ฟิลเลอร์ใต้ตา เคล็ดลับ ใต้ตาเต็มของนางงาม

ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้ใช้บริการจริง
ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้ใช้บริการจริง

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    ฟิลเลอร์ใต้ตา ความลับ “ใต้ตาปิ๊ง” ของนางงาม

    ใกล้เข้ามาแล้วที่จะได้รู้ว่า ใครจะได้เป็นมิสแกรนด์จังหวัดนครพนม เมื่อใกล้เวลาบรรดาสาวงามผู้เข้าประกวดก็ต่างเตรียมตัวดูแลตัวเอง ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ กันอย่างเต็มที่ และหนึ่งในผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์นครพนมที่เลือกมาดูแลตัวเองเช่นกัน คุณนุ่น จิฬาลักษณ์ สุจริต เดินผ่านมาออร่าความสวยมาแต่ไกล คราวนี้จะมาเปิดเผยเคล็ดลับนางงามกันก่อนขึ้นเวทีมิสแกรนด์นครพนมกันไปเลยยย

    เผยความลับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาของคุณนุ่น ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

    สวัสดีค่ะ นุ่น จิฬาลักษณ์ สุจริต ผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์นครพนมค่ะ ก่อนขึ้นประกวดหน้าจะโทรม ผิวจะเยินไม่ได้ ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมทั้งเรื่องหน้า เรื่องผิว เรื่องหุ่น วันนี้นุ่นก็เลยถือโอกาสมาดูแลตัวเองที่รมย์รวินท์คลินิกซะเลยค่ะ นุ่นไว้ใจให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแล เพราะที่นี่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 20 ปี และมีถึง 28 สาขาทั่วประเทศไทย ถ้าไม่เป็นตัวจริงเรื่องผิวก็คงไม่มีชื่อเสียงมายาวนาน และมีสาขามากมายขนาดนี้ค่ะ 

    พักนี้ต้องยอมรับว่าซ้อมหนักมากๆ ทั้งเรื่องการเดิน การโชว์บนเวที และยิ่งใกล้วันประกวดเข้ามาทุกที ตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ ทำให้ค่อนข้างพักผ่อนน้อย บวกกับนุ่นเป็นคนที่เวลาพักผ่อนไม่เพียงพอใต้ตานุ่นจะคล้ำ โทรมง่าย ดูไม่สดชื่นสดใสเลย พอมีโอกาสก็เลยเข้ามาปรึกษาคุณหมอไข่มุก (พญ.มุกตาภา สนธิอัชชรา) ว่าปัญหาใต้ตาแบบนุ่นควรจะแก้ไขยังไงดีค่ะ 

    ฟิลเลอร์ใต้ตา
    ฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้ใช้บริการจริง

    ก่อนทำหัตถการใดๆ คุณหมอไข่มุกจะใช้เทคนิค Lifting Select ในการช่วยประเมินปัญหาผิวของนุ่นผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อช่วยเลือกโปรแกรมที่ตอบโจทย์ปัญหาที่มีได้มากที่สุด ซึ่งเทคนิคนี้มีเฉพาะแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะคะ

    หลังจากประเมินผิวผ่าน Lifting Select แล้ว คุณหมอไข่มุกเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตาที่นุ่นกังวลใจค่ะ ซึ่งคุณหมอไข่มุกอธิบายว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีสารประกอบที่มีความปลอดภัยต่อผิว สามารถสลายไปเองได้โดยธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือตกค้าง

    ฟิลเลอร์ใต้ตา
    ฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้ใช้บริการจริง

    สามารถฉีดได้ทุกบริเวณ คุณหมอจึงเลือกทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้นุ่น ซึ่งคุณหมอบอกว่า ฟิลเลอร์เป็นสารประกอบ Hyaluronic Acid หรือ HA ที่เป็นตัวกักเก็บน้ำอยู่แล้ว ยิ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตามากยิ่งขึ้น และยังช่วยเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยรอบดวงตาให้เต็มมากยิ่งขึ้น ทำให้ตาดูสดใส อิ่มฟูเหมือนได้นอนพักผ่อนครบ 8 ชั่วโมงเลยค่ะ 

    ฟิลเลอร์ใต้ตา
    ฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้ใช้บริการจริง

    หลังฉีด นุ่นก็ถูกใจการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มากๆ เลยค่ะ เพราะสามารถเปลี่ยนใต้ตานุ่นได้แบบทันที จากที่ก่อนหน้าเข้ามาคลินิกยังดูคล้ำ ดูโทรมไม่สดใสเลย แต่ตอนนี้คือตาปิ๊ง ตาไบรท์ ดูเป็นธรรมชาติมากๆ เหมือนได้พักผ่อนเพียงพอ ทาครีมบำรุงใต้ตาราคาแพง แต่แค่ทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาตัวเดียวรู้เรื่อง เห็นผลสุดๆ เลยค่ะ

    เป็นตัวช่วยเร่งด่วนช่วยฟื้นฟูใต้ตานุ่นไว้ได้ทันเวลาจริงๆ ค่ะ คราวนี้ขึ้นประกวดเวทีมิสแกรนด์นครพนมรอบสุดท้าย นุ่นก็อวดตาสวยๆ ของนุ่นได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องขอร้องให้พี่ช่างแต่งหน้ากลบรอยใต้ตาของนุ่นจนหนาโบ๊ะแล้วค่ะ 

    ใครที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาโทรม มีริ้วรอย เลือกมาทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่รมย์รวินท์คลินิกเหมือนนุ่นได้เลยแอบกระซิบว่าคุณหมอไข่มุกมือเบาะมากๆ

    • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่เป็นก้อนแน่นอนค่ะ
    • ที่รมย์รวินท์คลินิกใช้เทคนิคเฉพาะทาง และเป็นเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก เพื่อให้หลังการทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ออกมาได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูไม่หลอกตาค่ะ
    • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีการติดตามผลหลังการรักษาทุกเคส เพื่อให้ผู้มาเข้ารับบริการได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และเกิดความมั่นใจ วางใจในคลินิกค่ะ 
    ฟิลเลอร์ใต้ตา
    ฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้ใช้บริการจริง

    ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง

    • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา
    • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาร่องตาลึก
    • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา 
    • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ
    ฟิลเลอร์ใต้ตา
    ฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้ใช้บริการจริง

    วิธีดูแลหลังทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

    • หลังทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหลีกเลี่ยงการสัมผัส กด เกา ขยี้ตา
    • หลังทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถทำความสะอาดผิวด้วยน้ำสะอาด อุณหภูมิปกติ
    • หลังทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น การเลเซอร์ผิว การซาวน่า 
    • หลังทำฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรงดการสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือของหมักดอง ของดิบ

    เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ ใต้ตาที่ดูคล้ำ ดูโทรม ก็ส่งเสริมให้หน้าดูไม่สดใส มาแก้ไขปัญหาใต้ตาด่วนด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่รมย์รวินท์คลินิกแบบคุณนุ่น ผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์นครพนมกันนะคะ

    หรือใครที่มีปัญหาผิวสามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาได้เลย ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ 

     

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      เคล็ดลับความหล่อละมุน ละลายใจสาวแบบฉบับ “เก่ง หฤษฎ์”

      เก่ง หฤษฎ์

      เคล็ดลับความหล่อละมุน ละลายใจสาวแบบฉบับ “เก่ง หฤษฎ์”

      พูดถึงภาพยนตร์เรื่องที่กำลังเป็นกระแสอันโด่งดังตามโซเชียล ไม่มีใครไม่รู้จัก “วิมานหนาม” และถ้าพูดถึงความหล่อ ละมุน อบอุ่นของเรื่องนี้ที่สาวหลายๆ คนพร้อมจะยอมยกหัวใจให้ก็คงหนีไม่พ้นตัวละครจิ่งนะที่หนุ่ม “เก่ง หฤษฎ์ บัวย้อย” แสดงนั่นเอง มาเปิดวาร์ปหนุ่มจิ่งนะ เอ้ย! หนุ่มเก่ง หฤษฎ์ กันว่าตัวจริงจะหล่อละมุนตุ้นเหมือนในหนังมั้ย!

      เก่ง หฤษฎ์เก่ง หฤษฎ์

      เก่ง หฤษฎ์ กับเคล็ดลับความหล่อคนสาวกรี๊ด

      ตัวจริงของเก่ง หฤษฎ์ ก็หล่อละมุนไม่แพ้กับในหนังเลย และที่สำคัญหนุ่มเก่งก็กำลังเป็นที่กรี๊ดกร๊าด และเป็นขวัญใจของแฟนคลับ และอยู่ในกระแสสุดๆ ทั้งกระแสคู่จิ้นและเรื่องหน้าตาที่หล่อละมุน สายตาหวานๆ อ้อนๆ เขย่าหัวใจของแฟนคลับ ให้อ่อนยวบ แล้วยังมีฝีมือการแสดงที่มากฝีมือไม่แพ้กันเลย มากไปกว่านั้น หนุ่มเก่ง หฤษฎ์ยังมีดีกรีเป็นถึงเดือนประจำมหาวิทยาลัยพะเยา และเทพบุตรยี่เป็งด้วยนะ! แถมยังกวาดรางวัลจากเวทีการประกวดมาอีกมากมายหลายรางวัลเป็นเครื่องการันตีความหล่อ ละมุน ความเก่งสมชื่อ ของหนุ่มเก่ง หฤษฎ์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

      เก่ง หฤษฎ์เก่ง หฤษฎ์

      เห็นเจ้าตัวหล่อละมุนขนาดนี้ก็ต้องไม่พลาดถามเลยว่า เจ้าตัวมีเคล็ดลับดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่าเป็นคนที่ชอบดูแลตัวเองอยู่แล้ว ทั้งเลือกผิวและเรื่องสุขภาพ ทั้งใส่ใจในเรื่องการกิน การพักผ่อนให้เพียงพอซึ่งจะพยายามนอนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย วันไหนถ้านอนน้อยก็จะสมองเบลอๆ นิดนึง ก็พยายามจะหาอาหารหรือวิตามินเพื่อบำรุงสมองด้วย เพราะเราเป็นนักแสดง ต้องจำบท จำสคริปต์ออกอีเวนต์ก็ต้องบำรุงสมองซักหน่อย ส่วยเรื่องผิวพรรณก็มีบำรุงทั่วไป อย่างเช่นครีมทาผิว หรือถ้าวันไหนต้องออกแดดอย่างไปออกกอง ออกอีเวนต์ หรือเล่นฟุตบอลก็จะทาครีมกันแดดทั้งหน้า และผิวเพราะไม่อยากให้แดดเผชิญกับผิวโดยตรง ต้องป้องกันไว้ดีกว่าแก้

      เก่ง หฤษฎ์เก่ง หฤษฎ์

      หรือการรับประทานอาหารก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากๆ ก็จะเลือกกินดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากๆ อย่างผักผลไม้ หรือกินอาหารที่มีโปรตีนเป็นหลักเมื่อต้องไปเข้าฟิตเนส โดยส่วนตัวแล้วเก่งเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว วันไหนที่ว่างจากการทำงานก็จะชอบเข้าฟิตเนส หรือนัดเพื่อนไปเล่นฟุตบอลกันอยู่บ่อยๆ ถือว่าเป็นการเสียเหงื่อที่ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรง

      เก่ง หฤษฎ์เก่ง หฤษฎ์

      ส่วนเรื่องสุขภาพจิตก็จะหาอะไรทำในสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างเช่นการดูหนัง หรือหากิจกรรมยามว่างทำ นัดเที่ยวกับเพื่อนๆ อะไรแบบนี้ และอีกอย่างหนึ่งก็คือการได้มาเจอกับแฟนคลับที่น่ารักก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีด้วยครับ (กรี๊ดดดดด)

      เคล็ดลับเหล่านี้นี่เองที่ทำให้หนุ่ม เก่ง หฤษฎ์ หนุ่มหล่อ เผยออร่าความละมุนได้ขนาดนี้ ซึ่งเคล็ดลับของหนุ่มเก่ง หฤษฎ์ สามารถทำตามได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเคล็ดลับสุดท้าย เพราะหนุ่มเก่ง หฤษฎ์ ถือเป็นการเสริมพลังให้แฟนคลับมีสุขภาพจิต สุขภาพใจที่ดีได้ไม่น้อยเลย
      หนุ่มเก่ง หฤษฎ์ทิ้งท้ายไว้ว่าแฟนคลับสามารถเอาเคล็ดลับที่กล่าวมาข้างต้นไปทำตามกันได้เลย ไม่หวง จะได้เปล่งออร่าความละมุนตามแบบหนุ่มเก่ง หฤษฎ์

      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




        วันที่สะดวกในการติดต่อ








        ฟิลเลอร์คางคืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง? อันตรายไหม? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง

        ฟิลเลอร์คาง

        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




          วันที่สะดวกในการติดต่อ








          ฟิลเลอร์คางคืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง? อันตรายไหม? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง

          ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจ และมองข้ามการแก้ปัญหานี้ไป ซึ่งคางเป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรให้ความสนใจมากที่สุด เพราะปัญหาของคางสั้น คางตัด คางบุ๋มแล้ว ยังสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวยสมส่วน รับเข้ากับใบหน้ามากขึ้น

          แต่การจะฉีดฟิลเลอร์คางครั้งแรกต้องศึกษาข้อมูลก่อนฉีดฟิลเลอร์ว่า การฟิลเลอร์คาง คืออะไร ฟิลเลอร์คางช่วยอะไรบ้าง ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม หาคำตอบทุกเรื่องเกี่ยวกับฟิลเลอร์คาง เพื่อเตรียมความพร้อมได้แล้วกับบทความนี้

          ฟิลเลอร์คางคืออะไร? อันตรายไหม? เจาะลึกเรื่องของการฉีดฟิลเลอร์คางที่ต้องรู้ก่อนฉีด

          ฟิลเลอร์คาง
          ฟิลเลอร์คางคืออะไร

          ฉีดฟิลเลอร์คางคืออะไร?

          ฟิลเลอร์คาง คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) เข้าไปสู่บริเวณใต้คาง เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วน หน้าเรียวเล็กมากขึ้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์คางสามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที และเนื้อฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีอาการบวมช้ำเหมือนกับการผ่าตัดเสริมคาง ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

          การฉีดฟิลเลอร์คางจะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เมื่อฉีดเข้าไปฟิลเลอร์คางจะคงตัวได้ดี สามารถยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อปรับรูปหน้า ในการฉีดฟิลเลอร์คางจำเป็นต้องทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญการเท่านั้น

          ฟิลเลอร์คาง
          ลักษณะโหงวเฮ้งที่ดีเป็นอย่างไร

          ฉีดฟิลเลอร์คางกับโหงวเฮ้งที่ดี ลักษณะคางที่ดี เป็นอย่างไร?

          โหงวเฮ้งคาง (ตี่เก๊าะ) ที่ดี คือศาสตร์การปรับรูปหน้าของจีน การดูโหงวเฮ้งคางสามารถบ่งบอกถึงลักษณะนิสัย ความรู้และความสามารถได้อีกด้วย โดยโหงวเฮ้งคางจะมีลักษณะเด่นและลักษณะด้อยของคาง ดังนี้

          ลักษณะคางเด่น

          คางกลมมน : จะมีรูปทรงคางที่สวยงาม แบบถูกหลักโหงวเฮ้ง โดยลักษณะนี้จะเป็นบุคลิกที่มีความโอบอ้อมใจดี สมถะ ถ่อมตน
          คางนูน : บ่งบอกถึงความเป็นคนมีวาสนามั่งมีทรัพย์ สติปัญญาสูง มักเป็นที่รักใคร่แก่คนทั่วไป และเป็นที่สนใจต่อเพศตรงข้าม

          ลักษณะคางด้อย

          คางแหลม : เป็นบุคลิกลักษณะไม่ประนีประนอม
          คางสองชั้น : ลักษณะบุคลิกนี้อาจจะดูเป็นคนเกียจคร้าน นิยมวัตถุ และเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นน้อย
          คางสั้น คางหลบ : เป็นลักษณะของคนไม่ค่อยเข้าสังคม มีลับลมคมใน ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ มักจะขี้กังวล ขาดความอดทนและขี้เกรงใจ

          ฟิลเลอร์คาง
          ฟิลเลอร์คางช่วยอะไร

          ฉีดฟิลเลอร์คางช่วยอะไร?

          ฉีดฟิลเลอร์คางเป็นการฉีดเพื่อปรับรูปหน้า เสริมโหงวเฮ้ง แก้ปัญหาคางไม่สมส่วน หรือแก้ปัญหาคางต่าง ๆ ดังนี้

          • ฉีดฟิลเลอร์คางช่วยแก้ปัญหาคางตัด คางสั้น คางบุ๋ม เพื่อแก้ปัญหาให้ได้สัดส่วนมากขึ้น
          • ฉีดฟิลเลอร์คางช่วยแก้ปัญหาหน้ากลม ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวมากขึ้น
          • ฉีดฟิลเลอร์คางช่วยแก้ปัญหาคางเบี้ยว ไม่เท่ากัน
          • ฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อเสริมโหงวเฮ้งให้มีความมั่นใจมากขึ้น
          • ฉีดฟิลเลอร์คางช่วยเสริมคางให้ยาวขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

          ฉีดฟิลเลอร์คางเหมาะกับใคร?

          ฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นหัตถการที่เหมาะกับคนที่อยากเสริมคาง แต่ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากมีแผล และไม่อยากพักฟื้น เหมาะกับคนที่มีฐานคางเดิมที่ต้องการปรับรูปทรงให้ดูเรียวยาว มีมิติสวยขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม เสริมความมั่นใจให้กับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

          ฉีดฟิลเลอร์คางไม่เหมาะกับใคร?

          • การฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางสั้นหรือคางถอยมาก ๆ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และอาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลเป็นก้อน คางไม่สวย หรือคางผิดรูปได้ นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์คางไม่เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร เพราะการฉีดฟิลเลอร์คางจะสลายไปเองตามธรรมชาติ

          ฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อจำกัดอะไรบ้าง?

          การฉีดฟิลเลอร์คางไม่เหมาะกับคนที่มีข้อจำกัด ดังนี้

          • ฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่เหมาะกับคนที่มีอาการแพ้ฟิลเลอร์หรือแพ้สารไฮยารูลอนิก แอซิด
          • ฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดเลือดยาก หรือมีแผลฟกช้ำง่าย
          • ฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่เหมาะกับคนที่กำลังรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
          • ฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่เหมาะกับคนที่เป็นเริมหรืองูสวัด
          • ฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์
          ฟิลเลอร์คาง
          ฟิลเลอร์คางดีอย่างไร

          ฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อดีอย่างไร?

          • ฉีดฟิลเลอร์คางไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที เหมาะกับคนที่ต้องการรูปหน้าที่เรียวขึ้น
          • ฉีดฟิลเลอร์คางสามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไม่มีตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง
          • ฉีดฟิลเลอร์คางช่วยปรับรูปคางให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ
          • ฉีดฟิลเลอร์คางหากไม่ชอบผลลัพธ์หลังทำสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้

          ฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อเสียอย่างไร?

          • ฉีดฟิลเลอร์คางผลลัพธ์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร โดยการฉีดฟิลเลอร์คางจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ฉีด ทำให้ต้องฉีดซ้ำต่อเนื่องหลังจากฟิลเลอร์สลายตัว
          • ฉีดฟิลเลอร์คางหากใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
          • หากฉีดฟิลเลอร์คางกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญอาจทำให้คางผิดรูป หรือทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลง
          ฟิลเลอร์คาง
          ฟิลเลอร์คาง กับผ่าตัดศัลยกรรมคาง ต่างกันอย่างไร

          ฉีดฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดศัลยกรรมคาง แตกต่างกันอย่างไร?

          • การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นการเสริมคางด้วยเนื้อฟิลเลอร์ ไม่ต้องผ่าตัดไม่ต้องพักฟื้น โดยการฉีดฟิลเลอร์คางเป็นการเสริมคางจากเดิมไม่เกิน 1 เซนติเมตร เห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังทำ หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-24 เดือน
          • ส่วนการเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นการผ่าตัดโดยนำซิลิโคนเข้าไปภายในใต้เนื้อเยื่อกระดูกบริเวณคาง เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมคางยาวมากกว่า 1 เซนติเมตร หลังผ่าตัดเสริมคางต้องดูแลแผลอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงแผลอักเสบและติดเชื้อ การผ่าตัดเสริมคางจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 1-3 เดือน ซึ่งผลลัพธ์ของการผ่าตัดเสริมคางนั้นอยู่ได้ถาวร หากอยากแก้ไขต้องผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนคางใหม่เท่านั้น
          ฟิลเลอร์คาง
          ฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี

          ฉีดฟิลเลอร์คาง ยี่ห้อไหนดี?

          ยี่ห้อฟิลเลอร์คางที่เหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์คาง เนื้อฟิลเลอร์ต้องมีความคงตัว เนื้อแน่น อิ่มฟู เพื่อให้ปั้นทรงคางที่สวยได้รูป โดยฟิลเลอร์คางมีทั้งหมด 4 ยี่ห้อด้วยกัน ดังนี้

          ฟิลเลอร์คางยี่ห้อ Difinisse

          • ฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี ผลิตโดยบริษัท Relife Company บริษัทในเครือ A.Menarini อิตาลี มีการนำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยบริษัท A.Menarini Thailand โดยรุ่นที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์คางคือ Difinisse Core โดยฟิลเลอร์มีลักษณะเนื้อแข็ง เหมาะสำหรับการเสริมกระดูก เติมคาง ปรับรูปหน้าได้ดี ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน

          ฟิลเลอร์คางยี่ห้อ Restylane

          • ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน นำเข้าโดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด โดยรุ่นที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์คางคือ Restylane Perlane Lyft โดยเนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะเนื้อแน่น มีความคงตัวสูง ไม่ฟู สามารถคงรูปได้ดี เหมาะสำหรับฉีดคางสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน

          ฟิลเลอร์คางยี่ห้อ Belotero Intense

          ฟิลเลอร์แท้จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์ แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Merz Aesthetic) ผลิตโดยเทคโนโลยีเฉพาะ Cohesive Polydensified Matrix (CPM)  โดยรุ่นที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์คาง มีดังนี้

          • Belotero Intense เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะคงตัวสูง มีความยืดหยุ่น ขึ้นรูปได้สวย สามารถแก้ปัญหาร่องลึกมาก ๆ จากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
          • Belotero Volume เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะมีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะสำหรับเพิ่มมิติและเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน

          ฟิลเลอร์คางยี่ห้อ Juvederm

          ฟิลเลอร์แท้จากประเทศอเมริกา นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand โดยรุ่นที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์คางคือ

          • Juvederm Voluma เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะเนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเติมคางเพื่อความเป็นธรรมชาติ ปั้นทรงคางให้สวยรับกับใบหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
          • Juvederm Volux เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะเนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ขึ้นรูปทรงคางง่าย ปั้นรูปทรงคางอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
          ฟิลเลอร์คาง
          ฟิลเลอร์คางเตรียมตัวอย่างไร

          ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง ควรงดวิตามิน อาหารเสริม รวมไปถึงยาแก้ปวด ยาละลายลิ่มเลือด 7 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง หากเป็นยารักษาโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน
          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง งดแอลกอฮอล์หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมง 
          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง งดทายาชนิดผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ 
          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง งดทำหน้าหรือเลเซอร์ผิวหน้าก่อนอย่างน้อย 3 วัน
          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง ควรแจ้งโรคประจำตัวกับแพทย์ก่อนทำหัตถการ
          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ควรแต่งหน้ามาฉีดฟิลเลอร์คาง เพราะอาจมีสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางตกค้างบริเวณคาง แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องแต่งหน้ามาฉีดฟิลเลอร์คางนั้นสามารถทำได้ โดยทางคลินิกจะมีการทำความสะอาดบริเวณที่ทำก่อนฉีดฟิลเลอร์
          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง ควรหาข้อมูลคลินิกที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ มีแพทย์ผู้ชำนาญการในด้านการฉีดฟิลเลอร์ก่อนเข้ารับบริการ
          • ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง ควรศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอมก่อนเข้ารับบริการ

          ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คาง

          • ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง โดยแพทย์จะประเมินทรงคาง เพื่อเลือกทรงคางที่เหมาะสมกับใบหน้าให้ได้สัดกส่วนมากที่สุด
          • แพทย์จะช่วยแนะนำยี่ห้อและรุ่นที่เหมาะสมของฟิลเลอร์คางให้เหมาะสมกับความต้องการ
          • เริ่มทำความสะอาดบริเวณใบหน้า เพื่อความสะอาดและปลอดภัย
          • แปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อบรรเทาลดความเจ็บปวด
          • แพทย์เริ่มฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่บริเวณคางและปั้นทรงคาง โดยใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที
          • เมื่อฉีดเสร็จแล้วแพทย์จะให้นั่งพักสั่งครู่ เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์เซตตัว
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

          ฟิลเลอร์คาง

          การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คาง

          หลังฉีดฟิลเลอร์คางดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง?

          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรรีบทานยาฆ่าเชื้อทันที
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ห้ามแกะ เกา และนวดในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์คาง ห้ามปั้นทรงคางด้วยตัวเอง
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง อาการบวมจะค่อย ๆ หายไปเองใน 7-14 วัน
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง งดการทำเลเซอร์ อย่างน้อย 1 เดือน
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เช่น ซาวน่า หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู เป็นต้น
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ห้ามเท้าคาง นอนคว่ำ หรือ หลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณคาง เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์คางเกิดการเคลื่อนที่
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรรับประทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการติดเชื้อหลังฉีดฟิลเลอร์
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ยุบบวมช้า ผลการรักษาระยะเวลาอยู่ได้สั้นน้อยลง และอาจทำให้เกิดการอักเสบได้
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
          • หลังฉีดฟิลเลอร์คาง อย่าขยับใบหน้าเยอะบริเวณที่ฉีดในช่วง 3 วันแรก ไม่ล้างหน้าหรือถูหน้าแรง ๆ

          อาการหลังฉีดฟิลเลอร์คาง 24 ชั่วโมง

          • หลังฉีดฟิลเลอร์คางจะเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที โดยรูปทรงคางจะยาวสวยขึ้น แต่อาจจะมีอาการบวมมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้บริเวณคางฟูมากขึ้น แต่เมื่อผ่านไป 7-14 วัน อาการบวมเข็มจะค่อย ๆ ยุบลง ฟิลเลอร์คางเข้าที่มากขึ้น และผลลัพธ์เข้าที่หลังฉีดฟิลเลอร์ 2 สัปดาห์
            ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร?

          ฉีดฟิลเลอร์คางไม่ตรงกับตำแหน่งที่ฉีด

          • การฉีดฟิลเลอร์ไม่ตรงกับตำแหน่งที่มีปัญหา เช่น ฉีดฟิลเลอร์ริ้วรอยเยอะเกินไป หรือ ฉีดฟิลเลอร์เติมร่องลึกที่ตื้นเกินไป รวมไปถึงการใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม จะทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนและอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้

          เลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการฉีด

          • หากใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลหนาแน่นสูงสำหรับฉีดลงบนผิวชั้นลึก ฉีดลงไปในผิวชั้นตื้น จะทำให้ฟิลเลอร์เป็นก่อนบวมได้ เพราะฉะนั้นควรเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ต้องการฉีด จะได้ไม่เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็งได้

          ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

          • การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ ราคาถูก ทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหลย้อยไม่เป็นทรง หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นฟิลเลอร์เน่าได้ เพราะฉะนั้นไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ปลอมเด็ดขาด เพราะไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ต้องขูดออกหรือศัลยกรรมผ่าตัดเท่านั้น

          แพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์ไม่มีประสบการณ์ทางด้านการฉีดฟิลเลอร์คาง

          • แพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์คางจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์ในแต่ละชนิด รวมถึงโครงสร้างของสรีรวิทยาของร่างกายของมนุษย์ และมีความรู้ด้านการปรับรูปหน้าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด แพทย์ที่ขาดความรู้และประสบการณ์จะให้เกิดความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อนบวมได้

          คำถามพบบ่อยของการฉีดฟิลเลอร์คาง

          ฉีดฟิลเลอร์คางใช้กี่ CC?

          • ในการฉีดฟิลเลอร์คางสำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม คางตัด โดยปกติจะเติมคางให้ยาวลงมาได้ไม่เกิน 1 เซนติเมตร ดังนั้นสำหรับคนที่มีปัญหาและต้องการปรับแก้ไขรูปทรงคางให้ยาวขึ้น จะใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 CC เท่านั้่น สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้

          ฟิลเลอร์คางหายบวมในกี่วัน?

          • หลังฉีดฟิลเลอร์คางจะหายบวมได้เองประมาณ 4-5 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเข้าที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งหลังจากการฉีดฟิลเลอร์อาจมีผลข้างเคียง เช่น ผื่นหรือจุดแดงบริเวณรอยเข็ม ที่สามารถหายเองได้ ส่วนอาการบวมหลังฉีดนับเป็นเรื่องปกติ หากมีอาการปวดบริเวณที่ฉีด สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดได้

          ฉีดฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานไหม?

          • การฉีดฟิลเลอร์คางจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ที่มีความคงตัวสูง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์คางอยู่ได้ประมาณ 12-24 เดือน ตามอายุของยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ นอกจากนี้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคล

          ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วผ่าตัดเสริมคางได้ไหม?

          • หากฉีดฟิลเลอร์คางแล้ว สามารถผ่าตัดเสริมคางได้ในภายหลัง แต่ต้องรอให้ฟิลเลอร์คางสลายหมดก่อน เนื่องจากจะส่งผลต่อการยึดเกาะของซิลิโคนที่ฉีดฟิลเลอร์มา ดังนั้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรศึกษาข้อมูลและวางแผนให้ดีก่อนว่ามีแผนต้องการเสริมซิลิโคนคางในอนาคตหรือไม่ และการฉีดฟิลเลอร์คางหรือการผ่าตัดเสริมคางเหมาะสมกับตัวเองมากน้อยแค่ไหน

          ฉีดฟิลเลอร์คางสลายได้ไหม?

          • หากฉีดฟิลเลอร์คางแท้ หลังฉีดฟิลเลอร์คาง เนื้อฟิลเลอร์จะสลายเองตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ แต่กรณีที่ไม่ชอบรูปทรงคางและอยากแก้ไขสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยตัวยา Hyaluronidase ช่วยสลายฟิลเลอร์ออกไปจนหมด

          ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม?

          • ในระหว่างฉีดฟิลเลอร์คางอาจจะมีความรู้สึกเจ็บในขณะฉีด ฟิลเลอร์บางยี่ห้อจะมีส่วนผสมของยาชา ช่วยลดความรู้สึกเจ็บในขณะฉีดได้ เช่น ยี่ห้อ Restylane หรือ ยี่ห้อ Juvederm เป็นต้น

          ฉีดฟิลเลอร์ที่คางอันตรายไหม?

          • การฉีดฟิลเลอร์ที่คางอย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย ควรฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการในด้านการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน สลายเองได้เองตามธรรมชาติ และไม่มีการตกค้างภายในร่างกาย

          เป็นสิวที่คางฉีดฟิลเลอร์คางได้ไหม?

          • ในกรณีเป็นสิวที่คางแบบรุนแรง เช่น สิวอักเสบ สิวหัวช้าง หรือ สิวฮอร์โมน ควรพักการฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อทำการรักษาสิวให้หายก่อน เพราะอาจเกิดการอักเสบมากขึ้นกว่าเดิมและอาจทำให้เกิดการบวมหรือแดงจากรอยเข็มได้

          ฉีดฟิลเลอร์คางนอนตะแคงได้ไหม?

          • คนที่ฉีดฟิลเลอร์คางให้หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ นอนตะแคง เพื่อป้องกันการกดทับของคางเพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงได้ ควรดูแลรูปทรงคางหลังจากฉีดฟิลเลอร์ เพื่อรักษาผลลัพธ์ของทรงคางสวยรับกับใบหน้าที่สุด

          ฉีดฟิลเลอร์คางห้ามทานอะไร?

          อาหารบางชนิดส่งผลต่อการอักเสบหรือการยุบบวมของผิวจากการฉีดฟิลเลอร์คาง แต่หลังจากฟิลเลอร์เข้าที่ในช่วง 2 สัปดาห์ สามารถรับประทานได้ตามปกติ โดยอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 2 สัปดาห์แรก มีดังนี้

          • งดอาหารรสจัด เนื่องจากอาหารรสจัดมักดูดน้ำกลับเข้าสู่ร่างกายค่อนข้างมาก ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าและลำตัวเกิดภาวะบวมน้ำ
          • หลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารหมักดอง เพราะจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
          • งดดื่มแอลกอฮอล์และงดบุหรี่ เพราะจะทำให้เกิดการยุบตัวช้า และผลลัพธ์ฟิลเลอร์จะอยู่ได้สั้นลง

          หลังฉีดฟิลเลอร์คางทำหัตถการอื่นได้ไหม?

          • หลังจากการฉีดฟิลเลอร์คางสามารถทำหัตถการอื่นร่วมกันได้ เช่น การฉีดโบ การร้อยไหม การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณอื่น รวมไปถึงการทำยกกระชับ Ulthera SPT หรือ Ultraformer MPT 4D Lift โดยก่อนทำควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อวางแผนลำดับการทำก่อน-หลัง และแนะนำระยะเวลาที่เหมาะสมกับการทำหัตถการอื่น ๆ ร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์คางได้

          สรุปเรื่องฟิลเลอร์คาง

          การฉีดฟิลเลอร์คางนับเป็นหัตถการช่วยปรับใบหน้าให้มีความเรียว ดูสมมาตร ได้สัดส่วนและมีมิติมากขึ้น โดยฟิลเลอร์คางจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของคางบุ๋ม คางสั้น คางตัด ช่วยให้ใบหน้าเรียวยาวมากขึ้น หลังจากฉีดฟิลเลอร์คางจะเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที และสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีตกค้างในร่างกาย ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์คางนั้นสามารถอยู่ได้นานกว่า 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้และการดูแลตนเองในแต่ละบุคคล เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องควรทำปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด และที่สำคัญควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และแพทย์มีความชำนาญเฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด

          สอบถามติดต่อ :https://bit.ly/RomrawinLINE

           

          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




            วันที่สะดวกในการติดต่อ








            ฟิลเลอร์ปากอวบอิ่ม อยู่ได้กี่เดือน ทรงปากแบบไหนเหมาะกับใคร

            ฟิลเลอร์ปาก

            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




              วันที่สะดวกในการติดต่อ








               
              ฟิลเลอร์ปาก
              รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

              ฟิลเลอร์ปากอวบอิ่ม แก้ปัญหารูปทรงปาก ฉีดครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง?

              ในปัจจุบันเรื่องของเทรนด์ความสวยความงาม เป็นสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนเริ่มหันมาให้ความสนใจ และใส่ใจดูแลตัวเองอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยม คือ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงรูปทรงปากแบบสาวเกาหลี หรือสาวสายฝอได้ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของฟื้นฟูริมฝีปากให้กลับมาชุ่มชื้น เรียบเนียนขึ้น แก้ปัญหาริมฝีปากตกร่อง และริมฝีปากแห้ง ให้กลับมาฉ่ำวาวสุขภาพดีอีกครั้ง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากนับว่าเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์มาก บทความนี้รมย์รวินท์คลินิกขอรวบรวมทุกเรื่องของฟิลเลอร์ปาก ให้สาว ๆ ทุกคนได้เตรียมตัวและเตรียมข้อมูลให้พร้อม ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่ดี

              เทรนด์ฮิตฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง

              ฟิลเลอร์ปาก

              ฟิลเลอร์ปากคืออะไร?

              การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ที่มีคุณสมบัติในด้านของการอุ้มน้ำ โดยการฉีดสารเติมเต็มหรือการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นการฉีดเข้าไปบริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มขนาดของริมฝีปากและปรับโครงสร้างของริมฝีปาก ช่วยให้ริมฝีปากมีความอวบอิ่มมากขึ้น แก้ปัญหาริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นขุย อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากบนและล่างไม่เท่ากัน

              นอกจากฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อความอวบอิ่ม ฟิลเลอร์ปากยังสามารถแก้ปัญหาปากคว่ำให้กลับมายิ้มแย้มสดใสขึ้น ด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปาก และสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยรอบบริเวณมุมปากให้กลับมาเต่งตึงขึ้น เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที

              สัดส่วนปากทองคำ (Golden Ratio)

              หลักการเลือกรูปทรงปากให้เข้ากับใบหน้า ต้องพิจารณาดูความเหมาะสมของสัดส่วนใบหน้า โดยหลักเกณฑ์การพิจารณามี ดังนี้

              • ขนาดของริมฝีปากบน : ล่าง มีความเหมาะสมตามสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) 1:1.618
              • ขอบริมฝีปากต้องมีสัดส่วนที่เท่ากันทั้ง 2 ข้าง
              • มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ไม่ทิ่มคว่ำลง
              • ร่องริมฝีปากบนมีขอบหยักที่ชัดเจน คมชัด และดูมีมิติ
              • เนื้อริมฝีปากล่างไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินขอบเขตของริมฝีปากบน
              • เนื้อริมฝีปากอวบอิ่ม เรียบเนียน และไม่มีริ้วรอยย่นบนริมฝีปาก

              ฟิลเลอร์ปาก

              ฟิลเลอร์ปากช่วยอะไร?

              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยบำรุงริมฝีปากที่แห้งแตก ลอกเป็นขุย ให้กลับมามีความชุ่มชื้นอีกครั้ง
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยปรับรูปทรงตามที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นทรงเกาหลี ปากสายฝอ และปากกระจับ
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยปรับขนาดของโครงสร้างให้มีสัดส่วนที่สมดุลกันอย่างสวยงาม
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเพิ่มเติมเนื้อบริเวณริมฝีปาก ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาปากบางจนเกินไป
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยทำให้ขอบปากมีขอบเขตที่ชัดเจนสวยงามขึ้น
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดบริเวณริมฝีปาก
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยการฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากขึ้น ช่วยแก้ปัญหามุมปากคว่ำตกจนทำให้ใบหน้าดูบึ้งตึง

              ฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใคร?

              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่อยากปรับทรงริมฝีปากให้สวยขึ้น
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากบาง ไม่เท่ากัน
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่มีริมฝีปากแห้งและตกร่อง
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับผู้ที่อยากเสริมโหงวเฮ้งให้กับใบหน้า

              ฉีดฟิลเลอร์ปากไม่เหมาะกับใคร?

              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับผู้ที่ผ่าตัดปากมา และมีพังผืดจากแผลรั้งริมฝีปากมากเกินไป
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับสตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้ยาหรือเป็นโรคที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเริม
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวหนังบริเวณริมฝีปาก หรือบริเวณใกล้เคียงเกิดการอักเสบอยู่ ควรรักษาให้หายก่อนทำ
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ง่าย
              • ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้กรดไฮยาลูรอน

              ฟิลเลอร์ปาก

              3 ทรงฟิลเลอร์ปากยอดนิยม

              ทรงของการฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับสาวไทย จะมีทั้งหมด 3 ทรง คือ ทรงปากกระจับ ทรงปากเกาหลี และทรงปากสายฝอ ซึ่งทรงปากแต่ละรูปแบบมีความแตกต่างกัน ดังนี้

              ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงกระจับ

              • ลักษณะทรงปากกระจับ จะเป็นรูปทรงปากโค้งเรียวสวยคล้ายกับผลกระจับ โดยริมฝีปากส่วนบนและส่วนล่างได้รูปทรงที่สวยรับกับใบหน้า หรือบางคนเรียกรูปทรงปากทรงนี้ว่าปากปีกนก เพราะมีลักษณะมุมปากกระจับเรียวและยกขึ้นคล้ายกับปีกนก รูปทรงปากกระจับ เป็นทรงที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

              ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงเกาหลี

              • ลักษณะทรงปากเกาหลี (Cherry Lips) จะเป็นรูปทรงที่คล้ายกับลูกเชอร์รี่ โดยช่วงกลางของริมฝีปากบนและล่างจะมีความอิ่มฟูมากกว่าด้านข้างริมฝีปาก ช่วยปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม แน่นฟู อีกทั้งยังช่วยทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอีกด้วย

              ฉีดฟิลเลอร์ปากทรงสายฝอ

              • โดยปกติลักษณะทรงปากสายฝอมี 2 รูปแบบ คือ ทรงปากอวบอิ่ม เซ็กซี่ ที่ริมฝีปากจะเต็มแน่นเฉพาะริมฝีปากล่าง ส่วนริมฝีปากบนจะมีความเจ่อเล็กน้อย ส่วนแบบปากอวบหนา จะมีรูปทรงปากที่เต็มแน่นทั้งริมฝีปากบนและริมฝีปากล่าง

              ฟิลเลอร์ปาก

              ฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี?

              สำหรับยี่ห้อฟิลเลอร์ ที่ใช้สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ได้รับความนิยม และได้รับการรับรองจาก อย.ไทย มีทั้งหมด 3 ยี่ห้อด้วยกัน ดังนี้

              ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อ Restylane

              เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกที่พัฒนาขึ้นจากประเทศสวีเดน นำเข้าโดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด รุ่นฟิลเลอร์ที่แนะนำเพื่อการฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ Restylane KYSSE เป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อฉีดบริเวณริมฝีปากโดยเฉพาะ เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดและคงตัว ช่วยให้ทรงปากได้รูปอย่างธรรมชาติ  รุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปากคือ 

              • ฟิลเลอร์ปาก Restylane Classic ลักษณะเนื้อนิ่ม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ปากดูเป็นทรงสวยธรรมชาติ อยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน
              • ฟิลเลอร์ปาก Restylane Kysse ฟิลเลอร์ลักษณะเนื้อละเอียด มีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับการสร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจน ช่วยมอบความชุ่มชื้นและความอวบอิ่ม ถูกออกแบบมา ลเพื่อใช้เติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ อยู่ได้นาน 12 เดือน

              ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อ Juvederm

              ฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยและคุณภาพจาก US FDA และ อย.ไทย นำเข้าโดยบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูง รุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ 

              • ฟิลเลอร์ปาก Juvederm Vobella ฟิลเลอร์จะมีโมเลกุลคล้ายเนื้อเจลนิ่ม มีความเนียนละเอียด กลืนกับผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
              • ฟิลเลอร์ปาก Juvederm Volift เนื้อค่อนข้างฟู นิ่มปานกลาง เรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากอิ่มฟูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน

              ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อ Belotero

              ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์ แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ใช้เทคโนโลยี Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษในการผลิต ทำให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น รุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปากคือ Belotero lips ฟิลเลอร์สำหรับฉีดปากโดยเฉพาะ ใน 1 เซตจะมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ

              • ฟิลเลอร์ปาก Belotero lips shape สำหรับเพิ่มวอลลุ่ม เติมความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก
                ฟิลเลอร์ปาก Belotero lips contour สำหรับปรับรูปทรงปากตามที่ต้องการ เพิ่มความคมชัดของขอบปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
              • ฟิลเลอร์ปาก Belotero Intense ฟิลเลอร์กล่องชมพูที่ช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่มและเรียบเนียนขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9-12 เดือน

              ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก

              • ฉีดฟิลเลอร์ปากช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก ช่วยปรับทรงปากให้สวยเข้ารูป
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากแก้ปัญหาปากแห้ง แตก ลอกเป็นขุยได้
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากผลลัพธ์ไม่ได้อยู่ถาวร แต่สามารถฉีดเพิ่มได้
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถฉีดสลายได้
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากมีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตราย ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ

              ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากเตรียมตัวอย่างไร?

              • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดรับประทานกลุ่มยาแอสไพริน 1 สัปดาห์ก่อนทำ
              • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดยาหรืออาหารเสริมต่าง ๆ ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 1 สัปดาห์ก่อนทำ และควรปรึกษาแพทย์เจ้าของคนไข้ก่อนหยุดยา
              • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดทายาชนิดผลัดเซลล์ผิวทุกชนิด เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ
              • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
              • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก งดแว็กซ์บริเวณรอบริมฝีปากก่อนทำ 1 สัปดาห์
              • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดกิจกรรมการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำ

              ฉีดฟิลเลอร์ปากมีขั้นตอนอย่างไร?

              • ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยแพทย์จะประเมินลักษณะของริมฝีปากของผู้ที่เข้ารับบริการ เพื่อเลือกทรงปากที่เหมาะสมกับใบหน้าที่สุด
              • แพทย์จะช่วยแนะนำยี่ห้อและรุ่นที่เหมาะสมของฟิลเลอร์ปาก ให้เหมาะสมกับความต้องการ
              • เริ่มทำความสะอาดบริเวณริมฝีปาก เพื่อความสะอาดและปลอดภัย
              • แปะยาชาและประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อช่วยลดบรรเทาความเจ็บ
              • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากควรตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่ โดยแพทย์จะแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า เพื่อความมั่นใจในฟิลเลอร์แท้
              • แพทย์เริ่มฉีดฟิลเลอร์ลงบนริมฝีปาก
              • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่นานขึ้น

              ฟิลเลอร์ปาก

              หลังฉีดฟิลเลอร์ปากดูแลตัวเองอย่างไร?

              หากอยากรักษาผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ปากให้อยู่ได้นาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งวิธีดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้

              • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก งดทาลิปสติกหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
              • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก งดรับประทานอาหารรสจัดเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
              • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับฟิลเลอร์ปาก ยังช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานขึ้น
              • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมไปถึงเครื่องดื่มร้อน เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
              • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ควรดึง หรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวริมฝีปากกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นได้น้อยลง
              • หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส การถู การบีบนวด บริเวณริมฝีปาก เพราะจะทำให้รูปทรงริมฝีปากเสียรูปได้
              ฟิลเลอร์ปาก
              ผลข้างเคียงจากฟิลเลอร์ปาก

              ฉีดฟิลเลอร์ปากมีผลข้างเคียงอย่างไร?

              ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ปากที่สามารถพบได้ในบางกรณี ดังนี้

              • ฉีดฟิลเลอร์ปากอาจเกิดอาการผื่น หรือจุดแดงขึ้นบริเวณริมฝีปาก
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากอาจเกิดอาการปวดหลังฉีดฟิลเลอร์ โดยสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมแดงหลังทำ เป็นอาการปกติทั่วไปที่เกิดจากการที่ฟิลเลอร์มีการกักเก็บน้ำใต้ผิว จนทำให้ริมฝีปากผิวอิ่มฟูกว่าปกติ และจะหายเองได้ใน 1 สัปดาห์
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน ซึ่งอาจเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป  หรือเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณริมฝีปาก รวมไปถึงการฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์
              • ฉีดฟิลเลอร์ปากในบางกรณีมีอาการแพ้ฟิลเลอร์หรือเกิดการอักเสบ โดยมีลักษณะเป็นก้อนบวมนูน ผิวแดง และรู้สึกเจ็บปวด หากพบอาการดังกล่าวต้องรีบเข้ารับการรักษากับแพทย์ทันที

              ฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อนเกิดจากอะไร?

              • ประสบการณ์และเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปากของแพทย์

              การฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับฟิลเลอร์ มีความรู้ในเรื่องของร่างกายมนุษย์ รวมไปถึงศิลปะในด้านของการปรับรูปหน้า ซึ่งถ้าแพทย์ไม่มีความชำนาญและขาดประสบการณ์ความรู้ มีโอกาสเสี่ยงฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อนจากการฉีดผิดชั้นผิวหรือผิดตำแหน่ง

              • ฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีอย.

              ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. เป็นฟิลเลอร์ราคาถูก ไม่มีประสิทธิภาพ ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ การฉีดฟิลเลอร์ปลอมจะทำให้เนื้อฟิลเลอร์ปลอมจับตัวกันเป็นก้อน ไหลย้อยไม่เป็นทรง ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี

              • ฉีดฟิลเลอร์ปากในปริมาณที่มากเกิน

              การฉีดฟิลเลอร์ปากต้องเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ ปริมาณของฟิลเลอร์ และตำแหน่งที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก หากใช้ปริมาณที่เกินจำเป็นอาจทำให้ฟิลเลอร์ปากเป็นก้อนได้

              • ชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับบริเวณริมฝีปาก

              การฉีดฟิลเลอร์ที่มีขนาดของโมเลกุลความหนาแน่นสูง ที่ควรฉีดลงผิวชั้นลึก หากนำมาฉีดในผิวชั้นตื้นจะทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนได้ เพราะฉะนั้นควรเลือกบริเวณที่ต้องการฉีดให้เหมาะสมกับชนิดของฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

              • อาการบวมหลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก

              หลังการฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมประมาณ 2-3 วันหลังทำ ซึ่งในบางกรณีที่มีปัญหาผิวบางและบวมง่าย อาจจะมีอาการบวม 5-7 วัน ซึ่งปกติฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่อยู่ประมาณ 7-14 วัน หลังฉีดฟิลเลอร์ควรรอให้ปากยุบบวมก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นอาการบวม หรือเป็นการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

              คำถามพบบ่อยของฟิลเลอร์ปาก

              ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่ CC ?

              • ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่ CC นั้นขึ้นอยู่กับทรงปากเดิมของแต่ละบุคคล โดยปกติการฉีดฟิลเลอร์ปากเริ่มต้นที่ 1-2 CC แต่สำหรับคนที่อยากได้ทรงปากสายฝอ ริมฝีปากหนาอิ่มฟูสามารถฉีดมากกว่านี้ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมินก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

              ฉีดฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม?

              • การฉีดฟิลเลอร์ปากไม่อันตราย ถ้าฉีดฟิลเลอร์แท้โดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น เพราะสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนมีความปลอดภัยสูง ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านของเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง เนื่องจากต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีดฟิลเลอร์ เพราะริมฝีปากประกอบไปด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด การฉีดฟิลเลอร์ปากแบบปลอดภัยจึงจำเป็นต้องเลือกฉีดกับแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น

              ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน? กี่วันเห็นผลลัพธ์?

              • ระยะเวลาของอาการบวมจากการฉีดฟิลเลอร์ปากจะหายได้เองหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 4-5 วัน โดยอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลง และเริ่มเห็นทรงปากที่ชัดเจนขึ้น และเห็นผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากอวบอิ่ม เป็นทรงสวยธรรมชาติ ประมาณ 1-2 สัปดาห์

              ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ไหม?

              • ฉีดสลายฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์มาแล้วไม่ชอบรูปทรงปาก อยากแก้รูปทรงปาก หรือแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน การฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยไฮยาโลรูนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปสู่บริเวณที่ต้องการสลายฟิลเลอร์ เพื่อลดการกักเก็บน้ำ ไขมัน และทำลายการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ช่วยปรับให้ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์กลับมาเรียบเนียนเสมอกันเหมือนเดิม ซึ่งการฉีดสลายฟิลเลอร์นั้นใช้ได้ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์แท้ ส่วนกรณีฉีดฟิลเลอร์ปลอมต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดเท่านั้น

              ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?

              • ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ปากจะรู้สึกเจ็บในระดับที่สามารถอดทนได้ เนื่องจากบริเวณริมฝีปากเป็นจุดที่อ่อนและบาง จึงมีความไวต่อความรู้สึก การแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากจึงช่วยทำให้ลดความเจ็บลงได้

              ผ่าตัดปากมาแต่ปากบาง ฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม?

              • ในกรณีที่ผ่าตัดริมฝีปากแต่ริมฝีปากบางเกินไป สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากแก้ไขให้รูปทรงปากดีขึ้นได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพังผืดที่เกิดจากการผ่าตัดริมฝีปาก ซึ่งถ้าพังผืดดึงรั้งมากเกินไปจะทำให้ฉีดฟิลเลอร์ได้น้อย ดังนั้นการผ่าตัดริมฝีปากต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะถ้าหากผ่าตัดริมฝีปากแล้วมีเนื้อปากที่บางจนเกินไปจะไม่สามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปากได้

              ฟิลเลอร์ปากฉีดได้บ่อยแค่ไหน?

              • ถ้าฟิลเลอร์ปากเริ่มสลายแล้ว สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากเติมใหม่ได้ แต่ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้ว แต่ต้องการจะฉีดฟิลเลอร์เพิ่มอีก จะต้องเว้นระยะห่างประมาณ 2-4 สัปดาห์ต่อการฉีดบริเวณตำแหน่งเดิม

              ฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานกี่เดือน?

              • การฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ และรุ่นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และรวมไปถึงการดูแลริมฝีปาก เพื่อให้ผลลัพธ์ยาวนานในแต่ละบุคคล

              การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากมีความยืดหยุ่น และแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าการผ่าตัด ทั้งยังมีความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติ การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ รมย์รวินท์คลินิกจึงเป็นคลินิกทางเลือกที่ดีที่สุด ที่พร้อมจะแก้ไขทุกปัญหาของใบหน้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มากประสบการณ์ และมีการชำนาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ

               

               

              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                 

                 

                AviClear รักษาสิว เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่รมย์รวินท์คลินิก

                AviClear
                งานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของ AviClear เครื่องรักษาสิว ที่รมย์รวินท์คลินิก: การเปลี่ยนแปลงที่ทุกคนรอคอย รมย์รวินท์คลินิกได้จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางสื่อมวลชน เพื่อแนะนำเทคโนโลยีรักษาสิวเครื่องใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพในการรักษาผิวอย่างครบวงจรอย่าง AviClear  ในงาน “Romrawin Grand Opening Aviclear” 
                grand opening
                Grand Opening AviClear
                สองผู้บริหารใหญ่แห่งรมย์รวินท์คลินิกอย่าง มาดามจอย-ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน และ คุณหมอฐา แพทย์หญิงฐานิสร ธรรมลิขิตกุล พร้อมด้วย คุณสารฑูร กฤตติกากุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ ของ บริษัท แอสตราโก เมดิเคิล เน็ตเวิร์คส จำกัด (Astraco Medical Networks Ltd. หรือ AMN) ผู้นำธุรกิจด้านการนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ด้านผิวหนัง AviClear ที่ผลิตโดย บริษัท Cutera, Inc. จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนเป็นสิว “AviClear The Future of Clear Skin” พร้อมด้วย ทีมแพทย์จากรมย์รวินท์คลินิก และสื่อมวลชนมากมาย ร่วมสร้างประสบการณ์การรักษาสิวในรูปแบบใหม่ที่พิเศษและแตกต่างจากเดิมในวันที่  20 กันยายน 2567 ที่รมย์รวินท์คลินิก สาขาชิดลม ชั้น 4  
                grand opening
                Grand Opening AviClear
                งานนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสื่อมวลชนหลายท่านที่เข้าร่วมภายในงาน ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของรมย์รวินท์คลินิกที่เป็นผู้นำในด้านการดูแลความงาม ที่ใส่ใจทุกปัญหาผิวรวมไปจนถึงสิวที่เป็นการดูแลปัญหาผิวตั้งแต่ปัญหาเบื้องต้นให้มีคุณภาพสูงสุด โดยเครื่อง AviClear จะใช้เลเซอร์เพื่อจัดการกับปัญหาความมันของผิวอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาสิวได้ทุกประเภท ไม่เพียงเท่านั้น AviClear ยังสามารถคงสภาพผลลัพธ์ในการรักษาได้นานถึง 2 ปี
                grand opening
                Grand Opening AviClear
                การเปิดตัว AviClear เป็นการนำเสนอเทคโนโลยีที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์และความประทับใจในการรักษาสิวของผู้เข้ารับบริการ ซึ่งเป็นวิธีที่หลายคนกำลังมองหาเนื่องจากเป็นเทคโนโนยีที่มีความล้ำสมัยและไม่มีผลกระทบอื่นๆในการรักษา
                grand opening
                Grand Opening AviClear

                AviClear ดียังไง?

                เทคโนโลยีของ AviClear ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานลึกถึงต้นตอของปัญหาผิว เช่น การควบคุมการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว การจัดงานนี้มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ AviClear การสาธิตการทำงานของเครื่อง โดยเป็นการใช้งานจริงและการอธิบายถึงกลไกการทำงานของเลเซอร์ การแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษา 
                grand opening
                Grand Opening AviClear
                ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของคลินิกได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประโยชน์ของการรักษาด้วย AviClear รวมถึงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลผิวหลังการรักษา การอธิบายขั้นตอนการรักษา และการตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AviClear 
                grand opening
                Grand Opening AviClear
                การเปิดตัวครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแนะนำเครื่องมือใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ต้องการแก้ปัญหาผิวในทุกๆขั้นตอนอย่างมีความตั้งใจ และต้องการดูแลคนไข้ผู้เข้ารับบริการในทุกๆการรักษาอย่างมืออาชีพ ช่วยสร้างการรับรู้ถึงความสำคัญในการดูแลผิวตั้งแต่ปัญหาเล็กๆซึ่งเป็นการเตรียมผิวที่ดีที่สุดสำหรัยบการบำรุง และแก้ปัญหาอื่นๆ
                grand opening
                Grand Opening AviClear

                AviClear ที่รมย์รวินท์คลินิกดียังไง

                สามารถเชื่อมั่นได้เลยว่าจะได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากแพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิกได้รับการอบรมการใช้เครื่อง AviClear และการประเมินผลลัพธ์ในการรักษาจากบริษัทโดยตรง รวมทั้งยังมีการลงมือทำจริงโดยการใช้เคสตัวอย่างที่มีปัญหาสิว และทุกเคสที่ได้รับการรักษาทุกเคส ได้รับความพึงพอใจเป็นอย่างมากหลังทำการรักษาที่รมย์รินท์คลินิก ใครที่มีปัญหาสิวและต้องการทำการรักษาด้วย AviClear สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือทำการประเมินปัญหาเบื้อต้นได้ที่ช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง หรือลงทะเบียนผ่านช่องทางลงทะเบียนด้านล่าง

                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                  รมย์รวินท์คลินิกเปิดสาขาเชียงใหม่พร้อม Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์

                  Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์

                  รมย์รวินท์คลินิกเปิดสาขาเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมกับ Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์ งาน

                  รมย์รวินท์คลินิกได้จัดงานเปิดตัวสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลเชียงใหม่อย่างยิ่งใหญ่  การเปิดสาขานี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายบริการความงาม ไปยังภาคเหนือของประเทศไทย และเป็นโอกาสที่ดีในการนำเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัยให้แก่ลูกค้าในเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง

                  Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์

                  มาดามจอย-ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน หัวเรือใหญ่ด้านการบริหารของรมย์รวินท์คลินิก ได้ตัดริบบินเพื่อเปิดสาขาอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นก้าวใหม่ที่สำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ โดยรมย์รวินท์คลินิก ตั้งอยู่ที่ 4 เซ็นทรัลเฟสติเวิล จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 กันยายน 2567 

                  การเปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลเชียงใหม่เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ Romrawin Clinic ในการนำเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัย พร้อมการให้บริการที่มีคุณภาพสูงสุดในวงการความงามและการดูแลผิว

                  Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์ Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์

                  ทั้งนี้ยังมีโปรโมชันสุดพิเศษต้อนรับการเปิดสาขาใหม่มากมายให้ชาวเชียงใหม่ ได้ดูแลความงามกันแบบจุกๆ เรียกได้ว่างานนี้พลาดแล้ว พลาดเลย 

                  ความพิเศษภายในงาน Meet and Greet กับ เก่ง หฤษฎ์ ที่ รมย์รวินท์คลินิก สาขาเชียงใหม่

                  Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์
                  งานเปิดรมย์รวินท์คลินิกสาขาเชียงใหม่ Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์

                  ในวันเดียวกันยังมีการจัดงาน Romrawin x Oligio Meet and Greet กับหนุ่มหล่อ สุดฮ๊อต ที่กำลังเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากในเวลานี้ เจ้าของผลงานร้อยล้านอย่างหนุ่ม เก่ง หฤษฎ์ ที่รมย์รวินท์คลินิกสาขาเชียงใหม่อีกด้วย นับเป็นงานที่แฟนคลับรอคอยและตั้งตารอมาอย่างยาวนาน แต่ได้รับการตอบรับจาดกแฟนคลับอย่างล้นหลาม

                  Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์
                  งานเปิดรมย์รวินท์คลินิกสาขาเชียงใหม่ Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์

                  Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์
                  งานเปิดรมย์รวินท์คลินิกสาขาเชียงใหม่ Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์

                  โดยภายในงานยังมีกิจกรรมต่างๆร่วมกับแฟนคลับผู้โชคดี ทั้ง 12 ท่าน ให้ได้ฟินกันไปอย่างถ้วนหน้าเพราะแฟนคลับได้พบปะกับหนุ่นเก่ง หฤษฎ์ อย่างใกล้ชิด  และยังมีการพูดคุยสัมภาษณ์พร้อมกับกิจกรรมพิเศษที่ให้แฟนคลับผู้ร่วมกิจกรรมได้ฟินกันอย่างถ้วนหน้า 

                  รมย์รวินท์คลินิกเปิดสาขาเชียงใหม่

                  รมย์รวินท์คลินิกสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลเชียงใหม่เป็นคลินิกเสริมความงามที่มีการบริการความงามอย่างครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ หนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยี Oligio ที่เป็นเครื่องที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆให้เลือกดูแลตัวเองอีกมากมาย เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับการรักษาแลดูแลผิวหน้า,การยกกระชับ ปรับรูปหน้าด้วยเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก, การฟื้นฟูผิว, การจัดการปัญหาสิว, การปรับรูปร่าง , การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิดต่างๆ รวมทั้งการดูแลสุขภาพ อีกด้วย ทั้งนี้จะได้รับการดูแลจากทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญ

                  Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์
                  งานเปิดรมย์รวินท์คลินิกสาขาเชียงใหม่ Meet and Greet เก่ง หฤษฎ์

                  เชิญชวนชาวเชียงใหม่

                  ชาวเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การดูแลความงามได้ที่รมย์รวินท์คลินิกสาขาเซ็นทรัลเชียงใหม่ เรามีแพทย์ที่มากความสามารถที่สามารถดูแลและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่ลุด รวมทั้งทีมงานพร้อมให้บริการคำปรึกษาอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้ผู้เข้ารับบริการทุกท่านจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด สอบถามข้อมูลได้ทางช่องทางออนไลน์ทุกสาขา 

                  Aviclear มาถึงรมย์รวินท์คลินิกแล้ว พร้อมให้บริการ

                  AviClear

                  เครื่อง Aviclear พร้อมให้บริการ รักษาสิวทุกประเภท

                  นาทีนี้ไม่มีอะไรเป็นที่พูดถึงในแวดวงความงามได้เทียบเท่า เครื่อง Aviclear เครื่องรักษาสิวตั้งแต่ต้นตอ และสามารถรักษาสิวได้ทุกชนิดอีกแล้ว !! รมย์รวินท์คลินิกพร้อมแล้วที่จะให้บริการใหม่สุดพิเศษอย่าง AviClear  มาสัมผัสการดูแลที่ล้ำสมัยและช่วยให้ผิวของคุณที่เคยมีสิว กลับมาสวย และสุขภาพดีขึ้นพร้อมสำหรับการเผยผิวอย่างเต็มที่ เราพร้อมดูแลคุณด้วยทีมงานมืออาชีพและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด

                  AviClear

                  รมย์รวินท์คลินิก คลินิกความงามที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก กว่า 21ปี ได้นำเข้าเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในวงการการ ด้านการรักษาสิว ดูแลผิวหน้า นั่นคือ “AviClear” ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การรักษาสิวของทุกท่านไปได้อย่างสิ้นเชิง 

                  การมาถึงของ AviClear ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เป็นสิวชนิดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

                  AviClear คืออะไร ดียังไง ?

                  AviClear คือการรักษาผิวที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาผิวมันและสิว โดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ล้ำสมัย ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูหรือพักฟื้นที่ยาวนาน เป็นวิธีการที่ไม่เจ็บปวดและสะดวกสบาย

                  การรักษาด้วย AviClear มีหลักการทำงานที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยเทคโนโลยีเลเซอร์จะช่วยลดการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวและปัญหาผิวมัน สิ่งที่ทำให้ AviClear โดดเด่นคือการที่มันสามารถทำงานได้ลึกถึงต้นตอของปัญหาแทนการรักษาที่ผิวเผิน ซึ่งมักจะเป็นเพียงการบรรเทาอาการชั่วคราว

                  AviClear
                  Aviclear รักษาสิว ผลลัพธ์ขึ้นอย่กับแต่ละบุคคล

                  ทำ AviClear ที่รมย์รวินท์คลินิกดีกว่ายังไง ?

                  รมย์รวินท์คลินิก เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา เรามีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี AviClear อย่างมืออาชีพ ได้รับการอบรมการใช้เครื่องและประเมินการรักษาเป็นอย่างดี ทั้งยังได้รับการลงมือปฏิบัติจริงโดยเคสตัวอย่างที่มีปัญหาสิวจึงทำให้แพทย์ของรมย์รวินท์คลินิกสามารถประเมินและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำเป็นอย่างดี และยัง มีการอบรมพนักงานอย่างละเอียดทำให้ผู้เข้ารับบริการจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับผลลัพธ์ที่พึงพอใจที่สุด

                  กระบวนการรักษาด้วย AviClear ไม่เพียงแต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับปัญหาผิวมันและสิว แต่ยังเป็นการลงทุนในสุขภาพผิวในระยะยาว การรักษาด้วย AviClear มีความปลอดภัยสูงและมีผลข้างเคียงที่น้อย ซึ่งทำให้เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการการแก้ไขปัญหาผิวโดยไม่ต้องใช้เวลานานในการพักฟื้น

                  AviClear
                  Aviclear รักษาสิว ผลลัพธ์ขึ้นอย่กับแต่ละบุคคล

                  นอกจากนี้ เรายังมีการให้คำปรึกษาและแผนการรักษาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าของเราจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดและมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามความต้องการของตนเอง

                  มาเปิดประสบการณ์ในการรักษาสิวแบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำกับเครื่อง AviClear ที่รมย์รวินท์คลินิก

                  เรายินดีให้คำปรึกษาและตอบทุกข้อสงสัยของคุณ พร้อมทั้งช่วยให้คุณเริ่มต้นการเดินทางสู่ผิวที่สวยงามไร้สิว และสุขภาพดีขึ้นด้วย AviClear พร้อมเผยผิวใหม่ได้อย่างมั่นใจ และเตรียมพร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไปได้อย่างเต็มที่

                  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AviClear ได้ที่ช่องทางออนไลน์ของรมย์รวินท์คลินิกทุกช่องทาง Facebook : http://m.me/RomrawinClinic  LINE :https://bit.ly/RomrawinLINE 

                  MISS GRAND นครพนม 2025 มงจะลงที่ใคร

                  MISS GRAND

                  รมย์รวินท์ชวนมาลุ้น MISS GRAND นครพนม 2025 มงจะลงที่ใคร ทายเป๊ะรับรางวัลปังสะบัด

                  เดินทางมาถึงรอบสุดท้าย ร่วมลุ้นและค้นหาผู้คว้ามงกุฎในรอบไฟนอล “มิสเเกรนด์ นครพนม” เตรียมพบกับความตื่นเต้นเร้าใจและการแสดงสุดอลังการจากเหล่าสาวงามผู้เข้าประกวดทั้ง 12 คน ที่จะมาอวดโฉมความสวยสง่า ความสามารถ และบุคลิกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมชิงตำแหน่งสูงสุด มิสแกรนด์ นครพนม 2025 ใครจะเป็นผู้คว้ามงกุฎไปครองและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเวทีมิสแกรนด์นครพนม ต้องมาติดตามกันให้ดี!

                  แต่ก่อนจะถึงวันนั้น รมย์รวินท์มีกิจกรรมเชียร์ MISS GRAND นครพนม 2025 มาให้ร่วมสนุกกัน!

                  ขอชวนทุกคนมาร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ โดยทายว่า ใครคือผู้ที่คุณคิดว่าจะคว้ามงกุฎ “มิสแกรนด์ นครพนม 2025” ไปครองแค่ร่วมสนุกก็มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษอีกมากมาย!!

                  บอกเลยว่ากติกาง่ายมาก 

                  รักใคร เชียร์ใคร งานนี้ทายถูกม้วนเดียวจบ รับรางวัลไปเลยให้สวยสับแบบ 10 10 10

                  นอกจากจะได้ลุ้นรับรางวัลแล้ว การร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ยังเป็นโอกาสให้คุณได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพของผู้เข้าประกวดที่คุณชื่นชอบได้อีกด้วย ใครจะรู้! คุณอาจจะทายถูกและกลายเป็นผู้โชคดีของกิจกรรมนี้ก็ได้

                  อยากสวยใส ออร่าจับแบบสาวๆ มิสแกรนด์ อย่ารอช้า คุณอาจเป็นผู้โชคดีที่ได้สวยปังแบบไม่ต้องลงทุน

                  กติการ่วมกิจกรรม

                  เพียง Like & Share โพสต์กิจกรรมเเละร่วมสนุกทายผลผู้ชนะมิสเเกรนด์นครพนม พร้อมบอกเหตุผลที่ชื่นชอบหรือเชียร์นางงามที่ท่านเลือกลงในลิงก์ลงทะเบียนกิจกรรม ผู้ที่ทายถูกเเละเหตุผลที่ถูกใจคณะกรรมการที่สุดรับรางวัลสุดพิเศษเลย

                  ลิงก์สำหรับลงทะเบียนกิจกรรม : https://forms.gle/e9g22muFRTJaP2f39

                  รางวัลสุดปังรออยู่! จะเป็นอะไรนั้นเตรียมอ่านให้ดี

                  1. ULTRA 4D LIFT 500 Shots 1 รางวัล มูลค่า 50,000 บาท
                  2. Oligio 300 Shots 2 รางวัล มูลค่า 60,000.-
                  3. Filler ปรับรูปหน้า 2 cc 1 รางวัล 50,000 บาท
                  4. Rejuran 2 cc 1 รางวัล 19,000 บาท
                  5. Super Therma Firm จำนวน 5 รางวัล มูลค่า 20,000 บาท
                  6. เลเซอร์ขนรักแร้ 1 ครั้ง จำนวน 5 รางวัล มูลค่า 17,000 บาท
                  7. ฉีดวิตามินผิวสูตร  Blink 1 ครั้ง จำนวน 10 รางวัล มูลค่า 15,000 บาท

                  งานนี้ห้ามพลาด เเจกเยอะเเจกหนัก มูลค่ารวม 200,000 บาท

                  ระยะเวลาตั้งเเต่ วันนี้ – 24 กันยายน 2567 เท่านั้น

                  อย่ารอช้า! ชาวด้อมมิสแกรนด์ รีบมาร่วมสนุกกันเยอะๆ นะคะ เพราะคุณอาจเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้สวยใส ออร่าจับ เหมือนนางงาม

                  หมายเหตุ

                  *สงวนสิทธิ์เฉพาะคนที่ทายผลกิจกรรมผ่านลิงก์ลงทะเบียนเท่านั้น

                  *ในกรณีเกิดข้อพิพาท คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

                  *ผู้ที่ได้รับรางวัลจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกิจกรรม

                  *ทีมงานขอสงวนสิทธิ์งดมอบรางวัล หากผู้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในกิจกรรม

                  *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

                  ปิดจบหน้าหย่อนคล้อยด้วย Ulthera SPT ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์

                  Ulthera SPT


                  [/ux_html

                  ปิดจบหน้าแก้ไขหน้าหย่อนคล้อยด้วย Ulthera SPT

                  เป็นทั้งดารานักแสดง ทั้งพิธีกรที่เรียกได้ว่าแน่นมากก สำหรับหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้ คุณฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์ งานแน่นขนาดนี้แต่เจอคุณฟรอยด์ทีไรยังดูดีเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมเหมือนจะดูเด็กลงกว่าเดิมด้วยนะคะ สงสัยมีเคล็ดลับดีๆ แน่เลย ต้องไปถามเจ้าตัวซักหน่อยแล้ว งานเยอะ คิวแน่นขนาดนี้ เอาเวลาไหนไปดูแลตัวเองคะเนี่ย!

                  Ulthera
                  ดารานักแสดงที่ใช้บริการจริง คุณฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์

                  ช่วงนี้ทำงานเยอะครับ อีเวนต์ค่อนข้างเยอะเลย แล้วก็ใกล้จะปลายปีแล้วด้วย ก็เลยอยากจะมาดูแลผิวหน้าตัวเองให้หน้าใส ดูดี ดูหล่อมากขึ้นกว่านี้ซักหน่อย ส่วนตัวแล้วฟรอยด์มาเสริมความหล่อที่รมย์รวินท์คลินิกเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะเชื่อใจในชื่อเสียงที่มีมานานกว่า 20 ปี และการบริการที่ดี อีกทั้งความเป็นตัวจริงเรื่องผิวที่มีมากมายครบครันเลย อยากสวยดูดี หรือมีปัญหาผิวแบบไหนรมย์รวินท์คลินิกก็จัดการให้ได้หมดเลยครับ ใครๆ ที่เจอก็ชอบทัก ชอบถามเราว่าไปทำอะไรมาดูดี ดูหน้าเด็กมาก ฟรอยด์ก็จะแนะนำให้มาดูแลที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยและครับ แต่วันนี้ฟรอยด์ไม่ได้มาดูแลผิวหน้าแค่คนเดียวนะครับ พอเราผิวดี หน้าดีแล้ว ก็อยากให้คนข้างๆ ผิวดีเหมือนกับเราด้วย วันนี้ฟรอยด์ก็เลยควงแขนคุณแม่มาทำสวยด้วยกันซะเลยครับ จะได้หน้าใส ดูดีแบบแพคคู่ไปเลย

                  Ulthera
                  ดารานักแสดงที่ใช้บริการจริง คุณฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์

                  Ulthera SPT ที่รมย์รวินท์คลินิกดียังไง ทำไมคุณฟรอยด์ถึงติดใจ

                  ทุกครั้งก่อนการรักษาด้วยโปรแกรมใดๆ ก็ตาม คุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกจะใช้เทคนิค Lifting Select ช่วยวิเคราะห์ผิวหน้าผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อดูปัญหาผิวก่อนการเลือกโปรแกรมที่ตอบโจทย์กับเรามากที่สุด ซึ่งฟรอยด์ชอบมาก เพราะทำให้เรารู้ได้เลยว่าช่วงนี้ผิวเรามีปัญหาอะไร จะได้จัดการตอบโจทย์ให้ตรงจุดไปเลย และคุณหมอยังบอกอีกว่าเทคนิคนี้มีเฉพาะแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะครับ ดังนั้นใครที่มาดูแลผิวที่นี่จะต้องผ่านขั้นตอนนี้กันทุกคนอย่างแน่นอน 

                  หลังจากประเมินผิวหน้าแล้ว คุณหมอบีบี (พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู) แนะนำให้ทำ Ulthera SPT ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าฟรอยด์เคยทำตัว Ulthera มาก่อนแล้ว แต่คุณหมอบอกว่า Ulthera SPT เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิวที่อัปเกรดขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ด้วยความที่เราอยากหล่อแบบธรรมชาติ หล่อแบบไม่โป๊ะ ให้คนจับไม่ได้ก็เลยขอลอง Ulthera SPT ซักหน่อยแล้วกัน 

                  Ulthera
                  ดารานักแสดงที่ใช้บริการจริง คุณฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์

                  ก่อนทำ Ulthera SPT คุณหมอจะทายาชาให้ก่อนเพื่อลดความเจ็บปวดขณะทำ แต่ตอนทำฟรอยด์รู้สึกว่ามันชิลมากนะ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่มันเป็นความเจ็บที่เราสามารถทนได้ครับ ใครที่กลัวเจ็บไม่ต้องกลัวนะครับ คุณหมอทายาชาให้ทุกเคส และ Ulthera SPT มีความพิเศษตรงที่ตัวเครื่องจะมีจอแสดงผลการรักษาทำให้คุณหมอสามารถมองเห็นแต่ละชั้นผิวได้เลยว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ทำให้การรักษามีความแม่นยำมาก ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากครับ ซึ่งคุณหมอบอกกับฟรอยด์ว่า Ulthera SPT มีความพิเศษที่ต่างจากโปรแกรมยกกระชับอื่นๆ ตรงที่ 

                   

                  S : SEE มองเห็นชั้นผิวแต่ละชั้นได้อย่างละเอียดแบบ real time ทำให้การรักษาปัญหาผิวมีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น  

                  P : PLAN สามารถออกแบบ และวางแผนการรักษาได้เฉพาะบุคคล โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการยกกระชับโดยตรงเป็นผู้ออกแบบการรักษา และเลือกใช้พลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิว และปัญหาผิวของผู้มาเข้ารับบริการ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                  T : TREAT ยิงพลังงานทุกช็อตลงสู่ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด ทำให้ผู้มาเข้ารับบริการรู้สึกถึงความเจ็บที่น้อยลง มีความรู้สึกสบายมากขึ้นในการรักษา แต่ยังให้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนเดิม 

                  หลังทำฟรอยด์รู้สึกได้ทันทีเลยครับว่าหน้ายกกระชับขึ้นมาก ตรงจุดที่หย่อนคล้อย ช่วงแก้มที่ห้อยก็ดูยกขึ้นมาก หน้าฟรอยด์ดูสดชื่นขึ้น ก่อนหน้าเรามีถุงใต้ตาหน้าดูเพลียมากเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน แต่ตอนนี้มันดูดีขึ้นมาก และพวกริ้วรอย ร่องต่างๆ ก็หายไปด้วย กรอบหน้าดูคมชัด หน้าดูเด็กขึ้นมาก คุณหมอบีบีบอกว่า Ulthera SPT นอกจากจะช่วยเรื่องการยกกระชับใบหน้าแล้ว ยังช่วยสร้างกรอบหน้าให้คมชัดดูดีมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม ไม่มีรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้นเลย โดย Ulthera SPT จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ดูไม่หลอก ดูไม่รู้ว่าทำหน้ามา แต่นี่คือทำมานะ ไม่งั้นจะหน้าเด็กลงได้ขนาดนี้หรอ! (หัวเราะ) และ Ulthera SPT ทำครั้งหนึ่งให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปีเลยนะ 

                   

                  ปิดจบหน้าแก่ แก้ไขหน้าหย่อนคล้อยด้วย Ulthera SPT ต้องที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะครับที่ทำให้ฟรอยด์อ่อนเยาว์ หน้าดูเด็กลงจนทุกคนต้องทัก ใครที่มีปัญหา หรืออยากปรึกษาปัญหาผิวกับคุณหมอให้ตัวจริงเรื่องผิวอย่างรมย์รวินท์คลินิกช่วยดูแลให้นะครับ

                  ฮันนี่ ภัสสร เผยเคล็ดลับหน้าอ่อนเยาว์ด้วย Ulthera SPT 

                  Ulthera


                  แม่เสือสาว ยุค 80 คุณฮันนี่ ภัสสร เผยเคล็ดลับหน้าอ่อนเยาว์ด้วย Ulthera SPT 

                  เห็นหน้าของคุณฮันนี่ ภัสสร ทางทีวีอยู่บ่อยๆ ต้องบอกเลยว่าสมกับการเป็นแม่เสือสาว 2000 ปี เพราะคุณฮันนี่ดูหน้าเหมือนเดิมมาก แม้ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เลยต้องรีบไปถามเคล็ดลับความสวยจากคุณฮันนี่มาฝากชาวรมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ ว่าเห็นหน้าของคุณฮันนี่ยังสวยปิ๊ง หน้าอ่อนเยาว์ ผิวยกกระชับขนาดนี้..เคยมีอะไรกังวลใจเกี่ยวกับผิวบ้างมั้ย?

                  Ulthera
                  คุณฮันนี่ ภัสสร ผู้ใช้บริการ Ulthera SPT

                  (หัวเราะ) มีสิคะ! ฮันนี่ก็เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ ที่พอเราเริ่มอายุมากก็เริ่มจะมีปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย เป็นเรื่องธรรมดา ตอนที่เรายังสาว ยังวัยรุ่น เราก็ไม่ต้องคอยมามีเรื่องกังวลใจอะไรกับผิวมากมาย จะใช้อะไรก็ได้ที่ทำให้หน้าเราดูขาวดูใสในวัยนั้นทุกคนก็คงคิดแบบนั้น แต่ด้วยตอนนี้ที่เริ่มแก่แล้ว อายุก็เข้าเลขห้าเข้าไปแล้ว ตอนนี้หน้าของฮันนี่ก็ไม่เหมือนเดิม เรียกได้ว่าหน้าความอ่อนเยาว์ ความยกกระชับหายไปหมด ตอนนี้ผิวหน้าหย่อนคล้อยมาก พวกร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยตีนกาอะไรก็มาหมดในช่วงนี้ และเราจะใช้อะไรเหมือนเดิมไม่ได้แล้วไง เราก็ต้องมองหาวิธีที่ช่วยกู้ผิวหน้าของเราให้ดูดี ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น คิดว่าตอนนี้แหละมันเหมาะสมกับเวลาแล้วก่อนที่ผิวหน้าเราจะกู่ไม่กลับมากกว่านี้

                  จนฮันนี่ได้มาเจอรมย์รวินท์คลินิก ซึ่งก็จูงมือกับพี่บี๋ (คุณบี๋ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) มาทำด้วยกันเลย เพราะต้องกอบกู้หน้าด้วยกันทั้งคู่แล้ว ความประทับใจแรกที่ฮันนี่เข้ามาที่รมย์รวินท์คลินิกคุณหมอสวยมากก (หัวเราะ) คุณหมอสวยมากจริงๆ ค่ะ ในใจฮันนี่ก็คิดละ ว่าฉันต้องกลับบ้านไปแบบสวยๆ แน่ เพราะคุณหมอที่ทำการรักษาให้สวยขนาดนี้ และส่วนตัวฮันนี่เองก็ได้ยินชื่อเสียงของรย์รวินท์คลินิกมานานแล้ว ทั้งการบริการที่เป็นกันเอง และการให้คำปรึกษา คำแนะนำจากคุณหมอ ที่ช่วยอธิบายเริ่มตั้งแต่ปัญหาผิวของเรา โปรแกรมที่เลือกใช้ และขั้นตอนในการรักษา ทำให้ฮั่นนี่มั่นใจได้เลยว่าจะต้องได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับไปอย่างแน่นอนค่ะ

                  Ulthera
                  คุณฮันนี่ ภัสสร ผู้ใช้บริการ Ulthera SPT

                  คุณหมอที่ดูแลผิวให้ฮันนี่ในวันนี้ก็คือคุณหมอแพร (พญ.ธิรดา จิตตการ) คุณหมอแพรก็ให้คำปรึกษาในเรื่องปัญหาผิว และใช้เทคนิคที่เรียกว่า Lifting Select ช่วยวิเคราะห์ปัญหา ประเมินใบหน้าของฮันนี่ผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก คุณหมอแพรบอกว่าเทคนิคนี้จะทำให้เราสามารถมองเห็นได้ถึงปัญหาของผิว และเลือกโปรแกรมที่ตอบโจทย์มากที่สุด และขอบอกเลยว่ามีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกที่เดียวเท่านั้นค่ะ 

                  Ulthera
                  คุณฮันนี่ ภัสสร ผู้ใช้บริการ Ulthera SPT

                  คุณหมอแพรเลือก Ulthera SPT ให้ฮันนี่ค่ะ ต้องยอมรับว่าเป็นครั้งแรกเลยกับการทำ Ulthera SPT ฮันนี่เคยได้ยินสมญานามของเครื่องนี้ในเรื่องความยกกระชับมานานแล้ว วันนี้มีโอกาสได้ลองด้วยตัวเองแล้วค่ะ ตื่นเต้นมาก แรกๆ ฮันนี่ยอมรับเลยว่ากลัวเจ็บมาก คิดว่าทำเครื่องนี้ต้องเจ็บมากแน่นอน แต่ด้วยความอยากสวยมากกว่าก็คิดว่าเอาน่ะ เจ็บก่อนสวย! แต่พอทำจริงๆ มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นเลย มันเจ็บน้อยกว่าที่ฮันนี่คิดไว้มากๆ บวกกับคุณหมอจะแปะยาชาให้ก่อนทำการรักษาจึงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บมาก และด้วย Ulthera SPT เครื่องนี้มีหน้าจอแสดงผลที่ให้เราเห็นชั้นผิวของเรา และขั้นตอนการรักษาของคุณหมอแบบ real time  ว่าผิวของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

                  Ulthera
                  คุณฮันนี่ ภัสสร ผู้ใช้บริการ Ulthera SPT

                  หลังทำ Ulthera SPT เสร็จ ฮันนี่รู้สึกได้ถึงผลลัพธ์หลังทำทันทีว่าผิวหน้าฮันนี่ยกและกระชับมากกว่าตอนก่อนทำเยอะเลยค่ะ ความเหี่ยวความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณแก้มก็หายไปเลย มันดึงหน้าเราขึ้นมาทันทีเหมือนเราไปศัลยกรรมดึงหน้ามา แต่จริงๆ เราแค่ทำ Ulthera SPT เท่านั้นเอง แล้วก็พวกริ้วรอย ร่องแก้ม ตีนกาของฮันนี่ก็ตื้นมากขึ้นเลยค่ะตอนนี้หน้าฮันนี่ดูเด็กลงไปเยอะเลยค่ะ ใครที่อยากหน้าอ่อนเยาว์ โกงอายุก็ต้องมากทำ Ulthera SPT ที่รมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะ! ที่ฮันนี่มาเปิดเผยเคล็ดลับหน้าอ่อนเยาว์ของฮันนี่ เพราะฮันนี่ไม่เคยบอกใครเลยว่าทำหน้าที่ไหน ทำหัตถการอะไรบ้าง Ulthera ช่วยยก ช่วยดึงให้ผิวหน้าฮันนี่ดูกระชับดูเด็กมากๆ เลยค่ะ ไหนๆ ก็บอกเลยแล้วกัน เคล็ดลับของแม่เสือสาวยุค 80 อย่างฮันนี่ หน้าตึงยกกระชับด้วยUlthera SPT แล้วคุณล่ะจะยอมแพ้แม่เสือสาวคนนี้หรือคะ

                  Ulthera
                  คุณฮันนี่ ภัสสร ผู้ใช้บริการ Ulthera SPT

                  คุณฮันนี่เปิดเผยเคล็ดลับมาขนาดนี้ก็ต้องรีบไปทำUlthera SPT ที่รมย์รวินท์คลินิกกันแล้วนะคะ หรือสามารถเข้ามาปรึกษาปัญหาผิวกันก่อนได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขานะคะ 

                  ROMRAWIN x OLIGIO จัด MEET & GREET “เก่ง หฤษฎ์”สาขาเชียงใหม่

                  ROMRAWIN x OLIGIO

                  เชียงใหม่เตรียมเฮ เก่ง หฤษฎ์ พระเอกดาวรุ่งกำลังจะมาจอยในงาน ROMRAWIN x OLIGIO 

                  ชาวเชียงใหม่ เตรียมเสียงกรี๊ดให้สุดเสียง เตรียมคอให้พร้อม ดื่มน้ำให้เยอะ พักผ่อนให้พอ เพราะงานนี้จะต้องมีหน้าสวย ใส วิ้ง และเสียงก้องกังวาน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานนี้ !!

                  งานเปิดตัวสาขาเชียงใหม่ของรมย์รวินท์คลินิก !

                  และเชียงใหม่กำลังจะมีหนุ่ม ”เก่ง หฤษฎ์” เป็นของตัวเองแล้วววววววว

                  เวลานี้จะมีใคร SO HOT เกินหนุ่มคนนี้ก็คงจะไม่มี เพราะคิวงานรัดตัวแบบสุดๆ แต่รมย์รวินท์คลินิกก็ไปพาตัวมาพบปะแฟนๆชาวเชียงใหม่ได้ แบบนี้จะไม่เรียกว่าเอกคลูซีฟสุดๆแบบฉุดไม่อยู่ได้ยังไง

                  พบกันได้ในงาน ROMRAWIN x OLIGIO ที่มาพร้อมกับการรีโนเวทสาขาใหม่ของรมย์รวินท์คลินิก สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ชั้น 4 

                  เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาลุ้นไปพร้อมๆกันว่างานนี้หนุ่มเก่งของทุกคนจะมาทำอะไรพิเศษๆ ร่วมกันกับชาวด้อมทั้งหลาย

                  หนุ่มเก่งมาให้ขนาดนี้แล้ว เราจะไม่ปล่อยตัวไปง่ายๆ งานนี้จะมีการทำกิจกรรมพิเศษร่วมกันกับแฟนคลับผู้โชคดีจำนวน 12 ท่าน แต่กิจกรรมนั้นจะเป็นอะไร ขออุบไว้ก่อนเป็นเซอร์ไพรส์ดีกว่า

                  อ๊ะ อ๊ะ !! อยากรู้กันแล้วหละสิว่า ต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นผู้โชคดี  ที่ได้ทำกิจกรรมพิเศษร่วมกันกับ หนุ่มหล่อ เก่ง หฤษฎ์

                  ถ้าอยากรู้ ต้อตั้งสติ แล้วอ่านดีดี

                  เพียงแค่ ซื้อบริการสินค้า Oligio ในช่วงวันที่กำหนด เท่านั้น ก็จะได้รับไปเลยกับสิทธิ์ Meet & Greet กับหนุ่มเก่ง

                  ผู้โชคดี 12 ท่านแรกที่มียอดซื้อโปรแกรม Oligio ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น โดยกำหนดยอดซื้อตั้งแต่ 8,990 บาทขึ้นไป และต้องชำระเต็มจำนวน ในวันที่ 13 ก.ย.-16 ก.ย.67 โดยยึดจากลำดับการลงทะเบียนพร้อมอัปโหลดหลักฐานการชำระเงิน และตรวจสอบจาก

                  • ลำดับการลงทะเบียนที่อัปโหลดหลักฐานชำระเงิน  
                  • สลิป วัน-เวลา ที่ชำระเงินผ่านบัตร หรือโอนเงินที่ปรากฏในสลิปทางออนไลน์เท่านั้น 
                  • ผู้ที่ทำถูกต้องตามกติกาที่ทางรมย์รวินท์คลินิกกำหนด และตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง

                  งานนี้ความไวเป็นของปีศาจเท่านั้น เพราะผู้โชคดีที่รมย์รวินท์คลินิกจะให้ใกล้ชิดกับหนุ่มเก่งนั้น มีเพียง 12 ท่านแรกเพียงเท่านั้น !! 

                  Link สำหรับส่งหลักฐาน >>  https://docs.google.com/presentation/d/1fTrYvKLMas47yG26bkxJywbPWijLKJv2s4a80yY-CZ0/edit#slide=id.g2ffce1a5541_0_101

                  ทางรมย์รวินท์คลินิก จะอัปเดตรายชื่อผู้โชคดีให้ทราบ ในทุกๆ 2 วัน จนกว่าจะครบจำนวนที่กำหนด ผ่านทาง Facebook Romrawin Clinic

                  ประกาศรายชื่อผู้โชคดี 12 ท่านแรก ในวันที่ 17 ก.ย.67 เวลา 18.00 น.ผ่านทาง Facebook Romrawin Clinic (หากได้รายชื่อผู้โชคดีครบก่อนวันที่กำหนด จะประกาศรายชื่อให้ทราบก่อนวันที่ 17 ก.ย.67)

                  !! ระวังมิจฉาชีพ งานนี้ไม่มีขายบัตร นะจ๊ะ

                  ไม่เพียงเท่านั้น เปิดสาขารีโนเวทใหม่ของรมย์รวินท์คลินิกทั้งที จะมีแค่หนุ่มเก่งได้ยังไง ??

                  ยังเอาใจสาวๆ หนุ่มๆ สายสวย สายหล่อ ให้ได้สวยหล่อกันแบบเต็มที่ด้วยโปรโมชันมากมายภายในงาน

                  ไม่เพียงเท่านั้น 

                  ในงานนี้ยังสามารถซื้อ Oligio ได้ในราคา

                  • 200 Shots 8,990 บาท จากราคาปกติ 20,000 บาท ให้ไปเลยสำหรับชาวเชียงใหม่ที่จองเพื่อเข้ารับบริการที่สาขาเชียงใหม่เท่านั้น

                  ยังมีกิจกรรมลุ้นรับบริการต่างๆจากรมย์รวินท์คลินิกได้ภายในงานอีกด้วย

                  อย่าลืม!! เตรียมตัวให้พร้อม เตรียมหน้าให้พร้อม เตรียมเสียงให้พร้อม แล้วพบกันได้ที่ “รมย์รวินท์คลินิก สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ชั้น 4” ในวันที่ 19 กันยายน 2567 ในเวลา 14.00-16.00 น. งานนี้มาจับจองที่นั่งก่อนได้น้าาาา

                  หมายเหตุ 

                  * ผู้โชคดี 1 ท่าน/สิทธิ์เท่านั้น 

                  * ไม่สามารถเปลี่ยนของรางวัลเป็นเงินสดได้ 

                  * ไม่สามารถเปลี่ยนของรางวัลเป็นโปรแกรม หรือหัตถการในคลินิกได้ 

                  * คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด 

                  * เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท Wontech Aisa และหรือผู้จัดงาน กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่หน้างานอีกครั้ง

                  BELOTERO REVIVE หน้าโกลว์ผิวฉ่ำวาว คืออะไร ดียังไง

                  BELOTERO REVIVE

                  BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวกระจก หน้าโกลว์ฉ่ำวาว รุ่นแรกของโลก



                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                    เทรนด์ผิวฉ่ำวาวผิวแลดูสุขภาพดี ยังคงเป็นเทรนด์ยอดนิยมตามแบบฉบับของสาวเกาหลี ซึ่งใครหลายคนอยากจะมีผิวสวยสุขภาพดีเปรียบเหมือนดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว และการมีผิวฉ่ำวาวสุขภาพดี นอกจากการรับประทานอาหารมีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว ยังมีการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้ผิวสวยสุขภาพดีแบบเร่งด่วนได้อีกด้วย 

                    นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผิวกระจก ผิวฉ่ำวาว สุขภาพดีแบบสาวเกาหลีในตอนนี้ คือ BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก เน้นผิวโกลว์ งานผิวฉ่ำวาว สุขภาพดีตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก ทำให้ BELOTERO REVIVE ได้รับความนิยมอย่างมาก วันนี้รมย์รวินท์คลินิกได้เรียบเรียงข้อมูลที่เกี่ยวกับฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE ที่สำคัญทั้งหมดไว้ที่บทความนี้แล้ว  

                    เจาะลึก BELOTERO REVIVE ทำไมถึงเป็นฟิลเลอร์งานผิวที่ได้รับความนิยมที่สุดในปี 2024

                    revive

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว คืออะไร

                    ฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE เป็นรุ่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อ BELOTERO จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Mez Healthcare (Thailand) จำกัด นอกจาก Beloter รุ่น Revive แล้ว ทางบริษัทผู้นำเข้ายังมีฟิลเลอร์ BELOTERO รุ่นอื่น ๆ เช่น BELOTERO Soft, BELOTERO Intense และ BELOTERO Volume และทุกรุ่นผ่านการรับรองจากองค์กรอาหารและยา (อย.) รวมไปถึงองค์กรอาหารและยาสหรัฐอเมริกาและยุโรป

                    ฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE เป็นฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาวรุ่นแรกของโลก ที่มีการผสมผสานกันของกรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) และกลีเซอรอล (Glycerol) ผลิตด้วยนวัตกรรมที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ BELOTERO อย่าง CPM (Cohesive Polydensified Matrix) คุณสมบัติโดดเด่นของ HA คือ มีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยกักเก็บน้ำในโมเลกุล ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า ช่วยให้ผิวฉ่ำวาว ส่วนกลีเซอรอล (Glycerol) เป็นสารให้ความชุ่มชื้น ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยลดการอักเสบของผิวและช่วยลดการระคายเคืองของผิว รวมไปถึงทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากการถูกทำลายอีกด้วย

                    ฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE จึงมีคุณสมบัติในเรื่องช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ผิวหน้าโกลว์ ผิวฉ่ำวาว เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว ฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดี ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าได้

                    revive

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว มีจุดเด่นอะไรบ้าง

                    การผสานกันของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) และกลีเซอรอล (Glycerol) ของ BELOTERO REVIVE ทำให้เป็นฟิลเลอร์งานผิวรุ่นแรกของโลกที่ทำให้ผิวสุขภาพดี ผิวฉ่ำวาว เรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยนวัตกรรมที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ BELOTERO คือ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) โดยมีคุณสมบัติเด่น ดังนี้

                    • Cohesivity : เนื้อฟิลเลอร์เรียบเนียน กลืนตัวกับผิวหน้าได้ง่าย
                    • Elasticity : เนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่น ไม่ทำให้เกิดการไหลย้อยไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ
                    • Plasticity : เนื้อฟิลเลอร์ขึ้นรูปและปั้นทรงง่าย 

                    ทั้งนี้เมื่อฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE เข้าสู่ผิวหน้า จะทำให้ BELOTERO REVIVE มีความเนียนไปกับผิว ให้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว ช่วยอะไรบ้าง

                    • BELOTERO REVIVE ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว มอบผิวฉ่ำวาวสุขภาพดี ลดการสูญเสียน้ำในเซลล์ผิว
                    • BELOTERO REVIVE ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้า
                    • BELOTERO REVIVE ช่วยทำให้กระชับ อิ่มฟูขึ้น และลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้จางลง
                    • BELOTERO REVIVE ช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน และป้องกันผิวจากแสงแดด

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว เหมาะกับใคร

                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ต้องการผิวฉ่ำวาว อิ่มน้ำแบบผิวกระจก
                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ ริ้วรอยร่องตื้นบนใบหน้า
                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าขาดน้ำ ผิวแห้ง และหน้ามัน
                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้งเสีย จากแสงแดดทำลายผิว
                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยดำ และรอยแดงจากสิว
                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาบำรุงผิวหน้า
                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น
                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ
                    • BELOTERO REVIVE เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบงานผิว และไม่ต้องการแต่งหน้าเยอะ

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว มีข้อห้ามที่ต้องระวังอะไรบ้าง

                    • BELOTERO REVIVE ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังอักเสบในบริเวณที่ต้องการฉีด
                    • BELOTERO REVIVE ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้สารฟิลเลอร์
                    • BELOTERO REVIVE ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
                    • BELOTERO REVIVE ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลฟกช้ำง่าย มีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก 
                    • BELOTERO REVIVE ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
                    • BELOTERO REVIVE ไม่เหมาะกับสตรีที่มีการตั้งครรภ์ หรือ อยู่ในช่วงให้นมบุตร
                    • BELOTERO REVIVE ไม่เหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเริมหรืองูสวัด

                    revive

                     ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง

                    ฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE โดยปกติแล้วนิยมที่สุด คือ บริเวณหน้าแก้ม แต่สามารถฉีดในบริเวณอื่น ๆ ได้เช่นกัน นิยมฉีดบริเวณใบหน้าและลำคอ โดยสามารถฉีดได้ตามตำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้

                    • ฉีด BELOTERO REVIVE รอบดวงตา : ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ลดรอยคล้ำรอบดวงตา
                    • ฉีด BELOTERO REVIVE บริเวณแก้มและข้างจมูก : ช่วยให้ใบหน้าดูฉ่ำวาว เรียบเนียนกระชับขึ้น
                    • ฉีด BELOTERO REVIVE บริเวณรอบปากและริมฝีปาก : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก และช่วยลดริ้วรอยรอบริมฝีปาก
                    • ฉีด BELOTERO REVIVE บริเวณลำคอ : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณคอที่แห้งกร้าน

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง

                    ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE คือเป็นตัวช่วยบำรุงผิวได้ตั้งแต่ผิวชั้นใน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น อิ่มฟูแน่นกระชับ เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวฉ่ำวาว ผิวแลดูสุขภาพดี  อีกทั้งยังเห็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ที่ฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE ตั้งแต่ครั้งแรก โดยผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE อยู่ได้นาน 6-9 เดือน ส่วนข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE อาจมีอาการบวมและรอยแดงจากเข็มประมาณ 1 สัปดาห์ และจะค่อย ๆ หายได้เอง

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว แตกต่างจากฟิลเลอร์อื่น ๆ อย่างไร

                    ฟิลเลอร์ทั่วไปจะเป็นสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) 100% โดยแต่ละยี่ห้อจะมีความเข้มข้นของสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) และโมเลกุลที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ฟิลเลอร์ยี่ห้อและรุ่นต่าง ๆ จึงมีความแตกต่างกัน

                    BELOTERO REVIVE มีความแตกต่างจากฟิลเลอร์รุ่นอื่น ๆ ตรงที่มีส่วนผสมของ กลีเซอรอล (Glycerol) ซึ่งเป็นฟิลเลอร์รุ่นแรกของโลกที่ผสานกันระหว่าง ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) + กลีเซอรอล (Glycerol) ช่วยเติมน้ำให้ผิวฉ่ำวาวพร้อมทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูผิวสุขภาพดีจากภายในอีกด้วย

                    เปรียบเทียบ BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว กับ BELOTERO รุ่นอื่น

                    BELOTERO REVIVE เป็นฟิลเลอร์งานผิวที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มเฉพาะจุด แต่สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า เพื่อฟื้นฟูสุขภาพผิวให้เรียบเนียนกระจ่างใส ผิวฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี ซึ่งฟิลเลอร์ BELOTERO ยังมีหลากหลายรุ่น และในแต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้

                    • BELOTERO Soft ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับการฉีดเพื่อเก็บรายละเอียดผิวชั้นตื้น แก้ไขปัญหาริ้วรอยผิวชั้นบน แก้ปัญหาใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
                    • BELOTERO Intense ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเติมร่องลึก ร่องที่เกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง เช่น ร่องแก้ม ร่องมุมปาก เติมแก้มตอบ โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน
                    • BELOTERO Volume ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวและมีความยืดหยุ่น ยึดเกาะได้ดี เหมาะกับการฉีดเพื่อทดแทนโครงสร้างกระดูกที่เสียไป เพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้า เช่น ฟิลเลอร์แก้ปัญหาหน้าตอบ ฟิลเลอร์ใต้ตา ปรับรูปหน้าบริเวณ คาง โหนกแก้ม โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน

                    เปรียบเทียบ BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว กับ ฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น

                    • BELOTERO REVIVE vs Juvederm Volite

                    ฟิลเลอร์ Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสหรัฐอเมริกา ผลิตด้วยเทคโนโลยี Vycross เนื้อฟิลเลอร์ละเอียด โมเลกุลยึดเกาะผิวได้ดี มีความหยืดหยุ่น และมีความเข้มข้นของไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) 12mg/ml ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน 

                    • BELOTERO REVIVE vs Restylane Vital light

                    ฟิลเลอร์ Restylane Vital light เป็นฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน ผลิตด้วยเทคโนโลยี NASHA (Non Animal Stabilized Hyaluronic Acid) เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียด มีความเข้มข้นของไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) 12mg/ml ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

                    ส่วน BELOTERO REVIVE มีความเข้มข้นของไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) 20mg/ml และมีส่วนผสมของกลีเซอรอล (Gycerol) 17.5 mg/ml ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นจากผิวภายใน ผิวฉ่ำวาวและผิวดูอิ่มน้ำและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสีย ลดการอักเสบให้กับผิว ซึ่งเนื้อฟิลเลอร์เป็นเนื้อเจลที่มีความละเอียด และยืดหยุ่นกว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ เพราะการผลิตด้วยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของ BELOTERO คือ CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความเรียบเนียนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน

                    revive
                    BELOTERO REVIVE ฟื้นฟูผิว 4 มิติ

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว เปรียบเทียบกับนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนอื่น ๆ 

                    BELOTERO REVIVE vs Sculptra

                    BELOTERO REVIVE เป็นฟิลเลอร์สกินบูสเตอร์ (Skin Booster) ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพผิว ด้วยการผสานกันของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) + กลีเซอรอล (Glycerol) ทำให้ช่วยล็อกความชุ่มชื้น และเติมเต็มคุณภาพผิวฉ่ำวาวเหมือนผิวกระจก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งเสีย ขาดความชุ่มชื้น รูขุมขนกว้าง ใบหน้าไม่เรียบเนียน ต้องการฟื้นฟูผิว เพื่อผิวฉ่ำวาวแบบเร่งด่วน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-9 เดือน

                    ส่วน Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว (Collagen Biostimulator) มีส่วนประกอบหลักเป็น PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่ม Collagen Type 1 ที่จำเป็นต่อผิวสูงถึง 66.5% เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวชั้นลึก เติมเต็มผิว ปรับโครงสร้างภายในผิว และช่วยให้ผิวอิ่มฟู แน่นกระชับ โดยสามารถเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังฉีด 3 สัปดาห์ อยู่ได้นานถึง 2 ปี เมื่อฉีดครบ 2-3 ครั้งต่อเนื่องกัน

                    BELOTERO REVIVE vs Radiesse

                    BELOTERO REVIVE มีส่วนประกอบของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) + กลีเซอรอล (Glycerol) เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียด มีความกลืนเข้ากับผิวได้อย่างเรียบเนียน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวหน้า ต้องการงานผิวฉ่ำวาวแบบเร่งด่วน โดย BELOTERO REVIVE มีคุณสมบัติช่วยแก้ปัญหาใบหน้าที่แห้งกร้าน ผิวขาดน้ำ หน้าโทรม หมองคล้ำ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-9 เดือน

                    ส่วน Radiesse เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มีสารไฮยารูลอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) แต่มีสารสำคัญ CaHA (Calcium Hydroxylapatite microsphere) ที่ช่วยในการฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว ให้ผิวมีความแน่นกระชับ ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว และเพิ่มคุณภาพผิวให้แข็งแรงขึ้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2 ปี

                    BELOTERO REVIVE vs Rejuran

                    BELOTERO REVIVE เป็นการฉีดสารเติมเต็มที่มีคุณสมบัติกักเก็บน้ำเข้าชั้นผิวได้โดยตรง คือ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) + กลีเซอรอล (Glycerol) สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที โดยผิวชุ่มชื้นและผิวฉ่ำวาวมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดสิว ลดการอักเสบของผิวได้ด้วย

                    แตกต่างกับ Rejuran มีส่วนประกอบหลักคือ Polynucleotide (PN) ช่วยกระตุ้นผิวให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ เพิ่มคุณภาพผิวฉ่ำวาวสุขภาพดี ช่วยในด้านการฟื้นฟูผิว ลดรูขุมขน ลดริ้วรอย และลดหลุมสิวตื้น อีกทั้งยังช่วยเติมผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำมากขึ้น เห็นผลลัพธ์หลังฉีด 3-5 วันและควรทำต่อเนื่อง 4 ครั้ง ทุก 2-3 สัปดาห์ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

                    BELOTERO REVIVE vs HIFU / Thermage / Ulthera

                    BELOTERO REVIVE เป็นหัตถการกลุ่มฟิลเลอร์ เหมาะกับการฉีดผิวชั้นตื้น หรือชั้นหนังแท้ ช่วยปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้น 4 มิติ ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู ผิวเด้ง และชุ่มชื้นฉ่ำวาว

                    ส่วนเทคโนโลยี HIFU, Thermage และ Ulthera เป็นนวัตกรรมการยกกระชับ แก้ปัญหาครอบคลุมทุกชั้นผิว โดดเด่นในเรื่องของการยกกระชับ ปรับรูปหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน แบบไม่ต้องผ่าตัด

                    BELOTERO REVIVE และทั้ง 3 นวัตกรรมยกกระชับสามารถทำร่วมกัน เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และความต้องการในแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินเบื้องต้นก่อนทำทุกเคส

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว เตรียมตัวและดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดอย่างไร

                    การเตรียมตัวก่อนฉีด BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว

                    ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE อันดับแรกควรศึกษาหาข้อมูลของคลินิกที่เลือกใช้บริการว่ามีการรับรองที่ได้มาตรฐานหรือไม่ ศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการฉีด รวมไปถึงการศึกษาเทคนิคของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรเตรียมความพร้อมก่อนฉีด BELOTERO REVIVE ดังนี้

                    • ก่อนฉีด BELOTERO REVIVE ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดผลัดเซลล์ผิว หรือกำจัดขน 1 สัปดาห์
                    • ก่อนฉีด BELOTERO REVIVE งดการใช้ผลิตภัณฑ์วิตามิน และอาหารเสริม 1 สัปดาห์
                    • ก่อนฉีด BELOTERO REVIVE หลีกเลี่ยงยากลุ่ม NSAID 1 อาทิตย์
                    • ก่อนฉีด BELOTERO REVIVE งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลังกายหนัก
                    • ก่อนฉีด BELOTERO REVIVE งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
                    • ก่อนฉีด BELOTERO REVIVE หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ

                    การดูแลตัวเองหลังฉีด BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว

                    หลังจากฉีด BELOTERO REVIVE แพทย์จะให้คำแนะนำที่ควรปฏิบัติตาม ดังต่อไปนี้

                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE จะมีรอยแผลจากเข็มฉีดยา อาจมีอาการปวด บวม และมีรอยแดงหลังทำ ดังนั้นห้ามไปสัมผัส แกะ เกา หรือนวดบริเวณใบหน้า
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE งดการทาครีมบำรุงผิวและการแต่งหน้า 1 สัปดาห์
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE ควรทำความสะอาดใบหน้าด้วยการระมัดระวัง งดถูหน้า และงดสครับใบหน้า
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อรักษาการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE ควรทานยาที่แพทย์สั่งจ่ายให้หลังฉีดต่อเนื่องจนครบ เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE งดการเลเซอร์ผิวชั้นลึกทุกชนิด เป็นระยะเวลา 1 เดือน
                    • หลังฉีด BELOTERO REVIVE หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ ควรนอนให้หัวสูงกว่าหน้าอกในช่วง 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับของใบหน้า

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว ผลลัพธ์หลังฉีดมีอะไรบ้าง

                    ผลลัพธ์หลังฉีด BELOTERO REVIVE สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวได้ทันที และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนี้

                    • Skin Elasticity ผิวยืดหยุ่นและอิ่มฟูขึ้น ยาวนานถึง 7 เดือน
                    • Skin Firmness ผิวกระชับเต่งตึงมากขึ้น ยาวนานถึง 7 เดือน
                    • Skin Glow ผิวหน้าใส เปล่งปลั่งมากขึ้น ยาวนานถึง 9 เดือน
                    • Skin Hydration ผิวชุ่มชื้น ผิวฉ่ำวาวมากขึ้น ยาวนานถึง 9 เดือน

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว ของแท้ ตรวจสอบอย่างไร

                    ก่อนฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE หรือฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ต้องมั่นใจก่อนว่าคลินิกหรือสถานพยาบาลที่เลือกใช้บริการนั้น เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่มีมาตรฐานการรองรับ วิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้จะมีจุดสังเกต ดังนี้

                    • BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์แท้ต้องมีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยเท่านั้น
                    • BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์แท้ เลข Lot. จะต้องตรงกันทั้ง 3 จุด คือ เลข Lot. บริเวณกล่องผลิตภัณฑ์, เลข Lot. บริเวณสติกเกอร์ และเลข Lot. บริเวณหลอด

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว กับคำถามที่พบบ่อย

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว ใช้กี่ cc

                    โดยปกติการฉีด BELOTERO REVIVE บริเวณผิวหน้าเพื่อผิวฉ่ำวาวจะใช้เพียง 1-2 CC ต่อการฉีด 1 ครั้ง แต่ในกรณีของคนที่มีปัญหาผิวมาก แนะนำว่าควรต้องฉีด BELOTERO REVIVE ติดต่อกันถึง 3 ครั้ง โดยห่างกันครั้งละ 4 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว กี่วันถึงเห็นผล

                    หลังจากการฉีด BELOTERO REVIVE จะสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันที และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด 3 เดือน โดยผลลัพธ์ที่ได้จาก BELOTERO REVIVE คือผิวมีความชุ่มชื้น ผิวฉ่ำวาวมากขึ้น ผิวหน้าเนียนใส เปล่งปลั่ง อีกทั้งยังช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น รูขุมขนกระชับอีกด้วย

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว อยู่ได้นานไหม

                    สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาผิวเยอะมาก สามารถฉีด BELOTERO REVIVE เพียงแค่ 1 ครั้ง โดยผลลัพธ์ผิวฉ่ำวาวจะอยู่ได้นาน 6-9 เดือน แต่ในกรณีของผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและผิวหยาบกร้านอย่างรุนแรง ควรฉีด BELOTERO REVIVE อย่างต่อเนื่องทุก 4 สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อปรับสภาพผิวใหม่ หลังจากนั้นผิวจะคงผลลัพธ์ได้นาน 6-9 เดือน

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว ดีไหม

                    ฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE เป็นฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาวที่สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า โดยจะช่วยมอบผลลัพธ์ผิวหน้าฉ่ำวาวแลดูสุขภาพดี  แก้ปัญหาผิวแห้งเสียและหมองคล้ำจากแสงแดด แก้ไขปัญหาสิว และจุดด่างดำจากรอยสิว นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวมีเกราะป้องกันจากการถูกทำลายอีกด้วย

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว อันตรายไหม

                    การฉีด BELOTERO REVIVE ไม่เป็นอันตราย เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากองค์การอาหารและยา 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป และในประเทศไทย ซึ่งการฉีด BELOTERO REVIVE ที่ปลอดภัยต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้อง และเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านการฉีดฟิลเลอร์เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง และเพื่อผลลัพธ์ผิวฉ่ำวาวที่คุ้มค่าที่สุด

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว เจ็บไหม

                    ระหว่างการฉีด BELOTERO REVIVE เพื่อผิวฉ่ำวาวจะไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากในขั้นตอนการฉีดแพทย์จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กพิเศษ ทำให้ไม่ระคายเคืองผิว โดยก่อนฉีด BELOTERO REVIVE แพทย์จะมีการแปะยาชาก่อน และในระหว่างฉีด BELOTERO REVIVE จะมีการประคบน้ำแข็งเพื่อลดความเจ็บอีกด้วย

                    BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม

                    การฉีด BELOTERO REVIVE เป็นหัตถการที่สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น การฉีดโบ, การร้อยไหม การยกกระชับด้วยเครื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผิวฉ่ำวาวที่ดีและคุ้มค่าที่สุด โดยก่อนฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE แพทย์จะประเมินปัญหาผิวในแต่ละบุคคล และเลือกวิธีที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ผิวฉ่ำวาวที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติ

                    หลังฉีด BELOTERO REVIVE ฟิลเลอร์งานผิวฉ่ำวาว มีผลข้างเคียงไหม

                    หลังฉีด BELOTERO REVIVE เพื่อผิวฉ่ำวาว อาจพบตุ่มนูนเล็ก ๆ ที่เกิดจากเนื้อฟิลเลอร์ และอาจมีรอยแดงจากเข็ม สามารถหายได้เอง 3-4 วัน ส่วนในกรณีของคนที่มีผิวบอบบาง ช้ำง่าย อาจมีอาการเขียว ช้ำ และคันบริเวณที่ฉีด BELOTERO REVIVE นับว่าเป็นอาการปกติที่สามารถหายเองได้ภายใน 2-3 วัน

                    สรุป

                    ฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE เป็นฟิลเลอร์รุ่นแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่องานผิวโดยเฉพาะ ตอบโจทย์ปัญหาผิวสำหรับคนที่ต้องการผิวฉ่ำวาวสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก ได้ผลลัพธ์แบบ 4in1 ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู ผิวเด้ง และผิวชุ่มชื้นฉ่ำวาว ด้วยการฉีดเพียง 1 ครั้ง 

                    สำหรับใครที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมของฟิลเลอร์ BELOTERO REVIVE สามารถปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกับ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ 

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT ตัวช่วยยกกระชับต่างกันอย่างไร?

                    ยกกระชับ

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT ตัวช่วยยกกระชับต่างกันอย่างไร

                    ในปี 2024 นี้นวัตกรรมการยกกระชับมีมากมายหลากหลายเครื่องอย่างมาก แต่นวัตกรรมการยกกระชับยอดฮิตติดอันดับตลอดกาลคงหนีไม่พ้น Thermage FLX vs Ulthera SPT 2 นวัตกรรมยกหน้าตึงดึงผิวกระชับระดับท็อปของวงการความงามมาอย่างต่อเนื่องหลายปี และยังนวัตกรรมการยกกระชับที่เหล่า ดารา คนดัง และเซเลปเลือกไว้ใจให้ดูแลเรื่องยกกระชับผิวหน้าอีกด้วย

                    วันนี้รมย์รวินท์คลินิกจะมาแนะนำ Thermage FLX vs Ulthera SPT ว่าแตกต่างกันอย่างไร ? เลือกยกกระชับตัวไหนดี? ผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างไร? ทุกคำตอบของ Thermage FLX vs Ulthera SPT อยู่ที่บทความนี้เท่านั้น มาหาคำตอบไปพร้อมกันค่ะ

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT ศึกแห่งความงาม! ยกกระชับผิวตัวไหนดีแตกต่างกันอย่างไร

                    thermage vs ulthera
                    ทำความรู้จักชั้นผิวการทำโปรแกรมยกกระชับ

                    รู้จักชั้นผิวของเราก่อนทำ Thermage FLX vs Ulthera SPT

                    ก่อนที่จะเลือกยกกระชับ Thermage FLX vs Ulthera SPT เราต้องมีความเข้าใจกับชั้นผิวหนังก่อน เพราะการทำ Thermage FLX และ Ulthera SPT พลังงานลงสู่ชั้นผิวหนังที่แตกต่างกัน โดยปกติชั้นผิวหนังของเรานั้นจะประกอบไปด้วย 4 ชั้นหลักด้วยกัน คือ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis), ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Subcutis)

                    • ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นผิวหนังชั้นนอกที่ทำหน้าที่คอยปกป้องผิวจากมลพิษ แบคทีเรีย เชื้อรา และป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว
                    • ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นผิวหนังชั้นที่มีความหนาแน่นและมีความยืดหยุ่น ประกอบไปด้วยคอลลาเจน (Collagen) และ อีลาสติน (Elastin) ทำหน้าที่ช่วยให้ผิวดูสวยสุขภาพดี แลดูอ่อนเยาว์ ยืดหยุ่นและดูผิวเต่งตึงมากขึ้น
                    • ชั้นไขมัน (Subcutis) เป็นชั้นที่อยู่ด้านในสุดของชั้นผิว ที่ประกอบไปด้วยเซลล์ไขมัน โปรตีนคอลลาเจน และหลอดเลือดต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการกระแทกอวัยวะภายในและคอยกักเก็บพลังงานอีกด้วย
                    • ชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) เป็นชั้นของเนื้อเยื่อที่แนบติดชั้นกล้ามเนื้อ และชั้นไขมันบนใบหน้า มีหน้าที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อของใบหน้า และทำหน้าที่พยุงโครงสร้างผิวให้กระชับ

                    หากชั้นผิวทั้ง 4 ชั้นมีประสิทธิภาพที่เสื่อมลงจากการโดนทำร้ายจากมลภาวะและแสงแดด หรือผิวเสื่อมประสิทธิภาพลงอันเนื่องมาจากอายุที่มากขึ้น จะทำให้ปริมาณของเส้นใยคอลลาเจนลดน้อยลง และเส้นใยคอลลาเจนสูญเสียความยืดหยุ่น เป็นสาเหตุของการเกิดผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยแห่งวัย ทำให้ใบหน้าขาดความกระชับ

                    ซึ่งคุณสมบัติของพลังงานความร้อนเครื่อง Ulthera SPT และ Thermage FLX สามารถยิงพลังงานลงลึกครอบคลุมผิวทั้ง 3 ชั้น โดยหลังจากยิงพลังงานลงสู่ผิวจะรู้สึกถึงความแน่นกระชับ ยืดหยุ่น รูขุมขนเล็กลง และผิวเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พร้อมทั้งยังช่วยลดไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณใบหน้าได้อีกด้วย

                    thermage vs ulthera
                    Thermage FLX vs Ulthera SPT ต่างกันอย่างไร ?

                    Thermage FLX vs Ulthera SPTทำงานแตกต่างกันอย่างไร

                    Thermage FLX กับ Ulthera SPT เป็นนวัตกรรมในด้านของการยกกระชับผิว แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยต่าง ๆ ได้ แต่ทั้ง 2 นวัตกรรมมีความแตกต่างกันในด้านของหลักการทำงานและค่าพลังงานที่ยิงลงสู่ชั้นผิว

                    thermage vs ulthera
                    หลักการทำงานของ Thermage FLX

                    การทำงานของ Thermage FLX

                    hermage FLX หลักการทำงานใช้คลื่นพลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ Monopolar RF ซึ่งเป็นคลื่นที่มีความถี่สูง สามารถลงลึกไปถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ชั้นผิวที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน (Collagen) อีลาสติน (Elastin) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยพลังงานความร้อนจะอยู่ที่ 40-50°C ปรับค่าพลังงานได้ถึง 0-4 ระดับ คือ

                    • พลังงาน Thermage ระดับ 0-1 ระหว่างที่ทำจะรู้สึกสั่นบริเวณผิวแต่จะยังไม่รู้สึกอุ่น เป็นผลลัพธ์จากการรักษาน้อย
                    • พลังงาน Thermage  ระดับ 2-2.5 ระหว่างทำจะรู้สึกร้อนขึ้นแต่จะรู้สึกในระดับที่ทนได้ สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ตามที่ต้องการ
                    • พลังงาน Thermage ระดับ 3-4 พลังงานระดับนี้สำหรับในบางกรณีเป็นระดับความร้อนที่ร้อนเกินไป เป็นระดับพลังงานที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากกว่าระดับอื่น ๆ แต่เสี่ยงเกิดการบาดเจ็บได้ และไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวบอบบางเกินไป

                    ในปัจจุบันการทำ Thermage FLX จะมีหัวยิง 4 แบบ ด้วยกัน ดังนี้

                    • Thermage FLX Total Tip 3.0 ตารางเซนติเมตร เป็นหัวยิงเฉพาะรุ่นของ CPT เป็นหัวขนาด 3 ตารางเซนติเมตร สามารถยิงได้ 1,200 shot เหมาะทำบริเวณใบหน้าไปจนถึงลำคอ
                    • Thermage FLX Total Tip 4 ตารางเซนติเมตร  เป็นหัวยิงเฉพาะรุ่นของ FLX เป็นหัวขนาด 4 ตารางเซนติเมตร สามารถยิงได้ 900 shot เหมาะทำบริเวณใบหน้าไปจนถึงลำคอ
                    • Thermage FLX Body Tip 16 ตารางเซนติเมตร เป็นหัวยิงขนาด 16 ตารางเซนติเมตร เหมาะกับการทำในบริเวณลำตัว แขนและขา

                    จุดเด่นของ Thermage FLX

                    • ยิงพลังงานลงที่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ช่วยให้ผิวแน่นเฟิร์ม อิ่มฟู กระชับ หน้าเรียวเล็ก ปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้น 
                    • หัวยิง 4 รูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีใน Generation ใหม่ ‘FASTER ALGORITHM EXPERIENCE’ ทำให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
                    • Thermage FLX สามารถยิงพลังงานลงลึกสู่ชั้นผิวครอบคลุมเป็นวงกว้าง
                    • Thermage FLX มีหัว Tip สำหรับการยกกระชับบริเวณรอบดวงตา และหัว Tip สำหรับการยกกระชับบริเวณลำตัวได้
                    • สามารถแก้ปัญหาบนใบหน้าได้อย่างครอบคลุม เช่น ริ้วรอย คิ้วตก ตาตก ร่องแก้มลึก ไขมันสะสม
                    • ใช้ระเวลาในการทำครั้งละ 45-90 นาที
                    • เห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ทำครั้งแรก 20% และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำ 2-3 เดือน
                    • ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
                    • ไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่ต้องผ่าตัด สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

                    thermage vs ulthera
                    หลักการทำงาน Ulthera SPT

                    การทำงานของ Ulthera SPT

                    Ulthera SPT หลักการทำงานคือการใช้คลื่นพลังงานอัลตราซาวนด์ชนิด MFU-V (Micro Focused UItrasound with Visualization) เป็นพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง สามารถยิงพลังงานลงสู่ผัวชั้น SMAS ในระดับความร้อนที่ 60-70°C มีหน้าจอในการดูระดับความลึกของพลังงานที่ยิงลงไปแบบ Real time โดยลักษณะพลังงานเป็นจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นตรง  ซึ่งหัวยิงของ Ulthera SPT มีความลึกถึง 3 ระดับ  คือ

                    • หัวยิงความลึก 1.5 mm เหมาะสำหรับปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ บนผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis)
                    • หัวยิงความลึก 3 mm เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ช่วยยกกระชับ
                    • หัวยิงความลึก 4.5 mm สำหรับยิงชั้น SMAS ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ยกแก้ม เหนียง และลำคอ

                    จุดเด่นของ Ulthera SPT

                    • Ulthera SPT มีเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแบบ Real time เพื่อการมองเห็นพลังงานที่โฟกัสอย่างแม่นยำ ตรงจุด ทุกชั้นผิว
                    • ลงลึกครอบคลุมทุกชั้นผิว แก้ปัญหาอย่างตรงจุด ยกกระชับได้เทียบเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้า
                    • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ของผิว ช่วยให้ผิวแน่นเฟิร์มกระชับ
                    • เห็นผลลัพธ์ตั้งแต่หลังทำครั้งแรก 30% และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน 1-2 เดือนหลังทำ
                    • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
                    • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันปกติได้เลย

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT วิธีใช้แตกต่างกันไหม

                    Thermage FLX กับ Ulthera แตกต่างกันอย่าง สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

                    Thermage FLX

                    • Thermage FLX เป็นการพัฒนานวัตกรรมขึ้นมาในปี 2018 สามารถฌโฟกัสการลดริ้วรอยอย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์ ใช้ระยะเวลาในการทำน้อยกว่าเดิม 25% ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน 1-2 ปี

                    Ulthera SPT

                    • เป็นนวัตกรรมที่มีเพียงรุ่นเดียว ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ และช่วยยกกระชับที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนได้นานถึง 1-2 ปี

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน

                    Thermage FLX เหมาะคนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมเยอะบริเวณใบหน้า ทำให้ผิวขาดความกระชับ แก้มเยอะ ยิวย้วย อันเนื่องมาจากมีไขมันสะสม นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ จากการที่ผิวขาดคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin)

                    ส่วน Ulthera SPT เหมาะกับคนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ผิวหย่อนคล้อยตามวัย และมีริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า หางตาและหางคิ้วตก ผิวขาดคอลลาเจน  (Collagen) และอีลาสติน (Elastin)

                    Thermage FLX vs Ulthera SPTจุดที่นิยมในการยกกระชับแก้ปัญหาผิว

                    จุดที่นิยมยกกระชับด้วย Thermage FLX 

                    • ทั่วใบหน้าบริเวณที่มีไขมันสะสม
                    • บริเวณรอบดวงตาและใกล้ตา
                    • เหนียง ใต้คาง
                    • ร่องแก้มและกรอบหน้า
                    • ลำคอ
                    • ต้นแขนและต้นขา

                    จุดที่นิยมยกกระชับด้วย Ulthera SPT

                    • ทั่วบริเวณใบหน้า
                    • บริเวณรอบดวงตาและใต้ตา
                    • หางคิ้ว หางตา
                    • บริเวณหน้าผาก
                    • ร่องแก้มและกรอบหน้า
                    • ลำคอ

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT ผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างไร?

                    จุดเด่นเรื่องผลลัพธ์ของการทำ Thermage FLX คือจะช่วยให้ผิวแน่นเฟิร์มกระชับ ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณกรอบหน้าได้ดี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวให้กลับมาเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

                    ส่วนจุดเด่นผลลัพธ์ของ Ulthera SPT คือช่วยยกผิวหน้าที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น ช่วยให้ผิวเต่งตึง กรอบหน้าคมชัด และยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) อีกด้วย

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT จำนวน Shot ที่แตกต่างกัน

                    Thermage FLX มีจำนวน Shot ในการยิงอยู่ที่ 900 shot ยิงได้ทั่วใบหน้า ซึ่งใช้ระยะเวลาในการทำ 45-90 นาที

                    ส่วน Ulthera SPT นั้นจำนวน Shot ในการยิงทั่วใบหน้าไม่ได้มีจำนวนที่เหมาะสมชัดเจน เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT vs HIFU แตกต่างกันอย่างไร?

                    • Thermage FLX เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว ซึ่งพลังงานสามารถลงลึกถึงชั้นหนังแท้ ช่วยยกกระชับผิวหน้าและลำตัว รวมถึงช่วยลดไขมันส่วนเกินด้วย ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
                    • Ulthera SPT ใช้พลังงานอัลตราซาวนด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง โดยพลังงานสามารถลงลึกได้ถึงผิวหนังชั้น SMAS ช่วยยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
                    • HIFU ใช้พลังงานอัลตราซาวนด์ความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง พลังงานลิงลงลึกได้ถึงผิวหนังชั้น SMAS ได้เหมือน Ulthera SPT แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน ช่วยยกกระชับผิวหน้าและลำตัว

                    ราคาการทำThermage FLX vs Ulthera SPT อยู่ที่เท่าไหร่

                    ราคาในการยกกระชับ Thermage FLX โดยปกติทั่วไปหากเป็น Thermage FLX 900 shot จะอยู่ที่ราคาเริ่มต้น 65,000 บาท ส่วน Ulthera SPT จะมีราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาท ทั้งนี้ราคาขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำด้วยค่ะ

                    คำถามพบบ่อยเรื่องของ Thermage FLX vs Ulthera SPT

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT สามารถทำร่วมกันได้หรือไม่?

                    การยกกระชับด้วย Thermage FLX และ Ulthera SPT สามารถทำร่วมกันได้ แต่ไม่ควรทำพร้อมกัน เนื่องจากจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้า อาจส่งผลให้ชั้นผิวของเราเกิดอาการเบิร์นไหม้ (Burn) ควรเลือกยกกระชับอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ชำนาญการประเมินปัญหาสภาพผิวของแต่ละบุคคลค่ะ

                    ระดับความเจ็บของ Thermage FLX vs Ulthera SPT

                    ก่อนทำ Ulthera SPT จะทำการแปะยาชาก่อนทำเสมอ จึงทำให้การยกกระชับด้วย Ulthera SPT ไม่เจ็บอย่างที่คิดเพราะยาชาช่วยลดความเจ็บได้อย่างมาก ระหว่างทำจะรู้สึกจี๊ด ๆ และอุ่นบริเวณที่ทำ ซึ่งเป็นระดับความร้อนที่ทนได้

                    ส่วนการทำ Thermage FLX ระดับของความเจ็บนั้นจะไม่แตกต่างจากการทำ Ulthera SPT เท่าไหร่ เพราะ Thermage FLX มีระบบ Cooling Effect ที่ช่วยปล่อยพลังงานความเย็นในระหว่างทำ เพื่อคอยป้องกันการไหม้เบิร์น (Burn) ของผิวหน้า และช่วยทำให้เจ็บน้อยลงอีกด้วยค่ะ

                    ระยะเวลาในการทำ Thermage FLX vs Ulthera SPT ในแต่ละครั้งนานไหม

                    ระยะเวลาในการทำ Thermage FLX ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 45-90 นาที ส่วนในการทำ Ulthera SPT ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีค่ะ

                    Thermage FLX vs Ulthera SPT  จะเห็นผลลัพธ์ภายในกี่วัน?

                    ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ของ Thermage FLX จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำประมาณ 20% และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ภายใน 2-3 เดือนหลังทำ ส่วน Ulthera SPT เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำประมาณ 30% และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ภายใน 1-2 เดือนหลังทำค่ะ

                    สรุป Thermage FLX vs Ulthera SPT

                    Thermage FLX และ Ulthera SPT ช่วยยกกระชับเก็บกรอบหน้าคมชัดคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างกันที่พลังงานค่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหานวัตกรรมยกกระชับ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกทำโปรแกรมยกกระชับตัวไหนดี สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษากับทางรมย์รมรวินท์คลินิก เพื่อให้แพทย์ผู้ชำนาญการประเมินวิเคราะห์ใบหน้าและเลือกหัตถการยกกระชับที่เหมาะสมกับปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดค่ะ

                    รมย์รวินท์คลินิกใช้ Thermage FLX และ Ulthera SPT เครื่องแท้ได้มาตรฐานระดับสากล ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้มากประสบการณ์กว่า 10 ปี ดูแลทุกเคสแบบ 1:1 วิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม ตรงจุด และปลอดภัย

                    รมย์รวินท์คลินิก ทุ่มงบไตรมาส 4 รันวงการนางงามในการประกวด “MISS GRAND นครพนม”

                    มีสแกรนด์นครพนม

                    ทุ่มงบไตรมาส 4 รันวงการนางงาม “MISS GRAND นครพนม 2025

                    รมย์รวินท์คลินิก ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักด้านความงามให้กับเวที “มีสแกรนด์นครพนม 2025”  เพื่อให้ผู้เข้าประกวดมีความงามและความมั่นใจไปพร้อมกัน ไม่เพียงเท่านั้น รมย์รวินท์คลินิกยังสนับสนุนการให้บริการในด้านความงามให้กับผู้เข้าประกวดรอบสุดท้ายทุกท่าน ให้ได้แก้ปัญหาที่กังวลเตรียมพร้อมสำหรับเฉิดฉายอย่างเต็มทีในการประกวดรอบตัดสิน

                    รมย์รวินท์คลินิกรันวงการนางงามในไตรมาส 4  ด้วยการทุ่มงบเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุน พร้อมกับเป็นผู้ดูแลให้บริการด้านความงามให้กับผู้เข้าประกวดในรอบสุดท้ายของเวทีมีสแกรนด์นครพนม 2025 ที่จัดขึ้นในแนวคิด “A WINNER IS A DREAMER WHO NEVER GIVES UP” ที่สนับสนุนให้ผู้หญิงมีความฝัน และไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อต่อความฝัน เพื่อไปแข่งขันในเวทีใหญ่อย่าง มีสแกรนด์ ไทยแลนด์

                    มีสแกรนด์นครพนม
                    ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

                    โดยในระหว่างการเก็บตัวเพื่อเตรียมตัวเข้าแข่งขันในรอบสุดท้าย คือรอบชุดราตรี และชุดการแสดง รมย์รวินท์คลินิกได้ให้บริการด้านความงามของผู้เข้าประกวดทั้ง 12 ท่าน ด้านการเข้ามาดูแลตัวเอง ในส่วนที่มีความบกพร่อง หรือไม่มั่นใจ เพื่อเพิ่มความมั่นใจอย่างเต็มที่ก่อนการแข่งขันรอบตัดสิน โดยโปรแกรมที่ให้การสนับสนุนนั้น เกี่ยวกับการดูแลผิว รูปหน้า รูปร่าง การปรับรูปหน้า เติมเต็ม และการกำจัดขน เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันสวยทั่วเรือนร่าง และเพิ่มความมั่นใจอย่างมากที่สุด 

                    สามารถชมและเป็นกำลังใจให้กับสาวงามทั้ง 12 ท่าน ประกวดรอบไฟนอลมิสแกรนด์ นครพนม 2025 ได้ในวันที่ 25 กันยายน 2025 ณ. คอนเวนชันฮอลล์ ช้ัน 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ  หรือ Youtube ช่อง Grand TV  

                    MISS GRAND
                    ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

                    เนื่องจากระหว่างการประกวดผู้เข้าประกวดจะต้องมีทั้งการแสดงความสามารถ การแต่งตัวในรูปแบบต่างๆเพื่ออวดเรือนร่างที่สวยงาม สมส่วนในแบบของตัวเอง ทั้งยังต้องมีการเก็บตัวร่วมกันในกองประกวด  ทำงานผู้เข้าแข่งขันไม่สามารถดูแลตัวเองในการพัฒนาด้านความสวยได้อย่างเต็มที่ รมย์รวินท์คลินิก จึงเป็นหนึ่งตัวช่วยที่ต้องการผลักดัน ให้ผู้เข้าประกวดทุกท่านได้สวยในแบบที่ใจต้องการ ทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆกับกองประกวดได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวล

                    มีสแกรนด์นครพนม
                    ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

                    เวทีมิสแกรนด์นครพนมเป็นเวทีที่มีภาพลักษณ์และการจดจำของเวทีที่ดี และยังเป็นเวทีที่ให้การสนับสนุนภาคส่วนต่างๆในสังคมได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีความสอดคล้องกันกับรมย์รวินท์คลินิก ที่เป็นคลินิกเสริมความงามที่ยืนหยัดในวงการความงามมานานกว่า 21 ปี มีภาพลักษณ์ที่ดี  และยังสนับสนุนสิ่งต่างๆที่ต่อยอดการทำความดีต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง 

                    รมย์รวินท์คลินิกมีแนวคิดว่าไม่ว่าจะเป็นใคร มีเพศสภาพแบบไหน ก็สามารถมีความสวย ความงามในรูปแบบของตัวเองได้ โดยก้าวผ่านความงามในแบบฉบับของคนอื่นที่ถูกตีกรอบให้ได้ แต่ให้เป็นคุณในเวอร์ชันที่ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเราสามารถเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุดได้จากการดูแลตัวเอง ตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน ไปจนถึงการดูแลตัวเองโดยเข้าคลินิกความงาม เพื่อให้ดูแลได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

                    มีสแกรนด์นครพนม
                    ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

                    สำหรับใครที่มีความต้องการจะดูแลตัวเองด้วยโปรแกรมต่างๆตามที่ผู้เข้าประกวดรอบสุดท้ายของเวที มีสแกรนด์นครพนม 2025 เพื่อต้องการเป็นตัวเองในรูปแบบที่ดีที่สุด สามารถเข้ามาสอบถามได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา เรามีผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและดูแล เพื่อให้โปรแกรมต่างๆสามารถปรับให้เข้ากับความเป็นคุณได้อย่างเต็มที่เพื่อให้เป็นคุณในเวอร์ชันที่ดีที่สุด

                    แก้มห้อยจนเพื่อนทัก ต้องจัดการด้วย Super Hifu 

                    HIFU

                     Super Hifu เทคโนโลยียกกระชับ จัดการแก้มห้อย

                    สาวตัวเล็กๆ แก้มป่องๆ ดูน่ารัก น่าหยิก มีแก้มก็ช่วยทำให้หน้าดูเต็ม ดูอิ่ม ดูไม่โทรม แต่หน้าแบบเรามันเกินคำว่าอิ่มไปจนย้วย แก้มห้อย ดูหน้าหย่อนคล้อย ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วต้องรีบจัดการด่วนนน!! 

                    คุณแอมแปร์ ปิ่นมนัส ปิ่นแก้ว ก็เป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาในเรื่องนี้ ด้วยความที่แก้มป่อง แก้มห้อยจนดูเหมือนผิวหน้าหย่อนคล้อยไม่ได้รูป เลยต้องเข้ามาปรึกษาคุณหมอแพร (พญ.ธิรดา จิตตการ) ที่รมย์รวินท์คลินิกให้ช่วยจัดการปัญหากวนใจนี้

                    HIFU
                    การทำ HIFU

                    “แอมแปร์เป็นคนหนึ่งที่มีแก้มเยอะมาก แก้มป่องๆมันก็ทำให้หน้าดูอิ่ม หน้าไม่โทรม แต่สำหรับแอมแปร์รู้สึกว่ามันเยอะเกินไปจนทำให้ดูเหมือนหน้าเราหย่อนคล้อย เริ่มเห็นกรอบหน้าไม่ชัดเจน จนมาหลังๆ เพื่อนก็เริ่มทักว่าแก้มของแอมแปร์ดูห้อยมากยิ่งขึ้นจนรู้สึกไม่มั่นใจเลย แอมแปร์รู้สึกว่าปล่อยไว้ไม่ได้ต้องจัดการละ จนแอมแปร์ได้เข้ามาปรึกษาคุณหมอแพรที่รมย์รวินท์คลินิก ซึ่งคุณหมอแพรก็ให้คำปรึกษาแอมแปร์ได้ดีมาก จนแอมแปร์รู้สึกมั่นใจว่าหลังทำหน้าแอมแปร์จะต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่ๆ 

                    HIFU
                    การทำ HIFU

                    คุณหมอแพรวิเคราะห์ใบหน้าของแอมแปร์ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Lifting Select ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ใบหน้าของเราว่ามีปัญหาอะไรบ้างก่อนที่จะเลือกโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งวันนี้คุณหมอแพรแนะนำให้แอมแปร์ทำโปรแกรม Super Hifu ซึ่งคุณหมอแพรบอกว่าโปรแกรม Super Hifu เป็นโปรแกรมที่ช่วยจัดการความหย่อนคล้อยของผิว ยกกระชับผิวหน้า ยกกระชับผิวบริเวณแก้ม ช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้นๆให้จางลง และยังลดไขมันได้ เพราะโปรแกรม Super Hifu ยิงพลังงานได้ลงลึกชั้นผิวถึง 3 ระดับเลยค่ะ 

                    ตอนทำโปรแกรม Super Hifu แอมแปร์ไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ เพราะโปรแกรม Super Hifu ไม่ใช้เข็ม ให้ความรู้สึกอุ่นๆ แต่ไม่แสบร้อน หลังจากที่แอมแปร์ทำโปรแกรม Super Hifu ก็เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีเลยค่ะ ว่าเปลี่ยนไปจากตอนก่อนทำมาก หลังทำโปรแกรม Super Hifu เห็นได้เลยว่าผิวหน้าของแอมแปร์ดูยกกระชับขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแก้มซึ่งเป็นจุดที่แอมแปร์กังวลใจก็ยกกระชับขึ้นมาก แก้มของแอมแปร์ไม่ห้อยแล้ว 

                    HIFU
                    การทำ HIFU

                    คุณหมอแพรบอกว่าหลังทำโปรแกรม Super Hifu เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีว่ายกกระชับขึ้น 10-20% และจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากที่สุดหลังทำโปรแกรม Super Hifu ไปแล้ว Hifu 1-2 เดือน และให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6 เดือน หรือหากใครอยากให้หน้ายกกระชับยิ่งขึ้นก็สามารถมาทำโปรแกรม Super Hifu ซ้ำได้ทุก 3 เดือนเลย ใครที่มีปัญหาแก้มเยอะ จนดูห้อย หน้าหย่อนคล้อยแอมแปร์แนะนำให้ทำโปรแกรม Super Hifu ที่รมย์รวินท์คลินิกเลยค่ะ แอมแปร์พิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยตัวเองมาแล้วว่ายกจริง!

                    โปรแกรม Super Hifu คืออะไร ทำไมถึงครองใจสาวแก้มป่องแบบคุณแอมแปร์

                    โปรแกรม Super Hifu หรือ High Intensity Focus Ultrasound นวัตกรรมการยกกระชับผิว และฟื้นฟูโครงสร้างผิว ด้วยการส่งผ่านพลังงานอัลตราซาวนด์แบบเฉพาะเจาะจงลงไปที่ชั้นผิวถึง 3 ระดับได้อย่างแม่นยำ  คือ ชั้นผิวหนัง ชั้นไขมัน และชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้สำหรับการผ่าตัดศัลยกรรม ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวที่แน่นยกกระชับ ปรับรูปหน้า หน้าเรียวเข้ารูป ริ้วรอยบริเวณร่องแก้มค่อยๆตื้นขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น และนอกจากนั้นยังช่วยเรื่องของงานผิว ให้ผิวเนียน รูขุมขนกระชับ ครบจบในเครื่องเดียว

                    HIFU
                    ผลลัพธ์หลังการทำ HIFU

                    ซึ่งโปรแกรม Super Hifu ยกกระชับผิวได้ถึง 3 ระดับชั้นผิว แบ่งเป็นหัวยิงแต่ละระดับ คือ 

                    หัวยิง Super Hifu ความลึก 2.0 mm. ลงลึกในระดับผิวหนังชั้นบน ช่วยลดริ้วรอยระดับตื้นๆ และความหย่อนคล้อย​บริเวณเล็กๆ พร้อมช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง

                    หัวยิง Super Hifu ความลึก 3.0 mm ลงลึกในระดับชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินให้ผิวเกิดการเรียงตัวกันใหม่ ซึ่งมีความแน่นกระชับมากยิ่งขึ้นทำให้ผิวแน่น เฟิร์ม และยังช่วยลดไขมันและเซลลูไลต์ได้อีกด้วย 

                    หัวยิง Super Hifu ความลึก 4.5 mm. ลงลึกในระดับชั้น SMAS หรือชื่อเต็มว่า Superficial Musculo Aponeurotic system ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างชั้นกล้ามเนื้อ และชั้นไขมัน ชั้นนี้เป็นชั้นที่นิยมผ่าตัดศัลยกรรม พลังงานที่ยิงลงในชั้นนี้ช่วยยกกระชับผิว และยกกรอบหน้าให้ชัดขึ้น 

                    ใครบ้างที่เหมาะกับการยกกระชับด้วย Super Hifu 

                    • Super Hifu เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยไม่กระชับ
                    • Super Hifu เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยรอบดวงตา หรือร่องแก้ม
                    • Super Hifu เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว คมชัด แต่ไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรม
                    • Super Hifu เหมาะกับผู้ที่คงความอ่อนเยาว์ ผิวเด็ก
                    • Super Hifu เหมาะกับผู้ที่กลัวเจ็บ หรือกลัวเข็ม

                    เตือนภัย! หวิดหน้าพัง..เพราะฟิลเลอร์ กับหมอที่ไม่ชำนาญ

                    อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์

                    เตือนภัย! หวิดหน้าพัง..เพราะฟิลเลอร์ 

                    ฟิลเลอร์จัดได้ว่าเป็นหัตถการอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถฉีดเติมเต็มให้ผิว ปรับรูปหน้า และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างทันใจ แต่เมื่อมีความนิยมมากก็มักจะมีฟิลเลอร์ปลอมระบาดหนักในท้องตลาดมากเช่นกัน ยิ่งถ้าหากเราอยากสวย แต่เห็นแก่ของถูก โปรโมชันที่หลอกล่อให้หลงเป็นเหยื่อ จนเผลอไผลให้กับฟิลเลอร์ปลอม หรือคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจตกเป็นเหยื่อ และหวิดหน้าพังได้เช่นกัน 

                    ฟิลเลอร์คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยมอย่างมาก 

                    ฟิลเลอร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยเติมเต็มให้ผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องเล็กๆ หรือปรับรูปหน้า เติมเต็มวอลลุ่มให้ผิวหน้า ซึ่ง HA เป็นสารประกอบที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นสารที่ฉีดเข้าไปแล้วไม่เกิดการตกค้างในร่างกาย สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่สวยในแบบที่เป็นธรรมชาติ ดูไม่หลอกตา ซึ่งฟิลเลอร์แท้จะได้รับรองจากอย.ไทย ว่ามีความปลอดภัย สามารถใช้กับผิวหน้า หรือร่างกายได้ 

                    ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

                    • ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณขมับ แก้ปัญหาขมับตอบ เสริมมิติให้ใบหน้า
                    • ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณหน้าผาก แก้ปัญหารอบยุบ รอยยับ 
                    • ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณใต้ตาช่วยแก้ปัญหารอยคล้ำใต้ตา ให้ตาสดใสมากขึ้น
                    • ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณปาก ช่วยเติมเต็มร่องปาก แก้ปากแห้ง ปรับรูปปากให้สวยอวบอิ่ม
                    • ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มร่องลึก ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
                    • ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณคาง ช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม เติมมิติให้คางดูสวยรับกับใบหน้ามากขึ้น 

                    ฟิลเลอร์กับความงาม

                    ฟิลเลอร์นั้นมีประโยชน์กับผิวในด้านความงามมากมาย เพราะเป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ HA ที่ใช้เติมความชุ่มชื้น และกักเก็บน้ำให้กับผิว อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มเรื่องร่องรอยให้ผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องตื้นให้ผิวดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น และยังช่วยปรับรูปหน้า เพิ่มวอลลุ่มให้ผิวดูมีมิติมากยิ่งขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากอีกด้วย เป็นการรักษาผิวให้สวยได้แบบเร่งด่วนอีกทางหนึ่ง แต่หากเผลอไปเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดแบบไม่ถูกวิธี กับคลินิกหรือแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือไม่ได้รับการรับรองก็อาจเจอกับผลข้างเคียงได้อีกเช่นกัน โดยอาการของการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้ผลดีคืออาการฟิลเลอร์ไหล หรือฟิลเลอร์เป็นก้อนนั่นเอง และอาจร้ายแรงจนถึงขั้นติดเชื้อ เสี่ยงเสียโฉมถาวรเลยก็เป็นไปได้ 

                    ฟิลเลอร์ไหลคืออะไร

                    ฟิลเลอร์ไหลคือ อาการข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวแล้วเกิดการไหลย้อยมากองรวมกันเป็นก้อนทำให้ผิวเกิดการอักเสบ หรือบวมขึ้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีหลังจากฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในผิว แต่จะเกิดขึ้นหลังจากการฉีดฟิลเลอร์มาซักระยะหนึ่ง หากเป็นฟิลเลอร์ของแท้ หรือฉีดถูกตำแหน่งก็จะสามารถถสลายไปได้เองโดยธรรมชาติ แต่หากเป็นฟิลเลอร์ที่ใช้สารประกอบอื่นๆ มาแทน เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราเบน ซึ่งสารประกอบพวกนี้จะไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หากฉีดไปนานเข้าก็จะทำให้ฟิลเลอร์เกิดอาการไหล และทำให้ผิวหนังอักเสบ บวมแดง จนถึงขั้นติดเชื้อได้ 

                    ต้นเหตุของฟิลเลอร์ไหลคืออะไร อันตรายหรือไม่

                    ฟิลเลอร์ไหล เพราะฟิลเลอร์ที่ไม่ได้คุณภาพ มีการเก็บรักษาที่ไม่ดี ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากอย.ไทย  เพราะฟิลเลอร์ที่อย.ไทยรับรองคือฟิลเลอร์ที่มีสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid เท่านั้น 

                    ฟิลเลอร์ไหล เพราะใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจเกิดจากโมเลกุล และความหนาแน่น และการจับตัวของฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับตำแหน่งที่ฉีดก็อาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเกิดอาการไหลกองเป็นก้อน 

                    ฟิลเลอร์ไหล เพราะแพทย์ที่ทำการฉีดให้ไม่ใช่แพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะทาง ซึ่งอาจจะทำให้ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง หรือฉีดฟิลเลอร์มากเกินความจำเป็น ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ และอาจทำให้เกิดอาการฟิลเลอร์ไหล หรือฟิลเลอร์เป็นก้อน 

                    ฟิลเลอร์ไหล เพราะฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์ปลอม ที่ใช้สารปลอมแปลงเช่นซิลิโคนเหลว หรือพาราฟินที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และไม่สามารถสลายไปได้เองโดยธรรมชาติ ซึ่งนานวันเข้าจะไปกระตุ้นผิว ทำให้เกิดการอักเสบ และติดเชื้อได้

                    โดยอาการข้างต้นหากฟิลเลอร์ที่ใช้นั้นเป็นของแท้ก็สามารถทำการสลายฟิลเลอร์ได้และอาจไม่เกิดผลกระทบต่อร่างกายมากนัก แต่หากฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ฉีดนั้นเป็นของปลอมก็อาจมีความเสี่ยงต่อร่างกายได้ 

                    ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร 

                    ฟิลเลอร์ปลอม คือ ฟิลเลอร์ที่นำสารประกอบตัวอื่นที่ไม่ใช่ Hyaluronic Acid มาเป็นสารประกอบ แต่จะใช้สารจำพวกซิลิโคนเหลว หรือพาราฟินเข้ามาแทน ซึ่งสารเหล่านี้ยังไม่ได้รับการรับรองจากอย.ไทย และถือเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอมนั่นเอง ซึ่งอาจเกิดผลต่อผิวหน้า และร่างกายในระยะยาว หากเกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อ 

                    ดูอย่างไรว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ใช้เสี่ยงจะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน 

                    ฟิลเลอร์นั้นเป็นฟิลเลอร์ที่นำเข้ามาเองจากต่างประเทศ โดยไม่ผ่านบริษัทที่นำเข้าฟิลเลอร์อย่างถูกต้อง และไปใช้เพื่อการค้าตามท้องตลาดทั่วไป หรือตามสื่อออนไลน์ ที่ไม่ใช่คลินิกเสริมความงามที่มีการรับรอง  ให้สันนิฐานได้เลยว่าเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม ควรหลีกเลี่ยงอย่างมาก 

                    สารฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจากอย.ไทย คือ ฟิลเลอร์ที่นำสารอื่นๆ ที่ไม่ใช้ Hyarulomic Acid มาใช้ผลิตผิลเลอร์ เช่น นำสารจำพวกซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน คอลลาเจนมาใช้แทน ซึ่งอย.ไทย รับรองแค่ฟิลเลอร์ที่มีสารประกอบของ Hyarulonic Acid เท่านั้น

                    อันตรายที่เกิดจากฟิลเลอร์ปลอม ระวังไว้ให้ดีถ้าไม่อยากเสี่ยงหน้าพังถาวร

                    เกิดการอักเสบของผิวหนัง เมื่อนำฟิลเลอร์ปลอม ที่มีสารแปลกปลอมที่ไม่ใช่ Hyaluronic ตามธรรมชาติ ฉีดเข้าไปยังผิวของเรา ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอมทันที ทำให้เกิดการอักเสบ บวม ของผิว 

                    เกิดการติดเชื้อหวิดหน้าพัง เพราะฟิลเลอร์ที่ใช้เกิดการปนเปื้อนของสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรค เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง อาจทำให้ผิวของเหล่าเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและเกิดการติดเชื้อขึ้นได้ 

                    เกิดฟิลเลอร์ไหล หรือฟิลเลอร์เป็นก้อน หากนำสารอื่นๆ ที่เป็นสารประกอบของฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างเช่นพวกซิลิโคนเหลว หรือพาราฟินมาฉีดเข้าผิว ซึ่งสารจำพวกนี้จะไม่สามารถสลายไปได้เองโดยธรรมชาติ เมื่อนานเข้าจะทำให้สารนั้นและชั้นผิวของเราจับตัวเป็นพังผืด และกลายเป็นฟิลเลอร์ไหลได้นั่นเอง

                    ทำอย่างไรหากเกิดอาการฟิลเลอร์ไหล หรือฉีดฟิลเลอร์ปลอม

                    การฉีดสลายฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นการฉีด Hyaluromidase หรือ HYAL เพื่อเข้าไปสลายเนื้อฟิลเลอร์ที่อยู่ใต้ผิวหนัง ในกรณีนี้จะใช้ได้เฉพาะฟิลเลอร์แท้เท่านั้น โดยเมื่อฉีดแล้ว ฟิลเลอร์จะค่อยๆสลายออกไปเองตามธรรมชาติ ใช้ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม หรือฉีดฟิลเลอร์มากจนเกินไปจนทำให้ฟิลเลอร์ไหลกองเป็นก้อน แต่วิธีนี้จะได้ผลแค่ประมาณ 60-70% เท่านั้น

                    การขูดฟิลเลอร์ ใช้ในกรณีที่ฟิลเลอร์ที่ฉีดนั้นเป็นฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งไม่สามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติ หรือไม่สามารถใช้วิธีการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ซึ่งวิธีขูดฟิลเลอร์นี้เป็นการรักษาอาการอักเสบ บวมแดงจากฟิลเลอร์ปลอมที่ไหลเกาะเป็นก้อนพังผืด 

                    การสลายฟิลเลอร์โดยการผ่าตัด ซึ่งใช้กับฟิลเลอร์ปลอมที่ฉีดเข้าสู่ผิวเกิดการจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง และมีขนาดใหญ่มาก หรือการเกิดพังผืดแบบที่การขูดฟิลเลอร์รักษาไม่ได้ผล แต่วิธีการรักษานี้มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก 

                    อย่าเสี่ยงกับอาการฟิลเลอร์ไหลหรือฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน ให้รมย์รวินท์คลินิกเป็นคลินิกเสริมความงามที่คุณไว้วางใจในผลลัพธ์ คุณภาพ และการบริการ 

                    เลือกฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัย ต้องที่รมย์รวินท์คลินิก 

                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ คุณภาพดี ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก และได้รับการรับรองจากอย.ไทย ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้มาใช้กับผู้มาเข้ารับบริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และความปลอดภัยสูงสุดกลับไป
                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกเป็นสถานเสริมความงามที่ได้รับรองว่ามีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ และมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน อีกทั้งเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็มีคุณภาพทั้งในเรื่องความสะอาด และความปลอดภัย
                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะด้านคอยให้คำแนะนำ และดูแลผู้เข้ามารับบริการ และมีการติดตามผลหลังทำ เพื่อให้ผู้มารับบริการได้รับความสบายใจก่อนและหลังการรักษา
                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีโปรโมชันมากมายตลอดทั้งปี ซึ่งนอกจากโปรโมชันโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แล้ว ก็ยังมีโปรโมชันความงามอื่นๆ อีกมากมายมอบให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการได้ติดตาม
                    • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีเคสรีวิวของผู้เข้ามารับบริการกับโปรแกรมเสริมความงามมากมายหลากหลายเคส เพื่อให้ผู้มาเข้ารับบริการเกิดความมั่นใจในการเข้ารับบริการ 

                    อยากฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ต้องเสี่ยงทาย แค่มาที่รมย์รวินท์คลินิกก็สวยกลับไปทุกครั้ง มีปัญหาผิว หรือขอรับบริการด้านความสวย เชิญได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขานะคะ 

                    อ่านข้ามูลฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยได้ที่ :https://www.romrawin.com/filler-fullface/

                    ซัน พิชยดนย์ หล่อผิวเด็กด้วย Radiesse

                    Radiesse

                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                      เคล็ดลับ หล่อ ดูดี แบบคุณซัน พิชยดนย์ ต้อง Radiesse เท่านั้น 

                      อยากหน้าเด็ก ดูอ่อนเยาว์น่ะหรอ ไม่ยากเลย แค่มาที่รมย์รวินท์คลินิก และพิสูจน์ผลลัพธ์หน้าเด็กด้วย Radiesse เหมือนคุณซัน พิชยดนย์ พึ่งพันธ์ พระเอกหนุ่มสุดหล่อ  

                      คุณซันหน้าเด็ก ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ก็เพราะได้ลองพิสูจน์ Radiesse มาแล้ว จนคุณซันต้องขอยกนิ้วให้รัวๆ เลย เพราะหน้าเด็กมากกก แล้วคุณล่ะลองหรือยัง? ถ้ายังไม่ลอง ไปฟังจากปากคุณซันกันเลย รมย์รวินท์คลินิกรับประกันผลลัพธ์เรื่องหน้าเด็ก ผิวอ่อนเยาว์เลยว่าไม่ได้พูดเกินจริงแน่นอน! 

                      Radiesse

                      เป็นผู้ชายก็ต้องอยากหล่อเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ และด้วยอาชีพของซันที่ต้องทำให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลาด้วย แต่ด้วยความที่อายุของเรายิ่งมากขึ้น ปัญหาเรื่องริ้วรอยความหย่อนคล้อยก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ซันก็ยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้หน้าของเราเป็นไปตามอายุ ต้องดูดีขึ้น ต้องหล่อมากกว่านี้ให้ได้ จนมาเจอรมย์รวินท์คลินิกนี่แหละที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ซันได้ 

                      ซันได้มาดูแลผิวหน้าของซันที่รมย์รวินท์คลินิกกับคุณหมอออย (พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์) คุณหมอออยซึ่งก่อนทำคุณหมอออยก็จะประเมินปัญหาผิวของซันเป็นอันดับแรกเลย ด้วยเทคนิคที่คุณหมอออยบอกว่ามีเฉพาะแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นนะ นั่นก็คือ Lifting Select ครับ ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยวิเคราะห์ปัญหาของผิวหน้า และทำให้มองเห็นถึงปัญหาผิว ผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อดูว่าเราเหมาะกับโปรแกรมไหนมากที่สุดครับ ซันประทับใจเทคนิคนี้มาก เพราะสามารถบอกถึงปัญหาที่ซันกังวลใจได้หมดเลยครับ

                      Radiesse
                      ซัน พิชยดนย์ Radiesse

                      หลังจากวิเคราะห์ใบหน้าเสร็จเรียบร้อย คุณหมอออยก็จัด Radiesse ให้ซันเลยครับ คุณหมอออยบอกว่า Radiesse นี้ เป็นสารประกอบที่เป็นแคลเซียม ซึ่งร่างกายของคนเรามีอยู่แล้ว จึงไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าไปกระตุ้นการอักเสบ หรือการต่อต้านของร่างกาย  แต่ช่วยเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ยกส่วนที่หย่อน ขึงส่วนที่คล้อยของผิวให้กลับมาตึงขึ้น ทำให้ผิวหน้าของเราดูแน่นขึ้น เรื่องริ้วรอยที่เคยมีทำให้ผิวดูโทรม ผิวดูร่วงโรย ก็กลับมาดูอ่อนเยาว์มากขึ้น หน้าดูเด็กลง แถม Radiesse ยังช่วยเรื่องงานผิว ให้ผิวของซันเนียนละเอียดมาก การเข้ามาทำหน้าที่รมย์รวินท์คลินิกนี่นอกจากจะหล่อ แล้วยังได้ความรู้ด้วยนะครับ

                      ตอนนี้ซันมั่นใจในผิวหน้าตัวเองมากขึ้นแล้ว เพราะ Radiesse ทำให้ซันกลับมาหล่อ ดูดีได้อีกครั้งครับ และคุณหมอออยยังบอกด้วยว่าผลลัพธ์หลังทำ Radiesse ยังอยู่ได้นานถึง 24 เดือนเลยครับทำให้ไม่ต้อมาเติมบ่อยๆ ฉีดทีเดียวอยู่ได้ยาวเลย

                      Radiesse
                      ซัน พิชยดนย์ Radiesse

                      สำหรับงานหน้าเด็ก ผิวอ่อนเยาว์แบบซัน ก็ต้องนวัตกรรมกระตุ้นสร้างคอลลาเจนให้ผิวกับ Radiesse ตัวนี้เลยที่ซันประทับใจมาก พร้อมทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลผิวของซันต้องที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นที่ซันยกใจให้เลยครับ

                      Radiesse คืออะไร ถึงทำให้คุณซัน ติดใจได้ถึงขนาดนี้! 

                       Radiesse สาร Biostimulator ที่มีส่วนประกอบ Calcium Hydroxylapatite หรือที่รู้จักกันในชื่อ CaHA ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับที่ร่างกายมีอยู่แล้ว จึงทำให้เมื่อฉีด Radiesse เข้าไป ร่างกายไม่เกิดการต่อต้าน หรือเกิดการกระตุ้นการอักเสบ หรือบวมของผิว และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อผิว แต่ Radiesse ช่วยเข้าไปเติมเต็ม และช่วยฟื้นฟูให้แก่ผิวได้ถึง 5 เท่าในหนึ่งเดียว ให้ผลลัพธ์ที่

                      Radiesse

                      • YOUNGER สัมผัสผลลัพธ์ผิวอ่อนเยาว์มากกว่าที่เคย
                      • HEALTHIER ยกระดับผิวสุขภาพดีได้มากกว่าที่เคยเป็น
                      • LONGER มอบผลลัพธ์งานผิวอยู่ได้นานถึง 24 เดือน  

                      Radiesse

                       Radiesse ทำให้หน้าคุณซันจึ้งได้ยังไงบ้างนะ

                      • Radiesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I ได้ถึง 150% ให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
                      • Radiesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type III ได้ถึง 130% ให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น
                      • Radiesse ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำสร้างผิวฉ่ำโกลว์ 
                      • Radiesse ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก ให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์
                      • Radiesse ช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรงมากขึ้น
                      •  Radiesse ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงกระชับมากยิ่งขึ้น
                      • Radiesse กับผลลัพธ์ความอ่อนเยาว์ที่อยู่ได้นานถึง 24 เดือน 

                      Radiesse

                      Radiesse ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง 

                      • Radiesse ฉีดบริเวณผิวหน้า ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึง Radiesse ฉีดบริเวณร่องแก้มที่ลึกให้กลับมาตื้นมากขึ้น
                      • Radiesse ฉีดบริเวณหน้าผาก แก้ปัญหารอยยับให้กลับมาตึงกระชับอีกครั้ง
                      • Radiesse ฉีดบริเวณรอบดวงตา เติมเต็มริ้วรอยให้ดูสดใส ดูอ่อนเยาว์
                      • Radiesse ฉีดบริเวณกรอบหน้า ช่วยปรับรูปหน้าให้ชัดมากขึ้น

                      ดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ได้เหมือนคุณซันด้วย Radiesse ตัวนี้ ที่คุณซันพิสูจน์ผลลัพธ์มาแล้ว 

                      สำหรับใครที่มีปัญหาผิว แต่ยังไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไร มาที่รมย์รวินท์คลินิกเราดูแลปัญหาผิวให้คุณมั่นใจ และดูดีได้ในแบบที่เป็นคุณ สำหรับใครที่มีปัญหาผิว หรือความไม่มั่นใจ สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์ทั้ง 28 สาขาใกล้บ้านคุณ

                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                        ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ช่วยอะไร แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

                        ฟิลเลอร์ใต้ตา


                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                          ฟิลเลอร์ใต้ตา
                          ฟิลเลอร์ใต้ตาจากผู้ใช้บริการจริง

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา เติมเต็มร่องใต้ตา แก้ปัญหาตาคล้ำ รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนฉีดใต้ตา

                          ปัญหารอบดวงตาคล้ำ ขอบตาดำ เปรียบเหมือนหมีแพนด้า เป็นปัญหาที่ทำใครหลายคนหมดความมั่นใจ ซึ่งนอกจากปัญหาขอบตาดำคล้ำ ยังมีปัญหาอีกมากมาย เช่น ตาลึก ตาโบ๋ ริ้วรอยใต้ตา รวมไปถึงถุงใต้ตาเยอะ ปัญหาของบริเวณใต้ตาที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส และดูแก่ก่อนวัยอันควร

                          ในปัจจุบันปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้หลากหลายวิธี ซึ่งวิธีแก้ปัญหาแบบธรรมชาติที่สุด ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้บริเวณรอบดวงตาอิ่มฟู ริ้วรอยรอบดวงตาลดลง ใบหน้าดูสดใสขึ้น สำหรับใครที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และอยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่สงสัยว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอย่างไร ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยอะไรบ้าง ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี บทความนี้มีคำตอบ

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา
                          ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยอะไร ?

                          ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร

                          การฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) เข้าไปตรงบริเวณใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณใต้ตา เมื่อคนเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น กระดูกจะเริ่มทรุดตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเหมาะสำหรับการแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาดำคล้ำ ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ช่วยให้ใบหน้ากลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา
                          ปัญญหาใต้ตามีอะไรบ้าง?

                          ปัญหาใต้ตามีอะไรบ้าง? เกิดจากสาเหตุอะไร

                          สาเหตุของปัญหาใต้ตาลึก ตาโบ๋ ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ร่องใต้ตา และริ้วรอยร่องใต้ตา ปัญหาเหล่านี้มีเทคนิคในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

                          • ปัญหาถุงใต้ตา : เกิดจากถุงไขมันที่อยู่บริเวณใต้ดวงตา ลักษณะเป็นถุงนูนออกมาบริเวณขอบตาล่าง หรือมีอาการบวมปูดที่รอบดวงตาล่าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดได้กับทุกคน โดยในกรณีคนที่มีอายุน้อยมีถุงนูนออกมานอกบริเวณใต้ตา จะทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า และแก่กว่าวัย นอกจากนี้ปัญหาถุงใต้ตายังพบได้ในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อีกด้วย
                          • ปัญหาใต้ตาลึก เบ้าตาลึก : มีลักษณะเป็นร่องลึกรอบดวงตา กระดูกเบ้าตาใต้คิ้วลึกเป็นขอบชัดเจน ผิวหนังรอบดวงตาบุ๋ม ตาโบ๋ มีรอยดำคล้ำ เบ้าตาลึก ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ โทรม ไม่สดใส ซึ่งปัญหาเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม โรคภูมิแพ้ อายุที่เพิ่มมากขึ้น ความเครียด พักผ่อนน้อย ฯลฯ เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียบุคลิกภาพ และหมดความมั่นใจได้
                          • ปัญหาริ้วรอยใต้ตา : ปัญหานี้เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน อายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือบริเวณใต้ตามีไขมันน้อย ทำให้ผิวแห้งจนเกิดริ้วรอยใต้ตา รวมไปทั้งพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้มีริ้วรอยเกิดขึ้นบริเวณรอบใต้ตา
                          • ปัญหาร่องใต้ตา : เกิดจากการที่บริเวณเปลือกตาด้านล่างลึกลงไป ทำให้เกิดร่องใต้ตา ซึ่งสาเหตุของปัญหานี้เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ขยี้ตาบ่อย กระดูกทรุดตัว กรรมพันธุ์ คอลลาเจนและอีลาสตินลดลง มลภาวะและอากาศ รวมไปถึงไขมันบริเวณใต้ตาน้อย 
                          • ปัญหาใต้ตาคล้ำ : เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น การทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ การไหลเวียนเลือดจะลดลง ไขมันใต้ผิวหนังสะสมน้อยลง หนังตาเริ่มมีความหย่อนคล้อย และผิวบางลง จนสามารถสังเกตเห็นภาวะไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ตา จึงเห็นขอบตาดำมากขึ้น

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาตำแหน่งไหนบ้าง

                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิวหนังชั้นตื้น สำหรับแก้ปัญหาใต้ตาที่ดำคล้ำ เพื่อให้กลับมากระจ่างใส และทำให้ผิวใต้ตาเต่งตึงขึ้น
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิวชั้นลึก สำหรับแก้ไขมันเบ้าตาเคลื่อนที่ เติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาบริเวณร่องน้ำตาและเหนือดวงตา สำหรับแก้ปัญหาตาโหลบริเวณร่องน้ำตาและเหนือดวงตา เป็นการฉีดเสริมกระดูกเบ้าตา

                          ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาร่องน้ำตาลึก เบ้าตาลึก ตาโหล ที่เกิดจากการสลายตัวของเนื้อเยื่อ และการทรุดตัวของกระดูกใต้ตา 
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาลดขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำบริเวณใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูโทรมและอ่อนล้า
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา รอยตีนกาที่เหี่ยวย่นบริเวณรอบดวงตาและใต้ตา 
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาถุงไขมันใต้ตา ที่ทำให้มีปัญหาริ้วรอยและร่องใต้ตาที่ชัดเจนขึ้น

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา
                          ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร ?

                          ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร

                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา บริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย ขอบตาดำคล้ำ ตาลึก ตาโหล 
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับการแก้ปัญหาใต้ตา จากการทรุดตัวของกระดูกและเนื้อ
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากพักฟื้น
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตามาจากพันธุกรรม

                          ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับใคร

                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้ยา สมุนไพร หรือวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินอี กระเทียม ขิง เป็นต้น
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจะทำให้เลือดหยุดยากและเกิดรอยช้ำง่าย
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะตาแห้งรุนแรง จำเป็นต้องหยอดน้ำตาเทียมก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เนื่องจากทำให้ระคายเคืองมากกว่าปกติและเสี่ยงเกิดการอักเสบได้
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวหนังบริเวณดวงตาอักเสบหรือติดเชื้อ ควรรักษาให้หายก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเริมและงูสวัด
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา หรือแพ้กรดไฮยารูลอนิก
                          • ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่เหมาะกับผู้ที่เกิดแผลเป็นคีลอยด์ได้ง่าย

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา
                          ข้อดีและข้อจำกัดของฟิลเลอร์ใต้ตา

                          ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ไขเรื่องริ้วรอย และความหย่อนคล้อยใต้ตาได้อย่างเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเติมเต็มรอบดวงตาให้กลับมาอิ่มฟู สดใส ไม่หมองคล้ำ
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำคล้ำจากโรคภูมิแพ้ และจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่มีแผล เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงทันที

                          ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีอาการบวม และมีรอยเข็มในจุดที่ฉีด โดยรอยเข็มจะสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน
                          • ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่สามารถอยู่ถาวรได้ เนื้อของฟิลเลอร์จะสลายเองตามธรรมชาติ
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจำเป็นต้องฉีดซ้ำอยู่เสมอ เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา
                          ฟิลเลอร์ใต้ตาที่รมย์รวินท์ต้องยี่ห้อไหน

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี?

                          ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Volifil Classic

                          ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Volifil สัญชาติเกาหลี ผลิตโดยเทคโนโลยี HCCL™ TECHNOLOGY (Highly Completed Cross-Linking) เนื้อฟิลเลอร์เป็นชนิดโมเลกุลเดียว (Monophasic) มีลักษณะเนื้อเจลคงที่ ปั้นทรงง่าย มีความเนียนละมุน เกลี่ยง่าย ฟิลเลอร์รุ่นนี้เหมาะสำหรับเติมริ้วรอยตื้นบริเวณดวงตาและรอยตีนกา อยู่ได้นาน 8-12 เดือน

                          ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Definisse Touch

                          ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Definisse Touch สัญชาติอิตาลี ผลิตโดยเทคโนโลยี XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณใต้ตาอย่างเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 8-12 เดือน

                          ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Belotero Soft

                          ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ ผลิตโดยเทคโนโลยีพิเศษ CPM  (Cohesive Polydensified Matrix) ฟิลเลอร์มีลักษณะเนื้อนิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็ก และมีความละเอียด กลืนกับผิวได้ง่าย มีส่วนผสมของยาชา เหมาะสำหรับเติมริ้วรอยร่องตื้น ๆ รอบบริเวณดวงตา อยู่ได้นาน 6-12 เดือน

                          ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm

                          ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm สัญชาติอเมริกาที่ได้รับความนิยมจากแพทย์ทั่วโลก เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ออกแบบมาให้มีส่วนผสมของยาชา มีเทคโนโลยีในการผลิต คือ Hylacross Technology และ Vycross Technology เน้นความเป็นธรรมชาติ 

                          ซึ่งฟิลเลอร์ใต้ตารุ่นที่ใช้คือ Juvederm Volbella ใช้เทคโนโลยี Vycross Technology เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็กละเอียดมากที่สุด เหมาะสำหรับฉีดริ้วรอยชั้นตื้นบริเวณใต้ตา แก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา อยู่ได้นาน 12-18 เดือน

                          ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane

                          ฟิลเลอร์ Restylane สัญชาติสวีเดน เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่ใช้อย่างแพร่หลายมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โดดเด่นเรื่องของเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะทั้ง 2 เทคโนโลยี คือ NASHA Techology และ OBT Technology โดยฟิลเลอร์ Restylane รุ่นที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามี 3 รุ่นด้วยกัน Restylane Vital Light, Restylane Classic และ Restylane Lyft โดยทั้งหมดนี้ใช้เทคโนโลยี NASHA Techology โดยแตกต่างกัน ดังนี้

                          • Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเบา เนื้อละเอียด เหมาะสำหรับฉีดเก็บรายละเอียดใต้ตา ผิวชั้นตื้น อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
                          • Restylane Classic ฟิลเลอร์เนื้อเจล เนื้อแน่น เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยปานกลางถึงมาก ช่วยเก็บรายละเอียดในผิวชั้นลึก เช่น ใต้ตา อยู่ได้นาน 12 เดือน
                          • Restylane Lyft ฟิลเลอร์เนื้อแน่น มีความคงตัวสูง สามารถคงรูปได้ดีที่สุด เพราะสำหรับการฉีดเติมเต็มใต้ตา อยู่ได้นาน 12-18 เดือน

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา
                          การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

                          การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

                          1. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานการรับรอง เลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ และประสบการณ์เรื่องของการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
                          2. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรศึกษาข้อมูลเรื่องของฟิลเลอร์โดยละเอียด และเลือกดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
                          3. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับบริการ 24 ชั่วโมง
                          4. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดการรับประทานยา วิตามิน และยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว
                          5. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลังกาย คาร์ดิโอ ปั่นจักรยาน

                          ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

                          1. แพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์ และประเมินโครงสร้างของใบหน้า และเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาใต้ตา เพื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
                          2. เริ่มทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณรอบดวงตา และแปะยาชา
                          3. แพทย์เริ่มทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและบริเวณรอบดวงตา โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 20-30 นาที
                          4. หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา
                          การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

                          การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดแต่งหน้า ทาครีมบำรุงผิว และโดนน้ำ บริเวณที่ทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดทานอาหารหมักดอง อาหารรสจัด เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อและอาการบวมช้ำ
                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา งดออกกำลังกายหนักในช่วง 3 วันแรก
                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น การซาวน่า เลเซอร์ ตากแดด เป็นต้น
                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์

                          ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

                          • อาการบวมรอบบริเวณดวงตาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์ ควรประคบน้ำแข็งบ่อย ๆ เพื่อให้อาการบวมหายเร็วขึ้น
                          • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีความรู้สึกตึงบริเวณดวงตา โดยจะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง
                          • บริเวณใต้ตาช้ำ เนื่องจากอาจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถูกเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังแตกจนเกิดรอยช้ำ

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Romrawin ดีอย่างไร?

                          ปัจจัยสำคัญของการเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งการพิจารณาเพื่อเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย พิจารณาได้ ดังนี้

                          • คลินิกได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ที่มีความสะอาดและบริการดี มีเลขของใบอนุญาตชัดเจน
                          • แพทย์มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ ใช้เทคนิคเฉพาะทางเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด
                          • รมย์รวินท์คลินิกเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ FDA จากอเมริกา
                          • ปรึกษาฟรีทุกเคส ดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการแบบ 1:1 สามารถนัดหมายคิวหรือไปที่หน้าสาขา เพื่อเข้ารับการปรึกษาได้ตลอดระยะเวลาทำการ
                          • มีรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการมากมายที่เชื่อถือได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ารับการปรึกษา หรือก่อนเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
                          • มีช่องทางการติดต่อเพื่อปรึกษา หรือถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัตถการต่าง ๆ
                          • มีการนัดหมายและติดตามผลหลังการรักษาทุกเคส เพื่อแสดงถึงความใส่ใจ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ 

                          เทียบฟิลเลอร์ใต้ตา กับ การแก้ไขด้วยหัตถการอื่น ๆ  

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา vs ฉีดโบ

                          ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือการฉีดโบริ้วรอยใต้ตา ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาที่เกิดขึ้น กรณีที่พบปัญหาเรื่องริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากไขมันลดลง กระดูกใต้ตาน้อยลง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเข้าไปเพื่อเติมเต็มผิวบริเวณนั้นให้เรียบเนียนอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีริ้วรอยจากการขยับของกล้ามเนื้อใบหน้าที่มากเกินไป จนเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบบริเวณดวงตาและริ้วรอยร่องลึก ควรรักษาด้วยการฉีดโบ เพราะการฉีดโบจะออกฤทธิ์กับระบบประสาท ช่วยให้กล้ามเนื้อตรงบริเวณที่ฉีดใช้งานได้ลดน้อยลง ดังนั้นหากมีปัญหามาจากทั้ง 2 สาเหตุนี้ แนะนำว่าสามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาร่วมกับการฉีดโบได้ โดยต้องปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา vs ฉีดไขมันใต้ตา

                          การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและการฉีดไขมันใต้ตา สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการที่เนื้อเยื่อและกระดูกทรุดตัว โดยทั้ง 2 หัตถการมีความแตกต่างกัน ดังนี้

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา : ฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก แอซิด (HA) มีความปลอดภัยสูง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน เจ็บน้อย ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น โดยสามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดใน 2 สัปดาห์ ผลลัพธ์ไม่ถาวร ระยะเวลาขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์

                          ฉีดไขมันใต้ตา : เป็นการใช้ไขมันตัวเอง โดยดูดไขมันออกมาจากบริเวณร่างกายเพื่อนำมาเติมเต็มใต้ตา ลดความเสี่ยงของการแพ้ แต่ข้อเสีย คือ คนไข้จะมีแผลในตำแหน่งที่ดูดไขมันเพื่อมาฉีดใต้ตา ผลลัพธ์อยู่ได้นานแต่อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง เนื่องจากส่วนมากมักจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก

                          ซึ่งการแก้ไขปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือว่าเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการฉีดไขมันใต้ตา เพราะการฉีดไขมันใต้ตาต้องมีความระมัดระวังในเรื่องของการฉีดเข้าหลอดเลือด การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในด้านของการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

                          คำถามพบบ่อยของฟิลเลอร์ใต้ตา

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม?

                          การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในระดับที่อดทนได้ โดยจะรู้สึกเจ็บในขณะที่กำลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีส่วนผสมของยาชา ทำให้ช่วยบรรเทาลดอาการเจ็บในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม?

                          การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิก ซึ่งมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นสารที่พบได้ในผิว โดยฟิลเลอร์นั้นสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างภายในร่างกาย นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการฉีดในตำแหน่งที่บอบบางที่สุด  ดังนั้นแพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจำเป็นต้องรู้เทคนิคการฉีด และตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หากเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยลง หรือลดความเสี่ยงที่จะตามมาในภายหลังได้

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC?

                          การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แพทย์จะเริ่มประเมินจากโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ ก่อนจะทำการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ และเลือกปริมาณของการฉีดฟิลเลอร์ ว่าต้องใช้กี่ CC ในคนที่มีปัญหาใต้ตาทั่วไปจะใช้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาข้างละ 1-2 CC แต่ในคนที่มีปัญหากระดูกใต้ตาที่ทรุดตัวมากจนมีปัญหาใต้ตาลึก จะพิจารณาการฉีดฟิลเลอร์มาขึ้น โดยใช้ฟิลเลอร์ฉีดใต้ตาประมาณข้างละ 2-3 CC ทั้งนี้สามารถเห็นผลลัพธ์ของการรักษาที่ชัดเจน

                          ฉีดฟิลเลอร์ใช้ระยะพักฟื้นนานไหม?

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์ หากในกรณีบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มีอาการบวมแดง แสบร้อน เจ็บปวด หลังจากพ้นช่วง 2 สัปดาห์ไปแล้ว ให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเห็นผล?

                          การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ โดยหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาประมาณ 4-5 วัน ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 สัปดาห์

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน?

                          การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์และรุ่นที่ใช้ รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในแต่ละบุคคล ทั้งนี้การเลี่ยงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว จะทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานขึ้น

                          ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดจากอะไร?

                          • ใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด : จะเกิดขึ้นในกรณีที่แพทย์เลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแน่นฉีดในผิวชั้นตื้น การเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีความบอบบางกว่าจุดอื่น ๆ เพราะฉะนั้นควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดสำหรับผิวชั้นตื้น เพื่อความเป็นธรรมชาติ
                          • ใช้ฟิลเลอร์ปลอม : การฉีดฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ผ่านการรับรองจากอย. อาจทำให้เกิดอาการอักเสบ บวม แพ้ และฟิลเลอร์ไหลเป็นก้อนได้อีกด้วย
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณที่มากเกินไป : การฉีดฟิลเลอร์ที่มากเกินไป ประมาณไม่เหมาะสมกับใต้ตา ทำให้ฟิลเลอร์มารวมกันเป็นก้อน
                          • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดชั้นผิว : หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดปัญหาการฉีดแก้ไขปัญหาผิดจุด เช่น แก้ปัญหากระดูกทรุดด้วยการฉีดฟิลเลอร์ในผิวชั้นตื้น เป็นต้น

                          บทสรุป ฟิลเลอร์ใต้ตา

                          ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการที่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา แก้ปัญหาตาลึกจากกระดูกและเนื้อทรุดตัว แก้ปัญหาใต้ตาหย่อนคล้อย และยังช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำคล้ำให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ซึ่งการเลือกคลินิกสำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานและมีความปลอดภัยสูง มีแพทย์ที่ชำนาญในด้านของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์ของความสวยแบบปลอดภัยในระยะยาว สำหรับใครที่กำลังสนใจต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ ได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                            โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ ทำหน้าอะไรบ้าง ? แนะนำ 3 หัตถการ ที่ต้องทำถ้าอยากสวย

                            โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์

                            ตอบคำถาม โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ ทำหน้าอะไรบ้าง 3 หัตถการที่ห้ามพลาดที่รมย์รวินท์คลินิก 

                            คุณโยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ บุญประชม นักแสดงและนางแบบสาวสวยสุดสตรอง พอมีวันว่างจากการทำงานก็ขอมาเพิ่มเติมความสวยให้กับตัวเองที่รย์รวินท์คลินิกซักหน่อย 

                            พอมีวันว่างๆจากการทำงานโยเกิร์ตก็ขอมาเติมความสวยที่รมย์รวินท์ซักหน่อย ที่โยเกิร์ตเลือกมาฝากความสวยไว้กับที่รมย์รวินท์คลินิกก็เพราะที่นี่ชื่อเสียงมายาวนาน มีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย และที่นี่ยังดูแลความสวยให้กับโยเกิร์ตโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ โยเกิร์ตจึงมั่นใจได้มาก 

                            ก่อนที่จะทำหัตถการความงามใดๆ คุณหมอจะใช้เทคนิควิเคราะห์ใบหน้า Lifting Select เพื่อวิเคราะห์ปัญหาของผู้มาเข้ารับบริการก่อนการเลือกหัตถการความงาม เพื่อทำการรักษาได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น

                            • Frame Selection ปรับและแก้ไขโครงหน้า แก้ความหย่อนคล้อยของผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์
                            • Light & Shadow Me เพิ่มมิติให้ใบหน้า เสริมจุดเด่นและแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าให้ลดลง
                            • Conceal Selection จัดการปัญหาผิวที่มี เผยผิวได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องปกปิดปัญหาอีกต่อไป

                            และขอบอกว่าเทคนิค Lifting Select นี้มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกที่เดียวด้วยมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีกลับไปอย่างแน่นอน

                            ผู้หญิงทุกคนสวยและดูดีได้ในแบบที่เป็นตัวเอง

                            ผู้หญิงทุกคนก็อยากสวย และอยากดูดีในแบบของตัวเอง โยเกิร์ตก็เป็นคนหนึ่งที่อยากสวย อยากให้ตัวเองดูดีที่สุด โยเกิร์ตก็เลยเลือกที่จะมาเติมความสวยให้กับตัวเองด้วยหัตถการเสริมความงาม และโยเกิร์ตก็ได้มาทำหัตถการเสริมความงามที่รมย์รวินท์คลินิกหลายครั้ง แต่ละครั้งก็จะเลือกทำหัตถการที่แตกต่างกันไปตามแต่ว่าช่วงนั้นปัญหาผิวหน้าของโยเกิร์ตคืออะไร หลายๆ คนคงอยากรู้ว่าโปรแกรมที่โยเกิร์ตเข้ามาทำที่รมย์รวินท์คลินิกเป็นโปรแกรมอะไรบ้าง และหัตถการเสริมความงามอะไรที่โยเกิร์ตชอบและคิดว่าควรเลือกทำที่สุด โยเกิร์ต Check List! มาให้แล้ว

                            Ultra 4d lift

                            หัตถการเสริมความงามแรกที่โยเกิร์ตชอบที่จะมาทำที่รมย์รวินท์คลินิกก็คือโปรแกรม ULTRA 4D LIFT ที่โยเกิร์ตชอบเพราะเป็นโปรแกรมที่ช่วยยกหน้าของโยเกิร์ตให้กระชับขึ้น และนอกจากเรื่องยกกระชับแล้ว โปรแกรม ULTRA 4D LIFT ยังช่วยปรับรูปหน้าของโยเกิร์ตให้ V-Shape และช่วยเก็บงานผิวให้ละเอียดขึ้น ดูดีขึ้นได้มาก ต้องบอกก่อนเลยว่าโยเกิร์ตเป็นคนที่กลัวเจ็บมากๆ แต่พอได้ทำโปรแกรม ULTRA 4D LIFT จะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็คงจะไม่ใช่ แต่เป็นความเจ็บที่นิดเดียวจริงๆ เป็นความเจ็บแบบที่เราสามารถทนได้ เพราะโปรแกรม ULTRA 4D LIFT ใช้พลังงาน Micro Pulsed Technology ใน 1 ช็อตปล่อยพลังงานได้ถึง 417 จุด โดยใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยกว่าการทำหัตถการเสริมความงามอื่น แต่โปรแกรม ULTRA 4D LIFT ทำให้โยเกิร์ตรู้สึกได้ถึงความยกกระชับ และเพิ่มมิติให้ใบหน้าได้ถึง 4 มิติ ให้หน้าของโยเกิร์ตสวยได้ทุกมุมมอง และนอกจากเรื่องความยกกระชับแล้ว โปรแกรม ULTRA 4D LIFT ก็ยังมีหัวปากกาที่เรียกว่า Ultra Booster ที่ปล่อยพลังงานเป็นวงกลมช่วยเรื่องการเก็บรายละเอียดของผิวหน้าให้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น โปรแกรม ULTRA 4D LIFT เป็นตัวที่โยเกิร์ตต้องยกนิ้วให้เลย

                            ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรม ULTRA 4D LIFT ของคุณโยเกิร์ต 

                            Ultra 4d lift

                            หัตการเสริมความงามที่โยเกิร์ตชอบอีกหนึ่งอย่างที่โยเกิร์ตมาชอบก็คือโปรแกรมฉีดโบ เป็นหัตถการที่ช่วยเก็บริ้วรอยเล็กๆ บนผิวหน้าของโยเกิร์ตให้ดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่มาฉีดโบ โยเกิร์ตจะรีเควสคุณหมอทุกครั้งว่าอยากได้แบบหน้าตึงกระชับ แต่ต้องดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอก

                            ฉีดโบ

                            ซึ่งคุณหมอก็ฉีดโบให้โยเกิร์ตตามที่รีเควสทุกครั้ง ถูกใจโยเกิร์ตมากชอบหน้าตัวเองหลังจากฉีดโบมาก เพราะหน้าสวยดูอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติมาก ดูไม่ออกว่าไปฉีดโบมาเลย และฉีดโบที่รมย์รวินท์คลินิกมั่นใจได้ว่ามีคุณภาพ และเป็นของแท้แน่นอน จะฉีดโบเพื่อความสวยทั้งทีโยเกิร์ตก็ต้องเลือกสิ่งที่ดี มีคุณภาพให้กับตัวเอง 

                            ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรมฉีดโบ ของคุณโยเกิร์ต 

                            ฉีดโบ

                            หัตถการเสริมความงามที่ 3 ที่โยเกิร์ตอยากแนะนำก็คือโปรแกรม NU PICO ซึ่งโยเกิร์ตว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้ดีมากๆ เพราะโปรแกรม NU PICO เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน โปรแกรม NU PICO ตัวนี้ตอบโจทย์มาก อย่างช่วงที่โยเกิร์ตต้องไปถ่ายละคร ต้องเจอกับแดด ลม มลภาวะต่างๆ ทำให้หน้าโยเกิร์ตมีร่องรอยจากสิว จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ หรือผิวที่ไม่เรียบเนียน โยเกิร์ตก็จะมาจัดการปัญหาด้วยโปรแกรม NU PICO ช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ผิวกระจ่างใสขึ้นมาก

                            Nu pico

                            ต่อให้โยเกิร์ตต้องโชว์หน้าสดก็ยังสวยได้ หลายๆคนอาจจะกังวลว่าทำโปรแกรม NU PICO แล้วจะเลือดสาดหน้าพัง โยเกิร์ตบอกเลยว่าทำแล้วไม่มีเลือดสาดแน่นอน แต่จะแค่หน้าแดงอมชมพูซักระยะ และก็จะค่อยๆหายไปเอง สิ่งที่โยเกิร์ตชอบมากก็คือหลังจากที่ทำโปรแกรม NU PICO สามารถใช้หน้าได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องการพักหน้าเลย 

                            ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรม NU PICO ของคุณโยเกิร์ต 

                            Nu pico

                            ใครที่มีปัญหาผิวหน้าไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือปัญหาคามหมองคล้ำ แนะนำให้ลอง 3 หัตถการเสริมความงามที่โยเกิร์ตได้บอกไป แต่ถ้ายังไม่ตรงใจ หรือต้องการปรึกษาปัญหาผิว แนะนำให้เข้ามาที่รมย์รวินท์คลินิกได้ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ที่นี่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ให้คำปรึกษาและตรวจวิเคราะห์ใบหน้าก่อนการเลือกหัตถการเสริมความงามที่เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละคนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

                            อยากสวยเหมือนคุณโยเกิร์ต คลิก https://bit.ly/Romrawinclinic

                             

                            Accure Laser คืออะไร รักษาสิวอะไรได้บ้าง เหมาะกับใคร

                            Accure Laser

                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                               

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ตั้งแต่ต้นกำเนิด รักษาได้แม้สิวเรื้อรัง

                              เคยไหม ? สิวขึ้นไม่หยุด ไม่ว่าจะเลยช่วงที่ก่อนประจำเดือนมา หมดประจำเดือน หรืออยู่แต่บ้าน ไม่ได้ไปไหนหน้าไม่ได้แต่ง แต่สิวที่เป็นอยู่ขึ้นมา หายไป และก็ขึ้นมาใหม่ วนไปวนมาอยู่อย่างนี้ซ้ำ ๆ ไม่จบไม่สิ้นสักที ไปหาคุณหมอ รักษายังไงก็ยังไม่หาย ทายาก็แล้ว กินยาก็แล้ว เปลี่ยนปลอกหมอน ยาสระผม สบู่ตามที่คุณหมอบอกก็แล้ว แต่ก็ยังไม่หายอยู่ดี 

                              นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่ได้แก้ปัญหาอย่างตรงจุดที่ต้นตอนั่นเอง ในบางคนทนกินยารับผลข้างเคียงมากมาย ร่างกายจะพังก่อนที่สิวจะหายด้วยซ้ำ หากแต่เราเข้าใจธรรมชาติของสิว  และแก้ปัญหาจากต้นตอ ก็จะทำให้การรักษาสิวสามารถรักษาได้ง่ายมากขึ้น ไม่ก่อให้เกิดอันตรายตามมาเหมือนการกินยาอย่างแน่นอน

                              แต่ปัจจุบันวงการแพทย์และเทคโนโลยี มีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมามากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่เป็นสิว ไม่ว่าจะเป็น สิวเรื้อรัง สิวฮอร์โมน สิวอักเสบ หรือสิวชนิดใด ๆ ก็สามารถรักษาให้หายสนิทได้อย่างไร้กังวลอย่าง เทคโนโลยี Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว นั่นเอง

                              Accure Laser

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว คืออะไร

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เป็นเทคโนโลยีที่สร้างและออกแบบมา เพื่อใช้ในการยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ไม่ว่าจะเป็น ต่อมไขมันที่มีความลึกมากเท่าไร แสงเลเซอร์ของ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ก็สามารถเข้าไปยับยั้งได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย  Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ผ่านการรับรองมาตรฐาน และความปลอดภัยในระดับโลกจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. FDA  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ของประเทศไทย และยังได้รับมาตรฐานจากยุโรป หรือ CE อีกด้วย

                              ไม่เพียงเท่านั้น Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ยังมีผลงานวิจัยที่เป็นการรับรองประสิทธิภาพของตัวเครื่อง และเทคโนโลยีว่าสามารถรักษาสิวอักเสบได้ โดยใช้ระยะเวลารักษา เป็นระยะเวลา 1 ปี และ 3 ปี และมีการติดตามผลลัพธ์หลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ยังมีหลักการของเครื่อง คือ การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการเกิดสิว นั่นก็คือไขมันนั่นเอง

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ทำงานอย่างไร

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ใช้พลังงานในการรักษาสิวที่มีความยาวคลื่น 1726 Nm ที่เป็นระดับความยาวที่คำนวณมาเป็นอย่างดีแล้ว ว่ามีความแม่นยำในการยิงโดยตรงไปที่ต่อมไขมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวชนิดต่าง ๆ บนใบหน้า จากนั้นคลื่น ความยาว 1726 Nm ดังกล่าว จะเข้าไปทำงานกับไขมัน ทำให้ต่อมไขมันฝ่อตัวลงในที่สุด โดยที่พลังงานจะทำงานเฉพาะเจาะจงที่ต่อมไขมัน โดยไม่กระทบกับผิวหนังบริเวณข้างเคียง และไม่ทำให้ผิวหนังบริเวณข้างเคียงได้รับอันตราย ร่วมด้วยอัลกอริทึม “รักษาสิวตามอุณหภูมิ” ที่เป็นตัวส่งพลังงานเข้าสู่ชั้นผิวให้อยู่ในระดับที่มีความลึก ที่เหมาะสมของชั้นผิวที่ต้องการ ในการทำลายต่อมไขมันที่อยู่ภายในรูขุมขน ให้เกิดการฝ่อตัวลง เพื่อเข้าไปยับยั้งการผลิตน้ำมันที่สร้างขึ้นบนผิวมากจนเกินไป และเมื่อจับกับฝุ่น มลภาวะแล้วก่อให้เกิดเป็นสิวในที่สุด

                              นอกจากนี้ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ยังมี Real-Time Modulation ที่เป็นโหมดในการปรับแต่งพลังงาน ของเลเซอร์ที่ยิงออกมาแบบเรียลไทม์ เพื่อใช้สำหรับการตรวจเช็กสภาพผิวของผู้ที่ทำการรักษา ได้อย่างมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงรักษาสิวได้เท่านั้น Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ยังช่วยในการทำให้รูขุมขนมีความกระชับมากขึ้น ยังช่วยในการลดการอุดตัน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ชนิดต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ที่ผิวทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน หน้าที่เคยมันก็จะมีความมันที่น้อยลง ทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น ด้วย

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เป็นโปรแกรมที่ให้ความรู้สึกในการรักษาที่ต่างจากเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ คือ ให้ความรู้สึกสบายผิว ไม่เจ็บ เนื่องจากมีการปล่อยลมเย็นในระหว่างทำ ทำให้เกิดการผ่อนคลาย สบายผิวนั่นเอง

                              หลังทำการรักษาบริเวณผิวที่ทำ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว จะมีสีชมพู หรือแดงระเรื่อ และจะค่อย ๆ จางหายไปเองโดยธรรมชาติ

                              Accure Laser

                              ข้อดีของ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว

                              เมื่อพูดถึงเลเซอร์รักษาสิว ใคร ๆ อาจจะคิดว่าก็ธรรมดาแต่ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว มีข้อดี ดังนี้

                              1. รักษาสิวหายขาด 
                              2. รักษาสิวได้ทุกชนิด
                              3. ใช้ได้ทุกสภาพผิว
                              4. ไม่ต้องทำควบคู่กับการกินยา
                              5. ไม่ต้องพักฟื้น
                              6. มีความปลอดภัยในการรักษาสิว
                              7. ทำได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย

                               Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เหมาะกับใครบ้าง

                              • Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง 
                              • Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวอักเสบ
                              • Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวทุกประเภท
                              • Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวที่ไม่ต้องการรับประทานยา
                              • Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เหมาะกับผู้ที่แพ้ยารักษาสิว
                              • Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เหมาะกับผู้ที่เป็นผิวและรักษาเท่าไรก็ยังไม่หาย

                               Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ไม่เหมาะกับใครบ้าง

                              • Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
                              • Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังให้นมบุตร

                              Accure Laser

                              การเตรียมตัวก่อนการรักษา Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว

                              1. ปรึกษาแพทย์ผู้มีความชำนาญด้านผิวหนัง ก่อนเข้ารับการรักษา Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว โดยจำเป็นต้องแจ้งประวัติการรักษา โรคประจำตัว รวมทั้งยาที่รับประทานอยู่ให้ละเอียด เพื่อให้แพทย์ประเมินขั้นตอนในการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการรักษาเป็นที่น่าพึงพอใจ
                              2. ก่อนการรักษา Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว จะต้องดูแลผิวให้สะอาด เพื่อให้สิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่สะสมอยู่บนผิวจำนวนลดลง ทั้งยังเป็นการเตรียมผิวหน้าให้พร้อมสำหรับเข้ารับบริการ
                              3. ผ่อนคลายความกังวล เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ และผิวหน้าที่ดีหลังทำเสร็จ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องกลัว เพื่อให้ผิวหน้าหลังทำการรักษาฟื้นตัวได้เร็ว

                              ขั้นตอนในการทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว

                              1. นัดหมายแพทย์ เพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็ว ในการทำการรักษา
                              2. ทำการประเมินผิวก่อนเข้ารับบริการ
                              3. ถ่ายภาพเพื่อเก็บภาพก่อนทำการรักษา เผื่อดูผลลัพธ์หลังทำการรักษา
                              4. ทำความสะอาดใบหน้าเพื่อเตรียมเข้ารับบริการ
                              5. แพทย์ลงมือทำ
                              6. เช็ดทำความสะอาดหลังทำให้เรียบร้อย
                              7. ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

                              รักษาสิว

                              การดูแลตัวเองหลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว

                              • หลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิว
                              • หลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA+++ เพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดด เนื่องจากหน้าหลังทำยังมีความไวต่อการกระตุ้นของแสงแดด
                              • หลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว หลีกเลี่ยงการสครับผิว ขัดผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็นกรด เนื่องจากจะทำให้ผิวได้รับการระคายเคืองได้
                              • หลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ควรงดการใช้เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวได้
                              • หลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ควรงดทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดเหงื่อไหล เพื่อป้องกันการระคายเคืองของผิว

                              ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผิวฟื้นฟูอย่างดีที่สุด

                              ผลข้างเคียงหลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว

                              • หลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว อาจจะมีการเกิดรอยแดง ที่บริเวณที่ใช้บริการ โดยรอยแดงดังกล่าวจะสามารถหายได้เองใน 1-2 วัน โดยไม่ต้องกังวล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
                              • หลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว อาจเกิดอาการคัน หรือบวมแดงในบริเวณที่ทำการรักษา สามารถหายได้เองใน 1-2 วัน โดยไม่ต้องกังวล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
                              • หลังทำการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว หากมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวมา ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา

                              รักษาสิว

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว รักษาสิวหายได้ในกี่ครั้ง 

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว สามารถทำให้สิวเกิดขึ้นน้อยลงเรื่อย ๆ ในทุก ๆ การรักษา แต่ควรรักษาให้ครบ 4​ ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                              • หลังเข้ารับการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว 1 ครั้ง สิวจะลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด
                              • หลังเข้ารับการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว 2 ครั้ง สิวจะลดจำนวนลง 40 %
                              • หลังเข้ารับการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว 3 ครั้ง สิวจะลดจำนวนลง 50-60%
                              • หลังเข้ารับการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว 4 ครั้ง สิวจะลดจำนวนลง 70 %
                              • หลังเข้ารับการรักษาด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ครบ 6 เดือน สิวจะลดจำนวนลงมากกว่า 70 %

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว  อันตรายไหม

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ไม่มีอันตราย เนื่องจาก Accure Laser เลเซอร์รักษาสิวสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ไม่ว่าจะเป็น ส่วนบนผิวและใต้ผิว โดยสามารถทำได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังมีการตรวจจับอุณหภูมิที่ 45 องศา เมื่อพลังงานเกิน 45 องศา เครื่อง Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว จะหยุดปล่อยพลังงาน เพื่อป้องกันการเบิร์นของผิว และเมื่ออุณหภูมิลดลง เครื่องก็จะปล่อยพลังงานออกมาอัตโนมัติตามเดิม ซึ่งเป็นหลักการของโหมด Treat to Peak Epidermal Temperature (PET) ของ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว 

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เจ็บไหม

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เป็นเครื่องรักษาสิวที่ไม่ทำให้ผิวได้รับความบาดเจ็บ เนื่องจากก่อนทำ จะมีการทายาชาที่ผิวก่อน รวมทั้ง Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว ยังเป็นเครื่องที่มีการปล่อยลมเย็นลงสู่ผิวในขณะที่ทำโดยอัตโนมัติ ทำให้ในระหว่างทำเกิดความสบายกับผิว ทั้งยังสามารถปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับความลึกของผิว รวมทั้งสภาพผิวของแต่ละบุคคล และแต่ละบริเวณที่ต้องการรักษา

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิวสามารถทำได้ตั้งแต่อายุเท่าไร

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว สามารถทำได้ตั้งแต่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยจัดเป็นการรักษา ไม่ใช่การเสริมความงามจึงไม่อันตราย

                              ข้อมูลการรักษาสิวด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว สามารถเห็นผลได้เป็นอย่างดีหลังทำการรักษาครบ 4 ครั้ง โดยแต่ละครั้งเว้นระยะเวลาในการทำ 1 เดือน โดยตั้งแต่ครั้งแรก สิวจะลดลงเรื่อย ๆ

                              • 70% ของผู้เข้ารับบริการ มีสิวที่ลดลง ภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังทำการรักษา Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว และยังสามารถมีจำนวนสิวลดลงอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ 1 ปีที่ 2 จนถึงปีที่ 3 หลังทำ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว
                              • 79% – 90% ของผู้เข้ารับบริการ จะมีปริมาณสิวอักเสบที่ลดลง 50% เพียง 6 เดือน หลังทำ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว และยังคงลดปริมาณสิวอักเสบได้อย่างต่อเนื่อง 89% ของผู้เข้ารับบริการมีสิวลดลงเพิ่มขึ้น 1 ระดับหลังทำการรักษา และยังมีคุณภาพผิวที่ดีมากขึ้น 
                              • 4/10 ของผู้เข้ารับบริการ ไม่รู้สึกเจ็บ และไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผิว

                              รักษาสิว

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิวเหมาะกับผิวประเภทใด

                              Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว เหมาะกับทุกสภาพผิว และเหมาะกับทุกสีผิว โดยไม่ทำให้เกิดรอยด่าง รอยเบิร์น ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องกังวล

                              ในการรักษาสิวด้วย Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว คือ การรักษาสิวโดยการใช้คลื่นที่มีความยาวคลื่น 1726 Nm พร้อมกับปล่อยลมเย็น เพื่อปกป้องผิวจากแสงเลเซอร์ ทำให้ผิวไม่ได้รับอันตรายจากลำแสง โดยหลังจากการทำอาจทำให้ผิวแห้ง มีผิวแดง ตามมา และจะหายไปได้ภายใน 7 วันโดยประมาณ เนื่องจากลำแสงดังกล่าว จะทำงานโดยการยับยั้งต่อมไขมันอันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว เพื่อลดการอุดตันของสิว และไม่ก่อให้เกิดสิวประเภทต่าง ๆ Accure Laser เลเซอร์รักษาสิว นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมในการรักษาสิว แต่ทุกการรักษา อาจมีข้อดีข้อเสียตามมาตามแต่ปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ก่อนทำการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความชำนาญ เพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาสิวที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลให้มากที่สุด 

                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว 

                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว 

                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว 

                                 

                                อีกหนึ่งผลงานของคุณแจ็ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรพา ที่เห็นกันได้แบบชัดๆ ว่าหน้าของคุณแจ็คหล่อคมชัดขึ้นมาก ครั้งนี้ก็อีกเช่นเคย จะเป็นผลงานของใครไปได้นอกจากรมย์รวินท์คลินิก ตัวจริงเรื่องผิวยกกระชับผู้นี้นี่เองง..

                                 

                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว 
                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                 

                                พอแตะเลข 3 แล้วก็รู้สึกว่าหน้าเริ่มหย่อนคล้อยบ้างแล้วครับ ด้วยความที่เราก็ใช้หน้ามาอย่างหนักตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงตอนนี้ ทั้งถ่ายซีรีส์ ออกกองไปตามที่ต่างๆ และบางทีก็มีละเลยเรื่องการดูแลผิวไปบ้าง พอเริ่มอายุมากก็รู้สึกว่าต้องเริ่มดูแลตัวเองแล้ว ก็เลยมาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละครับ ที่ผมไว้ใจ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็เคยมาทำหัตถการที่รมย์รวินท์คลินิก และชอบผลลัพธ์มาก ครั้งนี้แจ็คก็เลยให้คุณหมอช่วยดูแลผิวของผมอีกครั้งครับ

                                 

                                ครั้งนี้คุณหมอไข่มุก (พญ.มุกตาภา สนธิอัชชรา) มาช่วยดูแลเรื่องผิวให้กับแจ็ค คุณหมอไข่มุกช่วยวิเคราะห์ผิวให้แจ็คผ่านเทคนิคที่มีชื่อว่า Lifting Select โดยเทคนิคนี้จะเป็นการวิเคราะห์ผิวผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อช่วยให้มองเห็นปัญหาของผิว เพื่อเลือกหัตถการในการรักษาที่ตอบโจทย์กับปัญหาผิวของเรามากที่สุดครับ ซึ่งผมชอบตรงนี้มากครับ เพราะทำให้เรามองเห็นถึงปัญหาผิวของเราได้อย่างแท้จริง

                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว 
                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                 

                                หลังจากที่วิเคราะห์ผิวด้วยเทคนิค Lifting Select กันไปแล้ว คุณหมอไข่มุกประเมินปัญหาก็คือมีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และเริ่มมีร่องแก้ม คุณหมอไข่มุกจึงเลือก Ultraformer MPT ให้กับแจ็คครับ คุณหมอไข่มุกบอกว่า Ultraformer MPT นอกจากจะช่วยในเรื่องยกกระชับผิวหน้าแล้ว ยังช่วยสร้างกรอบหน้าให้เรียวและคมชัดขึ้นอีกด้วย และยังช่วยในเรื่องของงานด้วยเพราะมีหัวแบบ Ultra Booster ที่ปล่อยพลังงานแบบวงกลม จึงสามารถเก็บงานผิวได้ทุกซอกมุม ช่วยปรับผิวหน้าให้เนียนละเอียดรูขุมขนกระชับมากยิ่งขึ้น ตัว Ultraformer MPT ได้ทั้งงานผิวยกกระชับ หน้ามีมิติแล้ว บังช่วยเรื่องงานผิวได้ในเครื่องเดียวเลยครับ ที่สำคัญคือ ใครที่ทำโปรแกรมยกกระชับผิวหน้าแล้วกลัวเจ็บ ขอบอกเลยว่า Ultraformer MPT เจ็บน้อยมากๆ จนแทบไม่เจ็บเลยครับ เพราะเขาใช้พลังงาน Micro Pulsed Technology ปล่อยพลังงาน 417 จุด ใน 1 ช็อต ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที ซึ่งทำให้ผิวของเราไม่ทันได้รู้สึกถึงความเจ็บเลยครับ

                                 

                                หลังจากที่แจ็คได้ทำ Ultraformer MPT ครั้งแรก รู้สึกว่าได้เลยครับว่าหน้ายกของแจ็คยกกระชับขึ้นมาเลยครับ ไม่ได้เว่อร์เลยแต่มันยกจริง ดูหน้าที่เคยหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่คม ตอนนี้ดูคมชัดขึ้นมากๆ เลยครับและที่เห็นได้ชัดเลยก็คือตรงร่องแก้มซึ่งก่อนหน้าที่จะทำ Ultraformer MPT มันลึกกว่านี้ พอหลังทำ Ultraformer MPT มันตื้นขึ้นมากจนตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นเลยครับ ชอบผลลัพธ์หลังทำ Ultraformer MPT มากครับ รู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ทำเลย และก็อยากมาทำอีกเรื่อยๆ เลย จะได้หล่อคมเข้มไปนานๆ (หัวเราะ) ใครอยากดูดี ดุหล่อขึ้นแนะนำให้มาทำ Ultraformer MPT ที่รมย์รวินท์คลินิกเลยครับ 

                                 

                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว 
                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว คืออะไร 

                                Ultraformer MPT คือโปรแกรมยกกระชับผิวหน้า ด้วยส่งพลังงาน Focused Ultrasound ลงสู่ชั้นผิว ซึ่งสามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า Ultraformer MPT ช่วยยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก สลายไขมันและปรับรูปหน้าให้เรียวแบบ V Shape และมอบงานผิวเนียนละเอียดในเครื่องเดียว ด้วยการผสานด้วย 2 เทคโนโลยี คือ 

                                 

                                Micro Pulsed Technology หรือ MPT ปล่อยพลังงาน 417 จุด ใน 1 ช็อต ใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที ทำให้เซลล์ประสาทไม่ทันได้รับถึงความรู้สึกเจ็บ ไม่ทำให้ผิวเกิดบาดแผล แต่สามารถรู้สึกได้ถึงผิวที่ยกกระชับยิ่งกว่า สร้างมิติให้ใบหน้าสวยในทุกมุมมอง 

                                 

                                Ultra Booster หัวปากกาที่ปล่อยพลังงานแบบวงกลม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ช่วยเก็บริ้วรอยเล็กๆ กระชับรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียน และช่วยให้ผิวกระจ่างใสดูสุขภาพดี 

                                 

                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว 
                                ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                Ultraformer MPT ยกกระชับผิวหน้าได้ 4 มิติ ผ่าน 3 ขั้นตอน ได้แก่

                                 

                                ขั้นตอนที่ 1 

                                • 1D Ultraformer MPT ยกกระชับผิวหน้าส่วนบนและส่วนล่างให้แน่นกระชับ และลดเลือนริ้วรอยให้จางลง 
                                • 2D Ultraformer MPT กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว กระชับหน้าให้ผิวแน่นเฟิร์ม สลายไขมัน สร้างกรอบหน้าให้เรียว V shape 

                                 

                                ขั้นตอนที่ 2

                                • 3D Ultraformer MPT สร้างกรอบหน้า ลดเหนียง สลายไขมัน ปรับกรอบหน้าให้คมชัด 

                                 

                                ขั้นตอนที่ 3 

                                • 4D Ultraformer MPT งานผิวสวย ปรับผิวหน้าให้เนียนละเอียด รูขุมขนกระชับ ผิวกระจ่างใส ดูมีสุขภาพดี 

                                 

                                ข้อดีของ Ultraformer MPT 

                                • Ultraformer MPT ยกกระชับผิวให้เต่งตึง
                                • Ultraformer MPT ช่วยสร้างกรอบหน้าให้คมชัด 
                                • Ultraformer MPT ช่วยปรับหน้าให้เรียว V shape
                                • Ultraformer MPT ช่วยสร้างมิติให้ใบหน้า
                                • Ultraformer MPT ผลลัพธ์หลังทำอยู่ได้นานถึง 1 ปี 
                                • Ultraformer MPT ช่วยให้ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนกระชับ 
                                • Ultraformer MPT ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งบาดแผล
                                • Ultraformer MPT เจ็บน้อยกว่า 

                                 

                                Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว เหมาะกับใครบ้าง

                                • Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย
                                • Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่กระชับ คมชัด
                                • Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้ม คาง เหนียงเยอะ
                                • Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก 
                                • Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว
                                • Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด 
                                • Ultraformer MPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับแต่กลัวเจ็บ

                                 

                                ใครที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยไม่กระชับ หรือมีปัญหาผิวเรื่องอื่นๆ เข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิก ทั้ง 28 สาขาได้เลยนะคะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น

                                IPL กำจัดขน อันตรายเสี่ยงเสียโฉม

                                อัตรายจาก IPL

                                อาจเสี่ยง! เสียโฉมตลอดชีวิต ถ้ายังกำจัดขนด้วย IPL 

                                นึกถึงการกำจัดขนคุณจะนึกถึงอะไร? หลายๆ คนคงนึกถึงเครื่อง IPL เป็นคำตอบของการกำจัดขนของคุณใช่มั้ย เพราะหาทำได้ง่ายทุกคลินิก มีราคาถูก เห็นผลได้ดี ใช้เวลาทำน้อย ทำให้เครื่อง IPL เป็นที่นิยมในการกำจัดขนกันอยู่พักหนึ่ง แต่! รู้มั้ยว่า เครื่อง IPL ไม่ใช้นวัตกรรมที่เหมาะกับการกำจัดขนโดยเฉพาะ! หากเสี่ยงทำเครื่อง IPL ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือคลินิกที่ไม่ได้รับการรองรับ หรือใช้พลังงานที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เสียโฉมได้เลยนะ! รู้หรือเปล่า!

                                อย่างที่เป็นข่าวดังว่าผู้เข้ารับบริการท่านหนึ่งใช้บริการกำจัดขนด้วยเครื่อง IPL หลังทำเกิดอาการผิวพองเป็นตุ่มขนาดใหญ่ ซึ่งอาจเกิดจากการระคายเคืองหรือการไหม้เบิร์นของผิวในบริเวณที่ทำ นอกจากเสียเงินทำแล้ว ยังต้องเสียเงินรักษาแผลไปอีกก! 

                                IPL คืออะไร? ทำไมถึงนิยมในการกำจัดขน 

                                IPL หรือ Intense Pulsed Light  คือคลื่นแสงความเข้มข้นสูงที่มีความยาวคลื่น 515 – 1,200 นาโนเมตร ซึ่งมีการกระจายตัวของแสงและมีความกว้างของคลื่นแสงมากจึงไม่ถูกจัดว่าเป็นเลเซอร์ โดยคลื่นแสงที่มีความเข้มข้นสูงนี้ จะไปจับกับเม็ดสีเมลานินในผิวบริเวณนั้น และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน และทำลายเม็ดสีนั้นให้แตกออก ด้วยความที่เครื่อง IPL มีความยาวคลื่นที่กว้างมากนั้นเอง เครื่อง IPL นี้จึงสามารถใช้ในการรักษาครอบคลุมปัญหาผิวได้มากมาย เช่นรักษารอยดำ จุดด่างดำ ให้ผิวหน้าใส รวมทั้งการกำจัดขนที่หลายๆคนนิยมใช้ IPL ในการกำจัดขนด้วย 

                                การกำจัดขนด้วยเครื่อง IPL 

                                เครื่อง IPL นอกจากจะทำให้หน้าใสแล้วยังสามารถกำจัดขนของเราได้อีกด้วย ด้วยการเลือกยิงพลังงานที่เหมาะกับการกำจัดขน โดยจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนไปจับกับเม็ดสีเมลานินของขนทำให้เกิดการฝ่อตัวและหลุดออกไปเอง แต่ด้วยความที่เครื่อง IPL มีความยาวคลื่นที่กว้างมากทำให้บริเวณที่ทำรอบข้างอาจเกิดรอยแดง หรือการระคายเคืองได้ ข้อดีของเครื่อง IPL คือชะลอการเกิดขนใหม่ให้ช้าลง และลดการเกิดหนังไก่หลังการกำจัดขน และสามารถทำได้ทุกบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา รักแร้ ใช้เวลาในการทำน้อยและมีราคาถูก 

                                อัตรายจาก IPL

                                แต่! เมื่อมีข้อดี ก็ย่อมต้องมีข้อเสียเช่นกัน! เหมือนที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ที่หลังกำจัดขนด้วย IPL เกิดตุ่มพองใหญ่ในบริเวณที่ทำ สาเหตุอาจจะมาจากการเลือกยิงด้วยพลังงานไม่เหมาะ หรือเกิดการระคายเคือง หรือแพ้ ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการไหม้เบิร์น แสบร้อน และข้อสำคัญที่ต้องระวังเลย! ก็คือ เครื่อง IPL นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวสีเข้ม แนะนำการกำจัดขนด้วยวิธีอื่นอย่างการกำจัดขนดด้วย YAG Laser 1064 ที่มีความปลอดภัยกว่า และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในการกำจัดขน

                                ผลข้างเคียงจาก IPL 

                                • หลังกำจัดขนด้วย IPL ผิวอาจเกิดการระคายเคือง มีตุ่ม และเกิดอาการคันได้
                                • หลังกำจัดขนด้วย IPL ผิวอาจเกิดการไหม้เบิร์น และมีความรู้สึกแสบร้อนผิว
                                • หลังกำจัดขนด้วย IPL อาจทำให้เกิดแผลเป็นรอยนูนขึ้นบริเวณที่ทำได้
                                • หลังกำจัดขนด้วย IPL อาจทำให้ผิวบริเวณนั้นเปลี่ยนสีได้ เช่นเข้มมากขึ้น หรือสีซีดจาง
                                • หลังกำจัดขนด้วย IPL อาจเกิดการติดเชื้อทางผิวหนังได้หากเครื่อง IPL ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน หรือทำที่คลินิกที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ

                                ซึ่งหากเกิดอาการเหล่านี้ รมย์รวินท์ขอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วนนะคะ

                                หรืออีกทางเลือกหนึ่งของการกำจัดขนที่ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยสูง อย่าง YAG Laser 1064 

                                YAG Laser 1064 คืออะไร ทำงานอย่างไร?

                                YAG Laser 1064 คือ เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,064 nm (นาโนเมตร) ซึ่งมีความยาวที่สามารถลงได้ลึกสามารถลงไปกำจัดขนใต้ผิวหนังได้ลึกถึงรากขน จึงเป็นเลเซอร์ที่เหมาะกับการกำจัดขนมากกว่าเลเซอร์ชนิดอื่นๆ โดยจะยิงพลังงานและเปลี่ยนเป็นความร้อนตรงเข้าไปจับกับเม็ดสีเมลานินที่รากขน ทำให้เกิดการฝ่อตัวและหลุดร่วงไป

                                ทำไม YAG Laser 1064 ถึงเหมาะกับการกำจัดขนมากกว่า IPL 

                                • YAG Laser 1064 ยิงด้วยพลังงานที่มีช่วงความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร 
                                • YAG Laser 1064 สามารถยิงพลังงานได้ลงลึกถึงรากขน
                                • YAG Laser 1064 ชะลอการเกิดขนใหม่ และบางลง
                                • YAG Laser 1064 ไม่ทำให้เกิดตอขน ขนคุด หรือหนังไก่
                                • YAG Laser 1064 ไม่ทำให้ผิวบริเวณที่ทำไหม้เบิร์น หรือแสบร้อน
                                • YAG Laser 1064 มี Cryogen ลดการสะสมความร้อนของผิวขณะทำ
                                • YAG Laser 1064 เหมาะกับทุกสภาพผิว และสีผิว
                                • YAG Laser 1064 ปลอดภัยได้รับการรับรองจาก US FDA
                                • YAG Laser 1064 เกิดผลข้างเคียงที่น้อยกว่าการกำจัดขนแบบอื่นๆ
                                • YAG Laser 1064 เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกหลังกำจัดขน

                                เปรียบเทียบระหว่างการกำจัดขนด้วยเครื่อง IPL และ YAG Laser 1064

                                อัตรายจาก IPL

                                อย่าเสี่ยง! กับการกำจัดขนแบบเดิมๆ ที่อาจทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต สู่ทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าในการกำจัดขนที่ได้ผล และปลอดภัย กำจัดขนครั้งใดนึกถึง YAG Laser 1064 ที่รมย์รวินท์คลินิกนะคะ

                                Promotion 9.9 True Beauty อัพความสวยที่แท้ทรู

                                โปรโมชั่น 9.9

                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                  9.9 True Beauty เพราะทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง

                                  เดือน 9 นี้ เตรียมตัวให้พร้อม รับแรงกระแทกแห่งความสวย เพราะรมย์รวินท์คลินิก พร้อมแล้วที่จะแจกโปรโมชันความสวยกับ 9.9 True Beauty ให้ทุกคนสวยอลัง ปังทุกร่าง มาอัพความสวยกันแบบ สับ สับ สับ ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น!  

                                  โปรนี้เฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น!

                                  9.9 promotionอัพให้ผิวสวยใสมีออร่า ปรับผิวหน้าให้งดงาม

                                  กู้หน้าหมองให้สดใสด้วย Color Ice โปรแกรมทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวด้วยการผลักวิตามินเข้าสู่ผิวด้วยพลังงานความเย็น -15 องศา และนวัตกรรมแสง LED ที่ช่วยจัดการผิวด้วยพลังงานแสง 3 สี 3 คุณสมบัติ 

                                  • RED LIGHT : ช่วยปรับสภาพผิวและกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูสภาพผิวจากแสงแดด อากาศร้อน และมลภาวะ ลดเลือนริ้วรอย ผิวเรียบเนียนนุ่มน่าสัมผัส
                                  • BLUE LIGHT : ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการอักเสบและแก้ปัญหาสิว
                                  • YELLOW LIGHT : ปรับสีผิวให้กระจ่างใส ลดจุดด่างดำและรอยคล้ำออกจากผิว

                                  บูสต์ผิวให้ออร่าด้วยให้วิตามินผิวสูตร BLINK ฟื้นฟูผิวด้วยวิตามิน และสารอาหารผิว เปลี่ยนผิวโทรม อ่อนล้าจากมลภาวะ ให้เป็นผิวแข็งแรง เรียบเนียน กระจ่าง กลับมามีออร่าเสมือนได้ดูแลผิวมาเป็นอย่างดี สุขภาพดีทั่วเรือนร่าง แต่ใช้เวลาเพียงแค่ 35 นาทีเท่านั้น  

                                  บำรุงผิวอัพความสวยยิ่งขึ้นด้วย Mask Miracle ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำความสะอาดรูขุมขน ลดการอักเสบและระคายเคืองของผิว ลดเลือนความหมองคล้ำ ปรับผิวให้กระจ่างใส เหมาะกับทุกสภาพผิว ให้ผิวหน้าสะอาด พร้อมเติมเต็มความไบรท์ให้ผิว 

                                  อัพผิวสวยออร่าด้วย Color Ice + ให้วิตามินผิวสูตร Blink หรือ Mask Miracle

                                  • ในราคาเพียง 2,499 บาท จากราคาปกติ 7,000 บาท 

                                  อัพให้หน้ายกแถมผิวสวยไบรท์

                                  ได้เวลายกหน้าแบบไม่กลัวเหนียงด้วย Bat Lift สุดยอดเทคโนโลยียกกระชับ ลดเหนียง กำจัดส่วนเกิน แถมยังช่วยเก็บกรอบหน้าให้ชัดขึ้นได้อีกด้วย และนอกจากเรื่องความยกกระชับแล้ว ยังช่วยเก็บรายละเอียดทุกงานผิวและริ้วรอย พร้อมกระชับรูขุมขนให้ผิวเนียน เรียกได้ว่าสวยครบจบในเครื่องเดียวเลย

                                  บูสต์ผิวสวยไบรท์ด้วยวิตามินผิวสูตร BLINK ถึงเวลาเปลี่ยนผิวโทรมให้เป็นผิวใส ด้วยการดริปวิตามิน และสารอาหารผิว ปรับสภาพผิวอ่อนแอให้เป็นผิวแข็งแรง กระจ่าง เสมือนผิวได้รับการปรนนิบัติมาอย่างดี ใช้เวลาแค่เพียง 35 นาทีเท่านั้น ผิวก็กลับมามีออร่า สุขภาพดีทั่วเรือนร่างได้แล้ว 

                                  อัพหน้าให้ยกแถมเติมผิวให้ออร่าด้วย Bar Lift แถมฟรี! วิตามินผิวสูตร Blink

                                  • ในราคาเพียง 7,900 บาท จากราคาปกติ 36,500 บาท

                                  โปรโมชั่น 9.9

                                  อัพให้ผิวใสไร้ขน เคลียร์ทุกปัญหาขนด้วยเลเซอร์

                                  อยากมีผิวเนียนใสไร้ขนต้องยกให้โปรแกรมกำจัดขน YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน พลังงานเดียวลงลึกได้ถึงรากตอ จะอวดแขนสวย โชว์ผิวใส ใส่เสื้อแขนกุดก็ไม่สะดุดเรื่องขนให้กังวลใจ

                                  อัพผิวเนียนไร้ขนด้วยเลเซอร์กำจัดขนแขน บน/ล่าง

                                  • ในราคาเพียง 899 บาท จากราคาปกติ 6,000 บาท

                                  อัพให้ขาเนียนใสไร้ขน 

                                  ลืมไปเลยขนขาดกดำด้วยโปรแกรมกำจัดขน YAG Laser 1064 ช่วยให้ผิวเนียนเรียบ ไร้ขน ใส่กางเกงขาสั้นตัวโปรดอวดขาเนียนสวยได้อย่างมั่นใจ เพราะเป็นเลเซอร์กำจัดขนที่ยิงลงลึกถึงรากขน ไม่ทิ้งตอขนและตุ่มหนังไก่ จะสั้นแค่ไหนก็เห็นแต่เรียวขาที่เนียนสวยเท่านั้น 

                                  อัพเรียวขาสวยไร้ขนด้วยเลเซอร์กำจัดขนขา ล่างหน้า+หลัง

                                  • ในราคาเพียง 2,024 บาท จากราคาปกติ 9,000 บาท 

                                  9.9 promotion

                                  อัพให้หน้าเนียนเรียบไร้หลุมสิว

                                  ไม่ต้องทนให้หน้าเป็นผิวพระจันทร์ด้วย Nu Pico  สยบหลุมสิวคืนผิวเนียนเรียบด้วยเลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาเติมเต็มหลุมสิว และยังช่วยรักษารอยดำ และรอยแผลเป็นจากสิว ให้ผิวกระจ่างใส ต่อจากนี้จะมีแต่ผิวที่เนียนเรียบเท่านั้น 

                                  อัพผิวเนียนเรียบไร้หลุมด้วย NU Pico MLA 

                                  • ในราคาเพียง 4,900 บาท จากราคาปกติ 6,000 บาท 

                                  อัพให้ผิวฉ่ำโกลว์ พร้อมสู้ทุกมลภาวะ

                                  บอกลาหน้าพังสู่ผิวหน้าฉ่ำเงาเล่นแสงด้วย Rejuran เติมเต็มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน บูสต์ผิวให้แข็งแรง สุขภาพดี ลดเลือนริ้วรอยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้มากกว่าที่เคย และยังช่วยปรับผิวให้ไบรท์กระจ่างใสขึ้น โชว์งานผิวหน้าฉ่ำโกลว์ได้อย่างมั่นใจ หน้าสดก็สวยได้ 

                                  เติมผิวให้สวยคูณ 2 ด้วย Blink It Up ทรีตเมนต์ผลักวิตามิน และสารอาหารลงลึกสู่ผิวชั้นลึก เติมความชุ่มชื้น และความกระจ่างใสให้ผิวได้มากกว่าการทาครีมบำรุงผิว อัพผิวให้สวยไบรท์ได้มากขึ้นกว่าเดิม 

                                  อัพความสวยใสแล้ว 1 ได้ไปอีก 1 ด้วย Rejuran แถมฟรี! Blink It Up

                                  • ในราคาเพียง 9,900 บาท จากราคาปกติ 19,500 บาท

                                  อัพความสวยแบบสับ สับ สับ พร้อมโปรโมชันความสวยแบบ True Beauty ลดแรงขนาดนี้ต้องรีบจองเลย เพราะมีให้คุณแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น ช้าหมดจะพลาดความสวยที่แท้ true นะ!  จองได้ทุกช่องทางออนไลน์เลย 

                                  LINE: https://bit.ly/Romrawinclinic  

                                  FACEBOOK :http://m.me/RomrawinClinic 

                                  • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 6 – 14 กันยายน 2567 เท่านั้น
                                  • อาจารย์แพทย์ไม่เข้าร่วมรายการ
                                  • ผลการรักษาเฉพาะบุคคล
                                  • เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
                                  • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่

                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                    เปรียบเทียบ Rejuran VS Revive ต่างกันอย่างไร ผิวชุ่มชื้นต่างกันอย่างไร

                                    ผิวชุ่มชื้น

                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                      Rejuran VS Revive เปรียบเทียบงานผิวตัวไหนผิวชุ่มชื้น ตัวไหนหน้าฉ่ำ

                                      ผิวแห้งเสียขาดความชุ่มชื้น กลายเป็นปัญหาหนักสุดๆ สืบเนื่องจากมลภาวะ และชีวิตประจำวันที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผิวอย่างหนักหน่วง จนสภาพผิวห่างไกลจากคำว่า “ผิวชุ่มชื้น” “ผิวฉ่ำวาว” ไปไกลลับ ด้วยกิจวัตรประจำวันที่ต้องเผชิญกับมลภาวะอยู่เสมอ การดูแลผิวชุ่มชื้นแบบเดิม ๆ อาจไม่เพียงพอเสียแล้ว บางทีการหาตัวช่วยมาเติมเต็มให้ผิวที่แห้งเสีย กลับมาเป็นผิวที่ชุ่มชื้นคงจะเป็นทางออกที่ดี

                                      ซึ่งหากพูดถึงผลิตภัณฑ์งานผิว ที่ช่วยปรับสภาพผิวแห้งเสียให้กลับมาเป็นผิวชุ่มชื้น ก็จะมีหลากหลายตัวเลือก ไม่ว่าจะเป็น Rejuran, Revive หรือเติมวิตามินผิว แต่จะเลือกงานผิวตัวไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการ ที่อยากจะมีผิวชุ่มชื้น ห่างไกลจากผิวเสียเพราะมลภาวะรอบตัว หลายคนอาจเลือกไม่ถูกและไม่มั่นใจว่าตัวเลือกไหนที่เหมาะสำหรับงานผิวฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ

                                      แน่นอนว่ารมย์รวินท์คลินิกมีคำตอบเรื่องนี้ โดยหากพูดถึงผิวชุ่มชื้นและฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ มีงานผิว 2 ตัวเลือกที่มักพูดถึงและเปรียบเทียบอยู่บ่อยครั้ง คือ  Rejuran กับ  Revive ซึ่งทั้งสองนับว่าเป็นงานผิวยอดนิยมที่เน้นเรื่องผิวเรียบเนียน ผิวชุ่มชื้นและฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทั้งสองก็มีข้อแตกต่างกัน งานนี้รมย์รวินท์คลินิกจึงจะมาเปรียบเทียบว่างานผิวไหนผิวชุ่มชื้น ไหนช่วยเรื่องผิวฉ่ำวาว โดยสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับทั้งสองตามหัวข้อต่อไปนี้

                                      ผิวชุ่มชื้น

                                      สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนผิวที่แห้งเสีย ให้กลับมาเป็นผิวชุ่มชื้น หน้าใส มีความฉ่ำวาว ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผิวฉ่ำวาวที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น Rejuran ซึ่งมีงานวิจัยออกมาพูดถึงผลลัพธ์ผิวหน้าชุ่มชื้น และมีความฉ่ำวาวด้วย Rejuran ส่งผลให้หัตถการที่ช่วยปรับผิวชุ่มชื้นชนิดนี้ได้รับความนิยม และกลายเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในสถานเสริมความงาม 

                                      โดยตัว Rejuran เป็นสารที่คิดค้นเพื่อผิวหน้าชุ่มชื้น สวยใสด้วยการสกัดสาร Polynucleotide (PN) จาก DNA ของปลาแซลมอนที่ได้รับการทดสอบแล้วว่า มีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์มากถึง 98% โดยมี คุณสมบัติด้านการฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยคืนผิวชุ่มชื้นหลังจากแห้งเสียเป็นเวลานาน พร้อมช่วยเคลียร์ปัญหาผิว อย่างเร่งด่วน ประกอบกับคุณสมบัติของ DNA ที่คล้ายคลึงกับของมนุษย์  Rejuran จึงมีความปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดกระทบต่อผิวชุ่มชื้นหลังจากฉีด Rejuran

                                      ด้วยประสิทธิภาพด้านการเคลียร์ผิว ที่เสื่อมสภาพจากมลภาวะต่าง ๆ ให้กลับมาเป็นผิวชุ่มชื้น ผิวฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ และมีความปลอดภัย ส่งผลให้ Rejuran กลายเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากในฐานะของหน้าใส ผิวชุ่มชื้น แต่อาจจะยังมีคนสงสัยว่าสาร Polynucleotide มีการทำงานอย่างไร ทำไมถึงผิวชุ่มชื้นด้วย DNA จากปลาแซลมอน สามารถอ่านรายละเอียดที่หัวข้อการทำงานของ Rejuran  

                                      การทำงานของ Rejuran สาร Polynucleotide ส่งผลต่อผิวอย่างไร?

                                      หลังจากทำการฉีด Rejuran ลงไปบนผิวหนังแล้ว สาร Polynucleotide (PN) จะเข้าไปควบคุม กระบวนการทำงานของเซลล์และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยการกระตุ้นให้ร่างกายสารที่จะช่วยกระตุ้น การทำงานของเซลล์ Fibroblast หรือที่เรียกว่า Growth factor ซึ่งประกอบไปด้วย FGF, EGF และ IGF ที่จะเป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างเซลล์และทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งส่งผลให้ผิวชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ

                                      การทำงานของ Polynucleotide ที่ฉีดลงไปด้วย Rejuran ส่งผลกระทบต่อผิวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์, จัดการกับผิวที่เสื่อมสภาพและปัญหาผิวที่เกิดจากมลภาวะ รวมถึงฟื้นฟูสภาพผิวเปลี่ยนผลลัพธ์ของผิวที่แห้งเสียให้กลับมาเป็นผิวชุ่มชื้น ซึ่งระหว่างกระบวนการทำงานของสาร PN จะมีโอกาสเกิดอาการแพ้ได้น้อยมาก เนื่องจากสารที่ฉีดมาจาก DNA ปลาแซลมอนที่คล้ายคลึงกับของมนุษย์ และสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี จึงเป็นงานผิวชุ่มชื้นสุขภาพดีที่มีความปลอดภัย

                                      ผลลัพธ์ของ Rejuran ลดการเสื่อมสภาพของผิว ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง

                                      •  Rejuran ฟื้นฟูถึงระดับเซลล์ผิว พร้อมกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก เพื่อให้เซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งช่วยลดหลุมสิวและรอยดำลง เป็นสารที่สำคัญต่อการปรับสภาพผิวช่วยให้ผิวฉ่ำวาวและผิวชุ่มชื้น
                                      • สาร Polynucleotide ยังช่วยเรื่องของความชุ่มชื้นบริเวณผิว ทำให้หลังจากทำ Rejuran เราจะได้สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของผิว โดย PN จะช่วยสร้างบาเรียที่ปกป้องผิวทำให้ผิวชุ่มชื้นและการสูญเสียน้ำบริเวณผิวลดลง
                                      •  Rejuran ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ซึ่งส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินของร่างกาย และเมื่อร่างกายมีการฟื้นฟูคอลลาเจนและอีลาสติน ผิวก็จะกลับมาสดใส ผิวชุ่มชื้น และมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
                                      • นอกจากช่วยจัดการกับปัญหาผิว และฟื้นฟูสภาพผิวแล้ว  Rejuran ยังช่วยลดความมันบริเวณผิว ช่วยกระชับรูขุมขน และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

                                      จากกระบวนการทำงานและผลลัพธ์ของ Rejuran จึงไม่แปลกเลยที่ผิวหน้าใสจาก DNA ปลาแซลมอนจะได้รับการตอบเป็นอย่างดี และเป็นที่นิยมในเวลาต่อมา เพราะนอกจากผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใส ยังช่วยจัดการกับผิวที่เสื่อมสภาพ รวมถึงปัญหาผิวต่าง ๆ ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

                                      ผิวชุ่มชื้น

                                      Revive ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้อย่างไร

                                       Revive หรือ BELOTERO Revive เป็นผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มเนื้อบางเบา ที่ช่วยเรื่องผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยการพัฒนาที่แตกต่างจากสารเติมเต็มฟิลเลอร์ทั่วไป ซึ่งส่งผลให้ Revive เป็นตัวเลือกที่ช่วยซัพพอร์ตเรื่องงานผิวให้ออกมามีสุขภาพดี รวมทั้งยังช่วยให้ผิวกักเก็บความฉ่ำวาวอุ้มน้ำได้ด้วย จึงเป็นคำตอบว่าทำไมฉีดสารเติมเต็ม Revive แล้วผิวชุ่มชื้น

                                      ซึ่งส่วนที่พัฒนาและแตกต่างจากสารเติมเต็มชนิดอื่น ๆ คือ ฟิลเลอร์สารเติมเต็มทั่วไปมักมีส่วนประกอบเป็น Hyaluronic Acid (HA) ที่เป็นส่วนประกอบหลักของสารเติมเต็ม ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มฟูเด้งกระชับ แต่ Revive จะมีส่วนประกอบของ Glycerol เพิ่มเข้ามา ซึ่งสารประกอบ Glycerol มีประสิทธิภาพด้านปรับสภาพผิวให้กักเก็บน้ำได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำอยู่ตลอดเวลา และการบำรุงผิวของสาร Glycerol ยังส่งผลลึกถึงผิวหนังชั้น Dermis ทำให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานและช่วยเติมเต็มผิวให้ออกมาเรียบเนียนด้วย 

                                      การทำงานของ Revive ผสานผลลัพธ์ของ HA และ Glycerol ไว้ด้วยกัน

                                      โดยปกติแล้วสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์จะมีส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid ซึ่งมีกระบวน การทำงานโดยการฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวและจึงเกิดการปรับสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น โดยการเข้าไปฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ สภาพแวดล้อม โดยผลลัพธ์ของสารเติมเต็ม HA คือ ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน ผิวฉ่ำวาวเต่งตึงและอ่อนเยาว์

                                      ส่วนการทำงานของสารประกอบ Glycerol จะช่วยเสริมสร้างให้ผิวชุ่มชื้น และกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน เป็นเหมือนสารที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของ Hyaluronic Acid ควบคู่ไปกับการปรับสภาพผิวให้ฉ่ำวาวอิ่มน้ำ และเมื่อผลลัพธ์ของ HA กับ Glycerol มารวมกันก็จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวภายในระยะเวลาอันสั้น พร้อมจัดการกับผิวแห้งเสีย ขาดน้ำ ให้กลับมาเป็นผิวชุ่มชื้นด้วย Revive

                                      ผลลัพธ์ของ Revive ออกมาเป็นอย่างไร?

                                      •  Revive ช่วยเติมเต็มร่องลึก และกระชับปรับรูปหน้า
                                      •  Revive เสริมประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำของผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง
                                      •  Revive ช่วยลดเลือนริ้วรอยและจัดการกับหลุมสิวตื้น
                                      •  Revive แก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว

                                       ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Revive ผ่านการเพิ่มสารประกอบ Glycerol มาผสานกับ Hyaluronic Acid มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการกักเก็บน้ำและเสริมผิวชุ่มชื้นมากกว่าสารเติมเต็มชนิดอื่น ๆ ทำให้ Revive ได้รับความนิยมเหมือนกับงานผิว Rejuran

                                      ผิวชุ่มชื้น

                                      เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Rejuran และ Revive ต่างกันอย่างไรบ้าง ?

                                      จากการพัฒนาของเทคโนโลยีแ ละความต้องการวิธีการดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงมีการคิดค้นหัตถการ ดูแลผิวที่ผลลัพธ์ครอบคลุม และตอบโจทย์ด้านความงามยิ่งขึ้น หัตถการงานผิวปัจจุบันจึงมีตัวเลือกมากจนบางคนไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกทำไหนดี อย่างกรณีที่อยากมีผิวชุ่มชื้น จะทำ Rejuran ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่จะฉีด Revive ก็ผิวชุ่มชื้นไม่แพ้กัน วันนี้รมย์รวินท์คลินิกจึงจะมาแนะนำความแตกต่างระหว่าง Rejuran และ Revive เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับคนที่คิดเลือกทำหัตถการความงามเป็นครั้งแรก หรือต้องการผลลัพธ์ที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

                                      ซึ่งถึงแม้ว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนา Rejuran ผิวชุ่มชื้น และ Revive ผิวฉ่ำวาวจะมีความแตกต่างกัน แต่ประสิทธิภาพและผลลัพธ์โดยรวมอาจมีความใกล้เคียงกันบางส่วน รายละเอียดหลังจากนี้จึงจะเป็นการเปรียบเทียบแบบชัด ๆ เลยว่าต่างกันมากน้อยแค่ไหน

                                      ส่วนประกอบหลักของ Rejuran และ Revive

                                      •  Rejuran :  Polynucleotide (PN) สารสกัด DNA จากปลาแซลมอนที่เข้ากันได้ดีกับร่างกายของคนเรา ลักษณะเป็นเจลใสไร้สีสำหรับฉีดเข้าผิวหนังส่งผลให้ผิวชุ่มชื้น
                                      •  Revive : ประกอบด้วยสาร Hyaluronic Acid และ Glycerol ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของสารเติมเต็ม ทำให้ผิวชุ่มชื้นยิ่งกว่าเดิม

                                      การทำงานของ Rejuran และ  Revive

                                      •  Rejuran : สาร Polynucleotide เข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ช่วยการผลัดเซลล์และฟื้นฟูสภาพผิว รวมถึงช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและจัดการกับปัญหาผิว จะมีการทำงานของที่เน้นเรื่องปรับสภาพผิวมากกว่าผิวชุ่มชื้น
                                      •  Revive :  Hyaluronic Acid จะเข้ามาช่วยเติมเต็มร่องลึกและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น พอมารวมกับ Glycerol ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำของผิว เป็นการบูสผิวชุ่มชื้นยิ่งกว่าเดิม

                                      การทำงานของทั้งสองจะแตกต่างกันที่ Revive เน้นเติมเต็ม แล้วสร้างความความชุ่มชื้น เนื่องจากมีส่วนประกอบของ HA ที่เป็นสารเติมเต็มที่เป็นส่วนประกอบสำหรับฟิลเลอร์ ส่วน Rejuran จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์และผลัดเซลล์ผิว จึงมีความแตกต่างกัน แต่ก็ยังมีส่วนช่วยเรื่องของผิวชุ่มชื้นเหมือนกัน เพียงแต่ Revive จะตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการผิวชุ่มชื้นมากกว่าเพราะมีส่วนประกอบของ Glycerol

                                      ผิวชุ่มชื้น

                                      Rejuran และ Revive เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

                                      •  Rejuran : เหมาะสำหรับช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ อันมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น มลภาวะ, ช่วงวัยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นต้น โดยจะช่วยปรับสภาพผิวและเสริมให้ผิวชุ่มชื้น
                                      •  Revive : เหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยร่องตื้น ช่วยปรับโครงหน้าและเสริมการกักเก็บน้ำของผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

                                       ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพการทำงานเกี่ยวกับผิวชุ่มชื้น ที่คล้ายคลึงกัน แต่ทั้งสองจะมีความแตกต่างกันที่รายละเอียดการปรับสภาพผิว โดย Revive จะตอบโจทย์การเติมเต็มผิวร่องลึกในฐานะสร้างเติมเต็ม ส่วน Rejuran จะเหมาะกับปรับสภาพผิวจากการเสื่อมสภาพและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยิ่งขึ้น

                                       Rejuran และ Revive เหมาะสำหรับบริเวณไหนบ้าง?

                                      •  Rejuran : สามารถฉีดได้หลายบริเวณทั่วหน้า รวมถึงรอบดวงตา หากอยากมีผิวชุ่มชื้นสามารถฉีดบริเวณแก้ม หน้าผาก หรือจุดที่ผิวแห้งเสียเป็นพิเศษ
                                      •  Revive : จะเหมาะสำหรับบริเวณผิวตื้น ๆ จึงนิยมฉีดบริเวณรอบดวงตา, ปาก, ลำคอ,หน้าผาก และหลังมือ โดยจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและอวบอิ่มให้กับบริเวณที่ฉีด

                                       ส่วนมากบริเวณที่ทำ Rejuran และ Revive เพื่อผิวชุ่มชื้นจะไม่ค่อยแตกต่างกัน แต่ Revive จะเน้นฉีดที่ผิวตื้นไม่ลงลึกถึงชั้น Dermis ส่วน Rejuran จะเหมาะสำหรับฉีดลงผิวชั้นกลางเพื่อให้สาร PN กระจายไปทั่ว ๆ และช่วยเสริมสร้างให้ผิวชุ่มชื้น มีความกระชับ

                                       Rejuran และ Revive มีความรู้สึกระหว่างทำที่แตกต่างกันหรือไม่

                                      •  Rejuran : เนื่องจาก Rejuran จำเป็นต้องฉีดลงไปที่ผิวชั้นกลางเพื่อให้สาร PN กระจายลงไปบนผิวเพื่อไปกระตุ้นให้ผิวชุ่มชื้น เลยจะมีความรู้สึกเจ็บระหว่างทำบ้าง แต่จะมีการ บรรเทาความเจ็บด้วยการฉีดยาชาก่อนทำ
                                      •  Revive :  Revive ถูกพัฒนาโดยคำนึงถึงคนที่กลัวเจ็บระหว่างทำ จึงมีความเจ็บปวดที่น้อยลง แต่สำหรับคนที่กลัวเจ็บสามารถทายาชาเพิ่มได้ก่อนทำ Revive

                                       Rejuran และ Revive ผลลัพธ์อยู่นานแค่ไหน

                                      •  Rejuran : สาร PN ช่วยกระตุ้นให้ผิวชุ่มชื้นอยู่นานถึง 6-8 เดือน
                                      •  Revive : สาร Hyaluronic Acid ช่วยเติมเต็มร่องลึก สร้างผิวชุ่มชื้นได้นานถึง 9 เดือน

                                      โดย Rejuran ควรฉีดอย่างต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์/ครั้ง และเมื่อทำครบ 4 ชั้น ผลลัพธ์ผิวชุ่มชื้นจะคงอยู่นานถึง 8 เดือน ส่วน Revive เติมเต็มผิวชุ่มชื้นเพียงครั้งเดียวก็จะได้ผลลัพธ์ของผิวฉ่ำวาวไปถึง 9 เดือนเลย ซึ่งตรงส่วนนี้จะเห็นว่าทั้งสองมีความแตกต่างทั้งระยะเวลาของผลลัพธ์และจำนวน ครั้งที่แนะนำให้ทำหัตถการ แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรตรวจสอบก่อนว่าปัญหาผิวของเราเหมาะกับไหน เพื่อผลลัพธ์ขอผิวที่เรียบเนียน ผิวชุ่มชื้นและอ่อนเยาว์อย่างมีประสิทธิภาพ

                                      อยากมีผิวชุ่มชื้นสร้างผิวที่ฉ่ำวาวและคงความอ่อนเยาว์ ต้องมาที่รมย์รวินท์ คลินิก

                                      กิจวัตรประจำวันของแต่ละคนล้วนมีส่วนที่ต้องออกมาเผชิญกับมลภาวะต่าง ๆ รวมถึงช่วงอายุที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ผิวที่เคยเรียบเนียน ผิวที่เคยชุ่มชื้นก็กลับกลายเป็นผิวที่ขาดน้ำ ขาดความกระชับ ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนแม้ว่าจะมีการบำรุงผิวให้ฉ่ำวาวด้วยครีมสกินแคร์หรือบำรุงผิวด้วยวิธีต่าง ๆ มากแค่ไหน ผิวก็ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างเต็มที่ภายในระยะเวลาสั้น ๆ

                                       แต่สำหรับคนที่ต้องการวิธีฟื้นฟูบำรุงผิวชุ่มชื้นและอ่อนเยาว์อย่างทันท่วงที สามารถลองมาปรึกษากับแพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิก โดยทางคลินิกจะมีเทคนิคเฉพาะที่ช่วยวิเคราะห์ปัญหาผิวและเลือกวิธีการจัดการกับผิว อย่างเหมาะสม สำหรับคนที่ผิวขาดน้ำ ผิวไม่เรียบเนียนขาดความกระชับ ทางคลินิกก็จะแนะนำ Rejuran หรือ  Revive ซึ่งจะช่วยเติมเต็มสารสกัดที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ส่งผลให้ผิวชุ่มชื้นและอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับคนที่สนใจสามารถติดต่อรมย์รวินท์คลินิกได้ทุกสาขาเลย

                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                        UltraClear ยกกระชับ ดูแลปัญหาใบหน้าครบวงจร ช่วยอะไร แก้ปัญหาอะไรบนใบหน้าได้บ้าง

                                        UltraClear

                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                          UltraClear ดูแลใบหน้า ปิดจบปัญหาแบบครบวงจร

                                          UltraClear เป็นเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นโดย ผู้เชี่ยวชาญในด้านความงาม และการผ่าตัด Acclaro Medical ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมระดับโลกในการมุ่งมั่นที่จะพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อตอบสนองด้านความต้องการทางการแพทย์ ความงาม และการผ่าตัดUltraClear

                                          UltraClear คืออะไร

                                          UltraClear เป็นเครื่องครบวงจร เพื่อผิวที่ดูอ่อนเยาว์ คือ Cold Ablative Fiber หรือเลเซอร์ไฟเบอร์ ในรูปแบบที่มีความเย็นเป็นตัวแรกของโลก เพื่อใช้ในการต่อต้านสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากวัยที่เพิ่มมากขึ้น โดย Ultraclear ใช้ MID IR Fiber รุ่นแรกที่มี wavelength ใหม่คือ 2910 นาโนเมตร ซึ่งเลเซอร์ดังกล่าว ทำงานภายใต้การดูดซับน้ำอย่างสูงสุด มากกว่าทุกคลื่น ที่มีในท้องตลาดถึง 95% ของพลังงานคลื่น จะถูกใช้ในการทำงานกับเนื้อเยื่อ ผิวหนัง และทิ้งความร้อน หรืออาการต่าง ๆ ไว้ที่ผิวของผู้เข้ารับบริการน้อยมาก หลังจากเข้ารับบริการ เนื่องจาก ไฟเบอร์ MID IR มีการระเหยของคลื่นที่ดี และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายจากความร้อนอื่น ๆ อันเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของ PIH และ PIE ส่งผลให้ผิว มีความปลอดภัยหลังจากทำการรักษา นอกจากนี้ UltraClear ยังมีวิธีการสร้างพลังงาน โดยใช้ คลื่นเออร์เบียม (Erbium fluoride) ซึ่งเป็นคลื่นไม่มีหลอดไฟ  (lamp) เหมือนกับเครื่องอื่น ๆ ในสมัยก่อน ทั้งยังมีการออกแบบเครื่องที่แตกต่าง จากเครื่องตระกูลเลเซอร์ทุกตัว จึงทำให้ UltraClear ไม่ต้องมีการปรับเทียบพลังงานบ่อย ๆ จึงเป็นการทำให้เครื่องเกิดความเสถียรในการทำงานมากยิ่งขึ้น

                                          อีกทั้ง UltraClear ยังมีการระเหยแบบเย็น และการแข็งตัวแบบ dialed-in รวมทั้งแบบ intra-ablative เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถทำซ้ำได้ อย่างปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ดี

                                          UltraClear ออกแบบมาเพื่อให้เป็นโปรแกรมที่มีความแม่นยำที่สูง ด้วยคุณภาพลำแสงที่เหนือชั้นกว่า และมีขนาดจุดที่เล็กของ MIRACL และให้พลังงานที่สามารถกระจายตัวได้อย่างมีความละเอียดสูง และมีความสม่ำเสมอสูง ทั้งยังมีขนาดจุดคลื่นที่เล็กลง เพื่อให้สามารถยังช่วยให้คลื่นพลังงาน สามารถเจาะลึกลงสู่ชั้นผิวได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น  สามารถปิดช่องไมโคร ที่ทำลายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ช่วยลดความเจ็บปวด ทำให้ในการรักษาใช้ระยะเวลาไม่นาน และยังมีส่วนในการป้องกันเลือดออก

                                          มีเทคโนโลยีการสแกน X-Y ที่เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัล ของแพลตฟอร์มรองรับ ในด้านการทำลายผิว พร้อมกับมีการปรับโครงสร้างคอลลาเจนในระดับลึกในครั้งเดียว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความสม่ำเสมอสูง

                                          สามารถทำได้ทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใด มีผิวสีเข้มในระดับใด ก็สามารถทำ Ultraclear ได้ทั้งสิ้น 

                                          UltraClear ยังได้รับการรับรองจาก FDA  ในด้านการแก้ปัญหาผิวหน้า และฟื้นฟูผิวหน้าด้วย เลเซอร์ MID IR Fiber ตัวแรกของโลก ที่สามารถรักษาชั้นผิวหนังได้พร้อมกันหลาย ๆชั้น โดยนับตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า ลงไปจนถึงชั้นผิวหนังแท้ เพื่อเป็นการช่วยอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น

                                          ด้วยการทำงานของ UltraClear ผิวที่หมองคล้ำจะถูกกำจัดออกไป และชั้นผิวด้านล่าง จะได้รับพลังงานความร้อน ที่แพทย์สามารถทำการควบคุมได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้ผิวที่ทำ UltraClear ถูกรักษา และเกิดการปรับโครงสร้างขึ้นมาใหม่ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการสร้างเซลล์ผิวขึ้นใหม่ เพิ่มการผลิตคอลลาเจนรวมทั้ง อิลาสตินใต้ผิวหนังอีกด้วย จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี มีผิวที่เรียบเนียน มีสุขภาพผิวที่ดี มีความกระจ่างใสมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังมีผิวภาพรวมที่ดูอ่อนกว่าวัย

                                          UltraClear ประกอบไปด้วย 6 Applications ในเครื่องเดียว 

                                          เนื่องจาก Ultraclear มีความตั้งใจที่จะเป็นเครื่องที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของผู้เข้ารับการรักษาได้หลากหลาย จึงออกแบบมาให้สามารถตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการที่มีหลากหลายปัญหา ทำให้สามารถทำงานได้คลอบคลุมเกือบทุกปัญหาบนผิวหน้า นับตั้งแต่ การทำหน้าใส บนผิวหนังชั้นตื้น ๆ แก้ปัญหาริ้วรอยในขนาดเล็กจนถึง ขนาดใหญ่  แก้ปัญหาหลุมสิว แผลเป็นได้อย่างแตกต่าง โดยที่ยังไม่มีเครื่องชนิดไหนที่สามารถทำได้ คือ วิธีการ laser coring ที่เป็นลักษณะการตัดหนังส่วนเกิน คล้ายกับการผ่าตัดดึงหน้า แต่เป็นการใช้ laser ตัดหนังที่เป็นจุดเล็ก ๆ ในการเจาะลงไปได้ลึก ตั้งแต่ 0.5 – 4 มม. ใช้สำหรับการยกกระชับผิว แบบดึงหน้า ดึงคอ โดยเป็นการเอาหนังส่วนเกินออกไป โดย Ultraclear  ประกอบด้วย 6 Applications  ดังนี้

                                          • Clear Mode
                                          • Clear+ Mode
                                          • Ultra Mode
                                          • UltraClear Mode
                                          • Laser-Coring Mode
                                          • Surgical Mode

                                          1.Clear Mode

                                          เป็นโหมดที่ใช้การระเหยตัวด้วยความเย็นของชั้นผิว stratum corneum ที่มีสูง 15% โดยทำงานกับชั้นผิว stratum corneum ทำให้มีผลลัพธ์ในการรักษาอย่าง รวดเร็วสำหรับในด้านของการรักษาผิวสัมผัส ความเสียหายของผิวอันเนื่องจากแสงแดด รวมทั้งยังช่วยในการรักษารอยด่างดำของผิวได้อีกด้วย โดยใช้เวลาในการพักฟื้นต่ำ และมีความเจ็บในระหว่างการรักษาที่ไม่มาก

                                          2.Clear+ Mode

                                          เป็นโหมดที่ใช้การระเหยด้วยความเย็นที่สูงมากถึง 80% โดยทำงานกับชั้นหนังกำพร้า ช่วยในการปรับปรุงผิวให้มีคุณภาพที่ดีมากขึ้น ในการลดริ้วรอย ลดจุดด่างดำ กระเนื้อ รวมทั้งรอยแผล และรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวได้เป็นอย่างดี

                                          3.Ultra Mode

                                          เป็นโหมดการฟื้นฟูอย่างล้ำลึกในผิวหนังชั้น mid dermis โดยการใช้เทคโนโลยี 3DIntelliPulse ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ UltraClear โดยเฉพาะ เน้นช่วยในการสร้างคอลลาเจน และสร้างอิลาสติน ใต้ผิวหนังขึ้นมาใหม่เพื่อให้ผิวเกิดความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเติมเต็มริ้วรอยลึก ริ้วรอยขนาดเล็ก ๆ รวมทั้งรักษารอยแผลได้

                                          4.UltraClear Mode

                                          เป็นโหมดที่ทำการผสมผสานทั้งโหมด 2 คือ โหมด Clear+ Mode และ โหมด 3 Ultra Mode เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังการทำที่ดีอย่างสูงสุด และยาวนานที่สุด คือ การให้ผิวที่เรียบเนียน กระชับ กระจ่างใส และดูอ่อนเยาว์ขึ้น

                                          5.Laser-Coring Mode

                                          เป็นโหมดที่ต้องใช้เทคนิคขั้นสูงในการทำ โดยให้ผลลัพธ์เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการแก้ไขริ้วรอยร่องลึก รวมทั้งรอยแผลเป็นที่มีความลึก อีกทั้งโหมดนี้ ยังช่วยให้มีผิวที่เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

                                          6.Surgical Mode

                                          เป็นโหมดผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ และการศัลยกรรมตกแต่งเปลือกตา ให้เกิดผลลัพธ์หลังจากทำอย่างทันที 

                                          UltraClear ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

                                          UltraClear เป็นนวัตกรรมที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของผิว อันประกอบไปด้วยหลายอย่างครอบคลุมใน 1 การรักษา เพื่อผู้เข้ารับบริการ สามารถดูดีได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย อย่างมีประสิทธิภาพ โดย 

                                          UltraClear สามารถแก้ปัญหาผิวหน้าได้ ดังนี้ 

                                          • UltraClear ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นและริ้วรอยลึก
                                          • UltraClear ช่วยแก้ปัญหาจุดด่างดำ 
                                          • UltraClear ช่วยแก้ปัญหาฝ้าหนาที่ไม่ร้ายแรง
                                          • UltraClear ช่วยแก้ปัญหารอยแผลเป็น 
                                          • UltraClear ช่วยแก้ปัญหารอยสิว รอยดำต่าง ๆ
                                          • UltraClear ช่วยแก้ปัญหาโทนสีและเนื้อผิว
                                          • UltraClear ช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างทั่วถึง

                                          UltraClear

                                          ข้อดีในการทำ UltraClear

                                          • UltraClear ช่วยลดอายุใบหน้าได้ โดยเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก
                                          • UltraClear ลดริ้วรอย จุดด่างดำได้
                                          • UltraClear ช่วยในการยกกระชับ รูปหน้า และผิวหน้า
                                          • UltraClear รักษารอยแผลเป็น 
                                          • UltraClear ช่วยปรับสีผิว ที่มีความหมองคล้ำ
                                          • UltraClear ช่วยปรับให้ผิวที่มีความหยาบกร้านดีขึ้นได้
                                          • UltraClear ช่วยในการกำจัดเซลล์ที่ตายไปแล้ว
                                          • UltraClear ช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ตามธรรมชาติ
                                          • UltraClear ช่วยในการฟื้นฟูผิวให้มีความเรียบเนียน เปล่งปลั่ง
                                          • UltraClear ปรับให้ผิวภาพรวมดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
                                          • UltraClear สามารถรักษาร่วมกับเครื่องอื่น ๆ ได้ โดยไม่อันตราย
                                          • UltraClear สามารถทำได้ในทุกสีผิว
                                          • UltraClear ใช้ระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งไม่นาน
                                          • UltraClear ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
                                          • UltraClear เครื่องเดียวใช้แก้ปัญหาได้อย่างหลากหลาย

                                          UltraClear

                                          ใครเหมาะกับการทำ UltraClear

                                          • UltraClearเหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับ ใบหน้า และลำคอ
                                          • UltraClear เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว
                                          • UltraClear เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ร่องลึก
                                          • UltraClear เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย จุดด่างดำ
                                          • UltraClear เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการรักษารอยแผลเป็น
                                          • UltraClear เหมาะกับ ผู้ที่ผู้ที่ต้องการรักษารอยแผลเป็นจากสิว
                                          • UltraClear เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการมีคุณภาพผิวที่ดี

                                          ใครไม่เหมาะกับการทำ UltraClear

                                          • UltraClear ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์
                                          • UltraClear ไม่เหมาะกับสตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร

                                          หากมีโรคประจำตัวต่าง ๆ หรือใส่อุปกรณ์พิเศษที่เป็นโลหะในร่างกาย ให้แจ้งแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่อประเมินการรักษาและความเหมาะสมในการเข้ารับบริการ และเพื่อความปลอดภัยที่สุดในการรักษา

                                          UltraClear

                                          UltraClearใช้ระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งกี่นาที

                                          UltraClear ใช้ระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งไม่เกิน 15 นาที ตามแต่ปัญหาของผู้เข้าใช้บริการแต่ละคน

                                          ในการรักษา UltraClear แต่ละครั้ง ต้องใช้การรักษากี่โหมด

                                          แพทย์สามารถทำ UltraClear ในหลาย mode ใน 1 การเข้ารักษาแต่ละครั้งได้ ตามแต่ปัญหาที่ผู้เข้าใช้บริการเป็น และต้องการเข้ารับการรักษา และสามารถทำร่วมกันกับเครื่องหรือโปรแกรมอื่น ๆ ในการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ เพิ่มเติมได้

                                          UltraClear

                                          UltraClear ต่างจากเครื่องยกกระชับชนิดอื่นๆอย่างไร

                                          เครื่องยกกระชับชนิดอื่น ๆ ทำงานโดยการยกกระชับผิวโดยคลื่น ไม่ว่าจะเป็น คลื่น RF หรือคลื่น Ultrasound แต่เทคนิค Coring ของ UltraClear จะเปรียบเสมือนการเอาหนังส่วนเกินที่มีออกไปด้วย 1 หรือ 2 ส่วน ทำให้ผิวกระชับได้มากขึ้นนั่นเอง โดยในปัจจุบันจะยังไม่มีโปรแกรม หรือเครื่องชนิดไหนทำการตัดหนังส่วนเกินในรูปแบบนี้ออกได้

                                          UltraClear ทำได้ในทุกสีผิวหรือไม่

                                          สามารถทำได้ทุกสีผิว ตั้งแต่ระดับ skin type 1-6  โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว และไม่ก่อให้เกิดผลเสียอื่น ๆ ตามมา

                                          UltraClear ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานหรือไม่หลังจากการทำ

                                          UltraClear เป็นโปรแกรมที่ไม่อันตราย ไม่ร้อน ไม่แสบ ไม่มีผลเสียหลังการทำ จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพักฟื้นนาน ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-4 วันเท่านั้น

                                          UltraClear รักษาสิวได้ไหม

                                          UltraClear รักษาสิวโดยตรงไม่ได้ แต่จะเป็นการแก้ปัญหาต้นตอของการเกิดสิว อย่างเช่น รูขุมขน รวมทั้งยังแก้ปัญหารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวได้

                                          UltraClear

                                          ข้อจำกัดของเครื่องที่ใช้พลังงานต่างๆ ในการรักษาและการยกกระชับ

                                          IPL 

                                          • ไม่สามารถปรับพลังงาน ให้เหมาะสมในการกำจัดการสร้างหลอดเลือด ขนาดเล็กบนใบหน้า
                                          • มีความเสี่ยง PIH สูงสำหรับผู้ที่มีผิวสี
                                          • มีการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินที่น้อยกว่าการทำเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ
                                          • ไม่มีการทำลายผิวหนัง
                                          • ไม่มีการผลัดเซลล์ผิว ไม่สามารถเคลียร์ริ้วรอย ไม่สามารถรักษารอยแผลเป็น และริ้วรอยต่าง ๆ ได้
                                          • ต้องใช้เวลาในการรักษา 6-8 ครั้งจึงจะเห็นผล

                                          *ผลลัพธ์ในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งการดูแลหลังการทำ

                                          RF System 

                                          • ให้ความร้อนแก่เนื้อเยื่อ เพื่อให้การหดตัวของผิวหนังโดยชั่วคราว เป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน
                                          • ไม่มีการทำลายผิวหนัง ไม่เกิดการผลัดเพื่อกำจัดผิวหนังชั้นนอก ที่เกิดความเสียหาย หรือผิวหนังที่ตาย 
                                          • มีผลต่อการสร้างเม็ดสีผิวน้อย
                                          • ความสามารถในการฟื้นฟูผิวมีจำกัด
                                          • เห็นผลลัพธ์ในการรักษา 6-8 สัปดาห์
                                          • มีความแม่นยำน้อย  มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก ต้องใช้ร่วมกับหัว Tip ที่ปลอดเชื้อ

                                          *ผลลัพธ์ในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งการดูแลหลังการทำ

                                          UltraClear

                                          Micro-Needling 

                                          • เป็นเทคนิคที่ใช้การดูแลผิวหนังด้วยเข็ม หรือเครื่องที่มีเข็มเป็นจำนวนมาก เพื่อทำให้ผิวกระชับขึ้น โดยจะไม่มีการทำลายผิวหนังชั้นนอก
                                          • ไม่มีผลในการลอกผิวเพื่อให้ผิวเกิดความเรียบเนียน
                                          • เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้เข้ารับบริการ มีความเจ็บปวดมาก 
                                          • ต้องเข้ารับบริการหลายครั้ง เพื่อทำการดูผลลัพธ์หลังทำ
                                          • โดยปกติจะทำควบคู่กันกับ การทำเลเซอร์เพื่อปรับสภาพผิว เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังการทำ
                                          • คงสภาพผลลัพธ์หลังการทำได้ 3-5 เดือน
                                          • มีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยแผลเป็น หลังเข้ารับบริการหากดูแลไม่ดี

                                          *ผลลัพธ์ในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งการดูแลหลังการทำ

                                          Chemical Peel 

                                          • เป็นสารละลายเคมี ที่อาจทำให้ผิวเกิดการหลุด ลอดได้
                                          • สามารถรักษารอยไหม้จากแสงแดด และรอยแผลเป็นได้
                                          • ผู้เข้ารับบริการอาจมีความเสี่ยง ในการเกิดอาการ PIH สำหรับผู้ที่มีผิวที่มีสีเข้ม
                                          • หากทำการรักษาในผิวที่มีความลึก อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้
                                          • เป็นเทคโนโลยีที่ไม่มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ในผิวหนังระดับลึก

                                          *ผลลัพธ์ในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งการดูแลหลังการทำ

                                          CO2 Lasers 

                                          • เป็นเทคโนโลยีที่มีความจำกัด เฉพาะผิวหนังประเภท 1-3 เท่านั้น
                                          • อาจมีความเสี่ยงต่อ PIH และ PIE สูงสำหรับในผู้ป่วยที่มีผิวสี
                                          • อาจทำลายผิวหนังชั้นนอก เนื่องจากการบาดเจ็บจากความร้อนที่มากจนเกินไป
                                          • เวลาในการพักฟื้นตัวที่นานกว่า
                                          • มีความเจ็บปวดในระหว่างทำ
                                          • ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอายุน้อย อาจมีอาการบวมน้ำเป็นเวลานาน

                                          *ผลลัพธ์ในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งการดูแลหลังการทำ

                                          UltraClear

                                          ER:YAG Lasers 

                                          • ระยะเวลาการฟื้นตัวของผิวหนังนาน
                                          • อาจมีความเจ็บในระหว่างที่ทำ หากได้รับการดูแลที่ไม่ดีมากพอ
                                          • อาจมีความเสี่ยงต่อ PIH 
                                          • ผลลัพธ์ที่ไม่มั่นคง หากทำให้บริเวณที่มีผิวบอบบาง

                                          *ผลลัพธ์ในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งการดูแลหลังการทำ

                                          Pico Second lasers 

                                          • ไม่มีการทำลายผิวหนัง
                                          • ไม่ได้ช่วยในการกำจัดริ้วรอย และรอยแผลเป็นต่าง ๆ
                                          • สามารถกำจัดเม็ดสีผิวหนังได้
                                          • สามารถกำจัดเม็ดสีผิวหนัง (90% ของเม็ดสี) 
                                          • ใช้พลังงาน 532 นาโนเมตร
                                          • ทำการรักษา 5-7 ครั้ง
                                          • ไม่เหมาะสำหรับคนเข้ารับบริการที่มีอายุมาก

                                          *ผลลัพธ์ในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งการดูแลหลังการทำ

                                          Fraxel 

                                          • ไม่ทำลายผิวชั้นหนังกำพร้า
                                          • รักษาริ้วรอย รอยแผลเป็น และรอยตำหนิจากหนังกำพร้าได้น้อย
                                          • อาจความเสี่ยงของ PIH สูงต่อผิวสี
                                          • อาจมีความเจ็บเนื่องจากความร้อนในขณะทำ อาจใช้ยาชาร่วมด้วย
                                          • อาจมีข้อจำกัดในการทำบริเวณรอบดวงตา
                                          • เข้ารับบริการ 6-8 ครั้ง 
                                          • ใช้เวลาในการรักษาแต่ละครั้งนานกว่า 1 ชั่วโมง

                                          *ผลลัพธ์ในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมทั้งการดูแลหลังการทำ

                                          โดยข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลเปรียบเทียบเพื่อประกอบการตัดสินใจในการทำการรักษา โดยการใช้เครื่อง UltraClear เพียงเท่านั้น ดังนั้นก่อนเข้ารับบริการ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์และแจ้งปัญหาต่าง ๆ ที่พบ และต้องการทำการแก้ไขโดยละเอียด เพื่อประเมินความเหมาะสมในการรักษา เนื่องจากผู้เข้ารับบริการทุกท่าน จะมีความต้องการ และสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป การประเมินโดยละเอียด จะทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาเป็นไปตามต้องการอย่างดีที่สุด และควรเข้ารับบริการโดยคลินิกเสริมความงามที่มีแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในการรักษา และประเมินปัญหาตามจริงเพื่อผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยในการรักษา

                                          โปรโมชันเดือนกันยายน BEAUTY CONFIDENCE

                                          โปรโมชันเดือนกันยายน

                                          มาสวยปัง มั่นใจ BEAUTY CONFIDENCE ด้วยโปรโมชันเดือนกันยายน

                                          เพราะความสวยคือความมั่นใจของผู้หญิงทุกคน กันยายนนี้รมย์รวินท์เลยขอพาทุกท่านมาปัง! ให้ความสวย เริ่ด ออร่า กระจาย พร้อมพบกับดีลพิเศษอีกมากมายที่รมย์รวินท์พร้อมที่จะมอบให้ตลอดทั้งเดือนนี้!

                                          โปรนี้เฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้นน้า !!

                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                            Ready..Let’s go for BEAUTY and CONFIDENCE 

                                            โปรโมชันเดือนกันยายน

                                            สวย..มั่นใจ คืนผิวใส ปลุกผิวชุ่มชื้น 

                                            คืนชีวิตชีวาให้ผิวหมองกลับมาสวย ปลุกออร่าในตัวคุณ ปลุกความชุ่มชื้นให้ผิวอีกครั้งด้วย โปรแกรม DEEP CLEANSING TREATMENT ทำความสะอาดผิวใน 3 ขั้นตอน

                                            • TURBO BRIGHT  ทรีตเมนต์ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนในระดับรูขุมขน ผลัดเซลล์ผิวเก่าด้วยอณูละอองน้ำผสานออกซิเจนเติมเต็มให้ผิวสดชื่น ช่วยลดการอุดตัน ลดความมันของผิวเผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใส ชุ่มชื้น ให้ความรู้สึกสบายเหมือนทำสปาหน้า
                                            • D-WHITE  ผลักวิตามินและสารอาหารเข้มข้น ลงสู่ผิวหนังชั้นลึก ช่วยในการกำจัดฝ้า จุดด่างดำ ผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวฉ่ำโกลว์
                                            • P-WHITE บำรุงผิวด้วยหน้าแบบขั้นสุดด้วยการผลักวิตามิน และสารบำรุงผิวเข้าสู่ชั้นผิว ให้ผิวกระจ่างใส เติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างล้ำลึก ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทาครีมบำรุงผิวแบบทั่วไป 

                                            ดีลพิเศษ! โปรแกรม DEEP CLEANSING TREATMENT

                                            • ราคาเพียง 1,990 บาท จากราคาปกติ 5,500 บาท  

                                            โปรโมชันเดือนกันยายน

                                            สวย..มั่นใจ ทลายฝ้า พร้อมเผยผิวหน้ากระจ่างใส 

                                            ปัญหาฝ้าที่คอยกวนใจ บดบังความมั่นใจของคุณ ต่อจากนี้จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก เผยให้เห็นใบหน้าสวยเนียนใส ด้วย MELASMA KILLER 

                                            • SMART LASER เลเซอร์บูสต์ผิวใส จัดการกับปัญหาฝ้า จุดดำด้วยเลเซอร์ที่มีความนุ่มนวลต่อผิวยิงตรงเข้าทลายเม็ดสีที่ผิดปกติ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น ก็รู้สึกได้ทันทีว่าหน้าใสขึ้น ไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง 
                                            • D-WHITE ทรีตเมนต์ที่ช่วยผลักวิตามินและสารอาหารลงเข้าสู่ผิวชั้นลึก ให้ผลลัพธ์มากกว่าการทาครีมแบบทั่วไป ตรงเข้าไปจัดการฝ้า จุดด่างดำ ผลัดเซลล์ผิวให้สวยกระจ่างใส และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฉ่ำโกลว์ให้ผิว
                                            • WHITE 3 ตัวยาเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิกที่ช่วยกำจัดปัญหาฝ้า จุดด่างดำให้จางลง เหลือไว้แต่ความสวยกระจ่างใสให้ผิว

                                            ดีลพิเศษ! MELASMA KILLER

                                            ราคาเพียง 3,890 บาท จากราคาปกติ 6,500 บาท

                                            โปรโมชันเดือนกันยายน

                                            สวย..มั่นใจ ปั้นหุ่นแซ่บ บูสต์ผิวใส 

                                            เปลี่ยนหุ่นลงพุงให้ฟิต ปรับ one pack ให้กลายเป็น six pack ฟิตกล้ามเนื้อให้ปัง ปั้นหุ่นให้แซ่บเว่อร์ จะเผละหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ พร้อมบูสต์ผิวหมองคล้ำจากฝุ่น มลภาวะให้สวย เสริมภูมิให้แข็งแรง สุขภาพดีจากภายในสู่ผิวสวยออร่าเปล่งประกายต้องคู่นี้

                                            •  BODYFIRM สร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงด้วยคลื่นแม่เหล็ก Electro Magnetic แบบจำเพาะเจาะจง กระตุ้นเพียง 1 ครั้ง เทียบเท่ากับการได้รับการซิทอัพ หรือทำสควอช 20,000 ครั้ง แต่แค่นอนชิลในเวลา 30 นาที ก็สร้างกล้ามเนื้อให้เฟิร์มได้
                                            •  IV DRIP BLINK บูสต์วิตามินและสารอาหารผิว ฟื้นฟูผิวโทรมจากมลภาวะและความเหนื่อยล้า อ่อนเพลียให้กลับมากระจ่างใส มีออร่า เพียงแค่ 35 นาที ก็มีสุขภาพดีทั่วเรือนร่างได้แล้ว

                                            ดีลพิเศษ!  BODYFIRM & IV DRIP BLINK

                                            ราคาเพียง 7,900 บาท จากราคาปกติ 26,500 บาท 

                                            พิเศษขึ้นไปอีก! จองภายในเดือนนี้รับส่วนลดเพิ่มอีก 2,000 บาท

                                            โปรโมชันเดือนกันยายน
                                            สวย..มั่นใจ ยกหน้าตึง ดึงหน้าเด็ก 

                                            ต่อไปนี้เพราะทุกพื้นที่บนใบหน้ามีแต่ความตึงกระชับของผิว เรียกความมั่นใจ ย้อนผิวสวยอ่อนเยาว์ให้กลับมาอีกครั้ง ไม่ต้องกังวลเรื่องริ้วรอยแห่งวัย! ใครๆเห็นก็ต้องเรียกน้อง

                                            ร้อยไหม (MINT FINE)  ยกหน้าให้ตึงกระชับ ในบริเวณที่หย่อนคล้อย สร้างกรอบหน้าให้ดูมีมิติ ให้ผิวที่มีความเป็นธรรมชาติ ทางเลือกของผู้ผ่านการยกกระชับมาหลายเครื่องมือแต่ยังตอบโจทย์ปัญหาผิวได้ไม่ตรงจุดซักที 

                                            ดีลพิเศษ! ร้อยไหม

                                            ราคาเพียง 12,000 บาท จากราคาปกติ 40,000 บาท

                                            *จำนวนเส้นไหมใช้จำนวนมาก หรือน้อยขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล
                                            โปรโมชันเดือนกันยายน

                                            สวย..มั่นใจ บอกลาใต้ลาคล้ำ จัดการใต้ตาลึก

                                            ปัญหาใต้ตาคล้ำจนหมีแพนด้ายังต้องอาย แถมยังมีร่องใต้ตาลึก และถุงใต้ตา ทำให้ดูหน้าโทรมไม่สดใส ดูแก่ก่อนวัยอันควร อย่าปล่อยผ่าน! ต้องรีบจัดการด่วนนน..!!

                                            ด้วยเทคนิคพิเศษของแพทย์รมย์รวินท์ FILLER เติมเต็มใต้ตาให้อิ่มฟู บอกลาความหมองคล้ำเหมือนหมีแพนด้าอดนอน ให้ใต้ตาสดชื่นเหมือนได้นอนวันละ 8 ชั่วโมง ลดอายุ ดูอ่อนวัย ด้วยเทคนิคพิเศษของแพทย์รมย์รวินท์ 

                                            ดีลพิเศษ! FILLER

                                            ราคาเพียง 14,900 บาท จากราคาปกติ 25,000 บาท 

                                            โปรโมชันเดือนกันยายน

                                            สวย..มั่นใจ ดริปวิตามิน ปรับผิวไบรท์ออร่าพุ่ง 

                                            ทำงานหนัก ไม่มีเวลาพักผ่อน จนผิวโทรม เสื่อมสภาพ อยากเรียกคืนความกระจ่างใส ให้ผิวกลับมาสวยดูมีออร่า แต่ไม่มีเวลาบำรุง ต้องรีบเติมวิตามินให้ผิวแบบเร่งด่วน 

                                            •  ให้วิตามินผิวสูตร WHITE SKIN & DETOX  กระตุ้นเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรง ขับสารพิษ ต่อต้านอนุมูลอิสระ พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสุขภาพดี ฟื้นฟูร่างกายจากภายในสู่ภายนอกให้ผิวกระจ่างใส ออร่าพุ่งปรี๊ดด
                                            • รับฟรี! ให้วิตามินผิวสูตร BLINK บูสต์วิตามินและสารอาหารผิว ฟื้นฟูผิวโทรมจากมลภาวะและความเหนื่อยล้า อ่อนเพลียให้กลับมากระจ่างใส มีออร่า เพียงแค่ 35 นาที ก็มีสุขภาพดีทั่วเรือนร่างได้แล้ว

                                            ดีลพิเศษ! วิตามินผิวสูตร WHITE SKIN & DETOX 5 ครั้ง

                                            รับฟรี! วิตามินผิวสูตร BLINK 5 ครั้ง ราคาเพียง 15,900 บาท จากราคาปกติ 25,000 บาท

                                            โปรโมชันเดือนกันยายน

                                            สวย..มั่นใจ บูสต์สุขภาพดีทันใจ ไม่จำกัดสูตร 

                                            ผิวโทรม สุขภาพไม่ดี ร่างกายแย่ ไหนจะต้องเจอกับมลภาวะรอบตัว ต้องจัดวิตามินเติมเต็มให้สุขภาพภายใน และผิวพรรณภายนอกอย่างเร่งด่วนน!

                                            • วิตามินผิวสูตร BUFFET เดียวก็บูสต์ได้ทั้งร่างกายให้สุภาพดี ดีท็อกซ์สารพิษ มลภาวะ และยังช่วยเติมสารอาหารและวิตามินให้ผิวแข็งแรงเปล่งปลั่งได้แบบบุฟเฟต์ เลิฟแบบไหน จัดการบูสต์แบบนั้น!

                                            (วิตามินผิวสูตร Blink, วิตามินผิวสูตร Detox, วิตามินผิวสูตร White & Fresh, วิตามินผิวสูตร Immune, วิตามินผิวสูตร Immune plus,วิตามินผิวสูตร  White skin & detox, วิตามินผิวสูตร Super Hydrate, วิตามินผิวสูตร Energy Plus) 


                                            ดีลพิเศษ! วิตามินผิวแบบ BUFFET 5 ครั้ง

                                            ราคาเพียง 16,500 บาท จากราคาปกติ 22,500 บาท

                                            และ วิตามินผิวสูตร BUFFET 10 ครั้ง

                                            ราคาเพียง 30,000 บาท จากราคาปกติ 45,000 บาท

                                            โปรโมชันเดือนกันยายน

                                            สวย..มั่นใจ ยกหน้าเรียว กระชับขั้นสุด 

                                            รีเฟรชความมั่นใจให้กลับมาใหม่อีกครั้ง จากนี้ไปไม่มีหรอกหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยดูแก่กว่าวัย เพราะต่อจากนี้ไปผิวหน้าต้องมีแต่ความตึงกระชับเท่านั้น!  ULTHERA ไม่ว่าใครก็ต้องยกให้เป็นที่หนึ่งในเรื่องยกกระชับผิว พร้อมทั้งช่วยปรับรูปหน้าให้มีมิติ กรอบหน้าคมชัด ด้วยพลังงานที่กระตุ้นได้ลึกถึงชั้น SMAS หน้ายกแบบไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมให้เจ็บตัว

                                            NEW ULTRA 4D LIFT เปลี่ยนตัวเองให้ดูดีได้ถึง 4 มิติ ให้หน้ายกกระชับ ปรับรูปหน้าให้เรียว V-Shape และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึงอิ่มฟูขึ้น พร้อมสร้างงานผิวให้เนียนละเอียด ครบ จบในเครื่องเดียว

                                            ดีลพิเศษ! ULTHERA  & NEW ULTRA 4D LIFT

                                            ราคาเพียง 24,900 บาท จากราคาปกติ 63,000 บาท

                                            โปรโมชันเดือนกันยายน

                                            สวย..มั่นใจ อวดผิวเด็ก บูสต์ผิวไบรท์

                                            โชว์หน้าได้ไม่อายใคร เพราะมั่นใจว่าคุณภาพผิวดี อวดผิวใส ผิวเด็ก ย้อนวัยกลับไปเป็นสาวแรกรุ่นอีกครั้ง 

                                            •  RADIESSE บูสต์ผิวให้ย้อนวัยกลับไปอ่อนเยาว์อีกครั้งด้วย biostimulator ที่ช่วยฟื้นฟูผิวด้วยคุณประโยชน์ 5 ประการ ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก และยังเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟู โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย 

                                            ดีลพิเศษ!

                                            RADIESSE 2 กล่อง & วิตามินผิวสูตร BLINK

                                            ลดทันที 30,000 บาท

                                            ดีลพิเศษสวยได้สุดตลอดทั้งเดือนกันยายนนี้ มีแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้นที่ให้คุณได้! จองได้ทุกช่องทางออนไลน์เลย

                                            LINE: https://bit.ly/Romrawinclinic FACEBOOK :http://m.me/RomrawinClinic

                                            • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2567 เท่านั้น
                                            • อาจารย์แพทย์ไม่เข้าร่วมรายการ
                                            • ผลการรักษาเฉพาะบุคคล
                                            • เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
                                            • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่

                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                              รมย์รวินท์คลินิกร่วมงานเปิดตัว APAC Brand Ambassador RADIESSE

                                              Radiesse

                                              รมย์รวินท์คลินิกร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานเปิดตัว “มุนกายอง” APAC Brand Ambassador RADIESSE

                                              Radiesse

                                              บริษัท Merz Aesthetics ได้จัดงานเปิดตัว “มุนกายอง” (Mun Ka Young) ในฐานะ Brand Ambassador ของ Radiesse สำหรับภูมิภาค Asia-Pacific ซึ่งคุณมุนกายองเป็นนักแสดงสาวชาวเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงและได้รับการเลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ Radiesse ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘รีเซ็ตผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อไหร่ไปกับมุนกายอง’

                                              Radiesse

                                              ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิกนำทีมโดย คุณหมอฐา : พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล Board of Dermatology แพทย์เจ้าของและผู้อำนวยการประจำรมย์รวินท์คลินิก พร้อมด้วยทีมแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก คุณหมอออย : พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์, คุณหมอแวว : พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์ และ คุณหมอแพร : พญ.ธิรดา จิตตการ ได้รับเกียรติเชิญเข้าร่วมงานเปิดตัว APAC RADIESSE Brand Ambassador ครั้งนี้

                                              Radiesse

                                              นอกจากนี้ยังมีแคมเปญ “ผิว ฉัน เซ็ตได้ด้วยเรเดียสซ์ Me, My Skin with RADIESSE” ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ RADIESSE และเชิญชวนทุกคนมาร่วมรีเซ็ตผิว เปลี่ยนผิวให้กลับมาดูดีอย่างที่เคยเป็นด้วยการเลือกสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง โดยงานคราวนี้รมย์รวินท์คลินิกได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานเปิดตัวมุนกายอง นักแสดงที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นและคอยดูแลเอาใจใส่ผิวพรรณของตัวเองอยู่เสมอ ตามคอนเซ็ปต์ RADIESSE โดยคุณมุนกายองเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคนแรก ของ RADIESSE เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ทุกคนมีความมั่นใจที่จะเผยผิวที่แท้จริงและดูดีในแบบตัวเอง 

                                              Radiesse  Radiesse

                                              โดยงานครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ชื่อ “RADIESSE Me, My Skin on the RESET NOW AND LONG AFTER” บรรยากาศภายในงานคับคั่งไปด้วยเหล่าเซเลบริตี้ ดารามากหน้าหลายตา และ กูรูด้านความงามโดยเฉพาะ ซึ่งงานเปิดตัว RADIESSE Brand Ambassador จัดขึ้นที่ The Ballroom, Capella Hotel, Bangkok, Thailand เมื่อวันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 10:30 – 14:30 น.

                                              มาร่วมกันกดปุ่มรีเซ็ตผิวกับแคมเปญ “ผิว ฉัน เซ็ตได้ด้วยเรเดียสซ์ Me, My Skin with RADIESSE”

                                              การเปิดตัว Brand Ambassador สำหรับผลิตภัณฑ์ RADIESSE เป็นการเน้นย้ำถึงเป้าหมายของงานผิวดี สานฝันผิวอ่อนเยาว์ด้วย RADIESSE พร้อมกับแคมเปญที่ผลักดันมาควบคู่กับการเปิดตัวมุนกายอง ที่จะพาทุกคนมาร่วมรีเซ็ตผิวใหม่ เลือกเป็นตัวเองแบบที่ดีที่สุดและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง พร้อมกันนั้น มุนกายองยังได้มาร่วมแชร์เคล็ดลับการดูแลตัวเองและบำรุงผิวพรรณ บ่งบอกว่าตัวเธอเองก็มักเอาใจใส่ผิวของเธออยู่เป็นประจำ

                                              งานนี้รมย์รวินท์คลินิกรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานเปิดตัว Brand Ambassador และร่วมสัมผัสประสบการณ์กับนักแสดงสาว “มุนกายอง” ที่มาร่วมแชร์ข้อมูลการดูแลตัวเองถึงพื้นฐานผิวพร้อมด้วยแคมเปญที่สนับสนุนการดูแลตัวเองและผลิตภัณฑ์ RADIESSE ที่รมย์รวินท์คลินิกมีการให้บริการอยู่เป็นประจำ 

                                              Radiesse Radiesse

                                              เปลี่ยนผิวให้อ่อนเยาว์ มาปิดฉากริ้วรอยผิวหย่อนคล้อยที่รมย์รวินท์คลินิก

                                              นอกจากมุนกายองจะมีบทบาทการแสดงที่โดดเด่นแล้วยังมีผิวที่เรียบเนียน อ่อนเยาว์ และเปล่งปลั่งสมกับตำแหน่ง Brand Ambassador RADIESSE แต่ถึงอย่างนั้นมุนกายองก็ยังคงดูแลตัวเองอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นถ้าอยากมีผิวก็ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองก่อนเลย โดยสำหรับคนที่อยากฟื้นฟูผิวเอาความอ่อนเยาว์คืนมาฉบับเร่งด่วน ต้องลองมาทำโปรแกรมฉีด Radiesse กับรมย์รวินท์คลินิก

                                              Radiesse

                                              โดยทางรมย์รวินท์คลินิกมีการใช้งาน RADIESSE ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก Merz Aesthetic พร้อมด้วยการวิเคราะห์ปัญหาผิวจากแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก ที่จะช่วยให้สามารถมองเห็นปัญหาผิวและแก้ไขได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ประสิทธิภาพการฟื้นฟูผิวออกมาดีงามและตรงความต้องการของผู้เข้ารับบริการ สำหรับคนที่สนใจสามารถปรึกษาปัญหาผิวได้แล้ววันนี้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

                                              Emsculpt คืออะไร สร้างซิกแพคได้อย่างไร เหมาะกับใคร ?

                                              Emsculpt



                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                Emsculpt

                                                Emsculpt

                                                 

                                                Emsculpt ลีนไขมัน สร้างซิกแพค ใน 30 นาที

                                                ตัวช่วยของคนไม่มีเวลาออกกำลังกาย ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคนี้คงหนีไม่พ้น Emsculpt เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกให้กับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่กำลังใช้ชีวิตบนความยุ่งหยิงไม่ว่าจะต้องทำงาน ต้องทนสภาวะรถติด ต้องทำคอนเทนต์ลงโซเชียลในแต่ละวัน ได้มีรูปร่างที่ดีอย่างที่ใจต้องการโดยที่ไม่ต้องออกกำลังกาย

                                                Emsculpt เป็นเทคโนโลยีทุ่นเวลาและแรงของคนยุคใหม่ที่ต้องการมีรูปร่างที่ดีอย่างหวัง สามารถใช้ได้ทั้งหญิงและชาย โดย Emsculpt ผลิตโดยใช้ High Intensity Focused Electromagnetic – Magnetic (HIFEM ®) เทคโนโลยีที่ใช้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เป็นคลื่นที่มี ความเข้มข้นและความถี่สูงในรูปแบบที่จำเพาะเจาะจงโดยการส่งพลังงานเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อทำการสร้างกล้ามเนื้อ และกระตุ้นในการลดไขมัน ในผิวหนังบริเวณกว้าง รวมทั้งยังลงลึก ให้แก่ผู้เข้ารับบริการ โดย Emsculpt ซึ่งนอกเหนือจากจะทำการสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้มีซิกแพคได้แล้ว ยังช่วยลดไขมัน อีกทั้งยังเผาผลาญไขมันได้ในเวลาเดียวกัน ด้วย Emsculpt เพียงเครื่องเดียว

                                                Emsculpt

                                                หลักการทำงานของ Emsculpt

                                                Emsculpt ทำงานโดยการทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณที่ใช้บริการ กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดการหดตัว จึงเป็นการกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อโดยตรงอย่างปลอดภัยไม่อันตราย เนื่องจากไม่ได้ใช้ความร้อนในการทำอันตรายต่อผิว ด้วยวิธีการ  Supramaximal Muscle Contraction ที่เป็นวิธีการที่ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงถึง 2 รูปแบบ คือ 1.การทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหนาตัว และเพิ่มขนาดให้ใหญ่มากขึ้น (Muscle Hypertrophy) 2. การเพิ่มเส้นใยที่อยู่ภายในส่วนของมัดกล้ามเนื้อ (Muscle Hyperplasia)  ซึ่งวิธีดังกล่าวจะส่งผลให้การเผาผลาญในร่างกายเกิดการเพิ่มขึ้น และทำให้เซลล์ไขมันตายลงมากขึ้น และเกิดการสลายเองได้ตามธรรมชาติ (Apoptosis) ไขมันที่สะสมอยู่ที่บริเวณใต้ผิวหนังจะลดลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่มีอยู่สามารถเห็นลายกล้ามเนื้อที่ชัด เป็นระเบียบและสวยงามได้มากยิ่งขึ้น

                                                เป็นเครื่องที่มีความปลอดภัยต่อผู้เข้ารับบริการเนื่องจาก Emsculpt ได้รับการรับรองทางด้านประสิทธิภาพรวมทั้งด้านความปลอดภัย จากองค์การอาหารและยา (FDA) ทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรปและทั่วโลก ทั้งยังได้รับผลการวิจัย ว่า Emsculpt เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มขนาดมวลกล้ามเนื้อให้กับบริเวณที่ทำได้มากถึง 16% สามารถเผาผลาญไขมันในบริเวณที่ทำได้ถึง 19% สามารถลดไขมันในช่องท้องได้ถึง10% โดยใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 30 นาที เท่านั้น

                                                Emsculpt

                                                ความปลอดภัยของ Emsculpt

                                                มีการทำการวิจัยผลลัพธ์ในเชิงเปรียบเทียบออกมาว่าการใช้บริการ Emsculpt หนึ่งครั้ง ให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการ ซิทอัพถึง 20,000 ครั้ง  สามารถใช้ได้กับบริเวณที่ผู้คนมักมีความกังวล และเป็นพื้นที่สะสมของไขมันในร่างกาย อย่างต้นแขน หน้าท้อง และบั้นท้าย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Emsculpt เป็นเทคโนโลยีดูแลรูปร่างที่ได้ใจผู้คนทางฝั่งยุโรป และสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก

                                                Emsculpt ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?

                                                  • Emsculpt ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ 

                                                นอกจากเพิ่มกล้ามเนื้อแล้ว ยังสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้อีกด้วย

                                                  • Emsculpt ลดไขมันเฉพาะส่วนได้

                                                ลดไขมัน รวมทั้งเร่งการเผาผลาญไขมันได้

                                                  • Emsculpt สามารถช่วยสร้าง 6 Pack ได้

                                                สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแล้วซิกแพคไม่ขึ้นสักที หรือมีกล้ามเนื้อแต่ไม่ชัด

                                                  • Emsculpt ลดไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)

                                                ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ที่เป็นสิ่งที่เมื่อสะสมเป็นปริมาณมากแล้วจะทำให้สุขภาพไม่ดี

                                                  • Emsculpt  เพิ่มความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว 

                                                ช่วยลดอาการปวดหลัง โดยเฉพาะหลังช่วงล่าง เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่ Core Strength เป็นผู้ที่มี กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวไม่แข็งแรง

                                                  • Emsculpt ช่วยยกกระชับก้นและสะโพก 

                                                ช่วยเพิ่ม Tone กล้ามเนื้อ ด้วยการสร้างความกระชับรวมทั้งเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ปรับให้ก้นและยังทำให้สะโพกทำให้มีความ มีความกระชับเด้ง และยังมีรูปทรงที่สวยงามได้ตามต้องการ เหมือนกับออกกำลังกาย

                                                  • Emsculpt ช่วยลดผนังกล้ามเนื้อท้องหย่อนจากการคลอดบุตร

                                                แก้ปัญหาหน้าท้องหย่อนหรือยืดจากตอนตั้งครรภ์ให้มีความกระชับเฟิร์มมากขึ้นและ Emsculpt ยังช่วยในการลดไขมันหน้าท้องได้อีกด้วย

                                                Emsculpt

                                                Emsculpt ทำบริเวณใดได้บ้าง ?

                                                  • ต้นแขน (ไบเซ็ปส์ / ไตรเซ็ปส์) 

                                                Emsculpt จะช่วยในการ สร้างกล้ามเนื้อบริเวณแขน โดยจะใช้ Applicator ที่มีขนาดเล็กในการทำในบริเวณที่มีขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้ Emsculpt สามารถโฟกัสไปที่กล้ามเนื้อภายในจุดที่มีขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี

                                                  • หน้าท้อง 

                                                Emsculpt จะช่วยในการ สร้างกล้ามเนื้อ  ที่ Six Pack, Sexy Line, 11 Line ,V Line โดยการแก้ปัญหากล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณหน้าท้อง ซึ่งการทำ Emsculpt เพียง 30 นาทีจะ เทียบเท่ากับการที่เราซิทอัพเป็นจำนวน 20,000 ครั้ง

                                                  • บั้นท้าย 

                                                Emsculpt จะช่วยในการ สร้างกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณบั้นท้าย ก้น  ให้มีความกลม กลึง เต่งตึง ยกกระชับ และสวยงาม โดยการทำ  Emsculpt 30 นาทีจะเทียบเท่ากับการทำท่าสควอชจำนวน 20,000 ครั้ง

                                                  • ต้นขา (ต้นขาด้านใน / ต้นขาด้านนอก) 

                                                Emsculpt จะช่วยในการ เสริมความแข็งแรง และแข็งแกร่งให้กับกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาให้มีความกระชับ แน่น เฟิร์ม โดย Emsculpt จะสามารถทำได้ในบริเวณที่มีความกังวลทั้งต้นขาด้านในและที่ต้นขาด้านนอก

                                                  • น่อง 

                                                Emsculpt จะช่วยในการ สร้างกล้ามเนื้อช่วงน่องให้มีความสวยงาม ดูเด่นชัดมากขึ้น มีความกระชับไม่ย้วย ไม่หย่อนคล้อย เทียบเท่ากับผู้ที่ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ

                                                ข้อดีของการทำ Emsculpt

                                                • สามารถทำได้หลายบริเวณในร่างกาย
                                                • ทำให้รูปร่างสวยงาม เป็นทรง และกระชับมากขึ้น
                                                • ไม่ต้องผ่าตัด
                                                • ไม่ต้องฉีดตัวยาเพื่อลดไขมัน
                                                • ไม่ต้องออกกำลังกายก็สามารถมีรูปร่างที่สวยงามอย่างใจได้
                                                • มี ซิกแพคอย่างไม่ต้องออกกำลังกาย
                                                • เพิ่มความมั่นใจ
                                                • ปลอดภัย มีงานวิจัยรองรับ
                                                • สามารถลดไขมันในช่องท้องได้

                                                ข้อจำกัดของการทำ Emsculpt

                                                • ผลลัพธ์หลังทำที่ได้รับ ขึ้นอยู่กับรูปร่างเดิมในแต่ละบุคคล
                                                • Emsculpt อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันในปริมาณมาก เนื่องจากการทำ Emsculpt เป็นการสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้มีผลต่อการลดไขมันจากการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างกล้ามเนื้อของ Emsculpt
                                                • การทำ Emsculpt จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

                                                การเตรียมตัวเพื่อเข้ารับบริการ  Emsculpt 

                                                  1. หากมีการสวมเครื่องประดับ ผู้เข้ารับบริการจะต้องถอดเครื่องประดับที่สวมใส่มาออก 

                                                เนื่องจากเครื่องประดับที่สวมใส่ อาจเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าได้ โดยตัวนำกระแสไฟฟ้าดังกล่าว จะทำให้อาจได้ได้รับอันตรายในระหว่างทำ Emsculpt ได้

                                                  1. ควรถอดเสื้อผ้าที่มีส่วนประกอบของเหล็กออกเพื่อความปลอดภัยขั้นสุดในการรักษา

                                                เนื่องจาก  Emsculpt เป็นการรักษาด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นสูง โลหะต่าง ๆ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

                                                ขั้นตอนเข้ารับการรักษาด้วย Emsculpt

                                                1. ทำการติดหัวแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) หรือหัวพลังงาน ของเครื่อง Emsculpt  ให้แนบกับผิวหนัง บริเวณที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อให้แน่น สนิท โดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมการใช้เครื่องมาแล้วเท่านั้น
                                                2. ใช้สายรัดหัวแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) เพื่อให้เครื่องไม่ขยับ เพื่อพร้อมสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อ
                                                3. จัดท่าทางของผู้เข้ารับบริการให้อยู่มีท่าที่สบายที่สุด และไม่ให้แอปพลิเคเตอร์ (Applicator) เคลื่อน
                                                4. ค่อย ๆ ปรับพลังงาน Emsculpt ให้อยู่ในค่าพลังงานที่เหมาะสมสำหรับผู้เข้ารับบริการ
                                                5. ใช้เวลาในการทำ 30 นาที ต่อ 1 ครั้ง
                                                6. ระหว่างที่ทำการรักษา ผู้เชี่ยวชาญจะสอบถามเป็นระยะเกี่ยวกับความรู้สึกในการรักษา หากเมื่อยหรือล้ามากเกินไป สามารถแจ้งผู้เชี่ยวชาญให้ลดพลังงานลดได้ ในกรณีนี้ไม่ควรฝืนตัวเองและแจ้งความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงแก่ผู้เชี่ยวชาญ

                                                หลังเข้ารับบริการสร้างกล้ามเนื้อด้วย Emsculpt ควรดูแลตัวเองอย่างไร

                                                • หลังเข้ารับบริการสร้างกล้ามเนื้อด้วย Emsculpt ไม่จำเป็นต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีความรู้สึกเหนื่อย ล้า เหมือนกับว่า พึ่งจะออกกำลังกายเสร็จ หากเหนื่อยมากสามารถพักได้ตามปกติของผู้เหนื่อยจากการออกกำลังกาย หากไม่เหนื่อยมากสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย

                                                Emsculpt เหมาะกับใคร?

                                                Emsculpt เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้ชีวิตของคนที่ต้องการมีรูปร่างที่ สวย ลีน เฟิร์ม เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะมากสำหรับ

                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีรูปร่างสวย ลีน เฟิร์ม
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงกล้ามเนื้อก็ยังไม่ชัด
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง (Six Pack) เพื่อความเฟิร์มกระชับ
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีรูปร่างที่สวย มีวีไลน์ หรือมีร่องสิบเอ็ด อย่างชัดเจน
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับหน้าท้อง และทำให้โทนกล้ามเนื้อมีความชัดขึ้น
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีรูปร่างที่สวยงาม มีส่วนเว้าโค้ง
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับรูปร่างเฉพาะส่วน เช่น ต้นแขน ต้นขา
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการผู้ที่เหนื่อยง่าย มีโรคประจำตัวไม่สามารถออกกำลังกายหนักได้
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการจ้างเทรนเนอร์ แต่ได้รูปร่างที่ต้องการ
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่ม Core Muscle Strength ที่มีส่วนช่วยในการทำให้อาการปวดหลังดีขึ้น
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีอายุมากกว่า 35-40 ปี ที่ไม่สะดวกในการออกกำลังกาย
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น
                                                • Emsculpt เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อหุ่นลีนสวย
                                                • Emsculpt เหมาะกับคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการยกกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องและเพิ่มโทนกล้ามเนื้อ

                                                Emsculpt ไม่เหมาะกับใคร? 

                                                เนื่องด้วย Emsculpt ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นสูง จึงทำให้มีขอบเขตในการรักษา และมีคนหลายกลุ่มที่ไม่สามารถรักษาได้คือ

                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังให้นมบุตร
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาด้านการรับรู้ผิดปกติ
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะโรคหัวใจ และผู้ป่วยโรคหัวใจ
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผู้ทำอยู่ในระหว่างการใช้ยาละลายลิ่มเลือด
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีและเป็นโรคลมชัก
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการเป็นไข้
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะและกำลังเป็นโรคปอดทำงานผิดปกติ
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ผ่าตัดกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่มี Metal Plate ในร่างกาย
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่พึ่งผ่านการเข้ารับบริการทำทรีตเมนต์ในบริเวณที่มีการเจริญเติบโตของกระดูก
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ในระหว่างการมีประจำเดือน ที่ต้องการทำ Emsculpt  บริเวณหน้าท้อง
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ไวหรือแพ้ต่อยาพารา
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ฝังเหล็ก หรือติดอุปกรณ์เสริมในร่างกาย
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ให้ยาหรือให้อาหารทางหลอดเลือด (Infusion Pump)
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ฝังหรือติดอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกาย
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ฝังและใส่เครื่องที่ช่วยในการกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) ในร่างกาย
                                                • Emsculpt ไม่เหมาะกับผู้ที่ฝังเครื่องกระตุ้นประสาทชนิดต่าง ๆ ไว้ในร่างกาย

                                                ทำไมต้องทำ Emsculpt

                                                • Emsculpt เทคโนโลยีเดียวที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับและแข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังช่วยเผาผลาญไขมันหน้าท้อง แบบไม่ต้องเหนื่อยกับการออกกำลังกาย เป็นการแก้ไขปัญหาไขมันที่ต้นเหตุ  โดยไม่ทำให้ร่างกายกลับมาสะสมไขมันส่วนเกินใหม่
                                                • Emsculpt เป็นเทคโนโลยีเครื่องเดียวที่ช่วยยกกระชับ เพิ่มกล้ามเนื้อ แบบไม่ต้องผ่าตัด
                                                • Emsculpt ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อได้หลากหลายบริเวณ  เช่น บริเวณน่อง บริเวณแขน
                                                • Emsculpt เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการออกกำลังกาย
                                                • Emsculpt เป็นเครื่องสร้างกล้ามเนื้อที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงหลังทำ และผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
                                                • Emsculpt มีผลรองรับการวิจัยที่น่าเชื่อถือ และแสดงถึงความพึงพอใจในผลลัพธ์หลังทำมากถึง 96%
                                                • Emsculpt มีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน โดยพบว่าค่าเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นถึง 16% และไขมันลดลง 19%
                                                • Emsculpt เป็นเครื่องสร้างกล้ามเนื้อเดียวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในกลุ่มคนดาราและคนดังของวงการฮอลลีวูด

                                                ผลลัพธ์การรักษาด้วย Emsculpt

                                                • มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16%
                                                • ไขมันลดลง 19%
                                                • ลดการแยกของกล้ามเนื้อหน้าท้อง 11%
                                                • กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงมากขึ้น
                                                • กล้ามเนื้อก้นกระชับ เด้งสวย ได้สัดส่วนที่ดีมากขึ้น
                                                • ต้นแขนและต้นขาเฟิร์มกระชับขึ้น

                                                การสร้างกล้ามเนื้อด้วย Emsculpt ต่างจากวิธีอื่นอย่างไร?

                                                Emsculpt vs Coolsculpting

                                                • Emsculpt เป็นเทคโนโลยีสร้างกล้ามเนื้อด้วยคลื่นอิเล็กโทรแมกเนติก ซึ่งพลังงานจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างของกล้ามเนื้อ ช่วยทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้ไขมันส่วนเกินในร่างกายเผาผลาญมากขึ้นร่วมด้วย เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อพร้อมกับการลดไขมันส่วนเกิน
                                                • ส่วน coolsculpting เป็นเทคโนโลยีการลดไขมันด้วยพลังงานความเย็น กระบวนการกำจัดไขมันด้วยความเย็นจะส่งความเย็นในอุณหภูมิ -11 ถึง -13°C ลงไปที่ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง โดยการทำ Coolsculpting ช่วยในเรื่องของการลดไขมันส่วนเกินโดยเฉพาะ
                                                • ทั้งนี้ Emsculpt เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันไปพร้อมกันมากกว่า coolsculpting ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

                                                Emsculpt vs การดูดไขมัน

                                                • การดูดไขมัน เป็นการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ใส่เข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกมา ทำให้สามารถลดจำนวนของไขมันในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน ก้น เป็นต้น เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมมาก ซึ่งการดูดไขมันมีความเสี่ยงในการเสียเลือดมาก จำเป็นต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น ทำให้การทำ Emsculpt มีความปลอดภัยมากกว่าเพราะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันส่วนเกินในร่างกายด้วยพลังงานคลื่นอิเล็กโทรแมนเนติก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมือนกับการดูดไขมัน

                                                Emsculpt vs การฉีดลดไขมัน

                                                • การฉีดลดไขมัน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณร่างกาย โดยตัวยาจะทำให้เซลล์ไขมันส่วนเกินเกิดการแตกตัวและถูกขับออกจากร่างกาย โดยจะฉีดเข้าไปในบริเวณชั้นไขมันโดยตรง เพื่อให้เซลล์ไขมันตายและจำนวนของไขมันลดลง ซึ่งการฉีดลดไขมันเป็นเพียงการลดจำนวนเซลล์ไขมันเท่านั้น ไม่ได้เป็นการช่วยในเรื่องของการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันส่วนเกินแบบ Emsculpt แต่อย่างใด

                                                Emsculpt vs การเวทเทรนนิ่ง (Weight Training)

                                                • การเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) เป็นการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน โดยเป็นการฝึกการแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยใช้ดัมเบลในการยกเวท หรือแม้แต่การใช้ร่างกายของเรา หรือที่เรียกว่าการออกกำลังกายแบบบอดี้เวท (Body Weight) เมื่อกล้ามเนื้อได้รับการฝึกฝนพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะทำให้สมรรถภาพความแข็งแรงของร่างกายมากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้การออกกำลังแบบเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) ยังช่วยในเรื่องของข้อต่อและเส้นเอ็น รวมไปถึงยังช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและกระดูกได้
                                                • เมื่อเทียบกับการทำ Emsculpt ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันส่วนเกินไปพร้อมกัน การออกกำลังกายร่วมกับการทำ Emsculpt จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ผลลัพธ์ของการสร้างกล้ามเนื้อและการลดไขมันมีประสิทธิภาพที่ดีเพิ่มขึ้น

                                                Emsculpt vs การออกกำลังกายแบบทั่วไป

                                                • การออกกำลังกาย คือ การทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย โดยมีรูปแบบของการออกกำลังกายที่หลากหลาย อาทิ วิ่ง ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก ปั่นจักรยาน ฯลฯ เป็นการออกกำลังกายในรูปแบบคาร์ดิโอ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจและปอด ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพของร่างกายในด้านของความแข็งแรง ความทนทาน ความยืดหยุ่น และการทรงตัว รวมไปถึงการออกกำลังกายยังช่วยในเรื่องของเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรงอยู่เสมอ
                                                • แตกต่างกับการทำ Emsculpt คือ การออกกำลังกายในรูปแบบของการคาร์ดิโอเป็นการเสริมสร้างให้หัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น ส่วนการทำ Emsculpt เป็นการสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมันส่วนเกินตามร่างกาย

                                                Emsculpt

                                                รวม Q&A คำถามพบบ่อยเรื่องของ Emsculpt

                                                Emsculpt ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน?

                                                • การทำ Emsculpt ใช้ระยะเวลาในการทำครั้งละ 30 นาที ให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการซิทอัพถึง 20,000 ครั้ง

                                                เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ควรเข้ารับการบริการ 4-6 ครั้งอย่างสม่ำเสมอ โดยการเข้าทำ Emsculpt ควรเว้นระยะเวลาห่างกัน 2-3 วัน และหลังจากที่ทำครบจำนวนครั้งตามที่กำหนดแล้ว สามารถเว้นระยะห่างของการทำEmsculpt ได้ 1 เดือน และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีมีประสิทธิภาพแนะนำว่าควรออกกำลังร่วมกับการทำ Emsculpt เพื่อเป็นการสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงให้กับร่างกาย

                                                Emsculpt มีผลข้างเคียงหลังทำไหม?

                                                • ผลข้างเคียงหลังทำ Emsculpt ที่คนส่วนใหญ่จะพบก็คือ อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย คล้ายกับการออกกำลังกายเท่านั้น ไม่มีผลข้างเคียงอันตรายที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

                                                Emsculpt อันตรายไหม?

                                                • การทำ Emsculpt เป็นเครื่องสร้างกล้ามเนื้อที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก FDA และมีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือรองรับมากมาย โดย Emsculpt เป็นเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อและไขมันเท่านั้น ทั้งนี้ควรทำ Emsculpt กับคลินิกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขและทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น

                                                Emsculpt เจ็บไหม?

                                                • ในระหว่างการทำ Emsculpt จะไม่มีความรู้สึกเจ็บ ไม่มีรอยช้ำ แต่หลังจากทำ Emsculpt อาจจะรู้สึกถึงความปวดเมื่อยตามร่างกายเล็กน้อย เป็นความรู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเหมือนการทำซิทอัพปกติ

                                                บทสรุปของ Emsculpt

                                                Emsculpt เป็นนวัตกรรมเดียวที่เป็นเครื่องสร้างกล้ามเนื้อและสามารถกำจัดไขมันไปพร้อมกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือผู้ที่ไม่ต้องการจ้างเทรนเนอร์ในการออกกำลังกาย รวมไปถึงผู้ที่ออกกำลังกายมานานแต่กลับไม่มี six pack เลย ทำให้ Emsculpt เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาของคนอยากหุ่นสวย สำหรับใครที่อยากมีหุ่นสวย สุขภาพดี อยากเปลี่ยนแปลงรูปร่างต้องรมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น เพราะรมย์รวินท์คลินิกใส่ใจในทุกการให้บริการ คอยดูแลและให้คำปรึกษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด

                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                  Thermage FLX BLUE Tip คืออะไร ต่างจาก Thermage FLX หัวอื่นๆ อย่างไร

                                                  BLUE


                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                    Thermage FLX ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล


                                                    เปิดตัว 1 ใน 3 คลินิกแรก Thermage FLX BLUE Tip ผิวแน่น ผิวเฟิร์ม ผิวกระชับ

                                                    รมย์รวินท์คลินิกเปิดตัว Thermage FLX BLUE Tip หัว Tip ที่เป็น NEW VERSION เป็น 1 ใน 3 คลินิกแรกของประเทศไทย ที่มีหัว Tip ชนิดนี้ให้บริการ  ตอกย้ำความเป็นหนึ่งในการดูแลงานผิว โดยครั้งนี้เป็นหมวดหมู่ของงานผิวกระชับแน่น แข็งแรง และมีคุณภาพที่ดี โดยไม่ต้องใช้เข็ม เหมาะเป็นอย่างยิ่งในสมัยนี้ ที่ผู้คนต้องการมีผิวที่สวย ฉ่ำวาว และดูเป็นธรรมชาติกันมากขึ้น โดย Thermage FLX BLUE Tip ตอบโจทย์ของคนทุกรุ่นอายุ ตั้งแต่วัยรุ่น ไปจนถึงวัยที่ร่างกายสร้างปริมาณคอลลาเจนได้น้อยลง

                                                    Thermage FLX BLUE Tip คืออะไร ?

                                                    Thermage FLX BLUE Tip เป็นหัวทิปของเทคโนโลยียกกระชับ Thermage FLX ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างล่าสุด เพื่อตอบโจทย์เทรนด์งานผิวที่กำลังอินเทรนด์เป็นอย่างมากในยุคสมัยนี้ เนื่องจากตอนนี้เป็นยุคที่คนเรามีความเชื่อว่า ก่อนที่จะแก้ปัญหาอื่น ๆ บนใบหน้าต้องแก้ปัญหา “ผิว” หน้าให้ดีก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากผิวที่ดีทำให้บำรุงอะไรเข้าไป ผิวก็จะสามารถรับสิ่งที่บำรุงเข้าไปอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เรื่องของครีมบำรุงผิวเพียงเท่านั้น เมื่อเราแต่งหน้า การที่เรามีผิวที่สุขภาพดี เครื่องสำอางต่าง ๆ ก็จะติดผิวหน้าได้เป็นอย่างดีด้วย

                                                    การทำ Thermage FLX BLUE Tip นับเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวหน้าที่สวย แน่น เฟิร์ม ผิวมีความกระชับมากขึ้น ในผู้ที่ไม่ต้องการทำหัตถการที่ใช้เข็ม ไม่ว่าจะเป็น การฉีดเพื่อฟื้นฟูผิวหน้า หรือสะกิดผิวหน้าในชั้นผิวหนังชั้นนอก หรือชั้นหนังกำพร้า ให้มีความสวยใสหรือช่วยฟื้นฟูผิว

                                                    Thermage FLX BLUE Tip ทำงานอย่างไร ?

                                                    Thermage FLX BLUE Tip ทำงานโดยการใช้พลังงานความร้อนจากคลื่น Monopolar RF ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุที่มีความถี่สูง เหมือนกันกับการรักษา Thermage FLX รุ่นอื่น ๆ จึงเป็นการการันตีว่าในการรักษาทุกครั้งมีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก Thermage FLX ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ US-FDA ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ อย.นั่นเอง

                                                    Thermage BLUE

                                                    Thermage FLX BLUE Tip ต่างจาก Thermage FLX Tip อื่นๆอย่างไร

                                                    ความจริงแล้ว หัว Tip ของ Thermage FLX มีหลากหลาย เหมาะกับหลากหลายปัญหาของผู้เข้ารับบริการ โดยหลัก ๆ แล้ว Tip แต่ละหัวนั้นจะทำงานโดยให้ผลลัพธ์ด้านการยกกระชับใบหน้า และผิวหน้า แต่ Thermage FLX BLUE Tip จะเป็นหัว Tip ที่ทำงานโดยการให้ผลลัพธ์บนชั้นผิว โดยสามารถจำแนกการทำงานของหัว Tip แต่ละหัวได้ ดังนี้

                                                    1. Thermage FLX BLUE Tip  3.0 หัว Tip สีฟ้า เป็นหัว Tip ใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อใช้บริเวณใบหน้าโดยเฉพาะ โดยหลักการทำงาน คือ การส่งพลังงานจาก Thermage FLX BLUE Tip ลงไปสู่ชั้นผิวหนังอย่างแม่นยำ เพื่อเติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า เพิ่มความเรียบเนียนของผิวหน้า โดยการกระตุ้นคอลลาเจนที่ใต้ชั้นผิว และจัดเรียงคอลลาเจนที่ใต้ชั้นผิวให้เกิดการเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบ ส่งผลให้ผิวหน้ามีความแน่น กระชับ และเฟิร์มมากยิ่งขึ้น รูขุมขนกระชับมากขึ้น รวมทั้งมีคุณภาพผิวภาพรวมที่ดีมากยิ่งขึ้น
                                                    2. Thermage New Total Tip 4.0 หัว Tip สีม่วง เป็นหัว Tip ที่เหมาะสำหรับใช้กับบริเวณใบหน้า โดยสามารถใช้ได้ทั่วใบหน้า รวมถึง ใต้คาง และลำคอ มีคุณสมบัติในการยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยให้กระชับมากยิ่งขึ้น หัว Tip สามารถกระจายพลังงานได้เป็นอย่างดี มีความแม่นยำสูง คลื่นพลังงานในหัว Tip นี้ สามารถลงลึกได้ไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิว
                                                    3. Thermage Eye Tip 0.25 หัว Tip สีเขียว เป็นหัว Tip ที่เหมาะสำหรับใช้กับบริเวณที่บอบบาง เช่น บริเวณรอบดวงตา และเปลือกตา เนื่องจากเป็นหัว Tip ที่ ใช้พลังงานไม่ลึก จึงเหมาะสำหรับการยิงเพียงบริเวณผิวที่ตื้น เพื่อจัดการริ้วรอยเล็ก ๆ  รวมทั้งปัญหาบริเวณดวงตา เช่น หนังตาตก หางตาตก คิ้วทั้งสองข้างไม่เท่ากัน  เป็นต้น
                                                    4. Thermage Body Tip 16.0 หัว Tip สีส้ม เป็นหัว Tip ที่มีความเหมาะสมที่จะใช้กับบริเวณร่างกาย โดยหัว Tip สีส้มนั้น สามารถทำได้ทั่วร่างกาย ทั้งบริเวณลำตัว แขน ขา รวมทั้งบริเวณหน้าท้อง  ความสามารถของหัว Tip ชนิดสีส้ม คือ การยกกระชับผิวกายที่หย่อนคล้อย เก็บและกำจัดไขมันที่เป็นส่วนเกินได้เป็นอย่างดี

                                                    Thermage FLX BLUE Tip ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง ?

                                                    1. Thermage FLX BLUE Tip ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ใต้ชั้นผิวให้ผลิตมากขึ้น
                                                    2. Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการจัดเรียงคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น
                                                    3. Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการฟื้นฟูริ้วรอยบนใบหน้าที่ตื้น ๆ
                                                    4. Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า
                                                    5. Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการยกกระชับผิวหน้าให้เฟิร์ม แน่น อิ่ม ฟู มากยิ่งขึ้น
                                                    6. Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการกระชับรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการอุดตันสิ่งสกปรก
                                                    7. Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการทำให้ผิวหน้ามีคุณภาพที่ดีมากขึ้น ทำให้ผิวละเอียดขึ้น

                                                    Thermage FLX BLUE Tip

                                                    ใครเหมาะกับการทำ Thermage FLX BLUE Tip 

                                                    • ผู้ที่มีผิวหน้าหลวม ไม่กระชับ
                                                    • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง
                                                    • ผู้ที่ผิวหน้าไม่ดี และต้องการบำรุง
                                                    • ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
                                                    • ผู้ที่มีร่องลึกที่ต้องการเติมเต็ม
                                                    • ผู้ที่มีความต้องการฟื้นฟูผิวแต่กลัวเข็ม
                                                    • ผู้ที่ไม่ชอบการฉีดสารต่าง ๆ บนใบหน้า
                                                    • ผู้ที่กลัวเจ็บ
                                                    • ผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้น
                                                    • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิว
                                                    • ผู้ที่ต้องการมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์

                                                    ใครไม่เหมาะกับการทำ Thermage FLX BLUE Tip 

                                                    • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
                                                    • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
                                                    • ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องติดอุปกรณ์ในร่างกาย คลื่นที่ใช้ในการรักษาอาจส่งผลทำให้เกิดอันตรายได้
                                                    • ผู้ที่ฝังโลหะไว้ในบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย คลื่นที่ใช้ในการรักษา อาจส่งผลทำให้เกิดอันตรายได้
                                                    • ผู้ที่ใบหน้ามีแผลอักเสบ มีแผลติดเชื้อ
                                                    • ผู้ที่มีสิวอักเสบอย่างรุนแรง
                                                    • ผู้ที่พึ่งผ่านการทำหัตถการอื่นมา โดยสามารถให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมก่อนทำการรักษาได้

                                                    ข้อดีของ Thermage FLX BLUE Tip คืออะไรบ้าง

                                                    Thermage FLX BLUE Tip สามารถเก็บทุกรายละเอียดของงานผิวได้เป็นอย่างดี

                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ผิวให้ผิวหน้าหลังทำมีความละเอียด เนียนเรียบมากยิ่งขึ้น
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการฟื้นฟูริ้วรอยตื้น ๆ ได้เป็นอย่างดี
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าได้ โดยไม่ต้องใช้สารเติมเต็ม
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ช่วยปรับให้ผิวหน้ามีความกระชับยกผิวให้เฟิร์มแน่นมากยิ่งขึ้น
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการกระชับรูขุมขน
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้เป็นการเติมเต็มด้วยธรรมชาติจากคอลลาเจนของเราเอง
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ช่วยในการจัดเรียงคอลลาเจนใต้ผิวใหม่ ทำให้คอลลาเจนเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่ทรมานผิว สบายผิวเป็นอย่างมากในขณะเข้ารับบริการ
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ไม่ต้องใช้ยาชา
                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ไม่ต้องพักฟื้น ใช้หน้าได้ทันทีหลังทำ

                                                     การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการทำ Thermage FLX BLUE Tip

                                                    • เข้าปรึกษาปัญหาผิวหน้ากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการประเมินสภาพผิว และประเมินการรักษา ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
                                                    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเตรียมความพร้อมของผิวในการรักษา
                                                    • งดสูบบุหรี่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับบริการ Thermage FLX BLUE Tip เพราะจะทำให้คอลลาเจนและอีลาสติน ที่อยู่ใต้ผิวเกิดการเสื่อมสภาพได้

                                                    ขั้นตอนการทำการรักษาด้วย Thermage FLX BLUE Tip

                                                    • ปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการอีกครั้ง รวมทั้งประเมินจำนวนช็อตในการยิง เพื่อความแม่นยำที่สุดในการรักษา
                                                    • ผู้ช่วยแพทย์เก็บผม เพื่อความสะอาดปราศจากเชื้อโรคในการเข้ารับบริการ
                                                    • ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมใบหน้าให้พร้อมในขั้นตอนการรักษา
                                                    • แพทย์ทำ Thermage FLX BLUE Tip ในระยะเวลา 40-90 นาที ตามแต่ปัญหาของแต่ละบุคคล
                                                    • เช็ดทำความสะอาดใบหน้าหลังทำ เป็นอันเสร็จ

                                                    Thermage FLX BLUE Tip

                                                    ขั้นตอนการใช้เครื่อง Thermage FLX  BLUE Tip

                                                    1. วางหัว Thermage FLX  BLUE Tip ให้สัมผัสแนบสนิทกับผิว
                                                    2. เมื่อเปิดใช้งาน หัว Thermage FLX  BLUE Tip จะเริ่มมีความสั่น (Vibration ) และจะทำงานพร้อมกับระบบ Cryogen ที่มากับทุกหัว Tip ทำให้เกิดความเย็นในระหว่างทำการรักษา โดยความเย็นดังกล่าวจะช่วยในการปกป้องผิวชั้นบน (ชั้นหนังกำพร้า) ไม่ให้เกิดความร้อนมากจนเกินไป
                                                    3. Thermage FLX  BLUE Tip จะเริ่มปล่อยพลังงาน RF ลงผิวหนังจนเกิดความร้อนลงสู่ใต้ชั้นผิวในระดับลึก และในขณะเดียวกันหัว Thermage FLX  BLUE Tip จะยังคงมีการสั่นอย่างต่อเนื่อง
                                                    4. ผิวหนังชั้นบน หรือชั้นหนังกำพร้าจะได้รับความเย็นจาก Cryogen เป็นจำนวน 3 ครั้ง ในขณะที่ความร้อน และหัว Thermage FLX  BLUE Tip ก็จะยังคงความสั่นอย่างต่อเนื่อง
                                                    5. เมื่อความเย็นจาก Cryogen ทำงานครบ จำนวน 3 ครั้ง แล้วนั้นในครั้งสุดท้ายความร้อน และการสั่นของหัว Thermage FLX  BLUE Tip  จะหยุดทำงาน แต่ความเย็นของ Cryogen ยังคงอยู่ที่ผิว เพื่อเป็นการปกป้องผิว ทำให้ผิวชั้นหนังกำพร้ามีความเย็นคงอยู่ เพื่อเป็นการปลอบประโลมผิว

                                                    ข้อปฏิบัติหลังทำ Thermage FLX BLUE Tip

                                                    Thermage FLX BLUE Tip เป็นโปรแกรมฟื้นฟูผิวที่ไม่ทำอันตรายต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ส่งผลอันตรายต่อผิว แต่อาจส่งผลให้ผู้เข้ารับบริการบางคนเกิดความแดงในบริเวณที่ทำการรักษาได้ โดยเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ส่งผลอันตราย และสามารถหายได้เอง แต่หากต้องการผลลัพธ์หลังการรักษาที่ดีที่สุดควรปฏิบัติตัว ตามนี้

                                                    • ผู้เข้ารับบริการ Thermage FLX BLUE Tip ควรงดการทำทรีตเมนต์ ขัดผิว ทำเลเซอร์ หรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการรบกวนผิว เป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
                                                    • ผู้เข้ารับบริการ  Thermage FLX BLUE Tip ควรหลีกเลี่ยง แสงแดด ความร้อน  เนื่องจากใบหน้าในระหว่างเข้ารับบริการมีการโดนคลื่นความร้อน
                                                    • ผู้เข้ารับบริการ Thermage FLX BLUE Tip ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุง
                                                    • ผู้เข้ารับบริการ Thermage FLX BLUE Tip ควรดื่มน้ำให้มาก หลังเข้ารับบริการ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น

                                                    Thermage FLX BLUE Tip

                                                    Thermage FLX BLUE Tip เห็นผลหลังทำกี่เปอร์เซ็นต์

                                                    • ผู้เข้ารับบริการสามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำ Thermage FLX BLUE Tip ได้ทันทีประมาณ 20-30% และจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ ใน 2-3 เดือน หลังจากการเข้ารับบริการ

                                                    Thermage FLX BLUE Tip สามารถคงผลลัพธ์หลังการรักษาได้นานเท่าไร

                                                    • Thermage FLX BLUE Tip จะสามารถคงผลลัพธ์หลังทำการรักษานาน 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ การดูแล และการใช้ชีวิตประจำวัน

                                                    Thermage FLX BLUE Tip ใช้เวลาทำต่อครั้งนานหรือไม่

                                                    • Thermage FLX BLUE Tip ใช้เวลาในการทำแต่ละครั้งไม่นาน หากทำการนัดแพทย์ และจองคิวคลินิกก่อนเข้ารับบริการ โดยจะใช้เวลาเพียงประมาณ 40-90 นาที ในการเข้ารับการบริการในแต่ละครั้งเท่านั้น

                                                    Thermage FLX BLUE Tip

                                                    Thermage FLX BLUE Tip ต้องทายาชาหรือไม่

                                                    • ไม่ต้อง เนื่องจาก Thermage FLX BLUE Tip เป็นหัว Tip ที่ออกแบบมาเพื่อความสบายผิว เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง และผู้ที่กลัวอันตรายต่อผิว สามารถลงมือทำได้เลย หลังจากทำความสะอาดใบหน้าเสร็จโดยไม่ต้องทายาชา

                                                    Thermage FLX BLUE Tip ต้องทำบ่อยแค่ไหน

                                                    • การรักษาในแต่ละครั้ง สามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 1-2 ปีก็จริง แต่การคงสภาพของผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล หากแต่ใครต้องการผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องในการรักษา สามารถทำครั้งถัดไปได้ตามความต้องการ โดยควรเว้นระยะในการทำแต่ละครั้งขั้นต่ำเป็นระยะเวลา 3 เดือน

                                                    Thermage FLX BLUE Tip

                                                    ทำ Thermage FLX BLUE Tip  แล้ว สามารถทำ Thermage FLX หัว Tip อื่นๆเพื่อแก้ปัญหาอื่นร่วมด้วยได้หรือไม่

                                                    • ได้ และสามารถทำในการรักษาครั้งเดียวกันได้โดยไม่ต้องรอ เนื่องจากแต่ละหัว Tip ใช้เครื่องที่ปล่อยพลังงานเครื่องเดียวกัน คลื่นเดียวกัน เปลี่ยนเพียงแค่หัว Tip เท่านั้น จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายในขณะ และภายหลังการทำ

                                                    Thermage FLX BLUE Tip  ต้องทำกี่ช็อตจึงจะเห็นผล

                                                    • การประเมินจำนวนช็อตด้วยตัวเอง อาจไม่แม่นยำเท่าแพทย์ผู้มีประสบการณ์ประเมิน ดังนั้นเพื่อความแม่นยำ ควรให้แพทย์ประเมินจำนวนช็อตตามปัญหาของแต่ละคนที่เป็น เพื่อการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด

                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                      ร้อยไหม (Thread lift) คืออะไร มีกี่ประเภท อันตรายไหม

                                                      ร้อยไหม

                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                        ร้อยไหมยกกระชับ ปรับหน้าเรียว โดยไม่ต้องผ่าตัด

                                                        การร้อยไหม เป็นหัตถการที่เราได้ยินกันมานับสิบปี และเป็นหัตถการที่มีวิวัฒนาการมาแบบยาวนาน ที่หลาย ๆ คนได้ยินกันมาว่ามีตั้งแต่ ร้อยไหมแบบปลอดภัย และไม่ปลอดภัย รวมทั้งยังเป็นหัตถการที่มีความเชื่อต่าง ๆ ในการรักษามาอย่างมากมาย ทั้งเรื่องร้อยไหมแล้วไม่สามารถเข้าเรื่อง X-ray ได้ ร้อยไหมแล้วไม่ละลาย รวมไปจนถึงร้อยไหมเหมาะกับคนอายุมาก มากกว่าคนอายุน้อย ในบทความนี้จะมาไขข้อข้องใจทุกอย่างเกี่ยวกับการร้อยไหมกันอย่างหมดเปลือก

                                                        การร้อยไหมมีทั้งไหมแบบละลายและไม่ละลาย

                                                        ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภท คือ ไหมแบบที่ร้อยไม่ถาวร และถาวร

                                                        โดยไหมแบบไม่ถาวร คือ ไหมละลาย ผลิตด้วยวัสดุที่หลากหลาย ที่ให้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างกันออกไป สามารถแบ่งได้ ดังนี้

                                                        • ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PDO 

                                                        เป็นชื่อที่ ย่อมาจาก Polydioxanone เป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตไหมที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากไหม PDO จะเป็นไหมที่มีความยืดหยุ่น และมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงหากได้รับการร้อยเข้าไปสู่ใต้ชั้นผิว เนื่องจากไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ทั้งยังเป็นไหมที่ศัลยแพทย์ผ่าตัดเลือกใช้ในการผ่าตัดเย็บเส้นเลือดที่บริเวณหัวใจ

                                                        ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PDO จะสามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้ 4 ถึง 6 เดือน

                                                        • ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PLLA 

                                                        เป็นชื่อที่ ย่อมาจาก Polylactic acid เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ได้รับความนิยม ในการนำมาผลิตเป็นไหมที่ใช้ในการร้อยไหม เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความหนา แข็งแรง มีความคงทน สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นาน แต่ยังเป็นวัสดุที่มีปัญหาเล็กน้อย ในด้านของการยืดหยุ่นที่มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าไหมวัสดุ PDO

                                                        ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PLLA จะสามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้  1 ปี

                                                        • หมที่ผลิตจากวัสดุ PCL 

                                                        เป็นชื่อที่ ย่อมาจาก Polycaprolactone เป็นวัสดุที่ใช้ในการร้อยไหมที่มีความยืดหยุ่นสูง ลดการขาดของไหมได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไหมสามารถยืดหยุ่นตัวได้ตามการขยับของใบหน้า รวมทั้งการแสดงสีหน้าต่าง ๆ และยังสามารถคงสภาพใต้ผิวได้นาน

                                                        หากร้อยไหมที่อยู่ในกลุ่มไหมละลาย ไหมในกลุ่มนี้จะสามารถสลายตัวได้เอง โดยไม่ตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิว และเมื่อสลายหมดแล้วสามารถมาทำการร้อยไหมใหม่ได้ตามความต้องการหรือตามคำแนะนำของแพทย์

                                                        ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PCL จะสามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้ 1-2  ปี

                                                        ไหมไม่ละลาย 

                                                        เป็นไหมประเภทที่ไม่ได้รับการรับรอง ในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ของประเทศไทย เป็นไหมที่ได้รับความนิยมเมื่อหลายสิบปีก่อนเนื่องจากในยุคนั้นยังไม่มีไหมละลาย ผลิตจากวัสดุที่เป็นไหมทองคำ 99.9% มักจะนำมาใช้เพื่อยกกระชับและดึงใบหน้า แต่เมื่อใช้แล้วส่งผลกระทบมากกว่าข้อดี เนื่องจากเป็นโลหะจึงนับว่าเป็นแปลกปลอมที่ส่งผลอันตรายกับใบหน้า โดยการดูดซับความร้อน จึงส่งผลให้ในบางคนเมื่อร้อยไหมชนิดนี้ไปแล้วเกิดใบหน้าผิดรูป เกิดผังผืดที่ไม่ดีใต้ชั้นผิว รวมทั้งทำให้มีปัญหาเวลา X-ray หรือเข้าเครื่องสแกนโลหะ จึงทำให้ความนิยมเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ และเลิกผลิตไปในที่สุด

                                                        ดังนั้นเมื่อพูดถึงไหมในบทความหลังจากนี้ จะกล่าวถึงไหมละลายทั้งหมด เพราะทุกการทำหัตถการ ความปลอดภัยในการรักษา จะเป็นที่ตั้งเสมอสำหรับรมย์รวินท์คลินิก

                                                        สำหรับการเลือกใช้ไหมในการร้อยไหมในแต่ละเคสนั้น แพทย์จะเลือกใช้ไหม ที่มีความเหมาะสมกับปัญหาของคนไข้แต่ละท่าน รวมทั้งบริเวณที่ต้องการทำการร้อยไหมด้วย

                                                        การทำงานของไหมเมื่อทำการร้อยไหมที่ใบหน้า

                                                        เริ่มต้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มในการนำพาเส้นไหมเข้าบริเวณใต้ผิว เพื่อให้ผลในด้านการยกกระชับ และตึงผิว ตามเทคนิคและบริเวณที่ต้องการทำการรักษา โดยแพทย์แต่ละท่าน และไหมแต่ละชนิด จะมีวิธีการร้อย รวมถึงเทคนิคในการร้อยไหมที่แตกต่างกันไปตามชนิด รวมทั้งลักษณะของไหม หากเคยทำการร้อยไหมมาแล้ว ในครั้งต่อไปแพทย์ได้ทำการร้อยไหมด้วยการใช้เทคนิคที่แตกต่างไปจากเดิมจึงไม่ต้องกังวล อาจมีการเปลี่ยนชนิด หรือวัสดุของไหมจึงทำให้รูปแบบการรักษาของแพทย์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมได้

                                                        การร้อยไหมทุกชนิดวัสดุจะมีหลักการในการรักษาที่เหมือนกัน จากการทำงานของไหมและเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ชั้นผิว โดยเมื่อร้อยไหมเข้าไปผู้ใต้ชั้นผิวแล้ว ไหมจะทำงานด้วยการเข้าไปกระตุ้นใต้ชั้นผิวให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดให้เลือดมาเลี้ยงผิวหนังบริเวณที่ทำการร้อยไหมได้เพิ่มมากขึ้น จากนั้นจะทำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาส เป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ให้เกิดการสร้างตัวขึ้นมาใหม่โดยการพันรอบแนวเส้นไหม ส่งผลในการรักษา คือการยกกระชับ และดึงใบหน้าให้มีความเต่งตึง ให้ผิวที่แน่นมากขึ้น และยังทำให้ผิวบริเวณที่ทำการร้อยไหมมีความอิ่มฟูและดูดีดูใสมากยิ่งขึ้น

                                                        thread lift

                                                        ข้อดีของการร้อยไหมละลาย

                                                        • สามารถสร้างคอลลาเจนที่เกิดจากการสร้างโดยร่างกายของตัวเองในใต้ชั้นผิว
                                                        • การร้อยไหมทำให้ผิวมีความกระชับขึ้น
                                                        • ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า
                                                        • สามารถแก้ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากันได้
                                                        • ผิวมีความอิ่มฟูขึ้นจากการร้อยไหม
                                                        • การร้อยไหมสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
                                                        • ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำการร้อยไหม
                                                        • ไม่มีแผลเป็น
                                                        • ไม่มีสารตกค้าง ไม่ต้องฉีดตัวยา
                                                        • การร้อยไหมทำให้เลือดเกิดการไหลเวียนดีขึ้น

                                                        ร้อยไหม (thread lift)

                                                        ร้อยไหมละลายสามารถแก้ปัญหาใดได้บ้าง

                                                        • เพิ่มความชัดของกรอบหน้า
                                                        • กระชับเหนียงและไขมันใต้คาง
                                                        • เก็บแก้ม
                                                        • เก็บกระเปราะแก้ม
                                                        • ยกหางคิ้ว
                                                        • ยกหางตา
                                                        • ปรับใบหน้าให้มีความเรียวสวยมากยิ่งขึ้น
                                                        • แก้ปัญหาร่องแก้ม
                                                        • ยกมุมปาก
                                                        • แก้ปัญหาร่องน้ำหมาก

                                                        ลักษณะ รูปร่างของเส้นไหมที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน

                                                        รูปร่างและลักษณะของเส้นไหมที่ใช้กันในปัจจุบันมีลักษณะที่หลากหลายมาก เกิดขึ้นจากการพัฒนา และปรับเพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาของผู้เข้ารับบริการแต่ละคนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด โดยลักษณะไหมแต่ละชนิดสามารถแจกแจงได้ ดังนี้

                                                        ร้อยไหม (thread lift)

                                                        1.Mono thread เส้นไหมที่มีลักษณะเรียบ

                                                        • ไหมชนิดนี้จะมีลักษณะไหมที่มีเส้นตรง เรียบ ตั้งแต่ต้นจรดปลาย ไม่มีการปาด บาก หรือสลักเส้นไหม จะมีเส้นไม่ยาว โดยแพทย์จะใช้ไหมชนิดนี้ในการร้อยเพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิวให้ดีมากยิ่งขึ้น ให้มีความตึง กระชับ และสร้างคอลลาเจนให้เกิดขึ้นใต้ชั้นผิวมากยิ่งขึ้น ไหมชนิดนี้มักเป็นไหมที่แพทย์ไม่ได้ใช้ร้อยเพื่อยกกระชับ แต่ร้อยไหมชนิดนี้เพื่อคุณภาพผิวที่ดีขึ้น และกระชับมากขึ้นเท่านั้น  ซึ่งอาการที่จะเกิดขึ้นหลังทำการร้อยไหมชนิด Mono thread จะทำให้ใบหน้ามีความบวมขึ้นเล็กน้อย จึงทำให้หลังทำผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกใบหน้ามีความเต่ง อิ่ม และตึงมากยิ่งขึ้นหลังทำทันทีนั่นเอง

                                                        2. Screw thread เส้นไหมที่มีลักษณะเกลียว

                                                        • ไหมชนิดนี้จะมีลักษณะเส้นเรียบตรงเหมือนกัน Mono thread หรือไหมชนิดเรียบ แต่ไหมจะมีความม้วน ขดเป็นรูปทรงเกลียวคล้ายคลึงกับลักษณะสปริง ไหมชนิดนี้จะมีทั้ง ไหมประกอบ 1 เส้น และไหม 2 เส้น ประกอบอยู่ด้วยกัน ตามแต่รุ่นของไหมที่ถูกพัฒนาออกมา ซึ่งไหมชนิดนี้จะเป็นไหมที่มีความแข็งแรง มากขึ้นกว่าไหม Mono thread หรือไหมชนิดเรียบ มักจะใช้ในบริเวณผิวที่มีความยุบ เป็นแอ่ง เป็นบ่อ หรือ หลวมเนื่องจากคอลลาเจนใต้ผิวหายไป แพทย์จะใช้ไหม Screw thread ในการเพิ่มมวลความหนาแน่น และความกระชับให้กับผิว

                                                        3.Barb thread (bidirectional barbed thread) เส้นที่มีไหมลักษณะเงี่ยง 

                                                        • ไหมชนิดนี้คนมักจะรู้จักกันในชื่อไหมก้างปลา ไหมเงี่ยงกุหลาบ หรือไหมเทอนาโด เนื่องจากคลินิกต่าง ๆ นิยมนำไหมชนิดนี้มาตั้งชื่อทางการตลาดขึ้นมาใหม่ ตามลักษณะการรักษาและยกกระชับของไหม Barb Thread เป็นไหมยกกระชับที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก  เนื่องจากสามารถยกกระชับได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นไหมที่มีเงี่ยงที่มีลักษณะเหมือนหนาม แหลมออกมาจากเส้นไหม เพราะเกี่ยวรั้งผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น จึงมีความเหมาะสมที่จะใช้ในการยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย เงี่ยงของไหม Barb thread จะสามารถยื่น 1 หรือ 2 ทิศทางก็ได้

                                                        Barb thread เส้นที่มีไหมลักษณะเงี่ยง สามารถจำแนกประเภทของเงี่ยงได้ ดังนี้

                                                        Barb thread ที่มีลักษณะไหมเงี่ยงแบบบาก

                                                        ไหมเงี่ยงแบบบาก ในขั้นตอนการผลิตเส้นไหมจะมีการใช้กรรมวิธีบากไหมทั้งการใช้เลเซอร์ตัดห รือบากรวม ทั้งยังมีวิธีการอื่น ๆ ที่จะทำให้ไหมมีลักษณะเป็นซี่เหมือนกับเสี้ยนที่อยู่บนเปลือกไม้นั่นเอง

                                                        ลักษณะของเงี่ยงไหมสามารถจำแนกได้ดังนี้

                                                        • เงี่ยงไหมแบบ Uni-direction เป็นไหมที่มีลักษณะการบากไหมให้มีเงี่ยงเรียงตัวกันเป็นแนวยาวในทิศทางที่เรียงตรงกัน 1 แนว ด้านเดียว
                                                        • เงี่ยงไหมแบบ  Bi-direction เป็นไหมที่มีลักษณะการบากไหมให้มีเงี่ยงเป็น 1 ด้านของไหม แต่มีเงี่ยงในลักษณะแบบสวนทาง แต่อยู่ในแนวเดียวกัน
                                                        • เงี่ยงไหมแบบ  3D Cog เป็นไหมที่มีลักษณะ การบากของเงี่ยง ที่มีการเรียงตัวเป็นแบบสามมิติวนไปทั่วทั้งความยาวของไหม ครบทั้ง 360 องศา

                                                        Barb thread ที่มีลักษณะไหมเงี่ยงแบบหล่อ

                                                        ไหมเงี่ยงชนิดนี้เป็นเงี่ยงที่ใช้กระบวนการหล่อขึ้นมาในขั้นตอนการผลิตเส้นไหมเลย โดยผลิตการออกแบบแม่พิมพ์ให้มีลักษณะเป็นเงี่ยง เหมือนกับก้านของดอกกุหลาบที่มีหนามออกมาจากก้านโดยไม่ต้องบากเส้นไหมนั่นเอง ซึ่งการผลิตไหมในลักษณะหล่อให้มีเงี่ยงแบบนี้ จะทำให้ได้ไหมที่มีความแข็งแรงสูง ส่งผลในการรักษา คือ สามารถเกาะกับผิวได้แน่นมากขึ้น

                                                        เงี่ยงของไหมหล่อ จะสามารถแบ่งออกเป็นชนิดได้อีก 3 ชนิด ดังนี้

                                                        • Carving cog เป็นลักษณะไหมเงี่ยง ที่มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ทั้งสองด้านของไหมเรียงตัวยาวตลอดเส้น
                                                        • Molding cog เป็นลักษณะไหมเงี่ยงที่การหล่อให้ไหมมีรอยแบบ ซี่ของใบเลื่อย หรือซี่ของฟันฉลาม หรือเรียกอีกอย่างว่าไหมสลัก
                                                        • 3D Molding cog เป็นลักษณะเงี่ยงของไหมที่ถูกหล่อให้เป็นหนามทรงสามเหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่หว่าเงี่ยงชนิดอื่น ๆ โดยเงี่ยงชนิดนี้จะพันเป็นเกลียวอยู่รอบไหม

                                                        ความต่างของไหมเงี่ยงแบบบาก และไหมเงี่ยงแบบหล่อ 

                                                        ไหมทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ในด้านความคงทนของไหม และความคงทนของเงี่ยงไหม

                                                        • ไหมเงี่ยงแบบบาก เป็นการสร้างเงี่ยงจากเส้นไหม ทำให้พื้นที่บริเวณเส้นไหมลดน้อยลง จึงทำให้ความแข็งแรงของเส้นไหม และความแข็งแรงของเงี่ยงน้อยลง
                                                        • ไหมเงี่ยงแบบหล่อ มีการสร้างเงี่ยงไหมขึ้นมาใหม่ จึงทำให้เส้นไหมและเงี่ยงมีความสมบูรณ์ จึงทำให้มีความคงทน แข็งแรงที่มากกว่าไหมเงี่ยงแบบบาก

                                                        4.เส้นที่มีไหมลักษณะเงี่ยงแบบกรวย

                                                        ไหมเงี่ยงชนิดนี้ มีลักษณะของเงี่ยงเป็นทรงกรวยล้อมอยู่รอบเส้นไหม โดยทรงกรวยดังกล่าวจะทำหน้าที่เกาะกับผิวหนัง ในบริเวณที่ทำการร้อยไหมได้เป็นอย่างดี ไม่อันตรายต่อผิว ไม่คม ไม่ขูด ไม่บาดผิว และป้องกันความเสียหายต่อผิวหนังได้มากกว่าไหมเงี่ยงชนิดอื่น ๆ

                                                        ข้อจำกัดของการร้อยไหมชนิดนี้ คือ ต้องทำการร้อยโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ และเชี่ยวชาญสูงมาก ๆ เนื่องจากเป็นไหมที่จะต้องอาศัยฝีมือในการร้อยไหม

                                                        5.เส้นที่มีไหมลักษณะเป็นโครงตาข่าย

                                                        • ไหมชนิดนี้ไม่เมีเงี่ยง ลักษณะภายนอก คือ การใช้ไหมที่มีความเรียบมาถักจนเกิดเป็นทรงตาข่าย หรือมีไหมบางรุ่นที่ใช้ไหมโครงตาข่ายเป็นด้านนอก และใช้ไหมเงี่ยงหล่อ รอบเส้น อยู่ด้านในของไหมโครงตาข่ายอีกหนึ่งที เป็นไหมชนิดที่สามารถยืดหยุ่นได้มากกว่า สร้างคอลลาเจนได้มากกว่า ทำใหผิวหน้ามีความฟูได้มากกว่า ทำให้ผิวมีความแน่นได้มากกว่าไหมชนิดอื่น ๆ

                                                        ร้อยไหม (thread lift)

                                                        การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการร้อยไหม

                                                        • ผู้เข้ารับบริการร้อยไหม ควรงดรับประทานยาจำพวกต้านการแข็งตัวของเลือด ทั้งวิตามินอาหารเสริม เพื่อให้ลดการเลือดออกมากจากการร้อยไหม
                                                        • ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนทำการร้อยไหม
                                                        • ควรสระผมให้เรียบร้อยก่อนทำการร้อยไหม
                                                        • หากมีปัญหาผิวหน้า เช่น เป็นสิวอักเสบ ควรงดการเข้ารับบริการร้อยไหม และรอให้อาการดังกล่าวหายดีก่อน

                                                        ขั้นตอนการทำการร้อยไหม

                                                        • ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมิน และวางแผนในบริเวณผนการร้อยไหม ให้ตรงกับปัญหาของผู้เข้ารับบริการ
                                                        • ทายาชา หรือฉีดยาชา
                                                        • ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมเข้ารับบริการ
                                                        • คุณหมอทำการวาดใบหน้า เพื่อเตรียมเข้ารับบริการ
                                                        • ทำการร้อยไหมด้วยความชำนาญ
                                                        • แปะพลาสเตอร์เพื่อทำการห้ามเลือด

                                                        ร้อยไหม (thread lift)

                                                        การดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการร้อยไหม

                                                        • ควรประคบเย็นในบริเวณที่ทำการร้อยไหม เพื่อลดความบวม และบรรเทาอาการระบมเป็นระยะเวลา 3 วัน
                                                        • งดออกกำลังกายเป็นระยะเวลา 3 วัน เพื่อป้องกันการระบมของใบหน้าหลังการร้อยไหม
                                                        • งดการดื่มแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์หลังการร้อยไหม เพื่อลดอาการบวมของบริเวณที่ร้อยไหม
                                                        • งดการรับประทานอาหารหมักดอง ของแสลง และอาหารรสจัด เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์หลังการร้อยไหม เพื่อลดอาการบวมของบริเวณที่ร้อยไหม
                                                        • งดให้บริเวณที่ร้อยไหมโดนน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดอาการติดเชื้อ
                                                        • งดทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ ซาวน่า หลังการร้อยไหม

                                                        ข้อควรระวังของการร้อยไหม หากไม่ได้ทำการร้อยไหมโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

                                                        • อาจเกิดการเป็นปุ่ม ปม หรือเป็นรอยบุ๋ม บริเวณผิวหน้าที่ทำการร้อยไหมได้
                                                        • อาจเกิดการไหมขาดหลังทำการร้อยไหมได้
                                                        • หลังทำอาจเกิดความบวม เขียว ช้ำได้
                                                        • อาจเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อในบริเวณที่ทำได้ หากร้อยไหมตึง หรือหย่อนเกินไป
                                                        • ไหมอาจเกิดการเคลื่อนจนเห็นผิวหนังหย่อน หรือคล้อยตกลงมา

                                                        ข้อเสียของการร้อยไหม

                                                        • การร้อยไหมไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอย และร่องลึกได้
                                                        • การร้อยไหมไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
                                                        • ในช่วงแรกของการร้อยไหมอาจจับเจอเส้นไหมได้

                                                        โรคอะไรบ้างที่ไม่ควรระวังในการทำการร้อยไหม

                                                        • โรคแพ้ภูมิตัวเอง
                                                        • โรคเบาหวาน
                                                        • โรคความดันโลหิตสูง
                                                        • โรคหัวใจ
                                                        • โรคไทรอยด์เป็นพิษ

                                                        ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา เพื่อปรึกษาหาข้อตกลงร่วมในการรักษา เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                        ข้อดี ข้อเสีย ของเข็มที่ใช้ในการร้อยไหมประเภทต่างๆ

                                                        1. เข็มร้อยไหมประเภทแหลม 

                                                        เข็มร้อยไหมประเภทแหลมมีข้อดี คือ ลดการเกิดความบวมทั้งเลือดและน้ำ เนื่องจากลักษณะของเข็มจะทำการตัดเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ชั้นผิว จึงทำให้เกิดความเจ็บในขณะที่ทำน้อยกว่า ทำให้เกิดการบวมน้อยกว่า และสมานแผลใต้ชั้นผิวได้เร็วกว่า หากทำโดยแพทย์ที่ชำนาญ

                                                        2. เข็มร้อยไหมประเภททู่ 

                                                        เข็มร้อยไหมประเภททู่ อาจทำให้เกิดการบวมน้ำและเลือดได้ เนื่องจากลักษณะของเข็มจะทำงานโดยการทำให้ผิวเกิดการฉีกออก ทำให้ระหว่างทำมีความเจ็บมากกว่า แต่จะสามารถหลบเส้นเลือดที่มีขนาดเล็กและใหญ่ได้ดีกว่าเข็มปลายแหลม

                                                        3. เข็มร้อยไหมประเภทตัด

                                                        เข็มร้อยไหมประเภทนี้เป็นเข็ม กึ่งแหลมกึ่งทู่ โดยปลายเข็มจะมีลักษณะคล้ายกับหลอด มีความคมอยู่บ้างแต่ไม่มาก และจะไม่คมเท่ากับเข็มปลายแหลม

                                                        4. เข็มร้อยไหมประเภทเข็ม L

                                                        ลักษณะเข็มร้อยไหมประเภทนี้ เป็นเข็มที่มีความคล้ายกันกับเข็มประเภทตัด การใช้เข็มประเภทนี้จะบวมน้ำน้อยกว่าบวมเลือด และสมานเส้นเลือดได้ดีกว่าการใช้เข็มปลายทู่

                                                        พัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้นหนึ่ง เข็มแต่ละประเภทไม่สามารถระบุได้ว่าชนิดไหนดีที่สุด ขึ้นกับการประเมินเนื้อเยื่อของคนไข้ และความถนัดของหมอแต่ละคน เช่น ถ้าคนไข้เคยเป็นสิว และมีพังผืดเยอะ การใช้เข็มทู่ก็จะบวมช้ำมากกว่าเข็มแหลม

                                                        การพัฒนาของการร้อยไหมในปัจจุบันร้อยไหมทำอะไรได้บ้าง

                                                        ในปัจจุบันมีการร้อยไหมช่องคลอด ขึ้นมาอีกหนึ่งชนิดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการยกกระชับเช่นเดียวกัน แต่เป็นยกกระชับในส่วนช่องคลอดและแก้ปัญหาต่าง ๆ ของช่องคลอด อาทิ

                                                        • ร้อยไหมกระชับช่องคลอด
                                                        • ร้อยไหมปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศ
                                                        • ร้อยไหมแก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
                                                        • ร้อยไหมเพื่อให้น้องสาวมีรูปลักษณ์ที่สวยงามขึ้น

                                                        ไหมน้ำ 

                                                        เป็นนวัตกรรมที่พัฒนามาจากการร้อยไหมปกติ โดยการใช้หลักการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเกิดความกระชับมากขึ้น อิ่มฟู และชุ่มชื้นได้มากขึ้น โดยไหมน้ำนั้นเป็นสิ่งที่ผลิตมาจากวัสดุเดียวกับวัสดุที่นำมาทำไหมที่ใช้ร้อยใบหน้า โดยสามารถแจกแจงยี่ห้อของไหม และวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตได้ ดังนี้

                                                        สาร PCL (Polycarpolactone)

                                                        ที่ช่วยในการสร้างความยืดหยุ่น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้เป็นอย่างดี สามารถคงผลลัพธ์ใต้ผิวได้นาน

                                                        • คือ ไหมน้ำยี่ห้อ Gouri

                                                        สาร PDO (Polydioxanone)

                                                        สารที่ใช้ผลิตไหมที่มีความยืดหยุ่นสูง และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ดี ทั้งยังก่อให้เกิดการแพ้สารดังกล่าวได้ยาก

                                                        • คือไหมน้ำยี่ห้อ Ultracol

                                                        สาร PLLA (Poly-L-Lactic acid)

                                                        สามารถอุ้มน้ำได้ดี ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีความปลอดภัย เนื่องจากสังเคราะห์มาจากพืช ทำให้มีผลข้างเคียงในการรักษาน้อย

                                                        • คือไหมน้ำ ยี่ห้อ  Sculptra  

                                                        สาร PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid)

                                                        เป็นไหมน้ำที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ พัฒนาต่อจาก PLLA เพื่อใช้สำหรับการเป็นไหมน้ำ มีโมเลกุลเป็นทรงกลม ทำให้เวลาที่ฉีดไปไม่ทำอันตรายต่อใต้ผิวหนัง ช่วยในการยกกระชับผิวได้ดี ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้เป็นอย่างดี  ส่งผลให้ผิวหนังระหว่างทำเกิดการอักเสบในบริเวณใต้ชั้นผิวได้ยาก

                                                        • คือไหมน้ำยี่ห้อ AestheFill, Lenisna, และ Juvelook

                                                        การร้อยไหมในปัจจุบัน นอกจากจะมีการพัฒนาเป็นไหมในลักษณะอื่น ๆ หรือมีการร้อยในบริเวณอื่นที่นอกจากใบหน้าแล้ว ยังมีการพัฒนาเงี่ยง รูปทรงแล้วความยาวของไหมให้แตกต่างออกไปในรูปแบบอื่น เพื่อรองรับปัญหาของผู้เข้ารับบริการที่มากขึ้น และตรงจุดขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้การร้อยไหมจำเป็นจะต้องได้รับการทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นภายหลัง และเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                          ทุ่มงบกว่า 10 ล้าน ในการซื้อเครื่อง AviClear รักษาสิว

                                                          Aviclear

                                                          รมย์รวินท์คลินิก ทุ่มงบกว่า 10 ล้าน เผยขยายฐานวัยรุ่น และกลุ่ม VVIP ตั้งเป้ายอดเติบโตพุ่งเกิน 100 ล้านบาท

                                                          รมย์รวินท์คลินิก จัดหนักไตรมาส 4 ทุ่มงบกับกลุ่มเป้าหมายใหม่เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่ม VVIP บุกตลาดสิวโดย นำเข้าเครื่องรักษาสิวจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตอบโจทย์ในการรักษาสิวทุกรูปแบบ โดยเน้นการจัดการที่ต่อมไขมัน อันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวทุกชนิด รักษาสิวได้ในระยะยาว ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว

                                                          มาดามจอย ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน แห่งรมย์รวินท์คลินิก เผยรมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกเสริมความงามชั้นนำที่ดูแลความงามให้กับทั้งคนไทยและต่างชาติมาแล้วเป็นระยะเวลานาน โดยกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าของรมย์รวินท์คลินิก มีหลากหลายช่วงอายุ ที่มาพร้อมกับหลากหลายปัญหาความงาม 

                                                          รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกที่บริหารงานโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านผิวหนัง จึงมีความชำนาญในด้านการดูแลผิว และรักษา ฝ้า สิว เป็นอย่างดีจึงมีการเล็งเห็นว่า ปัญหาสิว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน มีทั้งผู้ที่เป็นสิวในระยะสั้น และผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง ที่รักษาสิวมาทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่หายสักที โดยเครื่องที่รมย์รวินท์คลินิกนำเข้าล่าสุดนั้น สามารถแก้ปัญหาสิวได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งยังเหมาะกับทุกคนที่เป็นสิวด้วย

                                                          AviClear คืออะไร

                                                          Aviclear

                                                          AviClear เทคโนโลยีรักษาสิวที่คลื่นในระดับ 1726 นาโนเมตร ในการรักษาสิวที่ต้นเหตุเป็นการยับยั้งการทำงานของ ต่อมไขมันและรูขุมขน อยู่ใต้ผิวที่ความลึกประมาณ 0.5 – 1.5 มม. สามารถรักษาสิวได้ทุกประเภท ปลอดภัย ไม่ทำร้ายผิว 

                                                          โดยรมย์รวินท์คลินิกได้มีการเก็บผลลัพธ์จากเคสตัวอย่างเป็นระยะเวลา 4 เดือนเพื่อพิสูจน์ว่า ผลลัพธ์ในการรักษา AviClear ที่ดี ก่อนที่จะมีการให้บริการจริง

                                                          Aviclear

                                                          กรณีศึกษาเคสตัวอย่างผู้เข้ารับบริการทุกท่านได้รับความพึงพอใจกับการเข้ารับบริการ AviClear ในทุกๆครั้งตั้งแต่ครั้งแรกจนกระทั่งจบครอสการรักษาครบครอส 3 ครั้ง ปรากฏผลลัพธ์ ว่าสิวที่เป็นอยู่ทุกชนิดค่อยๆดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และรู้สึกว่าการรักษาเป็นการรักษาที่ได้รับความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้

                                                          นอกจากนี้ผลลัพธ์ทางอ้อมเมื่อเข้ารับการรักษาด้วย AviClear ที่น่าจะเป็นที่ถูกใจสำหรับสายบิวตี้ คือการลดความมันบนใบหน้า รูขุมขนเล็กและ กระชับมากขึ้น ทั้งยังช่วยในการลดรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ปกติแล้วต้องใช้ผลิตภัณฑ์ในการรักษาหลายชนิด แต่ AviClear สามารถทำได้ในเครื่องเดียว โดยไม่ต้องทำอย่างอื่นร่วม โดยรมย์รวินท์คลินิกตั้งเป้าผลประกอบการจากการรักษาสิวโดยเฉพาะ ในขั้นเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท โดยเปรียบเทียบกับปริมาณคนเป็นสิว และความต้องการของผู้ที่ต้องการรักษาสิวทุกเพศทุกวัย ที่ต้องการแก้ปัญหาสิวที่ต้นตอและไม่ต้องการให้กลับมาเป็นซ้ำ

                                                          ทั้งนี้ในส่วนของการบริการประเภทอื่นๆ รมย์รวินท์คลินิกยังคงให้บริการอย่างเข้มข้น ให้สมกับการเป็นผู้นำของธุรกิจประเภทคลินิกเสริมความงาม ทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โปรโมชัน แคมเปญต่างๆที่จะเกิดขึ้น ในภายภาคหน้า และยังมีการวางแผนที่จะนำเข้าเทคโนโลยีความงามประเภทต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์ในทุกปัญหาของกลุ่มเป้าหมายให้ครบทุกกลุ่ม และสามารถแก้ไขปัญหาที่กลุ่มเป้าหมายมีความกังวลได้ทุกปัญหา

                                                          SUPER HIFU แตกต่างจากยกกระชับชนิดอื่น ๆ อย่างไร

                                                          SUPER HIFU แตกต่างจากยกกระชับชนิดอื่น ๆ อย่างไร

                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                            SUPER HIFU มีความแตกต่างจากนวัตกรรมยกกระชับอื่น ๆ อย่างไร?

                                                            ปัญหาหนึ่งอย่างที่เรามักเจอเป็นประจำเมื่อมีอายุมากขึ้น คือ ผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่เรียบเนียน ต้องการที่จะยกกระชับผิวเพื่อปรับรูปหน้าให้สวยเป๊ะ แต่ไปถึงก็ยังไม่รู้ว่าควรจะเลือกทำหัตถการไหนดี พอพูดถึงหัตถการยกกระชับก็ดันมีตัวเลือกมากมาย เวลาเดินเข้าคลินิกเสริมความงาม ด้วยเหตุนี้การหาข้อมูลจากทางอินเทอร์เน็ตจึงเป็นทางออกสำหรับคนที่อยากหาข้อมูลเพื่อ เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในเตรียมเลือกประเภทหัตถการยกกระชับ ชนิดต่างๆ

                                                            และเมื่อพูดถึงหัตถการยกกระชับอันดับต้นๆ คนจะต้องนึกถึง HIFU เป็นอันดับแรกๆ แต่ถ้าจะให้แนะนะก็ต้องเป็น SUPER HIFU โปรแกรมยกกระชับตัว TOP ที่เป็นขั้นกว่าของ HIFU ที่พัฒนามาเป็นอย่างดี เพราะนอกจาก SUPER HIFU จะช่วยยกกระชับที่บริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้หลายส่วนแล้ว ยังเป็นนวัตกรรมยกกระชับที่ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่มีการผ่าตัด แถมการดูแลตัวเองหลังรักษาไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนพึ่งเคยเข้ารับหัตถการยกกระชับเป็นครั้งแรก แต่ก่อนจะทำ SUPER HIFU เราก็ควรทราบข้อมูลเกี่ยวกับ SUPER HIFU รวมถึงความแตกต่างของ SUPER HIFU เมื่อเปรียบเทียบกับนวัตกรรมยกกระชับอื่น ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกหัตถการยกกระชับ

                                                            HIFU

                                                            SUPER HIFU คืออะไร ? ทำความรู้จักก่อนเลือกนวัตกรรมยกกระชับ

                                                            ก่อนจะเลือกทำ SUPER HIFU เราควรทราบรายละเอียดและหลักการทำงานของ SUPER HIFU เสียก่อน โดย SUPER HIFU เป็นคำที่ย่อมาจาก High Intensity Focused Ultrasound เป็นหัตถการยกกระชับบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายด้วยหลักการของเครื่องที่มีการปล่อย Focused ultrasound ลงไปถึงชั้นผิว Superficial Muscular Aponeurotic System (SMAS) ที่เป็นส่วนของเนื้อเยื่อห่อหุ้มกล้ามเนื้อบริเวณผิวหน้าจนเกิดการยกกระชับ

                                                            โดยหลักการทำงานของ High Intensity Focused Ultrasound ของ SUPER HIFU เป็นคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่พัฒนามาจากเครื่องตรวจครรภ์ด้วยคลื่นอัลตร้าซาวด์ทางการแพทย์ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ส่งผลให้นอกจาก SUPER HIFU จะช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาเป็นผิวที่อ่อนเยาว์ แน่นกระชับแล้ว ยังเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยอีกด้วย

                                                             

                                                            SUPER HIFU แตกต่างจากยกกระชับชนิดอื่น ๆ อย่างไร

                                                            ผลลัพธ์หลังจากทำ SUPER HIFU เป็นอย่างไร ?

                                                            หลังจากยกกระชับด้วย SUPER HIFU ผลลัพธ์จะออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยการทำ SUPER HIFU จะเข้าไปกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนของร่างกายตามแต่ละชั้นผิวตามที่คลื่นของ SUPER HIFU ปล่อยลงไป ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเน้นหลักในเรื่องผิวหย่อนคล้อยตามวัย หลังจากทำ SUPER HIFU จะมีผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของผิวโดยสรุปดังนี้

                                                            • เปลี่ยนผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับ และมีความยืดหยุ่นเสมือนว่าเรากลับมามีผิวเด็กอีกครั้ง แต่จริง ๆ เป็นเพราะร่างกายมีการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ผิวของเราจึงมีความแข็งแรง อ่อนเยาว์ และยกกระชับกรอบหน้าชัดเจน
                                                            • นอกจากความยืดหยุ่นและกระชับของผิวแล้วยังช่วยลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ริ้วรอยบนผิวหน้าและลำคอ
                                                            • นอกจากบริเวณผิวหน้าที่กระชับและเรียบเนียน SUPER HIFU ยังสามารถช่วยยกกระชับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น เหนียงบริเวณลำคอที่เกิดจากไขมันส่วนเกินที่ย้อยลงไม่ค่อยน่ามอง SUPER HIFU สามารถช่วยยกกระชับและลดเหนียงได้

                                                            ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของ SUPER HIFU จะมีผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากยกกระชับและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย แต่เนื่องจากการทำ SUPER HIFU มีความแตกต่างจากการผ่าตัดศัลยกรรม ผลลัพธ์ของการยกกระชับด้วย SUPER HIFU จึงไม่คงอยู่อย่างถาวร แต่เราสามารถทำ SUPER HIFU ทุก ๆ 3-6 เดือน เพื่อรักษาผลลัพธ์การยกกระชับและผิวที่อิ่มฟูอุดมไปด้วยคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพไปตลอดได้

                                                            HIFU

                                                            SUPER HIFU สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง ?

                                                            สำหรับคนที่สนใจอยากจะยกกระชับหลาย ๆ ส่วน คงอยากจะทราบว่า SUPER HIFU สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง ซึ่งตามความจริงแล้ว SUPER HIFU สามารถยกกระชับได้หลายส่วนของร่างกาย และสามารถปรับเปลี่ยนหัวยิงของเครื่องให้เหมาะสมกับบริเวณชั้นผิวที่จะทำ SUPER HIFU โดยสำหรับคนที่สงสัยหัวยิงของเครื่องจะมีทั้งหมด 6 รูปแบบดังนี้

                                                            • หัวยิง SUPER HIFU สำหรับความลึก 2.0 mm : สามารถปล่อยพลังงานลงไปถึงชั้นผิว Dermis (ชั้นหนังแท้) เพื่อกระตุ้นร่างกายให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้นบริเวณชั้นผิว
                                                            • หัวยิง SUPER HIFU สำหรับความลึก 3.0 mm : หัวยิงสำหรับชั้น Dermis และ Superficial Fat ที่เป็นไขมันชั้นตื้น โดยจะช่วยลดไขมันและกระตุ้นคอลลาเจน
                                                            • หัวยิง SUPER HIFU สำหรับความลึก 4.5 mm : สำหรับยกกระชับบริเวณผิวชั้น SMAS ช่วยยกใบหน้ากลับมากระชับและอ่อนเยาว์
                                                            • หัวยิง SUPER HIFU สำหรับความลึก 6.0 mm : หัวยิงสำหรับยกกระชับกรณีที่ไขมันสะสมบริเวณใต้ชั้นผิวมีความหนาไม่เกิน 1 นิ้ว
                                                            • หัวยิง SUPER HIFU สำหรับความลึก 6, 9 mm : หัวยิงสำหรับยกกระชับกรณีที่ไขมันสะสมบริเวณใต้ชั้นผิวมีความหนาประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว โดยแต่ละคนจะมีความหนาบริเวณชั้นผิวและไขมันที่แตกต่างกัน
                                                            • หัวยิง SUPER HIFU สำหรับความลึก 9, 13 mm : สำหรับกรณีที่ไขมันหนาเกินกว่า 1.5 นิ้ว และสามารถยกกระชับบริเวณต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม เหนียง คาง เป็นต้น รวมถึงการลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาและร่องแก้ม

                                                            โดยบริเวณที่นิยมทำ SUPER HIFU ด้วยหัวยิงทั้ง 6 รูปแบบก็จะมีดังนี้

                                                            • ผิวหน้าและลำคอ : เป็นบริเวณที่ทำ SUPER HIFU เพื่อยกกระชับและลดรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา รวมถึงยกเหนียง ลดไขมันเพื่อให้บริเวณดังกล่าวสามารถยกให้แน่นเฟิร์ม ไม่ขาดความกระชับ
                                                            • ร่างกาย : บริเวณต้นแขน, ต้นขา, เอวสะโพก หรือหน้าท้อง มักเป็นส่วนที่มีไขมันส่วนเกิน เนื้อขาเนื้อแขนเหี่ยวย่นย้อยลงมาไม่น่าดู SUPER HIFU ก็จะช่วยยกส่วนต่าง ๆ ที่เกินออกมาให้กระชับยิ่งขึ้น
                                                            • บริเวณรอบดวงตา : เนื่องจาก SUPER HIFU เป็นเทคโนโลยีคลื่นอัลตร้าซาวด์จึงสามารถทำการยกกระชับบริเวณรอบดวงตาได้อย่างปลอดภัย ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตก หนังตาตก และลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา

                                                            HIFU

                                                            SUPER HIFU ตอบโจทย์สำหรับใครบ้าง ?

                                                            SUPER HIFU ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับและลดเลือนริ้วรอยความหย่อนคล้อยที่เกิดมาจากความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เสื่อมสภาพไปตามอายุ อย่างเช่นความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ความไม่กระชับ หรือเหี่ยวย่น

                                                            นอกจากนั้น SUPER HIFU ยังเหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม หรือ กลัวการผ่าตัด แต่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับผิวอย่างรวดเร็วและเป็นธรมชาติ โดยรวมแล้ว SUPER HIFU เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวดังนี้

                                                            • เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ มีริ้วรอยบริเวณผิวหน้าและรอบดวงตา
                                                            • สำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ กลัวการผ่าตัด แต่อยากยกกระชับหน้าเรียวเหมาะสำหรับทำ SUPER HIFU
                                                            • ส่วนผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัดเจน ก็สามารถทำ SUPER HIFU เพื่อสร้างกรอบหน้ากระชับหน้าให้เข้ารูป
                                                            • SUPER HIFU ยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการมีผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องผ่าตัด

                                                            HIFU

                                                            เปรียบเทียบความแตกต่างของ SUPER HIFU กับนวัตกรรมยกกระชับอื่น ๆ

                                                            หัตถการเสริมความงามเกี่ยวกับการยกกระชับได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน จึงมีการคิดค้นหัตถการยกกระชับหลากหลายรูปแบบออกมา ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีความแตกต่างทั้งด้านเทคโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับ, จุดเด่น, ข้อดี-ข้อเสีย, รวมถึงผลลัพธ์ของหัตถการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน รมย์รวินท์คลินิกจึงจะนำหัตถการแต่ละประเภทมาเปรียบเทียบกับ SUPER HIFU เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่สงสัยว่าแต่ละหัตถการแตกต่างกันอย่างไร

                                                            SUPER HIFU กับ Oligio แตกต่างกันอย่างไร ?

                                                            Oligio เป็นหัตถการยกกระชับตัวใหม่ล่าสุดแบบแกะกล่องจากเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งไทย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ว่ามีความปลอดภัยและมีผลลัพธ์ด้านการยกกระชับที่น่าพึงพอใจทั้งยังทำให้ผิวมีคุณภาพที่ดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ SUPER HIFU แล้ว ทั้งสองหัตถการจะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน มาดูคำตอบกัน

                                                            หลักการทำงานของ Oligio กับ SUPER HIFU

                                                            Oligio มีการทำงานด้วยคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่สามารถปรับได้ 3 โหมดคือ โหมดเดี่ยวโหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ พร้อมด้วยเทคนิคพิเศษ Fast Moving Technique ที่ช่วยให้การยกกระชับด้วย Oligio มีความเสถียรมากขึ้น Oligio จึงมีจุดเด่นด้านความปลอดภัยด้วย โดยสามารถสรุปการทำงานได้ดังนี้

                                                            • Oligio ทำงานโดยอาศัยคลื่นวิทยุ Monopolar RF ความถี่สูง 6.78 MHz ที่ปล่อยคลื่นความลึกถึง 3 mm. ที่สามารถลงไปถึง ผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) โดยความร้อนจากหัว Tips จะยิงพลังงานลงไปอย่างสม่ำเสมอและแม่นยำเพื่อทำให้ผิวเกิดการสังเคราะห์คอลลาเจน ช่วยให้ผิวมีความกระชับ ชั้นไขมันบางลง ผิวหย่อนคล้อยน้อยลง

                                                            ผลลัพธ์ที่ได้รับจากการทำหัตถการยกกระชับ

                                                            จากความแตกต่างของเทคโนโลยีระหว่าง SUPER HIFU และ Oligio ผลลัพธ์ของทั้งสองหัตถการก็จะออกมาแตกต่างกัน และมีผลลัพธ์ที่อยู่นานไม่เหมือนกัน ถึงอย่างนั้นก็ควรพิจารณาปัจจัยอื่นปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละบุคคล เช่น ริ้วรอย คุณภาพผิว หรืองบประมาณ ก่อนเลือกยกกระชับด้วยหัตถการต่าง ๆ โดยสามารถสรุปความแตกต่างของผลลัพธ์ได้ดังนี้

                                                            • ผลลัพธ์ของ Oligio ช่วยปรับใบหน้ายกกระชับให้เข้ารูปและช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ผิว ช่วยลดริ้วรอย ผิวเรียบเนียนด้วยปริมาณคอลลาเจนใต้ชั้นผิวที่เพิ่มมากขึ้น แถมยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิว อยู่นาน 6-12 เดือน
                                                            • ผลลัพธ์ของ SUPER HIFU ช่วยยกหน้ากระชับ สร้างกรอบหน้า แก้ปัญหาคิ้วตกและริ้วรอยตามบริเวณผิวหน้า รอบดวงตา และเหนียงที่ลำคอ โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1-2 เดือน และผลลัพธ์อยู่นานถึง 3-6 เดือน

                                                            ความรู้สึกระหว่างการยกกระชับ

                                                            SUPER HIFU เป็นหัตถการยกกระชับที่หลายคนบอกกันว่าเจ็บน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับหัตถการยกกระชับอื่น ๆ เช่น Thermage, Ulthera แต่สำหรับหัตถการ Oligio ที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านยกกระชับและความปลอดภัย นวัตกรรมคลื่น RF ความถี่ 6.78 MHz จึงถูกพัฒนาให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบายยิ่งขึ้น เจ็บน้อยที่สุด จึงสามารถสรุปได้ว่า SUPER HIFU มีความรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ Oligio ให้ความสบายระหว่างการยกกระชับ

                                                            SUPER HIFU กับ Ulthera แตกต่างกันอย่างไร ?

                                                            SUPER HIFU กับ Ulthera มีความคล้ายคลึงด้านหลักการทำงานที่เป็นการอาศัยเทคโนโลยี Focused Ultrasound ความเข้มข้นสูง เพื่อยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน แต่ถึงแม้จะใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แต่ทั้งสองหัตถการก็จะมีข้อแตกต่างกันดังนี้

                                                            ลักษณะของคลื่นพลังงาน

                                                            ถึงแม้ว่าเทคโนโลยี Focused Ultrasound ของ SUPER HIFU และ Ulthera จะพัฒนามาจากนวัตกรรม Ultrasound ที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดี แต่คลื่นพลังงานที่ SUPER HIFU และ Ulthera ปล่อยลงสู่ผิวมีความแตกต่างกัน

                                                            • SUPER HIFU : ปล่อยคลื่นพลังงานออกมาเป็นจุด (Dot) และมีลักษณะการส่งพลังงานเป็นแนวเส้นประและจุดเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
                                                            • Ulthera : คลื่นพลังงานขนาด 1 mm. ส่งพลังงานลงไปเป็นเส้นประที่เป็นระเบียบ ด้วยคลื่นพลังงานที่ใหญ่กว่า Ulthera จึงเหมาะสำหรับกรณีที่ผิวหย่อนคล้อยรุนแรงกว่า

                                                            ผลลัพธ์ที่ได้รับจากการทำหัตถการยกกระชับ

                                                            ด้วยความแตกต่างของขนาดคลื่นพลังงานทำให้ Ulthera เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยมาก ๆ ส่วน SUPER HIFU จะเหมาะสำหรับคนที่ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยร่วมด้วย รวมถึงผลลัพธ์หลังทำของทั้งสองหัตถการก็มีระยะเวลาที่แตกต่างกัน ดังนี้

                                                            • SUPER HIFU : เห็นผลทันทีหลังทำ 20% ผลลัพธ์อยู่นานถึง 3-6 เดือน
                                                            • Ulthera : เห็นผลทันทีหลังทำ 30% ผลลัพธ์อยู่นานถึง 6-12 เดือน

                                                            **ผลลัพธ์ที่ออกมาของทั้งสองหัตถการยังคงขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล**

                                                            ความรู้สึกระหว่างการยกกระชับ

                                                            เมื่อเปรียบเทียบหัตถการยกกระชับ ทั้ง SUPER HIFU และ Ulthera ก็จะมีความแตกต่างด้านความรู้สึกระหว่างทำหัตถการด้วย เนื่องจากแต่ละคนมีความอดทนต่อความเจ็บปวดที่แตกต่างกัน ปัจจัยด้านความรู้สึกหรือความเจ็บปวดจึงมักมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาเลือกทำหัตถการต่าง ๆ ด้วย โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

                                                            • ระหว่างการทำ SUPER HIFU ผู้เข้าใช้บริการจะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการทำ Ulthera

                                                            ความแตกต่างด้านราคาค่าบริการยกกระชับ

                                                            • จากราคาปัจจุบัน SUPER HIFU จะมีราคาที่แพงน้อยกว่า Ulthera แต่อย่างไรก็ตามราคาค่าบริการต่าง ๆ จะเป็นไปเงื่อนไขและโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก

                                                            SUPER HIFU กับ Thermage แตกต่างกันอย่างไร ?

                                                            Thermage เป็นหัตถการยกกระชับที่ได้รับความนิยมเหมือนกับ SUPER HIFU ด้วยเทคโนโลยี Monopolar RF โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด ด้วยการยกกระชับโดยอาศัยเทคโนโลยีที่ต่างกัน SUPER HIFU  กับ Thermage จึงมีความแตกต่างกัน โดยสามารถสรุปความแตกต่างได้ดังนี้

                                                            หลักการทำงานของ SUPER HIFU และ Thermage

                                                            • SUPER HIFU : นวัตกรรมยกกระชับผิวด้วยการปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงลงไปลึกถึงผิวชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) และชั้นผิวที่อยู่ตื้นกว่าเพื่อยกกระชับและจัดการกับปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ โดยอาศัยความร้อนจุดเล็ก ๆ ลงไปตามบริเวณที่ต้องการยกกระชับ
                                                            • Thermage : เป็นการนำนวัตกรรมคลื่นวิทยุความถี่สูง Radio frequency หรือที่รู้จักกันแบบย่อ ๆ ว่า RF ในรูปแบบของ Monopolar RF ลงลึกถึงผิวใต้ชั้นหนังแท้ (Hypodermis) ซึ่งเป็นชั้นที่รวมตัวของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และความร้อจากคลื่นวิทยุความถี่สูง จะกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและเกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ผิวจึงกระชับยิ่งขึ้น

                                                            ผลลัพธ์ที่ได้รับจากการทำหัตถการยกกระชับ

                                                            เนื่องจากความแตกต่างด้านเทคโนโลยีและภาพรวมของหลักการทำงานของ SUPER HIFU และ Thermage ทั้งสองหัตถการจึงมีความแตกต่างด้านผลลัพธ์และรายละเอียดอื่น ๆ แม้จะช่วยยกกระชับได้เหมือนกัน โดยรายละเอียดความแตกต่างด้านผลลัพธ์สามารถสรุปได้ดังนี้

                                                            • ผลลัพธ์ของ SUPER HIFU : ผิวหน้ากลับมายกกระชับ กระชับสัดส่วนได้ดี แก้ปัญหาคิ้วตก ลดร่องรอยผิวหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคนที่อยากสร้างกรอบหน้า โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1-2 เดือน และผลลัพธ์อยู่นานถึง 3-6 เดือน
                                                            • ผลลัพธ์ของ Thermage : ยกกระชับรักษาผิวหน้าที่หลวมให้กลับมาแน่นเฟิร์ม กระชับรูขุมขน สามารถทำได้ทั้งบริเวณผิวหน้า รอบดวงตา และร่างกาย เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 3-6 เดือน และผลลัพธ์ยาวนานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                                            ความรู้สึกระหว่างการยกกระชับ

                                                            แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีที่แตกต่างความรู้สึกระหว่างทำ SUPER HIFU และ Thermage ก็จะมีความแตกต่างกันด้วย แต่อย่างไรก็ตามก่อนเข้ารับบริการทำหัตถการควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากทางแพทย์เสียก่อน เพราะหากเรารู้สึกเจ็บจนไม่สามารถทนได้ระหว่างทำหัตถการ ผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่ค่อยน่าประทับใจนัก

                                                            Thermage กับ SUPER HIFU จะมีความเจ็บระหว่างทำที่แตกต่างกัน โดยแพทย์ประจำคลินิกได้มีการอธิบายความรู้สึกระหว่างการยกกระชับด้วย SUPER HIFU ว่าเป็นความเจ็บที่เหมือนโดนเครื่องเย็บผ้า ส่วน Thermage จะมีความเจ็บที่มากกว่า เพราะคลื่นพลังงานและความร้อนที่มากกว่า เลยอาจส่งผลต่อคนที่ไม่สามารถทนต่อความเจ็บได้มากนัก

                                                            SUPER HIFU กับ EMFACE แตกต่างกันอย่างไร ?

                                                            EMFACE เป็นหัตถการยกกระชับที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ตัวอื่น ๆ เลย รวมถึงพึ่งมีการเปิดตัวหัว Applicator ใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ EMFACE Submentum ไปเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้ EMFACE นอกจากจะช่วยยกกระชับผิวหน้าแล้วยังมาพร้อมกับตัวเลือกยกหน้า เก็บเหนียงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของหัตถการ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ SUPER HIFU แล้ว ทั้งสองมีความแตกต่างมากน้อยแค่ไหนมาดูกัน

                                                            หลักการทำงานของ EMFACE เปรียบเทียบกับ SUPER HIFU

                                                            ความแตกต่างด้านหลักการทำงานของ SUPER HIFU และ EMFACE มาจากเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการยกกระชับ โดย EMFACE เป็นการผสมผสานการทำงานของ 2 เทคโนโลยี ทำให้การทำงานของ EMFACE แตกต่างจาก SUPER HIFU พอสมควร โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

                                                            EMFACE เป็นการผสมผสานระหว่างสองเทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยี HIFES (High Intensity facial electric stimulation) และ เทคโนโลยี Synchronized RF

                                                            • เทคโนโลยี HIFES (High Intensity facial electric stimulation) : เป็นคลื่นวิทยุที่มีความถี่ลักษณะพิเศษที่ออกแบบมาให้มีรูปแบบการกระจายพลังงานที่สม่ำเสมอและทั่วถึงบริเวณผิวหนัง ทำให้กล้ามเนื้อผิวหนังเกิดการหดและเกร็งตัวเสมือนการออกกำลังกาย และคลื่นตัวนี้ยังช่วยเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวที่เหี่ยวย่นกลับมาเรียบเนียน ไร้ริ้วรอย พร้อมระบบควบคุมการทำงานด้วย AI อัจฉริยะ ที่ควบคุมการปล่อยคลื่นออกมาไปยังชั้นผิวอย่างเหมาะสม
                                                            • เทคโนโลยี Synchronized RF  : พลังงานจากคลื่นวิทยุแม่เหล็กที่มีกำลังไฟฟ้าแรงสูงร่วมกับคลื่นวิทยุ RF ช่วยกระตุ้นการยกกระชับผิวและเผาผลาญไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ ผิวจึงมีความยืดหยุ่นและกระชับได้ดียิ่งขึ้น โดยมีระบบควบคุมพลังงานเพื่อป้องกันอันตรายและไม่ให้ผิวเบิร์นเนื่องจากความร้อนที่มากจนเกินไป

                                                            ด้วยเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายของ EMFACE การทำงานของหัตถการจึงแตกต่างจาก SUPER HIFU แต่ SUPER HIFU ยังคงมีประสิทธิภาพด้านการยกกระชับเหมือนกับ EMFACE โดยอาศัยเทคโนโลยี High Intensity Focused Ultrasound

                                                            ผลลัพธ์ที่ได้รับจากการทำหัตถการยกกระชับ

                                                            • ผลลัพธ์ของ EMFACE : ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดเหนียงและไขมันบริเวณผิวหน้า อยู่ได้นานถึง 1 ปี ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ SUPER HIFU ที่ผลลัพธ์อยู่นาน 3-6 เดือน เห็นผลชัดเจนหลังทำ 1-2 เดือน ส่วน EMFACE จะเห็นผลชัดเจนหลังทำครบ 4 ครั้ง

                                                            ความรู้สึกระหว่างการยกกระชับ

                                                            EMFACE ออกแบบมาเหมาะสมกับคนที่กลัวเจ็บ เนื่องจากการทำ EMFACE ระหว่างทำจะไม่รู้สึกเจ็บเลยจะรู้สึกแค่กระตุก และโดนบังคับให้ขยับใบหน้าเพียงเท่านั้น

                                                            ถึงแม้ว่า SUPER HIFU จะทำให้รู้สึกเจ็บน้อยแล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ EMFACE ก็นับได้ว่า EMFACE ตอบโจทย์เรื่องความสบายระหว่างทำการยกกระชับมากกว่า

                                                            รมย์รวินท์คลินิก คำตอบของการยกกระชับอยู่ที่นี่แล้ว !

                                                            ทางทีมแพทย์ของรมย์รวินท์คลินิกพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ด้วยคอนเซปต์ ROMRAWIN for the better you และประสบการณ์การทำงานด้านหัตถการเสริมความงามมามากกว่า 30 ปี พร้อมให้บริการสำหรับทุกคนที่มีปัญหาผิวไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ มีริ้วรอย ก็สามารถมายกกระชับด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ ที่รมย์รวินท์คลินิก ด้วยหัตถการยกกระชับที่มีตัวเลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น SUPER HIFU, Oligio, EMFACE และ EMFACE Submentum

                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                              ตังโก้ (ชัตเตอร์สืบสันดาน) เลเซอร์หนวด

                                                              เลเซอร์หนวด

                                                              เคล็ดลับหน้าใสโดนใจของคุณตังโก้ (สืบสันดาน) แค่เลเซอร์หนวดด้วย YAG Laser 1064 

                                                              เห็นหน้าหล่อใสของคุณตังโก้ นักแสดงจากซีรีส์เรื่องสืบสันดานมาแต่ไกลก็อดไม่ได้ที่จะต้องถามถึงเคล็ดลับว่าทำยังไงถึงได้หน้าใส เรียบเนียนได้ขนาดนี้?  แล้วก็ได้คำตอบว่าคุณตังโก้มีตัวช่วยที่ดี เคล็ดลับหน้าใสเรียบเนียน ตามแบบฉบับคุณผู้ชายคือการกำจัดหนวดแบบ YAG Laser 1064 เลยทำให้หน้าใสๆของคุณตังโก้ไม่มีหนวดมากวนใจนั่นเองยังไงหละ

                                                              เลเซอร์หนวด

                                                              ทำไมคุณตังโกถึงเลเซอร์หนวดด้วย YAG Laser 1064 

                                                              “กิจวัตรประจำวันของผมในทุกๆ เช้า คือการโกนหนวดครับ ก่อนออกจากบ้านต้องโกนหนวดก่อนเลย เพราะรู้สึกว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้ หรือวันไหนรีบมากไม่ได้โกนหนวด มันทำให้หน้าของเราดูโทรม ดูรกรุงรัง และตอนโกนก็ต้องระวังว่ามีดโกนจะบาดผิวทิ้งรอยแผล อันนี้เป็นบ่อย (หัวเราะ) บางทีก็กังวลเรื่องผิวระคายเคืองกลายเป็นเม็ดๆแดงๆ และถ้าโกนไม่ดี หรือมีดโกนไม่สะอาดสิวก็ยังตามมาอีกต่างหาก ไหนจะหนวดที่ขึ้นใหม่ยังทั้งแข็ง ทั้งหนาไปอีก

                                                              พอผมได้รู้ว่ายังมีวิธีที่ช่วยกำจัดหนวดให้ผมได้แบบที่ง่ายและสะดวกกว่าวิธีการโกนที่ผมทำเป็นประจำแล้ว ผมก็สนใจทันที แต่ก็กลัวเจ็บ เลยใช้เวลาตัดสินใจอยู่สักพัก จนได้มารู้จัก YAG Laser 1064 ที่รมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละ ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลย เพราะอยากรู้แล้วว่าผลลัพธ์หลังทำจะเป็นยังไง เรียบเนียน ไม่มีสิว ไม่มีตอแบบที่เขาพูดกันไหม เลยคิดว่าลองสักตั้งจะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามาโกนหนวดทุกวันครับ

                                                              ตอนทำก็ไม่รู้สึกกังวลเลย รู้สึกชิลๆ มาก แค่นอนให้คุณหมอยิงเลเซอร์หนวดเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย  และตอนทำก็ไม่รู้สึกแสบหรือร้อนหรือเจ็บเลย เพราะเครื่องเลเซอร์ตัวนี้มีปล่อยไอเย็นออกมาระหว่างทำ คุณหมอบอกว่าไอเย็นนี้จะช่วยดูแลผิวของเราขณะกำจัดขนทำให้ผิวบริเวณที่ทำไม่เกิดการไหม้เบิร์น

                                                              ใช้เวลาทำไม่นานก็เสร็จ ผมรู้สึกว่าผิวหน้าใสเรียบเนียนขึ้นมาก เอามือลูบๆดูแล้วไม่เป็นคลื่นๆ หรือตอของเหวดเหมือนเวลาโกนหนวด ต่อจากนี้ผมคงไม่ต้องกังวลเรื่องการต้องกะเวลา ตื่นมาโกนหนวดอีกต่อไป เพราะผมมีตัวช่วยดีอย่าง YAG Laser 1064 กำจัดหนวดได้อย่างถาวร ทำให้หน้าของผมหล่อใส ไร้หนวด ผิวเรียบเนียนขึ้นมาก สิวที่เกิดจากการโกนหนวดน่ะหรอ หมดกังวลไปเลย”

                                                              ทำไม YAG Laser 1064 ที่คุณตังโก้ทำถึงกำจัดหนวดได้รากถึงโคน

                                                              YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน ที่ทำงานด้วยการยิงพลังแสงเลเซอร์ที่ความเข้มข้นในการกำจัดขนสูงโดยเลเซอร์กำจัดขนชนิดนี้ใช้คลื่นความยาว 1,064 นาโนเมตร ในการตรงเข้าไปเพื่อทำลายถึงรากถึงโคนของเส้นขนอย่างตรงจุด และยังไม่ทำให้ผิวบริเวณโดยรอบเส้นขนเกิดอันตราย ระหว่างทำ YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน จะปล่อยพลังงานความเย็น หรือ Cryogen ออกมาเป็นระยะๆในระหว่างการทำการเลเซอร์กำจัดขน เพื่อเป็นการช่วยทำให้ผิวบริเวณที่ทำ YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนเกิดการไหม้เบิร์น หรือแสบร้อนผิว และยังช่วยปรับสีผิวบริเวณที่เลเซอร์กำจัดขนให้มีความขาว กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ลดขนาดรูขุมขนให้เล็กลงได้อีกด้วย

                                                              ไม่เพียงเท่านั้น YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน ยังเหมาะกับทุกสภาพผิว ทุกสภาพความหนาของเส้นขน และสามารถทำได้ทุกบริเวณในร่างกายที่มีขน ไม่ว่าจะเป็น รักแร้ หนวด บิกินี แขนหรือขา 

                                                              ดูแลผิวหลังทำ YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน

                                                              หลังทำเลเซอร์กำจัดขนควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้ารัดๆ ในช่วงแรกหลังทำ เพื่อลดอาการเสียดสีและการระคายเคืองผิว

                                                              หลังทำเลเซอร์กำจัดขนสามารถทาเจลเย็น และประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมแดงจากการกำจัดขน

                                                              หลังทำเลเซอร์กำจัดขนงดว่ายน้ำประมาณ 8-12 ชั่วโมง หลังทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิวจากคลอรีน

                                                              หลังทำเลเซอร์กำจัดขนในช่วง 1 อาทิตย์แรก ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง

                                                              หลังทำเลเซอร์กำจัดขนควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง

                                                              เลเซอร์หนวด

                                                              YAG Laser 1064 ดียังไง ทำไมถึงเหมาะกับการกำจัดขน 

                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 มีความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร จึงสามารถกำจัดขนได้ลงลึกถึงรากขน
                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 สามารถเข้าถึงได้ทั่วทุกบริเวณด้วยหัวยิงขนาดเล็ก
                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 สามารถกำจัดขนได้ทั่วทุกบริเวณแม้ในส่วนที่บอบบาง
                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 ทำให้ขนที่เกิดใหม่เส้นบางลงและขึ้นช้ากว่าการกำจัดขนอื่นๆ
                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 มี Cryogen หรือไอเย็นที่ช่วยปลอบประโลมผิวขณะทำ  
                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 ไม่ทำให้ผิวเกิดการไหม้เบิร์น ไม่ทำให้เกิดขนคุด หรืออักเสบ
                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 เหมาะกับทุกสภาพผิว และทุกสีผิว โดยเฉพาะผิวของคนเอเชีย
                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 ได้รับรองมาตรฐาน US FDA สหรัฐอเมริกาจึงมั่นใจได้ในการกำจัดขน
                                                              • เพราะ YAG Laser 1064 ดูแลด้วยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทุกเคส

                                                              ทำไมเลเซอร์กำจัดขนต้องทำหลายครั้ง และสม่ำเเสมอ

                                                              จะเห็นได้ว่าในบริเวณเดียวกัน เส้นขนบางเส้นก็หนา เส้นขนบางเส้นก็ยาวกว่าเส้นอื่นๆ

                                                              เพราะว่าวงจรอายุของเส้นขนแต่ละเส้นนั้น ไม่เท่ากัน การยิงเลเซอร์กำจัดขนด้วย YAG Laser 1064 จะส่งคลื่นลำแสงเข้าไปจับเม็ดสีที่อยู่บริเวณรากขน และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เข้าไปทำให้รากขนฝ่อและถูกกำจัดออกไป ส่วนเส้นขนที่ยังไม่เกิดและยังไม่มีรากขนจะยังไม่ถูกเลเซอร์กำจัดออก เพราะว่าพลังงานเลเซอร์ของโปรแกรม YAG Laser 1064 จะจับเส้นขนที่มีรากที่เป็นต้นตอของการเกิดขนนั้นเอง จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมเราต้องทำเลเซอร์กำจัดขนหลายครั้ง แต่ไม่ต้องกังวลว่าทำแล้วขนจะยังขึ้นเยอะเหมือนเดิม เพราะขนเส้นเก่าที่มีรากได้ถูกกำจัดไปแล้ว ขนที่ยังขึ้นอยู่จะเป็นขนที่เกิดใหม่เท่านั้น ซึ่งจะมีจำนวนที่น้อยมากๆ ทำให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจตั้งแต่ทำครั้งแรก

                                                               

                                                              สำหรับใครที่ยังลังเล และยังกังวลเกี่ยวกับการกำจัดขนด้วย YAG Laser 1064 อยากให้ลองเปิดใจดูกันก่อน หรือจะลองเข้ามาปรึกษาที่รมย์รวินท์คลินิก เพราะที่นี่มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์คอยดูแลทุกเคสเลย ให้เราจัดการปัญหาขนให้คุณนะคะเหมือนคุณตังโก้นะคะ

                                                              แชร์เคล็ดลับเพิ่มความมั่นใจด้วย Ulthera SPT  

                                                              UTHERA

                                                              แชร์เคล็ดลับเพิ่มความมั่นใจด้วย Ulthera SPT  

                                                              คุณอริน อริญชย์ เมธีกุล ติ๊กต๊อกเกอร์ชื่อดัง เจ้าของช่อง Top 1% by อาจารย์อริน วันนี้ไม่ได้จะมาสอนอะไร แต่จะมาแชร์เคล็ดลับเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองที่รมย์รวินท์คลินิก อยากมีผิวหน้ายกกระชับต้องทำอย่างไรบ้าง คุณอรินมีคำตอบให้จะได้ไม่ต้องคิดไปเอง

                                                              เดี๋ยวนี้ตลาดความงามในประเทศไทยมีเยอะมาก แต่ผมก็ยังไว้วางใจในคุณภาพของรมย์รวินท์คลินิกมากๆ เพราะรมย์รวินท์คลินิกเปิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว และที่นี่เลือกใช้เครื่องมือหัตถการที่มีความทันสมัย คุณหมอมีประสบการณ์ในการทำหัตถการให้กับผู้มาเข้าใช้บริการ และบริการที่ดีและเป็นกันเองของรมย์รินท์คลินิก ทำให้มั่นใจและสะดวกใจที่จะมาเสริมความงามที่นี่

                                                              ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดว่าเป็นผู้ชายคงไม่ต้องมาเสริมสวย เสริมความงาม ไม่ต้องทำให้ใบหน้ายกกระชับแบบผู้หญิงหรอก แต่ด้วยความที่สมัยนี้โลกเปลี่ยนไป อะไรก็เปลี่ยนไป การทำหัตถการหรือเสริมความงามต่างๆ การยกกระชับใบหน้าไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ทำได้ทั้งนั้น เพราะมันช่วยเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง ถ้าเราดูดี จะทำอะไรก็ดูดีเอง 

                                                              อย่างวันนี้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอออย (พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์) ว่าปัญหาอย่างผมต้องทำอะไรบ้าง เริ่มแรกเลยคุณหมอออยใช้เทคนิควิเคราะห์ใบหน้า หรือที่เรียกว่า Lifting Select เทคนิคที่มีเฉพาะแค่รมย์รวินท์คลินิก ช่วยวิเคราะห์ใบหน้าให้ คุณหมอประเมินปัญหาของผมคือสัดส่วนโครงหน้าในส่วนล่าง ขอบหน้าไม่ชัดเจน กรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่ยกกระชับ และมีเหนียงบริเวณใต้คาง คุณหมอออยเลือกUlthera SPT มาดูแลปัญหานี้ให้กับผม

                                                              ตอนแรกก็มีแอบกังวลอยู่บ้างว่าจะเจ็บหรือเปล่า เพราะเคยหาข้อมูลแล้วเจอว่า Ulthera SPT ทำแล้วค่อนข้างเจ็บ แต่ที่รมย์รวินท์คลินิกจะแปะยาชาให้ก่อนทำ Ulthera SPT ช่วยให้ความเจ็บน้อยลง อยู่ในระดับที่สามารถทนได้ ผลลัพธ์หลังทำ Ulthera SPT รู้สึกได้เลยว่าหน้ายกขึ้น โครงหน้าชัดขึ้น ดูดีขึ้นมาก และอยู่ได้นานถึง 1 ปีด้วย และสำหรับใครที่อยากทำ Ulthera SPT หรืออยากยกกระชับ ปรับรูปหน้า แต่ไม่รู้ว่าจะใช้เครื่องมือไหนดี สามารถมาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์คลินิก เพราะแต่ละคนก็มีโครงหน้า และปัญหาผิวหน้าที่ไม่เหมือนกัน ผมแนะนำว่าเข้ามาให้คุณหมอช่วยวิเคราะห์ใบหน้าให้จะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดกับคุณมากที่สุด 

                                                              หมอออยแพทย์ผู้มีประสบการณประจำรมย์รวินท์คลินิก ดูแลปัญหาผิวหน้าให้คุณอริน 

                                                              ที่รมย์รวินท์คลินิกมีเทคนิค Lifting Select ในการดูแลปัญหาทุกอย่างของใบหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมิติ รูปหน้า หรือพื้นผิว ซึ่งจะใช้วิเคราะห์ปัญหาก่อนการเลือกหัตถการรักษา เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด

                                                              • Frame Selection ด้านรูปหน้าซึ่งจะช่วยปรับ และแก้ไขโครงหน้า ความหย่อนคล้อยของผิว ให้กลับมาดูดี ดูอ่อนเยาว์
                                                              • Light & Shadow Me ด้านมิติของใบหน้า เพิ่มจุดเด่นและลดจุดด้อยให้ใบหน้าคมชัดมากกว่าที่เคย
                                                              • Conceal Selection ด้านพื้นผิว จัดการกับปัญหาผิว ปรับผิวให้เนียนละเอียด ให้งานผิวสวยไม่ต้องปกปิดปัญหาอีกต่อไป

                                                              อย่างคุณอรินที่เข้ามาปรึกษาหมอที่รมย์รวินท์คลินิก จากการวิเคราะห์ใบหน้าแล้ว คุณอรินมีปัญหาความไม่คมชัดของใบหน้า โครงหน้าส่วนล่าง หรือ Jawline ไม่เท่ากัน และความไม่เท่ากันนี้ทำให้เห็นเหนียงใต้คางค่อนข้างชัด หมอออยจึงเลือก Ulthera SPT ให้กับคุณอริน นี้จะช่วยยกกระชับให้โครงหน้ายกขึ้น และช่วยปรับรูปหน้า Jawline ให้มีความคมชัดมากขึ้น

                                                              ผลลัพธ์หลังทำ Ulthera SPT ของคุณอริน อริญชย์ เมธีกุล

                                                              Uthera

                                                              Ulthera SPT คืออะไร ทำไมคุณอริน อริญชย์ เมธีกุล ถึงเลือกใช้

                                                              Ulthera SPT เทคโนโลยียกกระชับที่ยิงด้วยพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความเฉพาะเจาะจง หรือที่เรียกว่า Focused Ultrasound ยิงพลังงานลงลึกลงลึกสู่ผิวหนังชั้นต่างๆ และยิงได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อดึงหน้า โดย Ulthera SPT มีความแม่นยำสูงเพราะมีหน้าจอแสดงผล ทำให้สามารถเห็นการรักษาได้ทุกขั้นตอน Ulthera SPT นี้จะช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวหน้าจากความหย่อนคล้อย และยังช่วยปรับรูปหน้าให้คมชัด มีมิติมากขึ้นกว่าเดิม 

                                                              โดย Ulthera SPT ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวหน้าได้ดียิ่งขึ้น ให้รู้สึกเจ็บน้อยลงขณะทำ และมีเทคโนโลยี SPT ที่ทำให้ผลลัพธ์ของการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม 

                                                              • S : See มีหน้าจอแสดงผลที่สามารถมองเห็นสภาพผิวแต่ละชั้นได้อย่างละเอียด ทำให้รักษาได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
                                                              • P : Plan มีการวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเพื่อให้เห็นผลลัพธ์หลังการรักษาที่ดีที่สุด
                                                              • T : Treat ทำการรักษาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยได้อย่างตรงจุด ให้ใบหน้ายกกระชับ ปรับรูปหน้าให้สวยได้ทุกมิติ 

                                                              ทำไมต้องมาทำ ULTHERA ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                              • Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก
                                                              • Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องแก้ม
                                                              • Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
                                                              • Ulthera SPT กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว
                                                              • Ulthera SPT ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
                                                              • Ulthera SPT ใช้เวลาทำเพียง 30-45 นาที
                                                              • Ulthera SPT ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1 ปี

                                                              เรื่องการดูและเรื่องผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยความไม่ยกกระชับแบบคุณอริน ต้อง Ulthera SPT ที่รมย์รวินท์คลินิก วางใจได้ด้วยการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ดี มีมาตรฐาน และดูแลให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ สัมผัสความอ่อนเยาว์ ผิวหน้ายกกระชับ ดูดี ได้ที่รมย์รวินท์คลินิก 28 สาขาทั่วประเทศ 

                                                              Hifu ข้อดี-ข้อเสียมีอะไรบ้าง ? ทำไมต้องทำ ?

                                                              Hifu

                                                              Hifu ดียังไง คลายข้อสงสัย ทำไมใครๆก็ต้องทำ 

                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                เมื่อพูดถึงเรื่องยกกระชับใบหน้า เพื่อลดความหย่อนคล้อยเพิ่มความเฟิร์มกระชับให้กับผิวหน้า ในปัจจุบันมีเทคนโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับใบหน้ามีหลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป  Hifu เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยในการยกกระชับใบหน้าที่ได้รับการยอมรับจากทีมแพทย์ของวงการความงามทั่วโลกในเรื่องของผลลัพธ์และประสิทธิภาพในการยกกระชับใบหน้าเพื่อลดความหย่อนคล้อย

                                                                แม้ว่าการยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่) จะเป็นโปรแกรมที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ดี แต่ Hifu (ไฮฟู่) ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่ผู้เข้ารับบริการควรทราบ และทำความเข้าใจก่อนเข้ารับบริการเพื่อความเข้าใจที่ตรงรวมทั้งความสบายใจในการรักษา

                                                                รู้ก่อนเสี่ยง! รวมข้อดีข้อเสียของ Hifu สวยปลอดภัยก่อนทำไฮฟู่

                                                                Hifu

                                                                Hifu ข้อดีของการยกกระชับด้วยไฮฟู่มีอะไรบ้าง?

                                                                รวมข้อดีของการทำ Hifu(ไฮฟู่) นวัตกรรมยกกระชับ ปรับหน้าเรียว เก็บผิวหย่อนคล้อย มีอะไรบ้าง เช็กลิสต์ได้เลยดังนี้

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) ช่วยยกกระชับปรับหน้าเรียว เห็นผลหลังทำทันที

                                                                หนึ่งในข้อดีของ Hifu (ไฮฟู่) ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของผลลัพธ์หลังทำทันที โดยหลังจากทำการยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่) จะเห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีประมาณ 20% ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น เก็บทุกผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง

                                                                • ยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่) ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องพักฟื้นนาน

                                                                การปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอย สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการยกกระชับ กับเครื่องได้มาตรฐานระดับสากล เช่น Ultraformer ข้อดีคือเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเข็ม ไม่ต้องการผ่าตัด เพราะ Hifu (ไฮฟู่) เป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ส่งพลังงานลึกลงสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และเพื่อผิวกระชับปรับหน้าเรียวสวย

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตราย

                                                                การทำ Hifu (ไฮฟู่)  ไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก เนื่องจากใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ลงสู่ผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) จึงมีความปลอดภัยสูงแบบไม่กระทบกับผิวชั้นบน โดยเครื่อง Hifu (ไฮฟู่) ของรมย์รวินท์คลินิกได้รับมาตรฐานปลอดภัย ซึ่งดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ

                                                                Hifu (ไฮฟู่) เป็นนวัตกรรมในด้านของการยกกระชับ โดยเฉพาะที่เห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีโดยประมาณ 20% โดยจะมีความรู้สึกหลังทำทันทีว่าใบหน้าของเรานั้นมีความยกกระชับขึ้นเล็กน้อย หลังจากยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่) ในช่วงระยะเวลา 1-2 เดือน จะเป็นช่วงที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากที่สุด นอกจากนี้ Hifu (ไฮฟู่) สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น ฟิลเลอร์ การฉีดโบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) ยิ่งทำซ้ำยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น

                                                                ข้อดีของการทำ Hifu (ไฮฟู่) ในทุก 4-6 เดือน จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม เพราะการทำ Hifu (ไฮฟู่) จะช่วยกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกผิวเต่งตึง ผิวมีความยืดหยุ่น เฟิร์มกระชับ รูขุมขนเล็กลง หน้าเนียนใสดูเป็นธรรมชาติ

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) ป้องกันปัญหาผิวหย่อนคล้อยในอนาคตได้

                                                                หลังจากทำ Hifu (ไฮฟู่) ผิวจะได้รับการกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวแข็งแรงขึ้น ทำให้สามารถป้องกันผิวหย่อนคล้อยในอนาคตได้ ซึ่ง Hifu (ไฮฟู่) เป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ยาวนาน จึงทำให้การทำโปรแกรม Hifu (ไฮฟู่) อย่างต่อเนื่องจะยังคงรักษาผลลัพธ์นั้นไว้อย่างต่อเนื่อง

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) ทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้

                                                                การทำ Hifu สามารถทำควบคู่กับหัตถการอื่น ๆ ร่วมกันได้ เช่น การฉีดโบ, ฟิลเลอร์ (Filler), ร้อยไหม (Thread), เมโสแฟต (Meso Fat) เป็นต้น ทั้งนี้การทำ Hifu (ไฮฟู่) ควบคู่ไปกับหัตถการอื่นอยู่ที่การวิเคราะห์และประเมินใบหน้าของแพทย์ เพราะฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ Hifu (ไฮฟู่) ทุกครั้ง

                                                                Hifu

                                                                Hifu ข้อเสียของการยกกระชับด้วยไฮฟู่มีอะไรบ้าง?

                                                                ในข้อดีก็มักมีข้อเสียร่วมด้วยเป็นปกติ ข้อเสียของ Hifu มีดังนี้

                                                                • หลังทำ Hifu (ไฮฟู่) ผลลัพธ์ไม่สามารถคงอยู่ถาวร

                                                                ผลลัพธ์หลังการทำ Hifu (ไฮฟู่) ไม่สามารถอยู่ถาวรได้ แต่สามารถกลับมาทำซ้ำได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนานอย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                • หลังทำ Hifu (ไฮฟู่) อาจมีอาการเมื่อยหรือตึงหน้า

                                                                หลังจากที่ทำ Hifu (ไฮฟู่) อาจจะมีความรู้สึกเมื่อยหรือตึงที่ใบหน้า เพราะเป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ระดับเข้มข้น เพื่อการยกกระชับใบหน้า เก็บกรอบหน้าให้คมชัด เก็บทุกริ้วรอยต่าง ๆ ซึ่งอาการเมื่อยหรือตึงใบหน้าหลังทำ Hifu (ไฮฟู่) จะกลับสู่ภาวะปกติภายในระยะเวลา 1-2 วัน ในบางคนอาจไม่มีอาการนี้อยู่เลย

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) มีข้อควรระวังกับคนบางกลุ่ม

                                                                การยกกระชับด้วยเครื่อง Hifu มีข้อควรระวังที่ต้องรู้กับคนบางกลุ่ม หากต้องการยกกระชับ Hifu (ไฮฟู่) ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง โดยมีข้อระวัง ดังนี้

                                                                1. ผู้ที่มีบาดแผลสดที่ยังไม่หายดี หรือผู้ที่มีแผลเปิด
                                                                2. ผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์
                                                                3. ผู้ที่มีการฝังโลหะใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
                                                                4. สตรีมีครรภ์
                                                                • มีผลข้างเคียงของการทำ Hifu (ไฮฟู่)

                                                                ผลข้างเคียงของการทำ Hifu ข้อเสียที่เกิดจากการทำ Hifu (ไฮฟู่) เช่น เครื่องปลอม เครื่องไม่ได้มาตรฐาน ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ไม่สม่ำเสมอกัน ยิงพลังงานสูงลงสู่ชั้นผิวจนผิวเกิดการไหม้ หรือยิงโดนเส้นประสาททำให้เกิดหน้าบวม ปากเบี้ยวได้

                                                                • หลังทำ Hifu (ไฮฟู่) อาจมีความรู้สึกเจ็บ มีอาการ้อน แดงที่ผิว

                                                                เครื่อง Hifu (ไฮฟู่) ปล่อยพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ลงสู่ใต้ชั้นผิวหนัง หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำให้อุณหภูมิใต้ผิวสูงจนทำให้เกิดความอุ่นไปจนถึงร้อนสะสมใต้ผิวหนังและเกิดเป็นรอยแดงบนใบหน้าได้ แต่หลังจากการทำ Hifu (ไฮฟู่) อาจมีอาการผิวร้อนและรอยแดงที่ผิว โดยอาการนี้จะค่อย ๆ หายเป็นปกติภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่หากมีอาการแสบร้อนมาก แนะนำว่าให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

                                                                • หลังทำ Hifu (ไฮฟู่) ผิวหน้าบวมน้ำ หรือ ผิวหน้าบวม

                                                                อาการหน้าบวมน้ำ หรือ อาการหน้าบวมอักเสบ สามารถเกิดขึ้นหลังจากทำ Hifu (ไฮฟู่) ได้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงหลังทำที่เกิดขึ้นตามปกติ โดยสามารถรับประทานยาลดอการปวดอักเสบได้ตามแพทย์สั่ง

                                                                 

                                                                ข้อควรระวังหลังยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่)

                                                                หลังจากการทำ Hifu (ไฮฟู่) ควรระวังและดูแลตนเองเพื่อลดผลข้างเคียง ดังนี้

                                                                • ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์หลังทำ Hifu (ไฮฟู่) เพราะบุหรี่และแอลกอฮอล์มีสารอนุมูลอิสระที่เข้าไปทำให้ผลลัพธ์ของการกระตุ้นคอลลาเจนไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ควร
                                                                • ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้า แรงจนเกินไปหลังจากทำ Hifu (ไฮฟู่) เพราะทำให้ผิวอักเสบได้ หากมีอาการปวดควรประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด
                                                                • หลังจากทำ Hifu (ไฮฟู่) ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดกลางแจ้ง เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันความร้อนสะสมใต้ชั้นผิวหนังที่มากเกินไป 
                                                                • ควรทาครีมบำรุงผิว ตามปกติและควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA+++ เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด

                                                                 

                                                                เปรียบเทียบ HIFU (ไฮฟู่) กับเทคโนโลยียกกระชับชนิดอื่น

                                                                Hifu VS Ulthera

                                                                Hifu (ไฮฟู่) กับUlthera SPT  ต่างกันอย่างไร?

                                                                Hifu (ไฮฟู่) กับ Ulthera SPT (อัลเทอร่า) แตกต่างกันในเรื่องของขนาดจุดโฟกัส ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันออกไป โดย Hifu มีขนาดจุดโฟกัสประมาณ 0.3-0.5 mm ส่วน Ulthera จะมีขนาดจุดโฟกัสประมาณ 1 mm ซึ่งขนาดของจุดโฟกัสที่แตกต่างกันทำให้ Ulthera SPT (อัลเทอร่า) มีขนาดของจุดโฟกัสที่ใหญ่กว่า Hifu (ไฮฟู่) ทำให้สามารถยิงค่าพลังงานออกมาได้เสถียรคงที่กว่าการทำ Hifu (ไฮฟู่) 

                                                                นอกจากนี้ Hifu (ไฮฟู่) และ Ulthera SPT (อัลเทอร่า) มีการยิงพลังงานในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่ง Hifu (ไฮฟู่) ยิงพลังงานในรูปแบบ Single Shot และ Line Cartridge ขึ้นอยู่กับหัวเครื่องที่ใช้ยิง ส่วน Ulthera SPT (อัลเทอร่า) ยิงพลังงานในรูปแบบ Line Cartridge 

                                                                ลักษณะการยิงแบบ  Single Shot และ Line Cartridge มีรายละเอียด ดังนี้

                                                                • การยิงแบบ Single Shot เป็นลักษณะของการเรียงตัวเป็นจุด 1 จุด 
                                                                • การยิงแบบ Line Cartridge เป็นลักษณะเรียงตัวเป็นเส้น โดย 1 เส้นประกอบไปด้วยจุดเรียงกัน 15-25 จุด

                                                                Hifu VS Thermage FLX

                                                                Hifu (ไฮฟู่)Thermage กับ (เทอร์มาจ) ต่างกันอย่างไร?

                                                                Hifu (ไฮฟู่) และ Thermage (เทอร์มาจ) แตกต่างกันในเรื่องของหลักการทำงาน การปล่อยคลื่นคนละชนิดและการลงสู่ชั้นผิวลึกไม่เท่ากัน 

                                                                ซึ่ง Thermage (เทอร์มาจ) ปล่อยคลื่นพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency: RF) ตัวคลื่น RF ที่ใช้เป็น Monopolar RF หรือคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว ลงลึกไปถึงชั้นใต้หนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นผิวที่อยู่ของคอลลาเจน (Collagen) การทำงานของ Thermage (เทอร์มาจ) จะปล่อยพลังงานความร้อน ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ 

                                                                 

                                                                ส่วน Hifu (ไฮฟู่) เป็นการปล่อยพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ที่มีความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจงลงไปสู่ชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) โดยพลังงานของคลื่นอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) จะเปลี่ยนเป็นความร้อนจุดเล็ก ๆ ไปตามตำแหน่งต่าง ๆ

                                                                คำถามพบบ่อยที่เกี่ยวกับ Hifu (ไฮฟู่)

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม?

                                                                ผลลัพธ์หลังจากทำ Hifu (ไฮฟู่) นั้นจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังจากทำประมาณ 1 เดือน และสามารถอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) เจ็บไหม?

                                                                ระหว่างทำ Hifu (ไฮฟู่) จะมีความรู้สึกตึงและเมื่อยใต้ผิวบริเวณที่ทำ เป็นการยิงค่าพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) เข้าสู่ชั้นผิว โดยที่ก่อนทำแพทย์จะมีการแปะยาชาก่อนทำเสมอ 

                                                                • Hifu (ไฮฟู่) ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน?

                                                                การทำ Hifu (ไฮฟู่) โดยปกติแล้วจะสามารถเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดหลังทำ Hifu ไปแล้วประมาณ 1 เดือน และสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 6-12 เดือน โดยการทำ Hifu (ไฮฟู่) สามารถทำซ้ำทุก ๆ 3 เดือนเพื่อความต่อเนื่องสู่ผลลัพธ์ที่สวยนานขึ้น 

                                                                สรุป ข้อดี-ข้อเสียของ Hifu (ไฮฟู่)

                                                                จากการเปรียบเทียบข้อมูลของข้อดีและข้อเสียของการทำ Hifu (ไฮฟู่) จะเห็นได้ชัดว่าข้อดีของการทำ Hifu (ไฮฟู่) มีมากกว่าข้อเสีย และข้อเสียที่กล่าวมานั้น เป็นอาการที่สามารถพบได้ในการทำเครื่องยกกระชับหลายๆเครื่อง และยังสามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน จึงทำให้การทำ Hifu (ไฮฟู่) กลายเป็นเครื่องยกกระชับยอดนิยมที่มีคนเข้ารับบริการกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การทำ Hifu (ไฮฟู่) ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ต้องเลือกทำ Hifu (ไฮฟู่) กับคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน เครื่องแท้ และทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น

                                                                รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกที่มีมาตรฐาน พร้อมทีมแพทย์ที่มากประสบการณ์ พร้อมให้คำแนะนำและปรึกษาก่อนเข้ารับบริการทุกเคส ใส่ใจทุกการบริการเพื่อผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพในการรักษาอย่างต่อเนื่อง

                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                  คลาวเดีย ยกกระชับ ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Oligio

                                                                  ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Oligio


                                                                  ถึงตาคุณคลาวเดียผิว “ยกกระชับ ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Oligio จัดให้ !

                                                                  เป็นอีกหนึ่งสาวสวยที่ฝาก ฝีมือการแสดงในเรื่องสืบสันดาน จนทำให้คนดูอย่างเราพลาดไม่ได้เลยสักตอน คราวนี้ถึงตาคุณคลาวเดียของฝากผิวหน้าให้รมย์รวินท์คลินิกได้เป็นผู้ช่วยดูแลบ้าง 

                                                                  Oligio

                                                                  “ด้วยอาชีพนักแสดงของคลาวเดีย ที่จำเป็นจะต้องโชว์ตัว โชว์หน้า ออกกล้อง เจอกับผู้คนอยู่บ่อยๆ ทำให้คลาวเดียต้องดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ช่วงนั้นจะเป็นช่วงว่างจากงาน และคลาวเดียก็ได้เจอกับผู้ช่วยอย่างรมย์รวินท์คลินิก ที่คลาวเดียฝากให้ช่วยดูแลเรื่องผิวให้คลาวเดียด้วยอีกทางหนึ่ง ที่คลาวเดียไว้ใจให้รมย์รวินท์ดูแลผิวก็ยอมรับเลยว่าเราเชื่อถือในตัวคลินิกอยู่แล้ว เพราะเราได้ยินชื่อเสียงของรมย์รวินท์คลินิกมานาน และเขาก็มีสาขาตั้ง 28 สาขา ถ้าไม่เป็นตัวจริงเรื่องผิวจะมีสาขาเยอะขนาดนี้ได้เหรอ 

                                                                  การที่ได้มาทำสวยที่รมย์รวินท์คลินิกครั้งนี้ คลาวเดียรู้สึกประทับใจในการบริการมาก เพราะคุณหมอแววให้คำปรึกษาดีมาก อธิบายลักษณะ ปัญหาผิวของเราได้เข้าใจ แล้วรู้ถึงปัญหาของตัวเองได้อน่าละเอียด คุณหมอแววใช้เทคนิค Lifting Select ของรมย์รวินท์คลินิกในการประเมินใบหน้าของคลาวเดียก่อนเป็นอันดับแรก

                                                                  คุณหมอแววบอกว่าเทคนิค Lifting Select จะช่วยตรวจวิเคราะห์ปัญหาใบหน้าของเราได้อย่างละเอียดอย่างตรงจุด ให้เห็นถึงปัญหาโดยผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก ซึ่งเทคนิคนี้ทำให้คุณหมอสามารถเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหาของเราได้อย่างตรงจุด และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังทำหัตถการค่ะ 

                                                                  คุณหมอแววประเมินผิวหน้าให้คลาวเดียและเลือกโปรแกรม Oligio ให้คลาวเดีย เพราะคลาวเดียรีเควสต์คุณหมอแววก่อนเลยว่าเราอยากให้หน้าของเรายกกระชับขึ้น ผิวดูฟู ดูสดใสมากขึ้นแบบไม่เจ็บและไม่ต้องใช้ยาชา คุณหมอแววเลยว่า Oligio นั้นตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการคลาวเดียเลย เพราะ Oligio นอกจากจะยกกระชับผิวแล้ว ยังช่วยสร้าง Skin Quality ที่ดีให้กับผิวหน้าของคลาวเดียได้อีกด้วย สำหรับตัวคลาวเดียเอง คลาวเดียคิดว่าเรื่อง Skin Quality เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเกี่ยวกับผิวภายนอกซึ่งเป็นส่วนสัมพันธ์กันกับการทำงาน การแต่งหน้า และการเป็นนักแสดงของคลาวเดียเป็นอย่างมาก

                                                                  Oligio

                                                                  คลาวเดียต้องยอมรับเลยว่าคลาวเดียเลิฟผลลัพธ์หลังทำ Oligio มาก ตอบโจทย์ทุกอย่างที่คลาวเดียรีเควสต์เลย ทั้งความยกกระชับ ผิวแน่นเฟิร์มดูแข็งแรงขึ้นมาก หน้าตาดูสดใสมากๆ เห็นผลลัพธ์ได้เลยตั้งแต่ครั้งแรกหลังทำเสร็จ และยอมรับเลยว่าตอนทำ Oligio ไม่เจ็บเหมือนที่คิดเลย  และระยะเวลาทำก็แค่ 30 นาทีเท่านั้น แต่ให้ผลที่ดีมากๆเลยค่ะ คุณหมอแววบอกกับคลาวเดียว่าผลลัพธ์ในการรักษาสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปีเลยทีเดียว

                                                                  แบบนี้จะไม่ให้ชอบได้ยังไงล่ะค่ะ ใครที่อยากหน้ายกกระชับใบหน้าให้แน่นเฟิร์ม รวมทั้งหมดกังวลเรื่องผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ให้กลับมามีคุณภาพที่ดีอีกครั้ง คลาวเดียแนะนำ Oligio เลยค่ะ เพราะคลาวเดียพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยตัวเองมาแล้ว 

                                                                  Oligio

                                                                  ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Oligio คืออะไร? 

                                                                  Oligio นวัตกรรมเพื่อความงามยกกระชับที่ช่วยสร้าง Skin Qualty ที่ดีให้ผิวหน้า โดยเทคนิคการรักษาแบบ Fast Moving Technique ที่มีความเสถียรและได้มาตรฐาน ช่วยยกกระชับผิวด้วยการปล่อยพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ หรือ Radio Frequency แบบ Monopolar RF โดยยิงคลื่นความถี่ 6.78 MHz เปลี่ยนพลังงานให้เป็นพลังงานความร้อนลงสู่ผิวชั้นหนังแท้ หรือ Dermis เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ให้เกิดการจัดเรียงตัวกันขึ้นใหม่แน่นเฟิร์ม ยกกระชับมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งยังฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวตึงกระชับ ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย และพลังงานความร้อนที่ Oligio ปล่อยออกมายังสามารถลงลึกได้ถึงชั้นไขมัน กำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้า เช่น แก้ม และเหนียง คางสองชั้น ได้อีกด้วย และนวัตกรรมยกกระชับผิว Oligio ยังได้รับการรับรองจาก FDA จากหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และไทย นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล “ 2024 Korea customer preference index No.1” การันตีคุณภาพจากประเทศเกาหลีอีกด้วย

                                                                  Oligio

                                                                  ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Oligio ที่ทำให้คุณคลาวเดียประทับใจคือ

                                                                  • Minimize Pain เพราะ Oligio มีระบบ Vibration ช่วยลดความเจ็บปวดขณะทำการรักษา และยังมีระบบ Cooling system ที่ปล่อยความเย็นออกมาเพื่อปกป้องผิวชั้นนอกจากความร้อน และส่งพลังงานความถี่สูงลงไปยังผิวชั้นลึก ทำให้หลังทำ Oligio สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้นผิวหน้า 
                                                                  • Faster Treatment มีฟังก์ชันออโต้ ทำให้การทำและขนาดของ Oligio ปลอดภัยและมีความแม่นยำสูง และ Oligio ยังมีหัว Face Tip ขนาดกว้างถึง 4 เซนติเมตร ซึ่งสามารถทำได้เป็นบริเวณกว้าง ช่วยประหยัดเวลาในการทำการรักษา ใช้เวลาในการทำ Oligio เฉลี่ย 20-30 นาที 
                                                                  • Safe Treatment มีระบบ Real-Time temeration Monitoring ที่สามารถวัดอุณหภูมิของผิวหนังในขณะทำการรักษาด้วย Oligio ได้แบบเรียลไทม์ ลดความเสี่ยงในการเกิดผิวไหม้เบิร์นขณะทำ Oligio และยังมีระบบ Pressure Sensing ที่ช่วยตรวจสอบแรงต้านทานของผิวและหัว Face Tip เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดก่อนทำการรักษาอีกด้วย
                                                                  • Convenience โปรแกรม Oligio มีระบบทรีตเมนต์ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมด Single, โหมด Double และโหมด Auto ซึ่งแพทย์ผู้มีประสบการณ์ประจำรมย์รวินท์คลินิกจะเลือกใช้ให้เหมาะกับผิวหน้าของผู้มาเข้ารับบริการ
                                                                  • Long-Lasting Effect โปรแกรม Oligio ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเกิดความแน่นเฟิร์ม ผลลัพธ์หลังทำ Oligio จึงอยู่ได้นานถึง 1 ปีเลยทีเดียว

                                                                  ผิวแน่นเฟิร์มด้วย Oligio ทำให้ใบหน้าของคุณคลาวเดียดูดีขึ้นได้อย่างไร

                                                                  • Oligio ช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวให้เกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่
                                                                  • Oligio ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างของผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ให้ผิวแน่นเฟิร์ม ตึงกระชับ
                                                                  • Oligio ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
                                                                  • Oligio ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณแก้ม และเหนียง 
                                                                  • Oligio ช่วยสร้างกรอบหน้าให้คมชัด ดูมีมิติ จะมองมุมไหนก็สวยได้ทุกองศา 
                                                                  • Oligio เห็นความแตกต่างได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ทำ
                                                                  • Oligio หัตถการที่ให้ความรู้สึกเจ็บน้อย แต่ผลลัพธ์หลังทำอยู่ได้นานถึง 1 ปี

                                                                  อยากมีผิวหน้ายกกระชับ ผิวแน่นเฟิร์ม มอบ Skin Quality ที่ดีให้ผิวของคุณด้วยโปรแกรม Oligio แบบคุณคลาวเดีย สามารถเข้ารับบริการได้ที่รมย์รวินท์คลินิก โดยสามารถสอบถามข้อมูลเบื้องต้นได้ที่ช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง

                                                                  Radiesse Plus ยอดขายถล่มทลาย ที่รมย์รวินท์คลินิค

                                                                  radiesse plus

                                                                  คุณหมอออย และคุณหมอริว ให้สัมภาษณ์ L’Officiel  เกี่ยวกับ Radiesse Plus ผลิตภัณฑ์ยอดฮิตในเวลานี้

                                                                  ฮ๊อตไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ กับโปรแกรม Radiesse Plus Lift & Contour ที่เป็นโปรแกรมใหม่ผลลัพธ์ที่ดีมากๆจนเป็นที่กล่าวขานกันในวงการแพทย์ และยังได้รับความนิยมจนผู้เข้ารับบริการได้รับความพึงพอใจในการรักษากันอย่างถ้วนหน้า

                                                                  ล่าสุด คุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ และ คุณหมอริว นพ.อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน จากรมย์รวินท์คลินิก ได้รับเกียรติให้สัมภาษณ์กับทาง L’Officiel Thailand (ลอฟฟีเซียล ไทยแลนด์) ที่ได้รับร่วมมือกับ บริษัท Merz Aesthetics (เมิร์ซ เอสเธติกส์) ในการสร้างสรรค์แคมเปญ Radiesse Plus x L’Officiel ; Next Top Model for The Master of Lift & Contour ที่เป็นการเชิญแขกคนพิเศษ ที่เป็นแพทย์จากคลินิกเสริมความงามชั้นนำของประเทศไทยมารวมตัวกัน  ในฐานะ “The Master of Lift & Contour” (แพทย์ที่ผ่านการอบรมและได้รับการรับรองในการใช้ Radiesse Plus )

                                                                  โดยคุณหมอออย และคุณหมอริว เล่าเกี่ยวกับเทรด์ความงาม ในยุคปัจจุบันว่า “เทรนด์การมีกรอบหน้าที่มีความคมชัด มีมิตินั้นกำลังเป็นที่นิยม คือการมีโครงหน้า กรอบหน้า หรือกระดูกบริเวณใบหน้าที่มีความคมชัด จึงเป็นการยกพยุงโครงสร้างของใบหน้าและการทำผิวให้ดูมีความเด็กลง ส่งผลให้ภาพรวมของใบหน้าดูดีมากขึ้น  ทำให้เทรนด์การสร้างกรอบหน้าให้ดูคม ชัด มีมิติจึงยังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้”

                                                                  ในส่วนของโปรแกรม Radiesse Plus Lift & Contour คุณหมอออย และคุณหมอริว มีความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ว่า

                                                                  “โครงหน้าที่มีความชัด หมายถึงการมีชั้นกระดูกที่ดี หากไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมแต่ต้องการมีใบหน้าที่มีกรอบหน้าที่คอมชัด มีมิติ โปรแกรม Radiesse Plus Lift & Contour ก็คือหนึ่งทางเลือกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โปรแกรม Radiesse Plus Lift & Contour จัดเป็นสารฉีดลิฟติ้งที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง ผลิตจากแคลเซียมไฮดรอกซิวอะพาไทด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีโครงสร้างสารที่ตรงกันกับแคลเซียมที่มีในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยในการรักษา อีกทั้ง โปรแกรม Radiesse Plus Lift & Contour ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ฉีดในปริมาณที่ไม่มากก็สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเห็นได้ชัดในด้านการสร้าง แสง เงา  กรอบหน้า และโครงหน้าที่มีความชัดเจน หากทำการรักษาโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและรู้จักผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี  ทั้งยังให้ผลลัพธ์ในการรักษาอย่างเป็นธรรมชาติ 

                                                                  ยกตัวอย่างเช่น การแต่งหน้า ที่ในเวลาแต่งต้องการสร้างแสงและเงา โดยการใช้ไฮไลต์ เฉดดิ้ง คอนทัวร์ เพื่อเป็นการสร้างมิติให้กับใบหน้า โดยความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์จากรมย์รวินท์คลินิก ทำให้สามารถฉีดโปรแกรม Radiesse Plus Lift & Contour ฉีดสารตื้นเป็นแนวได้ รวมทั้งสามารถทดแทนบางส่วนลงไปถึงกระดูกชั้นลึกที่อยู่ในแต่ละตำแหน่งได้

                                                                  นอกจากจะเป็นการยกกระชับใบหน้า ให้มีมิติ มีความคมชัด แต่ยังเป็นการสร้างตำแหน่งบนใบหน้าให้เป็นจุดตกกระทบของแสงให้ใบหน้าและกรอบหน้าดูมีมิติได้ โดยที่แพทย์ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่มาก แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดี ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ”

                                                                  โปรแกรม Radiesse Plus Lift & Contour ที่รมย์รวินท์คลินิกจะเป็นการฉีดโดยเทคนิค lifting Select ที่เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ใบหน้าด้วย 3 เฟรมเวิร์คมีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกที่เดียวเท่านั้น สำหรับใครที่ต้องการจะเข้ารับบริการด้วยโปรแกรม Radiesse Plus ที่รมย์รวินท์คลินิก สามารถเข้ารับบรอการได้แล้วที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา หรือทักสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับแอดมินได้ทุกช่องทางออนไลน์ ทั้ง Line และ Facebook

                                                                  สามารถอ่านบทสัมภาษณ์จาก L’Officiel ได้ที่ คลิก >>   L’Officiel

                                                                  แพรว นฤภรกมล (คีตา สืบสันดาน) ULTHERA SPT

                                                                  Ulthera


                                                                  พร้อมเปิดแบบไม่ปกปิด โปรแกรม ULTHERA ตัวจริงเรื่องยก..ยกหน้าให้คุณแพรวได้จริง 

                                                                  วันนี้ไม่ได้จะมาแสดงละครอะไรให้ดู แต่จะมาแสดงให้เห็นว่าผิวสวย ยกกระชับและดูดีได้ด้วยเครื่อง Ulthera SPT มันเป็นยังไง ไม่รอช้า! เพราะคุณแพรว สาวสวยจากซีรีส์สืบสันดาน กำลังจะเปิดเผยความลับแล้ว!

                                                                  Ulthera

                                                                  “เป็นผู้หญิงก็อยากสวย ยิ่งตอนนี้อายุก็เริ่มมากขึ้น ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ค่อยมีริ้วรอย แต่แพรวก็ปัญหาเรื่องรูปหน้าที่ไม่ค่อยคมชัด แล้วก็ไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่ เวลาถ่ายรูปแพรวบางทีแพรวก็ต้องอาศัยใช้มุมกล้องที่คิดว่าเราดูดีที่สุด เพื่อให้หน้าดูสวยมีมิติมากยิ่งขึ้นค่ะ แพรวก็เลยอยากลองหาตัวช่วยในเรื่องของการยกกระชับปรับรูปหน้าให้แพรว จนได้มาเจอรมย์รวินท์คลินิกเนี่ยแหละค่ะ ที่ตอบโจทย์แพรวมากที่สุด ไม่รอช้า แพรวจึงเข้ามาปรึกษาคุณหมอเลย

                                                                   

                                                                  ที่แพรวไว้ใจและเลือกรมย์รวินท์คลินิกให้เป็นผู้ช่วยจัดการเรื่องความสวยให้แพรว เพราะแพรวได้ยินชื่อเสียงของรมย์รวินท์คลินิกมานานแล้ว และแพรวก็เคยมาทำสวยที่รมย์รวินท์คลินิกบ่อยๆ คุณหมอก็น่ารักให้คำปรึกษาแพรวได้อย่างดีเลย วันนี้แพรวมายกกระชับหน้ากับคุณหมอออยค่ะ คุณหมอออยจะใช้เทคนิค Lifting Select ในการวิเคราะห์ใบหน้าของแพรวผ่าน 3 เฟิร์มเวิร์กของรมย์รวินท์คลินิก เพื่อดูว่าปัญหาใบหน้าของแพรวคืออะไร ต้องวางแผนในการรักษายังไง เพื่อเลือกเครื่องมือในการรักษาที่ตอบโจทย์กับใบหน้าของแพรวมากที่สุด ซึ่งแพรวคิดว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะรู้สึกได้ถึงความใส่ใจ และพร้อมดูแลผิวเราจริงๆค่ะ 

                                                                   

                                                                  โปรแกรมที่คุณหมอออยเลือกให้แพรวก็คือ Ulthera SPT ในระหว่างที่ทำการรักษาแพรวรู้สึกว่าเจ็บน้อยกว่าที่คิดมาก เพราะก่อนทำจะมีการทายาชา เพื่อทำให้เจ็บน้อยก่อน งานนี้เลยสบายๆค่ะ และแพรวชอบตรงที่ Ulthera SPT เค้ามีจอแสดงผลทำให้แพรวเห็นชั้นผิวตัวเอง และเห็นไปถึงชั้นผิวที่คุณหมอออยยิงเพื่อยกกระชับด้วย แล้วคุณหมอออยก็จะคออธิบายให้แพรวเข้าใจ ว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร ส่งผลในการทำยังไง

                                                                  หลังทำ Ulthera SPT แพรวคิดว่ามันตอบโจทย์เรื่องยกผิวแพรวมากนะ เพราะแพรวรู้สึกว่าหน้าของแพรวยกกระชับมากยิ่งขึ้น รูปหน้า กรอบหน้าของแพรวชัดขึ้น ทีนี้ถ่ายรูปหน้าตรงแค่ไหนแพรวก็ไม่ต้องกังวลแล้วค่ะ แถมคุณหมอออยยังบอกว่าทำแล้วอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลยนะ! ใครที่อยากปรับรูปหน้าให้คมชัด กรอบหน้าชัดมากขึ้นต้องมาทำ Ulthera SPT ที่รมย์รวินท์คลินิกเหมือนแพรวได้เลยนะคะ

                                                                  Ulthera

                                                                  Ulthera SPT คืออะไร คุณแพรว หรือคีตาแห่งสืบสันดานถึงติดใจมากก!

                                                                  Ulthera SPT นวัตกรรมการยกกระชับผิว ที่ยิงด้วยพลังงาน Focused Ultrasound ลงได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวให้เกิดการเรียงตัวกันใหม่ได้แน่นและกระชับมากยิ่งขึ้น ให้ผลลัพธ์เหมือนหรือเทียบเท่ากับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าเลยทีเดียว

                                                                  นอกจากเรื่องการยกกระชับแล้ว Ulthera SPT ยังช่วยปรับรูปให้เรียว สร้างกรอบหน้าให้คมชัด มีมิติมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Ulthera SPT ถูกพัฒนามาจากตัวเก่าให้มีความเจ็บในระหว่างการรักษาน้อยลง  รักษาได้ตรงจุด และมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้นด้วยจอแสดงผลที่สามารถทำให้คุณหมอดูการรักษา ชั้นผิว คลื่นที่ยิง ได้แบบเรียลไทม์ในตอนทำ 

                                                                  นอกจาก Ulthera SPT จะมีความพิเศษในเรื่องจอภาพแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนหัวในการรักษาได้ตามระดับความลึกของชั้นผิว ทำให้การยกกระชับปรับรูปหน้าด้วย Ulthera SPT ได้ผลลัพธ์ที่ดีเทียบเท่ากับการทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า แต่ต่างกันที่ Ulthera SPT ทำแล้วไม่ทิ้งรอยแผลไว้ และไม่ต้องพักฟื้น 

                                                                  • S : See มีหน้าจอแสดงผลที่สามารถมองเห็นสภาพผิวขณะทำการรักษาได้แบบ real time ทำให้รักษาได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
                                                                  • P : Plan สามารถวางแผนการรักษาได้ตรงจุด ตอบโจทย์ปัญหาของแต่ละบุคคลเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                                                  • T : Treat ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และมีริ้วรอยได้ตรงจุด มอบใบหน้าที่ยกกระชับ และช่วยปรับรูปหน้าให้สวยคมชัดทุกมิติ 

                                                                  ใครสามารถทำ Ulthera SPT แบบคุณแพรวได้บ้างนะ

                                                                  • Ulthera SPT สำหรับผู้ที่อยากยกกระชับ ให้ใบหน้าเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ แต่ไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรม ไม่อยากเจ็บตัว และไม่อยากพักฟื้นเป็นเวลานาน 
                                                                  • Ulthera SPT เหมาะสำหรับผู้ที่ปัญหาริ้วรอย และความหย่อนคล้อยของผิวหน้าในระดับปานกลาง ไปจนถึงมาก ให้หน้าดูอ่อนเยาว์มากกว่าที่เคย
                                                                  • Ulthera SPT เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบริเวณร่องแก้มลึก รอบดวงตา ถุงใต้ตา และตีนกา ทำให้ผิวรอบดวงตาดูอ่อนเยาว์สดชื่นขึ้น
                                                                  • Ulthera SPT ผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้าดูดี อ่อนเยาว์ เจ็บตัวน้อย แต่ได้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน 
                                                                  • Ulthera SPT เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว สร้างกรอบหน้าชัด และเพิ่มมิติให้ใบหน้าสวยได้ทุกองศา ไม่ต้องคอยหลบมุม

                                                                  Ulthera

                                                                  ทำไมต้องมาทำ Ulthera ที่รมย์รวินท์ แบบคุณแพรว 

                                                                  • เพราะ Ulthera SPT ที่รมย์รวินท์คลินิก เป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ปลอดภัย และได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Ulthera SPT เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง และให้ผลลัพธ์ที่ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ทำในด้านการยกกระชับใบหน้า ทำให้ผู้เข้ารับบริการมั่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
                                                                  • ที่รมย์รวินท์คลินิกคุณหมอจะใช้แทคนิค Lifting Select ในการช่วยวิเคราะห์ใบหน้าได้ลึกทุกระดับชั้นผิว ผ่าน 3 เฟรมเวิร์ก เพื่อตรวจวิเคราะห์ปัญหาผิวก่อนการเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับผู้มาเข้ารับบริการ ตอบโจทย์ปัญหาได้ตรงจุด และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกที่เดียวเท่านั้น
                                                                  • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการทำหัตถการ คอยให้คำปรึกษาก่อนและหลัง การทำ Ulthera SPT ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถวางใจได้ว่าจะได้รับบริการและผลลัพธ์ที่ดีกลับไปอย่างแน่นอน
                                                                  • ที่รมย์รวินท์คลินิกคำนึงถึงความสะอาดของสถานที่ เครื่องมือที่นำมาใช้ให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจให้แก่ผู้มาเข้ารับบริการทุกท่าน
                                                                  • ที่รมย์รวินท์คลินิกมีโปรโมชันพิเศษให้ผู้มาเข้ารับบริการสม่ำเสมอ นอกจาก Ulthera SPT แล้วยังมีโปรฯพิเศษอื่นๆให้คุณได้ติดตามทุกๆ เดือน เพื่อให้ผู้มาเข้ารับบริการนอกจากจะได้รับความงามและบริการที่ดีกลับไป แล้วยังได้ความประทับใจกลับบ้านไปอีกด้วย 

                                                                   

                                                                  สำหรับใครที่อยากมีรูปหน้าสวย มีมิติกรอบหน้าคมชัดแบบคุณแพรว เข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะคะ

                                                                  AviClear รักษาสิวเครื่องเดียวจบ

                                                                  AviClear

                                                                  AviClear AviClear

                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                    AviClear จบปัญหาสิวในเครื่องเดียว

                                                                    สิว เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเคยประสบ และเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะพูดกับใครเรื่องสิว ๆ ก็มักจะเป็นเรื่องที่ทุกคนมีประสบการณ์ร่วม เพียงแต่ว่าปัญหาสิวในแต่ละคนอาจเกิดขึ้นกันคนละช่วงเวลาเท่านั้นเอง  

                                                                    สำหรับสาเหตุของการเกิดสิว ปัญหาหลักก็ คือ เมื่อร่างกายเกิดการผลิตน้ำมัน (sebum) ออกมาในจำนวนที่มากเกินไป น้ำมันส่วนเกินจะเกิดการผสมตัวเข้ากับเซลล์ผิวหนังที่เกิดการเสื่อมสภาพลง จากนั้นการผสมตัวดังกล่าวจะเข้าไปเกิดการอุดตันอยู่ที่รูขุมขนของคนเรา ทำให้แบคทีเรียที่อยู่ในผิวหนังได้เจริญเติบโตขึ้น และส่งผลให้เข้าไปกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งการอักเสบนั่นเองที่เป็นสาเหตุของอาการแดง และเกิดตุ่มหนอง

                                                                    AviClear

                                                                    AviClear เป็นโปรแกรมเครื่องเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นในระดับ 1726 นาโนเมตร ทำงานกับต่อมไขมันบริเวณรูขุมขน อยู่ใต้ผิว 0.5 – 1.5 มม. ซึ่งคลื่นดังกล่าวเป็นคลื่นที่สามารถดูดซับน้ำมัน (sebum) ได้ ผลิตโดยบริษัท Cutera Inc  โดยมีค่า +/- 3 nm ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการทำงานของ ลำแสงเลเซอร์ (spot size) พลังงาน และระยะเวลาในการระบายความร้อนของต่อมไขมัน  มีผลต่อระยะเวลาในการปล่อยพลังงานคลื่น  

                                                                    AviClear  ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาสิวทุกปัญหา โดย AviClear  ทำงานโดยการเลือกจับที่เป้าหมาย คือ บริเวณต่อม ไขมัน (Sebaceous glands) เป็นหลัก AviClear เหมาะสำหรับคนทุกกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ (all acne severities : mild moderate and severe) ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิวที่อยู่ในระดับที่มีความรุนแรงมาก ขนาดไหนก็สามารถทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย ใช้ได้กับสีผิวในทุกระดับ ด้วยการใช้ความยาว และระดับคลื่นอย่างเหมาะสมในการรักษา AviClear  จึงสามารถรักษาได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศแคนาดา (Health Canada) ว่าสามารถรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้อีกด้วย

                                                                    AviClear

                                                                    อีกทั้ง AviClear ยังได้รับรางวัลเทคโนโลยี ที่มีความปลอดภัยต่อผิวของผู้เข้ารับการรักษาที่อยู่ในทุกระดับสีผิว (safe for all skin types and skin tones) 

                                                                    โดยปกติแล้วการรักษาสิว จะมีหลักในการรักษาอยู่ที่สาเหตุของการเกิดสิว แต่ยังไม่มีการรักษาชนิดใด ที่สามารถลดการผลิตน้ำมันบนผิวหนังได้แบบ AviClear จึงทำให้การรักษาทั้งหมดนั้น ไม่สามารถให้ผลการรักษาที่ดีในระยะยาวได้ ในบางคนที่ทำการรักษาไม่ตรงกับปัญหาจึงส่งผล ให้เมื่อหยุดการรักษาก็จะสามารถกลับมาเป็นสิวได้อีกครั้ง แต่ AviClear มีหลักในการรักษาที่แตกต่างกัน จึงทำให้สามารถรักษาสิวได้ดีกว่าอย่างแตกต่าง

                                                                    AviClear

                                                                    ข้อดีของการรักษาด้วย AviClear

                                                                    • AviClear ไม่ต้องใช้ยาชา
                                                                    • AviClear ลดการเกิดสิวทุกชนิดได้จริง
                                                                    • AviClear ลดการเกิดสิวระยะยาวถึงสองปี
                                                                    • AviClear ทำได้แม้ผิวที่บอบบาง
                                                                    • AviClear ไม่เบิร์น ไม่ไหม้
                                                                    • AviClear ไม่ทำร้ายผิว
                                                                    • AviClear ช่วยปกป้องผิวในระหว่างทำ
                                                                    • AviClear มีระบบทำความเย็นในเครื่อง
                                                                    • AviClear ช่วยรักษารอยแผลเป็นได้ด้วย
                                                                    • AviClear ลดหน้ามันได้
                                                                    • AviClear ลดขนาดรูขุมขนได้
                                                                    • AviClear ไม่ทำลายชั้นผิวหนัง ให้ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษามีความสมบูรณ์

                                                                    ข้อเสียของการรักษาด้วย AviClear

                                                                    • AviClear  ทำให้ผิวแห้งหลังทำการรักษา
                                                                    • AviClear  ทำให้ทำกิจกรรมกลางแจ้งไม่ได้ในระยะการรักษา
                                                                    • AviClear  ทำให้คันบริเวณที่ทำการรักษา
                                                                    • AviClear  ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น

                                                                    ใครเหมาะสําหรับการรักษาด้วย AviClear

                                                                    • ผู้ที่หมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกประเภท
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวจากทุกสาเหตุ
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกระดับความรุนแรง
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวในทุกสีผิว
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกช่วงวัย
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เคยรักษาสิวด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่หาย
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ไม่ต้องการรักษาสิวด้วยการรับประทานยา
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ต้องการรักษาสิวในระยะยาว
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวที่เปลี่ยนเครื่องสำอางแล้วยังไม่หาย
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้วยังไม่หาย
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ แพ้ยารักษาสิว
                                                                    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวในระยะรุนแรง

                                                                    ใครไม่เหมาะสําหรับการรักษาด้วย AviClear

                                                                    • ผู้ที่ไม่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ กำลังตั้งครรภ์ หรือเป็นสิวในระหว่างตั้งครรภ์
                                                                    • ผู้ที่ไม่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เคยมีอาการแพ้คลื่นแสงเลเซอร์

                                                                    การเตรียมก่อนเข้ารับการรักษาด้วย AviClear

                                                                    1. 2 – 3 วันก่อนเข้ารับการรักษา หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว
                                                                    2. เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการทำเลเซอร์

                                                                    การเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการรักษาด้วย AviClear

                                                                    1. ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดก่อนเข้ารับบริการ AviClear
                                                                    2. หากในบริเวณที่ต้องการทำมีเส้นขน จำเป็นต้องโกนขนออกให้หมด เพื่อไม่ให้เกิดฟองอากาศใต้หัวยิง เนื่องจากจะไม่สามารถวางหัวยิง AviClear แนบผิวได้
                                                                    3. ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการทำ AviClear อีกรอบด้วยสบู่อ่อน ๆ และล้างน้ำเปล่าอีกครั้ง
                                                                    4. เก็บภาพก่อนทำการรักษา เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
                                                                    5. ซับความชุ่มชื้นของผิวออก ด้วยผ้าก๊อซ แห้ง และสวมแว่นตา เพื่อป้องกันแสงเลเซอร์จากเครื่อง AviClear
                                                                    6. ซับความมันด้วยผ้าก๊อซชุบ medical/ACS grade acetone บิดให้แห้ง
                                                                    7. เตรียมผิวด้วย ผ้าก๊อซ หรือ Mask ชุบน้ำโปะให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทำ ประมาณ 3 นาทีก่อนทำการรักษา

                                                                    ขณะทําการรักษาด้วย AviClear

                                                                    ขณะทำการรักษาด้วย AviClear ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา เนื่องจากบริเวณหัวยิงเลเซอร์จะมี สิ่งที่เรียกว่า AviClearSapphire skin coolling and sensory control หรือเครื่องทำความเย็น เพื่อปกป้องผิวบริเวณที่ทำการรักษาในระหว่างก่อน ขณะ และหลังยิงเลเซอร์ในทุก ๆ Pulse ของ AviClear จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกผ่อนคลาย และสบายผิวระหว่างทำการรักษา โดยจะมีเพียงความรู้สึกอุ่น ๆ ในบริเวณที่ทำการรักษา ยกเว้นบริเวณที่บอบบาง sensitive area เช่น หน้าผาก ขมับ รอบริมฝีปาก รวมทั้งบริเวณสิวอักเสบ สำหรับบริเวณดังกล่าวนี้ อาจมีความรู้สึกมากกว่าในตำแหน่งอื่น ๆ ทุก ๆ 1-3 Pulse ให้จับผิวด้วยผ้าก๊อซชุบน้ำสะอาดบริเวณผิวที่ทำการรักษา เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น โดยการยิง แพทย์จะทำการยิงทั้งหมดจำนวน 300 shots ในแต่ละครั้งของการเข้ารับบริการ

                                                                    ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับบริการ AviClear

                                                                    • ทาครีมกันแดดที่มีค่าป้องกัน UVA/UVB SPF 30+ โดยสามารถทาได้ทันที หลังจากได้รับการรักษาด้วย AviClear  (ทาก่อนออกแดด 90 นาที)
                                                                    • ให้ล้างทำความสะอาดผิวหน้า ทาครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยนทาครีมกันแดดที่มีค่าป้องกัน UVA/UVB SPF 30+ หลังทำ AviClear
                                                                    • หลีกเลี่ยงครีม หรือการรักษา หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวใน 2 – 3 วันภายหลังการรักษาด้วย AviClear
                                                                    • สามารถใช้ครีมบำรุงผิวที่ใช้เป็นประจำได้ ภายใน 2 – 3 วันหลังการรักษา AviClear 

                                                                    การดูแลภายหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear

                                                                    1. หากรู้สึกไม่สบายผิวหลังทำ AviClear สามารถประคบเย็นที่ผิวบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อบรรเทาอาการได้
                                                                    2. ในบางผู้เข้ารับบริการ AviClear อาจทำให้เกิดอาการบวมได้ หรือผิวเป็นดวงในบริเวณที่ทำการรักษา สามารถประคบเย็นได้เพื่อบรรเทาอาการ โดยอาการบวม และดวงจะคงค้างนานที่สุดไม่เกิน 24 ชั่วโมง
                                                                    3. ในวันถัดไปหลังทำ AviClear  สามารถล้างหน้า หรือล้างในบริเวณที่ทำการรักษาด้วยสบู่อ่อน และน้ำสะอาด รวมทั้งทาผิวด้วยครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้น อ่อนโยน ไม่แพ้ ทาครีม กันแดด UVA/UVB SPF30+ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
                                                                    4. หลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear  ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิวเช่น vitamin C/ascorbic acid Ita: astringents เป็นระยะเวลา 8-10 วัน
                                                                    5. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน ซาวน่า อย่างน้อย 1-2 วันหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear 
                                                                    6. ห้ามออกกำลังกายที่ทำให้มีเหงื่อออกเยอะ 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear 
                                                                    7. หลังเข้ารับการรักษา AviClear จะทำให้ผิวในบริเวณที่ทำการรักษา อาจแห้งอุดตันคงค้างในบางราย 4 สัปดาห์หลังเข้ารับการรักษา ให้ทาครีมเพื่อทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ที่อ่อนโยน และไม่แพ้
                                                                    8. หลังเข้ารับบริการ AviClear ควรทาครีมกันแดด และครีม ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากขณะเข้ารับบริการผิวจะแห้งกว่าปกติ
                                                                    9. งดกำจัดขนด้วยการแว๊กซ์ หรือใช้เลเซอร์ ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวระคายเคือง
                                                                    10. ห้ามทำกิจกรรมกลางแจ้งขณะอยู่ในครอสทำการรักษาด้วย AviClear 

                                                                    ความรู้สึกภายหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear 

                                                                    • ผู้เข้ารับการรักษาด้วย AviClear บางคนมีอาการบวมที่บริเวณที่ทำการรักษา โดยอาจมี หรือไม่มีหนองร่วมด้วย โดยอาการนี้จะเป็นไปตามรูปแบบของการยิง ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2 – 3 ชั่วโมง หรือในบางคนอาจดี ขึ้นภายใน 2 – 3 วัน
                                                                    • หลังทำ AviClear จะมีอาการผิวแห้ง และมีอาการคัน ซึ่งอาการนี้พบได้นาน 2 – 3 สัปดาห์ โดยไม่ควรเกา และให้ทาครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว เพื่อบรรเทาอาการคันแทน

                                                                    AviClear ได้ทำการศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการรักษาได้ผลลัพธ์ ดังต่อไปนี้

                                                                    • ภายใน 1 เดือนหลังจากทำการรักษาด้วย AviClear ครั้งสุดท้าย จะพบว่าผู้เข้ารับการรักษามีความพึงพอใจ และเห็นผลการรักษาสูงถึง 87% 
                                                                    • นอกจากนี้ 3 เดือนภายหลังการรักษาด้วย AviClear ครั้งสุดท้าย ผู้เข้ารับการรักษามากกว่า 75% ยังคงมีความชื่นชอบในผลการรักษา และยังต้องการทำการรักษาซ้ำ

                                                                    การตอบสนองของผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ ภายหลังการรักษา AviClear มีพบผลลัพธ์ดังนี้ 

                                                                    • ผู้เข้ารับบริการ AviClear ไม่พบผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ภายหลังการรักษา
                                                                    • ภายหลังการรักษา AviClear พบว่าผู้เข้ารับบริการจะมีอาการแดงขึ้นเล็กน้อย และรอยแดงดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องกังวล
                                                                    • อาการบวม แดง ที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง โดยไม่ทิ้งรอยอื่น ๆ ที่ต้องพักฟื้น
                                                                    • หลังการรักษาด้วย AviClear จะไม่มีรอยแผลที่ส่งผลให้เกิดรอยดำ (hyperpigmentation) ตลอดระยะเวลาที่ทำงานวิจัย

                                                                    AviClear

                                                                    ผลการตัดชิ้นเนื้อ: หลังจากการทำรักษาด้วยเครื่อง AviClear

                                                                    ผลการตัดชิ้นเนื้อหลังทำการรักษา AviClear พบว่า AviClear สามารถเข้าไปยับยั้งการผลิตน้ำมัน (sebum) ได้โดยที่ไม่รบกวนเนื้อเยื่อรอบข้าง และผิวหนังชั้นนอก ส่งผลให้ผิวหนังชั้นนอกที่ได้รับการรักษายังคงสมบูรณ์ครบถ้วน และ AviClear มีการทำลายเฉพาะต่อมไขมันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวเพียงเท่านั้น

                                                                    การรักษาด้วย AviClear ควรทำบ่อยแค่ไหน และควรทำกี่ครั้ง

                                                                    • เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา ควรเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ให้ครบ 3 ครั้ง โดยในแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะห่าง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ในบางรายที่เป็นหนักอาจต้องทำการรักษามากกว่า 3 ครั้งหรือ 6  ครั้ง

                                                                    AviClear AviClear

                                                                    AviClear AviClear

                                                                    AviClear ใช้ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้งกี่นาที

                                                                    • AviClear ใช้ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้งประมาณ 30 นาที ไม่รวมทำความสะอาดใบหน้า

                                                                    AviClear รักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ด้วยหรือไม่

                                                                    • AviClear  สามารถรักษาสิวได้ ทั้งยังได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศแคนาดา (Health Canada) เกี่ยวกับด้านการรักษารอยแผลเป็นจากสิวอีกด้วย

                                                                    AviClear AviClear

                                                                    AviClear AviClear

                                                                    ระบบทำความเย็นใน AviClear ที่มีชื่อว่า AviCool คืออะไร ทำงานอย่างไร

                                                                    • ช่วยปกป้องผิวชั้นนอก จากการลดอุณหภูมิของผิวในขณะทำการรักษา
                                                                    • มีระบบทำความเย็น ทั้งก่อน ขณะ และหลังการปล่อยพลังงาน
                                                                    • เครื่อง AviClear มีระบบทำความเย็นก่อนยิงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
                                                                    • จะใช้อุณหภูมิที่มีความเย็นมาก ในช่วงก่อนปล่อยพลังงานเลเซอร์ เนื่องจากจะทำให้หลังจากการปล่อยพลังงานจากเครื่อง AviClear แล้วอุณหภูมิคลื่นจะไม่สูงจนเกินไป
                                                                    • ระบบทำความเย็นหลังปล่อยพลังงาน ช่วยปกป้องผิวหนังชั้นนอก ไม่ให้ร้อนขึ้นจากการระบายความร้อนใต้ผิว

                                                                    ข้อจำกัดของ AviClear Laser มีอะไรบ้าง

                                                                    • หากเป็นโรคเริม ในขณะแสดงอาการ ไม่แนะนำให้ทำ AviClear หากคนไข้มีประวัติ การเป็นโรคเริม แนะนำให้ทานยาต้านไวรัสก่อนมาทำการรักษา 1-2 วัน และทานต่อเนื่องจนครบ 5 วัน เพื่อป้องกันการลุกลามของอาการ
                                                                    • ผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนัง หรือมีประวัติการเป็นมะเร็งผิวหนัง ที่ผ่านการผ่าตัดรักษาแล้ว อยู่ในข้อควรระวังที่ต้องปรึกษา และให้แพทย์ประเมินก่อนทำ AviClear
                                                                    • ผู้ที่เป็นแผลคีย์ลอย หรือมีประวัติการเป็น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินการรักษาอย่างละเอียดก่อนทำ AviClear
                                                                    • ผู้ที่มีผิวไหมจากการโดนแดด กลุ่มนี้จะมีผิวที่เกิดการระคายเคืองง่าย แนะนำในพักผิว 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ AviClear เหมือนกันกับเครื่องเลเซอร์ ชนิดอื่นๆ
                                                                    • ในกรณีรับประทานยากลุ่ม anti coagulant (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด) ควรปรึกษาแพทย์โดยละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาก่อนทำ AviClear

                                                                    สิวมีกี่ทั้งหมดประเภท

                                                                    การแบ่งประเภทของสิว สามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก และสามารถแบ่งแยกย่อยลงไปอีกได้ ดังนี้

                                                                    1. สิวอักเสบ

                                                                    สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดขึ้นจากการอักเสบของรูขุมขนรวม ทั้ง ต่อมไขมันบนผิวหนัง เมื่อรูขุมขนเกิดการอุดตันจากน้ำมันบวกกับเซลล์ผิวต่าง ๆ ที่ตายไปแล้ว แต่ยังคงเกาะอยู่ตามผิวหนังทั้งยังมี เชื้อแบคทีเรียจากสิ่งสกปรกในชีวิตประจำวัน รวมตัวเข้าด้วยกัน จึงทำให้ผิวหนัง และรูขุมขนดังกล่าวเกิดการอักเสบขึ้น จึงส่งผลให้ผิวนั้นมีลักษณะบวมแดง เจ็บ และอาจมีหนอง ร่วมด้วย ซึ่งก็คือสิวที่เรารู้จักกันนั่นเอง โดยสิวจำนวกนี้สามารถแยกย่อยออกไปอีกได้ ดังนี้

                                                                    • สิวตุ่มแดง จะเป็นสิวที่มีขนาดเล็ก มีลักษณะเพียงเป็นตุ่มนูนแดง ขึ้นมาเฉย ๆ โดยจะไม่มีอาการคัน หรือเจ็บร่วมด้วย
                                                                    • สิวหัวหนอง จะเป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ทำให้ผิวเกิดการอักเสบขึ้น มีลักษณะเป็นสิวขนาดเล็ก และที่มีหัวที่เป็นหนองอยู่ด้านใน อาจทำให้เจ็บ หรือคัน เวลาสัมผัส
                                                                    • สิวอักเสบขนาดใหญ่ จะเป็นสิวที่มีลักษณะการอักเสบรุนแรงมากกว่าสิวชนิดอื่น ๆ มีรูปร่างเป็นสิวที่เป็นตุ่มนูน บวมแดงขนาดใหญ่ ในบางทีอาจมีหนองร่วมด้วย เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ และคัน
                                                                    • สิวหัวช้าง จะเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ สิวชนิดนี้จะฝังตัวอยู่ลึกใต้ผิวหนัง หากเป็นจะมีความเจ็บปวดร่วมด้วย ร้ายแรงยิ่งกว่าคือหากเป็นสิวชนิดนี้ และมีการอักเสบจะมีความรุนแรงมากที่สุด โดยเชื้อโรคจากสิวชนิดนี้จะสามารถกระจายไปทั่วทุกบริเวณ อวัยวะที่เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า ลำคอ หลัง ได้ เมื่อเป็นแล้วควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

                                                                    2. สิวไม่อักเสบ

                                                                    สิวไม่อักเสบ เรียกอีกอย่างได้ว่า สิวอุดตัน (หรือ Non-inflammatory acne) เป็นสิวที่เกิดขึ้นจากการที่รูขุมขนของคนเรานั้น เกิดการอุดตันด้วยขึ้นด้วยน้ำมันส่วนเกิน บวกกับเซลล์ผิวของเราที่ตายแล้ว รวมกันอยู่ในรูขุมขนโดยยังไม่มีการติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรก จึงทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง หรืออาการเจ็บปวดเหมือนสิวประเภทแรก  โดยสิวชนิดนี้สามารถจะแบ่งชนิดออกได้ ดังนี้

                                                                    • สิวหัวขาว มีลักษณะเป็นสิวที่มีขนาดตุ่มเล็ก ๆ สีขาว เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนที่ลึกลงไป แต่จะไม่มีการอักเสบร่วมด้วย สิวชนิดนี้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าผื่น หรือผด แต่ข้อควรระวัง คือ สิวหัวขาวนั้นเป็นสิวที่สามารถติดเชื้อ และอักเสบได้ในอนาคต โดยจะไม่อักเสบทันที แต่จะเป็นการอักเสบจากกระตุ้น คือ การบีบ หรือแกะสิว
                                                                    • สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นสิวตุ่มเล็ก ๆ มีสีดำ อันเกิดจากการอุดตันที่เกิดจากรูขุมขนที่เกิดการออกซิไดซ์จากน้ำมันบนใบหน้า และเซลล์ผิว จึงเกิดเป็นสีดำเมื่อได้สัมผัสกับอากาศ เราจึงสามารถมองเห็นสิวประเภทนี้ได้ชัดเจน มักจะอยู่บริเวณรูขุมขน สามารถรักษาให้หายได้

                                                                    อะไรคือสาเหตุของการเกิดสิว

                                                                    การเกิดสิว เป็นสิ่งที่มีสาเหตุการเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย อาทิ ฮอร์โมนในร่างกาย อาหารการกิน พันธุกรรม การดูแลผิวหน้า ครีม หรือเครื่องสำอางที่ใช้ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น แต่ในบางคนดูแลผิวหน้าเป็นอย่างดีก็สามารถเกิดสิวได้ เนื่องจากสิวเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยตามที่กล่าวมาข้างต้น โดยเป็นปัจจัยที่ทั้งมองเห็น และมองไม่เห็น

                                                                    • สิวเกิดจากน้ำมันส่วนเกิน เป็นสิวที่เกิดจากต่อมน้ำมันใต้ผิว เกิดการผลิตไขมันออกมาในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
                                                                    • สิวเกิดจากเซลล์ผิวตาย เป็นสิวที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ผิวที่ตาย เกิดการผลัดและหลุดออกไม่หมด จึงส่งผลให้เข้าไปอุดตันอยู่ในรูขุมขนร่วมกับน้ำมัน ทำให้เกิดสิว
                                                                    • สิวเกิดจากแบคทีเรีย เป็นสิวที่ได้จากแบคทีเรียชนิด P. acnes หรือชื่อใหม่ C.acnes เป็นแบคที่เรียที่อยู่ในรูขุมขน และเกิดการอักเสบขึ้น
                                                                    • สิวเกิดจากฮอร์โมน ในผู้ที่มีฮอร์โมนสูง ร่างกายจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันเกิดการผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมากเกินไป โดยจะพบในกลุ่มวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน วัยกำลังโต หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่าสิวสาวนั่นเอง 
                                                                    • สิวเกิดจากพันธุกรรม สิวจากพันธุกรรม มักเกิดขึ้นในผู้ที่มีครอบครัว หรือประวัติคนในครอบครัวเคยมีประวัติการเป็นสิว จึงทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวได้ง่ายมากกว่าคนอื่น ๆ และสิวเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
                                                                    • สิวเกิดจากโรคบางชนิด โรคบางชนิดนั้นมีส่วนในการทำให้ฮอร์โมนเพศสูงขึ้น เมื่อฮอร์โมนเพศสูงขึ้นจึงทำให้เกิดสิวได้ เช่นกัน
                                                                    • สิวเกิดจากการดูแลผิวไม่ถูกวิธี การหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ทำให้มีข้อมูลที่ถูกและผิดที่ทำให้เกิดการเลียนแบบ และทำความสะอาดสะอาดผิวหน้าได้อย่างไม่ถูกต้อง รวมทั้งการซื้อครีม หรือซื้อเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิวของเรา
                                                                    • สิวเกิดจากอาหาร การรับประทานอาหารบางชนิดสามารถทำให้เกิดสิวได้ อาทิ อาหารที่มีความมัน อาหารทอด นม หรืออาหารหวาน แพทย์จึงให้ปรับการรับประทานอาหารเพื่อรักษาสิว
                                                                    • สิวเกิดจากความเครียด เป็นการกระตุ้นฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดสิว
                                                                    • สิวเกิดจากการใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิดมีส่วนผสม หรือสารที่ส่งผลให้เกิดสิวได้

                                                                    วิธีรักษาสิว มีอะไรบ้าง?

                                                                    สิว เรียกได้ว่าเป็นปัญหาผิวที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับเล็ก ไปจนถึงความรุนแรงที่สูง การรักษาสิวนั้นก็สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การรักษาด้วยตัวเอง และการรักษาโดยแพทย์ รวมถึงการรักษาด้วยหัตถการที่จะช่วยรักษาได้อย่างตรงจุด โดยการรักษาสิวจะมุ่งเน้นไปที่การทำให้สิวยุบตัวลง พร้อมหยุดการเกิดสิวใหม่ และป้องกันการเกิดรอยสิว รอยแผลเป็น ดังนี้

                                                                    1. การใช้ยาทาภายนอก เช่น เจลแต้มสิว ยารักษาสิว
                                                                    2. การใช้ยารับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น ยาปรับฮอร์โมน หรือในยาบางชนิดที่ช่วยลดสิว
                                                                    3. การดูแลผิว เช่น การทำความสะอาดผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว 
                                                                    4. การรักษาด้วยหัตถการ เช่น การกดสิว การทำเลเซอร์สิว AviClear laser

                                                                    AviClearAviClear

                                                                    AviClear AviClear

                                                                    ใครที่ผ่านการรักษาสิวมาแล้วทุกรูปแบบ แต่ก็ยังไม่หายสักที จนกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความกังวลใจ จนเป็นผลถึงการใช้ชีวิตต้องลอง AviClear เพราะทำครั้งเดียวเห็นผลในระยะยาวถึง 2 ปี โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดสิวอีก ทำได้ในทุกประเภทของสิว ทุกสีผิว และทุกประเภทของสิว ปลอดภัย ได้รับ FDA รับประกัน 

                                                                    ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษาปัญหาสิวที่รมย์รวินท์คลินิกพร้อมทั้งให้แพทย์ประเมินการรักษาเบื้องต้น ก่อนทำการรักษา เพื่อความปลอดภัยในการรักษาหรือทักเข้ามาช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง เพื่อปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ได้ทั้งช่องทางไลน์ https://bit.ly/RomrawinLINE และ Facebook หรือลงทะเบียนผ่านช่องทางลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                      INDIBA ยกกระชับ ฟื้นฟูได้อย่างไร คืออะไร ช่วยอะไร

                                                                      Indiba

                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                        INDIBA ฟื้นฟู กระชับ หัวจรดเท้า ในเครื่องเดียว

                                                                        ในยุคที่คนหันมาดูแลทั้งสุขภาพและความงามของตัวเองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายก็เข้าคลินิกเสริมความงามกันได้อย่างไม่เคอะเขิน นั่นเป็นเพราะในบางทีเขาอาจไม่ได้เข้าไปเพื่อเสริมความงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่บางคลินิกเสริมยังสามารถเข้าไปเพื่อดูแลร่างกายในส่วนอื่นๆได้

                                                                        เนื่องจากบางเทคโนโลยีในปัจจุบัน สามารถทำได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาอื่นๆที่นอกเหนือจากการเสริมความงาม เช่น การกระตุ้นให้ผิมแข็งแรง ลดไขมัน ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ยกกระชับเรือนร่าง และช่องคลอด ได้อีกด้วย อย่างเช่นเครื่อง INDIBA ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้นั่นเอง

                                                                        INDIBA เป็นโปรแกรมที่ช่วยปรับผิว ให้มีความกระชับโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆได้ทั่วทั้งร่างกาย ทั้งการฟื้นฟู ปรับแต่ง และแก้ไข ด้วยการใช้เทคโนโลยี Capacitive Resistive Monopolar Radiofrequency หรือ CRMRF  หรือเป็นการบำบัดด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุ มีความปลอดภัยเนื่องจากเทคโนโลยีนี้ถูกใช้ทางการแพทย์มานานมากกว่า 35 ปี ที่มีความถี่ 448 kHz ในการกำจัดไขมัน กระชับสัดส่วน กระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ฟื้นฟูผิวหนังชั้นเนื้อเยื่อชั้นลึก ยกกระชับใบหน้า รักษาบรรเทาอาการปวดตามร่างกาย และช่วยลดอาการบวมช้ำหลังจากผ่าตัดศัลยกรรม  ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่มีความเสถียรในการรักษาที่จัดว่ามีความสูงเป็นอย่างมาก

                                                                        INDIBA นับเป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากในการช่วยปรับสมดุลเซลล์ ช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกาย กระตุ้นให้เกิดการเผาผลาญที่มากขึ้น ช่วยลดไขมันและเซลลูไลต์ที่สะสมในร่างกายโดย INDIBA  จะทำงานผ่านคลื่นโดยไม่ทำลายเซลล์ข้างเคียงอื่น ๆ

                                                                        มีความปลอดภัยสูง ได้รับ FDA ทั้งจากประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา และยังผ่านการจดสิทธิบัตรถึง 12 สิทธิบัตร ทั้งยังได้รับรางวัล ในระดับสากลมากมายอย่างต่อเนื่องเนื่องจาก INDIBA ได้รับการพัฒนาโปรแกรมโดยตลอดตามความต้องการและปัญหาที่หลากหลายของกลุ่มผู้เข้ารับบริการ

                                                                        ซึ่ง INDIBA เป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากในวงการแพทย์ความงาม เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่สามารถใช้ได้ครอบคลุมทั่วทั้งร่างกายได้เกิดประโยชน์เป็นอย่างมาก

                                                                        INDIBA ใช้ระบบโปรไอออนิก (Proionic) โดยการถูกส่งไปยังชั้นลึกของผิวหนัง (ชั้นหนังแท้) ที่มีเส้นใยคอลลาเจนอยู่ คลื่นวิทยุของ INDIBA จึงเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์โดยรวมทั้งเซลล์ที่อยู่ในระดับตื้นและเซลล์ที่อยู่ในระดับลึกให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาด้วย INDIBA ถึง 3 อย่างประกอบไปด้วย

                                                                        1. โหมดที่ไม่ทำให้เกิดความร้อนที่ผิว ได้ผลลัพธ์ในการรักษาคือ Biostimulation โดยการกระตุ้นให้ใต้ชั้นผิวหนังได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น 

                                                                        • ผลที่เกิดจากการรักษาด้วย INDIBA ในโหมดนี้คือการที่พลังงานเข้าไปทำการซ่อมแซม ฟื้นฟูเซลล์ และกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังใหม่ รวมทั้งยังจัดเรียงตัวกันเป็นอย่างดี

                                                                        2.โหมดที่ใช้ความร้อนในระดับปานกลางที่ผิว ได้ผลลัพธ์ในการรักษาคือ Vascularization โดยการกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด 

                                                                        • ผลที่เกิดจากการรักษาด้วย INDIBA ในโหมดนี้คือ การเพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ที่อยู่ใต้ผิว การเพิ่มปริมาณเลือด ในบริเวณเฉพาะที่รวมทั้งการปรับปรุงเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ชั้นผิวให้ดีขึ้น

                                                                        3.โหมดที่ใช้ความร้อนในระดับสูงที่ผิว ได้ผลลัพธ์ในการรักษาคือ Hyperactivation โดยการกระตุ้นกระบวนการเมแทบอลิซึม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อร่างกาย

                                                                        • ผลที่เกิดจากการรักษาด้วย INDIBA ในโหมดนี้คือ  การช่วยขจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย เพิ่มกระบวนการเผาผลาญของเซลล์ ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจน

                                                                        ความแตกต่างของ INDIBA กับโปรแกรมอื่นๆ

                                                                        ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า INDIBA เป็นโปรแกรมที่สามารถใช้ได้แทบทุกส่วนของร่างกาย และยังทำให้เกิดผลดีในการรักษาหลายด้าน สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

                                                                        Indiba

                                                                        ข้อดีในด้านความงามและรูปร่างของ INDIBA

                                                                        • INDIBA ช่วยในการเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว
                                                                        • INDIBA ช่วยลดการอักเสบ และฟกช้ำของผิวหนังทั้งชั้นในและชั้นนอก
                                                                        • INDIBA ช่วยลดอาการปวด จากการทำหัตถการความงาม
                                                                        • INDIBA ช่วยการลดไขมันสะสมใต้ชั้นผิวหนัง รวมทั้งยังช่วยลดไขมันที่สะสมภายในช่องท้อง
                                                                        • INDIBA ช่วยยกกระชับผิวที่มีความ ห้อย หย่อนคล้อย
                                                                        • INDIBA ช่วยกระชับสัดส่วน รูปร่างให้กระชับมากขึ้น
                                                                        • INDIBA ช่วยในการกำจัดเซลลูไลต์ โดยขับออกทางเหงื่อ น้ำเหลืองปัสสาวะและอุจจาระ
                                                                        • INDIBA ช่วยในการลดเลือนรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นได้
                                                                        • INDIBA ช่วยในการลดผิวเปลือกส้ม และเพิ่มการเผาผลาญ
                                                                        • INDIBA ช่วยในการลดไขมันสะสมในช่องท้อง (Visceral Fat)
                                                                        • INDIBA ช่วยในการลดไขมันหน้าท้อง
                                                                        • INDIBA ช่วยในการเพิ่มอัตรา การเผาผลาญของไขมัน

                                                                        ใครเหมาะกับการดูแลความงามและรูปร่างด้วย INDIBA 

                                                                        • ผู้ที่มีผิวที่หย่อนคล้อยต้องการกระชับ
                                                                        • ผู้ที่มีผิวเปลือกส้มที่ต้องการลดความขรุขระของผิว
                                                                        • ผู้ที่มีผิวหลวมที่ต้องการการกระชับ
                                                                        • ผู้ที่มีไขมันสะสม ที่ต้องการลดไขมัน
                                                                        • ผู้ที่ต้องการรักษารอยแผลเป็น
                                                                        • ผู้ที่มีริ้วรอยและต้องการลดเลือน
                                                                        • ผู้ที่ต้องการลดเซลลูไลต์
                                                                        • ผู้ที่มีไขมันหน้าท้อง
                                                                        • ผู้ที่ต้องการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

                                                                        Indiba

                                                                        ข้อดีในด้านผิวพรรณของ INDIBA 

                                                                        • INDIBA มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
                                                                        • INDIBA ช่วยในการลดรอยแตกลายของผิวหนังได้
                                                                        • INDIBA ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ไม่กระชับ
                                                                        • INDIBA ช่วยยกกระชับถุงไขมันใต้ตา

                                                                        เนื่องจาก INDIBA เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต จึงส่งผลให้สารอาหารในร่างกายสามารถส่งไปเลี้ยงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ INDIBA ยังสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้ สามารถใช้ INDIBA ในการรักษาร่วมกันกับการทำหัตถการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์  การทำเครื่องยกกระชับ การทำเลเซอร์ หรือการร้อยไหมได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความเหมาะสมในการรักษาก่อนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น

                                                                        ในด้านการดูแลรูปร่างด้วย INDIBA จำเป็นจะต้องทำการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่พึงพอใจ เนื่องจาก INDIBA เป็นโปรแกรมที่ใช้คลื่นความถี่สูงในการรักษา หากเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอ จะส่งผลให้ รูปร่างกระชับมากขึ้น ผิวหย่อนคล้อยน้อยลง เซลลูไลต์และไขมันสะสมลดน้อยลงได้

                                                                        ใครเหมาะกับการดูแลผิวพรรณของด้วย INDIBA 

                                                                        • ผู้ที่มีริ้วรอย
                                                                        • ผู้ที่มีรอยเหี่ยวย่นที่บริเวณต่างๆ บนใบหน้า
                                                                        • ผู้ที่ต้องการ ยกกระชับใบหน้า
                                                                        • ผู้ที่มีถุงใต้ตาที่ต้องการกระชับ
                                                                        • ผู้ที่มีร่องลึกต่างๆบนใบหน้า

                                                                        Indiba

                                                                        ข้อดีในด้านการกระชับ และแก้ปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดของ INDIBA 

                                                                        • แก้ปัญหาความดันลมที่ช่องคลอด
                                                                        • แก้ปัญหาตกขาวมากกว่าปกติ
                                                                        • แก้ปัญหาผิวหนังอักเสบ เจ็บ ปวด กล้ามเนื้อช่องคลอด
                                                                        • แก้ปัญหาผิวช่องคลอดแห้ง คัน ให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น
                                                                        • แก้อาการปวดกระดูกเชิงกราน
                                                                        • แก้อาการช่องคลอดหย่อนคล้อย ทั้งภายในและภายนอก
                                                                        • แก้ปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และปัสสาวะเล็ด
                                                                        • แก้ปัญหาต่างๆอันเนื่องมาจากการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน

                                                                        INDIBA ในการแก้ปัญหาช่องคลอด ทำงานด้วยการใช้พลังงานโปรไอโอนิก หรือ Proionic โดยการใช้พลังงานที่ซึมลึกลงไปถึงชั้นผนังเซลล์เนื้อเยื่อด้านในสุด ช่วยทำให้การไหลเวียนโลหิตที่ระบบสืบพันธุ์ดียิ่งขึ้น จึงเป็นการรักษาปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ ทำให้ผลลัพธ์ไม่เพียงแต่จะทำให้ ช่องคลอดเกิดความกระชับแน่นกว่ามาขึ้น  แต่ INDIBA ยังช่วยให้สามารถคงความสมดุลในระดับลงลึกถึงเซลล์ในร่างกาย เป็นการทำให้ช่องคลอดมีสุขภาพที่ดี แข็งแรงตั้งแต่ต้นเหตุถึงปลายเหตุ การใช้  INDIBA ในการแก้ปัญหาต่างๆเกี่ยวกับช่องคลอด ควรทำการรักษาขั้นต่ำ 3 ครั้ง แต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างกัน 1 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา

                                                                        ใครเหมาะกับการดูแลและแก้ปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดด้วย INDIBA 

                                                                        • ผู้ที่มีลมในช่องคลอด
                                                                        • ผู้ที่มีช่องคลอดแห้ง
                                                                        • ผู้ที่มีรูปร่างของอวัยวะเพศไม่สวย
                                                                        • ผู้ที่มีอวัยวะเพศที่มีสีคล้ำ ต้องการให้มีความสวยงาม
                                                                        • ผู้ที่มีภาวะช่องคลอดอักเสบ
                                                                        • ผู้ที่มีอาการเจ็บปวดอุ้งเชิงกราน
                                                                        • ผู้ที่มีอาการ ปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่ได้
                                                                        • ผู้ที่มีปัญหาตกขาว
                                                                        • ผู้ที่ก้าวเข้าสู่ วัยหมดประจำเดือน ที่ไม่ต้องการให้ช่องคลอดเกิดปัญหาต่างๆ

                                                                        Indiba

                                                                        ข้อดีในด้านการผ่าตัดและศัลยกรรมของ INDIBA 

                                                                        • INDIBA ช่วยลดโอกาสในการเกิดแผลเป็นหลังผ่าตัด ทำศัลยกรรมได้
                                                                        • INDIBA ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืดในบริเวณที่ทำศัลยกรรมและไม่ต้องการให้เป็นพังผืดได้
                                                                        • INDIBA ช่วยฟื้นฟูหลังทำการศัลยกรรม
                                                                        • INDIBA ช่วยลดการเกิดพังผืดเกาะหน้าอกในกรณีที่ทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก
                                                                        • INDIBA ช่วยในการระบายของเสีย เช่นเลือด น้ำเหลืองต่างๆ หลังจากทำการผ่าตัดศัลยกรรม
                                                                        • INDIBA ช่วยทำให้แผลที่เกิดขึ้นหลังผ่าตัดศัลยกรรมฟื้นตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น
                                                                        • INDIBA ช่วยลดอาการปวด บวม แดง ช้ำ ที่เกิดขึ้นหลังการผ่าตัดทำศัลยกรรมได้

                                                                        INDIBA สามารถใช้ในก่อนหรือหลังการผ่าตัดทำศัลยกรรมประเภทใดเพื่อฟื้นฟูผิวได้บ้าง

                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ ศัลยกรรมกระชับหน้าอก
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ ศัลยกรรมทำกล้ามหน้าท้อง
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ ศัลยกรรมเพิ่มขนาดหน้าอก
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ ศัลยกรรมผิวหนังเปลือกตา เช่นตาสองชั้น หรือตัดหนังตา
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ ศัลยกรรมเสริมจมูก และตัดปีกจมูก
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ ศัลยกรรม ใบหู เกี่ยวกับหูกาง หรือหูแนบกับใบหน้ามากเกินไป
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ ศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า และดึงใบหน้า
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ ศัลยกรรมหน้าท้อง
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ การดูดไขมัน
                                                                        • สามารถทำเพื่อรักษา แผลเป็นทั้งแผลใหม่ แผลเก่า และแผลเป็นคีลอยด์ได้
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ การทำศัลยกรรมตกแต่ง จากอุบัติเหตุได้
                                                                        • สามารถทำร่วมกันกับ การทำศัลยกรรมเสริมส่วนต่างๆในร่างกายได้ๆ

                                                                        Indiba

                                                                        ข้อดีในด้านการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะของ INDIBA 

                                                                        • INDIBA ช่วยเรื่องการเพิ่มความแข็งแรงให้หลอดเลือดฝอย
                                                                        • INDIBA ช่วยการฟูเส้นเลือดฝอย ด้วยการช่วยการไหลเวียนของโลหิตภายในร่างกาย ส่งผลให้ออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงหนังศีรษะและรากผมได้ดีมากยิ่งขึ้น
                                                                        • INDIBA สามารถทำร่วมกับการรักษาเส้นผมและรากผมชนิดอื่นๆได้ อาทิ  การปลูกผม ,ทรีตเมนต์ผม

                                                                        ใครเหมาะกับการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะด้วย INDIBA 

                                                                        • ที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน
                                                                        • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง
                                                                        • ผู้ที่ลองแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นแล้ว แต่ไม่ได้ผล
                                                                        • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความหนาของผมบนศีรษะ

                                                                        Indiba

                                                                        ข้อดีในด้านการลดอาการบาดเจ็บในร่างกายของ INDIBA 

                                                                        • INDIBA ช่วยเรื่องการบรรเทาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ อาทิอาการ ช้ำของผิวหนัง อาการระบม เอ็นอักเสบ กระดูกหัก
                                                                        • INDIBA ช่วยเรื่องการบรรเทาอาการ ถุงน้ำอักเสบ ข้อต่ออักเสบ
                                                                        • INDIBA ช่วยเรื่องการบรรเทาอาการ ปวดหลัง ปวดข้อเข่า ปวดคอ
                                                                        • INDIBA ช่วยเรื่องการบรรเทาอาการ ข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม ข้อมืออักเสบ
                                                                        • INDIBA ช่วยเรื่องบรรเทาการบาดเจ็บในนักกีฬา
                                                                        • INDIBA ช่วยป้องกันการบาดเจ็บ ในกลุ่มนักกีฬาระหว่างเตรียมความพร้อมในการลงสนาม
                                                                        • INDIBA ช่วยลดอาการล้าของกล้ามเนื้อและรักษาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
                                                                        • INDIBA ช่วยลดการเกิดพังผืดใต้ผิวหนังหลังผ่าตัด

                                                                        ใครเหมาะกับการดูแลอาการบาดเจ็บในร่างกายด้วย INDIBA 

                                                                        • ผู้ที่เล่นกีฬาเป็นประจำ
                                                                        • ผู้ที่ได้รับอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
                                                                        • ผู้ที่ต้องการยืดอายุของข้อต่างๆในร่างกาย
                                                                        • ผู้ที่เล่นกีฬาจนได้รับการผ่าตัด

                                                                        ข้อดีในด้านการรักษาอาการในกลุ่มออฟฟิศซินโดรมของ INDIBA 

                                                                        • สามารถรักษา ผู้ที่มีภาวะออฟฟิศซินโดรม ได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง
                                                                        • สามารถรักษาผู้ ที่มีอาการปวด บวม อักเสบของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ
                                                                        • สามารถรักษา ในผู้ที่มีการอักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
                                                                        • ช่วยกระตุ้น ให้เกิดการไหลเวียนของเลือดที่ดีขึ้น
                                                                        • ช่วยลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อมีผลในระยะยาวอันดีต่อร่างกาย
                                                                        • ช่วยในการ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่มีอาการปวดเมื่อย หรือบาดเจ็บ ต้นเหตุของอาการออฟฟิศซินโดรม
                                                                        • ช่วยทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
                                                                        • ช่วยในการรักษา อาการปวดเรื้อรัง ทุกส่วนในร่างกาย
                                                                        • ช่วยแก้ปัญหาออฟฟิศซินโดรม โดยการบำบัดร่างกายตั้งแต่ในเซลล์ต้นกำเนิด ส่งผลให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น

                                                                        ใครเหมาะกับการดูแลรักษาอาการในกลุ่มออฟฟิศซินโดรมด้วย INDIBA 

                                                                        • ผู้ที่มีอาการ ออฟฟิศซินโดรมเรื้อรัง
                                                                        • ผู้ที่มีอาการ ออฟฟิศซินโดรมฉับพลัน
                                                                        • ผู้ที่มีอาการ ปวดเมื่อยตัวจากการทำงาน
                                                                        • ผู้ที่มีอาการ ปวดในบริเวณกระดูกจากการทำงาน
                                                                        • ผู้ที่มีอาการ ปวดบวมอักเสบที่เนื้อเยื่อบริเวณต่างๆ

                                                                        ข้อดีของ Indiba

                                                                        • เป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัยสูง
                                                                        • INDIBA  มีระบบการแจ้งเตือนการสัมผัส ในระหว่างตัวหัวอิเล็กโทรด และผู้เข้ารับการรักษา
                                                                        • มีความ น่าเชื่อถือ และความปลอดภัยตลอดการทํา
                                                                        • INDIBA มีความสะดวก และง่ายต่อการใช้งาน
                                                                        • มีขนาดหัวอิเล็กโทรดในการรักษาที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของบริเวณที่ใช้งาน
                                                                        • ความแม่นยำ เที่ยงตรงในการรักษา
                                                                        • INDIBA มีพลังงานท่ีใช้ในการส่งออกอย่างมีความแม่นยำ
                                                                        • ผู้ท่ีมีเหล็กดามในร่างกาย สามารถทำ INDIBA ได้
                                                                        • ผู้ท่ีมีซิลิโคนเสริมหน้าอก และ หรือแม้กระท่ังที่หัวนม สามารถทำ INDIBA ได้
                                                                        • ผู้ท่ีมีภาวะอักเสบเฉียบพลัน สามารถทำ INDIBA ได้
                                                                        • สามารถทำ INDIBA ได้ในบริเวณที่มีความบอบบาง และไวต่อความรู้สึก เช่น เต้านม ต่อมไทรอยด์ รอบดวงตา
                                                                        • ทำในผู้ที่พึ่งร้อยไหม และฉีดฟิลเลอร์ได้
                                                                        • ทำในผู้เป็นโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซียได้
                                                                        • ไม่เจ็บ ไม่ทำให้เกิดบาดแผล
                                                                        • สามารถทําลงบนบริเวณท่ีไม่สามารถใช้คลื่นอื่นๆได้

                                                                        ข้อห้ามในการทำ INDIBA 

                                                                        • ผู้ท่ีใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือมีการ ฝังเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆตามร่างกายไม่ควรทำ
                                                                        • ผู้ท่ีตั้งครรภ์
                                                                        • หลอดเลือดดําอักเสบ ชนิดมีลิ่มเลือด ไม่ควรทำ

                                                                        ข้อควรระวังในการทำ INDIBA 

                                                                        • แผลเปิด หรือแผลเบิร์น จะต้องมีวิธีการรักษาที่มีความจำเพาะเจาะจงมากขึ้น
                                                                        • ในผู้ป่วยท่ีมีความบกพร่องทางด้านการรับความรู้สึก (บกพร่องแต่กําเนิด, เส้นประสาทถูกทําลาย, อัมพาต ครึ่งซีก หรือครึ่งท่อน, ใช้ยาท่ีส่งผลให้การรับความ รู้สึกผิดปกติไป) ควรแจ้งแพทย์โดยละเอียดก่อนทำการรักษา

                                                                        คนไข้ในกลุ่มนี้จำเป็นจะต้องแจ้งรายละเอียดอาการแก่แพทย์อย่างละเอียดเพื่อวางแผนในการรักษาให้เป็นไปได้อย่างดีและปลอดภัยที่สุด

                                                                        INDIBA สามารถทำร่วมกับหัตถการประเภทใดได้บ้าง

                                                                        • การฉีดฟิลเลอร์
                                                                        • การร้อยไหม
                                                                        • การฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
                                                                        • การฉีดสารยับยั้งกล้ามเนื้อ หรือฉีดโบ
                                                                        • การฉีดหน้าใส
                                                                        • การผลัดเซลล์ผิว
                                                                        • การทํา Fractional
                                                                        • การทำเลเซอร์ประเภทต่างๆ
                                                                        • การทำทรีตเมนต์
                                                                        • การทำโปรแกรมยกกระชับ
                                                                        • การทำโปรแกรมลดสัดส่วน
                                                                        • การทำโปรแกรมที่มีความร้อน หรือมีความเย็น
                                                                        • รวมทั้งโปรแกรมต่างๆที่ไม่ได้กล่าว ณ ที่นี้

                                                                        จะเห็นได้ว่า INDIBA เป็นโปรแกรมที่สามารถใช้แก้ปัญหาได้อย่างหลากหลายทั่วทั้งร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สามารถเปลี่ยนหัว Applicator ได้ตามความเหมาะสมของปัญหาที่ต้องการแก้ไขเท่านั้น  โดยเป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัย ใช้ได้ทั้งด้านการฟื้นฟู การรักษา และแก้ปัญหาในร่างกาย

                                                                        รวบรวมคำถามเกี่ยวกับ INDIBA 

                                                                        ทำ INDIBA เจ็บไหม?

                                                                        • INDIBA เป็นโปรแกรมที่ไม่มีความเจ็บ ปวด แสบ ในระหว่างการรักษา

                                                                        INDIBA ต้องใช้ยาชาหรือไม่

                                                                        • ไม่ต้องใช้ยาชา เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่ไม่ทำอันตรายต่อผิว ไม่แสบ ไม่ร้อน ไม่อันตราย

                                                                        INDIBA ใช้ระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งนานหรือไม่

                                                                        • ระยะเวลาในการทำในแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับแต่ละปัญหาในการเข้ามาใช้บริการ และบริเวณที่ทำการรักษา โดยปกติแล้วจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 60 นาที

                                                                        เว้นระยะเวลาในการทำแต่ละบริเวณนานเท่าไร

                                                                        • ในแต่ละบริเวณควรเว้นระยะเวลาในการทำประมาณ 30 วัน ในแต่ละบริเวณ โดยสามารถทำในบริเวณอื่นได้หากยังไม่ครบ 30 วันโดยไม่ส่งผลให้มีอันตราย

                                                                        เป็นแผลเป็นจากการผ่าคลอด สามารถทำ INDIBA ได้ไหม

                                                                        • สามารถทำได้ เนื่องจาก INDIBA สามารถใช้แก้ปัญหาแผลเป็นได้ และสตรีที่อยู่ในช่วงหลังคลอดไม่ได้เป็นระยะที่ต้องห้ามในการทำ แต่ควรให้แผลหายดีก่อนทำการรักษา

                                                                        เป็นแผลสด สามารถทำการรักษาด้วย INDIBA ในบริเวณข้างเคียงได้หรือไม่

                                                                        • ได้ เนื่องจาก INDIBA เป็นโปรแกรมที่ไม่ส่งผลต่อผิวหนังหรือเนื้อเยื่อที่อยู่ในบริเวณข้างเคียง และแพทย์จะต้องทำการประเมินการรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีแผลเพื่อความปลอดภัย

                                                                        ไขมันที่ทำการลดโดย INDIBA จะขับออกทางไหน ตกค้างในร่างกายหรือไม่

                                                                        • ไขมันที่ทำการลดโดย INDIBA จะขับออกทางของเหลวในร่างกายเช่น เหงื่อ ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำเหลือง โดยไม่ตกค้างและไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายทั้งทางตรง และทางอ้อม

                                                                        หลังทำการลดไขมันด้วย INDIBA ไขมันจะสามารถกลับมาได้อีกหรือไม่

                                                                        • ได้ โดยไขมันที่จะกลับมาสู่ร่างกายจะเป็นไขมันที่ร่างกายได้รับเข้าไปใหม่ เช่นหลังทำกินของมัน ของทอด ก็จะทำให้ร่างกายเกิดการสะสมของไขมันได้อีกครั้ง ดังนั้นเมื่อทำ INDIBA เพื่อลดไขมันแล้ว ควรควบคุมอาหาร และหลีกเลี่ยงไขมันควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันการสะสมใหม่ของไขมัน

                                                                        การทำ INDIBA ที่อวัยวะเพศ เป็นการสอดเข้าในอวัยวะเพศจะมีความร้อน และส่งอันตรายต่ออวัยวะเพศและช่องคลอดหรือไม่

                                                                        • ไม่ร้อน โดยแท่งดังกล่าวจะทำงานโดยการส่งคลื่น ผู้เข้ารับบริการจะมีความรู้สึกอุ่นๆเพียงเท่านั้น โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

                                                                        INDIBA ต้องทำกี่ครั้ง

                                                                        • แต่ละบริเวณและปัญหาจะใช้จำนวนครั้งในการทำที่ไม่เท่ากัน หากได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจแล้วสามารถหยุดทำได้ แต่ INDIBA เป็นโปรแกรมที่ไม่อันตรายหากทำหลายครั้ง

                                                                        ดังที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า INDIBA สามารถทำได้ทุกส่วนในร่างกาย และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะมีปัญหาส่วนใด INDIBA ก็สามารถแก้ไขให้ได้เกือบทั้งหมด INDIBA  ทำได้ทุกเพศ และสามารถแก้ปัญหาได้แทบทุกช่วงวัย INDIBA  จึงเป็นเครื่องที่ได้รับความนิยมในตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

                                                                        อีกทั้ง INDIBA  ยังเป็นเครื่องที่ไม่ส่งผลถึงอันตราย แม้ในผู้ที่ไม่สามารถทำเครื่องอื่นๆได้ในบางโรค ก็สามารถทำ INDIBA ได้ ดังนั้นเมื่อมีปัญหาที่ต้องการได้รับการแก้ไข จึงไม่ต้องกังวล สามารเข้ามาปรึกษาแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกได้ทุกสาขา ถึงปัญหาที่มีความกังวลเพื่อวางแผน และประเมินการแก้ไขอย่างเหมาะสมกับร่างกายเพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่เป็นที่พึงพอใจที่สุด ปลอดภัยที่สุด และเหมาะสมกับร่างกายที่สุด หรือปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทาง https://bit.ly/RomrawinLINE

                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                          รมย์รวินท์คลินิก ทุ่มงบทำระบบ CRM มัดใจลูกค้า

                                                                          CRM

                                                                          รมย์รวินท์คลินิก พลิกโฉมด้านบริการทุ่มงบทำระบบ CRM มัดใจลูกค้า

                                                                          สองบิ๊กบอสแห่งรมย์รวินท์คลินิก คุณหมอฐา – แพทย์หญิงฐานิสร ธรรมลิขิตกุล และมาดามจอย – ขวัญฤทัย  ดำรงค์วัฒนโภคิน สองผู้บริหารคนเก่งแห่งรมย์รวินท์คลินิกทุ่มงบไม่อั้นสร้างระบบการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ CRM และ ระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า หรือ Big Data เพื่อใช้ในการรองรับการวิเคราะห์ข้อมูล พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในเชิงลึกมากขึ้น เพื่อให้รมย์รวินท์คลินิกมีความเข้าใจ รู้จัก และ Support ลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อนำมาปรับใช้กับการเลือกสินค้า และบริการให้ตอบโจทย์ในความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ภายใต้ชื่อ RAWIN CLUB

                                                                          CRM rawin Club

                                                                          รมย์รวินท์คลินิกลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการมัดใจลูกค้าคนสำคัญ ให้กลับมาใช้บริการ

                                                                          ที่รมย์รวินท์คลินิกด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ และความชื่นชอบในการบริการของรมย์รวินท์คลินิกอีกทั้งเพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่มากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567

                                                                          ด้วยกลยุทธ์ที่ท้าทายไปอีกระดับกับการผสมผสานงานด้านบริการเข้ากับโลกยุคดิจิทัลโดยการนำฐานข้อมูลหรือ Big Data ที่ได้มาเป็นข้อมูลในการประกอบในด้านการตลาดค้นหาปัญหา ความต้องการ ความชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าเพื่อประยุกต์และพัฒนาให้เกิดการบริการในรูปแบบใหม่ๆที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น ซึ่งการเก็บข้อมูลดังกล่าวที่เก็บได้จากระบบจะเป็นการทำให้ทางรมย์รวินท์คลินิก ทราบว่าลูกค้าใช้บริการประเภทใดไป เป็นลูกค้ากลุ่มใด ลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ความถี่ห่างในการใช้บริการของลูกค้าแต่ละท่านเป็นอย่างไร หรือเรียกง่ายๆว่าการรู้จัก Customer Journey

                                                                          CRM rawin Club

                                                                          ภายใน RAWIN CLUB จะประกอบไปด้วย

                                                                                  1.การจัดเก็บข้อมูลลูกค้าหรือระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์

                                                                          มีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลลูกค้าผู้เข้ารับบริการของรมย์รวินท์คลินิกจากหลากหลายช่องทาง อาทิ เว็บไซต์, เฟสบุค ไลน์ และช่องทางอื่น ๆ เพื่อเป็นการสร้างความแม่นยำในกลุ่มลูกค้าอย่างสมบูรณ์และลึกซึ้ง

                                                                                  2. การติดตามลูกค้า

                                                                          มีหน้าที่ในการช่วยติดตาม ลูกค้า เช่น การนัดหมายในการเข้ามารับบริการ แจ้งเตือนเมื่อแต้มหมดอายุ หรือลูกค้าได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ

                                                                                   3. การวิเคราะห์ข้อมูล

                                                                          มีหน้าที่ในการวิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูลที่ช่วยให้รมย์รวินท์คลินิกมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าผู้เข้ารับบริการได้อย่างมากขึ้น เพื่อให้ทำการตลาดตรงกลุ่มเป้าหมายและความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

                                                                                 4.การเพิ่มยอดขาย

                                                                          มีหน้าที่ในการนำข้อมูลต่างๆมาคิดวิเคราะห์และปรับให้เข้ากันกับบริการและสินค้าของรมย์รวินท์คลินิกเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการในครั้งต่อไปได้ตรงใจลูกค้าได้มากที่สุด

                                                                          CRM rawin Club

                                                                          นับเป็นกลยุทธ์ในการขยายกลุ่มลูกค้า สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ และมัดใจกลุ่มลูกค้าเก่า ในการทำลอยัลตีโปรแกรม (Loyalty Program) ในการกระตุ้นเพื่อลูกค้าเก่าเกิดการกลับมาใช้บริการของรมย์รวินท์คลินิก ซ้ำ ให้การเพิ่ม ส่วนลด ของแถม ของรางวัล กิจกรรมพิเศษ การซื้อแพ็คเกจและการมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในรมย์รวินท์คลินิก ซึ่งมีความใช้งานง่ายและเข้าใจง่าย มีการแจ้งเตือนกิจกรรมต่างๆที่สำคัญต่อลูกค้า ผ่านระบบ SMS และอีเมลเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำ

                                                                          โดยปัจจุบันรมย์รวินท์คลินิกเปิดให้บริการถึง 28 สาขาทั่วประเทศ และยังมีการนำเข้าเทคโนโลยี ตัวยา พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และพนักงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทุกการเข้ารับบริการของลูกค้าได้รับผลลัพธ์และบริการที่ประทับใจที่สุด และเตรียมพบกับรมย์รวินท์คลินิกโฉมใหม่เร็วๆนี้

                                                                           

                                                                          เจ้าสัว บี๋ ธีรพงศ์ (สืบสันดาน) ULTHERA SPT

                                                                          Ulthera


                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                            เจ้าสัวสืบสันดาน (บี๋ ธีรพงศ์) ยกกระชับได้ไม่ต้องสืบด้วย ULTHERA SPT

                                                                            กระแสกำลังเป็นที่นิยมมาก สำหรับซีรีส์เรื่อง “สืบสันดาน” ไปไหนใครๆก็พูดถึงแต่ซีรีส์เรื่องนี้ รมย์รวินท์คลินิกเลยไม่รอช้า ขอเปิดครั้งแรก! ของ “เจ้าสัวรุ่งโรจน์” แห่งตระกูลสถิตย์ไพศาล แต่ว่างานนี้ “ไม่ต้องสืบ” ไปถึงสันดาน เพราะเรื่องเดียวที่ต้องสืบคือ..”ความยกกระชับ หน้าแน่นเฟิร์มของเจ้าสัว!”

                                                                            Ulthera

                                                                            หน้าที่นี้ต้องให้นักสืบที่มีความชำนาญเรื่องงานผิวตัวจริงอย่าง “รมย์รวินท์คลินิก”สืบให้เท่านั้น! พร้อมแล้วก็พาตัวเจ้าสัวรุ่งโรจน์ หรือคุณบี๋ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ มาสืบให้ทราบเลย

                                                                            “ด้วยอาชีพนักแสดงต้องออกกองทุกวัน เจอทั้งแสงแดด แสงไฟ ฝุ่นควัน สภาพแวดล้อมหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งใช้เวลาในการถ่ายทำค่อนข้างนาน บางทีก็ข้ามวันอย่างห้าโมงเย็นในวันนี้ไปจนถึงหกโมงเช้าของอีกวันหนึ่งเลยก็มี และเวลาถ่ายทำละครเราก็จะมัวโฟกัสแต่กับเรื่องการแสดง บทละคร ทำให้ไม่มีเวลาที่จะดูแลตัวเองรวมทั้งผิว ก็เลยทำให้รู้สึร่างกายอ่อนล้า พอมาส่องกระจกดูหน้าตัวเองอีกทีก็เริ่มคิดแล้วว่า นอกจากร่างกายเราจะอ่อนล้า ใบหน้าของเราก็ล้า หย่อนคล้อย ตามกาลเวลา จนเริ่มคิดว่า เราไม่ได้ดูแลตัวเอง ดูแลใบหน้ามานานแค่ไหน ทั้งๆที่เราก็ใช้งานใบหน้าหนักมาก ก็เลยอยากดูแลตัวเองดูสักทีและเข้ามารย์รวินท์คลินิก เพราะว่าเป็นคลินิกที่เปิดมาอย่างยาวนาน เราก็ได้ยินชื่อเสียงของรมยณวินท์คลินิกมาโดยตลอด ก็เลยเข้ามาปรึกษาเรื่องปัญหาผิวของตัวเองกับคุณหมอแพรว่าปัญหาแบบนี้จะจัดการอย่างไรได้บ้าง คุณหมอแพรก็ให้คำแนะนำดีตั้งแต่เริ่มต้น

                                                                            Ulthera

                                                                            โดยเริ่มต้นเลย คุณหมอแพร ทำการตรวจวิเคราะห์ใบหน้าและปัญหาต่างๆด้วยเทคนิค LIFTING SELECT ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นเทคนิคการยกกระชับใบหน้าผ่าน 3 เฟรมเวิร์คของรมย์รวินท์คลินิก โดยการยกกระชับทุกชั้นผิวทำให้เรารู้ว่าผิวแต่ละชั้นของเรามีปัญหาอะไรบ้างอย่างทั่วถึง เพื่อที่คุณหมอจะได้เลือกโปรแกรมการรักษาได้อย่างตรงจุด และคุณหมอแพรก็บอกอีกว่าโปรแกรม LIFTING SELECT นี้มีเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น

                                                                            หลังจากตรวจวิเคราะห์ใบหน้าเรียบร้อยแล้ว คุณหมอเลือกใช้ ULTHERA SPT ในการยกกระชับให้กับผมในวันนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ทำ ULTHERA SPT  ด้วยความที่ไม่ได้ดูแลตัวเองมาก่อน คุณหมอแพรเลยอธิบายให้ฟังว่า ULTHERA SPT เป็นโปรแกรมที่ช่วยเรื่องการยกกระชับผิวหน้าที่แก้ปัญหาได้ลงลึกมาก เหมาะกับปัญหาผิวแบบผมมาก ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ไม่เจ็บ ไม่มีรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับอาชีพนักแสดงแบบเราที่ไม่ค่อยมีเวลาที่ต้องพักหน้า แต่ก็อยากทำให้ตัวเองดูดีได้นานมากที่สุด

                                                                            Ulthera

                                                                            ขั้นตอนการทำ ULTHERA SPT

                                                                            ก่อนทำ  ULTHERA SPT ก็มีการทายาชาให้ก่อนทำจึงทำให้รู้สึกเจ็บน้อย แต่ผลลัพธ์หลังทำผมว้าวมากนะ เพราะหน้าเราดูเปลี่ยนไปเลย จากริ้วรอยที่มีมากและลึกบริเวณร่องน้ำหมาก หน้าผาก และใต้ตาที่หย่อนคล้อยที่เป็นถุงใต้ตา มันดึงขึ้นหมดเลย  ULTHERA SPT ช่วยกระชับหน้าให้ยกกระชับขึ้นได้มาก จนเรารู้สึกทึ่งว่า ULTHERA SPT มันทำให้เราทำให้หน้าดูเด็กลงกว่าเดิมได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ และคุณหมอแพรก็ยังบอกอีกว่า ULTHERA SPT ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1 ปีเลยทีเดียว คือผมสามารถกลับไปทำงานได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องกลับมาทำอีกทีเมื่อไร ซึ่งผมชอบมากครับ”

                                                                            Ulthera

                                                                            ULTHERA  SPT ดีอย่างไร

                                                                            ULTHERA  SPT เป็นโปรแกรมที่จะช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวหน้า ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนผิวหน้าทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยในระดับปานกลางไปจนถึงมาก และสำหรับใครที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น โปรแกรม ULTHERA SPT ก็ช่วยได้ด้วย และผลลัพธ์หลังจากทำโปรแกรม ULTHERA SPT

                                                                            Ulthera

                                                                            สามารถเห็นผลถึงความเปลี่ยนแปลงของ ULTHERA  SPT ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะค่อยๆเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้นใน 3 – 4 สัปดาห์ขึ้นไป และสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 1 ปี  ULTHERA SPT เหมาะสำหรับผู้ที่ที่อยากยกกระชับผิวหน้าให้ดูดีได้นาน แต่ไม่ค่อยมีเวลาที่จะดูแลตัวเอง

                                                                            ULTHERA SPT และรมย์รวินท์ ดูแลผิวของเจ้าสัวรุ่งโรจน์ หรือคุณบี๋ ธีรพงศ์ให้ดูดีได้ขนาดนี้

                                                                            จนงานนี้คุณบี๋ต้องยอมให้เป็น “Master Of The Romrawin” เคล็ดลับประจำตระกูลที่อยากจะบอกต่อให้ทุกคนดูดี  ร่วมสืบทุกความ “ดูดี” ในแบบที่เป็นคุณได้แล้ววันนี้ที่รมย์รวินท์คลินิก ได้ทั้ง 28 สาขาทั่ประเทศ ใหล้ที่ไหนปที่นั่นนะคะ

                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                              รมย์รวินท์คลินิกคว้า 2 รางวัล HELLO BEAUTY AWARD 2024

                                                                              HELLO BEAUTY AWARD 2024

                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                ประกาศความสำเร็จ ! รมย์รวินท์คลินิกคว้ารางวัลอย่างยิ่งใหญ่ บ่งบอกถึงความสามารถด้านหัตถการและความงามที่งาน HELLO BEAUTY AWARD 2024

                                                                                 

                                                                                HELLO BEAUTY AWARD 2024 งานมอบรางวัลที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สำหรับนวัตกรรมความงามและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าเซเลบริตี้ และผ่านการคัดเลือกจากกองบรรณาธิการเพื่อความงามโดยเฉพาะจากนิตยสาร HELLO! ประเทศไทย โดยงานครั้งนี้ได้จัดขึ้นมาเป็นครั้งที่ 7 และได้รับเกียรติจากแขกผู้มีชื่อเสียงและเซเลบริตี้ที่มีความสนใจด้านความงามโดยเฉพาะมาร่วมงานด้วย โดยทางรมย์รวินท์คลินิกได้รับเกียรติให้เข้าร่วมงานในฐานะสถาบันความงามที่ได้รับรางวัลที่บ่งบอกถึงความสามารถของรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                Hello Beauty Awards  Hello Beauty Awards

                                                                                เนื่องจากรางวัลที่ได้รับเป็นความสำเร็จ ที่มีความสำคัญต่อรมย์รวินท์คลินิกเป็นอย่างยิ่ง รมย์รวินท์คลินิกจึงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจ และการตอบรับเป็นอย่างดีจนสามารถมาถึงจุดนี้ได้

                                                                                งานนี้สองผู้บริหารจากรมย์รวินท์คลินิก คุณหมอฐา พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล และ มาดามจอย ขวัญฤทัย  ดำรงค์วัฒนโภคิน ร่วมด้วยคุณหมอผล  นพ.อธิวัชร อัศวภิวัฒน์ แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิก เข้าเป็นตัวแทนจากรมย์รวินท์คลินิกขึ้นรับรางวัลประจำปี 2024 ซึ่งเป็นรางวัลที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม Pico และ Thermage ที่เป็นโปรแกรมที่รมย์รวินทร์คลินิกให้บริการมาเป็นเวลานาน

                                                                                Hello Beauty Awards  Hello Beauty Awards

                                                                                งานครั้งนี้จัดขึ้นในชื่อ “HELLO BEAUTY AWARD 2024” ด้วยคอนเซปต์ของงาน คือ Cascade of Eternal Beauty and Everlasting Charm ซึ่งบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยสีสันตระการตาสมกับเป็นงานรวมตัวของเหล่าเซเลบริตี้ด้านความงาม โดยงานครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567

                                                                                ทุกรางวัลที่ได้รับจากงาน HELLO BEAUTY AWARD 2024 ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความสำเร็จของรมย์รวินท์ คลินิก ด้วยนวัตกรรมด้านการยกกระชับและ Skin Quality

                                                                                Hello Beauty Awards  Hello Beauty Awards

                                                                                โดยงานนี้ คุณหมอฐา : พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล เป็นตัวแทนจากรมย์รวินท์คลินิกขึ้นรับรางวัล “THE MOST TRUSTED PICO ENLIGHTEN TREATMENT CLINIC”  และคุณหมอผล : นพ.อธิวัชร อัศวภิวัฒน์ เป็นตัวแทนจากรมย์รวินท์คลินิกขึ้นรับรางวัลนวัตกรรมด้านการยกกระชับ Thermage ภายใต้ชื่อรางวัล “THE MOST TRUSTED EFFECTIVE SKIN FIRMING TECHNIQUE”

                                                                                โดยคุณหมอฐา ยังกล่าวขอบคุณสำหรับรางวัลที่ได้ในวันนี้ว่า  “เรามุ่งมั่นที่จะเลือกโปรแกรมที่มีความปลอดภัยสูงเพื่อนำมาใช้ในคลินิกเพื่อผลลัพธ์ที่ดี และความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการ

                                                                                ทั้งสองรางวัลที่รมย์รวินท์คลินิกได้รับจากงาน HELLO BEAUTY AWARD 2024 ในครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ ที่จะให้บริการสินค้า ผลิตภัณฑ์ที่ดี และยังเป็นการสร้างเป้าหมายในด้านการรักษามาตรฐาน เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน การแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์สำหรับผู้เข้ารับบริการต่อไป

                                                                                Hello Beauty Awards

                                                                                โดยทุกรางวัลที่รมย์รวินท์คลินิกได้รับล้วนเป็นการการันตีถึงความสามารถ การบริการและความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่รมย์รวินท์ยังคงยึดถือมาตลอด 20 ปี ของรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                หากต้องเผชิญกับปัญหาผิวริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ปรึกษารมย์รวินท์คลินิก

                                                                                จากรางวัลที่รมย์รวินท์คลินิกได้รับมาจาก HELLO BEAUTY AWARD 2024 เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายที่สามารถการันตีคุณภาพของรมย์รวินท์คลินิกทั้งด้านงานผิวและการยกกระชับที่มีประสิทธิภาพดี หากเจอกับปัญหาผิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือผิวหย่อนคล้อยไปตามช่วงอายุ สามารถมาปรึกษากับรมย์รวินท์คลินิก โดยทางรมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ที่สามารถให้คำแนะนำเรื่องปัญหาผิวและวิธีการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม โดยสำหรับทุกท่านที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                  SkinVive วิบผิว คืออะไร ช่วยอะไร เหมาะกับใคร

                                                                                  SkinVive

                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                    SkinVive เติมน้ำ เพิ่มความฉ่ำให้ผิว

                                                                                    ด้วยความที่เทรนด์งานผิวกำลังมาแรง และงานผิว ก็เป็นเหมือนการเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป เมื่อผิวดี การบำรุงต่าง ๆ ลงสู่ผิวก็จะง่ายมากขึ้น จึงทำให้คนหันมาดูแลและใส่ใจงานผิวกันมากขึ้นนั่นเอง

                                                                                    SkinVive คืออะไร

                                                                                    ใหม่ล่าสุดเทรนด์งานผิวของปีนี้ คือ SkinVive ผลิตภัณฑ์จากบริษัท Juvéderm ที่จัดอยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มในกลุ่มงานผิวโดย SkinVive เป็นการฉีด ไฮยาลูรอนิกแอซิดที่ดัดแปลง ให้เป็นไมโครดรอปเล็ตกรดไฮยาลูรอนิก (Microdroplets of Hyaluronic Acid ) ความเข้มข้นสูงในการฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ เพื่อให้ไฟโบรบลาสกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่อย่างล้ำลึก เพื่อกระตุ้นให้องค์ประกอบที่จำเป็นของผิวหนังอย่างทั้ง 3 ชนิดอย่าง อควาพอริน 3, อิลาสติน,คอลลาเจน ให้สร้างตัวทำงาน และฟื้นฟูทำให้ผิวกลับมาดีแข็งแรงดังเดิม

                                                                                    SkinVive ออกแบบมาเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ของผิว เป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับการฟื้นฟูผิว และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนโดยเฉพาะ SkinVive ได้รับการรับรองความน่าเชื่อถือจาก ได้รับการรับรองจาก FDA จากประเทศสหรัฐอเมริกา

                                                                                    ใช้ในการรักษาริ้วรอย ร่องลึก รูขุมขน ความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวโดยรวม และคงผลลัพธ์ได้นานกว่า Skin Booster ทั่วไปถึง 3 เท่า

                                                                                    ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการออกแบบมา ให้มีโมเลกุลที่มีขนาดเล็ก เพื่อให้เข้าทำการฟื้นฟูผิวหนังอย่างลงลึกโดยเฉพาะ ซึ่งแพทย์จะทำการฉีด SkinVive ที่ผิวชั้นบนเพื่อทดแทนปริมาตรของผิวหนังที่เกิดการสูญเสียไป รวมทั้งยังสามารถใช้ SkinVive เพื่อปรับรูปหน้าให้มีความชัดเจนมากขึ้นได้อีกด้วย

                                                                                    SkinVive เป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่รับการระบุอย่างชัดเจนในการรักษาว่าสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว เพิ่มความเรียบเนียนของผิวบริเวณแก้ม และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวจากภายในให้สวยออกมาสู่ภายนอก โดยไม่ต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้ง ภายใต้คอนเซป “ผิววิบ” และการมาฉีด SkinVive ก็คือการวิบผิวนั่นเอง

                                                                                    SkinVive

                                                                                    “ผิวโกลว์ใส เล่นแสงคือผิวที่ใครๆก็ใฝ่ฝัน”

                                                                                    ส่วนผสมสำคัญของ SkinVive คือ

                                                                                    AQUAPORIN-3

                                                                                    •  ที่เป็นเหมือนประตูในการเปิดเก็บน้ำ ช่วยในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว, ให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานมากยิ่งขึ้น

                                                                                    GLYCOSAMINO GLYCAN

                                                                                    • ทำหน้าที่ในการเติมเต็ม และคงความชุ่มชื้นให้ผิวได้นานมากยิ่งขึ้น

                                                                                    ผลลัพธ์ของ SkinVive

                                                                                    • ช่วยลดริ้วรอยเล็ก
                                                                                    • กระชับรูขุมขน
                                                                                    • ฟื้นฟูผิวได้อย่างทั่วถึง จากภายใน
                                                                                    • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
                                                                                    • ทำให้ผิวมีสุขภาพดี
                                                                                    • เพิ่มคุณภาพผิวอย่างยาวนาน
                                                                                    • เพิ่มความเรียบเนียนให้กับผิว
                                                                                    • ทำให้ผิวดูเปล่งประกายฉ่ำวาว
                                                                                    • คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
                                                                                    • ลดความหยาบกร้านของผิว
                                                                                    • ทำให้ผิวเต่งตึง อุ้มน้ำ

                                                                                    ข้อดีของ SkinVive

                                                                                    • SkinVive เหมาะกับทุกสภาพผิว
                                                                                    • SkinVive ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA
                                                                                    • SkinVive เห็นผลลัพธ์ที่ดีตั้งแต่การทำครั้งแรก
                                                                                    • SkinVive ไม่ต้องทำหลายครั้ง
                                                                                    • SkinVive ใช้ระยะเวลาในการรักษาสั้น
                                                                                    • SkinVive กักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้มากถึง 3 เท่า
                                                                                    • SkinVive ช่วยลดความมันบนใบหน้า

                                                                                    SkinVive

                                                                                    SkinVive เหมาะกับใคร

                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ มีปัญหาผิว
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ มีรูขุมขนกว้าง
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ มีริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิว
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ ต้องการมีผิวสวยใสอย่างรวดเร็ว เร่งด่วน
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ มีรอยดำเล็ก ๆ บนใบหน้า
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ มีผิวหน้าแห้ง
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ แต่งหน้าไม่ติด เครื่องสำอางไม่เกาะใบหน้า
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ มีผิวไม่เรียบเนียน
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ อยากมีผิวแบบไม่ต้องบำรุง
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ ผิวแพ้ง่าย รวมทั้งแพ้ส่วนผสมของครีมทาผิว
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ ผิวหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน
                                                                                    • SkinVive เหมาะกับผู้ที่ ผิวมีความเหี่ยวย่น

                                                                                    SkinVive ไม่เหมาะกับใคร

                                                                                    • SkinVive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้ง่าย
                                                                                    • SkinVive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้ ยาชาลิโดเคน แพ้สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นสิ่งผสมของ SkinVive  รวมทั้งแพ้สารไฮยาลูรอนิกมาก่อน
                                                                                    • SkinVive ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์
                                                                                    • SkinVive ไม่เหมาะกับสตรีที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
                                                                                    • SkinVive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความผิดปกติด้านการสร้างเม็ดสีผิว
                                                                                    • SkinVive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการตอบสนองของร่างกายผิดปกติ
                                                                                    • SkinVive ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเป็น ในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
                                                                                    • SkinVive ไม่เหมาะกับผู้ที่ทำการเลเซอร์ผิวมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการพักผิว

                                                                                    การดูแลตัวเองก่อนการทำ SkinVive

                                                                                    • งดการรับประทานยา หรือวิตามิน ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
                                                                                    • งดรับประทานอาหารที่มีผลต่อการเกิดการอักเสบของผิว เช่น ของดอง ของแสลง
                                                                                    • ดื่มน้ำให้มาก ๆ
                                                                                    • พักผ่อนให้เพียงพอ

                                                                                    การดูแลตัวเองหลังทำ  SkinVive

                                                                                    • งดการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
                                                                                    • งดการสัมผัสกับแสงแดด หรือโดนความร้อนเช่น กลางแจ้ง ซาวน่า เป็นเวลานาน 24 ชั่วโมง
                                                                                    • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา
                                                                                    • งดการสัมผัส จับ ถู ใบหน้าเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง

                                                                                    เนื่องการทำสิ่งเหล่านี้ อาจทำให้เกิดรอยแดง บวม และหรือคันชั่วคราวที่บริเวณที่ฉีดได้

                                                                                    ข้อควรระวังของการใช้ SkinVive 

                                                                                    • ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีประวัติความผิดปกติในด้านการสร้างเม็ดสีผิว เนื่องจาก SkinVive ยังไม่ได้รับการศึกษา และวิจัยในผู้ป่วยที่มีประวัติความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีผิว อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีได้ จึงจำเป็นต้องแจ้งอาการให้แก่แพทย์ทราบโดยละเอียดก่อนทำการรักษา
                                                                                    • ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากอยู่ในระหว่างการรับการบำบัดหรือรักษา ในเรื่องเกี่ยวกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกาย เนื่องจากการใช้ SkinVive อาจจะส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้
                                                                                    • SkinVive ยังไม่ได้รับการศึกษาในการใช้บริเวณอื่น ๆ หากนำไปใช้ผิดบริเวณอาจได้รับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามต้องการ
                                                                                    • หากเพิ่งผ่านการทำเลเซอร์มา ยังไม่ได้รับการพักผิวแล้วมาทำ SkinVive อาจทำให้ผิวเสี่ยงต่อการอักเสบ หรือลอกได้
                                                                                    • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีโรคประจำตัวและมีการใช้ยาอยู่เป็นประจำ เช่น ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาละลายลิ่มเลือดชนิดอื่น ๆ
                                                                                    • หากมีแผล หรือมีปัญหาบริเวณผิวหนัง เช่น สิว ผื่นลมพิษ ซีสต์ หรือการติดเชื้อบนผิวหนัง ควรเลื่อนการรักษาด้วย SkinVive ไปก่อน และรักษาปัญหาดังกล่าวให้หาย ก่อนที่จะใช้บริการ SkinVive
                                                                                    • อาการข้างเคียงหลังทำการรักษาด้วย SkinVive คือ รอยแดง ก้อนเนื้อ ตุ่ม อาการบวม ช้ำ ปวด เจ็บ ตึง เปลี่ยนสี และคัน โดยผลข้างเคียงสามารถจะหายได้เองภายใน 7 วัน

                                                                                    ทั้งนี้ในขั้นตอนการแจ้งประวัติ หรือซักประวัติ ควรแจ้งแพทย์โดยละเอียด เพื่อทำการประเมินการรักษา หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการที่สุด

                                                                                    Skinvive คืออะไร

                                                                                    • Skinvive เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทฟิลเลอร์ชนิดหนึ่ง ที่ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และช่วยเติมน้ำให้ผิวได้มากกว่าปกติถึง 3 เท่า

                                                                                    Skinvive มีความแตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์อย่างไร

                                                                                    • Skinvive เป็นฟิลเลอร์ชนิดที่เนื้ออ่อนนุ่ม ไม่แข็ง ไม่สามารถปรับแต่งหรือปั้นขึ้นทรงได้ ออกแบบมาเพื่อฉีดในบริเวณผิวชั้นตื้น เหมาะกับการทำงานผิวให้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ด้านการเติมเต็ม

                                                                                    Skinvive ช่วยลดริ้วรอยได้หรือไม่

                                                                                    • Skinvive สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็ก และตื้นได้ แต่ไม่สามารถลดเลือนริ้วรอย หรือร่องต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ๋ได้ แนะนำหากต้องการลดริ้วรอยด้วยควรทำ Skinvive ควบคู่ไปกับการฉีดสารเติมเต็ม หรือสารยับยั้งกล้ามเนื้อ

                                                                                    Skinvive ใช้ฉีดในบริเวณใดได้บ้าง

                                                                                    • สามารถใช้ Skinvive ได้กับบริเวณใบหน้าเท่านั้นตามงานวิจัย เน้นหลักที่หน้าแก้ม แก้ม หน้าผาก และใต้ตา เพื่อช่วยในการฟื้นฟูคุณภาพผิว

                                                                                    ต้องมีอายุเท่าไรจึงจะทำ SkinVive  ได้

                                                                                    • ผู้ที่เหมาะสมในการทำ SkinVive จะต้องมีอายุที่มากกว่า 21 ปีขึ้นไป

                                                                                    การฉีด SkinVive ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานเท่าไร

                                                                                    • การฉีด SkinVive อาจมีอาการข้างเคียง แต่ปกติแล้วจะสามารถหายได้ใน 30 วัน โดยอาการดังกล่าวที่สามารถเป็นได้ คือ อาการบวมของใบหน้ามีรอยช้ำจากเข็ม รอยแดง ก้อนเนื้อ ตุ่ม อาการบวม ช้ำ ปวด เจ็บ ตึง เปลี่ยนสี และคัน โดยผลข้างเคียงหลังทำการรักษาส่วนใหญ่จะหายได้ภายใน 7 วัน

                                                                                    การฉีด SkinVive สามารถคงผลลัพธ์บนผิวได้นานเท่าไร 

                                                                                    • ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า SkinVive สามารถคงผลลัพธ์บนผิวได้นานถึง 6-9 เดือนหลังฉีดครั้งแรก หรือในระหว่างนั้นหากความชุ่มชื้น หรือริ้วรอยต่าง ๆ เริ่มกลับมา หรือลดน้อยลงแล้ว ก็สามารถทำการฉีดเพิ่มได้ตามคำแนะนำของแพทย์  ทั้งนี้ผลลัพธ์ดังกล่าวขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพผิว รวมทั้งการดูแลของผู้เข้ารับบริการ

                                                                                    ฉีด Skinvive จะส่งผลให้ภาพรวมใบหน้าเปลี่ยนไปหรือไม่

                                                                                    • หลังจากการฉีด Skinvive จะไม่ได้ทำให้ใบหน้าภาพรวมเปลี่ยน แต่จะทำให้ผิวหน้าภาพรวมเปลี่ยน เนื่องจากความอ่อนนุ่มของ Skinvive จะทำงานเพียงแค่ผิวชั้นหนังแท้ ไม่ได้ส่งผลให้ใบหน้าภาพรวมเปลี่ยนไปทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย

                                                                                    Skinvive มีอันตรายหรือไม่

                                                                                    • ไม่อันตราย เนื่องจาก Skinvive ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ทั้งยังมีการรับรองจาก FDA ซึ่งนับเป็นหน่วยงานด้านการรับรองความปลอดภัยในระดับสากล เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ว่าสามารถทำบริเวณแก้มได้ ทั้งยังมีงานวิจัยรองรับอีกด้วย
                                                                                    skinvive ผ่าน อย. ไทย หรือไม่ ?
                                                                                    • Skinvive เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่อันตราย เนื่องจากผ่านการรับรองความปลอดภัยจากจากองค์การอาหารและยาหรือ อย.จากประเทศไทย คนไข้ผู้เข้ารับบริการทุกท่านจึงสามารถมั่นใจได้ว่า Skinvive เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถฉีดลงสู่ผิวได้โดยไม่อันตราย อีกทั้ง Skinvive ยังเป็นสินค้าที่ ผ่านการจัดจำหน่ายอย่างถูกต้องในประเทศไทย โดยบริษัท อัลเลอแกนบริษัทผลิตภัณฑ์ทางความงามชื่อดังของประเทศไทย ผู้ใช้บริการทุกท่านสามารถตรวจสอบเลข อย. และเลขล็อตของยาได้อย่างละเอียด

                                                                                    Skinvive เหมาะกับคนที่มีผิวประเภทใดบ้าง

                                                                                    • Skinvive เหมาะกับผู้ที่มีผิวทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น

                                                                                    การฉีด SkinVive ใช้เวลาในการทำการรักษานานหรือไม่

                                                                                    • ระยะเวลาในการทำการรักษาแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับผู้เข้ารับบริการว่าต้องการทายาชาหรือไม่ หากทายาชาจะต้องใช้เวลาในการรอยาชาให้ออกฤทธิ์ หากไม่ต้องใช้ยาชาจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการรักษา

                                                                                    Skinvive เห็นผลผลลัพธ์หลังทำเมื่อไร

                                                                                    • หลังจากทำ Skinvive ผู้เข้ารับบริการ จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนได้ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังเข้ารับบริการ

                                                                                    ควรทำการฉีด SkinVive ทุกกี่เดือน

                                                                                    • เพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง ควรทำการฉีดทุก ๆ 6 เดือน ถึงแม้จะยังมีสภาพผิวที่ยังดูดีอยู่ก็ตาม

                                                                                    สามารถทำการฉีด Skinvive ร่วมกันกับหัตถการอื่น ๆ ได้หรือไม่

                                                                                    สามารถทำ Skinvive ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ แต่หากต้องการทำในครั้งเดียวกันแนะนำได้ดังนี้

                                                                                    • หากต้องการทำ Skinvive กับโปรแกรมประเภทยกกระชับ 

                                                                                    ควรทำโปรแกรมยกกระชับก่อน ค่อยทำ Skinvive เนื่องจากโปรแกรมยกกระชับจะทำงานโดยการส่งคลื่นลงบนชั้นผิว ทำให้ผิวมีความเจ็บ ร้อน อุ่น หากทำ Skinvive ผิวจะมีรอยเข็มและมีความบอบบางอยู่ อาจทำให้เจ็บมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่แพทย์ต้องการด้วย

                                                                                    • หากต้องการทำ Skinvive กับโปรแกรมประเภทเลเซอร์ต่าง ๆ

                                                                                    เช่นเดียวกัน การทำเลเซอร์เป็นการรบกวนผิว อาจทำให้ผิวมีความเจ็บได้ การทำ Skinvive จะมีรอยเข็ม ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเจ็บจากความบอบบางของผิวควรทำโปรแกรมประเภทเลเซอร์ก่อนทำ Skinvive 

                                                                                    • หากต้องการทำ Skinvive กับการฉีดชนิดอื่น ๆ เช่น การฉีดโบ การฉีดฟิลเลอร์ และสารลดไขมัน สามารถทำพร้อมกันได้ เนื่องจากตัวยาแต่ละชนิดทำงานกันคนละชั้นผิว

                                                                                    ฉีดโบ : ทำงานที่ชั้นกล้ามเนื้อ โดยการไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ

                                                                                    ฟิลเลอร์ : ทำงานโดยการเติมเต็มทั้งผิวหนังชั้นต่าง ๆ ตามแต่ปัญหาที่ต้องการแก้ไข

                                                                                    สารลดขมัน : ทำงานที่ชั้นไขมัน โดยการเข้าไปลดขนาดไขมันและขับออก

                                                                                    Skinvive : ทำงานที่ชั้นผิวหนังชั้นตื้น โดยการไปฟื้นฟูผิวให้ดียิ่งขึ้น

                                                                                    • Skinvive สามารถทำได้ตั้งแต่อายุเท่าไร

                                                                                    Skinvive สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยตั้งใจจะให้เป็นหัตถการแรกที่วัยรุ่นควรทำ เพราะงานผิว เป็นสิ่งที่ทุกคนควรสร้าง ก่อนที่จะไปดูแลใบหน้าในส่วนอื่น ๆ

                                                                                    ประโยชน์ของการ ฉีด Skinvive คืออะไร

                                                                                    • SkinVive ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวมีความอิ่มน้ำและเรียบเนียน ทั้งยังทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดี
                                                                                    • SkinVive ช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งเสีย ให้กลับมามาชีวิตชีวาอีกครั้ง
                                                                                    • SkinVive ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว ในระดับโครงสร้าง
                                                                                    • SkinVive ช่วยลดขนาดรูขุมขน ทำให้รูขุมขนที่เป็นต้นเหตุของการอุดตันของผิว มีขนาดเล็กลง สิวขึ้นน้อยลง
                                                                                    • SkinVive ช่วยทำให้ผิวแพ้ง่าย แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
                                                                                    • SkinVive ช่วยลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็ก เพิ่มความเรียบเนียนให้กับผิว ลดริ้วรอยในระยะเริ่มต้น
                                                                                    • SkinVive ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง เสริมความยืดหยุ่น นุ่มเด้งให้กับผิว เหมือนคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
                                                                                    • SkinVive ช่วยฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพ ให้มีสขภาพที่ดีได้อีกครั้ง
                                                                                    • SkinVive ช่วยปรับให้กระบวนการฟื้นฟูผิว ทำงานเร็วขึ้น
                                                                                    • SkinVive ช่วยลดความหย่อนคล้อย ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากวัยของผิว
                                                                                    • SkinVive ช่วยปรับปรุงโทนสีผิว ทำให้ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้นกว่าเดิม และดูดีขึ้น
                                                                                    • SkinVive ช่วยทำให้ผิวเนียนละเอียด น่าสัมผัสมากขึ้น
                                                                                    • SkinVive ช่วยลดความหมองคล้ำ จุดด่างดำอันเนื่องมาจากเม็ดสีได้
                                                                                    • SkinVive ช่วยปรับให้กระบวนการฟื้นฟูผิวทำงานเร็วขึ้น

                                                                                    เปรียบเทียบ skinvive กับงานผิวยี่ห้ออื่น ๆ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

                                                                                    จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์งานผิวที่ออกมาทั้งใหม่ และเก่ามีมากมาย แต่ผิลตภัณฑ์แต่ละตัวใช้แตกต่างกันอย่างไร และใครเหมาะกับใช้อันไหนสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้
                                                                                    • Skinvive เป็นผลิตภัณฑ์สกินบูสเตอร์ ที่มุ่งเน้นในด้านการเติมความความชุ่มชื้น หรือเปรียบเสมือนการเติมน้ำให้กับผิวในบริเวณที่ฉีด ด้วยสาร Hyaluronic Acid ที่เรารู้จักกันดี แต่มาในรูปแบบ ของ Microdroplets ที่สามารถทำให้ผิวมีความอิ่มน้ำ ชุ่มชื่น ฉ่ำวาว และสามารถคงสภาพอยู่บนผิวได้นานถึง 9 เดือน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวที่สุขภาพดี หน้าแก้มเรียบเนียน ละเอียด
                                                                                    • Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Collagen Biostimulator หรือผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นทางด้านการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อให้ผิวมีความอิ่มฟู และกระชับขึ้นจากคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้น เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้กับใต้ชั้นผิว ลดริ้วรอย โดยให้เกิดกระบวนการฟื้นฟูคอลลาเจนตามธรรมชาติ สามารถคงสภาพผลลัพธ์ในผิวได้นาน 2 ปี
                                                                                    • Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ประเภท PDRN หรืออสุจิปลาแซลม่อน ในการฉีดเพื่อฟื้นฟูผิว โดยการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงเป็นการฟื้นฟูจากภายใน ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยและแก้ปัญหาอื่นๆร่วมด้วยได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจาก Rejuran  มีหลายรุ่นที่ทำงานแตกต่างกันออกไป เป็นทางเลือกสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม หรือมีความต้องการจะฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากสภาพแวดล้อม แต่ต้องระวังในผู้ที่แพ้อาหารทะเล หรือปลาแซลม่อน
                                                                                    • Belotero Revive เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทฟิลเลอร์ ที่จัดได้ว่าเป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก ผลิตโดยสาร HA+Glycerol ที่ช่วยในการเพิ่มคุณภาพผิว หรืองาน Skin Quality ได้ถึง 4 มิติ คือ ให้ผิวที่เด้ง อิ่มฟู  ให้ผิวเรียบเนียน ให้ผิวมีความชุ่มชื้นฉ่ำวาว รวมทั้งให้ผิวมีกระชับ หนาแน่น
                                                                                    • Gouri เป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวบนใบหน้า ช่วยในการฟื้นฟูผิว เพิ่มความกระชับและยืดหยุ่นให้กับผิว เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ผิวมีความหย่อนคล้อยที่ต้องการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว มีผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
                                                                                    • Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Collagen Biostimulator ไม่ใช่ฟิลเลอร์ มุ่งเน้นด้านฟื้นฟูผิวไปพร้อมกันกับการกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยเติมเต็มผิวริ้วรอย และร่องลึกบนผิวได้ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว
                                                                                    • ฉีดโบ เป็นผลิตภัณฑ์จำพวกการฉีดโปรตีนจากแบคทีเรีย ช่วยในการ ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อมัดต่างๆบนใบหน้าไม่ให้ทำงาน ลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นรอยเล็กๆ  ลดขนาดกราม และลิฟต์กรอบหน้า ให้ผลลัพธ์คงสภาพที่ผิวได้นาน 4-6 เดือน

                                                                                    เพื่อให้การรักษาด้วย SkinVive เป็นไปอย่างปลอดภัย และมีผลข้างเคียงอย่างน้อยที่สุด ควรปรึกษาคลินิกที่ให้บริการ ที่มีแพทย์ที่มีความรู้ ที่สามารถวิเคราะห์และประเมินผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำเป็นอย่างดี อีกทั้งผู้เข้ารับบริการควรมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ว่า  ทุกผลิตภัณฑ์ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน การเข้ามาให้แพทย์ทำการประเมินก่อน จะทำให้ได้มีความรู้ ความเข้าใจของผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น และอาจเจอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเรามากกว่า

                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                      กำจัดขน (Hair removal) ไม่ทิ้งตอด้วย YAG Laser 1064

                                                                                      กำจัดขน

                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                        ไม่สะดุดตอขน แต่สะดุดใจ ต้องลองกำจัดขน (Hair removal) ด้วย YAG Laser 1064

                                                                                        เรื่องขนๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าชะล่าใจไป เพราะแค่ปัญหาขนก็สามารถทำให้ความฟินสะดุดกึ้กได้ ยิ่งขนเป็นตอ ไม่เรียบเนียน ยิ่งทำให้สะดุด จะใส่อะไร โชว์หน้า โชว์ใต้วงแขน หรือจะโชว์ขา ก็ทำให้ไม่มั่นใจ ยิ่งการกำจัดขนด้วยวิธีแบบเดิมๆ อย่างการโกน หรือการแวกซ์ขน ก็ยิ่งทำลายผิว กำจัดไม่ถึงต้นตอ ทำให้เหลือตอขนเอาไว้ แถมบางทียังทำให้ผิวระคายเคือง และที่ร้ายแรงอาจทำให้เกิดขนคุดอีกด้วย

                                                                                        สำหรับคนที่ไม่อยากมีขนตามร่างกายคงพยายามหาวิธีในการกำจัดขนให้เกลี้ยงเกลามาหลายๆ วิธี แต่ถ้าได้มาลองรู้จักกับ YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนที่รมย์รวินท์ คลินิก ก็หมดห่วงเรื่องขนๆ ไปได้เลย ที่รมย์รวินท์กล้าการันตีขนาดนี้ เพราะมีรีวิวจากผู้ใช้ YAG Laser 1064 กำจัดขนจริงเพียบบบ

                                                                                        ลืมวิธีการโกนแบบเดิมไปได้เลย ตั้งแต่ได้มารู้จักกับ YAG Laser 1064 

                                                                                        YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนที่อ่อนโยนต่อผิว ยิงด้วยพลังงานคลื่น 1064 นาโนเมตร มีความแม่นยำและลงลึกถึงชั้นรากขน โดยแสงเลเซอร์จะลงไปจับเม็ดสีเมลานินในรากขน ทำให้ YAG Laser 1064 สามารถกำจัดขนได้ลึกถึงต้นตอ อีกทั้ง YAG Laser 1064 ยังมีหัวยิงที่มีขนาดเล็กที่สามารถเข้าถึงได้ทุกบริเวณที่ต้องการกำจัดขน และระหว่างที่ทำจะปล่อยไอเย็น หรือ Cryogen ออกมาเพื่อช่วยปลอบประโลมผิวทำให้เจ็บน้อย และไม่ทำให้ผิวไม้เบิร์น ไม่ทำให้เกิดขนคุด

                                                                                        ลืมปัญหาขนคุดไปได้เลย

                                                                                        การกำจัดขนด้วยวิธีอื่นๆ เช่นการโกน การแว็กซ์ หรือการถอน อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และอักเสบ หรืออุดตัน พอขนงอกขึ้นใหม่ส่งผลให้ขนไม่สามารถแทงทะลุรูขุมขนบริเวณนั้นขึ้นมาได้ ทำให้เกิดอาการขนคุด เกิดการสะสมของแบคทีเรีย และอาจติดเชื้อได้ ซึ่งตัว YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนตอบโจทย์มากสำหรับปัญหาเรื่องขน ทั้งกำจัดขน และลดปัญหาที่เกิดจากการกำจัดขนได้ดี ที่สำคัญยังมีความอ่อนโยน และปลอดภัย ใครอยากกำจัดขนต้องไปลอง YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนแล้วที่รมย์รวินท์คลินิกดูแล้ววว

                                                                                        YAG Laser 1064 กำจัดขนตรงไหนได้บ้างนะ

                                                                                        ตามที่กล่าวมาว่า YAG Laser 1064 สามารถทำได้ทุกบริเวณเพราะมีหัวเล็กที่เล็ก เข้าได้ทุกพื้นที่ที่ต้องการกำจัดขนไม่ว่าจะเป็น

                                                                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนบนใบหน้า หนวด เครา ช่วยทำให้หน้าเกลี้ยงเกลาไม่ระคายเคือง หรือเป็นตอขนซึ่งอาจกลายเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวที่หน้า
                                                                                        • YAG Laser 1064กำจัดขนรักแร้ ช่วยให้ผิวใต้วงแขนเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ไม่เป็นหนังไก่
                                                                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนแขน  ให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส มีสีผิวสม่ำเสมอ กล้าอวดผิวสวย
                                                                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนขา ผิวบริเวณขากระจ่างใส เรียบเนียน ไม่ทิ้งตอขนให้รำคาญใจ จะใส่กางเกง หรือกระโปรงสั้นก็มั่นใจมากขึ้น
                                                                                        • YAG Laser 1064 กำจัดขนในจุดซ่อนเร้น ไม่ว่าจะเป็นบิกินี หรือ บราซิลเลี่ยน ลดการอับชื้น ผื่นคันบริเวณจุดซ่อนเร้น ใส่บิกินีโชว์หน้าร้อนก็มั่นใจขนไม่แพลม

                                                                                        YEG Laser 1064 2

                                                                                        ทำไมต้องกำจัดขนด้วย YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน

                                                                                        • YAG Laser 1064 ยิงพลังงานคลื่นแสงอินฟราเรด ที่มีช่วงความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งยิงได้ลึกถึงรากขน
                                                                                        • YAG Laser 1064 มี Cryogen หรือไอเย็นปล่อยขณะทำเพื่อปลอบประโลมผิว และช่วยลดอุณหภูมิของผิว ไม่ทำให้ผิวเกิดการไหม้เบิร์น
                                                                                        • YAG Laser 1064 ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวบริเวณที่ถูกกำจัดขนเรียบเนียน ไม่เกิดหนังไก่
                                                                                        • YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนลงลึกถึงรากขน ไม่เป็นตอขน ไม่ทำให้เกิดขนคุด
                                                                                        • YAG Laser 1064 เหมาะกับทุกผิว โดยเฉพาะผิวคนเอเชีย
                                                                                        • YAG Laser 1064 ปลอดภัยต่อผิว เพราะจับเม็ดสีเมลานินจากรากขนเป็นหลัก ไม่ทำลายผิวบริเวณรอบข้าง
                                                                                        • YAG Laser 1064 เห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
                                                                                        • YAG Laser 1064 หลังทำขนมีเส้นเล็กและบางลง
                                                                                        • YAG Laser 1064 มีผลข้างเคียงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการกำจัดขนแบบอื่นๆ
                                                                                        • YAG Laser 1064 ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก USFDA สหรัฐอเมริกา

                                                                                        ดูแลผิวบริเวณที่ทำ YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนยังไงดีนะ

                                                                                        • หลังทำ YAG Laser 1064 ควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้ารัดๆ ในช่วงแรกหลังทำ เพื่อลดอาการระคายเคือง
                                                                                        • หลังทำ YAG Laser 1064 สามารถทาเจลเย็น และประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมแดงของผิว
                                                                                        • หลังทำ YAG Laser 1064 งดการว่ายน้ำในช่วง 8 – 12 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้คลอรีนสัมผัสกับผิว
                                                                                        • หลังทำ YAG Laser 1064 ควรเลี่ยงการสัมผัสแดดโดยตรง ในช่วง 1 อาทิตย์แรกหลังเลเซอร์
                                                                                        • หลังทำ YAG Laser 1064 งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ช่วงหลังเลเซอร์

                                                                                        เปรียบเทียบ YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนกับวิธีการกำจัดขนแบบอื่นๆ

                                                                                        การโกนขน : วิธีนี้เป็นวิธีการกำจัดขนที่รวดเร็วที่สุดในการกำจัดขน และเป็นวิธีที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ทิ้งแผลไว้ เกิดขนคุด หรือปัญหาหนังไก่ได้ง่ายเช่นกัน

                                                                                        ครีมกำจัดขน  : เป็นครีมที่มีส่วนผสมของ Calcium Thioglycolate และ Calcium hydroxide เมื่อทาบริเวณที่มีขนจะเข้าไปทำลายโปรตีนเคราติน ทำให้เส้นขนอ่อน และหลุดในที่สุด ซึ่งกำจัดขนได้แค่ชั้นผิวเท่านั้น ไม่สามารถลงลึกได้ถึงรากขน ทำให้เมื่อกำจัดขนแล้วยังเหลือตอขนและขนงอกใหม่เร็ว และอาจเกิดการระคายเคืองจากครีมกำจัดขนได้

                                                                                        hair removal

                                                                                        การแว็กซ์ขน : เป็นอีกวิธีการกำจัดขนที่ได้รับความนิยม โดยการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ หรือการใช้แผ่นแว็กซ์แบบสำเร็จรูป สามารถกำจัดขนได้ถึงราก และทำให้ขนขึ้นช้าลง แต่เป็นการกำจัดขนที่รบกวนผิว อาจเกิดการระคายเคือง หรืออักเสบบวมแดง และอาจเกิดขนคุดได้

                                                                                        กำจัดขนด้วย IPL : กำจัดขนด้วยคลื่นแสงขนาด 515-1,200 นาโนเมตร โดยจับเม็ดสีเมลานินเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานความร้อนเพื่อกำจัดขน ด้วยเครื่อง IPL มีความกว้างของพลังงานแสงมาก เวลายิงทำให้แสงกระจายตัวเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ยิงกำจัดขนได้ไม่ถึงรากขน จึงต้องซ้ำบ่อยๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และผิวไหม้เบิร์นได้เพราะนอกจากกำจัดขนแล้ว IPL ยังกำจัดเม็ดสีเช่น ฝ้า กระ จุดดำได้ด้วย อาจทำให้จับเม็ดสีบริเวณอื่นที่ไม่ใช่ขนทำให้เสี่ยงต่อการไหม้เบิร์นของผิว

                                                                                        กำจัดขนด้วย DIODE :  เลเซอร์กำจัดขนที่มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 800-1,350 นาโนเมตร กำจัดขนโดยการจับเม็ดสีเมลานินให้ดูดซึมพลังงานแสง และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำลายเส้นขน สามารถยิงได้ลึกถึงรากขน แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวเข้ม เพราะอาจเสี่ยงทำให้ผิวเกิดการไหม้เบิร์นได้

                                                                                        เลือกกำจัดขน ต้องเลือก YAG Laser 1064 ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                        เรื่อง

                                                                                        YAG Laser 1064 เลเซอร์ที่ตอบโจทย์มากสำหรับปัญหาเรื่องขน ทั้งกำจัดขน และลดปัญหาที่เกิดจากการกำจัดขนได้ดี ที่สำคัญยังมีความอ่อนโยน และปลอดภัย

                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                          Lifting Select เทคนิค ยกกระชับใบหน้าให้สวยครบทุกมิติ

                                                                                          Lifting Select


                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                            Lifting Select ยกกระชับใบหน้า ทุกมิติด้วยศาสตร์และศิลป์โดยผู้เชี่ยวชาญ

                                                                                            เทคนิค Lifting Select  เป็นเทคนิคที่ถูกสร้างสรรค์ พัฒนาขึ้นมาจากประสบการณ์ และความเข้าใจโครงสร้างผิวของชั้นผิว รวมทั้งปัญหาผิวของคนเอเชียที่สั่งสมมายาวนานกว่า 20 ปี ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้การยกกระชับใบหน้า ให้กับผู้เข้ารับบริการ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การรักษาในมิติเดียว หรือเป็นเพียงการยกกระชับ แค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้าเท่านั้น แต่เทคนิค Lifting Select เป็นการปรับทุกมิติของใบหน้าอย่างครบถ้วนทั้งความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และยังช่วยในการปรับคุณภาพผิว อันเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความร่วงโรยแห่งวัย

                                                                                            Lifting Select 2 scaled

                                                                                            เทคนิค Lifting Select คือ ศาสตร์วิเคราะห์เพื่อค้นพบ “จุดงดงาม” บนใบหน้าผ่าน 3 เฟรมเวิร์ค ที่คิดค้นและออกแบบ โดยทีมแพทย์จากรมย์รวินท์คลินิก จึงทำให้เทคนิค Lifting Select เป็นเทคนิคที่มีแค่ที่เดียวเท่านั้น

                                                                                            โดยเทคนิค Lifting Select เป็นเทคนิคที่ออกแบบเฉพาะสำหรับบุคคล จึงทำให้คุณดูดีได้มากกว่า ในแบบที่เป็นคน

                                                                                            จุดงดงามบนใบหน้าในความหมายของเทคนิค Lifting Select คืออะไร 

                                                                                            จุดที่ทำให้ใบหน้าของแต่ละคนดูโดดเด่นมากขึ้น  และยังเป็นจุดที่สร้างความมั่นใจให้กับบุคคลอีกด้วย  เมื่อผ่านการวิเคราะห์ใบหน้าตามหลักการวิเคราะห์ ของเทคนิค Lifting Select แล้วผู้เข้ารับบริการจะได้ค้นพบว่า ต้องแก้ไขปัญหาต่างๆบนใบหน้าอย่างไร จึงจะสามารถเติมเต็มในส่วนที่เป็นปัญหาของใบหน้า หรือเสริมเติมแต่งให้จุดเด่นของใบหน้าที่มีอยู่เดิมนั้นดูดียิ่งขึ้น  นอกจากนี้เทคนิค Lifting Select ยังเป็นเทคนิคที่เสริมสร้างให้ผิวดูสุขภาพดี และสวยอย่างเป็นธรรมชาติในแบบฉบับของตัวเองมากที่สุดอีกด้วย

                                                                                            3 เฟรมเวิร์คของโดยเทคนิค Lifting Select ประกอบไปด้วย

                                                                                            1. Frame Selection แก้ไขและปรับโครงหน้า และให้กลับมาอ่อนเยาว์
                                                                                            2. Light & Shadow Me เพิ่มมิติบนใบหน้าให้เกิดความชัดเจนมากกว่าที่เคย
                                                                                            3. Conceal Selection เผยผิวอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องปกปิดปัญหาอีกต่อไป

                                                                                            Lifting Select

                                                                                            1. FRAME SELECTION แก้ไขและปรับโครงหน้า และชั้นผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์

                                                                                            ขั้นตอนนี้ของเทคนิค Lifting Select เปรียบเสมือนการเริ่มต้นซ่อมแซมบ้าน ที่มีความทรุดและชำรุด ให้มีรากฐานที่มั่นคงอีกครั้ง โดยจะต้องเริ่มต้นจากการแก้ไขที่รากฐาน โครงสร้างชั้นล่างให้เกิดความแข็งแรงและมั่นคงก่อน เมื่อเปรียบเทียบโครงสร้างของบ้านคือเสาที่มั่นคง แต่ถ้าเป็นโครงสร้างของใบหน้า ก็จะต้องเป็นชั้นโครงสร้างของกระดูกนั่นเอง

                                                                                            เมื่อเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น กระดูกของเราก็จะเกิดการทรุด ตามที่เราเคยได้ยินกันว่าเมื่ออายุเยอะจะทำให้เตี้ยลงนั่นเอง กระดูกโครงสร้างใบหน้าของคนเราสามารถทรุดตัวลงได้เช่นกัน และกระดูกบริเวณใบหน้า ที่ทรุดตัวลงแล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า จำแนกได้ดังนี้

                                                                                            • กระดูกหน้าผากทรุดตัวลงทำให้เอ็นยึดที่ทำหน้าที่ยึดเกาะบริเวณขมับ เกิดการหย่อนตัวลง
                                                                                            • กระดูกขมับยุบหรือแบนลง  ส่งผลให้ใบหน้าดูมีอายุ และโหนกแก้มดูชัดขึ้น
                                                                                            • กระดูกเบ้าตาทรุด หรือถ่างออกจนทำให้มีถุงใต้ตา
                                                                                            • กระดูกข้างแก้มทรุด ส่งผลให้ผิวเกิดความหย่อนยาน
                                                                                            • กระดูกหน้าแก้มทรุด หรือแบนตัวลงส่ง ผลให้ไขมันชั้นลึกที่อยู่บริเวณหน้าแก้ม เกิดการเคลื่อนย้ายตำแหน่ง จึงกลายเป็นผู้ที่มีภาวะไขมันกองที่ข้างร่องแก้มจึงทำให้ใบหน้าเกิดการหย่อนคล้อยและดูมีอายุ
                                                                                            • กระดูกกรอบหน้าทรุด ส่งผลให้ใบหน้าและลำคอหย่อนคล้อย

                                                                                            โดยส่วนใหญ่ มนุษย์เราจะเริ่มมีมวลกระดูกที่มีปริมาตรน้อยลง ทำให้โครงหน้าเปลี่ยนไปในวัย 35 ปีเป็นต้นไป จึงทำให้หลายคนรู้สึกว่าเมื่อก้าวเข้าสู่วัย 30 ใบหน้าของเราดูเปลี่ยนไปนั่นเอง

                                                                                            โดยลักษณะที่ดูเปลี่ยนไปในภายนอก มาจากลักษณะที่เปลี่ยนไปของโครงกระดูกดังกล่าวด้านบน และเมื่อมีโครงกระดูกใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ก็จะส่งผลให้ไขมันรวมทั้งเนื้อเยื่อต่างๆ เกิดการหดตัวและเสื่อมถอยลง อันเกิดมาจาก เนื้อเยื่อของผิวที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าโครงกระดูกใบหน้า ที่เป็นตัวในการรองรับ จึงทำให้ผิวหน้าในส่วนที่กระดูกรองรับไม่ไหว เกิดการหย่อนคล้อยลงมาจนเกิดเป็นริ้วรอย และร่องลึกต่างๆตามที่เราเห็นเป็นความเปลี่ยนแปลงนั่นเอง และกระดูกโครงหน้าก็จะทรุดตัวลงเรื่อยๆในทุกๆวัน ทำให้ใบหน้าเกิดการหย่อยคล้อยมากขึ้น   และตกหย่อนลงมามากขึ้นหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

                                                                                             

                                                                                            Lifting Select

                                                                                            2. Light & Shadow Me เพิ่มมิติบนใบหน้าให้เกิดความชัดเจนมากกว่าที่เคย

                                                                                            ขั้นตอนนี้ของเทคนิค Lifting Select เปรียบเสมือนการสร้างบ้าน ใส่หน้าต่าง ประตู ให้มีแสงและอากาศถ่ายเท เพื่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย เช่นเดียวกับใบหน้า เมื่อมีมิติแสงเงาที่ดีแล้ว สิ่งที่จะได้โดยธรรมชาติเลยคือความสะดวกสบายในการแต่งหน้าที่มากขึ้น

                                                                                            Light & Shadow Me เป็นขั้นตอนที่ใส่ใจ ในจุดตกกระทบของแสง เพื่อให้เพิ่มมิติบนใบหน้า และเสริมจุดเด่นบนใบหน้าให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เงาและแสงที่ตกกระทบเมื่อส่องไฟบนศีรษะ จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง จะช่วยทำให้หน้าภาพรวมดูมีมิติ ดูหน้าเล็กลงเหมือนเวลาเราแต่งหน้าเพิ่มแสงเงา โดยการใช้  Shading หรือ Contour และ Hilight

                                                                                            โดยเทคนิค Lifting Select ในเฟรมเวิร์คที่ 2 Light & Shadow Me เป็นการเพิ่มมิติใบหน้าที่คล้ายกันกับการแต่งหน้า เน้นจุดเล่นแสงอย่าง หน้าผาก หน้าแก้ม ขอบตา ร่องจมูก ร่องปาก สันจมูก คาง  และเพิ่มเงาในจุดที่ควรมีเงา คือสันจมูก โหนกแก้ม ขากรรไกร และกรอบหน้าเป็นต้น

                                                                                            Lifting Select

                                                                                            3. Conceal Selection เผยผิวอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องปกปิดปัญหาอีกต่อไป

                                                                                            ขั้นตอนนี้ของเทคนิค Lifting Select เปรียบเหมือนกับการตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่มากยิ่งขึ้น และยังเป็นการตกแต่งรายละเอียดในจุดเล็กๆให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

                                                                                            หากเปรียบเทียบกับการแต่งหน้า ในขั้นตอนนี้ เปรียบเหมือนขั้นตอนหลังการรองพื้น แล้วต้องใช้คอนซีลเลอร์ทาเพื่อปกปิดริ้วรอยเล็กๆบนผิวให้เนียนกริบมากยิ่งขึ้น แต่การทำเทคนิค Lifting Select จะทำให้คุณข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยเมื่อแต่งหน้า

                                                                                            โดยเทคนิค Lifting Select ในเฟรมเวิร์คที่ 3. Conceal Selection  นั้นคือขั้นตอนการเก็บงานผิวชั้นตื้น ริ้วรอยเล็กเล็กๆ ตีนกา ร่องแก้มร่องน้ำหมาก ให้อิ่มฟู เรียบเนียน ปรับผิวให้สวยเงาวาวฉ่ำโกลว์เหมือนการเลือกรองพื้นดีๆมาทาบนใบหน้า กลบให้หมด รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำที่เป็นกังวลให้ไม่หลงเหลือทิ้งไว้ให้กวนใจ ไม่เพียงเท่านั้น รูขุมขน เส้นขนบนใบหน้า ที่เป็นตัวการในการทำให้ผิวไม่เรียบเนียน ก็ต้องจัดการให้เรียบกริบ

                                                                                            หากต้องการใช้บริการเทคนิค Lifting Select สามารถเข้ามาปรึกษาข้อมูลการเข้ารับบริการได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา ทั้ง 28 สาขาหรือสอบถามเบื้องต้นผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ทุกช่องทาง FacebookRomrawinclinic หรือช่องทาง LINE : https://bit.ly/Romrawinclinic

                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                              [/section]

                                                                                              Pico Laser ดูแลผิว อย่างตรงจุด คืออะไร ดีอย่างไร

                                                                                              Pico Laser

                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                Pico Laserยกระดับการฟื้นบำรุงผิว ใหม่ล่าสุด ที่รมย์รวินท์

                                                                                                ด้วยมลภาวะแสงแดด ฝุ่น ควัน รวมไปถึงการดำรงชีวิตของผู้คนที่แตกต่างออกไปในปัจจุบัน อาจทำร้ายผิวโดยตรง ส่งผลให้ผิวไม่ได้รับการปกป้องเท่าที่ควร ก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าต่าง ๆ ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความหมองคล้ำ หลุมสิว ความมัน จุดด่างดำ รอยแดงจากสิว ฝ้า กระ รูขุมขนกว่าง และรอยแผลเป็น ล้วนแล้วส่งผลเสียต่อสภาวะจิตใจของใครหลายคน

                                                                                                อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนามาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ช่วยรักษาปัญหาผิวดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยการเลเซอร์เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว“  Pico Laser” คือกุญแจดอกสำคัญแห่งการปรนนิบัติผิสวย ฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างลึกล้ำ และตรงจุด อีกครั้งของการยกระดับผลลัพธ์การเลเซอร์สุดประทับใจ ช่วยลดเลือน รอยแดง รอยดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ หลุมสิว รวมถึงรอยสักที่ไม่พึงประสงค์

                                                                                                ทั้งนี้ ก่อนที่คนไข้จะตัดสินใจเข้ารับการฟื้นฟู ปรนนิบัติสภาพผิวกับสถาบันความงามแห่งใดก็ตามแต่ คนไข้ควรศึกษาหาข้อมูลบริการ รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการทำหัตถการอย่างละเอียดรอบครอบเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ มาตรฐานความปลอดภัยตัวเครื่อง แพทย์ผู้ทำหัตถการ ขั้นตอนการทำหัตถการ ผลลัพธ์หลังการรักษา ค่าพลังงานที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเองเบื้องต้น เพื่อลดโอกาสการเกิดความผิดพลาดที่ อาจตามมาในอนาคต

                                                                                                อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้ารับบริการควรเข้าพบแพทย์ผู้ทำหัตถการทุกครั้ง เพื่อประเมินปัญหาผิวหน้า รวมถึงการเลือกวิธีรักษาผิว และระดับพลังงานที่ใช้ฟื้นฟูผิวได้อย่างถูกจุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด

                                                                                                Pico Laser คืออะไร

                                                                                                Pico Laser คือ เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาปัญหาผิวหนังต่าง ๆ โดยมีความแตกต่างจากเทคโนโลยีเลเซอร์อื่น ๆ ในการส่งออกพลังงานเลเซอร์ออกมาในช่วงเวลาที่สั้นและมีความเร็วสูงมาก โดยที่ความเร็วในการส่งออกพลังงานของ Pico Laser นั้นเร็วกว่าเทคโนโลยีเลเซอร์ทั่วไปอย่างมาก ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษาที่สูงขึ้น

                                                                                                Pico Laser ใช้พลังงานเลเซอร์ในรูปแบบของช็อต ( shot ) ที่มีความเร็ว และความแม่นยำสูง ทำให้สามารถเข้าถึงเซลล์ในผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อกำจัดปัญหาเช่น รอยดำ, รอยแดง, รอยสิว และฝ้าที่ไม่พึงประสงค์ โดยที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังรอบข้าง และไม่มีการบาดเจ็บ หรือผิวหนังหลุดหลง เนื่องจากพลังงานเลเซอร์ที่ใช้ มีความแม่นยำและเป็นเส้นตรง

                                                                                                การใช้เครื่องเลเซอร์ชนิดนี้ มักจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผิวหนังที่สม่ำเสมอ สุขภาพดี และมีการพัฒนาที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวหนังเช่น รอยดำ, รอยแดง, รอยสิว หรือฝ้าที่ต้องการลดลงและปรับปรุงผิวหนังให้ดูดีขึ้นนั่นเอง

                                                                                                PICO laser

                                                                                                เข้ารับบริการ “ Pico Laser” ที่รมย์รวินท์ดีอย่างไร

                                                                                                การเลือกทำ  Pico Laser เป็นการตัดสินใจที่สำคัญในการดูแลผิวหนัง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัย หัวข้อนี้นี้จะช่วยแนะนำ และข้อควรรู้ในการเลือกทำ   Pico Laser ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                Pico Laser เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการรักษาผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ที่มีผลลัพธ์ที่น่าพอใจให้แก่ผู้รับการรักษา รมย์รวินท์คลินิกนับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการใช้เทคโนโลยี Pico Laser อย่างปลอดภัย ในส่วนของการตัดสินใจเลือกทำ   Pico Laser สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้

                                                                                                  • การประเมินผิวหนังอย่างถูกต้อง 

                                                                                                ก่อนทำการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์ชนิดนี้ ทีมแพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิกจะทำการประเมินสภาพผิวหนังของคุณอย่างถูกต้อง เพื่อให้การรักษาเป็นไปตามความต้องการ และปลอดภัยอย่างแน่นอน

                                                                                                  • การให้คำแนะนำ อธิบายแผนการรักษา 

                                                                                                หลังจากการประเมินปัญหาผิว ทีมแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวรวมถึงความต้องการของแต่ละบุคคล

                                                                                                  • การใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย 

                                                                                                รมย์รวินท์คลินิกใช้เครื่องเลเซอร์ชนิดนี้ ที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และทันสมัย เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ ปลอดภัยสูงสุด

                                                                                                  • ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังเข้ารับการรักษา 

                                                                                                หลังการรักษา ทีมแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหนังหลังการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มายังยาวนาน

                                                                                                  • บริการที่เอาใจใส่ลูกค้า 

                                                                                                รมย์รวินท์คลินิกให้บริการอย่างเป็นมิตร และเอาใจใส่ต่อลูกค้า พร้อมให้คำปรึกษา และคำแนะนำในทุกขั้นตอนของการรักษา

                                                                                                โดยการรักษา  Pico Laser ที่รมย์รวินท์คลินิกจะไม่เพียงแค่ช่วยให้ผิวของคุณสวยงามขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงมือทำอย่างปราณีต และใส่ใจต่อสุขภาพผิวของคนไข้อีกด้วย

                                                                                                ขั้นตอนการทำ  Pico Laser ที่รมย์รวินท์คลินิกมีอะไรบ้าง

                                                                                                จริงๆ แล้ว ก่อนจะเข้ามารับบริการเลเซอร์ที่รมย์รวินท์ นั้นไม่ยากเลย ขั้นตอนกระบวนการทำหัตถการก็ยังใช้เวลาไม่นานอีกด้วย ขั้นตอนการทำการรักษามีดังนี้

                                                                                                1. ขั้นตอนของการประเมินสภาพผิว

                                                                                                ก่อนทำการรักษาด้วย  Pico Laser ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อให้ประเมินสภาพผิวและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมกับผิวของคนไข้

                                                                                                2. ขั้นตอนของการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับทำหัตถการ

                                                                                                • การเตรียมผิวด้วยการทำความสะอาดผิวให้สะอาด และระงับความมันบนผิว
                                                                                                • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง
                                                                                                • การปกป้องผิวหนังด้วยครีมกันแดด

                                                                                                3. ขั้นตอนของกาดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการ

                                                                                                • หลีกเลี่ยงการถูกแดด หรือครีมกันแดด
                                                                                                • การรักษาแผล หรืออาการอักเสบใด ๆ ให้ดีก่อนทำการรักษาด้วย Pico Laser

                                                                                                4. การใช้ยารักษาผิว เมื่อพบอาการไม่ปกติ

                                                                                                หากมีการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงต่อผิวหนัง เช่น ยา Retin-A ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา

                                                                                                5. ป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น

                                                                                                หากมีประวัติการแพ้สารเคมี หรือสารต่าง ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา

                                                                                                สำหรับท่านใด ที่สนใจอยากทำ Laser ที่รมย์รวินท์คลินิก สามารถนัดคิวเข้ามารับบริการกับเราได้ทุกสาขา ทุกช่องทาง จะมีเจ้าหน้าที่คอยบริการให้คำปรึกษา แนะนำข้อมูลเบื้องต้น ด้วยความใส่ใจ และที่สำคัญทุกเคสจะได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด คนไข้สามารถมั่นใจได้เลยว่า ได้ความสวยควบคู่ไปกับความปลอดภัย มั่นใจไม่ผิดหวังแน่นอน

                                                                                                PICO laser

                                                                                                การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ Pico Laser ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ   Pico Laser เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้ผิวหนังของคนไข้พร้อมที่จะรับการรักษา และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่ อาจเกิดขึ้น

                                                                                                  • ปรึกษาคุณหมอ เพื่อประเมินปัญหาผิวเบื้องต้น 

                                                                                                การปรึกษาคุณหมอผิวหนังเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้คนไข้เข้าใจถึงกระบวนการการรักษา ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และคำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อน และหลังการรักษา

                                                                                                  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่เคมี 

                                                                                                หยุดใช้ผลิตภัณฑ์เคมี หรือผลิตภัณฑ์ผิวหนังที่มีส่วนผสมเคมีเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ก่อนการทำ   Pico Laser เพื่อลดความเสี่ยงจากการระคายเคือง หรือการติดเชื้อ ที่อาจเกิดขึ้น

                                                                                                  • ปกป้องผิวจากแสงแดด 

                                                                                                ผิวหนังที่ผ่านการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์ชนิดนี้ มีความไวต่อแสงแดด ควรปกปิดผิวด้วยการสวมหมวกกันแดด และใช้ครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันความเสียหายจากรังสี UV

                                                                                                  • การทำความสะอาดผิวอย่าสม่ำเสมอ

                                                                                                ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนด้วยน้ำอุ่น และน้ำโฟมล้างหน้าที่เหมาะสมก่อนการทำหัตถการ เพื่อล้างสิ่งสกปรก เนื่องจากหากผิวหน้าไม่สะอาด อาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงตามมาได้

                                                                                                  • งดการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ 

                                                                                                การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์สามารถทำให้ผิวหนังแพ้ต่อการรักษาด้วยหัตถการนี้ ควรลด หรือหยุดการบริโภคก่อนเข้ารับบริการ และหลังการทำหัตถการ เพื่อประสิทธิภาพของการรักษาที่ดีที่สุด

                                                                                                  • เตรียมตัว ปรับสภาพจิตใจให้พร้อมรับบริการ

                                                                                                สำหรับการทำหัตถการนี้ อาจทำให้รู้สึกเครียด หรือระคายเคือง ควรเตรียมตัวใจให้พร้อมกับกระบวนการการรักษา ผลลัพธ์ รวมถึงอาการข้างเคียงเล็กๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

                                                                                                การดูแลตัวเองหลังทำ Pico Laser ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                หลังจากที่ผ่านการทำ   Pico Laser การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่มีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้ผิวหนังของคนไข้กลับมาสุขภาพดี และสวยงามอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากการรักษาด้วยเทคโนโลยี Pico Laser ที่ช่วยลดรอยแผล ลดรอยดำ และปรับปรุงโครงสร้างของผิวหนัง มีบางขั้นตอน และการดูแลที่ควรทำเพื่อให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                  • การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 

                                                                                                เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน และไม่มีสารเคมีที่เข้มข้น เช่น เจลล้างหน้าที่อ่อนโยน, ครีมบำรุงผิว, และสูตรเซรั่มที่ช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น และปกป้องอย่างเหมาะสม

                                                                                                  • การป้องกันแสงแดด 

                                                                                                แสงแดด อาจเป็นอันตรายต่อผิวหน้าหลังจากการรักษา แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UVA และ UVB ร่วมกับการใช้เครื่องป้องกันแสงแดดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น หมวกกันแดด และเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี

                                                                                                  • การรักษาสีผิว รวมถึงรอยดำ รอยแดงต่างๆ 

                                                                                                ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยดำ และรักษาสีผิวบริเวณใบหน้าให้สม่ำเสมอ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดสีอย่างปลอดภัย และเหมาะสมกับผิวหน้าของคนไข้

                                                                                                  • ใช้มาส์กหน้าเพื่อยกระดับการบำรุงผิว

                                                                                                การใช้มาส์กหน้าที่มีส่วนผสมธรรมชาติ อย่างเช่น มาส์กที่มีส่วนผสมของสมุนไพร, ผลไม้ หรือนม ช่วยปรับปรุงสภาพผิวหน้า และสร้างความชุ่มชื่นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี

                                                                                                  • การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมถึงการออกกำลังกาย 

                                                                                                การดูแลสุขภาพที่ดีอย่างเพียงพอ โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์, และนอนหลับพักผ่อนเพียงพอ จะช่วยเสริมสร้างสภาพผิวให้ผิวแข็งแรง และมีสุขภาพดี

                                                                                                PICO laser

                                                                                                ภาวะแทรกซ้อนหลังทำ Pico Laser

                                                                                                หลังจากการทำ Pico Laser, ภาวะแทรกซ้อน อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน ภาวะแทรกซ้อนนั้น อาจมีลักษณะที่หลากหลาย อาจมีผลกระทบต่อผิวหนัง และสุขภาพทั้งระยะสั้น และระยะยาวได้ ดังนั้นการเข้าใจ และการรับรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนหลังการทำ  Pico Laser เป็นสิ่งสำคัญที่ควรมี การทำ Pico Laser มีภาวะแทรกซ้อนดังนี้

                                                                                                1. รอยแผล ในบางกรณี, ผู้ที่รับการรักษา อาจพบรอยแผลเล็ก ๆ หรือรอยแผลที่เป็นปกติหลังการรักษา ซึ่งรอยแผลเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน หรือสัปดาห์
                                                                                                2. ประสิทธิภาพของการรักษา บางครั้ง, ผลการรักษา อาจไม่ได้ผลตรงกับที่คาดหวัง และ อาจต้องทำซ้ำ หรือใช้วิธีการรักษาอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
                                                                                                3. การเกิดผื่น หรือแพ้วัตถุ บางครั้ง, ผู้ที่ได้รับการรักษา อาจพบอาการแพ้
                                                                                                4. การแห้งของผิวหนัง ในบางกรณี, ผิวหนังของผู้ที่ได้รับการรักษา อาจกลายเป็นสีแดง หรือแห้งเนื่องจากการทำลายของเซลล์ผิวหนัง
                                                                                                5. การไวต่อแสง ผู้ที่ได้รับการรักษา อาจมีความไวต่อแสงเพิ่มขึ้น และ อาจต้องป้องกันรังสีด้วยการใช้ครีมกันแดด หรือการป้องกันแสงแดดอื่น ๆ เข้าร่วมด้วย
                                                                                                6. การเปลี่ยนแปลงสีผิว บางครั้ง, ผู้ที่ได้รับการรักษา อาจเปลี่ยนแปลงสีผิวหนัง โดยเฉพาะในบริเวณที่รักษา แต่มักจะค่อนข้างเรียบ และเป็นระยะเวลาสั้น
                                                                                                7. ภาวะแทรกซ้อนในระดับรุนแรง ในกรณีที่มีอาการรุนแรง เช่น การอักเสบหนัก การเกิดแผล หรือตุ่มน้ำ หรืออาการระบบภูมิคุ้มกันลดลง ควรรีบปรึกษาคุณหมอทันทีเพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม

                                                                                                สำหรับผู้ที่ต้องการรับการรักษา ด้วยเครื่องเลเซอร์ชนิดนี้ , ควรปรึกษาคุณหมอ หรือผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้ และวิธีการรักษาที่เหมาะสม

                                                                                                สรุป

                                                                                                Pico Laser เป็นโปรแกรมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวโดยรมย์รวินท์ ซึ่งมุ่งเน้นการฟื้นบำรุงผิวในระดับที่ล้ำสมัย ด้วยเทคโนโลยี Pico Laser ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเม็ดสีในชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ ริ้วรอย และรอยแผลเป็นจากสิว

                                                                                                จุดเด่นของ Pico Laser คือการทำงานด้วยพลังงานแสงเลเซอร์ที่สามารถแยกย่อยเม็ดสีและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น ทั้งยังมีความปลอดภัยและใช้เวลาในการฟื้นฟูสั้น ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้อย่างรวดเร็ว

                                                                                                รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Pico Laser

                                                                                                1. Pico Laser มีประโยชน์อย่างไรต่อผิวหนังบริเวณใบหน้า
                                                                                                •   Pico Laser ช่วยลดรอยดำ, รอยแตก, รอยสิว, และปรับลดริ้วรอยอื่น ๆ ของผิวหนัง โดยทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียน ชุ่มชื้น และมีสีเรียบเนียนมากขึ้น
                                                                                                1. กี่ครั้งที่ต้องทำ   Pico Laser เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
                                                                                                • จำนวนการรักษาที่ต้องการ อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหนัง และระดับความรุนแรงของปัญหา แต่ในทั่วไปมักจะต้องทำระหว่าง 3-5 ครั้ง
                                                                                                1. มีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการทำหัตถการ ไหม
                                                                                                • ผู้ที่รับการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์ชนิดนี้ อาจพบผลข้างเคียงเช่น บวม แดง ระคายเคือง หรือผื่นบริเวณที่รักษา แต่ส่วนมากจะหายไปเองในไม่กี่วัน
                                                                                                1. ควรทำการบำรุงผิวหนังอย่างไรหลังการรักษาด้วย  Pico Laser
                                                                                                • หลังการรักษา, ควรป้องกันแสงแดดโดยใช้ครีมกันแดดทุกวัน และรักษาความชุ่มชื้นของผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
                                                                                                1. Pico Laser กับ Q-Switch อันไหนเจ็บกว่ากัน
                                                                                                • การทำ   Pico Laser กับ Q-Switch จะมีการทายาชาก่อนเข้าทำหัตถการ ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดขณะทำได้มาก อย่างไรก็ตาม การทำหัตถการนี้ จะใช้ระยะเวลาน้อยกว่า จึงทำให้รู้สึกเจ็บน้อยกว่า Q-Switch
                                                                                                1. ทำหัตถการนี้ แล้วหน้าบางไหม
                                                                                                • หลังจากทำ   Pico Laser ในช่วงแรก จะมีความไวต่อแสงมากกว่าปกติ ประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งในระหว่างนั้นจะต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด และทาครีมกันแดดทุกวัน แต่ไม่ทำให้ผิวหน้าบางลง เพราะเลเซอร์ไม่ได้เข้าไปทำลายเนื้อเยื่อปกติ

                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน Biostimulator แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร ?

                                                                                                  130824 1

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร 

                                                                                                  การเสื่อมสภาพของผิวพรรณและร่างกายเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติและเมื่อเวลาผ่านไป อายุของคนเราก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ในทางกลับกันสิ่งที่น้อยลงสวนทางกับอายุของคนเรา คือ สารประเภทโปรตีนที่เรียกว่า ‘คอลลาเจน’ ที่อยู่ในร่างกายและสามารถลดปริมาณลงได้เรื่อยๆตามกาลเวลา

                                                                                                  โดยเมื่อคอลลาเจนในร่างกายมีปริมาณที่น้อยลงจากการที่สูญเสียคอลลาเจนตามอายุ และร่างกายไม่สามารถผลิตมาทดแทนได้เท่าเดิมก็จะส่งผลกระทบต่อผิวพรรณและร่างกาย ซึ่งเรามักสังเกตได้จากเวลาส่องกระจกแล้วพบริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้านั่นเอง

                                                                                                   

                                                                                                  ด้วยเวลาที่ขยับเดินไปเรื่อย ๆ ทุกวัน เทรนด์ความงาม ในแวดวงงานผิวที่ได้รับกระแสตอบรับ และได้รับความนิยมเป็นอย่างดี คือ “การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน” ซึ่งเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ถูกคิดค้น และพัฒนาขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกาย มีการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนได้ ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นการสยบปัญหารูปหน้าหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ รวมทั้งริ้วรอยบนผิวด้วยสารกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผู้อ่านหลายท่านน่าจะรู้จักกันดีในชื่อสาร Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน อย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัยต่อร่างกาย

                                                                                                   

                                                                                                  การพัฒนาสารกระตุ้นคอลลาเจนสำหรับฉีดลงบนผิว หรือ Biostimulator เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของงานผิวรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการยกดึงหน้าขึ้นด้วยการผ่าตัดหรือหัตถการ แต่เป็นการเสริมงานผิวด้วยการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ส่งผลระยะยาวแทน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย เปลี่ยนผิวจากที่เสื่อมสภาพให้เป็นงานผิวเด็กที่มีความอ่อนเยาว์

                                                                                                   

                                                                                                  ถึงแม้การที่ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนจะเป็นเรื่องที่เกิดตามธรรมชาติ แต่ก็คงจะเป็นเรื่องดีหากมีวิธีการที่สามารถเพิ่มปริมาณคอลลาเจนได้ โดย Biostimulator ก็นับเป็นคำตอบของวิธีการเสริมคอลลาเจนที่นิยมกันมากสำหรับปีนี้

                                                                                                  ด้วยความที่สารกระตุ้นคอลลาเจนเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม วันนี้รมย์รวินท์คลินิกจึงจะมาเปรียบเทียบความแตกต่างของสารกระตุ้นคอลลาเจนแต่ละชนิดว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน

                                                                                                  ทำความรู้จักกับ คอลลาเจน (Collagen) โปรตีนที่อยู่ในผิวหนังและร่างกาย

                                                                                                  ก่อนจะพูดถึงสารกระตุ้นคอลลาเจนแต่ละชนิด เราควรมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคอลลาเจนที่อยู่ในร่างกายเสียก่อน ซึ่งคอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ และเป็นโปรตีนที่มีจำนวนมากที่สุดในร่างกาย โดยคอลลาเจนนั้นเป็นส่วนประกอบของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ซึ่งคอลลาเจนภายในร่างกายจะทำหน้าที่เป็นตัวที่คอยเชื่อมและประสานเซลล์เข้าด้วยกัน ส่งผลให้ผิวเกิดความแข็งแรง อันเป็นเหตุเมื่อคอลลาเจนมีจำนวนน้อยลงก็จะทำให้ผิวไม่แข็งแรง จึงต้องการสารกระตุ้นคอลลาเจน

                                                                                                   

                                                                                                  โดยร่างกายจะมีการสังเคราะห์และผลิตคอลลาเจนด้วยตัวเอง หากลองสังเกตดู ในเวลาที่เรายังเป็นเด็ก ผิวของเรายังมีความแน่นตึง ยืดหยุ่น โดยไม่ต้องพึ่งพาสารกระตุ้นคอลลาเจน เพราะร่างกายเราสามารถผลิตคอลลาเจนออกมาได้เองและเส้นใยคอลลาเจนยังคงมีความแข็งแรง แต่เมื่อเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลง เส้นใยคอลลาเจนที่มีอยู่ก็จะเสื่อมสภาพพร้อมกับผิวที่เสียสมดุล ขาดความกระชับ ไม่เต่งตึงเหมือนอย่างที่เคย อันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของผิว ทำให้เกิดสารกระตุ้นคอลลาเจนนั่นเอง

                                                                                                   

                                                                                                  แต่ความจริงแล้วหากพูดนอกเรื่องจากงานผิว Biostimulator และสารกระตุ้นคอลลาเจน โปรตีนคอลลาเจนในร่างกายก็ยังส่งผลต่อกระดูก ฟัน เล็บ และเลือดอีกด้วย ทำให้คอลลาเจนมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับร่างกาย ถึงแม้ว่าจะมีวิธีเสริมคอลลาเจน ผ่านการรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมคอลลาเจน แต่วิธีที่ได้ผลลัพธ์กับงานผิวอย่างรวดเร็วและเห็นผลทันตา คือ การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มาในรูปแบบ Biostimulator

                                                                                                   

                                                                                                  หากพูดถึงคอลลาเจนในร่างกาย ตามหลักความจริงแล้วร่างกายของเราก็มีคอลลาเจนอยู่มากกว่าหนึ่งชนิด และแต่ละชนิดก็มีความสำคัญไม่เหมือนกัน และสารกระตุ้นคอลลาเจน ก็จะทำหน้าที่เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน ที่ส่งผลกับคอลลาเจนบางประเภทเท่านั้น สำหรับคนที่อยากรู้ว่าร่างกายของเรา ประกอบด้วยคอลลาเจนกี่ชนิด สามารถอ่านรายละเอียดได้จากหัวข้อต่อจากนี้

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน

                                                                                                  คอลลาเจน มีกี่ประเภทแล้วประเภทไหนที่สำคัญกับผิวพรรณ

                                                                                                  เอกสารอ้างอิงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ได้มีการกล่าวถึงประเภทของคอลลาเจนปัจจุบันมีมากถึง 28 ประเภท แต่คอลลาเจนที่สำคัญกับร่างกายจะมีอยู่เพียง 5 ประเภท และ 2 จาก 5 ประเภทของคอลลาเจนดังกล่าว เป็นคอลลาเจนที่มีความสำคัญกับผิว และมีความเกี่ยวโยงกับสารกระตุ้นคอลลาเจน โดยรายละเอียดของคอลลาเจนทั้ง 2 ประเภทที่มีความสำคัญกับผิวสามารถสรุปได้ดังนี้

                                                                                                   

                                                                                                  • คอลลาเจนประเภทที่ 1 (Collagen Type I) – เป็นคอลลาเจนที่ค้นพบแล้วว่ามีอยู่ภายในร่างกายเป็นจำนวนมากที่สุด โดยเป็นจำนวนประมาณ 90% ของคอลลาเจนภายในร่างกาย เป็นคอลลาเจนที่พบตามกระดูก เนื้อเยื่อ และมีความสำคัญต่อผิวพรรณ โดยคอลลาเจนประเภทที่ 1 มักเป็นกุญแจความสำเร็จของงานผิว สารกระตุ้นคอลลาเจนจึงถูกนำมาใช้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ Biostimulator เพื่อกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 ออกมา เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวและลดริ้วรอย

                                                                                                   

                                                                                                  • คอลลาเจนประเภทที่ 3 (Collagen Type III) – เป็นคอลลาเจนอีกตัวที่มีความสำคัญกับผิวพรรณ โดยจะเน้นไปส่วนของกล้ามเนื้อ ซึ่งการเสริมสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 3 จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวยกกระชับ เต่งตึง จึงมีสารกระตุ้นคอลลาเจนบางประเภท ที่ถูกนำมาเป็นส่วนประกอบของ Biostimulator หลากหลายชนิด เพราะมีส่วนช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนทั้งประเภทที่ 1 และ 3

                                                                                                  โดยภาพรวมแล้วคอลลาเจนมีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างไร

                                                                                                  • คอลลาเจนช่วยให้เซลล์ผิวเกิดการเจริญเติบโต และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป การที่ผิวเกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ ส่วนนึงมีสาเหตุมาจากการที่เซลล์ผิวตายแล้วไม่ผลัดออกไป เซลล์ผิวใหม่จึงไม่สามารถขึ้นมาแทนที่ได้ สารกระตุ้นคอลลาเจน ก็จะช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนมากขึ้น 
                                                                                                  • คอลลาเจนช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยการเปลี่ยนสภาพของผิวจากที่แห้งเสียให้กลับมาอิ่มฟู กักเก็บน้ำได้นาน 
                                                                                                  • คอลลาเจนที่เสริมขึ้นจากสารกระตุ้นคอลลาเจน ยังช่วยเพิ่มความหนาแน่นและยืดหยุ่นให้กับผิว ตั้งแต่ระดับโครงสร้างของผิว เนื่องจากสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator เป็นการเสริมสร้างคอลลาเจนตามชั้นผิวต่าง ๆ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจนสารกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร?

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน คือ นวัตกรรมที่เป็นการพัฒนาสาร ที่สามารถฉีดลงไปที่บริเวณชั้นผิวหนัง เพื่อเข้าไปกระตุ้นกระบวนการของร่างกายในการผลิตคอลลาเจนออกมา หรือที่หลายคนน่าจะรู้จักในชื่อ “Biostimulator” ผลิตภัณฑ์สารกระตุ้นคอลลาเจนจากยี่ห้อต่าง ๆ ซึ่งผ่านกระบวนการคิดค้นหาสารตั้งต้น ที่มีความสามารถในการเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน จนกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์งานผิวที่รู้จักกันทุกวันนี้

                                                                                                   

                                                                                                  โดย Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ถึงแม้จะมีหลากหลายยี่ห้อ แต่คุณสมบัติโดยรวมแล้วต้องเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนประเภทที่ 1 และส่งผลต่อการฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาแข็งแรง สุขภาพดี ช่วยกระชับผิวและเพิ่มความยืดหยุ่น ซึ่งอาจมีคุณสมบัติบางการที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสารประกอบหรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ที่นำมาเป็นส่วนประกอบของสารที่ฉีดลงไปบนชั้นผิว

                                                                                                   

                                                                                                  ถึงแม้ว่าปัจจุบัน จะมีการคิดค้นสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator ออกมาอย่างแพร่หลาย แต่จะมีสารกระตุ้นคอลลาเจนบางตัวที่ได้รับความนิยมและกลายเป็นที่พูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ได้แก่ Radiesse,  Sculptra เนื่องจากผลลัพธ์ของสารกระตุ้นคอลลาเจนทั้งสองยี่ห้อ ส่งผลต่อกระบวนการผลิตคอลลาเจนของร่างกาย และช่วยเรื่องงานผิวได้อย่างประสิทธิภาพ แต่นอกจาก Radiesse และ  Sculptra ยังมีสารกระตุ้นคอลลาเจนอื่นด้วย เช่น Gouri

                                                                                                   

                                                                                                  ซึ่งความแตกต่างของสารกระตุ้นคอลลาเจนแต่ละตัว ก็มาจากเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่นำมาพัฒนาเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน แต่ละผลิตภัณฑ์มีการพัฒนาด้วยนวัตกรรมที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าผลจะออกมาเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนประเภท 1 มากขึ้น ด้วยความแตกต่างของนวัตกรรมและองค์ประกอบของสารกระตุ้นคอลลาเจน จึงส่งผลต่อผลลัพธ์และการเลือกฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนด้วย โดยสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้รับความนิยมก็จะมีรายละเอียดตามหัวข้อต่อไปเลย

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวไหนที่ได้รับความนิยมบ้าง แต่ละตัวมีประสิทธิภาพการทำงานเป็นอย่างไร?

                                                                                                  ไม่ว่าจะเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนหรือ Biostimulator จากยี่ห้อต่าง ๆ ก็มักมีการพัฒนาสารกระตุ้นคอลลาเจนจากองค์ประกอบหลักที่แตกต่างกัน เช่น Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบเป็น Calcium Hydroxylapatite Microspheres (CaHA) ส่วน Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบจาก Poly-L-Lactic (PLLA) และถึงแม้จะเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกันก็มีประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ออกมาแตกต่างกันตามสารที่เป็นองค์ประกอบหลักด้วย

                                                                                                   

                                                                                                  แต่นอกจากสารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA และ PLLA ที่มาจากผลิตภัณฑ์ Biostimulator ที่ได้รับความนิยมอย่าง Radisse และ Sculptra ก็ยังมีองค์ประกอบของสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวอื่นอีก ไม่ว่าจะเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน Poly D, L-Lactic Acid  (PDLLA), Polydioxanone microsphere (PDO) และ  Polycaprolactone (PCL) ซึ่งมีการทดลองและพัฒนา จนมีผลการทดสอบได้ว่า สามารถนำมาทำเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนได้เหมือนกับ CaHA และ PLLA

                                                                                                   

                                                                                                  โดยสารแต่ละประเภท ก็มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพในฐานะ Biostimulator ที่แตกต่างกันดังนี้

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หรือ  Calcium Hydroxylapatite เป็นแคลเซียมที่สามารถหาได้จากการนำกระดูกปลาทูน่ามาบด ๆ เป็นผงละเอียด โดยสารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เป็น Biostimulator ที่สามารถเข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากโครงสร้างของ Calcium มีโครงสร้างแบบ Hydroxyapatite ที่มีสูตรทางเคมี Ca5 (PO4) 3OH หรือ Ca10 (PO4) 6 (OH) ซึ่งเป็น Calcium ที่สามารถพบได้จากกระดูกมนุษย์ ส่งผลให้สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับร่างกายเมื่อนำมาใช้กับ Radiesse

                                                                                                   

                                                                                                  เรียกได้ว่าสารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีความคล้ายคลึงกับส่วนประกอบของกระดูกภายในร่างกาย จึงเป็นเหมือนการฉีดสารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติเข้าไปในร่างกาย ทำให้ปัจจุบัน CaHA กลายเป็นสารประกอบที่ถูกนำมาใช้หลายแพร่หลายในวงการความงาม ไม่ว่าจะเป็นสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ฉีดผิว ยกกระชับหน้าโดยไม่พึ่งพาการผ่าตัด

                                                                                                   

                                                                                                  คุณสมบัติของสารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ที่เป็นจุดเด่นมีดังนี้

                                                                                                  • ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาแข็งแรง
                                                                                                  • เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่สามารถเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายไม่เกิดการต่อต้าน
                                                                                                  • ช่วยเสริมสร้างและปรับปรุงสภาพผิว ผิวกระชับอิ่มเอม ช่วยลดร่องลึก ผลลัพธ์ยาวนาน

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน PLLA 

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบของ Poly-L-Lactic (PLLA) เป็นผลิตภัณฑ์ Biostimulator สำหรับ Sculptra ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวแรก ๆ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและรับรองจาก FDA โดยสารกระตุ้นคอลลาเจน PLLA เป็นวัสดุประเภทโพลีเมอร์ที่มีความปลอดภัยกับร่างกายมนุษย์ เนื่องจากเป็นสารที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาจากพืชและเป็นนวัตกรรมเดียวกันกับไหมเย็บแผลทางการแพทย์

                                                                                                   

                                                                                                  ด้วยประสิทธิภาพด้านการฟื้นฟูคอลลาเจนของสารประกอบ PLLA ผนวกกับเป็นสารสังเคราะห์ธรรมชาติ ที่ย่อยสลายไปเองโดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้างภายในร่างกาย ซึ่งสาร PLLA จะสลายเป็น H2O, CO2 และ Lactic acid ที่ร่างกายดูดซึมไปได้ ทำให้สารกระตุ้นคอลลาเจน PLLA ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยเลย

                                                                                                   

                                                                                                  คุณสมบัติของสารกระตุ้นคอลลาเจน PLLA ที่เป็นจุดเด่นมีดังนี้

                                                                                                  • กระตุ้นคอลลาเจนและเติมเต็มร่องลึกด้วยประสิทธิภาพที่อยู่นานถึง 2 ปี
                                                                                                  • เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง เรียบเนียน

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน PDO

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบของ Polydioxanone microsphere (PDO) เป็นผลิตภัณฑ์ Biostimulator ที่มาในรูปแบบของไหมน้ำ Ultracol โดยสารกระตุ้นคอลลาเจน PDO เป็นสารประเภทโพลีเมอร์ที่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้ และย่อยสลายเองตามธรรมชาติด้วยกระบวนการ hydrolysis มีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่นำสารประกอบ PDO มาใช้ ได้แก่ ไหมเย็บแผล PDO ศัลยกรรมกระดูก

                                                                                                   

                                                                                                  สำหรับสารกระตุ้นคอลลาเจน คือ การต่อยอดจากไหมเย็บแผล PDO ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ มาทำเป็นไมโครโมเลกุลขนาดเล็กเพื่อนำมาฉีดเป็นไหมน้ำสารกระตุ้นคอลลาเจนตามผิวหนัง ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและไม่สร้างความระคายเคือง จึงนับว่าเป็น Biostimulator ที่มีประสิทธิภาพด้านงานผิว

                                                                                                   

                                                                                                  คุณสมบัติของสารกระตุ้นคอลลาเจน PDO ที่เป็นจุดเด่นมีดังนี้

                                                                                                  • กระตุ้นคอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 
                                                                                                  • เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน ที่โมเลกุลเล็กมากจึงสามารถกระชับผิวบริเวณที่บอบบางได้
                                                                                                  • กระชับผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียนตามบริเวณที่ฉีด ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน PCL 

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน Polycaprolactone (PCL) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่พัฒนามาจากการสังเคราะห์สารโพลีเอสเตอร์กึ่งผลึกที่สามารถย่อยสลายด้วยกระบวนการ hydrolysis เป็นวัสดุทางชีวภาพที่ถูกนำมาประยุกต์ทางการแพทย์ตั้งแต่การเป็นไหมเย็บแผลจนมาถึงวงการความงาม PCL ก็กลายมาเป็น Biostumulator สารกระตุ้นคอลลาเจน Gouri

                                                                                                   

                                                                                                  คุณสมบัติของสารกระตุ้นคอลลาเจน PCL ที่เป็นจุดเด่นมีดังนี้

                                                                                                  • พัฒนามาเป็น Gouri เป็นของเหลวที่สามารถฉีดเข้าสู่ผิวได้โดยตรง
                                                                                                  • เติมความแน่นกระชับให้กับผิว ลดริ้วรอยฟื้นฟูสภาพผิว
                                                                                                  • ผลลัพธ์ของสารกระตุ้นคอลลาเจน PCL นานถึง 24 เดือน

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน PDLLA  

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน Poly-D, L-Lactic Acid (PDLLA) เป็นสารโพลีเมอร์ที่สกัดมาจากธรรมชาติ และเป็นสารที่มีโมเลกุลแบบเดียวกันกับ Poly Lactic Acid (PLA) โดยมีคุณสมบัติที่แตกต่างจาก PLA คือ มีส่วนพื้นผิวสัมผัสที่เกี่ยวโยงกับกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนของร่างกาย โดย PDLLA สามารถย่อยสลายตามกระบวนการธรรมชาติ ทางการแพทย์ PDLLA ยังถูกนำมาพัฒนาเป็นตัวส่งยาไปยังบริเวณที่ต้องการอีกด้วย

                                                                                                   

                                                                                                  คุณสมบัติของสารกระตุ้นคอลลาเจน PDLLA มีดังนี้

                                                                                                  • PDLLA เป็นสารที่มีลักษณะเป็นวงฟองสบู่ เมื่อเข้าสู่ผิวจึงไม่เกิดการตกค้างและย่อยสลายไปเอง
                                                                                                  • กระตุ้นคอลลาเจนและผลลัพธ์ด้านงานผิวที่ยาวนานถึง 24 เดือน

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจนแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจนอย่างไรก็มีคุณสมบัติเกี่ยวกับการกระตุ้นคอลลาเจนภายในร่างกายเหมือนกัน แต่สารกระตุ้นคอลลาเจนทั้งหมดล้วนเป็นคนละชนิดกันจึงมีคุณสมบัติและผลลัพธ์บางประการที่แตกต่างกันออกไป โดยรมย์รวินท์คลินิกได้เรียบเรียงเปรียบเทียบความแตกต่างดังนี้

                                                                                                  ประเภทและลักษณะของสารกระตุ้นคอลลาเจน

                                                                                                  • Calcium Hydroxylapatite เป็น CaHA Microspheres แร่ธาตุที่มาจากกระดูกปลาทูน่าบดละเอียด และสามารถพบได้ตามกระดูกของมนุษย์ มีโครงสร้างแบบ Hydroxylapatite Ca5 (PO4) 3OH 
                                                                                                  • Poly-L-Lactic (PLLA) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนสังเคราะห์จากพืช และเป็นนวัตกรรมเดียวกับไหมเย็บแผล โดยสาร PLLA สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ
                                                                                                  • Polydioxanone microsphere (PDO) เป็นสารโพลีเมอร์สังเคราะห์รูปแบบผลึก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สามารถย่อยสลายด้วยกระบวนการทางชีวภาพ มีสภาพเป็นโมเลกุขนาดเล็ก ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
                                                                                                  • Polycaprolactone (PCL) เป็นสารสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์กึ่งผลึกสามารถย่อยสลายด้วยกระบวนการ hydrolysis เป็นสารรูปแบบของเหลว
                                                                                                  • Poly-D, L-Lactic Acid (PDLLA) เป็นสารโพลีเมอร์สกัดจากธรรมชาติ และเป็นสารโมเลกุลรูปแบบเดียวกับ Poly Lactic Acid (PLA) แต่มีความแตกต่างที่ลักษณะพื้นผิว โดย PDLLA จะมีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายกับฟองสบู่

                                                                                                  กระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนส่งผลต่อผิวอย่างไร

                                                                                                  • Calcium Hydroxylapatite – สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 มากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงช่วยกระตุ้นอีลาสติน เพิ่มโปรตีโอไกลแคน กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดส่งผลให้สารอาหารสามารถไปเลี้ยงผิวและปรับโครงสร้างผิวให้ดียิ่งขึ้น
                                                                                                  • Poly-L-Lactic (PLLA) – เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 เป็นหลัก โดยการปรับสภาพผิวที่เสื่อมให้กลับมาสุขภาพดี ผิวสวย ลดริ้วรอย
                                                                                                  • Polydioxanone microsphere (PDO) – กระตุ้นคอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 ช่วยกระชับผิวและเติมความยืดหยุ่น โดยเป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดเล็กจึงสามารถฉีดสาร PDO ลงไปบริเวณที่ผิวบอบบางได้
                                                                                                  • Polycaprolactone (PCL) – กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้มีการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสภาพผิวระยะยาว 
                                                                                                  • Poly-D, L-Lactic Acid (PDLLA) – เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนประเภทที่ 1 เปลี่ยนผิวให้กลับมากระชับ ลดร่องลึก สุขภาพผิวแข็งแรง

                                                                                                   

                                                                                                  โดยภาพรวมแล้วสารกระตุ้นคอลลาเจน มีกระบวนการทำงานและส่งผลต่อผิวคล้ายคลึงกัน แต่อาจมีคุณสมบัติที่ต่างออกไป เช่น นอกจากคอลลาเจนประเภทที่ 1 แล้วสารกระตุ้นคอลลาเจนบางตัวยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 3 และ อีลาสติน รวมถึงคุณสมบัติของสารที่ต่างกันทำให้สามารถฉีดบริเวณที่ละเอียดอ่อนได้แตกต่างจากสารตัวอื่น ๆ

                                                                                                  ผลลัพธ์ของสารที่เป็น Biostimulator มีผลลัพธ์ที่ยาวนานแค่ไหน

                                                                                                  • Calcium Hydroxylapatite – เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปี
                                                                                                  • Poly-L-Lactic (PLLA) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 2 ปี
                                                                                                  • Polydioxanone microsphere (PDO) – เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่อยู่นาน 6-8 เดือน
                                                                                                  • Polycaprolactone (PCL)  – สารกระตุ้นคอลลาเจนที่อยู่นาน 18-24 เดือน (2ปี)
                                                                                                  • Poly-D, L-Lactic Acid (PDLLA) – สารกระตุ้นคอลลาเจนที่อยู่นาน 18-24 เดือน (2ปี)

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจนแต่ละตัว ก็มีระยะเวลาของผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อระยะเวลาที่เราจะต้อง กลับมาฉีดโปรแกรมกระตุ้นคอลลาเจนอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามระยะเวลาของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวของแต่ละคน หากต้องการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนนอกจากเรื่องระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ยาวนานแล้วเราควรพิจารณาความเหมาะสมต่าง ๆ เช่น สารกระตุ้นคอลลาเจนดังกล่าวฉีดบริเวณที่เราต้องการได้หรือไม่ หรือเรามีอาการแพ้สารกระตุ้นคอลลาเจนประเภทนั้นหรือไม่ นี่จึงเป็นข้อแตกต่างสำคัญในการเลือกสารกระตุ้นคอลลาเจนที่เหมาะกับตัวเอง

                                                                                                  สารกระตุ้นคอลลาเจน เสริมผิวสวยสร้างผิวสุขภาพดีที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                  สำหรับคนที่เริ่มคิดว่าผิวของตัวเองเริ่มมีความหย่อนคล้อย ริ้วรอยถามหา ขาดความกระชับ นั่นหมายความว่าผิวต้องการเสริมคอลลาเจนแบบด่วน ๆ หากนึกถึงสารกระตุ้นคอลลาเจน ไม่ว่าจะเป็น Radiesse หรือ Sculptra ต้องลองมาพิสูจน์ผลลัพธ์งานผิวคุณภาพดีที่รมย์รวินท์คลินิก โดยทางคลินิกมีบริการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนและ  Sculptra พร้อมแพทย์ประจำคลินิกที่พร้อมช่วยวิเคราะห์ปัญหาผิวและแนะนำหัตถการที่ช่วยจัดการกับผิวได้อย่างตรงจุด อยากมีผิวอ่อนเยาว์กระชับต้องมาเสริมสร้างผิวที่แข็งแรง กระตุ้นคอลลาเจนที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาได้แล้ววันนี้

                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิก ขอ Support และเคียงข้างทัพนักกีฬาโอลิมปิก 2024 ทุกท่าน

                                                                                                  โอลิมปิก olympic 2024

                                                                                                  Romrawin Clinic พร้อม Support ผ่านการเป็นโค้ชดูแลสุขภาพผิวและความงาม เคียงข้างทัพนักกีฬาโอลิมปิก 2024 ทุกท่าน

                                                                                                   

                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิก” ขอแสดงความยินดีกับทัพนักกีฬาไทยใน ‘โอลิมปิก ปารีส 2024’ และขอบคุณนักกีฬาตัวแทนประเทศไทยทั้ง 51 ท่านรวมถึงโค้ชและทีมงานทุกท่าน ที่ต่างฝึกซ้อมอย่างหนัก เพราะทุกชัยชนะ ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด Romrawin Clinic จึงขอเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนและอยู่เคียงข้างเหล่าทัพนักกีฬาโอลิมปิก 2024 พร้อมเป็นโค้ชความงามส่วนตัว ดูแลทั้งสุขภาพผิวและความงามหลังคว้าชัยระดับโลก ภายใต้คอนเซป “For the better you” สวยในแบบที่เป็นคุณ และเพื่อเน้นย้ำถึงการต่อสู้ และการฝึกฝนอย่างหนักของนักกีฬา

                                                                                                   

                                                                                                  ทั้งนี้ทางรมย์รวินท์คลินิก ขอ Support ดูแลผิวแก่ทัพนักกีฬาโอลิมปิกชุดลุยศึก ทั้ง 51 ท่านใน ‘โอลิมปิก ปารีส 2024’ โดยขอดูแลปรนนิบัติผิวให้นักกีฬา โอลิมปิกทุกท่านด้วยโปรแกรม COLOR ICE พร้อมเป็นโค้ชดูแลผิวส่วนตัวฟรี

                                                                                                   

                                                                                                  โดยขอเรียนเชิญนักกีฬาไทยทั้ง 51 ท่าน พร้อมผู้ติดตามท่านละ 1 ท่าน เข้ารับบริการโปรแกรม COLOR ICE

                                                                                                  จำนวนท่านละ 2 ครั้ง ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ ฟรี! โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

                                                                                                   

                                                                                                  เพื่อตอบแทนนักกีฬาชุดโอลิมปิก 2024 ทุกท่านที่นำความภาคภูมิใจมาสู่คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ช่องทาง คลิก : @romrawinclinc และแจ้งเข้ารับบริการสาขาที่สะดวกได้ทุกสาขา ตั้งแต่ 20 ส.ค.67- 20 พ.ย.67 นี้เท่านั้น

                                                                                                   

                                                                                                  โดยรายชื่อ นักกีฬาทั้ง 51 ท่านจาก 16 ประเภทกีฬา ดังนี้

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาเทควันโด จำนวน 3 ท่าน

                                                                                                  💚 พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

                                                                                                  💚 ศศิกานต์ ทองจันทร์

                                                                                                  💚 บัลลังก์ ทับทิมแดง

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาแบดมินตัน จำนวน 9 ท่าน

                                                                                                  💚 กุลวุฒิ วิทิตศานต์

                                                                                                  💚 รัชนก อินทนนท์

                                                                                                  💚 ศุภนิดา เกตุทอง

                                                                                                  💚 จงกลพรรณ กิติธรากุล

                                                                                                  💚 รวินดา ประจงใจ

                                                                                                  💚 สุภัค จอมเกาะ

                                                                                                  💚 กิตตินุพงษ์ เกตุเรน

                                                                                                  💚 เดชาพล พัววรานุเคราะห์

                                                                                                  💚 ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬายกน้ำหนัก จำนวน 4 ท่าน

                                                                                                  💚 ธีรพงศ์ ศิลาชัย

                                                                                                  💚 วีรพล วิชุมา

                                                                                                  💚 สุรจนา ค่ำเบ้า

                                                                                                  💚 ดวงอักษร ใจดี

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬามวยสากล จำนวน 8 ท่าน

                                                                                                  💚 จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง

                                                                                                  💚 ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด

                                                                                                  💚 บรรจง สินศิริ

                                                                                                  💚 จุฑามาศ รักสัตย์

                                                                                                  💚 ธนัญญา สมนึก

                                                                                                  💚 จุฑามาศ จิตรพงศ์

                                                                                                  💚 ใบสน มณีก้อน

                                                                                                  💚 วีระพล จงจอหอ

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาเรือใบ จำนวน 4 ท่าน

                                                                                                  💚 เบญญาภา จันทวรรณ

                                                                                                  💚 โจนาธาน เวสตัน

                                                                                                  💚 อาทิตย์ มิคาอิล โรมานีก

                                                                                                  💚 โซเฟีย มอนโกเมอรี่

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาเทเบิลเทนนิส จำนวน 3 ท่าน

                                                                                                  💚 สุธาสินี เสวตรบุตร

                                                                                                  💚 จิณห์นิภา เสวตรบุตร

                                                                                                  💚 อรวรรณ พาระนัง

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาจักรยาน จำนวน 4 ท่าน

                                                                                                  💚 โกเมธ สุขประเสริฐ

                                                                                                  💚 ธนาคาร ไชยยาสมบัติ

                                                                                                  💚 เพชรดารินทร์ สมราช

                                                                                                  💚 จาย อังค์สุธาสาวิทย์

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬากรีฑา  จำนวน 2 ท่าน

                                                                                                  💚 ภูริพล บุญสอน

                                                                                                  💚 สุเบญรัตน์ อินแสง

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬายิงปืน จำนวน 3 ท่าน

                                                                                                  💚 ธันยพร พฤกษากร

                                                                                                  💚 ทองผาภูมิ วงศ์สุขดี

                                                                                                  💚 กมลลักษณ์ แสนชา

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาปัญจกีฬาสมัยใหม่ จำนวน 1 ท่าน

                                                                                                  💚 จ.ท. ภูริช โยเฮือง

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาเรือพาย จำนวน 1 ท่าน

                                                                                                  💚 เปรมณัฏฐ์ วัฒนานุสิทธิ์

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาขี่ม้า จำนวน 1 ท่าน

                                                                                                  💚 ชนกภรณ์ การุณยธัช

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาว่ายน้ำ จำนวน 2 ท่าน

                                                                                                  💚 เจนจิรา ศรีสอาด

                                                                                                  💚 ดุลยวัต แก้วศรียงค์

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬายูโด จำนวน 1 ท่าน

                                                                                                  💚 มาซายูกิ เทราดะ

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬาเอ็กซ์ตรีม จำนวน 1 ท่าน

                                                                                                  💚 วารีรยา สุขเกษม

                                                                                                   

                                                                                                  นักกีฬากอล์ฟ จำนวน 4 ท่าน

                                                                                                  💚 กิรเดช อภิบาลรัตน์

                                                                                                  💚 พชร คงวัดใหม่

                                                                                                  💚 อาฒยา ฐิติกุล

                                                                                                  💚 ปภังกร ธวัชธนกิจ

                                                                                                   

                                                                                                  *หมายเหตุ

                                                                                                  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่คลินิกกำหนด
                                                                                                  • ผลการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
                                                                                                  • นักกีฬาโอลิปิก 2024 ทั้ง 51 ท่านและผู้ติดตาม 1 ท่านสามารถเข้ารับบริการโปรแกรม COLOR ICE  ฟรีจำนวนท่านละ 2 ครั้ง
                                                                                                  • ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินทอน หรือเงินสด ทดแทนได้
                                                                                                  • ขอสงวนสิทธิ์ รายชื่อผู้ติดตามของนักกีฬาทั้ง 51 ท่านที่เข้ารับบริการทั้ง 2 ครั้งต้องเป็นท่านเดียวกัน
                                                                                                  • ระยะเวลาการรับบริการ ตั้งแต่ 20 สค.67- 20 พย.67 นี้เท่านั้น
                                                                                                  • ก่อนเข้ารับบริการต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าผ่านช่องทาง Line @𝗥𝗼𝗺𝗿𝗮𝘄𝗶𝗻𝗰𝗹𝗶𝗻𝗶𝗰  ก่อนทุกครั้ง
                                                                                                  • ผู้ติดตามทุกท่านจะต้องมาพร้อมกับนักกีฬาโอลิปิกที่มีรายชื่อข้างต้นตามที่ระบุเท่านั้น

                                                                                                  “MomMe” มาเป็นคู่บูสต์หน้าใส ฟรี! รับวันแม่

                                                                                                  motherday

                                                                                                  ชวนคุณลูกควงแขนคุณแม่มาเพิ่มความสวยฟรี! “MomMe มาเป็นคู่บูสต์หน้าใส”ในวันแม่


                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                    สิงหาคมนี้บอกรักคุณแม่แล้ว..อย่าลืมชวนคุณแม่มาที่รมย์รวินท์คลินิก “MomMe มาเป็นคู่บูสต์หน้าใส”  อัปความสวยตัวเด็ด! เอาใจเดือนวันแม่ แค่คุณลูกมากับคุณแม่ก็มีแต่ ดูดีกลับไป แบบแพคคู่ได้เลย.. 

                                                                                                    วันแม่

                                                                                                    รีบควงแขนคุณแม่มาเลย! เพราะรมย์รวินท์จะแจก! แจกผิวสวยและดูดีให้คุณ และคุณแม่ไปแบบฟรีๆ 

                                                                                                    งานนี้คุณฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงษ์ นักแสดงชื่อดังผู้ใช้บริการจริง ฝากชักชวนชาวรมย์รวินท์คลินิกทุกท่าน ให้บอกรักแม่ด้วยการพาคุณแม่มาทำสวย เพิ่มความดูดี กันแบบเป็นแพคคู่

                                                                                                     

                                                                                                    ด้วย NU PICO BRIGHT เทคโนโลยีที่ยิงด้วยพลังงานเลเซอร์ที่อ่อนโยน ช่วยจัดการปัญหารอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ต้นเหตุของความหมองคล้ำ ไม่สดใสบนใบหน้า ให้คุณเผยผิวหน้าที่ กระจ่างใส สวย มีออร่า ย้ำอีกครั้งว่า ฟรี! 

                                                                                                     

                                                                                                    รีบหน่อยนะ เพราะกิจกรรมนี้ความสวยสุดพิเศษแบบนี้มีจำนวนจำกัด สาขาละ 12 สิทธิ์เท่านั้น! 

                                                                                                     

                                                                                                    สามารถเข้ารับบริการสิทธิพิเศษ NU PICO BRIGHT ได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 สิงหาคม 2567 เท่านั้น

                                                                                                    คุณฟรอยด์มาบอกสิทธิ์ดีดีแบบนี้แล้ว จะรออะไรอยู่รีบพาคุณแม่ ตรงไปจองสิทธิ์ที่รมย์รวินท์คลินิกเลย! 

                                                                                                    วันแม่

                                                                                                    NU PICO BRIGHT คืออะไร?

                                                                                                    NU PICO BRIGHT นวัตกรรม Picosecond Laser ปล่อยพลังงานความถี่กระแทกเม็ดสีผิวเมลานินที่มีความผิดปกติให้แตกตัวออกเป็นเม็ดเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายกำจัดออกได้โดยง่าย โดยเลเซอร์ที่นำมาใช้ในการรักษา ฝ้า กระ จุดด่างดำ จะใช้ความยาวคลื่นอยู่ที่ 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร

                                                                                                    ทำไมคุณแม่และคุณลูกควรทำ NU PICO BRIGHT

                                                                                                    • ช่วยแก้ปัญหาเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ 
                                                                                                    • ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
                                                                                                    • บูสต์ผิวให้กระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ ไม่สดใสของใบหน้า
                                                                                                    • เลเซอร์ที่มีความอ่อนโยน ใช้พลังงานที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ 
                                                                                                    • ไม่ทำให้เลือดออกใต้ผิวหนัง หลังทำจะหน้าแดงอมชมพูเล็กน้อย 
                                                                                                    • ไม่ต้องแปะยาชา ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือแสบ
                                                                                                    • ทำแล้วไม่ทิ้งรอยแผล หน้าไม่ตกสะเก็ด 
                                                                                                    • หลังทำไม่ต้องพักหน้า สามารถใช้หน้าต่อได้ทันที

                                                                                                    วันแม่

                                                                                                    ทำไมต้องพาแม่มาบูสต์หน้าให้สวยใสด้วย NU PICO BRIGHT ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                    • เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและได้มาตรฐาน

                                                                                                    ที่รมย์รวินท์คลินิกเลือกใช้ NU PICO BRIGHT เลเซอร์เพื่อหน้าใสที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้มาตรฐานการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง และให้ผลลัพธ์ที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการให้ผู้เข้ารับบริการมีความมั่นใจว่าจะได้รับการรักษาปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิวได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

                                                                                                    • มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์คอยดูแล และให้คำปรึกษา

                                                                                                    รมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์เฉพาะที่มีความชำนาญในการให้บริการ NU PICO BRIGHT ทั้งการประเมินก่อนการรักษา และการเลือกใช้เลเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการให้บริการโดยเฉพาะ ทำให้ผู้มาเข้ารับบริการวางใจได้ว่าการรักษาจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกลับไป

                                                                                                    • บริการที่ดี และดูแลติดตามผลลัพธ์หลังการรักษา

                                                                                                    รมย์รวินท์คลินิกเอาใจใส่การให้บริการแก่ผู้เข้ารับบริการอย่างดี พร้อมให้คำปรึกษาด้านปัญหาผิวที่ทำให้เกิดความกังวลใจ เพื่อให้คุณได้รับการรักษาอย่างตรงจุด และยังมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์คอยประเมินผลลัพธ์หลังทำและคำแนะนำในการดูแลรักษาหลังทำ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

                                                                                                    • สถานที่ให้บริการสะอาด ปลอดภัย

                                                                                                    ที่รมย์รวินท์คลินิกมั่นใจเรื่องการดูและรักษาความสะอาดของทุกพื้นที่ภายในคลินิก และเครื่องมือที่ใช้ทำหัตถการที่ปลอดเชื้อ พร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี และน่าประทับใจให้แก่ผู้เข้ารับบริการ

                                                                                                    • กิจกรรมสุดพิเศษที่รมย์รวินท์มีมาให้ตลอด

                                                                                                     รมย์รวินท์คลินิกมีกิจกรรม NU PICO BRIGHT ให้คุณแม่ และคุณลูกได้สวยไปพร้อมๆ กัน โดยไม่ต้องกังวลใจกับปัญหาผิวที่มี เพราะเราเชื่อว่าไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็สวยและดูดีในแบบที่คุณเป็นได้ทุกคน

                                                                                                     

                                                                                                    กิจกรรมสุดพิเศษให้คุณอัปความสวยคู่คุณแม่ไปฟรี! แบบนี้พลาดไม่ได้เลย เดือนสิงหาคมนี้ต้องรีบจูงคุณแม่มาที่รมย์รวินท์คลินิก แล้วสวยไปพร้อมกัน.. ด้วยสาขาของรมย์รวินท์ทั้ง 28 สาขา ให้บริการคุณ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลยน้าาา

                                                                                                     

                                                                                                    เงื่อนไขการให้บริการแคมเปญ “MomMe มาเป็นคู่บูสต์หน้าใส”

                                                                                                    * กิจกรรมนี้สามารถใช้บริการได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

                                                                                                    * กิจกรรมนี้ใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 สิงหาคม 2567

                                                                                                    * กิจกรรมนี้ต้องเข้ามาใช้สิทธิ์พร้อมกันทั้งแม่และลูก

                                                                                                    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ 

                                                                                                    *กิจกรรมนี้เฉพาะสาขาลาดพร้าวเท่านั้น

                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL ต่างจากไหมน้ำชนิดอื่นอย่างไร?

                                                                                                      ไหมน้ำ

                                                                                                      รู้ก่อนสวย ! ไหมน้ำ ULTRACOL ดีกว่าไหมน้ำชนิดอื่น ๆ อย่างไร? 

                                                                                                      ว่าด้วยเรื่องของนวัตกรรมความงามปี 2024 ในเรื่องของเทรนด์ผิวหน้าเด็กอ่อนเยาว์ เหมือนย้อนกลับไป 14 อีกครั้ง นั่นก็คือนวัตกรรมการฉีดไหมน้ำ เป็นนวัตกรรมเติมเต็มใบหน้า เพื่อผิวสวยกระจ่างใส นอกจากการฉีดไหมน้ำเพื่อเติมเต็มผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยังมีการร้อยไหมที่ใช้เข็มนำเส้นไหมลงไปสู้ใต้ชั้นผิวอีกด้วย 

                                                                                                      ซึ่งในปัจจุบันการฉีดไหมน้ำเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่ทำให้ผิวสวยตั้งแต่ภายในส่งผลสู่ภายนอก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครต้องการฟื้นฟูผิวจากภายในให้

                                                                                                       

                                                                                                      ไหมน้ำยอดนิยมในขณะนี้คือ “ไหมน้ำ ULTRACOL” หลายคนอาจสงสัยว่าการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ดีกว่าไหมน้ำอื่น ๆ อย่างไร? ทำไมต้องเลือกไหมน้ำ ULTRACOL? ในบทความนี้จะไขข้อข้องใจให้คุณ ให้คุณหายข้อใจเกี่ยวกับ “ไหมน้ำ ULTRACOL”

                                                                                                      ไหมน้ำ

                                                                                                      ไหมน้ำคืออะไร?

                                                                                                      นวัตกรรมที่ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเพื่อเติมเต็มคุณภาพผิว ช่วยยกกระชับผิวหน้า โดยผลลัพธ์ที่ได้ของการฉีดไหมน้ำจะมีความคล้ายคลึงกับการร้อยไหม แต่เป็นในรูปแบบของการฉีดเข้าสู่ผิวแทนการร้อยไหม

                                                                                                      ความแตกต่างของร้อยไหม และ ฉีดไหมน้ำ

                                                                                                      การร้อยไหม (Thread)

                                                                                                      Thread คือ เส้นไหมที่มีความปลอดภัย โดยเป็นการนำเส้นไหมเข้าไปใต้ผิวหนังชั้น SMAS กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งไหมมีหลายประเภท โดยเทคโนโลยีล่าสุดได้พัฒนานำสารเคลือบไหม เช่น PCL, PDO, PLLA ที่สามารถฉีดลงสู้ชั้นผิวได้

                                                                                                       

                                                                                                      การฉีดไหมน้ำ (Biostimulator)

                                                                                                      Biostimulator มีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เกิดขึ้นที่บริเวณใต้ชั้นผิว คือสาร PCL, PDO, PLLA คอลลาเจนใต้ผิวจะช่วยกระตุ้นทำให้ผลลัพธ์ของใบหน้ามีความตึงกระชับ เปรียบเสมือนการลิฟต์กรอบหน้าได้ด้วย

                                                                                                      Biostimulator เป็นการฉีดลงไปสู่ชั้นใต้ผิวหนังชั้นตื้น ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยเรียกว่า ไหมน้ำ ซึ่งไหมน้ำคือสาร PDO, PCL, PLLA ส่งผลลัพธ์ช่วยให้ลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิวหน้า แบบไม่ตกค้าง สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ

                                                                                                       

                                                                                                      ไหมน้ำมีชนิด ชนิดใดบ้างไหนบ้าง?

                                                                                                      ไหมน้ำ ชนิด PDO (Polydioxanone)

                                                                                                      PDO คือไหมละลาย หรือที่เรียกว่า Absorbable ที่นำมาใช้ในวงการแพทย์เพื่อเย็บแผลผ่าตัดและใช้ในการสมานแผลในอวัยวะภายใน เป็นสารที่มีความยืดหยุ่นสูง ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก USFDA ซึ่งสามารถย่อยสลายได้เอง ไหมน้ำสาร PDO เป็นไหมชนิดแรกที่นำมาใช้ในวงการแพทย์และความงาม ซึ่งพัฒนาให้เป็นโมเลกุลทรงกลมขนาดเล็ก เพื่อฉีดกระตุ้นคอลลาเจนทั่วใบหน้าได้

                                                                                                      ไหมน้ำ ชนิด PCL (Polycarpolactone)

                                                                                                      PCL คือนวัตกรรมไหมละลาย ที่พัฒนาโดยการใช้เทคโนโลยี CESABP เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัทผู้ผลิต ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เป็นสารที่ช่วยฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ลง 

                                                                                                      ไหมน้ำ ชนิด PLLA (Poly-L-Lactic acid)

                                                                                                      สารอุ้มน้ำที่ปลอดภัยและใช้ในวงการแพทย์มานาน ประกอบไปด้วย โมเลกุลเล็กที่ถูกสังเคราะห์ให้เข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้อย่างดี จึงมีความปลอดภัยและย่อยสลายตามธรรมชาติ ไหมน้ำสาร PLLA เป็นไหมน้ำตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก FDA ในประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ฟื้นฟูโครงสร้างของผิวหน้า เพิ่มเติมเต็มผิวหน้าให้อิ่มฟูอ่อนเยาว์

                                                                                                      ไหมน้ำ ชนิด PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid)

                                                                                                      PDLLA จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen biostimulator เป็นไหมน้ำแบบใหม่ที่พัฒนามาจากประเทศเกาหลีใต้ มีอนุภาคขนาดเล็กที่ให้ผลลัพธ์ ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งมีความแตกต่างกับไหมน้ำ PLLA ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่กว่า

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL คืออะไร?

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL เป็นสาร PDO (Polydioxanone) ที่นำมาใช้ในวงการแพทย์เพื่อการเย็บแผล เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในวงการแพทย์มาอย่างยาวนาน เป็นไหมน้ำที่ผ่านการรับรองจาก USFDA จึงมีความปลอดภัยสูง ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ การทำโปรแกรม ULTRACOL สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type1 และ Type3 ได้นานถึง 6-8 เดือน ซึ่งผลลัพธ์หลังทำโปรแกรม ULTRACOL จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นในชั้นผิวได้ 34.36% ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย 13.33% และเพิ่มความกระจ่างใส 9.15% 

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยอะไรบ้าง?

                                                                                                      การทำไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ บนผิวหน้าและลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าให้ตื้นขึ้น เติมเต็มผิวหน้าให้ละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type1 และ Type3 คืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุผิวให้กลับมาเด็กอีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยในการยกกระชับ ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยให้กลับมาผิวเฟิร์มเต่งตึง ช่วยเพิ่มคุณภาพผิวให้ยืดหยุ่นแข็งแรงขึ้น และยังช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสอีกด้วย

                                                                                                      ไหมน้ำ

                                                                                                      รวมข้อดีของ ไหมน้ำ ULTRACOL

                                                                                                      • ไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยกระตุ้น การสร้างคอลลาเจน ของชั้นใต้ผิวหนังได้อย่างยาวนาน
                                                                                                      • ไหมน้ำ ULTRACOL แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ยกผิวตึงกระชับเทียบเท่าการร้อยไหม
                                                                                                      • ไหมน้ำ ULTRACOL เติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยเล็ก ๆ เพื่อผิวอ่อนเยาว์
                                                                                                      • ไหมน้ำ ULTRACOL มีความปลอดภัยสูง ไม่มีการตกค้างในร่างกาย สลายได้เองตามธรรมชาติ
                                                                                                      • ไหมน้ำ ULTRACOL ไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่ต้องผ่าตัด สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำทันที
                                                                                                      • ไหมน้ำ ULTRACOL คงผลลัพธ์ยาวนาน ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย

                                                                                                      ULTRACOL

                                                                                                      จุดเด่นของ ไหมน้ำ UTRACOL

                                                                                                      • ULTRACOL กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระดับ Nano Technology เจ็บน้อยกว่าการร้อยไหมทั่วไป
                                                                                                      • ULTRACOL เปรียบเสมือนการร้อยไหมและฉีดฟิลเลอร์ในคราวเดียวกัน
                                                                                                      • ULTRACOL สามารถ Regeneration ด้วยสารกรดอะมิโนแอซิด ช่วยซ่อมแซมผิวที่สึกหรอโดยไม่เป็นอันตรายต่อผิว
                                                                                                      • ULTRACOL ไหมน้ำ 1 ขวด เทียบเท่าร้อยไหม 1,427 เส้น การันตีคุณภาพงานผิวระดับพรีเมี่ยม

                                                                                                      เปรียบเทียบ ไหมน้ำ ULTRACOL กับ ไหมน้ำ อื่น ๆ

                                                                                                      • ไหมน้ำ NANO LIFT

                                                                                                      NANO LIFT เป็นนวัตกรรมไหมน้ำสาร PCL (Polycarpolactone) มีความพิเศษตรงที่ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลลัพธ์ให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นกว่าเดิม

                                                                                                      • ไหมน้ำ GOURI

                                                                                                      GOURI เป็นไหมน้ำสาร PCL (Polycarpolactone) โมเลกุลสูง ช่วยในการกระตุ้น และฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิว โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นริ้วรอยบนผิวหน้าลดลงและเพิ่มความกระชับให้กับผิวหน้า

                                                                                                      • ไหมน้ำ SCULPTRA

                                                                                                      SCULPTRA จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Stimulator ที่มีสาร PLLA (Poly D-L-Lactic Acid) ที่จะแก้ปัญหาผิวเหี่ยวย่น ที่มีร่องลึกและริ้วรอยเล็ก ๆ แห่งวัย โดย SCULPTRA จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มผิวเฟิร์มแน่นกระชับ ปรับโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

                                                                                                       

                                                                                                      เปรียบเทียบไหมน้ำ ULTRACOL กับ ไหมน้ำ NANO LIFT 

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL เป็นนวัตกรรมใหม่มาจากประเทศเกาหลี ที่พัฒนามาจากไหมสาร PDO (Polydioxanone) ที่มีความยืดหยุ่นสูง ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก USFDA 

                                                                                                      ส่วนไหมน้ำ NANO LIFT ถูกนำมาพัฒนาจากไหมสาร PCL (Polycarpolactone) โดยการใช้เทคโนโลยี CESABP เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัทผู้ผลิต

                                                                                                       

                                                                                                      เปรียบเทียบไหมน้ำ ULTRACOL กับไหมน้ำ GOURI

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL สังเคราะห์มาจาก PDO (Polydioxanone) แต่ไหมน้ำ GOURI ใช้สารสังเคราะห์จาก PCL (Polycarpolactone) โดยไหมน้ำ UTRACOL จะสร้างคอลลาเจนใหม่ เพิ่มความเต่งตึงให้แก่ผิวหน้า และช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย รวมไปถึงเติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้น ซึ่งมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย 

                                                                                                      ส่วนไหมน้ำ GOURI เป็นหนึ่งในวัสดุการทำไหมละลาย ที่ใช้ในกลุ่มร้อยไหมดึงหน้าที่มาในรูปแบบของเหลว (Liquid PCL) โดยสามารถนำมาฉีดเข้าผิวแบบไม่ต้องมีการละลายน้ำ ทำให้สะดวกต่อการนำมาใช้งาน ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน 

                                                                                                      เปรียบเทียบไหมน้ำ ULTRACOL กับไหมน้ำ SCULPTRA

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL ผ่านกระบวนการ Nano Technology โดยทำให้เป็นผงละอองไข่มุก และละลายออกมาในรูปของน้ำ สามารถฉีดได้ทุกบริเวณทั่วใบหน้า ซึ่งผลลัพธ์เปรียบเสมือนการร้อยไหมและฉีดฟิลเลอร์ไปในคราวเดียวกัน

                                                                                                      ส่วนไหมน้ำ SCULPTRA พัฒนาสังเคราะห์มาจากสาร PLLA (Poly-L-Lactic acid) เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวที่จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostmulator ซึ่งในการทำงานของ SCULPTRA จะทำการเติมเต็มระหว่างช่องว่าง ให้ผิวกลับมาเติมเต็มอิ่มฟูแน่นเฟิร์ม ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นสูง เริ่มเห็นผลลัพธ์หลังฉีดใน 2-3 อาทิตย์ และผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานกว่า 2 ปี

                                                                                                       

                                                                                                      เปรียบเทียบไหมน้ำ ULTRACOL กับ หัตถการอื่น ๆ 

                                                                                                      เปรียบเทียบ ULTRACOL กับ REJURAN (รีจูรัน)

                                                                                                      ULTRACOL อยู่ในกลุ่มของ Skin Booster โดยเน้นไปทาง Collagen Simulator โดยเน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ใต้ชั้นผิวอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยาวนาน ซึ่งให้ผลลัพธ์คงความอ่อนเยาว์จากภายในสู่ภานนอก

                                                                                                      REJURAN (รีจูรัน) เป็นกลุ่ม Skin Booster เช่นเดียวกัน โดยสกัดมาจาก Polyneucleotide (พอลินิวคลิโอไทด์) ที่ได้มาจาก DNA ของปลาแซลมอน เน้นผิวฉ่ำวาวอิ่มฟู แลดูผิวสุขภาพดีแข็งแรง เหมาะกับผู้ที่อยากมีผิวกระจก (glass skin) 

                                                                                                       

                                                                                                      เปรียบเทียบ ULTRACOL กับ ฟิลเลอร์ (Filler)

                                                                                                      ULTRACOL เป็นเทคโนโลยีรูปแบบของเหลวที่ช่วยเพื่อการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับคุณภาพผิวให้ยืดหยุ่นและกระชับขึ้น โดย ULTRACOL จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน แตกต่างกับการฉีดฟิลเลอร์ที่ฉีด Hyarulonic Acid เข้าผิวโดยตรงเพื่อให้ผิวนั้นชุ่มชื้นขึ้นแบบทันที

                                                                                                      การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการนำสารเติมเต็ม Hyarulonic Acid เข้าผิวโดยตรงเพื่อให้ผิวสุขภาพดี เต่งตึงกระชับและมีความชุ่มชื้น อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ได้ โดยสามารถนำมาฟิลเลอร์ใช้ในการปรับรูปหน้าได้อีกด้วย

                                                                                                       

                                                                                                      เปรียบเทียบ ULTRACOL กับ การฉีดโบ 

                                                                                                      ULTRACOL จะช่วยในเรื่องของการเติมเต็มริ้วรอยร่องเล็กต่าง ๆ ด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ 

                                                                                                      ส่วนการฉีดโบ คือการฉีดสารโดยยาจะออกฤทธิ์กับปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดผ่อนคลายลง จนริ้วรอยต่าง ๆ ลดลงและไม่เกิดริ้วรอยใหม่ ๆ ในอนาคต

                                                                                                       

                                                                                                      เปรียบเทียบ ULTRACOL กับเครื่องยกกระชับ (Lifting)

                                                                                                      ULTRACOL ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมือนกันกับโปรแกรมยกกระชับต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์หลังฉีด ULTRACOL ตั้งแต่สัปดาห์แรก โดยแพทย์สามารถทำทั้ง 2 หัตถการนี้ร่วมกันได้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

                                                                                                      เครื่องยกกระชับผิว เช่น ULTRAFORMER III, ULTHERA SPT, THERMAGE FLX เป็นการช่วยยกกระชับลดริ้วรอย และกระตุ้นคอลลาเจนด้วยพลังงานของคลื่นเสียง เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็ม ไม่ต้องการผ่าตัด โดยเห็นชัดเจนตั้งแต่ 3 เดือนเป็นต้นไป

                                                                                                       

                                                                                                      เปรียบเทียบ ULTRACOL กับการร้อยไหม (Thread Lifting)

                                                                                                      ULTRACOL เป็นการฉีดนำสาร PDO (Polydioxanone) ในรูปแบบของเหลวเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย ช่วยปรับสภาพของคุณภาพผิวให้ดีขึ้น สู่ผิวอิ่มฟูแน่นกระชับ เน้นการปรับ skin quality ของผิวอย่างต่อเนื่อง

                                                                                                      ร้อยไหม (Thread Lifting) เป็นการใช้ไหมละลายที่ทำมาจากวัสดุต่าง ๆ ร้อยเข้าสู่ชั้นผิวหนังเพื่อการยกกระชับแก้ปัญหาหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าเรียว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังทำ คนส่วนใหญ่นิยมร้อยไหมดึงหน้าและปรับหน้าเรียวกระชับ

                                                                                                       

                                                                                                      รวมคำถามพบบ่อยของ ULTRACOL

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL ควรทำกี่ครั้ง?

                                                                                                      ULTRACOL เป็นโปรแกรมที่ควรทำอย่างน้อย 3 ครั้ง ในทุก 4-6 เดือน โดยหลังจากนั้นอยู่ที่การพิจารณาจากแพทย์

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL  อยู่ได้นานไหม?

                                                                                                      ULTRACOL กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type1 และ Type3 ได้นานถึง 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาในแต่ละบุคคล

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOLใช้ระยะเวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลลัพธ์?

                                                                                                      ผลลัพธ์หลังทำ ULTRACOL จะเห็นผลได้ภายในตั้งแต่ 2-4 สัปดาห์ ซึ่งการทำ ULTRACOL ต้องใช้ระยะเวลาในการให้ร่างกายของคนเรากระตุ้นคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้หลังทำ ULTRACOL ผิวหน้าจะดูอ่อนเยาว์ขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลง และยกกระชับเติมเต็มใบหน้าให้ผิวอิ่มฟูขึ้นอีกด้วย

                                                                                                      ไหมน้ำ ULTRACOL ตอบโจทย์ที่สุดต้องรมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น

                                                                                                      รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกที่มากด้วยประสบการณ์ ใช้ยาของแท้ มีคุณภาพปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้ และมีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการคอยดูแลและให้คำแนะนำปรึกษาแบบ 1:1 ทุกเคส โดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ ในด้านการดูแลคนไข้มานานกว่า 21 ปี การันตีด้วยเคสจริง รีวิวจริง และรมย์รวินท์ได้รับความไว้วางใจจากเหล่านักแสดง นางแบบ เซเลป และคนดังมีชื่อเสียงอีกมากมาย 

                                                                                                       

                                                                                                      สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาผิวหน้า สามารถเข้ามาประเมินปัญหาของผิวหน้า เบื้องต้นกับทางแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาใกล้บ้านคุณได้เลยค่ะ เพราะที่รมย์รวินท์คลินิก นอกจากหัตถการไหมน้ำ ULTRACOL เรายังมีหัตถการโปรแกรมด้านอื่น ๆ ให้บริการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มากประสบการณ์ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวและทุกไลฟ์สไตล์ของคุณค่ะ

                                                                                                      รมย์รวินท์คลินิกเข้าร่วมงาน Merz Set Zero Aesthetics Waste

                                                                                                      Merz Set Zero

                                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                        ผู้บริหารและแพทย์จากรมย์รวินท์คลินิกได้รับเกียรติเข้าร่วมงานแถลงข่าว Merz Set Zero Aesthetics Waste

                                                                                                        Merz Set Zeroผู้บริหารและแพทย์จากรมย์รวินท์คลินิกได้รับเกียรติในการเข้าร่วมงานแถลงข่าวงานรักษ์โลกที่จัดโดยบริษัท Merz Aesthetics  ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยน Aesthetics Waste ให้กลายเป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการ Merz Set Zero Aesthetics Waste “เก็บกลับ ปรับโฉม ส่งคืน” พร้อมความร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคลินิกเสริมความงามที่มีการใช้งานผลิตภัณฑ์จาก Merz Aesthetics ซึ่งรมย์รวินท์คลินิกได้เข้าร่วมงานแถลงและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้เพื่อโลกที่น่าอยู่และความงามที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

                                                                                                        MERZ Set zeroซึ่งงานครั้งนี้รมย์รวินท์คลินิกนำทีมโดย มาดามจอย : ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการผู้บริหาร, คุณหมอริว : นพ. อัครวินท์ ดำรงค์วัฒนโภคิน และคุณหมอออย : พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำรมย์รวินท์คลินิกเป็นตัวแทนจากทางรมย์รวินท์คลินิกเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วยความยินดีที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสิ่งดีดีกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมและสังคม

                                                                                                        MERZ Set zeroงานครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ชื่อเดียวกันกับโครงการ “Merz Set Zero Aesthetics Waste” ซึ่งเป็นงานเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการร่วมกับคลินิกที่ต้องการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยงานครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok (Sindhorn Grand Ballroom, 2nd Floor) เมื่อวันอังคาร ที่ 8 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ เวลา 10:00 – 12:00 น.

                                                                                                        MERZ Set zero

                                                                                                        โดยความสำคัญของโครงการนี้ คือ การนำขยะที่เกิดจากผลิตภัณฑ์และหัตถการความงาม ( Aesthetics Waste) ส่งกลับคืนมารีไซเคิลด้วยวิธีการที่เหมาะสม ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทำให้ขยะที่เกิดจากตลาดวงการความงามมีประโยชน์อีกครั้ง เพื่อสร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยการลดขยะความงาม เนื่องจากทุกๆ การแยกขยะทุกๆ 6 กิโลกรัม เท่ากับการปลูกต้นไม้ 1 ต้น Make the world better For the better you.

                                                                                                        ตามแนวคิดเก็บกลับ ปรับโฉม ส่งคืน โดยมีการดำเนินการดังนี้

                                                                                                        • เก็บกลับ : Aesthetics Waste จากคลินิกที่เข้าร่วมโครงการด้วยการแยกขยะออกเป็น 2 ประเภท คือ หัวของ Ultherapy Transducer และอีกประเภทจะเป็นพวกกล่องผลิตภัณฑ์ของ Merz
                                                                                                        • ปรับโฉม : เป็นแนวคิดต่อยอดการรีไซเคิลขยะมาเป็นการรีไซเคิล Aesthetics Waste และปรับรูปแบบอย่างเหมาะสม โดยผลลัพธ์จากโครงการนี้จะมาในรูปแบบถังอเนกประสงค์ “น้องมานะ”
                                                                                                        • ส่งคืน : หลังจากจัดการกับ Aesthetics Waste ออกมาเป็นน้องมานะเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นการส่งคืนไปยังคลินิกที่เข้าร่วมโครงการ

                                                                                                        ซึ่งน้องมานะกล่องอเนกประสงค์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการนำมาทำเป็นกระถางต้นไม้สำหรับปลูก ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีควบคู่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยน้องมานะเป็นเกิดจากการรีไซเคิลหัว Ultherapy Transducer ที่ผ่านการใช้งานแล้วและถูกส่งกลับมาให้กลับทาง Merz นั่นเอง 

                                                                                                        MERZ Set zero

                                                                                                        โดยผลลัพธ์ของโครงการนี้ก็จะช่วยลดปริมาณขยะจากหัตถการความงามและลดปริมาณ Carbon footprint จากผลิตภัณฑ์ประเภทหัตถการลงอย่างยั่งยืนและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิกรู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับความผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากหัตถการความงาม เพราะความงามและธรรมชาติของโลกเป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์และรักษาให้ยั่งยืน.

                                                                                                        งานนี้รมย์รวินท์คลินิกมีความยินดี ในการเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากงานนี้มีความสอดคล้องกันกับนโยบายของของรมย์รวินท์คลินิกในปีนี้ ที่มีความต้องการที่จะตอบแทนโลกและสังคมอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้นอันเนื่องมาจากการเล็งเห็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับโลกใบนี้ อาทิ ภาวะโลกร้อน ภาวะเรือนกระจกรมย์รวินท์คลินิกจึงถือโอกาสนี้ในการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมอีกหนึ่งช่องทาง

                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                          โปรกำจัดขนรักแร้ 888 บาท 1 แถม 1 ฉลองเหรียญเงินโอลิมปิก

                                                                                                          กำจัดขนรักแร้

                                                                                                          ปล่อยโปรกำจัดขนรักแร้ แบบเด็ดๆ! ให้ชูสุดแขน..โชว์วงแขนอย่างมั่นใจ ฉลองเหรียญเงินโอลิมปิก

                                                                                                           

                                                                                                          ประกาศข่าวดี! ฉลองเหรียญเงินโอลิมปิก เหรียญแรกของคนไทยทั้งที! รมย์รวินท์คลินิกมีหรือจะพลาด ก็จัดโปรดี โปรเด็ด ให้พี่น้องชาวไทยชูมือฉลองกันให้สุดแขนกันไปเลยค่าซิสสส ใครที่อยากผิวสวยเนียนใส ไร้ขน ก็ขอให้ยกมือขึ้น! 

                                                                                                           

                                                                                                          รมย์รวินท์คลินิกจัดโปรเอาใจโปรกำจัดขนรักแร้เพียง 888 บาท เท่านั้น! ยัง..ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น

                                                                                                           

                                                                                                          เพราะซื้อ 1 ครั้ง แถมไปเลยอีก 1 ครั้ง รู้แบบนี้แล้วยังจะต้องรออะไรอีกล่ะ จองสิทธิ์ได้เลย..เดี๋ยวไม่ทันคนอื่นเอานะคะซิสสส!

                                                                                                           

                                                                                                          โปรนี้เฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้นน้าาาา

                                                                                                           

                                                                                                          ไม่อยากพลาดโปรพิเศษต้องทำยังไง ?

                                                                                                           

                                                                                                          • เพียงแค่หยิบมือถือขึ้นมา และกดเข้ามาที่ช่องทางพูดคุยออนไลน์ของรมย์รวินท์คลินิกได้ทุกช่องทาง
                                                                                                          • ทักหาแอดมินเพื่อรับสิทธิ์โปรกำจัดขนรักแร้ ราคา 888 บาท (จำกัด 1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น)

                                                                                                           

                                                                                                          ง่ายๆ เพียงแค่นี้ก็ได้รับโปรสุดพิเศษจากทางรมย์รวินท์คลินิกไปกำจัดขนรักแร้ โชว์ใต้วงแขน ขาว เนียน เด้งฉลองเหรียญโอลิมปิกกันไปเลยยย

                                                                                                           

                                                                                                          ขอย้ำเตือนกันอีกซักรอบนะคะซิสส..ว่าต้องรีบๆ กันหน่อยนะ เพราะโปรนี้มีแค่ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม ถึง 13 สิงหาคมนี้เท่านั้น! พลาดแล้วจะเสียใจ..เพราะราคาดีๆ โดนๆ แบบนี้ ใครก็อยากจองสิทธิ์กันทั้งนั้นแหละค่าา

                                                                                                           

                                                                                                           YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน คืออะไร

                                                                                                           

                                                                                                          YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ที่รมย์รวินท์คลินิกเลือกใช้คือ YAG Laser เลเซอร์กำจัดขน ซึ่งเป็นเลเซอร์กำจัดขนที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ยิงด้วยพลังงานคลื่น 1064 นาโนเมตร มีความแม่นยำและลงได้ลึกถึงชั้นรากขน โดยไม่ทิ้งตอขน ไม่ทำให้เกิดหนังไก่ สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องแปะยาชา เพราะระหว่างทำจะปล่อย Cryogen หรือไอเย็น เพื่อช่วยปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวในส่วนที่ยิงเลเซอร์ไม่เกิดการสะสมความร้อนใต้ผิว สามารถทำได้กับทุกสภาพผิว และทุกสีผิว โดยเฉพาะผิวของคนเอเชีย ไม่ทำให้ผิวไหม้เบิร์น แต่ให้ผลลัพธ์ที่เนียนเรียบ ไม่เกิดขนคุด 

                                                                                                           

                                                                                                          ทำไมต้องกำจัดขนรักแร้ด้วย YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน 

                                                                                                          •  YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน ยิงด้วยพลังงานคลื่นที่มีช่วงความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร
                                                                                                          •  YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน  พลังงานเดียวที่กำจัดขนได้ลงถึงรากลึก ไม่ทิ้งตอขน ไม่ทำให้เกิดขนคุด
                                                                                                          •  YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน  ปล่อย Cryogen หรือ ไอเย็นระหว่างทำ ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ยิงเลเซอร์ไม่เกิดการสะสมความร้อน ผิวไม่ไหม้เบิร์นหลังทำ
                                                                                                          •  YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน สามารถทำได้ทุกสภาพผิว และทุกสีผิว โดยเฉพาะสีผิวของคนเอเชีย
                                                                                                          •  YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน ทำให้ขนที่เกิดใหม่มีลักษณะเล็กและบางลง
                                                                                                          •  YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที
                                                                                                          •  YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน กิดผลข้างเคียงได้น้อยกว่าเลเซอร์กำจัดขน หรือวิธีกำจัดขนแบบอื่นๆ 
                                                                                                          •  YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน มีความปลอดภัยสูง เพราะได้รับรองมาตรฐาน FDA จากประเทศสหรัฐอเมริกา

                                                                                                           

                                                                                                          นึกถึงการกำจัดขนต้องนึกถึง YAG Laser 1064 เลเซอร์กำจัดขน พลังงานเดียวที่ลงลึกได้ถึงรากขน

                                                                                                           

                                                                                                          และถ้านึกถึงโปรโมชันดีๆ สิทธิ์พิเศษโดนๆ เริ่ดๆ แบบนี้ ต้องนึกถึงรมย์รวินท์คลินิก ที่เดียวเท่านั้นนะคะ

                                                                                                           

                                                                                                          • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม ถึง 13 สิงหาคม 2567
                                                                                                          • โปรโมชันนี้ใช้เฉพาะสาขามาร์เช่ทองหล่อเท่านั้น
                                                                                                          • ผลลัพธ์ในการรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
                                                                                                          • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด 
                                                                                                          • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่
                                                                                                          • *จำกัด 1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น 

                                                                                                           

                                                                                                          Rejuran รีจูรัน คืออะไร รุ่นไหนทำงานอย่างไร เหมาะกับใคร

                                                                                                          Rejuran


                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                            ผิวสวยฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลีด้วย Rejuran

                                                                                                            ใครๆก็อยากผิวหน้าดี ผิวหน้าสวย ดิวอี้ มีคุณภาพผิวที่ดี เหมือนสาวเกาหลีกันทั้งนั้น แต่มันจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ ในขณะที่อยู่ในประเทศที่เต็มไปด้วยมลภาวะ ทั้งยังมีแดดที่ร้อนมาก ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูอะไรก็ตาม จึงทำให้หลายๆคนมองหาตัวช่วยในการฟื้นฟูผิวในหลาย ๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การทาครีมบำรุง การทำทรีตเมนต์ รวมไปจนถึงการฉีดตัวยาต่าง ๆเพื่อฟื้นฟูใบหน้า โดยสิ่งเหล่านี้ หากทำโดยศึกษาหาข้อมูลแล้วก็มักจะได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่หากไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลให้ดี ก็อาจนำมาถึงซึ่งผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็น การทาครีม ที่ส่งผลในด้านของการอุดตัน ตามมาเป็นต้น 

                                                                                                            ประเทศเกาหลี เมืองที่ใคร ๆ ก็ชื่นชมว่าคนบ้านเขามีสุขภาพผิวที่ดี เนื้อผิวที่ละเอียด เงางามเหมือนพักผ่อนอย่างพอเพียง จนกลายเป็นผิวที่คนทั่วโลกต่างถวิลหาและต้องการ จึงทำให้แพทย์เกาหลีได้วิจัยและคิดค้นขึ้นมาหนึ่งชนิด เพื่อให้ตอบโจทย์คนทั่วโลกที่ต้องการมีผิวแบบคนเกาหลี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มีสภาพอากาศอย่างไรก็สามารถมีผิวหน้าที่เงาใส ฉ่ำ สวยแบบกระจกกันได้ทั้งนั้น โดยโปรแกรมที่ว่านี้มีชื่อว่า Rejuran

                                                                                                            Rejuran คืออะไร

                                                                                                            Rejuran คืออะไร ?

                                                                                                            Rejuran หรือ รีจูรัน เป็นโปรแกรมที่จัดอยู่ในกลุ่ม Skin Booster คือโปรแกรมฟื้นฟูและปรับคุณภาพของผิวที่มีความพิเศษ คือ การสามารถฟื้นฟูโครงสร้างของผิวได้ตั้งแต่ภายใน เพื่อให้ผลลัพธ์ส่งออกมาถึงภายนอกนั่นเอง โดย Rejuran นั้นเป็น Skin rejuvenation booster ที่ใช้ส่วนประกอบจาก polynucleotide (โพลีนิวคลีโอไทด์) ที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า PN  ที่มีความบริสุทธิ์สูง

                                                                                                            Rejuran มีส่วนประกอบหลักจาก Polynucleotide (โพลีนิวคลีโอไทด์ ) หรือ PN อธิบายได้อย่างง่ายว่า PN นั้น คือ เซลล์สืบพันธุ์ของปลาแซลมอน (หรืออสุจิของปลาแซลมอน) ที่อยู่ในทะเลตามธรรมชาติ ไม่ใช่ปลาแซลมอนที่ถูกเลี้ยงอย่างจำกัด โดยนำมาสกัดเอา DNA ออกมาโดยเฉพาะ และเหตุผลที่แพทย์เกาหลีเลือกใช้เซลล์สืบพันธุ์ของปลาแซลมอนในการฟื้นฟูผิวของคนเรานั้น เป็นเพราะว่าปลาแซลมอนนั้นมี DNA ที่คล้ายคลึงกันกับมนุษย์เราถึง 98 %  เลยทีเดียว จึงทำให้ Rejuran นั้นสามารถทำงานได้อย่างเข้ากันได้ดีกับร่างกายของมนุษย์ เมื่อได้ฉีดเข้าสู่ผิวเพื่อฟื้นฟูโดยตรง และ DNA ที่สกัดออกมาได้นั้นมีความบริสุทธิ์ และเข้มข้นถึง 2% เมื่อทำการนำมากำจัดแอนติเจนหรือโปรตีนที่อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อภูมิคุ้มกัน ออกแล้ว 

                                                                                                            Rejuran ผลิตที่ประเทศเกาหลีใต้ และยังได้มีการจดทะเบียนนำเข้าประเทศไทยอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน โดยบริษัท รีเอจไลน์ จำกัด และมีการจำหน่ายอย่างถูกต้องโดยบริษัท เอสดับบลิว เฮลธ์แคร์ จำกัด

                                                                                                            ความปลอดภัยและการันตีของ Rejuran

                                                                                                            Rejuran เป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่ผ่านการจดสิทธิบัตร DOT หรือ (Dottechnology) จึงทำให้ Rejuran เป็นโปรแกรมฟื้นฟูผิวถึงชั้น DNA ที่ได้รับความนิยม และเชื่อมั่นเป็นวงกว้างไปทั่วโลก ว่า Rejuran มีความปลอดภัยในการใช้เพื่อฟื้นฟูผิว ต่อผิวหนังและใบหน้าเป็นอย่างมาก

                                                                                                            Polynucleotide (pn)ใน Rejuran คืออะไร

                                                                                                            เป็นสารชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อหลอดเลือดที่มีขนาดเล็ก ที่ประกอบรวมกันอยู่ในเซลล์ (microvessel) จึงทำให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหาย และเสื่อมสภาพให้ฟื้นคืนกลับมาดีขึ้น และ Polynucleotide (pn)ใน Rejuran ยังเป็นสิ่งที่ช่วยในการกระตุ้นการหลั่ง Growth Factor กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอิลาสติน รวมทั้ง fibroblast (ไฟโบบลาส) ที่อยู่ใต้ชั้นผิว ต้านการอักเสบของผิว จึงทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ และส่งผลให้ผิวมีความแข็งแรง ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และกระจ่างใส

                                                                                                            Rejuran คืออะไร

                                                                                                            Polyneucleotide (pn) ใน Rejuran ดีอย่างไร 

                                                                                                            Polyneucleotide (pn) ใน Rejuran นั้นเป็นสารที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีความเข้มข้น ช่วยในการกำจัดแอนติเจน หรือโปรตีนที่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อภูมิคุ้มกัน จึงทำให้มีความปลอดภัยสูงในการนำมาฉีดลงสู่ผิวหนัง ถึงขนาดที่มีงานวิจัยออกมาว่า มีการใช้ Polyneucleotide (pn) ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ทำให้แผลของกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานได้มีการฟื้นฟู และเร่งในการซ่อมแซมได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีผิว Polyneucleotide (pn) ยังช่วยในการฟื้นฟูเม็ดสีผิวได้ และในผู้ป่วยที่เป็นแผลเป็นที่ผิวก็ยังช่วยลดการอักเสบได้อีกด้วย

                                                                                                            Rejuran มีกี่รุ่นแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร

                                                                                                            Rejuran แต่ละรุ่น ใช้ทำอะไรบ้าง

                                                                                                              •  Rejuran Classic กล่องดำ

                                                                                                            เป็น Rejuran รุ่นที่มีความเหมาะสำหรับผู้ที่มีต้องการที่จะฟื้นฟูผิวจากภายใน โดยการฟื้นฟูในระดับโครงสร้าง ทำให้ผิวหลังจากที่ทำมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ดูฉ่ำ วาว เงา สวย มากขึ้น ทั้งยังช่วยในการกระชับรูขุมขน ปรับใบหน้าให้เรียบเนียนดูผิวสุขภาพดี

                                                                                                              • Rejuran -i

                                                                                                            เป็น Rejuran รุ่นที่มีความหนืดน้อยที่สุด แต่กลับเป็นรุ่นที่สามารถอุ้มน้ำได้เร็วที่สุด เหมาะกับการใช้ฉีดที่บริเวณรอบดวงตา หรือแก้ริ้วรอยที่รอบดวงตา และรอบปาก

                                                                                                              •  Rejuran S 

                                                                                                            เป็น Rejuran รุ่นที่มีเนื้อที่มีความเหนียวข้น และมีความหนืด จึงเหมาะที่จะนำมาใช้เพื่อเติมเต็ม มีความเหมาะสมในการแก้ปัญหาหลุมสิว สามารถฟื้นฟูผิวที่เป็นรอยแผลเป็น ช่วยเติมเต็มในบริเวณที่มีหลุมสิว

                                                                                                              •  Rejuran HB

                                                                                                            เป็น Rejuran รุ่นที่มีความเบาบางมากที่สุด โดยมีส่วนประกอบที่โดดเด่น 3 ตัว คือ

                                                                                                            สูตรบางเบาตัวล่าสุดช่วยในการฟื้นฟูผิวเป็นสองเท่าจากเดิม ปรับผิวแห้ง หยาบกร้านให้ดีมากยิ่งขึ้น และยังช่วยลดรอยสิว และริ้วรอยแบบตื้น ๆ ได้เป็นอย่างดี


                                                                                                            การฉีด Rejuran ช่วยฟื้นฟูผิวในด้านใดบ้าง

                                                                                                            สามารถจำแนกประโยชน์ของ Rejuran ได้ 3 ด้านใหญ่ ๆ ดังนี้

                                                                                                              • ประโยชน์ของ Rejuran ช่วยในการฟื้นฟูผิว

                                                                                                            โดยจะเข้าไปทำการกระตุ้นผิวจากภายใน และช่วยฟื้นฟู แก้ปัญหาผิวที่เกิดการเสื่อมจากวัยที่เพิ่มมากขึ้นได้ ส่งผลในการช่วยลดริ้วรอยต่าง ๆ ทำให้ลำคอมีความเพรียวกระชับมากขึ้น ช่วยทำให้แผลเป็นดูจางขึ้น ลดขนาดรูขุมขนให้เล็กลง ช่วยลดรอยแดงและรอยดำต่าง ๆ

                                                                                                              • ประโยชน์ของ  Rejuran ช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว

                                                                                                            โดยจะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ในบริเวณใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ชั้นผิวหนังแท้มีชั้นที่หนาแน่นมากขึ้น ทั้งยังช่วยซ่อมแซมผิวที่เสีย และเสื่อมสภาพจากภายใน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น รวมทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยขนาดเล็กที่อยู่บนผิว

                                                                                                              • ประโยชน์ของ  Rejuran ช่วยในการปรับสีผิว

                                                                                                            โดยการช่วยทำให้ผิวดูดีมากขึ้น ช่วยลดรอยแดงรอยดำที่อยู่บนผิวให้ดูจางลง ปรับผิวให้มีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ให้คุณภาพผิวที่ดีขึ้นทำให้ผิวดูวาว เงา เรียบเนียน และผ่องใสมากยิ่งขึ้น

                                                                                                              • ประโยชน์ของ  Rejuran ช่วยในการเติมเต็ม

                                                                                                            การเติมเต็มของ Rejuran จะเป็นการเติมเต็มในหลุม รอยสิวให้ได้รับการเติมเต็มที่มากขึ้น โดยการใช้ร่วมกับเทคนิคเฉพาะตัวของแพทย์ ในการเซาะผังผืดที่บริเวณใต้ผิวให้หลุดออกจึงส่งผลให้ผิวในบริเวณที่แพทย์ใช้ร่วมกันดูเติมเต็มได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยในการเติมเต็มรอยแผลเป็นที่ไม่มีความลึกจนเกินไปได้อีกด้วย

                                                                                                             Rejuran เหมาะกับใคร

                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีผิวสุขภาพดี
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีหน้าสวยฉ่ำวาว แบบสาวเกาหลี
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีผิวที่เรียบเนียนสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่มีอายุเข้าวัย 20 ช่วงปลาย ๆ ที่เริ่มประสบปัญหาผิว
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิว สวยใส ไร้ริ้วรอย
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดโอกาสการเกิดสิว
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับสมดุลผิว ให้ผิวมีความสมดุลมากขึ้น
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขน มีใบหน้าเรียบเนียน
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำจากแสงแดด
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับสีผิวให้กระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยสิว
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวมีความเต่งตึงแลดูอ่อนกว่าวัย
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และผิวในระดับ DNA
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่มีผิวเสื่อมโทรมหรือผิวที่เป็นแผล
                                                                                                            •  Rejuran เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความหนาแน่นให้กับชั้นผิว

                                                                                                             Rejuran ไม่เหมาะในการฉีดกับใคร

                                                                                                            •  Rejuran ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้อาหารทะเล เนื่องจาก Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากสารสกัดจากปลาแซลมอน
                                                                                                            •  Rejuran ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรค SLE ภูมิแพ้ตัวเอง โรคเม็ดเลือด โรคหัวใจ โรคผิวหนังอักเสบ เป็นต้น
                                                                                                            •  Rejuran ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการตอบสนองที่รวดเร็วต่อผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมจากสารโซเดียมโพลีนิวคลีโอไทด์
                                                                                                            •  Rejuran ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์
                                                                                                            •  Rejuran ไม่เหมาะกับสตรีที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร

                                                                                                            ต้องมีอายุเท่าไรถึงจะทำ Rejuran ได้

                                                                                                            ผู้ที่ต้องการทำ Rejuran จะต้องมีช่วงอายุที่บรรลุนิติภาวะแล้ว คือ อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่หากเป็นผู้ที่ประเริ่มประสบปัญหาผิว คือ กลุ่มผู้ที่มีอายุเข้า 20 ปีขึ้นไป และในวัยช่วง 30 ปีขึ้นไป จะเป็นวัยที่ผิวจะเริ่มร่วงลง ผิวเริ่มเกิดความหย่อนคล้อย หมองคล้ำอันเนื่องมาจากวัย สามารถทำ Rejuran และเห็นผลลัพธ์ดีเช่นกัน โดยผลลัพธ์ที่ได้แต่ละช่วงวัยก็จะส่งผลที่แตกต่างกัน โดยหลักแล้วที่เหมือนกัน คือ การให้คุณภาพผิวที่ดีมากยิ่งขึ้น และช่วยปรับให้ผิวหน้าภาพรวมดูสวย ฉ่ำน้ำแบบสาวเกาหลีนั่นเอง

                                                                                                            Rejuran ใช้วิธีการฉีดในรูปแบบใด 

                                                                                                            Rejuran เป็นที่การทำหัตถการคล้ายกับการทำหน้าใส โดยแพทย์จะใช้การฉีด Rejuran เป็นตุ่ม เล็ก ๆ ทั่วทั้งใบหน้า ในบริเวณชั้นผิวหนังแท้ ด้วยความชำนาญและแม่นยำ หากผู้ใดมีปัญหาผิวร่วมด้วย แพทย์จะเน้นในบริเวณที่มีปัญหาร่วมด้วย เช่น บริเวณที่ต้องการเติมเต็มหลุมสิว รูขุมขนกว้าง หรือมีรอยแผลเป็น เป็นต้น

                                                                                                            Rejuran ทำในบริเวณใดได้บ้าง

                                                                                                            นอกจากใบหน้าแล้ว Rejuran ยังสามารถทำในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ด้วย เนื่องจาก Rejuran เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อบำรุงและฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพที่ดี จึงสามารถทำการฉีดได้ในบริเวณที่หลากหลาย ดังนี้

                                                                                                            • ใบหน้าทั่วทั้งใบหน้า สามารถฉีดเพื่อฟื้นฟูผิวได้ทั่วทั้งใบหน้า โดยไม่มีบริเวณที่ยกเว้นนอกจากบริเวณเปลือกตาเท่านั้น
                                                                                                            • ลำคอ สามารถใช้ในการฉีดเพื่อลดริ้วรอย เพิ่มความสง่างามให้กับลำคอ ทำให้ดูสวยอ่อนกว่าวัย และรับกับใบหน้า โดยบริเวณลำคอเป็นบริเวณที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในหมู่ผู้ที่มีอายุเข้า 40
                                                                                                            • มือ นิยมฉีดกันในบริเวณหลังมือ เพื่อเสริมความอวบอิ่มให้กับหลังมือ ลดรอยเส้นเลือด ทำให้มือดูไม่แห้งกร้าน นิยมทำในผู้ที่มือแห้ง มือผอมจนติดกระดูก และเจ้าสาวที่ต้องการมีมือที่สวยในขณะสวมแหวนแต่งงาน

                                                                                                            Rejuran ควรฉีดกี่ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                             Rejuran ควรฉีดกี่ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                            เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษาด้วย Rejuran ควรทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ขั้นต่ำจำนวน 4 ครั้ง โดยการทำในทุกครั้งควรเว้นระยะห่าง เพื่อให้ใบหน้าได้พักในระยะเวลา 2- 4 สัปดาห์ การทำในทุก ๆ ครั้งจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในทุกครั้ง

                                                                                                              • ในการรักษาด้วย Rejuran ครั้งที่ 1 

                                                                                                            ผู้เข้ารับบริการจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในการรักษาภายในระยะเวลา 3-5 วัน หลังทำการรักษา โดยจะเริ่มสังเกตได้จากความเรียบเนียน รูขุมขนเริ่มแน่นขึ้น และมีความชุ่มชื้นของผิวที่มากขึ้น

                                                                                                              • ในการรักษาด้วย Rejuran ครั้งที่ 2

                                                                                                            ผู้เข้ารับบริการจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในการรักษาภายใน 2-4 สัปดาห์ หลังการรักษา โดยจะสัมผัสได้ว่า ผิวในบริเวณที่ทำจะเริ่มมีความเต่งตึงมากขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ จะดูจางและลดเลือนลง และรูขุมขนที่กว้างก็เริ่มมีความกระชับแน่นมากขึ้น

                                                                                                              • ในการรักษาด้วย Rejuran ครั้งที่ 3

                                                                                                            ผู้เข้ารับการรักษาจะเห็นผลลัพธ์ในการรักษาได้ภายใน 4-6 วัน หลังการรักษา โดยผิวในบริเวณที่ทำจะมีความกระชับแน่นมากขึ้น สัมผัสได้ถึงผิวที่มีความเรียบเนียน แลดูสุขภาพดี มีความฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี และมีคุณภาพที่ดี โดยสังเกตได้ด้วยตา

                                                                                                              • ในการรักษาด้วย Rejuran ครั้งที่  4 

                                                                                                            ผู้เข้ารับการรักษาจะเห็นผลลัพธ์ในการรักษาได้ใน 6-8 วัน หลังการรักษา โดยผิวภาพรวมจะดูเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ผิวจะมีความเรียบเนียน ให้สัมผัสที่อ่อนนุ่ม สีผิวที่เคยมีรอยแดงรอยดำก็จะดูมีความสม่ำเสมอมากขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ ก็จะดูลดลง มีความสวย ฉ่ำ โกลด์ แต่งหน้าติดได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีคุณภาพผิวที่ดี และยังมีผิวที่แลดูอ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด

                                                                                                             Rejuran  ใช้ปริมาณในการฉีดกี่ CC 

                                                                                                            ในแต่ละบริเวณของใบหน้าจะใช้ปริมาณในการทำ Rejuran ที่แตกต่างกัน ดังนี้

                                                                                                            • ทำ Rejuran ทั่วใบหน้าใช้ปริมาณ 4 ml.
                                                                                                            • ทำ Rejuran ที่บริเวณแก้มใช้ปริมาณ  2 ml.
                                                                                                            • ทำ Rejuran ที่บริเวณลำคอใช้ปริมาณ 2 ml.

                                                                                                            การเตรียมตัวก่อนทำ Rejuran

                                                                                                            • ก่อนทำ Rejuran ควรงดรับประทานยา และอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
                                                                                                            • ก่อนทำ Rejuran ควรงดสูบบุหรี่เป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
                                                                                                            • ก่อนทำ Rejuran ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
                                                                                                            • ก่อนทำ Rejuran ควรดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเตรียมตัวก่อนทำการฉีด

                                                                                                            การดูแลตัวเองหลังทำ Rejuran

                                                                                                            • หลังทำ Rejuran หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีดหลังทำ สามารถประคบเย็นได้
                                                                                                            • หลังทำ Rejuran ควรงดการใช้ครีมบำรุงผิวในบริเวณที่ทำ ประมาณ 1 สัปดาห์
                                                                                                            • หลังทำ Rejuran ควรงดการแต่งหน้า 1-2 วันเพื่อให้รอยเข็มปิดก่อน
                                                                                                            • หลังทำ Rejuran หากมีอาการเจ็บ หรือปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาได้
                                                                                                            • หลังทำ Rejuran ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
                                                                                                            • หลังทำ Rejuran งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้ผิวเกิดการแห้งกร้าน
                                                                                                            • หลังทำ Rejuran ควรดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเป็นการทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น และดูสุขภาพดี
                                                                                                            • หลังทำ Rejuran ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดด ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดด
                                                                                                            • หลังทำ Rejuran ควรงดอยู่ในที่ร้อน ๆ เล่นกีฬากลางแจ้ง หรืออบซาวน่า

                                                                                                            Rejuran ของแท้ดูอย่างไร

                                                                                                            Rejuran เป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนมีการปลอมขึ้นมา โดยสามารถตรวจสอบสินค้าของแท้ได้ ดังนี้

                                                                                                            • บนกล่องผลิตภัณฑ์ของ Rejuran จะต้องมี Sticker Hologram ติดที่ข้างกล่อง
                                                                                                            • เมื่อใช้โทรศัพท์ Scan QR code ที่ Sticker Hologram จะสามารถเข้าไปที่หน้าเพจของแบรนด์ได้
                                                                                                            • บนกล่องของ Rejuran จะต้องมีฉลากอย.ไทย
                                                                                                            • ภายในกล่องของ Rejuranจะมี 2 ไซริงค์ พร้อมเข็มขนาดเล็ก

                                                                                                             Rejuran สามารถคงสภาพผิวอยู่ได้นานแค่ไหน

                                                                                                            • สามารถคงสภาพคุณภาพของตัวยาที่อยู่ใต้ผิวได้ประมาณ 3 เดือน หลังทำการฉีดไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละคน หากต้องการผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอควรทำการฉีดอย่างต่อเนื่อง

                                                                                                             Rejuran มีผลข้างเคียงไหม

                                                                                                            • Rejuran เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ผลิตมาจาก Polynucleotide (PN) หรืออสุจิของปลาแซลมอน มีความใกล้เคียงกัน DNA ของมนุษย์ถึง 90% จึงมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงน้อย เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัยสูง

                                                                                                            Rejuran สามารถทำควบคู่กับการทำหัตถการชนิดอื่นได้หรือไม่

                                                                                                            • สามารถทำ Rejuran ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เพื่อให้การรักษาเป็นการรักษาที่มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ยิ่งเป็นการส่งเสริมให้ใบหน้าภาพรวมมีความสวยมากยิ่งขึ้น แต่ในกลุ่มหัตถการประเภทฉีดควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำการรักษา เนื่องจากหากทำหัตถการประเภทฉีดในชั้นผิวเดียวกันอาจทำให้ตัวยาเกิดปฏิกิริยาระหว่างกันได้

                                                                                                            ฉีด Rejuran ที่ไหนดี

                                                                                                            • ทุกการฉีดตัวยาหรือการฉีดสารต่าง ๆ ลงบนใบหน้า แน่นอนอยู่แล้วว่าผู้เข้ารับบริการจะต้องมีความกังวลเกิดขึ้น ดังนั้นหากกังวลควรเลือกสถานบริการที่ได้รับมาตรฐาน ดังนี้
                                                                                                              1. จะต้องเป็นสถานพยาบาลหรือคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง
                                                                                                              2. จะต้องเป็นคลินิกที่ให้บริการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์
                                                                                                              3. จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ ทำการตรวจสอบได้
                                                                                                              4. สถานพยาบาลจะต้องมีความสะอาด พนักงานมีความสะอาดตามหลักกระทรวง

                                                                                                            ในปัจจุบันมีคลินิกเสริมความงามมากมาย ที่ให้บริการแต่การเลือกคลินิกที่จะเข้าไปรับบริการจะต้องเลือกจากมาตรฐาน ชื่อเสียง มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักครบถ้วน และรีวิวต่า ง ๆ ของคลินิกเสริมความงามนั้น ๆ เนื่องจากหากคลินิกที่เข้ารับบริการจะไม่ได้รับมาตรฐานยังนำมาซึ่งการใช้ตัวยาที่ไม่ใช่ของแท้ ทำให้ผลลัพธ์หลังการฉีดไม่เห็นผล รวมไปจนถึงอาจเกิดอันตรายตามมาได้ ดังนั้นเมื่อเข้ารับบริการ Rejuran ควรขอให้ทำการแกะกล่องต่อหน้า และทำการตรวจสอบโดยละเอียดก่อนทำการรักษา เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง

                                                                                                            หรือมาทำ Rejuran ที่รมย์รวินท์คลินิกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถการันตีได้ว่าทุกขั้นตอนในการรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย และยังได้มาตรฐานตรวจสอบได้ สามารถนัดคิวเพื่อประเมินการรักษาเบื้องต้นได้ทาง ช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง และสามารถเข้ารับบริการได้ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                              Promotion 8.8 ลดราคา 8 วันเท่านั้น

                                                                                                              promotion 8.8

                                                                                                              เดือน 8 นี้ รมย์รวินท์คลินิก มอบความสวยแบบไม่มีที่สิ้นสุดด้วย Promotion “INFINITY BEAUTY SALE” เปล่งประกายความงามไม่รู้จบ

                                                                                                              ไม่ว่าจะประสบพบเจอปัญหาด้านความสวยแบบสะดุดมาแบบไหน ก็จะกลับกลายเป็นสวย ดูดี เปล่งประกายความงามแบบไม่รู้จบได้อย่างแน่นอน

                                                                                                               

                                                                                                              รีบหน่อยนะ เพราะฤกษ์ดีที่รมย์รวินท์คลินิกจัดให้มีแค่ 8 วัน เฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น!

                                                                                                               

                                                                                                              8.8

                                                                                                              เปล่งประกายได้ด้วย “ผิวใส..ไร้ฝ้า” แบบไม่รู้จบ

                                                                                                               

                                                                                                              Code Of White Mini ถอดรหัสผิวสวย เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าที่เคย คำตอบของการกำจัดฝ้า เผยผิวใสด้วยขั้นตอนการรักษาเฉพาะจากรมย์รวินท์คลินิก ที่ช่วยลดเลือนเม็ดสีใต้ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก และช่วยฟื้นฟูผิวจากความหมองคล้ำ และฝ้า อย่างตรงจุด เห็นผลลัพธ์ที่คุณพิสูจน์ได้ ใครอยากผิวใส..ไร้ฝ้า มาถอดรหัสผิวกับโปรแกรมนี้ด้วย..

                                                                                                              Code Of white mini ราคาเพียง 1,888 บาท จากราคาปกติ 4,500 บาท

                                                                                                              8.8

                                                                                                              เปล่งประกายได้ด้วย “ผิวเนียน..ไร้ขน” แบบไม่รู้จบ

                                                                                                               

                                                                                                              YAG LASER เลเซอร์กำจัดขนที่ยิงพลังงานได้ลงลึกถึงรากขน ไม่ว่าจะเป็นขนที่บริเวณไหนๆ ก็ไม่เป็นปัญหา จัดการได้เนียน เรียบ กริบ ไม่ทิ้งตอขน เก็บได้ทุกรายละเอียด และไม่ทำให้ผิวเบิร์น เพราะใน YAG LASER เลเซอร์กำจัดขน มี Cryogen หรือไอเย็นที่คอยปลอบประโลมผิวระหว่างทำ

                                                                                                              YAG LASER สามารถทำได้ทุกสีผิว โดยเฉพาะผิวคนเอเชีย ทำให้ขนขึ้นช้าและบางลง เพราะกำจัดได้ลึกถึงรากขน และที่สำคัญดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ทุกเคส

                                                                                                              ค่ทำ YAG LASER ก็เพิ่มความมั่นใจ ใส่บิกินีโชว์หุ่น โชว์ผิวแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องปกปิด! ไม่มีขนแพลมออกมากันซีนให้กวนใจ ไปเที่ยวทะเลคราวนี้อวดผิวเนียนไร้ขนแบบจัดเต็มได้เลย!

                                                                                                               

                                                                                                              YAG LASER  เลเซอร์กำจัดขนบิกินี จำนวน 8 ครั้ง ราคาเพียง 7,200 บาท จากราคาปกติ 57,600 บาท

                                                                                                              8.8

                                                                                                              เปล่งประกายได้ด้วย “ผิวสวยใส ฉ่ำฟู” แบบไม่รู้จบ

                                                                                                               

                                                                                                              Secret Grow Skin คืนชีพทุกชั้นผิว เผยผิวใสฉ่ำฟู เผยใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ด้วย Secret Grow Skin คือไหมน้ำชนิด PDO MICROSPHERE  ใน 1 ขวด เทียบเท่ากับการร้อยไหม mono 1,427 เส้น ช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen Type 1 และ Type 3 มีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งสารตกค้างที่ผิว สามารถสลายได้เอง

                                                                                                              Secret Grow Skin ช่วยลดเลือนและชะลอการเกิดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวแน่น เฟิร์ม รูขุมขนกระชับ และเผยผิวที่สวยกระจ่างใส ฉ่ำฟูเด้ง ดูมีออร่า ที่สำคัญทำแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน ใครที่อยากผิวสวยดูอ่อนเยาว์ต้องโปรแกรมนี้เลย เอาอยู่!

                                                                                                               

                                                                                                              โปรแกรมฉีด Secret Grow Skin ราคาเพียง 15,888 บาท จากราคาปกติ 25,000 บาท

                                                                                                              8.8

                                                                                                              เปล่งประกายได้ด้วย “ยกกระชับ..มีมิติ” แบบไม่รู้จบ

                                                                                                               

                                                                                                              Ultraformer MPT แค่โปรแกรมนี้โปรแกรมเดียว ก็ยกกระชับหน้าได้ถึง 4 มิติ ผ่าน 3 ขั้นตอน ด้วยการปล่อยพลังงานลงลึกได้ถึงผิวชั้น SMAS ยกกระชับผิวด้วยหัวยิงแบบ Micro Pulsed Technology ปล่อยพลังงาน 417 จุดใน 1 ช็อต ใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาที ทำให้เซลล์ประสาทไม่ทันได้รับรู้ถึงความเจ็บ แต่ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าคือความยกกระชับ สร้างกรอบหน้าให้คมชัด เก็บกรอบหน้าแบบ V Shape และ หัวปากกา Ultra-booster ช่วยเก็บรายละเอียดงานผิวให้เนียนเรียบ  รูขุมขนกระชับมากยิ่งขึ้น ให้คุณสวยดูดีได้ทุกมุมมอง ยกได้ครบทุกชั้นผิว เก็บได้ทุกความหย่อนคล้อย หน้าสวยยกกระชับดูดีได้ทุกมิติเลยจริงๆ

                                                                                                               

                                                                                                              แถมฟรี!  Smart Laser เลเซอร์บูสต์ผิวไบรท์ หน้าใส ไร้รอยสิว ไม่ว่าใครทำก็ต้องเลิฟ! เพราะเป็นเลเซอร์ผิวใสที่นุ่มนวลที่สุด ไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ต้องหลบแดด แต่ช่วยจัดการปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว ลดการอักเสบ กระชับรูขุมขน ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ทำครั้งแรกรู้สึกได้ทันที! ว่าหน้าใสขึ้น!

                                                                                                               

                                                                                                              Ultraformer MPT 400 shot ราคาเพียง 15,888 บาท จากราคาปกติ 42,000 บาท 

                                                                                                              แถมฟรี! โปรแกรม Smart Laser  เฉพาะจุด 1 ครั้ง มูลค่า 2,000 บาท

                                                                                                               

                                                                                                               

                                                                                                              เดือน 8 นี้ เลข 8 จะทำให้ผิวของคุณสวยเปล่งประกายแบบไม่รู้จบ แค่ตรงเข้ามาที่รมย์รวินท์คลินิก ก็จะได้สัมผัสกับความสวยแบบ Infinity แค่ 8 วันนี้ทำเท่านั้น! 

                                                                                                               

                                                                                                              • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 5-12 สิงหาคม 2567 เท่านั้น
                                                                                                              • อาจารย์แพทย์ไม่เข้าร่วมรายการ
                                                                                                              • ผลการรักษาเฉพาะบุคคล
                                                                                                              • เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
                                                                                                              • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่
                                                                                                              • ซื้อได้ไม่จำกัดจำนวนในบิลแรก

                                                                                                               

                                                                                                              รมย์รวินท์คลินิกจัด Radiesse Plus Training Workshop

                                                                                                              radiesse plus

                                                                                                              ทีมแพทย์รมย์รวินท์คลินิกร่วมงานเพื่อพัฒนาศักยภาพ Radiesse Plus Training Workshop for Romrawin

                                                                                                              เพื่ออัปเดตความรู้เกี่ยวกัผลิตภัณฑ์ Radiesse Plus  และพัฒนาความสามารถของทีมแพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิก จึงมีการจัด Training Workshop ร่วมกับบริษัท Merz Aesthetics ผู้นำด้านนวัตกรรมความงามและผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มมิติให้กับใบหน้า Radiesse Plus โดยเป็นการทำ Workshop พร้อมสาธิตขั้นตอนการฉีด Radiesse Plus รวมถึงเทคนิคสำหรับการฉีดเพื่อไกด์ไลน์สำหรับทีมแพทย์ที่มาเข้าร่วม Workshop ครั้งนี้

                                                                                                              radiesse plus

                                                                                                              โดยงานครั้งนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของรมย์รวินท์ คุณหมอฐา พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล แพทย์ผู้อำนวยการรมย์รวินท์คลินิก และทีมแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกได้เข้าร่วมงานครั้งนี้ โดยมีคุณหมอออย : พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ ได้รับเกียรติมาเป็นผู้บรรยายข้อมูลเกี่ยวกับการฉีด Radiesse Plus

                                                                                                               

                                                                                                              งานครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Radiesse Plus Training Workshop for Romrawin” ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นพิเศษสำหรับทีมแพทย์รมย์รวินท์คลินิก โดยมีคุณหมอออย : พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ เป็นผู้ร่วมบรรยาย สำหรับงานในครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่รมย์รวินท์คลินิก สาขาเซ็นทรัลชิดลม เมื่อวันศุกร์ ที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา 

                                                                                                              radiesse plus

                                                                                                              โดยรายละเอียดหัวข้อสำคัญภายในงาน Radiesse Plus ประกอบด้วย

                                                                                                              • Radiesse Plus for Facial Lifting and Contouring (Radiesse+ ผลิตภัณฑ์สำหรับยกกระชับปรับโครงหน้า) 
                                                                                                                • โดยจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับคำแนะนำสำหรับคลินิกและเทคนิคเกี่ยวกับการฉีดRadiesse+ ที่สามารถใช้งานได้จริง 
                                                                                                                • เวลา 9:00 – 9:30 น.
                                                                                                              • Hands-on Workshop #1 3 Stations (การลงมือปฏิบัติกับเคสจริง #1 แบ่งออกเป็น 3 สถานี)
                                                                                                                • เป็นการสาธิตและร่วมดูเคสโปรแกรมฉีด Radiesse+
                                                                                                                • เวลา 9:45 – 11:00 น.
                                                                                                              • Hands-on Workshop #2 2 Stations (การลงมือปฏิบัติกับเคสจริง #2 แบ่งออกเป็น 2 สถานี)
                                                                                                                • เป็นการสาธิตและร่วมดูเคสในการฉีด Radiesse+ เพิ่มเติม
                                                                                                                • เวลา 11:00 – 12:30 น.

                                                                                                               

                                                                                                              Radiesse Plus   เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิและเมื่อได้ทำการอบรมผ่านการ Workshop ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่ามีผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก  จากเคสตัวอย่างเป็นเพศหญิง จะเห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์หลังทำการฉีดมีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก  กรอบหน้ามีความชัดเจนยิ่งขึ้น ใบหน้ามีความช่วยยกกระชับมากขึ้น

                                                                                                               

                                                                                                              โดยการร่วมงาน Radiesse Plus  Training Workshop for Romrawin ทางทีมแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกได้รับความรู้เกี่ยวกับการฉีด Radiesse Plus และพัฒนาศักยภาพผ่านการสาธิตและการลงมือทำการฉีด Radiesse Plus  จริง รวมถึงได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการฉีด Radiesse+ ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ 

                                                                                                               

                                                                                                              จึงทำให้แพทย์แต่ละท่านได้รับความรู้ที่นำไปพัฒนาต่อยอดการทำ Radiesse+ ที่มีประสิทธิภาพและคำนึงถึงความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการอย่างถึงที่สุด 

                                                                                                              หากเป็น Radiesse Plus ต้องเป็นที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                              Radiesse Plus หรือ RESET PLUS เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Radiesse Plus  โดยมีส่วนประกอบหลักเป็น Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งด้วยองค์ประกอบหลักที่พัฒนามาจาก Radiesse  จึงทำให้เป็นงานผิวที่ให้ผลลัพธ์แตกต่างจากฟิลเลอร์และตัวกระตุ้นคอลลาเจนชนิดอื่นๆ 

                                                                                                               

                                                                                                              โดยจากเดิมที่ CaHA จากผลิตภัณฑ์ Radiesse ทำหน้าที่เป็น Biostimulator ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว แต่ใน Radiesse Plus ที่พัฒนาต่อยอดด้วยการเติมเต็มและเสริมสร้างโครงผิวบริเวณใบหน้าให้เป็นทรงกรอบหน้าและมีมิติที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Radiesse Plus จึงเป็นการยกกระชับไม่ใช่แค่กระตุ้นคอลลาเจน

                                                                                                               

                                                                                                              โดยส่วนประกอบหลักของ Radiesse Plus มี CMC Gel และ Lidocaine 0.3% ที่ทำหน้าที่เป็นยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสบายให้กับผู้รับบริการระหว่างทำโปรแกรมฉีด Radiesse+ 

                                                                                                              radiesse plus

                                                                                                              โดย Radiesse Plusสามารถฉีดที่บริเวณต่าง ๆ ของใบหน้าดังนี้

                                                                                                              • Radiesse Plus สำหรับบริเวณกรอบหน้า
                                                                                                              • Radiesse Plus สำหรับบริเวณโหนกแก้ม
                                                                                                              • Radiesse Plus สำหรับบริเวณคาง
                                                                                                              • Radiesse Plus  สำหรับบริเวณสันกรามและขากรรไกร

                                                                                                              สำหรับคนที่อยากยกกระชับและปรับโครงหน้าเพื่อผลลัพธ์กรอบหน้าที่คมชัดและมีมิติยิ่งกว่าเคย สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากแพทย์ที่รมย์รวินท์ โดยทางแพทย์จะมีการตรวจสอบปัญหาผิวและแนะนำว่าควรทำโปรแกรมฉีด Radiesse+ หรือไม่ ส่วนเรื่องของความปลอดภัย Radiesse Plus ผ่านการรับรองจาก US FDA ทีมแพทย์รวมถึงพนักงานที่รมย์รวินท์คลินิกผ่านการอบรมความรู้เกี่ยวกับ Radiesse Plus จึงมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม หากสนใจ Radiesse Plus หรืองานผิว ยกกระชับอื่น ๆ สามารถติดต่อได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

                                                                                                              โครงการ CSR ปลูกป่าชายเลน Romrawin Green Heart 2024

                                                                                                              CSR romrawin

                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                รมย์รวินท์คลินิกจัด CSR ใส่ใจสิ่งแวดล้อมร่วมปลูกป่าชายเลน กับ Romrawin Green Heart 2024 “1 ต้นกล้า สร้างโลกด้วยหัวใจ”

                                                                                                                CSR romrawin

                                                                                                                รมย์รวินท์คลินิกเดินหน้าใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบและก้าวสู่องค์กรสีเขียวโดยสมบูรณ์แบบ เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งการจัดกิจกรรม CSR ปลูกป่าชายเลนกับโครงการ Romrawin Green Heart 2024 “1 ต้นกล้า สร้างโลกด้วยหัวใจ” ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (สถานตากอากาศบางปู)

                                                                                                                CSR romrawin

                                                                                                                โดยรมย์รวินท์คลินิกได้จัดตั้งโครงการ “1 ต้นกล้า สร้างโลกด้วยหัวใจ” กับ 1,000 ต้นกล้าพร้อมปลูกและรักษาสิ่งแวดล้อม นำทีมโดย คุณจอย-ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการผู้บริหาร คุณหมอริว – นพ. อัครวินท์ ดำรงวัฒนโภคิน  แพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกพร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานของรมย์รวินท์คลินิก ได้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธภาพอันดีภายในองค์กรระหว่างแผนกอีกด้วย

                                                                                                                CSR romrawin   CSR romrawin

                                                                                                                ซึ่งการจัดตั้งโครงการในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่รมย์รวินท์คลินิกได้เล็งเห็น สภาวะของโลกในปัจจุบัน สภาพอากาศ รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเรื่องนี้เป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วทุกมุมโลก เราจึงขอเป็นส่วนเล็กๆที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการปลูกต้นกล้าจำนวน 1,000 ต้นเพื่อเป็นการช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  (CO2) พร้อมช่วยเพิ่มออกซิเจนให้โลกอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มแหล่งที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์น้ำได้หลบภัยและขยายพันธุ์

                                                                                                                CSR romrawin   CSR romrawin

                                                                                                                ทั้งนี้งานนี้ได้รับความร่วมมือจาก จ่าสิบเอกหัสชัย ไกรยะวุธ เจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก ฯ เป็นผู้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการปลูกป่าชายเลนและรักษาแนวชายฝั่ง เพื่อให้บุคลากรของรมย์รวินท์ มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งขั้นตอนต่างๆก่อนลงมือร่วมปลูกป่าชายเลนบริเวณริมชายฝั่ง

                                                                                                                CSR romrawin   CSR romrawin

                                                                                                                สิ่งที่สำคัญที่สุดในโครงการคือความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างโลกที่ยิ่งใหญ่ สร้างแหล่งอาหารของพืชและสัตว์น้ำตามธรรมชาติ ป้องกันแนวชายฝั่งจากการกัดเซาะของน้ำทะเล รวมทั้งร่วมปลูกต้นกล้าที่พร้อมจะเติบโตเพื่อปกป้องโลกลดมลภาวะและทำให้โลกใบนี้ให้มีความน่าอยู่มากขึ้น

                                                                                                                CSR romrawin   CSR romrawin

                                                                                                                ประโยชน์ของการปลูกต้นโกงกาง และการปลูกป่าชายเลน

                                                                                                                ต้นโกงกางใบใหญ่ :  มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีรากของต้นที่สามารถค้ำจุนรอบโคนต้นได้ พบรากของต้นที่งอกออกจากกิ่งอยู่บ้างประปราย ลักษณะใบของต้นโกงกางเป็นพืชใบเดี่ยว ลักษณะเป็นรูปรีกว้าง ปลายใบมีติ่งแหลมเล็กและแข็ง ด้านใต้ของใบจะมีจุดสีดำขนาดเล็ก กระจายอยู่ทั่วใบ

                                                                                                                ส่วนหูของใบจะมี สีเขียวอมเหลืองอยู่ที่ส่วนปลาย ให้ผลรูปไข่ที่มีลักษณะยาวเป็นสีน้ำตาล โดยจะงอกเป็นฝักตั้งแต่อยู่บนต้น ให้ฝักยาวมีสีเขียว ผิวหยาบ มีตุ่มทั่วทั้งฟัก จะขึ้นได้เป็นอย่างดีที่บริเวณที่เป็นดินเลนอ่อนและมีความลึก ริมชายฝั่งทะเล และบริเวณริมคลองรวมทั้งแม่น้ำที่มีน้ำทะเลท่วมถึงโดยสม่ำเสมอ

                                                                                                                CSR romrawin   CSR romrawin

                                                                                                                ประโยชน์ของการปลูกป่าชายเลน

                                                                                                                1. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นแหล่งพลังงาน แหล่งอาหาร รวมทั้งยังที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ตามธรรมชาติ
                                                                                                                2. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นแนวชายป้องกันการกัดเซาะพังทลายของฝั่งทะเล เนื่องจากจะช่วยในการกำบังคลื่น ลม กระแสน้ำทะเลและพายุ
                                                                                                                3. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นที่ดูดซับน้ำเสียที่ปล่อยออกมาจากบ้านเรือน
                                                                                                                4. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นแหล่งวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์จากไม้ ที่ใช้ในการก่อสร้าง รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ
                                                                                                                5. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นแหล่งในการสร้างเชื้อเพลิง เช่น การทำถ่านจากไม้ที่อยู่ในป่าชายเลน
                                                                                                                6. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตอาหาร ยา และเครื่องดื่มให้แก่มนุษย์
                                                                                                                7. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นแหล่งในการเกิดแร่ดีบุก
                                                                                                                8. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นแหล่งในการทำประมงใกล้ชายฝั่ง เป็นที่อยู่อาศัยของลูกปลา ลูกกุ้ง และสัตว์น้ำตัวเล็กและวัยอ่อนชนิดอื่นๆ
                                                                                                                9. การปลูกป่าชายเลน จะเป็นแหล่งที่เพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำชายฝั่ง เช่น หอยแมลงภู่ กุ้ง ปลาในกระชัง เป็นต้น

                                                                                                                รมย์รวินท์คลินิกจึงถือโอกาสนี้ สร้างประโยชน์สู่สิ่งแวดล้อมและสังคมโดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์อย่างต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน เพื่อให้โลกและอากาศของเราดีขึ้น

                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                  สิงหาสุดปัง ! กับโปรตัวแม่

                                                                                                                  โปรสิงหา

                                                                                                                  ตัวแม่สุดปัง สวยตัวมัมแบบ Ageless Beauty ในราคาพิเศษ

                                                                                                                  ตลอดทั้งเดือนสิงหาคมนี้ ตัวแม่! ตัวมัม! อย่างรมย์รวินท์คลินิก จัดให้แล้วจ้าาา กับโปรฯ สุดปัง สุด Special Deal ให้เหล่าตัวแม่ทั้งหลายได้สวยแบบ Ageless Beauty เพราะแม่ก็คือตัวแม่ อะไรก็มาหยุดยั้งความสวยไม่ได้! ตัวแม่ต้องไม่อ่อม ต้องไม่ช้า พร้อมแล้วก็เริ่มเลอ..

                                                                                                                  Fit Shape Body สิงหาคม

                                                                                                                  ตัวแม่เรื่อง…รีดเซลลูไลต์ สัดส่วนกระชับ

                                                                                                                  ด้วย FIT SHAPE BODY ตัวแม่ที่ช่วยยกกระชับสัดส่วนให้เป๊ะ ส่งพลังงานลงลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระดับชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันให้ผิวตึงกระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัด 

                                                                                                                  รีโนเวทผิวให้กลับมาสวย เรียบเนียนไม่แตกลาย ไม่ต้องแคร์เซลลูไลต์ และไม่ต้องเจ็บตัว สามารถรักษาได้ทุกสภาพผิว ให้ตัวแม่มั่นใจในเรื่องรูปร่างได้แบบเต็มร้อยไม่มีหัก !

                                                                                                                   1 แถม 1  ในราคาเพียง 3,500 บาท จากราคาปกติ 8,000 บาท หุ่นเป๊ะปังได้มากกว่า! ตัวแม่หุ่นสวยไม่แคร์ใคร ต้องรีบจองเลย

                                                                                                                  Melasme สิงหาคม

                                                                                                                  ตัวแม่เรื่อง..ทลายฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                  Melasma Clear จัดการปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าได้อย่างสิ้นซากแบบตัวแม่ เผยผิวที่ดูกระจ่างใส เนียนเรียบ ไม่มีหรอกร่องรอยจากฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ต้องคอยปกปิด เพราะต่อจากนี้จะมีแต่ผิวที่สวยใสไร้ปัญหา

                                                                                                                  •  Melasma Clear ในราคาเพียง 3,999 บาท จากราคาปกติ 7,000 บาท

                                                                                                                  Hifu สิงหา

                                                                                                                  ตัวแม่เรื่อง..ยกกระชับ หน้าเรียวสวย

                                                                                                                  SUPER HIFU  ตัวแม่ช่วยรีเฟรชผิวใหม่ให้ยกกระชับ ปรับรูปหน้าให้คมชัด เรียวสวย พร้อมเก็บงานผิวให้เรียบเนียนกว่าเดิม ด้วยพลังงาน Focused Ultrasound ที่ยิงลงลึกได้ถึง 3 ระดับ ได้ทั้งเก็บริ้วรอย ลดไขมันส่วนเกิน จัดการความหย่อนคล้อย ให้ผิวยกกระชับ กรอบหน้าคมชัด ใบหน้าเรียวอย่างเป็นธรรมชาติ 

                                                                                                                  •  SUPER HIFU 300 Shots ในราคาเพียง 4,900 บาท จากราคาปกติ 30,000 บาท 

                                                                                                                  ให้วิตามินผิว สิงหาคม

                                                                                                                  ตัวแม่เรื่อง..ต้านอนุมูลอิสระ ผิวกระจ่างใส

                                                                                                                  ให้วิตามินผิว สูตร WHITE SKIN & DETOX เติมวิตามินและอาหารให้แก่ผิว เพื่อกระตุ้นเซลล์ผิวให้แข็งแรง และดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้นกว่าเดิม ฟื้นฟูผิวจากความหมองคล้ำไม่สดใส เผยความกระจ่างใสเปล่งปลั่ง ดูมีออร่า พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวสวยอิ่มน้ำ และยังต่อต้านอนุมูลอิสระตัวการทำให้ผิวแก่ นอกจากเรื่องผิวแล้ว ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงจากภายในสวยใสสู่ภายนอก ตัวแม่ไม่แคร์ความหมองคล้ำแถมสุขภาพดี

                                                                                                                  แถมฟรี! ให้วิตามินผิว สูตร  BLINK ตัวช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส ปกป้องผิวจากมลภาวะที่เป็นตัวการทำให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส เติมอาหารให้ผิวใส เปล่งออร่ายิ่งกว่าเดิมได้อีก !  จากราคาปกติ 1,500 บาท

                                                                                                                  •  ให้วิตามินผิว สูตร DRIP WHITE SKIN & DETOX 5 ครั้ง แถมฟรี! ให้วิตามินผิว สูตร  BLINK 5 ครั้ง ในราคาเพียง 15,900 บาท จากราคาปกติ 25,000 บาท ใครจะให้มากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

                                                                                                                  Smart Laser สิงหาคม

                                                                                                                  ตัวแม่เรื่อง..ลดรอยสิว ปรับผิวใส

                                                                                                                  SMART LASER เลเซอร์ตัวแม่! ที่ช่วยบูสต์ผิวให้ใสเพื่อผิวสวย หน้าไหนที่มีร่องรอยจากสิว เลเซอร์ตัวนี้จัดการได้ ปรับผิวให้ใส สีผิวสม่ำเสมอ บอกลาความหมองคล้ำ ผิวไม่สดใสจากรอยสิว จุดด่างดำไปได้เลย เพราะต่อจากนี้จะมีแต่ผิวใสออร่าเท่านั้น

                                                                                                                  •  SMART LASER 5 ครั้ง  ในราคาเพียง 18,000 บาท จากราคาปกติ 40,000 บาท 

                                                                                                                  แถมฟรี!  D-White ผลักวิตามินสูตรเข้มข้นลงสู่ผิว ให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกที่ได้มากกว่าการทาครีมแบบเดิมๆ แต่ช่วยลดริ้วรอย ความหมองคล้ำให้ผิวกระจ่างใสเผยความเป็นตัวแม่ที่ผิวเปล่งออร่า 1 ครั้ง (มูลค่า 3,500 บาท)

                                                                                                                  •  SMART LASER 10 ครั้ง  ในราคาเพียง 35,000 บาท จากราคาปกติ 80,000 บาท แถมฟรี!  Color Ice  ผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นผิว  เพื่อฟื้นฟู บำรุงผิว ให้มีสุขภาพดี กระจ่างใส เรียบเนียน ด้วยพลังงานเย็นและแสง LED  1 ครั้ง (มูลค่า 5,500 บาท)

                                                                                                                  cool sculpting สิงหาคม

                                                                                                                  ตัวแม่เรื่อง..ลดไขมัน เนรมิตหุ่นเฟิร์ม

                                                                                                                  COOLSCULPTING โละปัญหาไขมันแบบตัวแม่! ด้วยเทคโนโลยีกำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น ไม่ต้องทรมานด้วยการอดอาหาร ไม่ต้องผ่าตัดพึ่งมีดหมอให้เจ็บตัว แต่ลดไขมันได้เฉพาะจุดอย่างตรงจุด มีความปลอดภัยสูง เพราะได้รับการรับรองจาก USFDA สหรัฐอเมริกา เนรมิตหุ่นให้เฟิร์มสวยได้แบบตัวแม่ตัวมัม!  4 Cycle 

                                                                                                                  ในราคาเพียง 31,600.- ( จากปกติ 120,000.- )

                                                                                                                  แถมฟรี!  NEW ULTRAFORMER MPT 4D LIFT 100 Lines มูลค่า 10,000.-

                                                                                                                  ช่วยยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า พร้อมเก็บรายละเอียดผิวให้ปังกว่าเดิมได้แบบ 4 มิติ ใน 3 ขั้นตอนก็สวยคมทุกมิติ! ตัวแม่ต้องรีบแล้ววว

                                                                                                                  Snore สิงหาคม

                                                                                                                  ตัวแม่เรื่อง..แก้การนอนกรน หลับสนิทตลอดคืน

                                                                                                                  SNOR LASER หมดปัญหาอาการนอนกรนที่สร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้างเพราะยิงด้วยพลังงานลงลึกถึงกล้ามเนื้อที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางเดินหายใจ ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ หรือพักฟื้นหลังทำ ใช้เวลาทำเพียงแค่ 30 นาที แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีตั้งแต่การทำในครั้งแรก หลับสนิทได้ตลอดทั้งคืน ไม่ต้องเป็นฝันร้ายของคนรอบข้างแล้ว!

                                                                                                                  •  SNOR LASER 5 ครั้ง ในราคาเพียง 49,000 บาท จากราคาปกติ 125,000 บาท

                                                                                                                  โปรตัวแม่ ตัวมัม สุดปังเว่อร์ขนาดนี้ อย่ารอช้า พร้อมมาสวยแบบ AGELESS BEAUTY ได้แล้ววันนี้ที่รมย์รวินท์ คลินิก

                                                                                                                  • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 1-31 สิงหาคม 2567 เท่านั้น
                                                                                                                  • อาจารย์แพทย์ไม่เข้าร่วมรายการ
                                                                                                                  • ผลการรักษาเฉพาะบุคคล
                                                                                                                  • เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
                                                                                                                  • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่

                                                                                                                  Radiesse biostimulator คืออะไร ? ข้อควรรู้ก่อนฉีด

                                                                                                                  Radiesse biostimulator

                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                    Radiesse งานผิวคุณภาพดีด้วย BIOSTIMULATOR

                                                                                                                    ผิวพรรณมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและ อายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากคอลลาเจนในผิวที่ลดลง และเมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนมาทดแทนได้น้อยลง ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา แน่นอน ว่าด้วยสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เรื่องของงานผิวและการดูแลตัวเองเป็นกระแส และได้รับความนิยมมาโดยตลอดระยะเวลาแบบไม่มีความลดลง เนื่องจากปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการ


                                                                                                                    ซึ่งวิธีการดูแลผิวของแต่ละคน ก็จะมีตัวเลือกแตกต่างกันออกไป เช่น บางคนเลือกจัดตาราง Skincare Rountine เพื่อการบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพ หรือบางคนเลือกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ แต่ด้วยมลภาวะที่ส่งผลกระทบกับผิวและปัจจัยต่าง ๆ วิธีการเหล่านี้อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างช้า จึงมีตัวเลือกพิเศษ อย่างการทำหัตถการงานผิวคุณภาพดีด้วย Radiesse

                                                                                                                    Radiesse เป็นนวัตกรรมแห่งยุค ที่ช่วยตอบโจทย์ด้านการแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยตามอายุ ริ้วรอยแห่งวัย อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ แถมยังสามารถดูแลตัวเองด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งการเอาใจใส่สุขภาพของตัวเอง ควบคู่กับการประโลมผิวด้วยสกินแคร์เป็นประจำ ยิ่งช่วยให้ผลลัพธ์งานผิวจากการฉีด Radiesse มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

                                                                                                                    Radiesse มีความแตกต่างจากงานผิวประเภทอื่น ๆ คือ  Radiesse จะไม่ได้มีส่วนประกอบหลักเป็น HA หรือ Hyalilonic acid แต่ Radiesse จะเป็น Biostimulator แทน สำหรับคนที่พึ่งเคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Radiesse หรืออยากทราบข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม สามารถเริ่มอ่านรายละเอียดต่าง ๆ ได้ตามหัวข้อภายในบทความนี้เลยรวมข้อมูลครบจบ Radiesse คืออะไร ?

                                                                                                                    Radiesse คืออะไร ? เป็นคำถามที่หลายคนอาจจะเคยค้นหาบนอินเทอร์เน็ต เพื่อหาข้อมูลก่อนทำหัตถการกับคลินิก ซึ่งจริง ๆ แล้ว Radiesse คือ Biostimulator สารที่ฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนภายในร่างกาย โดยสารดังกล่าวผลิตมาจาก แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ หรือ Calcium Hydroxylapatite Microsphere หรือที่หลายคนมักจะเรียกกันอย่างติดปากว่า CaHA

                                                                                                                    CaHA (Calcium Hydroxylapatite microsphere) เป็นสารที่กระบวนการของร่างกาย สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ โดยสารดังกล่าวสามารถพบได้ที่บริเวณเนื้อเยื่อกระดูก แต่ Radiesse จะไม่ได้ดึงเอา CaHA จากร่างกายโดยตรง จะเป็นการสังเคราะห์ขึ้นมาแทน โดยมีการเทสแล้วว่า CaHA ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา ไม่ทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้แ ละสามารถเข้ากับร่างกายได้เป็นอย่างดี จึงนำมาเป็นสารที่ใช้ในการเป็นส่วนประกอบสำหรับ Radiesse

                                                                                                                    Radiesse ถูกคิดค้นขึ้นมา เพื่อจัดการกับปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพไปตามวัย เนื่องจากปริมาณคอลลาเจนในร่างกายที่ค่อย ๆ น้อยลงสวนทางกับอายุและริ้วรอยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการฉีด Radiesse จะช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ลงลึกถึงโครงสร้างผิวและเป็นสารเติมเต็มผิว ทำให้ผิวอิ่มฟู กระตุ้นคอลลาเจน ผิวอิ่มน้ำ ด้วยการแก้ปัญหาผิวแบบองค์รวมทำให้งานผิวด้วย Radiesse ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

                                                                                                                    หลักการทำงานของ Radiesse - Biostimulator

                                                                                                                    หลักการทำงานของ Radiesse นวัตกรรม Biostimulator มีการทำงานเป็นอย่างไร ทำไมถึงช่วยฟื้นฟูสภาพผิว และลดริ้วรอยความหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                                                                    Radiesse มีหลักการทำงานที่จะเข้าไปกระตุ้นระบบการทำงานของ ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดในการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกายและผิว โดยสารที่เป็นองค์ประกอบหลักอย่าง CaHA ก็เป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนผิวบริเวณที่ฉีด Radiesse ทำให้ใต้ชั้นผิวบริเวณดังกล่าวมีการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น ทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรงทดแทนคอลลาเจนที่เสียไปตามช่วงอายุ จึงเป็นผลลัพธ์ของงานผิวคุณภาพด้วย Radiesse

                                                                                                                    ความสำคัญของ Radiesse และส่วนประกอบหลักของ CaHA คือ ประสิทธิภาพด้านการฟื้นฟูผิวจากริ้วรอยและความหย่อนคล้อยที่มาพร้อมกับวัยที่เปลี่ยนไป โดยสารกระตุ้นจาก Radiesse จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้ผิวฟื้นฟูได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะคอลลาเจนเป็นเส้นใยที่มีอยู่ภายในผิวอยู่แล้ว Biostimulator ทำหน้าที่เป็นสารกระตุ้นการทำงานทำให้งานผิวมีประสิทธิภาพ

                                                                                                                    ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของ Radiesse

                                                                                                                    Radiesse มีผลลัพธ์ที่ยาวนานได้มากสุดถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยประสิทธิภาพของ Biostimulator และ  Radiesse นับว่ามีประสิทธิภาพด้านการฟื้นฟูสภาพผิวและจัดการกับปัญหาริ้วรอยแห่งวัย โดยประสิทธิภาพการทำงานของ  สามารถ สรุปออกมาได้ดังนี้

                                                                                                                    Radiesse

                                                                                                                    •  Radiesse กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Collagen type I : ประสิทธิภาพของ Biostimulator ช่วยกระตุ้น Collagen type I มากถึง 150% ซึ่งช่วยทำให้โครงสร้างของผิวแข็งแรง ผิวหน้าได้รับการปกป้องจากรอยย่นผิวหย่อนคล้อย
                                                                                                                    •  Radiesse กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Collagen type III : กระตุ้นการสร้าง Collagen Type III มากถึง 130% ซึ่งส่งผลให้ผิวหน้าเงามีวอลลุ่ม ริ้วรอยจางลง
                                                                                                                    • Radiesse ช่วยเพิ่มอีลาสติน (Elastin) : ทำให้ปริมาณอีลาสตินมากขึ้นถึง 260% เสริมผิวจนเด้ง มีความยืดหยุ่น
                                                                                                                    •  Radiesse ช่วยเสริมสร้างโปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) : ช่วยให้ผิวอุ่มน้ำและคงความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวมีความอ่อนเยาว์กักเก็บความชุ่มชื้นของผิวไว้
                                                                                                                    •  Radiesse กระตุ้นระบบการทำงาน Angiogenesis : เสริมสร้างหลอดเลือดเล็กและกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ช่วยให้สารอาหารสามารถถูกลำเลียงไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวมีสารอาหารหล่อเลี้ยงแลดูสุขภาพดี

                                                                                                                    ก่อนเลือก Radiesse มีข้อมูลไหนที่ควรรู้อีกบ้าง ?

                                                                                                                    สำหรับครั้งแรกที่พึ่งเลือกทำหัตถการ ไม่ว่าจะเป็น Radiesse หรือโปรแกรมงานผิวอื่น ๆ ก็ต้องพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน ก่อนตัดสินใจเลือก Radiesse เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและเลือกโปรแกรมงานผิวที่ได้ผลลัพธ์เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

                                                                                                                    Radiesse

                                                                                                                    ผลลัพธ์ของ Radiesse ส่งผลอย่างไรกับงานผิว

                                                                                                                    การทำงานของ Radiesse Biostimulator มอบผลลัพธ์งานผิวที่ดีกว่าเดิมถึง 3 ประการหลัก ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้ 3 คำ คือ Younger, Healthier, Longer

                                                                                                                    • Younger : เห็นผลชัดเจนว่าผิวมีความอ่อนเยาว์ งานผิวเด็กคุณภาพดี
                                                                                                                    • Healthier : ยกระดับผิวสุขภาพดี เจอมลภาวะมามากแค่ไหนก็ไม่หวั่น
                                                                                                                    • Longer : ผลลัพธ์งานผิวที่ยาวนาน ผิวเด็ก สุขภาพดีได้นานยิ่งขึ้น

                                                                                                                    Radiesse ทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับใครบ้าง ?

                                                                                                                    ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการดูแลผิว หรืองานผิวด้วยหัตถการต่าง ๆ แต่ Radiesse Biostimulator ยังคงได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากประสิทธิภาพการรักษาที่ตอบโจทย์งานผิวคุณภาพดีแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด จึงมีหลายคนที่อยากฉีด Radiesse แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่า Radiesse จะเหมาะกับตัวเองไหม สามารถ เช็กตัวเองได้ที่หัวข้อนี้เลย

                                                                                                                    •  Radiesse เหมาะสำหรับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย หรือมีปัญหาผิวเสื่อมสภาพ โดยที่มีเงื่อนไข คือ อยากได้ผลลัพธ์ตั้งแต่ที่ฉีด  Radiesse ครั้งแรก และผลลัพธ์ที่ออกมาเร็วกว่าการดูแลตัวเอง หรือสามารถดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วยเพื่อประสิทธิภาพงานผิวที่ดียิ่งขึ้น
                                                                                                                    •  Radiesse เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัดเจน อยากมีผิวอ่อนเยาว์ ใบหน้ากระชับยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด
                                                                                                                    •  Radiesse เหมาะสำหรับคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ร่องลึก และเติมเต็มคอลลาเจนในระยะยาว

                                                                                                                    Radiesse

                                                                                                                    แล้ว Radiesse ไม่เหมาะสำหรับใครล่ะ ?

                                                                                                                    เนื่องจากการรักษาริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อยด้วย Biostimulator ผ่านหัตถการ Radiesse ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน จะมีบางกรณีที่การทำ  Radiesse อาจส่งผลกระทบหรือก่อให้เกิดอันตรายได้ เพราะปัจจัยทางร่างกายที่มีตัวแปรสำคัญ ทำให้คนที่จะฉีด Radiesse ควรจะพิจารณาข้อมูลตรงนี้อย่างถี่ถ้วน หรือมีการสอบถามแพทย์ที่คลินิกก่อนเลือกฉีด Radiesse

                                                                                                                    คนที่เหมาะสำหรับ Radiesse เพื่องานผิวคุณภาพดีจะต้องไม่มีคุณสมบัติดังนี้

                                                                                                                    • สตรีมีครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะที่ต้องให้นมบุตรเป็นประจำไม่ควรฉีด Radiesse
                                                                                                                    • คนที่มีอาการแพ้ส่วนประกอบของสารที่ใช้ในการฉีด Radiesse
                                                                                                                    • คนที่มีอาการอักเสบบริเวณผิวหนัง หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดคีลอยด์บริเวณผิวหนัง
                                                                                                                    • คนที่มีอาการของโรคที่ส่งผลให้เลือดออกง่ายไม่เหมาะกับการฉีด Radiesse

                                                                                                                    ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Radiesse

                                                                                                                    หลังจากฉีด Radiesse ลองสำรวจร่างกายและบริเวณที่ฉีด Radiesse เพื่อตรวจสอบผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเรา โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการฉีด Radiesse ก็จะมีดังนี้

                                                                                                                    • รอยแดง รอยเข็ม หรือรอยเขียวที่เหมือนผิวช้ำ เป็นอาการที่สามารถพบได้ทั่วไป โดยปกติแล้ว อาการเหล่านี้จะหายไปหลังจากผ่านไป 2-3 วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากนั้นรีบติดต่อแพทย์ทันที
                                                                                                                    • อาการปวดบริเวณรอยเข็มที่ทำการฉีด Radiesse หากมีอาการแบบนี้สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้
                                                                                                                    • แต่หากฉีดแล้วมีอาการผิดปกติอย่างรุนแรง เช่น ผิวเปลี่ยนสี ผิวซีด มีรอยแดงและอาการปวดที่รุนแรงผิดปกติ แนะนำให้รีบติดต่อแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาทางรักษาทันที

                                                                                                                    วิธีการเตรียมตัวและดูแลตัวเองก่อนฉีด Radiesse และหลังฉีด Radiesse

                                                                                                                    หากต้องการฉีด Radiesse อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทราบ คือ วิธีการเตรียมตัวก่อนทำและการดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse เนื่องจากขั้นตอนเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ควรทำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและเป็นการดูแลตัวเองเพื่อคงผลลัพธ์การรักษาให้ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด ยิ่งพึ่งเคยฉีด Radiesse เป็นครั้งแรก ยิ่งควรศึกษาข้อมูลตรงนี้เอาไว้เลย

                                                                                                                    การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีด Radiesse

                                                                                                                    Radiesse สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูสภาพผิวให้มีความอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น แต่ก่อนฉีด Radiesse ก็ควรจะมีการเตรียมตัวเสียก่อน สำหรับคนที่อยากได้งานผิวดี ก็ต้องมีการเตรียมตัวก่อนฉีดเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสตินดังนี้

                                                                                                                    • หากมีโรคประจำตัว, ประวัติการรักษาโรคต่าง ๆ รวมถึงประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งให้ทางคลินิกที่เข้ารับการฉีด Radiesse ทราบเพื่อป้องกันอันตรายจากการแพ้ยาหรือผลกระทบต่ออาการของโรค
                                                                                                                    • ยากลุ่มที่มีฤทธิ์ส่งผลต้านอาการอักเสบ, วิตามิน, อาหารเสริม และยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ยาและวิตามินอาหารเสริมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรงดก่อนมาฉีด Radiesse
                                                                                                                    • งดการขัดผิวสครับผิวก่อนมาฉีด Radiesse เพราะจะส่งผลต่อการผลัดเซลล์ผิว รวมถึงการทาครีมบำรุงสกินแคร์ต่าง ๆ ที่มีส่งผลต่อการผลัดเซลล์ผิว เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinol
                                                                                                                    • ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือการสูบบุหรี่ก่อนมาฉีด Radiesse

                                                                                                                    การดูแลตัวเองหลังฉีดRadiesse

                                                                                                                    หลังจากฉีด Radiesse และเห็นผลลัพธ์ ความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าแล้ว อันดับต่อมาก็จะเป็นขั้นตอนที่ต้องคอยดูแลตัวเอง เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Radiesse รวมถึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์งานผิวอ่อนเยาว์ โดยมีวิธีการดูแลตัวเองฉบับเรียบง่าย ดังนี้

                                                                                                                    • หลังฉีด Radiesse ควรจะดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ จะทำให้ผิวมีความชุ่นชื้นและเป็นการดูแลสุขภาพผิวและสุขภาพกายควบคู่กับการทำหัตถการ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะดียิ่งขึ้น
                                                                                                                    • หลังจากฉีด Radiesse ควรระมัดระวังการนำมือไปสัมผัส แตะ หรือกดบริเวณที่ฉีด  Radiesse เพราะอาจส่งผลต่อการเคลื่อนตัวของสารที่ฉีดเข้าไป หากจะทาครีมหรือสกินแคร์ก็ควรระมัดระวังเรื่องการไปสัมผัสจุดดังกล่าวด้วย
                                                                                                                    • งดการออกไปเดินกลางแดดหรือกิจกรรมที่ต้องไปสัมผัสความร้อนโดยตรง เช่น การรับประทาน อาหารประเภทปิ้งย่างที่ผิวหน้าจะโดนความร้อนตลอด รวมถึงกิจกรรมที่มีการขยับร่างกายหรือออกแรงมาก ๆ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อบริเวณที่ฉีด Radiesse
                                                                                                                    • หลังจากฉีด Radiesse เป็นช่วงที่ควรงดการแต่งหน้าอย่างน้อย 12 ชม. หรือถ้าสังเกตแล้วว่ารอยเข็มบริเวณที่ฉีด  Radiesse ยังไม่หายไปก็ควรจะงดการแต่งหน้าไปก่อน
                                                                                                                    • หลังจากฉีด Radiesse ควรงดการดื่มเครื่องดื่ม ที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
                                                                                                                    • หลังจากฉีด Radiesse ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการ หรือโปรแกรมที่มีการส่งความร้อนลงมาบนผิว เช่น การเลเซอร์
                                                                                                                    • หากผิวมีอาการบวมหรือลักษณะแดง ๆ แนะนำให้คอยประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการบวมและแดงลง
                                                                                                                    • หากฉีด Radiesse แล้วเกิดมีอาการผิดปกติ หรือผลข้างเคียงต่าง ๆ ควรแจ้งกับทางแพทย์ หรือไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วน

                                                                                                                    ข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Radiesse

                                                                                                                    หลังจากนี้จะเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Radiesse เพื่อช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับ Radiesse ให้มากขึ้น โดยจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับบริเวณที่สามารถฉีด Radiesse และขั้นตอนการฉีด Radiesse

                                                                                                                    ตำแหน่งใดบ้างที่สามารถฉีด Radiesse ได้

                                                                                                                    1. Middle Face หรือบริเวณกลางหน้า บริเวณพวงแก้ม เป็นส่วนที่สามารถฉีด Radiesse โดยบริเวณกลางหน้า เป็นส่วนที่เกิดการยุบตัวของกระดูกและไขมันเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้บริเวณนี้เหมาะกับการฉีด  Radiesse
                                                                                                                    2. Lower Face หรือ บริเวณหน้าส่วนล่าง ซึ่งมักเป็นส่วนที่เกิดการหย่อนคล้อยของผิว ตั้งแต่บริเวณรอบริมฝีปากลงมาจนถึงคาง ทำให้ Radiesse ก็สามารถฉีดบริเวณนี้เพื่อกระชับผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์
                                                                                                                    3. ลำคอ ก็เป็นอีกบริเวณที่เรามักพบปัญหาคอเหี่ยว ผิวบริเวณคอย่นลงมาเป็นรอยดูไม่สวยงาม Radiesse ก็สามารถฉีดเพื่อแก้ปัญหารอยยับรอยย่นบริเวณคอได้เช่นกัน
                                                                                                                    4. บริเวณหลังมือ เป็นอีกส่วนที่เมื่ออายุมากขึ้น รอยเหี่ยวรอยย่นของผิวหนัง จะยิ่งปรากฏออกมาชัดเจน หลังมือจึงเป็นอีกบริเวณที่สามารถฉีด Radiesse เพื่อรักษารอยเหี่ยวย่นของผิว

                                                                                                                     Radiesse มีขั้นตอนการทำเป็นอย่างไร ?

                                                                                                                    1. ขั้นตอนแรกจะเป็นการประเมินสภาพผิว เพื่อเป็นการตรวจสอบสุขภาพของผิว ก่อนจะทำการเก็บรวบผมของคนที่มาใช้บริการให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นส่วนของการเตรียมความพร้อมก่อนหัตถการ ที่ไม่ควรมีเส้นผมปรกลงมาบริเวณใบหน้า
                                                                                                                    2. หลังจากตรวจสอบ และทำการเก็บผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำความสะอาดลงบนผิวหน้า ขั้นตอนนี้จะเป็นการทำเพื่อป้องกันการทำความสะอาดเครื่องสำอางและป้องกันการติดเชื้อ
                                                                                                                    3. หลังจากทำความสะอาดผิวหน้า จะเป็นขั้นตอนการทายาชาหรือฉีดยาชาลงบนผิว เพื่อลดความเจ็บระหว่างฉีด Radiesse
                                                                                                                    4. พอปล่อยทิ้งไว้จนยาชาออกฤทธิ์แล้วก็จะเริ่มทำการฉีด Radiesse ลงบริเวณที่ต้องการรักษาผิวหย่อนคล้อย รอยยับรอยย่นบริเวณลำคอและหลังมือ
                                                                                                                    5. เนื่องจากการฉีด Radiesse อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาบริเวณที่ทำ ขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการห้ามเลือดและทำความสะอาดให้เรียบร้อย บริเวณดังกล่าวจะไม่มีคราบเลือดติด

                                                                                                                    นึกถึง Radiesse ต้องที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                    รมย์รวินท์คลินิก มีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการฉีด Radiesse และมีประสบการณ์ด้านการทำหัตถการมามากกว่า 20 ปี และยังคงพัฒนาการทำหัตถการและความรู้ความสามารถของทั้งทีมแพทย์และพนักงานมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลิตภัณฑ์และเครื่องหัตถการต่าง ๆ ที่ทางคลินิกนำเข้ามายังเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและผ่านการรับรองมาตรฐาน จึงสามารถมั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัยในการฉีด Radiesse และหัตถการอื่น ๆ สำหรับคนที่มีปัญหาผิวหน้าแต่ยังไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไรดี ทางคลินิกพร้อมให้คำปรึกษา และวิเคราะห์ปัญหาผิวให้กับทุกเคส หากสนใจ Radiesse สามารถเดินทางมาที่รมย์รวินท์คลินิกสาขาที่อยู่ใกล้คุณได้แล้ววันนี้

                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                      ยกกระชับรอบดวงตา ด้วย Ulthera SPT VS Thermage FLX

                                                                                                                      ยกกระชับรอบดวงตา

                                                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT VS Thermage FLX โปรแกรมไหนดีกว่ากัน

                                                                                                                        เมื่ออายุมากขึ้น นอกจากใบหน้า ที่จะเริ่มมีริ้วรอย และหย่อนคล้อยลงแล้ว รอบดวงตาและผิวรอบดวงตาก็จะเริ่มหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยแล้วเช่นกัน แต่ในบางครั้งการมีริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา มักเป็นสิ่งที่เรามองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่า เมื่อไหร่ก็ตามดวงตาเราดูแก่ หรือมีอายุ จะส่งผลให้ใบหน้าภาพรวมของเราดูแก่หรือมีอายุตามไปด้วย เนื่องจากดวงตาเป็นจุดจ้องมองที่ทุกคนเวลามองหน้าของเรามักจะมองดวงตาก่อนเป็นอันดับแรก หรือที่เรียกกันว่า Eye contact นั่นเอง จึงส่งผลให้ริ้วรอยต่างๆที่บริเวณดวงตามักจะเด่นกว่าริ้วรอยในส่วนอื่นๆของใบหน้า โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา นอกจากจะเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นที่ส่งผลต่อโครงสร้างกระดูก ทำให้กระดูกเบ้าตาทรุดและ ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน จึงทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยแล้ว ยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่นๆได้ด้วยเช่น

                                                                                                                        Ulthera SPT VS Thermage FLX 02 scaled

                                                                                                                        ปัจจัยที่ก่อให้เกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา

                                                                                                                        • พฤติกรรมในชีวิตประจำวันอาทิ เช่น การขยี้ตา การถูตาบ่อย ๆ
                                                                                                                        • การ พักผ่อนไม่เพียงพอ
                                                                                                                        • การแสดงสีหน้า ต่างๆทั้ง ยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว ร้องไห้
                                                                                                                        • แสงแดด เป็นสิ่งหลักๆที่ทำสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอย เนื่องจากทำให้คอลลาเจนใต้ผิวเสื่อมสลาย

                                                                                                                        นอกจากนี้ยังมีปัญหาต่างๆ รอบดวงตาเช่น ปัญหาถุงใต้ตา ปัญหาเปลือกตาตก ปัญหาคิ้วตก  ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ปัญหาร่องลึก ปัญหาถุงใต้ตา ปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา ที่เป็นปัญหารอบดวงตาที่หนักอกหนักใจที่ต้องแก้ไขโดยโปรแกรมที่สามารถแก้ไขและแนะนำคือโปรแกรม Ulthera SPT  และโปรแกรม Thermage FLX ที่สามารถทำรอบดวงตา และแก้ไขปัญหาได้ดีโดยสองโปรแกรมนี้มีความแตกต่างกันดังนี้

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT หรือ Ultherapy

                                                                                                                        เป็นโปรแกรมที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ แบบความถี่สูงและมีความจำเพาะเจาะจงของคลื่น สามารถยิงพลังงานได้อย่างล้ำลึกลงสู่ชั้นผิว โดยมีลักษณะการยิงคลื่นเป็นลักษณะจุดไข่ปลา ที่มีขนาดเล็กเพียง 1 mm เรียงตัวต่อกันเป็นเส้นตรง และปล่อยพลังงานคลื่นความร้อนลงสู่ใต้ชั้นผิวในอุณหภูมิ 60-70°C เพื่อให้เกิดการหดตัวของผิวหนังในบริเวณที่ยิงลงไป เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ยกกระชับรอบดวงตา รวมทั้งทำบริเวณรอบดวงตาให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่มีชั้นไขมันน้อย

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตา

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX

                                                                                                                        เป็นโปรแกรมที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุที่มีความถี่สูงที่ชื่อว่า Radio Frequency หรือเรียกโดยย่อว่า  RF  เป็นคลื่นที่มีชนิดคลื่นในรูปแบบขั้วเดียว หรือ Monopolar ในการเป็นตัวส่งพลังงานความร้อน และแรงสั่นสะเทือนจากตัวเครื่องลงสู่ชั้นผิวหนัง โดยจะทำงานกับชั้นผิวหนังแท้รวมทั้งชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวเกิดการหดตัว และสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่

                                                                                                                        Thermage FLX มีอุปกรณ์ ที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับบริเวณดวงตาโดยเฉพาะสำหรับป้องกันอันตรายต่อดวงตา มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นโปรแกรมแบบเครื่องชนิดเดียวที่มีอุปกรณ์ป้องกันดวงตาเช่นนี้ นอกจากจะใช้แก้ปัญหารอบดวงตาได้แล้ว ยังสามารถใช้แก้ปัญหาบริเวณเปลือกตาได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย โดย Thermage FLX สามารถใช้ในการ ยกกระชับเปลือกตา แก้ปัญหารอยตีนกา แก้ปัญหาถุงใต้ตาได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีชั้นไขมันเยอะ

                                                                                                                        Ulthera ยกกระชับรอบดวงตา

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT มีหัว Applicator ดังนี้

                                                                                                                        • หัว Ulthera SPT 1.5 mm เป็น Applicator ที่เหมาะสำหรับยกกระชับรอบดวงตาในชั้นหนังกำพร้า ลดริ้วรอยเล็กๆ กระชับผิวหนังในชั้นตื้นๆ เนื่องจากเป็น Applicator ที่ใช้รักษาในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นผิวหนังแท้(Dermis)
                                                                                                                        • หัว Ulthera SPT 3.0 mm เป็น Applicator ที่เหมาะสำหรับยกกระชับรอบดวงตาในชั้นไขมัน (Subcutis) เหมาะสำหรับใช้เพื่อการกระตุ้นคอลลาเจน และลดความหย่อนคล้อย รวมทั้งริ้วรอยบางส่วนในบริเวณรอบดวงตา
                                                                                                                        • หัว Ulthera SPT 4.5 mm เป็น Applicator ที่เหมาะสำหรับยกกระชับรอบดวงตา ในชั้น SMAS หรือที่รู้จักกันในชื่อ Superficial Musculoaponeurotic System  จึงได้ผลลัพธ์ที่ทำให้ผิวหนังรอบดวงตามีความตึง กระชับมากขึ้น

                                                                                                                        Thermage

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย  Thermage FLX มีหัว TIP  เฉพาะในการรักษาคือ

                                                                                                                        หัว EYE TIP (สีเขียว) ที่มีขนาด 0.25 cm² ที่ช่วยในการ

                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตา
                                                                                                                        • ยกกระชับเปลือกตา
                                                                                                                        • ยกกระชับใต้ตา
                                                                                                                        • แก้ปัญหาหนังตาตก
                                                                                                                        • ช่วยยกคิ้วตก

                                                                                                                        ใช้จำนวนช็อตในการยิงประมาณ 450 Shot

                                                                                                                        Ulthera SPT VS Thermage FLX 05 scaled

                                                                                                                        โปรแกรมยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera  SPT ใช้จำนวน ช็อต หรือ ไลน์ จำนวนเท่าไร

                                                                                                                        การยกกระชับรอบดวงตาสามารถจำแนกได้เป็น

                                                                                                                        • ยกคิ้ว
                                                                                                                        • เปิดตาตก
                                                                                                                        • ยกกระชับหางตา
                                                                                                                        • ยกกระชับใต้ดวงตา

                                                                                                                        ทั้ง 4 ส่วนใช้จำนวนช็อต หรือ ไลน์ 100- 300 ไลน์ โดยประมาณ ตามแต่ปัญหาของแต่ละคน

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT  เหมาะกับใคร

                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยรอบดวงตา
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหางตาตก
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดทำศัลยกรรมตา
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีคิ้วตก ทำให้ตาเปิดได้ไม่สุด
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาหย่อนคล้อย
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูรอบดวงตา

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX เหมาะกับใคร

                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่มีรอยย่นรอบดวงตา
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่หนังตาที่ตก
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่คิ้วตก
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาตก
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่หนังตาหย่อนคล้อย
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่ต้องการคืนความสดใสให้ดวงตา
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่ชั้นตาหลบใน
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่มีไขมันที่เปลือกตาและรอบดวงตามา
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาเยอะ
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรมตา
                                                                                                                        • ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX  เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตา

                                                                                                                        ผลลัพธ์ของการยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera

                                                                                                                        • จะทำให้ปัญหาถุงใต้ตาลดลง กระชับมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                        • ช่วยในการยกคิ้วที่ตกให้ยกขึ้น
                                                                                                                        • ช่วยยกหางตาให้ชี้ขึ้น
                                                                                                                        • ทำให้มองเห็นชั้นตาได้มากขึ้น
                                                                                                                        • ช่วยทำให้ริ้วรอยในบริเวณรอบดวงตา ลดลงและจางลง
                                                                                                                        • ทำให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตามีความเรียบเนียนมากขึ้น
                                                                                                                        • ทำให้ภาพรวมของดวงตาดูสว่างสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นกว่าเดิม

                                                                                                                        ผลลัพธ์ของการยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX 

                                                                                                                        • จะทำให้ปัญหาถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมันลดลง
                                                                                                                        • ริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาจะดีขึ้น มีความตื้นขึ้น
                                                                                                                        • รอยย่นรอบดวงตาจะตื้นขึ้น กระชับขึ้น
                                                                                                                        • เปลือกตา ที่เคยย่น ในบางทีอาจทำให้ปิดตาจะมีความตึงกระชับ และเรียบเนียนมากขึ้น
                                                                                                                        • ทำให้ดวงตาภาพรวมดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
                                                                                                                        • ทำให้ผู้ที่มีชั้นตาหลบใน ดูมีชั้นตาที่ชัดมากขึ้น
                                                                                                                        • ช่วยเปิดตาและยกคิ้วให้สดใสมากขึ้น

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตา
                                                                                                                        โปรแกรมยกกระชับรอบดวงตาโปรแกรมไหนดีกว่ากัน ?

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT กับ Thermage FLX เลือกแบบไหนดี ?

                                                                                                                        • ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลที่ต้องการยกกระชับรอบดวงตาว่าปัญหาที่เกิดนั้นเป็นปัญหาที่ชั้นกล้ามเนื้อ หรือชั้นไขมัน เพราะทั้งสองโปรแกรมเป็นโปรแกรมยกกระชับริบดวงตาที่ดีทั้งคู่ แต่มีจุดเด่นในการรักษาที่แตกต่างกัน และโฟกัสที่ชั้นผิวหนังที่ต่างกัน

                                                                                                                        โดยยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เป็นการใช้พลังงานที่มีจุดโฟกัสของพลังงานเป็นเส้นใหญ่โดยการส่งพลังงานไปสู่ผิวหนังในชั้น smas และยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบริเวณรอบดวงตาน้อย

                                                                                                                        Thermage FLX ยกกระชับรอบดวงตานั้น จะเป็นการส่งพลังงานเป็นก้อนที่มีพลังงานขนาดใหญ่โดยโปรแกรมนี้จะเน้นในด้านการลดไขมัน จึงเหมาะกับผู้ที่รอบดวงตามีไขมันหนา หนังตาตกจากไขมัน ตาห้อย ตาย้อยจากไขมัน เป็นต้น

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาอยู่ได้นานแค่ไหน

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera อยู่ได้นานแค่ไหน

                                                                                                                        • โดยประมาณแล้วการยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera  จะสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแล และสภาพผิวของแต่ละบุคคล

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX อยู่ได้นานแค่ไหน

                                                                                                                        • การยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX จะสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแล และสภาพผิวของแต่ละบุคคล

                                                                                                                        ระยะเวลาเห็นผลหลังทำยกกระชับรอบดวงตา

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT

                                                                                                                        • หลังทำโปรแกรมยกกระชับรอบดวงตา Ulthera SPT  จะสามารถเห็นผลได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกหลังทำเลยประมาณ 30% จากภาพรวม และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆใน 1-2 เดือน และ 2-3 เดือน จะเห็นผลลัพธ์ที่เจนมากที่สุด  อันเกิดจากการที่คอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่บริเวณใต้ชั้นผิวเริ่มทำงาน

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาด้วย Thermage FLX 

                                                                                                                        • หลังทำโปรแกรมยกกระชับรอบดวงตา Thermage FLX   จะสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำครั้งแรกจากภาพรวมประมาณ  20-30%  และจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้มากที่สุดในช่วง 2-3 เดือน โดยจะเห็นผลได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

                                                                                                                        ยกกระชับรอบดวงตาใช้ระยะเวลาในการทำต่อครั้งนานเท่าไร

                                                                                                                        • ทั้งสองโปรแกรมยกกระชับรอบดวงตา ใช้ระยะเวลาในการทำต่อครั้งประมาณ 45 – 60 นาที หากต้องการทายาชาอาจจะเพิ่มระยะเวลาในการทำมากขึ้น ตามระยะเวลาการแปะยาชา

                                                                                                                        อายุเท่าไรถึงทำโปรแกรมยกกระชับรอบดวงตาได้

                                                                                                                        • ปัญหารอบดวงตามีมากมายที่สร้างความกังวล โดยมีโอกาสเกิดปัญหารอบดวงตาได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ทั้งสองโปรแกรม อันเกิดจากพฤติกรรมต่างๆและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคน ก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกโปรแกรมยกกระชับและแก้ปัญหารอบดวงตาที่เหมาะสมกับปัญหาให้มากที่สุด

                                                                                                                        โดยสามารถทำโปรแกรมยกกระชับรอบดวงตาได้ทั้งสองโปรแกรม เนื่องจากทั้งสองพลังงานส่งผลในการรักษาและใช้ในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถทำทั้งสองโปรแกรมควบคู่กันไปได้ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อประเมินการรักษารวมถึงแก้ไขปัญหาที่บริเวณรอบดวงตาก่อนทำการรักษา

                                                                                                                        ทำไมต้องเป็นโปรแกรมยกกระชับรอบดวงตาด้วย Ulthera SPT  และ Thermage FLX 

                                                                                                                        • เนื่องจากทั้งสองโปรแกรมเป็นโปรแกรมยกกระชับที่นิยมนำมาใช้เพื่อการยกกระชับบริบดวงตา เนื่องจากมีความปลอดภัย มีวิจัยรองรับ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก และยังเป็นโปรแกรมยกกระชับที่ได้มาตรฐาน ไม่ทำอันตรายต่อดวงตาและผิวหนังบริเวณใกล้เคียง ผู้เข้ารับบริการสามารถไว้ใจได้

                                                                                                                        ทำไมต้องเป็นโปรแกรมยกกระชับรอบดวงตาที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                        • แพทย์คร่ำหวอดในวงการแพทย์มานาน การันตีด้วยฝีมือ
                                                                                                                        • มีเครื่องโปรแกรมยกกระชับรอบดวงตาทั้งสองโปรแกรมเตรียมพร้อมในการรองรับผู้เข้ารับบริการ
                                                                                                                        • แพทย์สามารถประเมินปัญหา ได้อย่างตรงจุด
                                                                                                                        • เป็นคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน มีความสะอาด
                                                                                                                        • มีรางวัลการันตีจากโปรแกรมยกกระชับทั้งสองโปรแกรม
                                                                                                                        • แพทย์ผ่านการทำการรักษาคนไข้มาแล้วมากมาย
                                                                                                                        • สะดวกสบายในการเดินทาง
                                                                                                                        • เปิดมาแล้วยาวนานกว่า 21 ปี ดูแลรักษาเคสมาแล้วมากมาย
                                                                                                                        • มีเคสรีวิวจริงเชื่อถือได้

                                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                          รับรางวัล REJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY 

                                                                                                                          Rejuran

                                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                            รมย์รวินท์คว้ารางวัลความสำเร็จอีกครั้ง ! ที่งาน REJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY

                                                                                                                            ทุกรางวัลที่รมย์รวินท์คลินิกคว้ามาเป็นความสำเร็จล้วนเป็นสิ่งที่รับประกันความสามารถและเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้ารับบริการ งานครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งที่รมย์รวินท์คลินิกได้แสดงศักยภาพในฐานะคลินิกเสริมความงาม ด้วยการคว้ารางวัลจากงาน REJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY มาถึง 2 รางวัล !!

                                                                                                                            EJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY

                                                                                                                            รางวัลนี้ TOP 20 PRESTIGIOUS CLINIC RECOGNITION 2024 เป็นรางวัลที่ บ่งบอกถึงอีกก้าวของความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ที่รมย์รวินท์คลินิกได้รับ  อันเป็นการการันตีความเป็นคลินิกอันอับต้นของประเทศ  ใน รางวัล Top 20 คลินิกที่มียอดการให้บริการและใช้งาน  REJURAN สูงในระดับประเทศ และ รางวัล KOL AWARD 2024 ที่มอบให้กับ คุณหมอออย หรือ พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                            EJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY

                                                                                                                            เนื่องด้วยความสำเร็จครั้งนี้เป็นเกียรติและความภาคภูมิใจของรมย์รวินท์คลินิก ทีมแพทย์จากรมย์รวินท์คลินิก นำทีมโดย คุณณหมอฐา พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล Board of Dermatology แพทย์เจ้าของและผู้อำนวยการรมย์รวินท์คลินิก พร้อมด้วยคุณหมอบีบี : พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู, คุณหมอแพร : พญ.ธิรดา จิตตการ จึงเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานและรับรางวัลความภูมิใจของรมย์รวินท์คลินิก TOP 20 PRESTIGIOUS CLINIC RECOGNITION 2024

                                                                                                                            ส่วนอีกหนึ่งรางวัลความสำเร็จที่มอบให้กับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะและเป็นที่ยอมรับจากผู้คน ด้วยชื่อรางวัลที่บ่งบอกถึงความสามารถของคุณหมอออย : พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ “2024  KOL AWARD 2024” แพทย์จากรมย์รวินท์คลินิกและเป็นผู้ขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ด้วยตัวเอง งานนี้จึงนับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากกว่าครั้งไหน ๆ ของรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                            EJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY

                                                                                                                            โดยงานและพิธีการมอบรางวัลครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยบริษัท Rejuran Thailand ผู้นำเข้าและตัวแทนจัดจำหน่าย REJURAN อย่างถูกต้องตามกฎหมายเพียงเจ้าเดียวในประเทศไทย ภายใต้ชื่องาน REJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY ซึ่งเป็นงานเกี่ยวข้องกับ REJURAN และ เป็นงานมอบรางวัลให้กับคลินิกเสริมความงามที่เหมาะสม โดยทางรมย์รวินท์คลินิกได้รับเชิญให้เข้าร่วมและคว้ารางวัลความสำเร็จจากงานครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อย

                                                                                                                            งาน REJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY จัดขึ้นที่ JW Marriott Hotel Bangkok เมื่อวันศุกร์ ที่ 19 กรกฎาคม 2567 เวลา 17.30-21.30 น.

                                                                                                                            สำหรับการรับรางวัล TOP 20 PRESTIGIOUS CLINIC RECOGNITION 2024 และ KOL AWARD 2024 จากงาน REJURAN ENCHANTED BEAUTY A FAIRYTALE JOURNEY นับว่าเป็นการตอกย้ำถึงประสิทธิภาพการทำงานของรมย์รวินท์คลินิก รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ REJURAN ที่มีประสิทธิภาพจนได้รับรางวัล ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารมย์รวินท์มีการพัฒนาการทำงานและบริการอยู่เสมอ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง

                                                                                                                            DNA ปลาแซลมอนสร้างผิวสวยด้วย REJURAN ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                            สำหรับคนที่สงสัยว่า REJURAN เป็นอย่างไร สามารช่วยผิวอย่างไรบ้าง REJURAN คือ การสกัดสาร Polynucleotide (PN) ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญจาก DNA ของปลาแซลมอนธรรมชาติ มีประสิทธิภาพด้านการฟื้นฟูสภาพผิว ฉีดผิวฉ่ำน้ำและเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว โดยสารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนนั้นมีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์จึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังทำ REJURAN

                                                                                                                            ผลลัพธ์การทำ REJURAN ช่วยแก้ปัญหาและปรับสภาพผิวได้อย่างไรบ้าง

                                                                                                                            • Polynucleotide (PN) สารสกัด REJURAN ควบคุมการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวเกิดการซ่อมแซมและช่วยผลัดเซลล์ผิวตายไปแล้วออกด้วย
                                                                                                                            • กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารออกมาซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยลดรอยดำ รอยแดง รักษาหลุมสิว
                                                                                                                            • เพิ่มความกระจ่างใสและความชุ่มชื้นให้กับผิว
                                                                                                                            • นอกจากนั้น REJURAN ยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยลดผลกระทบจากมลภาวะ และทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นน้อยลง
                                                                                                                            • ผิวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่แดง ไม่บวม ไม่มีสารพิษตกค้าง

                                                                                                                            ด้วยผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพของ REJURAN ประกอบกับสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ ไม่ส่งผลเสียและไม่ตกค้างในร่างกายทำให้ REJURAN ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิกมีบริการ REJURAN ส่งตรงจากบริษัทนำเข้าอย่างถูกต้องและมีผลงานรับรางวัลที่บ่ง บอกถึงประสิทธิภาพการทำงานด้วย REJURAN หากสนใจ REJURAN หรือมีปัญหาผิวที่ต้องการที่ปรึกษาแบบด่วน สามารถเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

                                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                              Sylfirm X Plus คืออะไร ช่วยอะไร 

                                                                                                                              SYLFIRM


                                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                Sylfirm x Plus แก้ปัญหา พร้อมฟื้นฟูผิว

                                                                                                                                โปรแกรมแก้ปัญหาผิว และฟื้นฟูผิวอย่างมีประสิทธิภาพ มีประโยชน์ในการแก้ปัญหาผิวหลากหลาย ทั้ง การลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า แก้ปัญหาริ้วรอยจุดด่างดำ อันเกิดจากเม็ดสีผิวหรือหลอดเลือด และลดเม็ดสี โดยการใช้เทคโนโลยี RF Microneedling หรือเครื่องมือที่ประกอบด้วยเข็มขนาดเล็ก ๆ ระดับ 300 ไมครอนที่มีระดับความลึก 0.3-4.0 มม. ที่ทำการรักษาได้ลึกในระดับผิวหนังแท้ชั้นบน (Papillary dermis) ที่อยู่ใต้หนังกำพร้า และยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างหนังกำพร้าและผิวหนังแท้ ซึ่ง RF Microneedling จะช่วยเป็นตัวส่งพลังงานคลื่นทำให้ผิวไม่ได้รับความบาดเจ็บ และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง รวมถึงช่วยสลายพังผืดของแผล ที่อยู่ในบริเวณที่ทำด้วย

                                                                                                                                Sylfirm X Plus เป็นโปรแกรมที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RF ในการส่งพลังงาน โดยการส่งความร้อนประมาณ 40-60 องศาเซลเซียสลงสู่ชั้นผิว ซึ่งส่งผลในการฟื้นฟูสภาพผิว และแก้ปัญหาผิวในทุกสภาพผิวได้อย่างไม่อันตราย และเมื่อเทคนิคทั้งสองอย่างมาผสานรวมกันในการรักษา จึงเป็นการส่งเสริมให้ Sylfirm X Plus เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เทียบเท่าได้กับการผ่าตัดขนาดเล็ก เนื่องจากเข็มของ Sylfirm X Plus จะสามารถเข้าไปสู่ชั้นผิวได้ลึกและตรงจุดถึงต้นตอของปัญหา จึงทำให้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย

                                                                                                                                sylfirm

                                                                                                                                ในการทำงานด้วยกันถึง 2 คลื่นวิทยุ (Dual Wave) อันประกอบด้วย Dual Wave ในการแก้ปัญหาผิว

                                                                                                                                  • Continuous Wave Mode หรือ คลื่นต่อเนื่อง คือ คลื่นที่เกิดจากการสั่นสะเทือน ที่ทำให้เกิดการสั่นอย่างต่อเนื่อง และแผ่กระจายออกอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับคลื่น

                                                                                                                                Continuous Wave Mode เป็นคลื่นที่ช่วยแก้ปัญหาผิวในด้านการฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และปรับสภาพผิวองค์รวมให้ดูดีขึ้นอย่างล้ำลึก ยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อย ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ที่อยู่บนผิว ช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส ฟื้นฟูรอยแผลเป็น และช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้เกิดใหม่ได้เรียงตัวอย่างมีคุณภาพ

                                                                                                                                  • Pulse Wave Mode หรือ คลื่นดล คือ คลื่นที่เกิดจากการสั่นสะเทือน ที่จะส่งสัญญาณมาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จึงทำให้คลื่นเกิดการแผ่ตัวในจำนวนที่น้อย จึงทำให้การเคลื่อนที่ของคลื่นมีการแผ่จำนวนออกได้อย่างจำกัด

                                                                                                                                Pulse Wave Mode ช่วยแก้ปัญหาผิวด้วยการฟื้นฟูรักษา และลดจำนวนการเกิดสิว กำจัดปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากเม็ดสีบนใบหน้า และลดเม็ดสี อย่างเช่น ฝ้า  กระ และลดรอยเส้นเลือดที่ทำให้เกิดปัญหารอยแดงบนใบหน้า

                                                                                                                                โดย Sylfirm X Plus เป็นโปรแกรมแก้ปัญหาผิวชนิดแรกของโลก ที่ใช้พลังงานในรูปแบบนี้ และทําให้เกิดความร้อนใต้เนื้อเยื่อผิวชั้นลึกได้อย่างตรงจุด ผ่านเข็มที่มีขนาดเล็กมากเพียง 300 ไมครอน จึงส่งผลให้การฟื้นฟูผิวเป็นการฟื้นฟูในชนิดที่ผิวไม่ได้รับการบาดเจ็บ ทิ้งบาดแผลหลังการทำไม่มาก และยังมีความปลอดภัยในขณะทำการรักษา เป็นโปรแกรมแก้ปัญหาผิวได้รับการรับรองมาตรฐานจากหลายองค์กรจากหลากหลายประเทศ อาทิ  (USFDA, CE, SFDA, KFDA) ทั้งยังมีงานวิจัยต่าง ๆ รองรับอีกมากมาย ที่เกี่ยวกับเทคนิค Continuous Wave และ Pulse Wave

                                                                                                                                Sylfirm X Plus ช่วยแก้ปัญหาผิวเรื่องอะไรบ้าง

                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ช่วยในแก้ปัญหาผิวในด้านการลดฝ้า กระ ด้วยการเข้าไปทำลายการสร้างและสาเหตุของการเกิดเม็ดสี  และช่วยลดเม็ดสีอย่างปลอดภัย
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ช่วยในการแก้ปัญหาผิวในด้านการลดจุดด่างดำจากเม็ดสี โดยเข้าไปทำลายการสร้างและสาเหตุของการเกิดเม็ดสี ช่วยลดเม็ดสีทำให้เม็ดสีที่เคยชัดดูจางลง ด้วยการส่งพลังงาน RF ในการสลายเซลล์เม็ดสี ช่วยลดเม็ดสีรวมทั้งทำลายเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่คอยหล่อเลี้ยงเซลล์เม็ดสี
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ช่วยในการแก้ปัญหาผิวในด้านการกระชับรูขุมขน อันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และทำให้ผิวหน้าเกิดความสกปรก โดยการเข้าไปทำให้ผิวหนังเกิดการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้รูขุมขนที่เคยกว้าง กลับมีขนาดเล็กลง
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ช่วยในการแก้ปัญหาผิว ในด้านลดรอยดำจากสิวจะช่วยในการเข้าไปสลายเม็ดสีผิว ลดเม็ดสีผิวที่ทำงานผิดปกติให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ  และฟื้นฟูผิวให้กลับมาไร้ริ้วรอยอีกครั้ง
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ช่วยในการลดรอยแดงจากเส้นเลือด ช่วยในการยับยั้งเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิว อันเป็นสาเหตุของการเกิดรอยแดง
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ช่วยในการแก้ปัญหาหลุมสิว โดยวิธีการใช้เข็มของตัวเครื่องในการตัดพังผืด และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ใต้ชั้นผิวออก และช่วยให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ช่วยในการยกกระชับผิวหน้าที่มีความหย่อนคล้อย ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมทั้งอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวให้เกิดขึ้นใหม่ และทำให้ผิวที่เคยเกิดการเสื่อมสภาพได้มีการฟื้นฟู
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ช่วยในการสร้างคอลลาเจน และจัดเรียงคอลลาเจนใต้ชั้นผิวทำให้ผิวมีคุณภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนที่เกิดขึ้นใหม่เป็นคอลลาเจนที่เกิดจากร่างกายของเราเอง และยังเป็นคอลลาเจนที่ขึ้นอย่างมีระเบียบ

                                                                                                                                จุดเด่นของ Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิว

                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ใช้ระบบ AI ในการประเมินสภาพผิว
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ส่งพลังงานลงสู่ผิวได้อย่างแม่นยำ จากการใช้ AI ในการประเมิน
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ไม่ทำให้มีเลือดออกหลังการทำ
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus หลังทำไม่ต้องพักฟื้น
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ไม่ทำให้ผิวเบิร์น หรือไหม้
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ไม่อันตรายต่อผิว
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ไม่ทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บ
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สลายพังผืดได้
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อได้
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ทำลายเม็ดสีผิว และเม็ดสีผิวที่มีความปกติได้แบบเจาะจง
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus ผิวบาดเจ็บน้อย

                                                                                                                                Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิวสามารถทำตรงไหนได้บ้าง

                                                                                                                                Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิวสามารถทำได้ทั้งใบหน้าและรูปร่าง ดังนี้

                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ ทั่วใบหน้า
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ รอบดวงตา
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ หน้าผาก
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ จมูก
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ แก้ม
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ รอบมุมปาก
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ คาง
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ ลำคอ
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ แขน
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ ขา
                                                                                                                                • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ หน้าท้อง

                                                                                                                                ใครเหมาะกับการทำ Sylfirm x Plus แก้ปัญหาผิว

                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย
                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับ
                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รอยสิว
                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ รอยแดง จากเม็ดสี ที่ต้องการลดเม็ดสี
                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาใบหน้าไม่เรียบเนียน ขรุขระ
                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ
                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้มีความแข็งแรง
                                                                                                                                • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาเซลล์ผิวเสื่อมสภาพไปตามวัย

                                                                                                                                ขั้นตอนในการทำ Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิว

                                                                                                                                • ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อพร้อมสำหรับการใช้บริการ
                                                                                                                                • หากมีหนวดควรโกนหนวดออก เพื่อความแม่นยำในการรักษา
                                                                                                                                • ทายาชาทิ้งไว้เพื่อบรรเทาความเจ็บ เป็นเวลาประมาณ 60 นาที
                                                                                                                                • เช็ดยาชาออก
                                                                                                                                • แพทย์ลงมือทำ Sylfirm X Plus อย่างละเอียดและแม่นยำ
                                                                                                                                • เช็ดหน้าให้เรียบร้อย

                                                                                                                                sylfirm

                                                                                                                                การดูแลตัวเองหลังการทำ Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิว

                                                                                                                                • หลัง Sylfirm X Plus  สามารถทำการประคบเย็นได้ ในการบรรเทาความเจ็บ แสบ หรือร้อนหลังการรักษา
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรงดการใช้สกินแคร์ ที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว หรือทำให้ผิวระคายเคือง
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรงดใช้เครื่องสำอางสูตรที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว หรือทำให้ผิวระคายเคือง หรือมีการผลัดเซลล์ผิว
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus หากมีสะเก็ดขึ้นบนผิว ห้ามแกะ เกาเด็ดขาด
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรปล่อยให้สะเก็ดบนใบหน้าหลุดออกเองตามธรรมชาติ
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรทาสกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวอย่างสม่ำเสมอ
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และลดการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่ม
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรงดการอยู่ในที่ร้อน เช่น ซาวน่า หรือทำกิจกรรมในที่ร้อน ๆ
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus  ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อเป็นการฟื้นฟูผิว
                                                                                                                                • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

                                                                                                                                ข้อแนะนำหลังการรักษา

                                                                                                                                • หลังการทำ sylfirmx Plus หากมีความกังวลว่าผิวหน้าจะได้รับความระคายเคือง ควรมีระยะเวลาในการพักฟื้นผิวหลังทำ
                                                                                                                                • สำหรับอาการบวมแดงหลังทำ sylfirmx Plus จะสามารถหายได้เองใน 24-72 ชั่วโมง

                                                                                                                                sylfirm

                                                                                                                                sylfirm X Plus ต้องทำกี่ครั้งจึงจะแก้ปัญหาผิวได้

                                                                                                                                sylfirmx Plus จะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังทำประมาณ 3-6 ครั้ง โดยแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างในการทำประมาณ 2 สัปดาห์ หรือตามนัดแพทย์ ทั้งนี้ผลลัพธ์ในการรักษาจะขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการตอบสนองของแต่ละบุคคล

                                                                                                                                sylfirm X Plus คงผลลัพธ์ได้นานแค่ไหนในการแก้ปัญหาผิว

                                                                                                                                ผลลัพธ์ของ sylfirm X Plus สามารถคงผลลัพธ์ได้ตามมาตรฐาน คือ 6-12 เดือน ทั้งนี้ในบุคคลที่ดูแลเป็นอย่างดี จะส่งผลให้ sylfirm X Plus สามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นานขึ้น

                                                                                                                                sylfirm X Plus ใช้ระยะเวลาแก้ปัญหาผิวในแต่ละครั้งนานเท่าไร 

                                                                                                                                ระยะเวลาในการทำอาจมีความแตกต่างกันไปตามปัญหา และบริเวณที่ทำโดยปกติจะใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 30 นาที ไม่รวมเวลารอยาชา

                                                                                                                                sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิวมีความเจ็บหรือไม่ในขณะทำการรักษา

                                                                                                                                ในขณะที่ทำ sylfirm X Plus ไม่เจ็บ เนื่องจากมีการทายาชาบรรเทาความเจ็บแล้ว หากมีความเจ็บจะมีเพียงเล็กน้อย แต่ปกติจะไม่มีเลย และยังเป็นโปรแกรมที่ไม่ทำลายผิวอีกด้วย

                                                                                                                                sylfirm

                                                                                                                                sylfirmX Plus แก้ปัญหาผิวได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

                                                                                                                                มีความปลอดภัยมาก เนื่องจาก sylfirm X Plus ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก USFDA CE SFDA และ KFDA อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่มีมาตรฐานรองรับมากมาย จากหลากหลายประเทศ

                                                                                                                                Sylfirm X Plus  ต่างกับ Morpheus อย่างไร

                                                                                                                                อาจจะเห็นว่าลักษณะหัว แฮนด์พีซของทั้งสองโปรแกรมมีความคล้ายคลึงกัน คือ มีลักษณะเป็นหัวเข็มในการปล่อยพลังงานคลื่นลงสู่ผิว แต่ทั้งสองโปรแกรมทำงานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย ดังนี้

                                                                                                                                • Sylfirm X Plus เป็นการใช้พลังงานคลื่น Microneedling RF ในการปล่อยพลังงานถึงสองโหมด ประกอบด้วยพลังงาน Pulse Mode และพลังงาน  Contineous Mode โดยตัวเข็มของ Sylfirm X Plus จะเป็นเข็มที่ไร้ฉนวน หรือเรียกอีกอย่างว่า เข็มแบบไม่เคลือบ จึงทำให้เข็มทุกเล่มของ Sylfirm X Plus สามารถปล่อยพลังงานคลื่นได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้เกิดสะเก็ดหลังทำ และไม่ทำให้ผิวได้รับความเสียหาย
                                                                                                                                • โปรแกรม Morpheus เป็นการใช้พลังงานในลักษณะคลื่น Microneedling RF ที่ตัวหัวเข็มมีการเคลือบทองคำ และสามารถ ปล่อยพลังงานลงสู่ผิวหนังได้อย่างจำเพาะเจาะจงและตรงจุด ทำให้ได้ผลลัพธ์ในการช่วยยกกระชับผิว ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยในการลดเลือนริ้วรอย หรือร่องตื้น ๆ และยังช่วยลดไขมัน และทำให้ผิวที่มีความหย่อน ย้วย ยับ ได้กลับมาสวยเรียบเนียนอีกครั้ง

                                                                                                                                ทั้งสองโปรแกรมจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวกันคนละแบบ จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ก่อนทำการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการรักษาเป็นการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดที่สุด และเกิดประโยชน์ที่สุดในระยะยาว

                                                                                                                                BF AT1
                                                                                                                                sylfirm

                                                                                                                                ทำไมต้องทำ Sylfirm X Plus ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                • เป็นคลินิกที่คร่ำหวอดด้านการฟื้นฟูผิวหน้ามาเป็นระยะเวลานาน
                                                                                                                                • มีแพทย์จำนวนมากพร้อมให้บริการ
                                                                                                                                • แพทย์ทุกท่านมีความรู้ความสามารถ
                                                                                                                                • มีความชำนาญในการฟื้นฟูผิวในทุก ๆ ด้าน
                                                                                                                                • คลินิกได้รับมาตรฐานทุกสาขา
                                                                                                                                • พนักงานทุกคนได้รับการอบรมในด้านการดูแลผู้เข้ารับบริการเป็นอย่างดี
                                                                                                                                • ใช้เครื่อง Sylfirm X Plus แท้ ได้รับมาตรฐานจากผู้ผลิตสามารถตรวจสอบได้
                                                                                                                                • ไม่มีอันตรายในระหว่างการรักษา

                                                                                                                                ใครที่มีปัญหาผิวและต้องการได้รับการแก้ไข สามารถสอบถามได้ ที่รมย์รวินท์คลินิกในช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง FB : https://www.facebook.com/RomrawinClinic หรือไลน์ @romrawinclinic รวมทั้งสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หน้าสาขาทุกสาขา ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ

                                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                  Oligio VS Thermage FLX โปรแกรมไหนที่เหมาะสำหรับเรา

                                                                                                                                  Oligio vs Thermage

                                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                    ความแตกต่างระหว่าง Oligio และ Thermage FLX

                                                                                                                                    Oligio VS Thermage FLX

                                                                                                                                    ต่างก็เป็นหัตถการเสริมความงามที่มีการพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากทั้งสองหัตถการมีความสามารถด้านการยกกระชับผิวอย่างเหนือชั้น ทำให้ทั้ง Oligio และ Thermage FLX เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่เต่งตึง กรอบหน้าไม่ชัดเจน แล้ว Oligio VS Thermage FLX มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

                                                                                                                                    สำหรับคนที่อยากจะยกกระชับผิวสร้างกรอบหน้าที่ชัดเจน คงกำลังพิจารณาความแตกต่างระหว่าง Oligio VS Thermage FLX อยู่ เพราะถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นโปรแกรมที่มีความสามารถเรื่องการยกกระชับผิวเหมือนกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันอยู่ สำหรับผู้ใช้บริการแล้วทุกคนล้วนอยากเลือกโปรแกรมที่ตอบโจทย์ด้านปัญหาผิวและเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด รมย์รวินท์คลินิกจึงอยากนำเสนอเกี่ยวกับ Oligio และ Thermage FLX เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาความแตกต่างของทั้งสองโปรแกรม

                                                                                                                                    Oligio VS Thermage FLX

                                                                                                                                    รู้จักกับโปรแกรม “Oligio” และกระบวนการทำงานของโปรแกรม

                                                                                                                                    Oligio เป็นหัตถการเครื่องยกกระชับใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลีใต้ โดยอาศัยนวัตกรรมคลื่นวิทยุ Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz เข้ามาช่วยยกกระชับและปรับกรอบหน้า โดยส่วนที่พัฒนาเพิ่มเติม คือ การลดความเจ็บปวดระหว่างทำหัตถการ ทำให้เวลาทำจะมีความผ่อนคลายสบายกว่าเครื่องอื่น อีกทั้งยังช่วยลดไขมันบริเวณแก้มและเหนียง ทำให้ Oligio ตอบโจทย์ทั้งสำหรับคนที่อยากมีหน้าเรียวสวย และคนที่กลัวรู้สึกเจ็บระหว่างทำหัตถการ


                                                                                                                                    การทำงานของ Oligio

                                                                                                                                    การทำงานของ Oligio เป็นการนำเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz ที่สามารถ ปล่อยคลื่นความลึก 3 mm. ลงไปสู่ชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันเพื่อยกกระชับผิวหน้า โดยสามารถปรับได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดเดี่ยว โหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อยิงลงสู่ชั้นผิวผ่านหัวเข็ม Tips F4.0 สามารถปรับเข้าสู่โหมดอัตโนมัติ เพื่อควบคุมการปล่อยคลื่นพลังงานลงสู่ผิวหนังที่มีความสม่ำเสมอ จึงได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

                                                                                                                                    โดยพลังงานที่ส่งลงไปสู่ชั้นผิวหนัง จะช่วยเพิ่มปริมาณคอลลาเจนที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังอย่างเป็นระบบระเบียบ ผลลัพธ์ของหัตถการจึงออกมาเป็นผิวหน้าที่มีความเต่งตึง มีความยืดหยุ่น และไขมันบริเวณแก้มและเหนียงก็จะลดลงไปจากเดิมที่หน้าดูหย่อนคล้อย มีเหนียงชัด ก็จะมีกรอบหน้าที่ชัดขึ้น เหนียงลดลงนั่นเอง

                                                                                                                                    จุดเด่นของ Oligio

                                                                                                                                    • เครื่องของ Oligio มาพร้อมกับระบบเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิผิว (Skin Temperature Tracking Sensor) เพื่อเป็นการตรวจสอบอุณหภูมิผิวตลอดการทำหัตถการ ร่วมกับระบบ Cryogen Gas ที่เป็นการปล่อยความเย็นมาประโลมผิวก็จะช่วยให้ผลข้างเคียงจากการ Burn และ อาการระคายเคืองลดลง ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกผ่อนคลายบริเวณที่ทำยิ่งขึ้น
                                                                                                                                    • จากระบบ Skin Temperature Tracking Sensor และ Cyrogen Gas ทำให้ Oligio มีความปลอดภัยที่สูงมาก เพราะมีมาตรการรองรับการ Burn ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทำหัตถการ รวมถึงมีการแจ้งเตือนกับทางแพทย์เมื่ออุณหภูมิผิวสูงเกินกำหนด
                                                                                                                                    • เวลาที่ใช้ในการยกกระชับด้วย Oligio จะอยู่ที่ประมาณ 20 – 30 นาที นับว่าเป็นระยะเวลาที่ไม่นานจนเกินไป เมื่อเทียบกับหัตถการยกกระชับอื่น ๆ ที่ใช้เวลาตั้งแต่ 45 – 60 นาทีเลย
                                                                                                                                    • หลังทำ Oligio สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น
                                                                                                                                    • ไม่ต้องทายาชา สามารถลงมือทำได้เลย

                                                                                                                                    Oligio สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง ?

                                                                                                                                    Oligio เป็นนวัตกรรมยกกระชับ ที่สามารถทำได้เกือบทั่วทั้งใบหน้า โดยบริเวณที่นิยมทำ Oligio อยู่เช่นกัน โดยสามารถเช็กรายละเอียดบริเวณที่นิยมทำหัตถการ Oligio ที่ด้านล่างนี้เลย

                                                                                                                                    • บริเวณกรอบหน้า – ยกกระชับเพื่อสร้างกรอบหน้า
                                                                                                                                    • บริเวณผิวหน้าและรอบดวงตา – ช่วยยกผิวที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึง แข็งแรง
                                                                                                                                    • บริเวณแก้ม เหนียง ใต้คาง – ช่วยลดไขมันทำให้ผิวบริเวณนั้นกลับมายืดหยุ่นและกระชับ
                                                                                                                                    • บริเวณลำคอ – ลดรอยเหี่ยวรอยย่นบริเวณคอ
                                                                                                                                    • หน้าท้องและต้นแขน – ลดไขมันและลดรอยเหี่ยวย่นของผิว บริเวณหน้าท้องและต้นแขน สังเคราะห์คอลลาเจนทำให้ผิวบริเวณนั้นกลับมาเรียบเนียน ช่วยยกกระชับผิว

                                                                                                                                    Oligio VS Thermage FLX

                                                                                                                                    “Thermage FLX FLX” นวัตกรรมยกกระชับและกระบวนการทำงานของโปรแกรม

                                                                                                                                    Thermage FLX FLX นวัตกรรมยกกระชับผิว ด้วยคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่ลงลึกไปถึงผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) จากนั้นคลื่นความร้อนที่ปล่อยลงไปจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง เมื่อผิวมีจำนวนคอลลาเจนมากขึ้น ก็จะส่งผลให้สุขภาพของผิวเปลี่ยนไปในทางที่ดียิ่งขึ้น จากเดิมที่ผิวหน้ามีริ้วรอย หย่อนคล้อยก็จะเริ่มกลับมาเป็นผิวที่เรียบเนียนกระชับ นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมยกกระชับที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการ


                                                                                                                                    [/ux_html]

                                                                                                                                    การทำงานของ Thermage FLX FLX

                                                                                                                                    หลักการทำงานของ Thermage FLX FLX คือ กระบวนการที่ส่งคลื่นความถี่วิทยุ Monopolar RF ที่ก่อให้เกิดความร้อนลงไปที่ชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่อยู่ภายใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดคอลลาเจน ซึ่งส่งผลให้ริ้วรอยจางลง ผิวมีความแข็งแรงยืดหยุ่นและลดการสะสมของไขมัน

                                                                                                                                    แต่ Thermage FLX FLX มาพร้อมระบบที่คล้ายคลึงกับ Oligio คือ ระบบทำความเย็น (Cooling System) ที่ปล่อยออกมาระหว่างกระบวนการทำ Thermage FLX เพื่อทำให้ผิวชั้นบนได้รับความเย็นในระหว่างการลงมือทำ Oligio จึงทำให้ความร้อนจากเครื่องกลายเป็นความรู้สึกอุ่น ๆ สบาย ๆ เวลาทำ Thermage FLX และส่วนสำคัญของระบบ Cooling System คือ ลดการเบิร์นของผิวระหว่างการทำหัตถการ

                                                                                                                                    นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยี AccuREP ที่ช่วยปรับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวตลอดเวลาที่ทำ Thermage FLX ทำให้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ลงสู่ผิวอย่างสม่ำเสมอ และลดความเสี่ยงจากการเบิร์น เนื่องจากทางแพทย์สามารถตรวจสอบอุณหภูมิระหว่างการทำงานของเครื่อง เพื่อปรับพลังงานให้เหมาะสมกับผิว

                                                                                                                                    จุดเด่นของ Thermage

                                                                                                                                    • Thermage FLX สามารถทำได้ทุกสภาพผิวและทุกสีผิว โดยพลังงานความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุ Monopolar RF สามารถยกกระชับได้ทุกชั้นผิว
                                                                                                                                    • หลังทำ Thermage FLX ไม่มีร่องรอยของแผลหรือการผ่าตัด ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำเลยสามารถกลับ ไปทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้ตามปกติ
                                                                                                                                    • เห็นผลหลังจากทำ Thermage FLX ทันทีอย่างน้อย 20% และจะเห็นผลชัดเจนหลังจากผ่านไป 2-3 เดือน
                                                                                                                                    • ระยะเวลาการทำ Thermage FLX อยู่ที่ 45-60 นาที ซึ่งถ้าเทียบกับ Oligio แล้ว Thermage FLX อาจจะใช้เวลาทำนานกว่า แต่ Thermage FLX ก็ถือว่าใช้เวลาไม่นาน
                                                                                                                                    • ผลลัพธ์ของการทำ Thermage FLX 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่เนื่องจากผลลัพธ์ที่อยู่นานถึง 1-2 ปี ทำให้ไม่ต้องทำ Thermage FLX บ่อย ๆ

                                                                                                                                    Thermage FLX สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง ?

                                                                                                                                    ก่อนเลือกทำ Thermage FLX หลายคนน่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Thermage FLX ว่าสามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง ? แล้วคนอื่น ๆ นิยมมาทำ Thermage FLX ที่บริเวณไหน เรื่องนี้ทางรมย์รวินท์คลินิกมีคำตอบให้กับทุกท่าน โดยปกติแล้ว Thermage FLX สามารถทำได้ทุกบริเวณของร่างกาย แต่ก็จะมีบริเวณที่ได้รับความนิยมดังต่อไปนี้

                                                                                                                                    • รอบดวงตา : ช่วยยกกระชับบริเวณรอบดวงตา แก้ปัญหาหนังตาตกและริ้วรอยรอบดวงตา
                                                                                                                                    • ผิวหน้า : ช่วยยกกระชับผิวจากเดิม ที่มีริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ผิวหน้าจะกระชับเข้าทรงกับรูปหน้า และช่วยลดไขมันบริเวณแก้ม ใบหน้าจึงมีความเรียวสวยยิ่งขึ้น
                                                                                                                                    • คอ : บริเวณลำคอที่มีการสะสมของไขมันจำนวนมาก จนเกิดเป็นเหนียงใต้ลำคอ การทำ Thermage FLX จะช่วยลดไขมันและยกกระชับผิวบริเวณนี้ให้กลับมาเรียบเนียน มีกรอบหน้าชัดเจน
                                                                                                                                    • ร่างกาย : Thermage FLX สามารถทำได้หลากหลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแขน, หน้าท้อง, สะโพก, ต้นขา หรือบริเวณที่มีความหย่อนคล้อย Thermage FLX ก็สามารถยกกระชับให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ไม่มีร่องรอยของความหย่อนคล้อยและไขมันออกมาให้เห็น

                                                                                                                                    Oligio VS Thermage FLX

                                                                                                                                    ระหว่าง Oligio และ Thermage FLX มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

                                                                                                                                    เวลามาใช้บริการที่รมย์รวินท์คลินิก เกี่ยวกับโปรแกรมยกกระชับ ทางคลินิกก็จะมีโปรแกรมตัวเลือกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Oligio หรือ Thermage FLX ในฐานะของผู้ใช้บริการสิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนเดินเข้ามาที่รมย์รวินท์คลินิก คือ ความแตกต่างระหว่างทั้งสองโปรแกรม ซึ่งข้อมูลตรงส่วนนี้จะช่วยให้เราเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสองโปรแกรมและสามารถเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับตัวเองได้

                                                                                                                                    หากไม่แน่ใจว่าควรเลือกทำโปรแกรมไหน อีกหนึ่งทางออก คือ การสอบถามแพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิกได้เลย ทางรมย์รวินท์คลินิกสามารถให้คำปรึกษาเรื่องหัตถการได้ แต่การที่เราทราบข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการทั้งสอง ก่อนเข้ามาที่คลินิกก็จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกทำโปรแกรมยกกระชับเช่นกัน เพราะฉะนั้นมาดูข้อแตกต่างกัน แล้วค่อยเลือกว่าจะทำ Oligio ดีหรือไม่

                                                                                                                                    Oligio มีระบบทำความเย็น (Cooling System) ที่ตอบโจทย์สำหรับคนกลัวเจ็บมากกว่า

                                                                                                                                    ถึงแม้ว่าหัตถการทั้งสองจะมีผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกัน แต่ระบบทำความเย็น (Cooling System) ของ Oligio ทำออกมาตอบโจทย์คนที่กลัวความเจ็บได้เป็นอย่างดี Cyrogen Gas ที่ปล่อยออกมาจะช่วยทำให้บริเวณผิวที่ทำ Oligio รู้สึกเย็น ไม่เจ็บผิวและไม่เกิดการไหม้บริเวณผิว ส่วนของ Thermage FLX จะเป็นระบบปล่อยความเย็นที่ช่วยลดอาการแสบร้อนได้บ้าง แต่ผลลัพธ์ด้านการบรรเทาความเจ็บปวดและการเบิร์นไม่เท่า Oligio

                                                                                                                                    ระยะเวลาของการทำหัตถการด้วย Oligio รวดเร็วกว่า

                                                                                                                                    ถึงแม้ว่าเครื่อง Thermage FLX จะใช้เวลาทำเพียง 45-60 นาที Oligio กลับใช้เวลาในการทำน้อยกว่า เพียง 20-30 นาที ซึ่งนับว่าใช้เวลาน้อยกว่าพอสมควร ทำให้ Oligio มีจุดเด่นเรื่องระยะเวลาที่ใช้น้อยลงกว่าการทำ Thermage FLX เมื่อเทียบกับจำนวนช็อตเท่ากัน ดังนั้น Oligio จึงตอบโจทย์เรื่องความเร่งรีบมากกว่า หากไม่ค่อยมีเวลามาทำหัตถการนาน ๆ

                                                                                                                                    Oligio มาพร้อมหัวทิปที่ดีกว่าและมีโหมดที่สามารถปรับได้ถึง 3 โหมด

                                                                                                                                    หัวทิปของ Oligio มีเซนเซอร์สำหรับตรวจจับอุณหภูมิ เมื่อตรวจพบบริเวณที่อุณหภูมิสูงกว่าที่กำหนด ระบบจะหยุดการทำงานเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าบริการ รวมถึงมีโหมดที่สามารถปรับได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดเดี่ยว, โหมดคู่ และโหมดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยควบคุมพลังงานความร้อนที่ปล่อยลงผิวได้อย่างพอดี Oligio จึงช่วยลดการเบิร์นของผิวได้อย่างเห็นผล และมีการกระจายพลังงานที่ดีกว่า Thermage

                                                                                                                                    ไม่ว่าจะเป็น Oligio หรือ Thermage FLX ที่รมย์รวินท์คลินิกก็พร้อมให้บริการ

                                                                                                                                    สำหรับคนที่อยากมีผิวที่กระชับเรียบเนียน มีกรอบหน้าเป็นทรงสวยชัดเจน สามารถมาบอกลาริ้วรอยความหย่อนคล้อยได้ที่รมย์รวินท์คลินิก ซึ่งทางคลินิกมีโปรแกรมที่ช่วยจัดการกับปัญหาผิวและยกกระชับหลากหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น Oligio เครื่องยกกระชับผิวส่งตรงจากเกาหลีใต้, Thermage FLX โดยสำหรับคนที่สนใจสามารถอ่านรีวิว Oligio หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

                                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                      เคสรีวิว AC Clear III รักษาสิว 4 ขั้นตอน คุณปราดเปรียว

                                                                                                                                      รักษาสิว

                                                                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                        เคลียร์สิว กู้ผิวด่วน ด้วย AC Clear III

                                                                                                                                        สิว ปัญหาหนักอก กวนใจที่ใครๆ ก็ไม่อยากจะเป็น เช่นเดียวกับคุณปราดเปรียว อินฟลูเอนเซอร์สาวที่ปัญหาสิว รอยดำ รอยแดง เป็นปัญหาหนักใจอย่างมาก จนได้มาค้นพบทางออกของปัญหาสิวด้วย AC Clear III ที่รมย์รวินท์ ที่คุณปราดเปรียวยอมยกให้เป็นโปรแกรมอันดับหนึ่งในการรักษาปัญหาสิว

                                                                                                                                        ปัญหาสิวทั้งแพ้ฝุ่น ทั้งเห่อหนัก ทำอย่างไรก็ไม่หายขาด!

                                                                                                                                        ช่วงก่อนหน้านี้ปราดเปรียวเป็นสิวหนักมาก เพราะแพ้ทั้งฝุ่น PM 2.5 ทั้งต้องทำงานหนัก และได้พักผ่อนน้อย จนทำให้เกิดสิว และพอเป็นสิวก็เครียดมาก จนทำให้ปัญหาสิวยิ่งแย่ลงจนไม่กล้าออกไปเจอหน้าคนอื่นเลย แต่ถ้ามีธุระสำคัญ ต้องออกไปข้างนอกจริงๆ ปราดเปรียวก็จะใช้เมคอัพกลบ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นรอยสิว ผิวหน้าที่ไม่เนียนเรียบ แต่พอยิ่งแต่งหน้าก็ยิ่งทำให้เกิดสิวอุดตัน สิวอักเสบเห่อขึ้นมามากกว่าเดิม ปราดเปรียวพยายามดูแลตัวเอง รักษาความสะอาด หรือเลือกกินของที่มีประโยชน์ ใครว่าที่ไหนดีก็ไปหมด หาวิธีรักษาทั้งยาทา ครีมบำรุง หรือวิธีแบบธรรมชาติ ทำมาหมดทุกวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่หายซักที จนตอนที่ได้เจอเพื่อน ปราดเปรียวเห็นเพื่อนหน้าใสมากเลยถามว่าไปทำอะไรมา และเพื่อนของปราดเปรียวก็ได้แนะนำรู้จักกับรมย์รวินท์คลินิก 

                                                                                                                                        ก่อนหน้าที่จะมารักษาสิวที่รมย์รวินท์ คลินิก ปราดเปรียวก็ดูวิธีรักษา และคลินิกเสริมความงามมาหลายที่ว่ามีโปรแกรมไหนบ้างที่จะตอบโจทย์ปัญหาสิวและร่องรอยจากสิวแบบปราดเปรียว จนเพื่อนแนะนำว่าต้องมารักษาปัญหาสิวที่รมย์รวินท์ คลินิก เท่านั้น เพราะที่นี่เป็นคลินิกรักษาสิวที่ดีที่สุด ครบวงจรเรื่องการรักษาปัญหาสิวไม่ว่าจะเป็นยา และเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษา ปราดเปรียวได้รับคำปรึกษาและแนะนำจากคุณหมอดีมาก ทำให้ปราดเปรียววางใจ และอุ่นใจมากขึ้นว่าปัญหาผิวแบบปราดเปรียวมีวิธีรักษาให้กลับมาหน้าใสได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ปราดเปรียวเลยเลือกรักษากับคุณหมอที่นี่

                                                                                                                                        AC Clear III โปรแกรมรักษาสิวและรอยจากสิวอันดับ 1 

                                                                                                                                        อย่างเคสของปราดเปรียวที่เป็นสิวเห่อหนัก อีกทั้งยังมีรอยแดง รอยดำจากสิวค่อนข้างเยอะ คุณหมอจึงได้แนะนำ AC Clear III ที่มีการเลเซอร์รอยร่วมด้วยและต่างกับโปรแกรม AC Clear I 

                                                                                                                                        AC Clear III จึงเป็นโปรแกรมที่เน้นการรักษาแบบครบวงจรที่ทำให้สิวหายได้ไวขึ้นใน 4 ขั้นตอนถึงริ้วรอยจากสิว และดูแลโดยคุณหมอผู้มีประสบการณ์เองทุกขั้นตอนเลย เพียงแค่นี้ก็ช่วยคืนความมั่นใจให้กับปราดเปรียวมาก ไม่ว่าจะปัญหาสิวแบบไหนก็จัดการได้หมด ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน แถมยังช่วยจัดการปัญหารอยดำ รอยแดง หลังจากสิวหายได้อีกด้วย

                                                                                                                                        ขั้นตอนที่ 1 – การกดสิว ขั้นตอนการนี้เป็นการกำจัดต้นตอของสิวอุดตัน ช่วยยับยั้งตัวการร้ายที่อาจกลายเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบในอนาคต

                                                                                                                                        ขั้นตอนที่ 2 – การฉีดสิวในบริเวณที่มีอาการบวมแดง เพื่อลดการอักเสบของสิว ตัดวงจรที่เป็นตัวการกระตุ้นการอักเสบ ที่ทำให้อาจกลายไปเป็นสิวอักเสบ หรือสิวหัวหนองในอนาคต ลดโอกาสของการเกิดสิวใหม่ หลุมสิวและร่องรอยจากสิว

                                                                                                                                        ขั้นตอนที่ 3 – การทำทรีตเมนต์ P-Acne ขั้นตอนนี้จะผลักตัวยาลงไปสู่ชั้นผิว เพื่อลดการอักเสบ พร้อมผลักวิตามินบำรุงเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

                                                                                                                                        ขั้นตอนที่ 4 – ปิดจบขั้นตอนด้วยเลเซอร์ทั่วหน้า ซึ่งขั้นตอนนี้จะช่วยฆ่าเชื้อสิว ลดการอักเสบ บวมแดง และยังทำให้รอยดำ รอยแดงจากสิวจางได้ไว ช่วยควบคุมสมดุลความมันบนใบหน้า ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่อีกด้วย

                                                                                                                                        รักษาสิว

                                                                                                                                        ตอนที่ทำก็รู้สึกสบายหน้ามาก ไม่รู้สึกเจ็บ หรือแสบหน้าเลย เพียงแค่นอนชิลๆ ให้คุณหมอทำใช้เวลาแค่ 30 นาทีต่อครั้งเท่านั้น ปราดเปรียวมารักษาด้วย AC Clear III อย่างต่อเนื่อง เพราะอยากหายเร็วๆ และทุกๆ ครั้งที่ทำเสร็จ ปราดเปรียวชอบผิวหน้าตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เพราะ AC Clear III ให้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด ตอนนี้ผิวหน้าของปราดเปรียวก็กลับมาไร้สิว แถมหมดกังวลกับปัญหารอยสิว หน้าเนียนใสอีกครั้งแล้ว AC Clear III นี่แหละเคล็ดลับหน้าใส กู้ผิวด่วนคืนชีพผิวจากสิวของปราดเปรียวเอง

                                                                                                                                        ตอนนี้ปราดเปรียวยกให้รมย์รวินท์คลินิก เป็นที่หนึ่งในดวงใจเลย เพราะช่วยจัดการปัญหาสิว และร่องรอยจากสิวให้หมดไปจากชีวิตของปราดเปรียว ทำให้ปราดเปรียวกลับมาหน้าใสและมีความมั่นใจอีกครั้งหนึ่ง สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้าเป็นสิวและรอยดำแบบปราดเปรียวแนะนำ AC Clear III เลยค่ะ หรือจะเข้าปรึกษาคุณหมอก่อนก็ได้เพื่อให้คุณประเมินผิวหน้า และเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า

                                                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                          เคสรีวิว 2 โปรแกรม แก้ใต้ตาคล้ำ คุณบี สิทธิกรณ์ จันทนา

                                                                                                                                          ใต้ตาคล้ำ

                                                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                            ปัญหาใต้ตาคล้ำ เป็นแล้ว..ก็หายได้!

                                                                                                                                            เห็นไลฟ์สไตล์เป็นหนุ่มยิ้มแย้ม สดใส แบบนี้ แต่ก็มีปัญหาอยู่เช่นกัน สำหรับนักแสดงหนุ่มบี สิทธิกรณ์ จันทนา ที่โด่งดังจากซีรีส์วายเรื่อง Born To Be Y The Series ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากการเป็นภูมิแพ้ และด้วยความที่เป็นนักแสดง ต้องออกกล้องบ่อยๆ ใต้ตาคล้ำทำให้ใบหน้าดูโทรม เหนื่อย ไม่สดใส

                                                                                                                                            ใต้ตาคล้ำจากภูมิแพ้ และนอนดึกทำหน้าโทรม ไม่สดใส

                                                                                                                                            ด้วยความที่บีเป็นภูมิแพ้อยู่แล้วด้วย บวกกับต้องนอนดึกตื่นเช้าเกือบทุกวัน เพราะต้องออกกองถ่ายซีรีส์ ไหนจะมีอีเวนต์อีก ทำให้รู้สึกว่าใต้ตาช้ำ คล้ำ หมอง ทำให้หน้าดูโทรมมาก เหมือนคนพักผ่อนไม่พอ เวลาไปออกงาน หรือถ่ายซีรีส์พี่ช่างแต่งหน้าต้องคอยลงเมคอัพหนาๆ บริเวณใต้ตาเพื่อปกปิดรอยคล้ำให้ หรือบางทีที่เป็นเวลาว่าง อยากหาเวลาพักผ่อนเที่ยวเล่นกับเพื่อนก็ต้องคอยใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดใต้ตาตลอดเลย เพราะกลัวหน้าโทรมไปเจอผู้คน แฟนคลับ คนที่รู้จักเรา แล้วจะเสียเซลฟ์ ไม่มั่นใจ

                                                                                                                                            พอบีรู้ปัญหาของบี ก็เลยลองศึกษาดูว่ามีวิธีไหนที่จะทำให้ใต้ตาของเราดูดีขึ้น เพราะอย่างที่บอกว่าตอนนี้มีงานติดกันทุกวันเลย ไม่มีเวลาพักผ่อนจะให้แก้ใต้ตาดำคล้ำด้วยวิธีแบบธรรมชาติค่อยๆดูแล ค่อยๆฟื้นฟู มันก็อาจจะต้องใช้เวลานาน และบีอาจจะไม่มีเวลานานขนาดนั้น บีก็กังวล บ่นทุกวัน นอยทุกวัน จนเพื่อนบีแนะนำให้มาปรึกษาที่รมย์รวินท์ คลินิก เพราะเพื่อนเคยมาทำที่นี่หลายครั้ง หลายโปรแกรม และได้ผลลัพธ์ดี  บีก็เลยมาลองทำบ้าง

                                                                                                                                            บีได้ปรึกษากับคุณหมอโป้งที่รมย์รวินท์ คลินิก คุณหมอก็ได้อธิบายถึงสาเหตุของการเกิดใต้ตาคล้ำ ว่า ปัญหาใต้ตาดำคล้ำพบได้บ่อยกับคนทุกเพศทุกวัย มีสาเหตุ และพฤติกรรมอื่น ที่อาจส่งผลให้ใต้ตาคล้ำได้ เช่น

                                                                                                                                            • ภูมิแพ้ หรือระคายเคืองบริเวณผิวรอบดวงตา ซึ่งอาการแพ้อาจจะไปกระตุ้นสารต้าน Histamine ในร่างกาย ส่งผลให้เส้นเลือดขยายตัว และผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นผิวที่บอบบาง เมื่อเส้นเลือดขยายตัวก็จะยิ่งทำให้เห็นเป็นสีคล้ำได้ง่าย
                                                                                                                                            • การขยี้ตา ซึ่งพฤติกรรมนี้ทำให้ผิวเกิดการบวม อักเสบ และทำลายเส้นเลือดบริเวณผิวรอบดวงตา จนทำให้สีผิวรอบดวงตาดำคล้ำขึ้น
                                                                                                                                            • อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพราะผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นผิวที่บอบบาง พอคอลลาเจนลดลงก็จะทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
                                                                                                                                            • การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการอดนอน เนื่องจากเส้นเลือดมีการขยายตัว ทำให้ใต้ตาคล้ำ และทำให้ดวงตาดูอิดโรย โทรมได้

                                                                                                                                            บีได้รู้สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำแล้ว คุณหมอแนะนำให้ทำ NU PICO BRIGHT และ NEW ULTRAFORMER MPT 4D LIFT คู่กัน

                                                                                                                                            pico

                                                                                                                                            NU PICO BRIGHT เลเซอร์พลังงานอ่อนโยนกู้ใต้ตาคล้ำให้กลับมา Bright

                                                                                                                                            อย่างวันนี้ที่คุณหมอโป้งเลือกแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำให้บีด้วย NU PICO BRIGHT ซึ่งเป็นโปรแกรมที่บีรู้จักดีเลย เพราะเคยได้ทำโปรแกรมนี้มาแล้ว และได้ผลเรื่องหน้าใส ช่วยในเรื่องของจุดด่างดำ รอยดำ รอยแดงจากสิว แต่คุณหมอบอกว่า นอกจากจะรักษาจุดด่างดำบนผิวหน้าได้แล้ว ยังช่วยลดความคล้ำของเม็ดสีบริเวณใต้ตาได้อีกด้วย และที่สำคัญทำแล้วสามารถออกไปใช้ชีวิตได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น เพราะ NU PICO BRIGHT เป็นเลเซอร์ที่ยิงด้วยพลังงานที่อ่อนโยน เหมาะสมกับผิว ตรงเข้ากะเทาะเม็ดสีที่ไม่พึงประสงค์ให้จางลง โดยไม่ทำให้เลือดออกใต้ผิวหนังด้วย

                                                                                                                                            NEW ULTRAFORMER MPT 4D LIFT ลิฟต์ใต้ตาให้อิ่มฟู

                                                                                                                                            และนอกจากปัญหาใต้ตาคล้ำแล้ว อีกปัญหาหนึ่งของบีก็คือมีร่องใต้ตาลึก คุณหมอโป้งแนะนำให้ทำ NEW UTRAFORMER MPT 4D LIFT ควบคู่กันไปด้วย โดยคุณหมอโป้งเลือกหัวสีชมพู ซึ่งสามารถยิงพลังงานลงได้ลึกถึง 2.0 mm. ช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวส่วนบนจึงเหมาะกับการยกกระชับบริเวณรอบดวงตา เก็บถุงใต้ตา กระตุ้นคอลลาเจนรอบๆ ดวงตาให้ดูฟูขึ้น และยังใช้หัว Ultra Booster นวัตกรรมหัวปากกา ที่ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม ซึ่งข้อดีของหัวนี้คือช่วยเก็บรายละเอียดเล็กๆ ได้ดียิ่งขึ้น ช่วยทำให้ใต้ตาของบียกกระชับ ฟื้นฟูร่องลึกให้ดูอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                            ผลลัพธ์จาก NU PICO BRIGHT กับ NEW ULTRAFORMER MPT 4D LIFT  ลดความหมองคล้ำพร้อมยกกระชับใต้ตา

                                                                                                                                            พอได้ทำ NU PICO BRIGHT กับ NEW ULTRAFORMER MPT 4D LIFT เสร็จแล้วต้องบอกเลยว่าบีพอใจในผลลัพธ์มาก เพราะทำให้ใต้ตาคล้ำที่เคยมีดูดีขึ้นมากๆ รู้สึกได้เลยว่าหน้าบีดูสดใสมาก ไม่ต้องใช้เมคอัพเพื่อปกปิดร่องรอยคล้ำแล้ว

                                                                                                                                            ใครที่มีปัญหาแบบบี แต่ไม่รู้จะต้องรักษาอย่างไร หรือจะเลือกทำโปรแกรมไหนดี อยากให้ลองเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่รมย์รวินท์ คลินิก ให้คุณหมอวิเคราะห์ปัญหาก่อนการเลือกโปรแกรม เพื่อรักษาได้เห็นผลอย่างตรงจุด และมั่นใจได้เลย เพราะทำการรักษาโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และมีถึง 28 สาขา ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น

                                                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                              เคสรีวิวฉีด Radiesse คอ คุณซัน

                                                                                                                                              radiesse

                                                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                ได้หน้าอย่าลืมคอ จัดการคอเหี่ยวด้วย Radiesse

                                                                                                                                                ด้วยความที่ซันเป็นคนมีไลฟ์สไตล์แบบลุยๆ ชอบท่องเที่ยวกับเพื่อน นัดปาร์ตี้กับเพื่อน แต่ซันก็ลืมที่จะใส่ใจตัวเองเหมือนกัน ซันชอบค้นหาสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายที่ชอบดูแลตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งพวกโปรแกรม หัตถการ หรือเทคโนโลยีด้านความงามอะไรใหม่ๆ ซันก็จะชอบศึกษาก่อน หรือดูรีวิวก่อนว่าผลลัพธ์มันเป็นอย่างไร เหมาะกับซันมั้ย และซันก็จะลองด้วยตัวเอง

                                                                                                                                                แต่บางทีการที่เราดูแลใส่ใจแค่เรื่องของผิวหน้ามากไป อาจทำให้ละเลยสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งไป นั้นก็คือคอของเรา ดูแลหน้าถึงแม้จะเต่งตึงดูดี ดูหล่อแค่ไหน แต่ถ้าคอเรายังเหี่ยวย่นทุกอย่างก็จบเลยเหมือนกัน

                                                                                                                                                radiesse

                                                                                                                                                ถึงแม้จะเป็นคุณซัน อินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยว แต่ตอนนี้ซันกำลังศึกษาว่าจะมีนวัตกรรมความงามอะไรที่ช่วยดูแลผิวคอ นอกจากผิวหน้า จนได้รู้ว่าตอนนี้มีโปรแกรมฉีดตัวใหม่ที่สามารถช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยที่คอได้ ทำให้ผิวคอกระชับได้ ซันก็รู้สึกสนใจมาก จนได้มารู้ว่าโปรแกรมนั้นก็คือ Radeisse ที่ซันเคยทำก่อนหน้านี้แล้วที่ในวันนี้คุณหมอสามารถนำมาฉีดที่คอเพื่อลดรอยพับที่คอได้ ซันก็เลยรู้สึกว่าซันจะต้องไม่พลาด

                                                                                                                                                ซันก็ได้ศึกษา Radiesse จนได้รู้ว่าตอนนี้มีการพัฒนาวิธีการฉีดมามากมายช่วยยกกระชับผิว และเติมร่องลึกให้ผิว ก็คิดว่าดีเลยเพราะซันมีปัญหารอยพับที่คออยู่แล้ว วันนี้หละได้โอกาสสักที และซันชอบมาทำหน้า เสริมความหล่อที่รมย์รวินท์คลินิกเป็นประจำอยู่แล้ว และยิ่งรู้ว่าวันนี้ได้ทำกับคุณหมอริว (นพ. อัครวินท์ ดำรงวัฒนโภคิน) ก็ยิ่งวางใจได้เลยว่าทำออกมาดีแน่นอน

                                                                                                                                                radiesse

                                                                                                                                                คุณหมอริวก็เลือกใช้ Radiesse ในการฉีดในบริเวณรอยพับที่คอให้คุณซัน โดยคุณหมอบอกว่าตัว Radiesse นี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเติมเต็มรอยพับที่เหี่ยวย่น ไม่กระชับให้ดูเต็มขึ้น ทำให้มั่นใจในการใส่เสื้อเปิดคอมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                หลังจากเสร็จรมย์รวินท์ไม่ลืมที่จะถามความรู้สึกของคุณซันที่มาเป็นเคสรีวิว Radiesse บริเวณคอในวันนี้

                                                                                                                                                “ความรู้สึกอย่างแรกเลยคือความเจ็บ ตอนแรกซันกลัวว่าฉีดที่บริเวณคอจะต้องเจ็บมากแน่ๆเลย แต่สรุปคือเจ็บน้อยมาก ด้วยความที่ตัวใหม่เขามีใส่ยาชาลงไปด้วยเลยทำให้แทบไม่รู้สึกเลย และสิ่งที่ซันรู้สึกชอบมาเลยก็คือเห็นผลลัพธ์ได้ดีมาก คอซันจากที่ตอนแรกเหี่ยวย่นและมีรอยพับมาก ตอนนี้รู้สึกว่าคอเต่งตึงมากเลย หน้ากระชับ คอก็กระชับขึ้นแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าตึงแต่คอเหี่ยวอีกต่อไปแล้ว และคุณหมอยังบอกอีกว่าผลลัพธ์ที่ทำอยู่ได้นานถึง 2 ปี ด้วย รู้สึกดีใจมากๆ และคิดถูกมากที่มาทำ Radiesse ในวันนี้

                                                                                                                                                radiesse

                                                                                                                                                 

                                                                                                                                                และได้พูดคุยต่อกับคุณหมอริวอีกสักหน่อย คุณหมอริวบอกกับเราว่า คุณซันเป็นคนที่มีลำคอยาว แต่มีรอยยับ และรอยพับเยอะ ทำให้คอดูเหี่ยวกว่าวัย การใช้ Radiesse ในวันนี้ จะช่วยเติมบริเวณรอยพับคอให้มีความเต็มมากยิ่งขึ้นก็จะทำให้รอบพับคอหายไปมากขึ้น และคอก็จะไม่เหี่ยวย่น ซึ่งตัว Radiesse จะช่วยเติมเต็มได้เลยทันที และยังช่วยทำให้ผิวในบริเวณที่ฉีดมีสภาพที่ดีขึ้นได้ถึงระดับโครงสร้างอีกด้วย

                                                                                                                                                ถึงแม้จะดูแลผิวหน้าให้ดี เต่งตึง ไร้สิว ไร้ริ้วรอย อย่างไร แต่ถ้าดูแลแค่ผิวหน้า แต่ผิวคอย่น ไม่กระชับ ก็จบ! ดูแลผิวหน้าแล้วอย่าลืมดูแลผิวคอกันด้วยนะคะ และสำหรับใครที่เห็นประสิทธิภาพของ Radiesse แล้วอยากทำบ้าง อยากมีคอเต่งตึง ยกกระชับ หรืออยากปรับรูปหน้าให้คมชัด สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์ทุกสาขาได้เลยค่ะ

                                                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                  ดับร้อนผิวด้วย COLOR ICE

                                                                                                                                                  COLOR ICE

                                                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                    ดับร้อนผิวด้วย COLOR ICE

                                                                                                                                                    แม้จะผ่านพ้นหน้าร้อนไปหมาด ๆ ประเทศไทยก็ยังคงความเป็นประเทศเขตร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยฝนที่ตกมานับครั้งได้ ! แต่อากาศเนี่ยร้อนทุกวี่ทุกวันกะไม่ให้ผิวสวย ๆ ได้พักเล้ยย เรียกได้ว่าหน้าฝนที่ประเทศไทยก็เป็นเพียงหน้าร้อนที่มีฝนตกพอเป็นพิธี นอกนั้นก็เจอแต่กับแดดและไอความร้อนตลอด แถมอุณหภูมิยังพุ่งไปเหยียบ 37 °C เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ด้วยเหตุนี้เองปัญหาผิวจึงกลับมาก่อกวนเราอีกครั้ง

                                                                                                                                                    จากช่วงเวลา 7 วันที่ผ่านมาประเทศไทยยังคงท็อปฟอร์มเรื่องอุณหภูมิโดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 34-37 °C ช่วงกลางวัน และ 27-30 °C ช่วงเวลากลางคืน และแน่นอนว่าไอความร้อนจากอุณหภูมิที่สูงขนาดนี้ส่งผลกระทบกับผิวของเราพอ ๆ กับแสงแดดเลย แปลว่าแม้จะหลบภายในห้องก็ยังไม่วายต้องเผชิญกับปัญหาผิวเสียจากอากาศที่ร้อนจัดพอผนวกกับแสงแดดที่สาดส่องลงมาไม่พักเวลาออกไปข้างนอกบอกเลยงานนี้มีแต่พังกับพัง !

                                                                                                                                                    หากอยากรักษาผิวสวย ๆ ให้รอดพ้นจากอากาศร้อนก็ต้องมีเคล็ดลับวิธีรับมือกับปัญหาผิวต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นช่วงที่อากาศร้อน ถึงจะบอกว่าเป็นแผนรับมือสำหรับช่วงอากาศร้อนแต่โชคชะตาช่างเล่นตลกอยู่เสมอ ประเทศไทยดันมีแต่ช่วงที่อากาศร้อน ร้อนมาก ร้อนสุด ๆ เรียกได้ว่าถ้าอยากเอาตัวรอดจากอากาศร้อนที่ประเทศไทยก็ต้องมีการเตรียมตัวกันเยอะหน่อย 

                                                                                                                                                    ซึ่งไอความร้อนที่เจอทุกวันนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เนื่องจากกิจวัตรประจำวันของคนปกติทั่วไปทั้งวัยเรียนและวัยทำงานล้วนมีช่วงที่ต้องออกมาเผชิญหน้ากับแสงแดดและไอความร้อนอยู่เสมอ และช่วงเวลาที่สัมผัสกับไอร้อนเพียงนิดเดียว ผิวก็สามารถเกิดการแห้งเสียและมีปัญหาผิวอื่น ๆ มาตามราวี ไม่ว่าจะเป็นสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ สารพัดปัญหา วันนี้รมย์รวินท์คลินิกจึงอยากมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับอากาศร้อนและเคล็ดลับเอาตัวรอดจากอากาศร้อนกับ COLOR ICE นวัตกรรมแสง LED ที่ช่วยจัดการกับผิวเสีย

                                                                                                                                                    ถึงแม้ว่า COLOR ICE จะไม่ได้มาเป็นตัวช่วยเรื่องอากาศที่ร้อนขึ้นทุกวัน แต่ COLOR ICE ยังคงมีประสิทธิภาพด้านการบำรุงผิวด้วยการเติมวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว และช่วยจัดการ กับปัญหาผิวที่มักพบเจอได้บ่อย ๆ ในช่วงหน้าร้อน ทำให้ COLOR ICE เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมทั้งด้านผลลัพธ์ที่ออกมาแล้วตอบโจทย์ด้านฟื้นฟูผิวเสีย ทั้งด้านการทำงานของโปรแกรมที่เป็นนวัตกรรมแสง LED รวมเข้ากับความเย็นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวิตามิน โดยปัญหาสุขภาพผิวที่มักพบเจอช่วงที่อากาศร้อน ก็จะมีดังนี้

                                                                                                                                                    COLOR ICE

                                                                                                                                                    จริงมั้ย ? อากาศร้อนทำร้ายผิวไม่แพ้แดดเลย ?

                                                                                                                                                    เคยสงสัยกันบ้างมั้ย ? เวลาออกไปเดินข้างนอกแดดร้อน ๆ แต่กางร่มแล้วผิวก็ยังคงไม่วายมีรอยแดง รอยดำ เกิดฝ้าขึ้นมาอีก นั่นก็เป็นเพราะว่าอากาศร้อนส่งผลกระทบต่อต่อมเหงื่อ ทำให้เกิดการขับน้ำออกมาตามต่อมเหงื่อพร้อมด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้ผิวแห้งและอักเสบได้ง่าย รูขุมขนเกิดการขยายออกกว้างเพื่อขับความร้อนออกมาส่งผลให้ผิวเสีย รูขุมขนกว้าง ผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำไม่แพ้การตากแดดเลย

                                                                                                                                                    ยังไม่พอบางคนกางร่มก็อาจจะพอช่วยกันแดดได้บ้าง แต่สำหรับคนที่ทำงานกลางแจ้งหรือต้องออกเดินกลางแดดและความร้อน บอกเลยว่าผิวพังยิ่งกว่าเดิม เพราะได้รับทั้งรังสี UV และ ถูกไอความร้อนกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ ผิวยิ่งแสบและอักเสบยิ่งกว่าเดิม 

                                                                                                                                                    และบอกเลยว่ากิจกรรมของคนวัยเรียนและวัยทำงานหลาย ๆ ท่านก็ยากที่หลีกเลี่ยงไอความร้อน ยกตัวอย่างที่เห็นแบบชัด ๆ เลย คือ การเข้าแถวหน้าเสาธง เด็กนักเรียนมักจะได้ยืนตากแดดและรับไอร้อนอย่างเต็มที่ นับว่าเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดผิวแห้งเสีย แต่จะหลีกเลี่ยงการเข้าแถวกลางแจ้งก็ไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับวัยทำงานที่มีรูปแบบงานกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการขายของ งานกลางแจ้ง หรือ งานที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนบ่อย ๆ ก็จะต้องเจอกับแดดและความร้อนเป็นประจำ

                                                                                                                                                    หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เผชิญกับไอความร้อนและแสงแดดได้ อย่างน้อยถ้ามีวิธีการรับมือก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผิวที่เกิดขึ้นจากไอความร้อนและแสงแดดได้ ทางรมย์รวินท์คลินิกจึงอยากแนะนำเคล็ดลับดูแลตัวเองให้ผิวรอดจากอากาศประเทศไทย เพราะร้อนนี้ผิวไม่สุกด้วย COLOR ICE

                                                                                                                                                    COLOR ICE

                                                                                                                                                    เผยเคล็ดลับเอาตัวรอดจากอากาศไทยแลนด์แดนมอดไหม้ !

                                                                                                                                                    1. การดื่มน้ำเป็นเรื่องสำคัญ ! ควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน – เมื่อร่างกายเจอกับอากาศร้อนและมีการขับเหงื่อออกมาจะเป็นช่วงที่ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ การดื่มน้ำเพื่อไปทดแทนส่วนที่เสียไปย่อมเป็นผลดีของร่างกาย โดยทำให้ผิวไม่แห้งกร้านมีความชุ่มชื้น
                                                                                                                                                    2. เลือกสวมเสื้อผ้าสีอ่อน ผ้าเนื้อบาง ปิดมิดชิดทั้งร่างกาย – การเลือกเสื้อผ้าสีอ่อนและบางจะช่วยให้ตัวผ้าไม่ดูดซับความร้อนและระบายอากาศได้เป็นอย่างดี รวมถึงการสวมเสื้อผ้าแบบแขนขายาวจะช่วยป้องกันรังสี UV ได้ด้วย นับว่าเป็นวิธีป้องกันผิวเสียรวมถึงลดความเสี่ยงต่อการเป็นฮีทสโตรก
                                                                                                                                                    3. ทาครีมกันแดดปกป้องผิวจากรังสี UV – เวลาออกไปข้างนอกเจอแดดเปรี้ยงมาคู่กับไอความร้อนระอุตามท้องถนน อย่างน้อย ๆ ก็ควรเซฟผิวด้วยการทาครีมกันแดดพร้อมด้วยครีมบำรุงต่าง ๆ เพื่อป้องกันผิวแห้งเสียจากความร้อน
                                                                                                                                                    4. ประคบตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายด้วยความเย็น – เป็นวิธีการช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย ลดการเสียเหงื่อเพื่อป้องกันผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น โดยอาจประคบตามซอกตัว เช่น ลำคอ แขน ขาหนีบ หรือ ศีรษะ เป็นต้น
                                                                                                                                                    5. ทานผลไม้ช่วยคลายร้อน – มีผลไม้หลากหลายชนิดที่ช่วยเติมน้ำให้กับร่างกายได้เหมือนกัน เช่น แตงโม ส้ม แคนตาลูป เป็นต้น โดยผลไม้เหล่านี้นอกจากจะทดแทนน้ำที่เสียไปแล้วยังมีประโยชน์ต่อผิวพรรณและร่างกาย จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับคนที่ชอบรับประทานผลไม้อยู่เป็นประจำ

                                                                                                                                                    COLOR ICE

                                                                                                                                                    หรือสำหรับใครที่ทนตากแดดร้อน ๆ ดูแลตัวเองไปวัน ๆ ไม่ไหวแล้ว ต้องลองมาที่รมย์รวินท์คลินิกกับ COLOR ICE ที่เป็นทรีตเมน์ฟื้นฟูสภาพผิวโดยการผสมผสาน 3 เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านการบำรุงและฟื้นฟูผิว ได้แก่ Electroporesis ที่เป็นการนำเอาหลักการ Electroporesis มาใช้ในการเติมวิตามินเข้าสู่ผิว และเพิ่มคุณภาพของผลลัพธ์ด้วยเทคโนโลยี Cryotherapy ความเย็นที่ช่วยปลอบประโลมผิวและส่งผลให้วิตามินมีประสิทธิภาพคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยเทคโนโลยี LED Phototherapy การนำแสง LED มาช่วยในการบำบัดและแก้ปัญหาผิว โดยแสง LED ที่นำมาใช้จะมีทั้งหมด 3 รูปแบบ ตามข้อมูลด้านล่างนี้

                                                                                                                                                    RED LIGHT : แสงสีแดงจะช่วยปรับสภาพผิวและกระตุ้นคอลลาเจน เมื่อนำมาผสมผสานกับ COLOR ICE แล้วจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากแสงแดด อากาศร้อน และมลภาวะต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยเรื่องลดเรือนริ้วรอย ผิวเรียบเนียนนุ่มน่าสัมผัส

                                                                                                                                                    BLUE LIGHT : ลดอาการอักเสบและแก้ปัญหาสิวที่มีสาเหตุมาจากมลภาวะ โดยแสงสีน้ำเงินจะช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและช่วยทำให้สิวที่มีอยู่หายเร็วขึ้น

                                                                                                                                                    YELLOW LIGHT : ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส ลดจุดด่างดำและรอยคล้ำออกจากผิว ช่วยทำให้ผิวไบร์ท และ ไม่เกิดอาการระคายเคือง

                                                                                                                                                    COLOR ICE ถึงจะไม่ได้ช่วยลดความร้อนของสภาพอากาศ แต่ก็ตอบโจทย์ด้านการบำรุงผิวที่เกิดการแห้งเสียอันเป็นผลกระทบมาจากมลภาวะที่คนเราต้องเผชิญในแต่ละวัน แต่นอกจาก COLOR ICE แล้วทางรมย์รวินท์คลินิกยังมีโปรแกรมดูแลและจัดการกับปัญหาผิว รวมถึงปรับโครงหน้ายกกระชับ สร้างกรอบหน้าดูดีมีมิติ ด้วยประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี พร้อมพิสูจน์ผลลัพธ์ความสวยที่แม้แต่แสงแดดและความร้อนยังต้องสยบที่รมย์รวินท์คลินิกทั้ง 28 สาขา

                                                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                      EMFACE ดียังไง ต่างจากเครื่องยกกระชับอื่นยังไง ?

                                                                                                                                                      emface

                                                                                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                        EMFACE ยกกระชับไม่พึ่งมีดหมอ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

                                                                                                                                                        การค้นหาเทคนิคการยกกระชับใบหน้าที่มีประสิทธิภาพ และไม่ต้องผ่าตัดกลายเป็นหัวข้อที่น่าสนใจในวงการความงาม และศัลยกรรม หนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่นิยม และได้รับการยอมรับมากขึ้นในปัจจุบันคือ EMFACE ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ผสานวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการมีใบหน้าที่กระชับ และดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดที่เจ็บปวด และต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน

                                                                                                                                                        emface

                                                                                                                                                        EMFACE คืออะไร

                                                                                                                                                        EMFACE ย่อมาจาก “Electromagnetic Facial Enhancement” เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการยกกระชับใบหน้า และลดริ้วรอย โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดหรือการฉีดสารเคมี เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการดูแลรักษาผิวพรรณ และความอ่อนเยาว์ของใบหน้า โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน


                                                                                                                                                        EMFACE ดียังไง

                                                                                                                                                        หลักการทำงานของ EMFACE

                                                                                                                                                        การทำงานของ EMFACE พื้นฐานมาจากการใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่เฉพาะเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้า พลังงานนี้จะถูกส่งผ่านเข้าสู่ผิวหนัง และชั้นกล้ามเนื้อในระดับลึก กระบวนการนี้มีสององค์ประกอบหลักที่ทำให้ EMFACE เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ

                                                                                                                                                          1. ในส่วนของการกระตุ้นกล้ามเนื้อ (Muscle Stimulation)

                                                                                                                                                        พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้เกิดการหดตัว และคลายตัวในรูปแบบที่คล้ายกับการออกกำลังกายสำหรับกล้ามเนื้อใบหน้า การกระตุ้นนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวหน้าดูกระชับ และเรียบเนียนขึ้น

                                                                                                                                                          1. ในส่วนของการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน (Collagen Production)

                                                                                                                                                        นอกจากการกระตุ้นกล้ามเนื้อ พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ายังช่วยกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ในชั้นผิวหนังให้ผลิตคอลลาเจน และอิลาสตินมากขึ้น คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และกระชับ การเพิ่มการผลิตคอลลาเจนจึงช่วยลดริ้วรอย และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์

                                                                                                                                                        emface

                                                                                                                                                        EMFACE VS EMFACE Submentum ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                        เทคโนโลยี EMFACE ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากความสามารถในการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ภายในเทคโนโลยีนี้เองยังมีการพัฒนาโปรแกรมย่อยเพื่อเพิ่มความเฉพาะเจาะจง และประสิทธิภาพในการรักษาบริเวณที่ต่างกันของใบหน้า ซึ่งสอง โปรแกรม หลักคือ EMFACE และ EMFACE Submentum นี่คือรายละเอียด และความแตกต่างระหว่างทั้งสองโปรแกรม

                                                                                                                                                        EMFACE ดียังไง

                                                                                                                                                        EMFACE เป็นโปรแกรมหลักที่ถูกออกแบบมาเพื่อการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า โดยเน้นไปที่การกระตุ้นกล้ามเนื้อ และการเพิ่มการผลิตคอลลาเจน และอิลาสตินในชั้นผิวหนัง ข้อดีของโปรแกรมนี้คือความครอบคลุม และการปรับปรุงคุณภาพผิวทั่วใบหน้า

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของ EMFACE

                                                                                                                                                        • ยกกระชับทั่วใบหน้า การกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้หดตัว และคลายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น
                                                                                                                                                        • เพิ่มการผลิตคอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
                                                                                                                                                        • ลดริ้วรอย และเส้นบาง ๆ ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือการลดลงของริ้วรอย และเส้นบาง ๆ บนใบหน้า


                                                                                                                                                        EMFACE Submentum ดียังไง

                                                                                                                                                        EMFACE Submentum ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะในการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวในบริเวณใต้คาง และลำคอ (Submental Area) ซึ่งเป็นบริเวณที่มักเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย และการสะสมของไขมัน

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของ EMFACE Submentum

                                                                                                                                                        • ยกกระชับบริเวณใต้คาง และลำคอ การกระตุ้นกล้ามเนื้อในบริเวณนี้ช่วยลดความหย่อนคล้อย ทำให้แนวกรามดูชัดเจนขึ้น
                                                                                                                                                        • ลดไขมันสะสม การกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และการเผาผลาญในบริเวณใต้คางช่วยลดไขมันสะสม ทำให้คางสองชั้นลดลง
                                                                                                                                                        • เพิ่มการผลิตคอลลาเจน และอิลาสติน เช่นเดียวกับ EMFACE การเพิ่มการผลิตคอลลาเจน และอิลาสตินในบริเวณนี้ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน และกระชับ

                                                                                                                                                        ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง EMFACE และ EMFACE Submentum

                                                                                                                                                        • บริเวณการรักษา
                                                                                                                                                          • EMFACE เน้นการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้า
                                                                                                                                                          • EMFACE Submentu มุ่งเน้นการยกกระชับ และลดไขมันบริเวณใต้คาง และลำคอ
                                                                                                                                                        • ปัญหาที่แก้ไข
                                                                                                                                                          • EMFACE ริ้วรอย, ผิวหย่อนคล้อยทั่วใบหน้า
                                                                                                                                                          • EMFACE Submentum ความหย่อนคล้อย และการสะสมของไขมันใต้คาง และลำคอ
                                                                                                                                                        • เป้าหมายของการรักษา
                                                                                                                                                          • EMFACE เพื่อให้ผิวทั่วใบหน้าดูกระชับ และอ่อนเยาว์
                                                                                                                                                          • EMFACE Submentum เพื่อให้แนวกรามชัดเจน และลดคางสองชั้น
                                                                                                                                                        • เทคนิคการใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า
                                                                                                                                                          • ทั้งสองโปรแกรมใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นกล้ามเนื้อ และเพิ่มการผลิตคอลลาเจน แต่จะมีการปรับค่าพลังงาน และเทคนิคให้เหมาะสมกับบริเวณการรักษา

                                                                                                                                                        EMFACE และ EMFACE Submentum ถูกออกแบบมาเพื่อการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า และลำคอ ด้วยเทคโนโลยีพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า โดย EMFACE เน้นการดูแลผิวทั่วใบหน้า ในขณะที่ EMFACE Submentum เน้นการดูแลเฉพาะบริเวณใต้คาง และลำคอ ความแตกต่างนี้ทำให้ทั้งสองโปรแกรมมีความเฉพาะเจาะจง และประสิทธิภาพสูงในการตอบสนองความต้องการของผู้ที่มีปัญหาผิวต่างกัน

                                                                                                                                                        EMFACE และเทคนิคอื่น ๆ ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                        การดูแลความงาม และการฟื้นฟูผิวหน้าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหลายคน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีด้านความงามได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากคือ EMFACE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการยกกระชับใบหน้า และลดริ้วรอย แต่ยังมีวิธีการอื่น ๆ เช่น ฉีดสารเติมเต็ม (Filler), ฉีดโบ , เลเซอร์ (Laser Resurfacing), และการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) ที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย หัวข้อนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง  EMFACE และเทคนิคอื่นๆ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

                                                                                                                                                        EMFACE ดียังไง

                                                                                                                                                        EMFACE vs ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                        การดูแล และฟื้นฟูผิวหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับหลายคน โดยเฉพาะเมื่อมีริ้วรอย หรือความหย่อนคล้อยเกิดขึ้น หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมคือ EMFACE ซึ่งใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวหน้า นอกจากนี้ยังมี ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ในการเพิ่มปริมาตรให้กับบริเวณที่มีรอยย่นหรือเหี่ยวย่น หัวข้อนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง EMFACE และฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน และสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น

                                                                                                                                                        ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) คืออะไร

                                                                                                                                                        ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) เป็นวิธีการที่ใช้สารเติมเต็ม เช่น กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) หรือคอลลาเจน ฉีดเข้าไปในผิวหนังเพื่อเพิ่มปริมาตร และเติมเต็มร่องลึกหรือริ้วรอยบนใบหน้า

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของการฉีดสารเติมเต็ม

                                                                                                                                                        • เพิ่มปริมาตร สารเติมเต็มช่วยเพิ่มปริมาตรในบริเวณที่มีรอยย่นหรือเหี่ยวย่น ทำให้ผิวหน้าดูเต็ม และเรียบเนียนขึ้น
                                                                                                                                                        • ผลลัพธ์ทันที สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการฉีด
                                                                                                                                                        • ปรับแต่งรูปร่างใบหน้า สามารถปรับแต่งรูปร่างของใบหน้าได้ตามต้องการ เช่น เติมริมฝีปากหรือแก้มให้ดูอวบอิ่มขึ้น
                                                                                                                                                        • ต้องฉีดซ้ำ สารเติมเต็มจะสลายไปตามธรรมชาติ ทำให้ต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของ EMFACE

                                                                                                                                                        • ยกกระชับทั่วใบหน้า การกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้หดตัว และคลายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น
                                                                                                                                                        • เพิ่มการผลิตคอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
                                                                                                                                                        • ลดริ้วรอย และเส้นบาง ๆ ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือการลดลงของริ้วรอย และเส้นบาง ๆ บนใบหน้า

                                                                                                                                                        ความแตกต่างระหว่าง EMFACE และ ฉีดสารเติมเต็ม (Filler)

                                                                                                                                                        1. หลักการทำงาน
                                                                                                                                                          • EMFACE ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นกล้ามเนื้อ และการผลิตคอลลาเจน ไม่ต้องใช้เข็มหรือสารเคมีใด ๆ
                                                                                                                                                          • ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ใช้สารเติมเต็มฉีดเข้าไปในผิวหนังเพื่อเพิ่มปริมาตร และเติมเต็มร่องลึกหรือริ้วรอย
                                                                                                                                                        2. ผลลัพธ์
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นชัดขึ้นหลังการรักษาหลายครั้ง เนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด แต่ต้องฉีดซ้ำเมื่อสารเติมเต็มสลายไป
                                                                                                                                                        3. ความปลอดภัย
                                                                                                                                                          • EMFACE ไม่มีการใช้เข็มหรือสารเคมี ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้ หรือการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง
                                                                                                                                                          • ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) มีความเสี่ยงต่อการแพ้สารเคมี และการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง หรือการอักเสบหากมีการฉีดที่ไม่ถูกต้อง
                                                                                                                                                        4. การรักษา
                                                                                                                                                          • EMFACE ต้องใช้เวลาหลายครั้งในการรักษาเพื่อให้เห็นผลลัพธ์เต็มที่ แต่ไม่มีการพักฟื้น  และสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
                                                                                                                                                          • ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) การรักษาใช้เวลาไม่นาน และเห็นผลทันที แต่ต้องฉีดซ้ำเมื่อสารเติมเต็มสลายไป
                                                                                                                                                        5. ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติเนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวโดยธรรมชาติของร่างกาย
                                                                                                                                                          • ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ หากฉีดไม่ถูกต้องอาจทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                        6. ระยะเวลาของผลลัพธ์
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้นเนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือนขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มที่ใช้

                                                                                                                                                        EMFACE และ ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) ต่างมีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และไม่มีความเสี่ยงจากการใช้สารเคมี EMFACE อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที และสามารถปรับแต่งรูปร่างใบหน้าได้ตามต้องการ ฉีดสารเติมเต็ม (Filler) อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเอง

                                                                                                                                                        EMFACE vs ฉีดโบต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                        การดูแล และฟื้นฟูผิวหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับหลายคน โดยเฉพาะเมื่อริ้วรอย และความหย่อนคล้อยเริ่มปรากฏบนใบหน้า เทคโนโลยีด้านความงามในปัจจุบันได้พัฒนาไปอย่างมาก หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมคือ EMFACE ซึ่งใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวหน้า ในขณะที่ ฉีดโบ ก็เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมมากเช่นกันในการลดริ้วรอย หัวข้อนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง EMFACE และ การฉีดโบ ในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

                                                                                                                                                        ฉีดโบคืออะไร

                                                                                                                                                        ฉีดโบคือสารที่ใช้ในการลดริ้วรอยบนใบหน้าโดยการฉีดสารนี้เข้าไปในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกฉีดนั้นหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของการฉีดโบ

                                                                                                                                                        • ลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะริ้วรอยบนหน้าผาก, รอยขมวดคิ้ว, และรอยตีนกา
                                                                                                                                                        • ผลลัพธ์รวดเร็ว สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายในไม่กี่วันหลังการฉีด
                                                                                                                                                        • ต้องฉีดซ้ำ ผลของการฉีดโบจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของ EMFACE

                                                                                                                                                        • ยกกระชับทั่วใบหน้า การกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้หดตัว และคลายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น
                                                                                                                                                        • เพิ่มการผลิตคอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
                                                                                                                                                        • ลดริ้วรอย และเส้นบาง ๆ ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือการลดลงของริ้วรอย และเส้นบาง ๆ บนใบหน้า

                                                                                                                                                        ความแตกต่างระหว่าง EMFACE และ ฉีดโบ

                                                                                                                                                        1. หลักการทำงาน
                                                                                                                                                          • EMFACE ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นกล้ามเนื้อ และการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ไม่มีการหยุดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
                                                                                                                                                          • ฉีดโบ ใช้สารในการหยุดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอย ซึ่งทำให้ริ้วรอยลดลง
                                                                                                                                                        2. ผลลัพธ์
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นชัดขึ้นหลังการรักษาหลายครั้ง เนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • ฉีดโบเห็นผลลัพธ์ได้ภายในไม่กี่วันหลังการฉีด โดยริ้วรอยจะลดลงอย่างชัดเจน
                                                                                                                                                        3. ความปลอดภัย
                                                                                                                                                          • EMFACE ไม่มีการใช้เข็มหรือสารเคมี ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้หรือการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง
                                                                                                                                                          • ฉีดโบมีความเสี่ยงต่อการแพ้สารเคมี การฉีดไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น หน้าแข็งหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
                                                                                                                                                        4. การรักษา
                                                                                                                                                          • EMFACE ต้องใช้เวลาหลายครั้งในการรักษาเพื่อให้เห็นผลลัพธ์เต็มที่ แต่ไม่มีการพักฟื้น และสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
                                                                                                                                                          • ฉีดโบ การฉีดใช้เวลาไม่นาน และเห็นผลภายในไม่กี่วัน แต่ต้องฉีดซ้ำเมื่อผลของสารหมด
                                                                                                                                                        5. ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติเนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวโดยธรรมชาติของร่างกาย
                                                                                                                                                          • ฉีดโบผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับปริมาณ และตำแหน่งที่ฉีด หากฉีดไม่ถูกต้องอาจทำให้ใบหน้าดูแข็ง และไม่เป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                        6. ระยะเวลาของผลลัพธ์
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้นเนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • ฉีดโบ ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นต้องฉีดซ้ำ

                                                                                                                                                        EMFACE และ ฉีดโบมีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และไม่มีความเสี่ยงจากการใช้สารเคมี EMFACE อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว และต้องการลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ฉีดโบอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเอง

                                                                                                                                                        EMFACE ดียังไง

                                                                                                                                                        EMFACE vs เลเซอร์ (Laser Resurfacing) ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                        การฟื้นฟู และยกกระชับผิวหน้าเป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวหน้า ในปัจจุบันมีหลายเทคนิคที่ได้รับความนิยม หนึ่งในนั้นคือ EMFACE ซึ่งใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการยกกระชับผิว ในขณะที่ เลเซอร์ (Laser Resurfacing) ก็เป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการปรับสภาพผิว หัวข้อนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง EMFACE และ เลเซอร์ (Laser Resurfacing) ในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจ และสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

                                                                                                                                                        เลเซอร์ (Laser Resurfacing) คืออะไร

                                                                                                                                                        เลเซอร์ (Laser Resurfacing) เป็นกระบวนการที่ใช้พลังงานเลเซอร์ในการลอกผิวชั้นบนออก เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวหน้าให้เรียบเนียนขึ้น ลดริ้วรอย รอยดำ และรอยแผลเป็น

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของการใช้เลเซอร์

                                                                                                                                                        • ลอกผิวชั้นบน ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
                                                                                                                                                        • ลดริ้วรอย รอยดำ และรอยแผลเป็น ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน และสดใสขึ้น
                                                                                                                                                        • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น
                                                                                                                                                        • ต้องใช้เวลาพักฟื้น การลอกผิวชั้นบนออกอาจทำให้ผิวแดง และบวม ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายวัน

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของ EMFACE

                                                                                                                                                        • ยกกระชับทั่วใบหน้า การกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้หดตัว และคลายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น
                                                                                                                                                        • เพิ่มการผลิตคอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
                                                                                                                                                        • ลดริ้วรอย และเส้นบาง ๆ ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือการลดลงของริ้วรอย และเส้นบาง ๆ บนใบหน้า

                                                                                                                                                        ความแตกต่างระหว่าง EMFACE และ เลเซอร์ (Laser Resurfacing)

                                                                                                                                                        1. หลักการทำงาน
                                                                                                                                                          • EMFACE ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นกล้ามเนื้อ และการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง โดยไม่ต้องลอกผิว
                                                                                                                                                          • เลเซอร์ (Laser Resurfacing) ใช้พลังงานเลเซอร์ในการลอกผิวชั้นบนออกเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และฟื้นฟูผิว
                                                                                                                                                        2. ผลลัพธ์
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นชัดขึ้นหลังการรักษาหลายครั้ง เนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • เลเซอร์ (Laser Resurfacing) เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังจากผิวฟื้นตัว แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายวันถึงสัปดาห์
                                                                                                                                                        3. ความปลอดภัย
                                                                                                                                                          • EMFACE ไม่มีการใช้เข็มหรือสารเคมี ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้หรือการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง
                                                                                                                                                          • เลเซอร์ (Laser Resurfacing) มีความเสี่ยงต่อการเกิดการระคายเคือง ผิวแดง ผิวบวม  และการติดเชื้อหากดูแลไม่ถูกต้อง
                                                                                                                                                        4. การรักษา
                                                                                                                                                          • EMFACE ต้องใช้เวลาหลายครั้งในการรักษาเพื่อให้เห็นผลลัพธ์เต็มที่ แต่ไม่มีการพักฟื้น และสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
                                                                                                                                                          • เลเซอร์ (Laser Resurfacing) ต้องการเวลาพักฟื้นหลายวันถึงสัปดาห์ ผิวอาจแดง และบวมในช่วงแรก
                                                                                                                                                        5. ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติเนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวโดยธรรมชาติของร่างกาย
                                                                                                                                                          • เลเซอร์ (Laser Resurfacing) ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ แต่ต้องใช้เวลารอผิวฟื้นตัวจากการลอกผิว
                                                                                                                                                        6. ระยะเวลาของผลลัพธ์
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้นเนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • เลเซอร์ (Laser Resurfacing) ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน แต่ต้องมีการดูแลรักษาผิวหลังการรักษาอย่างเคร่งครัด

                                                                                                                                                        EMFACE และ เลเซอร์ (Laser Resurfacing) มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และไม่มีความเสี่ยงจากการลอกผิว EMFACE อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเรื่องของการลบรอยดำ และรอยแผลเป็น เลเซอร์ (Laser Resurfacing) อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเอง

                                                                                                                                                        emface

                                                                                                                                                        EMFACE ดียังไง

                                                                                                                                                        EMFACE vs การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                        การยกกระชับ และฟื้นฟูผิวหน้าเป็นกระบวนการที่หลายคนให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวหน้า ในปัจจุบันมีเทคนิคหลายอย่างที่สามารถช่วยได้ หนึ่งในนั้นคือ EMFACE ซึ่งใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการยกกระชับผิวหน้า และอีกวิธีคือการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) หัวข้อนี้จะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง EMFACE และการ ผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) ในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจ และสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

                                                                                                                                                        การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) คืออะไร

                                                                                                                                                        การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) เป็นกระบวนการศัลยกรรมที่ใช้ในการยกกระชับ และปรับรูปใบหน้า โดยการผ่าตัดเพื่อกำจัดผิวหนังส่วนเกิน และกระชับกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า

                                                                                                                                                        • ยกกระชับผิวหน้าอย่างถาวร การผ่าตัดสามารถยกกระชับผิวหน้า และปรับรูปใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างชัดเจน
                                                                                                                                                        • กำจัดผิวหนังส่วนเกิน ช่วยขจัดผิวหนังที่หย่อนคล้อย และไม่เรียบเนียน
                                                                                                                                                        • ผลลัพธ์ยาวนาน ผลลัพธ์จากการผ่าตัดสามารถคงอยู่ได้นานหลายปี
                                                                                                                                                        • ต้องพักฟื้น การผ่าตัดต้องการเวลาพักฟื้น และมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น และการติดเชื้อ

                                                                                                                                                        คุณสมบัติหลักของโปรแกรม ค้นพบความแตกต่างระหว่าง EMFACE และเทคนิคอื่นๆ เช่น การฉีดสารเติมเต็ม (Filler), การฉีดโบ, การใช้เลเซอร์ (Laser Resurfacing), และการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) เพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวหน้า พร้อมข้อมูลเชิงวิชาการ และเชิงลึก

                                                                                                                                                        • ยกกระชับทั่วใบหน้า การกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้หดตัว และคลายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น
                                                                                                                                                        • เพิ่มการผลิตคอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
                                                                                                                                                        • ลดริ้วรอย และเส้นบาง ๆ ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือการลดลงของริ้วรอย และเส้นบาง ๆ บนใบหน้า

                                                                                                                                                        ความแตกต่างระหว่าง EMFACE และการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift)

                                                                                                                                                        1. ค้นพบความแตกต่างระหว่าง EMFACE และเทคนิคอื่นๆ เช่น การฉีดสารเติมเต็ม (Filler), การฉีดโบ , การใช้เลเซอร์ (Laser Resurfacing), และการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) เพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการยกกระชับ และฟื้นฟูผิวหน้า พร้อมข้อมูลเชิงวิชาการ และเชิงลึกหลักการทำงาน
                                                                                                                                                          • EMFACE ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นกล้ามเนื้อ และการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง โดยไม่ต้องผ่าตัด
                                                                                                                                                          • การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) ใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวหนัง และกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง
                                                                                                                                                        2. ผลลัพธ์
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์จะค่อยๆ เห็นชัดขึ้นหลังการรักษาหลายครั้ง เนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนทันทีหลังการฟื้นตัวจากการผ่าตัด
                                                                                                                                                        3. ความปลอดภัย
                                                                                                                                                          • EMFACE ไม่มีการใช้เข็มหรือสารเคมี ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้หรือการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง
                                                                                                                                                          • การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น การติดเชื้อ และการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
                                                                                                                                                        4. การรักษา
                                                                                                                                                          • EMFACE ต้องใช้เวลาหลายครั้งในการรักษาเพื่อให้เห็นผลลัพธ์เต็มที่ แต่ไม่มีการพักฟื้น และสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
                                                                                                                                                          • การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) ต้องการเวลาพักฟื้นหลายสัปดาห์ ผิวอาจบวม และต้องการการดูแลพิเศษ
                                                                                                                                                        5. ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติเนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวโดยธรรมชาติของร่างกาย
                                                                                                                                                          • การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ หากทำไม่ดีอาจทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                        6. ระยะเวลาของผลลัพธ์
                                                                                                                                                          • EMFACE ผลลัพธ์คงอยู่นานขึ้นเนื่องจากเป็นการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                          • การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แต่ผิวหนังก็ยังคงมีการหย่อนคล้อยไปตามธรรมชาติของการชรา

                                                                                                                                                        EMFACE และ การผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และไม่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด EMFACE อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน และอยู่ได้นานหลายปี การ ผ่าตัดยกกระชับใบหน้า (Facelift) อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเอง

                                                                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                          ไหมน้ำ ULTRACOL คืออะไร? ช่วยอะไร?

                                                                                                                                                          Ultracol

                                                                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                            ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL สร้างผิวสวยตั้งแต่ใต้ชั้นผิว

                                                                                                                                                            ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL คือ

                                                                                                                                                            การกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวจากประเทศเกาหลีใต้ ที่บริษัท Ultra V ทำการค้นคว้า วิจัย และคิดค้นร่วมกันกับ มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้อย่าง Seoul University Hospital ร่วมด้วย Chung-Ang University Hospital เพื่อให้ริ้วรอยบนใบหน้า รวมทั้งคุณภาพผิวดีขึ้นจากการที่คอลลาเจนใต้ผิวมีความหนาแน่นขึ้น ส่งผลให้ผิวที่มีความหลวม คุณภาพไม่ดี มีริ้วรอยได้ถูกเติมเต็มจากคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นเองโดยธรรมชาติ โดยการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและพัฒนาขึ้นมาจากไหมที่ใช้ร้อยหน้า ที่เรารู้จักกันมาเนิ่นนานในการใช้เย็บแผลสำหรับวงการแพทย์มามากกว่า 50 ปี ตั้งแต่ 1980 อย่างไหม PDO โดยการนำไปเข้ากระบวนการ Nano Technology เพื่อให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่มีโมเลกุลทรงกลมที่มีความสวยงามและมีขนาดที่เล็กมากในระดับนาโน (Spherical Micro Particle Shape)

                                                                                                                                                            เพื่อทำให้ไหมที่เคยมีลักษณะเป็นเส้น ได้แตกตัว กลายเป็นผงละลายในน้ำ sterile water พร้อมใช้สำหรับกระตุ้นคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวหนังในที่สุด สามารถเปรียบเทียบคุณภาพได้ว่าฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ในปริมาณ 1 ขวด จะเท่ากับการร้อยไหม PDO ปกติจำนวนถึง 1,427 เส้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย เมื่อฉีดลงสู่ผิวจะสามารถสลายออกได้เองตามกระบวนการธรรมชาติ และยังจดสิทธิบัตรเฉพาะในรูปแบบเฉพาะของ Ultra V ยังผ่านอย. และ KFDA, CE, TFDA,USFDA มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ในรูปแบบ Medical Device Bio-Stimulator Injection หรือในรูปแบบการฉีดสารกระตุ้น อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยม IR52 Jang Young Sil award จากเกาหลีใต้ รวมทั้ง ไหมน้ำ ULTRACOL ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการตีพิมพ์ลงสื่อนิตยสารของทางด้านการแพทย์ ว่ามีความปลอดภัยสูง สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ภายในระยะเวลา 6-8 เดือน โดยที่จะไม่มีสารตกค้างหลงเหลือที่ผิวถึง 100% เนื่องจาก ไหมน้ำ ULTRACOLใช้เทคโนโลยี Micronizing ในการผลิตแบบพิเศษโดยเฉพาะที่ทำให้มีผงของผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กในระดับนาโน

                                                                                                                                                            สามารถกระจายตัวได้ดีเนื่องจากมีลักษณะเป็นของเหลว โดยสามารถกระจายตัวได้ในบริเวณกว้าง สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ทั้ง Type 1 และ Type 3 ไม่เกิดการ  Nodule เป็นปมของไหม หรือ Granuloma การอักเสบหลังการฉีดไป

                                                                                                                                                            • ช่วยความหนาแน่นของชั้นผิว 34.36%
                                                                                                                                                            • ความกระจ่างใส 9.15%
                                                                                                                                                            • ริ้วรอย 13 33%
                                                                                                                                                            • ลดการบาดเจ็บในการฉีด

                                                                                                                                                            โดยทั้งหมดอ้างอิงตามงานวิจัยของผลิตภัณฑ์

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ

                                                                                                                                                            ไหม PDO (Polydioxanone) คืออะไร

                                                                                                                                                            PDO นั่นเป็นไหมละลาย (Absorb-able suture) ที่ใช้ในวงการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น การเย็บแผล สมานแผล หรือใช้ในการผ่าตัดอวัยวะภายใน ซึ่งใช้กันมาเป็นระยะเวลานาน PDO ย่อมาจาก Polydioxanone มีความปลอดภัยในการใช้สูง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ รวมทั้งยังเป็นไหมแบบเดียวกับที่เรารู้จักกันในการนำมาร้อย เพื่อยกกระชับใบหน้าปรับหน้าให้เรียว เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ทั้งแบบมีเงี่ยง และแบบไม่มีเงี่ยง

                                                                                                                                                            Ultracol

                                                                                                                                                            ข้อดีของการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

                                                                                                                                                            • สามารถฉีดได้แม้ในบริเวณที่มีความบอบบางอย่างใต้ดวงตา
                                                                                                                                                            • สามารถฉีดได้ทุกบริเวณบนใบหน้าโดยไม่มีข้อห้าม
                                                                                                                                                            • ปลอดภัยมีการรับรองจากหลายประเทศ
                                                                                                                                                            • ไม่เป็นก้อน ไม่เป็นปุ่ม ไม่เป็นปม
                                                                                                                                                            • มีการันตีว่าเห็นผลจริง
                                                                                                                                                            • ละลายเร็ว ไม่ต้องกังวลผลข้างเคียง
                                                                                                                                                            • เติมเต็มผิวหน้าได้เทียบเท่าสารเติมเต็ม
                                                                                                                                                            • สลายได้เองตามกระบวนการธรรมชาติ 100%
                                                                                                                                                            • ได้เพิ่มคอลลาเจนของตัวเองใต้ชั้นผิว
                                                                                                                                                            • ยกกระชับใบหน้าได้เทียบเท่าการร้อยไหม
                                                                                                                                                            • เติมเต็มใบหน้าได้คล้ายโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

                                                                                                                                                            Ultracol

                                                                                                                                                            ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

                                                                                                                                                            Wrinkles ริ้วรอย

                                                                                                                                                              • ช่วยเติมเต็มและลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าให้ตื้นและดูดีขึ้น

                                                                                                                                                            Lifting ผิวกระชับ

                                                                                                                                                              • ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึง และมีความแน่นมากขึ้น

                                                                                                                                                            Skin quality คุณภาพผิว

                                                                                                                                                              • ช่วยให้ผิวมีคุณภาพมากขึ้น ทั้งมีความยืดหยุ่น รูขุมขนเล็กลง มีความเรียบเนียน ขาวใส มีความแข็งแรง และมีความหนาที่มากขึ้น

                                                                                                                                                            Naturally fill เติมเต็มให้ดูเป็นธรรมชาติ

                                                                                                                                                              • ดูสวยและดูเติมเต็มอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากคอลลาเจนที่เกิดขึ้นเป็นคอลลาเจนที่สร้างโดยร่างกายของเราเอง

                                                                                                                                                            Dermal density ความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของชั้นผิว

                                                                                                                                                              • คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ทำให้ย้อนอายุของผิวให้มีความยืดหยุ่นเหมือนวัยเด็ก

                                                                                                                                                            skin radiance เพิ่มความกระจ่างใสผิวดูมีออร่า

                                                                                                                                                              • ปรับผิวให้ขาวใสจากภายในเนื่องจากการมีคุณภาพผิวที่ดีขึ้น

                                                                                                                                                            Collagen type1 และ type3

                                                                                                                                                            • ทำให้ผิวที่เคยหลวมเกิดการสร้างคอลลาเจนมาทดแทนส่วนที่หายไป ทำให้ผิวกลับมามีความแน่นเด้งอีกครั้ง

                                                                                                                                                            ผลลัพธ์หลังการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ทำให้ผิวกระชับ
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยแก้ปัญหารอยเหี่ยวย่น
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ทำให้ผิวสุขภาพดีมากขึ้น
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยให้ผิวสวยแบบสาวเกาหลี
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวมากขึ้น
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยกระชับรูขุมขน

                                                                                                                                                            อาการที่พบได้หลังทำการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

                                                                                                                                                            อาการข้างเคียงเหล่านี้ไม่ใช่อาการอันตราย โดยปกติแล้วจะไม่ได้เกิดกับทุกคน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแล และการตอบสนองของตัวยา ร่วมด้วย แต่หากเกิดแล้วจะสามารถหายได้เองใน 7 วันโดยไม่ต้องกังวล โดยอาการเหล่านี้ ได้แก่

                                                                                                                                                              • อาการบวมในบริเวณที่ฉีด

                                                                                                                                                            อาการบวมนี้จะเกิดขึ้นเนื่องจากการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เป็นโปรแกรมที่ก่อนฉีดจะต้องผสมน้ำสะอาด หรือ sterile water รวมทั้งผสมยาชาในปริมาณ 5 cc ก่อนฉีด และเมื่อฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนังของเราแล้ว สิ่งที่จะเข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังของเราในลำดับแรกเลยก็ คือ น้ำสะอาดที่ได้ผสมเข้าไป รวมกับยาชา อาการบวมจะเป็นการบวมจากน้ำสะอาด หรือ sterile water นั่นเอง แต่อาการบวมที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถยุบหายไปได้เองในระยะเวลา 3-5 วัน และจะไม่เป็นก้อน ไม่ตกค้าง ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องกังวล

                                                                                                                                                              • อาการแดงในบริเวณที่ฉีด

                                                                                                                                                            อาการแดงของผิวที่เกิดขึ้นนั้น เป็นปฏิกิริยาของผิวที่ตอบสนองตัวยาเพียงเท่านั้น โดยตัวยาจะกระจายไปใต้ชั้นผิวทั่วใบหน้า จึงส่งผลให้ใบหน้ามีความแดงจากตัวยานั่นเอง อาการแดงที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นเพียงในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และจะสามารถหายได้เอง โดยไม่ต้องทายาในระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมงถึง 24 ชั่วโมงโดยประมาณเท่านั้น

                                                                                                                                                              • รอยเขียวช้ำในบริเวณที่ฉีด

                                                                                                                                                            ในการฉีดจะต้องใช้เข็มเป็นสิ่งพาตัวยาเข้าสู่ใต้ผิวหนัง จึงมีความเป็นไปได้ว่าในบางคนจะมีการทิ้งรอยเข็มไว้หลังฉีด โดยอาจจะเห็นเป็นรอยแดงจุด ๆ หรือรอยเขียว ช้ำ หลังการฉีดได้ โดยสามารถลดรอยเขียวช้ำดังกล่าวได้ด้วยการประคบเย็นหลังทำ หรือรอให้รอยเขียวช้ำนั้นหายไปเองก็ได้ โดยรอยเขียวช้ำจะหายไปเองในเวลาไม่เกิน 5 วัน

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ ULTRACOL ฉีดตรงไหนได้บ้าง

                                                                                                                                                            • หน้าผาก
                                                                                                                                                            • ขมับ
                                                                                                                                                            • แก้ม
                                                                                                                                                            • ร่องน้ำหมาก
                                                                                                                                                            • ระหว่างคิ้ว
                                                                                                                                                            • ใต้ตา
                                                                                                                                                            • แก้มส้ม
                                                                                                                                                            • ฉีดทั่วหน้า

                                                                                                                                                            Ultracol

                                                                                                                                                            การเตรียมตัวก่อนฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

                                                                                                                                                            1. ก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรหยุดการรับประทานยาประเภทแอสไพริน หรือยาที่อยู่ในกลุ่มยาต้านการอักเสบเป็นระยะเวลา 3 วัน
                                                                                                                                                            2. ก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรงดการรับประทานวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นระยะเวลาประมาณ 14 วัน
                                                                                                                                                            3. ก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลา 1-3 วัน เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว
                                                                                                                                                            4. ก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรงดการสูบบุหรี่เป็นระยะเวลา า 1-3 วัน เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว

                                                                                                                                                            ขั้นตอนการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

                                                                                                                                                            1. แพทย์ทำการประเมินประมาณตัวยา และแจ้งปัญหาบนใบหน้าของผู้เข้ารับบริการเพื่อทำการวางแผนการรักษา
                                                                                                                                                            2. ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าและเก็บผม เพื่อให้สะอาดเตรียมพร้อมสำหรับเข้ารับการรักษา
                                                                                                                                                            3. ทายาชาบนใบหน้าตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการ ในขั้นตอนนี้หากไม่ต้องการทายาชาก่อนทำการรักษาสามารถแจ้งผู้ช่วยแพทย์ได้
                                                                                                                                                            4. ทิ้งยาชาไว้ 40-60 นาที จึงล้างออก
                                                                                                                                                            5. แพทย์ลงมือฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ตามที่ประเมินแผนการรักษาไว้ในตอนแรกอย่าประณีต จนเสร็จ
                                                                                                                                                            6. ผู้ช่วยแพทย์ทำการห้ามเลือด และแปะพลาสเตอร์บริเวณที่เป็นรอยเข็ม เพื่อป้องกันรูเข็มโดนฝุ่น จึงเป็นอันจบขั้นตอนการรักษา

                                                                                                                                                            การดูแลตัวเองหลังจากฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

                                                                                                                                                            1. หลังเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการสามารถประคบเย็นได้ หากกลัวมีรอยเข็มหรือมีความเขียวช้ำ ในขั้นตอนนี้ให้ประคบเย็นอย่างเดียวเท่านั้น และห้อมประคบร้อนเด็ดขาด
                                                                                                                                                            2. หลังเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรงดทำเลเซอร์เป็นระยะเวลา 1 เดือน เนื่องจากใบหน้ายังมีรอยเข็มอยู่
                                                                                                                                                            3. หลังเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการควรงดทำหัตถการ หรือทรีตเมนต์

                                                                                                                                                            วิธีตรวจสอบไหมน้ำ ULTRACOL ของแท้ มีมาตรฐาน

                                                                                                                                                            • ไหมน้ำ ULTRACOL ของแท้ต้องมีสติ๊กเกอร์ Void จาก Ultra V Thailand ที่ผลิตภัณฑ์
                                                                                                                                                            • ที่กล่องผลิตภัณฑ์ไหมน้ำ ULTRACOL ต้องมี QR Code Hologram ที่ Scan แท้ปลอม
                                                                                                                                                            • ไหมน้ำ ULTRACOL ของแท้เลข Lot ต้องตรงกัน
                                                                                                                                                            • สลาก stickervoid ของ ไหมน้ำ ULTRACOL ต้องไม่ฉีกขาด
                                                                                                                                                            • ที่ผลิตภัณฑ์ไหมน้ำ ULTRACOL ต้องมี Hologram สแกนยาแท้ได้
                                                                                                                                                            • สลากภาษาไทยของไหมน้ำ ULTRACOL จะต้องระบุเลขอย.ชัดเจน

                                                                                                                                                            การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับใคร

                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะผู้ที่มีริ้วรอย และร่องลึก
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าที่หมองคล้ำมีริ้วรอย จุดด่างดำ ดูโทรม และไม่สดใส
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ผิวหลวม ไม่กระชับ ยืด
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL  เหมาะกับผู้ที่มีผิวไม่เรียบเนียน มีความขรุขระ
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้ามีรอยเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยอันเนื่องมาจากการสูญเสียคอลลาเจน
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL  เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนในวัยสาว โดยไม่ต้องการฉีดสารเติมเต็ม
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่ ผิวอิ่มฟู อย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่มีกรอบหน้าและโครงหน้าที่ไม่ชัด ต้องการให้กรอบหน้ามีความคมชัดมากขึ้น
                                                                                                                                                            • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่อยากยกกระชับแต่ไม่กล้า หรือกลัวการร้อยไหม

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ ULTRACOL ไม่เหมาะกับใคร

                                                                                                                                                            การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เป็นโปรแกรมที่ไม่อันตราย และไม่ส่งผลกระทบหลังทำการรักษาก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ในคนกลุ่มนี้ที่ไม่ควรทำการรักษา คือ

                                                                                                                                                            1. คนที่รับประทานยาลดการแข็งตัวของเลือด ยาที่ทำให้เมื่อทำการรักษาแล้วจะทำให้ผิวหนังมีรอยเขียวช้ำได้ง่าย และยาที่ทำให้เลือดออกง่ายในขณะที่ทำการรักษา เช่น วิตามิน แปะก๊วย ยาแอสไพริน เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์ และงดยาตามความเหมาะสมก่อนเข้ารับการรักษา
                                                                                                                                                            2. ผู้ที่เป็นคนไข้ในกลุ่มภูมิคุ้มกันตนเองในร่างกายมีความบกพร่อง และต้องรับประทานยาจำพวกยากดภูมิตัวเองอยู่เป็นประจำ เช่น ผู้ที่เป็นโรค SLE
                                                                                                                                                            3. สตรีที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
                                                                                                                                                            4. สตรีที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
                                                                                                                                                            5. ผู้ที่มีประวัติ หรือเคยแพ้ไหม PDO ทั้งจากการเย็บแผล และจากการฉีดใบหน้า

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ ULTRACOLใช้เวลาหลังฉีดนานเท่าไรจึงจะเห็นผล ?

                                                                                                                                                            สามารถเห็นผลลัพธ์ในการรักษาหลังการฉีดได้ ภายในระยะเวลา 2-4 สัปดาห์โดยประมาณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุคคล และการตอบสนองของร่างกายต่อสาร PDO ที่ฉีดเข้าไปด้วย เนื่องจากผิวหนังของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองต่อตัวยาที่ไม่เท่ากันนั่นเอง แต่จะเห็นผลลัพธ์ว่าผิวในบริเวณที่ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ไปนั้นจะดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยผลลัพธ์ที่เห็นนั้นจะเกิดจากใต้ผิวหนังนั้นการการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ผิวจะดีขึ้น แน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาทิ ผิวจะมีความอ่อนเยาว์ขึ้น มีความยกกระชับมากขึ้น ผิวนิ่ม เด้งฟู ยืดหยุ่นและแน่นมากขึ้น เพียงแต่ต้องให้เวลาในการสร้างคอลลาเจน ผิวหน้า

                                                                                                                                                            การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ควรทำกี่ครั้ง ถี่ห่างอย่างไร จึงจะเกิดผลลัพธ์หลังการรักษาที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                            การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL  เป็นโปรแกรมที่แพทย์แนะนำให้ทำให้ครบ  3 ครั้ง เว้นระยะต่อครั้งเป็นเวลา 4 – 6 เดือน หรือปรึกษาแพทย์เพื่อมาทำการรักษาในครั้งถัดไป ทั้งนี้การรักษาให้ครบตามจำนวนที่แพทย์ประเมิน จะทำให้ผลลัพธ์หลังการรักษาเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ ULTRACOL มีความแตกต่างกับ ฉีดหน้าใสทั่วไปอย่างไร

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ ULTRACOL 

                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ได้รับการรับรองจากหลายประเทศ กว่า 13 ประเทศทั่วโลก
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL มีงานวิจัยรองรับ
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ค้นคว้าโดยโรงเรียนแพทย์ชื่อดังในประเทศเกาหลี
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เป็นโปรแกรมที่ช่วยกระตุ้นให้ใต้ผิวหนัง เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ได้มากกว่าการทำให้ผิวมีคุณภาพที่ดี คือ การทำให้ผิวมีความยกกระชับ
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยเรื่องริ้วรอยได้ด้วย
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL แพทย์ไม่ต้องฉีดหลายจุด
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ปลอดภัยไม่ทำลายผิว และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่สำคัญต่อผิว และยังไม่อุดตันเส้นเลือด
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ไม่ทำให้ผิวเป็นด่าง เป็นดวง
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เป็นการแก้ปัญหาจากต้นทาง
                                                                                                                                                            • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL มีความปลอดภัยต่อจุดที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา หรือใต้ตา

                                                                                                                                                             ฉีดหน้าใสทั่วไป

                                                                                                                                                            • เป็นโปรแกรมที่เน้นฉีดเพื่อผลัดเซลล์ผิวหน้าเดิม ที่เกิดการเสื่อมสภาพ
                                                                                                                                                            • เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการฟื้นฟู และแก้ไขในผิวหนังบริเวณที่มีปัญหาเท่านั้น
                                                                                                                                                            • เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการลดเลือนรอยดำ รอยสิว ไม่ใช่ริ้วรอยเหี่ยวย่น
                                                                                                                                                            • เป็นโปรแกรมที่เน้นทำบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ ไม่ได้ลงลึกถึงชั้นโครงสร้างผิว
                                                                                                                                                            • มีให้เลือกใช้หลายยี่ห้อ
                                                                                                                                                            • เป็นโปรแกรมที่แพทย์ต้องทำการฉีดหลายจุดบนใบหน้าเพื่อทำการรักษา
                                                                                                                                                            • เป็นโปรแกรมที่ต้องทำบ่อย ๆ ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี
                                                                                                                                                            • เป็นโปรแกรมแก้ปัญหาผิวที่ปลายเหตุ

                                                                                                                                                            ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ต่างจากการร้อยไหมชนิดเส้นอย่างไร

                                                                                                                                                            ที่เห็นได้ชัด คือ รูปร่างลักษณะของผลิตภัณฑ์ และวิธีการทำหัตถการ ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL จะใช้วิธีการฉีด และไหมปกติจะไว้วิธีการร้อย นอกจากนี้ยังมีความแตกต่าง ดังนี้

                                                                                                                                                              • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ผลิตภัณฑ์จะมาในรูปแบบผง โดยแพทย์จะต้องทำการผสมก่อนทำการฉีดลงบนใบหน้า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวให้ได้มากที่สุด

                                                                                                                                                            หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เนื่องจาก ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

                                                                                                                                                              • โปรแกรมร้อยไหม ไหมจะมาในรูปแบบเส้น อาจจะมีเงี่ยง หรือไม่มีเงี่ยงตามแต่ชนิดของไหม โดยแพทย์จะต้องทำการเปิดแผล และร้อยไหมตามความยาวของไหม เพื่อให้เกิดการยกกระชับกับใบหน้า

                                                                                                                                                            เนื่องจากต้องมีการเปิดแผล หลังทำจะไม่สามารถสระผม และแต่งหน้าได้ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด และอาจมีรอยช้ำจากการดึงไหมได้ จำเป็นจะต้องดูแลตัวเองตามแพทย์สั่ง

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ ULTRACOL สามารถทำการรักษาร่วมกับโปรแกรมประเภทฉีดชนิดอื่นๆ ได้หรือไม่

                                                                                                                                                            สามารถทำได้ เนื่องจากโปรแกรมประเภทฉีดชนิดอื่น ๆ อาทิ ฉีดโบ หรือฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์คนละอย่างกันกับฉีดไหมน้ำ ULTRACOL อีกทั้งโปรแกรมเหล่านั้นแพทย์ยังทำการฉีดกันคนละชั้นผิวหนังกับฉีดไหมน้ำ ULTRACOL  อีกด้วย โดยฉีดโบ  แพทย์จะทำการฉีดที่ชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อทำการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ส่วนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการฉีดที่ชั้นผิวหนังตามแต่ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และต้องการเติมเต็ม ส่วนฉีดไหมน้ำ ULTRACOL แพทย์ฉีดเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูใต้ผิวให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จึงทำให้ไม่เป็นการรบกวนตัวยาฉีดไหมน้ำ ULTRACOL และไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายในการรักษา

                                                                                                                                                            ไหมน้ำ ULTRACOL สามารถทำพร้อมโปรแกรมประเภทเครื่อง หรือทรีตเมนต์ต่างๆได้หรือไม่ ?

                                                                                                                                                            สามารถทำได้ในครั้งเดียวกัน แต่ควรทำโปรแกรมประเภทเครื่องต่างๆ หรือทรีตเมนต์ก่อนฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เนื่องจากหากฉีดไหมน้ำ ULTRACOL แล้วไปทำโปรแกรมประเภทเครื่อง ความร้อน หรือคลื่นที่ออกมา รวมทั้งช็อตทียิงไปนั้นอาจส่งผลต่อตัวยาที่ทำการฉีดเข้าไปได้ ช็อตต่าง ๆ ที่ยิง อาจทำให้รอยเข็มที่เกิดจากการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เกิดการระบมมากขึ้นและหายช้ามากขึ้นกว่าเดิมได้

                                                                                                                                                            หากทำการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ไปก่อนแล้วและต้องการทำโปรแกรมประเภทเครื่องต่อควรเว้นระยะเพื่อให้ตัวยาทำงาน และรอยเข็มเริ่มหายก่อน ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเหมาะสมในการนัดครั้งต่อไป

                                                                                                                                                            ตามความเหมาะสมเรื่องผลลัพธ์การรักษาแล้ว โปรแกรมประเภทเครื่องยกกระชับให้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นการส่งเสริมให้การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น แต่เป็นการทำงานรวมทั้งการรักษาคนละอย่างกัน สามารถทำได้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                            การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ที่ดีต้องที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                            • ดูแลและลงมือทำโดยแพทย์ผู้มีความสามารถ
                                                                                                                                                            • แพทย์ทุกท่านทำการประเมินการรักษาตามแต่ปัญหาของผู้เข้ารับบริการแต่ละคนเสมอ
                                                                                                                                                            • เป็นคลินิกที่มากประสบการณ์ ทำการดูแลคนไข้ด้านความงามมาแล้วกว่า 21 ปี
                                                                                                                                                            • ได้รับความไว้วางใจจากดารา นางแบบ นักแสดง เซเลป และผู้มีชื่อเสียงมากมาย
                                                                                                                                                            • มีเคสรีวิวจริงการันตี
                                                                                                                                                            • ใช้ยาของแท้ มีคุณภาพสามารถตรวจสอบได้
                                                                                                                                                            • แพทย์มีเทคนิคที่ดีในการรักษา และยังพัฒนาตัวเองเสมอเพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาเกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
                                                                                                                                                            • มีรางวัลจากบริษัทของ ULTRACOL เป็นเครื่องการันตี

                                                                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                              Emface Submentum ลดเหนียง คางสองชั้น

                                                                                                                                                              Emface submentum

                                                                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและคางสองชั้นเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล ซึ่งการลดไขมันเหนียงด้วยตัวเองหรือการค้นหาคลินิกที่ให้บริการยกกระชับผิวแบบธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าสนใจ หนึ่งในเทคนิคที่กำลังมาแรงคือ Emface submentum ที่ช่วยยกกระชับและลดไขมันเหนียง คางสองชั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่สงสัยว่า Emface submentum คืออะไร และที่ไหนดีในการรับบริการ บทความนี้มีคำตอบ

                                                                                                                                                                Emface Submentum คืออะไร?

                                                                                                                                                                Emface Submentum เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้พลังงานเพื่อยกกระชับและลดไขมันบริเวณคางและเหนียง โดยไม่ต้องผ่าตัด เทคนิคนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากมีประสิทธิภาพในการกระชับผิวและลดไขมันพร้อมกัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าหรือแก้ไขปัญหาคางสองชั้นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง

                                                                                                                                                                ขั้นตอนการเข้ารับบริการ Emface Submentum เป็นอย่างไร?

                                                                                                                                                                Emface Submentum เป็นโปรแกรมที่ใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น คลื่นวิทยุ (Radiofrequency), อัลตราซาวด์ (Ultrasound), หรือเลเซอร์ (Laser) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและยกกระชับชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ลึก นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันบริเวณใต้คาง ซึ่งกระบวนการทำงานของเทคนิคนี้สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้

                                                                                                                                                                  1. การปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความหย่อนคล้อยของผิว ปริมาณไขมันใต้คาง และสุขภาพทั่วไปของคนไข้
                                                                                                                                                                  2. การเตรียมผิวและการทายาชาก่อนการรักษา บริเวณที่ทำการรักษาจะถูกทำความสะอาดและเตรียมพร้อม อาจมีการทายาชาเฉพาะที่เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการรักษา

                                                                                                                                                                Emface submentum

                                                                                                                                                                • เริ่มทำหัตถการ โดยการใช้พลังงานในการยกกระชับและลดไขมัน
                                                                                                                                                                  • การลดไขมันต้องโปรแกรม RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) คลื่นวิทยุจะถูกส่งผ่านเข้าสู่ชั้นผิวลึกถึงระดับ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ การทำงานของคลื่นวิทยุนี้ช่วยยกกระชับชั้นผิวและลดไขมันใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                                                                                                                                                • การดูแลหลังการรักษาหลังจากการรักษา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที แต่อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษาซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาลดปวดหรือยาลดบวมเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
                                                                                                                                                                • การติดตามผลและการรักษาซ้ำ (ถ้าจำเป็น)แพทย์จะนัดติดตามผลการรักษาเพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงและให้คำแนะนำเพิ่มเติม ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยๆ เห็นได้ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา


                                                                                                                                                                ข้อดีของ Emface Submentum

                                                                                                                                                                • ไม่ต้องผ่าตัดEmface Submentum ไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัด ทำให้ไม่มีแผลเป็นและไม่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด
                                                                                                                                                                • ไม่มีระยะเวลาพักฟื้นนาน หลังการรักษา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
                                                                                                                                                                • ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยาวนานผลลัพธ์ของการรักษาสามารถเห็นได้เร็ว และผิวดูเต่งตึงขึ้นในทันทีหลังทำ และสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือน
                                                                                                                                                                • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่พลังงานที่ใช้ในการรักษาจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้น

                                                                                                                                                                ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของ Emface Submentum

                                                                                                                                                                แม้ว่า Emface Submentum จะเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่คนไข้ควรทราบ

                                                                                                                                                                • อาการบวมและแดงหลังการรักษา อาจมีอาการบวมและแดงในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน
                                                                                                                                                                • ความรู้สึกตึงหรือไม่สบายในบางกรณี คนไข้อาจรู้สึกตึงหรือไม่สบายในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งสามารถใช้ยาลดปวดเพื่อลดอาการได้
                                                                                                                                                                • ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญการทำ Emface Submentum
                                                                                                                                                                  ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้เฉพาะทางเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากการรักษา

                                                                                                                                                                กระบวนการทำงานของ Emface Submentum เป็นการใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ เช่น คลื่นวิทยุหรืออัลตราซาวด์
                                                                                                                                                                เพื่อยกกระชับและลดไขมันใต้คาง โดยไม่ต้องผ่าตัด
                                                                                                                                                                เทคนิคนี้ช่วยให้ผิวบริเวณคางและเหนียงดูกระชับและเต่งตึงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
                                                                                                                                                                ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

                                                                                                                                                                Emface submentum

                                                                                                                                                                ชั้น SMAS คืออะไร?

                                                                                                                                                                ชั้น SMAS หรือ Superficial Musculoaponeurotic System เป็นชั้นของเนื้อเยื่อที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างของใบหน้าและการคงรูปร่างของผิว ชั้นนี้ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อกัน ทำหน้าที่ในการรองรับและยกกระชับผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ

                                                                                                                                                                ตำแหน่งและโครงสร้างของชั้น SMAS

                                                                                                                                                                ชั้น SMAS อยู่ระหว่างชั้นไขมันใต้ผิวหนังและชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นชั้นที่มีความหนาและยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถรองรับและคงรูปใบหน้าได้อย่างดี ชั้นนี้เริ่มจากบริเวณขมับและยาวลงมาถึงลำคอ เชื่อมโยงกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่อยู่รอบๆ

                                                                                                                                                                Emface submentum

                                                                                                                                                                บทบาทและหน้าที่ของชั้น SMAS มีอะไรบ้าง

                                                                                                                                                                1. การรองรับและยกกระชับผิวชั้น SMAS ทำหน้าที่เหมือนกับ “แผ่นรอง” ที่ช่วยยกกระชับผิวและเนื้อเยื่อที่อยู่เหนือมัน ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์
                                                                                                                                                                2. การเคลื่อนไหวของใบหน้ากล้ามเนื้อในชั้น SMAS ช่วยในการเคลื่อนไหวของใบหน้า เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือแสดงอารมณ์ต่าง ๆ
                                                                                                                                                                3. การกระจายแรงและแรงกดดันชั้น SMAS ช่วยในการกระจายแรงและแรงกดดันที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ทำให้ผิวไม่ยุบหรือเสียรูปทรง

                                                                                                                                                                เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น SMAS มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

                                                                                                                                                                เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น SMAS จะเริ่มเสื่อมสภาพและหย่อนคล้อย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย การเสื่อมสภาพของชั้น SMAS มีผลกระทบต่อความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุมากขึ้น

                                                                                                                                                                เทคนิคการยกกระชับชั้น SMAS มีอะไรบ้าง

                                                                                                                                                                การยกกระชับชั้น SMAS เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า เทคนิคเหล่านี้มักใช้ในวงการศัลยกรรมความงามและการรักษาผิวพรรณ

                                                                                                                                                                1. การผ่าตัดยกกระชับใบหน้าแบบดั้งเดิม (Facelift)เป็นการผ่าตัดที่ยกกระชับชั้น SMAS โดยตรง ทำให้ใบหน้าดูกระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น การผ่าตัดนี้ต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีระยะเวลาพักฟื้นนาน
                                                                                                                                                                2. Ulthera SPT เป็นการใช้พลังงานอัลตราซาวด์Ulthera SPT ใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและยกกระชับชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้มีความปลอดภัยสูงและไม่มีแผลเป็น
                                                                                                                                                                3. RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency)RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้น SMAS ทำให้ผิวดูกระชับและอ่อนเยาว์ วิธีนี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
                                                                                                                                                                4. Emface SubmentumEmface Submentum เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานเพื่อลดไขมันใต้คางและยกกระชับชั้น SMAS พร้อมกัน ทำให้ใบหน้าดูเรียวและได้รูปมากขึ้น

                                                                                                                                                                ข้อดีและข้อควรระวังในการยกกระชับในชั้น SMAS

                                                                                                                                                                ข้อดีของการยกกระชับในชั้น SMAS

                                                                                                                                                                • การยกกระชับชั้น SMAS ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ทำให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับ
                                                                                                                                                                • เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัดมีความปลอดภัยสูงและไม่มีแผลเป็น
                                                                                                                                                                • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานและดูเป็นธรรมชาติ

                                                                                                                                                                ข้อควรระวังของการยกกระชับในชั้น SMAS

                                                                                                                                                                • การผ่าตัดยกกระชับชั้น SMAS ต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน
                                                                                                                                                                • เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น Ulthera SPT หรือคลื่นวิทยุ อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                                                                                                                                                • หลังการรักษา อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน

                                                                                                                                                                ชั้น SMAS เป็นชั้นสำคัญที่ช่วยรองรับและยกกระชับผิวใบหน้า การเสื่อมสภาพของชั้นนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย การยกกระชับชั้น SMAS ผ่านเทคนิคต่างๆ เช่น การผ่าตัด, Ulthera SPT, คลื่นวิทยุ และ Emface Submentum สามารถช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                                                                                                                Emface submentum

                                                                                                                                                                ปัญหาผิวแบบไหน ที่ต้องรักษาด้วย Emface submentum

                                                                                                                                                                การทำ Emface submentum เป็นวิธีการยกกระชับและลดไขมันบริเวณคางและเหนียงที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวและลักษณะดังต่อไปนี้

                                                                                                                                                                1. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยเมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับเนื่องจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย การทำ Emface submentum จะช่วยยกกระชับชั้นผิวและกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวกลับมาดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
                                                                                                                                                                2. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ไขมันสะสมบริเวณใต้คางการสะสมของไขมันบริเวณใต้คางหรือเหนียงเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ ซึ่งมักเกิดจากพันธุกรรม น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หรือการเสื่อมสภาพของผิวหนัง การทำ Emface submentum จะช่วยลดไขมันใต้คาง ทำให้คางเรียวและใบหน้าดูได้สัดส่วนมากขึ้น
                                                                                                                                                                3. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ คางสองชั้น (Double Chin)คางสองชั้นหรือ Double Chin เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันและความหย่อนคล้อยของผิว การทำ Emface submentum สามารถลดคางสองชั้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้คางและใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้น
                                                                                                                                                                4. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผู้ที่ไม่ต้องการการผ่าตัดสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง แต่ไม่ต้องการการผ่าตัด การทำ Emface submentum เป็นทางเลือกที่ดี เพราะวิธีนี้ไม่ต้องมีการผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น และมีระยะเวลาพักฟื้นที่สั้น
                                                                                                                                                                5. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผู้ที่มีปัญหาผิวจากการสูญเสียคอลลาเจนเมื่อผิวสูญเสียคอลลาเจนจะทำให้ผิวบางลงและขาดความกระชับ การทำ Emface submentum จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงและกระชับขึ้น
                                                                                                                                                                6. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ปัญหาผิวจากการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอาจทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณคางและลำคอ การทำ Emface submentum เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไขมันสะสมใต้คาง หรือคางสองชั้น ซึ่งการรักษานี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดไขมันและยกกระชับผิว แต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์และกระชับยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

                                                                                                                                                                Emface Submentum VS เทคนิคลดเหนียง ไขมันใต้คาง แบบอื่น ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                การลดเหนียงและไขมันใต้คางเป็นสิ่งที่หลายคนสนใจและมีเทคนิคหลากหลายที่สามารถเลือกใช้ได้
                                                                                                                                                                แต่ละเทคนิคมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้:

                                                                                                                                                                1. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย Emface Submentum

                                                                                                                                                                Emface submentum เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานเพื่อยกกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง โดยไม่ต้องผ่าตัด

                                                                                                                                                                • Emface Submentumมี ข้อดี
                                                                                                                                                                  • ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้นนาน
                                                                                                                                                                  • ผลลัพธ์เห็นได้เร็ว และผิวดูเต่งตึงขึ้นในทันทีหลังทำ
                                                                                                                                                                  • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
                                                                                                                                                                • Emface Submentumมี ข้อเสีย
                                                                                                                                                                  • อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษา
                                                                                                                                                                    แต่จะหายไปในไม่กี่วัน
                                                                                                                                                                  • ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                                2. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย Ulthera SPT

                                                                                                                                                                Ulthera
                                                                                                                                                                SPTใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อยกกระชับชั้นผิวลึกถึงระดับ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System)

                                                                                                                                                                • Ulthera SPT มีข้อดี
                                                                                                                                                                  • ใช้พลังงานที่มีความแม่นยำสูงในการยกกระชับผิวในชั้นลึก
                                                                                                                                                                  • ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
                                                                                                                                                                  • ไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้น
                                                                                                                                                                • Ulthera SPT มีข้อเสีย
                                                                                                                                                                  • อาจมีความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการทำ เช่น
                                                                                                                                                                    ความรู้สึกอุ่นหรือเจ็บเล็กน้อย
                                                                                                                                                                  • ผลลัพธ์ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนเพื่อเห็นผลชัดเจน

                                                                                                                                                                3. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วยการดูดไขมันใต้คาง (Liposuction)

                                                                                                                                                                การดูดไขมันใต้คางเป็นการผ่าตัดเพื่อนำไขมันออกจากบริเวณใต้คาง

                                                                                                                                                                • การดูดไขมันใต้คางมี ข้อดี
                                                                                                                                                                  • ผลลัพธ์ถาวรและลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                                                                                                                                                                  • ทำให้คางและใบหน้าดูเรียวและได้รูปมากขึ้น
                                                                                                                                                                • การดูดไขมันใต้คางมี ข้อเสีย:
                                                                                                                                                                  • ต้องผ่าตัดและมีระยะเวลาพักฟื้น
                                                                                                                                                                  • อาจเกิดแผลเป็นและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

                                                                                                                                                                4. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย RF (Radiofrequency)

                                                                                                                                                                การใช้คลื่นวิทยุเพื่อกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง โดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว

                                                                                                                                                                • RF (Radiofrequency)มี ข้อดี
                                                                                                                                                                  • ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
                                                                                                                                                                  • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้น
                                                                                                                                                                • RF (Radiofrequency)มี ข้อเสีย
                                                                                                                                                                  • ต้องทำหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลชัดเจน
                                                                                                                                                                  • ผลลัพธ์อาจไม่นานเท่าวิธีการผ่าตัด

                                                                                                                                                                5. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วยเลเซอร์ (Laser Lipolysis)

                                                                                                                                                                เลเซอร์ Lipolysis ใช้เลเซอร์ในการลดไขมันใต้คางและกระชับผิว

                                                                                                                                                                • เลเซอร์มี ข้อดี
                                                                                                                                                                  • ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
                                                                                                                                                                  • ผลลัพธ์เห็นได้ชัดและรวดเร็ว
                                                                                                                                                                • เลเซอร์มี ข้อเสีย
                                                                                                                                                                  • อาจต้องทำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                                                                                                                                                  • อาจมีอาการบวมและแดงหลังทำ

                                                                                                                                                                การลดเหนียงและไขมันใต้คางมีหลายเทคนิคให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล การยกกระชับและลดไขมันเหนียงด้วย Emface submentum เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและไขมันใต้คาง โดยการเลือกเทคนิคที่เหมาะสมและคลินิกที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                                หากคุณกำลังมองหาวิธีลดไขมันเหนียง คางสองชั้น และต้องการยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อแบบธรรมชาติ Emface submentum ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ ที่รมย์รวินท์คลินิกนับว่าเป็นสถาบันความงานชั้นอันดับต้นๆ ของประเทศ มีบริการ Emface submentum ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ควบคู่ไปกับความปลอดภัยของคุณ

                                                                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                  เทียบให้ชัด โปรแกรมยกกระชับหน้า 3 รุ่นยอดฮิต ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                  เครื่องยกกระชับ

                                                                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                    หากคุณกำลังมองหาที่สำหรับการยกกระชับผิวหน้าและสงสัยว่าจะไปที่ไหนดี รมย์รวินท์คลินิกเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด เรามีเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น Thermage FLX , Ulthera และ Emface เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีและดูเป็นธรรมชาติ คลินิกของเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณมั่นใจในความงามและความอ่อนเยาว์ที่คงอยู่

                                                                                                                                                                    การดูแลความงามกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายคนในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทคโนโลยีในการยกกระชับผิวหน้า ก้าวหน้าอย่างมากมีโปรแกรมยกกระชับหลายรุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโปรแกรมยกกระชับ 3 รุ่นมาแรง ได้แก่ Thermage FLX , Ulthera และ Emface พร้อมกับเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของแต่ละโปรแกรม

                                                                                                                                                                    โปรแกรมยกกระชับหน้าคืออะไร

                                                                                                                                                                    โปรแกรมยกกระชับคืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอย และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเต่งตึง เทคโนโลยีที่ใช้ในโปรแกรมยกกระชับมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                    เทคโนโลยีหลักที่ใช้ในโปรแกรมยกกระชับหน้า

                                                                                                                                                                    1. เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency)เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงในการสร้างความร้อนในชั้นผิวลึก ความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวหน้าดูกระชับและลดริ้วรอยได้
                                                                                                                                                                    2. เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ (Ultrasound)เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อสร้างความร้อนในชั้นผิวลึก การทำงานของคลื่นเสียงจะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูกระชับและเรียบเนียน
                                                                                                                                                                    3. เทคโนโลยีเลเซอร์ (Laser)เทคโนโลยีนี้ใช้แสงเลเซอร์ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ความร้อนจากเลเซอร์ช่วยทำลายเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
                                                                                                                                                                    4. เทคโนโลยีการสั่นสะเทือนและแสง (Vibration and Light Therapy)เทคโนโลยีนี้ใช้การสั่นสะเทือนและแสงเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใส

                                                                                                                                                                    ข้อดีของการใช้โปรแกรมยกกระชับหน้า

                                                                                                                                                                    • ลดริ้วรอยและเส้นริ้วรอยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวช่วยลดริ้วรอยและเส้นริ้ว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน
                                                                                                                                                                    • ยกกระชับผิวหน้าความร้อนที่เกิดจากเทคโนโลยีต่างๆ ช่วยยกกระชับผิวหน้าให้ดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์
                                                                                                                                                                    • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวทำให้ผิวดูสดใสและมีความยืดหยุ่น
                                                                                                                                                                    • ไม่มีแผลผ่าตัดการใช้โปรแกรมยกกระชับหน้าไม่ต้องมีการผ่าตัด ทำให้ไม่มีแผลและเวลาพักฟื้นน้อย
                                                                                                                                                                    • ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนผู้ใช้สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังการทำเพียงไม่กี่ครั้ง

                                                                                                                                                                    ข้อควรระวังในการใช้โปรแกรมยกกระชับหน้า

                                                                                                                                                                    • การเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมการเลือกโปรแกรมยกกระชับหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                                                                                                                                                    • การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้โปรแกรมยกกระชับหน้าเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัย
                                                                                                                                                                    • การดูแลหลังการทำหลังการใช้โปรแกรมยกกระชับ ควรดูแลผิวให้ดีและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ผิวฟื้นฟูและคงผลลัพธ์ที่ดี

                                                                                                                                                                    การใช้โปรแกรมยกกระชับหน้าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการดูแลผิวหน้า ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น การเลือกใช้เโปรแกรมยกกระชับที่เหมาะสมและการดูแลผิวหลังการทำเป็นสิ่งสำคัญในการคงผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

                                                                                                                                                                    ชั้นผิว SMAS คืออะไร

                                                                                                                                                                    SMAS ย่อมาจาก Superficial Musculo-Aponeurotic System เป็นชั้นผิวที่อยู่ระหว่างผิวหนังชั้นบนและกล้ามเนื้อผิวหน้า เป็นระบบกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่ช่วยให้ใบหน้าดูมีรูปทรงและสามารถเคลื่อนไหวได้

                                                                                                                                                                    ชั้นผิว SMAS อยู่บริเวณไหน

                                                                                                                                                                    • ที่ตั้ง: ชั้น SMAS อยู่ลึกลงไปจากชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) โดยอยู่ระหว่างชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อผิวหน้า
                                                                                                                                                                    • ลักษณะ: SMAS ประกอบด้วยเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นใยคอลลาเจนที่เกี่ยวพันกัน มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างรองรับผิวหนังและไขมันใต้ผิว

                                                                                                                                                                    ชั้นผิว SMAS สำคัญอย่างไร

                                                                                                                                                                    • ยกกระชับหน้าpobpad.com/โครงสร้างของผิวหนังและ
                                                                                                                                                                      ชั้น SMAS ทำหน้าที่รองรับและยกกระชับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงและมีรูปทรงที่สวยงาม
                                                                                                                                                                    • การเคลื่อนไหวใบหน้า
                                                                                                                                                                      ระบบกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อในชั้น SMAS ช่วยให้ใบหน้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เช่น การยิ้ม การขมวดคิ้ว หรือการแสดงอารมณ์ต่างๆ
                                                                                                                                                                    • การเชื่อมต่อกับกล้ามเนื้ออื่นๆ
                                                                                                                                                                      ชั้น SMAS เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่นๆ ในใบหน้า ทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าสอดคล้องกัน

                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าบริเวณเนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้องกับผิวในชั้นผิว SMAS

                                                                                                                                                                    การยกกระชับผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพจะต้องทำงานกับชั้น SMAS เนื่องจากเป็นชั้นที่มีบทบาทสำคัญในการรองรับและยกกระชับผิว เทคโนโลยีและวิธีการยกกระชับผิวที่เน้นการกระตุ้นชั้น SMAS จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานขึ้น

                                                                                                                                                                    เทคโนโลยีใดบ้างที่สามารถยกกระชับหน้าบริเวณชั้น SMAS ได้

                                                                                                                                                                    Ulthera SPT


                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าด้วย Ulthera SPT

                                                                                                                                                                    • หลักการทำงาน
                                                                                                                                                                      Ulthera SPT ใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มสูง (High-Intensity Focused Ultrasound หรือ HIFU) ในการสร้างความร้อนในชั้นลึกของผิวหนัง รวมถึงชั้น SMAS ความร้อนนี้จะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่และกระชับคอลลาเจนที่มีอยู่เดิม ทำให้ผิวหน้าดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น


                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX

                                                                                                                                                                    • หลักการทำงานThermage FLX ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency หรือ RF) ในการสร้างความร้อนในชั้นผิวลึก แม้จะไม่ได้เน้นเฉพาะชั้น SMAS แต่ความร้อนจากคลื่นวิทยุก็สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวลึกได้

                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าด้วยการศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift Surgery)

                                                                                                                                                                    • หลักการทำงานศัลยแพทย์จะทำการยกกระชับและจัดเรียงชั้น SMAS ใหม่เพื่อให้ได้รูปทรงใบหน้าที่ต้องการ การผ่าตัดนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานที่สุด แต่ก็มีระยะเวลาพักฟื้นและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด

                                                                                                                                                                    เครื่องยกกระชับ

                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX , Ulthera SPT และ Emface ต่างกันอย่างไร?

                                                                                                                                                                    การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างโปรแกรมยกกระชับหน้าทั้งสามรุ่นที่มาแรง ได้แก่ Thermage FLX ,  Ulthera SPT และ Emface จะช่วยให้คุณเลือกใช้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิวของคุณได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                    ยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX

                                                                                                                                                                    1. เทคโนโลยีการยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX Thermage FLX ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency) ในการทำงาน คลื่นวิทยุจะสร้างความร้อนในชั้นผิวลึก (Dermis) และชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous), โดยไม่ทำลายชั้นผิวหนังกำพร้า (Epidermis)ความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และกระชับคอลลาเจนที่มีอยู่เดิม
                                                                                                                                                                    2. ข้อดีการยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX
                                                                                                                                                                      • ไม่ต้องผ่าตัด
                                                                                                                                                                      • ไม่ต้องมีเวลาพักฟื้นหลังการรักษา
                                                                                                                                                                      • ใช้เวลาในการรักษาน้อย (ประมาณ 45 นาทีถึง 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา)
                                                                                                                                                                    3. ข้อเสียการยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX
                                                                                                                                                                      • ผลลัพธ์อาจจะไม่ชัดเจนทันที ต้องรอระยะเวลาประมาณ 2-6 เดือนจึงจะเห็นผลเต็มที่
                                                                                                                                                                      • อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

                                                                                                                                                                    ยกกระชับหน้าด้วย Ulthera SPT

                                                                                                                                                                    1. เทคโนโลยีการยกกระชับหน้าด้วยUlthera SPTUlthera SPTใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มสูง (High-Intensity Focused Ultrasound หรือ HIFU) ในการทำงาน คลื่นอัลตราซาวด์จะสร้างความร้อนในชั้นลึกของผิวหนัง (SMAS layer) ที่เป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ศัลยกรรมดึงหน้า ความร้อนนี้จะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่
                                                                                                                                                                    2. ข้อดีการยกกระชับหน้าด้วย Ulthera SPT
                                                                                                                                                                      • ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน
                                                                                                                                                                      • ทำเพียงครั้งเดียวผลลัพธ์อาจคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
                                                                                                                                                                      • เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการทำ และผลลัพธ์จะดีขึ้นในระยะเวลา 2-3 เดือน
                                                                                                                                                                    3. ข้อเสียการยกกระชับหน้าด้วย Ulthera SPT 
                                                                                                                                                                      • อาจมีความเจ็บปวดในขณะทำการรักษา
                                                                                                                                                                      • ราคาค่อนข้างสูง

                                                                                                                                                                    emface


                                                                                                                                                                    ยกกระชับหน้าด้วย Emface

                                                                                                                                                                    1. เทคโนโลยีการยกกระชับหน้าด้วย Emface Emface ใช้เทคโนโลยีการสั่นสะเทือนและแสง (Vibration and Light Therapy) รวมกัน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและการผลิตคอลลาเจน โดยการสั่นสะเทือนจะช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าแข็งแรงขึ้นและแสงจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
                                                                                                                                                                    2. ข้อดีการยกกระชับหน้าด้วย Emface
                                                                                                                                                                      • ไม่เจ็บปวดขณะทำการรักษา
                                                                                                                                                                      • ใช้เวลาทำการรักษาน้อย
                                                                                                                                                                      • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดริ้วรอย
                                                                                                                                                                    3. ข้อเสียการยกกระชับหน้าด้วย Emface
                                                                                                                                                                      • ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนเท่ากับเทคโนโลยีอื่น ๆ
                                                                                                                                                                      • อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

                                                                                                                                                                    ตารางเปรียบเทียบ Thermage FLX , Ulthera SPTและ Emface มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร?

                                                                                                                                                                    คุณสมบัติ Thermage FLX Ulthera SPT Emface
                                                                                                                                                                    เทคโนโลยี คลื่นวิทยุ (Radiofreqency) คลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) การสั่นสะเทือนและแสง (Vibration and Light Therapy)
                                                                                                                                                                    ผลลัพธ์ ลดริ้วรอย, กระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับหน้า, กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย, เพิ่มความชุ่มชื้น
                                                                                                                                                                    ระดับความเจ็บปวด น้อย ปานกลาง น้อย
                                                                                                                                                                    ระยะเวลาในการทำหัตถการ รวดเร็ว ยาวนาน รวดเร็ว
                                                                                                                                                                    ระยะเวลาผลลัพธ์ ปานกลาง ยาวนาน ปานกลาง
                                                                                                                                                                    ข้อดี ไม่มีแผล, ใช้เวลาน้อย ผลลัพธ์ชัดเจน, ทำครั้งเดียว ไม่เจ็บ, ใช้เวลาน้อย
                                                                                                                                                                    ข้อเสีย ต้องทำซ้ำหลายครั้ง มีความเจ็บปวดขณะทำ ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่าเทคโนโลยีอื่นๆ

                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX , Ulthera SPT และ Emface ควรเลือกโปรแกรมไหนดี

                                                                                                                                                                    การเลือกโปรแกรมยกกระชับหน้าที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย รวมถึงสภาพผิว งบประมาณ ความคาดหวังของผลลัพธ์ และความอดทนต่อความเจ็บปวด บทความนี้จะช่วยให้คุณทำความเข้าใจและเปรียบเทียบโปรแกรมยกกระชับหน้า 3 รุ่น ได้แก่ Thermage FLX , Ulthera SPT และ Emface เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

                                                                                                                                                                    ปัจจัยในการเลือกโปรแกรมยกกระชับหน้า

                                                                                                                                                                    1. สภาพผิว
                                                                                                                                                                      • ผิวของแต่ละคนมีลักษณะและปัญหาที่แตกต่างกัน การเลือกโปรแกรมยกกระชับหน้าที่เหมาะสมควรพิจารณาจากสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข เช่น ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือความไม่สม่ำเสมอของผิว
                                                                                                                                                                    2. งบประมาณ
                                                                                                                                                                      • งบประมาณเป็นปัจจัยที่สำคัญ เนื่องจากการทำโปรแกรมยกกระชับมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ควรเลือกโปรแกรมที่อยู่ในงบประมาณที่สามารถรับได้
                                                                                                                                                                    3. ความคาดหวังของผลลัพธ์
                                                                                                                                                                      • ผลลัพธ์ที่ต้องการก็เป็นปัจจัยสำคัญ หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน Ulthera SPT อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการการรักษาที่ไม่เจ็บปวด Emface อาจเหมาะสมกว่า
                                                                                                                                                                    4. ความอดทนต่อความเจ็บปวด
                                                                                                                                                                      • การทำโปรแกรมยกกระชับบางประเภทอาจมีความเจ็บปวดขณะทำ เช่น Ulthera SPT หากคุณมีความอ่อนไหวต่อความเจ็บปวด อาจพิจารณา Thermage FLX หรือ Emface ที่มีความเจ็บปวดน้อยกว่า

                                                                                                                                                                    ข้อควรพิจารณาในการเลือกโปรแกรมยกกระชับหน้า

                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX

                                                                                                                                                                    • เหมาะสำหรับ
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการการรักษาที่ไม่ต้องมีเวลาพักฟื้น
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่มีงบประมาณปานกลาง
                                                                                                                                                                    • ไม่เหมาะสำหรับ
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการการรักษาเพียงครั้งเดียว

                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าด้วย Ulthera SPT

                                                                                                                                                                    • เหมาะสำหรับ
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการการรักษาเพียงครั้งเดียว
                                                                                                                                                                    • ไม่เหมาะสำหรับ
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่มีความอ่อนไหวต่อความเจ็บปวด
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

                                                                                                                                                                    การยกกระชับหน้าด้วย Emface

                                                                                                                                                                    • เหมาะสำหรับ
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการการรักษาที่ไม่เจ็บปวด
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยเล็กน้อย
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่มีงบประมาณปานกลางถึงสูง
                                                                                                                                                                    • ไม่เหมาะสำหรับ
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว
                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ต้องการการรักษาเพียงครั้งเดียว

                                                                                                                                                                    การเลือกโปรแกรมยกกระชับหน้าที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและเงื่อนไขของแต่ละบุคคล หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน Ulthera SPT อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากคุณต้องการการรักษาที่ไม่เจ็บปวด Emface อาจเหมาะสมกว่า สำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาที่ไม่มีแผลและใช้เวลาน้อย Thermage FLX อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                                    การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามก่อนการตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด การดูแลหลังการทำก็เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้คงอยู่นานและผิวของคุณได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่

                                                                                                                                                                    ยกกระชับหน้าที่รมย์รวินทร์คลินิกดีอย่างไร ทำไมถึงต้องเลือกที่นี่

                                                                                                                                                                    ในยุคปัจจุบัน ความงามและการดูแลผิวหน้าเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญมากขึ้น การมีผิวหน้าที่กระชับและอ่อนเยาว์ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่ยังช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ “การยกกระชับผิวหน้า” กลายเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

                                                                                                                                                                    ทำไมการยกกระชับผิวหน้าจึงเป็นที่นิยม

                                                                                                                                                                    การยกกระชับผิวหน้า (Facial Lifting) เป็นกระบวนการที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ลดริ้วรอยและรอยย่นต่างๆ โดยใช้เทคนิคและโปรแกรมมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย กระบวนการนี้ช่วยเพิ่มความกระชับของผิวหน้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสดใสมากขึ้น

                                                                                                                                                                    รมย์รวินทร์คลินิก ที่หนึ่งในด้านการยกกระชับผิวหน้า

                                                                                                                                                                    รมย์รวินทร์คลินิกเป็นคลินิกที่มีชื่อเสียงในด้านการให้บริการยกกระชับผิวหน้าด้วยเทคนิคและโปรแกรมมือที่ทันสมัย มาดูกันว่าทำไมคุณถึงควรเลือกใช้บริการที่นี่

                                                                                                                                                                    1. เทคนิคที่ทันสมัยและปลอดภัย

                                                                                                                                                                    ที่รมย์รวินทร์คลินิก เราใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เช่น การใช้เลเซอร์ (Laser), อัลตราซาวนด์ (Ultrasound), และการฉีดโบเพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้า ทุกเทคนิคถูกออกแบบมาเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยต่อผู้รับบริการ

                                                                                                                                                                    2. ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

                                                                                                                                                                    เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้ในด้านการยกกระชับผิวหน้าโดยเฉพาะ ทุกขั้นตอนจะถูกดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและใส่ใจในทุกรายละเอียด

                                                                                                                                                                    3. การวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียด

                                                                                                                                                                    ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการยกกระชับผิวหน้า ที่รมย์รวินทร์คลินิก เราจะทำการวิเคราะห์สภาพผิวของคุณอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถเลือกใช้เทคนิคและวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผิวหน้าของคุณ

                                                                                                                                                                    4. ผลลัพธ์ที่ยาวนาน

                                                                                                                                                                    การยกกระชับผิวหน้าที่รมย์รวินทร์คลินิกไม่เพียงแต่ให้ผลลัพธ์ที่ทันที แต่ยังมีผลลัพธ์ที่ยาวนาน ด้วยการดูแลและการใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ผิวหน้าของคุณจะดูอ่อนเยาว์และกระชับได้เป็นเวลานาน

                                                                                                                                                                    5. บรรยากาศและการบริการที่อบอุ่น

                                                                                                                                                                    นอกจากเทคนิคและการดูแลที่มีคุณภาพ เรายังให้ความสำคัญกับบรรยากาศและการบริการที่อบอุ่น ทุกครั้งที่คุณมาใช้บริการที่รมย์รวินทร์คลินิก คุณจะรู้สึกผ่อนคลายและได้รับการดูแลอย่างเต็มที่

                                                                                                                                                                    การยกกระชับผิวหน้าเป็นวิธีที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์และเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณ ที่รมย์รวินทร์คลินิก เรามีเทคนิคที่ทันสมัย ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการบริการที่มีคุณภาพ เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่ให้บริการยกกระชับผิวหน้าที่มีคุณภาพ รมย์รวินทร์คลินิกคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

                                                                                                                                                                    อย่ารอช้า มาร่วมสร้างความงามและความอ่อนเยาว์ไปพร้อมกับเราที่รมย์รวินทร์คลินิก

                                                                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                      NU Pico Laser คืออะไร ? ช่วยอะไร ? เหมาะกับใคร ?

                                                                                                                                                                      pico


                                                                                                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                        NU PICO BRIGHT
                                                                                                                                                                        ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser เคลียร์ปัญหา เม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท CUTERA เป็นเทคโนโลยีที่สามารถแก้ปัญหาเม็ดสีผิวได้หลากหลาย รวมทั้งยังมีความพิเศษในด้านการจับเม็ดสีที่มีขนาดเล็กได้ดีกว่าโปรแกรมอื่น ๆ เพื่อให้เซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายได้กำจัดเม็ดสีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ออกจากร่างกายไปตามกระบวนการของธรรมชาติ

                                                                                                                                                                        เนื่องจาก NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำมีความยาวของคลื่นอยู่ที่ 532 และ 1,064 นาโนเมตร มีความถี่ในระยะเวลา 750 พิโควินาที ซึ่งนับว่าเป็นความถี่มีความสูงมาก และยังสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยา Photo-acoustic หรือปฏิกิริยาที่ไม่ทำให้เกิดการสะสมของความร้อน ในระหว่างการยิง NU Pico Laser ทั้งยังทำให้เม็ดสีที่ถูกยิงไปแล้วเกิดการแตกตัวได้ไว และแตกตัวเป็นอย่างดี เหมาะกับการรักษาเม็ดสีผิวสีอ่อน กระลึก ฝ้าแดด ฝ้าตื้น ฝ้าลึก และฝ้าผสม ปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ และยังปรับใบหน้าให้มีความขาวกระจ่างใสมากขึ้น

                                                                                                                                                                        จึงสามารถแก้ปัญหาในด้านของเม็ดสีโดยธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ และปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวหนังในชั้นหนังแท้ (Dermis) อาทิ รอยดำ กระแดด เป็นต้น

                                                                                                                                                                        ไม่เพียงเท่านั้น NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ยังมีโหมด PICO genesis ที่มีพลังงานเสถียรเป็นอย่างมาก และยังเป็นโหมดที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว จึงมีส่วนในการฟื้นฟูผิว ให้มีความสวยงาม เรียบเนียน และให้ผลลัพธ์ที่ดี พักฟื้นไม่นานหลังทำการรักษา

                                                                                                                                                                        และ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ยังมีโหมด Micro Lens Array หรือเรียกโดยย่อกันว่า MLA ที่เป็นโหมดที่เหมาะในการรักษาริ้วรอยแบบตื้น ๆ บนใบหน้า ฝ้าชนิดตื้น รวมทั้งรักษาหลุมสิว นอกจากนี้ โหมด Micro Lens Array นี้ยังช่วยในการจัดเรียงคอลลาเจนใต้ผิวให้มีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้นด้วย NU Pico Laser ทั้งยังมี Hand pieces หลากหลายให้เลือกสรรให้เหมาะกับปัญหา และสภาพผิวหนังของแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                        ลักษณะการทำงานของ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำงานโดยหลักการปล่อยลำแสงเลเซอร์ เพื่อการรักษาและกำจัดเม็ดสีต่าง ๆ จากนั้นจะทำให้เกิดปฏิกิริยา Photo-acoustic เพื่อทำลายเม็ดสีต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการบนผิวหนังให้ค่อย ๆ จาง และหายจนหมดไปในที่สุดจากผิว โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายจากการสะสมของความร้อน ไม่เป็นแผลเป็น ไม่มีผลข้างเคียง หากทำการรักษาโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ จึงเป็นโปรแกรมที่แพทย์มักแนะนำ เนื่องจากเหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดเม็ดสีต่าง ๆ บนผิวหนัง แต่ไม่มีเวลาในการพักฟื้นนาน ไม่เจ็บ ไม่แสบ และใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่มาก

                                                                                                                                                                        pico

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser ใช้เวลาในการทำแต่ละครั้งนานเท่าไร

                                                                                                                                                                        ระยะเวลาในการทำ NU Pico Laser ในแต่ละครั้งแพทย์จะใช้เวลาในการยิง เพื่อทำการรักษาประมาณ 15 – 30 นาที (ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ จำนวนช็อตที่แพทย์ประเมิน และใช้ในการยิงเพื่อทำการรักษา)

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser ใช้ความถี่ในการทำกี่ครั้งในแต่ละปัญหา

                                                                                                                                                                        ระยะเวลาและความถี่ในการทำ NU Pico Laser

                                                                                                                                                                        • ทำ NU Pico Laser ในการช่วยปรับผิวให้มีความขาวกระจ่างใส ควรทำติดต่อกันจำนวน 4-6 ครั้ง
                                                                                                                                                                        • ทำ NU Pico Laser ในการรักษาฝ้า กระ ควรทำการรักษาเป็นระยะเวลา 2 – 4 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง ติดต่อกันจำนวน 5 – 6 ครั้ง
                                                                                                                                                                        • ทำ NU Pico Laser ในการรักษาจุดด่างดำฝังลึก ควรทำการรักษาเป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 4-6 ครั้ง
                                                                                                                                                                        • ทำ NU Pico Laser ในการลดริ้วรอย ควรทำการรักษา 4 สัปดาห์ ต่อ 1ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 5 – 6 ครั้ง
                                                                                                                                                                        • ทำ NU Pico Laser ในการปรับผิวหน้าที่หมองคล้ำให้กลับมาสดใสตามเดิม ควรทำการรักษา 4 สัปดาห์ ต่อ 1ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 5 – 6 ครั้ง
                                                                                                                                                                        • ทำ NU Pico Laser ในการช่วยปรับผิวหน้าที่หมองคล้ำให้ดูสวยสดใสมากขึ้น ควรทำ ติดต่อกันจำนวน 4-6 ครั้ง

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำแก้ปัญหาเรื่องใดได้บ้าง

                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาเรื่องรอยแดง รอยดำจากสิวได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาเรื่องฝ้า ตื้น ฝ้าลึก ฝ้าผสมได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาเรื่องกระแดดได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาผิวไม่กระจ่างใสได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหารูขุมขนกว้างได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาหลุมสิวได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหารอยแผลเป็นได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหารอยแตกลายได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียนได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาจุดด่างดำได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้


                                                                                                                                                                        ข้อดีของ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ นอกจากการลดเม็ดสีแล้ว ยังช่วยในการทำให้ผิวมีคุณภาพและมีความแข็งแรงที่มากขึ้น
                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ การช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวไปพร้อม ๆ กันในระหว่างทำการรักษา
                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ สามารถทำได้ในผู้ใช้บริการทุกสภาพผิว
                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ สามารถทำได้ในผู้ใช้บริการทุกสีผิว
                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ ได้รับรองความปลอดภัยจาก US FDA
                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ เห็นผลลัพธ์ในการรักษาตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งหลังจากเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ ไม่ต้องผ่าตัด
                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ ไม่ทิ้งสะเก็ด ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังทำ
                                                                                                                                                                        • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ สามารถปรับพลังงานได้หลายระดับตามความเหมาะสมในการรักษา


                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำเหมาะกับใคร ?

                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีฝ้าตื้น ฝ้าลึก และฝ้าผสม
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีกระตื้น กระลึก กระแดด
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีรอยดำจากสิว
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิว
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีผิวเรียบเนียนกระจ่างใส
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยแตกลาย
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีปาน และต้องการเอาออก

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำไม่เหมาะกับใคร ?

                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับหญิงที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ 
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับหญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ โรค SLE ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผิวหนังติดเชื้อ หรือเป็นแผลสด 
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวอักเสบ หรือสิวหนอง บริเวณที่จะทำ NU Pico Laser
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังบอบบาง ผิวแพ้ง่าย อาจมีโอกาสเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ 
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังให้นมบุตร
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง

                                                                                                                                                                        ดังนั้นหากต้องการทำ NU Pico Laser ควรทำการปรึกษาแพทย์ และแจ้งแพทย์ถึงสภาวะต่าง ๆ ในร่างกายให้ละเอียด เนื่องจากทุกการทำหัตถการสามารถมีผลข้างเคียงได้ หากร่างกายของผู้เข้ารับบริการไม่มีความพร้อมสำหรับการรักษาที่มากพอ


                                                                                                                                                                        การเตรียมตัวก่อนทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                                                                        ก่อนเข้ารับบริการ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตัวดังนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีหลังทำการรักษา

                                                                                                                                                                        • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรหลีกเลี่ยงการออกแดด หรือสัมผัสแสงแดดจัดขั้นต่ำ 4-6 วันก่อน เข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                        • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ เป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นการเตรียมผิวก่อนเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                        • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA และเรตินอยด์ ก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในการทำ NU Pico Laser  ได้ง่ายกว่าปกติ
                                                                                                                                                                        • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรบำรุงผิวด้วยครีมบำรุง ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น เตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                        • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง 4-6 วันก่อนเข้ารับบริการ

                                                                                                                                                                        ขั้นตอนการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                                                                        การทำ NU Pico Laser มีขั้นตอน ดังนี้

                                                                                                                                                                        • ผู้เข้ารับบริการทำการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับบริเวณ และปัญหาที่ต้องการทำการรักษา
                                                                                                                                                                        • แพทย์ผู้มีประสบการณ์ทำการตรวจประเมินปัญหาสภาพผิว รวมทั้งทำการวางแผนการรักษา
                                                                                                                                                                        • จากนั้นผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้า และเก็บผมให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำ NU Pico Laser
                                                                                                                                                                        • แพทย์ทำการยิง NU Pico Laser ตามจำนวนช็อต และความร้อนในระดับที่เหมาะสม
                                                                                                                                                                        • เมื่อแพทย์ทำการยิง NU Pico Laser เสร็จแล้ว ผู้ช่วยแพทย์จะทำการประคบเย็นในบริเวณที่ทำการรักษา ประมาณ 10-15 นาที
                                                                                                                                                                        • ผู้ช่วยแพทย์ทาครีมบำรุงสูตรพิเศษของ รมย์รวินท์คลินิก โดยเฉพาะ ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นหลังการทำ NU Pico Laser เป็นอันเสร็จ

                                                                                                                                                                        pico

                                                                                                                                                                        การดูแลตัวเองหลังการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                                                                        การทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ จำเป็นต้องดูแลตัวเองตามแพทย์สั่ง ดังนี้

                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser หากมีอาการแสบร้อนในบริเวณที่ทำ ผู้เข้ารับบริการสามารถประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการแสบร้อนดังกล่าวได้
                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser ควรทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์มาก ๆ เป็นประจำ เพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิว และเพื่อการฟื้นฟูของผิวในบริเวณที่ทำการรักษา
                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดให้สัมผัสกับแสงแดดเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากใบหน้าหลังจากการทำ NU Pico Laser จะมีความไวต่อแดดมากกว่าผิวหนังปกติ อาจทำให้ผิวคล้ำกว่าปกติ หรือไหม้จากการโดนแสงแดดได้
                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดเล่นกีฬากลางแจ้ง เพื่อป้องกันผิวโดนแดด
                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง 50 PA+++ ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันผิวหน้าจากแสงแดด
                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดการถู นวด แกะ หรือเกาในผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษา
                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดรับประทานปลาร้า และของหมักดอง เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว
                                                                                                                                                                        • หลังการทำ NU Pico Laser ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ที่มีความร้อน การแช่น้ำร้อนหรือ การอบซาวน่า อย่างน้อย 1-2 วัน

                                                                                                                                                                        ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำหลังการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                                                                        หลังจากทำการรักษาด้วย NU Pico Laser แล้วผิวหนังในบริเวณที่ทำการรักษา อาจเกิดอาการบวม แดง หรืออักเสบขึ้นมาได้ โดยอาการเหล่านี้เป็นอาการที่สามารถหายได้เองภายในระยะเวลา 1-2 วัน โดยไม่ต้องกังวล

                                                                                                                                                                        ข้อจำกัดในการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

                                                                                                                                                                        ในการทำ NU Pico Laser ในกลุ่มคนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิว เช่น การมีโรคผิวหนัง หรือมีผิวที่บอบบางกว่าปกติ ไม่ใช่กลุ่มที่ไม่สามารถทำการรักษา แต่เป็นคนไข้ในกลุ่มที่ต้องทำการปรึกษาแพทย์โดยละเอียดมากกว่าปกติ เพื่อให้แพทย์แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังการเข้ารับบริการอย่างละเอียด ให้คนไข้ในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบในการทำ NU Pico Laser อย่างน้อยที่สุด

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ เห็นผลหลังจากทำแล้วกี่ครั้ง

                                                                                                                                                                        การทำ NU Pico Laser ในแต่ละคนจะเห็นผลลัพธ์ในการทำที่แตกต่างกัน เนื่องจากปัญหาของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน และสภาพผิวของแต่ละบุคคลยังไม่เหมือนกันด้วย แต่โดยปกติแล้วหากเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับเม็ดสีผิว โดยทั่วไปสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การทำ NU Pico Laser ในครั้งแรก โดยไม่ใช่การที่เม็ดสีนั้นหายไปหมดในทีเดียว แต่จะเห็นว่าจางลงนั่นเอง โดยจะเห็นผลว่าจางลงเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ครั้งที่ทำ

                                                                                                                                                                        pico

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ จะทำให้ผิวหน้าบางหรือไม่

                                                                                                                                                                        ไม่บาง เนื่องจากแสงเลเซอร์ที่ใช้ใน NU Pico Laser  จะมีหน้าที่เพียงแค่เข้าไปทำลายเม็ดสีในชั้นผิว และทำการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพียงเท่านั้น จะไม่มีการเกี่ยวข้องหรือไปรบกวนเซลล์ผิวอื่นในผิวหน้า ทำให้บริเวณอื่น หรือผิวหน้าส่วนอื่นที่ไม่ใช่เม็ดสี ได้รับผลกระทบน้อย

                                                                                                                                                                        หลังทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถล้างหน้าได้หรือไม่

                                                                                                                                                                        หลังทำ NU Pico Laser จะสามารถล้างหน้าได้เมื่อทำไปครบ 24  ชั่วโมง เนื่องจากการล้างหน้านั้น อาจไปส่งผลต่อการรักษา และการฟื้นฟูของผิวบริเวณที่ทำ NU Pico Laser ได้ และเมื่อครบ 24 ชั่วโมงสามารถล้างหน้าได้ แต่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เนื่องจากผิวหน้ายังมีความบอบบางอยู่มาก

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยรักษาหลุมสิวได้จริงไหม

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser ช่วยในการรักษาหลุมสิวได้จริง เนื่องจาก NU Pico Laser นั้นจะเข้าไปทำลายเม็ดสีผิว นอกจากนั้นแล้วจะเข้าไปช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนที่อยู่ใต้ชั้นผิว ให้เกิดการสร้างที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยให้คอลลาเจนที่อยู่ใต้ชั้นผิว เกิดการเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น จึงส่งผลให้หลุมสิวที่เป็นนั้น มีความตื้นมากขึ้นนั่นเอง

                                                                                                                                                                        สภาพผิวส่งผลต่อการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือไม่

                                                                                                                                                                        ส่งผลต่อการรักษา เนื่องจากผู้ที่ผิวมันจะตอบสนองต่อการยิง NU Pico Laser ได้มากกว่าผู้ที่มีผิวแห้ง และผู้ที่ผิวมันหลังทำการรักษาใบหน้าจะไม่แห้งเท่าผู้ที่มีผิวแห้ง

                                                                                                                                                                        หลังทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ หากใบหน้ามีความแดงเป็นอันตรายหรือไม่ และสามารถหายได้ในระยะเวลากี่วัน

                                                                                                                                                                        อาการใบหน้าแดง หรือจุดแดงบนใบหน้า หลังทำ NU Pico Laser นับเป็นอาการปกติของการรักษา โดยอาการเหล่านี้จะสามารถหายได้เองในระยะเวลามากที่สุด 3-7 วัน โดยไม่ต้องกังวล

                                                                                                                                                                        pico

                                                                                                                                                                        NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำมีความเจ็บหรือไม่ ต้องใช้ยาชาร่วมในการรักษาหรือไม่

                                                                                                                                                                        ในการทำนั้น จะมีความรู้สึกเพียงเจ็บจี๊ด ๆ และร้อน ๆ อุ่น ๆ ที่ผิวเพียงเท่านั้น หากผู้เข้ารับบริการกลัวเจ็บในระหว่างทำการรักษา สามารถแจ้งแพทย์เพื่อทำการทายาชาก่อนทำการรักษาได้

                                                                                                                                                                        หากทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ไม่ได้มาตรฐานจะเกิดผลข้างเคียงดังต่อไปนี้

                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้จะมีพลังงานที่ไม่เสถียร ทำให้เกิดอันตรายต่าง ๆ ในการรักษาได้ เช่น ผิวไหม้ เบิร์น อันเกิดจากการปรับความร้อนของเครื่อง
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้จะทำให้เกิดอันตรายได้มากมาย ในระหว่างและหลังทำการรักษา
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้อาจเกิดการบาดเจ็บบนผิวหนังได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้อาจทำให้เกิดการเจ็บในระหว่างการรักษาได้
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานมากกว่าเครื่องแท้ เนื่องจากผิวหนังที่ทำการรักษาเกิดความเสียหายที่มากกว่า
                                                                                                                                                                        • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้อาจไม่เห็นผลในการรักษา หรือเห็นผลในระดับที่น้อย

                                                                                                                                                                        ทำไมต้องใช้บริการ NU Pico Laser ที่รมย์รวินทร์คลินิก

                                                                                                                                                                        1. แพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิกมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถ และประสบการณ์ในการทำ NU Pico Laser
                                                                                                                                                                        2. แพทย์ที่รมย์รวินทร์คลินิก สามารถวิเคราะห์ถึงปัญหาของคนไข้ได้อย่างแท้จริง
                                                                                                                                                                        3. ที่รมย์รวินท์คลินิกมีเครื่องที่เป็นเครื่องแท้ ได้มาตรฐาน
                                                                                                                                                                        4. รมย์รวินทร์คลินิกมีการประเมินปัญหาของคนไข้ตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริง
                                                                                                                                                                        5. รมย์รวินท์คลินิกเป็นคลินิกที่มีความสะอาดถูกหลักกระทรวงสาธารณสุข
                                                                                                                                                                        6. รมย์รวินท์คลินิกมีสาขารองรับผู้เข้าใช้บริการมากถึง 28 สาขาทั่วประเทศ
                                                                                                                                                                        7. รมย์รวินท์คลินิกผ่านการทำเคส NU Pico Laser มามากมาย

                                                                                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                          Emface Submentum เก็บเหนียง หน้ายก คืออะไร? เหมาะกับใคร ?

                                                                                                                                                                          Emface Submentum

                                                                                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                                            Emface Submentum


                                                                                                                                                                            Emface Submentum


                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บเหนียง กระชับไขมันใต้คาง พร้อมยกหน้าตัวใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัท BTL บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยียกกระชับกล้ามเนื้อตัวแรกของโลกอย่าง EMFACE ที่ได้รับความนิยมไปแล้วทั่วโลก ถึงผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีและได้ผลจนผู้เข้ารับบริการต้องกลับมาทำซ้ำ จึงเกิดการพัฒนาและต่อยอดจากเทคโนโลยี EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อ

                                                                                                                                                                            ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย และถูกคิดค้นด้านการออกแบบและกระบวนการทำงานมาเป็นอย่างดี ทางบริษัทจึงพัฒนา Applicator ขึ้นมาเพื่อให้ EMFACE สามารถทำงานได้ครอบคลุมทุกปัญหา และแก้ปัญหาบนใบหน้าได้เป็นอย่างดีมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                            โดย Applicator ดังกล่าวเป็น Applicator ที่ออกแบบมาเพื่อติดในบริเวณใต้คาง โดยจะใช้เพื่อลดไขมัน ลดเหนียง และยกกระชับใบหน้าไปพร้อม ๆ กันนั่นเอง

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ช่วยในการลดเหนียงและไขมันใต้คางได้อย่างไร

                                                                                                                                                                            โดยปกติความเข้าใจเดิมของเรา คือ EMFACE ถูกออกแบบมาเพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อ แล้วทำไมเพียงแค่เปลี่ยน Applicator จึงสามารถทำให้ใช้ในการลดเหนียงและไขมันใต้คางได้ เหตุผลของข้อสงสัยนี้คือการที่ บริษัทใช้  Applicator ในการสื่อนั่นเอง เนื่องจาก Applicator ใหม่ที่พัฒนาขึ้นนั้น ออกแบบมาเพื่อทำงานกับชั้นผิวหนังด้วยกันจึงใช้เทคโนโลยีคลื่น 2 ชนิด คือ Synchronized Radiofrequency มีลักษณะเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความแรงสูง ที่คำนวณค่าความแรงมาอย่างแม่นยำ ทำให้มีความปลอดภัยในการรักษา และคลื่น HIFES™ มีลักษณะเป็นคลื่นวิทยุ ที่ออกแบบมาให้สามารถปล่อยพลังงานคลื่นมา เพื่อให้ทำงานกับทุกชั้นผิว ตั้งแต่ ชั้นผิวหนังด้านนอก ผิวหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และชั้นกล้ามเนื้อ เป็นคลื่นที่มีพลังการรักษาในแบบ non-invasive คือ ไม่ลามไปยันบริเวณที่ไม่ต้องการทำการรักษา หรือชั้นผิวที่ไม่ได้ต้องการให้พลังงานส่งถึง จึงไม่เกิดอันตรายกับชั้นผิวหน้า หรือใบหน้าในบริเวณข้างเคียงนั่นเอง

                                                                                                                                                                            สามารถจำแนกพลังงานคลื่นของ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก กับการทำงานบนใบหน้าได้ดังนี้

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            พลังงานคลื่น Synchronized RF Plus ใน EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

                                                                                                                                                                            • ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน
                                                                                                                                                                            • ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอิลาสตินใต้ชั้นผิว
                                                                                                                                                                            • ช่วยให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น อิ่มฟูมากขึ้น
                                                                                                                                                                            • ช่วยปรับให้ผิวหน้ามีความเรียบเนียน
                                                                                                                                                                            • ช่วยลดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                                            • ช่วยทำให้ผิวหนังบริเวณใต้คางมีความยืดหยุ่นที่มากขึ้น

                                                                                                                                                                            พลังงานคลื่น HIFES EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

                                                                                                                                                                            • ช่วยในการกระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้า
                                                                                                                                                                            • ช่วยเพิ่มปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อ
                                                                                                                                                                            • ช่วยในการเพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อ
                                                                                                                                                                            • ช่วยเพิ่มความกระชับ และลดความหย่อนคล้อยของบริเวณกล้ามเนื้อคาง
                                                                                                                                                                            • ช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้คางมีความเฟิร์ม แข็งแรงมากขึ้น
                                                                                                                                                                            • ช่วยทำให้กล้ามเนื้อมีความตึงตัวได้ดีมากขึ้น

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ยกกระชับชั้นและช่วยลดผิวหนังชั้นใดบ้าง

                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยยกกระชับชั้นผิวหนังกำพร้า- ช่วยในเรื่องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยยกกระชับชั้นผิวหนังแท้- ช่วยในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน อิลาสติน และผนังเม็ดเลือด
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยลด และหดชั้นไขมันให้มีขนาดเล็กลง- ช่วยในเรื่องกระชับไขมัน ลดขนาดเซลล์ไขมัน และลดเหนียง
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อส่วนบน- ช่วยในเรื่องกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อส่วนลึก- ช่วยในเรื่องการออกกำลังกาย และฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้า

                                                                                                                                                                            สำหรับ Applicator EMFACE Submentum จึงได้มีการออกแบบให้เข้ากับสรีระในบริเวณใต้คาง และวางคลื่นเพื่อให้เหมาะสมกับสรีระใบหน้า โดยด้านข้างเป็นการใช้เพียงคลื่น Synchronized RF Plus และตรงคาง เป็นการใช้ทั้ง 2 คลื่นอย่าง Synchronized RF Plus และ HIFES™ ควบคู่กันไป เพื่อให้ทั้งลดไขมัน และยกกระชับบริเวณเหนียงใต้คางได้อย่างดีที่สุด

                                                                                                                                                                            มากกว่านั้น Applicator อื่นของ EMFACE Submentum ยังสามารถช่วยในการยกกระชับบริเวณแก้ม กรอบหน้า มุมปาก หน้าแก้ม และยังช่วยลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้ EMFACE Submentum เป็นโปรแกรมที่ทำงานกับใบหน้าส่วนล่าง หรือ Lower Face ได้เป็นอย่างดี เปรียบเสมือนการออกกำลังกายใบหน้าทำให้กล้ามเนื้อ เพิ่มเส้นใย เพิ่มคุณภาพของชั้นผิวหนังต่าง ๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้นและแข็งแรงมากขึ้น

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก มีความปลอดภัยในการยกกระชับและลดไขมันอย่างไร

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในไทยและ USFDA จากอเมริกา จึงสามารถการันตีได้ถึงคุณภาพ และความปลอดภัยในการรักษาทั้งด้านการยกกระชับกล้ามเนื้อ และการลดหรือเก็บเหนียง อีกทั้ง EMFACE Submentum ยังมีงานวิจัยออกมาอย่างเป็นทางการว่า เป็นโปรแกรมยกกระชับเพียงโปรแกรมเดียว ที่สามารถช่วยในการยกกระชับผิวหนังได้ลึกถึงชั้น SMAS และชั้น Muscle ทั้งยังสามารถยกกระชับ ปรับความหย่อนคล้อยที่ชั้น Epidermis and Dermis และช่วยลดไขมันในชั้น Superfacial Fat ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ทำช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับชั้นผิวหนังได้เท่าไร อย่างไร

                                                                                                                                                                            เมื่อผู้เข้ารับบริการทำ EMFACE Submentum ครบ 4 ครั้งตาม Protocol EMFACE Submentum จะช่วยเพิ่มคุณภาพของชั้นผิวหนังของใบหน้าได้ ดังนี้

                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มปริมาณของคอลลาเจน(Collagen) ได้ 27% 
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มคุณภาพของคอลลาเจน (Collagen) ได้ 27% 
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มปริมาณของอิลาสติน (Elastin) ได้ 129%
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ ได้ 19.2% 
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อ ได้ 19.2%
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับผิวหนัง ได้ 30% 

                                                                                                                                                                            โดยเปอร์เซ็นต์ทั้งหมดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุดในการทำวิจัยของ EMFACE Submentum เท่านั้น โดยในแต่ละบุคคลผิวหนัง และผิวหน้าอาจเกิดการตอบสนองต่อ EMFACE Submentum ได้ไม่เท่ากัน

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ติด Applicator บริเวณใดบ้าง

                                                                                                                                                                            แผ่น Applicator ของ EMFACE Submentum มีด้วยกัน 3 แผ่นโดยทั้ง 3 แผ่นแปะที่ 3 บริเวณ ดังนี้

                                                                                                                                                                            1. EMFACE Submentum ติด Applicator ที่แก้มด้านซ้าย
                                                                                                                                                                            2. EMFACE Submentum ติด Applicator ที่แก้มด้านขวา
                                                                                                                                                                            3. EMFACE Submentum ติด Applicator ที่บริเวณใต้คาง

                                                                                                                                                                            โดยก่อนทำจะต้องติดแผ่นสื่อ 1 แผ่น ที่บริเวณด้านหลัง เพื่อเป็นตัวนำพาคลื่นทั้งสองคลื่นในการรักษา

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            ข้อดีของ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับใบหน้าในชั้นผิว ได้มากกว่าโปรแกรมอื่น ๆ
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับใบหน้าได้ถึงชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรม
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับใบหน้าได้พร้อมกับการลดไขมันใต้คาง
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ทำการยกกระชับได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้เข็ม
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่ต้องทำการฉีดสารใดใดลงบนใบหน้า
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้ในเวลาอันสั้นเพียง 20 นาที
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่มีอันตราย
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่ต้องกลัวแสบ เจ็บ หรือเบิร์น
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่ต้องใช้ยาชา
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้ถึงเหนียงใต้คาง โดยไม่ต้องใช้ยา
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับ หลังทำไม่มีอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บเหมือนโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ช่วยแก้ปัญหาอะไรบนใบหน้าได้บ้าง

                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหามุมปากตก
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยรอบมุมปาก
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาร่องน้ำหมาก
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้ม
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาแก้มห้อย
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหากระเปาะแก้ม
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมบริเวณใต้คางและเหนียง
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาหน้าตก ดูไม่เป็นมิตร

                                                                                                                                                                            การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            • ก่อนเข้ารับบริการ EMFACE Submentum ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินและวางแผนการรักษา
                                                                                                                                                                            • ก่อนเข้ารับบริการ EMFACE Submentum ควรถอดเก็บเครื่องประดับก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจาก EMFACE Submentum เป็นโปรแกรมที่ต้องติดแผ่นสื่อ การใส่เครื่องประดับ อาจรบกวนการทำงานของพลังงานคลื่นต่าง ๆ ที่ใช้ในการรักษา

                                                                                                                                                                            ขั้นตอนการทำ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            • ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
                                                                                                                                                                            • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าและเก็บผมให้เรียบ เพื่อความสะอาดก่อนเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                            • ผู้ช่วยแพทย์ทำการติดแผ่นสื่อ EMFACE Submentum
                                                                                                                                                                            • แพทย์ทำการจับ คลำกล้ามเนื้อบนใบหน้าอย่างแม่นยำ ก่อนทำการติด Applicator EMFACE Submentum ทั้ง 3 แผ่น
                                                                                                                                                                            • ให้เครื่องทำงานกับใบหน้าเป็นระยะเวลา 20 นาที
                                                                                                                                                                            • เอาแผ่น Applicator ออก เป็นอันเสร็จ

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            การดูแลตัวเองหลังการเข้ารับบริการ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            หลังเข้ารับบริการ EMFACE Submentum สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และเข้ามารับบริการซ้ำจนครบ Protocal เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

                                                                                                                                                                            ใครเหมาะกับการทำ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่ต้องการลด และกระชับเหนียง หรือบริเวณใต้คาง
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีผิวที่เรียบเนียน
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกบริเวณใบหน้าช่วงล่าง
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีแก้มล่าง มีกระเปาะแก้ม
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้ม
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีร่องน้ำหมาก
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่ปากคว่ำ ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่เป็นมิตร
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีโครงหน้าไม่ชัด

                                                                                                                                                                            ใครไม่เหมาะกับการทำ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะในร่างกาย หรือบริเวณที่พลังงานเข้าถึง
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่เคยรักษาโรคต่าง ๆ ด้วยการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการให้เคมีบำบัดหรือคีโม
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะไตวาย
                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลในบริเวณที่เครื่องเข้าถึง

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            ความรู้สึกระหว่างทำ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกเหมือนโดนดึงหน้า
                                                                                                                                                                            • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกเหมือนถูกนวด
                                                                                                                                                                            • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกเหมือนโดนบังคับใบหน้า
                                                                                                                                                                            • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกมีแรงสั่นสะเทือนที่ใบหน้า
                                                                                                                                                                            • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกถึงความอุ่นของ Applicator
                                                                                                                                                                            • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกตึง ๆ ใบหน้า

                                                                                                                                                                            ข้อสังเกตหลังการทำการรักษาด้วย EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            หลังเข้ารับบริการ EMFACE Submentum แล้วใบหน้าอาจมีรอยจากการติดแผ่น Applicator  หรือมีความแดง อมชมพู หลังจากการเข้ารับบริการในบางที ความอุ่นจากพลังงานที่ใช้ในการยกกระชับ เก็บเหนียงอาจยังคงอยู่บนผิวหนัง นับเป็นอาการปกติผู้เข้ารับบริการไม่ต้องกังวล  และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ใช้เวลาในการทำกี่นาที

                                                                                                                                                                            ในการทำ EMFACE Submentum ทุกครั้ง ใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 20 นาทีเท่านั้น

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี

                                                                                                                                                                            เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาเกิดผลดีที่สุด คือ ควรทำให้ครบ Protocal ของโปรแกรม ในระยะเวลาการนัดของแพทย์ คือ 4 ครั้งโดยการเข้ารับบริการสม่ำเสมอทุก 1 สัปดาห์ ติดต่อกันเป็นจำนวน 4 ครั้ง เพื่อให้คงสภาพผลลัพธ์ได้นาน และเป็นผลลัพธ์ที่ดีตามต้องการ

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ควรเว้นระยะเวลาในการทำนานแค่ไหน

                                                                                                                                                                            เมื่อทำครบ 4 ครั้งตาม Protocal แล้ว ควรเว้นระยะเวลาในการทำครั้งต่อไปประมาณ 6-12 เดือน เนื่องจากหลังทำ EMFACE Submentum ครบตามจำนวน 4 ครั้งแล้ว พลังงานคลื่นจะทำงานโดยการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินที่ใต้ผิวหนัง และทำการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลังการรักษามีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตามลำดับจนครบ 1 ปี โดยสามารถทำได้ทุกปีเพื่อให้การรักษาเป็นการรักษาอย่างต่อเนื่อง และส่งผลในระยะยาว

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลลัพธ์ในการรักษา

                                                                                                                                                                            หลังการรักษาด้วย EMFACE Submentum จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำการรักษาในครั้งแรก และจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำในทุกครั้งจนครบ 4 ครั้ง และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนหลังทำครบ 3 เดือน

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            FAQ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

                                                                                                                                                                            • เคยทำคางมาสามารถทำ EMFACE Submentum ได้หรือไม่

                                                                                                                                                                            สามารถทำได้เนื่องจากบริเวณที่ใส่ซิลิโคนกับบริเวณที่ติด Applicator ของ EMFACE Submentum เป็นคนละบริเวณกัน ไม่ส่งผลให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ และไม่ก่อให้เกิดอันตราย

                                                                                                                                                                            • เคยทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่จะต้องติดแผ่น Applicator มา สามารถทำ EMFACE Submentum ได้หรือไม่

                                                                                                                                                                            สามารถทำได้เนื่องจาก EMFACE Submentum เป็นการใช้คลื่นพลังงานในการรักษา โดยคลื่นดังกล่าวจะไม่ไปรบกวนตัวโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และไม่ทำให้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เคลื่อนตัว

                                                                                                                                                                            • ทำ EMFACE Submentum เจ็บเหมือนโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ ไหม

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เป็นโปรแกรมยกกระชับที่ไม่เจ็บ ระหว่างทำ เนื่องจากการทำไม่ได้ใช้การยิงเป็นช็อตหรือ ไลน์แบบโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ แต่เป็นการยกกระชับด้วยพลังงานที่ส่งผ่าน Applicator โดยการทำงานของเครื่องและแผ่นเท่านั้น จึงไม่ทำให้เจ็บระหว่างทำนั่นเอง

                                                                                                                                                                            • ต้องมีอายุเท่าไร จึงจะสามารถทำ EMFACE Submentum ได้

                                                                                                                                                                            สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี หากมีความกังวลในเรื่องกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่กระชับ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินเบื้องต้น สำหรับปัญหาของผู้เข้ารับบริการก่อน เพื่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดที่สุด และจะไม่ทำให้เกิดอันตรายตามมาในอนาคต

                                                                                                                                                                            • ทำ EMFACE Submentum ต้องทายาชาไหม

                                                                                                                                                                            ไม่ต้องทา เพราะไม่มีขั้นตอนไหนในระหว่างที่ทำให้เกิดอาการเจ็บ มีเพียงอาการตึง ๆ  เหมือนถูกนวดหน้า ถูกดึงหน้า และมีความอุ่นจากแผ่นติดเท่านั้น

                                                                                                                                                                            • มีเวลาเพียง 1 ชั่วโมง สามารถทำ EMFACE Submentum ได้ไหม

                                                                                                                                                                            ได้ เพราะเป็นโปรแกรมที่ใช้ระยะเวลาในการรักษาต่อครั้งเพียง 20 นาทีเท่านั้น หากไม่แต่งหน้ามา และทำความสะอาดใบหน้ามาก่อนทำการรักษา ใช้เวลาเพียง 30 นาที ต่อการรักษาก็เพียงพอ

                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum สามารถทำร่วมกับโปรแกรมยกกระชับประเภทอื่น ๆ ได้หรือไม่

                                                                                                                                                                            ได้ เนื่องจากโปรแกรมยกกระชับประเภทอื่น ๆ จะทำหน้าที่ในการยกกระชับชั้นผิวหน้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง รวมทั้งแต่ละเครื่องยังใช้พลังงานในการยกกระชับที่ไม่เหมือนกัน หากมีความกังวลว่าในระยะเวลาระหว่างรอทำ EMFACE Submentum ในครั้งถัดไปมีความนานมากเกินไป สามารถใช้โปรแกรมยกกระชับ และเก็บเหนียงโปรแกรมอื่นร่วมด้วยเพื่อเป็นการ maintain ได้

                                                                                                                                                                            • EMFACE Submentum ลดไขมันได้ต่างจากโปรแกรมลดไขมันอย่างไร

                                                                                                                                                                            EMFACE Submentum เป็นการลดไขมันโดยการใช้พลังงานคลื่น Synchronized RF Plus แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือเป็นการรักษาอย่างตรงจุด ไม่มีการรบกวนบริเวณอื่นหรือชั้นผิวหนังชั้นอื่นที่ไม่ได้ต้องการทำการรักษา ลด และหดชั้นไขมันได้จริง ทั้งยังช่วยในการ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องทายาชา และไม่เจ็บ รวมทั้งยังเป็นการลดไขมันที่ทำการกระชับ และยกผิวให้มีความหย่อนคล้อยไปในตัว ไม่ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยหลังจากลดไขมัน

                                                                                                                                                                            โปรแกรมลดไขมัน เป็นการใช้ตัวยาที่ผลิตจากส่วนผสมต่าง ๆ ในการลดไขมัน อาจก่อให้เกิดการรบกวนผิวหนังในบริเวณอื่นได้ หากแพทย์ที่ทำการรักษาไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ ในบางคนอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ หลังทำอาจมีความบวม แสบ ได้

                                                                                                                                                                            Emface Submentum

                                                                                                                                                                            ทำไมต้องทำ EMFACE Submentum ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                            • เพราะรมย์รวินท์คลินิกมีเครื่องเป็นคลินิก 1 ใน 5 ของประเทศไทย
                                                                                                                                                                            • เพราะรมย์รวินท์คลินิกดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์
                                                                                                                                                                            • เพราะรมย์รวินท์คลินิกมีเครื่องไว้สำหรับให้บริการเป็นจำนวนมาก
                                                                                                                                                                            • เพราะรมย์รวินท์คลินิก พนักงานทุกคนถูกอบรมในการดูแลคนไข้เกี่ยวกับการใช้เครื่องมาเป็นอย่างดี
                                                                                                                                                                            • เพราะรมย์รวินท์คลินิกใช้เครื่องแท้ จากบริษัท BTL สามารถตรวจสอบได้
                                                                                                                                                                            • เพราะรมย์รวินท์คลินิกมีสาขามากมายสำหรับรองรับผู้เข้ารับบริการ

                                                                                                                                                                            หากสนใจเข้ารับบริการ EMFACE Submentum ที่รมย์รวินท์คลินิก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าร้านทั้ง 28 สาขา หรือช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง

                                                                                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                              SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวคืออะไร ?

                                                                                                                                                                              super Hifu



                                                                                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                                                super hifu


                                                                                                                                                                                super hifu


                                                                                                                                                                                SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                เคยเป็นไหม เวลาถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ แล้วต้องหลบด้านหลังเพื่อนอยู่เสมอ ๆ เพราะว่ากลัวหน้าบาน หน้าใหญ่ และรู้หรือไม่ว่าการหน้าบาน และหน้าใหญ่ของคนเรานั้นไม่ได้เกิดจากโครงหน้าของเราตั้งแต่เกิด แต่เกิดจากการหย่อนคล้อย และห้อยตกลงมาของผิวหน้าของคนเราตามอายุ โดยแต่ละช่วงอายุจะมีความหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่มากขึ้น ดังนี้

                                                                                                                                                                                เมื่อมีอายุถึง 20 ปี ผิวหน้าของเราจะเริ่มมีปัญหาเบื้องต้นจากชั้นผิวหนังแท้ เนื่องจากวันนี้ยังมีการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวอยู่ จะลดการผลิตคอลลาเจนเพียงเล็กน้อย โดยจะเห็นได้ว่าเมื่อมีอายุในวัย 20 กลางถึง 20 ปลาย จะเริ่มมี ริ้วรอย ความหย่อนคล้อยเกิดขึ้นต่างจากตอนช่วง Teen age

                                                                                                                                                                                เมื่ออายุเข้าสู่วัย 30 ปี ผิวจะเริ่มขยับไปมีปัญหาในส่วนผิวหนังแท้ที่มากขึ้น รวมทั้งผิวหนังชั้นหนังกำพร้า หรือผิวชั้นนอกเกิดการผลัดตัวช้าลง ในช่วงวัยนี้จะเห็นว่าผิวหน้าจะเริ่มยกหย่อนลงมาอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น จากการที่คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวถูกทำลาย และยังสร้างขึ้นน้อยลง รวมทั้งผิวจะเริ่มมีความหยาบกร้านจากการผลัดตัวช้าของผิวร่วมด้วย

                                                                                                                                                                                เมื่ออายุก้าวเข้าสู่วัย 40 ปี ในวัยนี้ ผิวหนังจะเริ่มมีความอ่อนแอ และเกิดปัญหาได้มากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากคุภาพผิวที่ไม่ดีเท่าเก่า ความหนาแน่นของชั้นผิวไม่เหมือนตอนยังสาว จากการลดของไขมัน และชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างชั้นไขมัน และชั้นกล้ามเนื้อที่เรารู้จักกันในชื่อว่าชั้น SMAS ที่มีหน้าที่ในการยกผิวให้มีความกระชับ ได้เริ่มเสื่อมคุณภาพ ทำให้ความสามารถในการยกกระชับของชั้น SMAS ลดน้อยลง ทำให้ผิวหน้ามีความหย่อนคล้อยลง และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ดูแล

                                                                                                                                                                                และเมื่ออายุเข้าสู่วัย 50 ปี จากที่มีปัญหาผิวอยู่แล้วก็จะยิ่งมีปัญหาผิวมากขึ้นไปอีกขั้น จะเริ่มเห็นว่า รูปหน้าจากที่เคยหงายขึ้นก็จะเริ่มคว่ำ ส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าก็จะเริ่มหย่อน และคล้อยลงมา ปากเริ่มคว่ำ เริ่มมีร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และจะหย่อนคล้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ดูแล เนื่องจากโครงสร้างในส่วนกระดูกของใบหน้าจะมีการทรุด หรือยุบตัวลงเรื่อย ๆ ตามธรรมชาติ จึงทำให้ใบหน้าเริ่มเปลี่ยน กระดูกโหนกแก้มจากที่เคยสูงก็จะยุบตัวลง ทำให้ใบหน้าดูโทรม ตอบลงนั่นเอง

                                                                                                                                                                                นอกจากปัญหาด้านโครงสร้างภายในของใบหน้า และผิวหนังแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ใบหน้าหย่อนคล้อยก็ยังมีมากมาย ที่เราไม่สามารถเลี่ยงปัญหาได้ อาทิเช่น

                                                                                                                                                                                แสงแดด

                                                                                                                                                                                เป็นตัวทำร้ายผิวชั้นดีที่สามารถทำลายคอลลาเจนใต้ผิวได้ ยิ่งเจอมากยิ่งทำลายคอลลาเจนมาก และยังเป็นสิ่งที่สะสมอาการมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะค่อย ๆ ส่งผลให้ใบหน้าหย่อนคล้อยในที่สุด และสามารถทำให้เกิดการหย่อนคล้อยได้มากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่รีบป้องกัน

                                                                                                                                                                                ความเครียด

                                                                                                                                                                                เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผิวในลักษณะทางตรง เนื่องจากเมื่อคนเราเกิดความเครียด ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น เกิดอนุมูลอิสระที่มากขึ้น ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังของเรานั้น ลดออกไปจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ใบหน้าของเราก็จะเกิดความหย่อนคล้อย และเหี่ยวย่นตามมา

                                                                                                                                                                                แรงโน้มถ่วงของโลก

                                                                                                                                                                                ปัจจัยนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความหย่อนคล้อยบนผิวหน้าจริง ๆ เนื่องจากโลกของเราทุกอย่างจะตกลงสู่ด้านล่าง ใบหน้าก็เช่นกัน เมื่อถึงเวลาก็จะตกหย่อนลงมาตามกาลเวลาหากผิวของเราบาง หรือไม่แข็งแรงมากพอ

                                                                                                                                                                                ไขมัน

                                                                                                                                                                                เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับภายในร่างกายของคนเราที่เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันที่เคยอิ่มฟูก็จะลดขนาดชั้นลง ส่งผลให้ผิวไม่กระชับ ไม่อิ่มตัวและหนาชั้นขึ้นเหมือนเดิม และกลายเป็นความหย่อนคล้อยของใบหน้า และผิวหนังในที่สุด

                                                                                                                                                                                การออกกำลังกาย

                                                                                                                                                                                การออกกำลังกายเป็นปัจจัยที่เกิดในบางคนเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยนี้จะเกิดกับผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหักโหมมากจนเกินไป หรือผู้ที่ลดรูปร่าง และสัดส่วนในระยะเวลาอันสั้น  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นผิว ที่กลายเป็นขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ ห้อย และย้อยลงนั่นเอง

                                                                                                                                                                                กิจวัตรประจำวัน

                                                                                                                                                                                การดำเนินชีวิต และการดูแลตัวเองเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อใบหน้าที่หย่อนคล้อย รวมทั้งการสูบบุหรี ดื่มแอลกอลฮอล์ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอก็ส่งผลต่อการไหลเวียนของโลหิตภายในร่างกาย และคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิวเช่นกัน จึงส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยได้ไวมากกว่าปกติ อันเนื่องมาจากการใช้ชีวิตและวิถีชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์ การตากแดดเป็นประจำ ก็ส่งผลต่อสภาพผิว และเป็นสาเหตุในการเกิดการหย่อนคล้อยของใบหน้าได้เช่นกัน

                                                                                                                                                                                พันธุกรรม

                                                                                                                                                                                สภาพผิวก็เป็นสิ่งส่งต่อทางพันธุกรรมเช่นเดียวกันกับสีผิว แต่สิ่งเหล่านี้เมื่อรู้ตัวแล้วสามารถป้องกัน และฟื้นฟูให้มีสภาพ และคุณภาพที่ดีได้

                                                                                                                                                                                อายุ

                                                                                                                                                                                เป็นสิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ซึ่งเมื่อคนเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากคอลลาเจนและอิลาสติน ที่อยู่ใต้ชั้นผิวจะลดจำนวนลงแล้ว ยังเกิดการสร้างที่น้อยลงด้วย จึงส่งผลโดยตรงต่อความยืดหยุ่น  และความแข็งแรงของชั้นผิว ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยมากขึ้น และไม่เต่งตึงเหมือนในวัยเด็กวัยสาวนั่นเอง

                                                                                                                                                                                ปัจจัยเรื่องการพักผ่อน

                                                                                                                                                                                เมื่อเราพักผ่อนโดยการนอนหลับ ร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมน ที่ช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขึ้นมาที่เรียกว่า โกรทฮอร์โมน ซึ่งเมื่อโกรทฮอร์โมนหลั่งออกมาจะออกมา จะช่วยสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในร่างกายด้วย และเมื่อไม่ได้พักผ่อนนอนหลับนั้น โกทธฮอร์โมนในร่างกายจะไม่ได้หลั่งออกมา ผิวของเราก็จะสูญเสียความแข็งแรง ทำให้คุณภาพผิวแย่ขึ้น และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ทั้งหย่อนคล้อย และมีความบอบบาง

                                                                                                                                                                                เมื่อทราบถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้ากันแล้ว มาทำความรู้จักกับวิธีดูแลรักษาใบหน้าให้ไม่หย่อนคล้อย อย่างโปรแกรมสุดฮิตติดลมบน ที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก เพราะอยู่ในแวดวงยกกระชับมาแล้วเกินกว่าสิบปีอย่าง SUPER HIFU โปรแกรมที่ครองใจคนมาแล้วแทบทุกช่วงอายุที่สามารถยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวได้

                                                                                                                                                                                super hifu

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวคืออะไร?

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU (ไฮฟู) ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound เป็นเครื่องโฟกัสอัลตร้าซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูง และมีความจำเพาะเจาะจง สามารถยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมให้เจ็บตัว โดยเน้นการส่งผลลงลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่ทำการห่อหุ้มกล้ามเนื้อ มีลักษณะเส้นใยในตัวเองเป็นเส้นใยแนวนอน จึงทำให้ชั้น SMAS เป็นชั้นผิวหนังที่มีความแข็งแรงและทนทาน จึงทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาคล้ายกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงใบหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ กระชับมากขึ้น

                                                                                                                                                                                super hifu

                                                                                                                                                                                การทำงานของ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU ทำงานโดยการปล่อยพลังงาน High Intensity Focus Ultrasound ออกมาเป็น Dot หรือเป็นจุด โดยจะมีหัว Applicator ในการปล่อยพลังงานความลึกหลากหลายระดับ เพื่อรองรับความต้องการยกกระชับในแต่ละชั้นผิว เช่น ระดับความลึก 1.5 mm, 2.0 mm, 3.0 mm, 4.5 mm, 6.0 mm, 13.0 mm. โดยแต่ละความลึกของของ Applicator จะกระตุ้นการสร้างให้เกิดคอลลาเจนใต้ชั้นผิวที่แตกต่างกันใบในแต่ละชั้นผิว จึงทำให้มีผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น

                                                                                                                                                                                ข้อดี SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถยกกระชับผิวได้ โดยไม่ต้องใช้เข็ม หรือการผ่าตัด
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เป็นโปรแกรมยกกระชับที่มีความปลอดภัยสูง
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เป็นโปรแกรมที่ไม่ทำให้ผิวเบิร์น ไหม้
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU ไม่มีรอยช้ำ บวม เจ็บหลังทำ
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถใช้หน้าได้ทันที
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถช่วยลดริ้วรอยที่มีขนาดเล็ก ๆ ตื้น ๆ ได้เป็นอย่างดี
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถเก็บและกระชับกรอบหน้าได้เป็นอย่างดี
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถลดไขมันส่วนเกินที่สะสมได้บางส่วน
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำบริเวณรอบดวงตาได้ โดยไม่อันตราย และไม่กระทบกับการมองเห็น
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำร่วมกับการทำหัตถการอื่นได้
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำซ้ำได้บ่อย

                                                                                                                                                                                ข้อเสีย SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU จะมีความเจ็บระหว่างทำเล็กน้อย
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU จะมีรอยแดงเล็กน้อย หลังทำ 1 – 2 ชั่วโมง โดยจะหายได้เองไม่ต้องกังวล
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

                                                                                                                                                                                super hifu

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU ถูกออกแบบมาเพื่อให้ช่วยในเรื่องการยกกระชับใบหน้า และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนให้ครบในทุกชั้นผิว

                                                                                                                                                                                1. SUPER HIFU ส่งผลให้ผิวมีความแน่น และแข็งแรงมากกว่าเดิม
                                                                                                                                                                                2. SUPER HIFU แก้ปัญหาริ้วรอย
                                                                                                                                                                                3. SUPER HIFU แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้
                                                                                                                                                                                4. SUPER HIFU ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา
                                                                                                                                                                                5. SUPER HIFU ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก
                                                                                                                                                                                6. SUPER HIFU ยกหางคิ้ว
                                                                                                                                                                                7. SUPER HIFU ช่วยกระชับไขมันใต้คาง
                                                                                                                                                                                8. SUPER HIFU ลดริ้วรอยที่คอ
                                                                                                                                                                                9. SUPER HIFU ลดเหนียง
                                                                                                                                                                                10. SUPER HIFU กระชับกรอบหน้า
                                                                                                                                                                                11. SUPER HIFU ช่วยยกกระชับผิวบริเวณตัวได้ เช่น เอว, หน้าท้อง, สะโพก, ต้นแขน, ท้องแขน, ต้นขา
                                                                                                                                                                                12. SUPER HIFU ป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวเหมาะกับใคร ?

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU เป็นเครื่องมือยกกระชับที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้า และผิวกายหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยที่มีขนาดเล็กน้อย ๆ
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่มีร่องใต้ตา
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับผิว โดยไม่ผ่าตัด
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับ โดยไม่ใช้เข็มฉีดยา
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น หลังทำใช้หน้าได้เลย ไม่มีแผล
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการมีผิวหย่อนคล้อยในอนาคต
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่กรอบหน้าไม่ชัด
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่อยากหน้าเรียว เล็ก

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU สามารถทำได้ทุกบริเวณที่ต้องการยกกระชับ

                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณใบหน้า ช่วยในการยกกระชับ ปรับรูปหน้า เก็บกรอบหน้าให้มีความคมชัดเรียว สวยมากขึ้น
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณเหนียง แก้ปัญหาใต้คาง เหนียง และคางสองชั้น ที่เป็นไขมันสะสมทำให้ใบหน้าไม่เข้ารูป ให้ดูเข้ารูป และหน้าดูสมส่วนมากขึ้น
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณคอ ช่วยลดริ้วรอยความหย่อนคล้อย จนเกิดเป็น รอยเหี่ยวย่นที่คอ รอยสร้อยคอ ปล้องที่คอ ให้คอดูสวย ระหงมากขึ้น
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณร่องมุมปาก เก็บและลดริ้วรอยบริเวณร่องมุมปาก ร่องน้ำหมาก และริ้วรอยแห่งวัย
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณแก้ม ช่วยในการแก้ปัญหาลดไขมันสะสมที่แก้ม กระชับพวงแก้มที่หย่อนคล้อยให้ยกกระชับ
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณรอบดวงตา แก้ปัญหาตีนกา และริ้วรอยรอบดวงตา แก้ปัญหาหางตาตก ช่วยยกหางตา
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณหน้าผากลดริ้วรอย บริเวณหน้าผาก ร่องลึก และรอยย่นบริเวณ หน้าผากอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณเปลือกตาบนลดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยบริเวณเปลือกตาบน ช่วยเปิดให้ดวงตาดูสดใสมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณกรอบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูชัดเจน เข้ารูปดูวีเชฟมีมิติมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณต้นแขน ลดขนาดไขมันที่ต้นแขน ทำให้แขนกระชับ เฟิร์มขึ้น และช่วยในการกำจัดเซลลูไลท์
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณต้นแขนช่วยกระชับ และลดไขมันหน้าท้อง ช่วยให้หน้าท้องมีขนาดลดลง และกระชับได้มากขึ้น
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณรอบเอวปรับ และลดขนาดรอบเอวกระชับมากขึ้น ทำให้ร่างกายดูมีส่วนเว้า ส่วนโค้งดูมีเคิร์ฟมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณสะโพก ช่วยกระชับสะโพกให้เข้ารูปมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สาว ๆ ที่ไม่ถนัดออกกำลังกายได้มีรูปร่างที่สวยมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                super hifu

                                                                                                                                                                                ใครไม่เหมาะกับ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                1. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ที่ประสบปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ โดยละเอียดก่อนทำการรักษา
                                                                                                                                                                                2. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้มีปัญหาด้านผิวหนัง
                                                                                                                                                                                3. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์
                                                                                                                                                                                4. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ที่มีบาดแผลเปิด
                                                                                                                                                                                5. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ที่มีสิวหรือซีสต์
                                                                                                                                                                                6. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ป่วยที่ฝังโลหะใต้ผิวหนัง
                                                                                                                                                                                7. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์
                                                                                                                                                                                8. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ คุณแม่ผู้ให้นมบุตร

                                                                                                                                                                                อายุเท่าไหร่จึงจะทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวได้

                                                                                                                                                                                สามารถทำ SUPER HIFU ได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้า ทั้งไขมันบนใบหน้า และความหย่อนคล้อยบนใบหน้า อีกทั้งการเริ่มทำ SUPER HIFU ตั้งแต่อายุยังไม่มากจะเป็นการป้องกันผิว เกิดความหย่อนคล้อยได้ในอนาคตอีกด้วย

                                                                                                                                                                                การเตรียมตัวก่อนทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU เป็นหัตถการยกกระชับใบหน้าที่ไม่ต้องเตรียมตัวมาก สามารถเตรียมตัวได้ ดังนี้

                                                                                                                                                                                • ก่อนทำ SUPER HIFU ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
                                                                                                                                                                                • ก่อนทำ SUPER HIFU ควรงดสูบบุหรี่
                                                                                                                                                                                • ก่อนทำ SUPER HIFU ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์
                                                                                                                                                                                • ก่อนทำ SUPER HIFU ควรงดเว้นการทำโปรแกรมเลเซอร์บริเวณที่ทำ เพราะจะทำให้ผิวบาง

                                                                                                                                                                                ขั้นตอนการทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                • แพทย์ทำการประเมินใบหน้า และวางแผนการรักษาด้วย SUPER HIFU
                                                                                                                                                                                • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำ SUPER HIFU
                                                                                                                                                                                • ทายาชาทิ้งไว้ 30-40 นาที เพื่อบรรเทาความเจ็บก่อนทำ SUPER HIFU
                                                                                                                                                                                • เช็ดยาชาเตรียมพร้อมทำการรักษาด้วย SUPER HIFU
                                                                                                                                                                                • แพทย์ทำการยิง SUPER HIFU จนครบจำนวนช็อตที่ต้องการ
                                                                                                                                                                                • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าเป็นอันเสร็จ

                                                                                                                                                                                HIFU

                                                                                                                                                                                การดูแลตัวเองหลังทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

                                                                                                                                                                                • หลังทำ SUPER HIFU ควรทาครีมกันแดด ที่มี SPF PA++ เป็นประจำ เพื่อป้องกันหน้าจากแสงแดด เนื่องจากหลังทำผิวจะบาง
                                                                                                                                                                                • หลังทำ SUPER HIFU ควรเลี่ยงการสูบบุหรี่
                                                                                                                                                                                • หลังทำ SUPER HIFU ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮลล์
                                                                                                                                                                                • หลังทำ SUPER HIFU ควรงดการอบซาวนน่า
                                                                                                                                                                                • หลังทำ SUPER HIFU ควรงดกิจกรรมที่โดนแสงแดด

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวกี่วันเห็นผล

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU เป็นโปรแกรมยกกระชับที่เห็นผลหลังทำตั้งแต่ครั้งแรก และเป็นโปรแกรมที่สามารถทำให้ผิวยกกระชับได้ 20% หลังทำ และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์หลังการทำที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะ 1-2 เดือน โดยผู้เข้ารับบริการจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ในระยะเวลา 3-4 เดือน

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวควรเว้นระยะนานแค่ไหนก่อนทำครั้งต่อไป

                                                                                                                                                                                สามารถทำ SUPER HIFU ได้ทุก ๆ ระยะเวลา 3-6 เดือน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการสร้างเซลล์ Fibroblast และสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันผิวหน้าเกิดการหย่อนคล้อยได้

                                                                                                                                                                                หลัง SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวหน้าบวมกี่วัน

                                                                                                                                                                                หลังทำ SUPER HIFU อาจมีใบหน้าบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่จะบวมไม่มาก ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ในที่นี้ในบางเคสอาจไม่บวมเลยก็ได้เช่นกัน



                                                                                                                                                                                หลัง SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว คงสภาพใต้ผิวอยู่ได้นานแค่ไหน

                                                                                                                                                                                SUPER HIFU คงผลลัพธ์ใต้ผิวได้นาน 5-6 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแล และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ยิ่งดูแลดี ปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์ก็จะยิ่งทำให้คงผลลัพธ์ต่อผิวได้นานมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                หากหยุดทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว จะทำให้ผิวหน้าเกิดความหย่อนคล้อยมากกว่าเดิมหรือไม่

                                                                                                                                                                                หลังจากทำ SUPER HIFU มาแล้วและไม่ทำต่ออย่างต่อเนื่องจะไม่ส่งผลกระทบต่อผิว โดยการทำให้ผิวหนังเกิดความหย่อนคล้อยมากขึ้น เนื่องจากการยิ่งคลื่นจาก SUPER HIFU ลงสู่ผิวนั้นจะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ใต้ผิวหนังจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ และเกิดผลดีในการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างชั้นผิวหนัง แต่การที่แนะนำให้ทำทุก ๆ 3-6 เดือนนั้น เป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างสร้างคอลลาเจนใหม่ที่ใต้ชั้นผิวเพียงเท่านั้น

                                                                                                                                                                                สรุปได้ว่าหลังทำ SUPER HIFU และไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง จะไม่ส่งผลกระทบในการทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยมากขึ้น แต่ผิวจะไม่กระชับเท่าตอนที่ทำ SUPER HIFU เท่านั้นเอง

                                                                                                                                                                                ผู้ที่มีโรคประจำตัว และต้องทานยารักษาโรคเป็นประจำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                สามารถทำ SUPER HIFU ได้ โดยไม่ต้องหยุดยา และรักษาอย่างต่อเนื่องได้ในระหว่างทำ ทั้งนี้หากมีความกังวลในการรักษา สามารถปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ก่อนทำการรักษา เพื่อประเมินความเหมาะสมได้อีกครั้งหนึ่ง

                                                                                                                                                                                ทั้งนี้ในทุกการทำหัตถการหลังทำและก่อนทำ ควรทำการปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อทำการประเมิน และวางแผนการรักษาให้เหมาะแก่ผู้เข้ารับบริการรายบุคคล และหลังทำผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์อย่างดีที่สุดหลังทำการรักษา ที่รมย์รวินท์คลินิกมี SUPER HIFU ให้บริการทุกสาขา และมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์พร้อมสำหรับทำการรักษา โดยสามารถเข้ามาปรึกษา เพื่อประเมินปัญหาเบื้องต้นได้ที่หน้าสาขาทั้ง 28 สาขา

                                                                                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                  เคสรีวิวฉีด Radiesse Plus คุณมิว (lower jawline และ cheekbone)

                                                                                                                                                                                  radiesse plus

                                                                                                                                                                                  ฉีด Radiesse Plus หน้าเฉี่ยว คม ชัด..จนอินฟลูเอนเซอร์กล้าโชว์หน้า!

                                                                                                                                                                                  อาชีพอินฟลูเอนเซอร์อย่างมิวที่จะต้องออกหน้ากล้อง ถ่ายรีวิวสินค้า  ทำให้กังวลเรื่องริ้วรอยความหย่อนคล้อย ยิ่งช่วงนี้มีทริปเที่ยวเยอะ นัดแฮงเอาท์กับเพื่อนๆ บ่อย ทำให้ยิ่งกินเยอะ จนแก้มออก เหนียงโผล่ หน้าไม่ได้รูป เวลาจะออกกล้อง หรือถ่ายรีวิวสินค้าก็จะต้องคอยหลบมุมกล้อง ไหนจะต้องมาคอยเช็กรูปทุกทีว่ามีริ้วรอย หรือต้องรีทัชรูปมั้ย ทำให้ไม่มั่นใจ และรู้สึกหนักใจ เพราะอาชีพนี้จะต้องแสดงสีหน้า และความรู้สึก และบางทีต้องถ่ายคลิปรีวิวอีก จะให้มาคอยหามุมกล้อง หรือ ต้องมาคอยเกร็งหน้าเพื่อหลบเลี่ยงริ้วรอย หรือไขมันส่วนเกินทุกครั้งก็คงเป็นไปไม่ได้เลย

                                                                                                                                                                                  ปัญหาที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ หรือแม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็มักจะเป็นกัน ก็คือความหย่อนคล้อย หน้าไม่กระชับ มีเหนียง หรือคางสองชั้น ซึ่งมิวก็เป็นเหมือนกัน ก่อนหน้านี้มิวเริ่มศึกษาจะแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้อย่างไร และทำที่คลินิกไหนถึงจะเห็นผล ปลอดภัย และเชื่อถือได้ จนได้มาเจอรู้จักกับรมย์รวินท์ คลินิก ทำให้ตอนนี้มิวมีความมั่นใจเรื่องผิวและรูปหน้าได้มากกว่าเดิมแล้ว เพราะที่นี่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 20 ปี และดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ทำให้มิววางใจให้ที่รมย์รวินท์ คลินิกช่วยดูแลเรื่องปัญหาผิวของมิว

                                                                                                                                                                                  Radiesse plus

                                                                                                                                                                                  และวันนี้มิวได้มีโอกาสมาเป็นเคสรีวิวของการฉีด Radiesse Plus ทั้งทีจะพลาดอย่างไร  ต้องขอบอกว่าไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะเคยทำกับคุณหมอริว และที่รมย์รวินท์ คลินิกมาแล้วหลายครั้ง เชื่อในฝีมือคุณหมอว่าจะออกมาดีแน่ๆ ก็เลยเลือกที่จะมาทำหน้ากับคุณหมอริวในวันนี้

                                                                                                                                                                                  มิวได้ศึกษาการฉีด Radiesse Plus มาเป็นอย่างดี ว่าโปรแกรมนี้สามารถ เพิ่มมิติให้กับใบหน้า กรอบหน้าได้ด้วย และยังใช้ในการปรับรูปหน้าได้ด้วยทำให้มิวยิ่งว้าวหนักเข้าไปอีก! และสิ่งที่มิวเชื่อมั่นเลยก็คือการฉีด Radiesse Plus มีความปลอดภัยเพราะได้รับการรับรองจากอย.ถึง 3 หน่วยงาน ทั้งยุโรป อเมริกา และประเทศไทยเลย และที่ชอบมากกว่านั้นคือผลลัพธ์ที่ได้ เพราะการฉีด Radiesse Plus ทำครั้งเดียวได้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 24 เดือนเลย แบบนี้มิวยิ่งพลาดไม่ได้เลย

                                                                                                                                                                                  คุณหมอริว นพ. อัครวินท์ ดำรงวัฒนโภคิน

                                                                                                                                                                                  และเมื่อถึงเวลาต้องเสริมหล่อ คุณหมอริว นพ. อัครวินท์ ดำรงวัฒนโภคิน ก็ลงมือจัดการใบหน้าของคุณมิวด้วยการฉีด Radiesse Plus โดยคุณหมอริวเลือกฉีดให้คุณมิวบริเวณโหนกแก้ม ให้มีความคม ชัด ดูใบหน้าคมเขมมากขึ้น และยังฉีด Radiesse Plus ในการบริเวณกรอบหน้าหรือ Jawline เพื่อเพิ่มความคมชัด ของบริเวณสันกราม และขากรรไกร ซึ่งการฉีดในส่วน Jawline นี้ของคุณมิว จะทำให้หน้ากระชับยิ่งขึ้น เห็นโครงหน้า รูปหน้าได้คมชัดมากยิ่งขึ้น เพิ่มความ Masculine มากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                  Radiesse Training

                                                                                                                                                                                  วันนี้เราฉีด Radiesse Plus ให้แก่เคสรีวิวนั่นก็คือคุณมิว อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ซึ่งเป็นงานผิวที่มีสารประกอบ CaHa โดยตัวนี้จะถูกพัฒนามาจาก Radiesse รุ่นเดิม โดยเพิ่มส่วนประกอบของ Lidocaine ซึ่งทำหน้าที่เป็นยาชาช่วยลดอาหารเจ็บขณะฉีด โดยตัว Radiesse Plus จะช่วยในเรื่องของการยกกระชับปรับรูปหน้า เพิ่มมิติให้ใบหน้า ให้ความคมชัดบริเวณกรอบหน้า โหนกแก้ม สันกราม ช่วยให้หน้าเป็นทรงชัดเจนยิ่งขึ้น และให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 24 เดือน ใครที่มีปัญหาผิวหน้ามีริ้วรอย หรือรูปหน้าไม่คมชัดต้องลองฉีด Radiesse Plus ตัวใหม่นี้เลย

                                                                                                                                                                                  ว้าวว..เห็นผลลัพธ์หลังทำของคุณมิวแบบนี้ บวกกับประสิทธิภาพของ Radieese Plus แล้ว ขอบอกเลยว่าต้องรีบมาทำด่วนๆ นะคะ เพราะผลลัพธ์มันจึ้งมากกก!

                                                                                                                                                                                  Radiesse Training

                                                                                                                                                                                  ที่รมย์รวินท์คลินิกเราดูแลปัญหาผิวให้คุณมั่นใจ และดูดีได้ในแบบที่เป็นคุณ สำหรับใครที่มีปัญหาผิว หรือความไม่มั่นใจ สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์ทั้ง 28 สาขาใกล้บ้านคุณ

                                                                                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                    Snore Laser รักษาอาการนอนกรน คืออะไร ? แก้ปัญหาอาการนอนกรนยังไง?

                                                                                                                                                                                    snore laser


                                                                                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                      Snore Laser รักษาอาการนอนกรน นอนหลับสบายไร้กังวล

                                                                                                                                                                                      อาการนอนกรนเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของใครหลายๆคน ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นปัญหาหลักของความร้าวฉานในครอบครัว เนื่องจากส่งปัญหาถึงผู้นอนร่วมเตียงอย่างภรรยาด้วย เพราะเราทุกคนมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำมากมายในแต่ละวันเมื่อถึงเวลาที่ต้องนอนหลับพักผ่อนทุกคนก็ต้องการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ การที่ต้องตื่นขึ้นมาระหว่างคืน แล้วกว่าจะกลับไปนอนหลับได้อีกแต่ละทีก็ลำบากจึงทำให้คู่รักหลายคู่ต้องทะเลาะกันอย่างหนัก

                                                                                                                                                                                      แต่ในความเป็นจริงแล้ว รู้หรือไม่ว่าอาการนอนกรนนั้นสามารถรักษาได้และวิธีการรักษานั้นไม่ยากจนเกินไป

                                                                                                                                                                                      โดยวิธีแก้อาการนอนกรนนั้นสามารถแก้ไขได้โดยง่ายเบื้องต้นดังต่อไปนี้

                                                                                                                                                                                      1. นอนหนุนหมอนสูง ให้ศีรษะอยู่สูงกว่าลำตัว
                                                                                                                                                                                      2. นอนตะแคงแทนการนอนหงาย จะทำให้หายใจสะดวกมากขึ้น
                                                                                                                                                                                      3. ออกกำลังกายให้มีน้ำหนักตัวที่ไม่มากจนเกินไป
                                                                                                                                                                                      4. งดการสูบบุหรี่
                                                                                                                                                                                      5. งดการดื่มแอลกอฮอล์
                                                                                                                                                                                      6. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
                                                                                                                                                                                      7. พักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง
                                                                                                                                                                                      8. เพิ่มความชื้นภายในห้องนอน ด้วยเครื่องทำความชื้น ในระหว่างนอนหลับเพื่อให้หายใจง่ายมากขึ้น
                                                                                                                                                                                      9. ล้างจมูก ด้วยน้ำเกลือ เพื่อให้จมูกโล่งและหายใจง่ายขึ้นก่อนนอน
                                                                                                                                                                                      10. ทำความสะอาดเครื่องนอนให้สะอาด ไร้ไรฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้หายใจง่ายสะดวกมากขึ้น
                                                                                                                                                                                      11. ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      โดยการนอนกรนสามารถรักษาได้ด้วยการทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      Snore Laser รักษาอาการนอนกรน คืออะไร ?

                                                                                                                                                                                      Snore Laser เป็นการรักษาอาการนอนกรนด้วยการใช้เลเซอร์ชนิดเออร์เบี่ยม (Er YAG) ที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีความยาวคลื่นในขนาด 2940 นาโนเมตร

                                                                                                                                                                                      ยิงเข้าไปในช่องปากบริเวณ เพดานอ่อน ของปากกระพุ้งแก้มและลิ้นไก่ (Soft palta และ Uvula) เพื่อให้ Snore Laser เข้าไปกระตุ้นและลงสู่ผิวในชั้น Mucosa ให้ผิวบริเวณดังกล่าวได้สร้างคอลลาเจน เพื่อขยายทางเดินหายใจของคนเราที่เคยเบียดกันให้กว้างมากขึ้น ให้อากาศที่หายใจเข้าไป ผ่านได้อย่างสะดวก เนื่องจากเกิดการตึงตัวของบริเวณที่ทำการยิง Snore Laser จึงส่งผลให้การอุดกั้นทางเดินหายใจลดลง มีความปลอดภัยหมดกังวลในการรักษา เนื่องจาก Snore Laser นั้นผ่านการรับรองจาก US-FDA จากประเทศสหรัฐอเมริการแล้ว

                                                                                                                                                                                      ผลลัพธ์ในการรักษา Snore Laser คือทางเดินหายใจเปิดกว้างมากขึ้นและโล่งขึ้น นอนกรนลดลง หรือเบาลงตามลำดับ

                                                                                                                                                                                      Snore Laser

                                                                                                                                                                                      ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      1. Snore Laser ช่วยทำให้อาการนอนกรนลดลง
                                                                                                                                                                                      2. Snore Laser ช่วยทำให้การหายใจระหว่างหลับดีขึ้น
                                                                                                                                                                                      3. Snore Laser ช่วยลดการอุดกลั้นของทางเดินหายใจ
                                                                                                                                                                                      4. Snore Laser ช่วยทำให้เพดานปากและลิ้นไก่ที่หย่อนคล้อยลงมา ได้เกิดการกระชับมากขึ้น ส่งผลให้อากาศในขณะหายใจนั้นสามารถผ่านได้สะดวกมากขึ้น
                                                                                                                                                                                      5. Snore Laser ช่วยทำให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น
                                                                                                                                                                                      6. Snore Laser ช่วยทำให้นอนหลับเต็มตื่นขึ้น
                                                                                                                                                                                      7. Snore Laser ทำให้หลังตื่นนอนรู้สึกสดชื่นมากขึ้น
                                                                                                                                                                                      8. Snore Laser ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น

                                                                                                                                                                                      ข้อดีของ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      • Snore Laser ช่วยรักษาอาการนอนกรนให้ลดลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
                                                                                                                                                                                      • Snore Laser ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
                                                                                                                                                                                      • Snore Laser ช่วยรักษาอาการนอนกรนได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
                                                                                                                                                                                      • Snore Laser ช่วยรักษาอาการนอนกรนได้โดยไม่ต้องใช้เข็ม
                                                                                                                                                                                      • Snore Laser ช่วยรักษาอาการนอนกรนได้ในระยะเวลาประมาณ 20 นาที
                                                                                                                                                                                      • Snore Laser ช่วยลดโรคต่างๆที่มากับอาการนอนกรนได้
                                                                                                                                                                                      • Snore Laser ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ในระหว่างนอน

                                                                                                                                                                                      ข้อเสียของ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      • Snore Laser อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง
                                                                                                                                                                                      • Snore Laser อาจทำให้มีอาการคอแห้ง

                                                                                                                                                                                      การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      เบื้องต้นให้เริ่มปรึกษาแพทย์ถึงอาการที่เป็นอยู่ และขั้นตอนในการรักษาด้วย Snore Laser จากนั้นเตรียมให้พร้อมสำหรับการเข้ารับการรักษาด้วย Snore Laser เพื่อรักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      โดยเตรียมตัวดังนี้

                                                                                                                                                                                      1. ก่อนทำ Snore Laser ควรเตรียมสุขภาพให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์
                                                                                                                                                                                      2. ก่อนทำ Snore Laser ดูแลรักษาตัวเองให้ไม่มีอาการหวัด หรืออาการทางเดินหายใจ
                                                                                                                                                                                      3. ก่อนทำ Snore Laser ดูแลรักษาตัวเองให้ไม่มีแผลในช่องปาก
                                                                                                                                                                                      4. ก่อนทำ Snore Laser ควรหยุดยาจำพวกยาแอสไพรินก่อนเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                      5. ก่อนทำ Snore Laser ควรหยุดยาจำพวกยาต้านการแข็งตัวของเลือด
                                                                                                                                                                                      6. ก่อนทำ Snore Laser ควรหยุดยาจำพวกวิตามิน แปะก๊วย วิตามินอี เป็นต้น
                                                                                                                                                                                      7. ก่อนทำ Snore Laser ควรฝึกการหายใจทางปาก และจมูกในช่วงเวลาอ้าปาก
                                                                                                                                                                                      8. ก่อนทำ Snore Laser ควรฝึกกลั้วคอด้วยน้ำหลังจากอ้าปาก

                                                                                                                                                                                      Snore Laser

                                                                                                                                                                                      ขั้นตอนการทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      1. แพทย์จะให้ผู้เข้ารับบริการนั่งหรือนอน ในท่าที่สบายที่สุดเพื่อให้เหมาะแก่การเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                      2. แพทย์จะให้ผู้เข้ารับบริการอ้าปาก ระหว่างนี้ให้ผู้เข้ารับบริการหายใจทางจมูก หรือปากได้ตามสะดวกโดยไม่ต้องกลั้นหายใจ
                                                                                                                                                                                      3. แพทย์ลงมือทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน โดยการยิงเลเซอร์ลงไปที่บริเวณเพดานอ่อนของปาก กระพุ้งแก้มทั้งสองด้านลิ้นไก่และลิ้น
                                                                                                                                                                                      4. แพทย์จะให้บ้วนน้ำ และกลั้วคอเป็นระยะในเวลาทำการรักษา
                                                                                                                                                                                      5. ทำครบเวลาเป็นอันเสร็จ
                                                                                                                                                                                      6. ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหรือนั่ง ไม่ต้องฉีดยาชาหรือดมยาสลบ ให้ผู้ป่วยอ้าปาก และหายใจทางจมูกหรือปาก ไม่ต้องกลั้นลมหายใจ แล้วบ้วนน้ำกลั้วคอเป็นระยะๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกระคายเคืองหรือเจ็บภายในช่องปากและลิ้นในระดับเล็กน้อย ใช้เวลาทำการรักษาเป็นเวลา 20 นาทีโดยประมาณ ขึ้นกับพยาธิสภาพ หลังทำหัตถการเสร็จผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้

                                                                                                                                                                                      การปฏิบัติตนหลังทำหัตถการ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      1. หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรดื่มน้ำให้มากๆ หรืออาจดื่มให้มากกว่าปริมาณน้ำที่ดื่มตามปกติ ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                      2. หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรงดรับประทานอาหารที่มีรสจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
                                                                                                                                                                                      3. หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรงดดื่มน้ำที่มีความร้อนจัดหรือเย็นจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
                                                                                                                                                                                      4. หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรงดรับประทานอาหารที่มีความร้อนจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
                                                                                                                                                                                      5. หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

                                                                                                                                                                                      นอนกรน

                                                                                                                                                                                      อาการข้างเคียงในการทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                        1. ผู้เข้ารับบริการ Snore Laser อาจมีอาการระคายเคือง หรือมีแผลอักเสบ

                                                                                                                                                                                      “บริเวณเพดานอ่อนของปาก”

                                                                                                                                                                                        1. ผู้เข้ารับบริการ Snore Laser อาจมีอาการระคายเคือง หรือมีแผลอักเสบ

                                                                                                                                                                                      “บริเวณกระพุ้งแก้ม”

                                                                                                                                                                                        1. ผู้เข้ารับบริการ Snore Laser อาจมีอาการระคายเคือง หรือมีแผลอักเสบ

                                                                                                                                                                                      “บริเวณลำคอ”

                                                                                                                                                                                        1. ผู้เข้ารับบริการ Snore Laser อาจมีอาการระคายเคือง หรือมีแผลอักเสบ

                                                                                                                                                                                      “บริเวณลิ้น และลิ้นไก่”

                                                                                                                                                                                      ความรู้สึกระหว่างทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      ระหว่างทำ Snore Laser จะมีความรู้สึกระคายเคืองหรือเจ็บภายในช่องปากและลิ้นเพียงเล็กน้อย ในระดับที่สามารถทนได้ รวมทั้งยังรู้สึกอุ่นๆคล้ายกับการดื่มน้ำอุ่นโดยไม่ส่งผลให้เกิดอันตราย

                                                                                                                                                                                      Snore Laser รักษาอาการนอนกรนใช้ระยะเวลาในการรักษานานเท่าไร?

                                                                                                                                                                                      Snore Laser รักษาอาการนอนกรนใช้ระยะเวลาในการรักษาต่อครั้งเพียง 20-30 นาทีโดยประมาณเท่านั้น

                                                                                                                                                                                      Snore Laser รักษาอาการนอนกรนต้องทำการรักษากี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?

                                                                                                                                                                                      Snore Laser จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำโดยจะสังเกตได้ตั้งแต่หลังทำครั้งแรกว่าอาการกรนลดน้อยลง

                                                                                                                                                                                      หากในผู้ที่มีอาการกรนมากจำเป็นต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณ 3-4 ครั้ง

                                                                                                                                                                                      Snore Laser รักษาอาการนอนกรนแต่ละครั้งควรทำห่างกันนานเท่าไร?

                                                                                                                                                                                      Snore Laser แต่ละครั้งควรเว้นระยะห่าง ครั้งละ 1 เดือน หรืออาจจะเร็วช้ากว่านั้นตามการทำนัดของแพทย์ หากปล่อยให้นานกว่า 1 เดือนจะทำให้การรักษาเห็นผลน้อยลง หรือไม่เห็นผลได้

                                                                                                                                                                                      Snore Laser รักษาอาการนอนกรนสามารถคงผลลัพธ์ในการรักษาได้นานเท่าไร?

                                                                                                                                                                                      ผลการรักษา Snore Laser ต่อหนึ่งครั้งคงผลลัพธ์ได้นาน 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง

                                                                                                                                                                                      Snore Laser

                                                                                                                                                                                      อาการนอนกรนคืออะไร อาการนอนกรนเกิดจากสาเหตุอะไร?

                                                                                                                                                                                      การนอนกรนเกิดจากสาเหตุกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจของคนเรามีอาการที่แคบลงในขณะที่นอนหลับ ซึ่งอาการนี้เป็นเหตุมาจากการที่กล้ามเนื้อที่อยู่ในบริเวณคอของเราได้หย่อนตัวลงในขณะที่นอนหลังอยู่นั่นเอง ซึ่งเมื่อนอนหลับและทางเดินหายใจแคบลงแล้วก็จะทำให้เกิดเสียงดังในระหว่างที่หายใจตอนนอนหลับหรือที่เราเรียกกันว่าการกรน โดยการกรนนั่นจัดเป็นอาการปลายทางแล้ว ซึ่งต้นทางของการกรนสามารถจำแนก 

                                                                                                                                                                                      สาเหตุของการนอนกรนสามารถจำแนกได้ดังนี้

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนจากการเป็นภูมิแพ้

                                                                                                                                                                                      โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดการนอนกรนได้ทั้งสิ้น จึงส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีอาการนอนกรน เนื่องจากผนังกั้นจมูกอาจมีอาการบวม จึงทำให้เวลาที่นอนจะหายใจไม่สะดวกจึงทำให้เกิดอาการกรน 

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนเนื่องจากมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน

                                                                                                                                                                                      เนื่องจากผู้ที่มีน้ำหนักมาก ผู้ที่ร่างกายอ้วนกว่าเกณฑ์ จะมีช่องทางเดินในการหายใจที่แคบกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ ความอ้วนจึงเป็นสาเหตุให้เกิดอาการนอนกรนได้นั่นเอง 

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากบริโภคยาที่ทำให้ง่วง

                                                                                                                                                                                      ยาที่ทำให้ง่วง เช่นยาแก้แพ้ หรือยาแก้เมารถนั้นนส่งผลต่อโดยการออกฤทธิ์กล่อมประสาทและยังเป็นสาเหตุโดยตรงของระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากตัวยาจะเข้าไปทำให้เกิดอาการระคายเคืองในลำคอและส่งผลให้บางรายมีภาวะผนังกั้นจมูกบวมส่งผลให้หายใจยากและเกิดเป็นอาการนอนกรนในที่สุด 

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากเป็นเพศชาย

                                                                                                                                                                                      เป็นที่ทราบกันดีว่า ในเพศชายนั้นมีโอกาสที่จะนอนกรนได้มากกว่าในเพศหญิง เนื่องจากกล้ามเนื้อในบริเวณลำคอของเพศชายนั้นจะมีกล้ามเนื้อและเมื่ออายุถึง 30 ปี กล้ามเนื้อดังกล่าวจะมีการคลายตัว ทำให้ไปบีบทำให้แคบลงและขัดขวางทางเดินหายใจ ซึ่งอาการนี้จะเป็นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง 

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากมีเพดานอ่อน ลิ้นไก่ยาว

                                                                                                                                                                                      ผู้มี่มีเพดานอ่อนลิ้นไก่ยาวนั้นจำเป็นจะต้องทำการผ่าตัดและเย็บตกแต่งเพดานอ่อน ทำให้เกิดอาการนอนกรนอันเนื่องมาจากกายวิภาค 

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากโครงสร้างทางเดินหายใจ

                                                                                                                                                                                      ปัญหานี้สังเกตุได้จากผู้ที่มีอาการผนังกั้นจมูกคด มีปัญหาที่โพลงจมูก ต่อมทอลซินโต ต่อมอดีนอยด์โตหรือคัดจมูกเรื้อรัง โดยเป็นสิ่งที่เราๆไม่สามารถมองเห็นได้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจและรักษา 

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์

                                                                                                                                                                                      การดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำให้กล้ามเนื้อที่ช่องลำคอเกิดการผ่อนคลาย ซึ่งอาการนี้เองส่งผลให้เกิดอาการนอนกรน หากต้องการรักษาเบื้อต้นควรงดดื่มแอลกอฮอล์เพื่อรักษาอาการนอนกรน 

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากประวัติสุขภาพของครอบครัว

                                                                                                                                                                                      คือกลุ่มผู้ที่มีพันธุกรรมหรือผู้ที่คนในครอบครัว รวมไปจนถึงผู้ที่มีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น อาการเหล่านี้ทำให้มาภาวะเสี่ยงในการนอนกรนได้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติ 

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากการรับประทานยาบางชนิด ที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองภายในระบบทางเดินหายใจ

                                                                                                                                                                                      คือกลุ่มผู้ที่รับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจจึงทำให้ในระหว่างนอนหลับหายใจยาก และเกิดเป็นอาการนอนกรนในที่สุด 

                                                                                                                                                                                      อาการนอนกรนมีความอันตรายหรือไหม ?

                                                                                                                                                                                      ความอันตรายของอาการนอนกรนนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของอาการนอนกรน

                                                                                                                                                                                      สามารถจำแนกประเภทของอาการนอนกรนได้ 2 ประเภทหลักดังนี้

                                                                                                                                                                                      1. อาการนอนกรนแบบธรรมดา
                                                                                                                                                                                      2. อาการนอนกรนแบบอันตราย

                                                                                                                                                                                      อาการนอนกรนแบบธรรมดา

                                                                                                                                                                                      อาการนอนกรนแบบธรรมดานั้นเป็นประเภทของการนอนกรนที่มีเพียงเสียงที่สร้างความรำคาญแก่คนที่นอนร่วมด้วยเพียงเท่านั้น โดยเป็นอาการตีบแคบของทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเพียงบางส่วน จึงทำให้มีอากาศผ่านจากทางเดินหายใจเข้าสู่ร่างกายได้ แต่การหายใจในช่องคอที่แคบนั้นทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของช่องคอ กลายเป็นเสียงกรนที่ดังขึ้นมาในขณะที่นอนหลับ รวมทั้งทำให้คอแห้งในตอนตื่น แต่การนอนกรนประเภทนี้จะไม่ส่งผลเสีย หรืออันตรายต่อร่างกาย

                                                                                                                                                                                      นอนกรน

                                                                                                                                                                                      อาการนอนกรนแบบอันตราย

                                                                                                                                                                                      อาการนอนกรนแบบอันตรายจะเริ่มจากเป็นผู้ที่มีการนอนกรนแบบธรรมดา แต่ไม่ทำการรักษา จนมีอาการแย่ลง โดยกล้ามเนื้อในช่องคอเกิดการหย่อนตัวลงมากขึ้นจึงส่งผลให้ช่องทางเดินหายใจของคนเรามีความแคบลงและมากขึ้นจนปิดสนิท จึงทำให้ไม่มีอากาศไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ จึงทำให้ระหว่างนอนไม่มีการสั่นสะเทือนของร่างกาย ส่งผลให้ไม่มีเสียงกรน อาการนี้จะเรียกกันว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA

                                                                                                                                                                                      ระดับเสียงของการนอนกรนที่ต้องพึงระวังอันตราย

                                                                                                                                                                                      อาการกรนมีหลายระดับ หากไม่มีอาการหยุดหายใจในขณะที่นอนหลับร่วมด้วย และมีความสงสัยว่าอาการกรนในระดับใดมีอันตรายแทรกซ้อนและควรพบแพทย์ให้สังเกตุได้ดังนี้ 

                                                                                                                                                                                      อาการกรนระดับ 1. กรนในระดับดังเท่าเสียงกระซิบ หรือ เสียงนาฬิกาติดผนัง เสียงเดินของคน หรือเสียงบรรยากาศทั่วไป เสียงต่ำกว่า 30 เดซิเบล  

                                                                                                                                                                                      อาการกรนในระดับนี้จะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อตนเองและคนรอบข้างและยังไม่จัดเป็นอันตราย 

                                                                                                                                                                                      อาการกรนระดับ 2. กรนในระดับเทียบเท่ากับเสียงกระซิบในห้องที่มีความเงียบ หรือประมาณเสียงนกร้องความดังระดับ 30-40 เดซิเบล  

                                                                                                                                                                                      อาการกรนในระดับนี้จะสามารถทำให้เราตื่นในขณะนอนหลับหรือรบกวนการนอนได้ และจะส่งผลกระทบต่อผู้นอนด้วย ที่เป็นเด็กและคนชรามากที่สุด 

                                                                                                                                                                                      อาการกรนระดับ 3. กรนในระดับดังเท่ากับเสียงฝนตกหนักในห้องที่เงียบ หรือเสียงตู้เย็นดังในห้องที่เงียบ ความดังจะอยู่ในระดับ 40-55 เดซิเบล  

                                                                                                                                                                                      อาการกรนในระดับนี้จะมีผลกระทบต่อผู้ที่นอนด้วยรอบข้าง เริ่มจำเป็นจะต้องปรึกษาแพทย์และจะต้องดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดแล้ว 

                                                                                                                                                                                      อาการกรนระดับ 4. กรนในระดับเทียบเท่ากับห้องเงียบที่มีเสียงพูดคุยดังอื้ออึง ห้องเงียบที่เปิดเพลงดัง และเครื่องซักผ้าดังในห้องเงียบ ความดังจะอยู่ในระดับ มากกว่า 55 เดซิเบล 

                                                                                                                                                                                      อาการกรนในระดับนี้จะอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง ส่งผลต่อการนอนหลับสูงมาก ยังมีงานวิจัยบอกว่าเสียงกรนในระดับนี้จะสื่อถึงว่าผู้ที่กรนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด เนื่องจากอาการกรนในระดับนี้จะส่งผลให้นอนหลับไม่เพียงพออีกด้วย 

                                                                                                                                                                                      ผู้ที่มีอาการนอนกรนแบบใดควรปรึกษาแพทย์ ?

                                                                                                                                                                                      1. ผู้ที่มีอาการนอนกรนเสียงดังมากจนเกินการนอนกรนปกติ
                                                                                                                                                                                      2. ผู้ที่มีอาการนอนกรนเป็นช่วงสลับกับหยุดหายใจ
                                                                                                                                                                                      3. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วเกิดอาการสะดุ้ง เนื่องจากมีอาการสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกร่วมด้วย
                                                                                                                                                                                      4. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วมีความรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม ตื่นตอนเช้าแล้วไม่สดชื่นถึงแม้จะนอนเพียงพอแล้ว
                                                                                                                                                                                      5. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วปวดหัว มึนหัว ในทุกเช้า
                                                                                                                                                                                      6. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วเกิดการง่วงมากในตอนกลางวัน หรือผู้ที่เคยมีประวัติการเกิดอุบัติเหตุทางการจราจร
                                                                                                                                                                                      7. ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วปากแห้ง คอแห้ง หรือเจ็บคอในระหว่างตื่นนอน
                                                                                                                                                                                      8. ผู้ที่มีอาการนอนกรนร่วมกับการนอนกัดฟัน

                                                                                                                                                                                      วิธีประเมินทางเดินหายใจของตัวเองได้ง่ายๆ

                                                                                                                                                                                      สามารถประเมินทางเดินหายใจได้ง่ายๆ ดังนี้

                                                                                                                                                                                      โดยการอ้าปากกว้าง และแลบลิ้นออกมาให้เต็มที่ โดยไม่ต้องเปล่งเสียงออกมาในระหว่างที่แลบลิ้น

                                                                                                                                                                                      ประเมินทางเดินหายระดับที่ 1. คือระดับปกติ จะสามารถมองเห็นเพดานอ่อน ลิ้นไก่ และท่อนซิลได้อย่างครบถ้วน

                                                                                                                                                                                      ประเมินทางเดินหายระดับที่ 2. คือระดับมีปัญหาทางเดินหายใจในระดับน้อย จะสามารถมองเห็นเพดานอ่อน และลิ้นไก่ได้ โดยจะมองไม่เห็นท่อนซิล

                                                                                                                                                                                      ประเมินทางเดินหายระดับที่ 3. คือระดับมีปัญหาทางเดินหายใจในระดับปานกลาง จะสามารถมองเห็นเพดานอ่อน และโคนลิ้นไก่เท่านั้น โดยจะมองไม่เห็นท่อนซิลและลิ้นไก่ทั้งหมด

                                                                                                                                                                                      ประเมินทางเดินหายระดับที่ 4. คือระดับมีปัญหาทางเดินหายใจในระดับรุนแรง จะสามารถมองเห็นเฉพาะบริเวณเพดานแข็งในช่องปากเท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นเพดานอ่อน ท่อนซิลและลิ้นไก่ได้

                                                                                                                                                                                      หากอยู่ในระดับปานกลาง และระดับรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรนเพื่อป้องกันอันตรายที่มาจากการนอนกรนตามมา และไม่ให้เกิดอันตรายในอนาคต

                                                                                                                                                                                      สำหรับผู้ใดที่ไม่สามารถตรวจเช็ดได้โดยตนเองในเบื้องต้น สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ และให้แพยท์ตรวจเบื้องต้นได้ที่รมย์รวินท์คลินิกสาขาชิดลม มีอุปกรณ์สำหรับทำการรักษาและให้บริการอย่างครบครัน จนหมดปัญหานอนกรนได้อย่างแน่นอน อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กๆในเวลานอนหลับ ก่อให้เกิดทั้งปัญหาของชีวิตคู่ ไปจนถึงอันตรายแก่ชีวิต หยุดการนอนกรน ให้นึงถึงรมย์รวินท์คลินิก Snore Laser รักษาอาการนอนกรน ได้อย่างแน่นอน

                                                                                                                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                        เลเซอร์ (Laser) กำจัดขนรักแร้คืออะไร ? ทำไมต้องทำ ?

                                                                                                                                                                                        กำจัดขนรักแร้



                                                                                                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                          เลเซอร์ขนรักแร้

                                                                                                                                                                                           

                                                                                                                                                                                          รักแร้เนียนสวย เพิ่มความสะอาด เสริมความมั่นใจ

                                                                                                                                                                                          ความมั่นใจเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น กิริยาท่าทาง รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงการนำเอาสิ่งไม่พึงประสงค์ในร่างกายของเราออก เมื่อได้ชื่อว่าเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์แล้ว หมายความว่า การมีสิ่งนี้ในร่างกาย จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีนั้นเอง ขนรักแร้ เป็นหนึ่งสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากเอาออก เพราะนอกจากจะทำให้หมดความมั่นใจในการแต่งตัว การใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ยังส่งผลในเรื่องของความสะอาดในร่างกายด้วย ขนรักแร้จึงเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็มักจะเอาออกด้วยวิธีต่าง ๆ

                                                                                                                                                                                          โดยสิ่งที่เราเห็นกันมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก หรือมีประสบการณ์ร่วมน่าจะเป็นวิธีการถอน พอโตขึ้นมาหน่อยก็เป็นการโกน และในที่สุดก็คงเป็นการตัดสินใจทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้นั่นเอง

                                                                                                                                                                                          เลเซอร์กำจัดขนรักแร้คืออะไร?

                                                                                                                                                                                          การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ คือ การยิงคลื่นพลังงานลงไปสู่ขน เพื่อให้พลังงานดังกล่าวทำลายเส้นขนถึงราก และไม่ขึ้นมาอีกในที่สุดนั่นเอง โดยคลื่นที่ใช้ในการกำจัดขนที่รมย์รวินท์คลินิก คือ คลื่นลำแสงความเข้มข้น 1,064 นาโนเมตร (nm) พลังงาน 80 จูล นอกจากนี้ยังมีการปล่อยพลังงานความเย็นออกมาเป็นระยะในระหว่างการทำการรักษา เพื่อความสบายและความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการ ที่ชื่อโหมดว่า DCD: Dynamic Cooling Device ที่ออกแบบมาเพื่อให้ป้องกันผิวหนังชั้นหนังแท้ ในระหว่างที่ทำเลเซอร์กำจัดขนให้ปลอดภัย และยังเพิ่มความสว่างกระจ่างใส ให้กับบริเวณที่ทำการเลเซอร์กำจัดขนรักแร้อีกด้วย

                                                                                                                                                                                          เลเซอร์ขนรักแร้

                                                                                                                                                                                          เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ช่วยอะไรได้บ้าง?

                                                                                                                                                                                          ด้วยผลลัพธ์ในการทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ จะช่วยทำให้ขนบริเวณใต้รักแร้ขึ้นได้ช้าลง ขึ้นน้อยลงไปจนถึงไม่ขึ้นเลยได้อย่างถาวร ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่ทำการเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ และเมื่อไม่มีขนรักแร้ บริเวณใต้วงแขนก็จะสะอาดมากขึ้น เหงื่อออกลดลง มีกลิ่นตัวที่น้อยลง ความอับชื้นบริเวณรักแร้น้อยลง รูขุมขนบริเวณรักแร้ ตุ่มหนังไก่กระชับมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องทำการถอนแล้ว และสีผิวบริเวณรักแร้ก็จะสว่างกระจ่างใสมากขึ้นด้วย

                                                                                                                                                                                          ปัญหาที่เกิดจากการมีขนรักแร้คืออะไร?

                                                                                                                                                                                          1. การมีขนรักแร้ ทำให้มีเหงื่อออกที่บริเวณใต้วงแขนมากกว่าปกติ
                                                                                                                                                                                          2. การมีขนรักแร้ นับว่าเป็นที่สะสมของแบคทีเรียทำ
                                                                                                                                                                                          3. การมีขนรักแร้ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของการทำให้เกิดกลิ่นตัว
                                                                                                                                                                                          4. การมีขนรักแร้ ทำให้ผิวหนังใต้วงแขนไม่เรียบเนียน
                                                                                                                                                                                          5. การมีขนรักแร้ ทำให้เกิดปัญหาขนคุด และผิวหนังไก่
                                                                                                                                                                                          6. การมีขนรักแร้ ทำให้เกิดรอยดำใต้วงแขน
                                                                                                                                                                                          7. การมีขนรักแร้ ทำให้รูขุมขนใต้วงแขนกว้าง ซึ่งส่งผลให้มีกลิ่นตัว
                                                                                                                                                                                          8. การมีขนรักแร้ ทำให้ขาดความมั่นใจในการแต่งตัวตามแฟชั่น ตามยุคสมัย
                                                                                                                                                                                          9. การมีขนรักแร้ ทำให้ดูเป็นคนสกปรก

                                                                                                                                                                                          ข้อดีของการเลเซอร์กำจัดขนรักแร้

                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เป็นวิธีกำจัดขนรักแร้ที่เข้าทำลายถึงระดับราก และโคนของเส้นขน ส่งผลให้การเกิดขนขึ้นใหม่ได้ช้าลง หรือไม่เกิดขนขึ้นเลย
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เป็นวิธีกำจัดขนรักแร้ที่สะดวก ปลอดภัย
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เป็นวิธีการกำจัดขนที่ทำให้ผิวบริเวณใต้วงแขนเรียบเนียน  ไม่เป็นตุ่มหนังไก่
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ช่วยลดปัญหาการเกิดขนคุด
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ช่วยให้ใต้วงแขนสว่างกระจ่างใส
                                                                                                                                                                                          • ราคาสูงกว่าการกำจัดขนวิธีอื่น ๆ แต่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์
                                                                                                                                                                                          • หากใช้เครื่องเลเซอร์กำจัดขนที่ไม่ได้มาตรฐาน พลังงานไม่เสถียร อาจผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ รอยแผลเป็น รอยดำ
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เป็นวิธีการกำจัดชนที่สะดวกสบาย ไม่ต้องทำเอง
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ช่วยลดรูขุมขนอุดตัน และเกิดการอักเสบ
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ช่วยลดปัญหาด้านการอับชื้น หมักหมมของเหงื่อบริเวณรักแร้
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ช่วยแก้ปัญหากลิ่นตัว
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เป็นวิธีการกำจัดขนที่คงผลลัพธ์ในการกำจัดขนได้ยาวนานที่สุดในทุกวิธี
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เป็นวิธีการกำจัดขนที่ไม่เจ็บ

                                                                                                                                                                                          ข้อเสียของการเลเซอร์กำจัดขนรักแร้

                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ อาจเป็นวิธีที่ราคาสูงกว่าการกำจัดขนวิธีอื่น ๆ
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ไม่สามารถทำได้เองที่บ้าน
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ อาจเกิดการเขินอาย เพราะต้องให้คนอื่นทำให้ ต่างจากวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
                                                                                                                                                                                          • การเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ หากทำในสถานที่ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน อาจเกิดอันตรายเช่นการเบิร์น ไหม้ได้

                                                                                                                                                                                          การเตรียมตัวก่อนทำการเลเซอร์กำจัดขนรักแร้

                                                                                                                                                                                          การเตรียมตัวเป็นสิ่งที่ควรทำตามเพื่อความปลอดภัยของผิวหนังบริเวณรักแร้ในขณะที่ทำการรักษา

                                                                                                                                                                                          • ก่อนทำการเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ควรงดกำจัดขนรักแร้ด้วยตนเองก่อนเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                          • ก่อนทำการเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ งดการทาครีมที่มีส่วนผสมของกรด ต่าง ๆ อาทิ AHA BHA เรตินอยด์ หรือกรดผลไม้ ก่อนทำเลเซอร์กำจัดขน เนื่องจากครีมที่มีส่วนผสมของกรดดังกล่าวจะทำให้ผิวหนังผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวไวต่อแสง และความร้อนจากการทำเลเซอร์

                                                                                                                                                                                          ขั้นตอนการทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้

                                                                                                                                                                                          • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดผิวบริเวณรักแร้
                                                                                                                                                                                          • ผู้ช่วยแพทย์ทำการกำจัดขนรักแร้ที่มีอยู่เดิม หากมี
                                                                                                                                                                                          • ผู้ช่วยแพทย์จะทาเจลเย็นบริเวณรักแร้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้
                                                                                                                                                                                          • แพทย์ทำการปรับเครื่องให้รองรับสีผิว และสีขนของผู้เข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                          • แพทย์ทำการยิงเลเซอร์ เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ให้ทั่วจนเสร็จ
                                                                                                                                                                                          • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดเจลที่ทาเคลือบบริเวณรักแร้ให้สะอาด

                                                                                                                                                                                          การดูแลตัวเองหลังจากทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้

                                                                                                                                                                                          หลังจากที่ได้ทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ควรปฏิบัติและดูแลตนเองดังนี้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                                                          • หลังทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ สามารถประคบเย็นบริเวณใต้วงแขน เพื่อลดอาการแสบร้อนหลังทำเลเซอร์
                                                                                                                                                                                          • หลังทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ทั้งโรลออน น้ำหอม หลังทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ในช่วง 2-3 วันแรก ป้องกันการระคายเคือง
                                                                                                                                                                                          • หลังทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ควรงดการกำจัดขนที่ขึ้นใหม่ด้วยตนเอง และรอให้ถึงการนัดทำเลเซอร์ครั้งต่อไป

                                                                                                                                                                                          ทั้งนี้ควรทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ในแต่ละครั้งให้มีระยะเวลาที่ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้การรักษาเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด หรือเข้ามาทำหลังทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ได้บ่อยกว่านั้น ตามคำแนะนำของแพทย์ในกรณีที่มีขนเยอะ และรากขนหนา

                                                                                                                                                                                          Laser

                                                                                                                                                                                          เลเซอร์กำจัดขนรักแร้เหมาะกับใคร

                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดขนรักแร้อย่างถาวร
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความขาว กระจ่างใส ให้กับบริเวณรักแร้
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความเรียบเนียนให้กับรักแร้
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความสะอาดให้กับบริเวณรักแร้
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเหงื่อ และกลิ่นเหงื่อ ที่รักแร้
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่เคยกำจัดขนด้วยวิธีอื่น แล้วเวลาขนขึ้นใหม่กลายเป็นขนคุด
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาในการกำจัดขนรักแร้ด้วยตัวเอง
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดการเกิดแบคทีเรียสะสมที่รักแร้
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง เวลาแต่งตัวแฟชั่นโชว์รักแร้
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่แพ้การกำจัดขนด้วยแวกซ์
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เหมาะกับผู้ที่แพ้การกำจัดขนด้วยครีมกำจัดขน


                                                                                                                                                                                          โปรแกรม Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับใคร

                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ไม่เหมาะกับผู้ที่ใส่อุปกรณ์เสริมที่เป็นเหล็ก หรือโลหะในร่างกาย หากเป็นกรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทกรดทารักแร้เป็นประจำ หากต้องการทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ควรงดก่อน
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ไม่เหมาะกับผู้มีแผลเปิด บริเวณรักแร้
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะแพ้แสง
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติชักโดยการใช้แสงกระตุ้น
                                                                                                                                                                                          • เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติรับประทานยาที่ทำให้เกิดการไวต่อแสง

                                                                                                                                                                                          เปรียบเทียบการกำจัดขนรักแร้ด้วยวิธีอื่นและโปรแกรมกำจัดขนรักแร้ของรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                          การกำจัดขนด้วยวิธีการเลเซอร์ มีด้วยกันหลากหลายวิธี ในแต่และสถานให้บริการก็มีหลากหลายเครื่องให้เลือกสรร ผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกได้ตามความพึงพอใจ และความเหมาะสมของขนและผิวบริเวณใต้วงแขน

                                                                                                                                                                                          เลเซอร์ขนรักแร้

                                                                                                                                                                                          1.โปรแกรมกำจัดขนรักแร้ของรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                          เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ของรมย์รวินท์คลินิกเครื่อง Yag Laser ที่มีคลื่นพลังงานที่มีความยาว 1,064 นาโนเมตร มีพลังงาน 80 จูล และยังสามารถปล่อยความเย็นในโหมด DCD: Dynamic Cooling Device ออกมาเพื่อปลอบประโลมผิวหนังชั้นบนที่เป็นผิวหนังแท้ ให้มีความปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่ร้อน ไม่ทิ้งความร้อนหลังจากทำการกำจัดขนรักแร้ และยังทำให้ผ่อนคลายในระหว่างทำอีกด้วย จัดเป็นเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเห็นผลเร็ว กำจัดขนอย่างตรงจุด ไม่ทำให้ผิวบริเวณโดยรอบเกิดอันตราย ไม่เบิร์น ไม่แสบ ไม่ร้อน ทั้งยังช่วยในการปรับสีผิว และลดขนาดรูขุมขนได้อีกด้วย 

                                                                                                                                                                                          2. โปรแกรม Diode laser

                                                                                                                                                                                          เป็นเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ที่กำจัดได้ไม่ถึงราก ปรับพลังงานได้ตั้งแต่ 800-810 นาโนเมตร 940 นาโนเมตร หรือ 1,350-1,064 นาโนเมตร ตามความต้องการของผู้ให้บริการ แต่เลเซอร์ชนิดนี้จะทำให้เกิดการระคายเคือง หรือบวมแดงได้บ้างหลังจากการทำการเลเซอร์ เหมาะกับบริเวณที่มีขนหนา ขนเส้นใหญ่ และอาจไม่เหมาะเท่าไหร่กับผู้ที่มีผิวสีเข้ม แต่จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาว ขาวเหลืองถึงระดับกลาง เหมาะสำหรับการใช้เพื่อกำจัดขนในบริเวณที่กว้าง เช่น แขน ขา หน้าอกผู้ชาย เป็นต้น 

                                                                                                                                                                                          3. โปรแกรม IPL (Intense Pulsed Light)

                                                                                                                                                                                          เป็นเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ที่ใช้คลื่นความยาว 515-1,200 นาโนเมตร ทำงานโดยการที่แสงเลเซอร์จะเข้าไปจับกับเม็ดสีขอเส้นขน โดยไม่สามารถกำจัดได้ถึงรากขน IPL จะเริ่มทำลายรากขนเป็นวงกว้าง ในบางทีอาจส่งผลให้เกิดอันตรายตอนกำจัดขนรักแร้ได้ การกำจัดขนรักแร้วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวเข้ม ในบางทีที่ทำการรักษาอาจทำให้เกิดการระคายเคือง บวม แดง หลังทำการรักษาได้ นิยมใช้คู่กับเลเซอร์กำจัดขนชนิดอื่น ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ในการกำจัดขนดียิ่งขึ้น 

                                                                                                                                                                                          4. โปรแกรม Alexandrite Laser

                                                                                                                                                                                          เลเซอร์กำจัดขน ที่มีลักษณะความยาวของคลื่นในความยาว 755 นาโนเมตร โดยการใช้ผลึก Alexandrite เป็นตัวปล่อยพลังงานคลื่น นับเป็นคลื่นที่มีพลังงานคลื่นไม่ยาวนัก และไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวคล้ำ เพราะตัวเครื่องอาจจะดูดซับพลังงานมากเกินไป ทำให้เกิดอันตรายในระหว่างการรักษาได้ จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวขาว หรือขาวเหลืองเท่านั้น  

                                                                                                                                                                                          จะเห็นได้ว่าโปรแกรมกำจัดขนโปรแกรมอื่น ๆ จะไม่เหมาะกับทุกสีผิว มีเพียงแค่เลเซอร์กำจัดขนจากรมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น ดังนั้นก่อนเข้ารับบริการควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา และเพื่อความเหมาะสมกับสีผิว และสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการที่สุด 

                                                                                                                                                                                          laser

                                                                                                                                                                                          ทำไมเราต้องมีขน

                                                                                                                                                                                          ขน จะเกิดจากโปรตีนในร่างกาย ที่เรียกว่าเคราตินที่กลายเป็นเส้นใยนั่นเอง โดยขนมีหน้าที่ในร่างกาย คือ ช่วยปกคลุมร่างกาย ลดการกระแทก ลดการเสียดสีในบริเวณต่าง ๆ ช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้มีความสมดุลมากขึ้น ช่วยไม่ให้เชื้อโรค หรือปรสิตที่มองไม่เห็นเข้าสู่ร่างกายของเราโดยง่าย ที่สำคัญขนในบางบริเวณยังมี เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรียอีกด้วย

                                                                                                                                                                                          ทำความรู้จักวงจรเส้นขน เพื่อให้เข้าใจก่อนทำเลเซอร์กำจัดขน

                                                                                                                                                                                          เส้นขนของคนเรามีการเจริญเติบโตตามวงจร 3 ระยะ ดังนี้

                                                                                                                                                                                          ระยะที่ 1. Anagen hair (ระยะเจริญเติบโตของเส้นขน)

                                                                                                                                                                                          เป็นระยะของเส้นขนที่มีการแบ่งตัวของเซลล์ และมีการสร้างเมลานินที่เป็นเม็ดสี ที่เซลล์มีการแบ่งตัวมากมาย เส้นขนในระยะนี้เป็นเส้นขนที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด เป็นระยะของเส้นขนที่อยู่ในร่างกายของคนเรามากที่สุด เพราะทั้งร่างกายของคนเรา เส้นขนจะอยู่ในระยะการเจริญเติบโตของเส้นขนถึง 80 เปอร์เซนต์ เลยทีเดียว โดยเมื่อเราอายุมากขึ้น เส้นขนในระยะนี้จะมีอายุที่สั้นลงตามไปด้วยนั่นเอง

                                                                                                                                                                                          ระยะที่ 2. Catagen Hair (ระยะเสื่อมสภาพ)

                                                                                                                                                                                          เป็นระยะที่เส้นขนเริ่มมีการหยุดเจริญเติบโต หรือเรียกว่าเป็นขนแก่ หรือขนมีอายุมาก ในระยะนี้เมลานินในรูขุมขนจะแบ่งตัวได้น้อยลง รากขนจะเริ่มหดตัว รับสารอาหารได้ไม่ทั่วถึง และเริ่มร่วงลงในที่สุด โดยเส้นขนเมื่อเข้าสู่ระยะนี้แล้วจะคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะค่อย ๆ ฝ่อตัวและร่วงออก

                                                                                                                                                                                          ระยะที่ 3. Telogen Hair (ระยะสุดท้ายหรือระยะฟักตัว)

                                                                                                                                                                                          เป็นระยะของเส้นขนที่เกิดจากการร่วงจากต่อมของขน จนถึงโคนขน ในระยะที่ 2 จากนั้น ต่อมต่าง ๆ ของรากขนจะมาฟื้นฟู และขยายตัว เพื่อพร้อมสำหรับการเกิดเส้นขนใหม่ ก่อนเข้าสู่วงจรในระยะที่ 1 ของเส้นขนโดยในระยะที่ 3 นี้จะมีระยะเวลาในการฟักตัวของเส้นขนเป็นระยะเวลา 1-3 เดือน

                                                                                                                                                                                          FAQ รวมคำถามที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเลเซอร์กำจัดขน

                                                                                                                                                                                          1. เลเซอร์กำจัดขน ต้องทำทั้งหมดกี่ครั้งจึงจะเห็นผล หรือขนรักแร้หายหมด

                                                                                                                                                                                          การทำเลเซอร์กำจัดขนจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งที่ 4 โดยจะเริ่มจาก ขนเริ่มร่วงจากรากขนที่โดนเลเซอร์กำจัดขนจนตายทำให้ขนเกิดช้าลง และไม่ขึ้นในที่สุด อาจต้องทำติดต่อกัน 6-8 ครั้ง เพื่อให้รากขนและขนตายสนิท เพื่อป้องกันการเกิดใหม่ของขนในอนาคต 

                                                                                                                                                                                          2. ทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้แล้วทำให้ผิวบางจริงหรือไม่

                                                                                                                                                                                          การทำเลเซอร์กำจัดขนนั้น เป็นเพียงการใช้พลังงานแสงยิงไป เพื่อจับเม็ดสีขนและทำลายรากขน โดยการยิงแสงเลเซอร์และเปลี่ยนให้เป็นพลังงานความร้อน โดยการทำเลเซอร์กำจัดขนทุกครั้ง ผลพลอยได้ก็ คือ การที่ใต้วงแขนจะเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ รวมทั้งเกิดการจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง นั่นหมายความว่านอกจากการทำเลเซอร์กำจัดขน จะไม่ส่งผลให้รักแร้ หรือบริเวณที่ทำบางลงแล้ว แต่กลับจะทำให้ผิวหนังยิ่งมีความหนามากขึ้น อันเกิดจากการสร้างตัว และจัดเรียงตัวของคอลลาเจนที่บริเวณใต้วงแขนนั่นเอง 

                                                                                                                                                                                          3. ทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้แต่ละครั้งควรห่างกันนานเท่าไหร่?

                                                                                                                                                                                          การทำเลเซอร์กำจัดขนทุก ๆ ครั้ง จะได้รับนัดจากแพทย์ผู้ให้บริการ ทั้งนี้ปกติแล้วแพทย์จะทำการนัดวันครั้งถัดไปจากวันแรก ในระยะเวลาห่างจากครั้งก่อนหน้าประมาณ 4 สัปดาห์หลังจากนี้ หากขนอ่อนลงแล้วจะสามารถทำห่างขึ้นได้ 

                                                                                                                                                                                          4. ทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้สามารถกำจัดขนได้ถาวรหรือไม่?

                                                                                                                                                                                          การทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ สามารถกำจัดขนโดยไม่ขึ้นมาได้ในระยะหนึ่งในคนที่มีขนที่หนามาก ในคนที่มีขนบาง ๆ สามารถหายไปได้อย่างถาวร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผิวหนัง และสภาพขน สีขน ของแต่ละบุคคล  

                                                                                                                                                                                          โดยปกติผู้ที่มีขนหนาขนจะขึ้นภายในจะ 4-7 ปีแตกต่างกันไป แต่ขนที่กลับมาขึ้นจะเป็นขนที่มีเส้นบาง ไม่หนา 

                                                                                                                                                                                          5. เลเซอร์กำจัดขนรักแร้มีผลข้างเคียงจากการทำหรือไม่?

                                                                                                                                                                                          หากเข้ารับบริการจากสถานที่ให้บริการที่ได้มาตรฐาน ทำโดยผู้มีประสบการณ์ทุกขั้นตอน การทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้จะไม่มีผลข้างเคียงเลย แต่หากทำในสถานให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีผู้มีประสบการณ์ในการควบคุม อาจพบผลข้างเคียง เช่น เกิดอาการไหม้ แสบ ร้อน แดง บวม ปวด หรือเจ็บ ทั้งในระหว่างทำ และหลังการทำได้ 

                                                                                                                                                                                          6. เลเซอร์กำจัดขนรักแร้เจ็บไหม?

                                                                                                                                                                                          การทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ อาจทำให้มีความเจ็บ หรือร้อนบ้างในการทำแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว แต่ก่อนทำจะมีการประคบน้ำแข็ง หรือทาเจลเย็น เพื่อบรรเทาความเจ็บอยู่แล้ว แต่หากทนความพร้อมไม่ได้สามารถแจ้งระหว่างทำได้

                                                                                                                                                                                          7. หลังทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ สามารถทาครีมบำรุงได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                          หลังทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ควรงดหรือหลีกเลี่ยงการทาครีมบำรุงผิว หรือการทาโรลออน เนื่องจากอาจมีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำหอม หรือสารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อผิวบริเวณรักแร้ แต่สามารถทาเจลที่ผลิตจากว่านหางจระเข้ เพื่อเป็นการปลอบประโลมผิวบริเวณรักแร้ได้ เนื่องจากการทำเลเซอร์กำจัดขนรัก อาจทำให้ผิวบริเวณที่ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ 

                                                                                                                                                                                          8. เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ สามารถลดกลิ่นกายได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                          เลเซอร์กำจัดขนรักแร้สามารถลดกลิ่นกายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้กลิ่นกายหายไปจนหมด แต่ในคนที่มีกลิ่นน้อย หรือไม่มีเลยอาจจะหายไปได้ แต่ในผู้ที่มีกลิ่นกายมาก ๆ จะส่งผลให้ดีขึ้น เนื่องจากการทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ เป็นการช่วยให้รูขุมขนมีขนาดที่เล็กลง เหงื่อออกน้อยลง ซึ่งนอกจากลดกลิ่นกายได้แล้ว ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ได้ด้วย อาทิ กลิ่นอับ กลิ่นเปรี้ยวของเหงื่อ เป็นต้น 

                                                                                                                                                                                          9. เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ใช้เวลาในการทำกี่นาที

                                                                                                                                                                                          โดยปกติแล้ว การทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ จะใช้เวลาในการทำ 30 นาที โดยประมาณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของขน ในแต่ละบุคคล และความหนาของขนด้วย 

                                                                                                                                                                                          ทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ควรเลือกอย่างไร

                                                                                                                                                                                          1. เลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ควรเลือกทำในสถานที่ให้บริการ หรือคลินิกเสริมความงามที่มีมาตรฐาน มีการบริการที่ดีสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้ารับบริการได้ทุกครั้ง
                                                                                                                                                                                          2. ผู้ทำต้องมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการใช้เครื่องเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ไม่ว่าจะเป็น การยิง การปรับพลังงาน การเลือกบริเวณที่ยิง และการประเมินการรักษา
                                                                                                                                                                                          3. ต้องเลือกคลินิกที่ให้บริการด้วยเครื่องแท้ มีเอกสารต่าง ๆ ในการการันตีว่ามีความปลอดภัยในการรักษา
                                                                                                                                                                                          4. มีคลินิกหลายสาขาทั่วประเทศไทย พร้อมสำหรับให้บริการ ตามความสะดวกของผู้เข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                          5. ดูแลผู้เข้ารับบริการมาหลายปี มีความน่าเชื่อถือ
                                                                                                                                                                                          6. มีเคสรีวิวการันตีเป็นจำนวนมาก
                                                                                                                                                                                          7. อยู่ในการดูแลของแพทย์

                                                                                                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                            AC Clear I รักษาสิวใน 4 ขั้นตอน คืออะไร ? ช่วยอะไร ?

                                                                                                                                                                                            Ac clear i

                                                                                                                                                                                            before & after รักษาสิว


                                                                                                                                                                                            before & after รักษาสิว


                                                                                                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                                                              รักษาสิวใน 4 ขั้นตอนด้วย AC Clear I

                                                                                                                                                                                              ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็หนีมลภาวะที่ต้องเจอในแต่ละวันไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศ ฝุ่น มลพิษ สารเคมี ควันรถ ถ้าเป็นผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่ยังต้องเจอกับปัญหาเครื่องสำอางอุดตัน หากล้างหน้าไม่สะอาดเข้าไปอีก แต่ปัญหาพวกนี้นับเป็นปัญหาที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปทางไหนได้เลย ต่อให้ใส่หน้ากากอนามัย ก็ไม่สามารถปิดบังใบหน้าจากมลภาวะได้ทั้งหน้า  หรือผู้หญิง ก็ไม่สามารถแต่งหน้าเพียงแค่ด้านบนได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อมลภาวะ และมลพิษจากสิ่งรอบข้างมากมายขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เราควรทำ คือ การล้างหน้าให้สะอาด เพื่อป้องกันใบหน้าให้ห่างไกลจากการหมักหมม และสะสมสิ่งสกปรกจนกลายเป็นสิวในที่สุด แต่ต่อให้จะล้างหน้าดีแค่ไหน ปัจจัยจากการเกิดสิวก็ไม่ได้เกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิวยังเกิดจากปัจจัยอีกมากมายหลายอย่าง ดังต่อไปนี้


                                                                                                                                                                                              Ac clear i

                                                                                                                                                                                              สิว สามารถเกิดได้จากปัจจัยหลัก 4 ปัจจัยดังนี้

                                                                                                                                                                                                1. สิวเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน

                                                                                                                                                                                              การอุดตันของรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว คือ การหนาตัวของเซลล์หนังกำพร้า ในขณะเดียวกันกระบวนการผลัดเซลล์ผิวของร่างกายก็เกิดการผิดปกติเช่นกัน จึงทำให้ผิวหนังบริเวณนั้น ๆ เกิดการอุดตัน และกลายเป็นสิวอุดตันในที่สุด

                                                                                                                                                                                                1. ความผิดปกติของต่อมไขมัน

                                                                                                                                                                                              ต่อมไขมัน เป็นต่อมที่ทำหน้าที่ผลิตไขมันในการหล่อเลี้ยงผิวหนังอยู่แล้วโดยปกติ แต่ไขมันที่ทำการผลิตนั้นจะเป็นปริมาณที่กำลังดี และมีความเหมาะสมต่อสภาพผิวหน้า แต่ในผู้ที่ต่อมไขมันมีความผิดปกติในการผลิตไขมัน จนมีการสะสมเป็นจำนวนมากที่รูขุมขน จึงทำให้เกิดการอุดตันของไขมันที่รูขุมขน

                                                                                                                                                                                                1. เชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acnes) หรือชื่อใหม่คือ Cutibacterium acnes (C.acnes)

                                                                                                                                                                                              เป็นเชื้อที่อาศัยอยู่ที่รูขุมขน และจะมีการสะสมของไขมันที่อุดตันในรูขุมขน จึงทำให้เกิดการสร้างอาหารของสิวที่มีความสมบูรณ์ จึงทำให้แบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C.acnes) ที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดสิว และสิวอุดตันนั่นเอง

                                                                                                                                                                                                1. การอักเสบบริเวณรูขุมขน

                                                                                                                                                                                              เมื่อผิวหนังมีการอุดตันของทั้งเซลล์ผิวหนัง เซลล์ไขมัน รวมทั้งเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C.acnes) ที่รูขุมขนเป็นจำนวนมาก จะทำให้เกิดการสร้างสิวอุดตัน และเมื่อสิวอุดตันเกิดการขยายตัว ทำให้แพร่เชื้อและขยายตัวสู่ผิวหนังด้านข้าง ทำให้เกิดการกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ และกลายเป็นสิวอักเสบที่มีลักษณะ บวม นูน แดง  เมื่อเป็นสิวแล้ว หากไม่รีบหาสาเหตุของสิวเพื่อทำการรักษาก็จะส่งผลให้เกิดสิวเรื้อรัง และจะยิ่งรักษาให้หายขาดยากมากขึ้นในที่สุด รมย์รวินท์คลินิก มีโปรแกรมรักษาสิว ที่รักษาเคสมาแล้วกว่า 28 ปี และยังเป็นโปรแกรมรักษาสิวที่ได้รับความนิยมตลอดกาล อย่าง AC Clear I โปรแกรมรักษาสิวที่รักษาสิวได้อย่างชะงัดมานับต่อนับ ใน 4 ขั้นตอนที่คิดมาแล้วเป็นอย่างดี


                                                                                                                                                                                              Ac clear i

                                                                                                                                                                                              การรักษาสิวด้วย AC Clear I 4 ขั้นตอนประกอบไปด้วย

                                                                                                                                                                                                1. ขั้นตอนรักษาสิวด้วยการ กดสิว

                                                                                                                                                                                              ด้วยเทคนิคการกดสิวโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ประจำรมย์รวินท์คลินิก เพื่อลดปริมาณการอักเสบและอุดตันของสิว

                                                                                                                                                                                                1. ขั้นตอนรักษาสิวด้วยการ ฉีด

                                                                                                                                                                                              ฉีดตัวยาเพื่อรักษาสิวที่เริ่มอักเสบแล้วบนใบหน้า เพื่อยับยั้งการอักเสบของสิว และเพื่อลดอาการบวมแดงที่เกิดขึ้นของสิว

                                                                                                                                                                                                1. ขั้นตอนรักษาสิวด้วยการ ทรีตเม้นต์

                                                                                                                                                                                              ลดเชื้อสิวและฆ่าเชื้อสิวที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าให้ลดลง ลดโอกาสการเกิดใหม่ของสิวบนใบหน้า

                                                                                                                                                                                                1. ขั้นตอนรักษาสิวด้วยการ มาส์ก

                                                                                                                                                                                              ขั้นตอนการปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน หลังจากทำการรักษาทั้งหมด ทั้งยังช่วยกู้ผิวที่บอบบางจากการเกิดสิวให้กลับมาแข็งแรงได้ใหม่อีกครั้ง


                                                                                                                                                                                              Ac clear i

                                                                                                                                                                                              สิวมีกี่ประเภท และ AC Clear I สามารถรักษาสิวอะไรได้บ้าง

                                                                                                                                                                                              ประเภทของสิวที่ AC Clear I สามารถรักษาได้ คือ “สิวไม่อักเสบ (Non-inflammatory acne)”

                                                                                                                                                                                              • สิวอุดตัน
                                                                                                                                                                                              • สิวไม่มีหัว
                                                                                                                                                                                              • สิวหัวดำ
                                                                                                                                                                                              • สิวคอมีโดน
                                                                                                                                                                                              • สิวผด
                                                                                                                                                                                              • สิวเสี้ยน
                                                                                                                                                                                              • สิวหัวขาว หรือสิวข้าวสาร
                                                                                                                                                                                              • สิวฮอร์โมน หรือสิวติดสารสเตียรอยด์

                                                                                                                                                                                              ประเภทของสิวที่ AC Clear I สามารถรักษาได้ คือ “สิวอักเสบ (Inflammatory acne)”

                                                                                                                                                                                              • สิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้าง 
                                                                                                                                                                                              • สิวไม่มีหัว 


                                                                                                                                                                                              ข้อดีของการรักษาสิวด้วย AC Clear I

                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I ช่วยรักษาสิวได้ถึงต้นตอของปัญหา 
                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I ช่วยรักษาสิวแบบไม่ทำลายผิว 
                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I รักษาสิวได้ในระยะสั้น
                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I รักษาสิวได้แบบไม่เลี้ยงไข้ 
                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I นอกจากรักษาสิวยังช่วยฟื้นฟูผิว 
                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I ช่วยลดการเกิดสิวใหม่ 
                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I บำรุงผิวได้ดีกว่าการทาครีม 
                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I ช่วยปลอบประโลมผิวหน้าได้ดีกว่าการรักษาสิวทั่วไป 
                                                                                                                                                                                              • การรักษาสิวด้วย AC Clear I รักษาสิวแบบไม่ก่อให้เกิดรอยสิว 


                                                                                                                                                                                              รักษาสิว

                                                                                                                                                                                              ใครที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I

                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวอุดตัน
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีอักเสบ
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวไม่มีหัว
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวหัวดำ
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวคอมีโดน หรือสิวอุดตัน
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวผด
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวเสี้ยน
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวหัวขาว หรือสิวข้าวสาร
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวฮอร์โมน หรือสิวติดสารสเตียรอยด์
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้าง
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวไม่มีหัว
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีแนวโน้มจะเกิดสิว
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่รักษาสิวด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วไม่หาย
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่อยากหายเป็นสิวในระยะเวลาอันสั้น
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่ไม่ต้องการรักษาสิวด้วยตัวเอง


                                                                                                                                                                                              ใครที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I

                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีรอยสิวที่ต้องรักษาต่อ
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่เป็นสิวระหว่างการตั้งครรภ์
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่เป็นสิวระหว่างการให้นมบุตร
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีบาดแผล
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่ติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
                                                                                                                                                                                              • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่แพ้ยาตัวที่จะนำมาทำไอออนโตโฟเรซิส


                                                                                                                                                                                              รักษาสิว

                                                                                                                                                                                              การเตรียมตัวก่อนการรักษาสิวด้วย AC Clear I

                                                                                                                                                                                              1. ก่อนการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวหน้า ประเภทสิว และวางแผนการรักษา
                                                                                                                                                                                              2. ก่อนการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการรักษา
                                                                                                                                                                                              3. ก่อนการรักษาสิวด้วย AC Clear I หากหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าได้ ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าก่อนเข้ารับบริการ


                                                                                                                                                                                              การดูแลตัวเองหลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I

                                                                                                                                                                                              1. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ
                                                                                                                                                                                              2. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรทาครีมบำรุงผิว และครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทุกครั้งที่ต้องเจอแดด
                                                                                                                                                                                              3. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถนอมผิว รักษาความสะอาดของผิวอย่างสม่ำเสมอ
                                                                                                                                                                                              4. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรพักหน้าเนื่องจากผิวหน้าเกิดการระคายเคืองจากการกด และฉีดสิว
                                                                                                                                                                                              5. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I งดแต่งหน้า 1 วัน เพื่อให้ใบหน้าได้รับการฟื้นฟู


                                                                                                                                                                                              ประโยชน์ของการรักษาสิวด้วย AC Clear I ทั้ง 4 ขั้นตอน

                                                                                                                                                                                              ขั้นตอนการรักษาสิวด้วยการกดสิวของ AC Clear I

                                                                                                                                                                                              การกดสิว คืออะไร

                                                                                                                                                                                              เป็นการเอาหัวสิวออก ด้วยการกดหรือบีบในบริเวณที่เกิดสิว โดยวิธีการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการกดสิวโดยเฉพาะ ในการจิ้มเปิดผิวแล้วค่อยกดให้หัวสิวออกมา โดยขั้นตอนทั้งหมดต้องสะอาด และปลอดภัย ทั้งนี้ผู้ที่ทำการกดจะต้องมีประสบการณ์และชำนาญ เนื่องจากหัวสิวที่หลุดออกมาเมื่อไปโดนผิวในบริเวณอื่น อาจทำให้บริเวณอื่นเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และเกิดเป็นสิวใหม่ได้ในอนาคต

                                                                                                                                                                                              การกดสิว เหมาะกับสิวประเภทใด ?

                                                                                                                                                                                              การกดสิวจะเหมาะมากกับผู้ที่เป็นสิวอุดตัน สิวหัวดำ และสิวหัวขาวเป็นต้น และแพทย์จะหลีกเลี่ยงการกดสิวประเภท สิวหนอง หรือสิวหัวช้าง สิวผด สิวอักเสบ

                                                                                                                                                                                              ประโยชน์ของขั้นตอนการกดสิวด้วย AC Clear I

                                                                                                                                                                                              การกดสิวด้วย AC Clear I จะเป็นการกดสิวโดยแพทย์เท่านั้น ซึ่งขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนการรักษาสิวขั้นตอนแรกที่ช่วยในการเคลียร์สิวเบื้องต้น โดยการกดสิวโดยแพทย์จะมีความปลอดภัย และสามารถมั่นใจได้ว่าผิวหนังบริเวณที่ทำการกดสิวจะเกิดการระคายเคืองได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ชำนาญ นอกจากนี้ขั้นตอนการกดสิวจะต้องรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย โดยวิธีนี้จะทำให้สิวอุดตันหายได้ง่ายและเร็วมากขึ้น


                                                                                                                                                                                              ขั้นตอนการรักษาสิวด้วยการฉีดสิวของ AC Clear I

                                                                                                                                                                                              การฉีดสิวคืออะไร

                                                                                                                                                                                              ขั้นตอนการฉีดสิว คือ การที่แพทย์ใช้ตัวยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ในการฉีดลงไปที่สิว เพื่อลดการอักเสบของสิว ลดการบวมแดงของสิว ช่วยทำให้สิวหายเร็วขึ้น และเกิดผลกระทบต่อผิวได้น้อยลง

                                                                                                                                                                                              การฉีดสิวฉีดในสิวประเภทใด

                                                                                                                                                                                              โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการฉีดสิวในสิวกลุ่มที่เป็นสิวอักเสบ ไม่ว่าจะเป็น สิวอักเสบที่มีหัว และสิวอักเสบที่ไม่มีหัว


                                                                                                                                                                                              รักษาสิว


                                                                                                                                                                                              รักษาสิว


                                                                                                                                                                                              รักษาสิว


                                                                                                                                                                                              ประเภทของสิวอักเสบ

                                                                                                                                                                                              สิวอักเสบกลุ่มที่ 1

                                                                                                                                                                                              (Acne Type 1) สิวอักเสบกลุ่มนี้เรามักเรียกกันว่า สิวอุดตัน โดยสิวชนิดนี้ในบางทีจะมีการอักเสบเล็กน้อยที่เกิดอยู่ภายในรูขุมขน จะเห็นได้ว่าอาจกลายเป็นเม็ดที่ดูนูนบวมขึ้นมามากกว่าปกติ เป็นสีเดียวกันกับสีผิวของเรา หากไม่ทำการรักษาจะฝังตัวอยู่ในผิวได้เป็นระยะเวลานาน

                                                                                                                                                                                              สิวอักเสบกลุ่มที่ 2

                                                                                                                                                                                              (Acne Type 2) สิวอักเสบกลุ่มนี้เป็นสิวที่อยู่ ๆ ก็ขึ้น มาแบบที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว โดยปกติแล้วจะมีความเกี่ยวข้องกันกับเซลล์ Monocyte จึงทำให้สิวประเภทนี้เกิดการอักเสบได้ในระยะปานกลาง อาจมองเห็นได้ว่าเป็นเม็ดนูนที่ประกอบไปด้วยสีผิวที่เปลี่ยนไปเป็นชมพูอ่อน ๆ หรือมีอาการเจ็บ คันเล็กน้อยร่วมด้วย แต่สิวประเภทนี้จะมีอายุอยู่เพียงไม่นานประมาณ 3 วันเท่านั้น

                                                                                                                                                                                              สิวอักเสบกลุ่มที่ 3

                                                                                                                                                                                              (Acne Type 3) สิวอักเสบกลุ่มนี้เวลาขึ้นจะเริ่มเห็นว่าเป็นสิวอย่างชัดมากขึ้น โดยสิวประเภทนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันกับเซลล์ Neutrophils ที่จะอยู่ตรงผิวหนังชั้นหนังแท้ ห่างจากรูขุมขนเพียงเล็กน้อย สิวชนิดนี้จะมีความอักเสบที่ไม่มาก เนื่องจากจะอักเสบที่ผิวหนังชั้นตื้น อาจมีหนองร่วมด้วย หรือไม่มีหนองก็ได้ สิวจะมีขนาดปานกลาง ไม่เกิน 5 มิลลิเมตร มีอายุอยู่บนผิวหนังได้นานมากขึ้นกว่าในกลุ่มที่ 2 โดยจะมีอายุประมาณ 6-8 สัปดาห์

                                                                                                                                                                                              สิวอักเสบกลุ่มที่ 4

                                                                                                                                                                                              (Acne Type 4) สิวอักเสบกลุ่มนี้จะเห็นเด่นชัดว่านี่ คือ สิว เนื่องจากลักษณะจะเห็นได้ชัดเจน สิวประเภทนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันกับเซลล์ Neutrophils จะเป็นสิวที่อยู่ในผิวที่ลึกที่สุดในบรรดาสิวอักเสบทั้ง 4 กลุ่ม โดยจะอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ชั้นล่าง จึงทำให้เมื่อไรที่เป็นจะมีอาการอย่างรุนแรง คือ ทั้งเจ็บ ทั้งบวม คัน แดง หรืออาจมีลักษณะที่เห็นภายนอกว่าเป็นก้อนเหมือนไตแข็ง เหมือนถุงน้ำในบางที สิวประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตร เป็นต้นไป และยังมีอายุบนผิวหนังได้ยาวนานกว่า 4 เดือน หากไม่ทำการฉีดสิวเพื่อรักษา


                                                                                                                                                                                              รักษาสิว


                                                                                                                                                                                              รักษาสิว

                                                                                                                                                                                              ในการรักษาสิวด้วย AC Clear I แพทย์จะฉีดสิวฉีดทุกเม็ดไหม

                                                                                                                                                                                              การฉีดสิวแพทย์อาจไม่ได้ฉีดในสิวอักเสบทุกเม็ด และมักจะฉีดในสิวที่มีความบวม เป่ง และเม็ดใหญ่มาก ๆ หากทิ้งเอาไว้นาน ๆ อาจก่อให้เกิดรอยสิว หรือแผลเป็นได้สิวประเภทนี้มักทำให้เจ็บในเวลาใช้ชีวิตประจำวัน การฉีดจะทำให้กายเร็วขึ้นและไม่ทิ้งรอย

                                                                                                                                                                                              ประโยชน์ของขั้นตอนการฉีดสิวด้วย AC Clear I

                                                                                                                                                                                              เป็นการรักษาสิวอักเสบอย่างรวดเร็ว โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลา 24-72 ชั่วโมง หลังจากที่ทำการรักษาสิวด้วย AC Clear I เสร็จ ไม่ทิ้งรอย ไม่ต้องทายาต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์ที่ใช้จะสะอาดหรือไม่ เพราะที่รมย์รวินท์คลินิกการรักษาสิวด้วย AC Clear I ทำโดยแพทย์ อุปกรณ์ทุกอย่างปลอดภัย ผ่านการฆ่าเชื้อเป็นอย่างดี

                                                                                                                                                                                              ขั้นตอนการรักษาสิวด้วยการทำทรีทเมนต์ของ AC Clear I

                                                                                                                                                                                              ทรีทเมนต์ คืออะไร

                                                                                                                                                                                              คือ การใช้เครื่องในการผลักวิตามิน เพื่อฆ่าเชื้อสิวและลดเชื้อสิว เพื่อลดการเกิดใหม่ของสิว ด้วยการใช้เครื่องทรีทเมนต์ดังกล่าว จะทำหน้าที่ในการทำให้ตัวยาที่ใช้รักษาสิวซึมลงสู่ผิวได้มากขึ้น เห็นผลได้ชัดกว่าการทาครีมเพื่อบำรุง โดยการใช้คลื่นเสียงในการเป็นตัวกลาง ส่งผลให้สิวหายเร็วขึ้น พร้อมได้ผิวหน้าที่ดีกลับมาเร็วขึ้นนั่นเอง

                                                                                                                                                                                              ทรีทเมนต์เหมาะกับสิวประเภทไหน

                                                                                                                                                                                              สามารถใช้ได้กับสิวทุกประเภท แต่ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีผิวหนังที่ติดเชื้อ หรือมีบาดแผลที่ผิวหนัง จึงควรรักษาให้หายก่อนค่อยมาทำรักษาสิวด้วย AC Clear I เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อ

                                                                                                                                                                                              ขั้นตอนการรักษาสิวด้วยการมาส์กของ AC Clear I

                                                                                                                                                                                              มาส์ก คืออะไร

                                                                                                                                                                                              การปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน หลังจากเกิดการระคายเคืองจากการกด และฉีดมาแล้ว ช่วยในการฟื้นฟูผิวบริเวณที่ทำการรักษาสิวด้วย AC Clear I ได้ฟื้นสภาพกลับมาดูสวยใสได้อีกครั้ง โดยใช้เวลาฟื้นฟูไม่นานก็ทำให้ผิวกลับมาดีได้เหมือนเดิม

                                                                                                                                                                                              ดังนั้นการรักษาสิวด้วย AC Clear I จึงนับเป็นการรักษาสิวที่ครบสำหรับทุกปัญหาสิว และยังมีความปลอดภัย เนื่องจากทุกขั้นตอนแพทย์เป็นผู้ทำการรักษา จึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีผลกระทบอื่น ๆ ตามมาจากการทำรักษาสิวด้วย AC Clear I อย่างแน่นอน

                                                                                                                                                                                              โดยการรักษาสิวด้วย AC Clear I เป็นโปรแกรมรักษาสิวเทคนิคเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น หากต้องการรักษาสิวด้วยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ลงมือทำ และดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยแพทย์ทุกขั้นตอนต้องที่ รมย์รวินท์คลินิก เท่านั้น

                                                                                                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                7.7 SHOCK PRICE ลด ฟ้า ผ่า 7 วันเท่านั้น

                                                                                                                                                                                                7.7 SHOCK PRICE

                                                                                                                                                                                                ฝนตก ฟ้าผ่าอาจต้องรีบหลบ แต่ถ้าเจอกับโปร 7.7 SHOCK PRICE “ลด ฟ้า ผ่า” ต้องรีบจอง

                                                                                                                                                                                                ฝนตก! ฟ้าผ่า! พายุเข้า! ถ้าคิดว่าแรงแล้ว ก็หลบไป เพราะรมย์รวินท์คลินิกลดแรงกว่า ! ในเดือนกรกฎาคมนี้ วงการความงามจะต้องสั่นสะเทือน ด้วย! กับโปร 7.7 SHOCK PRICE ลด ฟ้า ผ่า ทั้งลดแรง ลดกระหน่ำ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

                                                                                                                                                                                                รมย์รวินท์คลินิก หั่นราคาสุดช็อก มอบโปรราคาสุดพิเศษให้ลูกค้าที่จองผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น ! เพื่อความสวยที่พร้อมจัดให้แบบที่พายุทอร์นาโดยังต้องยอมสยบให้ ตัวแม่ที่ไหนจะทำ ถ้าไม่ใช่ตัวแม่แบบรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                                7.7 SHOCK PRICE

                                                                                                                                                                                                หั่นราคา..ท้าให้ผิวใส

                                                                                                                                                                                                หน้าฝนแล้วทำให้เป็นสิวง่าย ต้องจัดการให้ผิวสวยใส ไม่อ่อม ไม่ดรอป ด้วย

                                                                                                                                                                                                ULTIMATE STOP ACNE หยุดทุกปัญหาสิวที่เคยมีทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน และขจัดทุกความไม่ผ่องใสของผิว อย่าให้อะไรมาทำให้ยม กับ 4 ขั้นตอนรักษาสิว

                                                                                                                                                                                                  1. กดสิว
                                                                                                                                                                                                  2. ฉีดสิว
                                                                                                                                                                                                  3. ฟื้นฟูผิวด้วยตัวยาสูตรพิเศษ
                                                                                                                                                                                                  4. Mask สิว ให้ถึงสองชนิด

                                                                                                                                                                                                บอกว่า 4 แต่ให้จริงถึง 5 ผิวสวยทันใจเผยความสวยใสของคุณได้แล้ววันนี้กับ 7.7 SHOCK PRICE ในราคาเพียง 1,777 บาท จากราคาปกติ 3,100 บาท


                                                                                                                                                                                                7.7 SHOCK PRICE

                                                                                                                                                                                                หั่นราคา..ท้าให้ผิวสวย ออร่าจับ

                                                                                                                                                                                                ฝนตก อย่าปล่อยให้ผิวโทรมยมไปกับอากาศต้องหาวิธีจัดการด้วย

                                                                                                                                                                                                ให้วิตามิน WHITE SKIN & DETOX เร่งเติมวิตามิน เสริมอาหารผิว ล้างสารพิษให้ร่างกาย พร้อมฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ได้ทั้งสุขภาพดีจากภายใน และยังเผยผิวสวยสว่างใสสู่ภายนอกอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                ซื้อ 1 ได้ไปเลยอีก 1

                                                                                                                                                                                                รับไปเลยFree! ให้วิตามินสูตร BLINK เติมวิตามินอาหารผิว กู้ผิวหมองให้กลับมาเป็นผิวกระจ่างใส ดูมีออร่า

                                                                                                                                                                                                ขาวใส มีสุขภาพดีแบบคูณสอง! ในราคาเพียง 3,299 บาท จากราคาปกติ 4,400 บาท


                                                                                                                                                                                                7.7 SHOCK PRICE

                                                                                                                                                                                                หั่นราคา..ท้าให้หุ่นสวย

                                                                                                                                                                                                อย่าปล่อยให้ส่วนเกินมาบดบังความมั่นใจในตัวคุณ จัดการเก็บส่วนเกินด้วย

                                                                                                                                                                                                BODY SLIM SIZE XL เก็บส่วนที่เกิน แก้ส่วนที่เผละ ปรับรูปร่างให้สวยกระชับพร้อมกับฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ถ้าไซซ์ XL แล้วไม่มั่นใจ ลองมาปรับไซซ์ S ให้สวยจึ้งกันดูมั้ย

                                                                                                                                                                                                เปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่มั่นใจกว่าเดิมลดไปเลย 1,000 บาท! ในราคาเพียง 4,500 บาท จากราคาปกติ 5,500 บาท


                                                                                                                                                                                                pico

                                                                                                                                                                                                หั่นราคา..ท้าให้ผิวเรียบเนียน

                                                                                                                                                                                                สิวที่ว่าแก้ยากแล้ว “หลุมสิว” แก้ยากยิ่งกว่า คืนผิวให้เรียบเนียนด้วย

                                                                                                                                                                                                NU PICO MLA เลเซอร์ที่ยิงตรงเข้ากระตุ้นคอลลาเจนชั้นใต้ผิวช่วยทำให้หลุมตื้นขึ้น และยังช่วยจัดการริ้วรอย ความหมองคล้ำ ให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส

                                                                                                                                                                                                เรียกคืนผิวเนียนเรียบได้ ลดมากกว่า 50% ในราคาเพียง 4,700 บาท จากราคาปกติ 10,000 บาท ต้องรีบจัดแล้ววว!!


                                                                                                                                                                                                7.7 SHOCK PRICE

                                                                                                                                                                                                หั่นราคา..ท้าให้หน้าตึง กระชับ

                                                                                                                                                                                                ยกหน้าของคุณให้ตึง ดึงหน้าของคุณให้ยกกระชับได้มากกว่าที่เคยด้วย

                                                                                                                                                                                                OLIGIO นวัตกรรมความงามที่กำลังมาแรงงง ที่ให้คุณได้มากกว่าการยกกระชับ เพราะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้สวย พร้อมช่วยสร้าง Skin quality เครื่องเดียวได้ทั้งลดไขมันส่วนเกิน ผิวเฟิร์ม หน้ายก กรอบหน้าชัด เลย

                                                                                                                                                                                                ยกหน้าให้ตึง ดึงหน้าให้กระชับ กลับมาเรียวสวยอีกครั้ง ที่ให้คุณเลือกได้เอง

                                                                                                                                                                                                Pack A – ให้คุณผิวกระชับ ฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพ ราคาเพียง 18,900 บาท จากราคาปกติ 31,000 บาท

                                                                                                                                                                                                Pack B – บอกลาไขมันส่วนเกิน เหนียง คางสองชั้น ลดริ้วรอยให้ผิวสวย อ่อนกว่าวัย ในราคาเพียง 22,900 บาท จากราคาปกติ 46,000 บาท

                                                                                                                                                                                                โปรโมชันฟ้าผ่าเปรี้ยง! ให้คุณสวยเผ็ดแซ่บ ได้ทุกสัดส่วน ลด ฟ้า ผ่า ลดสะเทือนน่านฟ้า กับโปร 7.7 SHOCK PRICE หั่นราคาจนแทบช็อกขนาดนี้! มีแค่ 7 วันเท่านั้น จะมัวรออะไรอยู่ล่ะ รีบตรงไปที่รมย์รวินท์คลินิกเลยยย..เดี๋ยวสวยไม่ทันคนอื่นเขานะ!

                                                                                                                                                                                                    • โปรโมชัน 7.7 SHOCK PRICE นี้ตั้งแต่วันที่ 4-10 กรกฎาคม 2567 เท่านั้น
                                                                                                                                                                                                    • อาจารย์แพทย์ไม่เข้าร่วมรายการ
                                                                                                                                                                                                    • ผลการรักษาเฉพาะบุคคล
                                                                                                                                                                                                    • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่

                                                                                                                                                                                                โปรโมชั่นเฉพาะสาขาสยามพารากอนเท่านั้น


                                                                                                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                  ฟิลเลอร์ (Filler) ฉีดสารเติมเต็ม คืออะไร?

                                                                                                                                                                                                  Filler

                                                                                                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                                                                    สวยครบจบหน้า แบบไม่ต้องผ่าตัดด้วยฟิลเลอร์ (Filler)

                                                                                                                                                                                                    ความสวย เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ไม่ว่าจะใครก็ต้องการครอบครองความสวยความงามกันทั้งนั้น แต่ในยุคที่เปลี่ยนไป การตีความความงามและความสวยของในแต่ละบุคคลก็แปรเปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นไปตามบรรทัดฐานของสังคม ไม่ว่าจะเป็น เรื่องรูปร่าง ที่บางคนชอบในการเป็นคนไซส์เอ็กเอส หรือในบางคนชอบที่จะเป็นสาวมีเนื้อมีหนังไซส์แอล ในบางคนชอบที่จะมีรูปหน้าเรียวยาว หรือในบางคนชอบที่จะมีแก้มกลม เป็นสาวหน้ากลมก็ได้ทั้งนั้นในยุคสมัยนี้ เพราะความสวยไม่มีถูกไม่มีผิด ความสวยในยุคนี้ ไม่มีการตีกรอบอีกต่อไป แต่ในเมื่อเราดันไม่เกิดมาเป็นหญิงสาว ที่สวยในแบบฉบับของตัวเอง หรือมีปัญหาบางอย่างบนใบหน้าให้ต้องแก้ไขก็ต้องหาวิธีปรับ หรือแต่งให้เป็นไปตามความต้องการ หรือความสวยในแบบฉบับของตัวเราเอง การใช้ฟิลเลอร์ก็เป็นวิธีหนึ่งที่คนนิยมใช้เพื่อการปรับ หรือตกแต่งโครงหน้า รูปหน้า หรืออวัยวะต่าง ๆ บนใบหน้าให้สวยตามต้องการตามแบบฉบับของตัวเอง แต่ฟิลเลอร์มีหลายชนิด หลายเนื้อสัมผัส และหลายผลลัพธ์ หากต้องการฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่พอใจ ก็ควรทราบข้อมูลของฟิลเลอร์เบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยในการรักษา


                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร?

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มกลุ่ม Hyaluronic Acid (อ่านว่า ไฮยาลูโรนิคแอซิด) เข้าไปที่ผิวหนังชั้นต่าง ๆ เพื่อสร้างโครงสร้าง ปรับโครงสร้าง รวมทั้งเติมจุดที่มีความบกพร่องบนใบหน้า ให้เต็มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน สารเติมเต็มดังกล่าวยังช่วยปรับผิวให้มีความชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่น และสุขภาพดีได้อีกด้วย

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ (Filler) มีกี่ชนิด

                                                                                                                                                                                                    สามารถแบ่งชนิดของฟิลเลอร์ (Filler) ได้เป็น 3 กลุ่มดังนี้

                                                                                                                                                                                                    1. Permanent Filler ฟิลเลอร์ “แบบถาวร”

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มในกลุ่มนี้ เราจะรู้จักหรือได้ยินกันอย่างคุ้นหูว่า “ซิลิโคนเหลว” (Liquid Silicone) หรืออีกชนิดที่ได้ยินกันบ่อย ๆ คือ “พาราฟิน” (Paraffin) ซึ่งเป็นสารที่ฉีดเข้าไปที่บริเวณใต้ผิวหนัง แล้วจะจับตัวกันเป็นก้อน อาจมีรูปทรงสวยหรือไม่สวยตามแต่ผู้ที่ฉีด เมื่อเวลาผ่านไป อาจเกิดผลกระทบ เช่น การอักเสบ เป็นหนอง หรือติดเชื้อตามมา

                                                                                                                                                                                                    สารที่เป็นฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มแบบถาวร จะไม่สามารถสลายได้ หากต้องการจะเอาออกจะต้องทำการผ่าตัด และขูดออกโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น โดยในยุคหนึ่งฟิลเลอร์ชนิดนี้ จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีคนจำนวนมากที่จะต้องแก้ไขปัญหาที่ตามมาจากการฉีดฟิลเลอร์แบบถาวร และในยุคนี้ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะสามารถพบได้จากผู้ที่ยังใช้บริการแพทย์ปลอม หรือหมอกระเป๋าอยู่ ซึ่งในที่สุดก็ต้องทำการผ่าตัดหรือขูดออกอยู่ดี

                                                                                                                                                                                                    2. Non-Permanent Filler ฟิลเลอร์ “แบบชั่วคราว”

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก อย.หลายประเทศตามแต่ยี่ห้อของฟิลเลอร์ โดยหลักแล้วฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะใช้ส่วนประกอบในการผลิต คือ

                                                                                                                                                                                                    Hyaluronic Acid : สารจากธรรมชาติที่ร่างกายเราสามารถผลิตขึ้นมาได้เอง จากโมเลกุลของน้ำตาล polysaccharide ที่อยู่ภายในเนื้อเยื่อของร่างกาย จึงทำให้ร่างกายของเราสามารถสร้าง Hyaluronic Acid ขึ้นมาได้เองนั่นเอง และเมื่อสารชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายของเรา ก็จะสามารถสลายออกเองได้ตามธรรมชาตินั่นเอง

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์

                                                                                                                                                                                                    ชนิดเนื้อของฟิลเลอร์ (Filler) มีหลากหลายลักษณะ ดังนี้

                                                                                                                                                                                                    ชนิดของฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้

                                                                                                                                                                                                    1. ฟิลเลอร์ (Filler) เนื้อละเอียด

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะมีเนื้อสัมผัสของตัวเจลที่อ่อนนุ่ม  บางเบาคล้ายน้ำ ที่มีความเหนียว ๆ โดยเนื้อเจลของฟิลเลอร์เนื้อละเอียดจะนิ่มมากที่สุด มีความเหมาะสมสำหรับใช้ในการฉีดในผิวชั้นตื้นเพื่อเก็บรายละเอียด และเหมาะกับการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ทั้งยังใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพผิวได้อีกด้วย เนื่องจากฟิลเลอร์ชนิดนี้จะช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้น ให้กับผิวหน้าที่มีความแห้งได้

                                                                                                                                                                                                    2. ฟิลเลอร์ (Filler) เนื้อนิ่ม

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะมีเนื้อสัมผัสของตัวเจลที่อ่อนนุ่ม มีความยืดหยุ่นน้อย โดยปกติฟิลเลอร์ชนิดนี้ จะมีความเหมาะสมในการใช้แก้ปัญหา บริเวณผิวตื้น ๆ หรือบริเวณที่มีปัญหาไม่มาก ไม่เน้นใช้ความยืดหยุ่นของเนื้อเจล อีกทั้งไม่มีความคงทน เพราะเป็นฟิลเลอร์เนื้อที่สามารถสลายได้ง่าย

                                                                                                                                                                                                    3. ฟิลเลอร์ (Filler) เนื้อกลาง

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ชนิดนี้ จะมีเนื้อสัมผัสของตัวเจลที่มีความนิ่มในระดับกลาง และจะมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นมาจากฟิลเลอร์ชนิดเนื้อนิ่ม สามารถเกาะตัว คงตัวได้ในระดับหนึ่ง โดยปกติจะใช้ในบริเวณที่ต้องการได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่น ใช้เพื่อเติมเต็มบริเวณหน้าผากให้ดูมีความโหนกนูนมากขึ้น ใช้ฉีดปากเพื่อให้ได้รูปมากขึ้น บริเวณขมับใช้เพื่อแก้ปัญหาขมับตอบ เติมเต็มแก้มตอบ รวมทั้งใช้เพื่อฉีดร่องแก้มเพื่อเติมเต็มเป็นต้น

                                                                                                                                                                                                    4. ฟิลเลอร์ (Filler) เนื้อแข็ง

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะมีเนื้อสัมผัสของตัวเจลที่มีความหนาแน่นที่สุด และเป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง คงตัวสูง เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการขึ้นโครงสร้างใบหน้า อาทิ การนำไปฉีดเพื่อปรับโครงหน้า ฉีดกราม คาง โหนกแก้ม เพื่อเพิ่มมิติให้กับใบหน้านั่นเอง

                                                                                                                                                                                                    filler

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ (Filler) สามารถทำได้บริเวณไหนได้บ้าง

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ หรือการเติมสารเติมเต็ม สามารถฉีดได้ทั่วทั้งใบหน้าและร่างกาย แต่ในที่นี้จะกล่าวเพียงใบหน้า ดังต่อไปนี้

                                                                                                                                                                                                    • หน้าผาก
                                                                                                                                                                                                    • ขมับ
                                                                                                                                                                                                    • ใต้ตา
                                                                                                                                                                                                    • แก้ม
                                                                                                                                                                                                    • ร่องแก้ม
                                                                                                                                                                                                    • ปาก
                                                                                                                                                                                                    • คาง
                                                                                                                                                                                                    • กรอบหน้า

                                                                                                                                                                                                    โดยการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) แต่ละบริเวณ เป็นการฉีดเพื่อแก้ปัญหา ดังนี้

                                                                                                                                                                                                    1. ฟิลเลอร์ (Filler) หน้าผาก

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก เป็นการทำเพื่อแก้ปัญหาในบางคนที่มีหน้าผากแบน ไม่สมส่วน ทำให้ใบหน้าไม่มีมิติ หรือทำให้ภาพรวมใบหน้าเวลาแต่งหน้า หรือรวบผมออกมาดูไม่สวยเท่าที่ควร ในบางคนยังฉีดฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มบริเวณหน้าผากให้มีความโหนกนูน เพื่อปรับโหงวเฮ้งอีกด้วย แต่ในบริเวณนี้แพทย์ผู้ทำการรักษา จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีประสบการณ์ และมีความชำนาญ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดเป็นจำนวนมากทั้งเล็กและใหญ่

                                                                                                                                                                                                    2. ฟิลเลอร์ (Filler) ขมับ

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ที่ขมับ เนื่องจากในบางคนมีขมับที่ตอบ ยุบ ทำให้รวบผม หรือทำผมแล้วไม่สวย ทั้งยังทำให้ดูโทรม และยังทำให้ดูมีโหนกแก้มใหญ่อีกด้วย ในบางกรณีจะใช้การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการเติมสารเติมเต็มเพื่อการแก้ปัญหาของคนที่ต้องการลดโหนกแก้ม เสริมใบหน้าให้มีความละมุม ดูหวานมากขึ้นด้วย โดยบริเวณนี้จะมีเนื้อบาง จึงทำให้เจ็บในระหว่างฉีดจึง จำเป็นต้องใช้แพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษา เพื่อความปลอดภัยและเพื่อบรรเทาความเจ็บ


                                                                                                                                                                                                    3. ฟิลเลอร์ (Filler) ใต้ตา

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตา เป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อใช้ในการช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ บริเวณรอบดวงตา ที่สามารถเป็นกันได้ทุกคน อาทิ ขอบตาดำ แก้ปัญหาถุงใต้ตา แก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา แก้ปัญหาเบ้าตาลึก โดยที่ฟิลเลอร์ สามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้ ทั้งที่ เกิดจากโรคประจำตัวต่าง ๆ เช่น ใต้ตาดำอันเป็นสาเหตุจากอาการภูมิแพ้ได้ด้วย โดยหลังฉีดฟิลเลอร์หรือเติมสารเติมเต็มนั้น จะส่งผลให้ใต้ตาดูเติมเต็ม สดใสขึ้น ดูไม่หมอง ไม่คล้ำ และยังทำให้ดูนอนเต็มอิ่มอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                    4. ฟิลเลอร์ (Filler) แก้ม

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ที่แก้ม เป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยปรับให้ใบหน้าดูเด็กมากขึ้น โดยสามารถเติมที่หน้าแก้ม หรือเติมที่บริเวณแก้มส้มเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากการยุบตัวของโครงสร้างกระดูก บริเวณแก้ม ที่ทำให้แก้มหย่อนคล้อย หน้าแก้มแบน ส่งผลให้ใต้ตาดูลึก ได้ด้วย

                                                                                                                                                                                                    5. ฟิลเลอร์ (Filler) ร่องแก้ม

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเป็นการฉีดฟิลเลอร์ จุดที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากอยู่ที่จุดกึ่งกลางของใบหน้า เมื่อเป็นร่องลึกจะยิ่งเห็นเด่นชัด ทำให้ปากดูคว่ำ และยิ่งดูมีอายุ เมื่อถูกเติมเต็มก็จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ดูยิ้มและเป็นมิตรมากขึ้น


                                                                                                                                                                                                    6. ฟิลเลอร์ (Filler) ปาก

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณปาก เป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วได้ผลลัพธ์ที่เห็นชัด และสามารถเปลี่ยนใบหน้าไปได้เป็นอย่างมาก แก้ปัญหาริมฝีปากบาง ริมฝีปากไม่เท่ากัน ปากมีร่องลึก มีริ้วรอยหรือมีรูปทรงที่ไม่สวย นอกจากนี้ยังช่วยเติมเต็ม ริมฝีปากให้มีความอวบอิ่ม สวย ได้รูป และยังช่วยให้ปากมีความชุ่มชื้น และยังทำให้ปากมีสีที่อมชมพูขึ้นเหมาะกับการทาลิปสติกอีกด้วย


                                                                                                                                                                                                    7. ฟิลเลอร์ (Filler) คาง

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณคาง เป็นการแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีคางสั้น คางตัด คางทู่ คางบุ๋ม และยังปรับใบหน้าให้ดูเรียวยาวสมส่วนมากยิ่งขึ้นได้ เป็นการแก้ปัญหารูปหน้าที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และเป็นธรรมชาติมากกว่าการศัลยกรรมผ่าตัดทำคาง และสามารถเพิ่มได้ตามความต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องกลัวว่าฉีดไปแล้วหากยาวเกินไป หรือไม่เหมาะกับตัวเองจะต้องผ่าตัดเอาซิลิโคนออก

                                                                                                                                                                                                    8. ฟิลเลอร์ (Filler) กรอบหน้า

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณกรอบหน้า เป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมทั้งหญิงและชาย โดยส่วนมากเพศชายจะฉีดฟิลเลอร์ที่กรอบหน้า เพื่อเน้นความชัดเจนของเส้นกรอบหน้าให้ชัด เป็นสัน ความชัดและความคมของโครงหน้า ให้ใบหน้าดูมีความเป็นผู้ชายที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ส่วนในผู้หญิงนิยมฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า เนื่องจากต้องการให้ใบหน้า มีความคม ชัด และมีมิติมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

                                                                                                                                                                                                    ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ปัญหาได้เกือบทุกอย่างบนใบหน้า
                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ปัญหาที่ใช้เวลาไม่นาน
                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ต้องพักฟื้น
                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ต้องผ่าตัด
                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวการผ่าตัด
                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย สลายได้หมด
                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ มีความปลอดภัยสูง
                                                                                                                                                                                                    • การฉีดฟิลเลอร์ สามารถเพิ่มปริมาณ หรือลดปริมาณได้ตามต้องการ

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์ปลอมคืออะไร ดูยังไง ?

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ปลอม จะมีการเครมว่าสามารถคงสภาพใต้ผิวได้ยาวนานกว่า 12-18 เดือน
                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ปลอม จะสามารถเคลื่อนตัวไปสู่จุดอื่น ๆ บนใบหน้าได้
                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ปลอม จะไม่สลายไป
                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ปลอม ฉีดไปแล้วจะเป็นก้อนแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ
                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ปลอม จะไม่สามารถฉีดสลายได้

                                                                                                                                                                                                    สามารถขอดูกล่องและให้ทางคลินิกที่ให้บริการแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้าได้ เพื่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์

                                                                                                                                                                                                    filler

                                                                                                                                                                                                    การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

                                                                                                                                                                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1-3 วัน
                                                                                                                                                                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดยา หรือวิตามินที่เป็นส่วนทำให้เลือดไหลยาก
                                                                                                                                                                                                    • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดยาประเภทแอสไพริน หรือยาแก้อักเสบ

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์

                                                                                                                                                                                                    ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

                                                                                                                                                                                                    • ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อประเมินปริมาณตัวยาและประเมินปัญหา
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ช่วยแพทย์ความสะอาดใบหน้า เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการติดเชื้อ
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ช่วยแพทย์ทำการแปะยาชา และทิ้งไว้เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ 30-40 นาที
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ช่วยแพทย์เช็ดหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการฉีดฟิลเลอร์
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ช่วยแพทย์ทำการประคบน้ำแข็ง ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ความเย็นช่วยลดความเจ็บจากเข็ม
                                                                                                                                                                                                    • แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ตามแผนการประเมินให้ออกมาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ช่วยแพทย์ใช้สำลีห้ามเลือดจากรอยเข็ม
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ช่วยแพทย์แปะพลาสเตอร์ ป้องกันรอยเข็มโดนสิ่งสกปรก เป็นอันเสร็จ

                                                                                                                                                                                                    ฟิลเลอร์

                                                                                                                                                                                                    การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

                                                                                                                                                                                                    • หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ 1 เดือน
                                                                                                                                                                                                    • หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
                                                                                                                                                                                                    • หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาร้า และของหมักดอง
                                                                                                                                                                                                    • หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส เกา ถู นวด คลึง ในบริเวณที่ทำฟิลเลอร์
                                                                                                                                                                                                    • หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการขยับใบหน้า หรือแสดงสีหน้ามาก ในช่วง 3 วันแรกหลังฉีดทำฟิลเลอร์
                                                                                                                                                                                                    • หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ทำไปมีความอิ่มฟูขึ้น
                                                                                                                                                                                                    • หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการโดนความร้อนทุกชนิด
                                                                                                                                                                                                    • หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการอบซาวน่า และออกกำลังกายหนัก ๆ

                                                                                                                                                                                                    Q&A คำถามเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ (Filler)

                                                                                                                                                                                                    1. ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มสามารถคงอยู่ได้ในแต่ละบริเวณของใบหน้า

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์หน้าผาก

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 6-12 เดือน

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ขมับ

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 18-24 เดือน

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ใต้ตา

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 6-9 เดือน

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์แก้ม

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ปาก

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 6-12 เดือน

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์คาง

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 8-24 เดือน

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์กรอบหน้า

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 8-24 เดือน

                                                                                                                                                                                                    • ฟิลเลอร์ริ้วรอยต่าง ๆ

                                                                                                                                                                                                    สามารถคงตัวอยู่ได้ 6-12 เดือน

                                                                                                                                                                                                    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ ที่มีการผลิตที่แตกต่างกันไป ทำให้การคงตัวของฟิลเลอร์มีความแตกต่างกัน อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวัน และการดูของแต่ละบุคคลอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                    2. การฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร

                                                                                                                                                                                                    การฉีดสลายฟิลเลอร์​ หรือ Dissolving Filler คือ การฉีดสารเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส หรือ Hyaluronidase เพื่อเข้าไปทำการสลายฟิลเลอร์ที่ได้ทำการฉีดเข้าไป รวมทั้งซึ่งตัวยาดังกล่าว จะเป็นส่วนที่ทำให้โมเลกุล ของสารเติมเต็มจับตัวเป็นน้ำลดลง และสลายตัวจนหมด

                                                                                                                                                                                                    3. ฟิลเลอร์จะเห็นผลกี่วันหลังฉีด

                                                                                                                                                                                                    หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในทันที แต่อาจมีอาการบวมจากเข็มและตัวยาอยู่บาง แต่จะเข้าที่ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ หลังฉีด

                                                                                                                                                                                                    4. ใครที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์

                                                                                                                                                                                                    • ผู้ที่มีผิวหนังติดเชื้อ หรือผิวหนังมีอาการอักเสบ
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ที่เป็นลมพิษ
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกมาก และเลือดออกง่าย
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ที่มีอาการแพ้สารประเภทคอลลาเจนต่าง ๆ
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์
                                                                                                                                                                                                    • ผู้ที่กำลังให้นมบุตร

                                                                                                                                                                                                    5. ทำไมหลังฉีดฟิลเลอร์ถึงควรดื่มน้ำมากๆ

                                                                                                                                                                                                    เนื่องจากฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่มีความอุ้มน้ำ การดื่มน้ำให้มาก ๆ จะเป็นการเข้าไปช่วยในการเติมเต็ม และเพิ่มความอิ่มฟูอุ้มน้ำอย่างเต็มที่ ให้กับฟิลเลอร์ที่ทำการฉีดเข้าไป ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และคงสภาพใต้ผิวหนังได้นานขึ้น

                                                                                                                                                                                                    6. ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม

                                                                                                                                                                                                    ก่อนฉีดฟิลเลอร์ จะมีการทายาชา และรอให้ยาชาออกฤทธิ์ก่อน แพทย์จึงค่อยลงมือฉีดฟิลเลอร์ รวมทั้งฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มในบางตัวยังมีส่วนผสมของยาชา จึงทำให้ไม่ต้องกลัวความเจ็บในขณะที่ดันตัวยาเข้าสู่ผิวหนัง

                                                                                                                                                                                                    filler

                                                                                                                                                                                                    7. ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม

                                                                                                                                                                                                    การฉีดฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ควรทำกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้ผลลัพธ์หลังการฉีดได้ความสวย ละมุน อย่างที่ต้องการ  เนื่องจากหากใช้บริการกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์แล้ว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อาทิ การฉีดเข้าเส้นเลือด การฉีดผิดตำแหน่ง ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วกลายเป็นก้อน เป็นไตแข็ง เป็นต้น อีกทั้งควรเลือกเข้ารับบริการในสถานเสริมความงามที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ และใช้ฟิลเลอร์ที่เป็นผลิตภัณฑ์แท้ ได้รับการันตีจากบริษัทยา ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการฟิลเลอร์

                                                                                                                                                                                                    8. หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถนอนในท่าปกติได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                                    หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดการนอนราบไปกับพื้น ในระยะเวลา 4 ชั่วโมงแรก และหลังจาก 4 ชั่วโมงสามารถนอนท่าปกติได้ และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

                                                                                                                                                                                                    9. ฟิลเลอร์ไหล สามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

                                                                                                                                                                                                    สามารถเกิดขึ้นได้ หากใช้บริการกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ และใช้ฟิลเลอร์ไม่ถูกกับปัญหาและบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหา เนื่องจากแต่ละบริเวณบนใบหน้า ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีความคงตัว ในบริเวณที่ขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม อาจทำให้เคลื่อนตัวได้เป็นต้น

                                                                                                                                                                                                    10. ฉีดฟิลเลอร์สามารถนวดหน้าได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                                    สามารถนวดหน้าได้ แต่ควรเว้นระยะจากการฉีดฟิลเลอร์ขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเกิดการเคลื่อนตัวไปยังบริเวณอื่น ๆ ได้

                                                                                                                                                                                                    ก่อนทำหัตถการทุกครั้ง ควรศึกษาหาข้อมูลว่าปัญหาที่เราเป็นนั้น สามารถใช้หัตถการใดในการแก้ปัญหาได้บ้าง และสิ่งที่ใช้แก้ปัญหาให้แก่เรานั้นมีคุณประโยชน์ และโทษมากน้อยแค่ไหน หาสถานที่ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ ที่เราเดินเข้าไปแล้วจะสามารถมั่นใจได้ว่าไม่ถูกหลอก แพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์และความสามารถ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกการจรดเข็มลงบนใบหน้า เพื่อฉีดฟิลเลอร์จะไม่ได้รับอันตรายตามมา

                                                                                                                                                                                                    รมย์รวินท์คลินิก คลินิกที่เปิดมาอย่างยาวนาน มากไปด้วยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และความสามารถ ที่สามารถทำให้ผู้เข้ารับบริการทุกท่านหมดกังวลในการทำทุกหัตถการ

                                                                                                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                      Radiesse และ Radiesse Plus ต่างจากโปรแกรมฉีดผิวชนิดอื่นอย่างไร

                                                                                                                                                                                                      โปรแกรมฉีด Radiesse ต่างกับโปรแกรมฉีดผิวอื่นอย่างไร

                                                                                                                                                                                                      ฉีด Radiesse และฉีด Radiesse+ สารเติมเต็มที่ไม่ใช่ฉีดฟิลเลอร์ มีประสิทธิภาพในการเสริมความงาม และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ผู้ที่ต้องการเห็นผลระยะยาว และต้องการลดความเจ็บปวดขณะฉีดสามารถพิจารณาเลือกฉีด Radiesse+ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                                                                      Radiesse คืออะไร

                                                                                                                                                                                                      Radiesse เป็นสารเติมเต็มผิวที่มีส่วนประกอบหลักคือแคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายของมนุษย์ ทำให้มีความปลอดภัยสูง และไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ Radiesse ถูกนำมาใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยลึก เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และเสริมสร้างโครงสร้างผิวโดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และอ่อนเยาว์

                                                                                                                                                                                                      นอกจากการเติมเต็มริ้วรอย การฉีด Radiesse ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนธรรมชาติในผิว ทำให้ผิวดูเนียนนุ่ม และยืดหยุ่นขึ้น การฉีด Radiesse ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลรักษาหลังเข้ารับบริการ

                                                                                                                                                                                                      Radiesse+ คืออะไร

                                                                                                                                                                                                      Radiesse+ เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจาก Radiesse โดยมีการเพิ่มสาร Lidocaine ซึ่งเป็นยาชาเข้ามาในสูตร ทำให้การฉีด Radiesse+ มีความสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้รับการรักษา Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด ทำให้ผู้รับการรักษารู้สึกสบายมากขึ้น

                                                                                                                                                                                                      การฉีด Radiesse+ มีคุณสมบัติในการเติมเต็มริ้วรอย สร้างโครงหน้า เพิ่มความคมชัด และมิติให้กับใยหน้าและเสริมสร้างโครงสร้างผิวที่เหมือนกับการฉีด Radiesse ทุกประการ แต่เพิ่มความสะดวกสบายในการฉีด ทำให้ผู้รับการรักษารู้สึกเจ็บปวดน้อยลง ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือนเช่นกัน

                                                                                                                                                                                                      โปรแกรมฉีด Radiesse และ โปรแกรมฉีด Radiesse+ ต่างจาก โปรแกรมฉีด Filler อย่างไร

                                                                                                                                                                                                      เปรียบเทียบ Radiesse กับ Radiesse+ และ Filler ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                      การดูแลผิวพรรณ และการปรับปรุงความงามผ่านการใช้สารเติมเต็มผิว (dermal fillers) เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการความงามปัจจุบัน มีหลายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะ และมีความสามารถในการเติมเต็มริ้วรอย และเสริมสร้างโครงสร้างผิวอย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                                                                                                                                                      เจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่างการฉีด Radiesse, การฉีด Radiesse+ และการฉีด Filler ประเภทอื่น ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และสภาพผิวของคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                                                                                                                                                      ทำความรู้จัก Filler คืออะไร

                                                                                                                                                                                                      การฉีด Filler หรือสารเติมเต็มผิวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการเติมเต็มริ้วรอย และเพิ่มปริมาตรให้กับผิว ผลิตภัณฑ์ Filler มีหลายประเภท และมีส่วนประกอบที่หลากหลาย หนึ่งในประเภทที่พบมากที่สุดคือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายมนุษย์ HA มีคุณสมบัติในการรักษาความชุ่มชื้น

                                                                                                                                                                                                      Radiesse , Radiesse+ และ Filler แตกต่างกันตรงไหน

                                                                                                                                                                                                        1. ความแตกต่างด้านส่วนประกอบหลัก:
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเต่งตึง และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse+: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) และ Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • Filler ประเภทอื่น ๆ: มักใช้ Hyaluronic Acid (HA) และอาจมีส่วนผสมอื่นๆเพื่อให้มีคุณสมบัติ และการใช้งานที่แตกต่างกัน
                                                                                                                                                                                                        2. ความแตกต่างด้านการใช้งาน:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และงานผิว
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะสำหรับการเสริมสร้างโครงหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับฉีดบริเวณโหนกแก้ม ไลน์กรอบหน้า สันกราม เป็นต้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Filler ประเภทอื่น ๆ: ใช้ในการเติมเต็มริ้วรอย ปรับรูปหน้า ปรับโครงสร้างใบหน้า และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
                                                                                                                                                                                                        3. ความแตกต่างด้านผลลัพธ์ที่ได้:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะกับงานผิว เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะกับงานโครงสร้าง เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงในระดับลึก ปรับใบหน้าให้มีมิติ คมชัดมากขึ้น ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Filler ประเภท HA: ให้ผลลัพธ์นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิด และการดูแลรักษา
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Filler ประเภท PLLA และ PMMA: มีผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า โดย PLLA ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ส่วน PMMA ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรกว่า
                                                                                                                                                                                                        4. ความแตกต่างด้านความรู้สึกในการเข้ารับบริการ:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บเล็กน้อยในระหว่างการฉีด โดยคนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และทำให้สบายในระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Filler ประเภท HA: บางผลิตภัณฑ์มีการผสม Lidocaine เพื่อลดความเจ็บปวดเช่นกัน

                                                                                                                                                                                                      ก่อนเข้ารับบริการ ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คนไข้สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด

                                                                                                                                                                                                      เปรียบเทียบ Radiesse ,Radiesse+ และ sculptra ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                      ในยุคที่ความงาม และการดูแลผิวพรรณมีบทบาทสำคัญ สารเติมเต็มผิวหรือ biostimulator collagen กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุง และฟื้นฟูผิวหน้า แถมยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม และมีคุณสมบัติเด่นเฉพาะตัว ดังนั้นรมย์รวินท์คลินิกจึงจะมามาเจาะลึกถึงความแตกต่าง เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพกัน

                                                                                                                                                                                                      ทำความรู้จัก Sculptra คืออะไร

                                                                                                                                                                                                      Sculptra เป็นสารเติมเต็มผิวที่มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในร่างกายมนุษย์ Sculptra ทำงานโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาแน่น และความยืดหยุ่นให้กับผิว

                                                                                                                                                                                                      การฉีด Sculptra ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนทันทีหลังการฉีดเหมือนการฉีด Radiesse หรือ Radiesse+ แต่จะเห็นผลลัพธ์อย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์หลังการฉีด เนื่องจากการฉีด Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ผลลัพธ์จากการฉีด Sculptra สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของคนไข้หลังการฉีด

                                                                                                                                                                                                      Radiesse ,Radiesse+ และ Sculptra แตกต่างกันตรงไหน

                                                                                                                                                                                                        1. ความแตกต่างด้านส่วนประกอบหลัก:
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเต่งตึง และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse+: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) และ Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • Sculptra: ใช้ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
                                                                                                                                                                                                        2. ความแตกต่างด้านการใช้งาน:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และงานผิว
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะสำหรับการเสริมสร้างโครงหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Sculptra: เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตร และความหนาแน่นของผิวโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
                                                                                                                                                                                                        3. ความแตกต่างด้านผลลัพธ์ที่ได้:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะกับงานผิว เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวถึงชั้นโครงสร้าง ให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะกับงานโครงสร้างใบหน้า เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าได้ในระดับลึก เพิ่มมิติให้กับใบหน้า ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Sculptra: ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า
                                                                                                                                                                                                        4. ความแตกต่างด้านความรู้สึกในการใช้บริการ:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บในระหว่างการฉีดเล็กน้อย คนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายใบหน้าในระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Sculptra: ไม่มียาชาในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้รับการรักษาอาจรู้สึกเจ็บปวดบ้างในระหว่างการฉีด แต่สามารถใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดได้

                                                                                                                                                                                                      เปรียบเทียบ Radiesse ,Radiesse+ และ Rejuran ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                      การดูแลผิวพรรณ และการปรับปรุงความงามผ่านการใช้สารเติมเต็ม และสารบำรุงผิวเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เปรียบเทียบระหว่างฉีด เรเดียสซ์,ฉีด เรเดียสซ์+ และฉีด Rejuran สามผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว และเป็นที่นิยมในวงการความงาม เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และสภาพผิวของคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                                                                                                                                                                                                      Radiesse ,Radiesse+ และ Rejuran แตกต่างกันตรงไหน

                                                                                                                                                                                                        1. ความแตกต่างด้านส่วนประกอบหลัก:
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเต่งตึง และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse+: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) และ Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • Rejuran: ใช้ Polynucleotide (PN) จาก DNA ของปลาแซลมอน ซึ่งช่วยในการฟื้นฟู และซ่อมแซมผิว
                                                                                                                                                                                                        2. ความแตกต่างด้านการใช้งาน:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และงานผิว
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะสำหรับการเสริมสร้างโครงหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Rejuran: เหมาะสำหรับการฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิว
                                                                                                                                                                                                        3. ความแตกต่างด้านผลลัพธ์ที่ได้:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะกับงานผิว เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะกับงานโครงสร้าง เนื่องจากช่วยปรับโครงหน้าให้มีความคม ชัดมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Rejuran: ให้ผลลัพธ์นานประมาณ 6-9 เดือน โดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในผิว
                                                                                                                                                                                                        4. ความแตกต่างด้านความสะดวกสบายในการฉีด:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บเล็กน้อยในระหว่างการฉีด คนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายในระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Rejuran: ไม่มียาชาในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้รับการรักษาอาจรู้สึกเจ็บปวดบ้างในระหว่างการฉีด

                                                                                                                                                                                                      โปรแกรมฉีด Radiesse และ โปรแกรมฉีด Radiesse+ ต่างจาก โปรแกรม Skin Booster อย่างไร

                                                                                                                                                                                                      เปรียบเทียบ Radiesse , Radiesse+ และ Skin Booster ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                      การดูแลผิว และการปรับปรุงความงามมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งมีเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์หลากหลายที่สามารถช่วยเสริมสร้าง และปรับปรุงสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ และมีชีวิตชีวามากขึ้น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Radiesse, Radiesse+ และ Skin Booster สามผลิตภัณฑ์ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและปรับปรุงสภาพผิว รวมถึงการวิเคราะห์ความแตกต่าง และคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละตัว

                                                                                                                                                                                                      Radiesse ,Radiesse+ และ Skin Booster แตกต่างกันตรงไหน

                                                                                                                                                                                                        1. ความแตกต่างด้านส่วนประกอบหลัก:
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเต่งตึง และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse+: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) และ Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • Skin Booster: ใช้ Hyaluronic Acid (HA) ที่เน้นการเพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิว
                                                                                                                                                                                                        2. ความแตกต่างด้านการใช้งาน:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บเล็กน้อยในระหว่างการฉีด โดยคนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายในระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • Skin Booster: เหมาะสำหรับการเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับปรุงสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                        3. ความแตกต่างด้านผลลัพธ์ที่ได้:
                                                                                                                                                                                                          • Skin Booster: เหมาะสำหรับการเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับปรุงสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะกับงานโครงสร้าง เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้คมชัด มีมิติ ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • Skin Booster: ให้ผลลัพธ์นานประมาณ 6-9 เดือน โดยการเพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิว
                                                                                                                                                                                                        4. ความสะดวกสบายในการฉีด:
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: มีการเพิ่ม Lidocaine เพื่อลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ทำให้การรักษามีความสะดวกสบายมากขึ้น

                                                                                                                                                                                                      เปรียบเทียบ Radiesse ,Radiesse+ และโปรแกรมหน้าใส ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                      การฉีด Radiesse กับการฉีด Radiesse+ และโปรแกรมหน้าใส นับว่าเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากในทุกวันนี้ แต่ทั้งสามบริการนี้ก็ล้วนแล้วมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งนี้คนไข้ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิวหน้าก่อนเข้ารับบริการ ในส่วนของหัวข้อนี้จะพาไปเปรียบเทียบกันว่า ทั้งสามบริการนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ทั้งในแง่ของคุณสมบัติ การใช้งาน ผลลัพธ์ รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับหลังทำหัตถการ

                                                                                                                                                                                                      Radiesse ,Radiesse+ และเมโสหน้าใส แตกต่างกันตรงไหน

                                                                                                                                                                                                        1. ความแตกต่างด้านส่วนผสม และคุณสมบัติพิเศษ
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเต่งตึง และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse+: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) และ Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • เมโสหน้าใส: ประกอบด้วยสารบำรุงหลายชนิด เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารสกัดจากธรรมชาติ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุง และฟื้นฟูผิวจากภายใน
                                                                                                                                                                                                        2. ความแตกต่างด้านการใช้งาน
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และงานผิว
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะสำหรับการเสริมสร้างโครงหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • โปรแกรมหน้าใส: ใช้ในการบำรุง และฟื้นฟูผิวในหลายๆ ด้าน เช่น เพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ และทำให้ผิวดูสดใส
                                                                                                                                                                                                        3. ความแตกต่างด้านความรู้สึกระหว่างการรักษา
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บเล็กน้อยคนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายในระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • โปรแกรม หน้าใส: ใช้วิธีการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง อาจมีความเจ็บปวดเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ และความไวของผิว
                                                                                                                                                                                                        4. ความแตกต่างด้านผลลัพธ์
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะกับงานผิว เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรงในระดับโครงสร้าง ให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะกับงานโครงสร้าง เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูคม ชัดมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • โปรแกรมหน้าใส: ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการใช้งานต่อเนื่อง และสภาพผิวของผู้ใช้ โดยทั่วไปจะเห็นผลในเรื่องของความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิวหลังการใช้

                                                                                                                                                                                                      ข้อดีและข้อควรระวังของการฉีด Radiesse,การฉีด Radiesse+ กับโปรแกรมหน้าใส

                                                                                                                                                                                                      ข้อดี ของ การฉีด Radiesse และการฉีด Radiesse+

                                                                                                                                                                                                        • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง
                                                                                                                                                                                                        • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และคงทนยาวนาน
                                                                                                                                                                                                        • เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก และการปรับโครงสร้างใบหน้า

                                                                                                                                                                                                      ข้อควรระวังของ การฉีด Radiesse และการฉีด Radiesse+

                                                                                                                                                                                                        • อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น อาการบวม แดง หรือช้ำหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                        • ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดเพื่อประเมินสภาพผิว และความเหมาะสมในการใช้ผลิตภัณฑ์

                                                                                                                                                                                                      ข้อดีของโปรแกรมหน้าใสมีอะไรบ้าง

                                                                                                                                                                                                        • ช่วยบำรุง และฟื้นฟูผิวจากภายใน
                                                                                                                                                                                                        • เหมาะสำหรับการปรับปรุงสภาพผิวในหลายๆ ด้าน เช่น เพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ และทำให้ผิวดูสดใส
                                                                                                                                                                                                        • สามารถปรับสูตรการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิว และความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน

                                                                                                                                                                                                      ข้อควรระวังขอโปรแกรมหน้าใส

                                                                                                                                                                                                        • อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น อาการบวม แดง หรือช้ำหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                        • ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิว และความเหมาะสมในการใช้การรักษานี้

                                                                                                                                                                                                      เปรียบเทียบ Radiesse ,Radiesse+ และ ชาแนล ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                        1. ความแตกต่างด้านส่วนผสม และคุณสมบัติพิเศษ
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเต่งตึง และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse+: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) และ Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • ชาแนล: ประกอบด้วยสารบำรุงหลายชนิด เช่น วิตามิน แร่ธาตุ ยา และสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวจากภายใน
                                                                                                                                                                                                        2. ความแตกต่างด้านการใช้งาน
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ปรับงานผิวให้ดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะสำหรับการเสริมสร้างโครงหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด ชาแนล: ใช้ในการบำรุง และฟื้นฟูผิวในหลายๆ ด้าน เช่น ลดริ้วรอยเล็กๆ เพิ่มความชุ่มชื้น และทำให้ผิวดูสดใส
                                                                                                                                                                                                        3. ความแตกต่างด้านความรู้สึกในระหว่างการรักษา
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บปวดในระหว่างการฉีดเนื่องจากไม่มีสารช่วยหล่อลื่น คนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายในระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด ชาแนล: ใช้วิธีการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง อาจมีความเจ็บปวดเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ และการตอบสนองของผิว
                                                                                                                                                                                                        4. ความแตกต่างด้านผลลัพธ์
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะกับงานผิว เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะกับงานโครงสร้าง เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงในระดับลึก ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด ชาแนล: ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการใช้งานต่อเนื่อง และสภาพผิวของผู้ใช้ โดยทั่วไปจะเห็นผลในเรื่องของความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิวหลังการใช้

                                                                                                                                                                                                      ข้อดี และข้อควรระวังของการฉีด Radiesse,Radiesse+ กับ ชาแนล

                                                                                                                                                                                                      ข้อดีของ การฉีด Radiesse และการฉีด Radiesse+

                                                                                                                                                                                                        • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง
                                                                                                                                                                                                        • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และคงทนยาวนาน
                                                                                                                                                                                                        • เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก และการปรับโครงสร้างใบหน้า

                                                                                                                                                                                                      ข้อควรระวังของ การฉีด Radiesse และการฉีด Radiesse+

                                                                                                                                                                                                        • อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น อาการบวม แดง หรือช้ำหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                        • ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดเพื่อประเมินสภาพผิว และความเหมาะสมในการใช้ผลิตภัณฑ์

                                                                                                                                                                                                      ข้อดีของการฉีด ชาแนล

                                                                                                                                                                                                        • ช่วยบำรุง และฟื้นฟูผิวจากภายใน
                                                                                                                                                                                                        • เหมาะสำหรับการปรับปรุงสภาพผิวในหลาย ๆ ด้าน เช่น ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และทำให้ผิวดูสดใส
                                                                                                                                                                                                        • สามารถปรับสูตรการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิว และความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน

                                                                                                                                                                                                      ข้อควรระวังในการฉีด ชาแนล

                                                                                                                                                                                                        • อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น อาการบวม แดง หรือช้ำหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                        • ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิว และความเหมาะสมในการใช้การรักษานี้

                                                                                                                                                                                                      โปรแกรมฉีด Radiesse และ โปรแกรมฉีด Radiesse+ ต่างจาก โปรแกรมฉีด มาเด้คอลลาเจน

                                                                                                                                                                                                      เปรียบเทียบ Radiesse ,Radiesse+ และ มาเด้คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                      การดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ และสดใสเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหลายชนิดถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ในหัวข้อนี้จะมาให้ความรู้ และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง การฉีด Radiesse, การฉีด Radiesse+ และการฉีด มาเด้คอลลาเจน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในวงการความงาม 

                                                                                                                                                                                                      Radiesse ,Radiesse+ และ มาเด้คอลลาเจน แตกต่างกันตรงไหน

                                                                                                                                                                                                        1. ความแตกต่างด้านส่วนผสม และคุณสมบัติพิเศษ
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเต่งตึง และเรียบเนียน
                                                                                                                                                                                                          • Radiesse+: ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (CaHA) และ Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีด ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • มาเด้คอลลาเจน: ประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติหลายชนิด รวมถึงคอลลาเจน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นให้กับผิว
                                                                                                                                                                                                        2. ความแตกต่างด้านวัตถุประสงค์การใช้งาน
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และงานผิวให้ดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะสำหรับการเสริมสร้างโครงหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด มาเด้คอลลาเจน: ใช้ในการบำรุงผิวหน้า และรักษาปัญหาผิวพรรณ เช่น ริ้วรอยเล็กๆ จุดด่างดำ และความหยาบกร้านของผิว
                                                                                                                                                                                                        3. ความแตกต่างด้านความรู้สึกระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บเล็กน้อยในระหว่างการฉีด คนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายในระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด มาเด้คอลลาเจน: มักใช้วิธีการทา และนวด ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด
                                                                                                                                                                                                        4. ความแตกต่างด้านผลลัพธ์
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse: เหมาะกับงานผิว เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด Radiesse+: เหมาะกับงานโครงสร้าง เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงในระดับลึก ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                          • การฉีด มาเด้คอลลาเจน: ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการใช้งานต่อเนื่อง และสภาพผิวของผู้ใช้ โดยทั่วไปจะเห็นผลในเรื่องของความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิวหลังการใช้

                                                                                                                                                                                                      ข้อดี และข้อควรระวังของการฉีด Radiesse ,การฉีด Radiesse+ กับการฉีด มาเด้คอลลาเจน

                                                                                                                                                                                                      ข้อดีของ การฉีด Radiesse และการฉีด Radiesse+

                                                                                                                                                                                                        • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง
                                                                                                                                                                                                        • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และคงทนยาวนาน
                                                                                                                                                                                                        • เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก และการปรับโครงสร้างใบหน้า

                                                                                                                                                                                                      ข้อควรระวังของ การฉีด Radiesse และการฉีด Radiesse+

                                                                                                                                                                                                        • อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น อาการบวม แดง หรือช้ำหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                        • ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดเพื่อประเมินสภาพผิว และความเหมาะสมในการใช้ผลิตภัณฑ์

                                                                                                                                                                                                      ข้อดีของการฉีด มาเด้คอลลาเจน

                                                                                                                                                                                                        • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นให้กับผิว
                                                                                                                                                                                                        • เหมาะสำหรับการบำรุงผิว และรักษาปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ
                                                                                                                                                                                                        • ใช้งานง่าย ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด

                                                                                                                                                                                                      ข้อควรระวังของการฉีด มาเด้คอลลาเจน

                                                                                                                                                                                                        • ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการใช้งานต่อเนื่อง และสภาพผิวของผู้ใช้
                                                                                                                                                                                                        • ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

                                                                                                                                                                                                      สรุป

                                                                                                                                                                                                      จากข้อมูลด้านบนที่เปรียบเทียบความแตกต่างของ การฉีด Radiesse และการฉีด Radiesse+ กับการฉีดผิวชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็น การฉีด Filler ,การฉีด sculptra, การฉีด Rejuran, Skin Booster, โปรแกรม หน้าใส , การฉีด ชาแนล และ การฉีด มาเด้คอลลาเจน, เราจะเห็นความแตกต่างของแต่ละโปรแกรมอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลที่ให้ความรู้แก่ผู้อ่าน เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการเข้ารับบริการ

                                                                                                                                                                                                      อย่างไรก็ตามในส่วนของการเข้ารับบริการเพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ คนไข้ควรเข้าปรึกษาแพทย์ผู้ทำหัตถการก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง เพื่อประเมินสภาพผิว และปัญหาผิวต่าง ๆ รวมถึงแนวทางในการรักษากับแพทย์โดยละเอียด หากคนไข้มีประวัติแพ้ยาควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยละเอียด เนื่องจากประวัติการแพ้ยาส่งผลต่อการเลือกแนวทางการรักษาของคนไข้ เพื่อลดโอกาสการเกิดความเสี่ยง อาการแทรกซ้อนที่อาจตามมาหลังเข้ารับบริการ

                                                                                                                                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                        Thermage FLX ยกกระชับผิวลดความหย่อนคล้อยคืออะไร ทำงานอย่างไร ?

                                                                                                                                                                                                        Thermage FLX



                                                                                                                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ










                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX ยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อยพร้อมเพิ่มมิติให้กับใบหน้า

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX เทคโนโลยีในการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ด้วยคลื่นวิทยุ Monopolar RF โดยหลักการของ Thermage FLX คือ การปล่อยพลังงานความร้อนที่ได้รับการวิจัยมาแล้วว่าปลอดภัยต่อผิวหนังโดยเป็นการยิงลงสู่ชั้นผิวหนังชั้นลึก Dermis หรือชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีความหนา และมีความยืดหยุ่น เป็นอย่างมากจะอยู่ในบริเวณลึกที่สุดในชั้นโครงสร้างผิว จากนั้นจะผ่าน ชั้น Subcutaneous fat หรือที่รู้จักกันว่าเป็นไขมันใต้ผิวหนังที่เป็นชั้นผิวหนังที่มีคอลลาเจนประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากทำการยิง Thermage FLX ลงสู่ผิวแล้วคลื่นวิทยุ Monopolar RF ดังกล่าว จะเข้าไปสู่ใต้ชั้นผิวและทำให้ชั้นผิวหนังเกิดการหดตัว จากนั้นใต้ชั้นผิวหนังจะเกิดการสร้างตัวของคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ที่บริเวณใต้ชั้นผิว โดยคอลลาเจนนั้นเป็นสิ่งที่ร่างกายของเราจะทำการผลิตได้น้อยลงเมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้ผิวหนังหลังจากการทำ Thermage FLX มีความแน่น ฟูมากขึ้น อันเนื่องมาจากการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

                                                                                                                                                                                                          ที่รมย์รวินท์คลินิกใช้ Thermage FLX ด้วยเทคนิค Lifting Select ที่เป็นเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก
                                                                                                                                                                                                          เป็นเทคนิคที่มุ่งเน้นศาสตร์การวิเคราะห์ใบหน้า เพื่อค้นพบจุดงดงามผ่าน 3 เฟรมเวิร์ค คือ
                                                                                                                                                                                                          • Frame Selection ยกโครงหน้า ย้อนเวลาให้ผิว
                                                                                                                                                                                                          • Light & Shadow สร้างมิติให้ใบหน้าเน้นแสงและเงา
                                                                                                                                                                                                          • Conceal Selection เก็บรายละเอียดงานผิว
                                                                                                                                                                                                          โดยรมย์รวินท์คลินิกจะใช้ Thermage FLX ในส่วนที่ 2. Light & Shadow คือใช้ในการสร้างมิติให้กับใบหน้าด้วยหัว TIPS ที่มีขนาดความลึกในระดับ 3  mm. ที่ทำงานถึงชั้นไขมันใต้ชั้นผิว ในการยกกระชับผิวชั้นนอก ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
                                                                                                                                                                                                          และใช้ Thermage FLX ในส่วนที่ 3.Conceal Selection ในการเก็บรายละเอียดของผิวให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ Thermage FLX  ในการแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง (Pore Tightening) นั่นเอง

                                                                                                                                                                                                          ซึ่งการให้บริการ Thermage FLX ที่ รมย์รวินท์คลินิก มีให้บริการครอบคลุม ทั้งบริเวณ ผิวหน้า ลำคอ และรูปร่าง โดยคุณหมอที่รมย์รวินท์ ทุกท่านผ่านการเทรนและอบรมมาเป็นอย่างดี และให้บริการลูกค้า มาแล้วมากกว่า 10,000 เคส หรือมากกว่า 9,000,000 Shot โดยใช้ Concept ”Less is more for the better you หรือน้อยแต่มากเพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับคุณ“ ด้วยเทคนิค Lifting Select (**ข้อมูลจากลูกค้า ผู้รับบริการที่รมย์รวินท์คลินิกช่วงปี 2018-ปัจจุบัน)

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX เป็นโปรแกรมยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ที่มีผลงานวิจัยรองรับในด้านการยกกระชับในเรื่องของผลการรักษา และยังได้รับการรับรองทางด้านการแพทย์ในด้านความปลอดภัย การันตีมากกว่า 50 ฉบับ ทั้งนี้ Thermage FLX ยังนับเป็นทรีตเมนต์ที่มีการใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในการยกกระชับใบหน้ามากกว่า 2 ล้านทรีตเมนต์จากทั่วโลกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น Thermage FLX ยังได้รับรางวัลจาก The Aesthetic Guide ในหัวข้อ Best new technology ภายใต้ชื่อรางวัล “2017 Thermage® FLX system” ประจำปี 2017 ทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US-FDA หรือที่รู้จักกันดีว่า องค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศไทยด้วย Thermage FLX จึงนับเป็นโปรแกรมยกกระชับผิวที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากล และยังมีความปลอดภัยอีกด้วย อีกหนึ่งการการันตีในความปลอดภัย และการคร่ำหวอดในวงการยกกระชับด้านการยกกระชับผิว

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX คือ การที่ Thermage FLX เป็นผู้ริเริ่มต้นในการผลิตเทคโนโลยีกระยกกระชับผิวในบริเวณต่าง ๆ อย่างปลอดภัยได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2002 และยังจัดเป็นโปรแกรมยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกเป็นอันดับสูงสุด คือจำนวนมากกว่า 2 ล้านทรีตเมนต์ทั่วโลกอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                          หลักการทำงานของโปรแกรม Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          หลักการทำงานของ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX ทำงานโดยการใช้คลื่นวิทยุ Monopolar Radiofrequency โดยการยิงคลื่นลงบนผิวทำให้ผิวหนังเกิดความร้อน และอาการสั่น Vibration โดยอาการสั่นดังกล่าวจะออกจาก Thermage FLX และลงลึกสู้ชั้นผิวหนังชั้นลึกหรือ Dermis จากนั้นผิวหนังจะเกิดการแยกโมเลกุลของน้ำเป็นส่วนประกอบของใต้ชั้นผิว ให้ออกจากคอลลาเจนที่รวมตัวกันอยู่ใต้ชั้นผิว โดยส่งผลให้เกิดการหดตัวลงในเวลาที่ออกจากเส้นใยคอลลาเจน จึงทำให้คอลลาเจนที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวนั้นเกิดการหดตัวลงในทันที ซึ่งการสั่นใน Thermage FLX เป็นการสั่นเพื่อบรรเทาและป้องกันอาการเจ็บนั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น Thermage FLX ยังเป็นโปรแกรมที่เมื่อตัวโปรแกรมได้ส่งพลังงานความร้อนไปที่ชั้นผิวหนังเมื่อไร โปรแกรมก็จะส่งคลื่นความเย็นออกมาสลับเพื่อให้ผิวหนังในบริเวณที่เกิดความผ่อนคลายมากขึ้นเป็นระยะ ๆ โดยความเย็นที่ปล่อยออกมานี้ยังสามารถลดการเกิดอาการเบิร์น หรือผิวไหม้ได้อีกด้วย

                                                                                                                                                                                                          ความหมายของโปรแกรม Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          ความหมายของ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX เป็นโปรแกรม Thermage รุ่นใหม่ล่าสุด และมีการใส่ชื่อให้มีความแตกต่างจากของเดิมโดย FLX ที่พ่วงท้ายมากับชื่อ คือ โปรแกรมย่อมาจาก

                                                                                                                                                                                                            •  F ย่อมาจาก “FASTER” ให้ความรวดเร็วในการรักษาที่มากขึ้น และยังปล่อยระดับพลังงานความร้อนได้ถึง 4.0 มิลลิเมตร

                                                                                                                                                                                                          เป็นหัว Tip ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีและเร็วกว่าหัว Tip แบบเดิม 25% โดยเป็นหัวที่สามารถทำได้ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ผิวหนังได้เพิ่มมากกว่าเดิมถึง 33% เมื่อเทียบกับของเดิมจึงทำให้ได้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิว และการรักษาที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                                            • L ย่อมาจาก “ALGORITHM” มีระบบที่แม่นยำแน่นอน เนื่องจากใช้เทคโนโลยี AccuREP

                                                                                                                                                                                                          ซึ่งสามารถปรับพลังงานตามความเหมาะสมกับสภาพผิวหนังของผู้ใช้บริการได้แบบ Real time และยังมีความแม่นยำสม่ำเสมอเป็นอย่างมาก ที่สำคัญยังมีความปลอดภัยต่อผิวหนังมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                            • X ย่อมาจาก “EXPERIENCE” เพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดีในการรักษาด้วย Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          เนื่องจาก Thermage FLX เป็นโปรแกรมที่พัฒนาให้มีความสบายในการรักษาที่มากขึ้น  ซึ่งในระหว่างการรักษาจะมีการปล่อย Cooling effect คือ ระบบทำความเย็นเพื่อลดความร้อนและป้องกันผิวไหม้เบิร์น ในระหว่างการรักษาและยังมีระบบสั่นในตัว เพื่อลดและบรรเทาความเจ็บในขณะทำการรักษาและยกกระชับผิว

                                                                                                                                                                                                          โดยประสบการณ์พิเศษดังกล่าวเกิดจากการที่ Thermage FLX มีการใส่เทคโนโลยีชนิดใหม่เพิ่มเข้ามา ดังนี้

                                                                                                                                                                                                            • AccuREPTM Technology  เทคโนโลยีชนิดใหม่ล่าสุดที่เป็นตัวตรวจความด้านทานของผิวได้อย่างอัตโนมัติ หรือเรียกกันว่า Automatic Skin Impedance Measurement โดยจะทำงานในระยะก่อนปล่อยพลังงานทุกช็อตลงสู่ผิวหนัง จึงส่งผลให้พลังงานทุกช็อตที่ลงสู่ผิวหนังนั้นเป็นพลังงานที่มีความเหมาะสมที่สุด ทั้งกับผิวหนัง และต่อบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งทำให้การยกกระชับผิวด้วย Thermage FLX เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีความแม่นยำมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                            • Advanced Comfort Pulse Technology ระบบที่ช่วยในการทำให้ผิวบริเวณที่ได้ทำการยกกระชับมีความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ทำให้ระหว่างการทำการยกกระชับผิวจะไม่รู้สึกแสบผิวหรือมีความเจ็บ ระบม เนื่องจากตัวเครื่องจะมี Multi-Directional Vibration และระบบความเย็น  ที่แพทย์สามารถปรับระดับ และควบคุมได้ตามความเหมาะสม เพื่อปกป้องผิวในระหว่างทำ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          หัว Tip ของ Thermage FLX ประกอบไปด้วย

                                                                                                                                                                                                          Total Tip 4.0 cm 2 หัว Tip เป็นหัวทิปที่มีความเหมาะสมที่จะใช้กับใบหน้า และส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย

                                                                                                                                                                                                          • หัวทิปชนิดนี้ เป็นหัวทิปที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมสำหรับการใช้ เพื่อยกกระชับผิวหน้าและใบหน้า จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างมากในการใช้เพื่อลดแก้ม ลดไขมันที่เกิดการสะสมบริเวณบนใบหน้า ลดเหนียงใต้คางที่มีไขมันสะสม ลดคางสองชั้น ไม่เพียงเท่านั้นหัวทิปชนิดนี้ยังสามารถใช้ได้กับบริเวณร่างกาย โดยนอกจากจะช่วยในการลดไขมันแล้ว ยังช่วยในการลดความหย่อนคล้อยของผิว ปรับผิวให้มีความอิ่ม ฟู แน่น และลดความหลวมของผิว
                                                                                                                                                                                                          • TT4.00F6-XXX มีทั้งหัวจำนวน 300 ช็อต 600 ช็อต และ 900 ช็อต

                                                                                                                                                                                                          Eye Tip 0.25 cm 2 หัว Tip เป็นหัวทิปที่เหมาะสมในการใช้กับบริเวณรอบดวงตา

                                                                                                                                                                                                          • หัวทิปชนิดนี้ เหมาะสมในการใช้แก้ปัญหาหนังตาตก การลดริ้วรอย รวมทั้งยกกระชับบริเวณต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
                                                                                                                                                                                                          • TT0.25F6-XXX จำนวน 450 ช็อต

                                                                                                                                                                                                          Body Tip 16.0 cm 2 หัวTip เป็นหัวทิปที่เหมาะสมในการใช้กับบริเวณใบหน้าและลำตัว

                                                                                                                                                                                                          • หัวทิปชนิดนี้ เหมาะสมในการใช้แก้ปัญหา ริ้วรอยบริเวณร่างกาย ยกกระชับผิวที่มีความเหี่ยว ย่น ไม่กระชับ เช่น ในบริเวณต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง
                                                                                                                                                                                                          • TT16.00F6-XXX จำนวน 500 ช็อต

                                                                                                                                                                                                          New total Tip 3.0 cm  เป็นหัวทิปที่เหมาะกับการใช้กับบริเวณใบหน้า

                                                                                                                                                                                                          • หัวทิปชนิดนี้ เหมาะสำหรับการยิงบริเวณใบหน้า เพื่อทำให้ผิวมีความกระชับ แน่น เฟิร์มและสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • ใช้ลิดริ้วรอยขนาดเล็ก ร่องลึก ลดรูขุมขน และปรับสภาพผิวได้
                                                                                                                                                                                                          • เป็นหัวทิปที่มีจำนวน จำนวน 400 ช็อต

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX มีระดับพลังงานเท่าไรบ้าง ?

                                                                                                                                                                                                          การตั้งระดับพลังงานในการรักษาด้วย Thermage FLX ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์โดยแพทย์จะประเมินจากปัญหาของแต่ละบุคคล โดยระดับพลังงานของ Thermage FLX มี 4 ระดับดังนี้

                                                                                                                                                                                                            • ระดับพลังงาน 0-1 เป็นระดับพลังงานที่ในระหว่างการรักษาจะมีความรู้สึกว่าผิวในบริเวณที่ทำการรักษาจะมีความสั่น แต่จะยังไม่รับรู้ถึงความรู้สึกอื่น ระดับพลังงาน 0-1 เป็นระดับการรักษาที่มีผลในการรักษาที่ต่ำที่สุด
                                                                                                                                                                                                            • ระดับพลังงาน 2-2.5 เป็นระดับพลังงานที่ระหว่างการรักษาจะมีความรู้สึกร้อน แต่เป็นความร้อนในระดับที่ร่างกายทนได้ ผลลัพธ์ในการรักษาโดยพลังงานนี้จะสามารถเกิดได้ตามความต้องการของแพทย์ สามารถทำได้ตามความต้องการและปัญหา
                                                                                                                                                                                                            • ระดับพลังงาน 3-4 เป็นระดับพลังงานที่ระหว่างการรักษาจะในผู้เข้ารับบริการบางคนอาจมีความรู้สึกร้อน หรือเจ็บ มากจนเกินไป แต่ระดับพลังงานนี้เป็นระดับพลังงานที่ส่งผลลัพธ์ในการรักษาที่มีความชัดเจนมากที่สุด แพทย์ที่จะทำการรักษาในระดับความร้อนระดับนี้จะต้องมีความชำนาญมาก เนื่องจากเสี่ยงต่อความเผาไหม้ของผิวหนัง

                                                                                                                                                                                                          ในระหว่างการรักษา แพทย์จะมีการสอบถามถึงระดับความร้อน ที่ผู้เข้ารับบริการสามารถรับได้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันความร้อน และความเจ็บที่มากจนเกินกว่าจะทนไหวในแต่ละบุคคล และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา

                                                                                                                                                                                                          ส่วนประกอบของเครื่อง Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX 1 เครื่องจะมีส่วนประกอบดังนี้

                                                                                                                                                                                                          ตัวเครื่องที่มีขนาดเครื่องไม่ใหญ่ และไม่เล็กเกินไป ที่ล้อทำให้เคลื่อนย้ายเครื่องได้อย่างสะดวกสบาย ไม่เป็นอันตราย

                                                                                                                                                                                                            • เครื่องประกอบไปด้วย หน้าจอแสดงผลที่สามารถแสดงผลระหว่างการรักษาได้อย่างรวดเร็วขณะทำการรักษา มีความแม่นยำเป็นอย่างมาก และสามารถแสดงจำนวนช็อตในขณะที่แพทย์ทำการยิงได้
                                                                                                                                                                                                            • ที่เชื่อมต่อขั้วไฟฟ้า
                                                                                                                                                                                                            • ด้ามอุปกรณ์
                                                                                                                                                                                                            • หัวทิปขนาดความลึกระดับต่าง ๆ

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          ใครเหมาะกับการทำการรักษาด้วย Thermage FLX ?

                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว เล็กมีกรอบหน้าที่ชัด คมมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของผิว
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า กระชับรูขุมขน
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสมบนใบหน้า อาทิ ผู้ที่มีเหนียง มีคางสองชั้น มีแก้มห้อย
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยคล้อยรอบดวงตา
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาตาสองชั้นหลบในที่ต้องการให้เห็นตาสองชั้นชัดเจนมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยคล้อยบริเวณร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเซลลูไลต์
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาไขมันสะสมที่บริเวณสะโพก ต้นขา และบั้นท้าย

                                                                                                                                                                                                          ใครไม่เหมาะกับการรักษาด้วย Thermage FLX ?

                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตร
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ต้องทำการรักษาด้วยการกระตุ้นไฟฟ้าที่หัวใจ
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ รวมทั้งผู้ที่มีโลหะภายในร่างกาย อาทิ ผู้มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ , ICD, or any electronic implanted device เป็นต้น
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีสภาพผิวผิดปกติขั้นรุนแรง เช่น ผู้ที่มี Fibroblast และ Elastin ผิดปกติ
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีประวัติการใช้ยาในกลุ่ม NSAIDS ยาต้านอักเสบ หรือยาแก้อักเสบที่มีส่วนผสมจาก Corticosteriods เป็นระยะเวลาติดต่อกัน
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคเริม
                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคลมบ้าหมู

                                                                                                                                                                                                          ในกรณีผู้ที่ทำหัตถการบนใบหน้าเช่นฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดโบ ควรเว้นระยะห่างในการทำ Thermage FLX โดยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาอย่างเหมาะสม และประเมินการรักษาเบื้องต้นได้


                                                                                                                                                                                                          โดยบริเวณที่นิยมทำ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX นิยมทำบริเวณ หน้าผาก ขมวดคิ้ว หางตา ใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย ความเหี่ยวย่นบนใบหน้า

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX นิยมทำบริเวณรอบดวงตา เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย ตีนกา คิ้วตกที่ต้องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของหนังตา ต้องการเปิดหนังตาให้มากขึ้น

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX นิยมทำบริเวณรอบปาก เพื่อแก้ปัญหา ปากคว่ำ มุมปากตกที่ต้องการยกมุมปาก รวมทั้งแก้ปัญหาริ้วรอยรอบๆริมฝีปาก

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX นิยมทำบริเวณ ใบหน้าเหนียง บริเวณใต้คาง และคางสองชั้น เพื่อยกกระชับผิวลดความหย่อนคล้อยบนใบหน้า เพิ่มกรอบหน้า เพิ่มมิติให้กับใบหน้า ทำให้ใบหน้าได้รูป สวยกระชับมากขึ้น

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX นิยมทำบริเวณลำคอ เพื่อกระชับ ลดความเหี่ยวย่น ลดความหย่อนคล้อย แก้ปัญหารอยพับที่ลำคอ

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX นิยมทำบริเวณหน้าท้อง เพื่อลดริ้วรอยแตกลาย เพิ่มความกระชับลดความหย่อนคล้อย ทำให้เรียบเนียนมากขึ้น

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX นิยมทำบริเวณสะโพกและต้นขา เพื่อให้เกิดสัดส่วนที่ดี และผิวทั่วเรือนร่างเรียบสวยงาม

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX นิยมทำบริเวณร่างกาย เพื่อรักษาและทำให้ผิวที่ไม่ยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่น

                                                                                                                                                                                                          การเตรียมตัวก่อนทำการยกกระชับผิวด้วย Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX เป็นโปรแกรมที่ผู้เข้ารับบริการสามารถเข้ารับบริการได้เลย โดยไม่ต้องทำการเตรียมตัวก่อน
                                                                                                                                                                                                          • หากร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ และฉีดโบ ควรเว้นระยะขั้นต่ำ 1 เดือนก่อนทำ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          ขั้นตอนการทำ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          ทำการประเมินใบหน้าหรือบริเวณอื่นๆที่ผู้เข้ารับบริการมีความกังวล

                                                                                                                                                                                                          ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดผิวในบริเวณที่แพทย์จะทำ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          ผู้ช่วยแพทย์ทำการแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อบรรเทาอาการเจ็บในระหว่างทำ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                          แพทย์ทำการยิง Thermage FLX ด้วยความชำนาญ ตามจำนวน Shot ที่ได้ทำการประเมินไปเบื้องต้น

                                                                                                                                                                                                          หลังทำ โปรแกรม Thermage FLX ควรดูแลอย่างไร

                                                                                                                                                                                                          การปฏิบัติตัวหลังจากเข้าทำ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                            • หลังจากเข้าทำ Thermage FLX ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ 2 สัปดาห์
                                                                                                                                                                                                            • หลังจากเข้าทำ Thermage FLX ควรหลีกทรีตเมนต์ และขัดผิว 2 สัปดาห์
                                                                                                                                                                                                            • หลังจากเข้าทำ Thermage FLX หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการกลับมาหย่อนคล้อยของผิวหน้า

                                                                                                                                                                                                          อาการหลังทำ Thermage FLX

                                                                                                                                                                                                            • Thermage FLX จะมีรอยแดงบนผิว โดยรอยแดงบนผิวที่เกิดขึ้น Thermage FLX จะสามารถหายได้เองใน 1-2 ชั่วโมง
                                                                                                                                                                                                            • Thermage FLX อาจมีความบวมในบางผู้เข้ารับบริการ โดยอาการบวมหลังทำ Thermage FLXจะสามารถหายได้เองใน 5 วันถึง 1 สัปดาห์โดยไม่ต้องกังวล

                                                                                                                                                                                                          FAQ เกี่ยวกับ Thermage FLX ที่ควรรู้ก่อนทำ

                                                                                                                                                                                                          1. Thermage FLX จะเห็นผลทันทีเลยหรือไม่ ?

                                                                                                                                                                                                          โดยปกติแล้วผู้ที่ทำ Thermage FLX ไปครึ่งหน้าแล้ว เมื่อส่องกระจกจะสามารถเห็นได้ทันที่ว่าใบหน้าข้างที่ถูกทำไปแล้วครึ่งหน้าว่ามีความเปลี่ยนแปลง และเมื่อทำเสร็จทั้งสองด้านจะเห็นถึงความยกกระชับของผิวบริเวณที่ทำมากขึ้นจากเดิม โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปจะสังเกตได้ว่าผิวมีสภาพที่ดีขึ้น ริ้วรอยเล็กๆจะลดลง เนื่องจาก Thermage FLX จะสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ 20% โดยประมาณทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                                                          2. Thermage FLX จะเห็นผลที่ในระยะเวลานานเท่าไร ?

                                                                                                                                                                                                          • Thermage FLX จะเห็นผลลัพธ์ด้านการยกกระชับลดความหย่อนคล้อยจะเริ่มเห็นผล ในระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน
                                                                                                                                                                                                          • ในระหว่างนั้นคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวหนังจะถูกจัดเรียงให้มีสภาพที่ดีขึ้น และยังถูกกระตุ้นด้วย Thermage FLX จึงทำให้เกิดการสร้างขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เมื่อครบระยะเวลาประมาณ 6 เดือน จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ในบางคนอาจเห็นผลลัพธ์เร็วกว่า 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลของแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                                                          3. Thermage FLX ควรทำบ่อยแค่ไหน ?

                                                                                                                                                                                                          สามารถทำ Thermage FLX ได้ทุก ๆ 1 ปี เพื่อคงสภาพผลลัพธ์การยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า รวมทั้งลดริ้วรอยบนใบหน้าให้ได้นานมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากมีความต้องการจะทำ Thermage FLX ก่อนระยะเวลา 1 ปี สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำได้เช่นกัน

                                                                                                                                                                                                          4. ระหว่างทำ Thermage FLX เจ็บไหม ?

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX ไม่เจ็บระหว่างที่ทำ เนื่องจากก่อนทำการยกกระชับผิวในแต่ละบริเวณผู้ช่วยแพทย์จะทำการมาส์กยาชา และรอให้ออกฤทธิ์ เพื่อบรรเทาความเจ็บในระหว่างทำก่อนอยู่แล้ว

                                                                                                                                                                                                          5. ระหว่างทำ Thermage FLX รู้สึกอย่างไร ?

                                                                                                                                                                                                          อุ่น : ระหว่างทำ Thermage FLX จะสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอุ่น ๆ ที่หัวทิปสัมผัสกับผิวหนังเท่านั้น โดยระดับความอุ่นที่ออกมาจาก Thermage FLX จะเป็นความอุ่นในระดับที่คนเราทนไหว และไม่ร้อนจนเกินไป แต่จะบรรเทาความอุ่นได้เองเป็นระยะในขณะทำการรักษา

                                                                                                                                                                                                          สั่น : ระหว่างทำ Thermage FLX จะรู้สึกสั่นที่หัวทิป แต่จะเป็นความสั่นที่มาเพียงเป็นระยะเท่านั้น โดยความสั่นนี้เป็นความสั่นของ Thermage FLX ที่ใส่มาเพื่อให้ช่วยในการบรรเทาความบาดเจ็บของผิวที่เกิดจากการรักษา

                                                                                                                                                                                                          6. เมื่อทำการรักษาด้วย Thermage FLX ไปแล้วสามารถคงผลลัพธ์ได้นานเท่าไร ?

                                                                                                                                                                                                          เมื่อทำการยกกระชับผิวด้วย Thermage FLX แล้วนั้นจะสามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นาน 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา การใช้ชีวิต และสภาพผิวของผู้เข้ารับการรักษาแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                                                          7. สามารถตรวจสอบ Thermage FLX โดยวิธีใดว่าคลินิกที่เราเข้ารับบริการเป็นของแท้หรือไม่ ?

                                                                                                                                                                                                          • ต้องเลือกคลินิกเสริมความงามที่ น่าเชื่อถือ มีอุปกรณ์ ที่ได่มาตรฐานของคลินิก โดย รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกเสริมความงามที่เปิดมายาวนานกว่า 21 ปีแล้ว คร่ำหวอดในวงการคลินิกเสริมความงามมาเป็นระยะเวลานาน จึงมีความน่าเชื่อถือในแวดวงความงามเป็นอย่างมาก
                                                                                                                                                                                                          • คลินิกที่เข้ารับบริการจะต้องมีสติกเกอร์ Thermage FLX ติดอยู่ที่บริเวณตัวเครื่อง เพื่อเป็นการการันตีตัวเครื่องว่าเป็นเครื่องแท้ ผู้เข้ารับบริการ Thermage FLX สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ในคลินิกเกี่ยวกับสติกเกอร์ที่ตัวเครื่องได้ ในกรณีที่หาด้วยตนเองไม่พบ
                                                                                                                                                                                                          • เครื่อง Thermage FLX ที่ทำการรักษาก็จะต้องมีการติดสติกเกอร์ Thermage FLX เครื่องแท้เช่นกัน โดยหากมีข้อสงสัย สามารถเรียกถาม และขอดูสติกเกอร์ดังกล่าวที่พนักงานได้

                                                                                                                                                                                                          Thermage FLX เป็นโปรแกรมยกกระชับ ลดริ้วรอยที่สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้า และทั่วทั้งร่างกาย มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการยกกระชับ ลดริ้วรอยที่กลัวเจ็บเนื่องจาก Thermage FLX มีทั้งระบบความเย็น และยังมีระบบสั่น เพื่อป้องกันความสั่น โดยรมย์รวินท์คลินิกจัดเป็นคลินิกอันดับต้น ๆ ของประเทศที่ทำการให้บริการด้านการยกกระชับด้วย Thermage FLX กับคนไข้มาเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 เคส คลินิกทุกสาขาได้รับมาตรฐาน และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้าในทุกสาขา

                                                                                                                                                                                                          ท่านใดที่ประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอย มีความเหี่ยวย่น สามารถปรึกษาได้ที่หน้าสาขารมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา และช่องทางออนไลน์เพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษ

                                                                                                                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                            ไม่อยากหน้าแก่ แค่ออกกำลังกายใบหน้าด้วย Emface

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            ออกกำลังกายใครๆ ก็ทำได้ การออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อเฟิร์มกระชับ และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ใบหน้าก็เหมือนกัน ถ้าอยากหน้าเฟิร์มกระชับก็ต้องรู้จักออกกำลังกายใบหน้า เรียกง่ายๆ ก็คือการบริหารใบหน้านั่นแหละ! ซึ่งก็เหมือนกับการบริหารร่างกายส่วนอื่นๆ หากทำถูกวิธีก็จะช่วยให้หน้ายกกระชับ ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้ แถมยังช่วยให้หน้าเด็กได้อีกด้วย เพราะการบริหารใบหน้าช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                                            ใครไม่อยากแก่..ต้องมาทางนี้! รมย์รวินท์คลินิกมีทั้งท่าบริหารใบหน้า และเครื่องมือที่ใช้บริหารใบหน้ามาฝากกันถ้าใครที่ไม่ชอบทำเองก็สามารถใช้ตัวช่วยได้ สามารถทำกันได้ทุกวันเลย ให้หน้ากระชับ ลดแก้ม ลดเหนียง ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ทำทุกวันรับรองเห็นผลแน่นอน เริ่มกันที่วิธีง่ายๆที่สามารถทำได้เองก่อนเล๊ย!!

                                                                                                                                                                                                            มาวอร์มอัปใบหน้ากันก่อน

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            ก่อนบริหารใบหน้าก็ต้องวอร์มอัปกันก่อน โดยเริ่มต้นจากหันหน้าไปทางซ้ายจนให้รู้สึกตึงบริเวณกล้ามเนื้อคอของด้านตรงข้าม และค้างไว้ท่านี้ 5 วินาที จากนั้นหันหน้าไปทางขวาจนสุดและทำแบบเดียวกันกับด้านซ้าย ทำท่านี้สลับกันซ้ายขวา ข้างละ 5 ครั้ง เพื่อเป็นการยืดกล้ามเนื้อช่วยให้ขยับใบหน้าได้ง่ายขึ้น

                                                                                                                                                                                                            A, E, I, O, U กู้หน้าตึง

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            เริ่มท่าบริหารใบหน้า ให้พูดคำว่า A, E, I, O, U โดยอ้าปากออกเสียงไปตามตัวสระให้ได้มากที่สุด เช่นตัว A ให้ฉีกยิ้มให้มากที่สุด ตัว O ให้ทำปากเป็นรูปตัวโอให้ได้มากที่สุด เป็นต้น พูดสลับกันไปมา 5 รอบ ท่านี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้หน้าเรียวกระชับและช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วยค่ะ

                                                                                                                                                                                                            จูจุ๊บท้องฟ้าพาลดเหนียง

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องเหนียงหรือคางสองชั้นลองทำท่าบริหารใบหน้าท่านี้เป็นประจำช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้คางไปจนถึงคอกระชับขึ้น หน้าเรียวขึ้น วิธีทำท่านี้ให้เงยหน้ามองเพดานจนรู้สึกตึงช่วงบริเวณใต้คางและลำคอ จากนั้นให้ทำปากจู๋เหมือนกับกำลังจูบ ค้างไว้ท่านี้ 10 วินาที แล้วผ่อนลง ทำซ้ำกัน 5 ครั้ง

                                                                                                                                                                                                            ดูดปากแล้วฉีกยิ้ม

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            เริ่มจากให้ดูดปากให้แก้มทำสองข้างบุ๋มเข้าหากันให้มากที่สุด ท่านี้ให้ทำปากเหมือนกำลังดูดน้ำ ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นให้ฉีกยิ้มให้กว้างที่สุด และค้างไว้อีก 10 วินาที โดยทำท่าดูด และฉีกยิ้มสลับกันไปมา 5 – 10 ครั้ง ท่าบริหารใบหน้านี้จะช่วยลดริ้วรอยร่องแก้ม ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณแก้มกระชับ เพิ่มความคมชัดให้สันกราม หน้าเรียวขึ้น

                                                                                                                                                                                                            หลับตาปี๋หนีหน้าแก่

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            วิธีการบริหารใบหน้าง่ายๆ แค่หลับตาให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนดึงใบหน้าทุกส่วนไปรวมกันที่ตรงกลาง จะรู้สึกหน้าตึงทุกส่วน ค้างไว้ 5 วินาที ให้ทำท่านี้ซ้ำกัน 5 – 10 ครั้ง ท่านี้ช่วยให้เลือดบนใบหน้าไหลเวียนได้ดีเพราะได้บริหารใบหน้าทุกส่วน ทำให้หน้าดูเด็กลง

                                                                                                                                                                                                            แลบลิ้นแตะฟันกระชับหน้า

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            แลบลิ้นออกมา และแตะปลายลิ้นที่บริเวณด้านหลังฟันหน้า อ้าปากให้กว้างที่สุดให้รู้สึกว่าหน้าตึง ทำค้างไว้ 5 วินาที ซ้ำกัน 15 ครั้ง ท่าบริหารใบหน้านี้ช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม ใต้คาง และกรอบหน้าให้รู้สึกยกกระชับขึ้น

                                                                                                                                                                                                            เป่าลมลดแก้มอ้วน

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            ใครที่มีแก้ม หรือหน้าหย่อนคล้อยต้องลองทำท่าบริหารใบหน้าท่านี้ เริ่มจากให้อ้าปากและหายใจเข้ากักลมไว้ที่บริเวณกระพุ้งแก้มจนแก้มป่องทั้งสองข้าง ค้างไว้ 10 วินาที และค่อยๆปล่อยลมออกมาทางปากเหมือนกำลังเป่าลูกโป่ง ทำซ้ำกัน 10 ครั้ง วิธีนี้ช่วยให้แก้มกระชับ ลดความหย่อนคล้อยได้ดีมาก

                                                                                                                                                                                                            หรือถ้าต้องเหนื่อย หรือเสียเวลากับการบริหารใบหน้าแบบเดิมๆ มาที่รมย์รวินท์คลินิกก็ได้ออกกำลังกายให้ใบหน้ายกกระชับได้?

                                                                                                                                                                                                            อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ แค่นอนเฉยๆ ใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น คุณก็รู้สึกเหมือนได้ออกกำลังกายใบหน้าให้ยกกระชับได้แล้ว รมย์รวินท์คลินิกขอแนะนำการออกกำลังกายใบหน้าที่ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่ใช้เวลานาน แต่ได้บริหารกล้ามเนื้อ แค่ได้รู้จักกับ “EMFACE”

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            EMFACE ปล่อยพลังงาน Synchronized RF และ HIFES ผ่านแผ่น Applicator ซึ่งถูกออกแบบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Facial Anatomy โดยแพทย์จะแปะแผ่น Applicator ของเครื่องนี้บริเวณหน้าผาก และแก้ม EMFACE จะส่งพลังงานตั้งแต่ชั้นผิวหนังลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าให้เกิดการหดเกร็งตัว เสมือนการได้ออกกำลังกาย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น มีความเนียนเรียบ ไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่น

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            และขอแนะนำ การออกกำลังกายใบหน้าที่ได้มากกว่ายกกระชับใบหน้า “EMFACE Submentum” ที่พัฒนาเทคโนโลยีมาจากตัวเดิม โดยจะติดแผ่น Applicator บริเวณเหนียง ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณใต้คาง และยังช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใต้คางไปพร้อมๆ บอกลาเหนียงและคางสองชั้นไปได้เลย!

                                                                                                                                                                                                            Emface-exercise-face

                                                                                                                                                                                                            สำหรับใครที่อยากหน้าเฟิร์ม ยกกระชับ พร้อมลดเหนียง และลดไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้า แบบที่การบริหารใบหน้าก็ทำไม่ได้ มาพบกับ EMFACE และ “EMFACE Submentum” ได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาใกล้บ้านคุณได้เลยค่ะ

                                                                                                                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                              Yag laser เลเซอร์กำจัดขนคืออะไร ? ทำงานอย่างไร ?

                                                                                                                                                                                                              Yag laser

                                                                                                                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                                                                                REVIEW


                                                                                                                                                                                                                กำจัดขน


                                                                                                                                                                                                                กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                Yag laser เลเซอร์กำจัดขนคืออะไร

                                                                                                                                                                                                                Yag laser หรือเลเซอร์กำจัดขน เป็นโปรแกรมกำจัดขนที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นโปรแกรมกำจัดขนที่มีความยาวคลื่นในการกำจัดขนที่เข้มข้นของลำแสงสูงถึง 1,064 นาโนเมตร และยังมีพลังงานของโปรแกรมสูงถึง 80 จูล อำนวยความสะดวกสบายแก่การรักษา ด้วยการปล่อยพลังงานความเย็น หรือ DCD: Dynamic Cooling Device อันเป็นระบบที่เป็นสิทธิบัตรจากบริษัท แคนเดลา ควบคู่กันในขณะที่ทำการยิงเลเซอร์กำจัดขน ให้ผลลัพธ์ในการปกป้องผิวหนังในชั้นบนอย่างดีที่สุด ทำให้ได้รับการระคายเคืองน้อยที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นหลังการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนยังไม่ทิ้งรอยแดง รอยดำ ผิวหนังไก่ หรือรอยด่างดำ อีกด้วย 

                                                                                                                                                                                                                เป็นโปรแกรมกำจัดขนที่มีความปลอดภัย เนื่องจากได้รับ US FDA หรือองค์การอาหาร และยาของประเทศสหรัฐอเมริกา ในการกำจัดถอนขน ถอนถาวร รวมทั้งกำจัดขนคุดได้ด้วย 

                                                                                                                                                                                                                กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                Yag laser เลเซอร์กำจัดขนทำงานอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                1. Yag laser เลเซอร์กำจัดขนทำงานโดยการใช้พลังงาน 1064 nm. ซึ่งพลังงานจะถูกส่งไปบริเวณที่ต้องการจะกำจัดขนวิธีการ คือ ความร้อนจาก Yag laser เลเซอร์กำจัดขนจะส่งพลังงานไปสู่รากของเส้นขนในบริเวณนั้น ๆ เมื่อได้รับความร้อนแล้วเส้นขนก็จะฝ่อ และหยุดการเจริญเติบโตตามลำดับ 
                                                                                                                                                                                                                2. เมื่อรากขนฝ่อ และเกิดการหยุดเจริญเติบโตแล้ว ขนจะค่อย ๆ ร่วง และหลุดไปในที่สุด โดยในการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนจะสามารถกำจัดขนได้ในปริมาณ 20-30% โดยต้องทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนในระยะเวลาติดต่อกัน 4 ครั้งเป็นต้นไป ขนจึงจะหลุดออกหมด 

                                                                                                                                                                                                                กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณใดได้บ้างต้องทำกี่ครั้ง 

                                                                                                                                                                                                                ในแต่ละคนใช้จำนวนในการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความหนา และเข้มปริมาณเส้นขนในแต่ละบริเวณของแต่ละบุคคล การตอบสนองของต่อพลังงานเลเซอร์กำจัดขน 

                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “ทั่วหน้า” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หน้าผาก” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “คาง” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หนวด” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “เครา” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “จอน” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “แก้ม” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “รักแร้” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 6-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “แขนบน” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 6-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “แขนล่าง” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 6-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “นิ้วมือ” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หลังมือ” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หน้าอก” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 6-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หลัง” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 6-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “ขา” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 6-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หน้าท้อง” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “ขอบบิกินี” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 8-10 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “บิกินีทั้งหมด” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 8-10 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “รูทวาร” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 8-10 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “ร่องก้น” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 8-10 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “แก้มก้น” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-8 ครั้ง   
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หัวเข่า” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 6-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “ต้นขาบน” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 6-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หน้าแข้ง” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 8-10 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “ขาล่าง” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 8-10 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “หลังเท้า” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-8 ครั้ง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                  “นิ้วเท้า” ต้องทำการเลเซอร์กำจัดขนจำนวน 4-6 ครั้ง 

                                                                                                                                                                                                                กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยอะไรได้บ้าง

                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยกำจัดขนได้อย่างถาวร 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยลดหนังไก่ 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยลดขนาดรูขุมขน 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนลดการเกิดปัญหาขนคุด 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยปรับผิวให้ขาวกระจ่างใส 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยลดเหงื่อ 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยลดกลิ่นกาย และกลิ่นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากรูขุมขน 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ไม่เหี่ยวย่นแบบการถอน 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยให้ขนที่ขึ้นใหม่ไม่ดีด 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนช่วยให้ไม่คันในขณะกำจัดขน 

                                                                                                                                                                                                                ข้อเสียของ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนมีราคาที่สูงกว่าการกำจัดขนวิธีอื่น ๆ
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนต้องทำหลายครั้ง แต่เป็นการกำจัดได้อย่างถาวร
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนต้องทำโดยผู้ชำนาญที่มีความชำนาญเท่านั้น
                                                                                                                                                                                                                • เ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ที่บ้าน

                                                                                                                                                                                                                Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับใคร

                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่มีความต้องการ ที่จะกำจัดขนในบริเวณต่าง ๆ อย่างถาวร 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความขาว กระจ่างใส ให้กับบริเวณที่กำจัด 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความเรียบเนียน ให้กับบริเวณที่ทำการกำจัดขน 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความสะอาดให้กับตนเอง ในบริเวณที่มีขน  
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่ต้องการลด เหงื่อและกลิ่นเหงื่อ 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่เคยกำจัดขนด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วกลายเป็นขนคุด 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาในการกำจัดขนด้วยตัวเอง 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดการเกิดปัญหาแบคทีเรียสะสม ในบริเวณที่ขนขึ้น 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นใจ ในการแต่งกายโชว์ผิวหนังในบริเวณที่มีขน 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเหมาะกับผู้ที่แพ้การกำจัดขนด้วยแวกซ์ หรือครีมกำจัดขน 

                                                                                                                                                                                                                กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับใคร

                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่อุปกรณ์เสริมในร่างกาย อาทิ ผู้ที่ใส่ Pacemaker เป็นต้น หากต้องการทำเลเซอร์กำจัดขนควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนทำ
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่ทาวิตามิน 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้ AHA  
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดขน ในบริเวณที่มีรอยสัก 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิด 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่พึ่งมีภาวะผิวไหม้จากแดดมา (พึ่งตากแดดแรง ๆ มา หรือพึ่งกลับมาจากการไปทะเล) 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะแพ้แสง (Photosensitize) 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้มีการตั้งครรภ์ 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติชัก โดยประวัติระบุว่าแสงเป็นตัวกระตุ้น 
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติรับประทานยาที่ทำให้ไวต่อแสง  
                                                                                                                                                                                                                • Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่เหมาะกับผู้มีประวัติทานยา รักษาสิวบางประเภท

                                                                                                                                                                                                                *กลุ่มบุคคลดังที่กล่าวมาควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษา รวมทั้งแพทย์ที่ทำการเลเซอร์ขน โดยให้ข้อมูลอย่างละเอียดและถูกต้อง เพื่อประเมินความเหมาะสมของการรักษา และความเป็นไปได้ 

                                                                                                                                                                                                                กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                การเตรียมตัวก่อนทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                1. ก่อนการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ไม่ควรโกนขนมาก่อน 
                                                                                                                                                                                                                2. ก่อนทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ควรยกเว้นการทาโรลออนระงับกลิ่นกาย 1 วัน 
                                                                                                                                                                                                                3. ก่อนทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ควรงดเว้นการทาครีม หรือใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่ต้องการกำจัดขน 
                                                                                                                                                                                                                4. ก่อนทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ควรงดกำจัดขนด้วยวิธีแวกซ์ ถอน และการใช้เครื่องไฟฟ้า 

                                                                                                                                                                                                                ขั้นตอนการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                1. ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดผิวในบริเวณที่ต้องการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน
                                                                                                                                                                                                                2. ผู้ช่วยแพทย์ทาเจลเย็น เพื่อให้เคลือบผิวในบริเวณที่ต้องการ ก่อนการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน 
                                                                                                                                                                                                                3. แพทย์ทำการยิงเลเซอร์ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนให้ทั่วจนเสร็จ
                                                                                                                                                                                                                4. ทำความสะอาดเจลที่ทาในบริเวณที่ทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนให้สะอาด 

                                                                                                                                                                                                                การดูแลตัวเองหลังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                1. หลังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน หากมีอาการแสบร้อนจากการทำเลเซอร์ สามารถประคบเย็นได้  
                                                                                                                                                                                                                2. หลังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ควรใช้ครีมบำรุงผิวบริเวณที่ทำการกำจัดขน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
                                                                                                                                                                                                                3. หลังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำร้อน อบซาวหน้า หรืออาบน้ำร้อน
                                                                                                                                                                                                                4. หลังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่มีคลอรีน หากต้องการว่ายให้ว่ายในสระน้ำเกลือ หรือสระน้ำแร่แทน
                                                                                                                                                                                                                5. หลังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนบริเวณใต้วงแขน ควรงดการทาโรลออนระงับกลิ่นกายเป็นระยะเวลา 1– 3 วัน เพื่อป้องกันการเกิดอาการระคายเคือง บริเวณผิว
                                                                                                                                                                                                                6. หลังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ควรหลีกเลี่ยงในการถอนขนบริเวณที่ทำการเลเซอร์และ ควรเปลี่ยนมาทำการโกนขนแทน เพราะเลเซอร์กำจัดขนเป็นการทำลายรากขน 
                                                                                                                                                                                                                7. หลังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน ควรงดการใช้เครื่องสำอางบริเวณที่ทำการกำจัดขน 

                                                                                                                                                                                                                ข้อควรระวังจากการทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                1. Yag laser เลเซอร์กำจัดขนไม่สามารถทำการกำจัดขนสีขาว 
                                                                                                                                                                                                                2. Yag laser เลเซอร์กำจัดขนผู้ที่กัดสีขนมา ควรเว้นระยะก่อนทำการเลเซอร์กำจัดขนขั้นต่ำ 2 – 4 อาทิตย์ หรือปรึกษาความเหมาะสมแก่แพทย์ก่อนทำการรักษา 
                                                                                                                                                                                                                3. Yag laser เลเซอร์กำจัดขนผู้ที่มีประวัติแพ้ความเย็น ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษา 
                                                                                                                                                                                                                4. Yag laser เลเซอร์กำจัดขนที่มีประวัติเกิดแผลเป็นนูนแดง ควรแจ้งแพทย์ก่อนการทำการรักษา 

                                                                                                                                                                                                                การทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนใช้เวลากี่นาที?

                                                                                                                                                                                                                การทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนใช้เวลาในการทำประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรกำจัดขน และปริมาณของขนที่ต้องการกำจัด 

                                                                                                                                                                                                                กำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                การทำ Yag laser เลเซอร์กำจัดขนต่างจากการกำจัดขนด้วยวิธีอื่นๆอย่างไร ? 

                                                                                                                                                                                                                  1. วิธีการกำจัดขนด้วยการถอน

                                                                                                                                                                                                                เป็นวิธีการกำจัดขนที่มีมาแต่ดั้งเดิม ที่ทำกันมารุ่นต่อรุ่น แต่มีความอันตราย เนื่องจากหากไม่ระวังจะสามารถหนีบโดนเนื้อในบริเวณที่กำจัดขนได้ และทำให้เกิดแผล อีกทั้งยังสามารถทำให้เกิดขนคุดได้ 

                                                                                                                                                                                                                ข้อดีของวิธีกำจัดขนด้วยการถอน

                                                                                                                                                                                                                    • มีราคาถูก สามารถจับต้องได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • ใช้อุปกรณ์น้อย  
                                                                                                                                                                                                                    • ไม่ต้องใช้ความชำนาญ ใครก็ทำได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • สามารถลงมือถอนได้เองที่บ้าน 

                                                                                                                                                                                                                ข้อเสียของวิธีกำจัดขนด้วยการถอน

                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีกำจัดขนที่ทำให้เกิดตุ่มหนังไก่บริเวณที่กำจัดขน 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำให้รูขุมขนกว้าง 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำให้เกิดการขาดของเส้นขนได้ในบางที 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำให้เกิดขนคุด 
                                                                                                                                                                                                                    • อาจทำให้เกิดอาการอักเสบ หากหนีบโดนเนื้อ 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีกำจัดขนที่เจ็บ 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำให้ผิวบริเวณที่กำจัดขนมีสีคล้ำ ไม่เรียบเนียน 
                                                                                                                                                                                                                    • กำจัดขนได้ทีละเส้น 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำให้จนที่เกิดขึ้นใหม่มีเส้นที่ใหญ่มากขึ้น 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีการกำจัดขน ที่ไม่สามารถกำจัดขนได้อย่างถาวร 

                                                                                                                                                                                                                  1. วิธีการกำจัดขนด้วยการโกน

                                                                                                                                                                                                                เป็นวิธีกำจัดขนที่มีความสะดวกสบาย และราคาไม่แพง สามารถหาซื้อมีดโกนได้โดยง่าย  และมีดโกนมีหลายคุณภาพให้เลือกสรร ทั้ง 1 ใบมีดไปจนถึง 4 ใบมีด ตามความเรียบเนียนหลังจากการโกนที่ต้องการ แต่เมื่อมีการโกนครั้งที่สองที่ใช้มีดโกนซ้ำ สามารถเกิดอันตรายได้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณผิวหนังได้ รวมทั้งการกำจัดขนด้วยวิธีนี้ ไม่ควรใช้มีดโกนร่วมกับผู้อื่น 

                                                                                                                                                                                                                ข้อดีของวิธีกำจัดขนด้วยการโกน

                                                                                                                                                                                                                    • ราคาถูก จับต้องง่าย 
                                                                                                                                                                                                                    • ใช้อุปกรณ์น้อย 
                                                                                                                                                                                                                    • ไม่ต้องใช้ความชำนาญ ใครก็ทำได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำได้เองที่บ้าน 
                                                                                                                                                                                                                    • หาซื้อได้ง่าย 

                                                                                                                                                                                                                ข้อเสียของวิธีกำจัดขนด้วยการโกน

                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีกำจัดขนที่ทำให้บริเวณที่กำจัดขนเกิดความหมองคล้ำ จากการเสียดสีของใบมีดโกน 
                                                                                                                                                                                                                    • สามารถกำจัดขนได้แค่ขนที่ขึ้นมาบนผิวหนัง ไม่สามารถกำจัดได้ถึงรากถึงโคน 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีการกำจัดขนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากใบมีดโกน 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีกำจัดขนที่เสี่ยงต่อการโดนมีดบาด ทำให้เป็นแผลได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • ขนที่ขึ้นใหม่จะแข็ง เป็นตอ 
                                                                                                                                                                                                                    • จะทำให้คันบริเวณที่เกิดขน อันเนื่องจากขนที่ขึ้นใหม่ 
                                                                                                                                                                                                                    • ขนที่ขึ้นใหม่จะยิ่งหนาขึ้น สีเข้มขึ้น 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีการกำจัดขน ที่ไม่สามารถกำจัดขนได้อย่างถาวร 

                                                                                                                                                                                                                  1. วิธีการกำจัดขนด้วยการใช้เครื่องถอนไฟฟ้า

                                                                                                                                                                                                                เป็นวิธีการกำจัดขนที่สามารถกำจัดขนได้ทีละหลาย ๆ เส้น แต่เป็นการกำจัดขนที่มีราคาสูงขึ้นมาอีกขั้น โดยเครื่องกำจัดขนนั้นมีให้เลือกหลายราคา และหลากหลายคุณภาพให้เลือกสรร หาซื้อไม่ง่ายเท่าใบมีดโกน แต่ก็มีขายอยู่มากตามห้างสรรพสินค้า 

                                                                                                                                                                                                                ข้อดีของวิธีกำจัดขนด้วยการใช้เครื่องถอนไฟฟ้า

                                                                                                                                                                                                                    • มีให้เลือกหลายราคา 
                                                                                                                                                                                                                    • มีให้เลือกหลายคุณภาพ 
                                                                                                                                                                                                                    • ใช้อุปกรณ์น้อย 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีที่ใช้ถอนขนได้ทีละหลาย ๆ เส้น 
                                                                                                                                                                                                                    • ไม่ต้องใช้ความชำนาญ ใครก็ทำได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำได้เองที่บ้าน 
                                                                                                                                                                                                                    • หาซื้อได้ง่าย 
                                                                                                                                                                                                                    • กำจัดขนได้อย่างรวดเร็ว 

                                                                                                                                                                                                                ข้อเสียของวิธีกำจัดขนด้วยการใช้เครื่องถอนไฟฟ้า

                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีการกำจัดขนที่อาจทำให้เกิดขนคุดได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำให้บริเวณที่กำจัดขนมีสีคล้ำ หรือเข้มขึ้น 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีการกำจัดขนที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ 
                                                                                                                                                                                                                    • ไม่สามารถกำจัดขนได้หากเส้นขนมีความยาวไม่พอ 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีกำจัดขนที่สามารถหนีบเนื้อได้ หากผู้ทำการถอนมีความไม่ชำนาญมากพอ 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีที่ไม่สามารถกำจัดขนได้อย่างถาวร 

                                                                                                                                                                                                                  1. วิธีการกำจัดขนด้วยการแว็กซ์

                                                                                                                                                                                                                เป็นวิธีการกำตัดขนที่สามารถกำจัดขนได้ทีละจำนวนมาก ๆ ต้องใช้อุปกรณ์จำนวนมาก และต้องใช้ฝีมือ ทักษะในการกำจัดขน มิเช่นนั้นจะเกิดอาการเบิร์น ไหม้ของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเป็นแผลพองได้ 

                                                                                                                                                                                                                ข้อดีของการกำจัดขนด้วยการแว็กซ์

                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีการกำจัดขนที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
                                                                                                                                                                                                                    • กำจัดขนได้อย่างเรียบเนียนทั่วบริเวณ
                                                                                                                                                                                                                    • สามารถกำจัดขนได้ถึงรากถึงโคน 

                                                                                                                                                                                                                ข้อเสียของการกำจัดขนด้วยการแว็กซ์

                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีกำจัดขนที่ทำให้อาจเกิดอาการบาดเจ็บได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีกำจัดขนที่ทำให้การแสบในตอนดึง 
                                                                                                                                                                                                                    • สามารถเกิดการผิดพลาดในการแว็กซ์ได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำให้เกิดความผิดพลาดในการกำจัดขนได้ง่าย 
                                                                                                                                                                                                                    • ทำให้ผิวบริเวณที่กำจัดขนมีสีหมองคล้ำ 
                                                                                                                                                                                                                    • ไม่สามารถกำจัดขนได้อย่างถาวร 

                                                                                                                                                                                                                  1. วิธีการกำจัดขนด้วยครีมกำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                เป็นวิธีกำจัดขนที่มีราคาไม่สูง แต่ไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากมักจะกำจัดขนได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือในคนที่มีขนหนาจะไม่สามารถกำจัดได้ ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้สารเคมี และน้ำหอมในครีมกำจัดขน และยังเกิดอาการแพ้ตัวยาได้ 

                                                                                                                                                                                                                ข้อดีของการกำจัดขนด้วยครีมกำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                    • ไม่มีอาการบาดเจ็บ 
                                                                                                                                                                                                                    • ขนที่ที่ขึ้นใหม่ ไม่แข็ง 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นวิธีที่สามารถทำได้เองที่บ้าน 
                                                                                                                                                                                                                    • มีราคาถูก 
                                                                                                                                                                                                                    • เป็นการกำจัดขนที่ไม่ทำให้บริเวณที่กำจัดขนมีสีหมอง คล้ำ 
                                                                                                                                                                                                                    • ไม่ทำให้เกิดตุ่มหนังไก่ 

                                                                                                                                                                                                                ข้อเสียของการกำจัดขนด้วยครีมกำจัดขน

                                                                                                                                                                                                                    • กำจัดขนไม่ถึงรากถึงโคน เป็นเพียงการกำจัดขนแค่ด้านบนผิวเท่านั้น ในบางคนที่ขนหนา ขนอาจไม่หลุดได้ด้วย 
                                                                                                                                                                                                                    • เสี่ยงต่อการแพ้ครีมกำจัดขน 
                                                                                                                                                                                                                    • หากมีส่วนผสมของน้ำหอมอาจทำให้แพ้ได้ 
                                                                                                                                                                                                                    • กำจัดขนได้ไม่ถาวร 

                                                                                                                                                                                                                ดังนั้นหากต้องการจะเลือกวิธีการกำจัดขน ควรเลือกจากพื้นฐานความต้องการ และความเหมาะสมของตนเองว่าเหมาะกับวิธีไหน โดย Yag laser เลเซอร์กำจัดขนเป็นวิธีการกำจัดขนที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่า มีความเหมาะสมกับผิวของคนไทย และคนเอเชียมากที่สุด สามารถทำได้ทุกสภาพผิว ดูแลและลงมือทำโดยผู้เชี่ยวชาญ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีอันตราย ไม่มีการติดเชื้อ ไม่สกปรก เพราะทุกขั้นตอนดูแลและรักษาความสะอาด และมีการการันตีถึงในมาตรฐานการดูแล และความสะอาดอย่างทั่วถึง 

                                                                                                                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                  รีวิว Oligio ยกกระชับ คุณเจโต ปณิธิ

                                                                                                                                                                                                                  รีวิว Oligio

                                                                                                                                                                                                                  เคล็ดลับยกกระชับผิวที่คุณเจโต ปณิธิ ยังต้องยอม!

                                                                                                                                                                                                                  คุณเจโต ปณิธิ ผู้กำกับหนุ่มไฟแรง และผู้ก่อตั้งบริษัทโปรดักชันยักษ์ใหญ่อย่าง 888 CREATION ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องงาน แต่พอได้มาดูตัวเองอีกที ใบหน้าก็เริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอย  แม้ว่าจะไม่ใช่ดารา หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ต้องใช้หน้าตลอดเวลา แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าเป็นใครก็ทำให้เกิดความไม่มั่นใจกันได้ทั้งนั้น

                                                                                                                                                                                                                  ถึงจะเป็นผู้ชายก็อยากดูดี มั่นใจ ด้วยความที่เป็นคนชอบทำกิจกรรม บวกกับอาชีพที่ทำอยู่ที่ต้องออกไปเจอแดด พบปะผู้คนมากมาย สิ่งที่เป็นปัญหา ทำให้หมดความมั่นใจก็คือ ผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่ยกกระชับ และริ้วรอยที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุ ถึงแม้จะดูแลตัวเองดีแค่ไหน ทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องนี้ จนคุณเจโตต้องมาให้รมย์รวินท์คลินิกช่วยจัดการเปลี่ยนผิวหน้าที่ดูหย่อนคล้อย มีร่องแก้ม และริ้วรอยต่างๆ ให้ยกกระชับด้วย Oligio วันนี้คุณเจโตได้เข้ามาปรึกษาปัญหาผิวหน้ากับคุณหมอแววเรื่องความหย่อนคล้อยของใบหน้าที่เกิดขึ้นตามวัย และจากการใช้ชีวิตจนกลายเป็นปัญหาที่สร้างความกังวล

                                                                                                                                                                                                                  คุณหมอแววได้ทำการวิเคราะห์ใบหน้าของคุณเจโตอย่างละเอียด ด้วย Lifting Select ที่มีเพียงแค่ที่รมย์รวินท์คลินิกที่เดียวเท่านั้น ก่อนทำการรักษาจึงทำให้พบว่าคุณเจโตมีปัญหาผิวที่เริ่มขาดความกระชับ รวมทั้งขาด Skin quality ไม่ว่าจะเป็นการมีรูขุมขนที่ไม่กระชับ มีริ้วรอยตื้นๆ บริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้มเริ่มชัดขึ้น

                                                                                                                                                                                                                  คุณหมอแววแนะนำ Oligio ให้คุณเจโต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับใบหน้า ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่ไม่เจ็บในขนาดที่ทำ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ปัญหาริ้วรอย และช่วยลดปัญหาไขมันส่วนเกินบนใบหน้าอย่างเหนียงและคางสองชั้นได้ดี

                                                                                                                                                                                                                  รีวิว Oligio คุณเจโต ปณิธิ มั่นใจถึงผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ!

                                                                                                                                                                                                                  ได้ลองมาทำ Oligio ที่รมย์รวินท์ คลินิก รู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำว่าหน้าใสขึ้นมาก พวกร่องแก้ม และริ้วรอยต่างๆ ที่เคยมีตื้นขึ้นมาก แถมรูขุมขนก็กระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้นได้ทั้งการยกกระชับผิวพร้อมกับ Skin quality ที่ดี เลือกมาทำที่รมย์รวินท์คลินิกรู้สึกมั่นใจ เพราะที่นี่ทำการรักษาโดยคุณหมอผู้มีประสบการณ์ทุกเคส ก่อนทำคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ใบหน้าให้ก่อน เพื่อให้ผู้รับบริการได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน”

                                                                                                                                                                                                                  รีวิว Oligio มีดียังไง? ทำไมผู้กำกับหนุ่มไฟแรงถึงเลือก

                                                                                                                                                                                                                  Oligio เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการคลินิกเสริมความงาม ด้วยการใช้เทคโนโลยีความถี่จากคลื่นวิทยุที่หลายท่านรู้จักกันว่าคลื่น Radio Frequency ในรูปแบบ Monopolar RF สามารถปล่อยพลังงานความร้อนออกมาได้อย่างต่อเนื่องเป็นอย่างดี  โดยใช้คลื่นความถี่ 6.78 MHz ที่ทำให้เกิดความร้อนและอุณหภูมิสูงเพียงพอต่อการกระตุ้นเซลล์ผิวหนัง มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากได้รับการรับรองมาตรฐาน จากหลากหลายประเทศ 

                                                                                                                                                                                                                  ซึ่งคลื่นพลังงานความร้อน นี้จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ผิวหนังลึกถึงชั้นหนังแท้ หรือ Dermis ช่วยยกกระชับผิว จึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิวให้เกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่ แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว และฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวตึงกระชับ พร้อมช่วยลดไขมันส่วนเกินที่สะสมใต้ชั้นผิว เช่น แก้ม เหนียง คางสองชั้น ทำให้กรอบหน้ามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

                                                                                                                                                                                                                  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน 
                                                                                                                                                                                                                  • ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน 
                                                                                                                                                                                                                  • ยกกระชับใบหน้า สร้างกรอบหน้า 
                                                                                                                                                                                                                  • ลดเหนียง ลดไขมันส่วนเกิน 
                                                                                                                                                                                                                  • ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมายืดหยุ่น 
                                                                                                                                                                                                                  • เห็นความต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ  
                                                                                                                                                                                                                  • คงผลลัพธ์นาน 6 เดือน – 1 ปี 

                                                                                                                                                                                                                  ดูดีและมีใบหน้ายกกระชับแบบคุณเจโตได้ที่รมย์รวินท์คลินิก เราดูแลปัญหาผิวให้คุณมั่นใจ และดูดีได้ในแบบที่เป็นคุณ สำหรับใครที่มีปัญหาผิว หรือความไม่มั่นใจ สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ที่รมย์รวินท์ทั้ง 28 สาขาใกล้บ้านคุณ 

                                                                                                                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                    5 โปรโมชันปัง สวยทุกส่วน ในกรกฎาคมนี้

                                                                                                                                                                                                                    กรกฎาคม

                                                                                                                                                                                                                    กรกฎาคมนี้ พร้อมร่ายมนต์ 5 โปรปัง ให้ทุกสายตาสะกดอยู่ที่คุณ!

                                                                                                                                                                                                                    อยากสวย..แบบทันใจ ไม่ต้องไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ไหน งานนี้พึ่งแค่ที่รมย์รวินทร์คลินิกก็เอาอยู่ สาวกแห่งความสวยต้องรีบมา เพราะเราจะร่าย 5 มนต์โปรปัง! เสริมราศีพลังมู ให้ทุกสายตาที่มองมาต้องสะกดอยู่ที่คุณ เริ่มร่ายมนต์แล้ว..ตลอดทั้งเดือนกรกฎาคมนี้

                                                                                                                                                                                                                    ulthera

                                                                                                                                                                                                                    ร่ายมนต์บทที่ 1 ..หน้ายก สวยพร้อมรับทรัพย์

                                                                                                                                                                                                                    เสริมดวงให้สวยรับทรัพย์ หน้ายก พร้อมรับโชคลาภด้วย ULTHERA SPT ให้หน้ายกกระชับ กำจัดความหย่อนคล้อย เก็บทุกริ้วรอยให้เรียบเนียน เหลือไว้แต่ความอ่อนเยาว์ ถ้าแค่นี้ยังสวยเด้งรับทรัพย์ไม่พอ

                                                                                                                                                                                                                    จัดให้ไปเลยแบบฟรีๆอีกหนึ่งโปรแกรมกับ Super Hifu ยกกระชับผิวให้มากกว่าเดิม พร้อมเก็บงานผิวให้เรียบเนียน ผิวยกกระชับ กรอบหน้าคมชัด อย่างเป็นธรรมชาติ จนสะกดทุกสายตาให้อยู่ที่คุณ

                                                                                                                                                                                                                    สวยเห็นผลได้ในราคาเพียง 19,900 บาท จากราคาปกติ 63,000 บาท

                                                                                                                                                                                                                    filler

                                                                                                                                                                                                                    ร่ายมนต์บทที่ 2 ..เจิมให้หน้าจึ้ง จิ้มให้หน้าสวย มีราศี

                                                                                                                                                                                                                    ใต้ตาคล้ำ ร่องตาลึกเหมือนโดนมนต์ดำ ต้องสยบด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มใต้ตาให้อิ่มฟู บอกลาความหมองคล้ำไม่สดใสเหมือนโดนของ คงเหลือไว้แต่ความสวยสับแบบราศีจับ  1cc.

                                                                                                                                                                                                                    ในราคาเพียง 14,900 บาท จากราคาปกติ 25,900 บาท

                                                                                                                                                                                                                    ตามมาด้วยปัดเป่าความเหี่ยวย่น ริ้วรอยบนใบหน้าให้ออกไป ด้วยการฉีดโบ ลดริ้วรอย ร่องลึกให้เต็ม ปรับและเติมรูปหน้าให้ดูดี สวยเลือกได้ มีวาสนาดี 100u.

                                                                                                                                                                                                                    ในราคาเพียง 15,000 บาท จากราคาปกติ 35,000 บาท

                                                                                                                                                                                                                    dual skin fix

                                                                                                                                                                                                                    ร่ายมนต์บทที่ 3 ..นะหน้าทอง เนียนใส ไร้สิว

                                                                                                                                                                                                                    หน้าหมอง สิวบดบังความสวยดั่งราหูอม ต้องจัดการด้วย DUAL SKIN FIX จัดการหน้าให้สวยใส จบได้ทุกปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว เหลือไว้แต่ความสวยใส ออร่าจับด้วย

                                                                                                                                                                                                                    • Smart Laser เลเซอร์บูสต์ผิวไบรท์ ให้หน้าใสไม่หมอง ตัวช่วยจัดการปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว ลดการอักเสบ กระชับรูขุมขน ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส รู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
                                                                                                                                                                                                                    • กดฉีดสิว ไม่ว่าสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหนอง ก็จัดการให้หายวับไปจากใบหน้า ตัดวงจรกระตุ้นการอักเสบของสิว ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ ดูแลให้หน้าใสปิ๊ง
                                                                                                                                                                                                                    • P-White ฟื้นฟูผิวใส ลดการเกิดสิว และจุดด่างดำ ให้หน้าเนียนใสยิ่งกว่า และเสริมความปังด้วย Mask Miracle มาสก์บำรุงผิว ให้หน้าชุ่มชื้น แบบสุดๆไปเลย!

                                                                                                                                                                                                                    ผิวสวย เนียนใส ออร่าจับ ทั้งหมดนี้ในราคาเพียง 4,777 บาท จากราคาปกติ 10,600 บาท

                                                                                                                                                                                                                    Monthly สวยสายมู Cool 1

                                                                                                                                                                                                                    ร่ายมนต์บทที่ 4 ..มูไหน ก็ผอมได้

                                                                                                                                                                                                                    ถ้าคุณเป็นสายมู ไม่ว่าจะมูกรอบ มูกระทะ หรือมูไหนๆ ขอแนะนำมูนี้ที่ให้คุณสวย รูปร่างดีได้ด้วย Cool Sculpting บอกลาไขมันส่วนเกิน ปรับหุjนให้สวย ฆ่า และกำจัดเจ้าไขมันตัวดีย์ได้ด้วยความเย็น ทำได้ทุกสัดส่วนโดยไม่ต้องผ่าตัด จะมูไหนก็สวยผอมได้ทันใจ

                                                                                                                                                                                                                    พิเศษ! ตั้งแต่ 4 cycle ขึ้นไป สแกน QR รับส่วนลดจากราคาเต็ม 5,000 บาท เหลือเพียง 26,600 บาท ต้องรีบมูแล้ววว

                                                                                                                                                                                                                    วิตามิน

                                                                                                                                                                                                                    ร่ายมนต์บทที่ 5 ..ดริปวิตามิน ให้บอดี้ร่างทอง

                                                                                                                                                                                                                    ปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวโทรมขาดความชุ่มชื้นต้องหมดไปแค่เติมด้วย ดริปวิตามิน  เติมความสดใสให้ผิวปิ๊งแบบเร่งด่วน แถมยังบูสต์ให้สุขภาพดีได้ด้วย สวยใสดูดี บอดี้ร่างทอง พร้อมเกิดทุกเวที! เริ่มต้นเพียง 900 บาทเท่านั้น!

                                                                                                                                                                                                                    อย่ารอช้า พร้อมมาร่ายเวทมนตร์แห่งความสวยได้แล้ววันนี้ที่รมย์รวินท์ คลินิก

                                                                                                                                                                                                                      • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม 2567 เท่านั้น
                                                                                                                                                                                                                      • อาจารย์แพทย์ไม่เข้าร่วมรายการ
                                                                                                                                                                                                                      • ผลการรักษาเฉพาะบุคคล
                                                                                                                                                                                                                      • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่

                                                                                                                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                      Coolsculpting รับส่วนลด 5,000 บาท

                                                                                                                                                                                                                      Coolsculpting

                                                                                                                                                                                                                      อยากเกิดต้องได้เกิด Coolsculpting เผยขาเรียว เอวเอส เดินสับอย่างมั่นใจ

                                                                                                                                                                                                                      ประกาศ ประกาศ มีข่าวดีมาฝาก สำหรับสาวๆ ที่อยากขาเรียวยาว และคนที่ต้องการมีเอวเอส วันนี้รมย์รวินท์ คลินิกใจป้ำสุดๆ แจกโปรโมชันเด็ดเอาใจสาวๆ เปลี่ยนขาให้ขาเรียวสวย เปลี่ยนเอวให้เคิร์ฟเอส ได้แล้ววันนี้! สาวๆ คนไหนที่อยากจะเกิด ไม่ต้องโดนคุมกำเนิดแล้วนะ

                                                                                                                                                                                                                      เปลี่ยนขาที่เคยเบียดเป็นขาเรียวสวยสับ ได้อย่างมั่นใจด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ด้วยโปรโมชันจากรมย์รวินท์คลินิกที่แสนพิเศษสุดจึ้ง

                                                                                                                                                                                                                      มามุงกันตรงนี้จ้าาาาา กับสิทธิพิเศษที่ทำให้ขาเรียวเล็ก แต่ใจฟูมากก เฉพาะสาวๆ ที่กดเข้าร่วมแคมเปญของรมย์รวินท์ คลินิกเท่านั้นนะ! รับส่วนลดไปเลยทันที 5,000 บาท เมื่อซื้อ Coolsculpting ตั้งแต่ 4 cycle ขึ้นไป เหลือเพียงแค่ 26,000 บาท จากราคาปกติ 31,600 บาทเท่านั้นเองงง แต่สิทธิพิเศษแบบนี้ต้องรีบๆหน่อยนะ เพราะจำกัดจำนวนแค่ 30 สิทธิ์เท่านั้น ของแบบนี้ใครมาก่อนได้ก่อนนะคะคุณพรี่!

                                                                                                                                                                                                                      อยากได้รับสิทธิ์พิเศษแบบนี้ต้องทำไงบ้าง?

                                                                                                                                                                                                                      เอาล่ะค่าา สนใจแล้วใช่ม๊าาา งั้นเตรียมตัวให้พร้อม จะบอกกติกาแล้วนะ หนึ่ง สอง ซั่ม เริ่มมม!

                                                                                                                                                                                                                      สำหรับลูกค้าที่ซื้อ CoolSculpting แล้ว หยิบมือถือขึ้นกดพร้อมรับสิทธิ์พิเศษได้เลยค่ะ

                                                                                                                                                                                                                      1. สแกน QR code ที่คลินิกหลังการซื้อ
                                                                                                                                                                                                                      2. จากนั้นให้ลูกค้าทำการ Register เพื่อรับรหัสบัตรกำนัล โดยลูกค้าจะต้องกรอก
                                                                                                                                                                                                                        • ชื่อ – นามสกุล
                                                                                                                                                                                                                        • เบอร์โทรศัพท์
                                                                                                                                                                                                                        • อัพโหลดใบเสร็จที่มีการซื้อ เพื่อยืนยันหลักฐาน
                                                                                                                                                                                                                      1. ลูกค้าจะได้รับลิงก์ของรหัสบัตรกำนันเพื่อมาเข้ารับบริการในครั้งถัดไป
                                                                                                                                                                                                                      2. คลิกลิงก์เพื่อใช้รหัสบัตรกำนัลที่คลินิก

                                                                                                                                                                                                                      เพียงแค่นี้คุณก็จะได้เข้าร่วมรับ Promotion พิเศษ จากทางรมย์รวินท์ คลินิก ไปหนีบให้ขาสวยแซ่บสมใจได้แล้วนะคะ 

                                                                                                                                                                                                                      Coolsculpting สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง

                                                                                                                                                                                                                      Coolsculpting สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น

                                                                                                                                                                                                                      • ใบหน้า เช่น เหนียง ใต้คาง 
                                                                                                                                                                                                                      • นมน้อย ปีกหลัง 
                                                                                                                                                                                                                      • แขนด้านในและด้านนอก 
                                                                                                                                                                                                                      • หน้าท้อง ท้องส่วนล่าง 
                                                                                                                                                                                                                      • ต้นขาด้านใน ต้นขาด้านนอก 
                                                                                                                                                                                                                      • ไขมันใต้ก้น

                                                                                                                                                                                                                      เช็คกันหน่อยว่าเราเหมาะ Coolsculpting ข้อไหนกันบ้างนะ?

                                                                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ออกกำลังกายแล้ว แต่ก็ยังมีไขมันส่วนเกินที่ลดไม่ได้เสียที 
                                                                                                                                                                                                                      • คุณแม่หลังคลอดที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง 
                                                                                                                                                                                                                      • ผู้ที่มีความอยากลดไขมันเฉพาะจุดในส่วนที่เอาออกยาก และออกกำลังกายไม่ถึง 
                                                                                                                                                                                                                      • ผู้ที่อยากปรับรูปร่างอย่างรวดเร็วแต่ไม่อยากเสี่ยงกับการผ่าตัด ดูดไขมัน 
                                                                                                                                                                                                                      • ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นหลังการรักษา

                                                                                                                                                                                                                      ใครที่ต้องการปรับรูปร่าง กระชับสัดส่วน แต่ไม่มีเวลา หรือไม่อยากออกกำลังกายรีบมาทางนี้ โปรดีดีแบบนี้มีระยะเวลาจำกัดน้าาา

                                                                                                                                                                                                                      Coolsculpting ที่รมย์รวินท์คลินิกเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีแสนดี

                                                                                                                                                                                                                      รับโปรโมชันดีๆ ราคาสบายกระเป๋า แบบนี้ได้ที่รมย์รวินท์ คลินิกที่เดียวเท่านั้นนะคะ

                                                                                                                                                                                                                        • โปรนี้เริ่มตั้งแต่ 17 มิถุนายน 2567 ถึง 31 สิงหาคม 2567  เท่านั้น
                                                                                                                                                                                                                        • ทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
                                                                                                                                                                                                                        • ราคาโปรโมชัน สำหรับ 1 ท่านต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น
                                                                                                                                                                                                                        • จำนวนจำกัด 30 สิทธิ์เท่านั้น
                                                                                                                                                                                                                        • ผลลัพธ์ในการรักษาอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
                                                                                                                                                                                                                        • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดตรวจสอบรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที

                                                                                                                                                                                                                      *โปรโมชันสำหรับสำหรับสาขามาร์เช่ทองหล่อเท่านั้น

                                                                                                                                                                                                                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                        รมย์รวินท์คลินิกเข้าร่วมงานและพิธีรับรางวัล CLASSYS APAC AWARD

                                                                                                                                                                                                                        ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                        ประกาศศักดา ! รมย์รวินท์คลินิกคว้ารางวัลความสำเร็จ APAC AWARD (MPT) ที่งาน CLASSYS APAC SYMPOSIUM

                                                                                                                                                                                                                        เป็นอีกครั้งที่ทางรมย์รวินท์คลินิกแสดงศักยภาพเป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการคว้าเอารางวัล ASIA PACIFIC AWARDS OF PRODUCT ULTRAFORMER MPT และรางวัล APAC AWARD (MPT) จากงาน CLASSYS APAC SYMPOSIUM ครั้งที่ 5 กลายเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จด้านหัตถการยกกระชับกับเครื่อง Ultraformer MPT

                                                                                                                                                                                                                        ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                        ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                        เนื่องด้วยงานนี้เป็นความสำเร็จที่สำคัญสำหรับทางรมย์รวินท์คลินิก หมอออย – พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์  และ หมอผล – นพ.อธิวัชร อัศวภิวัฒน์ จึงเป็นตัวแทนจากรมย์รวินท์คลินิกขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้

                                                                                                                                                                                                                        โดยรางวัล ASIA PACIFIC AWARDS OF PRODUCT ULTRAFORMER MPT เป็นรางวัลในระดับเอเชียแปซิฟิคเป็นการการันตีในความสามารถ และประสิทธิภาพในการรักษาของรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                                                        ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                        บริษัท CLASSYS.inc ผู้จัดงาน เป็นผู้นำด้านธุรกิจความงามระดับโลกได้มีการจัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ภายใต้ชื่องาน The 5th CLASSYS APAC SYMPOSIUM – Leading the Paradigm Shift ซึ่งเป็นงานสัมมนาการบรรยายเชิงวิชาการเกี่ยวกับหัตถการและงานมอบรางวัลให้กับคลินิกเสริมความงามที่เหมาะสม และแน่นอนว่าทางรมย์รวินท์คลินิกก็สามารถคว้าเอารางวัล APAC AWARD (MPT) มาเป็นเครื่องหมายการันตีประสิทธิภาพการทำงานของทางคลินิก

                                                                                                                                                                                                                        ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                        งาน The 5th CLASSYS APAC SYMPOSIUM ได้จัดขึ้นที่ The Okura Prestige Bangkok hotel, Grand ballroom เมื่อวันศุกร์ ที่ 21 มิถุนายน 2567

                                                                                                                                                                                                                        สำหรับการรับรางวัล APAC AWARD (MPT) จากงานรับรางวัลครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงประสิทธิภาพและความสำเร็จของรมย์รวินท์คลินิก ซึ่งทางคลินิกมีการพัฒนาประสิทธิภาพของหัตถการและการบริการอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงการรักษามาตรฐานและผลลัพธ์ของหัตถการที่มีประสิทธิภาพ รางวัล APAC AWARD (MPT) จะเป็นความภูมิใจและแรงผลักดันให้กับรมย์รวินท์คลินิกและแพทย์ทุกท่านให้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่สมกับรางวัลที่ได้รับมา

                                                                                                                                                                                                                        ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                        นอกจากงานรับรางวัล รมย์รวินท์คลินิกยังเข้าร่วมฟังการบรรยายเชิงวิชาการที่งาน CLASSYS APAC SYMPOSIUM

                                                                                                                                                                                                                        ก่อนจะถึงช่วงพิธีมอบรางวัลที่งาน CLASSYS APAC SYMPOSIUM จะเป็นช่วงของงานบรรยายเชิงวิชาการ ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิกได้เข้าร่วมฟังการบรรยายเพื่ออัปเดตเทรนด์ความงามและเก็บเกี่ยวความรู้เพื่อนำมาพัฒนาการทำงานของทางคลินิก โดยเนื้อหาหลัก ๆ ของงานบรรยายเชิงวิชาการที่งาน CLASSYS APAC SYMPOSIUM มีดังนี้

                                                                                                                                                                                                                        ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                        • SESSION 1 : ULTRAFORMER MPT
                                                                                                                                                                                                                        • SESSION 2 : VOLNEWMER

                                                                                                                                                                                                                        รมย์รวินท์คลินิกมีโปรแกรมยกกระชับและแก้ปัญหาผิวหลากหลายทางเลือก รวมถึง Ultraformer MPT ที่เป็นนวัตกรรมยกกระชับช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย โดยพลังงานของเครื่องสามารถลงไปถึงผิวชั้น SMAS ช่วยยกหน้าแน่นกระชับ สร้างกรอบหน้า พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งช่วยทำให้ผิวอิ่มฟู เด้ง

                                                                                                                                                                                                                        การรับรางวัล APAC AWARD (MPT) เป็นส่วนที่การันตีผลงานด้านหัตถการด้วย Ultraformer MPT ที่มีประสิทธิภาพ แต่นอกจาก Ultraformer MPT ทางรมย์รวินท์คลินิกก็ยังมีโปรแกรมอื่น ๆ ที่ช่วย

                                                                                                                                                                                                                        ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                        จัดการปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด สำหรับคนที่มีปัญหาผิวและกำลังมองหาทางออกอยู่ สามารถปรึกษากับทางรมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

                                                                                                                                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                          โปรโมชัน Snore Laser ลดราคา 60%

                                                                                                                                                                                                                          Snore Laser

                                                                                                                                                                                                                          ลดสุดๆเพราะเห็นใจคนนอนข้างๆ Snore Laser

                                                                                                                                                                                                                          เบื่อมั้ย..ที่คุณเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน และอยากจะล้มตัวลงนอนพักผ่อน ก็ต้องได้ยินเสียงกรน ดังรบกวนจากคนข้างกาย มิหนำซ้ำบางที ก็ยังต้องมาตื่นกลางดึกอีก

                                                                                                                                                                                                                          ให้เปลี่ยนท่านอนก็แล้ว นอนหมอนสูงก็แล้ว ทำแบบทุกอย่างที่ใน Internet บอกว่าทำแล้วจะหายกรนก็ยังไม่หายสักที งานนี้รมย์รวินท์คลินิก แนะนะทางออกที่แก้ปัญหาได้แบบชะงัก จนใครๆก็อยากนอนด้วย

                                                                                                                                                                                                                          Snore Laser โปรแกรมรักษาอาการนอนกรนจากรมย์รวินท์คลินิก ที่ทำให้อาการนอนกรนดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก งานนี้จะมารักษาเอง หรือจูงมือคนที่นอนข้างๆเจ้าของเสียงกรนที่ดังลั่นอย่างกับฟ้าผ่า มาที่รมย์รวินท์คลินิกได้เลย !!

                                                                                                                                                                                                                          งานนี้จัดราคาให้แบบสบายกระเป๋า เอาให้เบาใจกันไปแบบถ้วนหน้า 

                                                                                                                                                                                                                          โปรโมชัน Snore Laser ที่คนชอบนอนกรน และคนข้างๆ ไม่ควรพลาด!

                                                                                                                                                                                                                          ทดลองทำ 1 ครั้ง ในราคาเพียง 9,900 บาท จากราคาปกติ 25,000 บาท 

                                                                                                                                                                                                                          แพ็กเกจสุดคุ้มที่ 1 – Snore Laser  5 ครั้ง ราคา 49,000 บาท 

                                                                                                                                                                                                                          แพ็กเกจสุดคุ้มที่ 2 – Snore Laser  15 ครั้ง ราคา 100,000 บาท 

                                                                                                                                                                                                                          พิเศษสุดๆ เพียงทักแชท! หารมย์รวินท์ คลินิก ที่ Line OA @Romrawinclinic ก็ได้รับโปรโมชันนี้ไปเลย !! 

                                                                                                                                                                                                                          โปรโมชันนี้สำหรับจองผ่านช่องทางออนไลน์ ช่องทางเดียวเท่านั้น !!

                                                                                                                                                                                                                          เรื่องกรนไม่ใช่เรื่องตลกแต่เป็นปัญหาใหญ่ต่อตัวคุณและคนรอบข้าง ต้องรีบจัดการก่อนสายเกินแก้!

                                                                                                                                                                                                                          ทำความรู้จัก Snore Laser

                                                                                                                                                                                                                          Snore Laser ช่วยแก้ปัญหานอนกรนได้อย่างไร? 

                                                                                                                                                                                                                          Snore Laser เป็นโปรแกรมที่ใช้เลเซอร์เออร์เบี่ยม Erbium : Yag laser for snoring ในการรักษาอาการนอนกรนมีคลื่นความถี่ของคลื่นพลังงาน 2,940 นาโนเมตร โดยการส่งพลังงานคลื่นให้พลังงานลงลึกถึงกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ ที่เป็นสาเหตุของเสียงกรนที่เปล่งออกมา

                                                                                                                                                                                                                          แพทย์จะทำการยิงลเซอร์ที่ เพดานอ่อนด้านในปาก กระพุ้งแก้ม รวมทั้งลิ้นไก่ เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวเกิดการหดตัว ทำให้หายใจง่ายมากขึ้นและหายนอนกรนในที่สุด

                                                                                                                                                                                                                          Snore Laser  เหมาะสำหรับใครบ้าง

                                                                                                                                                                                                                          • Snore Laser เหมาะสำหรับทั้งเพศชายและหญิงที่มีอาการนอนกรน ทุกกรณี
                                                                                                                                                                                                                          • Snore Laser เหมาะกับผู้ที่รักษาอาการนอนกรนด้วยวิธีอื่นแล้วไม่หาย

                                                                                                                                                                                                                          จุดเด่นของ Snore Laser

                                                                                                                                                                                                                          • Snore Laser ไม่ทำให้บาดเจ็บขณะทำการรักษา
                                                                                                                                                                                                                          • Snore Laser ไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้น
                                                                                                                                                                                                                          • Snore Laser ช่วยบรรเทาอาการกรน และรักษาอาการนอนกรนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
                                                                                                                                                                                                                          • Snore Laser ช่วยให้การนอนหลับกลับสู่ภาวะปกติ หลับได้ดียิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                                          • Snore Laser ใช้เวลาในการรักษาเพียง 30 นาที

                                                                                                                                                                                                                          รู้ข้อดีของ Snore Laser แบบนี้แล้วอย่าลืมจอง เพื่อความสัมพันธ์ในเวลานอนกับคนข้างกายที่ดี

                                                                                                                                                                                                                          ไม่อยากมีแล้วอาการนอนกรนต้องมารักษาด้วย Snore Laser กับรมย์รวินท์ คลินิกสิ ตอนนี้มีโปรโมชันพิเศษตลอดทั้งเดือนกรกฎาคมนี้ด้วยนะ!

                                                                                                                                                                                                                          หมายเหตุ

                                                                                                                                                                                                                            • โปรโมชันนี้ตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม 2567 เท่านั้น
                                                                                                                                                                                                                            • โปรโมชันนี้สำหรับจองผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น
                                                                                                                                                                                                                            • ผลการรักษาเฉพาะบุคคล
                                                                                                                                                                                                                            • สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่

                                                                                                                                                                                                                          *โปรโมชันนี้เฉพาะที่รมย์รวินท์ คลินิก สาขาชิดลม เท่านั้น

                                                                                                                                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                            Radiesse Plus (Reset Plus) คืออะไร ? ดีอย่างไร ?

                                                                                                                                                                                                                            Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                            Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                                                                                               


                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus (Reset Plus) คืออะไร ?

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus  (Reset Plus) ไม่ใช่ฟิลเลอร์เนื่องจาก Radiesse Plus ไม่ได้ผลิตจาก Hyaluronic acid (กรดไฮยาลูโรนิกแอซิต) แต่ผลิตจาก CaHA (ไมโครสเฟียร์เจลแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) ซึ่งเป็นสารที่ออกแบบมา เพื่อใช้ฉีดเพิ่มปริมาตรความหนาแน่นของกระดูกได้ คล้ายกับฟิลเลอร์เนื้อแข็ง หรือใช้เพื่อเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้เช่นกัน จึงถูกนำมาใช้ใน Radiesse (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              ในการสร้างให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และถูกนำมาใช้ใน Radiesse Plus ในการเติมชั้นโครงสร้างให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น มีความปลอดภัยเนื่องจาก Radiesse Plus ได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากถึง 3 ประเทศคือ US FDA (สหรัฐอเมริกา) EU FDA สหภาพยุโรป TH FDA และ (ประเทศไทย) เป็นผลิตภัณฑ์ที่แพทย์ความงามทั่วโลกใช้ในการรักษามาเป็นระยะเวลานานมากว่า 9 ปี ทั้งยังมีงานวิจัยสิ่งพิมพ์ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มากกว่า 220+ ฉบับ

                                                                                                                                                                                                                              รวมทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่จัดอยู่ในกลุ่มยาฉีดตัวแรกของโลกที่ได้รับรอง US FDA ในด้านการฉีด Jawline หรือบริเวณกราม และกรอบหน้า โดยแพทย์สามารถฉีด Radiesse Plus ในชั้นผิวหนังชั้นลึก หรือชั้นใต้ผิวหนังตามแต่ปัญหาที่ต้องการแก้ไข

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus (Reset Plus) มีองค์ประกอบคืออะไร?

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus ประกอบไปด้วยสาร CaHA (ไมโครสเฟียร์เจลแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) ที่ถูกนำมาแขวนลอยในเจล หรือ CMC gel และผสมยาชา (Lidocaine) 0.3% เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการ และตัวยา Radiesse Plus จะเป็นตัวยาที่มีความหนืดและมีความยืดหยุ่นสูง จึงส่งผลให้ตัวยานั้นมีความคงตัวมาก ไม่เคลื่อนที่ ทำให้เวลาแพทย์ทำการฉีดไปที่บริเวณไหนจะไม่มีการขยับหรือเคลื่อนตัว

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus (Reset Plus) จึงสามารถยกกระชับกรอบหน้าได้ ยกหน้าได้ ฉีดเพื่อปรับใบหน้าและรูปหน้าในชั้นโครงสร้างได้ ทำให้มีใบหน้าที่สวยงามอย่างใจต้องการ ทั้งยังทำให้ใบหน้าดูมีมิติโดยไม่ต้องพึ่งการแต่งหน้าอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus (Reset Plus) ใช้ฉีดในบริเวณใดของใบหน้าได้บ้าง ?

                                                                                                                                                                                                                              1. Radiesse Plus ใช้ฉีดบริเวณกรอบหน้า
                                                                                                                                                                                                                              2. Radiesse Plus ใช้ฉีดบริเวณโหนกแก้ม
                                                                                                                                                                                                                              3. Radiesse Plus ใช้ฉีดบริเวณแนวกราม
                                                                                                                                                                                                                              4. Radiesse Plus ใช้ฉีดบริเวณแนวขากรรไกร
                                                                                                                                                                                                                              5. Radiesse Plus ใช้ฉีดบริเวณคาง
                                                                                                                                                                                                                              6. Radiesse Plus ใช้ฉีดปรับโครงหน้า

                                                                                                                                                                                                                              ข้อดีของ Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              1. Radiesse Plus สามารถช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนได้
                                                                                                                                                                                                                              2. Radiesse Plus สามารถยกกระชับใบหน้าได้ในทันที
                                                                                                                                                                                                                              3. Radiesse Plus สามารถใช้เพื่อฉีดปรับโครงสร้างใบหน้าได้
                                                                                                                                                                                                                              4. Radiesse Plus มียาชา (Lidocaine) ลดความเจ็บในระหว่างทำ
                                                                                                                                                                                                                              5. Radiesse Plus สามารถเพิ่มมิติของใบหน้าได้แม้ไม่แต่งหน้า
                                                                                                                                                                                                                              6. Radiesse Plus สามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด
                                                                                                                                                                                                                              7. Radiesse Plus ใช้หน้าได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้น 
                                                                                                                                                                                                                              8. Radiesse Plus คงผลลัพธ์บนใบหน้ายาวนาน 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับบุคคล และการดูแล
                                                                                                                                                                                                                              9. Radiesse Plus สามารถตั้งทรงได้ดีมาก ปรับโครงหน้าชัด

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              ข้อเสียของ Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              1. Radiesse Plus ไม่สามารถฉีดบริเวณผิว เพื่อสร้างงานผิวได้
                                                                                                                                                                                                                              2. Radiesse Plus ไม่สามารถฉีดเพื่อเพิ่มวอลลุมได้

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              ใครเหมาะกับการฉีด Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              1. ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่ต้องการเพิ่มมิติให้ใบหน้า
                                                                                                                                                                                                                              2. ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่ต้องการเพิ่มความคมชัดให้กับโครงสร้างใบหน้า
                                                                                                                                                                                                                              3. ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ชายที่ต้องการกรอบหน้าที่ชัดเจน ช่วยเพิ่มความแมน ความคมเข้มมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                                              4. ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้า
                                                                                                                                                                                                                              5. ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่ต้องการมีสันกรามที่ดูคม
                                                                                                                                                                                                                              6. ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่ต้องการเพิ่มคอลลาเจนในบริเวณกรอบหน้า

                                                                                                                                                                                                                              ใครไม่เหมาะกับการทำ Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              1. ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีขึ้นไป
                                                                                                                                                                                                                              2. ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
                                                                                                                                                                                                                              3. ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร
                                                                                                                                                                                                                              4. ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง
                                                                                                                                                                                                                              5. ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนประกอบใด ๆ ของผลิตภัณฑ์
                                                                                                                                                                                                                              6. ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย และหยุดยาก

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              ข้อควรระวังในการฉีด Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              1. ผู้ที่ควรระวังในการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีด
                                                                                                                                                                                                                              2. ผู้ที่ควรระวังในการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่เป็นสิวอักเสบ หรือสิวหัวช้างในบริเวณที่ฉีด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด Radiesse Filler
                                                                                                                                                                                                                              3. ผู้ที่ควรระวังในการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่มีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT Scans ควรปรึกษาแพทย์โดยละเอียด
                                                                                                                                                                                                                              4. ผู้ที่ควรระวังในการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่มีประวัติของโรคเริม
                                                                                                                                                                                                                              5. ผู้ที่ควรระวังในการฉีด Radiesse Plus คือ ผู้ที่มีประวัติเกิดแผลคีลอยด์

                                                                                                                                                                                                                              *หากต้องการฉีด Radiesse Plus (Reset Plus) ควรปรึกษาแพทย์โดยแจ้งข้อมูลดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อทำการประเมินก่อนรักษา และเพื่อความปลอดภัยในการรักษาอย่างสูงสุด

                                                                                                                                                                                                                              การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              • ก่อนฉีด Radiesse Plus ควรศึกษาหาข้อมูลรวมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ว่ามีความเหมาะสมปัญหาของผู้เข้ารับบริการหรือไม่
                                                                                                                                                                                                                              • ก่อนฉีด Radiesse Plus ควรศึกษาหาข้อมูลรวมเกี่ยวกับคลินิกที่เข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                                                              • ก่อนฉีด Radiesse Plus ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหา และเตรียมตัวเข้ารับการรักษา
                                                                                                                                                                                                                              • ก่อนฉีด Radiesse Plus งดการทำหัตถการอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดแผลในบริเวณใบหน้า ขั้นต่ำ 2 สัปดาห์
                                                                                                                                                                                                                              • ก่อนฉีด Radiesse Plus ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
                                                                                                                                                                                                                              • ก่อนฉีด Radiesse Plus ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อเป็นการเตรียมผิวจากภายใน
                                                                                                                                                                                                                              • ก่อนฉีด Radiesse Plus ควรงดยาละลายลิ่มเลือดในผู้ที่มีการรับประทาน
                                                                                                                                                                                                                              • ก่อนฉีด Radiesse Plus ควรงดยาจำพวกที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเลือดออกมาก รวมทั้งอาจทำให้รอยช้ำหลังทำการฉีด

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              ขั้นตอนการฉีด Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              1. ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าและเก็บผม เพื่อความสะอาดก่อนการให้บริการ
                                                                                                                                                                                                                              2. หากกลัวเจ็บสามารถทายาชาทิ้งไว้ 30-40 นาที เพื่อบรรเทาความเจ็บระหว่างฉีดได้
                                                                                                                                                                                                                              3. ทำการเช็ดยาชา
                                                                                                                                                                                                                              4. แพทย์ฉีด Radiesse Plus
                                                                                                                                                                                                                              5. ผู้ช่วยพยาบาลใช่สำลีกดห้ามเลือดเป็นอันเสร็จ

                                                                                                                                                                                                                              การดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              • หลีกเลี่ยงการจับ ลูบ แตะ แกะ เกาผิวหน้าในบริเวณที่ฉีด
                                                                                                                                                                                                                              • งดการแต่งหน้าหลังฉีด 12 ชั่วโมง

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              อาการข้างเคียงหลังฉีด Radiesse Plus (Reset Plus)

                                                                                                                                                                                                                              • หลังฉีด Radiesse Plus อาจมีอาการบวมจากการฉีดได้เล็กน้อย โดยอาการเหล่านี้เป็นอาการปกติของการฉีด Radiesse Plus และจะสามารถหายได้เองภายใน 72 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวล
                                                                                                                                                                                                                              • หลังฉีด Radiesse Plus ผู้รับบริการอาจสัมผัสได้ถึงก้อนบริเวณผิวที่ฉีด ซึ่งก้อนดังกล่าวจะลดลงหลังจากฉีด Radiesse Plusไปแล้ว 2- 4 สัปดาห์
                                                                                                                                                                                                                              • หลังฉีด Radiesse Plus หากมีรอยช้ำ เขียว บวม สามารถประคบเย็นในวันแรก หลังจากนั้นค่อยทำการประคบอุ่น
                                                                                                                                                                                                                              • หลังฉีด Radiesse Plus สามารถทาหรือรับประทานยา ที่ช่วยลดอาการช้ำ หลังจากเข้ารับบริการได้
                                                                                                                                                                                                                              • หลังฉีด Radiesse Plus หากพบอาการผิดปกติอื่น ๆ ให้รีบพบแพทย์
                                                                                                                                                                                                                              • หลังฉีด Radiesse Plus หลีกเลี่ยงการจับ ลูบ แตะผิวหน้า หรือไปโดนในบริเวณที่ฉีด Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus (Reset Plus) สามารถคงผลลัพธ์อยู่ใต้ผิวได้นานเท่าไร

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นานถึง 12-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแล และสภาพผิวของแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus (Reset Plus) เห็นผลหลังทำนานเท่าไร

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse  Plus จะสามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้ทันที ในด้านของความคมชัดของบริเวณโหนกแก้ม ไลน์กราม ขากรรไกร กรอบหน้าหรือการปรับรูปหน้า เนื่องจากเนื้อของตัวยาที่เข้าไปทำหน้าที่คงสภาพอยู่ใต้ผิว แต่ตัวผลิตภัณฑ์จะค่อย ๆ ออกฤทธิ์ในการเสริมสร้างงานผิวในบริเวณที่ทำการฉีดไปให้สวย และมีคุณภาพผิวที่ดีมากยิ่งขึ้น ส่งผลต่อสภาพผิวในระยะยาวนั่นเอง

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus (Reset Plus) ต่างจาก Radiesse (Classic รุ่นธรรมดา) อย่างไร

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus มีความต่างจาก Radiesse Classic ในด้านส่วนประกอบ บริเวณที่ฉีด และผลลัพธ์ โดยจำแนกได้ ดังนี้ 

                                                                                                                                                                                                                              ส่วนประกอบของ Radiesse Plus และ Radiesse

                                                                                                                                                                                                                              • Radiesse  Plus มีส่วนประกอบ คือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ไมโครสเฟียร์ (Calcium Hydroxylapatite Microspheres)  CaHA microsphere  25-45 ไมครอน   30% ต่อ 1 โดส เจล Sodium carboxy-methylcellulose ขนาด(CMC)70%  และยาชา (Lidocaine)
                                                                                                                                                                                                                              • Radiesse มีส่วนประกอบ คือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ไมโครสเฟียร์ (Calcium Hydroxylapatite Microspheres)  CaHA microsphere  25-45 ไมครอน   30% ต่อ 1 โดส เจล Sodium carboxy-methylcellulose ขนาด(CMC)70%

                                                                                                                                                                                                                              บริเวณที่ฉีดของ Radiesse Plus และ Radiesse

                                                                                                                                                                                                                              • Radiesse Plus เหมาะกับการฉีดบริเวณ โหนกแก้ม กราม ขากรรไกร คาง
                                                                                                                                                                                                                              • Radiesse เหมาะกับการฉีดบริเวณ ผิวที่มีริ้วรอย ร่องลึก หลุม และความเหี่ยวย่น



                                                                                                                                                                                                                              ผลลัพธ์ของ Radiesse Plus และ Radiesse

                                                                                                                                                                                                                              • Radiesse  Plus ให้ผลลัพธ์ คือ การเพิ่มมิติและความคมชัดให้แก่ใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ แม้ไม่ได้แต่งหน้า
                                                                                                                                                                                                                              • Radiesse ให้ผลลัพธ์ คือ การมีคุณภาพผิวที่ดีมากยิ่งขึ้น ใบหน้าที่ยกกระชับ ลดริ้วรอยร่องลึก และหลุมต่าง ๆ บริเวณผิว

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus ทำร่วมกับ Radiesse (Classic รุ่นธรรมดา) ได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                                                              สามารถทำได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำแต่ละโปรแกรม หากต้องการฉีด Radiesse  Plus ร่วมกับ Radiesse ในวันเดียวกัน ควรทำคนละบริเวณ หากเป็นในบริเวณเดียวกัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อนัดวันเข้ามาทำอีกครั้ง

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus สามารถทำได้ตั้งแต่มีอายุกี่ปี

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse  Plus สามารถทำได้ตั้งแต่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป โดยสามารถปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่คลินิก เพื่อประเมินการรักษาได้ก่อนเข้ารับการรักษาอย่างละเอียด

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus เป็นโปรแกรมที่มีส่วนประกอบหลักของผลิตภัณฑ์ คือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่มีเนื้อแข็งกว่าฟิลเลอร์เนื้อแข็ง และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และเพิ่มปริมาตรในบริเวณใต้ผิวหนัง ส่งผลให้มีคุณภาพผิวที่ดีมากขึ้นไปพร้อม ๆ กับการปรับโครงสร้าง และเพิ่มมิติให้กับใบหน้า

                                                                                                                                                                                                                              ซึ่งมีความต่างจากฟิลเลอร์โดยทั่วไป ที่เป็นผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบหลัก คือ HA (Hyaluronic) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นเพียงการเติมเต็ม และทำให้ผิวดูชุ่มชื้น แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องการปรับโครงสร้าง และคุณภาพผิวในระยะยาว อีกทั้งฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งที่สุด ยังมีความแข็งน้อยกว่า Radiesse Plus อีกด้วย จึงทำให้ผลลัพธ์ในการสร้างความคมชัด เพิ่มมิติ ยกกระชับ Radiesse Plus สามารถทำได้มากกว่า

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus สามารถฉีดกับโบได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse  Plus สามารถทำร่วมกันกับโบ เนื่องจากให้ผลลัพธ์คนละอย่าง และฉีดลงชั้นผิวหนังคนละชั้น โดยโบเป็นการฉีดสารลงไปที่ชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อให้หยุดการทำงานของกล้ามเนื้อ ส่วน Radiesse  Plus เป็นการฉีด CaHA เพื่อสร้างมิติให้กับใบหน้า ทั้งโหนกแก้ม สันกราม กรอบหน้า และขากรรไกร หากทำร่วมกันจะยิ่งส่งผลดีอีกด้วย เนื่องจากจะยิ่งทำให้ใบหน้ามีสัดส่วนที่สวย และได้รูปมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ต้องได้รับกระประเมินรูปหน้า และความต้องการจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เนื่องจากปกติจะฉีดที่บริเวณกราม และใช้เพื่อลิฟต์กรอบหน้าเพื่อลด ในขณะเดียวกันกับ Radiesse  Plus ใช้เพื่อเพิ่มความชัดที่บริเวณกราม และกรอบหน้า

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus สามารถทำร่วมกับโปรแกรมกลุ่มเครื่องยกกระชับได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus สามารถทำร่วมกับเครื่องยกกระชับได้ โดยหากทำในวันเดียวกันควรทำโปรแกรมกลุ่มเครื่องยกกระชับก่อนค่อยฉีด Radiesse Plus เพื่อป้องกันการสลายของตัวยาและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากต้องการฉีด Radiesse Plus ก่อนแนะนำให้เว้นระยะตามคำสั่งแพทย์ค่อยกลับมาใช้บริการโปรแกรมยกกระชับ

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse Plus ฉีดร่วมกันกับฟิลเลอร์ทั่วไปได้หรือไม่

                                                                                                                                                                                                                              Radiesse  Plus สามารถทำร่วมกับฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปได้ ทั้งยังส่งผลให้ผลลัพธ์ในการแก้ไขปรับรูปหน้าได้ผลดีขึ้นอีกด้วย โดยการใช้ฟิลเลอร์ในการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้สายงาม และใช้ Radiesse Plus เพิ่มมิติในบริเวณโหนกแก้ม กราม ขากรรไกร และกรอบหน้า ส่งผลให้ใบหน้าทั้งสวยได้รูป และมีมิติในขณะเดียวกัน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพื่อให้ออกแบบรูปหน้า และประเมินการรักษาให้เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                                                                                              เหตุผล … ทำไมต้องทำ Radiesse Plus ที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                                                              1. รมย์รวินท์คลินิกมีคุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ ผู้เป็น KOL ของ Radiesse และ Radiesse Plus โดยตรง ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าทุกการให้บริการเป็นการให้บริการที่ดี เห็นผลที่สุด และปลอดภัยที่สุด สามารถทักแอดมิน เพื่อจองคิวรักษากับคุณหมอออยได้
                                                                                                                                                                                                                              2. รมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่เข้าอบรมการรักษาจาก Dr.Luis Perez แพทย์ชื่อดังจากประเทศจากบราซิล โดยจะต้องเป็นแพทย์เทรนเนอร์เท่านั้น จึงจะสามารถเข้ารับการอบรมในครั้งนี้ได้
                                                                                                                                                                                                                              3. รมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ที่ผ่านการเทรนสินค้ามากฝีมือ ในการรักษาผู้เข้ารับบริการมาอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา
                                                                                                                                                                                                                              4. รมย์รวินท์คลินิกเป็นคลินิกเสริมความงามที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน มีความน่าเชื่อถือ
                                                                                                                                                                                                                              5. รมย์รวินท์คลินิกมีสาขาในการให้บริการมากถึง 28 สาขาทั่วประเทศไทย  
                                                                                                                                                                                                                              6. รมย์รวินท์คลินิกใช้ผลิตภัณฑ์จาก merz-aesthetics ที่เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบได้ทาง  Link  นี้ https://www.merzaesthetics.co.th/search-result/
                                                                                                                                                                                                                              7. รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขามีความสะอาด ตรงตามหลักสาธารณสุข
                                                                                                                                                                                                                              8. รมย์รวินท์คลินิกมีพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในการด้านให้บริการและให้คำปรึกษา
                                                                                                                                                                                                                              9. รมย์รวินท์คลินิกเดินทางง่าย สามารถเลือกสาขาที่เหมาะกับความเหมาะสม สำหรับการเดินทางของแต่ละบุคคลได้
                                                                                                                                                                                                                              10. รมย์รวินท์คลินิกมีรางวัลการันตีมากมาย

                                                                                                                                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                งาน Revive Your Glow โดยมี “คิมโซฮยอน” มาเยือนงานนี้ด้วย !

                                                                                                                                                                                                                                revive

                                                                                                                                                                                                                                คิมโซฮยอน แบรนด์แอมบาสเดอร์ Revive บินลัดฟ้ามาร่วมงาน Revive Your Glow

                                                                                                                                                                                                                                ผู้นำด้านเทคโนโลยีความงามและเป็นบริษัทที่จัดจำหน่าย Belotero® Revive ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเติมผิวให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ Merz Aesthetics Thailand (บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย) จัดงาน “Revive Your Glow Event” กับคอนเซปต์Step Zero” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการดูแลผิวหน้าเพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนสมัยใหม่ที่ทุกอย่างมีความเร่งรีบ จึงต้องเตรียมผิวหน้าให้ต้องพร้อมอยู่เสมอ

                                                                                                                                                                                                                                revive

                                                                                                                                                                                                                                งาน Revive Your Glow เป็นงานรวมตัวครั้งสำคัญของแบรนด์แอมบาสเดอร์ Belotero Review โดยมีคิมโซฮยอน (Kim So Hyun) นางเอกสาวชื่อดังบินตรงจากประเทศเกาหลีใต้เพื่อมาเข้าร่วมงานในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ร่วมกับ ฟิล์ม ธนภัทร และ เกรซ กาญจน์เกล้า แอมบาสเดอร์ประเทศไทย ที่มาเข้าร่วมงานภายใต้คอนเซปต์ Step Zero การดูแลผิวสุขภาพดีเข้ากับไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน และร่วมแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ Belotero® Revive ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากและคุ้มค่าสำหรับผู้เข้าร่วมงานอย่างแน่นอน

                                                                                                                                                                                                                                Revive

                                                                                                                                                                                                                                งานนี้แพทย์จากรมย์รวินท์คลินิกนำทีมโดย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ (หมอออย) Merz KOL  ‍พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู (หมอบีบี), นพ.ศรัณยู บุญชัย (หมอแบงค์) และ พญ.ธันยรัตน์ หงวนศิริ (หมอแอ๊ม)  แพทย์ผู้มีประสบการณ์ประจำรมย์รวินท์คลินิก เดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย

                                                                                                                                                                                                                                โดยงานครั้งนี้จัดขึ้น ณ Ballroom, Capella Bangkok Hotel เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 เวลา 14:00 – 18:00 น.

                                                                                                                                                                                                                                revive

                                                                                                                                                                                                                                คอนเซปต์หลักของงานครั้งนี้คือ “Step Zero” เป็นวิธีการดูแลผิวที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เป็นเหมือนการเซ็ตซีโร่ผิวกลับไปขั้นตอนแรกเพื่อเตรียมการสำหรับงานผิวคุณภาพและการดูแลผิวแบบเร่งรีบ เนื่องจากทุกอย่างในสมัยนี้มักจะแข่งกับเวลาเสมอ เรื่องของผิวหน้าและการเตรียมตัวเอง ก็เช่นกัน ผลิตภัณฑ์ Belotero® Revive สารเติมเต็มผิวระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์จึงเป็นตัวช่วยที่จำเป็นต่อผิว เพราะออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เร่งรีบแต่งานผิวก็ยังคุณภาพดี

                                                                                                                                                                                                                                revive

                                                                                                                                                                                                                                นางแบบสาวคิมโซฮยอนในฐานะของแบรนด์แอมบาสเดอร์ Belotero® Revive ได้กล่าวถึงประสบการณ์การได้รับเชิญและเดินทางมาที่ประเทศไทย โดยเธอรู้สึกขอบคุณแฟนคลับสำหรับความรักและทุกการสนับสนุน รวมถึงบรรยากาศ ความอบอุ่นและสวยงามของประเทศไทยก็เป็นสิ่งที่เธอชอบมาก ๆ ผู้คนใจดี ส่วนในฐานะตัวแทนแบรนด์แอมบาสเดอร์ Belotero® Revive เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับเชิญมาและอยากให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ กับ Belotero® Revive

                                                                                                                                                                                                                                revive

                                                                                                                                                                                                                                นอกจากการกล่าวในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ แล้วนักแสดงสาวยังกล่าวถึงความงามของผิวที่เปล่งประกาย เริ่มจากการบำรุงทั้งภายในและภายนอก ที่มาจากการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ และการมีเวลาให้กับตัวเองในการบำรุงผิวและดูแลตัวเอง เริ่มจากดูแลผิวให้ชุ่มชื้น ทำความสะอาดผิวหน้า ดื่มน้ำให้เพียงพอ และ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเพื่อป้องกันผิว

                                                                                                                                                                                                                                revive

                                                                                                                                                                                                                                บรรยากาศภายในงานนับว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้และสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับการบำรุงผิวสมกับชื่องาน Revive Your Glow โดยทางรมย์รวินท์คลินิกได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ดี ๆ จากงานครั้งนี้ และอยากบอกต่อให้กับทุกท่านเกี่ยวกับ Belotero® Revive ที่เป็นฟิลเลอร์แบบ Dual Action ด้วยส่วนประกอบของกรดไฮยาลูรอนิค (HA) และสารกลีเซอรอล (Glycerol) ช่วยทำให้ผิวอิ่มฟูกักเก็บน้ำได้ดี และ ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดอาการระคายเคือง ผิวหน้ากลับมาสวยเปล่งประกายอย่างรวดเร็วตอบโจทย์ความเร่งรีบ อยู่นานถึง 9 เดือน

                                                                                                                                                                                                                                สามารถเข้ารับบริการงานผิวในขั้น Step Zero ด้วย Belotero® Revive ได้แล้วที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา สามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์

                                                                                                                                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse ( เรเดียสซ์ )และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse และ Radiesse Plus ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse และ Radiesse Plus ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                                  ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเรา อาจส่งผลต่อการดูแลผิวหน้า และความงามไม่ต่างกันเลย ด้วย Radiesse และ Radiesse Plus ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการความงาม ผู้ใช้บริการทุกคนที่สนใจในเรื่องของความสวยความงามควรจะต้องศึกษาหามูลให้ดีไม่ใช่เพียงแค่มองหาข้อดีข้อดี แต่จะต้องหาขู้มูลเกี่ยวกับข้อควรระวังต่าง ๆ ร่วมด้วย

                                                                                                                                                                                                                                  ผู้เข้ารับบริการมักจะต้องการแหล่งความรู้มากขึ้นเรื่อยๆในบทความนี้รมย์รวินท์คลินิกได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยว “การฉีด Radiesse” และ “การฉีด Radiesse Plus ” เพื่อประกอบการพิจารณา และการตัดสินใจ

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse (เรเดียสซ์) คืออะไร

                                                                                                                                                                                                                                  โปรแกรมฉีด เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่มีคุณสมบัติพิเศษ เนื่องจากไม่เพียงแต่ช่วยในด้านของการเติมเต็ม ยังช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้า และยังช่วยในการสร้างโครงสร้างภายในผิวที่ดีเยี่ยม เพื่อผลลัพธ์ที่ธรรมชาติมากขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                  การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เป็นวิธีการเสริมสร้างโครงสร้างผิวหนังทีดีที่สุดอีกตัวหนึ่ง โดยมีองค์ประกอบหลักของผลิตภัณฑ์คือแคลเซียมไฮโดรการ์บอเนต หรือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ ทำให้ผิวดูสม่ำเสมอ และมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                  ช่วยให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์ ด้วยผลลัพธ์ที่สามารถมองเห็นได้โดยทันทีหลังทำ และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการแก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้า ไม่แปลกใจที่การฉีด Radiesse นั้นเป็นโปรแกรมงานผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการความงามในปัจจุบัน

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะกับใครบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                  การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะกับบุคคลที่ต้องการมีผิวที่สวยและ แข็งแรงทุกมิติในระดับโครงสร้าง ผลิตภัณฑ์นี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับผู้เข้ารับบริการหรือคนไข้ที่มีปัญหาด้านใดบ้างดังนี้

                                                                                                                                                                                                                                  1. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง และยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                                                  2. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์)  เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย เนื่องจากโปรแกรมนี้สามารถเติมเต็มริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                                                  3. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะสมกับผู้ที่มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง และไม่มีประวัติการแพ้ยา หรือสารเคมี
                                                                                                                                                                                                                                  4. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะสมกับผู้ที่คนที่มีความต้องการเห็นผลลัพธ์ทันทีและจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลา

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับใครบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                  1. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติการแพ้ยา ที่มีสารประกอบโปรตีนอื่น ๆ ก่อนเข้ารับบริการควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
                                                                                                                                                                                                                                  2. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรง หรือคนที่มีโรคประจำตัวไม่แนะนำให้ทำหัตถการนี้ เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่สูงขึ้น
                                                                                                                                                                                                                                  3. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะผิวบอบบาง คนที่สุขภาพผิวไม่แข็งแรง ผิวแพ้ง่าย หรือมีรอยแตก ไม่เหมาะสมกับการเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                                                                  4. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับคนที่อายุมาก ในบางเคสการฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) สำหรับผู้ที่มีอายุมาก อาจมีความเสี่ยงต่ออาการแพ้ต่าง ๆ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย

                                                                                                                                                                                                                                  อย่างไรก็ตาม ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคำแนะนำของแพทย์อย่างละเอียดก่อนค่อยตัดสินใจ หากคนไข้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องโดยละเอียดแล้ว จะช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse กับคุณสมบัติที่มือใหม่ควรรู้

                                                                                                                                                                                                                                  คุณสมบัติของตัวยา Radiesse (เรเดียสซ์)

                                                                                                                                                                                                                                    1. กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

                                                                                                                                                                                                                                  หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญหลัก ๆ คือการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่น และความกระชับของผิว

                                                                                                                                                                                                                                    1. ให้ผลลัพธ์ยาวนาน

                                                                                                                                                                                                                                  ผลลัพธ์จากการฉีด สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลรักษาตัวเองหลังเข้ารับการทำหัตถการ

                                                                                                                                                                                                                                    1. ระดับความปลอดภัย

                                                                                                                                                                                                                                  ด้วยการใช้สารที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ จึงมีความปลอดภัยสูง และมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาแพ้ตัวยาน้อยมาก ๆ

                                                                                                                                                                                                                                    1. มีการใช้งานได้หลายจุดบนร่างกาย

                                                                                                                                                                                                                                  ตัวยาชนิดนี้สามารถใช้ได้หลากหลายบริเวณบนร่างกาย รวมถึงใบหน้า และมือ เพื่อปรับปรุงรูปร่าง และความยืดหยุ่นของผิว

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) คืออะไร

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse Plus ( เรเดียสซ์ พลัส ) มีสารประกอบหลักคือ แคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA) ซึ่งเป็นสารที่มีความปลอดภัย และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ต้องบอกก่อนเลยว่าสาร CaHA เป็นส่วนประกอบที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ ทำให้ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แถมยังมีความสามารถในการเข้ากันได้กับร่างกายสูง และมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                  แคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ (CaHA) คืออะไร

                                                                                                                                                                                                                                  หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับสารชนิดนี้ สาร CaHA ประกอบด้วยอนุภาคแคลเซียม และฟอสเฟตที่อยู่ในรูปแบบของเจล เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง สารนี้จะช่วยเติมเต็ม และยกกระชับผิวในทันที ในระยะยาว อนุภาคแคลเซียมจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และเต่งตึงขึ้น กระบวนการนี้ช่วยให้ Radiesse+ เป็นฟิลเลอร์ที่มีผลลัพธ์ยาวนาน และเป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส)เหมาะกับใครบ้าง

                                                                                                                                                                                                                                  การฉีด Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) นับว่าเป็นตัวเลือกแห่งการเสริมความงามที่มีคุณสมบัติทางกายภาพ และเคมีที่ดีที่สุด สำหรับบุคคลที่มีความสนใจในการปรับรูปหน้า หรือร่างกายโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่พึ่งมีดหมอ ซึ่งตัวยานี้มีส่วนช่วยให้ผิวหนังดูเต่งตึง และมีสมดุลในลักษณะที่ต้องการอาทิเช่น

                                                                                                                                                                                                                                  • ผู้ที่ใบหน้าขาดความกระชับ

                                                                                                                                                                                                                                  สำหรับการกระชับผิวหนัง เหมาะสำหรับผู้ที่มีการสูญเสียเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ใบหน้าไม่กระชับ หย่อนยาน

                                                                                                                                                                                                                                  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน

                                                                                                                                                                                                                                  สำหรับผลลัพธ์ที่ยาวนาน การฉีด Radiesse Plus ( เรเดียสซ์ พลัส ) มีประสิทธิภาพให้ผลลัพธ์ในระยะยาวนาน และช่วยให้ผิวหนังดูสมบูรณ์ และมีความยืดหยุ่นได้

                                                                                                                                                                                                                                  • ผู้ที่มีความต้องการปรับเปลี่ยนรูปหน้า

                                                                                                                                                                                                                                  สำหรับบุคคลที่มีความต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ปรับรูปทรงหน้าผาก ผิวหน้า และรักษาการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ

                                                                                                                                                                                                                                  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ

                                                                                                                                                                                                                                  หัตถการนี้ช่วยให้ผิวดูธรรมชาติ หลังเข้ารับบริการไม่ทำให้ใบหน้าเกิดรูปร่างที่ดูผิดธรรมชาติ แถมยังมีความยืดหยุ่นที่เหมาะสมกับโครงสร้างภายในของใบหน้าแต่ละคนอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความสมดุลให้กับลักษณะของใบหน้า

                                                                                                                                                                                                                                  สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความสมดุลของใบหน้า สามารถปรับลักษณะโครงสร้างของใบหน้าที่ไม่สมดุล ให้มีความสมส่วนมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ไม่เหมาะกับใคร ?

                                                                                                                                                                                                                                  แม้การฉีด Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) จะเป็นวิธีการเสริมความงามที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงก็ตาม แต่ก็ยังมีคนไข้บางกลุ่มไม่เหมาะสมหรือมีความเสี่ยงในการเข้ารับบริการนี้ คนไข้ในกลุ่มนี้คือกลุ่มของ

                                                                                                                                                                                                                                  • บุคคลที่มีประวัติแพ้ยา หรือแพ้สารประกอบในตัวยาบางชนิด

                                                                                                                                                                                                                                  คนไข้ที่มีประวัติแพ้สารเคมี ที่เป็นสารประกอบของ ตัวยาของ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

                                                                                                                                                                                                                                  • บุคคลที่มีภาวะแพ้หรือตอบสนองต่อการติดเชื้อง่าย

                                                                                                                                                                                                                                  คนที่มีภาวะแพ้ง่าย หรือมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแออาจมีความเสี่ยงสูง ต่อการเข้ารับบริการดังกล่าวอย่างไรก็ตามหากตัดสินใจเข้ารับบริการ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการรับบริการทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

                                                                                                                                                                                                                                  • บุคคลที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง หรืออยู่ในสภาวะเสี่ยงโรคต่างๆ

                                                                                                                                                                                                                                  บุคคลที่มีโรคเรื้อรัง หรืออยู่ในสภาวะเสี่ยงอาจได้รับผลกระทบที่ไม่คาดฝันจากการทำหัตถการนี้ จึงขอแนะนำให้คนไข้เข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินโอกาสการเกิดผลกระทบดังกล่าว รวมถึงความปลอดภัยในการเข้ารับบริการทุกครั้ง

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse อันตรายหรือไม่

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse และ Radiesse Plus ต่างกันอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                                   

                                                                                                                                                                                                                                  การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และการฉีด Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) อันตรายหรือไม่

                                                                                                                                                                                                                                  การตัดสินใจเกี่ยวกับการรับบริการ เพื่อเสริมสร้างโครงหน้า และลดเลือนริ้วรอยเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่ควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจคือความปลอดภัยของกระบวนการ บทความนี้จะช่วยให้คนไข้เข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัย และเปรียบเทียบความเสี่ยงกับประโยชน์ของการใช้งานเหล่านี้

                                                                                                                                                                                                                                  • ความปลอดภัยของบริการ

                                                                                                                                                                                                                                  เป็นสารเติมเต็มผิวที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA และมีประสิทธิภาพสูงในการปรับโครงหน้า และลดเลือนริ้วรอย ส่วนประกอบหลักของ Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) คือแคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (CaHA) ที่มีความปลอดภัยสูง และได้รับการยอมรับในการใช้งานมากว่า 10 ปี สารสำคัญใน Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ยังรวมถึง Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด ทั้งสองสารนี้ได้รับการทดสอบ และพิสูจน์ว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน

                                                                                                                                                                                                                                  • การเปรียบเทียบความเสี่ยงและประโยชน์

                                                                                                                                                                                                                                  การทำหัตถการนี้อาจมีความเสี่ยงบางประการ เช่น อาจเกิดบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่สามารถหายไปเองได้ในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเหล่านี้มีน้อยมาก และสามารถหายได้ทันทีหากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ประโยชน์ของการฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และการฉีด Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) รวมถึงการเสริมสร้างโครงหน้า และลดเลือนริ้วรอย นับเป็นเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้คนไข้เลือกใช้ เพื่อเสริมสร้างโครงหน้า และลดเลือนริ้วรอยเป็นกระบวนการที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ผู้รับการรักษาควรพิจารณาความเสี่ยง และประโยชน์ก่อนการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนับว่าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และผลลัพธ์ที่เหมาะสม

                                                                                                                                                                                                                                  การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) กับขั้นตอนการทำหัตถการ

                                                                                                                                                                                                                                  ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัย ขั้นตอนการฉีดประกอบด้วยหลายขั้นตอนดังนี้

                                                                                                                                                                                                                                  1. การปรึกษา และประเมินปัญหาผิว

                                                                                                                                                                                                                                  ก่อนเข้ารับบริการฉีด Radiesse ( เรเดียสซ์ ) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) แพทย์จะทำการปรึกษา และประเมินปัญหาผิวของผู้รับการรักษาอย่างละเอียด แพทย์ผู้ทำหัตถการจะสอบถามประวัติสุขภาพ ประเมินสภาพผิว และประเมินปัญหาผิวของคนไข้ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

                                                                                                                                                                                                                                  1. ขั้นตอนการเตรียมผิวก่อนทำหัตถการ

                                                                                                                                                                                                                                  การเตรียมผิวเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ผิวพร้อมรับการรับบริการ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดด้วยสารทำความสะอาด และสารฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้แพทย์อาจใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อทำให้บริเวณที่ฉีดชาขึ้นก่อนการฉีดจริงเพื่อลดอาการเจ็บปวดของคนไข้

                                                                                                                                                                                                                                  1. ขั้นตอนการทำหัตถการ

                                                                                                                                                                                                                                  ขั้นตอนการฉีดจะดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะทำการฉีดสารเติมเต็มลงไปในชั้นผิวหนังที่ต้องการแก้ไขความบกพร่อง โดยจะใช้ปริมาณที่เหมาะสม และปรับแต่งให้ผิวดูเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                  1. การดูแลหลังการฉีด

                                                                                                                                                                                                                                  หลังจากเข้ารับบริการ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลรักษาผิวอย่างละเอียด การดูแลหลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่นาน และป้องกันการเกิดปัญหาต่าง ๆ คำแนะนำที่มักจะได้รับหลังการฉีดประกอบด้วย

                                                                                                                                                                                                                                  • หลีกเลี่ยงการนวด หรือกดบริเวณที่ฉีด
                                                                                                                                                                                                                                  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อน หรือความเย็นจัด เช่น ซาวน่า หรือแสงแดดแรง ๆ
                                                                                                                                                                                                                                  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                                                  • รักษาความสะอาดผิว และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง

                                                                                                                                                                                                                                  หลังฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ใช้ระยะเวลา กี่วันจึงเริ่มเห็นผลลัพธ์

                                                                                                                                                                                                                                  การฉีดสารเติมเต็มผิวเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอย และเสริมสร้างโครงหน้าเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในวงการความงาม เนื่องจากเป็นสารเติมเต็มที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นที่รู้จักกันดี คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์)และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) กี่วันเห็นผล ?”

                                                                                                                                                                                                                                  ระยะเวลาการเห็นผลหลังการฉีด

                                                                                                                                                                                                                                  1. หลังทำหัตถการทันที

                                                                                                                                                                                                                                  หลังจากการฉีดตัวยา ผู้รับการรักษาจะเห็นผลลัพธ์บางส่วนทันที ผิวจะดูเต็มอิ่มขึ้น และริ้วรอยลึกจะดูตื้นขึ้น เนื่องจากสารเติมเต็มที่ถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังทำให้ผิวดูเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                  1. หลังจากเข้ารับบริการ 1-2 สัปดาห์

                                                                                                                                                                                                                                  ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการฉีด ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการปรับตัว และกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ดูชัดเจน และสมบูรณ์มากขึ้น ระยะเวลานี้ผิวจะดูเรียบเนียน และยืดหยุ่นขึ้น ส่งผลให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                  1. ผลลัพธ์ระยะยาว

                                                                                                                                                                                                                                  ตัวยามีความสามารถในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลรักษาของคนไข้ การสร้างคอลลาเจนใหม่จะทำให้ผิวดูเนียนนุ่ม และยืดหยุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                                                                                                                                                                                                                                  ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อผลลัพธ์หลังฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส)

                                                                                                                                                                                                                                  1. สภาพผิว และอายุของคนไข้

                                                                                                                                                                                                                                  สภาพผิว และอายุของคนไข้มีผลต่อระยะเวลาการเห็นผล และความคงทนของผลลัพธ์ ผิวที่มีคอลลาเจนปริมาณมากจะดูเป็นธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน คงสภาพผลลัพธ์หลังทำหัตถการได้ยาวนานกว่าโครงสร้างผิวที่มีปริมาณคอลลาเจนน้อย

                                                                                                                                                                                                                                  1. ปริมาณสารเติมเต็มและตำแหน่งที่ทำหัตถการ

                                                                                                                                                                                                                                  ปริมาณสารเติมเต็มที่ใช้ และตำแหน่งที่ฉีดมีผลต่อระยะเวลาการเห็นผล การฉีดในตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดและทักษะสูง เช่น ใบหน้า จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเป็นธรรมชาติมากกว่า

                                                                                                                                                                                                                                  1. การดูแลรักษา รวมถึงการปฏิบัติตัวหลังทำหัตถการ

                                                                                                                                                                                                                                  การดูแลรักษาผิวหลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่นาน และป้องกันการเกิดปัญหาต่าง ๆ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผลลัพธ์ดูดีและคงทน

                                                                                                                                                                                                                                  ฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ราคาเท่าไหร่ แพงไหม

                                                                                                                                                                                                                                  การรักษาริ้วรอย และการเสริมสร้างโครงหน้าด้วยสารเติมเต็มผิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน นับว่าเป็นสารเติมเต็มผิวที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นที่รู้จักกันดีในวงการความงาม สำหรับผู้ที่สนใจในการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คำถามที่มักจะเกิดขึ้นคือ “ฉีด Radiesse และฉีด Radiesse Plus ราคาเท่าไหร่ แพงไหม?” ในหัวข้อนี้จะมาเจาะลึกถึงรายละเอียดด้านราคารวมถึงการประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนเพื่อความงามว่าคุ้มค่าหรือไม่อย่างไร

                                                                                                                                                                                                                                  ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อราคาฉีด Radiesse และฉีด Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                                  1. ปริมาณที่ใช้
                                                                                                                                                                                                                                    • ราคาของจะขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ในการฉีด ปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการ และสภาพผิวของผู้รับการรักษา
                                                                                                                                                                                                                                  2. ตำแหน่งที่ฉีด
                                                                                                                                                                                                                                    • การฉีดในตำแหน่งที่ต้องการความละเอียด และทักษะสูง เช่น ใบหน้า อาจมีราคาสูงกว่าการฉีดในตำแหน่งอื่น
                                                                                                                                                                                                                                  3. สถานพยาบาล และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
                                                                                                                                                                                                                                    • ราคาอาจแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการ สถานพยาบาลที่มีชื่อเสียง และแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงมักมีราคาที่สูงมากกว่า
                                                                                                                                                                                                                                    • โปรโมชั่น และแพ็คเกจ
                                                                                                                                                                                                                                    • บางสถานพยาบาลอาจมีโปรโมชั่นหรือแพ็คเกจพิเศษที่ลดราคา Radiesse และ Radiesse+ หากต้องการรับบริการในราคาที่สบายกระเป๋า แนะนำให้ดูเป็นช่วงโปรโมชั่นของคลินิก

                                                                                                                                                                                                                                  เรทราคานี้เป็นราคาประมาณการที่อาจแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล และปริมาณที่ใช้จริง แนะนำให้สอบถามราคาโดยตรงจากสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ให้บริการเพื่อได้รับข้อมูลด้านราคาและโปรโมชั่นที่ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                  ความคุ้มค่าของการฉีด Radiesse และ Radiesse Plus

                                                                                                                                                                                                                                  การประเมินความคุ้มค่าในการใช้ ควรพิจารณาจากหลายปัจจัยดังนี้:

                                                                                                                                                                                                                                  1. ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
                                                                                                                                                                                                                                    • การฉีด Radiesse: เหมาะกับงานผิว เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                                                    • การฉีด Radiesse Plus: เหมาะกับงานโครงสร้าง เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงในระดับลึก ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
                                                                                                                                                                                                                                  2. วัตถุประสงค์การใช้งาน
                                                                                                                                                                                                                                    • การฉีด Radiesse: เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
                                                                                                                                                                                                                                    • การฉีด Radiesse Plus: เหมาะสำหรับการเสริมสร้างโครงหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น
                                                                                                                                                                                                                                  3. ความสะดวกสบาย
                                                                                                                                                                                                                                    • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บปวดในระหว่างการฉีดเนื่องจากไม่มีสารช่วยหล่อลื่น คนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
                                                                                                                                                                                                                                    • การฉีด Radiesse Plus: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายในระหว่างการฉีด
                                                                                                                                                                                                                                  4. ความปลอดภัย:
                                                                                                                                                                                                                                    • CaHA ที่เป็นส่วนประกอบหลักของตัวยาทั้งสองแบบนี้ เป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายมนุษย์ ทำให้มีความปลอดภัยสูง และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แต่อย่างใด

                                                                                                                                                                                                                                  ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

                                                                                                                                                                                                                                  1. ความชำนาญของแพทย์:
                                                                                                                                                                                                                                    • การฉีดสารเติมเต็มผิวต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม และปลอดภัย การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อผลลัพธ์ที่ได้
                                                                                                                                                                                                                                  2. การดูแลหลังการฉีด:
                                                                                                                                                                                                                                    • การดูแลรักษาผิวหลังการฉีดมีความสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่นาน และป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

                                                                                                                                                                                                                                  Radiesse และ Radiesse Plus เป็นสารเติมเต็มผิวที่มีประสิทธิภาพสูง และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แม้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่เมื่อพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่ได้ และความปลอดภัยในการใช้จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการดูแลผิวพรรณ และปรับโครงสร้างใบหน้าให้กลับมาดูอวบอิ่มอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                  อย่างไรก็ตาม การปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คนไข้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม และยังช่วยให้คนไข้เลือกใช้สินค้าหรือบริการของทางคลินิกได้ตรงกับความต้องการ และปัญหาผิวของคนไข้ได้อย่างดีที่สุดอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                  สรุป

                                                                                                                                                                                                                                  การฉีด Radiesse เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการงานผิว เนื่องจากแพทย์จะทำการฉีดตัวยาลงไปในชั้นผิวที่ตื้น บริการนี้ช่วยในเรื่องของการปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวสว่างใสอมชมพูได้อีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                  ส่วนการฉีด Radiesse Plus เหมาะกับงานโครงสร้าง ปรับรูปหน้า เพิ่มมิติใบหน้ามากกว่า เนื่องจากแพทย์ผู้ทำหัตถการจะฉีดตัวยาลงไปในชั้นที่ลึกติดกระดูกใบหน้าของคนไข้ นอกจากนี้สิ่งที่เพิ่มเข้ามายังมีในเรื่องของการผสมสาร Lidocaine ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดขณะทำหัตถการ ส่งผลให้คนไข้ที่เข้ารับการรักษาไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดระหว่างทำหัตถการ

                                                                                                                                                                                                                                  อย่างไรก็ตามก่อนเข้ารับบริการคนไข้ควรพบแพทย์ผู้ทำหัตถการทุกครั้ง ประเมินสภาพผิวหน้า รวมถึงปัญหาที่พบ เพื่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และหาแนวทางในการรักษาต่อไป

                                                                                                                                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                    เคล็ดลับความงาม ! เพียงเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์

                                                                                                                                                                                                                                    อาหารบำรุงผิว

                                                                                                                                                                                                                                    ผิวสวยเปล่งประกายดูดีมีออร่าย่อมเป็นความฝันสำหรับใครหลายคน เทรนด์ความงามใหม่ ๆ จึงเริ่มมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีควบคู่กับการทาครีมบำรุงเป็นประจำ บางคนเลือกมองหาผลิตภัณฑ์สกินแคร์ใหม่ ๆ เพื่อการบำรุงผิวที่ดียิ่งขึ้น หรือสำหรับบางคนมีผิวที่ดีอยู่แล้วก็แต่งแต้มความสวยด้วยเครื่องสำอาง แต่มีเทรนด์ความงามอีกรูปแบบที่ค่อนข้าง มาแรงและทุกคนสามารถทำตามได้ไม่ยาก คือ การรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และมีส่วนช่วยบำรุง ผิวพรรณ

                                                                                                                                                                                                                                    เนื่องจากอาหารที่เรารับประทานประจำเป็นทุกวันมักจะมีสารอาหารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณอยู่แล้ว แต่สำหรับอาหารบางประเภทเมื่อรับประทานมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายแทน เทรนด์การรับประทานอาหารจึงต้องเลือกทั้งอาหารที่เป็นประโยชน์และปริมาณที่เหมาะสม รมย์รวินท์คลินิกจึงอยากพาทุกคนมารู้จักกับอาหารต่าง ๆ ที่ช่วยถนอมผิวพรรณ และ ช่วยเติมสิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับร่างกาย

                                                                                                                                                                                                                                    กินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้ด้วยว่าอาหารสำคัญกับร่างกายแค่ไหน !

                                                                                                                                                                                                                                    อาหารผิว

                                                                                                                                                                                                                                    อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งร่างกายและผิวพรรณของเรา ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารที่คอยหล่อเลี้ยงร่างกายและผิวด้วยของเราที่ได้รับมาจากการรับประทาน และยังเป็นแหล่งพลังงานให้กับร่างกายอีกด้วย ลองสังเกตเวลาที่เราไม่ได้รับประทานอาหารเลยทั้งวัน เราจะรู้สึกเหนื่อยง่ายไม่มีแรง เนื่องจากเราไม่ได้รับสารอาหารบางประเภทที่เป็นพลังงานให้กับร่างกาย ซึ่งความสำคัญของอาหารที่มีต่อร่างกายสามารถสรุปออกมาได้ดังนี้

                                                                                                                                                                                                                                      1. อาหารเป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย : ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงานตลอดเวลาแม้แต่เวลาพักผ่อน เนื่องจากกระบวนการต่าง ๆ ภายในร่างกายยังคงทำงานแม้กระทั่งตอนหลับพักผ่อน เราจึงรวมรับประทานอาหารให้ครบ 3 เวลา เช้า/กลางวัน/เย็น
                                                                                                                                                                                                                                      2. อาหารช่วยเสริมสร้างร่างกายและผิวพรรณ : สารอาหารที่ได้รับมาล้วนถูกนำไปใช้เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย รวมถึงผิวพรรณของเรามีสารอาหารหลายอย่างที่มีส่วนช่วยเรื่องผิวและความงาม เช่น วิตามินบี, วิตามินซี, สังกะสี เป็นต้น
                                                                                                                                                                                                                                      3. สารอาหารช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดปัญหาผิว : สารอาหารที่ได้รับก็มีส่วนช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และผิวพรรณต่าง ๆ ที่มักจะมีริ้วรอยที่เกิดจากมลภาวะก็จะได้รับการซ่อมแซมด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากการทานอาหารที่เป็นประโยชน์

                                                                                                                                                                                                                                    จะเห็นเลยว่าอาหารที่เรารับประทานมีความสำคัญกับร่างกายเป็นอย่างมาก รมย์รวินท์คลินิกจึงอยากแนะนำอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ โดยทุกคนสามารถลองปรับเปลี่ยนวิธีการกินจากที่เป็นเมนูอะไรก็ได้ หันมาใส่ใจดูแลตัวเองตั้งแต่การรับประทานอาหาร

                                                                                                                                                                                                                                    7 อาหารช่วยให้ร่างกายแข็งแรงผิวพรรณสวยเปล่งปลั่ง !

                                                                                                                                                                                                                                    อาหารผิว

                                                                                                                                                                                                                                      1. โปรตีนจากเนื้อสัตว์ (ต้องไม่ติดมัน!)

                                                                                                                                                                                                                                    เนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบของอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสามารถพบได้จากหลากหลายเมนูที่เรารับประทานบ่อย
                                                                                                                                                                                                                                    ๆ แต่รู้หรือไม่ ? นอกจากโปรตีนแล้วเรายังได้รับคอลลาเจนจากการรับประทานเนื้อสัตว์
                                                                                                                                                                                                                                    ซึ่งคอลลาเจนนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความหยาบกร้านของผิว
                                                                                                                                                                                                                                    แต่ควรพยายามหลีกเลี่ยงเนื้อส่วนที่ติดไขมันเพราะอาจทำให้ร่างกายเกิดการสะสมไขมันมากเกินความจำเป็น

                                                                                                                                                                                                                                      1. มะเขือเทศ

                                                                                                                                                                                                                                    มะเขือเทศมีส่วนประกอบของสารไลโคปีนและวิตามินหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 1 บี 2,
                                                                                                                                                                                                                                    วิตามินซี, วิตามินเค และวิตามินเอ ซึ่งช่วยลดปริมาณฮอร์โมนทำให้ปัญหาสิว ฝ้า หน้าไม่กระจ่างใสลดลง
                                                                                                                                                                                                                                    รวมถึงช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV อีก นับว่ามีสารอาหารหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

                                                                                                                                                                                                                                      1. เนื้อปลาทะเล

                                                                                                                                                                                                                                    ปลาทะเลน้ำลึกอุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น คอลลาเจน โอเมก้า3 และกรดไขมันดี
                                                                                                                                                                                                                                    ซึ่งร่าง กายสามารถดูดซึมไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้ คอลลาเจนช่วยเรื่องผิวพรรณ
                                                                                                                                                                                                                                    ส่วนกรดไขมันดีจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

                                                                                                                                                                                                                                      1. ผลไม้ตระกูลส้ม

                                                                                                                                                                                                                                    หรือที่เรียกว่าผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น ส้ม เลม่อน เกรปฟรุต
                                                                                                                                                                                                                                    ซึ่งเป็นผลไม้ที่นับว่ามีคอลลาเจนและวิตามินซีสูงมาก แต่หลายคนอาจจะจำว่าผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวคือมีวิตามินซีสูง
                                                                                                                                                                                                                                    ซึ่งก็ไม่ถูกซะทีเดียวแนะนำให้เลือกรับประทานพวกส้มหรือเลม่อนเป็นหลักจะดีที่สุด
                                                                                                                                                                                                                                    เนื่องจากวิตามินซีที่ได้รับจากผลไม้ตระกูลส้มช่วยเรื่องผิวพรรณและป้องกันรังสี UV

                                                                                                                                                                                                                                      1. เบอร์รี่

                                                                                                                                                                                                                                    ผลเบอร์รี่มีสารพฤกษเคมีที่เรียกว่า “แอนโธไซยานิน” ปริมาณมาก
                                                                                                                                                                                                                                    โดยสารดังกล่าวมีส่วนช่วยเรื่องการบำรุงผิวให้ออกมาเปล่งปลั่ง
                                                                                                                                                                                                                                    และมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น ทำให้ผิวออก มาเรียบเนียน ปราศจากริ้วรอย

                                                                                                                                                                                                                                      1. ธัญพืชและถั่วต่าง ๆ

                                                                                                                                                                                                                                    ถั่วและธัญพืชนับว่าเป็นอาหารที่รวมเอาแร่ธาตุต่าง ๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นสังกะสี ทองแดง และ
                                                                                                                                                                                                                                    วิตามินบี 3 ซึ่งเป็นสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยบำรุงผิวพรรณ เติมคอลลาเจนให้กับร่างกาย
                                                                                                                                                                                                                                    โดยเราสามารถเลือกรับประทานถั่วหรือธัญพืชตามความชอบของเราได้เลย เช่น อัลมอนด์, ถั่วลิสง, งาดำ, งาขาว
                                                                                                                                                                                                                                    เป็นต้น

                                                                                                                                                                                                                                      1. น้ำผึ้ง

                                                                                                                                                                                                                                    บางคนติดดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มหวาน ๆ
                                                                                                                                                                                                                                    สามารถลองปรับเปลี่ยนมาเติมน้ำผึ้งเพื่อทดแทนความหวานจาก น้ำตาลได้ โดยน้ำผึ้งมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย
                                                                                                                                                                                                                                    ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม, ฟอสฟอรัส, วิตามินบี, วิตามินซี และสาร Humectant
                                                                                                                                                                                                                                    ที่ช่วยเรื่องการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว

                                                                                                                                                                                                                                    นอกจากรับประทานอาหารแล้วมาเติมสิ่งดี ๆ มีประโยชน์กับ การให้วิตามินผิว

                                                                                                                                                                                                                                    Iv Drip

                                                                                                                                                                                                                                    เคล็ดลับผิวสวยสุขภาพดีนอกจากการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว เรายังสามารถรับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวด้วยการเติม วิตามินผิวสูตรเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                                                                    • IV White Skin & Detox : เติมสารอาหารและวิตามิน บำรุงผิวสวย ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
                                                                                                                                                                                                                                    • IV White & Fresh : เติมวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส
                                                                                                                                                                                                                                    • IV Super Hydrate : สารสกัดจากพืช กรดอะมิโนและเปปไทด์ ช่วยสังเคราะห์ Collagen ผิวชุ่มชื้น
                                                                                                                                                                                                                                    • IV Detox : ปรับสมดุลร่างกาย ขับสารพิษ ช่วยฟื้นฟูสุขภาพพร้อมดูแลผิวพรรณให้สวยงาม

                                                                                                                                                                                                                                    นอกจากการให้วิตามินผิวแล้ว รมย์รวินท์คลินิกยังมีหัตถการต่าง ๆ ที่ช่วยเรื่องผิวพรรณและรูปร่างได้อย่างตรงจุด หากพบเจอปัญหาผิว สามารถปรึกษาปัญหาได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทั้ง 28 สาขา !

                                                                                                                                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                      รมย์รวินท์คลินิกรับรางวัล Pioneer of Morpheus 8 ที่งาน InMode Family Thailand

                                                                                                                                                                                                                                      morpheus8

                                                                                                                                                                                                                                      คว้ารางวัลตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการยกกระชับ Pioneer of Morpheus 8 การันตีความเป็นหนึ่งเดียวในงาน INMODE FAMILY THAILAND

                                                                                                                                                                                                                                      เป็นอีกหนึ่งผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ของรมย์รวินท์คลินิกในการเป็นผู้นำด้านการยกกระชับกับการคว้ารางวัล Pioneer of Morpheus 8 User มิติใหม่ของการยกกระชับทั้งรูปหน้าและรูปร่าง ที่งาน InMode Family Thailand by AMN ครั้งที่ 3 เป็นเครื่องหมายการันตีว่ารมย์รวินท์คลินิกประสบความสำเร็จนับเป็นอีกก้าวใหญ่ และยังเป็นก้าวสำคัญของรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                                                                      Morpheus8

                                                                                                                                                                                                                                      งานนี้คุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ประจำรมย์รวินท์คลินิก เป็นตัวแทนจากรมย์รวินท์คลินิกในการเข้ารับรางวัลอันทรงเกียรตินี้

                                                                                                                                                                                                                                      โดยงานรับรางวัลครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้ชื่อ InMode Family Thailand by AMN ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว งานครั้งนี้จัดขึ้นที่

                                                                                                                                                                                                                                      Morpheus8

                                                                                                                                                                                                                                      โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ชั้น 29  พิมานสยาม ฮอลล์  (29th Floor, Piman Siam Hall, The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok ) เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 20 มิถุนายน 2567

                                                                                                                                                                                                                                      Morpheus8

                                                                                                                                                                                                                                      รางวัล Pioneer of Morpheus 8 User จะกลายเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของทีมแพทย์และพนักงานที่รมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                                                                      นอกจากพิธีรับรางวัลยังมีการอัปเดตความรู้เกี่ยวกับความงามที่งาน InMode Family Thailand by AMN ครั้งที่ 3

                                                                                                                                                                                                                                      Morpheus8

                                                                                                                                                                                                                                      รมย์รวินท์คลินิกยังได้เข้าร่วมงานครั้งนี้เพื่ออัปเดตความรู้ด้านหัตถการและความงาม เพราะต้องการรักษามาตรฐานและพัฒนาความรู้ความสามารถเกี่ยวกับหัตถการและเทรนด์ความงามรูปแบบใหม่ให้ทันสมัยอยู่เสมอทั้งจากแพทย์ชื่อดังของไทยและต่างประเทศเพื่อนำความรู้ทั้งหมดที่ได้มาปรับใช้ในการรักษาคนไข้ และผู้เข้ารับบริการให้ได้รับสิ่งที่ดีสุดที่สุดในการเข้ารับการรักษาที่รมย์รวินท์คลินิกมีโปรแกรมยกกระชับหลากหลายทางเลือก

                                                                                                                                                                                                                                      Morpheus8

                                                                                                                                                                                                                                      ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้บริการว่าต้องการยกกระชับเฉพาะบริเวณไหน รมย์รวินท์คลินิกมีให้บริการทั้งบริเวณผิวหน้าและเรือนร่าง หากต้องการใช้บริการโปรแกรมยกกระชับสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางแพทย์ที่รมย์ารวินท์คลินิกได้เลย

                                                                                                                                                                                                                                      Morpheus8

                                                                                                                                                                                                                                      รมย์รวินท์คลินิกได้รับรางวัล Pioneer of Morpheus 8 User ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีมาตรฐานหัตถการของเครื่อง Morpheus ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยตามมาตรฐาน แต่นอกจาก Morpheus 8 แล้วทางรมย์รวินท์ยังมีโปรแกรมอื่น ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวของคุณได้อย่างเหมาะสม และหลังจากรับรางวัล Pioneer of Morpheus 8 ทางรมย์รวินท์คลินิกก็จะยังพัฒนาต่อไปเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน ความพึงพอใจและความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ

                                                                                                                                                                                                                                      Morpheus8

                                                                                                                                                                                                                                      สำหรับผู้ที่อยากมีร่างกายที่สวยเป๊ะและใบหน้าที่เต่งตึงปราศจากผิวหนังหย่อนคล้อย สามารถเข้ามาใช้บริการ ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา โดยเครื่อง Morpheus 8 นอกจากจะช่วยยกกระชับผิวหน้าแล้วยังสามารถกระชับสัดส่วนร่างกายตามตำแหน่งต่าง ๆ ได้ เช่น ท้องแขน หน้าท้อง หัวเข่า เหมาะสำหรับคนที่อยากมีผิวที่กระชับ อยากลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ลง หากคิดว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องริ้วรอยผิวหย่อนคล้อยสามารถปรึกษารมย์รวินท์คลินิกทั้ง 28 สาขา ได้แล้วตั้งแต่วันนี้





                                                                                                                                                                                                                                        วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                        Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว คืออะไร ?

                                                                                                                                                                                                                                        Ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                                        โปรแกรม Ultraformer MPT 4D Lift 200 แถม 200 เพียง 15,900.-

                                                                                                                                                                                                                                        – ฟรี ! ของแถมเพิ่ม 2 รายการ



                                                                                                                                                                                                                                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                          วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                                                                                                          BEFORE & AFTER

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT กรอบชัด หน้ายก ครบที่เดียว 
                                                                                                                                                                                                                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT
                                                                                                                                                                                                                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT
                                                                                                                                                                                                                                          ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล


                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิวคืออะไร?

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT หรือในชื่อเต็มคือ Ultraformer Micro-Pulse Technology โปรแกรมยกกระชับผิวหน้าอีกโปรแกรมหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมในระดับสูงในทั้งไทยและต่างประเทศ เป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัยในการรักษา และยังได้รับมาตรฐานการรับรองอย่างหลากหลายมาตรฐาน ทั้ง คณะกรรมการอาหารและยา ระดับสากลของประเทศเกาหลี (KFDA) และคณะกรรมการอาหารและยาประเทศไทย

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT มีความพิเศษอยู่ที่การลดไขมันใต้ผิวไปพร้อม ๆ กับการยกกระชับผิวได้ภายในเครื่องเดียว นับเป็นโปรแกรมที่ตอบโจทย์คนที่มีความกังวลเกี่ยวกับ ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีเหนียง มีแก้ม รวมทั้งมีไขมันสะสมบนใบหน้า ทำการยกกระชับโดยใช้พลังงานคลื่นเสียง Micro & Macro Focused Ultrasound หรือ MMFU ที่ทำการส่งพลังงานเสียงที่มีความเข้มข้นสูงลงสู้ชั้นผิวหนัง ด้วยความจำเพาะเจาะจงในชั้นความลึกของผิวหนังชั้นที่ต้องการ ส่งผลให้ผิวหน้าที่มีความหย่อนคล้อย เกิดความยกกระชับให้กรอบหน้ามีความชัดขึ้น ช่วยกระชับผิวหน้าที่ย้วย ไม่เฟิร์ม ให้กระชับมากขึ้น ช่วยกระชับไขมันที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง รวมทั้งยังช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ให้ผิวได้มีความแน่น อวบอิ่ม มีคุณภาพที่ดีมากขึ้น ด้วยสองพลังงานคลื่นเสียง

                                                                                                                                                                                                                                          1.Micro Focused Ultrasound

                                                                                                                                                                                                                                          เป็นพลังงานคลื่นที่มีคุณสมบัติช่วยยกกระชับใบหน้า ด้วยวิธีการส่งพลังงานคลื่นลงไปใต้ผิว ในระดับความลึก mm 3.0 mm และ 4.5 mm  พลังงานคลื่น Micro Focused Ultrasound เมื่อลงสู่ชั้นผิวหลังจากการปล่อยออกมานั้น จะมีพลังงานความร้อนสะสมในระดับความร้อน 65-70 องศาเซลเซียส โดยพลังงานความร้อนในระดับนี้สามารถลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน SMAS หรือ Superficial Muscular Aponeurotic System ที่ทุกคนทราบกันดีว่าเป็นชั้นผิวหนังที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดทำศัลยกรรม เมื่อ คลื่น Micro Focused Ultrasound ลงไปสู่ชั้น SMAS แล้ว ผิวหนังชั้นดังกล่าวจะเกิดการหดตัวลง อันเป็นเหตุผลให้ผิวหนังที่หย่อนคล้อย เกิดการกระชับ เรียบเนียน และเต่งตึงขึ้นนั่นเอง

                                                                                                                                                                                                                                          2.Macro Focused Ultrasound

                                                                                                                                                                                                                                          เป็นพลังงานคลื่นที่มีความเข้มข้นมากกว่าคลื่น Micro Focused Ultrasound ถึง 8 เท่าโดยการปล่อยคลื่นที่มีความร้อน 65-70 องศาเซลเซียส ลงไปในชั้นผิวที่มีความแตกต่างกันตั้งแต่ความลึก 6 mm, 9 mm และ 13 mm  โดยคลื่น Micro Focused Ultrasound จะลงไปสู่ใต้ผิว โดยการลดไขมัน ลดไขมัน และกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ส่งผลให้ผิวมีความเรียบเนียน ยกกระชับ และยืดหยุ่นมากขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                          สำหรับคลื่น Micro Focused Ultrasound เป็นคลื่นที่มักจะนิยมใช้สำหรับการลดสัดส่วน เรือนร่าง ไขมันสะสมตามต้นขา มากกว่าใบหน้า เนื่องจากเป็นพลังงานที่สูง

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT

                                                                                                                                                                                                                                          ลักษณะการปล่อยพลังงานคลื่นของ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่มีการปล่อยพลังงานอย่างหลากหลาย โดยแพทย์สามารถเลือกยิงได้ตามความเหมาะสมกับปัญหาของผู้เข้ารับบริการแต่ละคน โดยหลักการปล่อยพลังงานคลื่นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ช่วยยกประสิทธิภาพในการทำการยกกระชับได้มากขึ้น โดยสามารถจำแนกรูปแบบการปล่อยพลังงานของ Ultraformer MPT ได้ดังนี้

                                                                                                                                                                                                                                          1. NORMAL MODE (Normal Dot) เป็นการปล่อยพลังงานจาก Ultraformer MPT “เป็นเส้นประ” เป็นการยิงพลังงานเป็นลักษณะจุดไข่ปลา ที่มีขนาดเล็กเรียงตัวกันเป็นแถว
                                                                                                                                                                                                                                          2. MP MODE (Micro pulse) เป็นการปล่อยพลังงานจาก Ultraformer MPT “เป็นเส้นตรง”เป็นการยิงพลังงานเป็นลักษณะเส้นตรง โดยลักษณะการยิงแบบนี้จะเป็นการช่วยสะสมพลังงาน
                                                                                                                                                                                                                                          3. ULTRA BOOST MODE (Circular Dot) เป็นการปล่อยพลังงานจาก Ultraformer MPT “เป็นเส้นประวงกลม” ช่วยเข้ามาปรับสภาพผิวเรียบเนียนโดยเฉพาะ
                                                                                                                                                                                                                                          4. ULTRA BOOST MP MODE (Micro circular) เป็นการปล่อยพลังงานจาก Ultraformer MPT “เป็นวงกลม” ช่วยเรื่องงานผิวปรับให้ผิวดี มีความเรียบเนียน ช่วยสร้างคอลลาเจน ปรับผิวกระจ่างใส

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                                          หัวยิงของ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว สามารถยิงได้ในระดับความลึกเท่าไร

                                                                                                                                                                                                                                          หัวยิงของ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว มีด้วยกัน 7 ขาดระดับความลึก แบ่งได้ดังนี้

                                                                                                                                                                                                                                          1. หัวยิง Ultraformer MPT 1.5 mm. (ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม) ช่วยในการลดริ้วรอยที่มีขนาดเล็ก บริเวณรอบดวงตา บริเวณหางตา บริเวณมุมปาก รวมทั้งยังช่วยในการยกคิ้วที่ตกลงให้ยกขึ้นได้
                                                                                                                                                                                                                                          2. หัวยิง Ultraformer MPT 2.0 mm.ลักษณะหัวยิงคนละแบบกับ 1.5 mm. แต่ทำการยิงในระดับที่ลึกกว่า ให้ผลลัพธ์เหมือนกัน คือ ลดริ้วรอยที่มีขนาดเล็กบริเวณรอบดวงตา บริเวณหางตา บริเวณมุมปาก รวมทั้งยังช่วยในการยกคิ้วที่ตกลงให้ยกขึ้น แต่เป็นการยิงโดยพลังงานที่ลึกกว่า
                                                                                                                                                                                                                                          3. หัวยิง Ultraformer MPT 3.0 mm. (ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม) ช่วยในการยกกระชับผิวในระดับชั้นนอก และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
                                                                                                                                                                                                                                          4. หัวยิง Ultraformer MPT 4.5 mm. (ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม) เป็นการยิงที่ลงลึกในชั้นผิวถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ช่วยในการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย
                                                                                                                                                                                                                                          5. หัวยิง Ultraformer MPT 6.0 mm.ช่วยในการลดไขมัน ลดเหนียง แก้ม คางสองชั้น และไขมันส่วนเกินต่าง ๆ บนใบหน้า ในการหดไขมันทำให้ผิวตึงกระชับขึ้น
                                                                                                                                                                                                                                          6. หัวยิง Ultraformer MPT 9.0 mm.ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ที่มีการลดลงไป และยังช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วนในบริเวณที่ทำได้
                                                                                                                                                                                                                                          7. หัวยิง Ultraformer MPT 13.0 mm.สามารถช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวที่มีการลดลงไป และยังช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วนในบริเวณที่ทำได้ลึกกว่าหัวขนาดความลึก 9.0 mm.

                                                                                                                                                                                                                                          โดยลักษณะเด่นในการยกกระชับของ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว คืออะไร ?

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                                          ลักษณะเด่นในการยกกระชับของ Ultraformer MPT คือการยกหน้า 4 มิติ ในเพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้นคือ

                                                                                                                                                                                                                                          ขั้นตอนที่ 1

                                                                                                                                                                                                                                          1D Ultraformer MPT ช่วยยกผิวหน้าให้แน่นกระชับ และลดเลือนริ้วรอย

                                                                                                                                                                                                                                          แบ่งเป็นใบหน้าส่วนบน คือ ลดริ้วรอยหน้าผาก,ลดริ้วรอยรอบดวงตา, ลดถุง/ใต้ตา , ยกหางตา ด้วยหัว Ultraformer MPT ความลึก 1.5 และ 2.0 mm.

                                                                                                                                                                                                                                          ใบหน้าส่วนล่าง Ultraformer MPT จะช่วยปรับผิวแน่นเฟิร์ม, ยกกระชับใบหน้า, สร้างคอลลาเจน, ลดไขมันชั้นตื้น ด้วยหัว Ultraformer MPT ความลึก 3.0 และ 4.5 mm.

                                                                                                                                                                                                                                          2D Ultraformer MPT ช่วยสร้างกรอบหน้า

                                                                                                                                                                                                                                          ผิวหน้าแน่นเฟิร์ม, ยกกระชับใบหน้า , สร้างคอลลาเจน, ลดไขมันชั้นตื้น

                                                                                                                                                                                                                                          ขั้นตอนที่ 2

                                                                                                                                                                                                                                          3D Ultraformer MPT ช่วยสร้างกรอบหน้า

                                                                                                                                                                                                                                          ลดเนียง, ลดไขมัน, ปรับกรอบหน้าให้คมชัด

                                                                                                                                                                                                                                          ขั้นตอนที่3

                                                                                                                                                                                                                                          4D Ultraformer MPT ช่วยเก็บงานผิว

                                                                                                                                                                                                                                          กระชับรูขุมขนเนียนละเอียดทั่วหน้า ,ผิวกระจ่างใสสุขภาพดี

                                                                                                                                                                                                                                          จุดเด่นของ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่มีความปลอดภัย
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT มีหลากหลายระดับความลึกของหัว สามารถปล่อยพลังงานได้หลากหลายชั้นผิว
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT ใน 1 line สามารถปล่อยพลังงานออกมาได้ถึง 417 dots
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่ยิงเร็วกว่า Ultraformer รุ่นอื่น 2.5 เท่า จึงทำให้ใช้เวลาในการทำน้อยลง
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่สามารถลดไขมันได้พร้อมกับกระชับ
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่ไม่ทำลาย หรือส่งผลเสียต่อผิวโดยรอบ
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่สามารถกำหนดรูปแบบการปล่อยพลังงานได้อย่างแม่นยำ
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPTเป็นโปรแกรมที่ให้พลังงานความร้อนที่มีความละเอียด และมีความหนาแน่นกว่า Ultraformer รุ่นอื่นถึง 25 เท่า
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถกำหนดจุดที่ต้องการรักษาได้อย่างแม่นยำ
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT ใช้แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ ทั้ง ใบหน้าลำคอ เหนียง คางสองชั้น และลำตัว
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมยกกระชับที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้นแต่ให้ผลลัพธ์เทียบเท่า

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer mpt

                                                                                                                                                                                                                                          ข้อดีของการทำการรักษาโดย Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิวคืออะไร?

                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยในการยกกระชับผิวทั้งใบหน้า และร่างกายที่มีความหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยในการยกกระชับปรับ และเพิ่มกรอบหน้าให้เรียว ชัด คม เข้ารูป มีมิติมากขึ้น
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยลดไขมันบริเวณใบหน้า และร่างกายได้
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยในการลดริ้วรอย และร่องลึกได้
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยลดริ้วรอยร่องตื้นต่าง ๆ บนบริเวณใบหน้าได้
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยในการแก้ปัญหาผิวหน้า งานผิวที่มีคุณภาพไม่ดี เช่น รูขุมขนกว้างไม่กระชับเป็นบ่อเกิดของสิว ผิวหน้ามันได้
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ มีความปลอดภัยสูง น่าเชื่อถือ
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง แต่กลัวความเจ็บ หรือมีความกังวลในการเข้าคลินิกความงาม
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยยกกระชับได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผล และไม่เสียเวลาพักฟื้น
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ โดยไม่ต้องกังวลอาการต่าง ๆ
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถแต่งหน้าได้ทันที
                                                                                                                                                                                                                                          • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ  สามารถออกกำลังกายได้ทันที

                                                                                                                                                                                                                                          ข้อด้อยของ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิวคืออะไร?

                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT ไม่เห็นผลลัพธ์หลังการทำ 100%
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT ต้องให้เวลาผิวในการฟื้นฟู

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว สามารถใช้สำหรับการแก้ปัญหาในจุดไหนได้บ้าง?

                                                                                                                                                                                                                                          ด้วยความที่ Ultraformer MPT สามารถใช้ได้ทั้งแก้ปัญหาการยกกระชับ และยังช่วยในการลดไขมัน จึงสามารถทำให้ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งร่างกาย โดยสามารถแบ่งเป็นใบหน้า และเรือนร่างได้ ดังนี้

                                                                                                                                                                                                                                          1. Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว สามารถแก้ปัญหาบริเวณใบหน้าอะไรได้บ้าง?

                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหา ริ้วรอยบนหน้าผากได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยบริเวณหางตา ตีนการิ้วรอยบริเวณใต้ตาได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณคิ้ว และหว่างคิ้วได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณแก้ม และร่องแก้มได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยมุมปาก ร่องน้ำหมากได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ไขมันเยอะได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาไขมันใต้คางได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณลําคอได้

                                                                                                                                                                                                                                          2. Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว สามารถแก้ปัญหาบริเวณเรือนร่าง อะไรได้บ้าง?

                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาต้นแขนไม่กระชับ หย่อนคล้อยได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาหน้าท้องหย่อนย้วยไม่กระชับได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาหลังมีเนื้อ และมีไขมันสะสมได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาลดไขมันสะสมบริเวณรอบเอวได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาลดไขมันบริเวณเหนือหัวเข่าได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาลดไขมันสะสมบริเวณต้นขาได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาลดไขมันสะสมบริเวณน่องได้
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาเนื้อส่วนเกิน นมน้อย เนื้อปลิ้น บริเวณใต้รักแร้ได้

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว เหมาะกับใครบ้าง ?

                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีลําคอหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีรอยสร้อยคอ เหี่ยว ย่น
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่คิ้วตก จนใบหน้าดูเศร้า
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีหางตาตกจนใบหน้าดูเศร้า
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีหนังตาตก อันเนื่องมาจากวัยที่มากขึ้น หรือพันธุกรรม
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีขอบตาด้านล่างหย่อนคล้อย
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา หรือตีนกา
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ไม่คม
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า ทั้ง แก้ม เหนียง และใต้คาง
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำขาดความสดใส
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีผิวหลวม ไม่กระชับที่ต้องการสร้างคอลลาเจน
                                                                                                                                                                                                                                          • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบนร่างกาย แต่ไม่ต้องการแก้ปัญหาด้วยการผ่าตัดศัลยกรรม

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT

                                                                                                                                                                                                                                          การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ลดมันพร้อมยกกระชับผิว

                                                                                                                                                                                                                                          1. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ควรปรึกษาแพทย์ถึงความกังวล และสิ่งที่ต้องการทำการรักษา หากมีโรคประจำตัว หรือมีปัญหาผิวบาง ให้แจ้งแพทย์ เพื่อทำการปรับแผนการรักษา
                                                                                                                                                                                                                                          2. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ควรงดรับประทานยาในกลุ่มแอสไพริน ยาวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่าง ๆ
                                                                                                                                                                                                                                          3. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
                                                                                                                                                                                                                                          4. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                                                                          5. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผิวก่อนเข้ารับบริการ

                                                                                                                                                                                                                                          ขั้นตอนการทำ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                                                                                                                                                                                                                                          1. ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินแผนการรักษา โดยแพทย์จะประเมินจาก
                                                                                                                                                                                                                                            • ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวของแต่ละบุคคล หรือ Facial Sagging
                                                                                                                                                                                                                                            • ปัญหาความหนา ความหลวมของผิวในแต่ละบุคคล หรือ Skin Thickness
                                                                                                                                                                                                                                            • ปัญหาความหนาของชั้นไขมันบนใบหน้าในแต่ละบุคคล Facial Fat Pad Layer
                                                                                                                                                                                                                                            • ปัญหาแนวการยกผิวของใบหน้าของแต่ละบุคคล Facial Vector for Lifting
                                                                                                                                                                                                                                            • ปัญหาผิวอื่น ๆ ของแต่ละบุคคลร่วมด้วย หรือ Other skin conditions อาทิปัญหา รูขุมขนกว้าง ปัญหาหลุมสิว
                                                                                                                                                                                                                                              ปัญหาผิวหน้า ปัญหาฝ้ากระจุดด่างดำ ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ ที่อยู่บนใบหน้า
                                                                                                                                                                                                                                          2. ผู้ช่วยแพทย์ทำหน้าที่เตรียมใบหน้า ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงมือทำ
                                                                                                                                                                                                                                          3. ผู้ช่วยแพทย์ทำการแปะยาชา โดยทิ้งไว้ประมาณ 45-60 นาที
                                                                                                                                                                                                                                          4. ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาด้วย Ultraformer MPT
                                                                                                                                                                                                                                          5. แพทย์ทำ Ultraformer MPT ในระหว่างที่ทำ Ultraformer MPT ผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยจากการรักษาเท่านั้น
                                                                                                                                                                                                                                          6. ทำความสะอาดใบหน้าหลังทำ Ultraformer MPTเสร็จเรียบร้อย

                                                                                                                                                                                                                                          การดูตัวเองหลังการทำ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                                                                                                                                                                                                                                            • หลังการทำ Ultraformer MPT ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด ในระยะเวลา 4-5 วันแรก
                                                                                                                                                                                                                                            • หลังการทำ Ultraformer MPT ควรงดกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสกับความร้อน เช่น ซาวน่า การเล่นกีฬา แช่ออนเซ็น
                                                                                                                                                                                                                                            • หลังการทำ Ultraformer MPT ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อผิวที่ดี
                                                                                                                                                                                                                                            • หลังการทำ Ultraformer MPT หากมีอาการบวมแดง ทำการประคบเย็น เพื่อบรรเทาความเจ็บได้
                                                                                                                                                                                                                                            • หลังการทำ Ultraformer MPT หากมีอาการบวมบริเวณที่ทำ ควรนอนหมอนสูง เพื่อให้ลดอาการบวม ปกติแล้วอาการบวมสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน เป็นอาการปกติไม่ต้องกังวล


                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิวใช้เวลาในการเห็นผลนานเท่าไร?

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT สามารถเห็นผลหลังทำได้ในทันทีประมาณ 20% ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยสามารถรู้สึกได้ว่าใบหน้ามีความตึงมากขึ้น เมื่อส่องกระจกจะเห็นว่าใบหน้ามีความยกกระชับมากขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT

                                                                                                                                                                                                                                          หลังจากนั้น Ultraformer MPT ที่ทำการยิงลงสู่ผิวหน้าไปแล้วนั้น จะเริ่มทำการกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ใน 1-3 เดือน และสามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 6-8 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวการใช้ชีวิตประจำวัน และการดูแลของแต่ละบุคคล

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว ควรทำบ่อยแค่ไหน?

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT ควรทำทุก ๆ 3-6 เดือน เพื่อเป็นการคงสภาพความยกกระชับของใบหน้าให้คงที่ไม่หย่อนคล้อย รวมทั้งเพื่อความต่อเนื่องในการรักษา

                                                                                                                                                                                                                                          ULTRAFORMER MPT

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว เจ็บหรือไม่ ?

                                                                                                                                                                                                                                          การทำ Ultraformer MPT จะมีความเจ็บเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการทายาชาก่อนทำการรักษาเพื่อบรรเทาความเจ็บ จะมีเพียงความรู้สึกอุ่น ๆ และเจ็บจี๊ด ๆ ในระหว่างการทำ Ultraformer MPT เท่านั้น โดยความเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างที่ทำ เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องกังวลใจ

                                                                                                                                                                                                                                          Ultraformer MPT

                                                                                                                                                                                                                                          ทำ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว บริเวณใด ใช้จำนวน Lines เท่าไร ?

                                                                                                                                                                                                                                          จำนวน Lines ในการทำ Ultraformer MPT ขึ้นอยู่กับปัญหาและความกังวลของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ก่อนทำการรักษาควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินจำนวน Lines ในการรักษาอย่างแม่นยำ โดยสามารถประเมินจำนวน Lines ในการทำ Ultraformer MPT อย่างคร่าว ๆ ได้ ดังนี้

                                                                                                                                                                                                                                              • ทำ Ultraformer MPT ทั่วทั้งใบหน้า ใช้จำนวนประมาณ 400-600 Lines
                                                                                                                                                                                                                                              • ทำ Ultraformer MPT ในบริเวณหน้าผาก ใช้จำนวนประมาณ 100-200 Lines
                                                                                                                                                                                                                                              • ทำ Ultraformer MPT ในบริเวณรอบดวงตา ใช้จำนวนประมาณ 100-200 Lines
                                                                                                                                                                                                                                              • ทำ Ultraformer MPT ในบริเวณหน้าแก้มทั้ง 2 ด้าน ใช้จำนวนประมาณ 300-500 Lines
                                                                                                                                                                                                                                              • ทำ Ultraformer MPT ในบริเวณ คาง หรือเหนียง ใช้จำนวนประมาณ 200 Lines

                                                                                                                                                                                                                                          ULTRAFORMER MPT

                                                                                                                                                                                                                                          วิธีการเลือกคลินิกในการเข้ารับบริการ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิว ให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                                                                                                                                                                                                                                              1. เลือกคลินิกเสริมความที่ได้รับความน่าเชื่อถือ
                                                                                                                                                                                                                                              2. เลือกคลินิกเสริมความงามที่คร่ำหวอดในวงการมาเป็นระยะเวลายาวนาน
                                                                                                                                                                                                                                              3. เลือกคลินิกเสริมความงามที่ใช้ Ultraformer MPT เครื่องแท้ โดยสามารถตรวจสอบเครื่องแท้ได้ (สามารถตรวจสอบได้ ที่นี่ )
                                                                                                                                                                                                                                              4. เลือกคลินิกเสริมความงามที่มีความสะอาดถูกหลักกระทรวงสาธารณสุข
                                                                                                                                                                                                                                              5. เลือกคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐานในระดับสากล
                                                                                                                                                                                                                                              6. เลือกคลินิกที่มีการการันตีจากผู้ใช้บริการจริง

                                                                                                                                                                                                                                          ULTRAFORMER MPT

                                                                                                                                                                                                                                          รมย์รวินท์คลินิก มีให้บริการ Ultraformer MPT ลดไขมันพร้อมยกกระชับผิวในทุกสาขา ท่านใดมีความกังวลเรื่องใบหน้าไม่ยกกระชับ มีไขมันสะสมบนใบหน้า ที่ต้องการการยกกระชับอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นหน้า สามารถเข้ามาปรึกษาที่ได้รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาทั่วประเทศไทยทั้ง 28 สาขา พร้อมทั้งยังมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์พร้อมให้การบริการในทุกสาขา สามารถมั่นใจได้ว่าทุกการรักษาปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน

                                                                                                                                                                                                                                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                            วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                            รมย์รวินท์เข้าร่วมงานและคว้ารางวัล FILLMED Day & FILLMED Night

                                                                                                                                                                                                                                            FILLMED

                                                                                                                                                                                                                                            รมย์รวินท์คลินิกคว้ารางวัล TOP 3 MOST ART FILLER SYRINGE 23/24 2 ปีซ้อน ตอกย้ำความสำเร็จ

                                                                                                                                                                                                                                            เป็นที่ประจักษ์ในความยิ่งใหญ่ รมย์รวินท์คลินิกคว้าเอารางวัล TOP 3 MOST ART FILLER SYRINGE ประจำปี 2023/2024  2 ปีซ้อน เป็นการการันตีถึงความยิ่งใหญ่ ในด้านฝีมือ มาตรฐาน และคุณภาพ

                                                                                                                                                                                                                                            บริษัท FILLMED Laboratoires Thailand ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงามได้จัดงาน FILLMED Night เพื่อมอบรางวัลให้กับคลินิกเสริมความงามที่เป็นที่สุดในด้านการใช้ ART FILLER ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิกได้คว้าเอารางวัล TOP 3 MOST ART FILLER SYRINGE นับว่าเป็นที่ประจักษ์ถึงความสามารถและประสิทธิภาพการทำงานของทางรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                                                                            FILLMED

                                                                                                                                                                                                                                            เนื่องด้วยงานนี้เป็นเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของทางรมย์รวินท์คลินิก คุณหมอแวว  พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์ คุณหมอบีบี  พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู คุณหมอมุก  พญ.มุดาภา สนธิอัชชรา คุณหมอแพร  พญ.ธิรดา จิตตการ และคุณหมอมีมี  พญ.ลลดา คงปิยาจารย์ เป็นตัวแทนจากรมย์รวินท์คลินิกขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ด้วย

                                                                                                                                                                                                                                            โดยงาน FILLMED Night ได้จัดขึ้นที่ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์  (Bangkok Marriott Hotel The Surawongse) เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 19:30 – 22:00 น. โดยงานประกาศผลรางวัลจะถูกจัดขึ้นในช่วงเวลา 21:00 – 22:00 น.

                                                                                                                                                                                                                                            FILLMED

                                                                                                                                                                                                                                            ทุกรางวัลที่ทางรมย์รวินท์คลินิกได้รับ รวมถึรางวัล Top 3 most Art filler syringe in 2023/2024 ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จด้านการบริการและหัตถการของทางรมย์รวินท์คลินิก บ่งบอกถึงความชำนาญการ และความน่าเชื่อถือของทางคลินิก ด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการบริการและดูแลผู้ใช้งานทุกท่านอย่างเต็มที่ รมย์รวินท์คลินิกและแพทย์ทุกท่านจะตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ให้สมกับรางวัลที่ได้รับจากทาง FILLMED Laboratoires Thailand

                                                                                                                                                                                                                                            รางวัล Art of Filler ที่ได้รับจากทางบริษัท FILLMED Laboratoires Thailand นับว่าเป็นความภูมิใจสำหรับทางแพทย์และพัฒนาทุกคนที่รมย์รวินท์คลินิก โดยทางคลินิกจะรักษามาตรฐานการทำงานและพัฒนาให้ดียิ่งกว่าเดิม ในฐานะที่เป็นคลินิกที่ได้รับรางวัล TOP 3 MOST ART FILLER SYRINGE 23/24 เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน ทางรมย์รวินท์พร้อมให้บริการฉีด Filler รวมถึงหัตถการอื่น ๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพ

                                                                                                                                                                                                                                            FILLMED

                                                                                                                                                                                                                                            ในช่วงเช้างานประชุมวิชาการ FILLMED Day

                                                                                                                                                                                                                                            ช่วงเช้าก่อนพิธีรับรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับรมย์รวินท์คลินิก ทางคลินิกได้เข้าร่วมงาน FILLMED DAY : The art of Regeneration Global Masterclass เป็นงานสัมมนาและแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับหัตถการและเทรนด์ความงามของโลกปัจจุบัน

                                                                                                                                                                                                                                            โดยงานสัมมนาช่วงเวลากลางวัน ทางรมย์รวินท์คลินิกได้เข้าร่วมงานโดยมี พญ.วรรณวิมล วรรณรักษ์ (คุณหมอแวว) พญ.ช่ออัญชัญ ปัญญาเอกะวิทู (คุณหมอบีบี) แพทย์ผู้มีประสบการณ์ประจำรมย์รวินท์คลินิก และทีมแพทย์ประจำรมย์รวินท์คลินิกได้เข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย

                                                                                                                                                                                                                                            งานสัมมนาจัดขึ้นภายใต้ชื่อ FILLMED Day : The art of Regeneration Global Masterclass และได้รับเกียรติให้ความรู้ และการสอน จากแพทย์ระดับชั้นนำจากหลากหลายประเทศมาเป็นผู้บรรยายหัวข้อการสัมมนาครั้งนี้

                                                                                                                                                                                                                                            ทางรมย์รวินท์คลินิกได้เข้าร่วมงานครั้งนี้เพื่อเป็นการอัปเดตความรู้เกี่ยวกับหัตถการเพื่อนำมาพัฒนาและต่อยอดการทำงานของทางคลินิก โดยมีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการที่รมย์รวินท์คลินิก โดยสามารถเข้ารับบริการฉีด Filler FILLMED  โดยแพทย์ผู้มากประสบการณ์ได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาทั่วประเทศ

                                                                                                                                                                                                                                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                              วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                              CoolSculpting ลดไขมันคืออะไร ?

                                                                                                                                                                                                                                              COOLSCULPTING



                                                                                                                                                                                                                                              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                                วันที่สะดวกในการติดต่อ









                                                                                                                                                                                                                                                BEFORE & AFTER


                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting


                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting


                                                                                                                                                                                                                                                ฆ่าเซลล์ไขมัน พร้อม ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting

                                                                                                                                                                                                                                                ด้วยวิถีชีวิตสมัยใหม่ในยุคที่การดูแลตัวเองทำได้ยากมากขึ้นเนื่องจากเวลาที่บีบกระชั้นชิดในแต่ละวันทั้งรถติดทั้งงานที่สามารถทำได้ทุกที ทุกเวลา อาหารอร่อยที่เพียงแต่เดินออกมาหน้าบ้านก็เรียงรายกันเยอะแยะมากมายทำให้การดูแลรูปร่างเป็นสิ่งที่ยากมากขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                                ในทางกลับกันทุกสื่อโซเชียล ทุกคนกลับถ่ายรูปอวดหุ่นสวย ไม่ว่าจะเป็นใส่บิกินีในช่วงซัมเมอร์ใส่เสื้อผ้าตัวเล็กตามแฟชั่น ไม่ใช่แค่ดารานักแสดงเท่านั้น แต่เพื่อนในโซเชียลก็อวดหุ่นกันเหมือนกับว่าการดูแลรูปร่างในยุคสมัยนี้เป็นเรื่องง่ายเสียอย่างนั้น ไม่ว่าจะแต่งรูปก็แล้ว รีทัชรูปก็แล้วแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้เนียนจนคนรอบข้างจับโป๊ะไม่ได้

                                                                                                                                                                                                                                                จะดีกว่าไหมหากเราสละเวลาเพียง 35 นาทีต่อครั้งก็สามารถมีรูปร่างที่ดีได้ จนคนอื่นอิจฉา แถมยังเป็นรูปร่างดีที่ไม่ทำร้ายร่างกายและไม่ทำลายสุขภาพเนื่องจากมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการดูแลทุกๆขั้นตอนอย่างการทำการลดไขมันด้วยความเย็นกับ CoolSculpting ที่รมย์รวินท์คลินิกนั่นเอง

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting กับ ลดไขมัน ด้วยความเย็น คืออะไร?

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบและคิดค้นมาเป็นอย่างดีโดยการใช้หลักการฆ่าไขมัน และลดไขมันด้วยการใช้ความเย็นในการแทรกซึมสู่ชั้นผิวไปแทนที่ความร้อนที่ร่างกาย เพื่อให้เกิดการแปรเปลี่ยนสภาพของเซลล์ไขมันที่แทรกสะสมอยู่ในชั้นผิวให้เปลี่ยนสภาพเป็นผลึกน้ำแข็งจากการใช้ความเย็นเพื่อฟรีซไขมัน จากนั้นไขมันที่ถูกฟรีซก็จะค่อยๆลดออกตามระบบกลไกของร่างกาย และเมื่อไขมันดังกล่าวลดออกไปแล้ว ร่างกายก็จะมีการสั่งงานให้มีการจัดเรียงเซลล์ขึ้นใหม่ หรือเรียกอีกอย่างว่ากระบวนการนี้คือกระบวนการฆ่าไขมันนั่นเอง

                                                                                                                                                                                                                                                การลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดและฆ่าไขมันในร่างกายแต่ไม่มีเวลาหรือทำมาหลายวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่ลดเนื่องจากเป็นวิธีที่ทันสมัยและเป็นวิธีที่ร่างกายไม่ดื้อถึงแม้จะทำนานหรือบ่อยแค่ไหนก็ตาม ด้วยการใช้ Applicator ในการรักษาพร้อมกันถึง 2 จุดเพื่อเพิ่มพลังการฆ่าเซลล์ไขมันด้วยความเย็นแบบคูณ 2 ทั้งประหยัดเวลา และยังช่วยในการลดไขมันได้อย่างรวดเร็วกว่าโปรแกรมลดไขมันประเภทอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัย มีการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.มีการทำการวิจัยระดับโลกเพื่อเก็บตัวอย่างการรักษาของการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting  มากกว่า 20 ฉบับ

                                                                                                                                                                                                                                                CoolSculpting

                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting มีหลักการทำงานอย่างไร ?

                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ทำงานกับไขมันโดยวิธีการส่งความเย็นที่อยู่ในระดับขั้นสูงถึงจุดเยือกแข็ง เป็นความเย็นตั้งแต่อุณหภูมิ -11 ไปจนถึงอุณหภูมิ -13 °C (องศาเซลเซียส) ผ่านชั้นผิวหนัง เพื่อเข้าไปช่วยในการฟรีซไขมันซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการฆ่าและลดไขมัน ที่สะสมอยู่ทั่วทั้งเรือนร่าง โดยหลักการที่ว่าคือปกติของเซลล์ไขมันจะเป็นเซลล์ที่มีความอ่อนไหวสูง อีกทั้งเซลล์ไขมันยังเป็นสิ่งที่ไม่ทนต่อระดับความเย็นในระดับที่สูงมากๆ เมื่อเซลล์ไขมันถูกความเย็นในระดับที่มีอุณหภูมิติดลบทำการแทรกตัวเข้าไปภายในเซลล์ไขมันในระดับที่มีความสูงถึง -11 ถึง -13 °C (องศาเซลเซียส) เซลล์ไขมันดังกล่าวกลายเป็นเหมือนเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า Apoptosis หรือจัดเป็นภาวะการตายของเซลล์จากการถูกแช่แข็ง ที่เรียกกันว่าการฟรีซนั่นเอง ลักษณะนี้เป็นเหมือนการถูกฆ่าเซลล์ไขมัน โดยเซลล์ที่โดนความเย็นนั้นจะค่อยๆตายและลดตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting จะทำการลดหรือฆ่าเพียงแค่เซลล์ไขมันเท่านั้น จะไม่ทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่ออื่นๆที่อยู่ในบริเวณเดียวกันและบริเวณข้างเคียง

                                                                                                                                                                                                                                                กลไกการขับไขมันของการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ?

                                                                                                                                                                                                                                                เมื่อการลดไขมันด้วยความเย็นกับ CoolSculpting ได้ทำการฆ่าไขมัน และลดไขมันแล้ว ร่างกายจะมีกระบวนการกำจัดไขมันตามกลไกธรรมชาติ และขับออกมาในรูปแบบของเสียในร่างกายอาทิปัสสาวะ อุจจาระ โดยไม่ส่งผลให้ระบบขับถ่ายมีความปกติและไม่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                                ระดับความเย็นของการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อส่วนอื่นๆในร่างกายหรือไม่?

                                                                                                                                                                                                                                                ระดับความเย็นจากการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting  เป็นระดับความเย็นที่ผ่านการวิจัยมาเป็นอย่างดีแล้วว่าทำการฆ่าไขมัน และลดไขมันได้ แต่ไม่ทำอันตรายต่อผิวหนัง โดยไม่ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทำและบริเวณโดยรอบตาย  จึงสามารถมั่นใจได้ว่าในการรักษาปลอดภัยอย่างแน่นอน

                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ต่างจาก เครื่องลดไขมันด้วยความเย็นตัวอื่นอย่างไร ?

                                                                                                                                                                                                                                                  • Coolsculpting ได้การรับรองมาตรฐานจาก US FDA ได้เครื่องเดียว
                                                                                                                                                                                                                                                  • Coolsculpting มีงานวิจัยรับรองผลการรักษาและวิธีการรักษา
                                                                                                                                                                                                                                                  • Coolsculpting สามารถลดเซลล์ไขมันได้มากกว่า
                                                                                                                                                                                                                                                  • Coolsculpting มีความเสถียรเป็นอย่างมากทั้งตัวเครื่องและ Applicator

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting ลดไขมัน

                                                                                                                                                                                                                                                ข้อดีของการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting คืออะไร?

                                                                                                                                                                                                                                                การลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting นั้นสามารถเห็นผลลัพธ์ในการรักษาได้ทันทีหลังทำ และยังสามารถลดลงได้เรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเข้ารับบริการจนครบครอส

                                                                                                                                                                                                                                                โดยในการทำการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ครั้งแรกนั้นจะเห็นผลถึง 27-31% โดยประมาณ

                                                                                                                                                                                                                                                ผลข้างเคียงการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting คืออะไร ?

                                                                                                                                                                                                                                                การลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่ไม่มีผลข้างเคียงและไม่มีอันตราย จะมีเพียงอาการเหล่านี้เท่านั้น

                                                                                                                                                                                                                                                • อาจมีผิวบวม ช้ำ และแดง หลังจากทำ
                                                                                                                                                                                                                                                • อาจจะยังรู้สึกเสียวแปลบที่ผิวหลังจากทำ
                                                                                                                                                                                                                                                • อาจมีอาการผิวซีดชั่วขณะในระหว่างที่ทำ
                                                                                                                                                                                                                                                • อาจมีผิวที่มีก้อนแข็งจากการดูดของหัว Applicator
                                                                                                                                                                                                                                                • อาจมีอาการกดเจ็บที่ผิวหนัง หลังจากตอนทำ
                                                                                                                                                                                                                                                • อาจเกิดอาการเป็นตะคริวหลังทำ
                                                                                                                                                                                                                                                • อาจรู้สึกคันหรือแสบผิว
                                                                                                                                                                                                                                                • อาจมีรู้สึกตึงผิว

                                                                                                                                                                                                                                                โดยอาการเหล่านี้เป็นอาการเพียงชั่วคราวหลังทำการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting เท่านั้น โดยอาการดังกล่าวสามารถหายได้เองและไม่ก่อให้เกิดอันตรายตามมา

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting ลดไขมัน



                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting สามารถทำส่วนใดได้บ้าง?

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “Bra Fat ด้านหลัง”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “ต้นแขน”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “นมน้อยหรือหน้าอกผู้ชาย”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “ใต้แขน”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “หน้าท้อง”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “เอว”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “ห่วงยางรอบเอว”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “ต้นขาด้านใน”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “ต้นขาด้านนอก”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “เหนือหัวเข่า”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “แก้มก้น”

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting สามารถทำบริเวณ “ไขมันใต้ก้น หรือ Banana roll”

                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting เหมาะกับใครบ้าง ?

                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีรูปร่างที่ดีอยู่แล้วแต่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด 
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายแล้วยังมีไขมันที่สะสมตามอวัยวะต่าง 
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ลดไขมันยาก 
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีรูปร่างที่ได้สัดส่วน 
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการความลีน 
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการกลับไปรูปร่างเท่าตอนก่อนท้อง 
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันอย่างยั่งยืน 
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย 
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง 

                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ไม่เหมาะกับใคร ?

                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคแพ้ความเย็น อาทิผู้ที่เป็นลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมีอาการเลือดแข็งตัวผิดปกติ
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงอยู่ในช่วงระหว่างเป็นประจำเดือน
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับการผ่าตัดในระยะไม่ เกิน 6 เดือน
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไส้เลื่อน
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับเป็นผู้ป่วยที่พึ่งทำการผ่าตัดในบริเวณที่ต้องการลดไขมัน
                                                                                                                                                                                                                                                • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ติดอุปกรณ์การแพทย์ในร่างกาย อาทิ เครื่องกระตุ้นหัวใจ เป็นต้น


                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ใช้ระยะเวลาในการทำต่อครั้ง นานเท่าไร ?

                                                                                                                                                                                                                                                การลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ต่อ 1 บริเวณที่ทำการลดไขมัน นั้น จะมีหน่วยคำนวณเป็นไซเคิล (Cycle) สามารถกำจัดไขมันได้ครั้งละประมาณ 60-70 % ในการทำ และใช้เวลาในการทำต่อครั้งและต่อ Cycle เพียง 35 นาที เท่านั้นหากใช้ทั้ง 2 Applicator ก็จะเป็นการฆ่าไขมันและ ลดไขมัน ได้แบบคูณ 2 ซึ่ง เพียงพอต่อการฆ่าไขมันแล้วทั้งยังมีเอกสารงานวิจัยรองรับว่าระยะเวลา 35 นาทีที่กำหนดนี้เป็นระยะเวลาที่มีความเหมาะสมมากที่สุดในการฆ่าไขมันให้ตายและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย


                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?

                                                                                                                                                                                                                                                ลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ในแต่ละครั้ง จะสังเกตเห็นได้ว่า รูปร่างและสัดส่วนของผู้เข้ารับบริการจะลดลงได้ภายใน 3 – 4 สัปดาห์ และจะเริ่มเห็นผลได้อย่างชัดเจนภายใน 3 เดือน ทั้งนี้หากเข้ารับบริการไปแล้ว ควรกลับมาทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ในการรักษา ขั้นต่ำ 4 ครั้งต่อ 1 หลังจากนั้นสามารถกลับมา ทำการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ได้ในระยะเวลาที่ห่างขึ้นคือ 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในผลลัพธ์การรักษา

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting

                                                                                                                                                                                                                                                การเตรียมตัวก่อนทำการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting มีอะไรบ้าง?

                                                                                                                                                                                                                                                การทำ Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่สบายๆ สามารถเข้ามาทำการรักษาได้เลยโดยไม่ต้องเตรียมตัวอะไรก่อน

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting กับขั้นตอนในการลดไขมัน ด้วยความเย็นมีอะไรบ้าง ?

                                                                                                                                                                                                                                                1. ปรึกษาแพทย์ในบริเวณสัดส่วนที่ต้องการจะลดและแจ้งความกังวลเกี่ยวกับสัดส่วน เพื่อให้แพทย์พิจารณาและวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง
                                                                                                                                                                                                                                                2. ผู้ช่วยแพทย์จะทำการชั่งน้ำหนัก และวัดสัดส่วน เพื่อเก็บข้อมูลก่อนทำ
                                                                                                                                                                                                                                                3. ผู้เข้ารับบริการจะต้องเปลี่ยนชุด รวมทั้งถ่ายภาพสัดส่วนที่ทำการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
                                                                                                                                                                                                                                                4. ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดผิวเพื่อความสะอาด
                                                                                                                                                                                                                                                5. ทำเครื่องหมายเพื่อความแม่นยำในการติด Applicator
                                                                                                                                                                                                                                                6. ติด Applicator  อย่างแม่นยำ
                                                                                                                                                                                                                                                7. จากนั้นทำการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting

                                                                                                                                                                                                                                                ผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกท่าทาง ที่ผ่อนคลายที่สุดในระหว่างที่ทำ เนื่องจากต้องใช้เวลาถึง 35 นาที อาจให้พนักงานแนะนำท่าที่เหมาะสมได้ ในระหว่างที่ทำการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting อยู่นั้นสามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ตามปกติ

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting

                                                                                                                                                                                                                                                ความรู้สึกขณะทำการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting

                                                                                                                                                                                                                                                ความรู้สึกขณะทำการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting จะมีความรู้สึกเย็นบนผิวแต่เป็นความเย็นที่สามารถทนได้ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถแจ้งความต้องการและความกังวลต่อแพทย์ในขณะที่ทำการติด Applicator ได้ นอกจากความเย็นแล้วจะรู้สึกเหมือนผิวหนังถูกดูดบริเวณที่ติด  Applicator ด้วยแต่เป็นการถูกดูดที่ไม่เจ็บ ในทางกลับกันยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                                สำหรับความเย็นที่ออกมาจาก Coolsculpting  ลงผ่านผิวหนังนั้นเป็นพลังงานความเย็นที่ ผ่านการควบคุมเป็นอย่างดี และค่อยส่งผ่านผิวหนังลงไปสู่ไขมัน บริเวณต่างๆในร่างกายเพื่อให้ไขมันแข็งตัว

                                                                                                                                                                                                                                                Coolsculpting

                                                                                                                                                                                                                                                เปรียบเทียบการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting กับ โปรแกรมลดไขมัน

                                                                                                                                                                                                                                                โปรแกรมลดไขมันเป็นการฉีดตัวยาบางชนิดที่มีประสิทธิภาพในการลดไขมัน โดยอาจเป็นสารที่สกัดมาจากธรรมชาติหรือเป็นสารสังเคราะห์ โดยการฉีดลงสู่ชั้นไขมันเพื่อให้ตัวยาดังกล่าวเข้าไปทำหน้าที่ลดไขมัน ผลลัพธ์ในการทำก็คือบริเวณที่ทำการลดไขมันโดยบางตัวยาจะช่วยทั้งลดขนาดและกระชับผิวหนังไปในตัว แต่บางตัวยาจะช่วยเพียงลดไขมันอย่างเดียว ไม่ช่วยในการกระชับผิว อีกทั้งในท่านคนที่ทำไปอาจมีอาการเขียวช้ำ หลังทำอันเนื่องมาจากเข็มอีกด้วย ทั้งนี้ก่อนทำจะต้องหาข้อมูลให้ดีเพื่อไม่ให้บริเวณที่ทำการลดไขมันไปเกิดการหย่อนคล้อยหลังจากทำ

                                                                                                                                                                                                                                                โปรแกรม ลดไขมัน สามารถทำได้แทบจะครบทุกบริเวณในร่างกายที่มีไขมันสะสม อาทิเหนียงใต้คาง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้องเอว สะโพก หรือบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินอื่นๆ แต่บริเวณที่เป็นที่นิยมมากที่สุดจะเป็นบริเวณใบหน้าอย่างเหนียง แก้ม นั่นเอง

                                                                                                                                                                                                                                                ผลลัพธ์หลังการทำโปรแกรมลดไขมันจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากทำไปประมาณ 1สัปดาห์ สามารถเห็นผลอย่างชัดเจนประมาณ 1 เดือน และสามารถคงสภาพผลลัพธ์หลังการทำได้ 5-6 เดือนโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารของผู้เข้ารับบริการด้วยว่ารับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือไม่ รับประทานของหวานมากหรือไม่ หากรับประทานของมัน ของทอดก็จะทำให้เกิดไขมันสะสมกลับมาได้เร็วมากขึ้น และทำให้ต้องกลับมาทำการลดไขมันในระยะเวลาที่เร็วขึ้น

                                                                                                                                                                                                                                                เป็นโปรแกรมที่สามารถเห็นผลได้ในระยะเวลา 1 เดือนและจะลดลงเรื่อยๆหลังทำอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถคงผลลัพธ์ได้อย่างยาวนานโดยไม่โย่โย และไม่อันตรายทั้งนี้หลังจากทำการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ควรลดการรับประทานของทอดและอาหารมันเพื่อป้องกันการสะสมใหม่ของไขมัน

                                                                                                                                                                                                                                                เปรียบเทียบการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting กับ Carboxy Therapy

                                                                                                                                                                                                                                                Carboxy Therapy เป็นการลดไขมันโดยการฉีดก๊าซ Carbon dioxide (CO2)  วิธีการคือใช้ก๊าซดังกล่าว ต่อกับเข็มฉีดยา จากนั้นทำการเจาะผิวและฉีดก๊าซลงไปที่บริเวณใต้ผิวหนังเพื่อให้เกิดกระบวนการ Oxidative Lipolysis หรือเพื่อให้เกิดกระบวนการลดไขมันที่สะสมอยู่ภายใต้ผิว รวมทั้งลดขนาดของไขมัน ทำให้ ช่วยลดขนาดรูปร่างสัดส่วนมีความกระชับ ลดรอยแตกลายจากไขมันและลดผิวเปลือกส้ม อันเป็นสาเหตุของผิวเป็นคลื่น ขรุขระไม่เรียบเนียน ทำให้กลับมาสวยงามเรียบเนียนอีกครั้ง ระหว่างทำอาจมีความเจ็บจากการเจาะผิวและฉีดก๊าซ

                                                                                                                                                                                                                                                Caboxy Therapy เป็นโปรแกรมที่จะเป็นจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกๆ 1-2 สัปดาห์ และต้องทำให้ครบ 5-10 ครั้ง ถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลง และเมื่อทำครบจะสามารถลดปริมาณไขมันได้ 30% โดยประมาณ  ในขณะที่การลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting นั้นหลังจากเข้ารับบริการในครั้งแรกก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเห็นได้ชัด และจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเมื่อครบระยะเวลา 3 เดือนอีกทั้งยังสามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นานหากทำการควบคุมอาหารควบคู่

                                                                                                                                                                                                                                                เปรียบเทียบการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting กับเครื่องนวดยกกระชับสัดส่วน

                                                                                                                                                                                                                                                เครื่องนวดกระชับสัดส่วน ที่ดีนั้นจะต้องเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐานและผ่านงานวิจัยและทดสอบทางการแพทย์ รวมทั้งเครื่องนวดกระชับสัดส่วนจะถูกจัดกลุ่มให้เป็นเครื่องมีแพทย์ที่มีการควบคุมเป็นพิเศษ โดยปกติแล้วสถาบันที่มีการให้บริการเครื่องนวดกระชับสัดส่วนจะไม่มีเอกสารดังกล่าว ไม่มีการดูแลและกำกับการรักษาจากแพทย์ รวมทั้งยังไม่มีการจดทะเบียนบริษัทในรูปแบบคลินิกเวชกรรม จึงจัดเป็นสถานบริการในการกระชับรูปร่างที่ไม่ได้มาตรฐานเนื่องจากไม่มีเครื่องมือแพทย์นั่นเอง

                                                                                                                                                                                                                                                สถาบันดังกล่าวจึงเป็นสถาบันที่จะใช้การนวดในลักษณะที่เป็นเพียงการนวด ร้อน-เย็น ในรูปแบบพลังงานต่ำหรือพลังงานอ่อน โดยการนวดในลักษณะนี้เป็นการนวดในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในระยะยาวเนื่องจากเป็นเพียงการนวดเพื่อรีดน้ำในร่างกายที่สะสมออกจนทำให้ร่างกายบวมออกนั่นเอง โดยวิธีนี้จะให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราว เพียงแค่ 3-7วันเท่านั้นไม่ได้เป็นผลลัพธ์ถาวร แม้จะทำการคุมอาหารควบคู่กันไปก็ตาม

                                                                                                                                                                                                                                                ในขณะที่การลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting จะทำการกำจัดไขมัน โดยการฆ่าไขมันและลดไขมันออกไปจากร่างกายไม่ใช่เพียงแต่การรีดน้ำเท่านั้น จึงทำให้มีผลลัพธ์ในการรักษาที่ถาวร

                                                                                                                                                                                                                                                เปรียบเทียบการลดไขมัน ด้วยความเย็นกับ Coolsculpting กับการออกกำลังกาย

                                                                                                                                                                                                                                                การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่เราทุกคนล้วนแล้วแต่ทราบกันดีว่าสามารถใช้ในการลดสัดส่วนได้แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำได้ เนื่องจากในบางคนไม่มีเวลาที่มากพอ หรือบางคนไม่มีพื้นที่ในการออกกำลังกายเฉพาะสัดส่วนที่ต้องการเป็นต้น

                                                                                                                                                                                                                                                โดยการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่สามารถทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายได้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ หรือหากใครที่ไม่สะดวกที่จะออกกำลังกาย เนื่องจากไม่มีเวลาการลดไขมันด้วยความเย็นกับ Coolsculpting ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์เนื่องจากใช้เวลาในการทำแต่ละครั้งเพียงแค่ 35 นาที เหมาะแก่ผู้ที่ไม่มีเวลาว่าหรือสามารถทำงานในโทรศัพท์มือถือควบคู่กันไปได้ด้วย นับเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและเหมาะสมกับผู้ที่ไม่มีเวลาว่างอีกด้วย

                                                                                                                                                                                                                                                รมย์รวินท์คลินิกผู้นำด้านความงามอย่างครบวงจรมีประสบการณ์มากมายในการดูแลรูปร่างและลดไขมัน มีแพทย์ในการดูแลและควบคุมในทุกขั้นตอน ทั้งยังมี Specialist ในการดูแลรูปร่างโดยเฉพาะจึงทำให้ผู้เข้ารับบริการทุกท่านมีความเชื่อถือได้ว่าทุกการให้บริการเป็นการบริการที่ได้มาตรฐาน โดยผู้ที่มีความรู้และได้รับการอบรมในตัวโปรแกรมมาอย่างถูกต้องตามหลักการและปฏิบัติทั้งยังมีสาขาไว้รองรับทั่วทั้งประเทศไทย พร้อมให้ความสะดวกสบายแก่ผู้เข้ารับบริการทุกท่าน

                                                                                                                                                                                                                                                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                                  วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิก สนับสนุนสมรสเท่าเทียม

                                                                                                                                                                                                                                                  equal marriage

                                                                                                                                                                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิก สนับสนุนสมรสเท่าเทียม

                                                                                                                                                                                                                                                  เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ได้มีการประกาศกฏหมายการสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ รมรวินท์คลินิกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยสามารถทำได้เป็นประเทศแรกในอาเซียน และสนับสนุนให้ทุกคนยอมรับในความเท่าเทียม

                                                                                                                                                                                                                                                  ยุคปัจจุบันที่ความหลากหลายได้รับการยอมรับมากขึ้น คำว่า “สมรสเท่าเทียม” ได้กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ไม่เพียงแต่ในวงการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในวงการความงามด้วย หนึ่งในสถาบันความงามชั้นนำของประเทศไทยที่สนับสนุนและยอมรับความหลากหลายทางเพศอย่างเต็มที่คือรมย์รวินท์คลินิก

                                                                                                                                                                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิกเป็นสถาบันความงามที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ด้วยความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านความงาม รมย์รวินท์คลินิกไม่เพียงแต่ให้บริการที่มีคุณภาพ แต่ยังยึดมั่นในหลักการที่ว่าทุกคนควรได้รับการดูแลและบริการอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าพวกเขาจะมีเพศสภาพหรือความต้องการในด้านความงามอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                                                  สมรสเท่าเทียมคืออะไร

                                                                                                                                                                                                                                                  สมรสเท่าเทียมคือการที่คู่รักทุกคู่ ไม่ว่าจะเป็นคู่รักเพศเดียวกันหรือคู่รักต่างเพศ ได้รับสิทธิเสรีภาพในการแต่งงานอย่างเท่าเทียมกัน กฎหมายสมรสเท่าเทียมช่วยให้คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศสามารถแต่งงานและสร้างครอบครัวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

                                                                                                                                                                                                                                                  กฏหมายสมรสเท่าเทียม มีความสำคัญอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                                                  การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมเป็นการยอมรับความหลากหลายทางเพศในสังคมอย่างแท้จริง โดยจะมีการปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายเพื่อให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถแต่งงานได้ เช่นเดียวกับคู่รักต่างเพศ

                                                                                                                                                                                                                                                  ในวงการความงาม การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมทำให้เกิดการยอมรับและเข้าใจมากขึ้นว่าความงามไม่ได้มีขอบเขตที่จำกัดเพียงแค่เพศเดียว ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นโดยไม่ถูกกีดกันจากเพศสภาพ

                                                                                                                                                                                                                                                  บทบาทสำคัญของวงการความงามกับการสมรสเท่าเทียม

                                                                                                                                                                                                                                                  วงการความงามมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจและส่งเสริมความเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะในสังคมที่เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายทางเพศ การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมทำให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศสามารถรู้สึกมั่นใจ มั่นคงในความรักและความสัมพันธ์ของตนเอง การยอมรับและสนับสนุนสมรสเท่าเทียมในวงการความงามช่วยส่งเสริมให้คนมีความกล้าที่จะแสดงออก ถึงความงามในแบบที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมหน้าอก เสริมจมูก หรือการทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงเพศสภาพก็ตาม

                                                                                                                                                                                                                                                  • การเสริมสร้างความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเอง 

                                                                                                                                                                                                                                                  การที่สังคมยอมรับและสนับสนุนสมรสเท่าเทียม ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง ความงามจึงกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเสริมสร้างความมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใด หรือมีความต้องการในการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์อย่างไร การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมช่วยลดการตัดสินและการถูกกีดกัน ทำให้ผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงเพศสภาพสามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลถึงการยอมรับในสังคม

                                                                                                                                                                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิกสถาบันความงามที่มีชื่อเสียงในไทย ร่วมสนับสนุนสมรสเท่าเทียม

                                                                                                                                                                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิกเป็นสถาบันความงามที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ด้วยความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านความงาม รมย์รวินท์คลินิกไม่เพียงแต่ให้บริการที่มีคุณภาพ แต่ยังยึดมั่นในหลักการที่ว่าทุกคนควรได้รับการดูแลและบริการอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าพวกเขาจะมีเพศสภาพหรือความต้องการในด้านความงามอย่างไร

                                                                                                                                                                                                                                                  ในบริบทของสมรสเท่าเทียม รมย์รวินท์คลินิกเข้าใจดีว่าความงามไม่ได้มีขอบเขตที่จำกัดเพียงแค่เพศเดียว ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ควรได้รับการสนับสนุนและบริการที่เข้าใจและเคารพในความต้องการของพวกเขา

                                                                                                                                                                                                                                                  • บริการทุกเพศเท่าเทียมกัน

                                                                                                                                                                                                                                                  หนึ่งในบริการที่สำคัญที่รมย์รวินท์คลินิกให้ความสำคัญคือการให้บริการแก่ทุกเพศเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาทางด้านความงาม การปรับเปลี่ยนโครงหน้า หรือการรักษาความงามในรูปแบบอื่น ๆ รมย์รวินท์คลินิกมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและบริการอย่างเข้าใจและใส่ใจในรายละเอียด

                                                                                                                                                                                                                                                  • การยอมรับและเคารพในความหลากหลายทางเพศ

                                                                                                                                                                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิกยึดมั่นในหลักการที่ว่า ความงามไม่มีขอบเขตและทุกคนควรมีสิทธิ์ในการแสดงออกถึงความงามในแบบที่ตนเองต้องการ คลินิกจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและปลอดภัยสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศใด เพื่อให้พวกเขารู้สึกมั่นใจและปลอดภัยในการใช้บริการ

                                                                                                                                                                                                                                                  • การส่งเสริมความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเอง

                                                                                                                                                                                                                                                  ความงามเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเสริมสร้างความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ การที่รมย์รวินท์คลินิกสนับสนุนสมรสเท่าเทียมและยอมรับความหลากหลายทางเพศ ทำให้ผู้คนรู้สึกมั่นใจและมั่นคงในการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง

                                                                                                                                                                                                                                                  • การให้คำปรึกษาและบริการที่เข้าใจและใส่ใจ

                                                                                                                                                                                                                                                  ทีมแพทย์และพนักงานที่รมย์รวินท์คลินิกได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถให้คำปรึกษาและบริการที่เข้าใจและใส่ใจในความต้องการของลูกค้าแต่ละคน การให้คำปรึกษาที่ละเอียดและการรักษาที่มีคุณภาพทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนเอง

                                                                                                                                                                                                                                                  • เป็นผู้นำในการสนับสนุนสมรสเท่าเทียมในวงการความงาม

                                                                                                                                                                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิกไม่เพียงแต่เป็นสถาบันความงามที่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำในการสนับสนุนสมรสเท่าเทียมในวงการความงาม คลินิกมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวอย่างในการส่งเสริมความเท่าเทียมในทุกๆด้าน

                                                                                                                                                                                                                                                   

                                                                                                                                                                                                                                                  สมรสเท่าเทียมคือการยอมรับและให้สิทธิเสรีภาพแก่คู่รักเพศเดียวกันในสังคม การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการยอมรับความหลากหลายทางเพศในสังคม รวมถึงในวงการความงามและศัลยกรรม ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนสามารถแสดงออกถึงความงามในแบบที่ตนเองต้องการได้อย่างเสรีภาพ

                                                                                                                                                                                                                                                  รมย์รวินท์คลินิกเป็นสถาบันความงามชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนสมรสเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายทางเพศ การที่คลินิกมุ่งมั่นในการให้บริการที่มีคุณภาพและเข้าใจในความต้องการของลูกค้าทุกคน ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจและมั่นคงในการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง วงการความงามและศัลยกรรมจึงมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นใจและการยอมรับในความหลากหลายทางเพศในสังคม

                                                                                                                                                                                                                                                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                                    วันที่สะดวกในการติดต่อ








                                                                                                                                                                                                                                                    “OLIGIO SUMMER NIGHT” ค่ำคืนสุดฟินกับ Rowoon

                                                                                                                                                                                                                                                    1200x630 อัลบัมOligio Summer Night 1

                                                                                                                                                                                                                                                    “OLIGIO SUMMER NIGHT” ค่ำคืนสุดฟินกับ Rowoon

                                                                                                                                                                                                                                                    ผ่านพ้นไปแล้วกับค่ำคืนสุดฟินน.. ที่ให้เหล่าผู้โชคดีทั้ง 5 ท่าน ได้ใกล้ชิดกับ Rowoon แบบ Exclusive แบบสุดๆ  ในงาน OLIGIO SUMMER NIGHT ในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ที่

                                                                                                                                                                                                                                                    Park Nai Lert Summer House & The Glass House

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    ค่ำคืนสุดพิเศษที่สร้างความประทับใจให้เหลาแฟนคลับกันอย่างถ้วนหน้าสุดๆ งานนี้รมย์รวินท์คลินิกได้รับสิทธิ์พิเศษในการพาแฟนคลับของหนุ่ม Rowoon เข้าร่วมภายในงาน “OLIGIO SUMMER NIGHT”

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    นำทีมโดย คุณหมอฐา พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล แพทย์ผู้อำนวยการรมย์รวินท์คลินิก และคุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ประจำรมย์รวินท์คลินิก บรรยากาศงานถูกจัดขึ้นอย่างวิบวับ อลังการณ์ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักจากเหล่าแฟนคลับที่มอบให้แก่หนุ่ม Rowoon

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    Romrawin x Oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    งานนี้ทาง Romrawin x Oligio เอาใจแฟนคลับหนุ่มหล่อสไตล์อปป้า Rowoon แบบสุดๆ เพราะได้ชวนแฟนคลับผู้โชคดีที่ได้ร่วมกิจกรรมกับทางรมย์รวินท์คลินิก ไปร่วมกระทบไหล่กับหนุ่ม Rowoon  กันอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดกันอย่างล้นหลามตั้งแต่งานยังไม่ทันเริ่ม

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการของ Oligio Thailand หนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ชาวไทยอย่าง Rowoon นั่นเอง หนุ่ม Rowoon ก็ได้เล่าถึงความประทับใจที่ได้มาเจอแฟนๆ ชาวไทยเรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาจากผู้โชคดี และแขกที่มาร่วมงานอย่างมากเลยทีเดียว

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    ผู้โชคดีจากรมย์รวินท์คลินิกฟินสุดๆ

                                                                                                                                                                                                                                                    ภายในงานก็มีกิจกรรมให้ผู้โชคดีได้ร่วมสนุกเล่นเกมทายใจกับ Rowoon บนเวที งานนี้คุณหมอออย แห่งรมย์รวินท์คลินิก ก็เป็นผู้โชคดีได้ขึ้นไปร่วมเล่นเกมในครั้งนี้ด้วย ยังก่อน! ความฟินยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ Rowoon ยังจัดเซอร์ไฟร์สให้กับแฟนคลับผู้โชคดีภายในงาน ด้วยการนำดอกกุหลาบมามอบกับมือเองด้วย ทำเอาแฟนคลับผู้โชคดีเสียอาการไปตามๆ กัน ไม่ใช่แค่ผู้โชคดีเท่านั้น คุณหมอฐา คุณหมอคนเก่งของรมย์รวินท์คลินิกก็ได้รับดอกกุหลาบจาก Rowoon ด้วยเช่นกัน

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                     เรียกได้ว่าเป็นงานที่ Oligio จัดมาให้แฟนคลับผู้โชคดีได้มีความสุขกับค่ำคืนที่มีหนุ่ม Rowoon ร่วมด้วยในครั้งนี้ ให้ได้ไปฟินให้เต็มปอด และยังเรียกเสียวกรี๊ดได้แบบสุดเสียงเลย

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    ปิดท้ายค่ำคืนสุดพิเศษด้วยการอ้อนจากหนุ่ม Rowoon “ถ้าทุกคนรักผม อย่าลืมรัก Oligio ด้วยนะคับ” แบบนี้จะไม่ให้ทั้งแฟนคลับ และผู้จัดงานตกหลัุมรักได้ยังไง งานนี้บอกได้คำเดียวว่าฟินกระจาย

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    ส่วนกิจกรรมครั้งหน้าจะมีอะไรมาให้ฟิน..กันอีกนั้นติดตามได้ทุกช่องทางโซเชียลของรมย์รวินท์คลินิกนะคะ จะได้ไม่พลาดความฟินแบบครั้งนี้

                                                                                                                                                                                                                                                    oligio

                                                                                                                                                                                                                                                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                                                                                                                                                                                                                                                      วันที่สะดวกในการติดต่อ