                          • หากมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือมียาที่ต้องรับประทานตลอดนั้น ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษา Oligio Body เพื่อวางแผนการรักษา
                          • หลีกเลี่ยงการสักในบริเวณที่จะทำการรักษา Oligio Body เนื่องจากหากเป็นรอยสักใหม่ ที่ยังไม่หายดี อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ 

                          หลังทำ Oligio Body สามารถคงผลลัพธ์ได้นานเท่าไหร่?

                          การทำ Oligio Body อยู่ได้นานไหม? อยู่ได้นานแค่ไหน?  โดยปกติแล้วนั้นการทำ Oligio Body จะสามารถคงผลลัพธ์ยกกระชับผิวกายได้นานถึง 6 เดือน – 1ปี เนื่องจากการทำงานของ Oligio Body นั้นจะค่อย ๆ เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผลลัพธ์ในการทำ Oligio Body 1 ครั้งนั้นอยู่ได้นาน ทั้งนี้ระยะเวลาที่ผลลัพธ์ยกกระชับผิวกายจะอยู่ได้นานไหมนั้น จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปัญหาผิว การดูแลตัวเองหลังทำด้วย

                          Oligio Body

                          ทำไมต้องเลือกทำเครื่องยกกระชับผิวกาย Oligio Body 

                          • Oligio Body เห็นผลทันที : หลังจากการทำ Oligio Body สามารถเห็นผลลัพธ์การยกกระชับผิวกาย และการเปลี่ยนแปลงได้เลยทันที ประมาณ 20-30% และจากนั้นจะเริ่มเห็นผลขึ้นเต็มที่
                          • การสร้างคอลลาเจน : หลังทำ Oligio Body ยกกระชับผิวกาย ผิวจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากพลังงานที่ยิงเข้าไปจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้สร้างเพิ่มขึ้นใหม่ โดยจะเห็นผลเต็มที่ภายใน 3-6 เดือน
                          • ผลลัพธ์ระยะยาว : ยกกระชับผิวกาย ลดไขมัน ด้วย Oligio Body สามารถอยู่ได้นาน 6 เดือน – 1 ปี หากต้องการผลลัพธ์ที่มีความต่อเนื่อง แนะนำให้ทำต่อเนื่องปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
                          • Oligio Body แก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม : หลังทำ Oligio Body นั้นจะช่วยยกผิวกายให้กระชับขึ้น ผิวมีความแน่น ไม่หย่อนคล้อย ทั้งยังช่วยลดไขมันสะสมบริเวณใบหน้าและร่างกาย กระชับสัดส่วน ชะลอความหย่อนคล้อยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลง 
                          • ปลอดภัยและไม่มีอาการข้างเคียง : Oligio Body ถือเป็นนวัตกรรมที่มีความปลอดภัยต่อผิว ทำให้หลังทำแล้วนั้นไม่มีอาการบวม ปวด แสบ หรือไม่ทิ้งร่องรอยไว้ จึงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น

                          ทำ Oligio Body ร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่

                          การทำ Oligio Body นั้นสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ? น่าจะเป็นคำถามที่ใครหลาย ๆ คนสงสัยอย่างมาก โดย Oligio Body ยกกระชับผิวกาย นั้นสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ควรจะมีระยะเวลาที่ห่างกัน เพื่อให้ Oligio Body นั้นได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  โดยปกติแล้วหากต้องการทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ นั้น แพทย์จะแนะนำให้ทำ Oligio Body ก่อนที่จะไปทำหัตถการฉีดตัวยาอื่น ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพราะตัวยาแต่ละตัวนั้นก็มีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แพทย์จะได้วางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด 

                          ก่อนทำ Oligio Body ต้องเตรียมตัวไหม อย่างไร ? 

                          การยกกระชับผิวกาย ลดไขมันด้วยเครื่อง Oligio Body นั้นไม่ได้มีข้อจำกัดที่เยอะ ทำให้การเตรียมตัวก่อนทำนั้น สามารถเตรียมตัวได้เหมือนก่อนทำหัตถการทั่วไปได้ ดังนี้

                          • ก่อนทำ Oligio Body ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว หรือทำให้ผิวบางลงบริเวณที่จะทำ
                          • ก่อนทำ Oligio Body ควรงดการทำหัตถการต่าง ๆ เช่น การฉีดโบ ฟิลเลอร์ หรือการทำเลเซอร์ อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ 
                          • ก่อนทำ Oligio Body หากมีโรคประจำตัว หรือมีโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังนั้น ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเริ่มทำหัตถการทุกครั้ง เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมิน และวางแผนการรักษาในลำดับต่อไป
                          • ก่อนทำ Oligio Body หากมีบาดแผลที่แผลยังปิดไม่สนิท ควรรักษาให้หายก่อนดีก่อน

                          ขั้นตอนการทำ Oligio Body มีอะไรบ้าง? 

                          • ก่อนเริ่มทำ Oligio Body ยกกระชับผิวกาย เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำ Oligio Body ก่อนเพื่อเตรียมพร้อมผิวก่อนทำ
                          • หลังจากทำความสะอาดผิวเสร็จแล้ว แพทย์จะทำการทาเจลเย็นลงบนผิวก่อนทำหัตถการ ซึ่ง Oligio Body นั้นไม่ต้องแปะยาชา เพราะตัวเครื่องนั้นจะมีนวัตกรรมระบบความเย็น เพื่อช่วยบรรเทาความร้อนที่ผิว
                          • เมื่อพร้อมทำ Oligio Body แพทย์จะทำการเปิดเครื่องมือ เซตค่าพลังงาน จากนั้นจะทำการทำหัตถการบนผิว
                          • ในระหว่างทำหัตถการ Oligio Body อาจจะมีความรู้สึกอุ่น ๆ ที่ผิว เพราะพลังงานที่ถูกปล่อยออกไปได้ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นเจ็บปวด หรือแสบร้อน เพราะหากใต้ผิวมีความร้อนสะสมอยู่เกินค่าที่กำหนดไว้ เครื่อง  Oligio Body จะทำการปล่อยความเย็นออกมาเพื่อลดอุณหภูมิบนผิวลง 
                          • โดยปกติแล้วการทำหัตถการ Oligio Body จะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เมื่อยิงค่าพลังงานครบจำนวน Shot ที่ตั้งไว้แล้ว แพทย์จะทำการทำความสะอาดผิวอีกครั้ง ถือเป็นการเสร็จสิ้นการรักษา
                          • หลังทำ Oligio Body อาจจะมีอาการแดงบริเวณผิวที่ทำเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่มีอันตราย และจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง 

                          การดูแตัวเองหลังยกกระชับผิวกาย ลดไขมันด้วยเครื่อง Oligio Body 

                          หลังจากทำหัตถการยกกระชับผิวกาย Oligio Body เสร็จเรียบร้อย ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจ โดยมีวิธีการดูแลเบื้องต้น ดังนี้

                          • หลีกเลี่ยงความร้อน : หลังทำ Oligio Body งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนที่ผิว เช่น ออกกำลังกาย หรืออยู่ในที่ร้อนจัด เช่น ซาวน่า เป็นเวลา 1 สัปดาห์
                          • หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ บริเวณผิวที่เคยทำยกกระชับผิวกาย Oligio Body ควรเว้นระยะในการทำประมาณ 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เช่น ฉีดโบ ฟิลเลอร์ หรือเครื่องเลเซอร์อื่น ๆ 
                          • ทาครีมกันแดด : หลังทำหัตถการ Oligio Body ควรหมั่นทาครีมกันแดดทุกวัน และควรหลีกเลี่ยงการโดดแดดตรง ๆ เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด 
                          • การดูแลผิวหลังทำ : หลังทำ Oligio Body หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์หรือหัตถการใด ๆ บนผิวอย่างน้อย 1 สัปดาห์ รวมถึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เพื่อให้ผิวนั้นฟื้นฟูได้เต็มที่
                          • ดูแลสุขภาพ : หลังทำ Oligio Body ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ นอนหลับให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ Oligio Body นั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                          คำถามที่พบบ่อยของ Oligio Body

                          ความรู้สึกระหว่างทำ Oligio Body ?

                          • ระหว่างการทำ Oligio Body นั้นจะรู้สึกอุ่น ๆ ที่บริเวณผิวที่ทำ เนื่องจากตัวเครื่องนั้นจะยิงพลังงานไปที่ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน และยกกระชับผิวกาย ทำให้มีการสะสมพลังงานความร้อนใต้ชั้นผิว ที่อุณหภูมิสูงถึง 43 องศา ซึ่งอาจทำให้หลังทำผิวอาจจะมีสีแดงอ่อน ๆ หรือมีความชมพูขึ้นได้

                          Oligio Body ทำนานไหม?

                          • การทำ Oligio Body ยกกระชับผิวกาย นั้นเป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน ทำให้สะดวก ประหยัดเวลา โดยปกติแล้วจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 30-60 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหา และจำนวน Shots ที่ต้องยิง

                          หลังทำ Oligio Body เป็นอย่างไร?

                          • หลังการทำ Oligio Body ยกกระชับผิวกาย นั้นสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เลยทันทีหลังทำ เนื่องจากคอลลาเจนนั้นจะมีการหดตัวลง 20-30% จึงทำให้ผิวดูกระชับขึ้น จากนั้นผิวจะค่อย ๆ สร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้สามารถเห็นผลลัพธ์ที่เต็มที่ได้หลังทำ 3 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Oligio Body ด้วย 

                          Oligio Body อยู่ได้นานไหม?

                          • หลังจากการรักษา 1 ครั้ง Oligio Body สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 6-12 เดือน โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล  ทั้งนี้แนะนำว่าควรทำ Oligio Body ปีละ 1 ครั้ง เพื่อคงผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง ช่วยฟื้นฟูผิวให้สร้างคอลลาเจนได้เอง ยกกระชับผิวกายที่หย่อนคล้อย ทั้งยังช่วยลดไขมันได้อย่างดี

                          Oligio Body ยกกระชับผิวกาย ลดไขมันควรทำกี่ Shots ?

                          • Oligio Body 300-450 Shots : เหมาะสำหรับผู้ที่อายุน้อยหรือมีปัญหาผิวไม่มาก สามารถเน้นทำยกกระชับผิวกายเฉพาะจุดได้
                          • Oligio Body 600-900 Shots : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวปานกลางถึงมาก สามารถทำได้ทั่วหน้า รวมถึงบริเวณเหนียง
                          • Oligio Body 1,200 Shots : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวกาย พร้อมลดไขมันได้อย่างครอบคลุม

                          ทั้งนี้ก่อนทำ Oligio Body แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อที่แพทย์นั้นจะได้วางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด รวมถึงเลือกจำนวน Shots ได้อย่างเหมาะสม

                          การทำ Oligio Body นั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น ผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ มีริ้วรอย ผิวไม่แน่น หรือมีไขมันสะสมเยอะ การยกกระชับผิวกาย ลดไขมัน ด้วยเครื่อง Oligio Body ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง ทั้งยังทำให้ช่วยประหยัดเวลา ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องพักฟื้น ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการรักษาปัญหาแบบเร่งด่วน สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาก่อนได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา 

                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                            ณเดชน์ คูกิมิยะ Brand Ambassador RADIESSE PLUS 

                            Brand Ambassador RADIESS Plus

                            เปิดตัว ณเดชน์ คูกิมิยะ Brand Ambassador RADIESSE PLUS 

                            Romrawin ร่วมงานเปิดตัว Brand Ambassador RADIESSE PLUS คม  ทะลุ จอ ฉบับณเดชน์ คูกิมิยะ

                            RADIESSE PLUS สร้างปรากฏการณ์ความปังอีกครั้ง! กับการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์สุดฮอต ที่มีดีกรีความหล่อระดับพระเอกแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ที่มาพร้อมความ คม ชัด ทะลุจอ ในงานเปิดตัวสุดอลังการ ณ สยามพารากอน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ทำเอาแฟนคลับกรี๊ดกันสนั่นลั่นห้าง

                            Romrawin ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์สุดยิ่งใหญ่ นำทีมโดย พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล (คุณหมอฐา),พญ.นภัสนันท์ เทพพรพิทักษ์ (คุณหมอแพร) และ พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ (คุณหมอออย
                            Brand Ambassador RADIESS Plus

                            เปิดเผยเคล็ดไม่ลับของการดูแลใบหน้าคม  ทะลุ  จอ ฉบับณเดชน์ คูกิมิยะ

                            ฮือฮาลั่น ! กับบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟในงานเปิดตัว  Brand Ambassador RADIESSE PLUS เมื่อพระเอกสุดหล่ออย่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มาเฉลยเคล็ดไม่ลับที่ทำให้หน้าหล่อเหล่า มีมิติ พร้อมเผยให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่น่าทึ่งของโปรแกรมการดูแลใบหน้าสุดปัง ที่ช่วยให้ณเดชมีใบหน้าคม กรอบหน้าชัด ทะลุจอ 

                            Brand Ambassador RADIESS Plus

                            โดยณเดชเผยว่าเลือกทำ RADIESSE PLUS ในการปรับ Jawline ให้คมชัด พุ่ง โครงหน้ามีมิติ ด้วย 3 จุดเด่นที่ช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า เปลี่ยนลุคให้ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมดึงดูดทุกสายตา

                            RADIESSE PLUS LIFTING ยกกระชับโครงหน้าชัด

                            โปรแกรม RADIESSE+ LIFTING หนึ่งในโปรแกรมที่ณเดชเลือก เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการปรับรูปหน้าให้คมชัด ดูมีมิติมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกราม คาง โหนกแก้ม จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังเกิดการยกกระชับทำให้ให้โครงหน้าดูคมชัด มีมิติ และยกกระชับขึ้น

                            Brand Ambassador RADIESS Plus

                            RADIESSE PLUS CONTOURING สร้างกรอบหน้าพุ่ง คม มีมิติด้วยการสร้าง Z line Lift & Contour ลากตัดขอบที่ Cheek bone & Jawline 

                            RADIESSE PLUS CONTOURING เป็นโปรแกรมปรับรูปหน้าที่ใช้สารเติมเต็มที่ได้จากธรรมชาติมาช่วยในการสร้างกรอบหน้าพุ่ง คม มีมิติด้วยการสร้าง Z line Lift & Contour โดยเฉพาะบริเวณกราม (Jawline) และโหนกแก้ม (Cheek bone) ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก เปรียบเสมือนการสร้างโครงหน้าใหม่ให้คมชัดขึ้น

                            Brand Ambassador RADIESS Plus

                            RADIESSE PLUS Now & Long after สร้างโครงหน้า ยกกระชับผิว

                            RADIESSE PLUS Now & Long after เป็นโปรแกรมปรับรูปหน้าที่เน้นไปที่การสร้างโครงหน้าให้แข็งแรง และยกกระชับผิวให้ตึงกระชับมากขึ้นผ่านการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ  หลังการทำผิวจะดูอิ่มฟู ร่องลึกตื้นขึ้น และใบหน้าดูยกกระชับขึ้น 

                            Brand Ambassador RADIESS Plus Brand Ambassador RADIESS Plus

                            สัมผัสหน้าดูดี คมชัด แบบณเดชที่รมย์รวินท์คลินิก

                            สัมผัสประสบการณ์ใบหน้าดูดี คม ชัด ฉบับณเดชน์ คูกิมิยะ ได้แล้ววันนี้ ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขากับ RADIESSE PLUS ด้วยเทคนิคเฉพาะกับแพทย์ผู้ชำนาญการที่จะช่วยทำให้คุณมีใบหน้าที่ดูดี มีมิติ พร้อมเปล่งประกายในแบบของคุณ 

                            ลดฝ้ากระทุกระดับ เพื่อผิวสว่างใสที่เหนือกว่า ด้วย Code of White

                            Code of White

                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                              Code of White 3 โค้ดลับจัดการฝ้าทุกระดับ

                              ปัญหาฝ้า และกระ เป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ ซึ่งปัญหานี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ แต่ยังทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมออีกด้วย การลดฝ้ากระจึงกลายเป็นความต้องการของคนหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูกระจ่างใสขึ้น จึงมีการหาวิธีต่าง ๆ เพื่อที่จะช่วยปรับสภาพผิว และลดฝ้ากระ วันนี้รมย์รวินท์จึงจะพาไปรู้จักกับ Code of White ที่ถูกคิดค้นพิเศษสามารถจัดการลดฝ้ากระได้ทุกระดับ นอกจากจะสามารถลดฝ้ากระได้แล้วนั้น Code of White จะสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าใดได้อีกบ้าง ไปดูกันเลย

                              Code of White คืออะไร ?

                              Code of White ถูกออกแบบพัฒนามา เพื่อฟื้นฟูผิวกระจ่างใส ลดเลือนความหมองคล้ำ ฝ้ากระ จุดด่างดำ ที่เป็นปัญหามาจากแดด มลภาวะ หรืออายุที่มากขึ้น ซึ่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อครอบคลุมทั้งการรักษาและฟื้นฟูผิว โดยการรักษาด้วย Code of White จะใช้หลายเทคนิคเพื่อฟื้นฟูผิว และลดฝ้ากระ เช่น การใช้เลเซอร์ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อบำรุงผิว เป็นต้น

                              Code of White

                              Code of White ช่วยเรื่องอะไร ?

                               Code of White ช่วยในการรักษา และฟื้นฟูผิวในหลายแบบ โดยมีประโยขน์ในการช่วยผิว ดังนี้

                              •   Code of White ช่วยในการลดฝ้ากระ
                              •   Code of White ช่วยในการลดเลือนจุดด่างดำ
                              •   Code of White ช่วยในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
                              •   Code of White ช่วยในการฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ
                              •   Code of White ช่วยในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
                              •   Code of White ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้น และบำรุงผิว

                              จุดเด่นของ Code of White 

                              • Code of White จัดการลดฝ้ากระได้ทุกระดับ
                              • Code of White  ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และปลอดภัย
                              • Code of White  เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
                              • Code of White  ปรับสีผิวให้กระจ่างใส และสม่ำเสมออย่างเป็นธรรมชาติ
                              • Code of White  ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
                              • Code of White  ลดการอักเสบของผิว
                              • Code of White  เห็นผลลัพธ์ในเวลาไม่นาน
                              • Code of White  ป้องกันการเกิดฝ้ากระใหม่ในอนาคต
                              • Code of White  สามารถปรับแต่งตามปัญหาผิวแต่ละบุคคลได้

                              Code of White ประกอบไปด้วยกี่โปรแกรม ?

                              Code of White นอกจากจะออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิว และลดฝ้ากระแล้วนั้น ยังสามารถช่วยปัญหาผิวได้อย่างหลากหลายรูปแบบ จึงมีการแบ่งออกเป็นหลายระดับ เพื่อให้เหมาะกับการแก้ปัญหาผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล 

                              โดย  Code of White ที่รมย์รวินท์คลินิกมี ทั้งหมด 3  ได้แก่

                              • โปรแกรม Code of White
                              • โปรแกรม Code of White Mini
                              • โปรแกรม Code of White Plus

                              แต่ละโปรแกรมจะมีการผสานการทำงานของการรักษาลดฝ้ากระ และฟื้นฟูที่ต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนการทำ Code of White ลดฝ้ากระ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินผิวหน้า และวางแผนการรักษา เพื่อเลือกที่เหมาะสมกับตนเอง

                              Code of White

                              โปรแกรม Code of White คืออะไร ?

                              Code of White เป็นที่ผสาน 4 ขั้นตอนในการจัดการปัญหาผิว ลดฝ้ากระ และจุดด่างดำในระดับปานกลาง เป็นที่ครอบคลุมการฟื้นฟูและบำรุงลึก โดย Code of White มีการใช้เทคโนโลยี และสารบำรุงเฉพาะ

                              โดยนี้ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้

                              •  Aura White  (D-White) ใน Code of White Aura White จะช่วยฟื้นฟูและปรับผิวให้กระจ่างใส ด้วยการผลักวิตามินสูตรเข้มข้นเข้าสู่ผิวชั้นลึก ซึ่งวิตามินเหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ ลดฝ้ากระ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ 


                              •  Melasma Fade (White 3)  ใน Code of White  Melasma Fade (White 3) ใน Code of White Mini ช่วยลดฝ้ากระ และจุดด่างดำ ที่เกิดจากเม็ดสีเมลานินสะสม โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับแสง UV เป็นประจำ นี้เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาฝ้ากระ ช่วยให้ผิวกลับมากระจ่างใส และลดฝ้ากระอย่างปลอดภัย


                              •  Skin Repair Plus (White Pure)  ใน Code of White  Skin Repair Plus (White Pure) เป็นขั้นตอนที่เน้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า ที่เสื่อมสภาพออกไป เพื่อเปิดเผยผิวใหม่ที่ดูสดใส และสุขภาพดี กระบวนการนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน และลดเลือนปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ลดฝ้ากระ จุดด่างดำ หรือรอยหมองคล้ำ การผลัดเซลล์ผิวในนี้ยังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ผิวดูสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวที่หมองคล้ำ หรือเสื่อมสภาพจากการเผชิญมลภาวะ


                              •  Blink It Up (P-White)  ใน Code of White เป็นขั้นตอนที่ออกแบบมาเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยใช้เทคโนโลยีการผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นผิวลึก ซึ่งช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง และลดความแห้งกร้าน นอกจากนั้นการผลักวิตามินเข้าสู่ผิวใน Code of White ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี สดใส และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวให้สดชื่น

                              Code of White

                              โปรแกรม Code of White Mini คืออะไร ?

                              Code of White Mini เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมา เพื่อจัดการลดฝ้ากระ และจุดด่างดำในระยะเริ่มต้น โดยผสาน 2 ขั้นตอนหลักในการดูแลผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยประกอบไปด้วย

                              1. Aura White Peel (D-White) ใน Code of White Mini นี้เน้นการบำรุง และฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส โดยใช้เทคโนโลยีในการผลักวิตามินเข้าสู่ผิว โดยวิธีการนี้ช่วยให้วิตามิน และสารบำรุงลึกถึงชั้นผิว ช่วยในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนรอยหมองคล้ำ ทำให้ผิวแลดูสดใส เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวคล้ำเสียเล็กน้อย และต้องการฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสในระยะเริ่มต้น
                              2. Melasma Fade (White 3) ใน Code of White Mini Melasma Fade (White 3) ใน Code of White Mini เป็นขั้นตอนที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการลดฝ้ากระ และจุดด่างดำ ที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลามินที่ทำให้ผิวเกิดฝ้ากระ และจุดด่างดำ เมื่อผิวได้รับการกระตุ้นจากแสง UV ซึ่งมักพบบ่อยในคนที่ตากแดดร้อนจัดเป็นประจำ โดยนี้เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาฝ้ากระ และจุดด่างดำที่ยังไม่ฝังลึกมาก จะช่วยให้ผิวกลับมากระจ่างใส และลดเลือนรอยดำได้อย่างปลอดภัย

                              ทั้งสองขั้นตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลผิว ที่เน้นการลดฝ้ากระ และฟื้นฟูอย่างล้ำลึก ทั้งการผลักวิตามินเข้าสู่ผิว เพื่อปรับผิวให้สว่างใส และการยับยั้งการเกิดเม็ดสี เพื่อแก้ปัญหาลดฝ้ากระ และจุดด่างดำ ผลลัพธ์ที่ได้จาก Code of White Mini คือ ผิวที่ดูเรียบเนียน กระจ่างใส และสม่ำเสมอขึ้น

                              Code of White

                               Code of White Plus  คืออะไร ?

                              Code of White Plus เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูผิว และจัดการลดฝ้ากระ  จุดด่างดำ และความหมองคล้ำในระดับที่ลึก และซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Code of White ทั่วไป โดยโปรแกรมนี้มักจะรวมขั้นตอนที่เข้มข้นและเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อให้การดูแลผิวมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงผสานถึง 5 ขั้นตอนเพื่อลดฝ้ากระ และปรับผิวกระจ่างใส ดังนี้ 

                              •  Aura White Peel (D-White) ใน  Code of White Plus ช่วยฟื้นฟู และปรับผิวให้กระจ่างใส โดยการผลักวิตามินสูตรเข้มข้น ลดเลือนความหมองคล้ำ ลดฝ้ากระ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียน สดใส และมีสุขภาพดี


                              •  Melasma Fade (White 3)  ใน  Code of White Plus ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดฝ้ากระ และจุดด่างดำที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินในผิว ซึ่งมักเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ที่ได้รับแสง UV เป็นประจำ 


                              •  Skin Repair Plus (White Pure)  ใน  Code of White Plus เป็นขั้นตอนที่มุ่งเน้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า เพื่อเปิดเผยผิวใหม่ที่สดใส และสุขภาพดี โดยกระบวนการนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน และลดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ฝ้ากระ จุดด่างดำ และรอยหมองคล้ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวที่เสื่อมสภาพจากมลภาวะ และต้องการกลับมามีผิวที่กระจ่างใส และสุขภาพดีอีกครั้ง


                              •  Blink It Up (P-White)  ใน  Code of White Plus ถูกออกแบบมาเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยใช้เทคโนโลยีการผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นผิวลึก เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และบำรุงผิวจากภายใน ส่งผลให้ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง และสดใส นี้ลดความแห้งกร้าน เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างผิว และปรับสมดุลความชุ่มชื้น 


                              •  Smart FEM ใน Code of White Plus เป็นขั้นตอนที่มุ่งเน้นการ ทำลายเม็ดสีดำและรอยแดงบนผิวหน้า ซึ่งเกิดจากปัญหาลดฝ้ากระ และจุดด่างดำ พร้อมทั้งช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และยังมีการป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ โดยการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และป้องกันการเกิดเม็ดสีเมลานินใหม่ 

                              Code of White แต่ละต่างกันยังไง ?

                              Code of White ทั้ง 3 ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใส และช่วยให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ แต่ความแตกต่างของทั้ง 3 นี้อยู่ที่ความเข้นข้มของการรักษาที่ลงลึกของแต่ละระยะฝ้ากระ จุดด่างดำ ที่มีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้ที่ต้องการทำ Code of White ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อพิจารณาระยะของฝ้ากระ จุดด่างดำ ประกอบการตัดสินใจเลือกของ Code of White ที่เหมาะกับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล 

                              Code of White ใช้เวลากี่วันถึงเห็นผลลัพธ์

                              หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใสจะเห็นผลลัพธ์โดยทั่วไปแล้วประมาณ 7-14 วันขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยหลังการรักษาผิวจะค่อย ๆ กระจ่างใสขึ้น รอยลดหรือปัญหาผิวไม่สม่ำเสมอจะลดลง แต่ทั้งนี้ผู้เข้ารับการรักษาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการดูแลผิวหลังการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและยาวนาน

                              Code of White ต้องทำกี่ครั้ง ?

                              การทำ Code of White  ลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใสนั้น จำนวนการครั้งของการทำขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล โดยปกติแล้วแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ทำประมาณ 4-6 เดือนครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน แต่ในบางคนอาจต้องการการรักษาเพิ่มเติมสำหรับคนที่มีปัญหาผิวซับซ้อน 

                              Code of White

                              ใครเหมาะกับการทำ Code of White 

                               Code of White ลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใสเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิว ต่อไปนี้

                              •  Code of White เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำจากแสงแดด หรือมลภาวะ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ เนื่องจากรังสียูวีจากแสงแดดกระตุ้นการผลิตเมลานินในผิว ทำให้เกิดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอและคล้ำลง ส่วนมลภาวะในอากาศก็สามารถทำให้ผิวอักเสบ และอุดตันรูขุมขน ทำให้ผิวไม่กระจ่างใสได้


                              •  Code of White เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยดำ รอยแดงจากสิว รอยสิวเป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นหลังจากการอักเสบของสิว ซึ่งเมื่อสิวหายไปแล้ว รอยแดง หรือรอยดำจะยังคงอยู่ และอาจต้องใช้เวลานานในการฟื้นฟู การรักษาด้วย Code of White สามารถช่วยลดรอยสิวนี้ได้ โดยช่วยให้รอยดูจางลงเร็วขึ้น และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ


                              •  Code of White เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้ากระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากอายุหรือแสงแดด ฝ้ากระเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการผลิตเมลานินที่ผิดปกติ โดยเมื่ออายุมากขึ้น หรือเมื่อสัมผัสกับแสงแดดบ่อย ๆ เมลานินจะสะสมอยู่บนผิวหนัง และทำให้เกิดรอยดำเป็นจุด ๆ การรักษาด้วย Code of White  สามารถลดฝ้ากระ และจุดด่างดำเหล่านี้ ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้


                              •  Code of White เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอหรือมีรอยคล้ำ ผิวที่มีสีไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยคล้ำ เช่น บริเวณรอบดวงตา และปาก มักเกิดจากการสะสมของเมลานินในผิว หรือจากการอักเสบ และการทำลายจากแสงแดด  Code of White ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยปรับสีผิวให้ดูเรียบเนียน และสม่ำเสมอมากขึ้น


                              •  Code of White เหมาะสำหรับผู้ที่มีต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้กระจ่างใส สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูดีขึ้นนี้ สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างรวดเร็ว  โดยการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออก และกระตุ้นให้ผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้นมาแทนที่ ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง และสุขภาพดีในเวลาอันรวดเร็ว

                              เลือก Code of White อย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง ? 

                              การเลือก Code of White ลดฝ้ากระ ให้เหมาะสมกับสภาพผิว และความต้องการของแต่ละคนสามารถทำได้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ต่อไปนี้

                              • เลือก Code of White โดยวิเคราะห์จากสภาพผิว ก่อนการเลือก Code of White ผู้ลดฝ้ากระเข้ารับการรักษาควรประเมินสภาพผิวของตัวเอง เบื้องต้นก่อนว่าสภาพผิวของเราเป็นอย่างไร เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม เป็นต้น เพราะสภาพผิวของแต่ละผิวอาจมีการรักษาที่ความแตกต่างกัน


                              • เลือก Code of White โดยวิเคราะห์จากปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ก่อนเลือกในการทำ Code of White ลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใสปัจจัยหนึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาของผิวที่ต้องการแก้ไขด้วย เช่น หากเป็นฝ้ากระจุดด่างดำระยะรุนแรง ผู้เข้ารับการักษาอาจเหมาะกับการทำ Code of White Plus มากกว่า Code of White Mini เป็นต้น


                              • เลือก Code of White โดยวิเคราะห์จากเป้าหมายในการรักษา หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อาจเลือกที่มีการผสมผสานกับการใช้เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ที่เห็นผลรวดเร็ว แต่หากต้องการผลลัพธ์ระยะยาวอาจจะเลือกที่ค่อย ๆ ฟื้นฟูทำต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน


                              • เลือก Code of White โดยวิเคราะห์จากระยะเวลา และงบประมาณ แต่ละจะใช้ระยะเวลา และจำนวนครั้งที่แตกต่างกัน ควรเลือกที่สามารถสอดคล้องกับงบประมาณ และเวลาที่มีของตนเอง


                              • เลือก Code of White โดยวิเคราะห์จากการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแพทย์จะประเมินสภาพผิว และเลือกที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล การปรึกษาครั้งแรกจะช่วยให้แต่ละบุคคลเข้าใจว่าควรเลือกไหนที่สอดคล้องกับสภาพผิวและปัญหา

                              Code of White อันตรายไหม ?

                              Code of White ลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใส มีความปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดอันตราย เพราะทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ในด้านการดูแลผิวพรรณ และ Code of White ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดฝ้ากระ ปรับสีผิวให้กระจ่างใส สม่ำเสมอ ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับรองมาตรฐาน แต่เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ผู้เข้ารับการรักษาปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัดตลอดการรักษา

                              Code of White เจ็บหรือเปล่า ? 

                              Code of White ลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใสโดยทั่วไป ถือว่ามีความไม่เจ็บปวดเลย ในระหว่างการรักษา ความรู้สึกอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล และวิธีการรักษาหากมีความกังวลเกี่ยวกับการเจ็บปวด สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำ และวิธีการช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบาย เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกสบายใจ และมั่นใจในระหว่างการทำ Code of White ลดฝ้ากระ

                              Code of White มีผลข้างเคียงไหม ?

                              Code of White ลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใส มีความปลอดภัยสูงจากการรักษา โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่อาจจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ

                              1. หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระอาจผิวแห้งหรือระคายเคืองเล็กน้อย ผิวอาจรู้สึกแห้งหลังจากการทำ Code of White ลดฝ้ากระ โดยเฉพาะถ้ามีการใช้เลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่เกี่ยวข้องกับการผลัดเซลล์ผิว แต่ความรู้สึกนี้มักจะเป็นเพียงชั่วคราว
                              2. หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระอาจมีอาการแดงหรือบวมได้ บางคนอาจมีผิวแดงหรือบวมเล็กน้อยหลังการรักษา แต่อาการนี้มักจะหายไปภายใน 1-2 วัน
                              3. หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระอาจเกิดผิวแห้งลอกได้ เนื่องจากกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก บางคนอาจมีผิวลอกหลังการทำทรีตเมนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่
                              4. หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระผิวอาจไวต่อแสงแดด หลังการรักษาผิวอาจไวต่อแสงแดดมากขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง

                              ผลข้างเคียงเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงชั่วคราว และสามารถจัดการได้ง่ายโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 

                              การเตรียมตัวก่อนทำ Code of White ลดฝ้ากระ ปรับผิวกระจ่างใส

                              การเตรียมตัวก่อนการทำ Code of White ลดฝ้ากระเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงต่าง ๆ ดังนั้นก่อนทำ Code of White ควรปฏิบัติตัว ดังนี้ 

                              • ก่อนทำ Code of White ควรงดการตากแดดเป็นเวลานาน 

                              หลีกเลี่ยงการตากแดดโดยตรง หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา เพราะแสงแดดสามารถทำให้ผิวไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น

                              • ก่อนทำ Code of White ควรหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารออกฤทธิ์แรง 

                              ก่อนทำควรงดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลัดเซลล์ผิว หรือ วิตามินซีความเข้มข้นสูงประมาณ 3-5 วันก่อนการรักษา เพื่อลดความระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นกับผิว

                              • ก่อนทำ Code of White ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับสภาพผิวและประวัติการรักษา 

                              ก่อนทำควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับปัญหาผิวที่เคยมี เช่น การแพ้หรือการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์ใด ๆ 

                              • ก่อนทำ Code of White ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์

                              หากเคยทำเลเซอร์ หรือทรีตเมนต์บำรุงผิวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ว่าใช้เวลาเท่าไหร่ก่อนที่จะเข้ารับ Code of White ลดฝ้ากระ เพื่อให้ผิวได้ฟื้นตัวเต็มที่

                              • ก่อนทำ Code of White ควรหลีกเลี่ยงการถอนหรือแว็กซ์ขนบนใบหน้า

                              ควรหลีกเลี่ยงการแว็กซ์ ถอนขน หรือการกำจัดขนบนใบหน้าในบริเวณที่จะทำการรักษา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงของการระคายเคือง

                              • ก่อนทำ Code of White ควรพักผ่อนให้เพียงพอ

                              การพักผ่อนอย่างเพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวและการฟื้นฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เรานอนหลับลึก ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และการฟื้นฟูผิว ทำให้พร้อมต่อการรักษา

                              ข้อปฏิบัติหลังทำ Code of White

                              หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผิวได้รับการฟื้นฟูได้อย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ คือ

                              • หลังทำ Code of White ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง 

                              หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระ ผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดโดยตรงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และควรใช้หมวกหรือร่ม เพื่อป้องกันหากมีความจำเป็นต้องโดนแดด

                              • หลังทำ Code of White ควรใช้ครีมกันแดด

                              หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระ แล้วควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้ในวันที่มีแดดน้อย หรืออยู่ในที่ร่ม เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งสามารถทำให้ผิวหมองคล้ำได้

                              • หลังทำ Code of White ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
                                การออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ในช่วง 1-2 วันแรกหลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระ อาจทำให้มีเหงื่อออกเยอะ และทำให้ผิวระคายเคืองได้
                              • หลังทำ Code of White ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดผลัดเซลล์ผิวประมาณ 3-5 วันหลังการรักษาด้วย Code of White ลดฝ้ากระ เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟู
                              • หลังทำ Code of White ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ 

                              หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และฟื้นฟูได้เร็วขึ้น

                              • หลังทำ Code of White ควรติดตามและทำตามคำแนะนำของแพทย์

                              หลังการทำ Code of White ลดฝ้ากระ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการดูแลผิวหลังการรักษา รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่แนะนำ หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น อาการบวม แดง หรือระคายเคืองที่ไม่ลดลง ควรติดต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                Neauvia ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร มีกี่รุ่น ทำไมถึงต่างจากยี่ห้ออื่น?

                                NEAUVIA FILLER ดียังไง


                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                  Neauvia Hybrid Filler
                                  ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                  Neauvia ฟิลเลอร์ (Filler) ทางเลือกใหม่ในการฉีดฟิลเลอร์

                                  เทรนด์การฉีดฟิลเลอร์กำลังมาแรงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน หรือวัยไหน ๆ ก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้า ทั้งริ้วรอย ร่องลึก กรอบหน้าไม่ชัด กระดูกยุบตัวลง รวมถึง ผิวหน้าที่ขาดคอลลาเจน และสูญเสียความชุ่มชื้น ซึ่งวันนี้ รมย์รวินท์คลินิก ขอแนะนำให้รู้จักกับ ฟิลเลอร์ Neauvia ฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ส่งตรงจากประเทศอิตาลี หลาย ๆ คน อาจยังไม่เคยได้ยินชื่อยี่ห้อนี้และคงสงสัยกันว่า ฟิลเลอร์ Neauvia คืออะไร? มีจุดเด่นอย่างไร? ทำไมถึงแตกต่างจากยี่ห้ออื่น? แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน? บทความนี้สรุปมาให้แล้ว

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia ดีไหม? แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร?

                                  NEAUVIA FILLER

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia คืออะไร?

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์เจนใหม่จากประเทศอิตาลี ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ถูกผลิตขึ้นมาในปี 2012 ซึ่งฟิลเลอร์ Neauvia เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA)ใกล้เคียงกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ แต่มีความโดดเด่นในด้านส่วนประกอบ เทคโนโลยี และกระบวนการผลิต ทำให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ เรียบเนียนไปกับผิว โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Neauvia ยังมีหลากหลายรุ่นที่ออกแบบมา เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย ปรับรูปหน้า หรือกระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

                                   

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia มีจุดเด่นอย่างไร?

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia มีจุดเด่นในการใช้เทคโนโลยี SMART XROSS LINK Technology (SXT) ในการผลิต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะที่ออกแบบมา เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และคงตัวสูง ไม่ให้เนื้อฟิลเลอร์เกิดการแยกตัวออกจากกัน สามารถใช้ในการเติมเต็มและขึ้นรูปทรงได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมาก เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้ว ฟิลเลอร์จะไม่เคลื่อนที่และไม่ไหลไปยังบริเวณอื่น

                                   

                                  อีกทั้ง ฟิลเลอร์ Neauvia ยังเป็นแบรนด์เดียวในโลก ที่ใช้สาร Polyethylene Glycol (PEG) ในกระบวนการ Cross Link ร่วมกับ กรดไฮยาลูรอนิก แอซิด แทนการใช้สาร BDDE ที่พบได้ทั่วไปในฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ทำให้ฟิลเลอร์ Neauvia มีความปลอดภัยกว่า ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ และยังช่วยลดโอกาสในการเกิดการอักเสบด้วย รวมถึงสาร PEG ยังช่วยให้ฟิลเลอร์ผสานเข้ากับผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ

                                   

                                  นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Neauvia ยังมีส่วนประกอบสำคัญของสารอื่น ๆ อีกมากมาย ได้แก่ CaHA (Calcium Hydroxyapatite) สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) รวมถึง กรดอะมิโน แอซิด (Amino Acid) อย่าง L-Proline และ Glycine ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ใช้ในการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับ มีความอ่อนเยาว์ ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก และยังทำให้ไม่เกิดอาการบวมหลังฉีดอีกด้วย

                                  ส่วนประกอบของ NEAUVIA FILLER

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia มีส่วนประกอบสำคัญอะไรบ้าง?

                                  HA (Hyaluronic Acid)

                                  • HA (Hyaluronic Acid) ในฟิลเลอร์ Neauvia มีความแตกต่างจากไฮยาลูรอนิก ในฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ เนื่องจากใช้ Probiotics Bacteria ชื่อว่า Bacillus subtilis ในการผลิต ซึ่งถือเป็นแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกาย จึงทำให้ไฮยาลูรอนิกในฟิลเลอร์ Neauvia มีความบริสุทธิ์สูง มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มผลิตไฮยาลูรอนิกได้น้อยลง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ ขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอย และดูหย่อนคล้อย ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ Neauvia จึงเป็นตัวช่วยหนึ่งในการเติมเต็มไฮยาลูรอนิกที่สูญเสียไป ทำให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดอาการแพ้

                                  CaHA (Calcium Hydroxyapatite)

                                  • CaHA (Calcium Hydroxyapatite) เป็นสารที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว (Biostimulator) สามารถพบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา โดยเฉพาะในกระดูกและฟัน มีลักษณะคล้ายกับแคลเซียมในกระดูก มีคุณสมบัติในการ กระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน Type 1 และ คอลลาเจน Type 3 รวมถึงอีลาสตินขึ้นมาใหม่ โดยคอลลาเจนที่ได้เป็นคอลลาเจนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากกระบวนการอักเสบใด ๆ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ผิวค่อย ๆ มีความกระชับ เต่งตึง และยืดหยุ่นมากขึ้น 

                                  PEG (Polyethylene Glycol)

                                  • PEG (Polyethylene Glycol) เป็นสารชนิดหนึ่งที่ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ในฟิลเลอร์ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น ทนความร้อนได้เป็นอย่างดี สามารถทำร่วมกับหัตถการเลเซอร์อื่น ๆ ได้ เหมาะสำหรับใช้ในการเติมเต็มและขึ้นรูปทรงได้อย่างแนบเนียนไปกับผิว นอกจากนี้ ยังช่วยปกป้องโมเลกุลไฮยาลูรอนิก ไม่ให้ถูกทำลายโดยเอนไซม์ในร่างกาย ทำให้ฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานขึ้น ดังนั้น PEG จึงถือเป็นสารที่ทำให้ฟิลเลอร์ Neauvia มีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างไปจากฟิลเลอร์ทั่วไป

                                  L-Proline

                                  • L-Proline เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายของเราสามารถสังเคราะห์ได้เอง และพบได้ในโปรตีนหลายชนิด โดยเฉพาะในคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญสำหรับผิวหนัง กระดูก และข้อต่อ มีหน้าที่สำคัญในการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง มีความยืดหยุ่น และมีความชุ่มชื้นมากขึ้น พร้อมลดอาการอักเสบ และไม่ทำให้เกิดอาการบวมช้ำหลังฉีด

                                  Glycine

                                  • Glycine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยร่างกายสามารถสร้าง Glycine ขึ้นมาได้เอง เป็นหนึ่งในกรดอะมิโนหลักที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจน เมื่อเราได้รับ Glycine เพียงพอ ผิวก็จะผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอยได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลายจากรังสี UV และมลภาวะต่าง ๆ ทำให้ผิวฟื้นตัวได้เร็ว รวมถึง ป้องกันการอักเสบ และลดอาการระคายเคืองผิวได้อีกด้วย

                                  NEAUVIA FILLER รุ่น

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia มีกี่รุ่น?

                                  ในปัจจุบันฟิลเลอร์ Neauvia มีให้เลือกถึง 3 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป สามารถตอบโจทย์กับปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ได้แก่

                                  Neauvia Intense

                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia Intemse เป็นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของสารไฮยาลูรอนิกสูงถึง 28% รวมถึง ยังมีส่วนประกอบของ L-Proline และ Glycine อีกด้วย
                                  • เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า ใช้ในการขึ้นรูปทรงได้ดี และแก้ไขโครงสร้างใบหน้า ที่เกิดจากการยุบตัวลงของกระดูก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น ร่องแก้ม คาง ขมับ และกรอบหน้า
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia Intense สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 12 เดือน

                                  Neauvia Stimulate

                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia Stimulate เป็นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของสารไฮยาลูรอนิกสูงถึง 26% และ มีส่วนประกอบของสาร CaHA 1% ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator รวมถึง ยังมีส่วนประกอบของ L-Proline และ Glycine อีกด้วย
                                  • เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก โดยสามารฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น ร่องแก้ม แก้มตอบ และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอยได้ดีขึ้น
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia Stimulate สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 12 เดือน

                                  Neauvia Hydro Deluxe

                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia Hydro Deluxe เป็นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของสารไฮยาลูรอนิกสูงถึง 18% และ มีส่วนประกอบของสาร CaHA 0.01% ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator รวมถึง ยังมีส่วนประกอบของ L-Proline และ Glycine อีกด้วย
                                  • เหมาะสำหรับการฉีดงานผิว แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง หลุมสิว พร้อมกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับ ดูชุ่มชื้น และผิวดูสุขภาพดีมากขึ้น สามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น หน้าแก้ม หน้าผาก รอบดวงตา หรือบริเวณลำคอ
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia Hydro Deluxe สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 6 – 9 เดือน

                                   

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

                                  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม สามารถแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก ร่อมแก้มชัด ที่ส่งผลใบหน้าดูแก่กว่าวัย
                                  • ฟิลเลอร์หน้าผาก สามารถแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ ดูไม่สมดุลกับใบหน้า
                                  • ฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแก้ไขปัญหาเบ้าตาลึก ใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา หรือมีริ้วรอยใต้ตา ที่ส่งผลหน้าดูโทรมไม่สดใส
                                  • ฟิลเลอร์แก้มตอบ สามารถแก้ไขปัญหาแก้มยุบ แก้มตอบ ที่ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สมดุลและดูแก่กว่าวัย
                                  • ฟิลเลอร์ริมฝีปาก สามารถแก้ไขปัญหาริมฝีปากบาง ริมฝีปากแห้ง ดูไม่สมส่วน ไม่เป็นทรง
                                  • ฟิลเลอร์คาง สามารถแก้ไขปัญหาคางตัด คางสั้น คางบุ๋ม หรือคางไม่สมส่วนกับใบหน้า
                                  • ฟิลเลอร์ขมับ สามารถแก้ไขปัญหาขมับที่ยุบตัวลง ขมับตอบ และมีโหนกแก้มสูง
                                  • ฟิลเลอร์กรอบหน้า สามารถแก้ไขปัญหาหน้าบาน กรอบหน้าไม่ชัด ดูไม่มีมิติ
                                  • ฟิลเลอร์ลำคอ สามารถแก้ไขปัญหาผิวบริเวณลำคอ ผิวคอหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเป็นเส้น ๆ

                                   

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะกับใคร?

                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ในบริเวณใบหน้าและลำคอ
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีใบหน้าไม่สมส่วน ดูไม่สมดุล เช่น คางสั้น หน้าผากยุบ ขมับตอบ
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น แต่งหน้าไม่ติด
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ดูไม่เรียบเนียน
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวและรอยสิว
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวโทรม ไม่สดใสจากมลภาวะต่าง ๆ
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เหมาะสำหรับ ผู้ที่แพ้สาร BDDE (Butanediol Diglycidyl Ether) ที่มีอยู่ในฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ

                                   

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia ไม่เหมาะกับใคร?

                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอาการแพ้สารไฮยาลูรอนิก ซึ่งเป็นสารประกอบหลักในฟิลเลอร์
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปก่อน
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกง่าย อาจก่อให้เกิดรอยช้ำหรือเลือดออกในบริเวณที่ฉีดได้
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังรับประทานยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด
                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีแผลเปิดหรือมีการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด ควรรักษาแผลให้หายสนิทก่อน แล้วค่อยตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์

                                  ข้อดีของ NEAUVIA FILLER

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia มีข้อดีอย่างไร?

                                  • ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสในการแพ้หลังฉีด
                                  • มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. ไทย
                                  • ไม่บวมช้ำหลังฉีดและไม่ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย
                                  • สามารถทำร่วมกับหัตถการกลุ่มเลเซอร์อื่น ๆ ได้ เนื่องจากทนความร้อนได้ดี
                                  • ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลและการปฏิบัติตัวหลังฉีด

                                   

                                  ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ควรเตรียมตัวอย่างไร?

                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Neauvia แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์สภาพผิว พร้อมสอบถามทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ Neauvia
                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Neauvia แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติการแพ้ยา ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Neauvia งดรับประทานยาบางชนิด เช่น กลุ่มยาแอสไพริน กลุ่มยาต้านการอักเสบ
                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Neauvia หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Neauvia งดใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิว ในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์

                                   

                                  หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia งดการกด นวด หรือสัมผัสในบริเวณที่ทำการฉีดฟิลเลอร์
                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความร้อน รวมถึงอยู่ท่ามกลางแสงแดด
                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ ให้เพียงพอต่อร่างกาย
                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia งดการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ทุกชนิด
                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ
                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของหมักดอง

                                   

                                  ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia

                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง ร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น
                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ช่วยให้ใบหน้าดูสมดุล มีความสมส่วนมากขึ้น
                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี
                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia  ช่วยให้รูขุมขนกระชับ ผิวหน้าดูเรียบเนียนมากขึ้น
                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น
                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง ลดความหย่อนคล้อย
                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ช่วยให้ใบหน้ามีวอลุ่ม ดูมีมิติมากขึ้น
                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ช่วยให้หลุมสิวหรือผิวขรุขระมีความตื้นขึ้น
                                  • การฉีดฟิลเลอร์ Neauvia ช่วยให้ใบหน้ามีความอ่อนเยาว์ ดูเด็กลง ไม่แก่กว่าวัย

                                  NEAUVIA FILLER ดียังไง 

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia แตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร?

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia

                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia เป็นฟิลเลอร์เจนใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี SMART XROSS LINK Technology (SXT) ในการผลิต ทำให้ฟิลเลอร์มีความแข็งแรง แต่ยังคงมีความยืดหยุ่นสูง สามารถขึ้นรูปทรงได้ดี นอกจากนี้ ยังใช้สาร PEG ในกระบวนการ Cross Link ร่วมกับ ไฮยาลูรอนิก ที่ทำให้ฟิลเลอร์ Neauvia มีความแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่ว ๆ ไป ปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ และอาการบวมหลังฉีด อีกทั้ง ฟิลเลอร์ Neauvia ยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น CaHA ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและอ่อนเยาว์มากขึ้น

                                  ฟิลเลอร์ Juvederm

                                  • ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ซึ่งใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต ได้แก่ Hylacross Technology เทคโนโลยีเริ่มแรกของฟิลเลอร์ Juvederm เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ มีความแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเคลื่อนไหวใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ อุ้มน้ำได้ดีมาก ทำให้ผิวอิ่มฟู คงรูปได้นานขึ้น นอกจากนี้ ยังมี Vycross Technology เทคโนโลยีล่าสุดของฟิลเลอร์ Juvederm เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงรูปได้ดีขึ้น มีความโดดเด่นในการยกกระชับ ปรับรูปหน้า สามารถยึดเกาะกับผิวได้ดี โดยเรียบเนียนไปกับผิว บวมน้ำน้อย และไม่เป็นก้อน

                                  ฟิลเลอร์ Restylane

                                  • ฟิลเลอร์ Restylane เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต ได้แก่ NASHA Technology เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัว แข็งแรง และมีความยืดหยุ่น ไม่ทำให้ฟิลเลอร์ไหลง่าย มีความโดดเด่นในการยกกระชับ ปรับรูปหน้า และเติมเต็มร่องลึก นอกจากนี้ ยังมี OBT Technology เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดี มีความยืดหยุ่น ปรับรูปทรงได้อย่างหลากหลาย มีความโดดเด่นในการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                  ฟิลเลอร์ Belotero

                                  • ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้ CPM Technology (Cohesive Polydensified Matrix) ในการผลิต ทำให้ฟิลเลอร์สามารถอุ้มน้ำได้สูง เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น สามารถเข้ากับผิวได้ดี และมีความเรียบเนียนไปกับผิว สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการปรับรูปหน้า และเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรมชาติ ไม่ไหล ไม่เป็นก้อน

                                   

                                  รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ Neauvia

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia ปลอดภัยไหม?

                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia มีความปลอดภัย เนื่องจากมีสาร PEG ซึ่งเป็นสารที่ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ไม่ทำให้เกิดอาการบวมช้ำหลังฉีด จึงทำให้ฟิลเลอร์ Neauvia มีความปลอดภัยสูง สามารถขจัดออกจากร่างกายได้ทั้งหมด ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Neauvia ยังได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ของไทย อีกด้วย

                                   

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

                                  • หลังฉีดฟิลเลอร์ Neauvia สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด แต่จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด เมื่อฟิลเลอร์เข้าที่และเรียบเนียนไปกับผิว หลังจากฉีด 1 – 2 สัปดาห์ แต่สำหรับ Neauvia Hydro Deluxe แนะนำให้ฉีดอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 3 ครั้ง โดยเว้นระยะเวลาห่างกันเดือนละ 1 ครั้ง จะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมากขึ้น

                                   

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia ฉีดแล้วเจ็บไหม?

                                  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Neauvia จะมีการทายาชาในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดระหว่างการฉีดได้ หลังจากยาชาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว จะรู้สึกตึง ๆ เจ็บเล็กน้อย หรืออาจจะไม่รู้สึกเจ็บเลย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่บริเวณที่ฉีดและเทคนิคการฉีดของแพทย์แต่ละท่านด้วย

                                   

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม?

                                  • ฟิลเลอร์ Neauvia สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เนื่องจากฟิลเลอร์ Neauvia มีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป นั่นคือ ทนความร้อนได้ดี ทำให้สามารถทำร่วมกับหัตถการที่ใช้ความร้อนได้ เช่น เลเซอร์สิว, เลเซอร์หน้าใส, Thermage หรือ Ultraformer MPT ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจทำหัตถการใด ๆ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                   

                                  ฟิลเลอร์ Neauvia เป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า หรือแม้แต่ฉีดงานผิวได้เป็นอย่างดี ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่โดดเด่น อัดแน่นไปด้วยส่วนประกอบที่มีคุณภาพอย่าง PEG, CaHA, L-Proline และ Glycine ที่ทำให้ฟิลเลอร์มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญ แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ Neauvia กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ คลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และใช้ฟิลเลอร์แท้ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย เท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด

                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                    รมย์รวินท์พร้อมสนับสนุนทุกงานวิ่ง Get Ready For RUN RUN RUN

                                    งานวิ่ง

                                    รมย์รวินท์พร้อมสนับสนุนทุกงานวิ่ง Get Ready For RUN RUN RUN

                                    เตรียมตัวให้พร้อม! กับงานวิ่งที่มีความสนุกสุดเหวี่ยงอีกครั้ง กับงานวิ่งที่ร้อนแรงที่สุดในปีนี้ วิ่งริมหาดที่เซ็กซี่และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมขนทัพความแซ่บมาแบบจัดเต็ม

                                    งานวิ่ง Get Ready For RUN RUN RUN

                                    Romrawin Clinic ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เติมความแซ่บก่อนออกวิ่ง

                                    สำหรับสาว ๆ คนไหนที่อยากจะเติมความแซ่บ ความเป๊ะก่อนออกสตาร์ท ทางรมย์รวินท์คลินิกของเราก็พร้อมส่งต่อความปังให้กับสาว ๆ ที่อยากจะดูแลผิวให้มีความกระชับ ลดไขมัน เพิ่มความมั่นใจก่อนออกวิ่ง มาพบกันที่ Romrawin Clinic ทุกสาขา พิเศษสุด ๆ สำหรับลูกค้า 20 ท่านแรก เพียงโชว์บัตรผู้เข้าร่วมแข่งขันงานวิ่งทุกงาน !!  ก็รับฟรี Program Oligio 10,000 บาท (รวมมูลค่า 200,000 บาท) ที่จะช่วยดูแลผิวของคุณให้เป๊ะ พร้อมเฉิดฉายตั้งแต่ครั้งแรก

                                    • รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 4 พ.ย. 2567
                                    • ใช้สิทธิ์ได้ถึง 15 ธ.ค 2567

                                    ใครที่สงสัยว่า Oligio คืออะไร วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับนวัตกรรมยกกระชับผิวที่มาแรงแซงทุกโค้ง

                                    Oligio คือ เครื่องยกกระชับผิวที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุชนิด Monopalar RF ในความถี่ 6.78 MHz เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทั้งยังช่วยในเรื่องการจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวหนัง พลังงานสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ถึงผิวชั้นลึก โดยจะทำให้ผิวยกกระชับ มีความแข็งแรงมากขึ้น พร้อมยังช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว ทำให้สัดส่วนกระชับ ผิวแน่น หน้าดูเป๊ะขึ้น

                                    Oligio ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

                                    Oligio เป็นเครื่องยกกระชับผิวที่มีความปลอดภัย สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

                                    • ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ เนื่องจากอายุที่มากขึ้น ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว และช่วยชะลอการหย่อนคล้อยของผิวตามวัย ทำให้ผิวมีความแน่น หน้าดูอ่อนเยาว์ลง
                                    • ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น หางตา หน้าผาก ร่องแก้ม ทั้งยังช่วยกระชับรูขุมขนให้ผิวมีความเรียบเนียน และดูสุขภาพดีมากขึ้น 
                                    • ช่วยลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดใต้ชั้นผิว กระชับสัดส่วนให้กรอบหน้ามีความคมชัด ลดคางสองชั้น หรือเหนียง

                                    Oligio ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง

                                    ยกกระชับด้วย Oligio สามารถทำได้หลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น บริเวณใบหน้า เช่น ผิวหน้า รอบดวงตา กรอบหน้า ใต้คาง รอบลำคอ หรือบริเวณร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เป็นต้น นอกจากจะช่วยยกกระชับแล้ว ยังช่วยลดไขมันส่วนเกินที่เป็นปัญหาของรูปร่างที่ไม่มั่นใจ โดยผลลัพธ์ของ Oligio นั้นจะอยู่ได้นานถึง 6 เดือน – 1 ปี ทั้งนี้ระยะเวลาของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลหลังทำด้วย

                                    Oligio เหมาะกับใครบ้าง

                                    • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวเหี่ยว สูญเสียคอลลาเจน
                                    • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย รูขุมขนไม่กระชับ
                                    • ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก คิ้วตก หรือมีมุมปากตก ทำให้หน้าดูโทรม
                                    • ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด อยากได้รูปหน้าเรียวขึ้น
                                    • ผู้ที่ปัญหาไขมันเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เหนียง คาง หรือลำตัว
                                    • ผู้ที่อยากชะลอปัญหาผิวก่อนวัย ไม่กระชับ ผิวหย่อนคล้อย

                                    งานวิ่งในประเทศไทยทุกงานเป็นงานวิ่งที่เน้นการเสริมสร้างสุขภาพ เราจึงมีความต้องการที่จะสนับสนุนให้ทุกท่านที่ต้องการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ใครที่อยากจะมาเตรียมความพร้อม ดูแลผิวเสริมความมั่นใจก่อนออกสตาร์ท สามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขาได้เลย เราสนับสนุนการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดี และพร้อมดูแลผิวให้คุณได้มั่นใจในทุกวัน

                                    Romrawin X Luxury Rally ฅ – คนรักรถ เปิดประสบการณ์ความงามใหม่ในแบบที่เป็นคุณ

                                    Romrawin X Luxury Rally

                                    รมย์รวินท์คลินิกร่วมเป็นผู้สนับสนุนทุกการเดินทางเพื่อผิวที่ดีในแบบของคุณ กับ กิจกรรมเดินทางคาราวานท่องเที่ยวสุดหรู ด้วยรถยนต์จากค่ายรถชั้นนำหลากหลายรุ่นกว่า 20 คัน Luxury Rally ฅ – คนรักรถ 24rd Anniversary Driving For Fun ที่จัดขึ้นใน เส้นทาง กรุงเทพฯ – ราชบุรี (La Toscana Hotel Ratchaburi) ที่จะจัดขึ้นวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2567 นี้ ภายใต้คอนเซปท์ “สนับสนุนทุกการเดินทาง…เพื่อผิวที่ดีในแบบคุณ” พร้อมสนับสนุนผู้ร่วมเดินทางทุกท่านมีสิทธิ์ลุ้น รับ Program Oligio มูลค่า 35,000.-  ที่ช่วยยกกระชับ ลดแฟต พิชิตเหนียง 5 รางวัล รวมมูลค่า 175,000.- เปิดโอกาสสุดเอกซ์คลูซิฟสำหรับผู้ที่หลงไหลในการขับขี่ สู่ประสบการณ์ที่แตกต่างจากเดิม

                                     

                                    LUXURY RALLY ไฮไลต์สุดหรูหรา ประสบการณ์ประทับใจตลอดทริป

                                    • ไฮไลต์สำคัญของงาน Luxury Rally ฅ – คนรักรถ 24rd Anniversary Driving For Fun คือการได้ร่วมสัมผัสและทดลองขับรถยนต์หลากหลายแบรนต์ชั้นนำกว่า 20 คัน โดยผู้ร่วมกิจกรรมไม่ต้องใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง ไม่ต้องเติมน้ำมัน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม

                                    ซึ่งในกิจกรรมสุดพิเศษนี้จะได้เข้าชมจุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์น่าสนใจมากมาย อีกทั้งยังร่วมรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเด่นชื่อดัง ทำให้ได้ลิ้มรสอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ตลอดการเดินทาง ดื่มด่ำกับบรรยากาศค่ำคืน dinner สุดพิเศษและมินิคอนเสิร์ตจากคุณ บี พีระพัฒน์ นักร้องชื่อดัง

                                     

                                    นอกจากนี้กิจกรรมเดินทางคาราวานท่องเที่ยวในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวที่สนุกสนานและหรูหราเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางที่ผู้เข้าร่วมจะไม่มีวันลืม เพราะกิจกรรมนี้คือโอกาสที่จะได้สัมผัสกับการท่องเที่ยวสุดพิเศษ พร้อมกับการสร้างความทรงจำที่มีค่าและมิตรภาพใหม่ ๆ ตลอดช่วงเวลาของกิจกรรม 2 วัน 1 คืน

                                     

                                    รมย์รวินท์คลินิกสนับสนุนทุกการเดินทาง เพื่อผิวที่ดีในแบบของคุณ

                                    การดูแลหน้าตา รูปร่าง และบุคลิกภาพตัวเอง ในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม เปรียบเสมือนกับการเดินทางที่ยาวนานเพื่อการพัฒนาตัวเอง ซึ่งตลอดเส้นทางในการพัฒนาตัวเองจากการลองผิดลองถูกเพื่อความสวย สู่ความงามที่สมบูรณ์แบบในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม สอดคล้องกับกิจกรรม Luxury Rally ฅ – คนรักรถ 24rd Anniversary Driving For Fun เพราะทุกประสบการณ์จากการเดินทาง จะคอยมอบแต่ประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดที่สมบูรณ์แบบที่สุดในแบบของตัวคุณเอง

                                     

                                    รมย์รวินท์คลินิกรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Luxury Rally ฅ – คนรักรถ 24rd Anniversary Driving For Fun ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างประสบการณ์ใหม่ในแบบที่เป็นคุณ พร้อมสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน สวยในแบบของตัวเอง เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด ซึ่งการได้เป็นผู้สนับสนุนในครั้งนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสในการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ เพื่อเปิดประสบกาณ์ที่ดีให้กับตัวคุณเอง เพราะเราเชื่อว่า เส้นทางของความงามจากภายในสู่ภายนอก คือการดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถดูดีอย่างมั่นใจ พร้อมก้าวไปสู่ความสำเร็จในทุก ๆ ด้านในเส้นทางของตัวเอง

                                     

                                    สำหรับใครที่อยากมีเส้นทางการพัฒจาตัวเองจากภายในสู่ภายนอกอย่างมั่นใจ สามารถเข้ามาปรึกษากับทาง รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา เราพร้อมมอบประสบการณ์ดูแลผิวพรรณและรูปร่างที่ดี ด้วยโปรแกรมที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล พร้อมดูแลและให้คำปรึกษาโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ ให้คำแนะนำทุกปัญหาผิวอย่างตรงจุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

                                    ฝันสลาย! หน้าเบี้ยว เพราะฉีดฟิลเลอร์เกินขนาด 

                                    หน้าเบี้ยว

                                    ฝันสลาย! หน้าเบี้ยว เพราะฉีดฟิลเลอร์เกินขนาด 

                                    เกิดเหตุการณ์สลดใจ สะเทือนวงการความงาม สืบเนื่องมาจาก มีผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้พาครอบครัวไปทำสวยที่คลินิกชื่อดัง ย่านใจกลางเมือง แต่กลับต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่น่าตกใจ เมื่อหลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว ทั้งตนเอง แม่ และพี่สาวกลับมีอาการหน้าเบี้ยว หน้าผิดรูปอย่างรุนแรง โดยผู้เสียหายเปิดเผยว่า แพทย์ผู้ทำการรักษา ได้ฉีดฟิลเลอร์ให้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ตนเองฉีดไป 18 CC พี่สาว 22 CC และแม่ 37 CC ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเกินมาตรฐาน และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน สูญเสียเงินไปกว่า 1 ล้านบาท ขณะนี้ มีผู้เสียหายออกมาร้องทุกข์มากกว่า 10 รายแล้ว จากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง เป็นเพียงแพทย์ทั่วไป มีการแอบอ้างตนเองว่า เป็นอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งมีการจ้างดาราและอินฟลูเอนเซอร์ มาโปรโมทคลินิกเป็นจำนวนมาก ทำให้มีผู้คนหลงเชื่อเข้ารับบริการร ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย

                                    เหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นถึงความละเลยของผู้ประกอบการที่ยอมเสี่ยงเพื่อผลกำไร โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการ ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในวงการคลินิกความงาม ดังนั้น การเลือกใช้บริการคลินิกความงาม ควรมีการศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเป็นเหยื่อลักษณะนี้อีก

                                    ระวัง! ฉีดฟิลเลอร์มากไป เสี่ยงหน้าเบี้ยว หน้าผิดรูป

                                    ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร?

                                    การฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท กรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูอิ่มฟู โดยการฉีดฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มชั้นผิวที่เสื่อมสภาพและมีการยุบตัวลง ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถฉีดงานผิว Skin Booster เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวและเติมเต็มความชุ่มชื้นได้อีกด้วย ซึ่ง การฉีดฟิลเลอร์สามารถเลือกฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หน้าแก้ม หน้าผาก ขมับ คาง หรือริมฝีปาก เป็นการแก้ไขปัญหาผิว ริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                     

                                    ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดควรใช้กี่ CC ?

                                    ปริมาณในการเลือกฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุด ในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพผิวหน้า ปัญหาที่ต้องการแก้ไข บริเวณที่ต้องการฉีด รวมถึงความต้องการของแต่ละคน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวหน้า พร้อมแนะนำปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมว่า แต่ละจุดควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กี่ CC  เพื่อลดโอกาสในการฉีดฟิลเลอร์มากเกินความจำเป็น จนอาจทำให้เสี่ยงหน้าเบี้ยวได้ ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อจนเกินไป

                                     

                                    ภาวะฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป คืออะไร?

                                    Facial Overfilled Syndrome หรือที่เรียกกันว่า “ภาวะฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป คือ ภาวะฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินความพอดี ซึ่งอาจเป็นการเติมเต็มฟิลเลอร์ในทุกพื้นที่ของใบหน้า หรือเติมเต็มเฉพาะจุดในปริมาณที่มากเกินความต้องการ จนใบหน้าดูล้นและไม่ธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายตามมาสารพัด ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าผิดรูป ใบหน้าไม่สมส่วน และใบหน้าเบี้ยวได้

                                     

                                    ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป เกิดจากอะไร?

                                    • แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ เกิดจากแพทย์ประเมินปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ ในแต่ละจุดไม่พอดีกับปัญหาผิวหน้า มีการคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่ผิดพลาด ทำให้เกิดการฉีดฟิลเลอร์มากเกินความพอดี จนใบหน้าเบี้ยวและผิดรูปได้
                                    • ความต้องการของผู้รับบริการ เกิดจากผู้รับบริการบางราย ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดฟิลเลอร์แบบชัดเจน ทำให้ยอมรับที่จะฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น
                                    • โฆษณาเกินจริง คลินิกบางแห่งมีการโฆษณาที่เกินจริง เกี่ยวกับปริมาณในการฉีดฟิลเลอร์ เป็นที่มาของคำว่า ยิ่งเติมยิ่งเต็ม ยิ่งเต็มยิ่งสวย ทำให้ผู้รับบริการเกิดความเข้าใจผิดและหลงเชื่อ หากฉีดฟิลเลอร์มากเกินความพอดี อาจทำให้ใบหน้าเบี้ยวได้ไม่รู้ตัว

                                    หน้าเบี้ยว

                                    ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป อันตรายไหม?

                                    การฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง อาจทำให้เกิดอันตรายในบริเวณที่ฉีดหรือลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ได้ เช่น

                                    • ใบหน้าแข็งทื่อ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป ทำให้ใบหน้าแข็งทื่อ ดูไม่เป็นธรรมชาติ และแสดงออกทางสีหน้าได้ยากขึ้น
                                    • ใบหน้าไม่สมส่วน การฉีดฟิลเลอร์ในบางจุดมากเกินความพอดี อาจทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน ดูบวม แหลม และแปลกไปจากเดิมได้ เช่น หน้าผากนูน ริมฝีปากดูหนาใหญ่ หรือคางแหลมเหมือนแม่มด
                                    • ฟิลเลอร์เป็นก้อน เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป เกิดการจับตัวเป็นก้อนอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนและมองเห็นเป็นก้อนได้อย่างชัดเจน
                                    • ใบหน้าเบี้ยว ในกรณีรุนแรง มีความเสี่ยงสูงที่ฟิลเลอร์จะไปอุดตันในหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะขาดเลือด ส่งผลให้ใบหน้าเบี้ยวได้

                                     

                                    ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป มีวิธีแก้ไขอย่างไร?

                                    • ฉีดสลายฟิลเลอร์ เป็นทางเลือกแรกที่แพทย์จะพิจารณา ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์มาแล้วเกิดปัญหา ซึ่งแพทย์จะทำการฉีดสลายฟิลเลอร์เข้าไปในยังผิวหนัง โดยใช้เอนไซม์ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase หรือ HYAL) สามารถย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ได้ ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้จะเข้าไปทำลายการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์เกิดการสลายตัว ส่งผลให้ผิวกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงเดิมมากที่สุด ซึ่งก่อนฉีดสลายฟิลเลอร์ ต้องแจ้งข้อมูลการฉีดฟิลเลอร์ก่อนหน้า ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์คำนวณปริมาณการใช้ยาสลายฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ไม่กระทบเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ
                                    • ขูดฟิลเลอร์ สามารถใช้กับฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ซึ่งใช้ในกรณีที่ฟิลเลอร์ไม่สามารถใช้การฉีดสลายได้ เมื่อขูดแล้ว ไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้หมด อาจนำออกได้เพียง 60 – 70%
                                    • ผ่าตัด สามารถใช้กับฟิลเลอร์ประเภท ซิลิโคนเหลว ที่เป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์มานานจนเป็นพังผืดเกาะ ซึ่งการผ่าตัดไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้หมด เนื่องจากต้องระมัดระวังเส้นประสาทหรือเส้นเลือดสำคัญต่าง ๆ ในร่างกาย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ

                                    ฉีดฟิลเลอร์ที่ รมย์รวินท์คลินิก ดีกว่าอย่างไร?

                                    • ทีมแพทย์มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ สามารถคำนวณปริมาณในการฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดได้อย่างแม่นยำ
                                    • วิเคราะห์รูปหน้าอย่างละเอียดด้วยเทคนิค Lifting Select เฉพาะที่ รมย์รวินท์คลินิก ได้แก่ Fame Selection ปรับโครงหน้าให้ดูอ่อนเยาว์, Light & Shadow Me เพิ่มมิติ เสริมจุดเด่นให้ใบหน้า และ Conceal Selection เผยงานผิว ปรับผิวฉ่ำวาว
                                    • ใช้ฟิลเลอร์แท้ มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ที่นำเข้ามาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบฟิลเลอร์ได้ทุกกล่องก่อนฉีด
                                    • เลือกใช้ฟิลเลอร์ ที่ผ่านการรองรับมาตรฐานความปลอดภัยจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งจากประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
                                    • รีวิวการฉีดฟิลเลอร์จากผู้ใช้บริการจริง สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน หลังฉีดให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

                                    ฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าเบี้ยว ฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าผิดรูป ซึ่งวิธีป้องกันปัญหาเหล่านี้ที่ดีที่สุด คือ การเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน รวมถึง เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก ก่อนจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดโอกาสในการฉีดฟิลเลอร์เกินขนาด มากเกินความพอดี จนทำให้เสี่ยงหน้าเบี้ยวได้ สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือสนใจฉีดฟิลเลอร์ สามารถเข้ามาปรึกษากับ รมย์รวินท์คลินิกได้เลย เพื่อให้แพทย์ประเมินผิวหน้าเบื้องต้น พร้อมเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะกับเรามากที่สุด ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

                                    ข้อความแจ้งเตือนโปรฯ โบเจนใหม่ ส่วนลดกว่า 60% !!!

                                    โบเจนใหม่

                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                      คุณได้รับข้อความแจ้งเตือนให้หน้าเรียว หน้าตึงด้วยโบเจนใหม่ จากรมย์รวินท์คลินิก 

                                      ไม่ต้องงงค่ะทุกโค๊นนนน.. เพราะรมย์รวินท์จะมาประกาศความหน้าเรียว ลดริ้วรอยให้หน้าตึง แต่สวยได้แบบเป็นธรรมชาติด้วยโบเจนใหม่จากรมย์รวินท์คลินิกพร้อมโปรโมชันที่ขอบอกเลยว่าโดนใจสาวๆ หนุ่มๆ เป็นอย่างมากก!!

                                       

                                      เพราะเมื่อคุณเห็นข้อความนี้จากรมย์รวินท์คลินิก ก็รับไปเลย ส่วนลดกว่า 60% 

                                      ฉีดโบ

                                       

                                      • เก็บหมดทุกริ้วรอย เผยกรอบหน้าชัด ด้วยโบเจนใหม่ 50 U 7,900 บาท จากราคาปกติ 20,000 บาท

                                       

                                      ฉีดโบ

                                       

                                      • กรอบหน้าชัด กรามเล็กลง หน้าเรียวขึ้น ด้วยโบเจนใหม่ 100U ในราคาพิเศษ 14,900 บาท จากราคาปกติ 35,000 บาท

                                       

                                      โปรแรง! ราคาดี เติมเต็มความสวยหน้าเรียว หน้าตึงขนาดนี้ พลาดได้จริงๆ หรอ ???? รีบมาจองโปรฯกันให้ไวเลยยย… right now!! 

                                      แต่ขอย้ำกันหน่อยนะ! ระยะเวลาโปรโมชันเด็ดดีแบบนี้

                                      • ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน 2567 และจองได้เฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้นนะ!! 

                                      มาทำความรู้จักโบเจนใหม่กันก่อนสวย

                                      โบเจนใหม่จากประเทศเยอรมนี เป็นโบเจนใหม่ที่มีความบริสุทธิ์สูง 100% ปราศจากสิ่งเจือปน ทำให้ร่างกายไม่เกิดการดื้อหรือแพ้ยา มีจุดเด่นคือ เป็นโมเลกุลเล็กสามารถกระจายตัวได้ดี ฉีดเข้าไปแก้ไขในบริเวณที่ต้องการได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิว เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยและการยกกระชับเก็บกรอบหน้าให้เรียวชัดดูมีมิติ ให้ความสวยที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งตึง ไม่โป๊ะ และโบเจนใหม่นี้สามารถฉีดซ้ำได้ต่อเนื่องโดยไม่ทำให้เกิดอาการดื้อ ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอยู่ได้นาน 4-6 เดือน 

                                      โบเจนใหม่ทำให้หน้าสวยปังได้อย่างไรบ้าง

                                      • โบเจนใหม่ ช่วยลดรอยย่นบริเวณหน้าผาก
                                      • โบเจนใหม่ ช่วยลดรอยพับระหว่างคิ้วที่เกิดจากการแสดงอารมณ์
                                      • โบเจนใหม่ ช่วยลดรอยตีนกา และริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา
                                      • โบเจนใหม่ ช่วยทำให้กรอบหน้าคมชัด ดูมีมิติมากขึ้น
                                      • โบเจนใหม่ ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามให้เล็กลง
                                      • โบเจนใหม่ ช่วยทำให้หน้าเรียวสวยมากขึ้น

                                      ข้อควรรู้ : การฉีดโบอย่างสม่ำเสมอ ช่วยชะลอความชราของผิว ทำให้ผิวเด็กได้ในระยะยาว 

                                      ดูแลตัวเองอย่างไรหลังการฉีดโบให้สวยยาวนาน

                                      • หลังจากฉีดโบเจนใหม่ 4 ชั่วโมงแรก ควรงดการนอนราบ และให้นอนหนุนศีรษะให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อไม่ให้เลือดไหลเวียนบริเวณใบหน้ามากเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของโบเจนใหม่
                                      • ห้ามออกกำลังกายหักโหมหลังจากฉีดโบเจนใหม่ใน 48 ชั่วโมง เพราะความร้อนจากการเผาผลาญร่างกายจากการออกกำลังกายอาจทำให้โบเจนใหม่เกิดการสลายตัวได้ หากจะออกกำลังกายควรออกกำลังกายได้แบบเบาๆ
                                      • ห้ามขัด นวด หรือเลเซอร์หน้าในระยะเวลา 2 สัปดาห์หลังจากการฉีดโบเจนใหม่ เพราะอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของโบเจนใหม่ได้ 

                                      ทำไมต้องเลือกมาฉีดโบเจนใหม่ที่รมย์รวินท์คลินิก 

                                      • รมย์รวินท์คลินิกเป็นคลินิกเสริมความงามที่ได้รับการรับรอง มีเลขทะเบียนที่สามารถตรวจสอบได้ และได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนานถึง 21 ปี และมีสาขาทั่วประเทศถึง 28 สาขา
                                      • รมย์รวินท์คลินิกเลือกใช้โบเจนใหม่ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และการเก็บรักษาที่คงประสิทธิภาพในการทำการรักษาอย่างเต็มที่ ผู้มาใช้บริการสามารถตรวจสอบได้ว่าโบเจนใหม่ที่ทางรมย์รวินท์คลินิกใช้เป็นของแท้ผ่านอย.ไทย 
                                      • รมย์รวินท์คลินิกทำการฉีดโบเจนใหม่ด้วยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านการฉีดโบเจนใหม่ ซึ่งจะสามารถประเมินการรักษาให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการสวยดูดี และปลอดภัย ได้รับความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน 
                                      • รมย์รวินท์คลินิกมีโปรโมชันพิเศษตลอดทุกเดือนมาให้ผู้มาเข้ารับบริการได้ติดตามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้รับทั้งความสวย ความประทับใจ และราคาที่เป็นกันเอง

                                       

                                       เงื่อนไขการให้บริการ

                                      • โปรโมชั่นนี้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน 2567 เท่านั้น 
                                      • โปรโมชั่นนี้เฉพาะจองออนไลน์เท่านั้น
                                      • โปรโมชั่นเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น
                                      • ผลลัพธ์การรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล
                                      • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่
                                      • เฉพาะสาขาสาขาพารากอนเท่านั้น

                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                        ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แก้ปัญหาหน้าโทรม โหนกแก้มชัด ข้อมูลอัพเดทล่าสุด

                                        ฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แก้ปัญหาโหนกแก้มสูง หน้าโทรม ดูมีอายุ อัปเดตล่าสุด

                                          ปัญหาแก้มตอบ หน้าตอบ เป็นปัญหาที่ไม่ต้องมีอายุก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยปัญหานี้ทำให้ใบหน้าดูมีอายุและโทรม ไม่สดใส ปัญหานี้สามารถพบได้ทั่วไปได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาที่ได้รับความนิยมที่สุดในขณะนี้คือ การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ การฉีดแก้มตอบเพื่อการเติมเต็มใบหน้าให้ดูอิ่มฟูและดูหน้าเด็กมากขึ้น แก้ปัญหาโหนกแก้มชัดได้อย่างตรงจุด แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น 

                                          วันนี้รมย์รวินท์คลินิกได้รวบรวมข้อมูลสำคัญของการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบว่า ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบคืออะไร ปัญหาแก้มตอบเกิดจากอะไร ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบอันตรายไหม ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบอยู่ได้นานไหม และรวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดแก้มตอบ

                                           

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แก้ปัญหาหน้าโทรม โหนกแก้มชัด 

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ คืออะไร?

                                          ฟิลเลอร์แก้มตอบ หรือ การฉีดแก้มตอบ เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic : HA) เพื่อแก้ปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มสูง สาเหตุที่ทำให้ใบหน้าโทรมและดูมีอายุ โดยเนื้อฟิลเลอร์จะเข้าไปทดแทนในส่วนของเนื้อที่หายไป ช่วยให้บริเวณแก้มตอบกลับมาเต็มขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ และปรับใบหน้าให้มีโหงวเฮ้งที่ดีมากขึ้น

                                          ฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          ปัญหาแก้มตอบ เกิดจากอะไร?

                                          ปัญหาแก้มตอบที่ต้องแก้ไขด้วยการฉีดแก้มตอบ เกิดจากสาเหตุ ดังนี้

                                          • อายุที่เพิ่มมากขึ้น

                                          เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวเกิดการสูญเสียคอลลาเจน อีลาสติน และไขมัน ที่เป็นส่วนในการช่วยยกพยุงใบหน้า โดยบริเวณแก้มที่เคยมีเนื้อเริ่มซูบลง ทำให้เกิดเป็นปัญหาแก้มตอบ จนทำให้ใบหน้าเป็นแอ่งยุบลึกลงไป

                                          • พันธุกรรม

                                          ผู้ที่เกิดปัญหาแก้มตอบจากพันธุกรรม เกิดจากการที่กระดูกส่วนกลางของบริเวณแก้ม เกิดการยุบตัวลงมากเกินไป ทำให้เนื้อแก้มยุบตามลง หรือผู้ที่มีปัญหาโหนกแก้มสูง สามารถทำให้แก้มดูตอบได้เหมือนกัน

                                          • การฉีดโบกราม

                                          การฉีดโบลดกรามเป็นเพียงการทำให้บริเวณกรามเล็กลงเท่านั้น การที่ฉีดโบกรามจนเกิดปัญหาหน้าตอบ เกิดจากการฉีดโบกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือหมอกระเป๋า ใช้ปริมาณฉีดโบที่ไม่เหมาะสม ฉีดโบมากจนเกินไป จนทำให้บริเวณกล้ามเนื้อกรามเล็กลง จนทำให้แก้มตอบลงกว่าเดิม

                                          • น้ำหนักลดลงเร็วเกินไป

                                          ปัญหาแก้มตอบที่พบได้บ่อยมากที่สุด คือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดการสูญเสียไขมันในร่างกาย รวมไปถึงไขมันบนใบหน้าที่จะเห็นได้ชัดเจนว่าแก้มตอบมาก

                                          • การถอนฟันและการจัดฟัน

                                          ปัญหาแก้มตอบที่เกิดจากการจัดฟัน มาจากการจัดฟันทำให้รับประทานอาหารได้อย่างลำบาก ทำให้ไขมันที่สะสมบริเวณใบหน้าลดลง และเมื่อฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เนื้อริมฝีปากจะยุบตามตำแหน่งของฟัน ทำให้โหนกแก้มสูงขึ้นและแก้มตอบลง

                                          ฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยอะไร?

                                          ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ การฉีดฟิลเลอร์แก้มนับเป็นการช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบได้อย่างตรงจุด และยังเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะการฉีดแก้มตอบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบช่วยแก้ปัญหา ดังนี้

                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยเติมเต็มบริเวณแก้มที่เป็นแอ่งจากชั้นไขมันยุบตัวลงให้อิ่มฟูขึ้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยฟื้นฟูใบหน้าให้ดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยให้ใบหน้ามีความอิ่มฟู แลดูสุขภาพดี
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยเสริมโหงวเฮ้งใบหน้าให้ดีขึ้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ  ช่วยลดโหนกแก้ม ให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับใครบ้าง?

                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาการยุบตัวของไขมันบริเวณแก้ม เนื่องจากมีอายุเพิ่มขึ้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มจากการจัดฟัน น้ำหนักที่ลดลง หรืออายุที่เพิ่มขึ้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้นนาน
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากมีบาดแผล
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่หน้าสองข้างไม่เท่ากัน ต้องการปรับให้รูปหน้าสมส่วนขึ้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่อยากฉีดแก้มตอบเพื่อเติมเต็มใบหน้า
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่มีโหนกแก้มสูง โดยพันธุกรรม

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับใคร?

                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ หรือสตรีที่กำลังให้นมบุตร 
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับผู้ที่ป่วยเรื้อรังบางประเภท เช่น เบาหวาน ไวรัสตับอักเสบบี และภูมิคุ้มกันบกพร่อง
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้สารไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA)
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีรอยแผลเปิดบริเวณที่ต้องการฉีดแก้มตอบ ควรรักษาให้หายก่อนฉีด
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นเริม หรือ งูสวัด
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก ฟกช้ำง่าย จากการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด วิตามินอี เป็นต้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเป็นแผลคีลอยด์ง่าย
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ยาชา

                                          ฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ มีข้อดีอย่างไร?

                                          ข้อดีของการฉีดแก้มตอบ มีดังนี้

                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน ใช้ชีวิตประจำวันปกติหลังทำได้ทันที
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบ หน้าไม่เท่ากัน
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟู สดใส อ่อนเยาว์
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ สามารถทดแทนไขมันบริเวณแก้มที่หายไป ให้กลับมาเรียบเนียนขึ้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ มีความปลอดภัย ฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยลดโหนกแก้มสูง ให้มีความเด่นน้อยลง
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ สามารถฉีดแก้มตอบได้เรื่อย ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ

                                          ฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เลือกยี่ห้อไหนดี?

                                          การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เพื่อเติมให้บริเวณแก้มที่ตอบดูเต็มขึ้น ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแน่น มีความคงตัว สามารถกลืนกับผิวได้เป็นอย่างดี  ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แพทย์จะทำการประเมินรูปหน้าจากปัญหาและสภาพผิวอย่างละเอียด เนื่องจากในแต่ละบุคคลมีปัญหาที่แตกต่างกัน การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหา จะช่วยทำให้ผลลัพธ์หลังทำออกมาสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ฉีดแก้มตอบที่เหมาะแก้ปัญหาแก้มตอบ มีดังนี้

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบยี่ห้อ Juvederm

                                          ฟิลเลอร์ Juvederm ฟิลเลอร์ฉีดแก้มตอบ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เทคโนโลยีการผลิต Hylacross Technology และ Vycross Technology ฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะกับการฉีดแก้มตอบ มีดังนี้

                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ Juvederm Volift : ฟิลเลอร์เทคโนโลยี Vycross Technology ที่เนื้อฟิลเลอร์ลักษณะเนื้อนิ่มแบบปานกลาง มีความละเอียดและเรียบเนียน เหมาะกับการเติมร่องแก้ม แก้มตอบ ร่องน้ำหมาก และปาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ Juvederm Voluma : ฟิลเลอร์เทคโนโลยี Vycross Technology ที่เนื้อฟิลเลอร์ลักษณะเนื้อแข็งที่ฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นและแน่นตัว เหมาะกับการเติมเต็มร่องลึก เช่นขมับ ร่องแก้ม แก้มตอบ แก้มส้ม อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบยี่ห้อ Restylane

                                          ฟิลเลอร์ Restylane ฟิลเลอร์ฉีดแก้มตอบ จากประเทศสวีเดน ใช้เทคโนโลยีการผลิต NASHA Technology และ OBT Technology ฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะกับการฉีดแก้มตอบ มีดังนี้

                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ Restylane Volyme ฟิลเลอร์เทคโนโลยี OBT Technology ที่ออกแบบมาสำหรับเติมเต็มชั้นผิวบริเวณใบหน้าให้มีความอิ่มฟูขึ้น ใช้สำหรับการเติมเต็มส่วนที่ลึกหรือตอบลง เช่น แก้มตอบ อยู่ได้นาน 18 เดือน

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบยี่ห้อ Belotero

                                          ฟิลเลอร์ Belotero ฟิลเลอร์ฉีดแก้มตอบ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เทคโนโลยีการผลิต Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะกับการฉีดแก้มตอบ มีดังนี้

                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ Belotero Intense ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเติมเต็มร่องลึก เช่น แก้มตอบ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก อยู่ได้นาน 18 เดือน

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ มีผลข้างเคียงไหม?

                                          การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หรือการฉีดแก้มตอบ มีความปลอดภัย เนื่องจากใช้ฟิลเลอร์แท้ ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาการและยาของประเทศไทย และผ่านการรับรองจาก KFDA ของประเทศเกาหลี หรือ FDA ของประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะมีความปลอดภัยและมีคุณภาพที่ดีได้ ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญการ คลินิกและสถานพยาบาลต้องมีมาตรฐานและน่าเชื่อถือ ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งของปัญหา เท่านั้น

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ vs เติมไขมันใบหน้า ต่างกันอย่างไร?

                                          • การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีความปลอดภัยสูงเข้าสู่บริเวณแก้ม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีร้อยแผล และไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะเห็นผลลัพธ์ทันที และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ ในช่วงหลังฉีดแก้มตอบอาจมีอาการบวมเข็มหรือบวมฟิลเลอร์ จะค่อย ๆ หายได้เองใน 2-3 วัน ซึ่งระยะเวลาของผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้
                                          • การเติมไขมัน เป็นการดูดไขมันจากบริเวณอื่นของร่างกาย มาทำการปั่นแยกไขมันเพื่อเติมเต็มบริเวณแก้ม ลดโอกาสการเสี่ยงอาการแพ้ เนื่องจากใช้ไขมันของตัวเอง มีรอยแผลในบริเวณที่มีการดูดไขมัน ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน ต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี และอาจเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ทั้งนี้การเติมไขมันจะใช้เวลาเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณ 3 เดือน

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ vs ฟิลเลอร์แก้มส้ม vs ฟิลเลอร์หน้าแก้ม ต่างกันอย่างไร?

                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ : เป็นการฉีดแก้มตอบช่วงบริเวณใต้โหนกแก้มลงมา เพื่อแก้ปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มสูง ใบหน้าสองฝั่งไม่เท่ากัน ช่วยให้ใบหน้ามีความอิ่มฟูและใบหน้าเต็มสมส่วนมากขึ้น
                                          • ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม : เป็นการฉีดแก้มส้มช่วงบริเวณพวงแก้ม เพื่อเติมหน้าแก้มที่ยุบตัว ให้กลับมาเต็มและอิ่ีมฟูขึ้น ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าที่มีความหย่อนคล้อย ให้กลับมายกกระชับ มักทำควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
                                          • ฉีดฟิลเลอร์หน้าแก้ม : เป็การฉีดฟิลเลอร์บริเวณที่อยู่ระหว่างใต้ตากับแก้มและโหนกแก้มกับจมูก เพื่อให้แก้มมีความกลมมนมากขึ้น แก้มมีความอิ่มฟู ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติและดูเด็กลงพร้อมกัน

                                          ฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เตรียมตัวและดูแลตนเองก่อน-หลังฉีดแก้มตอบอย่างไร?

                                          การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดการทานวิตามินและอาหารเสริมบางประเภท ที่เกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิต เช่น วิตามินซี วิตามินอี น้ำมันปลา ประมาณ 2 สัปดาห์
                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดการทำเลเซอร์เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดเพิ่มมากขึ้น เช่น ปั่นจักรยาน วิ่ง ว่ายน้ำ เป็นต้น
                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันทำหัตถการ เนื่องจากอาจมีสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางตกค้างบริเวณใบหน้า
                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนผสมที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว
                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว กับแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ควรแจ้งประวัติการทำหัตถการและประวัติการทำศัลยกรรม

                                          ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แพทย์จะประเมินสภาพผิวหน้าและปัญหาของผิวหน้า เพื่อวางแผนการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณของฟิลเลอร์ และจุดที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
                                          • เริ่มทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางที่อยู่บนผิว เพื่อเตรียมพร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ และมีการทายาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบเพื่อบรรเทาอาการเจ็บระหว่างการรักษา
                                          • แพทย์จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวหนังด้วยเข็มฉีดยา โดยปกติทั่วไปจะอยู่บริเวณตรงกรามและบริเวณแก้มทั้งสองข้าง 
                                          • เมื่อฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แพทย์อาจนวดบริเวณที่ฉีดเพื่อกระจายเนื้อฟิลเลอร์ให้เข้าที่
                                          • แพทย์จะให้คำแนะนำการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

                                          ฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ

                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำและนอนตะแคงบริเวณที่ฉีดแก้มตอบ เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่
                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หากมีอาการบวม สามารถประคบเย็นและรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดแต่งหน้าและใช้ครีมบำรุงทุกชนิดใน 24 ชั่วโมงแรก
                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเสี่ยงกระแทก ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ และบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น และฟิลเลอร์คงสภาพมากขึ้น
                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น เลเซอร์ ซาวน่า 
                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ งดขยับใบหน้าเยอะ ในช่วง 3 วันแรกที่ทำ 

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ กับ คำถามที่พบบ่อย

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ใช้ฟิลเลอร์กี่ cc?

                                          • โดยปกติการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะใช้ตั้งแต่ 2 CC ขึ้นไป โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและวิเคราะห์ใบหน้าก่อนฉีดแก้มตอบ เพื่อให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล

                                          ฉีดฟิลเลอร์เติมแก้มตอบ อยู่ได้กี่เดือน? 

                                          • การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ในการฉีดแก้มตอบ เนื่องจากฟิลเลอร์นั้นจะเริ่มย่อยสลายเองตามธรรมชาติ หลังจากที่ฟิลเลอร์เริ่มสลาย สามารถฉีดแก้มตอบซ้ำได้ เพื่อรักษาผลลัพธ์ของใบหน้าอิ่มฟูอยู่เสมอ

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ฉีดซ้ำได้ไหม?

                                          • ในการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบสามารถฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์นานต่อเนื่องได้ เนื่องจากฟิลเลอร์แท้สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ หากต้องการใบหน้าอิ่มฟูและดูเด็กตลอดเวลา ต้องฉีดแก้มตอบซ้ำเพื่อให้ผลลัพธ์ยังคงอยู่เสมอ

                                          หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ห้ามทานอะไร?

                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แนะนำว่าควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ งดการรับประทานอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารไม่สุก รวมไปถึงอาหารเสริมบางชนิด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อ

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ กับ ฉีดไขมันเสริมแก้ม แบบไหนดีกว่ากัน?

                                          • การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบกับการฉีดไขมันเสริมแก้ม มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หรือการฉีดแก้มตอบ เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ส่วนการฉีดไขมันเสริมแก้ม เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบถาวร ซึ่งทั้ง 2 หัตถการควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ กับ ร้อยไหมยกแก้ม แบบไหนดีกว่ากัน?

                                          • การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะเหมาะกับผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาแก้มตอบ แก้มซูบ หรือแก้มยุบเป็นแอ่งเว้า การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบสามารถช่วยเติมใบหน้าบริเวณแก้มให้ดูเต็มและอิ่มฟูขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ผิวกระชับมากขึ้น เป็นหัตถาการที่แก้ปัญหาแก้มตอบได้อย่างตรงจุด ส่วนการร้อยไหมยกแก้ม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มห้อยและแก้มตอบ ส่วนมากจะพบได้ในผู้ที่มีอายุเยอะที่โครงสร้างผิวไม่แข็งแรง กระดูกทรุดตัวลง ผิวหนังยุบตัว ทำให้ผิวไม่มีที่ยึดเกาะ จึงทำให้แก้มห้อยและหย่อนคล้อย

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เจ็บไหม?

                                          • ในการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แพทย์จะทำการทายาชาบริเวณที่ต้องการก่อนฉีดแก้มตอบ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บขณะฉีด เมื่อยาชาออกฤทธิ์ผิวบริเวณที่ต้องการฉีดจะรู้สึกชา ทำให้ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะรู้สึกตึง ๆ เท่านั้น อาจมีอาการปวดหลังฉีดแก้มตอบประมาณ 1-3 วัน สามารถรับประทานยาบรรเทาอาการปวดได้

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ พักฟื้นนานแค่ไหน?

                                          • การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ โดยปกติทั่วไปไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน สามารถทำกิจวัตรได้ตามปกติหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หากมีอาการบวม ควรงดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า 3-5 วัน สามารถประคบเย็นหลังฉีดแก้มตอบในช่วงแรก เพราะจะช่วยบรรเทาอาการบวมและปวดได้ดี

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ หน้าบวมและหน้าช้ำไหม?

                                          • สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง ช้ำง่าย อาจมีรอยเขียวช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ สามารถหายได้เอง ประมาณ 7-14 วัน สามารถรับประทานยาหรือทายาที่ช่วยลดอาการบวมช้ำได้ ส่วนอาการบวม ปวด หลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เป็นอาการที่พบได้ปกติทั่วไป สามารถรับประทานยาบรรเทาอาการปวดได้ โดยอาการเหล่านี้จะหายได้เองภายใน 5-7 วัน

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ช่วยลดโหนกแก้มได้จริงไหม?

                                          • สำหรับผู้ที่มีปัญหาโหนกแห้มสูง โหนกแก้มเด่นชัด การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะช่วยพรางให้โหนกแก้มดูเล็กลงได้ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะช่วยให้โหนกแก้มสูง ดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเจน และช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟูมากขึ้นอีกด้วย

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ต้องฉีดตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

                                          • ปัญหาแก้มตอบ แก้มซูบ ใบหน้าไม่เท่ากัน ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุเยอะเท่านั้น แต่สามารถเกิดจากโครงกระดูกของใบหน้า การลดน้ำหนัก หรือการจัดฟัน ดังนั้นหากเริ่มมีปัญหาแก้มตอบ แก้มซูบ และเริ่มเห็นโหนกแก้มชัดขึ้น สามารถแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบเพื่อพยุงบริเวณแก้ม ไม่ให้แก้มตอบหรือแก้มซูบมากกว่าเดิม

                                          ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ มีข้อควรระวังไหม?

                                          การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ จำเป็นต้องทราบข้อควรระวังในการฉีดแก้มตอบก่อนทำหัตถการ โดยข้อควรระวัง มีดังนี้

                                          • ระวังการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบที่ไม่ได้มาตรฐาน ควรตรวจสอบกล่องยาก่อนทุกครั้งว่าได้รับการรับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง
                                          • การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ จำเป็นต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญการเท่านั้น เนื่องจากการฉีดแก้มตอบต้องมีเทคนิคในการฉีด และใช้ประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

                                          การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เป็นการฉีดแก้มตอบเพื่อเติมเต็มบริเวณแก้มตอบ แก้มซูบให้กลับมาอิ่มฟูและอ่อนเยาว์มากขึ้น ซึ่งปัญหาแก้มตอบ แก้มซูบ มาจากหลากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม อายุ การจัดฟัน การลดน้ำหนัก การแก้ไขปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์แก้ม เป็นหัตถการที่ตอบโจทย์แก้มตอบโดยเฉพาะ อีกทั้งยังช่วยลดโหนกแก้มสูงให้เล็กลง ช่วยให้ใบหน้าเรียวสวยดูสมส่วนมากขึ้น

                                          ก่อนตัดสินเลือกฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ควรตรวจสอบและเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน สะอาดและปลอดภัย มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น

                                          สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ เพื่อแก้ปัญหาแก้มตอบ แก้มซูบ ใบหน้าไม่เท่ากัน รวมไปถึงปัญหาโหนกแก้มสูง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษากับรมย์รวินท์คลินิกก่อนตัดสินใจเลือกฉีดแก้มตอบได้ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ 

                                           

                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                            ThermiVA กระชับช่องคลอด ไม่ต้องผ่าตัด คืออะไร

                                            ThermiVA กระชับช่องคลอด

                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                              ThermiVA คืออะไร กระชับช่องคลอด ไม่ต้องผ่าตัด คืออะไร ดียังไง

                                              เมื่ออายุมากขึ้น สาว ๆ หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมช่องคลอดถึงหย่อนคล้อย ปัสสาวะเล็ดหลังจากคลอดลูก และอีกสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นหลังผู้หญิงอายุมากขึ้น ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงลดความมั่นใจลงอีกด้วย แต่ความกังวลใจนี้จะหมดไป เพราะในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย อย่าง ThermiVA เทคโนโลยีใหม่ กระชับช่องคลอด ไม่ต้องผ่าตัด ที่กำลังมาแรงในตอนนี้

                                              ปัญหาที่ผู้หญิงที่มักพบ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น?

                                              ผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนต่างพบเจอ และมักจะกังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก

                                              • ช่องคลอดไม่กระชับ ที่อาจเกิดได้จากการคลอดบุตรหลายครั้ง อายุที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางเพศ และความมั่นใจลดลง
                                              • ผนังช่องคลอดแห้งบาง ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ยาบางชนิด หรือการขาดสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ อาจทำให้รู้สึกเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
                                              • ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่ได้ เกิดจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง ซึ่งอาจเกิดจากการคลอดบุตร การไอเรื้อรัง หรือการอ้วน อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประจำวัน และความมั่นใจ
                                              • มดลูกหย่อน เกิดจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง ทำให้มดลูกเคลื่อนตัวลงมา อาจจะมีอาการปวดหลัง ปัสสาวะลำบาก และมีก้อนเนื้อยื่นออกมาทางช่องคลอด ซึ่งทำให้ลำบากต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
                                              • ไม่ถึงจุดสุดยอด มีหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงไม่ถึงจุดสุดยอด เช่น ความเครียด ปัญหาสุขภาพ หรือความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ได้

                                              ThermiVA ช่องคลอดไม่กระชับเกิดจากอะไร

                                              ช่องคลอดไม่กระชับ หย่อนคล้อย สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

                                              • การคลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาติ : สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงนั้นมีช่องคลอดที่ไม่กระชับ อาจจะเกิดจากการคลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะกล้ามเนื้อส่วนช่องคลอดนั้นจะมีการขยายตัว เพื่อทำให้ทารกนั้นคลอด โดยหลังคลอดกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะไม่สามารถกลับมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เลยทำให้เกิดช่องคลอดหย่อนคล้อย
                                              • อายุที่มากขึ้น : ยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายก็จะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ซึ่งทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกายนั้นสูญเสียความยืดหยุ่น รวมถึงบริเวณช่องคลอดด้วย
                                              • น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น : การมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลต่อแรงกดทับบริเวณอุ้งเชิงกรานได้ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแอลง ช่องคลอดจึงเกิดการหย่อนคล้อย
                                              • โรคประจำตัว : เป็นโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคภูมิแพ้ โรคข้ออักเสบ โรคหอบหืด อาจส่งผลต่อแรงกดทับในช่องท้อง กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอได้

                                              นอกจากสาเหตุที่กล่าวมาทั้งหมด ยังมีอีกหลายสาเหตุที่อาจส่งผลให้ช่องคลอดหย่อนคล้อยได้ เช่น อาการท้องผูกเรื้อรัง ทำให้ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระมากขึ้น การยกของหนักเป็นประจำ ซึ่งปัจจุบันปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ ด้วยทั้งการผ่าตัด หรือเทคโนโลยีที่จะช่วยกระชับช่องคลอด แก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดได้ เช่น ThermiVA โปรแกรมกระชับช่องคลอด ที่ไม่ต้องผ่าตัด

                                              ช่องคลอดหย่อนคล้อย จะมีอาการและรู้สึกอย่างไร

                                              หน่วงๆในช่องคลอด

                                              • รู้สึกหน่วง ๆ หลวม ๆ ในช่องคลอด เป็นอาการที่บ่งบอกว่าอวัยวะในอุ้งเชิงกราน เช่น มดลูก หรือกระเพาะปัสสาวะ เริ่มหย่อนตัวลงมา จึงทำให้รู้สึกว่ามีอะไรกดทับ และช่องคลอดรู้สึกหลวมนั่นเอง

                                              มีลมทางช่องคลอด

                                              • มีลมออกทางช่องคลอด ซึ่งอาการนี้อาจจะเกิดจากผนังช่องคลอดนั้นมีการหย่อนตัวลงมา ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผนังช่องคลอดกับอวัยวะอื่น ๆ จึงทำให้อากาศนั้นเข้าไปในช่องคลอดได้

                                              ช่องคลอดไม่แน่นกระชับ

                                              • มีปัญหาเวลามีเพศสัมพันธ์ ช่องคลอดหย่อนคล้อย จะทำให้ความกระชับนั้นลดลง ซึ่งทำให้การทำกิจกรรมนั้นไม่ราบรื่น และอาจเกิดปัญหาได้ทั้ง 2 ฝ่าย

                                              ปัสสาวะเล็ด

                                              • ปัสสาวะเล็ด เมื่อบริเวณผนังช่องคลอดหรือมดลูกมีการหย่อนมากขึ้น ส่วนนี้จะไปกดทับกับท่อปัสสาวะ ทำให้กล้ามเนื้อที่คอยควบคุมการทำงานปัสสาวะทำงานได้ไม่ดี จึงทำให้เมื่อไอ จาม หรือหัวเราะ อาจจะมีปัสสาวะเล็ดออกมาได้

                                              ThermiVA คืออะไร

                                              ThermiVA คืออะไร?

                                              ปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ ปัญหาปัสสาวะเล็ด ล้วนเป็นปัญหาที่สาว ๆ อาจพบเจอได้ และมักจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของหลายคน ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถดูแลได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องพักฟื้น อย่าง ThermiVA คือ เทคโนโลยีเพื่อฟื้นฟูและช่วยกระชับจุดซ่อนเร้น โดยจะใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency) เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินภายในช่องคลอด ซึ่งจะช่วยทำให้ช่องคลอดมีความกระชับ ชุ่มชื้น และยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นได้ ThermiVA สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้บริการ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บ และใช้เวลาไม่นาน หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

                                              ThermiVA มีหลักการทำงานอย่างไร?

                                              การออกแบบ ThermiVA กระชับช่องคลอด ถือเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาสำหรับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาช่องคลอดหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ปัสสาวะเล็ด ที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยการออกแบบ ThermiVA เป็นการยกกระชับช่องคลอดที่ไม่ต้องผ่าตัด สามารถช่วยกระชับทั้งภายนอก และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นภายในช่องคลอดได้อีกด้วย ThermiVA จะทำงานโดยการยิงคลื่นวิทยุที่มีความอ่อนโยนสำหรับผิวบอบบางบริเวณช่องคลอดไปที่ชั้นผิว และเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวบริเวณช่องคลอด เข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดที่เคยหย่อนคล้อยแคบลง และช่วยให้ช่องคลอดกระชับขึ้น ป้องกันปัญหาปัสสาวะเล็ดได้

                                              ThermiVA ช่วยกระชับช่องคลอดได้จริงไหม?

                                              ThermiVA เป็นเครื่องที่จะช่วยกระชับช่องคลอดได้แบบไม่ต้องผ่าตัด หลายคนจึงสงสัยว่า จะสามารถกระชับช่องคลอดได้จริงไหม ? ซึ่งการใช้เครื่อง ThermiVA สามารถยกกระชับช่องคลอดได้จริง โดยไม่ต้องเข้าผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ทั้งนี้ผลลัพธ์หลังทำ ThermiVA จะนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนครั้งในการทำ การดูแลตัวเองหลังทำ และสุขภาพของผู้รับบริการ

                                              ThermiVA ช่วยอะไร

                                              ThermiVA ช่วยอะไรบ้าง?

                                              • ThermiVA ช่วยกระชับช่องคลอดที่หย่อนคล้อย
                                              • ThermiVA ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องคลอด แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
                                              • ThermiVA ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อช่องคลอดให้มีความแข็งแรง และกระชับขึ้น
                                              • ThermiVA ช่วยลดอาการปัสสาวะเล็ด อั้นปัสสาวะไม่ได้ เมื่อไอ จาม หรือหัวเราะ
                                              • ThermiVA ช่วยกระตุ้นช่องคลอดให้ไวความรู้สึกมากขึ้น ทำให้กิจกรรมทางเพศดีขึ้น
                                              • ThermiVA ช่วยกระชับผิวบริเวณช่องคลอดทั้งภายใน และภายนอก

                                              ThermiVA ช่วยแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดได้อย่างไร?

                                              สำหรับสาว ๆ ที่เริ่มมีอายุที่มากขึ้น หรือผ่านการคลอดบุตรมาก่อนนั้น อาจจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับผนังช่องคลอดหย่อนคล้อย ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้ และอาจจะมีข้อสงสัยว่า ThermiVA กระชับช่องคลอด นั้นจะช่วยแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดได้อย่างไร ?
                                              อาการปัสสาวะเล็ด คือ อาการที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของแผ่นเอ็นเส้นใยกล้ามเนื้อภายในผนังอุ้งเชิงกราน ซึ่งสาเหตุนั้นเกิดได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การคลอดบุตร การออกกำลังกายหนัก การยืนนาน การท้องผูกแล้วทำให้เบ่งอุจจาระแรง หรือการที่ต้องยกของหนักบ่อย ๆ
                                              โดยปกติแล้วนั้น แผ่นเอ็นเส้นใยกล้ามเนื้อภายในผนังอุ้งเชิงกราน จะคล้ายกับสายแถบรัดที่มีความยืดหยุ่น ที่จะคอยบีบรัดปัสสาวะเอาไว้ไม่ให้ไหลเล็ดออกมา หากแผ่นนี้เกิดการหย่อนนั้น ทำให้เวลาที่ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น เช่น การไอ การจาม การหัวเราะ อาจจะทำให้เกิดการเล็ดของปัสสาวะออกมาได้ ซึ่ง ThermiVA จะช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น

                                              หลักการทำงานของ ThermiVA ที่ช่วยลดอาการปัสสาวะเล็ด

                                              • ThermiVA จะช่วยกระชับแผ่นเอ็นของเส้นใยกล้ามเนื้อในผนังอุ้งเชิงกราน ให้ไม่หย่อนคล้อย
                                              • ThermiVA จะทำให้กล้ามเนื้อของท่อปัสสาวะนั้นเรียงชิดติดกัน และทำให้บีบรัดตัวได้ดีขึ้น
                                              • ThermiVA จะช่วยกระตุ้นการรับรู้ของเส้นประสาทรับความรู้สึกที่มาเลี้ยงท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ลดอาการปัสสาวะเล็ดได้

                                              ก่อนทำ ThermiVA ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

                                              การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ ThermiVA กระชับช่องคลอด หากต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพตามต้องการนั้น ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำ ดังนี้

                                              • ก่อนเข้ารับบริการ ThermiVA หากมีโรคประจำตัว ยาที่ทานประจำ หรือมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษา
                                              • ก่อนเข้ารับบริการ ThermiVA แนะนำให้ตรวจภายใน เพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติในร่างกาย เช่น เนื้องอก หรือมะเร็งปากมดลูก
                                              • การเข้ารับบริการ ThermiVA ควรทำก่อนหรือหลังมีประจำเดือนประมาณ 7 วัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจเกิดได้
                                              • ก่อนเข้ารับบริการ ThermiVA ควรกำจัดขนบริเวณจุดซ่อนเร้น เพื่อให้ตัวเครื่อง ThermiVA สามารถใช้คลื่นวิทยุส่งพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                              • ก่อนเข้ารับบริการ ThermiVA ควรดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้แข็งแรง
                                              • ก่อนเข้ารับบริการ ThermiVA งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และงดการดื่มคาเฟอีน ก่อนทำ 24 ชั่วโมง

                                              ThermiVA กระชับช่องคลอด มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

                                              การเข้ารับการรักษายกกระชับช่องคลอด ปัสสาวะเล็ดโดยเครื่อง ThermiVA นั้น เป็นเทคโนโลยีที่ประหยัดเวลา เห็นผลลัพธ์ไว และยังไม่ต้องผ่าตัดอีกด้วย ขั้นตอนในการเข้ารับบริการ ThermiVA ยกกระชับช่องคลอดนั้น มีดังนี้

                                              • ก่อนเริ่มเข้ารับบริการ ThermiVA กระชับช่องคลอด ผู้รับบริการจะต้องทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นให้เรียบร้อย
                                              • หลังจากนั้น แพทย์จะทำการทายาชาบริเวณที่จะทำหัตถการ
                                              • เมื่อยาชาเริ่มออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มทำการรักษาด้วยเครื่อง ThermiVA โดยจะทำการสอดเข้าไปในช่องคลอด และส่งคลื่นวิทยุ ผ่านหัว Applicators เพื่อเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในเนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอด ทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นโดยการรักษาด้วยเครื่อง ThermiVA ยกกระชับช่องคลอด จะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
                                              • หลังจากทำการรักษาเสร็จ แพทย์ให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง และการดูแลหลังทำ ThermiVA ต่อไป ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

                                              หลังทำ ThermiVA ต้องดูแลอย่างไร?

                                              • หลังทำ ThermiVA ดูแลความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น โดยใช้น้ำและสบู่อ่อน ๆ ล้างให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีน้ำหอม หรือมีสารเคมีรุนแรง
                                              • หลังทำ ThermiVA งดมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 6 ชม. เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
                                              • หลังทำ ThermiVA ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
                                              • หลังทำ ThermiVA หลีกเลี่ยงดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
                                              • หลังทำ ThermiVA ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

                                              ThermiVA เหมาะกับใคร

                                              ThermiVA กระชับช่องคลอด เหมาะกับใครบ้าง?

                                              • ผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ : ปัญหาช่องคลอดหย่อนคล้อยหลังจากการคลอดบุตร หรืออายุที่มากขึ้น ThermiVA จะช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น
                                              • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวบริเวณช่องคลอด : ผิวรอบนอกช่องคลอดที่มีรอยยับ หรือขาดความตึง ทำให้เกิดความไม่สวยงาม ThermiVA สามารถช่วยกระชับช่องคลอดทั้งภายนอกและภายใน
                                              • ผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดแห้ง : โดยจะมีอาการแสบหรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากช่องคลอดแห้งเกินไป ThermiVA จะเข้าไปกระตุ้นให้ช่องคลอดชุ่มชื้นขึ้น
                                              • ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด : อั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือมีอาการปัสสาวะเล็ด เมื่อไอ จาม หัวเราะ ทำให้มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน ThermiVA จะช่วยทำให้ผนังช่องคลอดแข็งแรงขึ้น
                                              • ผู้ที่มีปัญหาความรู้สึกทางเพศ: ผู้ที่มีปัญหาในการถึงจุดสุดยอดยาก หรือไม่ถึงจุดสุดยอดขณะมีเพศสัมพันธ์ ทำให้มีปัญหากับความสัมพันธ์ ThermiVA จะช่วยเพิ่มความรู้สึกได้มากขึ้น
                                              • ผู้ที่เป็นวัยหมดประจำเดือน : ผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน และมีปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดไม่กระชับ เหมาะกับการทำ ThermiVA
                                              • ผู้ที่มีปัญหาอาการอักเสบของช่องคลอด : ผู้ที่มีการอักเสบบริเวณช่องคลอดบ่อย หรือมีอาการเจ็บช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์ อาจจะเกิดจากช่องคลอดแห้ง หรือเกิดการอักเสบ การทำ ThermiVA จะช่วยแก้ปัญหาได้

                                              ต้องทำ ThermiVA กระชับช่องคลอด กี่ครั้งถึงเห็นผล?

                                              การรักษายกกระชับช่องคลอดด้วย ThermiVA นั้น จะช่วยทำให้ปัญหาช่องคลอดหย่อนคล้อย ปัสสาวะเล็ดลดลง โดยจำนวนครั้งในการทำจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยแพทย์จะคำนึงถึงปัญหาของผู้เข้ารับบริการเป็นหลัก ปกติแล้วนั้นการทำ ThermiVA กระชับช่องคลอด จะรักษาประมาณ 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

                                              ThermiVA กระชับช่องคลอด ไม่เหมาะกับใคร?

                                              การทำ ThermiVA ยกกระชับช่องคลอด และแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด ผู้หญิงที่มีปัญหาสามารถเข้ารับการรักษาด้วยเครื่องนี้ได้ แต่การรักษาด้วยเครื่อง ThermiVA ยกกระชับช่องคลอด อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อคนในบางกลุ่ม ดังนี้

                                              • ผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
                                              • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ หรือโรคอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษาด้วย ThermiVA
                                              • ผู้ที่กำลังมีประจำเดือน ไม่ควรทำ ThermiVA ควรทำก่อนเป็นประจำเดือน
                                              • ผู้ที่มีบาดแผล หรืออยู่ในระยะการอักเสบ ชาบริเวณช่องคลอด
                                              • ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งช่องคลอด การทำ ThermiVA อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

                                              ThermiVA กระชับช่องคลอด ดีกว่าการทำรีแพร์ไหม?

                                              ThermiVA กระชับช่องคลอด เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาสำหรับคุณผู้หญิงได้อย่างตรงจุด และยังครอบคลุมได้มากกว่าการทำศัลยกรรมรีแพร์ เนื่องจาก ThermiVA นั้นจะใช้คลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินภายในช่องคลอดให้ทำงานดีขึ้น ThermiVA ช่วยกระชับช่องคลอด แก้ปัสสาวะเล็ดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่มีแผล การศัลยกรรมรีแพร์นั้นจะต้องเข้ารับการผ่าตัด และต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ทั้งยังให้ผลลัพธ์แค่เพียงบริเวณปากช่องคลอดเท่านั้น ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาภายในเหมือนกับเครื่อง ThermiVA จึงทำให้ ThermiVA เป็นเครื่องกระชับช่องคลอดที่ได้รับความนิยมสูง

                                              เลือกทำ ThermiVA กระชับช่องคลอด ที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไร?

                                              การเลือกคลินิกหรือสถานพยานที่เข้ารับการรักษาด้วย ThermiVA กระชับช่องคลอดนั้น ควรคำนึงถึงหลาย ๆ ปัจจัย เนื่องจากเป็นหัตถการที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างมาก ควรเลือกทำ ThermiVA ที่ไหนดี? สังเกตได้ ดังนี้

                                              • เลือกสถานพยาบาลที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
                                              • เลือกสถานพยาบาลที่นำเข้า ThermiVA กระชับช่องคลอด และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล และอย.ไทย เพื่อความปลอดภัยของการรักษา และเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
                                              • หลังการเข้ารับบริการ ThermiVA มีการติดตามผลหลังทำ ThermiVA พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเอง มีแพทย์ให้คำปรึกษาอย่างละเอียด

                                              มัดรวมข้อดีของการทำ ThermiVA กระชับช่องคลอด

                                              • ThermiVA กระชับช่องคลอด ใช้เวลาทำการรักษาไม่นาน เพียง 3-5 นาทีต่อพื้นที่แต่ละบริเวณ และการรักษา ThermiVA โดยรวมประมาณ 30-45 นาทีต่อครั้ง เลือกใช้อุณหภูมิที่ปลอดภัย มีการใช้ความร้อนในช่วง 40-47 °C จะช่วยทำให้การรักษาด้วย ThermiVA มีประสิทธิภาพในการกระชับดีที่สุด
                                              • ThermiVA กระชับช่องคลอด ที่ได้ประสิทธิภาพสูง ควรทำ 3 ครั้ง ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                              • ThermiVA ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ไม่มีรอยแผล จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดแผลหลังการรักษา
                                              • หลังทำ ThermiVA ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
                                              • ThermiVA กระชับช่องคลอด สามารถรักษาได้ทุกช่วงอายุ เหมาะสำหรับผู้หญิงในทุกวัย
                                              • ThermiVA ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานสามารถอยู่ได้ประมาณ 1 ปีหลังทำ

                                              สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ ThermiVA กระชับช่องคลอด

                                              • การรักษา ThermiVA กระชับช่องคลอด ทำเพียงเดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 ครั้ง จะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
                                              • การรักษา ThermiVA กระชับช่องคลอด ใช้เวลารักษาเพียง 30-45 นาทีต่อครั้ง
                                              • การรักษา ThermiVA กระชับช่องคลอด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หลังรับการรักษา 6 ชม.
                                              • การรักษา ThermiVA กระชับช่องคลอด ก่อนทำควรตรวจสุขภาพภายใน และควรทำหลังประจำเดือนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์

                                              ThermiVA ต่างกับ Emsella

                                              ไขข้อสงสัย Emsella vs ThermiVA กระชับช่องคลอด แตกต่างกันไหม?

                                              Emsella คืออะไร?

                                              • Emsella เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อกระชับช่องคลอด ช่วยรักษาภาวะปัสสาวะเล็ด โดย Emsella จะใช้เทคโนโลยีแม่เหล็กไฟฟ้าโฟกัสความเข้มสูง (HIFEM) เข้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ช่วยควบคุมระบบประสาท และทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการหดเกร็ง คล้ายการขมิบ
                                                โดยการรักษาผู้เข้ารับบริการจะต้องนั่งบนเก้าอี้ Emsella เป็นเวลา 30 นาที จากนั้นเครื่องจะใช้คลื่นแม่เหล็กเข้าไปกระตุ้นการทำงานกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน คล้ายกับการขมิบมากกว่า 11,200 ครั้ง โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เมื่อรักษาเสร็จแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

                                              ThermiVA คืออะไร?

                                              • ThermiVA เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษาภาวะปัสสาวะเล็ด และกระชับช่องคลอดที่หย่อนคล้อย โดยเครื่อง ThermiVA จะใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินภายในช่องคลอด กระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้มีความแข็งแรงมากขึ้น โดยผ่านอุปกรณ์ขนาดเล็ก การรักษาด้วยเครื่อง ThermiVA จะไม่ทำให้เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น

                                              ระยะเวลาในการรักษาระหว่างเครื่องกระชับช่องคลอด Emsella และ ThermiVA ต่างกันไหม?

                                              • Emsella : โดยปกติแล้วนั้นจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการรักษา
                                              • ThermiVA : โดยปกติแล้วนั้นใช้เวลาประมาณ 60 นาที ในการรักษา

                                              ทั้งนี้ระยะเวลาในการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล

                                              ความถี่ในการรักษา

                                              • แม้ว่าการใช้เครื่องกระชับช่องคลอด ทั้ง Emsella และ ThermiVA จะสามารถเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ซึ่งผลลัพธ์ระยะยาวนั้นจะขึ้นอยู่กับความถี่ในการรักษาด้วย
                                                โดยปกติแล้ว Emsella จะทำการรักษา 6 ครั้ง ห่างกัน 2-3 วัน ในขณะที่ ThermiVA จะทำการรักษา 3 ครั้ง โดยจะต้องห่างกัน 4-6 สัปดาห์ หรือครั้งละ 1 เดือน ทั้งนี้ความถี่ในการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล และดุลยพินิจของแพทย์ด้วยว่าควรทำประมาณกี่ครั้ง

                                              ความแตกต่างในการทำงาน

                                              •  Emsella : เน้นการกระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยตรงด้วยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวบ่อยครั้งและรวดเร็ว เหมือนกับการขมิบโดยไม่ต้องออกแรงเอง
                                              • ThermiVA : ใช้คลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ThermiVA จะช่วยให้เนื้อเยื่อในช่องคลอดกระชับขึ้น และมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ไม่มีความเจ็บปวด

                                              เหมาะสำหรับใคร

                                              •  Emsella : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดหย่อนคล้อย หรือต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยรวม ผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด ไม่ว่าจะ ผู้หญิง หรือผู้ชายก็สามารถทำได้
                                              • ThermiVA : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดแห้ง ช่องคลอดหย่อนคล้อย หรือต้องการเพิ่มความรู้สึกในการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงผู้ที่มีปัสสาวะเล็ด ThermiVA สามารถช่วยได้

                                              ผลข้างเคียง

                                              Emsella และ ThermiVA เป็นการรักษาโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นความถี่วิทยุ ที่มีความปลอดภัยสูงต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามระหว่างการรักษา และหลังการรักษาก็อาจจะมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้เล็กน้อย และไม่เกิดอันตราย ดังนี้

                                              • Emsella : ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาด้วยเครื่อง Emsella อาจมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว หรืออาการปวด และรอยแดงชั่วคราวในบริเวณที่ทำการรักษาได้
                                              • ThermiVA : ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาด้วยเครื่อง ThermiVA อาจมีความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย รอยแดง และอาการบวมในบริเวณที่ทำการรักษา โดยผลข้างเคียงที่กล่าวมาเหล่านี้นั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และสามารถหายได้เอง

                                              ทำไมต้องเลือกทำ ThermiVA กับรมย์รวินท์คลินิก

                                              ThermiVA ตัวช่วยฟื้นฟูความสาวให้กลับมาอีกครั้ง กระชับช่องคลอด พร้อมช่วยลดปัญหาปัสสาวะเล็ด ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ทวงคืนความสาวเรียกคืนความมั่นใจให้สาว ๆ ได้เพิ่มขึ้น ทาง รมย์รวินท์คลินิก พร้อมให้บริการ ThermiVA กระชับช่องคลอด ที่ดูแลโดยแพทย์ประจำคลินิกที่มีประสบการณ์
                                              เหตุผลที่ควรเลือกทำ ThermiVA กับรมย์รวินท์คลินิก

                                              • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ : รมย์รวินท์คลินิก มีประสบการณ์ในการดูแลผิวพรรณและความงามมายาวนาน มีแพทย์เฉพาะทางคอยให้คำปรึกษาและดูแลการรักษา ThermiVA ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยและผลลัพธ์
                                              • เทคโนโลยีที่ทันสมัย : คลินิกเลือกใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล รวมถึงเครื่อง ThermiVA ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย ทำให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                              • การดูแลที่เป็นส่วนตัว : รมย์รวินท์คลินิกให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าแบบรายบุคคล แพทย์จะทำการประเมินปัญหา วางแผนการรักษาด้วย ThermiVA และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละคน
                                              • มาตรฐานความสะอาด : คลินิกมีมาตรฐานความสะอาดสูง เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ เพิ่มความมั่นใจในการเข้ารับบริการ ThermiVA
                                              • ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ : ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ให้ผลตอบรับที่ดี เกี่ยวกับผลลัพธ์ของการทำ ThermiVA กับ รมย์รวินท์ในเชิงบวก ช่องคลอดกระชับขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น และเพิ่มความมั่นใจในตนเอง ทำให้ ThermiVA เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูง

                                              ThermiVA ถือเป็นเทคโนโลยีกระชับช่องคลอด แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง ปัสสาวะเล็ด และอารมณ์ทางเพศได้อย่างตรงจุด โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทิ้งรอยแผล อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาที่รวดเร็ว จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สาว ๆ ต่างไว้วางใจ สำหรับใครที่อยากจะเข้ารับการรักษาด้วย ThermiVA สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา

                                              รมย์รวินท์คลินิก สนับสนุนทุกความสวย กับการประกวด Wives Thailand 2024

                                              Wives Thailand

                                              รมย์รวินท์คลินิก สร้างปรากฏการณ์ความงามสนับสนุนทุกความสวย กับการประกวด Wives Thailand 2024

                                              รมย์รวินท์คลินิก ผนึกกำลังความงาม สร้างความมั่นใจให้สาวงามทุกท่าน ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักด้านความงามในเวที “Wives Thailand 2024” เวทีนางงามสมรสแล้วที่เปิดกว้างทุกโอกาส พร้อมมอบประสบการณ์ความงามให้กับ ผู้เข้าประกวดรอบสุดท้ายทุกท่านในเวที ภายใต้แนวคิด “Best body and Glowing Skin on The Runway” ที่สนับสนุนให้ผู้เข้าประกวดทุกท่าน ก้าวไปสู่เส้นชัยด้วยรูปร่างและความสวยงามที่เปล่งประกายที่สุดบนเวที พร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วประเทศ

                                              Wives Thailand

                                              การประกาศผลผู้คว้าตำแหน่งสูงที่สุด คนแรกของประเทศไทย ในเวที

                                              THE WINNER WIVES THAILAND 2024 ได้แก่  “คุณรัสรินทร์ นิธิภรณ์รชานนท์ (หนูดี)”

                                              ผู้คว้ามงกุฎ THE WINNER WIVES THAILAND 2024 ไปครอง ด้วยความโดดเด่นทั้งรูปร่าง ทัศนคติ และความสามารถในการตอบคำถามที่เฉียบคม ทำให้ชนะใจคณะกรรมการอย่างเป็นเอกฉันท์ พร้อมมอบรางวัลสนับสนุนคอร์สดูแลความงาม อันดับ 1 มูลค่า 300,000.- และรางวัล Wives Thailand Best Body สนับสนุนคอร์สดูแลความงาม มูลค่า 100,000.- สุดพิเศษจากทางรมย์รวินท์คลินิก เพื่อเป็นของขวัญสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ ทางรมย์รวินท์คลินิกขอแสดงความยินดีกับคุณรัสรินทร์อีกครั้ง

                                              รมย์รวินท์คลินิกให้การสนับสนุนด้านความงาม Wive Thailand 2024 

                                              เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ทำตามความฝัน โดยไม่จำกัด เชื้อชาติ เพศ อายุ รูปร่าง และส่วนสูง ซึ่งการประกวดในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการค้นหาผู้หญิงที่เปล่งประกายที่สุด แต่ยังเป็นการค้นหาผู้หญิงที่กล้าที่จะเป็นตัวเอง และพร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคน รมย์รวินท์คลินิก ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเวที Wives Thailand 2024 เราเชื่อมั่นว่า ความหลากหลายคือความสวยงาม เป็นการจุดประกายให้ผู้หญิงทุกคนค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง และก้าวไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

                                              Wives Thailand

                                              ความตั้งใจในการจัดงาน Wive Thailand 2024 

                                              Wive Thailand 2024 ไม่ใช่แค่เวทีประกวด แต่เป็นการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ของผู้หญิงทุกคน โดยในระหว่างการเก็บตัว เพื่อเตรียมตัวแข่งขัน เราเน้นการพัฒนาทักษะและทัศนคติของสาวงามทุกท่าน ให้เชื่อในพลังแห่ง Self Love และการรักตัวเอง จะเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นพลังงานชั้นดี ในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดประโยชน์ ทั้งกับตนเองและคนรอบข้างได้อีกมากมาย

                                              Wives Thailand 2024 04

                                              โดยกองประกวดจะมีการเทรนนิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สาวงามทุกท่านได้มีความมั่นใจและพัฒนาศักยภาพอยู่เสมอ เราเชื่อว่า ทุกคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ไม่ว่าคุณจะมีความสามารถด้านใด คุณก็สามารถเปล่งประกายได้ และการประกวดครั้งนี้จะเป็นเวทีที่ ช่วยให้คุณได้ค้นพบและพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ เราจึงมีตำแหน่งและรางวัลที่หลากหลาย เพื่อมอบให้กับสาวงามที่มีความโดดเด่นแตกต่างกัน

                                              Wives Thailand

                                              ในรอบไฟนอลของผู้เข้าประกวดทั้ง 13 ท่าน กับเวที Wive Thailand 2024 ได้รับเกียรติจาก “คุณหมอบีบี” แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน และขึ้นมอบรางวัลคอร์สดูแลความงามให้แก่ผู้ชนะ Wive Thailand 2024 มูลค่ากว่า 300,000.- ในครั้งนี้ด้วย

                                              Wives Thailand

                                              นอกจากนี้ ยังมีรางวัลพิเศษอีกมากมายที่มอบให้แก่ผู้เข้าประกวดที่มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆ ได้แก่ รางวัล AMBASSADOR WINNER WIVES THAILAND 2024 ตกเป็นของ “คุณบวรลักษณ์ ประคอง (หนึ่ง)” ที่มีความโดดเด่นในด้านบุคลิกและทัศนคติ, รางวัล TALK WINNER WIVES THAILAND 2024 ตกเป็นของ “คุณเพชรญริณฑ์ เชษฐพงษกรณ์ (น้ำ)” ที่มีความสามารถในการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม, รางวัล WALK WINNER WIVES THAILAND 2024 ตกเป็นของ “Olga Podkovalnikova (Olga)” ที่โดดเด่นด้วยท่วงท่าที่สง่างาม และรางวัลสุดท้าย LOOK WINNER WIVES THAILAND 2024 ตกเป็นของ “คุณภัทราวดี พลากุล (เบบี้)” พร้อมมอบคอร์สดูแลความงามให้สาวงามทุกท่าน มูลค่าท่านละ 100,000.- สุดพิเศษจากทาง รมย์รวินท์คลินิก โดยเฉพาะ

                                              รมย์รวินท์คลินิกเป็นเกียรติและยินดี อย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเวที Wives Thailand 2024 ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นใจ พร้อมสนับสนุนให้ผู้เข้าประกวดทุกท่าน สวยในแบบของตัวเอง เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ซึ่งการได้เป็นผู้สนับสนุนในครั้งนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสในการสร้างแรงบันดาลใจ และผลักดันให้ผู้หญิงทุกคนกล้าที่จะแสดงออกในความเป็นตัวเอง เพราะเราเชื่อว่า ความงามที่แท้จริงมาจากภายใน การดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ จะช่วยให้ทุกคนสามารถเปล่งประกายอย่างมั่นใจ พร้อมก้าวไปสู่ความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน

                                              สำหรับใครที่อยากเผยผิวและรูปร่างอย่างมั่นใจ แบบเวที WIVES THAILAND 2024 สามารถเข้ามาปรึกษากับทาง รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา เราพร้อมมอบประสบการณ์ดูแลผิวพรรณและรูปร่าง ด้วยโปรแกรมที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่มีประสงการณ์ ให้คำแนะนำทุกปัญหาผิวอย่างตรงจุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

                                              รู้ลึกทุกปัญหาสิว จัดการถึงต้นตอ

                                              สิว คืออะไร

                                              “สิว” เกิดจากอะไร ? รู้ลึกทุกปัญหาสิว จัดการถึงต้นตอ

                                              ปัญหาสิวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลายช่วงอายุ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่มีฮอร์โมนพลุ่งพล่าน และสิ่งที่หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเกิดสิว คือ การเกิดสิวนั้นเกิดได้จากต่อมฮอร์โมนเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นจริงแล้วการเกิดสิว สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย และสิวก็มีหลายประเภท ดังนั้นการแยกแยะสิวแต่ละประเภท จะช่วยให้เราเลือกวิธีการดูแล และการรักษาสิวได้อย่างเหมาะสม

                                              วันนี้รวมย์รวินท์คลินิก เลยจะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงต้นตอการเกิดสิว และตอบทุกปัญหาเกี่ยวกับสิวกันสิว คืออะไร

                                              สิวคืออะไร ?

                                              สิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันที่มากเกินไป รวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิว เมื่อรูขุมขนถูกอุดตัน จะกลายเป็นแหล่งที่แบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Cutibacterium Acnes (C. Acnes)เจริญเติบโต ส่งผลให้เกิดการอักเสบและเกิดสิวขึ้นมาในที่สุด และสิวส่วนมากมักจะเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น ใบหน้า หลัง หน้าอก และไหล่ ซึ่งเป็นบริเวณที่ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย รูปแบบของสิวนั้นสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการเกิด

                                              สิว เกิดจากอะไร

                                              สิวเกิดจากอะไร ?

                                              การเกิดสิวสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน และเกิดการอักเสบ ซึ่งปัจจัยหลักของการเกิดสิว มีได้ดังนี้

                                              การเกิดสิวจากการผลิตน้ำมันมากเกินไป (Sebum)

                                              • เมื่อฮอร์โมนกระตุ้นการผลิตน้ำมันมากเกินไป จะทำให้เกิดปริมาณน้ำมันส่วนเกินที่ผิวไม่สามารถจัดการได้ และเมื่อผสานกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จะทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว

                                              การเกิดสิวจากการอุดตันของรูขุมขน

                                              • รูขุมขนเป็นช่องเปิดเล็ก ๆ ที่อยู่ในผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นทางออกสำหรับน้ำมันและเหงื่อ เมื่อน้ำมันเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ไปอุดตันรูขุมขน ผิวจะไม่สามารถหายใจได้ ทำให้รูขุมขนอักเสบทำให้เกิดสิวได้

                                              การเกิดสิวจากแบคทีเรีย (Propionibacterium acnes)

                                              • เมื่อรูขุมขนอุดตัน แบคทีเรียจะสามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจนภายในรูขุมขนที่อุดตัน โดยแบคทีเรียนี้สามารถปล่อยสารเคมีที่กระตุ้นการอักเสบ ทำให้เกิดสิวอักเสบได้

                                              การเกิดสิวจากฮอร์โมน

                                              • การเกิดสิวจากฮอร์โมนแอนโดรเจนโดยเฉพาะในวัยรุ่น และผู้หญิงในช่วงก่อนประจำเดือน มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันเยอะขึ้นทำให้เกิดการอุดตันและเกิดสิวได้ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อสิวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในวัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังเกิดได้ในวัยผู้ใหญ่ เช่น การตั้งครรภ์ หรือในช่วงวัยทอง ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกันการ

                                              เกิดสิวจากปัจจัยทางพันธุกรรม

                                              • การเกิดสิวจากพันธุกรรม เกิดได้หากคนในครอบครัวโดยเฉพาะพ่อแม่มีปัญหาสิวตั้งแต่วัยรุ่น ทำให้โอกาสที่รุ่นลูกจะมีปัญหาสิวก็สูงขึ้นตาม โดยพันธุกรรมอาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน และการตอบสนองของผิวต่อปัจจัยต่าง ๆ

                                              การเกิดสิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม

                                              • บางครั้งการเกิดสิวก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด เพราะในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางบางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเยอะๆ หรือสารซิลิโคน ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อคนที่มีผิวมัน หรือผิวแพ้ง่ายอาจทำให้สิวกำเริบได้

                                              การเกิดสิวจากความเครียด

                                              • การเกิดสิวสามารถเกิดจากความเครียดได้ เนื่องจากความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่สามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นได้ นอกจากนี้ความเครียดยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ส่งผลให้ผิวหนังมีความไวต่อการอักเสบและแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และความเครียดระยะยาวยังอาจทำให้สิวเกิดขึ้นบ่อยและหายได้ช้าลง

                                              การเกิดสิวจากการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม

                                              • การเกิดสิวสามารถเกิดจากการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อมได้ เช่น มลภาวะ ฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรกในอากาศ สิ่งเหล่านี้สามารถสะสมบนผิวหนังก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนได้ และการใส่หน้ากากอนามัยนาน ๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนหรือทำความสะอาด อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเพิ่มโอกาสการเกิดสิวในบริเวณที่สัมผัสได้ เช่น สิวบริเวณคางและกรอบหน้า เป็นต้น

                                              สิว มีกี่ประเภท

                                              สิวมีกี่ประเภท ?

                                              การเกิดสิวบนใบหน้า หรือลำตัวเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ ซึ่งสิวก็สามารถเกิดได้ในหลายช่วงวัยและเกิดได้ในหลายจุดบนร่างกาย สิวแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและความต้องการในการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน โดยสิวสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท ดังนี้

                                              สิวอุดตัน หรือสิวไม่อักเสบ (Comedone)

                                              สิวอุดตันเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่ไม่ได้เกิดการอักเสบ ซึ่งมักเป็นผลมาจากการผลิตน้ำมันมากเกินไป และเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งสิวอุดตันแบ่งออกเป็น

                                              • สิวหัวขาว (Closed Comedone) เป็นตุ่มที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนที่ปิดอยู่ เมื่อสิ่งที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหนัง จะปรากฏเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาว ส่วนนี้มักจะไม่เจ็บปวดและมีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดการอักเสบ
                                              • สิวหัวดำ (Open Comedone) เป็นสิวที่รูขุมขนเปิดออก ทำให้อากาศทำปฏิกิริยากับน้ำมันและเซลล์ที่อุดตัน ทำให้มีสีดำสิวหัวดำมักเป็นสิวที่ดูมีลักษณะเด่นชัด และสามารถกำจัดได้ง่ายด้วยการทำความสะอาดผิว

                                              สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)

                                              การเกิดสิวประเภทนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน ทำให้เกิดการอักเสบ โดยสิวอักเสบแบ่งออกเป็น

                                              • สิวตุ่มนูนแดง (Papules) เป็นตุ่มเล็ก ๆ สีแดงที่มีอาการบวม แต่ยังไม่มีหนอง สิวตุ่มแดงมักมีอาการปวดและเป็นสัญญาณว่าเกิดการอักเสบ
                                              • สิวหัวหนอง (Pustules) มีลักษณะเป็นตุ่มแดงที่มีหัวหนองสีขาวหรือเหลืองด้านบน สิวหัวหนองเป็นผลจากการอักเสบรุนแรงขึ้น ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด

                                              สิวหัวช้าง (Nodules)

                                              • สิวหัวช้างเกิดจากการอักเสบที่ลึกในชั้นผิวหนัง ซึ่งเริ่มจากการอุดตันของรูขุมขนที่เกิดจากการสะสมของน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดใหญ่ แข็ง และเจ็บปวด อาการอักเสบที่ลึกและรุนแรงทำให้สิวชนิดนี้แตกต่างจากสิวชนิดอื่น และมักทำให้เกิดรอยแผลเป็น หรือหลุมสิวถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

                                              สิวซีสต์ (Cystic Acne)

                                              • สิวซีสต์เป็นสิวที่รุนแรงที่สุด ปรากฏในรูปแบบของตุ่มใหญ่ที่ลึกลงไปในผิวหนังและเต็มไปด้วยหนอง มักมีอาการเจ็บปวดและมีแนวโน้มที่จะทิ้งรอยแผลเป็นถาวรมากกว่าสิวประเภทอื่น การรักษาอาจต้องใช้ยาต้านการอักเสบหรือการรักษาทางการแพทย์เพื่อจัดการกับปัญหานี้

                                              สิวผด (Acne Mechanica)

                                              • การเกิดสิวผดมักเกิดจากการเสียดสี หรือการระคายเคืองที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง เช่น การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น การใส่หมวก หรือการสัมผัสหน้าบ่อย ๆ มักมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่รุนแรงและอาจมีอาการคัน แต่หากไม่ดูแล อาจกลายเป็นสิวอักเสบได้

                                              สิวจากฮอร์โมน (Hormonal Acne)

                                              • การเกิดสิวจากฮอร์โมนมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในช่วงวัยรุ่น, การมีประจำเดือน, การตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน มักเกิดบริเวณคางและกราม โดยมีทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ สิวประเภทนี้อาจได้รับการดูแลด้วยการใช้ยาที่มีผลต่อฮอร์โมน

                                              การแบ่งประเภทของสิวนั้น ช่วยให้เข้าใจถึงลักษณะและความรุนแรงของสิวแต่ละชนิด ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เป็นสิว สามารถเลือกใช้วิธีการดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษาและป้องกันการเกิดสิวในอนาคต

                                               

                                              การเกิดสิวในแต่ละช่วงอายุ

                                              การเกิดสิวสามารถเกิดได้ในทุกช่วงอายุ ลักษณะของสิวในแต่ละช่วงวัยมักแตกต่างกันไปตามปัจจัยทางกายภาพและฮอร์โมน โดยสิวแต่ในแต่ละช่วงอายุมักเกิดได้มีดังนี้

                                              • การเกิดสิวในวัยรุ่น (Teenage Acne) อายุ 12-20 ปี

                                              สิวในวัยรุ่นเป็นสิวที่พบบ่อยที่สุด และมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่น จากการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เมื่อรูขุมขนถูกอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ โดยลักษณะสิวที่มักพบมากในวัยรุ่นจะเป็นสิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวอักเสบและสิวหนอง มักพบมากบนใบหน้า หน้าอก และหลัง

                                              • การเกิดสิวในวัยผู้ใหญ่ช่วงต้น (Early Adulthood Acne) อายุ 20-30 ปี

                                              ในวัยนี้สิวยังคงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจากรอบเดือน หรือการตั้งครรภ์ นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมหรือเครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดสิวในวัยนี้ได้เช่นเดียวกัน โดยลักษณะสิวที่มักพบมากในวัยนี้คือ สิวหัวดำ สิวอุดตัน สิวอักเสบ บางครั้งสิวในวัยนี้มักจะลึกลงไปในชั้นผิว และใช้เวลารักษานาน

                                              • การเกิดสิวในวัยผู้ใหญ่ (Adult Acne) อายุ 30-40 ปี

                                              สิวในวัยนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การทำงานของฮอร์โมนที่ไม่สมดุล, ความเครียดสะสม, การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว โดยวัยนี้สิวอาจไม่เกิดมากเท่าวัยรุ่น แต่ปัญหาสิวที่เกิดขึ้นมักใช้เวลารักษานานกว่า และอาจทิ้งรอยดำหรือรอยแผลเป็นได้ ลักษณะสิวที่มักพบในวัยนี้มักเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ และมักพบที่คางหรือกรอบหน้าเป็นส่วนใหญ่

                                              • การเกิดสิวในวัย 40 ปีขึ้นไป (Mature Acne)

                                              แม้ว่าคนอายุ 40 ปีขึ้นไปจะเริ่มมีปัญหาผิวจากการเสื่อมสภาพตามวัย แต่สิวยังสามารถเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในผู้หญิงจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลง ทำให้การผลิตน้ำมันในผิวที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมยังอาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ โดยลักษณะสิวที่พบมักจะเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ มักเกิดบริเวณคาง และกรอบหน้า

                                              ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว
                                              5 ปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิวซ้ำ

                                              สิวสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ โดยสิวสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้หลายครั้งจากการกระตุ้นผ่านปัจจัยต่างๆ และปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิวมีหลายปัจจัย แบ่งออกได้หลักๆดังนี้

                                              • สิวถูกกระตุ้นจากการกินอาหาร

                                              การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน เค้ก น้ำอัดลม หรืออาหารจานด่วน สามารถกระตุ้นการผลิตอินซูลิน ทำให้ระดับฮอร์โมนเพิ่มขึ้นจนเกิดสิวได้ รวมถึงการดื่มนมวัวหรืออาหารที่มีนมวัวก็อาจทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน เนื่องจากฮอร์โมนในนมวัวอาจจะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนังจนเกิดสิวได้

                                              • สิวถูกกระตุ้นจากการทำความสะอาดผิวไม่เพียงพอ

                                              การล้างหน้าไม่สะอาดหรือล้างไม่ถูกวิธี สามารถทำให้มีสิวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากการล้างหน้าไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการอุดตันบนใบหน้าจากเครื่องสำอางค์ที่ล้างไม่หมด ทำให้เกิดการสะสมอุดตันจนเกิดสิว แต่ถึงอย่างนั้นการทำความสะอาดใบหน้ามากเกินไปก็สามารถทำให้สิวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน จากการที่ผิวระคายเคืองส่งผลให้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น

                                              • สิวถูกกระตุ้นจากการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ

                                              การเอามือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ หรือการบีบสิวโดยที่มือไม่สะอาด ทำให้เกิดการแพร่กระจายของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกได้ ส่งผลให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น

                                              • สิวถูกกระตุ้นจากยาบางชนิด

                                              ในบางกรณีการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ยาต้านโรคซึมเศร้า หรือยาคุมกำเนิดบางประเภท เนื่องจากการใช้ยาบางชนิดมีผลต่อระบบฮอร์โมน หรือการทำงานของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน และการตอบสนองของผิวหนัง จึงสามารถทำให้สิวกำเริบได้

                                              • สิวถูกกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

                                              การที่อากาศร้อนชื้นมักทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ทำให้ผิวมันและเกิดสิว ในขณะที่อากาศหนาวแห้งก็อาจทำให้ผิวระคายเคือง และส่งผลต่อการเกิดสิวเช่นกัน

                                              การเกิดสิวสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ โดยแต่ละวัยจะมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดสิวแตกต่างกันไป เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน พฤติกรรมการดูแลผิว และปัจจัยทางสภาพแวดล้อม ดังนั้นการรักษาสิวควรพิจารณาตามสาเหตุของการเกิดสิวในแต่ละช่วงอายุอย่างเหมาะสม เพื่อการรักษาที่ถูกต้องไม่ให้สิวลุกลาม

                                               

                                              วิธีลดการเกิดสิว

                                              การลดการเกิดสิว ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพผิว การมีผิวที่สะอาดจะเป็นส่วนหนึ่งในการลดการเกิดสิวได้ วันนี้รมย์รวินท์รวมวิธีการลดการเกิดสิวมาฝาก ดังนี้

                                              1.รักษาความสะอาดของผิวหน้า การล้างหน้าควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิวเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และเชื้อแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดสิว รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิวได้

                                              2.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน เลือกใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงที่ระบุว่า oil-free เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์และน้ำหอม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและเหมาะสมกับผิว

                                              3.ขจัดความมันในผิว การใช้โทนเนอร์หลังการทำความสะอาดผิวช่วยกระชับรูขุมขนและควบคุมความมัน ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวได้

                                              4.รักษาสุขภาพจากภายใน ควรดื่มน้ำมาก ๆ การดื่มน้ำช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย โดยแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน

                                              ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นการรับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เช่น ผักและผลไม้ ธัญพืช และไขมันดี เช่น อะโวคาโด
                                              ควรนอนหลับอย่างเพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู แต่ยังช่วยให้ผิวมีโอกาสซ่อมแซมตัวเองในขณะที่คุณนอน โดยควรตั้งเป้าหมายในการนอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน

                                              วิธีรักษาสิว

                                              วิธีการรักษาสิว

                                              การรักษาสิวในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ทั้งการใช้ยาและการรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยแพทย์จะพิจารณาประเภทของสิว ความรุนแรง และลักษณะผิวของแต่ละบุคคล เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม โดยวิธีต่อไปนี้เป็นวิธียอดนิยมในการรักษาสิว

                                              1. การรักษาสิวด้วยยา

                                              1.1 การใช้ยาทาภายนอกในการรักษาสิว
                                              การใช้ยาทาภายนอกในการรักษาสิวเป็นวิธีที่ดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่เป็นสิวที่ไม่รุนแรงหรือสิวในระยะแรกเริ่ม เช่น สิวอุดตัน สิวหัวขาว สิวหัวดำ และสิวอักเสบเล็กน้อย การใช้ยาทาภายนอกช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดการอักเสบ และป้องกันการลุกลามของสิวได้

                                              1.2 การใช้ยารับประทาน
                                              การใช้ยารับประทานในการรักษาสิวสามารถแบ่งออกได้หลายแบบ เช่นการทานยาปฏิชีวนะบางอย่างที่ช่วยในการรักษาสิวอักเสบรุนแรง เนื่องจากยาบางชนิดสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบได้

                                              หรือการใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อปรับสมดุลฮอร์โมน และลดการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมัน สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาสิวจากฮอร์โมน ทำให้ลดการเกิดสิว

                                              ส่วนยาที่ใช้รักษาสิวรุนแรง เช่น สิวหัวช้างหรือสิวซีสต์ เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ต้องใช้อย่างระมัดระวัง และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ผิวแห้งมาก ผิวลอก
                                              ดังนั้นก่อนใช้ยารักษาสิว ไม่ว่าจะยาทาภายนอกหรือยารับประทานควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและได้รับรายการยาที่ต้องใช้จากคำสั่งแพทย์เพื่อป้องกันอันตราย หรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

                                              2. การรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์

                                              2.1 การใช้เลเซอร์ในการรักษาสิว

                                              การใช้เลเซอร์รักษาสิว คือ การใช้พลังงานจากแสงเลเซอร์เพื่อช่วยลดการเกิดสิว และลดอาการอักเสบ โดยเลเซอร์ทำงานด้วยการเจาะลึกเข้าไปในผิวหนัง เพื่อลดปริมาณแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และยังช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว นอกจากนี้ เลเซอร์ยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รูขุมขนกระชับขึ้นและลดรอยสิว

                                              2.2 แสงบำบัด (Light Therapy)

                                              การรักษาสิวด้วยการใช้แสงบำบัดเป็นวิธีการใช้แสงสีต่าง ๆ เพื่อช่วยลดสิวและอาการอักเสบ โดยแสงบำบัดจะเน้นไปที่การฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบ และช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน รวมถึงลดอาการบวมแดงที่เกิดจากสิว โดยแสงบำบัดมีหลายประเภทตามความยาวคลื่นของแสง ถือเป็นวิธีการที่มีความปลอดภัยและไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง

                                              3. การรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ

                                              การรักษาสิวด้วยวิธีทางธรรมชาติ คือ การใช้สมุนไพรหรือวัตถุดิบจากธรรมชาติเพื่อลดการเกิดสิวและลดอาการอักเสบ โดยไม่ต้องใช้สารเคมีหรือยาที่มีผลข้างเคียง วิธีนี้เป็นที่นิยม เนื่องจากปลอดภัยและสามารถทำได้ง่ายที่บ้าน แต่อาจจะต้องใช้เวลารักษาที่นาน และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

                                              4. การทำทรีทเม้นท์และหัตถการผิว

                                              การทำทรีทเม้นท์และหัตถการผิวเป็นกระบวนการดูแล และฟื้นฟูผิวพรรณโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยทรีทเม้นท์มักเป็นการบำรุงผิวหรือฟื้นฟูอย่างล้ำลึก เช่น การมาสก์หน้าหรือการบำรุงด้วยวิตามิน

                                              5. การดูแลผิวในชีวิตประจำวัน

                                              การล้างหน้าควรทำเป็นประจำโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อาจทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว แม้ว่าผิวจะมันก็ตาม ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงที่ไม่เพิ่มน้ำมันในผิว เพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดสิว

                                              การรักษาสิวในปัจจุบันมีหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ยาทาภายนอกและยารับประทาน ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์และแสงบำบัด การเลือกวิธีรักษาควรพิจารณาตามสภาพผิวและความรุนแรงของสิว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยของแต่ละบุคคล

                                              การเกิดสิว เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยมีสาเหตุหลักจากการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรก ซึ่งสิวสามารถแบ่งประเภทได้หลายประเภท และการรักษาสิวมีหลายวิธีเช่นเดียวกัน ดังนั้นการเลือกวิธีรักษาควรพิจารณาจากประเภทและความรุนแรงของสิว รวมถึงควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความชำนาญการในการรักษาสิวเพื่อให้ได้วิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยของแต่ละบุคคล

                                              รมย์รวินท์คลินิก คว้ารางวัล PRAEW ICONIC 2024 ART FILLER TECHNIQUE FOR YOUTHFUL LOOK

                                              praew iconic beauty

                                              รมย์รวินท์คลินิก คว้ารางวัล ICONIC ART FILLER TECHNIQUE FOR YOUTHFUL LOOK

                                              นิตยสารแพรวจัดงานสุดใหญ่แห่งปี PRAEW ICONIC BEAUTY 2024 รันวงการบิวตี้ เดินทางมาจนครบรอบ 10 ปี กับงานประกาศรางวัลผลิตภัณฑ์และบริการความงามสุดยิ่งใหญ่ตระการตา งานนี้ คุณหมอบีบี พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู เข้าร่วมงานรับรางวัลผลิตภัณฑ์และบริการความงามที่สุดแห่งปี ‘PRAEW ICONIC BEAUTY 2024’ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม KRONOS SATHORN ถ.สาทรเหนือ

                                              praew iconic beauty

                                              ซึ่งบรรยากาศภายในงานนั้น ได้รับเกียรติจากผู้บริหารชื่อดังจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมงาน รวมทั้งยังมีทีมสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจในงานรับรางวัลอันทรงเกียรติด้านความสวยความงามในครั้งนี้

                                              รมย์รวินท์คลินิก คว้ารางวัล ICONIC ART FILLER TECHNIQUE FOR YOUTHFUL LOOK รับรางวัลโดย คุณหมอบีบี พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก ซึ่งรางวัลนี้นับเป็นการรักษาชื่อเสียง คุณภาพ และการได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นตัวจริงเรื่องความอ่อนเยาว์ ทั้งนี้ทุกการรักษาจะได้รับการอย่างแม่นยำโดยแพทย์ประจำของรมย์รวินท์คลินิกที่มีความรู้ความสามารถ

                                              รางวัลสำหรับบิวตี้คลินิกที่ได้รับรางวัล PRAEW ICONIC BEAUTY ถึง 2 ครั้ง นับว่าเป็นรางวัลที่การันตีในฝีมือ การรักษาที่ได้รับมาตรฐาน ได้รับความนิยม รวมทั้งยังมีคุณภาพในการทำหัตถการความงามได้เป็นอย่างดี ซึ่งคลินิกที่ได้รับรางวัลจะมีความโดดเด่นเป็นที่พูดถึงในการทำหัตถการชนิดนั้น ๆ และต้องมีผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยจากการรักษาในระยะยาว

                                              ในปีที่ 10 ของ PRAEW ICONIC BEAUTY 2024 นี้ได้รับเกียรติจากเหล่าคณะกรรมการสุดเอกซ์คลูซิฟที่เข้าใจคนรักความสวยมาร่วมงาน อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการตัดสิน ที่อยู่ในแวดวงความสวยความงาม นำทัพโดยบิวตี้เอดิเตอร์นิตยสารแพรว บิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ บิวตี้บล็อกเกอร์ และเจ้าของเพจดังของวงการความงาม ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของบิวตี้ไอคอนแห่งยุคจากวงการบิวตี้

                                              คอนเซปต์งานในวันนี้ มีแนวคิดเสมือนเพื่อนที่ยืนเคียงข้างคนรักสวยรักงาม ให้ได้พัฒนาตัวเองไปพร้อม ๆ กัน จากการลองผิดลองถูกสู่จุดสมบูรณ์แบบ ที่ค้นพบตัวตนและสไตล์ที่ใช่ในแบบของตัวเอง พร้อมทบทวนความสุขตลอดระยะเวลาที่ได้ศึกษาทำความรู้จักกับนวัตกรรมและงานหัตถการล้ำหน้าแห่งยุค อีกทั้งยังสะท้อนถึงการเดินทางของแบรนด์หรือบุคคลชั้นนำของวงการความงาม ที่มีไฟแห่งการสร้างสรรค์และการพัฒนาตัวเองแบบไม่หยุดยั้งอีกด้วย

                                              ผลการรักษาด้วย โปรแกรม ART FILLER 

                                              praew iconic beauty

                                              praew iconic beauty

                                              ทางรมย์รวินท์คลินิกมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งรักษามาตรฐานในด้านความงาม เพื่อความเป็นคลินิกความงามระดับแนวหน้าของวงการบิวตี้ในประเทศไทยต่อไป เราพร้อมจะมอบแต่สิ่งที่ดีที่สุดในด้านของเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้บริการทุกท่าน เพราะการเป็นที่สุดจากการยอมรับของผู้ใช้บริการทุกคน คือความชัดเจนที่รมย์รวินท์คลินิกได้เป็นผู้นำด้านความงามอย่างแท้จริง

                                              Art Filler คืออะไร? มีกี่รุ่น? อยู่ได้นานแค่ไหน? ดียังไง?

                                              ART Filler

                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                ทำความรู้จักฟิลเลอร์ Art Filler คืออะไร? มีกี่รุ่น? อยู่ได้นานแค่ไหน?

                                                ปัจจุบันฟิลเลอร์มีหลากหลายยี่ห้อ ถึงแม้จะมีส่วนประกอบหลักจากไฮยาลูรอนิกเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของเทคโนโลยีและขั้นตอนในการผลิตอย่างชัดเจน ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกัน เช่น ความหนาแน่น ขนาดอนุภาค ความยืดหยุ่น รวมถึงระยะเวลาคงสภาพของฟิลเลอร์เช่นกัน

                                                วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก จะพามาทำความรู้จักกับ Art Filler ฟิลเลอร์ตัวดังอีกหนึ่งยี่ห้อจากประเทศฝรั่งเศส ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงาม สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ฟิลเลอร์ Art Filler คืออะไร? มีจุดเด่นอย่างไร? มีทั้งหมดกี่รุ่น? บทความนี้รวมมาให้แล้ว

                                                รวมเรื่องที่ควรรู้! ฟิลเลอร์ Art Filler ดีไหม? แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร? อยู่ได้นานแค่ไหน?

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler คืออะไร?

                                                Art Filler เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากประเทศฝรั่งเศส ถูกพัฒนาโดยบริษัท FILLMED Laboratories นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยบริษัท Dermatologic ซึ่งฟิลเลอร์ Art Filler ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) เป็นสารเติมเต็มผิวธรรมชาติที่พบได้ในร่างกายของเรา มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้ผิวอิ่มฟู มีความชุ่มชื้น และเรียบเนียน ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ดูเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัย และอยู่ได้นาน รวมถึง มีส่วนผสมของยาชา 0.3% (Lidocaine) ทำให้ลดความรู้สึกเจ็บปวดขณะฉีดฟิลเลอร์ นอกจากนี้ Art Filler ยังมีหลากหลายรุ่นที่ออกแบบมา เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มร่องลึก เพิ่มวอลุ่ม หรือปรับรูปหน้า

                                                ART Filler

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler มีจุดเด่นอย่างไร?

                                                จุดเด่นของฟิลเลอร์ Art Filler คือ ใช้เทคโนโลยีพิเศษ TRI-HYAL Technology ซึ่งเทคโนโลยี TRI-HYAL เป็นการผสมผสานโมเลกุลไฮยาลูรอนิกที่มีรูปแบบแตกต่างกัน 3 รูปแบบเข้าด้วยกัน ได้แก่ Free hyaluronic acid, Long chains และ Very long chains โดยการผสมผสานไฮยาลูรอนิกทั้ง 3 รูปแบบนี้ ทำให้ฟิลเลอร์ Art Filler มีความยืดหยุ่น เรียบเนียน และกลืนไปกับผิวได้เป็นอย่างดี สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเพิ่มความชุ่มชื่น เติมเต็มริ้วรอย ไปจนถึงการปรับรูปหน้าให้ดูอิ่มฟู ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น

                                                นอกจากนี้ Art Filler ยังมีปริมาณสาร BDDE (1, 4-Butanediol diglycidyl ether) น้อยกว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ซึ่งเป็นสารที่เชื่อมโมเลกุลของกรดไฮยาลูรอนิกเข้าด้วยกันเป็นโครงข่าย ทำให้ฟิลเลอร์ยึดเกาะกันแน่นมากขึ้น มีความคงรูป และอยู่ได้นาน ในทางกลับกันการเติมสาร BDDE ที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการอักเสบและแพ้ได้ง่าย

                                                ดังนั้น การที่ฟิลเลอร์ Art Filler ที่มีปริมาณสาร BDDE น้อย จึงเป็นส่วนช่วยลดโอกาสในการเกิดปฏิกิริยาแพ้หรือระคายเคืองได้มากขึ้น Art Filler จึงเป็นสารเติมเต็มที่มีความเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวบอบบางเป็นอย่างมาก

                                                ART Filler

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler มีกี่รุ่น?

                                                ปัจจุบันฟิลเลอร์ Art Filler มีหลากหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นจะมีความหนาแน่นและความยืดหยุ่นของเนื้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการกระจายตัวเมื่อฉีดลงสู่ผิวและการคงรูปของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้เหมาะกับเติมเต็มในบริเวณที่แตกต่างกัน มีทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่

                                                • Art Filler Fine Line

                                                เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและละเอียด มีเนื้อเจลบางเบาเป็นพิเศษ มีความหนาแน่นน้อยที่สุด เหมาะสำหรับการฉีดในผิวชั้นตื้น บริเวณที่มีผิวบอบบาง มีริ้วรอยเล็ก ๆ เช่น ริมฝีปาก รอบดวงตา ซึ่งทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

                                                Art Filler Fine Line : สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นานถึง 12 เดือน

                                                • Art Filler Universal

                                                เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดพอเหมาะ มีความหนาแน่นและความยืดหยุ่นปานกลาง ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มริ้วรอยระดับปานกลาง ไปจนถึงร่องลึก รวมถึงการปรับรูปหน้า เช่น ร่องแก้ม ขมับ ซึ่งทำให้ผิวดูอิ่มฟู มีวอลุ่ม ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น

                                                Art Filler Universal : สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นานถึง 12 เดือน

                                                • Art Filler Volume

                                                เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูงที่สุด สามารถคงรูปได้ดี ปั้นเป็นทรงได้ง่าย เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึกและปรับโครงสร้างใบหน้า ทดแทนกระดูกที่ยุบตัวลง เมื่ออายุมากขึ้น เช่น ขมับ ร่องแก้มลึก คาง และกรอบหน้า ซึ่งทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ มีมิติ กรอบหน้าชัดมากขึ้น

                                                Art Filler Volume : สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นานถึง 18 เดือน

                                                • Art Filler Lips Soft

                                                เป็นฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ มีความนิ่ม ละเอียด และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบางและแห้ง มีริ้วรอยรอบขอบปาก ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี มีความอวบอิ่มแบบไม่โป๊ะ

                                                Art Filler Lips Soft : สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นานถึง  3 – 6 เดือน

                                                • Art Filler Lips

                                                เป็นฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มริมฝีปากเหมือนกับ Art Filler Lips Soft แต่มีความหนาแน่นมากกว่ารุ่น Lips Soft เล็กน้อย เหมาะสำหรับการปรับรูปทรงริมฝีปาก เพิ่มวอลุ่มให้ริมฝีปาก

                                                Art Filler Lips : สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นานถึง  3 – 6 เดือน

                                                 

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง?

                                                • ร่องแก้ม
                                                  การฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ในบริเวณร่องแก้ม จะช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก ร่องแก้มชัด ใบหน้าดูแก่กว่าวัย รวมถึง ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ทำให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ผิวมีความเรียบเนียน อิ่มฟู ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด

                                                 

                                                • ใต้ตา
                                                  การฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ในบริเวณใต้ตา จะช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา ตาใต้คล้ำ รวมถึง แก้ไขปัญหาต่าง ๆ บริเวณรอบดวงตา ทำให้ใต้ตาดูตื้นขึ้น มีความเรียบเนียน ลดความหมองคล้ำ ดวงตาดูสดใส เหมือนนอนเต็มอิ่มตลอดเวลา

                                                 

                                                • ขมับ
                                                  การฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ในบริเวณขมับ จะช่วยแก้ไขปัญหาขมับตอบ เติมเต็มขมับที่ยุบตัวลง พร้อมช่วยยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้สมดุล ทำให้ใบหน้าอิ่มฟู ดูมีมิติมากขึ้น โหนกแก้มดูลดลง ใบหน้ามีความละมุนและดูอ่อนเยาว์

                                                 

                                                • หน้าผาก
                                                  การฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ในบริเวณหน้าผาก จะช่วยแก้ไขปัญหาหน้าผากเป็นแอ่งยุบตัวลง หน้าผากแบน ร่องลึกบนหน้าผาก ทำให้หน้าผากนูนสวย ใบหน้าดูสมดุล มีมิติ รวมถึง เสริมโหงวเฮ้งรับทรัพย์ให้ดีมากขึ้น

                                                 

                                                • แก้มส้ม
                                                  การฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ในบริเวณแก้มส้ม จะช่วยเติมเต็มในส่วนกระดูกที่เกิดการยุบตัวลงบริเวณหน้าแก้ม ทำให้มีเกิดหน้าแก้มแบน แก้มตอบ ผิวหย่อนคล้อย รวมถึง ร่องลึกใต้ตาและร่องแก้ม ทำให้หน้าแก้มอิ่มฟู ดูอ่อนกว่าวัย ใบหน้าดูสดใส และเสริมโหงวเฮ้งได้อีกด้วย

                                                 

                                                • คาง
                                                  การฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ในบริเวณคาง จะช่วยแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม คางไม่สมส่วน หน้ากลม พร้อมปรับรูปทรงคาง ทำให้คางยาวได้สัดส่วน ใบหน้าเรียวเล็ก มีมิติมากขึ้น

                                                 

                                                • ริมฝีปาก
                                                  การฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ในบริเวณริมฝีปาก จะช่วยเติมเต็มริ้วรอยรอบขอบปาก แก้ไขปัญหาริมฝีปากบาง ริมฝีปากแห้ง ริมฝีปากไม่เท่ากัน สามารถปรับรูปทรงริมฝีปากได้ตามต้องการ ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้น และอิ่มฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

                                                 

                                                • กรอบหน้า
                                                  การฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ในบริเวณกรอบหน้า จะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า แก้ไขปัญหาใบหน้าส่วนล่างมีความหย่อนคล้อย หน้าบาน กรอบหน้าไม่ชัด ไม่มีมิติ ทำให้สันกรามคมชัดขึ้น ใบหน้ามีมิติ รูปหน้าดูสมส่วน ใบหน้าเล็กลง มีความวีเชฟ (V-Shape) มากขึ้น

                                                ART Filler

                                                ข้อดีของฟิลเลอร์ Art Filler

                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler สามารถแก้ไขปัญหา ปรับแต่งรูปหน้า หรือเติมเต็มส่วนที่ขาดได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทุกจุดของใบหน้า
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ของไทย
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่เป็นอันตราย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler สามารถเติมเพิ่มหรือลดปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ ได้ตามความต้องการ แก้ไขได้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด โดยไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน คงอยู่ได้หลายเดือน รวมถึง มีความเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ ไม่ดูโป๊ะ

                                                ART Filler

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะกับใคร?

                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่กระชับตามวัย
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีใบหน้าไม่สมส่วน สัดส่วนไม่เท่ากัน
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเติมเต็มและเพิ่มวอลุ่มให้ใบหน้า
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ ไม่ชุ่มชื้น รูขุมขนกว้าง
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน ฉีดแล้วดูดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler มีข้อจำกัดอย่างไร?

                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังรับประทานกลุ่มยาแอสไพริน เนื่องจากยากลุ่มนี้ จะไปยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดออกง่ายขึ้น
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เป็นโรคเลือดออกง่าย
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบ ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ เช่น หูด สิวอักเสบ ควรรักษาให้หายก่อน จึงค่อยพิจารณาฉีดฟิลเลอร์
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติการแพ้สารไฮยาลูรอนิก ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาชา
                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปก่อน

                                                ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ Art Filler

                                                • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดที่จำเป็นก่อนตัดสินใจฉีด เช่น ฟิลเลอร์ Art Filler มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร และสามารถฉีดฟิลเลอร์จุดไหนได้บ้าง
                                                • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดรับประทานกลุ่มยาแอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์
                                                • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดรับประทานยาหรืออาหารเสริม ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
                                                • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
                                                • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เนื่องจากอาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด
                                                • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดใช้ยาหรือครีมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว รวมถึง การโกนและดึงขนในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์

                                                ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ Art Filler

                                                • ปรึกษาแพทย์ โดยแพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวหน้า เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและแนะนำรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ปริมาณที่ต้องใช้ และบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์
                                                • แจ้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติยาที่รับประทานเป็นประจำ ประวัติการทำหัตถการ ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
                                                • ทำความสะอาดผิวหน้า ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ หากมีการแต่งหน้ามา จะมีการเช็ดเครื่องสำอางในบริเวณที่ฉีดออกให้สะอาด
                                                • ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า เพื่อความปลอดภัย สามารถขอตรวจสอบได้ว่า ฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นของแท้หรือไม่
                                                • เนื่องจากฟิลเลอร์ Art Filler มีส่วนผสมของยาชา เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีดฟิลเลอร์อยู่แล้ว จึงไม่ต้องมีการแปะยาชาเพิ่มเติม
                                                • แพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังผิวหนัง ในบริเวณที่ต้องแก้ไขหรือเติมเต็ม โดยแพทย์จะทำการปรับรูปทรงให้สวยงามตามความต้องการ ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
                                                • เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว แพทย์จะแนะนำข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้เร็วและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง

                                                ART Filler

                                                ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler

                                                • หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดการสัมผัส แตะ แกะ เกา หรือนวดหน้าในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่และเสียรูปทรงได้
                                                • หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดการแต่งหน้า อย่างน้อย 24 ชั่วโมงแรก เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อได้
                                                • หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือความร้อนทุกชนิด เช่น ซาวน่า ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ปิ้งย่าง หมูกระทะ หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องตากแดดนาน ๆ
                                                • หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดการเลเซอร์ที่ใช้พลังงานความร้อน ลงผิวชั้นลึก อย่างน้อย 1 เดือน
                                                • หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ จะทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
                                                • หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพื่อลดอาการอักเสบและอาการบวมช้ำ

                                                ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler

                                                • ริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ลดลง ผิวหน้าเรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
                                                • ผิวอิ่มน้ำ มีความชุ่มชื้น ดูสุภาพดี รูขุมขนดูเล็กลง
                                                • ใบหน้ามีความสมดุล รูปหน้าได้สัดส่วน ดูละมุนมากขึ้น
                                                • ผิวกระชับ ลดความหย่อนคล้อยบนใบหน้า
                                                • ผิวอิ่มฟู ดูอวบอิ่ม มีความยืดหยุ่น ดูมีวอลุ่มมากขึ้น

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler แตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร?

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler มีความพิเศษและแตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ อยู่ โดยเฉพาะในด้านของเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่

                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler : เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์สัญชาติฝรั่งเศส ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการผลิต TRI-HYAL Technology ซึ่งผสมผสานไฮยาลูรอนิก 3 รูปแบบเข้าด้วยกัน ทำให้เนื้อมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียนเข้ากับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ แก้ไขปัญหาผิวหน้าได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีปริมาณสาร BDDE น้อยกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดการอักเสบและอาการแพ้ได้

                                                 

                                                • ฟิลเลอร์ Juvederm : เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วโลก ซึ่งใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต ได้แก่ Hylacross Technology ที่สามารถอุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ผิวอิ่มฟู และ Vycross Technology ที่มีความแข็งแรงและหนาแน่นสูง คงรูปได้ดี เหมาะสำหรับการยกกระชับและปรับรูปหน้า นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Juvederm ยังมีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ ในการแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกันได้อย่างแม่นยำ สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน

                                                 

                                                • ฟิลเลอร์ Restylane : เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน มีการพัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 25 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเช่นกัน ซึ่งฟิลเลอร์ Restylane ใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต ได้แก่ NASHA Technology ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ มีความคงตัวและหนาแน่นสูง ส่งผลให้ฟิลเลอร์คงรูปได้นาน ไม่ไหลย้อยง่าย และ OBT Technology ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถนำมาใช้ในการปรับรูปทรงได้อย่างหลากหลาย ผสานกับผิวอย่างเรียบเนียน นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ Restylane ยังมีหลายรุ่นให้เลือกใช้ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                 

                                                • ฟิลเลอร์ Belotero : เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ในการผลิต ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความหนาแน่นและความยืดหยุ่นสูง แต่ยังคงรูปได้ดี ไม่ไหลย้อยง่าย และผสานเข้ากับผิวได้อย่างเรียบเนียน มีให้เลือกหลากหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์สำหรับทุกปัญหาผิวโดยเฉพาะ

                                                 

                                                รวมคำถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์ Art Filler

                                                • อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler

                                                หลังจากฉีดฟิลเลอร์ Art Filler แล้วอาจมีรอยแดงจากเข็มในบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเอง ภายใน 2 – 3 วัน รวมถึง อาจมีอาการบวมช้ำในบริเวณที่ฉีด ซึ่งถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ และจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 7 – 14 วัน จากนั้นฟิลเลอร์จะเข้าที่และเซตตัวได้ดี เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler อยู่ได้นานแค่ไหน?

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler แต่ละรุ่นมีระยะเวลาในการคงอยู่ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความหนาแน่น ความยืดหยุ่น และปริมาณกรดไฮยาลูรอนิกในเนื้อฟิลเลอร์ รวมถึง บริเวณที่ต้องการฉีด หากเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปาก ฟิลเลอร์จะสลายตัวได้รวดเร็วกว่าบริเวณอื่น ๆ โดยสามารถแบ่งระยะเวลาตามรุ่นได้ ดังนี้

                                                1. Art Filler Fine Line : สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
                                                2. Art Filler Universal :สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
                                                3. Art Filler Volume    :สามารถอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
                                                4. Art Filler Lips Soft : สามารถอยู่ได้นานถึง 3 – 6 เดือน
                                                5. Art Filler Lips         : สามารถอยู่ได้นานถึง 3 – 6 เดือน
                                                • ฟิลเลอร Art Filler ปลอดภัยไหม?

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นยี่ห้อที่ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย ซึ่งฟิลเลอร์สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างสามารถปรับแก้ผลลัพธ์ได้ตามใจชอบหากไม่พอใจ โดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย แต่ควรฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler เจ็บไหม?

                                                เจ็บน้อยมากหรือแทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลย เนื่องจากฟิลเลอร์ Art Filler ทุกรุ่น มีเทคโนโลยีและส่วนผสมที่พัฒนาแล้ว จึงมีส่วนประกอบของยาชาร่วมด้วย ทำให้ระหว่างการฉีด จะรู้สึกแค่เหมือนถูกเข็มจิ้มเบา ๆ หรืออาจจะไม่รู้สึกเจ็บเลยด้วยซ้ำ

                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler ฉีดกี่วันถึงจะเห็นผล?

                                                ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ Art Filler สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังการฉีด และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด หลังจากอาการบวมช้ำค่อย ๆ ลดลงแล้ว ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 7 – 14 วันหลังฉีด

                                                • ฟิลเลอร์ Art Filler สามารถฉีดร่วมกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นได้ไหม?

                                                สามารถฉีดได้ หากฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ใช้ผลิตจาก ไฮยาลูรอนิก แอซิด เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ โดยแพทย์จะสามารถเลือกรุ่นและยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และบริเวณที่มีปัญหาได้อย่างตรงจุด

                                                 

                                                ฟิลเลอร์ Art Filler นับว่า เป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ไทย สามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวหน้าได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ริ้วรอยเล็ก ๆ ไปจนถึงริ้วรอยร่องลึก พร้อมแก้ไขและปรับโครงสร้างใบหน้าที่ยุบตัวลง จากการที่อายุมากขึ้นได้เป็นอย่างดี ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เรียบเนียนไปกับผิว ไม่ดูโป๊ะหรือแข็งทื่อจนเกินไป ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ Art Filler กับแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถ และรู้จักชั้นผิวเป็นอย่างดี มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยตรง คลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีเลขใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในอนาคต

                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                  Praew Iconic Beauty จัดงานรับรางวัลสุดยิ่งใหญ่ รมย์รวินท์คว้ารางวัล 3 ปีซ้อน

                                                  PRAEW ICONIC

                                                  PERFECT 10 “THE JOURNEY OF BEAUTY” งานรับรางวัลสุดยิ่งใหญ่ที่จัดโดยนิตยาสารแพรวนิตยสารชื่อดังของประเทศไทย

                                                  นิตยสารแพรว นิตยาสารชื่อดังของประเทศไทย หรือ Praew Iconic Beauty ได้จัดงานรับรางวัลประจำปี 2024 โดยให้รางวัลสำหรับผู้เป็นที่สุดในแต่ละด้าน โดยเป็นการรวมตัวท๊อปของวงการความงามในระดับแนวหน้าเอาไว้ในงานนี้ภายใต้ชื่อและคอนเซปต์งานว่า PERFECT 10 “THE JOURNEY OF BEAUTY” ที่เป็นคอนเซปต์ที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในการเฉลิมฉลองแก่ผู้เข้ารับรางวัลในปีนี้ และความพิเศษของงานนี้คือการที่ Praew Iconic Beauty ได้จัดงานรับรางวัลให้เหมือนเป็นการเคียงข้างกลุ่มคนรักความสวยความงาม มาเป็นระยะเวลาครบ 10 ปี ทำให้แวดวงความงาม และกลุ่มคนที่รักความสวยความงามได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมๆกัน

                                                  PRAEW ICONIC

                                                  รมย์รวินท์คลินิกรับรางวัลในงาน Praew Iconic Beauty 2024

                                                  งานนี้รมย์รวินท์คลินิกผู้นำในแวดวงความงามก็ยังคงรักษาพื้นที่แนวหน้า ในการคว้ารางวัลมาครอบครองถึง 3 ปีซ้อน โดยรางวัลนั้นคือรางวัลกลุ่ม ‘THE BEST’ โดยรมย์รวินท์คลินิกได้รับรางวัล “THE BEST ULTHERA INSTALLED BASE LEADER” ซึ่งนับเป็นการรักษาชื่อเสียง คุณภาพ และการได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังบ่งบอกถึงความรู้ความสามารถ รวมทั้งความชำนาญในการรักษา ULTHERA ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                   

                                                  นพ. อัครวินท์ ดำรงวัฒนโภคิน (คุณหมอริว) แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก

                                                  PRAEW ICONIC

                                                  งานนี้มาดามจอย ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน ผู้อำนวยการรมย์รวินท์คลินิก เข้ารับรางวัลด้วยตัวเอง ท่ามกลางความภาคภูมิใจของทุกภาคส่วนของรมย์รวินท์คลินิก ที่สามารถรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างมั่นคงต่อเนื่องถึง 3 ปี

                                                  โดยงานนี้จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่โรงแรม KRONOS SATHORN ถ.สาทรเหนือ โดยมีเหล่าคนดัง และผู้บริหารชื่อดังจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมงานอย่างคับคั้ง ทั้งยังเป็นงานที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากต่อสื่อมวลชน ทั้งยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการตัดสินที่อยู่ในแวดวงความสวยความงาม ทั้งบิวตี้บล็อกเกอร์ บิวตี้อิดิเตอร์ บิวตี้อินฟลูเอนเซอร์ ทั้งยังมีเจ้าของเพจชื่อดังด้านความงามมาร่วมตัดสินด้วย

                                                  งานในวันนี้มีแนวคิดถึงการเป็นเพื่อนที่จะอยู่และยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่รักความสวยความงาม ให้ได้พัฒนาตัวเองให้สวยและดูดีขึ้นไปพร้อมๆกันจนกว่าจะเจอและค้นพบจุดที่เป็นตัวของตัวเอง สไตล์ที่ใช้ การดูแลตัวเองที่ชอบเพื่อให้ทุกคนสวยในแบบที่ต้องการและมีความสุขที่สุดทั้งยังพร้อมจะเป็นพลังบวกให้กับกลุ่มผู้ที่รักความสวยความงาม

                                                  Ulthera

                                                  สำหรับรางวัล THE BEST ULTHERA INSTALLED BASE LEADER เป็นรางวัลที่การันตีและบ่งบอกถึงความชำนาญในการใช้ ULTHERA เพื่อยกกระชับใบหน้าให้ลูกค้าได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ULTHERA ยังคงเป็นเครื่องยกกระชับยอดนิยมตลอดกาลของรมย์รวินท์คลินิก มาทุกยุคทุกสมัย

                                                  Ulthera

                                                  เราจึงมีความตั้งใจที่จะยืนหยัดและตั้งใจที่จะเป็นคลินิกเสริมความงามในระดับแนวหน้า ที่เลือกสรรและเฟ้นหาแต่สิ่งดีๆ ทั้งโปรแกรมและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ รวมทั้งพัฒนาการบริการ เพื่อให้บริการลูกค้าทุกท่านอย่างดีที่สุดต่อไป

                                                  ULTHERA

                                                  ตรวจสอบข้อมูลของ Praew Iconic Beauty ได้ที่ :praew.com

                                                  Ultherapy ยกกระชับผิวที่ คุณเอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น ปลื้มมากก!

                                                  Ultherapy

                                                  Ultherapy โปรแกรมยกกระชับผิวที่คุณเอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น ปลื้มมากก!

                                                   

                                                  ถึงอายุจะมากขึ้น แต่ก็ยอมรับไม่ได้หรอกเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อยที่ตามมา จะให้ปล่อยตัวไปได้ไง นางเอกสาวสวยคุณเอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น ก็เป็นอีกคนที่เริ่มกังวลเรื่องความหย่อนคล้อยของผิวที่นับวันจะเพิ่มขึ้นมาก จนต้องขอร้องให้คุณหมอช่วยด่วนๆ เลยยUltherapy

                                                  “เอ๊ะก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ถึงแม้จะอายุเข้าเลข 4 แล้ว แต่ก็ยังอยากสวย ซึ่งด้วยวัยของเราก็ยอมรับเลยว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องของริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และด้วยความที่เป็นนักแสดง เป็นพิธีกร ต้องออกหน้ากล้อง ออกทีวี ปัญหาพวกนี้มันหลบเลี่ยง หรือรีทัชไม่ได้ทุกครั้ง เอ๊ะเลยอยากมาทำให้ตัวเองดูดี ดูอ่อนเยาว์ขึ้น เลยลองมาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์เนี่ยแหละค่ะ ถึงขนาดขอร้องอ้อนวอนคุณหมอให้ช่วยแก้ปัญหาของเอ๊ะให้ที เอ๊ะยังไม่อยากแก่ค่ะ (หัวเราะ)

                                                  ขั้นตอนแรกคุณหมอแววจะใช้เทคนิค Lifting Select ช่วยวิเคราะห์ปัญหาผิวของเอ๊ะก่อน ซึ่งคุณหมอบอกว่าเทคนิคนี้มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น ซึ่งทุกคนที่มาเข้ารับบริการที่รมย์รวินท์คลินิกจะต้องผ่านเทคนิคนี้ก่อนทำการรักษา คุณหมอจะประเมิน และอธิบายปัญหาผิวของเราว่าเป็นอย่างไร ควรเลือกโปรแกรมอะไรที่ตอบโจทย์ ซึ่งเอ๊ะว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ เอ๊ะรู้สึกได้ถึงความใส่ใจของคุณหมอว่าพร้อมดูแลผิวของเรามากๆ ค่ะ

                                                  Ultherapy

                                                  คุณหมอประเมินผิวของเอ๊ะ และเลือก Ultherapyให้เอ๊ะค่ะ ส่วนตัวเอ๊ะคือรู้จักและเคยได้ยินสรรพคุณของ Ultherapyมานานมากแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองทำเลยซักครั้ง และก็ไม่รู้ว่าจะทำได้มั้ย จะช้าไปหรือเปล่าที่จะมาลองทำซักครั้ง ซึ่งคุณหมอแววก็บอกว่าปัญหาแบบเอ๊ะสามารถทำ Ultherapyเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อยได้ค่ะ ซึ่งUltherapyคุณหมอแววเคลมไว้ว่าเป็นตัวยอดฮิตมากๆ เลยสำหรับการยกกระชับผิว เพราะสามารถยิงพลังงาน Ultrasound ได้ลงลึกถึงผิวชั้น SMAS ซึ่งคุณหมอแววบอกว่าเป็นชั้นที่ใช้สำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า แต่เอ๊ะไม่ต้องเจ็บตัวถึงขนาดนั้น เพราะ Ultherapyสามารถช่วยได้ ด้วยการกระตุ้นการจัดเรียงคอลลาเจนใต้ชั้น ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างและชั้นผิวของเราให้แข็งแรงไปพร้อมกันค่ะ

                                                  หลังทำเอ๊ะก็รีบขอกระจกคุณหมอแววมาส่องดูผลลัพธ์หลังทำเลยค่ะ สิ่งที่เอ๊ะเห็นและรู้สึกได้เลยว่าหน้าของเอ๊ะยกขึ้นเลย หน้าดูกระชับมากกว่าก่อนทำ ความหย่อนคล้อยที่เคยมีคือหายไปเลย กรอบหน้าเอ๊ะคือดูคมชัดขึ้นมาก ทำให้เอ๊ะสวยอย่างมีความสุขได้แล้วค่ะ หน้าเอ๊ะดูอ่อนเยาว์อย่างธรรมชาติ ดูไม่หลอกตาเลยจริงๆ และยังอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลยค่ะ

                                                  Feed back หลังทำ Ultherapy จากปากของคุณเอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น

                                                  Ultherapy

                                                  หลังจากเอ๊ะทำUltherapyมาครบ 1 อาทิตย์ ทุกคนที่เห็นเอ๊ะทักหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะช่างแต่งหน้า หรือเพื่อนๆ ด้วยกัน ถามว่าเอ๊ะไปทำอะไรมาดูหน้าเด็กลง ซึ่งเอ๊ะปลื้มมากๆเลยค่ะ เพราะมันทำให้เอ๊ะรู้สึกถึงผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงจนสังเกตได้เลย เอ๊ะคิดไม่ผิดเลยที่ทำUltherapyเพราะทำให้หน้าเอ๊ะดูยกกระชับ และกรอบหน้าชัดขึ้น ดูดีขึ้นในแบบที่เป็นตัวเอง ใครที่อยากเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลลัพธ์ได้เลยทันทีแบบเอ๊ะ ต้องมาทำUltherapyที่รมย์รวินท์คลินิกกันนะคะ

                                                  Ultherapy คืออะไรคุณเอ๊ะถึงเป็นปลื้มมากขนาดนี้!

                                                  Ultherapyเป็นตัวใหม่ที่ถูกพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่เห็นผลมากยิ่งขึ้น ทั้งยังลดความเจ็บและ ผลข้างเคียง Ultherapyสามารถยิงคลื่น Micro-Focused Ultrasound ลงได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS (ชั้นที่ใช้ศัลยกรรมดึงหน้า) ได้อย่างแม่นยำและตรงจุด เพราะมีจอแสดงผลที่ช่วยทำให้เห็นถึงชั้นผิว ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์สามารถประเมินสภาพผิวของผู้มาเข้ารับบริการ เลือกขนาดของหัวยิงและจำนวนช็อตในการยิงให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาได้ก่อนการรักษา โดยหัวยิงของ Ultherapyมีอยู่ 3 ขนาด ดังนี้

                                                  • หัว Ultherapyขนาด 1.5 มิลลิเมตร ยิงลงลึกถึงชั้น Dermis ช่วยเรื่องรูขุมขน และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ
                                                  • หัว Ultherapyขนาด 3.0 มิลลิเมตร ยิงลงลึกถึงชั้น Deep dermis และชั้นไขมัน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และลดความหย่อนคล้อยของผิว และกระชับไขมัน
                                                  • หัว Ultherapyขนาด 4.5 มิลลิเมตร ยิงลงลึกได้ถึง SMAS ชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรม ยกความหย่อนคล้อยของผิวให้ตึงกระชับ

                                                  ทำไมต้องรีบมาทำ Ultherapy ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                  • Lifting Select : เทคนิคการยกกระชับใบหน้ามีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิก วิเคราะห์ปัญหาของผู้มาเข้ารับบริการก่อนการวางแผนในการรักษา
                                                  • ออกแบบและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล : โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการยกกระชับโดยเฉพาะ ผู้มาเข้ารับบริการจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์หลังทำที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดกลับไป
                                                  • จอแสดงผลแบบเรียลไทม์ : ให้แพทย์ผู้ทำการรักษาสามารถมองเห็นถึงปัญหาของผิว และรักษาปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด
                                                  • Micro-Focused Ultrasound ปล่อยพลังงานลงลึกถึงผิวชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำ และทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ช่วยทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาตึงกระชับ ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกครั้ง โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                                  • ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้นาน : รักษาปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยด้วยUltherapyสามารถให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี

                                                  Ultherapy กับผลลัพธ์ที่ให้ได้มากกว่าการยกกระชับผิว

                                                  • Ultherapyช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวสวยเนียนละเอียดมากยิ่งขึ้น
                                                  • Ultherapyมอบใบหน้าที่ยกกระชับ กรอบหน้าชัดมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้ดูอ่อนเยาว์
                                                  • Ultherapyลดเลือนริ้วรอยที่เป็นสัญลักษณ์ของผิวแก่ เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตายกหางคิ้วและหางตาที่ตกให้ยกขึ้น และช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้า

                                                  อยากสวยดูดี ดูอ่อนเยาว์ เห็นผลลัพธ์ได้จริงถึงการเปลี่ยนแปลงมาให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลผิวให้คุณนะคะ

                                                  เตือน! ร้อยไหมหน้ากระตุก ยิ้มไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะหมอเถื่อน

                                                  ร้อยไหมหน้ากระตุก

                                                  เตือน! ร้อยไหมหน้ากระตุก ยิ้มไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะหมอเถื่อน

                                                  เกิดเหตุการณ์สะท้านวงการความงามอีกครั้ง เมื่อผู้เสียหายรายหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า หลังจากเข้ารับการร้อยไหมที่คลินิกชื่อดังแห่งหนึ่ง กลับประสบปัญหาหน้ากระตุก สั่นเกร็ง ปากเบี้ยว ใบหน้าผิดรูปอย่างรุนแรง และมีเส้นไหมทะลุออกมาจากผิวหน้านานกว่า 3 ปี ไม่สามารถยิ้มได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือ ก่อนทำการร้อยไหม ผู้เสียหายไม่ได้รับการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสม และไม่มีการใช้ยาชาระหว่างทำหัตถการ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดและเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง

                                                  จากการตรวจสอบพบว่า แพทย์ที่ทำการร้อยไหมแล้วหน้ากระตุก ให้กับผู้เสียหายดังกล่าวเป็น “หมอเถื่อน” ไม่มีใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ คลินิกไม่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่องมือไม่สะอาด ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาที่ถูกต้อง ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้รับบริการอย่างร้ายแรง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง มาตรฐานความปลอดภัยที่น่าเป็นห่วงของวงการคลินิกความงาม และเป็นการเตือนใจให้แก่ผู้รับบริการตระหนักถึงความสำคัญ ในการเลือกคลินิกความงามและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์หน้ากระตุกลักษณะนี้ซ้ำรอย

                                                  ร้อยไหมผิด ชีวิตพัง! หน้ากระตุก ไหมโผล่ เพราะหมอเถื่อน

                                                  ร้อยไหม คืออะไร?

                                                  • การร้อยไหม คือ การใช้เข็มนำเส้นไหมละลายสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อยกกระชับผิวหน้า แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย และปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้อย่างตรงจุด สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ
                                                  • นอกจากนี้ การร้อยไหมยังช่วยกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว พันรอบ ๆ แนวเส้นไหม ทำให้ผิวแข็งแรง อิ่มฟู และยืดหยุ่นมากขึ้น โดยปัจจุบันมีเส้นไหมให้เลือกหลากหลายชนิด เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน แต่ละเคสจะต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกชนิดของเส้นไหมและเทคนิคที่เหมาะสม

                                                  ร้อยไหม จุดไหนได้บ้าง?

                                                  การร้อยไหม สามารถทำได้ในหลายจุดบนใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันไป โดยจุดที่นิยมร้อยไหมกันมากที่สุด ได้แก่

                                                  • แก้ม ยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย เก็บกระเปาะแก้ม ทำให้ใบหน้าเรียวเล็ก
                                                  • หางตา คิ้ว ยกหางตาและคิ้ว แก้ไขปัญหาหนังตาตก คิ้วตก เพิ่มความเฉี่ยวคมให้ใบหน้า
                                                  • จมูก ปรับรูปทรงจมูก ทำให้สันจมูกดูโด่งขึ้น ปีกจมูกเล็กลง
                                                  • หน้าผาก ลดเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ใช้ในกรณีที่เคสดื้อโบ
                                                  • กรอบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก กรอบหน้าชัด มีมิติ
                                                  • มุมปาก ยกมุมปาก แก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณมุมปาก
                                                  • เหนียง ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ทำให้คอดูเรียวมากขึ้น

                                                  ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม

                                                  • หลังจากการร้อยไหม ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด คือ อาการบวม เขียวช้ำ ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้น จากการที่ร่างกายตอบสนองต่อการทำหัตถการ โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไป ภายใน 7 – 14 วัน รวมถึง อาการตึงหลังร้อยไหม อ้าปากไม่ได้ ถือป็นอาการปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกว่า มีผลข้างเคียงที่ผิดปกติและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ไหมขาด ไหมทะลุ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
                                                  ร้อยไหมหน้ากระตุก
                                                  ร้อยไหมหน้ากระตุก

                                                  อันตรายจากการร้อยไหมกับหมอเถื่อน

                                                  • ติดเชื้อ เนื่องจากเครื่องมือหรืออุปกรณ์ไม่ได้รับฆ่าเชื้อ สถานที่ไม่สะอาด ไม่มีการทำความสะอาดหน้าก่อนทำหัตถการ รวมถึง หลังร้อยไหมแล้ว ไม่ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ ส่งผลให้รอยแผลในบริเวณที่ร้อยไหม มีอาการบวมแดงและเจ็บปวดมากกว่าปกติ รวมถึง อาจมีหนองไหลออกมาจากรอยแผลได้
                                                  • อักเสบรุนแรง เมื่อเกิดการอักเสบรุนแรงในบริเวณที่ร้อยไหม เส้นประสาทรอบ ๆ อาจได้รับผลกระทบตามไปด้วย จนเกิดการระคายเคืองและส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้ปัญหาใบหน้ากระตุกได้ หากมีการติดเชื้อร่วมด้วย จะยิ่งทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบประสาทมากขึ้น
                                                  • เส้นไหมขาด เนื่องจากใช้เส้นไหมที่ไม่มีคุณภาพหรือเทคนิคในการร้อยไหมไม่ถูกวิธี ทำให้เส้นไหมขาดหรือทะลุได้ง่าย
                                                  • เส้นประสาทถูกทำลาย เนื่องจากเส้นไหมไปสัมผัสหรือทำลายเส้นประสาทใบหน้าโดยตรง ทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรง หรือเคลื่อนไหวใบหน้าไม่ได้ตามปกติ
                                                    ใบหน้าผิดรูป เนื่องจากใช้เทคนิคในการร้อยไหมไม่ถูกต้อง แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ใบหน้าผิดรูป ไม่สมส่วน หรือเกิดรอยบุ๋มได้

                                                  ร้อยไหม

                                                  ร้อยไหมที่ไหนดี? เลือกคลินิกร้อยไหมอย่างไรให้ปลอดภัย?

                                                  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ มีใบประกอบกิจการจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ภายในคลินิกควรมีความสะอาด อุปกรณ์ปลอดเชื้อ
                                                  • แพทย์มีความรู้ความสามารถด้านการร้อยไหมโดยเฉพาะ มีประสบการณ์ในการร้อยไหมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากการร้อยไหมต้องอาศัยความละเอียดและความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างใบหน้า ที่สำคัญ แพทย์ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
                                                  • ใช้เส้นไหมที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยแพทย์สามารถเลือกชนิดของเส้นไหมที่เหมาะสมกับปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้อย่างเหมาะสม
                                                  • ติดตามผลหลังร้อยไหม โดยหลังร้อยไหมแล้ว ควรมีการนัดติดตามผลหลังทำเสมอ ซึ่งแพทย์ควรให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการร้อยไหมอย่างใกล้ชิด ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
                                                  • รีวิวจากผู้ใช้บริการ สามารถดูรีวิวได้ทางช่องทางออนไลน์ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงก่อนทำและหลังทำได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านของรูปภาพและการแสดงความคิดเห็น มีรีวิวในเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ

                                                  การร้อยไหม ถือเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยม ในการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ รูปหน้าไม่เรียวเล็กได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถด้านการร้อยไหมโดยตรง จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้าได้อย่างแม่นยำ รวมถึงเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นไหมขาด หน้ากระตุก ใบหน้าผิดรูปได้

                                                  Romrawin x SOS ปรับลุคเด่น ให้คุณได้มั่นใจ สวยฉ่ำได้ทุกวัน

                                                  ROMRAWIN x SOS

                                                  “ปรับลุคเด่น ให้คุณได้มั่นใจ สวยฉ่ำได้ทุกวัน” Romrawin x SOS

                                                  ประกาศ ประกาศ ข่าวดีของสาวๆที่รักสวยรักงาม ทั่วทั้งใบหน้า รูปร่าง แฟชั่น มาถึงแล้ว งานนี้ สองผู้นำด้านความสวย อย่างรมย์รวินท์คลินิก ผู้นำในแวดวงความงาม และ SOS ผู้นำด้านแฟชั่น จับมือกันมอบสิทธิประโยชน์ให้กับทีมสาวๆที่ต้องการความสวยแบบครบรูปแบบให้มีความสุขกับทั้งการทำสวยและกับการช้อปปิ้งไปพร้อมๆกัน ด้วยการ “ปรับลุคเด่น ให้คุณได้มั่นใจ สวยฉ่ำได้ทุกวัน”

                                                  งานนี้บอกเลยว่าห้ามพลาด ! โอกาสดีๆ ที่รมย์รวินท์คลินิกและ SOS จับมือกันแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆน้าาา

                                                  รมย์รวินท์คลินิก x SOS มีอะไรมาฝากสาวๆกันบ้าง

                                                  SOS มอบสิทธิพิเศษกับลูกค้า Romrawin Clinic

                                                  ROMRAWIN x SOS

                                                  1. ลูกค้า Romrawin Clinic ที่ทำการแลกแต้มจำนวน 50 แต้ม
                                                  (เทียบเท่ากับยอดใช้บริการ 2,500 บาท) จะได้รับไปเลย

                                                  • Gift Voucher จาก SOS มูลค่า 100 บาท (จำนวน100 สิทธิ์)

                                                  ROMRAWIN x SOS

                                                  2. ลูกค้า Romrawin Clinic ที่ทำการแลกแต้มจำนวน 80 แต้ม
                                                  (เทียบเท่ากับยอดใช้บริการ 4,000.-)จะได้รับไปเลย

                                                  • Gift Voucher500 บาท เมื่อซื้อครบ 3,000.- (60 สิทธิ์)

                                                  ROMRAWIN x SOS

                                                  3. ลูกค้า Romrawin ซื้อครบ 150 แต้ม
                                                  (เทียบเท่ากับยอดใช้บริการ 7,500.-) จะได้รับไปเลย

                                                  • Gift Voucher1,000 บาท (10 สิทธิ์)

                                                  เงื่อนไขในการใช้บริการ**

                                                  1. Gift Voucher สามารถแลกได้ตั้งแต่ 15 – 31 ต.ค. 2567 และสามารถใช้ได้ถึง 31 ธ.ค. 2567
                                                  2. Gift Voucher สามารถใช้ได้กับทุกรายการสินค้า รวมทั้งสินค้าราคาโปรโมชั่น ที่ร้าน SOS ทุกสาขา
                                                  3. Gift Voucher ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
                                                  4.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

                                                   

                                                  ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อลูกค้า SOS ซื้อสินค้ากับทางรมย์รวินท์คลินิก ก็ได้รับเช่นกัน

                                                  Romrawin Clinic มอบสิทธิพิเศษกับลูกค้าร้าน SOS

                                                  1.เมื่อซื้อสินค้าภายในร้าน SOS ครบ 2,000 บาท จากแบรนด์ใดก็ได้ในร้าน SOS รมย์รวินท์คลินิกแจกไปเลย !

                                                  • P-White มูลค่า 500 บาท

                                                  เติมวิตามิน ฟื้นฟูและช่วยบำรุงผิวขั้นสุด ทำให้ผิวกระจ่างใส เพิ่มความชุ่มชื้น และยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยของผิว

                                                  และสามารถ ซื้อสินค้าของรมย์รวินท์ Cosmetics 2 ชิ้นได้ในราคาส่วนลด 20%
                                                  (สินค้ากลุ่ม Acne Care และ Mask Sheet ไม่ร่วมรายการ)
                                                  (จำนวนจำกัด 100 สิทธิ์)

                                                  2.เมื่อซื้อสินค้าภายในร้าน SOS ครบ 2,800 บาท จากแบรนด์ใดก็ได้ในร้าน SOS รมย์รวินท์คลินิกแจกไปเลย !

                                                  • Mask Seaweed มูลค่า 1,000 บาท

                                                  Mask ลดสิว ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพด้วยสารสกัดจากสาหร่าย ที่ช่วยเติมแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิว

                                                  และสามารถ ซื้อสินค้าของรมย์รวินท์ Cosmetics ได้ 3 ชิ้นได้ในราคาลด 25 %
                                                  (สินค้ากลุ่ม Acne Care และ Mask Sheet ไม่ร่วมรายการ)
                                                  (จำนวนจำกัด 60 สิทธิ์)

                                                  3.เมื่อซื้อสินค้าภายในร้าน SOS ครบ 5,000 บาทจากแบรนด์ใดก็ได้ในร้าน SOS รมย์รวินท์คลินิกแจกไปเลย !

                                                  • Program Turbo Bright 3,500 บาท

                                                  Detox ผิวหน้าปรับผิวกระจ่างใส ด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก
                                                  (จำนวนจำกัด 50 สิทธิ์)

                                                  เงื่อนไขในการใช้บริการ**

                                                  1. แสดงคูปองนี้ก่อนเข้ารับบริการ
                                                  2. คูปองนี้สามารถใช้ได้ที่ รมย์รวินท์ คลินิก ทุกสาขา
                                                  3. คูปองนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือแลกเปลี่ยนเงินสด หรือใช้เป็นส่วนลดในรายการส่งเสริมการขายอื่น
                                                  4. คูปองสามารถแลกได้ตั้งแต่ 15 – 31 ต.ค. 2567 และสามารถใช้ได้ถึง 31 ธ.ค. 2567
                                                  5. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

                                                  ===
                                                  อื่นๆ :
                                                  Romrawin Cosmetics แจกกันแดด Sun Silky สาขาละ 30 ซอง จำนวน 11 สาขา (รวม 330 ซอง)สำหรับลูกค้า SOS ที่ ซื้อครบ 1,000 บาท ขึ้นไป
                                                  หมายเหตุ : สิทธิพิเศษของ Brand Collab จะออกเป็น Code เพื่อนำไปใส่ในระบบ CRM ของทั้ง SOS และ Rawin Club

                                                  ฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ริ้วรอย รวมทุกเรื่องควรรู้ก่อนทำ

                                                  ฟิลเลอร์หน้าผาก

                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ริ้วรอย ปรับโหงวเฮ้งควรรู้อะไรบ้าง? รวมทุกเรื่องต้องรู้ก่อนทำ

                                                    การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เพื่อแก้ไขหรือเติมเต็มให้ใบหน้ามีความสมส่วนมากขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นต้น ซึ่งนอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งหัตถการที่หลายคนเลือกทำเพื่อเสริมความมั่นใจคือ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย รอยย่นบนหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากบุ๋ม หน้าผากยุบ ช่วยเพิ่มความโหนกนูน แก้ปัญหาหน้าผากแบน ทำให้ใบหน้าดูมีมิติและมีความสมดุลมากขึ้น

                                                    ในบทความนี้รมย์รวินท์คลินิกจึงได้รวบรวมทุกข้อมูลที่ควรรู้ก่อนฉีดว่า ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคืออะไร? ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากช่วยอะไร? ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะกับใคร และรวมเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาริ้วรอย เพิ่มความโหนกนูน เจาะลึกเรื่องต้องรู้ก่อนทำ

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน คืออะไร

                                                    การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคือการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) เข้าไปที่บริเวณหน้าผาก เพื่อช่วยเติมเต็ม แก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หน้าผากแบน อีกทั้งยังช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนมากขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มความโหนกนูน ของหน้าผาก เพื่อโหงวเฮ้งที่ดีได้อีกด้วย

                                                    ยังทำให้หน้าผากดูเต่งตึงและผิวชุ่มชื้นมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และยังมีความปลอดภัยเนื่องจากสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ

                                                     

                                                    ปัญหาหน้าผาก เกิดจากอะไรบ้าง

                                                    • ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกบริเวณหน้าผาก : สาเหตุของปัญหาริ้วรอยร่องลึกบริเวณหน้าผากส่วนมากเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้โครงสร้างของผิวและการทำงานของเซลล์ผิวเริ่มเสื่อมลงตามวัย
                                                    • ปัญหาหน้าผากยุบ : เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้กระดูกทรุดลง ไขมันบริเวณใบหน้าเริ่มยุบตัวลงกลายเป็นแอ่งเหนือคิ้ว ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย
                                                    • ปัญหาหน้าผากแบน : เกิดจากการที่โครงสร้างกระดูกทรุดตัวลง และเนื้อเยื่อที่ค่อย ๆ ลดหายไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น

                                                     

                                                    ฟิลเลอร์หน้าผาก

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน บริเวณไหนได้บ้าง

                                                    บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยบบริเวณหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม ซึ่งบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก มีดังนี้

                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บริเวณร่องเหนือคิ้ว : เมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันทำให้ร่องหน้าผากบริเวณเหนือคิ้วเกิดการยุบตัวเป็นร่อง การฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องเหนือคิ้วจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการความเรียบเนียน ละมุนบนหน้าผาก
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก บริเวณกลางหน้าผาก : การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมหน้าผากให้มีความโหนกนูน เต่งตึง แก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบน หน้าผากบุ๋ม รวมไปถึงหน้าผากไม่เนียน เพื่อความเรียบเนียน นูนสวย และไม่เป็นคลื่น

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ช่วยอะไรบ้าง

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากด้วยสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) เข้าไปที่บริเวณหน้าผากเพื่อช่วยแก้ปัญหาดังต่อไปนี้

                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากบุ๋ม หน้าผากบุ๋ม
                                                      ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ช่วยเติมเต็มให้หน้าผากสวยได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยที่หน้าผากให้เรียบเนียนขึ้น
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ช่วยปรับรูปทรงหน้าผากให้สวยงามได้รูป ตรงตามโหงวเฮ้ง

                                                     

                                                    ทรงหน้าผากที่บ่งบอกว่าเป็นคนมีวาสนาดีตามโหงวเฮ้งเป็นแบบไหน 

                                                    โหงวเฮ้งหน้าผากตามฉบับตำราจีนจะมีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ และหน้าที่การงานโดยตรง โดยมีลักษณะเด่นและลักษณะด้อย ดังนี้

                                                    ลักษณะเด่น : หน้าผากโหนกนูนแบบพอดี หน้าผากไม่ยุบ และหน้าผากใส เกลี้ยงเกลา ไร้ริ้วรอย บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ดีงามตามลักษณะของหน้าผากที่สวย
                                                    ลักษณะด้อย : หน้าผากมีลักษณะเป็นร่องบุ๋ม ไม่เรียบเนียน มีกระดูกโปน บ่งบอกถึงจะเจอแต่อุบัติเหตุหรือภัยร้ายต่าง ๆ หน้าที่การงานไม่เจริญก้าวหน้า ขาดคนอุปถัมภ์ค้ำชู

                                                    ซึ่งลักษณะของหน้าผากที่มีโหงวเฮ้งดีสามารถแก้ไขได้โดยการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากและการฉีดโบร่วม

                                                    ฟิลเลอร์หน้าผากฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน เหมาะกับใคร

                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบนหรือหน้าผากแคบ
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน เหมาะกับผู้ที่มีหน้าผากเป็นแอ่งยุบลงไปเหนือคิ้ว
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน เหมาะกับผู้ที่มีหน้าผากเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน มีริ้วรอยหน้าผาก
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับโหงวเฮ้งให้กับใบหน้า
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องการพักฟื้นนาน

                                                    ฟิลเลอร์หน้าผาก

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน มีข้อดีและข้อควรระวังอะไรบ้าง

                                                    ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน มีดังนี้

                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก สามารถเพิ่มความโหนกนูนตามที่ต้องการได้
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าผาก
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน 1-2 สัปดาห์
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แท้ อยู่ได้นาน 1 ปี และสลายเองได้ตามธรรมชาติ
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เมื่อฟิลเลอร์สลายหมดลง สามารถฉีดเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หากต้องการแก้ไขปรับทรง สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ไม่มีผลข้างเคียงอันตราย

                                                     

                                                    ข้อควรระวังของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน มีดังนี้

                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ผลลัพธ์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร เนื่องจากฟิลเลอร์ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ต้องฉีดโดยใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ไม่ควรฉีดเกิน 5 CC ในการฉีด 1 ครั้ง
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ต้องฉีดกับแพทย์ผู้มีความรู้ความสามารถเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก vs การผ่าตัดเสริมหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน

                                                    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน : ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คางคือเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดเสริมคาง สามารถปรับเพิ่ม-ลดความโหนกนูนได้ตามที่ต้องการ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า ไม่เกิน 7-14 วัน
                                                    • การผ่าตัดเสริมหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน : ข้อดีของการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนคือผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร แต่ไม่ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เนื่องจากมีความบวมช้ำค่อนข้างมาก ต้องพักฟื้นนานเป็นเดือน มีรอยแผลบริเวณด้านในไรผมที่ค่อนข้างยาวตามขนาดของซิลิโคน ไม่สามารถปรับเพิ่ม-ลดความโหนกนูนได้ ต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไขปรับแต่งเท่านั้น

                                                       

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก vs การผ่าตัดเสริมหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน

                                                    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน : ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคือเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดเสริมหน้าผาก สามารถปรับเพิ่ม-ลดความโหนกนูนได้ตามที่ต้องการ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า ไม่เกิน 7-14 วัน 
                                                    • การผ่าตัดเสริมหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน : ข้อดีของการผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนคือผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร แต่ไม่ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เนื่องจากมีความบวมช้ำค่อนข้างมาก ต้องพักฟื้นนานเป็นเดือน มีรอยแผลบริเวณด้านในไรผมที่ค่อนข้างยาวตามขนาดของซิลิโคน ไม่สามารถปรับเพิ่มหรือลดความโหนกนูนได้ ต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไขปรับแต่งเท่านั้น

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก vs การเติมไขมันหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน

                                                    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน : เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีความปลอดภัยสูง เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 3 สัปดาห์ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และฟิลเลอร์จะย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
                                                    • การเติมไขมันหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน : เป็นวิธีการใช้ไขมันที่ดูดจากบริเวณอื่นของร่างกายมาเติมหน้าผาก มีข้อดีคือลดความเสี่ยงในการแพ้ เนื่องจากใช้ไขมันของตัวเอง แต่การผ่าตัดเสริมหน้าผากมีกระบวนการดูดไขมันและต้องนำมาปั่นแยกของเหลว และมีแผลจากตำแหน่งที่ดูดไขมันมาใช้ มักไม่ได้ผลในการฉีดครั้งแรก ต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเสมอกันได้อีกด้วย

                                                    เพราะฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากตอบโจทย์การแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบน หน้าผากบุ๋ม หน้าผากบุบด้วยสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีความปลอดภัยสูง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยฟิลเลอร์สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ สามารถฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ยี่ห้อไหนดี

                                                    การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ควรเลือกฟิลเลอร์รุ่นที่มีความคงตัว เนื้อละเอียด ซึ่งยี่ห้อและรุ่นที่แนะนำ มีดังนี้

                                                    ฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ยี่ห้อ Juvederm

                                                    • ฟิลเลอร์สัญชาติสหรัฐอเมริกา มีเทคโนโลยีการผลิตที่เฉพาะ เน้นความเป็นธรรมชาติ คือ Hylacross Technology และ Vycross Technology ออกแบบมาหลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์กับการแก้ปัญหาบนใบหน้า รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คือ
                                                      ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ยี่ห้อ Juvederm Volbella ฟิลเลอร์เทคโนโลยี Vycross Technology เป็นเนื้อฟิลเลอร์ที่มีโลเลกุลขนาดเล็กคล้ายกับเจลนิ่ม มีความเนียนละเอียด กลืนเข้ากับผิวได้ดี เหมาะสำหรับฉีดเติมเต็มบริเวณหน้าผาก หรือ ริมฝีปาก เพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน

                                                    ฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ยี่ห้อ Restylane

                                                    • ฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่พัฒนาจากประเทศสวีเดน ที่แพทย์ทั่วโลกให้การยอมรับอย่างกว้างขวาง มีเทคโนโลยี NASHA Technology และ OBT Technology ที่โดดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่น เนื้อฟิลเลอร์มีความคงที่ ปรับทรงได้หลากหลาย รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คือ
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ยี่ห้อ Restylane Vital เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ช่วยในเรื่องของการปรับความชุ่มชื้น ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนได้เป็นอย่างเป็นธรรมชาติ แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องตื้นและร่องลึก เหมาะสำหรับฉีดหน้าผาก ใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน

                                                    ฟิลเลอร์หน้าผาก

                                                    ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน เตรียมตัวอย่างไร

                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก งดรับประทานกลุ่มยาแอสไพรินและยาต้านการอักเสบ 2 สัปดาห์
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก งดวิตามินที่ต้านการรแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันตับปลา เป็นต้น
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก งดยาทาผิวชนิดผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่ต้องการฉีด
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก กรณีมีโรคประจำตัว หรือยาที่ประทานประจำ ควรเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งแพทย์ก่อนการรักษา
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรงดแต่งหน้าในวันที่มารับบริการ เนื่องจากอาจมีเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกตกค้างบริเวณใบหน้า แต่ถ้าหากจำเป็นต้องแต่งหน้าก่อนมารับบริการ ทางคลินิกจะทำความสะอาดผิวหน้าบริเวณที่ทำ
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ก่อนเข้ารับบริการ
                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะด้านเท่านั้น

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน มีขั้นตอนอย่างไร

                                                    • ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก โดยแพทย์จะประเมินบริเวณหน้าผากของผู้ที่เข้ารับบริการก่อนทำ
                                                    • แพทย์จะช่วยแนะนำยี่ห้อและรุ่นที่เหมาะสมของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากให้เหมาะสมกับความต้องการ
                                                    • เริ่มทำความสะอาดบริเวณหน้าผากก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เพื่อความสะอาดและความปลอดภัย
                                                    • แปะยาชาและประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
                                                    • แพทย์เริ่มฉีดฟิลเลอร์ลงบนบริเวณหน้าผาก ใช้ระยะเวลาในการฉีดประมาณ 30-45 นาที
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                    ฟิลเลอร์หน้าผาก

                                                    หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ดูแลตัวเองอย่างไร

                                                    การดูแลตัวเองตามหลักปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จะช่วยทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเข้าที่ได้เร็วขึ้น ช่วยลดการอักเสบและการบวมช้ำจากการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก โดยการดูแลตัวเองมีขั้นตอน ดังนี้

                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแก้ปัญหาหน้าผากแบนได้ ทันที
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรรับประทานยาฆ่าเชื้อทันที
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ทางคลินิกจะมีการจ่ายยาบรรเทาอาการปวด ลดอาการบวม หรือยาฆ่าเชื้อ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ
                                                      หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ห้ามเกา นวด คลึง ตรงบริเวณหน้าผาก เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์หน้าผากเสียรูปทรงได้
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ห้ามเอามือก่ายหน้าผาก
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงได้
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน 24 ชั่วโมง
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อาจมีอาการบวมเข็มเพิ่มมากขึ้น ทำให้บิรเวณหน้าผากมีความฟูขึ้นกว่าเดิม อาการจะค่อย ๆ หายไป ภายใน 1 สัปดาห์ และยุบลงในภายหลัง
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแก้ปัญหาหน้าผากแบน 7-14 วัน
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดอาการบวม รอยแดง และการอักเสบ ส่งผลให้หน้าผากหายช้าลง
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรอยู่ในที่อากาศเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากมีสารในบุหรี่หลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด ทำให้หน้าผากหายช้า
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก งดเลเซอร์ร้อนลงบนชั้นผิว เวลา 1 เดือน
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก งดอาหารรสจัดอาจทำให้เกิดการแสบร้อนและหน้าแดงได้
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก งดอาหารหารหมักดอง อาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อได้
                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูสวยและอยู่ได้นานขึ้น

                                                     

                                                    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ใช้กี่ CC

                                                    การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากโดยปกติเป็นบริเวณที่ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่าบริเวณอื่น ๆ โดยขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการในแต่ละบุคคล ดังนี้

                                                    • กรณีปัญหาทั่วไปที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อแก้ไขปัญหาร่องตื้นหน้าผาก บริเวณเหนือคิ้วที่ยุบตัว เพื่อให้หน้าผากเรียบเนียนเข้ารูป และไม่ได้ต้องการความโหนกนูน ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 1-2 CC
                                                    • กรณีที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อเพิ่มความโหนกนูนเพื่อปรับโหงวเฮ้ง แก้ไขปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบน หน้าผากบุ๋มมาก ๆ อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ถึง 3-10 CC แต่แพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ครั้งละไม่เกิน 5 CC เท่านั้น เพื่อลดโอกาสเกิดการกดทับเนื้อเยื่อและอาการบวม

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน เจ็บไหม?

                                                    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจมีความรู้สึกในระหว่างทำเล็กน้อย จะมีการแปะยาชาก่อนเริ่มฉีด และประคบน้ำแข็งระหว่างฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ทำให้ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการบวมและรอยช้ำได้

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน กี่วันเห็นผล?

                                                    • หลังจากการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงทันที โดยหลังจากนั้นอาจมีอาการบวมเข็มจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ยังไม่เข้าที่ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการยุบและการเข้าที่ของฟิลเลอร์ประมาณ 7-14 วัน

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน มีผลข้างเคียงไหม

                                                    ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากที่อาจพบได้ มีดังนี้

                                                    • อาจมีอาการบวม และหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งสามารถรับประทานยาบรรเทาอาการปวดและลดบวมได้
                                                    • อาจมีผื่นหรือจุดแดงบริเวณรอยเข็มที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจเกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์หรือเกิดการอักเสบ โดยมีลักษณะเป็นก้อนบวมนูน ผิวแดง และรู้สึกปวดมาก หากมีอาการดังกล่าวจะต้องรีบไปแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที
                                                    • ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแล้วเป็นคลื่น เป็นก้อน ผิวไม่เรียบ เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิวหนังหรือฉีดตื้นเกินไป สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน อยู่ได้นานแค่ไหน

                                                    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอยู่ได้นานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ซึ่งปกติผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานถึง 1 ปี

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน อันตรายไหม

                                                    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากไม่อันตราย หากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้ ฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาดและปลอดภัย เพราะบริเวณหน้าผากเป็นจุดที่อันตรายมาก เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดที่เชื่อมไปถึงลูกตา ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญเท่านั้น การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากต้องใช้ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ค่อนข้างมากกว่าบริเวณอื่น ๆ จำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเพื่อความปลอดภัย

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน บวมกี่วัน

                                                    • หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะมีอาการบวมเป็นปกติ และจะหายไปเอง ภายใน 1 สัปดาห์ โดยสามารถทานยาแก้ปวด เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดให้เบาลงได้

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากนูนเกินไป แก้ปัญหาหน้าผากแบน สามารถแก้ได้หรือไม่

                                                    • กรณีที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากด้วยฟิลเลอร์แท้ สามารถฉีดสลายได้ด้วยตัวยาสลายฟิลเลอร์ Hyaluronidase ซึ่งจะเข้าไปเพื่อลดการกักเก็บน้ำและไขมัน ทำลายการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้ผิวกลับมาเรียบเสมอกันอีกครั้ง

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน สลายได้ไหม

                                                    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ผลลัพธ์ไม่ได้อยู่ถาวร หลังฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) จะสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ตกค้างในร่างกาย ซึ่งระยะเวลาของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หากต้องการผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแบบต่อเนื่อง ควรฉีดซ้ำเรื่อย ๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่นานขึ้น

                                                     

                                                    ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากแล้วเป็นก้อน เป็นคลื่นไม่เรียบเนียน ไหลย้อย เกิดจากอะไร

                                                    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จำเป็นต้องใช้เทคนิคการฉีดและประสบการณ์ของแพทย์ เพราะถ้าหากฉีดฟิลเลอร์หน้าผากหากฉีดไม่ดีหรือฉีดตื้นเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน เป็นคลื่น และเกิดการไหลย้อยได้ เนื่องจากถูกกล้ามเนื้อดึงมารวมกันไว้ ในด้านของเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แพทย์ต้องฉีดเนื้อฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณชั้นเยื่อหุ้มกระดูก เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์พยุงแผ่นเยื่อหุ้มกระดูกขึ้นมา ทำให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากดูมีความเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นคลื่น ฟิลเลอร์ไม่ไหลหรือไม่เคลื่อนย้ายไปตำแหน่งอื่น

                                                     

                                                    การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการช่วยแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม รวมไปถึงแก้ปัญหารอ้วรอยบนหน้าผาก เสริมปรับให้หน้าผากมีความโหนกนูนขึ้น ช่วยปรับให้หน้าผากมีความเรียบเนียน เต่งตึงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับใบหน้าให้ดูมีมิติและสมส่วนอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น หลังจากฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงทันที

                                                    สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก แก้ปัญหาหน้าผากแบน ที่สะอาด ปลอดภัย และมีมาตรฐาน ต้องเลือกรมย์รวินท์คลินิกดูแลทุกปัญหาความงามของคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายทุกคน พร้อมมอบการดูแลตัวเองสุดพิเศษในฉบับที่เป็นคุณที่ดีกว่าเดิมอีกด้วย

                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                      ขนคุดคืออะไร ? เกิดจากอะไร ?

                                                      ขนคุด

                                                      ขนคุดคืออะไร? เกิดจากอะไร? มีวิธีดูแลและรักษาอย่างไรบ้าง?

                                                      ขนคุด เป็นปัญหาผิวที่หลายคนกำลังพบเจอ โดยเฉพาะหลังจากการโกนหรือแว็กซ์กำจัดขน ส่งผลให้ผิวดูขรุขระ ไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม จนทำให้หลายคนรู้สึกกังวลและขาดความมั่นใจ แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ขนคุดเกิดจากอะไร? มีวิธีการดูแล รักษาอย่างไร? ไม่ให้กลับมาเป็นอีก ในบทความนี้ รมย์รวินท์คลินิก รวบรวมทุกวิธีที่สามารถแก้ปัญหาขนคุดมาให้แล้วค่ะ

                                                      เจาะลึก ขนคุด ผิวไม่เรียบ เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้อย่างไร?

                                                      ขนคุด คืออะไร?

                                                      ขนคุด (Keratosis Pilaris) เป็นภาวะผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขน สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย โดยขนคุดมีลักษณะเป็นตุ่มหรือจุดเล็ก ๆ เวลาลูบจะให้ความรู้สึกสาก ๆ ที่บริเวณผิวหนังคล้ายหนังไก่ ส่วนใหญ่มักพบในบริเวณที่มีผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น เช่น ต้นแขน ต้นขา และรักแร้

                                                      ขนคุด

                                                      ขนคุด เกิดจากอะไร?

                                                      • ขนคุด เกิดจากการสะสมของโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เคราติน (Keratin) ภายในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน เส้นขนไม่สามารถงอกออกมาได้ จนเกิดเป็นตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นมา นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลให้เกิดขนคุด ได้แก่
                                                        พันธุกรรม ซึ่งขนคุดสามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม หากมีบุคคลในครอบครัวเคยมีปัญหาขนคุดมาก่อน
                                                      • ผิวแห้ง ผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ทำให้มีโอกาสเกิดขนคุดได้มากกว่าคนทั่วไป
                                                        สภาพอากาศ ในช่วงที่มีอากาศหนาว ยิ่งทำให้ผิวแห้ง ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น จนอาการขนคุดรุนแรงขึ้นได้
                                                      • การกำจัดขน หากมีการกำจัดขนอย่างผิดวิธี เช่น การถอน แวกซ์ หรือโกน อาจทำให้เส้นขนขาดหรือตกค้างอยู่ในรูขุมขน จนเกิดขนคุดได้
                                                        การเสียดสีกับเสื้อผ้า หรือถูกกดทับซ้ำ ๆ บริเวณที่มีเส้นขน อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง รูขุมขนอักเสบ ส่งผลกระทบให้เกิดขนคุดได้
                                                      • โรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคเบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ อาจทำให้ผิวหนังแห้ง จนเกิดขนคุดได้

                                                      ขนคุด เกิดขึ้นบริเวณไหนได้บ้าง?

                                                      • รักแร้ มักเกิดจากการกำจัดขนที่ไม่ถูกวิธีและการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป จนเกิดการเสียดสีและผิวหนังระคายเคือง ทำให้เกิดขนคุดได้
                                                      • แขนและขา เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีพื้นที่กว้าง มีการสัมผัสกับมลภาวะและสภาพอากาศเป็นประจำ ทำให้ผิวหนังแห้ง ไม่ชุ่มชื้น อาจทำให้เกิดขนคุดได้
                                                      • แผ่นหลัง เนื่องจากเป็นบริเวณใต้ร่มผ้า ผิวหนังเกิดการเสียดสีกับเสื้อผ้าบ่อย อาจส่งผลให้เกิดการอับชื้น จนเกิดขนคุดได้เช่นกัน
                                                      • จุดซ่อนเร้น เนื่องจากเป็นบริเวณที่ผิวบอบบางมากกว่าจุดอื่น ๆ ทำให้เกิดการอับชื้นและเสียดสีกับเสื้อผ้าได้ง่าย ส่งผลให้เกิดขนคุดได้
                                                      • ใบหน้าและแก้ม เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีขนอ่อน ๆ ขนาดเล็ก และรูขุมขนในปริมาณมาก ทำให้เกิดปัญหาการอุดตัน จนเกิดขนคุดได้ง่าย 
                                                      • หนวดเครา เป็นบริเวณที่สามารถเกิดขนคุดได้ หากโกนหนวดประจำ ยิ่งมีโอกาสเกิดขนคุดง่ายกว่าปกติ

                                                      ขนคุด

                                                      ขนคุด สามารถรักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

                                                      • บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
                                                      • สครับผิว เลือกสครับผิวที่อ่อนโยนส่วนผสมจากธรรมชาติ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตาย ทำให้ไม่เกิดการอุดตันในรูขุมขน แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสครับผิวที่แรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
                                                      • ประคบอุ่น เนื่องจากความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้เส้นขนงอกออกมาได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองรอบ ๆ รูขุมขนได้
                                                      • ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือ กรดแล็กติก (Lactic Acid) ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดการอุดตันของรูขุมขน
                                                      • เลเซอร์กำจัดขน อย่าง Yag Laser 1064 สามารถกำจัดและทำลายรากขนได้อย่างถาวร โดยที่ไม่ต้องถอนหรือโกนแบบผิดวิธี วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาขนคุด ลดผิวหนังไก่ ผิวไม่เรียบเนียนได้อย่างตรงจุด ยิ่งทำอย่างต่อเนื่อง ยิ่งลดโอกาสการเกิดขนคุดซ้ำได้

                                                      Yag Laser 1064 คืออะไร?

                                                      Yag Laser 1064 หรือ เลเซอร์กำจัดขนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความยาวของคลื่นแสงเลเซอร์ 1,064 นาโนเมตร ที่สามารถยิงลึกถึงรากขนได้โดยตรง ทำให้ขนหลุดร่วงไปพร้อมกับรากและไม่ทำให้ขนงอกใหม่ ทำได้หลากหลายบริเวณ แม้ในบริเวณที่มีผิวบอบบาง เช่น รักแร้ หนวด แขน ขา หรือแม้แต่บริเวณจุดซ่อนเร้น สามารถกำจัดขนและจบปัญหาขนคุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวไหม้หรือเบิร์น

                                                      Yag Laser 1064 เหมาะกับใคร?

                                                      • Yag Laser 1064 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขน ไม่ว่าจะเป็นขนบริเวณใบหน้า แขน ขา หรือจุดอื่น ๆ ของร่างกาย Yag Laser 1064 สามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                                      • Yag Laser 1064 เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาขนคุด ผิวไม่เรียบเนียน
                                                      • Yag Laser 1064 เหมาะสำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ต้องการเพิ่มความกระจ่างใสในบริเวณที่ทำ
                                                      • Yag Laser 1064 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเหงื่อ ระงับกลิ่นตัว
                                                      • Yag Laser 1064 เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลากำจัดขนด้วยตัวเอง
                                                      • Yag Laser 1064 เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย แพ้การกำจัดขนด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น แวกซ์ ครีมกำจัดขน

                                                      Yag Laser 1064 ดีกว่าการกำจัดขนวิธีอื่นอย่างไร

                                                      • Yag Laser 1064 สามารถยิงลึกถึงรากขนและทำลายเซลล์รากขนได้อย่างถาวร ทำให้ขนไม่กลับมางอกใหม่
                                                      • Yag Laser 1064 สามารถแก้ปัญหาขนคุด ตอขน และตุ่มหนังไก่ได้อย่างตรงจุด
                                                      • Yag Laser 1064 เหมาะกับทุกสภาพผิวและทุกสีผิว ไม่ว่าจะผิวขาวหรือผิวเข้มก็สามารถทำได้
                                                      • Yag Laser 1064 มีระบบ Cryogen Spray ระบบปล่อยไอย็นลงบนบริเวณผิวหนังระหว่างทำเลเซอร์ ทำให้สบายผิว ลดความรู้สึกเจ็บระหว่างทำ
                                                      • Yag Laser 1064 มีความปลอดภัย ได้รับการรองรับมาตรฐาน US FDA หรือ อย. อเมริกา หมดกังวลเรื่องผิวไหม้ ผิวเบิร์น
                                                      • Yag Laser 1064 สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว หลังทำเลเซอร์เพียงไม่กี่ครั้ง และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง
                                                      • Yag Laser 1064 มีความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา ใช้เวลาในการทำไม่นาน เมื่อเทียบกับการกำจัดขนด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การถอน แวกซ์ หรือการใช้ครีมกำจัดขน

                                                      ขนคุด สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนดังนั้น การทำเลเซอร์กำจัดขน Yag Laser 1064 จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์สำหรับ ผู้ที่มีปัญหาขนคุด ผิวไม่เรียบเนียน ต้องการกำจัดขนแบบถาวร ไม่ต้องเสี่ยงกับวิธีการกำจัดขนแบบผิด ๆ เลเซอร์กำจัดขน Yag Laser 1064 สามารถช่วยได้ แค่ไว้ใจให้ รมย์รวินท์คลินิก ช่วยดูแล เพราะที่ รมย์รวินท์คลินิก เราทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกเคส จึงการันตีในมาตรฐานความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ บอกลาวงจรขนคุดซ้ำซากได้เลย

                                                      รมย์รวินท์คลินิกจัดงาน Romrawin x Coolsculpting Masterclass 2024

                                                      CoolSculpting

                                                      รมย์รวินท์คลินิก พัฒนาศักยภาพในงาน Romrawin x Coolsculpting Masterclass 2024

                                                      สุดเอกซ์คลูซิฟกับงาน Romrawin x Coolsculpting Masterclass 2024 รวมทีมผู้เชี่ยวชาญจากรมย์รวินท์คลินิก เพิ่มทักษะการดูแลให้ผู้ใช้บริการทุกท่าน มั่นใจว่ารมย์รวินท์คลินิกพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งมีการอัปเดตเทรนด์ความงามและเทคโนโลยีการรักษาอย่างต่อเนื่อง

                                                      CoolSculpting Masterclass-

                                                      สำหรับ Massterclass ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากคุณชลัฐธร เอกเบญจพล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาหลักสูตรอบรมและผู้เชี่ยวชาญจากทีม Coolsculpting ที่มาเผยทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การประเมินผู้ใช้บริการ เพื่อวางแผนโปรแกรมการรักษาให้ตรงจุด ไขมันที่ไม่กระชับกำจัดด้วยโปรแกรม Coolsculpting เพื่อผู้ใช้บริการมีความมั่นใจ

                                                      CoolSculpting Masterclass 07 scaled

                                                      รวมถึงมีการมอบโจทย์ให้กับทีมผู้เชี่ยวชาญจากรมย์รวินท์คลินิก ได้ทำการประเมินตัวอย่างผู้ใช้บริการ ปัญหาที่ต้องการปรับ และการคำนวณจำนวนครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์การรักษา และช่วงบ่ายได้ทดลองใช้เครื่องจริง เมื่อวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2567 ณ โรงแรม Grand centrepoint Sukhumvit 55 ที่ผ่านมา

                                                      CoolSculpting Masterclass 06 scaled

                                                      รายละเอียดหัวข้อสำคัญภายในงาน Coolsculpting

                                                      • บรรยายถึงเทคโนโลยี Coolsculpting ที่มาความสำคัญ และกว่าจะมาเป็น Coolsculpting ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
                                                      • วิธีการประเมินและทักษะการให้คำปรึกษาแก่คนไข้โดยผู้มีความรู้ที่ได้รับการเทรนด์โดย Coolsculpting เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ
                                                      • Therapist Room – System overview + Cooladvantage familly
                                                      • ร่วมดูเคสจริงพร้อมสาธิตการถ่ายภาพเพื่อประเมินการรักษาและการให้คำปรึกษา โดยใช้ Emotional Attribute
                                                      • Therapist Room – CoolMini & CoolSmoothPro
                                                      • ร่วมดูเคสจริงพร้อมสาธิตการประเมินและการให้คำปรึกษา 360 องศา อย่างผู้รู้โดย Coolsculpting

                                                      CoolSculpting Masterclass 04 scaledสำหรับโปรแกรม Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบและคิดค้นมาเพื่อการลดไขมันโดยเฉพาะ ใช้หลักการลดไขมันด้วยการใช้ความเย็น จะทำงานโดยส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง -11°C ลงไปสู่ใต้ชั้นผิวหนัง เข้าสู่ชั้นไขมัน เปลี่ยนสภาพเซลล์ไขมันให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ทำให้ไขมันตาย จากนั้นไขมันจะถูกขับตัวไปตามระบบของร่างกาย และถูกขับออกมาจากร่างกายตามธรรมชาติ จากนั้นเซลล์ไขมันที่เหลือจะเรียงตัวใหม่ ทำให้ชั้นไขมันบางลง ส่งผลให้มีรูปร่างที่ดีและได้สัดส่วนมากขึ้น

                                                      CoolSculpting Masterclass 03 scaled

                                                      ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ นอกจากได้รับความรู้ และการพัฒนาตนเองแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจากรมย์รวินท์ทุกท่านยังได้รับความสนุก การยกตัวอย่างเคสของผู้ใช้บริการและรักษาด้วยโปรแกรม Coolsculpting รู้จริง ทำจริง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่มั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทุกท่านที่รมย์รวินท์ คลินิก

                                                      CoolSculpting Masterclass 05 scaled

                                                      Coolsculpting ต้องที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                      เพราะที่รมย์รวินท์เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี อุปกรณ์ เครื่องมือของแท้ที่ทันสมัย พร้อมเนรมิตรูปร่างที่ได้สัดส่วน เรามีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้ประเมินการรักษา โดยทางทีมรมย์รวินท์คลินิก ได้มีการอัปเดตเทคนิคใหม่ล่าสุด ที่พร้อมดูแลและออกแบบรูปร่างให้เฉพาะบุคคล

                                                      เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดซึ่งผู้ชำนาญการจะดูแลและให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับทุกเคส โดยคำนึงถึงผลลัพธ์และความปลอดภัยในการรักษาเป็นหลัก หากท่านใดสนใจต้องการปรับรูปร่าง ลดสัดส่วน อยากกำจัดไขมันอย่างถาวร เพื่อหุ่นสวย สุขภาพดี ต้องเลือกรมย์รวินท์คลินิกดูแล

                                                      ฉี่หยด ปรากฏการณ์ปัสสาวะเล็ด ที่กลับมาทำลายความมั่นใจอีกครั้ง

                                                      ฉี่หยด

                                                      ฉี่หยด ปรากฏการณ์ปัสสาวะเล็ดครั้งใหญ่ ที่กลับมาทำลายความมั่นใจอีกครั้ง

                                                      เปิดประสบการณ์ความสยอง เฮี้ยนไม่หยุดจากตำนานเรื่องเล่าเขย่าขวัญของ ฉี่หยด ฉี่เล็ด ฉี่ไม่สุด พร้อมสานต่อ เสียงเพรียกแห่งกลิ่นฉุน ที่จะตามหลอกหลอนคุณไปทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ฉี่หยดจะคอยเล็ดลอดออกมา พร้อมกับความอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์รบกวน หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ปัญหาฉี่หยดกำลังค่อย ๆ กัดกินความสุขของคุณทีละนิด จนรู้สึกเหมือนถูกสาปให้ต้องทนทุกข์ทรมานกับปัญหานี้ไปตลอดชีวิต อย่าปล่อยให้ฉี่หยดเป็นเรื่องน่ากลัว และหลอกหลอนคุณไปนานกว่านี้ ต้องดูแลด่วน รีบจองตั๋วหยุด “ฉี่หยด” ให้สิ้นซากได้แล้ววันนี้ที่ รมย์รวินท์คลินิก

                                                      ปิดตำนานความหลอนของ “ฉี่หยด” ปัสสาวะเล็ดได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก

                                                      ปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะไม่สุด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นปัญหาหนักใจที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย พบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะหลังจากคลอดลูก กำลังเข้าสู่วัยทอง หรือผู้สูงอายุ เนื่องจากอายุที่มากขึ้น ระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายก็เริ่มเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา ซึ่งปัญหาปัสสาวะเล็ดส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในขณะที่เราไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก จนทำให้ปัสสาวะไหลซึมออกมาโดยไม่ตั้งใจ ไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน และก่อให้เกิดความกังวลใจในการเข้าสังคม​อย่างมาก

                                                      ปัจจัยที่ทำให้เกิดฉี่หยด ปัสสาวะเล็ด

                                                      • อายุมากขึ้น ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้การทำงานของกระเพาะปัสสาวะเริ่มเสื่อมสภาพ บรรจุน้ำปัสสาวะได้น้อยลง และมีการบีบตัวมากขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะบ่อยและมีอาการปัสสาวะเล็ดตามมา
                                                      • อยู่ในวัยทองหรือหมดประจำเดือน เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้เนื้อเยื่อในช่องคลอดและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ รวมถึงสูญเสียความแข็งแรง ทำให้ควบคุมการปัสสาวะได้ยากขึ้น
                                                      • การคลอดลูก เนื่องจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานต้องทำงานหนักในระหว่างตั้งครรภ์และการคลอด ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนและอ่อนแอลง จนไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ดีพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาปัสสาวะเล็ดได้
                                                      • น้ำหนักตัวมาก เนื่องจากไขมันส่วนเกินเข้ากดทับบริเวณท้องน้อย ทำให้เกิดการบีบตัวและส่งผลต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ ส่งผลให้ปัสสาวะเล็ดง่ายขึ้น
                                                      • การไอ จาม หัวเราะ ออกกำลังกาย หรือยกของบ่อย ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้ง่ายขึ้น

                                                      ฉี่หยด

                                                      ทางลัดกระชับช่องคลอด จบปัญหาฉี่หยด

                                                      • Emsella เก้าอี้ฟิต เฟิร์ม กระชับช่องคลอด Emsella เทคโนโลยีกระชับช่องคลอดสุดล้ำ ที่มาในรูปแบบของเก้าอี้ โดยเครื่อง Emsella จะปล่อยคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเข้มข้นสูง HIFEM (High-Intensity Focused Electromagnetic) เข้าไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ให้เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เปรียบเสมือนการออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหรือการขมิบมากกว่า 11,200 ครั้ง ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 28 นาที ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้น กระชับช่องคลอด และแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้เครื่องมือสอดเข้าไปในร่างกาย มีความสะดวก รวดเร็ว เพียงแค่นั่งสบาย ๆ ผ่อนคลายบนเก้าอี้ก็สามารถบอกลาปัสสาวะเล็ดได้เลย

                                                      Emsella ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

                                                      • Emsella ช่วยแก้ปัญหาอาการปัสสาวะเล็ด สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ดีขึ้น
                                                      • Emsella ช่วยยกกระชับช่องคลอดให้เต่งตึง แก้ปัญหาภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน
                                                      • Emsella ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
                                                      • Emsella ช่วยเพิ่มความรู้สึกทางเพศ แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
                                                      • Emsella ช่วยแก้ปัญหาอาการปวดเมื่อยบริเวณอุ้งเชิงกราน
                                                      • Emsella ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหลังคลอดให้กลับมาแข็งแรง

                                                      Thermiva เลเซอร์รีแพร์ กระชับช่องคลอด

                                                      • Thermiva เทคโนโลยีเลเซอร์ฟื้นฟูและกระชับช่องคลอด ทั้งภายในและภายนอก โดย Thermiva ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง RF (Radio Frequency) ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวและบริเวณรอบจุดซ่อนเร้น ในการกระตุ้นให้เกิดความร้อนภายในเนื้อเยื่อของช่องคลอด ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นจะอยู่ที่ประมาณ 42 – 45°C เป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม ในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในช่องคลอด จึงสามารถกระชับช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้น และลดอาการปัสสาวะเล็ดได้อย่างตรงจุด ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเจ็บตัว หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

                                                      Thermiva ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

                                                      • Thermiva ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ช่องคลอด แก้ปัญหาช่องคลอดแห้งได้เป็นอย่างดี
                                                      • Thermiva ช่วยลดอาการปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
                                                      • Thermiva ช่วยกระชับช่องคลอด ทั้งผิวด้านในและด้านนอก แก้ปัญหาช่องคลอดหย่อนคล้อย
                                                      • Thermiva ช่วยเพิ่มความรู้สึกในการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขมากขึ้น
                                                      • Thermiva ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

                                                      ถึงเวลาแล้วที่เราจะดูแลสุขภาพช่องคลอด บอกลาปัสสาวะเล็ดแบบถาวร อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ มาทำลายความมั่นใจในชีวิตประจำวันของคุณ ที่ รมย์รวินท์คลินิก พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์กระชับช่องคลอด ด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลายและทันสมัย สามารถแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดได้ตั้งแต่ต้นเหตุ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน เพราะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อีกต่อไป คุณสามารถมีสุขภาพช่องคลอดที่ดีขึ้นในระยะยาวได้ ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก

                                                      รมย์รวินท์คลินิกให้การต้อนรับ THE MERZ GLOBAL TEAM

                                                      welcome THE Merz global team

                                                      รมย์รวินท์คลินิกเปิดสาขาสยามพารากอน ต้อนรับคณะผู้บริหารจาก THE MERZ GLOBAL TEAM และทีม MERZ AESTHETICS THAILAND เป็นที่แรก ท่ามกลางบรรยากาศอันเต็มไปด้วยความอบอุ่นสุดแสนประทับใจ

                                                      welcome Merz global team

                                                      คณะผู้บริหารจาก THE MERZ GLOBAL TEAM รวมทั้งทีม MERZ AESTHETICS THAILAND เข้าเยี่ยมชมรมย์รวินท์คลินิก โดยรมย์รวินท์คลินิกนับเป็นคลินิกแรกในประเทศไทยที่ได้รับเกียรตินี้ จึงมีการจัดงานต้อนรับอย่างอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศแบบไทยๆ นำทีมโดยสองผู้บริหารใหญ่ มาดามจอย ขวัญฤทัย ดํารงค์วัฒนโภคิน และพญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล รวมด้วยทีมแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก อันประกอบด้วย นพ. อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน , พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์ ,พญ.ธิรดา จิตตการ และ พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู เมื่อวันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2567 ที่รมย์รวินท์คลินิก สาขาสยามพารากอน ชั้น 2

                                                      welcome Merz global team

                                                      บรรยากาศการต้อนรับ THE MERZ GLOBAL TEAM 

                                                      ภายในงาน คณะผู้บริหารจาก THE MERZ GLOBAL TEAM รวมทั้งทีม MERZ AESTHETICS THAILAND ได้มีการเยี่ยมชมภายในรมย์รวินท์คลินิกสาขาสยามพารากอน และยังมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และแนวคิดต่างๆกับทางผู้บริหารและทีมแพทย์ รวมทั้งยังมีการพูดถึงเทคนิค “Llifting select” อันเป็นเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิกที่เป็นเทคนิควิเคราะห์ใบหน้า เพื่อให้แพทย์สามารถแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าได้อย่างเหมาะสมไปในทิศทางเดียวกัน โดยสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ของ MERZ AESTHETICS ในการแก้ปัญหาใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคนี้ได้หลากหลายผลิตภัณฑ์

                                                      welcome Merz global team

                                                      งานนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณนราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยานในงานเยี่ยมชมที่สำคัญในครั้งนี้  พร้อมถ่ายภาพเก็บความประทับใจ นับเป็นเกียรติและเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ของรมย์รวินท์คลินิกที่ได้ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารในครั้งนี้

                                                      welcome Merz global teamโดยบรรยากาศภายในงาน ถูกจัดอย่างละเมียดอ่อนช้อย ภายในรมย์รวินท์คลินิกสาขาสยามพารากอน เพื่อสร้างความประทับใจและแสดงออกถึงวัฒนธรรมไทย มีการจัดการแสดง”รํากฤดาภิหาร” เพื่อให้การต้อนรับ มีการรับรองด้วยขนมไทย และน้ำชาไทย รวมทั้งยังมีของที่ระลึกที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยอย่างกางเกงช้าง ที่นับเป็นของที่ระลึกที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ซึ่งได้รับความสนใจและสร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้กับคณะผู้บริหารที่เข้าร่วมในงานนี้

                                                      รมย์รวินท์คลินิกคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการต้อนรับอย่างอบอุ่นในครั้งนี้ จะสร้างความประทับใจให้แก่ คณะผู้บริหารจาก THE MERZ GLOBAL TEAM รวมทั้งทีม MERZ AESTHETICS THAILAND ไม่มากก็น้อย

                                                      welcome Merz global teamทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท MERZ AESTHETICS ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเทคโนโลยียกกระชับใบหน้า Ultherapy ,โปรแกรมฉีดโบเจนใหม่ โปรแกรมสารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ Belotoro โปรแกรมงานผิวสวยอย่าง Radiesse และโปรแกรมสร้างกรอบหน้า เพิ่มมิติให้ใบหน้าอย่าง Radiesse Plus สามารถใช้บริการได้แล้วที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา สามารถปรึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าสาขาหรือช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง

                                                      welcome Merz global team

                                                      เปิดโปง! รมย์รวินท์ คลินิกดังตัวต้นเรื่อง .. ทำไมดูเป็นคนหน้าเรียวจัง

                                                      ทำไมดูเป็นคนหน้าเรียวจัง

                                                      เปิดโปง! รมย์รวินท์ คลินิกดังตัวต้นเรื่อง #ทำไมดูเป็นคนหน้าเรียวจัง

                                                      เปิดมหากาพย์ #ทำไมดูเป็นคนหน้าเรียวจัง แฉคลินิกดัง ตัวสร้างเรื่อง ทำสาว ๆ หน้าเรียวเล็กแบบจัดเต็ม จนต้องกลับมาทำซ้ำ จะเป็นที่ไหนไปได้ นอกจากที่ Romrawin Clinic เจ้าของความลับหน้าเรียว ที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมตอนนี้
                                                      สืบเจอแล้วพบว่า มีสาว ๆ เป็นจำนวนมาก ที่ออกมาแชร์เรื่องราวและบอกเล่าประสบการณ์หลังจาก ทำสวยจนหน้าเรียวกับ ทีมแพทย์ของรมย์รวินท์คลินิก โดยทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังทำสวยเสร็จ หน้าเรียวเล็ก กรอบหน้าพุ่ง ดูเด็กลงขึ้นจริง ทำเอาหลาย ๆ คน สงสัย จนอยากรู้กันทั้งประเทศว่า เคล็ดลับหน้าเรียวที่กำลังถูกพูดถึงในตอนนี้มีกี่โปรแกรม? แล้วใช้โปรแกรมอะไรบ้าง? วันนี้ รมย์รวินท์ มีคำตอบมาให้แล้วค่ะ

                                                      บทสรุปของประเด็นร้อน #ทำไมดูเป็นคนหน้าเรียวจัง

                                                      ทำไมดูเป็นคนหน้าเรียวจัง

                                                      4 โปรแกรม ครบสูตรหน้าเรียว

                                                      Ulthera SPT โปรแกรมหน้าเรียว หน้ายกคูณสอง

                                                      • เทคโนโลยียกกระชับแบบ Original ด้วยคลื่นพลังงานอัลตราซาวนด์ (Focused Ultrasound) ที่มีความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ จำนวนมาก เรียงเป็นเส้นตรงคล้ายจุดไข่ปลา ขนาดประมาณ 1 mm. ทำให้เกิดความร้อนพลังงาน 60 – 70°C ซึ่งสามารถยิงได้อย่างแม่นยำ ลงลึกถึงชั้น SMAS ชั้นเดียวกับที่ทำการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า โดยจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ทำให้เกิดการหดตัว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทดแทนส่วนที่เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวยกกระชับ เรียบเนียน และเก็บกรอบหน้า ทำให้หน้าเรียวเล็ก นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอแสดงให้เห็นชั้นผิวแบบ Real Time ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นความลึกของชั้นผิวหนังได้อย่างชัดเจน วางแผนการรักษาและยกกระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด

                                                      Oligio โปรแกรมหน้ายก ลดเหนียง

                                                      • เทคโนโลยียกกระชับ พร้อมลดไขมัน ด้วยคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่ปล่อยพลังงานความถี่ 6.78 MHz ซึ่งเป็นความถี่ที่ถูกออกแบบมา ให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกได้ ทำให้เกิดพลังงานความร้อน 43°C เข้าไปช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวหนัง ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ แก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวเฟิร์ม เรียบเนียน และกรอบหน้าชัด อีกทั้ง ยังสามารถปล่อยพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มและเหนียงลดลง ส่งผลให้ใบหน้าเรียวเล็กขึ้นได้อีกด้วย

                                                      Thermage FLX โปรแกรมหน้าเด็ก เก็บไขมัน

                                                      • เทคโนโลยียกกระชับ ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar RF กระจายแบบวงกว้าง สามารถยิงลึกตั้งแต่ชั้นผิวหนังไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อน 45 – 70°C โดยเข้าไปแยกโมเลกุลน้ำออกจากคอลลาเจน ส่งผลให้คอลลาเจนหดตัว ผิวยกกระชับขึ้นทันที พร้อมกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวแน่น เฟิร์มกระชับในระยะยาว ลดริ้วรอย และทำให้หน้าเรียวขึ้นแบบเห็นได้ชัด รวมถึง สามารถลดไขมันสะสม โดยเฉพาะบริเวณแก้มและเหนียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                      Radiesse Plus โปรแกรมหน้าเป๊ะ กรอบหน้าชัด

                                                      • สารเติมเต็มกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่มีส่วนประกอบเป็นหลักไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) โดย Radiesse Plus มีส่วนประกอบหลัก คือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite – CaHA), Sodium carboxy-methylcellulose (CMC) gel และ ยาชา (Lidocaine) ซึ่ง CaHA เป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในกระดูกและฟันของเรา ออกแบบมาเพื่อเพิ่มปริมาตรความหนาแน่นของกระดูก ตัวยามีความยืดหยุ่นสูง เมื่อฉีด Radiesse Plus เข้าสู่ผิวหนัง CaHA จะทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยยกกระชับ เติมเต็มร่องลึก ปรับกรอบหน้า และทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง

                                                      สำหรับใครที่อยากมีหน้าเรียว หน้าเล็ก ยกกระชับ แบบไม่ต้องขโมยความสวยใคร แค่มา รมย์รวินท์คลินิก ด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย มีความทันสมัย สามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี พร้อมทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เฉพาะด้าน สามารถวิเคราะห์และออกแบบรูปหน้าได้อย่างเหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ หน้าเรียว หน้าวีอย่างมั่นใจ

                                                      Dual Yellow Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

                                                      Dual Yellow Laser

                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                        Dual Yellow Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

                                                        การมีผิวหน้าไม่เรียบเนียน มีรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนกังวลใจ ปัจจุบันมีหลายวิธีมากมายในการลดเลือนรอยต่าง ๆ เหล่านี้ และการทำเลเซอร์ลดรอย ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนนิยมทำกันเป็นจำนวนมาก เพราะให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และรวดเร็ว วันนี้รมย์รวินท์จะพามาเจาะลึกเกี่ยวกับ Dual Yellow Laser เครื่องเลเซอร์ลดรอยยอดฮิต ที่นอกจากจะช่วยรักษารอยดำรอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

                                                        ทำความรู้จักกับ Dual Yellow Laser เทคโนโลยีลดรอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                        Dual Yellow Laser

                                                        Dual Yellow Laser คือ 

                                                        Dual Yellow Laser คือ เทคโนโลยีที่ช่วยลดรอยสิว รอยดำ รอยแดง หรือฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยใช้เลเซอร์แสงสีเหลือง และแสงสีเขียว ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว ช่วยลดรอยต่าง ๆ  ให้หายไปได้ในระยะเวลาไม่นาน ด้วยพลังเลเซอร์จากแสงสีเหลืองที่มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร และเลเซอร์แสงสีเขียวที่มีความยาวคลื่น 511 นาโนเมตรนี้เอง ที่นอกจากจะช่วยในการลดรอยต่าง ๆ และฝ้า กระ แล้วนั้น ยังช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าสว่างกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้นอีกด้วย

                                                        Dual Yellow Laser มีหลักการทำงานยังไง ?

                                                        Dual Yellow Laser เลเซอร์ลดรอยทำงานโดยใช้พลังงานเลเซอร์สองความยาวคลื่น ได้แก่ พลังงานเลเซอร์แสงสีเหลือง ที่มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร และพลังงานเลเซอร์แสงสีเขียวที่มีความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร โดยเลเซอร์ทั้งสองสีนี้สามารถถูกดูดซับได้ดี โดยโครโมฟอร์หลักในผิวหนังสองชนิด ได้แก่ Oxyhemoglobin และ Melanin

                                                        Dual Yellow Laser

                                                        หลักการทำงานของเลเซอร์ลดรอยใน Dual Yellow Laser แตกต่างกัน ดังนี้

                                                        หลักการทำงานของเลเซอร์แต่ละสี

                                                        1.Dual Yellow LaserDual Yellow Laser

                                                        แสงสีเหลืองถูกดูดซับได้ดี โดย Oxyhemoglobin ใช้ในการลดรอยแดงที่เกิดจากปัญหาต่าง ๆ เช่น รอยแดงจากสิว รอยแผลเป็นสีแดง หรือปานแดง นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน
                                                        Dual Yellow Laser แสงสีเหลืองที่ปล่อยออกมาจะถูกส่งไปยังบริเวณเป้าหมายที่ต้องการ ลดรอยอย่างแม่นยำ โดยทำลายเฉพาะรอยแดงที่ผิดปกติเท่านั้น ไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ ทำให้การทำ Dual Yellow Laser จึงมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

                                                        2.Dual Yellow Laser

                                                        แสงสีเขียวความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร Dual Yellow Laser เลเซอร์ลดรอยแสงสีเขียวถูกดูดซับได้ดี โดย Melanin ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้เกิดสีผิวตามธรรมชาติ และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดรอยดำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ

                                                        Dual Yellow Laser แสงสีเขียวนี้จะช่วยลดรอยดำ จากการที่เลเซอร์ทำลายเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติทำให้รอยดำจางลง และสีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น พลังงานจากเลเซอร์แสงสีเขียวจะทำงานอย่างแม่นยำ โดยลดรอยดำ ฝ้า และกระ โดยตรงทำให้การทำ Dual Yellow Laser เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีผลต่อผิวรอบข้าง

                                                        Dual Yellow Laser เลเซอร์ลดรอยแสงสีเขียว ยังมีความสามารถในการปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวที่มีจุดด่างดำให้กลับมาดูใส และเนียนเรียบหลังทำอีกด้วย

                                                        หลักการทำงานรวมของ Dual Yellow Laser

                                                        Dual Yellow Laser ทำงานโดยการปล่อยพลังงานเลเซอร์สองช่วงความยาวคลื่น ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการรักษารอยแดง และรอยดำ พลังงานเลเซอร์จะถูกส่งไปยังบริเวณเป้าหมายในผิวหนัง แล้วเกิดการทำลายเซลล์ที่ไม่ปกติ เช่น เส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวหรือเม็ดสีที่ผิดปกติ ซึ่งช่วยให้ปัญหาผิวเหล่านี้ลดลง และฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น

                                                        นอกจากการลดรอยแดง และรอยดำแล้ว Dual Yellow Laser ยังมีประโยชน์ในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ และส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน กระชับ และกระจ่างใสขึ้น กระบวนการทำงานนี้สามารถฟื้นฟูผิวพรรณได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อผิวหนัง ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงรุนแรง

                                                        Dual Yellow Laser

                                                        Dual Yellow Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

                                                        Dual Yellow Laser ช่วยลดรอยแดง

                                                        ด้วยพลังงานเลเซอร์สีเหลืองที่มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร ถูกออกแบบมาเพื่อดูดซับโดย Oxyhemoglobin ซึ่งเป็นสารที่พบในเม็ดเลือดแดงที่มีออกซิเจน การทำ Dual Yellow Laser ด้วยพลังงานเลเซอร์ลดรอยสีเหลือง จะช่วยทำลายเส้นเลือดฝอยที่ขยายผิดปกติ เช่น รอยแดงจากสิว โดยการใช้พลังงานเลเซอร์นี้จะช่วยลดการอักเสบ รวมถึงเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิว ทำให้รอยแดงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

                                                        Dual Yellow Laser ช่วยลดรอยดำ

                                                        Dual Yellow Laser พลังงานเลเซอร์ลดรอยแสงสีเขียว 511 นาโนเมตร มีความสามารถในการดูดซับใน Melanin ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้เกิดสีผิว การรักษานี้ช่วยในการลดเลือนรอยดำ ฝ้า และกระ ที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีในผิวหนัง ด้วยความแม่นยำของเลเซอร์ สีผิวจึงสามารถดูสม่ำเสมอ และสว่างขึ้นได้หลังทำ Dual Yellow Laser

                                                        Dual Yellow Laser ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

                                                        การทำ Dual Yellow Laser ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวโดยการลดรอยจุดด่างดำ และรอยแผลเป็น ทำให้สีผิวดูเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติมากขึ้น การทำ Dual Yellow Laser สามารถปรับพื้นผิว และความกระจ่างใสของผิวได้อย่างดี

                                                        Dual Yellow Laser ช่วยผลัดเซลล์ผิว

                                                        หลังการทำ Dual Yellow Laser พลังงานจากเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เมื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปแล้ว ผิวจะสามารถสร้างเซลล์ใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าได้ ทำให้ผิวดูกระจ่างใส และสุขภาพดี

                                                        Dual Yellow Laser ช่วยลดปัญหาสิว

                                                        Dual Yellow Laser ยังสามารถช่วยลดการอักเสบที่เกิดจากสิว และลดการเกิดสิวอุดตัน โดยการทำให้รูขุมขนเปิดกว้างขึ้น และช่วยลดน้ำมันที่สะสม ทำให้ผิวหน้าดูสะอาด และสดใส

                                                        Dual Yellow Laser จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหน้า ทั้งในเรื่องสีผิว ความเรียบเนียน และปัญหาสุขภาพผิวอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียน และกระจ่างใสในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนั้นยังปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการความงาม และการแพทย์ผิวหนัง

                                                        Dual Yellow Laser

                                                        ทำไมต้องทำ Dual Yellow Laser ?

                                                        Dual Yellow Laser มีเทคโนโลยีทันสมัย

                                                        Dual Yellow Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ลดรอยที่ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์กรด้านการแพทย์ และความงามระดับโลก ทำให้มั่นใจได้ในความมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของการทำ Dual Yellow Laser

                                                        Dual Yellow Laser สามารถฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็วและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

                                                        การรักษาด้วย Dual Yellow Laser สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใส เรียบเนียน และมีสุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งหลายคนที่เข้ารับการรักษาด้วย Dual Yellow Laser มักพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ เนื่องจากสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น

                                                        Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

                                                        Dual Yellow Laser ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้ได้กับหลายประเภทของผิว ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ทำให้ Dual Yellow Laser เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาที่มีประสิทธิภาพในทุกสภาพผิว

                                                        Dual Yellow Laser มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย

                                                        การทำ Dual Yellow Laser มีความปลอดภัยสูง คนส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษามักจะไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง หรือผลข้างเคียงที่น่ากังวล ทำให้ผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันทีหลังจากทำ

                                                        Dual Yellow Laser 07 0 scaled

                                                        ใครเหมาะกับการทำ Dual Yellow Laser ?

                                                        Dual Yellow Laser มีคุณสมบัติในการรักษาใบหน้าที่หลากหลาย จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหน้าหลายรูปแบบ ดังนี้

                                                        • Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีรอยดำ และรอยแดง
                                                        • Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
                                                        • Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีฝ้า และกระ
                                                        • Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า เช่น ฝ้าเลือด ฝ้ากระ โดยหลังจากทำ Dual Yellow Laser แล้วจะช่วยลดเลือนฝ้ากระบนใบหน้า อีกทั้งยังทำให้สีของเม็ดสีดูสม่ำเสมอมากขึ้น
                                                        • Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าไม่เรียบ
                                                        • Dual Yellow Laser สามารถช่วยฟื้นฟูผิวทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน และกระชับขึ้นได้เนื่องจากการทำ Dual Yellow Laser จะไปกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่

                                                        ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Dual Yellow Laser จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดรอยสิว รอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ รวมถึงฟื้นฟู และปรับสภาพผิวใบหน้า ทั้งนี้ การรักษาด้วย Dual Yellow Laser ยังมีความปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว

                                                        ใครไม่เหมาะกับการทำ Dual Yellow Laser ?

                                                        แม้ Dual Yellow Laser จะมีคุณสมบัติในการรักษาหน้าที่หลากหลาย และมีความปลอดภัยสูง แต่ Dual Yellow Laser อาจจะไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม ดังนี้

                                                        • Dual Yellow Laser : ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ คนที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้ ควรระมัดระวังในการทำ Dual Yellow Laser เนื่องจากโรคเหล่านี้อาจส่งผลต่อการตอบสนองของร่างกายได้ ดังนั้นคนที่มีโรคประจำตัวที่อยากทำ Dual Yellow Laser ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยง และความเหมาะสมก่อนการทำ Dual Yellow Laser
                                                        • Dual Yellow Laser : ไม่เหมาะกับคนที่เคยมีประวัติรับการรักษาด้วยการฉายรังสี
                                                          สำหรับคนที่เคยเข้ารับการรักษาโดยการฉายรังสีในบริเวณที่ต้องการทำ Dual Yellow Laser อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น การอักเสบหรือการบาดเจ็บของผิวหนังได้ แต่ถึงอย่างนั้นอาจจะทำได้ในบางกรณี ดังนั้นคนที่อยากทำ Dual Yellow Laser แต่เคยมีประวัติการรักษาโดยการฉายรังสีควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำจะดีที่สุด
                                                        • Dual Yellow Laser : ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติเกิดแผลเป็นคีลอยด์ ผู้ที่เคยมีประวัติแผลเป็นคีลอยด์ ซึ่งเป็นแผลเป็นที่ยกสูงขึ้นจากผิวหนังที่เกิดจากการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนังใหม่มากเกินไป อาจไม่เหมาะสมกับการทำ Dual Yellow Laser เนื่องจากอาจการทำ Dual Yellow Laser อาจไปกระตุ้นการสร้างแผลเป็นมากขึ้นในบริเวณที่รักษา
                                                        • Dual Yellow Laser : ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร สตรีที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างการให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการทำ Dual Yellow Laser

                                                        Dual Yellow Laser เจ็บไหม ?

                                                        การทำ Dual Yellow Laser มักจะไม่รู้สึกเจ็บมากนัก แต่จริง ๆ แล้วความรู้สึกในระหว่างการทำขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และบริเวณที่ทำ

                                                        โดยส่วนมากขณะทำ Dual Yellow Laser ผู้รับการรักษาจะรู้สึกอุ่น หรือร้อนเล็กน้อย จากพลังงานเลเซอร์ที่ส่งไปยังผิวหนัง แต่จะไม่มีอาการเจ็บปวดที่รุนแรง ซึ่งในส่วนใหญ่แพทย์ผู้ทำการรักษาอาจใช้ยาชา หรือเจลเย็น เพื่อบรรเทาอาการเจ็บในระหว่างการทำ
                                                        และหลังจากการทำ Dual Yellow Laser อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย แต่จะหายไปไม่นานหลังทำ โดยปกติแล้วหลังทำผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ทันที แต่หากมีความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บปวด หรือความไม่สบายใจ สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำ Dual Yellow Laser เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมได้เลย

                                                        Dual Yellow Laser กี่ครั้งเห็นผล ?

                                                        จำนวนครั้งของการทำ Dual Yellow Laser จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และสภาพผิวของแต่ละบุคคล สำหรับคนที่มีปัญหารอยแดง อาจเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 1-2 ครั้ง หลังทำ Dual Yellow Laser ครั้งแรก แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น อาจต้องทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง แต่ผลลัพธ์ของการลดรอยดำ ฝ้า หรือกระ มักจะเริ่มเห็นผลชัดเจนหลังจากทำ Dual Yellow Laser 2-3 ครั้ง และควรทำต่อเนื่องประมาณ 4-6 ครั้ง เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ส่วนการปรับสภาพผิว และลดริ้วรอยอาจต้องใช้เวลา 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ดังนั้นก่อนทำ Dual Yellow Laser แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิว และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมก่อนการทำ

                                                        หลังทำ Dual Yellow Laser มีผลข้างเคียงไหม ?

                                                        หลังการทำ Dual Yellow Laser ผลข้างเคียงมักเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย และหายไปได้เองในระยะเวลาไม่นาน เนื่องจาก Dual Yellow Laser ออกแบบมาให้มีความอ่อนโยนต่อผิว จึงเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย ในบางคนอาจจะมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพียงชั่วคราวและไม่รุนแรง เช่น

                                                        • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจมีรอยแดงเล็กน้อย
                                                        • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจเกิดรอยแดงหลังการทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเป็นสัญญาณว่าผิวกำลังตอบสนองต่อการรักษา รอยแดงนี้มักจะจางหายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ผู้ที่ทำเลเซอร์สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
                                                        • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจมีอาการบวมเล็กน้อย
                                                          ในบางคนอาจพบอาการบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ทำ Dual Yellow Laser แต่โดยทั่วไปแล้วอาการนี้จะลดลงและหายไปภายใน 1-2 วัน
                                                        • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจมีผิวแห้ง หรือหลุดลอกเล็กน้อย
                                                          ผลข้างเคียงนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ ผิวที่แห้งหรือหลุดลอกสามารถดูแลได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
                                                        • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจจะสีผิวเข้มขึ้นเล็กน้อยชั่วคราว
                                                          ในบางกรณี ผิวอาจมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อยหลังการทำเลเซอร์ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงชั่วคราวที่มักจางหายไปเองในไม่กี่วัน

                                                        การดูแลตัวเองหลังการทำ Dual Yellow Laser เป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องผิว และเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา หลังทำควรสังเกตอาการของตัวเองให้ดี หากมีความผิดปกติ หรือกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

                                                        Dual Yellow Laser ควรทำห่างกันเท่าไหร่ ?

                                                        การทำ Dual Yellow Laser ควรเว้นระยะห่างระหว่างการทำ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นฟูและตอบสนองต่อเลเซอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความเสี่ยงของการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และลักษณะผิวของแต่ละคน

                                                        หากทำ Dual Yellow Laser เพื่อรักษารอยแดง

                                                        การรักษาลดรอยแดงจะต้องการความถี่ในการทำที่สูงกว่า เนื่องจากผิวสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และเลเซอร์ช่วยลดรอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ทำห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน และลดรอยแดงอย่างต่อเนื่อง

                                                        หากทำ Dual Yellow Laser เพื่อรักษาฝ้า กระ หรือรอยดำ

                                                        ในการรักษาลดรอยฝ้า กระ หรือรอยดำ เลเซอร์จะทำงานโดยค่อย ๆ ลดเม็ดสีส่วนเกินใต้ผิวหนัง การรักษาลดรอยเหล่านี้มักต้องการระยะเวลาในการฟื้นฟูผิวมากกว่า ดังนั้นแพทย์จะแนะนำให้เว้นระยะการรักษา ทุก 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลาปรับตัว และลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง หรือระคายเคือง

                                                        หากทำ Dual Yellow Laser เพื่อปรับสภาพผิวโดยรวม

                                                        หากทำ Dual Yellow Laser เพื่อปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้น การทำเลเซอร์ในระยะทุก 3-4 สัปดาห์ จะช่วยให้ผิวมีเวลาฟื้นฟู และปรับสมดุลตามธรรมชาติ การทำเลเซอร์บ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

                                                        ก่อนทำ Dual Yellow Laser ต้องเตรียมตัวยังไง ?

                                                        ก่อนทำ Dual Yellow Laser การเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีหลังการทำการ และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง การเตรียมตัวที่ควรปฏิบัติก่อนการทำ Dual Yellow Laser มีดังนี้

                                                        • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ เพราะผิวที่โดนแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเสี่ยงต่อการเกิดรอยไหม้หลังการรักษา และควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงทุกครั้งเมื่อออกแดด
                                                        • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinoid, AHA, BHA หรือสารเคมีลอกผิว ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ลดรอย เนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวบอบบาง และเสี่ยงต่อการระคายเคืองหลังทำเลเซอร์
                                                        • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรงดการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า การขัดผิว หรือสครับ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารขัดผิวประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอ่อนแอหรือบอบบาง จนเกิดการระคายเคือง
                                                        • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรงดการใช้ยาบางชนิด
                                                          หากก่อนทำกำลังทานยาบางชนิดที่อาจทำให้ผิวไวต่อแสง หรือมีผลข้างเคียงเกี่ยวกับผิว ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำเลเซอร์ โดยเฉพาะยาประเภทต้านการอักเสบ (NSAIDs) หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด
                                                        • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ลดรอยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับปัญหาผิว หรือโรคประจำตัว อาการแพ้ เช่น โรคเริม หรือการใช้ยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการรักษา เพื่อให้แพทย์พิจารณาความปลอดภัย และปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
                                                        • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ การพักผ่อนเพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ หลังการทำ Dual Yellow Laser จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น และช่วยลดความแห้งกร้านหรือระคายเคืองหลังการรักษา

                                                        หลังทำ Dual Yellow Laser ควรปฏิบัติตัวยังไง ?

                                                        หลังทำ Dual Yellow Laser การดูแลผิวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี หลังทำควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

                                                        • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด

                                                        หลังการทำเลเซอร์ลดรอย ผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรงเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำ หรือฝ้าใหม่

                                                        • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรทาครีมบำรุงผิว

                                                        ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความอ่อนโยน และให้ความชุ่มชื้นสูง เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น ครีมที่มีกรดผลไม้ (AHA) หรือ Retinoid ในช่วงแรกหลังการรักษา เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง

                                                        • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง

                                                        หลังทำเลเซอร์ลดรอย ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีลอกผิว หรือที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น Retinoid, AHA, BHA หรือ Vitamin C เข้มข้น เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์

                                                        • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิว หรือการทำทรีตเมนต์หน้า

                                                        หลังทำเลเซอร์ลดรอย ผิวจะยังบอบบางและต้องการเวลาฟื้นตัว ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือการทำทรีตเมนต์ใด ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองและผิวลอก

                                                        • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก

                                                        หลังทำเลเซอร์ ควรงดการออกกำลังกายหนัก ๆ การซาวน่า หรือการแช่น้ำร้อน เพราะเหงื่อและความร้อนอาจทำให้ผิวระคายเคือง และอักเสบได้

                                                        • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรสังเกตผิว และติดตามอาการ

                                                        หากมีอาการบวม แดง หรือผิวแห้ง ควรดูแลผิวด้วยการประคบเย็น หรือใช้ครีมบำรุงที่แพทย์แนะนำ และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวมีรอยดำที่ไม่จางลง หรือเกิดการอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์

                                                        • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรดื่มน้ำมาก ๆ

                                                        การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และฟื้นฟูได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดีหลังการรักษา

                                                        การดูแลผิวหลังการทำ Dual Yellow Laser เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ ดังนั้นหลังทำควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                        Dual Yellow Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อรักษาปัญหาผิวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้แสงสีเหลือง และสีเขียวเพื่อลดรอยแดง และรอยดำ เช่น ฝ้า กระ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน มีความปลอดภัยสูง ใช้ได้กับทุกสภาพผิว และฟื้นตัวได้รวดเร็ว โดยเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก และชัดเจนขึ้นเมื่อทำต่อเนื่อง

                                                        BELOTERO เปิดตัว 4 หนุ่มพระเอกดวงใจเทวพรม เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

                                                        เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO

                                                        Romrawin ร่วมงานเปิดตัว 4 หนุ่มพระเอกดวงใจเทวพรม แบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO 

                                                        เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อเหล่าหนุ่มๆจุฑาเทพของเมืองไทย เก้า นพเก้า, กองทัพ พีค, ไมกี้ ปณิธาน และ เทศน์ ไมรอน 4 หนุ่มจุฑาเทพ จากซีรีส์ชุด “ดวงใจเทวพรหม” จับมือร่วมกันตอกย้ำความปัง ดังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ให้กับ BELOTERO ฟิลเลอร์แบรนด์ดังระดับโลก พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “Fill for All” เติมคุณ เปลี่ยนคุณ ฉลองครบรอบ 20 ปี ครองใจเหล่าผู้เชี่ยวชาญใน 95 ประเทศทั่วโลก เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน 

                                                        เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO

                                                        งานนี้นำทีมโดย คุณหมอฐา พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล Board of Dermatology แพทย์เจ้าของ และผู้อำนวยการรมย์รวินท์คลินิก พร้อมด้วยคุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์และคุณหมอบีบี พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู  ซึ่งได้รับเกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ ในครั้งนี้

                                                        โชว์สุดพิเศษของ 4 หนุ่มแบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO 

                                                        นอกจากนี้ยังมีโชว์สุดพิเศษของ 4 หนุ่ม เก้า นพเก้า, กองทัพ พีค, ไมกี้ ปณิธาน และ เทศน์ ไมรอน ก่อนจะเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา และเบื้องหลังสุดเอกซ์คลูซีฟ ให้รับชมพร้อมกันที่แรก

                                                        เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO

                                                        จากนั้นเภสัชกรหญิงกิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้บริหารสูงสุดเมิร์ชเอสเธติกส์ ประเทศไทย และสิงคโปร์ มาร่วมพูดคุยให้ความรู้ภายในงาน

                                                         

                                                        ช่วงค่ำ คุณหมอออย คุณหมอบีบี และ คุณหมอแพร ได้เข้าร่วมชมแฟชั่นโชว์จากแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง POEM presented by MERZ AESTHETICS เนรมิตโชว์สุดประทับใจสไตล์ Nuatical พร้อมบทเพลงสุดไพเราะและลุคกะลาสีของหนุ่ม ๆ ดวงใจเทวพรหม ให้สายแฟชั่นใจฟูอีกด้วย 

                                                        เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO
                                                        Beauty Boy แนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ของ BELOTERO

                                                        ครั้งแรกของแบรนด์ BELOTERO กับการเปิดตัว ‘ทีมพรีเซนเตอร์’ ใหม่ 4 คน ภายใต้แนวคิด Beauty Boy เป็นครั้งแรกในวงการนวัตกรรมเสริมความงาม ที่ทางเมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ต้องการตอกย้ำความเป็น ฟิลเลอร์ระดับโลก ที่แพทย์ ทั่วโลกไว้ใจเลือกใช้มา 20 ปี การเฉลิมฉลองครั้งนี้มาพร้อมกับแคมเปญใหม่ล่าสุด “Fill For All เติมคุณ เปลี่ยนคุณ” ที่จะมาปลุกพลังเสริมความมั่นใจให้คนรุ่นใหม่ทุกคน ในการเลือกแบรนด์ฟิลเลอร์คุณภาพสูงระดับโลก

                                                        เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO

                                                        “Jewel Box” เปิดตัวแพ็กเกจจิ้งใหม่ ในรอบ 10 ปี

                                                        การเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี กับแพ็กเกจจิ้งใหม่ของ BELOTERO ในดีไซน์สุดหรู “Jewel Box” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกล่องเครื่องประดับ สะท้อนถึงความพรีเมียมของฟิลเลอร์ระดับโลก การออกแบบแพ็กเกจจิ้งใหม่นี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุด ป้องกันการเปิดก่อนใช้หรือนำกลับมาใช้ซ้ำ

                                                        เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO

                                                        ซึ่งงานนี้ รมย์รวินท์คลินิก รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานเปิดตัว Brand Ambassador และร่วมสัมผัสประสบการณ์ของทั้ง 4 หนุ่ม เก้า นพเก้า, กองทัพ พีค, ไมกี้ ปณิธาน และ เทศน์ ไมรอน ที่มาร่วมแชร์ข้อมูลการดูแลตัวเองถึงพื้นฐานผิว พร้อมด้วยแคมเปญที่สนับสนุนการดูแลตัวเองและผลิตภัณฑ์ BELOTERO ที่รมย์รวินท์คลินิกมีการให้บริการอยู่เป็นประจำ

                                                        เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ BELOTERO

                                                        เพราะฉะนั้นถ้าอยากมีผิวสวยสุขภาพดี เก็บริ้วรอยทุกมิติ ผิวตึงกระชับ ยกระดับทุกความมั่นใจในแบบของตัวเอง ต้องลองมาทำ BELOTERO กับรมย์รวินท์คลินิก

                                                        โดยทางรมย์รวินท์คลินิกมีการวิเคราะห์ปัญหาผิว จากแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก ที่จะช่วยให้สามารถมองเห็นปัญหาผิวและแก้ไขได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ และตรงความต้องการของผู้เข้ารับบริการทุกคน สำหรับคนที่สนใจสามารถปรึกษาปัญหาผิวได้แล้ววันนี้ ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาทั่วประเทศ

                                                        ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร ทำไมต้องฉีด ยี่ห้อไหนดี?

                                                        ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                          เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นปัญหาที่เด่นชัดบนใบหน้าที่ใครหลายคนกังวล คือ ปัญหาริ้วรอยร่องแก้มลึก ซึ่งปัญหานี้ทำให้ดูแก่กว่าวัยได้อีกด้วย ส่งผลทำให้ใครหลายคนที่กำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้สูญเสียความมั่นใจ ในปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยร่องแก้มลึกได้ด้วยวิธีการ “การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม” เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ยุบตัวลง

                                                          วันนี้รมย์รวินท์คลินิกรวบรวมข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มว่า ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร ฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายไหม ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี และฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องใช้กี่ CC และข้อควรรู้ของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ว่าก่อนฉีดและหลังฉีดต้องปฏิบัติตัวเองอย่างไร หาคำตอบได้แล้วในบทความนี้

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร?

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) เข้าไปในบริเวณร่องแก้มที่ยุบตัวลงไปได้อย่างเห็นผลลัพธ์และตรงจุด โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เพื่อแก้ปัญหาร่องแก้มลึก ร่องแก้มชัด ที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มร่องแก้มให้ผิวหน้าดูเต็ม และร่องแก้มตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอกว่าเดิม และใบหน้าดูเด็กลง

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เกิดจากสาเหตุอะไร?

                                                          ปัญหาร่องแก้มลึกเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยจะเกิดขึ้นเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย ซึ่งสาเหตุร่องแก้มลึกมี 4 ปัจจัยหลัก ดังนี้

                                                          เกิดจากการทรุดตัวของกระดูกร่องแก้มโดยตรง

                                                          มักพบได้ตั้งแต่คนที่อายุ 20-30 ปี ซึ่งบริเวณร่องแก้มยังไม่ลึกมาก และกระดูกช่วงบริเวณใต้ตายังทรุดตัวไม่มาก สามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์แก้ม โดยฉีดลงในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อ และฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย

                                                          เกิดจากการทรุดตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา

                                                          การทรุดตัวของกระดูกบริเวณใต้ตามักพบได้ในคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยกระดูกบริเวณใต้ตามีการทรุดตัวที่ค่อนข้างมาก ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนคล้อยลงมาบริเวณเหนือร่องแก้ม จึงทำให้บริเวณร่องแก้มดูลึก สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม โดยฉีดเพื่อยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมดขึ้นไปด้านบน จะช่วยทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

                                                          เกิดจากการยิ้มบ่อย ๆ

                                                          การยิ้มบ่อยเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป สามารถแก้ไขได้ด้วยเทคนิคการฉีดโบในปริมาณที่น้อยมาก ๆ ลงในชั้นผิวหนัง เพื่อให้เส้นใยของกล้ามเนื้อที่มาเกาะผิวหนังชั้นบนคลายตัว โดยไม่ทำให้กล้ามเนื้อชั้นล่างคลายไปด้วย แต่ไม่ควรแก้ด้วยการฉีดโบ 100% เพราะจะทำให้การยิ้มดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ ควรแก้ด้วยฉีดโบ 50% และแก้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์หนุนหรือฉีดกดกล้ามเนื้อ เพื่อควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบางส่วน ให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ

                                                          การสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง

                                                          เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงและมีความยืดหยุ่น โดยไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (subcutaneous fat) จะลดลงด้วย โดยไขมันชั้นนี้มีความสำคัญในการให้ความเติมเต็มของใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม เมื่อไขมันใต้ผิวหนังลดลงจึงส่งผลให้ผิวหนังยุบตัวลงตาม จนเกิดร่องลึกบริเวณแก้ม ทำให้ใบหน้าดูผอมลง โครงหน้าชัดขึ้น

                                                          เกิดจากผิวแห้ง หรือ เกิดจากการตากแดดบ่อย

                                                          ลักษณะผิวจะเกิดเป็นริ้วตื้นบริเวณร่องแก้ม ทำให้ชั้นผิวบางลงและเกิดรอยพับง่าย สามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนังได้โดยตรง โดยเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อให้เรียบเนียนไม่เป็นก้อน

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยอะไรบ้าง?

                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มร่องแก้มลึก ทำให้ผิวบริเวณร่องแก้มดูตื้นขึ้น ริ้วรอยดูจางลง ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุลและมีสัดส่วนที่ดีขึ้น
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มแก้มตอบ หรือ แก้มส้ม ทำให้ใบหน้าดูเต็ม อิ่มฟู และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยยกกระชับใบหน้า เพิ่มมิติให้ใบหน้า และทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงขึ้น
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าแลดูฉ่ำวาว ผิวแลดูสุขภาพดี

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับใคร?

                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้มลึกชัดเจน
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับผู้ที่แก้มหย่อนคล้อย หรือเนื้อแก้มเยอะจนเกิดรอยพับ
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้มลึกชัดเจน จากกล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มทำงานมากเกินไป
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับผู้ที่มีกระดูกใต้ตาและร่องแก้มลดลง จนเกิดเป็นร่องแก้มลึก
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง มักจะเกิดริ้วรอยและร่องแก้มง่าย

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดีอย่างไร?

                                                          การมีร่องแก้มทำให้ใบหน้าดูมีอายุ การแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยทำให้ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์ขึ้น ซึ่งข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีดังนี้

                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ทำให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นจางลง
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มใบหน้าให้เด็กลง
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยในการกักเก็บน้ำ ให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณร่องแก้มให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เห็นผลลัพธ์ทันที และผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นใน 7-14 วัน
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผลเป็น
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยแก้ปัญหาโหนกแก้มใหญ่จากผิวที่หย่อนคล้อย ให้หน้าเล็กลงกระชับขึ้น
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยแก้ไขใบหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน ให้สมดุลรับกับใบหน้ามากขึ้น
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม สามารถสลายเองได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย
                                                          • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแท้ มีความปลอดภัย ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี?

                                                          การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ร่องแก้ม แพทย์จะเป็นผู้เลือกตามปัญหาร่องลึกของผู้เข้ารับบริการ โดยแพทย์จะเลือกตามลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์ที่ต้องใช้เป็นหลัก การเลือกลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญมากในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพราะหากเลือกใช้เนื้อฟิลเลอร์ผิดประเภท อาจทำให้ปัญหาร่องแก้มไม่หาย หรือร่องแก้มชัดกว่าเดิม นอกจากนี้ฟิลเลอร์อาจเป็นก้อนได้

                                                          ในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มบริเวณร่องแก้ม ทำให้ริ้วรอยร่องแก้มลดน้อยลงและริ้วรอยดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย เพราะฉะนั้นควรเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับบริเวณร่องแก้ม โดยฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดบริเวณร่องแก้มมักจะใช้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแน่นแข็งและเนื้อนิ่ม ฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะคงรูปได้ดีเหมาะกับการฉีดในผิวหนังใต้ชั้นกล้ามเนื้อ ส่วนฟิลเลอร์เนื้อนิ่มจะเหมาะกับการฉีดผิวหนังชั้นตื้น ยี่ห้อที่เหมาะสำหรับปัญหาร่องแก้มลึก มีดังนี้

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อ Juvederm

                                                          ยี่ห้อฟิลเลอร์แบรนด์ดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตด้วยเทคโนโลยี VYCROSS Technology และ HYLACROSS Technolygy ได้รับการรับรองความปลอดภัย และคุณภาพจาก US FDA และ อย.ไทย รุ่นที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ

                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟู เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาร่องลึก เช่น ร่องน้ำหมาก ร่องแก้ม ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Juvederm Volift ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลแข็งปานกลาง เนื้อฟู มีความละเอียด กลืนกับผิวได้ง่าย เรียบเนียนไปกับผิว เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาร่องแก้มลึกทุกระดับ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Juvederm Voluma ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็ง ฟูปานกลาง และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม คาง และขมับได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูง คงรูปทรงได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดใต้ตา คาง ขมับ และร่องแก้มลึก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 24 เดือน

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อ Restylane

                                                          แบรนด์ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกจากประเทศสวีเดน ผลิตโดยบริษัท Galderma ประกอบด้วย 2 เทคโนโลยี คือ NASHA Technology และ OBT Technology ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถใช้ได้หลากหลายบริเวณ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาไทย อเมริกา และเกาหลี รุ่นที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ

                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Restylane Refyne ฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่น เหมาะกับการแก้ปัญหาริ้วรอยลึกที่เกิดจากการยิ้ม เหมาะสำหรับการฉีดร่องแก้ม มุมปาก และปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Restylane classic ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลแข็งปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ขมับ แก้มตอบ แก้มส้ม และริ้วรอยตื้นบนผิว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Restylane Lyft ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง คงรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณ ใต้ตา คาง หน้าแก้ม ร่องแก้ม แก้มตอบ และขมับ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน
                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Restylane Volyme ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่ม สำหรับการเติมชั้นผิวให้อิ่มฟูขึ้น เหมาะสำหรับการฉีดเติมเต็มส่วนที่โหลลึกหรือตอบลง เช่น ร่องแก้ม, แก้มตอบ, ปาก และ มุมปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อ Definisse

                                                          ฟิลเลอร์นำเข้าจากประเทศอิตาลี ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Relife Company เป็นบริษัทในเครือของ A.Menarini ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศไทย รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ

                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Definisse Touch ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความเนียนละเอียด กลืนกับผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเติมริ้วรอยตื้น บริเวณร่องแก้ม ใต้ตา ร่องมุมปาก และปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
                                                          • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Definisse Restore ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความหนาแน่นปานกลาง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยร่องแก้ม และร่องมุมปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อ Belotero

                                                          ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ยุโรป และไทย รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Belotero Intense ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง แก้ปัญหาร่องลึกจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง เช่น เติมแก้มตอบ ร่องแก้มลึก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้มแท้ วิธีเช็คให้ปลอดภัยก่อนฉีด ในแต่ละยี่ห้อ

                                                          วิธีเช็คฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Juvederm

                                                          • มีเลข Lot วันเดือนปีที่ผลิตฟิลเลอร์ และวันหมดอายุของฟิลเลอร์ ระบุไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะระบุไว้ทั้งหมด 4 จุด ในแต่ละจุดต้องมีข้อมูลที่ตรงกัน ดังนี้
                                                          1. เลข Lot ที่กล่องฟิลเลอร์
                                                          2. เลข Lot ที่ถาดฟิลเลอร์
                                                          3. เลข Lot ที่สติกเกอร์
                                                          4. เลข Lot ที่หลอดฟิลเลอร์
                                                          • จะมีฉลากกำกับเป็นภาษาไทย และเลขที่ อย.ไทย รับรองอยู่บนกล่องฟิลเลอร์
                                                          • ภายในกล่องจะมีเลขทะเบียน อย.ไทย และเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลของฟิลเลอร์เป็นภาษาไทย
                                                          • สามารถติดต่อเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมโดยตรงกับบริษัท Allergan Thailiand หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 02-640-4999 ต่อ 1

                                                          วิธีเช็คฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Restylane

                                                          • จะมีสติกเกอร์โมโนแกรม (Monogram) คำว่า “VOID” ติดไว้
                                                          • จะมี QR Code ให้สแกนข้างกล่อง โดยใช้แอปพลิเคชัน eZTracker Safety เพื่อเช็คว่าฟิลเลอร์เป็นของแท้ ซึ่งจะขึ้นหน้าจอเป็นสีเขียวแสดงวันหมดอายุ พร้อมทั้งมีข้อความระบุว่า ‘ผลิตภัณฑ์ได้ถูกนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด’ แต่ในกรณีที่ขึ้นเป็นหน้าจอสีส้ม ให้กดรายงานในแอปพลิเคชันทันที เพื่อให้บริษัทตรวจสอบได้ เนื่องจากฟิลเลอร์อาจเป็นของปลอม
                                                          • จะมีเลข Lot วันเดือนปี ที่หมดอายุตรงกัน 2 จุด คือ บนกล่อง และที่หลอดของฟิลเลอร์
                                                          • ภายในกล่องจะมีเอกสารเกี่ยวกับฟิลเลอร์เป็นภาษาไทย และมีเลข อย.ไทย กำกับอยู่
                                                          • สามารถโทรเพื่อตรวจสอบหรือสอบถามเลข Lot ได้ที่ 02-023-1800 ต่อ 402

                                                          วิธีเช็คฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Definisse

                                                          • จะมีเลขทะเบียน อย. เอกสารกำกับภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
                                                          • เลข lot. ต้องตรงกัน 3 จุด คือ
                                                          1. เลข lot. ที่สติกเกอร์
                                                          2. เลข lot. ที่กล่องฟิลเลอร์
                                                          3. เลข lot. ที่หลอดฟิลเลอร์
                                                          • สติกเกอร์สามารถลอกออกได้ เพื่อนำไปติด OPD Card 
                                                          • รอยประด้านข้างกล่องต้องปิดสนิท 
                                                          • สามารถโทรตรวจสอบเลข lot. และคลินิกได้ ที่บริษัท เอ.เมนารินี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02 696 8500 ต่อ 3

                                                          วิธีเช็คฟิลเลอร์แท้ ยี่ห้อ Belotero

                                                          • จะมีเลข Lot วันเดือนปีหมดอายุของฟิลเลอร์ ที่ตรงกันทั้งหมด 3 จุด คือ
                                                          1. เลข lot. ที่สติกเกอร์
                                                          2. เลข lot. ที่กล่องฟิลเลอร์
                                                          3. เลข lot. ที่หลอดฟิลเลอร์
                                                          • แถบสีบนหลอดของฟิลเลอร์ ต้องเป็นสีเดียวกับสีที่อยู่บนกล่อง
                                                          • ภายในกล่องมีเอกสารเกี่ยวกับฟิลเลอร์เป็นภาษาไทย และมีเลขทะเบียน อย. ไทย
                                                          • สามารถโทรเพื่อตรวจสอบเลข Lot และคลินิกที่นำฟิลเลอร์มาใช้ ได้ที่บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์ แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Merz Aesthetic) โทร 092-254-2662

                                                          การเตรียมตัวก่อนฉีด-หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          การดูแลตัวเองก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการทานวิตามินและอาหารเสริมบางประเภทที่มีฤทธิ์เกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิต เช่น วิตามินซี
                                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม งดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิวทุกชนิด 3 วัน
                                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม งดสูบบุหรี่และงดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
                                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การคาร์ดิโอ ปั่นจักรยาน วิ่ง 24 ชั่วโมง

                                                          ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญเพื่อให้แพทย์ทำการประเมินใบหน้าเบื้องต้น เพื่อการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด
                                                          • แพทย์จะแนะนำว่าควรใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหน และรุ่นไหนให้เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการฉีด
                                                          • ทำความสะอาดใบหน้าบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อความสะอาดและความปลอดภัย
                                                          • แพทย์แกะกล่องฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ดูต่อหน้า เพื่อความมั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ก่อนฉีด
                                                          • แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ลงบริเวณที่ร่องแก้ม
                                                          • ระหว่างแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะมีการประคบน้ำแข็ง เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม
                                                          • ซึ่งเนื้อฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มียาชาเป็นส่วนประกอบอยู่ในเนื้อฟิลเลอร์
                                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเสร็จเรียบร้อย แพทย์จะทำการแนะนำวิธีดูแลตนเองเพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้นฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการแกะ เกา นวด และคลึง รวมไปถึงอย่าขยับใบหน้าเยอะ โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรกหลังฉีด
                                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ห้ามนอนราบ 3-4 ชั่วโมง
                                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น การซาวน่า การออกกำลังกายหนัก
                                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม งดเลเซอร์ลงผิวชั้นลึก อย่างน้อย 1 เดือน
                                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หากมีอาการปวด สามารถกินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดให้เบาลงได้
                                                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม vs ร้อยไหมดึงร่องแก้ม

                                                          การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม กับ การร้อยไหมดึงร่องแก้ม เป็นหัตถการเพื่อใบหน้าอ่อนเยาว์ทั้ง 2 หัตถการ โดยมีความแตกต่างกัน ดังนี้

                                                          ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยเติมเต็มร่องแก้มลึก และช่วยเติมเต็มส่วนที่มีการทรุดตัวของกระดูก มีเทคนิคฉีดไล่ตั้งแต่เส้นร่องแก้มบริเวณปากไล่ขึ้นมา ช่วยทำให้มุมปากยกขึ้นได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้โดยตรง ซึ่งหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะเห็นผลลัพธ์ทันทีอย่างเป็นธรรมชาติ

                                                          ร้อยไหมดึงร่องแก้ม

                                                          การร้อยไหมดึงร่องแก้ม จะเป็นการร้อยไหมเรียบในผิวชั้นตื้นเพื่อช่วยในการเสริมร่องแก้มให้ตื้นขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น เพราะถ้าร้อยไหมซ้อนกันหลายเส้นมากเกินไปในจุดเดียว จะมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอีลาสตินทับซ้อนกันจนเป็นพังผืดแข็งได้ หรือกรณีที่ร้อยไหมก้างปลาดึงแก้มโดยตรง จะทำให้เนื้อขึ้นไปกองรวมกันอยู่ตรงโหนกแก้ม ทำให้ใบหน้าดูบวมและไม่เป็นธรรมชาติ

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม vs ฉีดโบ vs เครื่องยกกระชับ แบบไหนแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้ดี?

                                                          ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดโบ และเครื่องยกกระชับ แบบไหนถึงจะเหมาะสมกับปัญหาร่องแก้มที่สุด โดยปัญหาร่องแก้มแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้

                                                          • ร่องแก้มเป็นร่องตื้น ไม่ลึกมาก เป็นปัญหาที่เกิดจากการพับของผิวหน้าเมื่อแสดงสีหน้า สามารถแก้ไขได้ด้วยเครื่องยกกระชับ เช่น Ulthera SPT, Ultraformer MPT 4D Lift, Oligio, Emface, morpheuse8 หรือ Thermage FLX ช่วยให้ใบหน้ามีความตึงกระชับและช่วยลดการขยับของผิว ทำให้ร่องแก้มไม่ลึกไปมากกว่าเดิม
                                                          • ร่องแก้มเป็นร่องลึก แม้ยังไม่แสดงสีหน้า ส่วนมากจะพบได้ในคนที่อายุ 25 ปีขึ้นไป หรือคนที่มีเนื้อเยื่อยุบลง ทำให้แก้มหย่อนคล้อย เมื่อทำการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มลึกจะดูตื้นขึ้น ผิวดูเรียบเนียน ริ้วรอยลดลง สามารถทำคู่กับเครื่องยกกระชับผิวได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม
                                                          • ร่องแก้มลึกมาก เป็นรอยพับถาวร ปัญหานี้พบได้ในคนสูงอายุที่ร่างกายหยุดผลิตคอลลาเจน มักมีปัญหากระดูกทรุดตัว ผิวหย่อนคล้อยมาก การร้อยไหมยกกระชับหรือการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า จะสามารถแก้ปัญหาร่องแก้มลึกมากได้ดี และสามารถทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หรือเครื่องยกกระชับอื่น ๆ ได้อีกด้วย

                                                          คำถามพบบ่อยของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้กี่ CC?

                                                          โดยปกติการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้ฟิลเลอร์ 1-2 CC เท่านั้น แต่ในบางกรณีคนที่มีอายุเยอะ อาจจำเป็นสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม 3-4 CC และอาจจะต้องทำการร้อยไหมหรือเครื่องยกกระชับร่วมด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์ดีขึ้นกว่าเดิม

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม กี่วันเห็นผลลัพธ์?

                                                          การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มสามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรก และไม่ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนาน โดยในช่วงแรกอาจมีอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แต่เมื่ออาการบวมลดลง ใบหน้าจะดูยกกระชับขึ้น และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังทำ

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม?

                                                          การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หากใช้ฟิลเลอร์แท้ ฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์สูง และฉีดกับคลินิกที่ได้รับมาตรฐานที่สะอาดและปลอดเชื้อ จะทำให้การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมีความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ปลอม อันตรายอย่างไร?

                                                          การฉีดฟิลเลอร์ปลอม มาจากการที่ฉีดกับคลินิกที่ไม่มีมาตรฐานการรองรับจากกระทรวงสาธารณสุข การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีการรับรองจาก อย. ไทย หรือการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญในด้านการฉีดฟิลเลอร์ โดยอาการของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มปลอมทำให้เกิดความผิดปกติ เช่น อาการบวม รอยแดง การอักเสบติดเชื้อที่รุนแรง รวมไปถึงการไหลย้อยของฟิลเลอร์ด้วย ซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อเอาออกเท่านั้น เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถย่อยสลายเองได้

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เจ็บไหม?

                                                          ปกติการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะมีความเจ็บในระดับที่อดทนได้ ซึ่งก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะมีการทายาชาให้ ในฟิลเลอร์บางยี่ห้อจะมียาชาเป็นส่วนประกอบอยู่ในเนื้อฟิลเลอร์ด้วย

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน?

                                                          หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะมีอาการบวมจากเข็มได้ โดยอาการบวมจะเริ่มค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน โดยควรหลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกา หรือกดนวดในบริเวณนั้น

                                                          ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร?

                                                          การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้

                                                          แพทย์ไม่มีความชำนาญในด้านการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                          • เกิดจากการที่แพทย์ไม่มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ :โดยปกติแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์จะต้องมีความรู้เรื่องการของวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง แต่ถ้าฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ หรือหมอกระเป๋า อาจจะเกิดการฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิวหนังแล้วเกิดเป็นก้อนได้
                                                          • เลือกฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมการเลือกยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์: นับเป็นส่วนสำคัญ เนื่องจากฟิลเลอร์ในแต่ละยี่ห้อนั้นมีขนาดของโมเลกุลและความหนาแน่นที่แตกต่างกันออกไป หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ผิดก็อาจจะทำให้ก้อนแข็งขึ้นมาได้
                                                          • เลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่ตรงกับปัญหาการเลือกใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้ม : หากฉีดในชั้นผิวที่ไม่ลึกมากพอ ฉีดฟิลเลอร์ไม่ตรงจุด เนื่องจากไม่ทราบต้นเหตุที่แท้จริง จะทำให้การฉีดฟิลเลอร์ลงบริเวณข้างร่องแก้ม เป็นการเน้นให้ร่องแก้มชัดเจนมากยิ่งขึ้น
                                                          • เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานการ : ใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มปลอมที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายเองได้ เมื่อเวลาผ่านไปจะจับตัวกันเป็นก้อน หรืออาจเกิดการไหลย้อยไม่เป็นทรงได้

                                                          การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นการแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้อย่างตรงจุด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก สามารถทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงได้ ซึ่งผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที และผลลัพธ์อยู่ได้นาน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ร่องแก้มที่เลือกใช้ และควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มกับแพทย์ผู้ชำนาญการที่เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/RomrawinClinic

                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                            Radieese โปรแกรมฟื้นฟูผิว ให้ Young ดูดี

                                                            Radieese

                                                            Reset ผิวของคุณบิ๊กเอ็ม ให้ Young ดูดี ด้วย Radiesse

                                                            พระเอกเขาก็มีเรื่องกังวลใจเหมือนกันนะ อย่างคุณบิ๊กเอ็มเองก็มีเรื่องปัญหาผิวหน้าให้ต้องกังวลใจเหมือนกันนะ

                                                            Radieese

                                                            ด้วยอาชีพนักแสดงต้องใช้หน้าตาออกกล้อง ออกอีเวนต์ ก็ต้องดูแลตัวเองทั้งรูปร่างและหน้าตาครับ เรื่องรูปร่างเวลาว่างผมก็ไปฟิตเนสออกกำลัง ทานอาหารที่มีประโยชน์ ส่วนเรื่องผิวหน้า เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า ถ้าเราทาครีมดังๆ แพงๆ มันก็ช่วยเรื่องผิวของเรา ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ได้อยู่แล้ว จนมาเริ่มอายุมากขึ้น ปัญหาริ้วรอย ปัญหาผิวหน้าก็เริ่มมาเรื่อยๆ ทำให้เรารู้ว่าแค่ทาครีมบำรุงเพียงอย่างเดียวมันไม่ได้ผลแล้ว ผมก็เลยมองหาตัวช่วยที่จะดูแลผิวหน้าของผมให้ยังดูอ่อนเยาว์ ดูดีได้จนมาเจอรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละครับ

                                                            Radieese

                                                            ขอบอกเลยว่าไม่เคยมีความคิดที่จะทำหัตถการใดๆ เกี่ยวกับผิวหน้าเลย แต่ด้วยความที่เรามีอาชีพตรงนี้ที่ต้องออกหน้าสู่สาธารณะ การทำหัตถการก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ผมมองหาครับ ซึ่งผมก็ไว้ใจให้รมย์รวินท์เป็นผู้ช่วยดูแลเรื่องผิวของผม เพราะเรามั่นใจในชื่อเสียงที่มีมายาวนาน และเพื่อนๆ ผมส่วนหนึ่งก็มาทำหน้าที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละครับ

                                                            คุณหมอริว (นพ.อัครวินท์ ดำรงวัฒนโภคิน) ช่วยดูแลผิวหน้าให้กับผม ก่อนทำหัตถการคุณหมอจะใช้เทคนิควิเคราะห์ใบหน้าให้ผมด้วย Lifting Select ซึ่งคุณหมอจะสามารถประเมินปัญหาของเราเพื่อเลือกหัตถการแก้ไขปัญหาผิวของเราให้ตรงจุด ซึ่งขอบอกเลยว่าเทคนิคนี้มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกที่นี่ที่เดียวเท่านั้นครับ

                                                            ทำ Radiesse กับคุณหมอริว

                                                            Radieese

                                                            คุณหมอริวประเมินปัญหาผิวหน้าและเลือก Radiesse ให้ผมครับ ซึ่งคุณหมอบอกว่าโปรแกรม Radiesse ช่วยทำให้ผิวหน้าของเรา Young และดูดีได้ และให้ผลลัพธ์ยาวนาน เพราะทำโปรแกรม Radiesse 1 ครั้ง อยู่ได้นานถึง 2 ปีเลย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแบบผมมากๆ ครับ

                                                            หลังทำรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าได้ทันทีเลยครับ ผมรู้สึกว่าผิวหน้าของผมดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาก รู้สึกผิวกระชับ เต่งตึง รูขุมขนกระชับมากขึ้น ผิวแน่นเฟิร์มขึ้นมากเลยครับ ผมยกความดีความชอบให้ Radiesse ตัวนี้ตัวเดียวเลยครับ ที่เปลี่ยนหน้าเหี่ยว หยาบกร้าน ให้กลายเป็นหน้าเด็กที่ Young ดูดีได้อีก ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาก ตอนนี้ผมมั่นใจในผิวหน้าตัวเองมาก แม้แต่หน้าสดของตัวเองก็กล้าโชว์แล้วครับ

                                                            Radiesse ดียังไงถึงช่วย reset ผิวของคุณบิ๊กเอ็มให้ Young หน้าอ่อนเยาว์ ดูดีได้ถึงขนาดนี้!

                                                            Radieeseโปรแกรม Raidesse biostimulator ที่มีสารประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีอยู่แล้วในร่างกาย จึงไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม เมื่อฉีด Radiesse เข้าไปแล้วจะไม่เกิดการต่อต้านจากร่างกาย หรือไม่เกิดการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการบวม หรืออักเสบ ไม่ทิ้งตกค้างในร่างกาย แต่ช่วยสร้างตาข่ายผิวใหม่ให้กลับมาแข็งแรงขึ้นได้ถึง 5 ประการ ใน 1 เดียว

                                                            โปรแกรม Raidesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I ได้ถึง 150% เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้ผิว เนียนเรียบ ไร้ริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์
                                                            โปรแกรม Raidesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type III ได้ถึง 130% เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ให้ผิวเรียบเนียนสวย ดูอ่อนเยาว์
                                                            โปรแกรม Raidesse กระตุ้นการสร้าง Elastin ได้ถึง 260% ทำให้ผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อยโปรแกรม Raidesse ช่วยเสริมสร้าง Proteoglycan มอบความฉ่ำน้ำ ผิวโกลว์สวย กระจ่างใส เนียนนุ่มน่าสัมผัส
                                                            โปรแกรม Raidesse กระตุ้นการทำงานของ Angiogenesis สร้างความสมบูรณ์ให้ผิวแข็งแรง
                                                            โปรแกรม Raidesse ให้ผลลัพธ์ความอ่อนเยาว์ที่ยาวนานถึง 24 เดือน

                                                            ผลลัพธ์ 3 ประการที่คุณสัมผัสได้เมื่อได้ทำ Radiesse

                                                            Younger – Radiesse สร้างผิวอ่อนเยาว์ ผิวเด็กได้มากกว่าที่เคย
                                                            Healthier – Radiesse ช่วยยกระดับผิวให้สุขภาพดีได้มากกว่าที่เป็น
                                                            Longer – Radiesse มอบผลลัพธ์งานผิวที่อ่อนเยาว์ ได้นานถึง 2 ปี

                                                            Radieese

                                                            ทำไมต้องมา Young ดูดี ด้วยโปรแกรม Radiesse ที่รมย์รวินท์คลินิก แบบคุณบิ๊กเอ็ม
                                                            เพราะ โปรแกรม Radiesse ที่รมย์รวินท์คลินิก เป็น biostimulator ที่ปลอดภัย และได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่มีสารตกค้าง ไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ หรือบวม
                                                            ที่รมย์รวินท์คลินิกมีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการทำโปรแกรม Radiesse โดยเฉพาะ คอยให้คำปรึกษาก่อนและหลัง การทำโปรแกรม Radiesse ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถวางใจได้ว่าจะได้รับบริการและผลลัพธ์ที่ดีกลับไปอย่างแน่นอน
                                                            ที่รมย์รวินท์คลินิกคำนึงถึงความสะอาดของสถานที่ เครื่องมือที่นำมาใช้ให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการทุกท่าน
                                                            ที่รมย์รวินท์คลินิกมีโปรโมชันพิเศษให้ผู้มาเข้ารับบริการสม่ำเสมอ นอกจากโปรแกรม Radiesse แล้วยังมีโปรฯพิเศษอื่นๆให้คุณได้ติดตามทุกๆ เดือน เพื่อให้ผู้มาเข้ารับบริการนอกจากจะได้รับความงามและบริการที่ดีกลับไป แล้วยังได้ความประทับใจกลับบ้านไปอีกด้วย

                                                            ใครอยากมีผิวหน้าเด็ก และ Young ดูดีได้เหมือนคุณบิ๊กเอ็มต้องลองมาพิสูจน์ผลลัพธ์ของ Radiesse ด้วยตัวคุณเองที่รมย์รวินท์คลินิกRadieese

                                                            สำหรับใครที่มีปัญหาผิว อยากปรึกษาหรืออยากแก้ปัญหาแนะนำให้มาที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศเลยนะ เพราะที่นี่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาผิวให้คุณสวย ดูดีได้ในแบบที่เป็นตัวเอง

                                                            ดีเจฝีปากกล้า คุณเพชรจ้า ขอมาหยุดทุกรอยย่นด้วยโปรแกรมฉีดโบ!

                                                            ฉีดโบ

                                                            เห็นดีเจและพิธีกรฝีปากกล้า คุณเพชรจ้า วิเชียร กุศลมโนมัย มาที่รมย์รวินท์คลินิกก็ต้องชิงตัวมาถามซักหน่อย วันนี้มาให้รมย์รวินท์คลินิกดูแลเรื่องอะไร

                                                            ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ เลยว่าแก่นั่นเอง ปัญหาที่ตามมาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องริ้วรอย ความเหี่ยวย่นบนใบหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ว่าผมหรือใครก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยความเป็นดาราอ่ะเนาะ เราก็ต้องใช้หน้าตาของเราในการทำมาหากิน เราก็ต้องดูแลนิดนึง และโดยส่วนตัวของผมเองเป็นคนที่ดูแลตัวเองอยู่แล้ว ทั้งเรื่องรูปร่าง การออกกำลังกาย การกิน เรื่องผิวหน้าผมก็ดูแลนะ ครีมตัวไหนที่เขาว่าดี เห็นผล ผมก็ใช้ แต่ด้วยความที่เราอายุมากขึ้นอ่ะ ครีมอาจจะไม่ช่วยอะไรผิวหน้าผมเท่าไหร่แล้ว ผมเลยอยากหาวิธีช่วยให้ผมดูดีขึ้น ดูเด็กลง แค่นิดเดียวก็ยังดี ดีกว่าไม่ดูแลตัวเองเลยแล้วปล่อยให้เหี่ยวไป

                                                            ฉีดโบ
                                                            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                            ผมเลือกมาดูแลตัวเองที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละ เพราะอย่างแรกเลย เห็นดารามาทำกันเยอะ มีรีวิวมาก ผมก็เลยอยากพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยตัวผมเองก็เลยเลือกให้ที่รมย์รวินท์คลินิกดูแล และอีกเหตุผลก็คือ ผมได้ยินชื่อเสียงของรมย์รวินท์คลินิกมานานแล้ว เห็นเขาบอกว่าเป็นตัวจริงเรื่องผิวด้วยใช่มั้ย ผมว่านะถ้าเขาไม่ได้เป็นตัวจริง เขาคงไม่กล้าเคลม และชื่อเสียง มีสาขาเยอะขนาดนี้หรอกครับ

                                                            ผมเข้ามาปรึกษาปัญหาเรื่องผิว เรื่องริ้วรอยกับคุณหมอ คุณหมอที่นี่ดูแลดีและใส่ใจในปัญหาผิวของเรา ขั้นแรกก่อนทำหัตถการที่นี่จะมีเทคนิควิเคราะห์หน้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้เราแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งผมคิดว่าตรงจุดนี้แหละที่เขาใส่ใจเรามาก และผมก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกมาให้รมย์รวินท์คลินิกดูแล

                                                            ฉีดโบ
                                                            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                            ฉีดโบที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                            คุณหมอริว (นพ.อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน) แนะนำว่าปัญหาพวกริ้วรอย ร่องลึกของผมแก้ได้ด้วยการฉีดโบ ซึ่งผมก็เห็นเพื่อน และดาราท่านอื่นๆ นิยมทำกันมาก นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยครับกับการทำการฉีดโบ ผมเองก็อยากเห็นผลลัพธ์หลังทำเหมือนกันว่าจะทำให้ปัญหา และหน้าของผมจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

                                                            คุณหมอริววิเคราะห์ปัญหาของผมที่เห็นได้ชัดหลักๆ เลยก็คือ บริเวณหน้าผาก หางตา และระหว่างคิ้ว ซึ่งคุณหมอริวบอกเป็น 3 จุดสุดฮอตเลยที่เป็นปัญหาทำให้หน้าเราดูโทรม ดูแก่ ซึ่งคุณหมอก็จะจัดการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกนี้ด้วยการฉีดโบ หลังทำผมรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเวลาที่เราแสดงออกทางสีหน้า อย่างการย่นคิ้ว เลิกคิ้วริ้วรอยไม่ชัดเหมือนก่อนทำการฉีดโบแล้ว ร่องพวกหน้าผากมันดูเต็มขึ้นมาก พวกรอยตีนกาที่เคยมีก่อนหน้านั้นก็หายไปเลย ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องแก่ก็ดูตื้นขึ้น ตอนนี้มั่นใจขึ้นมากแล้ว จะแสดงสีหน้าสีตาอะไรก็ทำได้เต็มที่มากขึ้น รู้สึกอายุลดลงไปอีก 10 ปีเลยครับทีนี้ (หัวเราะ) และต้องบอกเลยว่ามันเป็นความเด็กลงที่ดูธรรมชาติมากๆ ดูไม่หลอกเลยครับ

                                                             

                                                            ผลลัพธ์ของการฉีดโบที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                            คุณหมอริวบอกว่าการฉีดโบจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ใน 3 วันและผลลัพธ์จะชัดเจนมากขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ นี่ขนาดทำการฉีดโบมาเมื่อกี้ยังเห็นผลขนาดนี้นะครับเนี่ย มาดูกันว่าอีก 3 วัน หน้าผมจะดูดีขึ้นได้มากกว่านี้แค่ไหน และคุณหมอริวบอกว่าการฉีดโบจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล หลังจากนี้ผมต้องมาทำซ้ำแน่นอน เพราะผมติดใจมากหน้าผมดูอ่อนเยาว์ ดูดีขึ้นได้ด้วยการฉีดโบจริงๆ ครับ ใครที่อยากหน้าเด็ก ดูดีแบบเป็นธรรมชาติเพชรจ้าแนะนำให้ลองมาทำการฉีดโบซักครั้ง แล้วคุณจะต้องติดใจเหมือนกับที่ผมติดใจครับ

                                                            ฉีดโบ
                                                            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล

                                                            อ่อ! และต้องบอกเลยว่าทำที่นี่คุณจะได้ความดูดี และความปลอดภัยแน่นอนครับ เพราะที่นี่การฉีดโบของแท้ สามารถตรวจสอบได้ และรมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทางเรื่องการทำการฉีดโบ และมีเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน และมีความสะอาดทำให้คุณมั่นใจได้เต็มร้อย และได้รับผลลัพธ์ที่ประทับใจกลับไปแน่นอนครับ

                                                             

                                                            ใครที่มีปัญหาผิวหน้าแบบคุณเพชรจ้า หรืออยากปรึกษาปัญหาเพื่อแก้ไขได้อย่างตรงจุด แนะนำให้มาที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ที่นี่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านเรื่องความงามรอให้คำปรึกษารอคุณอยู่ค่ะ

                                                             

                                                            ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร ฉีดจุดไหนถึงจะปัง?

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            เทรนด์อัปความสวยสำหรับสาว ๆ ที่กำลังมาแรงมากในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นการฉีดฟิลเลอร์ เรียกได้ว่ากลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ สามารถปรับรูปหน้าให้เป๊ะปังได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มร่องลึก หรือปรับกรอบหน้าให้ดูเรียวเล็ก ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ ถือเป็นการแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุด
                                                            ปัจจุบันมียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกฉีดหลากหลายยี่ห้อ แต่สำหรับมือใหม่ที่พึ่งเข้าวงการฉีดฟิลเลอร์ จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรฉีดฟิลเลอร์เนื้อแบบไหน ยี่ห้ออะไรที่จะเหมาะกับเรา ในบทความนี้ รมย์รวินท์ ได้รวบรวมทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกฉีดฟิลเลอร์มาฝากแล้ว

                                                            อัปเดตฟิลเลอร์ 2024 แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น เลือกอย่างไรให้เหมาะกับหน้า

                                                            ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร?

                                                            ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) ที่ใช้ในการฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังหรือชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือริมฝีปาก รวมถึงการปรับรูปหน้าและยกกระชับผิวให้ดูอ่อนเยาว์ โดยฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ คืนความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน เด้ง และอิ่มฟู อีกทั้ง การฉีดฟิลเลอร์ยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหน้า

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            เนื้อฟิลเลอร์มีกี่ประเภท?

                                                            • โดยทั่วไปแล้ว เนื้อฟิลเลอร์จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามความละเอียด ความหนาแน่น และความยืดหยุ่นของเนื้อฟิลเลอร์ ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความเหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกัน

                                                            ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด

                                                            • มีลักษณะเป็นเนื้อเจลละเอียด บางเบา เหมือนกับน้ำ เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณที่มีผิวบาง เน้นงานผิว เติมความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำวาว เช่น ใต้ตา ร่องน้ำตา หรือริมฝีปาก ซึ่งการฉัดฟิลเลอร์ประเภทนี้ จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ ไม่แข็งจนเกินไป

                                                            ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม

                                                            • ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีลักษณะคล้ายเนื้อเจลเยลลี่ นุ่ม ไม่แข็ง และไม่เหลวเป็นน้ำ เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม แก้มส้ม ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ประเภทนี้ จะช่วยเติมเต็มให้ผิวดูอิ่มฟู มีความยืดหยุ่น
                                                              ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง

                                                            ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง

                                                            • มีลักษณะเป็นเนื้อเจลที่มีความหนาแน่นสูง สามารถคงรูปได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณที่ต้องการยกกระชับหรือต้องการให้ใบหน้าดูมีมิติ เช่น ขมับ กรอบหน้า และคาง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ประเภทนี้ จะช่วยยกกระชับใบหน้าได้ดีและเพิ่มมิติให้กับใบหน้า

                                                            ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไร?

                                                            • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น ผิวหน้าอิ่มฟู
                                                            • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยปรับรูปหน้าให้สมดุลและมีมิติ
                                                            • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน รูขุมขนดูเล็กลง
                                                            • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อย
                                                            • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น
                                                            • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี
                                                            • ฉีดฟิลเลอร์ ช่วยปรับรูปทรงริมฝีปาก ทำให้ปากดูอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ

                                                            ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรเลือกฟิลเลอร์แบบไหน?

                                                            • การเลือกฉีดฟิลเลอร์ ให้เหมาะกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขและบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญ โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและเลือกฉีดฟิลเลอร์ให้เหมาะกับตำแหน่งนั้น ๆ รวมถึงพิจารณาสภาพผิวของเราด้วยว่า เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์แบบไหน เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์แต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป

                                                            ปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข

                                                            • ร่องลึก ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูง เพื่อเติมเต็มร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                                            • ร่องตื้น ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีความละเอียด บางเบา เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและทำให้ผิวชุ่มชื้น
                                                            • ผิวหย่อนคล้อย ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน
                                                            • ปรับรูปหน้า ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีความแข็ง หนาแน่นสูง เพื่อปรับรูปหน้าให้ได้ตามต้องการ

                                                            บริเวณที่สามารถการฉีดฟิลเลอร์ได้

                                                            • ใต้ตา ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีความนิ่ม เพื่อไม่ให้เกิดการจับตัวเป็นก้อน
                                                            • ร่องแก้ม ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นและยืดหยุ่นสูง เพื่อแก้ปัญหาร่อ
                                                            • แก้มลึก ให้หน้าดูเด็ก อ่อนกว่าวัย
                                                            • ริมฝีปาก ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ

                                                            ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์โดยเฉพาะ เพื่อจะได้วิเคราะห์ปัญหา ประเมินใบหน้า พร้อมเลือกฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างตรงจุด ตอบโจทย์กับปัญหาที่ต้องการแก้ไขและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง

                                                            ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อ?

                                                            ปัจจุบันที่ Romrawin Clinic มีการฉีดฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งทุกยี่ห้อผ่านการรองรับมาตรฐาน อย. ไทย ดังนี้

                                                            • Juvederm ฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา
                                                            • Restylane ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน
                                                            • Belotero ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
                                                            • Neauvia ฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี
                                                            • Definisse ฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี
                                                            • Art Filler ฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศส
                                                            • Volifil ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            ฟิลเลอร์ Juvederm

                                                            • ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นหนึ่งในแบรนด์ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก (HA) เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา ทำหน้าที่อุ้มน้ำให้ผิว ใช้ในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้า โดยมีหลายรุ่นให้เลือก เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวหรือรูปหน้าที่แตกต่างกัน

                                                            ฟิลเลอร์ Juvederm ใช้เทคโนโลยีอะไร?

                                                            • Hylacross Technology เป็นเทคโนโลยีดั้งเดิม ช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์มีความนุ่ม เรียบเนียน และมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่ต้องการความละเอียด สามารถกระจายตัวในผิวได้เป็นอย่างดี และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                                            • Vycross Technology เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจาก Hylacross ซึ่งผสานกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและใหญ่เข้าด้วยกัน ทำให้ฟิลเลอร์มีความคงตัวสูงและอยู่ได้นานขึ้น เหมาะสำหรับการเติมเต็ม และยกกระชับผิวหน้า

                                                            ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น?

                                                            • Juvederm Ultra ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟู จึงเหมาะสำหรับบริเวณต้องการเติมเต็มร่องลึกไม่มาก เช่น ร่องแก้มตื้น ๆ แก้มตอบ และเพิ่มวอลุ่มให้กับใบหน้า สามารถอยู่นานมากถึง 8 – 12 เดือน
                                                            • Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นกว่า Juvederm Ultra สามารถคงรูปได้ดี จึงเหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกและปรับรูปหน้า เช่น ขมับ ร่องแก้มลึก คาง สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง หนาแน่นรองลงมาจาก Juvederm Volux สามารถนำมายกกระชับได้ดี จึงเหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น ขมับ คาง และใต้ตา สามารถอยู่นานมากถึง 18 เดือน
                                                            • Juvederm Volift ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับบริเวณที่มีผิวบาง เช่น แก้มตอบ ร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก ริมฝีปาก สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Juvederm Volbella ฟิลเลอร์ที่มีความนิ่ม จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด บางเบา เน้นงานผิว จึงเหมาะสำหรับการทำ Skin Booster ให้ดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น ฉีดทั่วหน้า ใต้ตา สามารถอยู่ได้นานถึง 8 – 12 เดือน
                                                            • Juvederm Volux เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็ง หนาแน่น และคงรูปสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ ในบรรดาฟิลเลอร์ Juvederm จึงเหมาะสำหรับการนำมาปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น คาง ขมับ และใต้ตา สามารถอยู่นานมากถึง 18 – 24 เดือน

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            ฟิลเลอร์ Restylane

                                                            • ฟิลเลอร์ Restylane ถือเป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ชั้นนำระดับโลก เป็นที่รู้จักกันในวงการความงาม ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศสวีเดน ถูกพัฒนาโดยบริษัท Galderma ซึ่งฟิลเลอร์ Restylane ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ทำหน้าที่กักเก็บน้ำ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียน จึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้า และสร้างความอ่อนเยาว์ให้กับผิว

                                                            ฟิลเลอร์ Restylane ใช้เทคโนโลยีอะไร?

                                                            • NASHA Technology เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ให้มีความบริสุทธิ์สูงและหนาแน่นสูง โดยไม่ใช้สารสกัดจากสัตว์ ทำให้ฟิลเลอร์สามารถคงรูปได้นาน ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
                                                            • OBT Technology เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดมาจาก NASHA มีความยืดหยุ่นสูงกว่า NASHA ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็ง

                                                            ฟิลเลอร์ Restylane มีกี่รุ่น?

                                                            • Restylane Classic ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นสูง จึงเหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกบริเวณที่มีผิวบาง เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอบดวงตา และริมฝีปาก สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Restylane Perlane Lyft ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นและยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ยกกระชับได้ดี จึงเหมาะสำหรับการยกกระชับผิวหน้าและปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น แก้ม จมูก คาง และใต้ตา สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Restylane Refyne ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความหนาแน่นปานกลาง จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องริ้วรอยเล็ก ๆ จากการแสดงสีหน้า เช่น มุมปาก ร่องแก้ม สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Restylane Defyne ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก สามารถอยู่นานมากถึง 18 เดือน
                                                            • Restylane Kysse ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับเติมเต็มริมฝีปาก เพิ่มความอวบอิ่ม และปรับรูปทรงปากให้ดูเป็นธรรมชาติ สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Restylane Vital ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด จึงเหมาะสำหรับการเติมความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิวชั้นตื้น รวมถึงบริเวณที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ เช่น แก้ม หน้าผาก และใต้ตา สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด บางเบามากกว่ารุ่นอื่น ๆ ในบรรดาฟิลเลอร์ Restylane จึงเหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณชั้นผิวที่ตื้นมาก ๆ ผิวบอบบาง ต้องการความชุ่มชื้น เพิ่มความเรียบเนียนให้ผิว เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริมฝีปาก สามารถอยู่นานมากถึง 6 – 12 เดือน
                                                            • Restylane Volyme ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ เช่น แก้มตอบ สามารถอยู่นานมากถึง 18 เดือน

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            ฟิลเลอร์ Belotero

                                                            • ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Merz Pharmaceuticals ซึ่งผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก (HA) บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย ทำให้มีความปลอดภัยสูงและสามารถเข้ากันผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์

                                                            ฟิลเลอร์ Belotero ใช้เทคโนโลยีอะไร?

                                                            • CPM Technology (Cohesive Polydensified Matrix) เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้ฟิลเลอร์ Belotero มีความยืดหยุ่นและสามารถผสานเข้ากับผิวได้ดี โดยไม่ทำให้เกิดการเป็นก้อน จึงทำให้ผลลัพธ์ดูเนียนและเป็นธรรมชาติ สามารถใช้ในบริเวณที่ต้องการความละเอียด เช่น รอบดวงตาและริมฝีปาก

                                                            ฟิลเลอร์ Belotero มีกี่รุ่น?

                                                            • Belotero Intense เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและหนาแน่นมากกว่ารุ่นอื่น ๆ ในบรรดาฟิลเลอร์ Belotero จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและปรับรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก และเติมเต็มบริเวณผิวที่หย่อนคล้อย สามารถอยู่นานมากถึง 18 เดือน
                                                            • Belotero Volume เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นสูง สามารถคงรูปได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาใต้ตา เบ้าตาลึก และเติมเต็มบริเวณที่กระดูกยุบตัวได้อย่างตรงจุด เช่น ขมับ คาง และโหนกแก้ม สามารถอยู่นานมากถึง 18 เดือน
                                                            • Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด บางเบา มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและกลีเซอรอล (Glycerol) ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้นในผิวได้ยาวนานขึ้น จึงเหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการฟื้นฟูผิว ผิวบาง ผิวแห้งกร้าน เช่น ใต้ตา ผิวหน้า ลำคอ และหลังมือ สามารถอยู่นานมากถึง 6 – 9 เดือน
                                                            • Belotero Balance เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มปานกลาง จึงเหมาะสำหรับการเติมร่องลึกไม่มาก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริ้วรอยรอบปาก สามารถอยู่นานมากถึง 12 – 18 เดือน
                                                            • Belotero Soft เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด จึงเหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาริ้วรอยชั้นตื้น เช่น หางตา ใต้ตา สามารถอยู่นานมากถึง 6 – 12 เดือน
                                                            • Belotero Lips – Shape เป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ทำให้จับตัวเป็นก้อน จึงเหมาะสำหรับเพิ่มวอลุ่มให้ปากดูอวบอิ่มและแก้ปัญหามุมปากตก สามารถอยู่นานมากถึง 9 – 12 เดือน
                                                            • Belotero Lips – Contour เป็นฟิลเลอร์ที่เพิ่มความคมชัดให้ขอบปาก ปรับรูปทรงปาก ให้ปากดูมีมิติ มีความเป็นธรรมชาติ สามารถอยู่นานมากถึง 9 – 12 เดือน

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            ฟิลเลอร์ Neauvia

                                                            • ฟิลเลอร์ Neauvia เป็นฟิลเลอร์รุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Matex Lab จากประเทศอิตาลี จุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยสูง ผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ที่สกัดจากกระบวนการหมักทางชีวภาพ ทำให้มีความบริสุทธิ์สูงและมีโอกาสเกิดการแพ้น้อย สามารถให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและยั่งยืน

                                                            ฟิลเลอร์ Neauvia ใช้เทคโนโลยีอะไร?

                                                            • PEG Technology (Polyethylene Glycol) ใช้เทคโนโลยี PEG ในกระบวนการ Cross-linking ซึ่งเป็นการเชื่อมโมเลกุลของไฮยาลูรอนิก (HA) เข้าด้วยกัน ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นและคงรูปได้ดี อีกทั้ง ยังมีการผสมผสานกรดอะมิโน ที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียน นอกจากนี้ การใช้ PEG ยังช่วยลดการอักเสบหลังการฉีด ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือการแพ้ รวมถึง สามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติ

                                                            ฟิลเลอร์ Neauvia มีกี่รุ่น?

                                                            • Neauvia Intense เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง หนาแน่น และยืดหยุ่นสูง มีไฮยาลูรอนิกสูง เน้นการปรับรูปหน้าให้ดูอิ่มฟู มีมิติ จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม จมูก และคาง สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Neauvia Stimulate เป็นฟิลเลอร์เนื้อที่มีความหนาแน่นกว่า Neauvia Hydro Deluxe เล็กน้อย มีส่วนผสมของ CaHA (Calcium Hydroxyapatite) ในปริมาณที่สูงกว่า Neauvia Hydro Deluxe เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องมุมปาก สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Neauvia Hydro Deluxe เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความยืดหยุ่น มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิก (HA) ในปริมาณสูง เน้นฉีดงานผิว จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว แก้ไขปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ ริ้วรอยตื้น ๆ สามารถอยู่มากนานถึง 6 – 9 เดือน

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            ฟิลเลอร์ Definisse

                                                            • ฟิลเลอร์ Definisse เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากประเทศอิตาลี ถูกพัฒนาโดยบริษัท Relife Company ซึ่งผลิตจากกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ที่มีคุณภาพสูง ช่วยในการกักเก็บน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โดยฟิลเลอร์ Definisse มีจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะ ที่จะช่วยพยุงผิว ยกกระชับ และปรับรูปหน้าได้อย่างปลอดภัย ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์

                                                            ฟิลเลอร์ Definisse ใช้เทคโนโลยีอะไร?

                                                            • XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต ช่วยให้โมเลกุลของไฮยาลูรอนิก (HA) ผสานกันเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงและยืดหยุ่นคล้ายร่างแห ทำให้ฟิลเลอร์คงรูปได้ดี ไม่ไหล ไม่เลื่อน และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

                                                            ฟิลเลอร์ Definisse มีกี่รุ่น?

                                                            • Definisse Core เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ ในบรรดาฟิลเลอร์ Definisse จึงเหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึก ยกกระชับใบหน้าปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ เช่น ขมับ กรอบหน้า และคาง สามารถอยู่นานมากถึง 18 เดือน
                                                            • Definisse Restore เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มกว่ารุ่น Definisse Core แต่ยังคงมีความแข็งปานกลาง จึงเหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้าให้ดูอิ่มฟู ลดความหย่อนคล้อยตามวัย เช่น ร่องแก้ม และมุมปาก สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Definisse Touch เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด บางเบากว่ารุ่นอื่น ๆ ในบรรดาฟิลเลอร์ Definisse จึงเหมาะสำหรับผิวบอบบาง เติมเต็มร่องตื้น ๆ ปรับผิวให้เรียบเนียน ดูอิ่มน้ำ เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม และปาก สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            ฟิลเลอร์ Art Filler

                                                            • Art Filler เป็นฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศส ผลิตโดยบริษัท Fillmed โดยเน้นการใช้กรดไฮยาลูรอนิก (HA) คุณภาพสูงในการผลิต ทำให้ Art Filler มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเข้ากับผิวของเราได้ดี ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ และปลอดภัย

                                                            ฟิลเลอร์ Art Filler ใช้เทคโนโลยีอะไร?

                                                            • TRI-HYAL Innovation เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ โดยใช้หลักการผสมผสานโมเลกุลไฮยาลูรอนิก (HA) 3 รูปแบบเข้าด้วยกัน ทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้อย่างเหมาะสม สร้างความยืดหยุ่นในเนื้อฟิลเลอร์ ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่จับตัวเป็นก้อน รวมถึง สามารถยึดเกาะกับผิวหนังได้เป็นอย่างดี

                                                            ฟิลเลอร์ Art Filler มีกี่รุ่น?

                                                            • Art Filler Fine Lines เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดและบางเบาเป็นพิเศษ ทำให้สามารถเติมเต็มร่องตื้น ๆ ได้อย่างแนบเนียนและเป็นธรรมชาติ พร้อมปรับผิวให้เรียบเนียน อิ่มน้ำ และชุ่มชื้น จึงเหมาะสำหรับบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา ริมฝีปาก สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Art Filler Universal เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง หนาแน่นและยืดหยุ่น จึงเหมาะสำหรับเติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก สามารถอยู่นานมากถึง 12 เดือน
                                                            • Art Filler Volume เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นมากที่สุด จึงเหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึก เช่น ขมับ แก้มส้ม กรอบหน้า สามารถอยู่นานมากถึง 18 เดือน
                                                            • Art Filler Lips Soft เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอิ่มฟูและเพิ่มความชุ่มชื้น สามารถอยู่นานมากถึง 3 – 6 เดือน
                                                            • Art Filler Lips เป็นฟิลเลอร์เนื้อที่มีความหนาแน่นมากกว่า Art Filler Lips Soft เล็กน้อย มีความเป็นธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับเพิ่มวอลุ่มและปรับรูปทรงให้ริมฝีปากได้ตามต้องการ สามารถอยู่นานมากถึง 3 – 6 เดือน

                                                            ฟิลเลอร์

                                                            ฟิลเลอร์ Volifil

                                                            • ฟิลเลอร์ Volifil เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท BNC KOREA ซึ่งฟิลเลอร์ Volifil เป็นฟิลเลอร์ชนิดโมเลกุลเดียว (Monophasic) จึงเรียบเนียนไปกับผิว มีความยืดหยุ่นสูง สามารถคงตัวในผิวหนังได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปหน้า

                                                            ฟิลเลอร์ Volifil ใช้เทคโนโลยีอะไร?

                                                            • HCCL™ Technology (High Concentration of Cross-Linking) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพิเศษที่ใช้ในการผลิต ทำให้ฟิลเลอร์มีความคงตัวสูงและมีความยืดหยุ่นดี สามารถปั้นทรงได้ง่ายตามต้องการ

                                                            ฟิลเลอร์ Volifil มีกี่รุ่น?

                                                            • Volifil Classic เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด บางเบา ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ เช่น รอบดวงตา บริเวณปาก สามารถอยู่นานมากถึง 9 – 12 เดือน
                                                            • Volifil Deep เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก ยกกระชับ และปรับรูปหน้า เช่น ร่องแก้ม รวมถึงเติมปากให้อวบอิ่ม สามารถอยู่นานมากถึง 9 – 12 เดือน
                                                            • Volifil Sub-Q เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นสูง สามารถคงรูปได้ดี จึงเหมาะสำหรับการปรับรูปหน้า เช่น คาง ขมับ และกรอบหน้า สามารถอยู่นานมากถึง 9 – 12 เดือน

                                                            การฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นการลงทุนกับใบหน้าที่คุ้มค่า ตอบโจทย์สำหรับสาว ๆ ที่อยากมีใบหน้าสวยเป๊ะ เพิ่มความมั่นใจแบบทุกมิติ แต่การฉีดฟิลเลอร์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากแต่ละคนมีปัญหาผิวหน้าและบริเวณที่ต้องการฉีดไม่เหมือนกัน รวมถึง ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นก็มี ทั้งจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ จะทำให้เราสามารถเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับใบหน้าและตรงตามความต้องการมากที่สุด นอกจากนี้ การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ ด้านการฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตอบโจทย์กับปัญหาที่กังวลมากที่สุด

                                                            อันตราย! คลินิกเสริมความงามเถื่อน หวั่นหน้าพังตลอดชีวิต 

                                                            คลินิกเสริมความงาม

                                                            ข่าวการลักลอบเปิดคลินิกเสริมความงามเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงแอบอ้างตนเองว่าเป็นหมอโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพที่ถูกต้อง เป็นเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยในสังคมปัจจุบัน ทั้งยัง ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ตัวยาไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรองรับมาตรฐาน อย. หรืออาจเป็นของปลอม ซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้บริการได้ ทั้งใบหน้าผิดรูป บิดเบี้ยว ตาบอด ผิวเน่าเปื่อย หรือเกิดการอักเสบจนติดเชื้อ ทำให้เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น การเลือกใช้บริการคลินิกเสริมความงามที่ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งควรให้ความสำคัญที่สุด เพื่อลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงในอนาคต

                                                            ปัจจุบัน วงการคลินิกเสริมความงามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีคลินิกเสริมความงามใหม่ ๆ เปิดขึ้นมาจนนับไม่ถ้วน จนทำให้ยากต่อการตัดสินใจใช้บริการ ซึ่งแต่ก่อนจะตัดสินใจ จะรู้ได้อย่างไรว่าคลินิกเสริมความงามไหนดี คลินิกเสริมความงามไหนปลอดภัย ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อกับการต้องเจอคลินิกเสริมความงามที่ไม่ได้มาตรฐาน วันนี้ รมย์รวินท์รวบรวมวิธีการเลือกคลินิกเสริมความงามอย่างไรให้ปลอดภัย เตรียมตัวสวยแบบมั่นใจกันได้เลย

                                                            คลินิกเสริมความงาม
                                                            เรื่องต้องรู้! วิธีเลือกคลินิกเสริมความงามให้ปลอดภัย ก่อนหน้าพังเพราะหมอเถื่อน

                                                            ทริคเลือกคลินิกเสริมความงามให้ปลอดภัย

                                                            • มีใบอนุญาตประกอบกิจการ ที่ถูกต้องตามกฎหมายจากกระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการมีใบอนุญาตแสดงให้เห็นว่า คลินิกเสริมความงามนั้นผ่านการคัดกรองและตรวจสอบอย่างถูกต้อง มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งในด้านความปลอดภัยและความพร้อมสำหรับการให้บริการ
                                                            • แพทย์มีใบประกอบวิชาชีพ ผ่านการรองรับจากแพทยสภาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใบประกอบวิชาชีพเป็นหลักฐานยืนยันและการันตีถึงความรู้ความสามารถว่า แพทย์ท่านนั้น ผ่านการศึกษาอบรมมาอย่างถูกต้อง ทำให้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคลินิกเสริมความงามและสร้างความปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ
                                                            • ราคา แนะนำให้ลองเปรียบเทียบราคาของคลินิกเสริมความงามหลาย ๆ ที่ ไม่ควรเลือกคลินิกเสริมความงามที่มีราคาถูกเกินไป เพราะยิ่งถูกยิ่งมีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ได้รับตัวยาและบริการที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน
                                                            • ตัวยาแท้ ได้รับมาตรฐาน คลินิกเสริมความงามที่ได้รับมาตรฐาน ต้องสามารถตรวจสอบตัวยาก่อนใช้ได้ว่า เป็นของแท้หรือไม่ ซึ่งตัวยาต้องผ่านการรองรับจาก อย. ทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศ เช่น US FDA หรือ อย.อเมริกา
                                                            • สถานที่สะอาด ปลอดเชื้อ ถูกสุขลักษณะทุกขั้นตอน เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้รับมาตรฐาน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้รับบริการ
                                                            • รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง แน่นอนว่ารีวิวก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การดูรีวิวจากผู้ใช้บริการคนอื่น ๆ จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทั้งในแง่ของผลลัพธ์ การบริการ และความพึงพอใจหลังทำ

                                                            ทำไมต้องทำสวยที่ Romrawin Clinic

                                                            • ดูแลโดยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ รมย์รวินท์คลินิก มีประสบการณ์ในวงการคลินิกเสริมความงามมาอย่างยาวนานกว่า 21 ปี ทำให้เข้าใจความต้องการและปัญหาของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ ผ่านการฝึกฝนและอบรมอยู่ตลอดเวลา สามารถให้คำปรึกษาและประเมินสภาพผิวอย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล ก่อนการทำหัตถการทุกครั้ง
                                                            • อัปเดตเทรนด์ความงามอยู่เสมอ เนื่องจากเทรนด์ความงามมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ที่ รมย์รวินท์คลินิก ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำด้านความงาม แต่ยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาความรู้และอัปเดตเทรนด์อยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การดูแลผิวและรูปร่างที่เหนือกว่า
                                                            • เทคโนโลยีหลากหลาย หัตถการครบวงจร ที่ รมย์รวินท์คลินิก เรานำเข้าเทคโนโลยีต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก ทำให้สามารถตอบโจทย์ทุกปัญหาที่ลูกค้ากังวล เช่น รักษาสิว ปรับรูปหน้า ยกกระชับ ฟิลเลอร์ กำจัดขน หรือแม้แต่การดูแลรูปร่างและสัดส่วน เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด
                                                            • มาตรฐานความปลอดภัยสูง มั่นใจได้ในทุกขั้นตอน เพราะที่ รมย์รวินท์คลินิก ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง โดยเลือกใช้แบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับในระดับโลก อย่าง Juvederm, Restylane, Ulthera หรือ Coolsculpting ได้รับการรองรับมาตรฐานจาก อย. ไทย หรือ อย. อเมริกา (US FDA) ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูง
                                                            • บรรยากาศเป็นส่วนตัว พนักงานทุกคนให้บริการอย่างเป็นมืออาชีพ มีความเป็นส่วนตัวและใส่ใจในรายละเอียด และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ทำให้รู้สึกผ่อนคลายตลอดการใช้บริการ
                                                            • มีสาขาทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้สะดวกต่อการเดินทาง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างรวดเร็ว
                                                            • มีโปรโมชันดี ๆ ตลอดทั้งปี อัปเดตโปรโมชันใหม่ ๆ ในทุกเดือน เปลี่ยนลุคใหม่ให้คุณสวยแบบคุ้มค่า สามารถเข้าถึงหัตถการที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ มีให้เลือกหลากหลายโปรแกรม
                                                            • รีวิวจากลูกค้าจำนวนมาก รมย์รวินท์คลินิก ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีเสียงตอบรับที่ดี ทั้งในด้านผลลัพธ์และการบริการที่น่าพึงพอใจ

                                                            สรุป
                                                            อยากสวย อยากดูดีแบบมั่นใจ ได้ผลลัพธ์ปัง ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายหรือเสี่ยงทายผลลัพธ์ แค่เลือก รมย์รวินท์คลินิก เราพร้อมดูแลให้คุณสวยขึ้นอย่างปลอดภัย ด้วยบริการและเทคโนโลยีที่ครบครัน ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาผิวหน้า ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือรูปร่างแบบไหน ก็สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้ ครบจบในที่เดียว

                                                            หมูเด้ง น่ารัก น่าเอ็นดู ถ้าอยากผิวเด้งแบบหมูเด้ง ฟังทางนี้

                                                            หมูเด้ง

                                                            เคล็ดลับงานผิวเด้ง ฉ่ำโกลว์ แบบ “น้องหมูเด้ง”

                                                            หมูเด้งฟีเวอร์ นาทีนี้ใครจะอดใจไหว! กับความน่ารักของน้องหมูเด้ง ฮิปโปแคระตัวน้อย ดาวเด่นประจำสวนสัตว์เปิดเขาเขียวศรีราชา จ. ชลบุรี ที่กำลังกลายเป็นไวรัลปรากฏการณ์ระดับโลก ทั้งสื่อในประเทศและต่างประเทศ ต่างพร้อมใจกันรายงานข่าวและนำภาพของน้องหมูเด้งมาทำเป็นมีมกันอย่างสนุกสนาน

                                                            มัดรวม 4 โปรแกรมผิวเด้งแบบ น้องหมูเด้ง ที่ รมย์รวินท์คลินิก

                                                            ทำความรู้จักกับ น้องหมูเด้ง

                                                            น้องหมูเด้ง ลูกฮิปโปแคระ เพศเมีย เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ปี 2567 แม่ชื่อโจนา อายุ 25 ปี พ่อชื่อโทนี่ อายุ 24 ปี ซึ่งชื่อ หมูเด้ง มาจากการเปิดโหวตของทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว มีให้เลือกทั้งหมด 3 ชื่อ ได้แก่ หมูเด้ง, หมูแดง และหมูสับ ซึ่งมีผู้โหวตมากถึง 20,000 คน

                                                            โดยน้องหมูเด้งเป็นลูกฮิปโปตัวที่ 7 ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว หลังจากมีคลิปและภาพความน่ารักของน้องหมูเด้งในเพจ ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง ถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลขึ้นมาทันที เนื่องจากพฤติกรรมแสนน่ารัก ซุกซน ท่าทางเคลื่อนไหวที่เด้ง ดึ๋ง ดีด ของน้องหมูเด้ง ทำให้หลายๆ คนโดนตกและใจฟูทุกครั้งที่ได้เห็นน้อง

                                                            นอกจากพฤติกรรมที่น่ารักและซุกซนของน้องหมูเด้งแล้ว ผิวเด้ง ผิวเงา และกลาสสกินก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งล่าสุดน้องหมูเด้งได้รันวงการความงามเป็นที่เรียบร้อย กับเทรนด์ผิวเด้ง ผิวกระจก ฉ่ำวาว อิ่มน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เราจะสู้น้องหมูเด้งได้ในตอนนี้ ก็คงต้องเอาผิวเด้งเข้าสู้! รมย์รวินท์คลินิก ได้รวบรวมโปรแกรมงานผิวเด้ง งานผิวฉ่ำ พร้อมให้คุณมีผิวสวย สุขภาพดี ออร่าจับเหมือนน้องหมูเด้งมาให้แล้วค่ะ

                                                            หมูเด้ง รวม 4 โปรแกรมผิวเด้งแบบน้องหมูเด้ง

                                                            ผิวเด้ง แบบหมูเด้งด้วย Radiesse

                                                            • ผิวเด้งแบบหมูเด้งด้วย Radiesse นวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ ผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics บริษัทชั้นนำผู้ผลิตนวัตกรรมความงามระดับโลก
                                                            • โดย Radiesse มีส่วนประกอบหลักที่ทำให้ผิวเด้ง แข็งแรง คือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา สามารถพบได้ในเนื้อเยื่อกระดูกและฟัน มีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาด 24 – 25 ไมครอน
                                                            • Radiesse มีจุดเด่นในการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิว ทำให้ผิวแข็งแรง มีความเด้ง มีความชุ่มชื้น นุ่มฟู มีความหนาแน่นขึ้น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
                                                            • ซึ่งผลลัพธ์การฉีด Radiesse สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี เนื่องจากสาร CaHA จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวเนียนเด้ง ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้

                                                            Sculptra

                                                            • ผิวเด้งแบบหมูเด้งด้วย Sculptra นวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนจากบริษัท Galderma Laboratories, L.P. เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน
                                                            • โดยมีส่วนประกอบหลัก คือ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์จากธรรมชาติตัวแรกของโลก ที่ได้จดสิทธิบัตรเฉพาะของบริษัท Galderma มีลักษณะเป็นอนุภาคขนาดเล็ก
                                                            • เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยรองรับว่า Sculptra สามารถสร้างคอลลาเจนได้มากถึง 66.5% ทำให้ผิวแน่น กระชับ ผิวเด้ง ดูอิ่มฟู และโครงสร้างผิวดูแข็งแรง
                                                            • โดยสามารถฉีดในบริเวณที่มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และขาดความยืดหยุ่นได้ ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ไม่ต้องเสียเวลาฉีดบ่อยๆ ฉีด 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี

                                                            Belotero Revive

                                                            • ผิวเด้งแบบหมูเด้งด้วย Belotero Revive ฟิลเลอร์กลุ่ม Skin Booster จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics ซึ่งเป็นฟิลเลอร์รุ่นแรกและรุ่นเดียวของโลก
                                                            • มีการผสมกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) เข้าด้วยกัน พัฒนาขึ้นมาเพื่อเน้นการฟื้นฟูผิวโดยเฉพาะ
                                                            • สามารถกักเก็บความชุ่มชื้น นุ่นลื่น เนียนและผิวเด้งได้ดีกว่าฟิลเลอร์รุ่นอื่นๆ ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ผิวฉ่ำวาวแบบกลาสสกิน ล็อกความชุ่มชื้นไว้ได้ยาวนาน พร้อมกระชับรูขุมขนและเพิ่มวอลุ่มให้ผิวเด้ง
                                                            • เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ และแต่งหน้าไม่ติด ซึ่งหลังฉีด 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นานถึง 9 เดือน

                                                            Skinvive

                                                            • ผิวเด้งแบบหมูเด้งด้วย Skinvive เทคโนโลยีงานผิวตัวใหม่จากบริษัท Allergan ผู้ผลิตฟิลเลอร์ชื่อดัง Juvederm มีส่วนประกอบของกรดไฮยาลูรอนิก ไมโครดรอปเล็ต (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ที่พิเศษกว่ากรดไฮยาลูรอนิกทั่วไป ซึ่งมีความเข้มข้นสูง
                                                            • โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การเป็น Skin Booster ช่วยให้ผิวแข็งแรง และเด้งฟูจากภายใน เติมเต็มความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวเด้ง อิ่มน้ำ ฉ่ำวาว พร้อมกระชับรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียน แต่งหน้าติดทนมากขึ้น
                                                            • โดยสามารถฉีดในบริเวณที่มีปัญหารูขุมขน ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น เช่น หน้าแก้ม หน้าผาก หรือใต้ตา ซึ่งการฉีด Skinvive 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นานถึง 6 – 9 เดือน หลังจากนั้น แนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำ เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                                                            สำหรับใครที่อยากมีผิวเด้งแบบน้องหมูเด้ง บอกเลยห้ามพลาดกับ 4 โปรแกรม ทั้ง Radiesse, Sculptra, Belotero Revive และ Skinvive ต้องที่ รมย์รวินท์คลินิก เท่านั้น ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มีเทคโนโลยีและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป หากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำโปรแกรมไหนดี แนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนได้เลยเพื่อให้แพทย์ประเมินและวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าอย่างตรงจุด รับรองไม่ว่าทำโปรแกรมไหน ก็เตรียมมีผิวเด้ง ผิวฉ่ำวาว สู้น้องหมูเด้งได้แน่นอน

                                                            10.10 สวยเต็ม 10 ไม่หักแต้ม!

                                                            10.10 Promotion
                                                             
                                                             
                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                               
                                                               
                                                               

                                                               

                                                              10.10 สวยเต็ม 10 ไม่หักแต้ม!

                                                              10.10 ต้องสวยให้เต็ม 10 สิ ถึงจะถูกต้อง! ครั้งนี้รมย์รวินท์คลินิกเอาใจคุณแบบเต็ม 10! ขนทัพ Promotion เต็ม 10 ไม่หักสักแต้มแถมยังจะเพิ่มให้อีก เพราะมันดีมาก กับขบวนความสวยที่คัดสรรมาให้คุณแบบ 10 I 10 I 10 ต้อนรับวันที่ 10 ไปเลยยย!!

                                                              10.10 Promotion

                                                              10 เต็ม 10 เรื่อง ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                              ปัญหาต้องฝ้า กระ จุดด่างดำที่คอยบดบังใบหน้าอันแสนสวยของเรา ต้องรีบจัดการให้สิ้นซาก เผยผิวหน้าสวย ใส แบบเต็ม 10 ต้อง..

                                                              MELASMA FADE โปรแกรมจัดการปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า เผยผิวที่ดูกระจ่างใส เนียนเรียบ ไม่มีหรอกร่องรอยจากฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ต้องคอยปกปิด เพราะต่อจากนี้จะมีแต่ผิวที่สวยใสไร้ปัญหา ไร้กังวล

                                                              • ผิวใสไร้ฝ้า กระ จุดด่างดำ เต็ม 10 ด้วย MELASMA FADE ในราคาเพียง 2,900.- จากราคาปกติ 3,000.-

                                                              10.10 Promotion

                                                              10 เต็ม 10 เรื่อง แก้ผิวที่หมอง กู้ผิวให้ใส

                                                              ผิวหมอง หน้าคล้ำ ไม่สดใส ทำชี(ช้ำ) ต้องจัดการกู้ผิวด่วนๆ คืนความสดใสให้กับผิวต้องโปรแกรมนี้เลย ให้ 10 เต็ม 10 แน่นอน!

                                                              COLOR ICE โปรแกรมกู้ผิวหมอง ฟื้นความสวยใสแบบเร่งด่วนด้วยความเย็นสุดคูลแบบสุดขั้ว ด้วยการผลักวิตามินลงสู่ผิวชั้นลึกให้ผิวกระจ่างใส และพลังงาน LED 3 สี ที่ช่วยฟื้นฟูผิวด้วย 3 คุณสมบัติ

                                                              • RED : กระตุ้นคอลลาเจน ปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอยให้จางลง ผิวนุ่มน่าสัมผัส
                                                              • BLUE : ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของการเกิดสิว ลดอาการอักเสบของสิว
                                                              • YELLOW : ฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบ ลดความหมองคล้ำของผิว เปลี่ยนผิวให้ สว่าง กระจ่างใส

                                                              และยังมี Hydrogel Mask เติมความชุ่มชื้น คืนความกระจ่างใส ฟื้นฟูผิวจากความอ่อนล้า ให้หน้าสวยเด้ง

                                                              • หน้าสวย กระจ่างใส เต็ม 10 ด้วย COLOR ICE รับฟรี! Hydrogel Mask ในราคาเพียง 2,490.- จากราคาปกติ 6,500.-

                                                              10.10 Promotion

                                                              10 เต็ม 10 เรื่อง พุงยุบ หน้าทองแบบราบ

                                                              ปัญหาพุงย้วย หน้าท้องยื่น ไขมันส่วนเกิน เซลลูไลต์ที่กำจัดยาก ต้องแก้ด้วยโปรฯ 10 เต็ม 10 ตัวนี้เท่านั้น!

                                                               FIT SHAPE BODY กระตุ้นการเผาผลาญ ลดไขมันในช่องท้อง กำจัดเซลลูไลต์ ลดไขมัน โดยไม่ทำลายเซลล์อื่นๆ สามารถทำได้ทุกบริเวณของร่างกาย ไม่ว่าจะ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก แผ่นหลัง น่อง ก็จัดการได้ เปลี่ยนหุ่นเผละเป็นหุ่นเฟิร์ม โดยไม่ต้องทรมาน

                                                              รับฟรี Slim & Slender เปลี่ยนหุ่นไซซ์ XL สู่ไซซ์ XS เปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่มั่นใจกว่าเดิม ปรับการกิน ควบคุมความหิว อิ่มได้นานขึ้น รูปร่างดี มีความมั่นใจ หุ่นสวยพร้อมโชว์!

                                                              • หุ่นเฟิร์มดูดี มั่นใจแบบเต็ม 10 ด้วย FIT SHAPE BODY รับฟรี! Slim & Slender ในราคาเพียง 7,900.- จากราคาปกติ 16,500.-

                                                              10.10 Promotion

                                                              10 เต็ม 10 เรื่อง ผิวหน้าเรียบเนียน ไม่ทำลายผิว

                                                              ผิวหน้าเรียบเนียน จะทำอะไรก็มั่นใจ ลูบไปต้องไม่สะดุดขนบนใบหน้า ตัวช่วยเรียกความมั่นใจให้กลับมาเต็ม 10 คือ

                                                              เลเซอร์กำจัดขนทั่วใบหน้า พลังงานลงลึกถึงรากขน กำจัดขนผิวหน้าได้เกลี้ยงเกลา ไม่เหลือตอ จะแต่งหน้าก็เนียนใสไม่ติดขน โชว์หน้าสวยๆ ได้อย่างมั่นใจแล้ว!

                                                              • หน้าเนียนใส ไม่สะดุดขน เต็ม 10 ไม่มีหัก ด้วย เลเซอร์กำจัดขนทั่วใบหน้า 3 ครั้ง ในราคาเพียง 5,900.- จากราคาปกติ 28,800.-

                                                              10.10 Promotion

                                                              10 เต็ม 10 เรื่อง เหมาริ้วรอย ลิฟกรอบหน้า

                                                              ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หน้าแก่ หน้าคล้อยต้องรีบมาให้ตัวช่วยเต็ม 10 จัดการให้คืนความเด็กให้ใบหน้า

                                                              ฉีดโบ เติมเต็มร่องลึก และริ้วรอย จบปัญหาหน้าแก่ และยังช่วยลดความมันบนใบหน้า รูขุมขนกระชับขึ้น พร้อมลิฟกรอบหน้าที่หย่อนคล้อยให้เรียวสวย คมชัด มีมิติ ดูดีแบบเป็นธรรมชาติ ไม่มีโป๊ะ

                                                              • จัดการหน้าแก่ เติมเต็มให้ผิวหน้าเด็กเต็ม 10 ด้วย ฉีดโบ 100 U. ในราคาเพียง 8,900.- จากราคาปกติ 20,000.-

                                                              โปรเดือน 10 สวยเต็ม 10 ไม่หักซักแต้ม แบบนี้ มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะ!!

                                                               

                                                               

                                                              • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2567 เท่านั้น
                                                              • อาจารย์แพทย์ของรมย์รวินท์คลินิกไม่เข้าร่วมรายการนี้
                                                              • ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
                                                              • เฉพาะสาขาของรมย์รวินท์คลินิกที่ร่วมรายการเท่านั้น
                                                              • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชันได้ที่เจ้าหน้าที่ทุกช่องทางออนไลน์ 
                                                               
                                                               
                                                               
                                                               
                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
                                                               




                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                 
                                                                 
                                                                 

                                                                Emsella เก้าอี้กระชับช่องคลอด ช่วยเรื่องอะไร ดีจริงไหม

                                                                Emsella

                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                   

                                                                  ต้องบอกเลยว่า การไม่มีโรค ถือเป็นลาภอันประเสริฐ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะสาว ๆ ที่อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นได้ ใครที่กำลังมีปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ ปัสสาวะเล็ด หรือปัญหาของคุณแม่หลังคลอดนั้น วันนี้เราจะพามา ทำความรู้จัก Emsella เก้าอี้สุขภาพกระชับช่องคลอด ช่วยเรื่องอะไร ดีจริงไหม? นวัตกรรมดูแลสุขภาพมาแรงที่ทำง่าย ประหยัดเวลา ไม่ต้องพักฟื้น มารู้จักกับเก้าอี้ Emsella ได้ในบทความนี้

                                                                  Emsella

                                                                  ปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น

                                                                  ยิ่งอายุมากขึ้นปัญหาก็ยิ่งเยอะ โดยเฉพาะกับสาว ๆ ที่จำเป็นต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ซึ่งปัญหาที่อาจพบได้บ่อย ๆ สำหรับผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น หรือผู้ที่เคยคลอดบุตรมาก่อน มีดังนี้

                                                                  • ภาวะปัสสาวะเล็ด (Urinary Incontinence)

                                                                  ภาวะปัสสาวะเล็ด ถือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ คือ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยเป็นปัญหาที่มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น การตั้งครรภ์ การคลอดบุตร และอายุที่มากขึ้น หรือเกิดจากอาการเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ, ความผิดปกติของระบบประสาท, เนื้องอก และโรคเบาหวาน เป็นต้น รวมไปถึงการรับประทานยาบางชนิดก็อาจจะเป็นสาเหตุของอาการได้

                                                                  การสังเกตอาการปัสสาวะเล็ด สามารถทำได้โดยดูจากอาการ ดังนี้

                                                                  • ปัสสาวะเล็ดจากการไอ จาม หรือหัวเราะ : อาการนี้มักเกิดขึ้นเมื่อมีการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ทำให้ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ หรือมีปัสสาวะกระปิดกระปรอย ไหลออกมาเมื่อ หัวเราะ ไอ หรือจาม
                                                                  • ปวดปัสสาวะรุนแรง : รู้สึกปวดปัสสาวะรุนแรงในทันทีที่เริ่มปวด ไม่ใช่ค่อยๆปวดเหมือนคนปกติ จนไม่สามารถควบคุมการไปห้องน้ำได้ ส่งผลให้เกิดปัสสาวะเล็ด หรือปัสสาวะไหลออกมา
                                                                  • ไม่สามารถ อั้น หรือ กลั้นปัสสาวะได้ : มีอาการปัสสาวะราดออกมาทันทีเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ หรือไม่สามารถรอจนถึงห้องน้ำได้
                                                                  • ภาวะช่องคลอดหลวม (Vaginal laxity)

                                                                  ภาวะช่องคลอดหลวม (Vaginal laxity) หรือที่รู้จักและเรียกกันว่า “ช่องคลอดไม่กระชับ” เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อน หรือมีอายุที่มากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การใช้ชีวิต และความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้นฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง จะทำให้เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อช่องคลอดสูญเสียความยืดหยุ่น หรือคนที่เคยตั้งครรภ์และคลอดบุตรมานั้น จะทำให้ช่องคลอดขยายตัวกว้างขึ้น รวมทั้งยังทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเกิดการอ่อนแรงมากขึ้น

                                                                  ภาวะช่องคลอดไม่กระชับจะส่งผลกระทบในเรื่องใดบ้าง

                                                                  • ความสุขทางเพศ : อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หรือไม่มีความสุขในการมีเพศสัมพันธ์ ส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคู่รัก และอาจก่อให้เกิดปัญหาชีวิตคู่
                                                                  • ผลกระทบทางอารมณ์ : ผู้ที่มีภาวะนี้อาจรู้สึกไม่มั่นใจในตนเอง มีอาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้า เนื่องจากรู้สึกไม่พอใจกับร่างกายของตน
                                                                  • อาการทางกาย : หากเกิดอาการไอ จาม จนปัสสาวะเล็ด อาจทำให้ชีวิตประจำวันมีความลำบากมากขึ้น
                                                                  • ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม : หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น เช่น การติดเชื้อหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
                                                                  • ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน (Pelvic organ prolapse)

                                                                  กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนยาน (Pelvic Organ Prolapse) คือ การที่ประสิทธิภาพของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานลดลง จึงส่งผลให้อวัยวะภายในมีปัญหา เช่น มดลูก, กระเพาะปัสสาวะ, หรือลำไส้ใหญ่ นั้นได้เคลื่อนลงจากตำแหน่งเดิม โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อนมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น อายุที่เพิ่มมากขึ้น, การตั้งครรภ์, อาการไอเรื้อรัง, การยกของหนัก รวมถึงน้ำหนักตัวที่สูง ปัญหานี้มักจะพบได้กับเพศหญิงที่มีอายุมาก

                                                                  วิธีสังเกตอาการภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน มีอะไรบ้าง?

                                                                  ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน เป็นภาวะที่อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอุ้งเชิงกราน

                                                                  • ปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่สุด : รู้สึกว่าไม่สามารถปัสสาวะได้ตามปกติ อาจมีปัสสาวะรั่ว เล็ด หรือไหลกระปิดกระปอย หรือปัสสาวะเท่าไรก็ไม่หมดสักที
                                                                  • ไม่สบายตัวเวลามีเพศสัมพันธ์ : อาจมีอาการเจ็บหรือไม่สบายบริเวณช่องคลอด
                                                                  • รู้สึกเหมือนนั่งทับลูกบอล : รู้สึกถึงแรงกดดันหรือมีบางอย่างอยู่ในอุ้งเชิงกราน ตลอดเวลา
                                                                  • มีเนื้อเยื่อยื่นออกมาจากช่องคลอด : เป็นอาการที่ชัดเจนของภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน
                                                                  • มีเลือดออกจากช่องคลอด : มีเลือดไหลจากช่องคลอด โดยไม่ได้มีประจำเดือน ควรพบแพทย์และเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะอาจมีสาเหตุอื่นที่ต้องตรวจดู

                                                                  ซึ่งปัจจุบันอาการดังกล่าวสามารถรักษาได้ด้วยหลายวิธี รวมถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ อย่าง เก้าอี้ Emsella ที่กำลังได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน ที่สะดวกสบาย ประหยัดเวลา และช่วยรักษาอาการเหล่านี้ได้ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก Emsella สามารถดูได้จากบทความนี้

                                                                  Emsella

                                                                  Emsella คืออะไร

                                                                  • Emsella คือ นวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนามา เพื่อรักษากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยมีรูปแบบเป็นเก้าอี้ ที่จะช่วยกระชับอุ้งเชิงกราน และเสริมสมรรถภาพทางเพศได้มากขึ้น โดย เก้าอี้ Emsella จะทำการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า HIFEM (High-Intensity Focused Electromagnetic) ไปยังบริเวณอุ้งเชิงกราน เพื่อช่วยควบคุมระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการหดเกร็ง ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที ก็เปรียบเสมือนการออกกำลังกายอุ้งเชิงกราน หรือการขมิบมากกว่า 11,200 ครั้ง
                                                                    เก้าอี้ Emsella เป็นเครื่องที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และสหภาพยุโรป (EU) ว่าปลอดภัย Emsella จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับสาว ๆ ที่อยากกระชับช่องคลอด และมีปัญหาปัสสาวะเล็ด

                                                                  เก้าอี้ Emsella มีการทำงานแบบไหน

                                                                  เก้าอี้ Emsella เป็นการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า High-Intensity Focused Electromagnetic (HIFEM) เป็นการรักษาปัญหากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และกระเพาะปัสสาวะที่อ่อนแอ ที่สะดวกสบาย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น การทำ Emsella เปรียบเสมือนการออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแบบเข้มข้น แต่ไม่ต้องออกแรงเอง เพียงแค่ผ่อนคลายนั่งบนเก้าอี้ Emsella ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ มีดังนี้

                                                                  1. Emsella ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นกล้ามเนื้อ

                                                                  ผู้ใช้บริการจะต้องนั่งที่เก้าอี้ EmSella โดยจะนั่งบริเวณกึ่งกลางของเก้าอี้ จากนั้นเก้าอี้ Emsella จะสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง ที่สามารถแทรกซึมผ่านเนื้อเยื่อไปยังกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ โดยจะเข้าไปกระตุ้นระบบประสาทในบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัว

                                                                  2. Emsella ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน

                                                                  การหดตัวของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานจากการใช้ Emsella นั้น เป็นการหดตัวที้เกิดจากการกระตุ้น หรือเรียกว่า supramaximal คือ เป็นการให้กระแสไฟฟ้าหรือแรงกระตุ้นในปริมาณที่มากพอ ที่จะกระตุ้นเซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อทั้งหมดในบริเวณนั้นให้ทำงานได้เต็มที่ เก้าอี้ Emsella จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงมากขึ้น

                                                                  3. การเพิ่มประสิทธิภาพกล้ามเนื้อจากเก้าอี้ Emsella

                                                                  ในการรักษาด้วยเก้าอี้ Emsella จะเกิดการหดตัวแบบ Supramaximal จะช่วยทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ และฟื้นฟูปัญหาช่องคลอดหย่อนคล้อย กระชับช่องคลอดได้ดี

                                                                  4. Emsella มีความปลอดภัย และความสะดวก

                                                                  การรักษาด้วยเก้าอี้ Emsella เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด เพียงแค่นั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ ทำให้ไม่มีความเจ็บปวด จึงทำให้มีความสะดวกมาก หลังทำสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ตัวเครื่อง EMSella ยังได้รับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และสหภาพยุโรป (EU) ทำให้มั่นใจได้เลยว่ามีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลา หรือสะดวกที่จะรักษาด้วยการผ่าตัด

                                                                  เก้าอี้เอ็มเซลล่า (Emsella) ใช้แบบไหน?

                                                                  • การรักษาช่องคลอดหย่อนคล้อย และปัสสาวะเล็ด การใช้เก้าอี้ Emsella เป็นการรักษาที่ใช้เวลาไม่นาน โดยผู้รับบริการจะต้องนั่งบริเวณกึ่งกลางเก้าอี้ จากนั้นเก้าอี้ Emsella จะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปบริเวณกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้มีแรงสั่นสะเทือน จนทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัว และการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ คล้ายการขมิบ ซึ่งการทำ Emsella จะเทียบเท่ากับการขมิบมากกว่า 11,200 ครั้ง โดยระยะเวลาที่ใช้จะอยู่ประมาณ 20 – 30 นาที ต่อครั้ง สำหรับใครที่อยากได้ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนและยาวนาน แนะนำให้เข้ารับการรักษาด้วยเก้าอี้ Emsella สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

                                                                  Emsella

                                                                  เก้าอี้ Emsella ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

                                                                  • แก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด: ไม่ว่าจะเป็น การปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หรือออกกำลังกาย Emsella ช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้น ทำให้คุณควบคุมการปัสสาวะได้ดียิ่งขึ้น
                                                                  • กระชับช่องคลอด: Emsella ช่วยให้ช่องคลอดกระชับขึ้น เพิ่มความมั่นใจ และความพึงพอใจในการมีชีวิตคู่
                                                                  • เพิ่มความรู้สึกทางเพศ: การมีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่แข็งแรงขึ้น ทำให้ความรู้สึกทางเพศดีขึ้น
                                                                  • ลดอาการปวดเมื่อย: Emsella ช่วยลดอาการปวดเมื่อยบริเวณอุ้งเชิงกราน
                                                                  • ฟื้นฟูสภาพหลังคลอด : Emsella ช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหลังคลอดกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น
                                                                  • แก้ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน : Emsella จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานให้แข็งแรงขึ้น
                                                                  • ช่วยชะลอการหลั่งเร็ว : สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ Emsella ยังช่วยชะลอการหลั่งเร็ว และกระตุ้นให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีขึ้นอีกด้วย

                                                                  Emsella

                                                                  ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Emsella?

                                                                  การใช้เก้าอี้ Emsella สามารถทำได้ทั้งเพศหญิง และเพศชายที่มีปัญหาสุขภาพ ดังนี้

                                                                  • เก้าอี้ Emsella เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด ควบคุมกระเพาะปัสสาวะไม่ได้ เช่น การปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม ออกกำลังกาย หรือยกของหนัก
                                                                  • เก้าอี้ Emsella เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ มีความหย่อนคล้อย จนเกิดการระคายเคือง หรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
                                                                  • เก้าอี้ Emsella เหมาะกับผู้ที่มีช่องคลอดหลวม เกิดจากการคลอดบุตรหลายครั้ง หรือมีอายุที่มากขึ้น ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูหลังผ่าตัดคลอดลูก
                                                                  • เก้าอี้ Emsella เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเล็กน้อย ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดรักษา
                                                                  • เก้าอี้ Emsella เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลั่งเร็ว อวัยวะเพศไม่แข็งตัว

                                                                  ข้อดีของ Emsella มีอะไรบ้าง?

                                                                  • เก้าอี้ Emsella ช่วยรักษาปัญหาช่องคลอดหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หรือมีอาการปัสสาวะเล็ดได้
                                                                  • เก้าอี้ Emsella สามารถทำได้เลย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
                                                                  • เก้าอี้ Emsella สามารถเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างได้ภายในครั้งแรก
                                                                  • เก้าอี้ Emsella ไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าระหว่างทำ
                                                                  • เก้าอี้ Emsella ไม่ต้องสอดอุปกรณ์ใด ๆ เข้าในตัว
                                                                  • เก้าอี้ Emsella จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน
                                                                  • เก้าอี้ Emsella นั้นใช้เวลาการรักษาต่อครั้งไม่นาน ทำให้ประหยัดเวลา
                                                                  • เก้าอี้ Emsella ปลอดภัยและไม่เจ็บปวด Emsella เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้ยา และไม่เจ็บปวด ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำการรักษา
                                                                  • เก้าอี้ Emsella สะดวกและรวดเร็ว ใช้เวลารักษาเพียงครั้งละประมาณ 30 นาที และไม่ต้องพักฟื้น

                                                                  ข้อควรระวังและข้อจำกัดของเก้าอี้ Emsella

                                                                  แม้ว่าเก้าอี้ Emsella จะสามารถช่วยในการรักษาและรีแพร์ได้โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว รวมถึงยังใช้เวลาไม่นานในการทำหัตถการ Emsella แต่ก็ยังอาจมีข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดังนี้

                                                                  • ไม่ควรใช้เก้าอี้ Emsella รีแพร์กับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ มีประจำเดือน มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนของโลหิต และอื่น ๆ
                                                                  • การรักษาด้วยเก้าอี้ Emsella ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ฝังในร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา Emsella
                                                                  • อาจต้องเข้ารับบริการ Emsella หลายครั้งจึงจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
                                                                    การใช้เก้าอี้ Emsella เพื่อคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงมีราคาค่อนข้างสูง
                                                                    ทั้งนี้ การเข้ารับบริการเก้าอี้ Emsella ควรอยู่ในการดูของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะประเมินปัญหา และให้คำแนะนำที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้รับการรักษาด้วย Emsella อย่างถูกต้อง และผลลัพธ์ที่ดีปลอดภัย รวมถึงลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงอันตราย

                                                                  ใครบ้างที่ไม่ควรทำ Emsella

                                                                  การรักษาด้วยเก้าอี้ Emsella สามารถทำได้ทุกเพศและหลายอายุ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในบางกลุ่มที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ ดังนี้

                                                                  • เก้าอี้ Emsella ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
                                                                  • เก้าอี้ Emsella ไม่เหมาะกับผู้ที่ใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในร่างกาย เช่น หัวใจเทียม ประสาทเทียม หรือเครื่องมือทางการแพทย์อื่น ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
                                                                  • เก้าอี้ Emsella ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตร
                                                                  • เก้าอี้ Emsella ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคทางระบบประสาท ไม่แนะนำให้ทำ
                                                                  • เก้าอี้ Emsella ไม่เหมาะกับผู้ที่ทานยารักษาโรคประจำตัวบางชนิด เช่น ยาต้านการอักเสบ ยาแก้ปวด ยานอนหลับ

                                                                  นอกจากนี้ระหว่างการรักษาด้วยเก้าอี้ Emsella ห้ามใส่เครื่องประดับที่เป็นโลหะบนร่างกาย และหลังทำ Emsella ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังการรักษา เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุด

                                                                  ผลข้างเคียงที่อาจพบหลังทำ Emsella

                                                                  • หลังทำ Emsella อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ โดยส่วนมากแล้วผลข้างเคียงหลังทำ จะไม่เป็นอันตราย และสามารถหายได้ภายใน 1—2 วันหลังทำ Emsella เช่น
                                                                  • หลังทำ Emsella จะรู้สึกร้อน และชาบริเวณอุ้งเชิงกราน
                                                                  • หลังทำ Emsella อาจปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณเชิงกราน แต่อาการจะค่อย ๆ หายไป
                                                                  • หลังทำ Emsella อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือรู้สึกเวียนหัว จากการกระตุ้นของแม่เหล็กไฟฟ้าของ Emsella
                                                                  • หลังทำ Emsella อาจจะปวดปัสสาวะบ่อยครั้ง เนื่องจากการปรับสภาพของร่างกาย
                                                                    สำหรับใครที่มีผลข้างเคียงหลังทำ Emsella ที่ผิดปกติ หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อเข้ารับการประเมินอาการ และการรักษาอย่างถูกจุด

                                                                  Emsella ราคาเท่าไหร่? แพงไหม?

                                                                  การทำ Emsella เป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และกระเพาะปัสสาวะ ปัจจุบันราคาของการทำ Emsella ในประเทศไทย เริ่มต้นที่ประมาณ 1,500 – 10,000 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาของการรักษาด้วย Emsella นั้นอาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย ดังนี้

                                                                  • จำนวนครั้งในการรักษา : ราคาของการทำ Emsella จะขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งของการรักษาด้วย โดยทั่วไปจะแนะนำให้ทำหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                                                  • เทคโนโลยีของเครื่อง Emsella ที่ใช้ : ปัจจุบันเครื่อง Emsella มีหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นนั้นจะมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน โดยจะส่งผลต่อผลลัพธ์ ประสิทธิภาพ รวมถึงราคาด้วย
                                                                  • คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ให้บริการ Emsella : การเลือกคลินิกทำ Emsella นั้น แต่ละคลินิกก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยอาจจะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และชื่อเสียงของคลินิกได้
                                                                  • โปรโมชั่นของเก้าอี้ Emsella : โดยส่วนมากแล้วคลินิกแต่ละที่จะจัดโปรโมชั่นที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของการให้บริการ และเรื่องของราคา Emsella ในบางคลินิกอาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ Emsella เช่น จัดโปรลดราคา หรือแถมบริการอื่น ๆ ร่วมกับการทำ Emsella
                                                                  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์ : แพทย์ที่มีความชำนาญการ มีประสบการณ์สูง และมีชื่อเสียงนั้นก็อาจจะทำให้มีราคารักษา Emsella ที่สูงกว่าได้
                                                                    ที่ รมย์รวินท์ คลินิก เรามี โปรแกรม Super Fit by Emsella ที่จะช่วยแก้ปัญาปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดไม่กระชับ หรือปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เราดูแลโดยแพทย์มากประสบการณ์ และมียังมีโปรโมชั่นราคาพิเศษ ที่คุ้มค่ารอคุณอยู่

                                                                  คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเก้าอี้ Emsella

                                                                  นั่งเก้าอี้ Emsella เจ็บไหม?

                                                                  • การกระชับช่องคลอดด้วยเก้าอี้ Emsella นั้น จะไม่มีความเจ็บปวด ระหว่างทำ เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมากระตุ้นนั้น จะมีค่าเข้มสูงกว่าการออกกำลังกายทั่วไป แต่ขณะนั่งอาจจะรู้สึกถึงความสั่น อาการตึง หรือเสียวเล็กน้อย และหลังทำ Emsella อาจจะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเล็กน้อย แต่อาการจะค่อย ๆ ทุเลาลง

                                                                  ผู้ชายใช้เก้าอี้ Emsella เอ็มเซลล่าได้ไหม ?

                                                                  • เก้าอี้ Emsella สามารถใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แม้ว่าจะได้รับความนิยมมากในผู้หญิงเพื่อรักษาปัญหากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ แต่ผู้ชายก็สามารถใช้ Emsella ช่วยในเรื่องของสมรรถภาพทางเพศ เช่น ช่วยชะลอการหลั่งเร็ว และยังช่วยกระตุ้นให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีขึ้นอีกด้วย

                                                                  หลังทำ Emsella ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

                                                                  • หลายคนอาจจะมีคำถามว่า หลังทำ Emsella ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน? โดยส่วนมากแล้วผลลัพธ์หลังทำ Emsella จะอยู่ที่ประมาณ 3 – 6 เดือน ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การดูแลสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล หากมีการออกกำลังกาย สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่วมด้วย อาจจะทำให้ผลลัพธ์ที่ทำ Emsella อยู่ได้นานขึ้น

                                                                  Emsella

                                                                  ต้องทำ Emsella กี่ครั้งจึงจะเห็นผล?

                                                                  การทำ Emsella กี่ครั้งถึงจะเห็นผลนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเคสปกติทั่วไปนั้น แพทย์จะแนะนำให้ทำ Emsella ประมาณ 6-8 ครั้ง โดยแบ่งเป็นสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ทั้งนี้แต่ละบุคคลก็จะมีจำนวนครั้งที่ทำ Emsella แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้

                                                                  • สภาพของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน : หากกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาก อาจต้องทำ Emsella มากกว่าคนที่กล้ามเนื้อแข็งแรงอยู่บ้าง
                                                                  • ปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล : ถ้าต้องการใช้ Emsella แก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดเล็กน้อย อาจใช้เวลาน้อยกว่าการแก้ไขปัญหาช่องคลอดหลวม
                                                                  • ความสม่ำเสมอในการทำ Emsella : การทำ Emsella อย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ จะช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น

                                                                  ค่าใช้จ่ายในการทำ Emsella ประมาณเท่าไหร่?

                                                                  • อยากทำ Emsella แต่กลัวเรื่องราคาใช่ไหม? หากสงสัยเรื่องราคา Emsella ราคาเท่าไหร่? สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินปัญหาเบื้องต้นก่อนได้ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วราคาของการทำ Emsella จะอยู่ประมาณ 1,500 – 10,000 บาทต่อครั้ง โดยราคาขึ้นอยู่กับคลินิกที่เข้ารับบริการและปัจจัยอื่นๆเป็นองค์ประกอบ

                                                                  ควรทำ Emsella ไหม?

                                                                  • ทำความรู้จัก Emsella เก้าอี้สุขภาพกระชับช่องคลอด ช่วยเรื่องอะไร ดีจริงไหม? เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาทางสุขภาพเกี่ยวกับช่องคลอด ไม่ว่าจะเป็น ปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดไม่กระชับ หรืออุ้งเชิงกรานหย่อนคล้อย หรือหนุ่ม ๆ ที่มีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศที่ลดลง ซึ่งอาจส่งผลถึงสุขภาพกาย และการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงชีวิตคู่ การทำ Emsella จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ แก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่สนใจเก้าอี้ Emsella สามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ที่รมย์รวินท์คลินิก หรือสามารถปรึกษาไทยทุกช่องทางออนไลน์

                                                                  Halloween นี้ รมย์รวินท์ขอร่ายมนต์ 10 สูตรโปรฯ สวยไม่มี..หลอก!

                                                                  helloween

                                                                  เดือน Halloween นี้ รมย์รวินท์ขอร่ายมนต์ 10 สูตรโปรฯ สวยไม่มี..หลอก!

                                                                  Halloween นี้ รมย์รวินท์คลินิกจัดให้แน่นๆไปเลยจ้า ไม่ใช่ความน่ากลัว แต่เป็นโปรฯ ความสวยที่ยกขบวนพาเหรดกันมาร่ายมนต์ให้สวยเต็ม 10 ไม่มีหัก! ชวนคุณมาอัปเกรดลุค เพิ่มความแซ่บไฟลุกให้ตัวคุณ กับสูตรเสริมเสน่ห์ความงามทั้ง 10 โปรแกรม ถ้าคิดว่าจะมาแค่นี้ รมย์รวินท์คลินิกก็จะขอให้คุณร้องกรี๊ดดออกมา!!! เพราะยังมีส่วนลดสูงสุด 70% มอบให้คุณตลอดทั้งเดือน ลดจริงไม่ได้หลอก แค่อยากให้คุณสวยหรอกจึงจัดให้! พร้อมแล้วไม่ร่ายมนต์กันเลยยย..

                                                                  Beauty Potion สูตรที่ 1 – โละฝ้า ปรับหน้าใสรับ Halloween

                                                                  ฮาโลวีน
                                                                  ฝ้ายังเป็นปัญหาที่กวนใจที่คอยบดบังความสวยและความมั่นใจของคุณอยู่ใช่มั้ย มนต์สูตรนี้จะช่วยจัดการปัญหาฝ้าให้คุณเอง

                                                                  Melasma Killer โปรแกรมรักษาฝ้าที่ออกแบบโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ จัดการฝ้าได้ทุกระดับ ผสมผสานระหว่างหัตถการและเทคนิคพิเศษเฉพาะรมย์รวินท์คลินิก แค่ร่ายมนต์สูตรนี้ก็จัดการปัญหาฝ้าให้กระเด็น ผิวสวยไบรท์กระจายแล้ว

                                                                  จัดการด้วยเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว แต่ไม่อ่อนโยนต่อฝ้า และจุดด่างดำ ยิงตรงสู่ชั้นผิวทลายเม็ดสีที่ผิดปกติ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส หน้าไบรท์ขึ้นในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น แถมไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวด้วย

                                                                  ให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้นด้วยทรีตเมนต์ที่ช่วยผลักตัววิตามิน และสารอาหารลงสู่ผิวชั้นลึก ที่ให้ผลลัพธ์ที่ล้ำลึกได้มากกว่าการทาครีมแบบทั่วไป ตรงเข้าจัดการเม็ดสีที่ผิดปกติ ผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้กระจ่างใส ฉ่ำโกลว์

                                                                  ฉีดตัวยาเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก ช่วยกำจัดฝ้า และจุดด่างดำให้จางลง เหลือไว้แค่ความกระจ่างใสของผิว

                                                                  โละฝ้าที่กวนใจ ปรับผิวหน้ากระจ่างใส ปราบได้ทุกปัญหาจุดด่างดำด้วย Melasma Killer

                                                                  • ในราคาเพียง 3,890.- จากราคาปกติ 6,500.-

                                                                  Beauty Potion สูตรที่ 2 – ยกหน้ากระชับ จัดเก็บริ้วรอยรับ Halloween

                                                                  1361214
                                                                  หน้าเหี่ยว หย่อนคล้อย ไม่เรียบตึง มองมุมไหนก็เห็นแต่ริ้วรอย ถ้าไม่ไหวก็มาให้รมย์รวินท์คลินิกจัดการร่ายมนต์ด้วยสูตรนี้ รับรองหน้าตึง กระชับ แน่นอน!!

                                                                  Super Hifu ยกหน้าให้ตึง ล็อกผิวให้กระชับ ปรับรูปหน้า V Shape กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแน่นเฟิร์ม ลดไขมันส่วนเกิน ลดเหนียงให้หน้าเรียว กรอบหน้าคมชัดแบบไม่ต้องพึ่งเข็ม เจ็บน้อย ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น

                                                                  ยกให้หน้าเฟิร์ม เก็บกรอบหน้าให้เรียวและคมชัด ลดเลือนริ้วรอยให้ผิวเรียบเนียนด้วย Super Hifu

                                                                  • ในราคาเพียง 4,900.- จากราคาปกติ 30,000.-

                                                                  Beauty Potion สูตรที่ 3 – ไล่ไขมัน ขจัดเซลลูไลท์รับ Halloween

                                                                  ฮาโลวีน
                                                                  เรียกคืนหุ่นเฟิร์ม ไล่ไขมัน ขจัดเซลลูไลท์ ยิ่งจับคู่ทำด้วยกันยิ่งจึ้ง เลือกตำแหน่งได้ทุกจุด ไร้ไขมันส่วนเกินสูตรนี้ทีเด็ดเรื่องหุ่นจึ้ง!

                                                                  Cool Sculpting ปล่อยความเย็นในระดับ -11 องศาลงใต้ชั้นผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมัน ฟรีซไขมันให้แข็งตัว และตายไปในที่สุด จากนั้นร่างกายจะกำจัดออกไปเองอย่างธรรมชาติ โดยไม่ต้องดูดไขมัน ไม่อันตราย ไม่มีผลข้างเคียง แต่ให้หุ่นสวย

                                                                  Fit Shape Body ยกส่วนที่ย้อย หย่อน ยาน ให้เฟิร์มกระชับ กำจัดไขมันช่องท้องให้ลดลงได้ถึง 11% เร่งการเผาผลาญ ลดไขมัน กำจัดเซลลูไลท์ โดยไม่ต้องดูดไขมัน ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกาย อยากเฟิร์มตรงไหนจัดตรงนั้นด่วนๆ

                                                                  จับคู่จึ้ง! ลดไขมัน กำจัดส่วนเกินให้สิ้นซากด้วย Cool Sculpting 1 Cycle + Fit Shape Body 2 ครั้ง

                                                                  • ในราคาเพียง 9,900.- จากราคาปกติ 33,000.-

                                                                  Beauty Potion สูตรที่ 4 – ลีน ลด ยก เฟิร์ม หน้ากระชับ x 2 รับ Halloween 

                                                                  1361212
                                                                  หน้ายก หน้าเฟิร์ม คูณสอง แบบไม่มีอะไรมากั้น ต้องร่ายมนต์ด้วยโปรฯ นี้รับรองมีแต่ “ยก” กับ “คุ้ม” คอนเฟิร์ม!!

                                                                  Oligio ยกกระชับหน้าให้ UP ทุกระดับ Lift ทุกองศา FIRM ทุกชั้นผิว สร้างกรอบหน้าให้สวย พร้อมมอบ Skin Quality ที่ดีให้ผิวสวยปัง
                                                                  Ultra 4D Lift เหนือกว่าการกระชับแบบทั่วไป สร้างมิติให้ใบหน้าสวย เครื่องเดียวที่ทำได้ทั้งยกกระชับ เก็บกรอบหน้า และเก็บส่วนเกินได้ทุกจุด พร้อมเก็บรายละเอียดงานผิวให้สวยทุก area แบบ 4 มิติ

                                                                  ยกหน้าให้เฟิร์มกระชับ พร้อมเก็บทุกรายละเอียดผิวให้สวยด้วย Oligio รับฟรี! Ultra 4D Lift

                                                                  • ในราคาเพียง 15,000.- จากราคาปกติ 41,500.-

                                                                  Beauty Potion สูตรที่ 5 – ร้อยหน้าตึง ดึงหน้าหย่อน รับ Halloween 

                                                                  1361211
                                                                  เรียกคืนความอ่อนเยาว์ ล็อกความหน้าเด็ก ผิวตึงกระชับไม่ต้องกลัวแก่ ริ้วรอยแห่งวัยก็ลืมไปได้เลย เพราะร่ายด้วยมนต์สูตรนี้!

                                                                  ร้อยไหม Mint Fine จัดการส่วนที่หย่อนคล้อยให้ยกตึงดึงให้ผิวกระชับอีกครั้ง สร้างกรอบหน้าให้เรียว ดูคมชัดมีมิติ แต่ดูสวยแบบเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ
                                                                  ล็อกความสวย ตรึงความกระชับไว้ให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ด้วยร้อยไหม Mint Fine

                                                                  • ในราคาเพียง 12,000.- จากราคาปกติ 40,000.-

                                                                  Beauty Potion สูตรที่ 6 – บล็อกใต้ตาคล้ำ เติมเต็มร่องตาลึกรับ Halloween

                                                                  1361210
                                                                  ลืมไปเลยใต้ตาคล้ำ ลึก โบ๋ เป็นหมีแพนด้าอดนอน เคลียร์ทุกความคล้ำ จัดการเติมความสดใสให้ดวงตาด้วยมนต์สูตรนี้

                                                                  ฉีด Filler เติมเต็มร่องรอยใต้ตาลึกให้อิ่มฟู และบอกลาความหมองคล้ำของใต้ตา ด้วยเทคนิคการฉีดพิเศษจากรมย์รวินท์คลินิก ให้ดวงตาคู่สวยของคุณมีแต่ความไบรท์
                                                                  ลาแล้วนะความคล้ำ ร่องรอยลึกใต้ตาทำให้ดูโทรม! ด้วยการฉีด Filler

                                                                  • ในราคา 14,900.- จากราคาปกติ 25,000.-

                                                                  Beauty Potion 7 – วิตามินผิวบุฟเฟต์ ผิวสวยสุขภาพดีจากภายในรับ Halloween 

                                                                  1361208

                                                                  ฝุ่น มลภาวะ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แถมผิวไม่สดใส ต้องจัดการร่ายมนต์กู้ให้ผิวสวยใส สุขภาพดีแบบด่วนๆ เลยย..

                                                                  ให้วิตามินบูสต์ผิวและร่างกายด้วยวิตามิน และสารอาหารผิว ที่ช่วยฟื้นฟูได้แบบเร่งด่วน เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย เติมเต็มความสดชื่นให้ร่างกาย สวยสุขภาพดีได้ทั้งภายใน และภายนอก สุขภาพดี ผิวใส blink

                                                                  วิตามินฟื้นฟูร่างกายจากภายในเปล่งประกายความสวยสู่ภายนอกด้วยการให้วิตามินบูสต์ผิวแบบบุฟเฟต์ 5 ครั้ง

                                                                  • ในราคา 16,000.- (เฉลี่ยครั้งละ 3,200.-)

                                                                  Beauty Potion 8 – เก็บรอยย่น ยกหน้า V รับ Halloween 

                                                                  1361207

                                                                  ยกกระชับผิว เก็บริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ยกระดับความโดดเด่นให้ใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ต้องร่ายมนต์ด้วยสูตรนี้เท่านั้น!

                                                                  Ultherapy งานผิวที่ยืนหนึ่งเรื่องยกกระชับ ปรับรูปหน้า สร้างกรอบหน้าให้ชัด แต่ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด ยกหน้าให้ตึงดึงหน้าให้เด้งสุด

                                                                  Ultra 4D Lift แค่ยกกระชับผิวคงยังไม่พอ ต้องสร้างมิติให้ใบหน้า สร้างกรอบหน้า เก็บส่วนเกินได้ทุกจุด พร้อมเก็บรายละเอียดงานผิวให้สวยเนียน เครื่องนี้เครื่องเดียวได้ทั้งงานผิว ทั้งงานยก แบบ 4 มิติ

                                                                  หน้ายกกระชับมีมิติ เก็บงานผิวละเอียดด้วย Ultherapy รับฟรี! Ultra 4D Lift

                                                                  • ในราคาเพียง 24,900.- จากราคาปกติ 63,000.-

                                                                  Beauty Potion 9 – เติมคอลลาเจน ผิวฉ่ำ ลดเหี่ยวรับ Halloween

                                                                  1361206
                                                                  ผิวเด็ก ผิวอ่อนเยาว์ ไม่มีเหี่ยว แถมเติมความฉ่ำโกลว์ให้ออร่าพุ่งขึ้นไปอีกก! มามะมาร่ายมนต์สูตรนี้กันนะทุกคน!

                                                                  Radiesse อยากหน้าอ่อน หน้าเด็กต้องบูสต์ด้วย biostimulator ตัวเด็ด! ที่ช่วยให้ผิวแน่น ผิวเฟิร์ม ยังแถมตัวช่วยเติมความวิ้งใสให้ผิวอีกด้วย

                                                                  ด้วยการให้วิตามินสูตร Blink บูสต์วิตามินและอาหารผิว ฟื้นฟูความเสื่อมโทรม และความอ่อนล้าของผิวให้กลับมา blink กระจ่างใส มีออร่าอีกครั้ง

                                                                  คืนหน้าเด็ก เติมความไบรท์ ด้วย Radiesse รับฟรี! วิตามินบูสต์ผิวสูตร Blink

                                                                  • 2 Syr ลดทันที 30,000.-

                                                                  Beauty Potion 10 – ตัดจบทุกปัญหาสิวเรื้อรังรับ Halloween

                                                                  1361205
                                                                  พอกันที! กับปัญหาสิวเรื้อรังที่มีมานาน ไม่ต้องทำได้แค่ฝัน แค่มาให้รมย์รวินท์คลินิกร่ายมนต์ให้ด้วยสูตรนี้!

                                                                  AviClear เทคโนโลยีรักษาสิวเรื้อรังอันดับ 1 ของโลก รักษาสิวได้ทุกระดับ ใช้การรักษาแค่ 3 ครั้ง แต่ไม่กลับมาเป็นสิวเรื้อรังอีกภายใน 2 ปี ใครเป็นสิวต้องมาพิสูจน์แล้วว!
                                                                  ตัดจบเรื่องสิว ออกจากวงการสิวได้ไม่ต้องรอนานด้วย AviClear

                                                                  • ซื้อ 3 ครั้ง ลดทันที 40,000.-/ครั้ง

                                                                  ชอบสูตรไหน..เลือกสูตรนั้น หรือจะเหมาหมดทุกสูตร ให้สวยปิ๊งทั้งเรือนร่างก็ย่อมได้ มาให้รมย์รวินท์คลินิกร่ายมนต์ให้คุณสวยปิ๊ง ดูดี ตลอดทั้งเดือนตุลาคมนี้ จองได้ทุกช่องทางออนไลน์เลย ที่ LINE: https://bit.ly/Romrawinclinic FACEBOOK : http://m.me/RomrawinClinic

                                                                   

                                                                  • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2567 เท่านั้น
                                                                  • อาจารย์แพทย์ไม่เข้าร่วมรายการ
                                                                  • ผลการรักษาเฉพาะบุคคล
                                                                  • เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
                                                                  • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่

                                                                  Ultherapy Prime ยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด

                                                                  ULTHERAPY PRIME

                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                    Ultherapy Prime คือ เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาใหม่ ต่อยอดจาก Ultherapy รุ่นก่อน ๆ ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทผู้ผลิตอย่าง Merz Aesthetics จึงนับเป็นการยกระดับเทคโนโลยียกกระชับ จากระบบเดิม Ultherapy Prime ที่ย่อมาจาก See, Plan, Trea โดย Ultherapy Prime นั้นมีคุณสมบัติที่พัฒนาขึ้นจากเดิมจึงเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยกตัวอย่างเช่น Ultherapy Prime นั้นเป็นโปรแกรมที่มีการปรับปรุงระบบการทำงาน จึงส่งผลให้ Ultherapy Prime มีความเร็วในการรักษาต่อครั้งเร็วขึ้นถึง 20% ทำให้ประหยัดเวลาของผู้เข้ารับบริการ นอกจากนี้ Ultherapy Prime ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานสำหรับผู้ให้บริการ ให้ช่วยยกกระชับได้ดีมากยิ่งขึ้น

                                                                    ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีอัตราการรีเฟรชภาพในแต่ละครั้งที่ทำได้เร็วขึ้นชัดเจนมากขึ้นด้วย Ultherapy Prime ยังมีการปรับปรุงจอภาพของเครื่อง เพื่อให้เกิดการมองเห็นในขณะทำการรักษาของแพทย์ที่ดีขึ้นและสะดวกมากขึ้น โดยหน้าจอของ Ultherapy Prime มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นถึง 35% จากเดิมด้วย

                                                                     

                                                                     

                                                                    ULTHERAPY PRIME

                                                                    Ultherapy Prime พัฒนาขึ้นเพื่อให้มีการรักษาที่แม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่ใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพแบบเรียลไทม์ (real-time imaging) อยู่แล้วก็ถูกทำให้มีความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมากขึ้น ทำให้แพทย์ทำการรักษาได้เร็วมากขึ้น ไม่ต้องแช่หัว Applicator ที่ใบหน้าไว้นานเท่าเดิม

                                                                    Ultherapy Prime เป็นเครื่องที่มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า และลำคอให้มีความตึงกระชับได้ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดทำศัลยกรรม Ultherapy Prime สามารถใช้ได้กับผู้คนในทุกสภาพผิว ทุกสีผิว และในผู้ที่มีความเหมาะสมในการทำ ทั้งยังมีอัตราการรีเฟรชภาพในแต่ละครั้งที่ทำได้เร็วขึ้นชัดเจนมากขึ้นด้วย

                                                                    Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมยกกระชับ และปรับคุณภาพผิว ที่ใช้พลังงาน Ultrasound ที่ได้รับมาตรฐานการรองรับในระดับสากลจากประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA ) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันที่แพทย์ใช้ในการ Ultrasound เพศของทารกที่อยู่ในครรภ์

                                                                    คิดค้น วิจัย และประเมิน ระดับของพลังงานคลื่น Ultrasound เป็นอย่างดี และพัฒนาให้ดีขึ้นจากเดิม ภายใต้ความเหมาะสม สำหรับการยกกระชับให้กับทุกสภาพผิว Ultherapy Prime ได้รับการยอมรับในด้านการรักษาจากหลายประเทศในโลก ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา หรืออย. ของประเทศไทย Ultherapy Prime มีความปลอดภัยสูง หากมีผลข้างเคียงก็เป็นผลข้างเคียงที่เล็กน้อย เพียงแค่มีรอยแดง หรือมีอาการเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอาการรุนแรง

                                                                    ULTHERAPY PRIME

                                                                    Ultherapy Prime เหมาะกับใคร

                                                                    Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมยกกระชับที่สามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก ในผู้ใช้บริการแต่ละช่วงอายุจะให้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างกันไป โดยผู้ที่เหมาะกับการทำ Ultherapy Prime  มีดังนี้

                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

                                                                    คือ ผู้ที่มีผิวหน้าที่มีความกระชับที่ลดน้อยลงกว่าเดิม รูปหน้าเริ่มเปลี่ยน ผิวที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยมากขึ้น อาทิ ผิวหน้าบริเวณใต้คาง หรือกรอบหน้าที่ไม่ชัดเจน อันเนื่องมาจากการสูญเสียคอลลาเจนที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนัง การทำ Ultherapy Prime จะช่วยในการจัดเรียงคอลลาเจนใต้ผิวหนังขึ้นใหม่ ช่วยให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น และยังช่วยลดความหย่อนคล้อย และยกกระชับใบหน้า

                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรอยเหี่ยวย่นบริเวณใบหน้า

                                                                    สังเกตได้จากการที่มีริ้วรอยบาง ๆ ที่หน้าผาก รอบดวงตา หรือมุมปาก ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับหลาย ๆ คน ปัญหานี้สามารถทำการแก้ไขได้ โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน โดย Ultherapy Prime สามารถสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ จึงสามารถลดริ้วรอยเล็ก ๆ และทำให้รอยย่นต่าง ๆ บนผิวหน้าตื้นขึ้นได้

                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูบริเวณผิว โดยไม่ผ่าตัด

                                                                    เนื่องจาก Ultherapy Prime นั้นเป็นเทคโนโลยียกกระชับ หดผิว และฟื้นฟูผิวโดยการใช้คลื่น Ultrasound จึงทำให้ไม่ต้องทำการผ่าตัด

                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าและลำคอ

                                                                    Ultherapy Prime สามารถทำในบริเวณที่เหี่ยวย่นบริเวณอื่น ๆ นอกจากใบหน้าได้ เช่น ลำคอ เนินอก เป็นต้น

                                                                    • Ultherapy Prime สามารถทำบริเวณอื่นได้ นอกเหนือจากใบหน้า

                                                                    สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า เนินอก และลำคอ โดยใช้หลักการเดียวกันทั้งร่างกาย คือการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นบริเวณใต้ผิวหนัง

                                                                    Ultherapy Prime เหมาะกับใคร

                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำการยกกระชับ โดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อย
                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัด
                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีคุณภาพผิวที่ดี ร่วมกับการยกกระชับ
                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับบริเวณหน้าอก
                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับบริเวณลำคอ
                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำการฟื้นฟูผิว โดยไม่ต้องทำการฉีด
                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ร่องลึก
                                                                    • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยขนาดเล็ก ๆ

                                                                    Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับใคร

                                                                    • Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังที่เป็นแผล
                                                                    • Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการอักเสบเฉียบพลันของผิวหนัง ในบริเวณที่ต้องการรักษา
                                                                    • Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วย หรือมีโรคประจำตัวบางชนิด

                                                                    ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ให้ละเอียด และแจ้งโรคประจำตัว ภาวะที่เป็น และยาที่รับประทานก่อนที่จะทำการรักษา

                                                                    การเตรียมตัวก่อนการทำ Ultherapy Prime ควรเตรียมตัวดังนี้

                                                                    1. ทำการปรึกษาแพทย์ก่อนทำ Ultherapy Prime

                                                                    • ก่อนทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในการเข้ารับบริการ เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินการรักษาและวางแผนการรักษา โดยละเอียดเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้แพทย์จะทำการวางแผนการรักษาร่วมด้วย

                                                                    2. ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดผิว และเตรียมผิวบริเวณที่ทำ Ultherapy Prime

                                                                    • ก่อนเริ่มการรักษาด้วย Ultherapy Prime ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดผิว ในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา จากนั้นจะต้องทำการเตรียมผิวโดยการทายาชา หรือใช้ยาชาบริเวณที่ต้องการทำ Ultherapy Prime เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ หรือไม่สบายผิวในขณะทำ Ultherapy Prime

                                                                    3. ลงมือทำ Ultherapy Prime

                                                                    • Ultherapy Prime จะใช้เทคโนโลยี Ultrasound ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการยกกระชับ และจัดเรียงคอลลาเจนใต้ผิว เสริมสร้างคุณภาพผิว โดยมีการฉายภาพโครงสร้างผิวแบบเรียลไทม์ทันทีบนหน้าจอ เพื่อให้แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างผิวหนังได้ชัดเจน และเห็นการปล่อยคลื่นพลังงาน ลงในชั้นผิวหนังที่ลึกได้ตามต้องการ กระตุ้นได้อย่างแม่นยำมากที่สุด โดยแพทย์จะใช้ Applicator ของ Ultherapy Prime ในการส่งพลังงาน Ultrasound (Micro-Focused Ultrasound) ลงไปยังชั้นผิวลึก โดยเฉพาะในชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) เพื่อกระตุ้นผิวให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ และพลังงานจากเครื่อง Ultherapy Prime นี้จะทำให้เกิดความร้อนของผิวขึ้นเฉพาะจุด ซึ่งความร้อนดังกล่าวนั้น เป็นพลังงานที่ช่วยในการยกกระชับผิว

                                                                    โดยความรู้สึกในการทำ Ultherapy Prime อาจทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกเจ็บ เล็กน้อยบนผิว แต่ความรู้สึกนี้จะรู้สึกมากหรือน้อย จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

                                                                    4. การดูแลตัวเองหลังทำ Ultherapy Prime ทันที

                                                                    • เมื่อทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime เสร็จ ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับบ้าน หรือไปทำกิจกรรมตามชีวิตประจำวันได้ปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น
                                                                    • หลังจากทำ Ultherapy Prime เสร็จแล้วอาจมีอาการแดงหรือบวมเล็กน้อย บริเวณที่ทำการรักษา หลังการรักษา โดยอาการนี้จะหายไปได้เอง โดยไม่ต้องกังวล

                                                                    5. การดูแลรักษาตัวหลังทำ Ultherapy Prime

                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime ควรหลีกเลี่ยงผิวบริเวณที่ทำ Ultherapy Prime จากการสัมผัสแสงแดด หรือแสงประเภทอื่น ๆ อาทิ แสงไฟ 
                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสร้อนกับผิวบริเวณที่ทำการรักษาโดยตรง เช่น การอาบน้ำร้อน การอบซาวน่า การแช่ออนเซน
                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime ผู้เข้ารับบริการควรทาครีมบำรุงผิว รวมทั้งครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ++ ขึ้นไป ทั้งช่วงก่อนออกแดด และระหว่างการเจอแสงเจอแดด และบำรุงความชุ่มชื้นหลังออกแดด
                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime ควรนอนหนุนหมอนที่สูงกว่าระดับที่นอน เพื่อลดอาการบวมในบริเวณที่ทำ โดยไม่ต้องกังวลสามารถหายได้เอง อาการนี้จะเป็นในบางคนเท่านั้น
                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime หากมีอาการบวม หรือ แดงมาก ที่ผิวในบริเวณที่ทำ สามารถทำการประคบเย็นร่วมได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย อาการนี้จะเป็นในบางคนเท่านั้น
                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime หากผู้เข้ารับบริการเกิดอาการผิวแห้งจากการทายาชา ผู้เข้ารับบริการสามารถทาครีมบำรุงผิว ด้วยมอยเจอไรซ์เซอร์ ว่านหางจระเข้ หรือครีมบำรุงผิวร่วมด้วย ได้
                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime ควรงดการทาครีมที่ทำให้ผิวขาว ครีมที่กัดผิว ครีมกำจัดขน รวมทั้งครีมที่มีการผลัดเซลล์ผิวประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากผิวหลังจากการทำ Ultherapy Prime จะยังมีความบอบบางมาก
                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime ไม่ควรสัมผัสผิวหน้าแรง หรือจับผิวหน้าแรง เนื่องจากผิวบริเวณที่ทำ Ultherapy Prime จะมีความระบมอยู่ใต้ชั้นผิว สามารถรับประทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดได้
                                                                    • หลังทำ Ultherapy Prime ให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาเป็นไปตามต้องการให้มากที่สุด

                                                                    ULTHERAPY PRIME

                                                                    ผลลัพธ์หลังทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime

                                                                    • หลังทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเวลาผ่านไป 2-3 เดือน อันเกิดจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังขึ้นใหม่ โดยคอลลาเจนดังกล่าว จะเริ่มสร้างหลังทำเสร็จเรื่อย ๆ โดย Ultherapy Prime จะสามารถคงสภาพผลลัพธ์ในการยกกระชับได้นานถึง 1 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ และการดูแลหลังทำการรักษา

                                                                    ข้อดีของ Ultherapy Prime

                                                                    1. Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมที่มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง

                                                                    • Ultherapy Prime ใช้เทคโนโลยี Micro-Focused Ultrasound พัฒนาขึ้น เพื่อทำการยกกระชับโดยเฉพาะ แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างผิวหนังได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ชัดมากขึ้น มีการแสดงผลที่เร็วมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถยิงพลังงานคลื่นได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

                                                                    2. Ultherapy Prime กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                    • การทำ Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ชั้นลึกหรือชั้น SMAS ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ช่วยรองรับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้ากระชับและเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ และเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ที่ชั้นใต้ผิวได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

                                                                    3. Ultherapy Prime แทบไม่ต้องพักฟื้นใบหน้าหลังทำ

                                                                    • เนื่องจาก Ultherapy Prime เป็นเครื่องยกกระชับ ไม่ใช่การผ่าตัด เพื่อยกกระชับ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้การพักฟื้นใบหน้าหลังทำเป็นเวลานาน ในบางคนอาจไม่ต้องพักฟื้นเลย จึงทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถในชีวิตประจำวันได้ปกติหลังทำทันที ในบางคนอาจมีอาการบวมที่ผิวหนังเพียงเล็กหลังทำการรักษา

                                                                    4. Ultherapy Prime สามารถคงผลลัพธ์คงอยู่นาน

                                                                    • ผลลัพธ์จากการทำ Ultherapy Prime จะสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 1 ปีหรือนานกว่านั้น โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลของแต่ละบุคคล จึงทำให้ผลลัพธ์ในแต่ละคนจะอยู่ได้นานไม่เท่ากัน

                                                                    5. Ultherapy Prime เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

                                                                    • Ultherapy Prime สามารถใช้ได้กับผู้เข้ารับบริการที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับต่าง ๆ ทุกระดับ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสภาพผิว เนื่องจากสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว และยังสามารถทำได้ในทุกบริเวณนอกเหนือจากใบหน้า เช่น ลำคอ และบริเวณรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                    6. Ultherapy Prime ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้วัสดุ ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด

                                                                    • เนื่องจากการทำ Ultherapy Prime ไม่ใช่การใช้วัสดุแปลกปลอมในการยกกระชับผิว เช่น ไม่มีการฉีดสารต่าง ๆ การทำ Ultherapy Prime จึงเป็นโปรแกรมที่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดการแพ้ หรือร่างกายเกิดการต่อต้าน ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้เข็ม  และไม่ต้องผ่าตัด

                                                                    7. Ultherapy Prime เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที

                                                                    • เป็นโปรแกรมยกกระชับ ที่สามารถเห็นผลได้เลยในทันทีหลังทำ 20 % โดยผลลัพธ์อื่น ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ

                                                                    ข้อเสียของ Ultherapy Prime

                                                                    1. Ultherapy Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก

                                                                    ในผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก หรือมีริ้วรอยลึกมาก Ultherapy Prime จะสามารถยกกระชับได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น อาจไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่พอใจขึ้น เท่าการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าได้

                                                                    2. Ultherapy Prime อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

                                                                    อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime ในบางคนอาจมีความชาที่ผิว มีอาการแดงที่ผิว แต่อาการเหล่านี้มักจะหายไปภายไปได้เอง โดยไม่ต้องกังวล

                                                                    3. Ultherapy Prime หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์

                                                                    แพทย์ที่มีความชำนาญจะสามารถยิง Ultherapy Prime ได้อย่างแม่นยำมากกว่า ทำให้การยกกระชับ สามารถกระชับได้มากกว่า

                                                                    ช่วงอายุที่เหมาะสมในการทำ Ultherapy Prime

                                                                    • ช่วงอายุ 25-35 ปี
                                                                      สามารถทำ Ultherapy Prime ได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก หากเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณของผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย ผิวที่ไม่กระชับบนใบหน้า เช่น คอ ใบหน้า ริ้วรอย การทำ Ultherapy Prime ในช่วงอายุนี้จะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน  และยืดเวลาที่ผิวจะหย่อนคล้อยในอนาคต เปรียบเสมือนการป้องกันการเกิดปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น เมื่อเข้าสู่วัยที่จะเกิดความหย่อนคล้อย
                                                                    • ช่วงอายุ 35-50 ปี
                                                                      เป็นช่วงอายุที่คนส่วนใหญ่นิยมทำ Ultherapy Prime มากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่ผิวมีการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น เริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหนัง หรือมีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจน ดังนั้นการทำ Ultherapy Prime ในช่วงอายุเท่านี้จะช่วยในการยกกระชับผิวบริเวณที่ทำ และทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
                                                                    • ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป
                                                                      สำหรับคนในช่วงอายุในช่วงนี้ การทำ Ultherapy Prime จะช่วยในการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้มากขึ้น และยังช่วยในการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูดีมากยิ่งขึ้น แต่การทำในช่วงอายุเท่านี้ อาจต้องใช้เวลาพักฟื้นหรือดูแลผิวหลังทำมากกว่าในช่วงอายุที่น้อยกว่านี้

                                                                    Ultherapy Prime ดีกว่า Ultherapy SPT อย่างไร

                                                                    1. Ultherapy Prime ดีกว่า Ultherapy SPT ตรงที่สามารถสร้างภาพผ่านจอแบบเรียลไทม์ที่แม่นยำขึ้น

                                                                    Ultherapy Prime พัฒนาขึ้นมาจาก Ultherapy SPT มีความละเอียด และความเร็วในการแสดงผลที่ดีกว่าเดิม ทำให้แพทย์ควบคุมการรักษาได้ดีมากขึ้น 

                                                                    2. Ultherapy Prime ดีกว่า Ultherapy SPT ตรงที่ใช้ความเร็วในการรักษาที่สูงขึ้น

                                                                    เนื่องจาก Ultherapy Prime ถูกปรับปรุงขึ้น เพื่อให้สามารถทำงานเร็วมากขึ้นกว่าเดิมถึง 20% เมื่อเทียบกับ Ultherapy SPT ซึ่งช่วยลดเวลาในการรักษา และสามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้เข้ารับการรักษา

                                                                    3. Ultherapy Prime ดีกว่า Ultherapy SPT ตรงที่มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ และชัดเจนขึ้น

                                                                    Ultherapy Prime นั้นมีหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 35% จึงทำให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นในขณะที่ทำการรักษา จึงทำให้การรักษาผิดพลาดได้น้อย และการรักษาเห็นผลได้ดีมากยิ่งขึ้น

                                                                    จะเห็นได้ว่า Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมที่มีความแตกต่างจาก Ultherapy SPT ในด้านของหน้าจอที่มีความใหญ่และชัดมากขึ้น รวมถึงการแสดงผลที่เร็วมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ในการรักษานั้น Ultherapy Prime ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างจาก Ultherapy SPT เนื่องจากยังคงความยกกระชับ และสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้เป็นอย่างดีเช่นเดิม

                                                                    แต่ Ultherapy Prime นั้น นับเป็นการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่ของวงการเครื่องยกกระชับ ทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะ Ultherapy ห่างหายจากการพัฒนาตัวเครื่องไปถึง 15 ปี Ultherapy Prime จึงนับว่าเป็นปรากฏการครั้งสำคัญ ในการพัฒนาเครื่องยกกระชับตระกูล Ultherapy นั่นเอง

                                                                    ติดตามข่าวสาร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :www.facebook.com/RomrawinClinic

                                                                     

                                                                    3 ตัวแม่! วางใจยกให้ ULTRA 4D LIFT เป็นที่ 1 ของการยกกระชับหน้า

                                                                    ULTRA MPT 4D LIFT
                                                                    พามามาพิสูจน์ผลลัพธ์ของการยกกระชับ ที่ยกจริง ได้ผลจริง ยืนยันจากผู้ใช้บริการจริงกับ ULTRA MPT 4D LIFT โปรแกรมที่มากกว่าการยกกระชับ แต่ช่วยเก็บรายละเอียดให้ผิวสวยได้แบบที่ตัวแม่ต้องยกนิ้วให้!

                                                                    ULTRA MPT 4D LIFT ยกกระชับที่สาวนักธุกิจไว้ใจ

                                                                    คุณแอ๋ม ฐิตินันท์ นครศรี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว บริษัท สายไฟฟ้า บางกอกเคเบิ้ล จำกัด ก็เป็นอีกเสียงหนึ่งที่คอนเฟิร์มว่าได้รักษาด้วย ULTRA MPT 4D LIFT จริง และเห็นผลลัพธ์ได้จริงจนติดใจ และต้องมาทำเป็นประจำ เพราะ ULTRA MPT 4D LIFT เป็นมากกว่าโปรแกรมยกกระชับผิว เพราะ ULTRA MPT 4D LIFT ช่วยเก็บกรอบหน้า กำจัดเหนียงส่วนเกิน ให้หน้า V-Shape สวยได้ถึง 4 มิติ และยังช่วยเรื่องงานผิวให้สวย เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติด้วย

                                                                    ครอบครัวแอ๋มให้ความไว้วางใจกับบริการที่ดีและผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม แอ๋มเป็นลูกค้าของรมย์รวินท์คลินิกมานานพอสมควรเลย ทั้งครอบครัวแอ๋มชอบมาดูแลผิวที่นี่ ทั้งคุณแม่ และตัวของแอ๋มเอง รวมไปถึงลูกของแอ๋มก็เลือกมาทำสวยที่นี่ ใครที่ต้องการโค้ชความงามมาปรึกษาคุณหมอที่รมย์วินท์คลินิกได้เลยค่ะ ที่นี่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ให้คำปรึกษาปัญหาด้านความงาม เพื่อเลือกโปรแกรมที่เหมาะกับปัญหาผิวอย่างตรงจุด

                                                                    วันนี้แอ๋มมาปรึกษาปัญหาผิวกับคุณหมอแวว (พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์) แอ๋มมีปัญหาเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย เพราะเราอายุมากแล้วมักจะมีปัญหาเหล่านี้ตามมา และด้วยความที่เป็นผู้หญิงก็ต้องมีความรักสวยรักงามกันบ้าง แม้จะอายุเยอะเท่าไหร่แต่เราจะต้องไม่หยุดสวย คุณหมอแววแนะนำ ULTRA MPT 4D LIFT ให้แอ๋ม เพราะคุณหมอแววบอกว่าตัวนี้สามารถสร้างหน้าให้ยกกระชับได้แบบ 4 มิติ พร้อมเก็บงามผิวให้สวยเนียนละเอียดได้อีกด้วย 

                                                                    ผลลัพธ์หลังทำแอ๋มบอกได้เลยว่ารู้สึกชอบหน้าตัวเองมาก เพราะริ้วรอยที่เคยมีมันตื้นขึ้นมากจริงๆ ULTRA MPT 4D LIFT ช่วยเก็บเหนียง เก็บความหย่อนคล้อยของใบหน้าให้แอ๋ม ตอนนี้หน้าแอ๋มดูคมชัด แบบ V-Shape มากขึ้นค่ะ และพวกรูขุมขนก็ดูตื้นขึ้น ผิวเนียนละเอียดมากขึ้น ตอนทำ ULTRA MPT 4D LIFT แอ๋มไม่รู้สึกเจ็บเลย ใครอยากหน้ายกกระชับ แต่กลัวว่าจะเจ็บแอ๋มแนะนำให้ลองมาทำ ULTRA MPT 4D LIFT ที่สำคัญผลลัพธ์หลังทำอยู่ได้นานถึง 12 เดือนเลย

                                                                    130824 BF AT Ultraformer MPT 4D Lift 03 0

                                                                    ผลลัพธ์ก่อนและหลังทำ ULTRA MPT 4D LIFT ของคุณแอ๋ม

                                                                    ตัวแม่นักลงทุน ขอพักจาก Activity มาให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแล 

                                                                    คุณก้อย ฐิตินันท์ เกียรติไพบูลย์ นักลงทุนและที่ปรึกษาการลงทุน ก็เป็นอีกเสียงที่ได้มาทำ ULTRA MPT 4D LIFT ที่รมย์รวินท์คลินิก และรู้สึกว่าหน้ายกกระชับเห็นผลลัพธ์จริง กล้ายืนยันจากการลองทำ ULTRA MPT 4D LIFT ด้วยตัวเอง และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจจนกล้าที่จะบอกต่อว่า ULTRA MPT 4D LIFT ที่รมย์รวินท์คลินิก ดีจริง 

                                                                    ไลฟ์สไตล์ของก้อยคือชอบทำ Activity ลุยๆ เรียกได้ว่าเป็น Working Woman เลยก็ว่าได้ กิจกรรมว่างที่ก้อยชอบทำในช่วงนี้คือการเล่นกอล์ฟ ทำให้ต้องเจอแดดบ่อยมาก และอย่างที่รู้ว่าแดดเป็นตัวการสำคัญเลยที่ทำร้ายผิวหน้าเรา แม้จะทาครีมกันแดดแล้ว แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะตีกอล์ฟก็ต้องเจอแดด สิ่งที่ตามมาก็คือผิวหน้าก้อยช่วงนี้มีริ้วรอยเหี่ยวย่นมากขึ้น และหน้าก็หย่อนคล้อยไม่ยกกระชับเลย

                                                                    ก้อยเลือกมาทำที่รมย์รวินท์คลินิก เพราะอย่างแรกเลย คือก้อยมาทำสวยที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว และก้อยก็ไว้วางใจรมย์รวินท์คลินิก เพราะเขามีเครื่องรักษาที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน ดูแลดี มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาอย่างดี อย่างวันนี้ได้มาปรึกษาเรื่องปัญหาผิวหน้าของก้อยกับคุณหมอออย (พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์) มาเป็นโค้ชด้านความงามให้กับก้อย หมอออยวิเคราะห์ผิวหน้าของก้อยผ่านเทคนิค Lifting Select ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่ช่วยวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าของเราก่อนเลือกโปรแกรมในการรักษาให้ตรงจุด จากการวิเคราะห์หมอออยเลือก ULTRA 4D LIFT เพราะหมอออยบอกว่าโปรแกรมนี้จะช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ทุกชั้น ทุกส่วน ถึง 4 มิติ และยังช่วยปรับรูปหน้าให้คมชัดขึ้น ให้หน้าที่ V-Shape และนอกจากจะช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวแล้ว ULTRA 4D LIFT ยังช่วยเรื่องรายละเอียดงานผิวให้ดูละเอียดมากขึ้นอีกด้วย 

                                                                    ผลลัพธ์หลังจากที่ก้อยได้ทำ ULTRA MPT 4D LIFT รู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าตัวเองยกกระชับมากขึ้น พวกหนังตาที่เคยตกก็ยกขึ้น ผิวเนียนขึ้น พวกริ้วรอยและร่องแก้มลึกที่เคยเห็นชัดก็คือดูตื้นขึ้น ดูดีขึ้นมาก ที่ชอบมากที่สุดก็คือ ULTRA 4D LIFT นี้ช่วยเก็บไขมันส่วนเกิน และเหนียงของก้อยให้ยกกระชับ หน้าดูเล็กลงมาก

                                                                    130824 BF AT Ultraformer MPT 4D Lift 01 0

                                                                    ผลลัพธ์ก่อนและหลังทำ ULTRA 4D LIFT ของคุณก้อย

                                                                    หญิงแกร่งที่บริหารเก่งแล้ว ก็อยากมาดูแลตัวเองบ้าง

                                                                    คุณช่อ ช่อทิพย์ ส่งวัฒนาวุฒิพงศ์ กรรมการบริหาร FN Factory Outlet จำกัด (มหาชน) หญิงเก่งอีกหนึ่งคน ที่นอกจากจะบริหารธุรกิจแล้ว ก็อยากจะหันมาใส่ใจดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม โดยเลือกให้รมย์รวินท์คลินิกดูแล เพราะได้รับคำแนะนำมาจากเพื่อน และรู้สึกวางใจเพราะได้ยินชื่อเสียงของรมย์รวินท์คลินิกมานาน 

                                                                    ช่อเลือกมาให้รมย์รวินท์คลินิกดูแลผิว เพราะได้รับคำแนะนำมาจากเพื่อนที่มาดูแลผิวที่นี่เป็นประจำ และมั่นใจในชื่อเสียง การบริการ เทคโนโลยีที่ทันสมัย แพทย์ที่ทำการรักษาก็มีประสบการณ์เฉพาะทาง เป็นโค้ชความงามคอยให้คำปรึกษา และแนะนำว่าโปรแกรมการรักษาที่เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละคน 

                                                                    อย่างช่อที่อายุเข้าใกล้เลข 5 แล้ว ก็ย่อมต้องมีความกังวลเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไป ก็คือพวกริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ความหย่อนคล้อยของผิวหน้า มันส่งผลให้เราดูแก่มากขึ้น อย่างตัวช่อเองมีริ้วรอย ตีนกา หน้าหย่อนคล้อยไม่ยกกระชับ และมีร่องแก้มลึก คุณหมอแพร (พญ.ธิรดา จิตตการ) คุณหมอที่ดูแลช่อก็ให้คำแนะนำว่าปัญหาผิวแบบช่อควรเลือกทำ ULTRA MPT 4D LIFT จะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ULTRA MPT 4D LIFT ทำให้ช่อประทับใจกับผลลัพธ์หลังทำมาก เพราะผิวหน้าช่อดูดีขึ้นมาก จากรอยตีนกา หรือร่องแก้มที่ลึกมากก็ดูตื้นขึ้น หน้าของช่อยกกระชับมากขึ้น ULTRA MPT 4D LIFT ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีจริงๆ และพวกเหนียง ไขมันส่วนเกินที่คางก็ดูดีขึ้นมาก

                                                                    130824 BF AT Ultraformer MPT 4D Lift 02 0

                                                                    ผลลัพธ์ก่อนและหลังทำ ULTRA 4D LIFT ของคุณช่อ

                                                                    สามารถเข้ามาปรึกษาความงามเฉพาะในแบบของคุณที่https://bit.ly/RomrawinLINE ที่นี่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำ และมีสาขา 28 สาขาทั่วประเทศ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ

                                                                    ฉีดโบหยุดริ้วรอย..แสดงออกแค่ไหนไม่กลัวหน้ายับ

                                                                    ฉีดโบ

                                                                    ฉีดโบหยุดริ้วรอย..แสดงออกแค่ไหนไม่กลัวหน้ายับ

                                                                    การแสดงสีหน้า อารมณ์ ความรู้สึก เป็นอีกตัวการสำคัญที่ทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคุณภู ภูรินทร์ นักแสดงซีรีส์ พ่วงด้วยตำแหน่งเชฟ จากรายการ MasterChef Thailand Season 4 ก็เจอกับปัญหานี้เหมือนกัน 

                                                                    ด้วยอาชีพเชพที่รับงามแสดงประปราบแบบผม ทำให้ในบางทีต้องแสดงอารมณ์และสีหน้ามาก เพราะในบางทีการทำงานก็มีความตึงเครียดเป็นพิเศษ ทำให้เกิดเรื่องริ้วรอยที่ตามมา ไม่ว่าจะดูแลด้วยครีมบำรุงที่ดูแลเรื่องริ้วรอยเป็นพิเศษมากแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องริ้วรอยดีขึ้นได้เลย ภูก็เลยเลือกมาที่รมย์รวินท์มาปรึกษาเรื่องริ้วรอยของภู และให้คุณหมอช่วยดูแลให้ครับอันดับแรกคุณหมอประเมินผิวหน้า เพื่อให้รักษาปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุด ซึ่งโปรแกรมที่คุณหมอเลือกจัดการปัญหาริ้วรอยของภูก็คือ การฉีดโบเพื่อช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอยของภูให้ดูเต็มขึ้น โดยคุณหมอแนะนำให้ภูฉีดโบ 3 จุด ก็คือ หน้าผาก ระหว่างคิ้ว และหางตา โดยคุณหมอจะเน้นการฉีดโบให้ยังคงความเป็นธรรมชาติ ยังสามารถแสดงสีหน้าได้ปกติ แต่ว่าริ้วรอยก็จะน้อยลง และดูหน้าไม่แข็งตึงจนเกินไป

                                                                    สำหรับการฉีดโบจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ และสามารถคงอยู่ได้นาน 3-6 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแล และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน และคุณหมอแนะนำว่าให้เว้นระยะเวลาในการฉีดโบอย่างน้อยประมาณ 3 เดือน เพื่อป้องกันการดื้อโบที่จะสามารถเกิดขึ้นถ้าใช้โบที่ไม่บริสุทธิ์มากพอครับ

                                                                    และสำหรับใครที่คิดว่ามีปัญหาเดียวกันกับภูก็อย่าเพิ่งคิดไปเอง แนะนำให้มาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิก ให้คุณหมอเป็นผู้ประเมิน และวางแผนในการรักษาเพื่อแก้ปัญหาผิวได้ตรงจุดที่สุดนะครับ”

                                                                    รู้ก่อนทำ..ฉีดโบคืออะไร?

                                                                    การฉีดโบ เป็นการฉีดสารที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของมัดกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดโบเกิดการคลายตัว กล้ามเนื้อที่ใช้ขยับเพื่อแสดงสีหน้าลดลง ทำให้ไม่เกิดรอยพับย่น ส่งผลให้ริ้วรอยบริเวณนั้นลดลงไป ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติไม่ตึงจนเกินไป ลดกราม สร้างกรอบหน้าให้คมชัด การฉีดโบนอกจากจะช่วยเรื่องริ้วรอยแล้ว

                                                                    โปรแกรมฉีดโบสามารถแก้ปัญหาได้ในบริเวณไหนบ้าง

                                                                    • ฉีดโบบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า อารมณ์
                                                                    • ฉีดโบบริเวณรอบดวงตา ลดถุงใต้ตา ตีนกา เติมเต็มร่องลึกให้ตาดูสดใส
                                                                    • ฉีดโบบริเวณร่องแก้ม มุมปาก เติมเต็มให้ดูอ่อนเยาว์ 
                                                                    • ฉีดโบบริเวณกราม กรอบหน้า ใต้คาง ลดเหนียง สร้างกรอบหน้าให้คมชัด 
                                                                    • ฉีดโบบริเวณรักแร้ ลดการเกิดเหงื่อ และกลิ่นตัว
                                                                    • ฉีดโบบริเวณน่อง ให้ขาเรียวสวยมากขึ้น 

                                                                    ผลลัพธ์หลังการฉีดโบ

                                                                    เรื่องของการฉีดโบที่หลายคนไม่เคยรู้

                                                                    การฉีดโบช่วยทำให้หน้าเรียวสวย และช่วยลดริ้วรอย เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้กัน แต่! ยังมีอีก 5 ข้อที่หลายคนยังไม่รู้เกี่ยวกับโปรแกรมฉีดโบ 

                                                                    • ฉีดโบสามารถลดขนาดรูขุมขน ลดน้ำมัน หรือ sebum ที่หลั่งออกมาจากต่อมไขมันของใบหน้า ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสิวด้วยนั่นเอง
                                                                    • ฉีดโบช่วยลดความแดงของใบหน้า หรือลดการกำเริบของโรคผิวหนังอักเสบ ต่อมไขมันอักเสบบนใบหน้า หรือโรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) ซึ่งสามารถฉีดเพื่อการรักษาได้ทั้งใบหน้า และหนังศีรษะ ช่วยลดความแดง ลดไขมัน sebum บนผิว ลดการเกิดสะเก็ดขุยของผิวได้อีกด้วย
                                                                    • ฉีดโบช่วยลดและป้องกันการเกิดเม็ดสีเมลานิน ฝ้าจากรังสี UVB บนผิวหน้า ช่วยจัดการลดความผิดปรกติของเม็ดสีเมลาโนไซต์ ลดปริมาณเม็ดสีเมลานิน ลดสารอักเสบที่ทำให้เกิดเม็ดสี
                                                                    • ฉีดโบช่วยลดและป้องกันการเกิดแผลเป็นคีลอยด์ และยังช่วยรักษาแผลที่เกิดจากเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงบริเวณนั้นไม่ดี
                                                                    • ฉีดโบอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ริ้วรอยกลับมาลึก จะช่วยให้ผิวเกิดการแก่ช้า และทำให้หน้าเด็กได้ในระยะยาว

                                                                    ข้อควรระวังหลังฉีดโบ 

                                                                    • หลังฉีดโบใน 4 ชั่วโมงแรก ห้ามนอนราบ เพราะอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบ โดยให้นอนหนุนให้ศีรษะสูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลเวียนมาที่ใบหน้ามากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลประสิทธิภาพและระยะเวลาของการฉีดโบ
                                                                    • หลังฉีดโบ 48 ชั่วโมง ห้ามออกกำลังกายหักโหม เพราะความร้อนจากการเผาผลาญอาจจะเป็นตัวการเข้าไปทำให้โบที่ฉีดเกิดการสลายตัวได้ และหลังจาก 48 ชั่วโมงสามารถออกกำลังกายได้แบบเบาๆ 
                                                                    • หลังฉีดโบ ห้ามนวด ขัด หรือเลเซอร์หน้าเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ เพราะจะส่งผลต่อการกระจายตัวและประสิทธิภาพของโบได้ 

                                                                    ทำไมต้องมาทำโปรแกรมฉีดโบที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                    • เพราะ โปรแกรมฉีดโบ ที่รมย์รวินท์คลินิก มีความปลอดภัย และการเก็บรักษาที่ทำให้โบมีคุณภาพและประสิทธิภาพในการรักษาอย่างเต็มที่ และสามารถตรวจสอบได้ว่าโบที่ทางรมย์รวินท์คลินิกนำมาใช้เป็นโบแท้ผ่านอย.ไทย มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแก่ผู้มาเข้ารับบริการ 
                                                                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทางที่ให้การรักษาด้วยโปรแกรมฉีดโบ สามารถเข้ามาปรึกษาหรือขอรับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนการรักษา โดยเมื่อทำการรักษาแพทย์จะประเมินผิวหน้า บริเวณที่ฉีด และจำนวนยูนิตที่ใช้ในการรักษาปัญหาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้เข้ามารับบริการวางใจว่าจะได้รับผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีกลับไป 
                                                                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกเป็นคลินิกความงามที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ และได้รับความไว้วางใจมายาวนานกว่า 21 ปี และมีถึง 28 สาขาทั่วประเทศ
                                                                    • รมย์รวินท์คลินิกใช้เทคนิค Lifting Select ช่วยประเมินปัญหาผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับผู้มาเข้ารับบริการ ตอบโจทย์ปัญหาได้ตรงจุด และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกที่เดียวเท่านั้น
                                                                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกคำนึงถึงความสะอาดของสถานที่ เครื่องมือที่นำมาใช้ให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการทุกท่าน
                                                                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีโปรโมชันพิเศษให้ผู้มาเข้ารับบริการสม่ำเสมอ นอกจากโปรแกรมฉีดโบแล้ว ยังมีโปรฯพิเศษอื่นๆ ให้คุณได้ติดตามทุกๆ เดือนอีกด้วย

                                                                    Miss Grand นครพนม 2025 ปอย เฌอลินณ์ พร้อมสร้างตำนานบทใหม่

                                                                    Miss Grand

                                                                    มิสแกรนด์นครพนม 2025 “ปอย เฌอลินณ์” พร้อมสร้างตำนานบทใหม่

                                                                    เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของการประกวดมิสแกรนด์นครพนม 2025 ในปีนี้รมย์รวินท์คลินิกทุ่มงบเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลัก เพื่อเสริมทัพเพิ่มความมั่นใจและความงามเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้เข้าประกวดทั้ง 12 ท่าน ทั้งยังเป็นปีพิเศษของเวทีมิสแกรนด์นครพนม ที่รมย์รวินท์คลินิกร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในด้านการดูแลความงามให้กับผู้เข้าประกวดรอบสุดท้ายทั้ง 12 ท่าน

                                                                    โดยการมอบวงเงินในการดูแลนางงามทั้ง 12 ท่าน เป็นจำนวนท่านละ 100,000 บาท เเละมอบวงเงินพิเศษเพิ่มเติมสำหรับผู้ชนะมิสเเกรนด์นครพนมมูลค่า 200,000 บาท ภายในค่ำคืนนี้อีกด้วย

                                                                    Miss Grand
                                                                    ผู้ชนะการประกวด Miss Grand นครพนม 2025

                                                                    บรรยากาศการประกวด Miss Grand นครพนม 2025

                                                                    ค่ำคืนงานประกวดของมิสแกรนด์นครพนม จัดในวันที่ 25 กันยายน 2567 ณ. คอนเวนชันฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และในค่ำคืนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณนาตยา อำไพ หนึ่งในตัวเเทนของรมย์รวินท์ ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินตำเเหน่งมิสเเกรนด์นครพนม 2025 ทั้งนี้พญ. ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู และนพ. กันตพงศ์ พลอยดนัย แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก เป็นผู้มอบรางวัลคอร์ดูแลความงาม มูลค่า 200,000 บาท ให้กับผู้ชนะมิสแกรนด์นครพนม 2025

                                                                    และวินาทีที่ทุกท่านรอคอยกับการประกาศรายชื่อ มิสแกรนด์นครพนม 2025 ได้แก่ “หมายเลข 5 เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ (ปอย)” คว้ามงกุฎไปครองได้สำเร็จ พร้อมรางวัล คอร์สดูแลความงามมูลค่า 200,000 บาท สุดพิเศษจากทางรมย์รวินท์คลินิก ที่เป็นผู้สนับสนับสนุนใหญ่ของเวทีมิสแกรนด์นครพนม 2025 นี้ พร้อมเตรียมตัวก่อนไปเฉิดฉายเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 “เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัท” เป็นสาวงามที่มีความโดดเด่นทั้งรูปร่าง ทัศนคติ และความสามารถในการตอบคำถาม ในรอบสุดท้ายได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้เธอชนะใจกรรมการ​

                                                                    บรรยากาศการประกวดเต็มไปด้วยความคึกคักจากผู้ชมทั้งในฮอลล์และทางบ้าน พร้อมการแสดงและโชว์จากเหล่านางงามนครพนม โดยสาวงามผู้เข้ารอบทั้ง 12 ท่านสุดท้าย ได้เปิดตัวในชุดราตรี ที่ส่งเสริมบุคลิกและภาพลักษณะแก่สาวงามทั้ง 12 ท่านเป็นอย่างมาก

                                                                    ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 ตกเป็นของ “ศศิ เหงียนวัน (ชมพู่)” และอันดับ 2 เป็นของ “ พิชชาภา จัสทิส (เฮเลน)”

                                                                    ทางรมย์รวินท์คลินิกเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มความมั่นใจด้านความงามแก่ผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์นครพนม 2025 โดยก่อนหน้านี้ ผู้เข้าประกวดทั้ง 12 ท่าน ได้เข้ารับบริการที่รมย์รวินท์คลินิก เพื่อดูแลความงามก่อนเข้าแข่งขันรอบสุดท้าย ด้วยโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อช่วยเสริมความงามและเพิ่มความมั่นใจจนนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพตัวเองได้อย่างเต็มที่ ก่อนถึงวันไฟนอลการประกวดมิสแกรนด์นครพนม 2025

                                                                    เวทีมิสแกรนด์นครพนมเป็นเวทีสำหรับการสนับสนุนทุกภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมเป็นอย่างดี และเป็นเอกลักษณ์ของความงามอย่างมีคุณค่า สอดคล้องกับรมย์รวินท์คลินิก คลินิกความงามที่คร่ำหวอดในวงการมาถึง 21 ปี พร้อมยืนหยัดและสนับสนุนการทำความดีต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิดความงามที่สวยจากภายในสู่ภายนอกในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด

                                                                    สำหรับใครที่มีความต้องการอยากดูแลตัวเองให้เป็นเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิมด้วยโปรแกรมแบบฉบับสาวมิสแกรนด์นครพนม 2025 สามารถเข้ามาติดต่อสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทุกสาขา พร้อมทีมแพทย์ที่มีความชำนาญการ พร้อมให้คำแนะนำทุกปัญหาผิว ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้กับคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

                                                                    ฟิลเลอร์ปาก กู้ผิวหน้า ก่อนชิงมง มีสแกรนด์นครพนม 2025

                                                                    ฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin

                                                                    ปั้นปากละมุน พร้อมผิวอิ่มฟู เรียกความมั่นใจก่อนชิงมง Miss Grand นครพนม

                                                                    ยิ่งใกล้วันแข่งขันก็ต้องยิ่งสวย ดูดีที่สุด เพื่อจะคว้าใจกรรมการ มาลุ้นกันใครจะได้เป็น Miss Grand นครพนม 2025 อีกไม่กี่ชั่วโมงนี้จะได้รู้กันแล้วว! 

                                                                    และคุณแพท ผู้เข้าประกวด Miss Grand นครพนม ก็เป็นอีกหนึ่งสาวที่ขอเข้ามาอัปความสวย เติมความดูดี ให้ตัวเองก่อนที่จะขึ้นประชันกับเหล่าผู้เข้าประกวดอีก 11 คน 

                                                                     

                                                                    ฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin
                                                                    ผู้ใช้บริการจริงฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin

                                                                     

                                                                    ยิ่งเข้าใกล้วันแข่งขัน Miss Grand นครพนมแล้วด้วย แพทก็ยิ่งต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวตอบคำถาม บุคลิกภาพที่ต้องดูดี และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือความสวย เพราะเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราโดดเด่นจนสามารถชนะใจกรรมการได้ค่ะ แพทยอมรับเลยค่ะ ว่าเรื่องความสวยมันเป็นสิ่งที่ผู้หญิงอย่างเราขาดไม่ได้จริงๆ ยิ่งเราสวย ดูดี เราก็ยิ่งมั่นใจที่จะทำในทุกกิจกรรม วันนี้แพทเลยขอเข้ามาให้รมย์รวินท์คลินิกดูแลและเติมความมั่นใจให้แพทพร้อมลุยในวันจริงค่ะ 

                                                                     

                                                                    ฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin
                                                                    ผู้ใช้บริการจริงฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin

                                                                     

                                                                    แพทได้ยินชื่อเสียงของรมย์รวินท์มานานมาก เพื่อนของแพทหลายคนก็เคยมาดูแลผิวที่นี่และก็จะชอบมารีวิวให้แพทฟังบ่อยๆ จนแพทต้องตัดสินใจมาลองพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยตัวเองเลยค่ะ ว่าจะดีจริงแบบที่เพื่อนเคลมไว้มั้ย และอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้แพทมั่นใจว่าจะมาให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลความสวยของแพทก็คือชื่อเสียงที่มีมานานกว่า 20 ปี และมีถึง 28 สาขาทั่วประเทศไทยเลยค่ะ แพทว่าถ้าไม่เป็นตัวจริงคงไม่อยู่ได้ยาวและมีสาขาเยอะแบบนี้หรอกค่ะ

                                                                     

                                                                    ฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin
                                                                    ผู้ใช้บริการจริงฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin

                                                                     

                                                                    วันนี้คุณหมอบีบี (พญ.อัชชัญ ปัญญาเอกะวิทู) มาเป็นโค้ชดูแลเรื่องความสวยให้แพทเองเลยค่ะ ก่อนทำหัตถการ คุณหมอบีบี ใช้เทคนิค Lifting Select วิเคราะห์ผิวให้แพทผ่าน 3 เฟรมเวิร์กที่จะช่วยประเมินปัญหาผิวให้กับแพท ก่อนที่คุณหมอจะเลือกที่เหมาะกับผิวหรือปัญหาของเรา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูดีที่สุดค่ะ และที่พิเศษคือเทคนิค Lifting Select มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะคะ

                                                                     

                                                                    ฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin
                                                                    ผู้ใช้บริการจริงฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin

                                                                     

                                                                    แพทขอรีเควสต์คุณหมอบีบีว่าอยากให้ปากของแพทดูอิ่มสวย ดูละมุนมากกว่านี้ คุณหมอบีบีจึงเลือกทำฉีด ฟิลเลอร์ปากให้แพทค่ะ ฟิลเลอร์ปากที่คุณหมอฉีดให้ตัวนี้มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ สามารถเช็คได้ และมีความปลอดภัย ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมที่ตกค้างและเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอนค่ะ ฉีด ฟิลเลอร์ปากตัวนี้เป็นสารประกอบ Hyaluronic Acid หรือ HA อย่างที่รู้ๆกันว่าตัว HA เป็นตัวที่กักเก็บน้ำแล้วความชุ่มชื้นไว้อยู่แล้ว และยังสามารถเติมเต็มร่องลึก เพิ่มวอลลุ่มได้อีกด้วย ฉีด ฟิลเลอร์ปาก ช่วยปั้นปากให้สวยตรงใจ ใครอยากได้ปากแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นสายฝอ สายเกา รีเควสต์คุณหมอได้เลยค่ะ คุณหมอจัดการให้ได้หมด

                                                                     

                                                                    ฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin
                                                                    ผู้ใช้บริการจริงฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin

                                                                     

                                                                    และอีกหนึ่งที่คุณหมอบีบีทำให้แพทก็คือ SECRET GLOW SKIN ค่ะ คุณหมอบีบีบอกกับแพทว่าตัวนี้เป็นไหมน้ำชนิด Polydioxanone หรือ PDO ช่วยฟื้นฟูคุณภาพของผิว ให้ผิวอิ่มฟูแน่นกระชับมากยิ่งขึ้น  SECRET GLOW SKIN ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ในระดับ Nano Technology ซึ่งจะมีความเจ็บน้อยกว่าการร้อยไหมแบบทั่วไป เปรียบเสมือนการร้อยไหมและ ฟิลเลอร์ ในคราวเดียวกัน แต่ให้คุณภาพงานผิวระดับพรีเมียมเลยค่ะ แถมยังใช้เวลาทำไม่นาน ทำแล้วไม่ต้องพักฟื้นหรือพักหน้าด้วย และที่แพทชอบมากเลยก็คือ  SECRET GLOW SKIN เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังทำได้ทันทีเลย แพทรอเห็นผลการเปลี่ยนแปลงไม่ไหวแล้วค่ะ

                                                                     

                                                                    ฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin
                                                                    ผู้ใช้บริการจริงฟิลเลอร์ปากและ Secret Grow Skin

                                                                     

                                                                    หลังทำทั้งสองแพทรู้สึกได้เลยว่าตัวเองสวย และดูดีขึ้น นี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะคะ แต่เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงเลย ฉีด ฟิลเลอร์ปากช่วยปั้นปากของแพทให้สวยอวบอิ่ม ดูละมุน ปากเป็นกระจับไว้จับใจกรรมการได้แล้วค่ะ และ SECRET GLOW SKIN ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าของแพทให้สวยมากขึ้น แพทรู้สึกได้เลยว่าริ้วรอยบนใบหน้าของแพทดูตื้นขึ้น ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู ดูแน่นขึ้นมาก แถมรูขุมขนก็กระชับขึ้น และยังช่วยปรับสภาพผิวของแพทให้กระจ่างใส ดูมีออร่าขึ้นมากเลย และตัว SECRET GLOW SKIN ยังให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-16 เดือนด้วยค่ะ  

                                                                    แพทมั่นใจในผิวหน้าที่ดูดีด้วย SECRET GLOW SKIN และปากที่สวยละมุนมากขึ้นด้วยฉีด ฟิลเลอร์ปากแล้ว ต้องยกความดีให้รมย์รวินท์คลินิกที่ช่วยเสกความสวย ให้แพทดูดีได้ในแบบที่เป็นตัวเอง ตอนนี้แพทพร้อมมาก รอขึ้นเวทีไปอวดออร่าความสวยไม่ไหวแล้วค่ะ และแพทขอฝากให้ทุกคนช่วยเชียร์แพท และผู้เข้าประกวดอีกทั้ง 11 คน ในเวทีการประกวด Miss Grand นครพนม ด้วยนะคะ มาลุ้นกันว่าใครจะได้เป็น Miss Grand นครพนม 2025 และสำหรับใครที่อยากมีผู้ช่วยดูแลผิวให้สวยดูดี มั่นใจในแบบที่เป็นตัวเองต้องที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะคะ 

                                                                    สวย ดูดีได้ในแบบที่เป็นตัวเอง For The Better You ต้องที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ

                                                                     

                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ