Karisma กับ Radiesse ต่างกันอย่างไร? ตัวช่วยคืนความอ่อนเยาว์
เมื่อพูดถึงสารกระตุ้นคอลลาเจนในปัจจุบัน มีหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนโดยเฉพาะ และแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่าง ซึ่งหลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินชื่อของ Karisma และ Radiesse โดยทั้งสองตัวนี้ ถือเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ออกแบบมา เพื่อเน้นในการกระตุ้นคอลลาเจน แต่ก็มีความแตกต่างกันในด้านส่วนประกอบ หลักการทำงาน ผลลัพธ์ที่ได้ และข้อจำกัดในการฉีด บทความนี้ จะมาอธิบาย และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Karisma และ Radiesse เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลผิว และแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุม
Karisma VS Radiesse เทียบชัดความต่าง กระตุ้นคอลลาเจนอย่างไร?
รู้ลึกเกี่ยวกับ Karisma และ Radiesse
Karisma กับ Radiesse จัดอยู่ในกลุ่มสารกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่ก่อนจะมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสองตัวนี้ เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับ Karisma กับ Radiesse กัน
Karisma คืออะไร?
Karisma คือ สาร Bio-Restorative Soft Filler ใหม่ล่าสุดจากประเทศอิตาลี ที่ใช้ Recombinant Human Collagen แบบฉีดชนิดแรกของโลก ผ่านเทคโนโลยีพิเศษที่ได้รับจดสิทธิบัตรเฉพาะ โดยมีการสังเคราะห์ให้เหมือนกับ Collagen Type 1 ของมนุษย์ ซึ่งสังเคราะห์มาจากรังไหมผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม จึงไม่มีความอันตราย สามารถนำไปใช้ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้ดี และลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ โดย Karisma ประกอบไปด้วย 3 ส่วนผสมหลัก ดังนี้
- Collagen Polypeptide a1 Chain R () คือ ส่วนประกอบใน Karisma ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้าง Collagen Type 1 และเพิ่มโครงสร้างโปรคอลลาเจน (Procollagen) รวมถึง ฟื้นฟูผิวในทุกมิติ
- High Molecular Weight Hyaluronic Acid (HMW – HA) คือ ส่วนประกอบใน Karisma ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบสารในร่างกาย ทำหน้าที่ในการอุ้มน้ำ ต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
- Carboxymethylcellulose (CMC) คือ ส่วนประกอบใน Karisma ซึ่งเป็นสารโพลิเมอร์ที่สามารถละลายในน้ำ ทำหน้าที่ในการเสริมประสิทธิภาพของ HA ให้สามารถคงรูป และยืดอายุของผลลัพธ์ให้ยาวนานมากขึ้น รวมถึง ชะลอการทำงานของ MMPs (Matrix metalloproteinases) ซึ่งมีหน้าที่ในการย่อยสลายคอลลาเจนในผิวหนัง
Radiesse คืออะไร?
Radiesse คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน Regenerative Biostimulator จากประเทศเยอรมนี ที่มีสาร Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เป็นส่วนประกอบสำคัญในการฟื้นฟูผิวระดับโครงสร้าง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ โดยถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ยาวนานกว่า 25 ปี และมีข้อมูลตีพิมพ์สนับสนุนกว่า 250 ฉบับ จึงไม่เสี่ยงอันตราย และสามารถเข้าได้กับร่างกายอย่างดี (Biocompatibility) ไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านในระบบภูมิคุ้มกัน โดย Radiesse ประกอบไปด้วย 2 ส่วนผสมหลัก ดังนี้
- Calcium Hydroxylapatite (CaHA) สารสังเคราะห์เลียนแบบเนื้อเยื่อในร่างกายมนุษย์ ซึ่งสามารถพบได้ในกระดูกและฟัน มีลักษณะเป็นทรงกลมขนาดเล็กสม่ำเสมอ (Microspheres) ที่มีขนาด 25 – 45 ไมครอน โดยทำหน้าที่หลักกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง
- Carboxymethylcellulose (CMC) สารที่ทำหน้าที่เป็นตัวนำพา CaHA Microspheres ไปยังบริเวณที่ฉีด ทำให้ Radiesse สามารถฉีดได้ง่าย และกระจายตัวดี ช่วยให้ผลลัพธ์ที่กลมกลืนกับผิวหน้า และยืดอายุของผลลัพธ์ให้ยาวนาน
Karisma กับ Radiesse แตกต่างกันอย่างไร?
Karisma และ Radiesse เป็นสารที่ใช้ในการกระตุ้นคอลลาเจน แต่มีความแตกต่างกันในด้านส่วนประกอบ กลไกการทำงาน จุดเด่น และผลลัพธ์ที่ได้ ดังนี้
ส่วนประกอบของ Karisma กับ Radiesse
- Karisma เป็น Recombinant Human Collagen แบบฉีดตัวแรกของโลกที่มีส่วนประกอบหลัก คือ Collagen Polypeptide a1 Chain R () ทำหน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ, Hyaluronic Acid (HA) ทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว และ Carboxymethylcellulose (CMC) ทำหน้าที่เสริมประสิทธิภาพของ HA รวมถึง ลดการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน เช่น MMPs (Matrix metalloproteinases)
- Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบหลัก คือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ปริมาณ 30% ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างสารที่สำคัญต่อผิวถึง 5 องค์ประกอบ ได้แก่ คอลลาเจน, อีลาสติน, Proteoglycan และ Angiogenesis นอกจากนี้ยังมี Carboxymethylcellulose (CMC) ปริมาณ 70% ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวนำพาสาร CaHA เข้ายังบริเวณที่ฉีด
หลักการทำงานของ Karisma กับ Radiesse
- Karisma เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว สาร จะเข้าไปทำงานโดยการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ตามธรรมชาติให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ เพื่อทดแทนบริเวณที่เสื่อมสภาพลงตามวัย รวมถึง ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน ในขณะที่ สาร HA และ CMC ใน Karisma จะเข้าไปทำงานโดยการเติมเต็ม และกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้สามารถลดเลือนริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ และคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ได้อย่างยาวนาน
- Radiesse เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว สาร CaHA จะเข้าไปทำงานโดยการเติมเต็ม และเพิ่มปริมาตรให้ผิวอย่างรวดเร็ว จากนั้นอนุภาคของ CaHA จะก่อตัวรวมกันเป็นโครงข่ายสามมิติ (3D Matrix) เพื่อกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้เกิดการผลิตเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินล้อมรอบสาร CaHA ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ แข็งแรง และเต่งตึงขึ้นในระยะยาว
ผลลัพธ์ของ Karisma กับ Radiesse
- Karisma หลังฉีดสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ 2 ระยะ คือ เห็นผลระยะสั้น และเห็นผลระยะยาว โดยผิวจะดูอิ่มฟู เรียบเนียน และริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ ตื้นขึ้น หลังจากนั้นร่างกายจะเกิดการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องจาก ทำให้ผิวค่อย ๆ แน่นกระชับ ชุ่มชื้น แข็งแรง และมีความยืดหยุ่นในระยะยาว
- Radiesse หลังฉีดสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ 2 ระยะ คือ เห็นผลระยะสั้น และเห็นผลระยะยาว โดยผิวจะดูอิ่มฟู มีวอลลุ่ม และร่องลึกดูตื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเฟิร์มกระชับ มีโครงสร้างที่แข็งแรง และลดความหย่อนคล้อยในระยะยาว
ข้อจำกัดของ Karisma กับ Radiesse
- Karisma เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีข้อจำกัด คือ ไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึก หรือปรับโครงสร้างใบหน้า แต่การฉีด Karisma จะเหมาะสำหรับการปรับปรุงคุณภาพผิว โดยไม่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยน เน้นเติมเต็มริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ เพิ่มความอิ่มฟู และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
- Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีข้อจำกัด คือ ไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มในบริเวณที่มีผิวบาง หรือบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ใต้ตา และริมฝีปาก แต่การฉีด Radiesse จะเหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึก ปรับโครงสร้างใบหน้า และแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ระยะเวลาคงอยู่ของ Karisma กับ Radiesse
- Karisma โดยส่วนใหญ่ จะแนะนำให้ฉีด Karisma ต่อเนื่องกันทั้งหมด 3 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Karisma สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และการดูแลตัวเองหลังฉีด
- Radiesse โดยส่วนใหญ่ จะแนะนำให้ฉีด Radiesse ประมาณ 1 – 3 ครั้ง และควรเว้นระยะห่างในแต่ละครั้ง ประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และการดูแลตัวเองหลังฉีด
Karisma กับ Radiesse มีจุดเด่นอะไร?
จุดเด่นของ Karisma
- Karisma เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน Recombinant Human Collagen แบบฉีดตัวแรกของโลก
- Karisma ผสานส่วนประกอบสำคัญถึง 3 ชนิด ได้แก่ Collagen Polypeptide a1 Chain R (), High Molecular Weight Hyaluronic Acid (HMW – HA) และ Carboxymethylcellulose (CMC) ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพ
- Karisma สามารถเห็นผลลัพธ์ด้านการเติมเต็มอย่างรวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ด้านการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว
- Karisma ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ใด ๆ เนื่องจาก Karisma ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์
- Karisma สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
- Karisma ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก องค์การอาหารและยา (อย.)
จุดเด่นของ Radiesse
- Radiesse ช่วยเพิ่มสารที่สำคัญต่อผิวถึง 5 องค์ประกอบ ได้แก่ เพิ่ม Collagen Type 1 สูงถึง 150%, เพิ่ม Collagen Type 3 สูงถึง 130%, เพิ่ม Elastin สูงถึง 250%, เพิ่ม Proteoglycan สร้างน้ำหล่อเลี้ยงผิว และ เพิ่ม Angiogenesis สารอาหารผิว
- Radiesse สามารถให้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าถึง 3 ประการ ได้แก่ Healthier ผิวสุขภาพดี, Younger ผิวดูอ่อนเยาว์ และ Longer ยืดอายุผิวที่ดีให้ยาวนาน
- Radiesse สามารถนำมาฉีดได้ 2 แบบ ได้แก่ ฉีดแบบไม่ผสมน้ำเกลือ (Non-diluted) ให้ผลลัพธ์ด้านการเติมเต็มอย่างรวดเร็ว และฉีดแบบผสมน้ำเกลือกับยาชา (Diluted และ Hyper Diluted) ให้ผลลัพธ์ด้านการกระตุ้นคอลลาเจนแบบวงกว้างในระยะยาว
- Radiesse ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เนื่องจากเป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารในร่างกาย จึงไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมใด ๆ
- Radiesse เป็นสารที่ใช้ในวงการแพทย์มานานกว่า 25 ปี และมีข้อมูลงานวิจัยตีพิมพ์สนับสนุนมากกว่า 250 ฉบับ
- Radiesse ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก องค์การอาหารและยา (อย.)
Karisma กับ Radiesse ใช้ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
รวมบริเวณที่นิยมฉีด Karisma
Karisma สามารถฉีดได้หลายบริเวณบนใบหน้า ซึ่งจะเน้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ โดยบริเวณที่สามารถฉีด Karisma ได้ มีดังนี้
- Karisma สามารถนำมาฉีดบริเวณ รอบดวงตา เพื่อเติมเต็มริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ รอบดวงตา และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- Karisma สามารถนำมาฉีดบริเวณ หน้าผาก เพื่อเติมเต็มริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- Karisma สามารถนำมาฉีดบริเวณ หน้าแก้ม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิว
- Karisma สามารถนำมาฉีดบริเวณ ร่องแก้ม เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และความอิ่มฟูให้ร่องแก้ม
- Karisma สามารถนำมาฉีดบริเวณ เนินอก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
- Karisma สามารถนำมาฉีดบริเวณ ลำคอ เพื่อเติมเต็มริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลำคอ
- Karisma สามารถนำมาฉีดบริเวณ หลังมือ เพื่อเติมเต็มริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
รวมบริเวณที่นิยมฉีด Radiesse
Radiesse สามารถฉีดได้หลายบริเวณบนใบหน้า ซึ่งจะเน้นเติมเต็มร่องลึก ปรับโครงสร้างใบหน้า และกระตุ้นคอลลาเจนในวงกว้าง โดยบริเวณที่สามารถฉีด Radiesse ได้ มีดังนี้
- Radiesse สามารถนำมาฉีดบริเวณ หน้าแก้ม เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ลดความหย่อนคล้อย และเพิ่มความหนาแน่นให้ผิว
- Radiesse สามารถนำมาฉีดบริเวณ ร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มร่องลึก และเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิว
- Radiesse สามารถนำมาฉีดบริเวณ ร่องน้ำหมาก เพื่อเติมเต็มร่องน้ำหมาก และลดความหย่อนคล้อยของผิว
- Radiesse สามารถนำมาฉีดบริเวณ ลำคอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ความเต่งตึง และลดความเหี่ยวย่นของผิว
- Radiesse สามารถนำมาฉีดบริเวณ หลังมือ เพื่อลดความเหี่ยวย่น แห้งกร้าน และเพิ่มความเต่งตึงให้ผิว
ใครที่เหมาะสำหรับ Karisma กับ Radiesse?
Karisma เหมาะกับใคร?
- Karisma เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ หรือริ้วรอยตื้น ๆ
- Karisma เหมาะกับผู้ที่มีผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- Karisma เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น แต่งหน้าไม่ติด
- Karisma เหมาะกับผู้ที่มีผิวหลวมจากการสูญเสียคอลลาเจน
- Karisma เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง หรือรูขุมขนไม่กระชับ
- Karisma เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว หรือผิวไม่เรียบเนียน
- Karisma เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยสิว และจุดด่างดำต่าง ๆ
- Karisma เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่น และเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิว
- Karisma เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวบริเวณลำคอ เนินอก และหลังมือ
- Karisma เหมาะกับผู้ที่ผิวบอบบาง แต่ต้องการมีผิวสุขภาพดีในระยะยาว
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
Radiesse เหมาะกับใคร?
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ขึ้นไป คอลลาเจนลดลงตามวัย
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย ห้อยย้อย ขาดความกระชับ
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีผิวสูญเสียปริมาตร และใบหน้าขาดมิติ
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีผิวหลวมจากการสูญเสียคอลลาเจนในผิวชั้นลึก
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง หรือรูขุมขนไม่กระชับบริเวณใบหน้า
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิว หรือรอยแผลเป็นบนใบหน้า
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวบริเวณลำคอ และหลังมือ
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
Karisma กับ Radiesse ช่วยเรื่องอะไร?
Karisma ช่วยเรื่องอะไร?
- Karisma ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
Karisma ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เมื่อสารกระตุ้น Collagen Type 1 เริ่มทำงาน จากนั้นจะเกิดการกระตุ้น Collagen Type 2 และ Collagen Type 3 เพิ่มเติม
- Karisma ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ
Karisma ช่วยลดเลือนริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ร่องแก้ม และหน้าผาก ทำให้ผิวเรียบเนียน และอ่อนเยาว์
- Karisma ช่วยเพิ่มความแน่น และยืดหยุ่น
Karisma ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยแรกเริ่ม และฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น รวมถึง เพิ่มความแน่นกระชับ และความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้ผิวเต่งตึง และอิ่มฟูมากขึ้น
- Karisma ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
Karisma ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านของผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และดูสุขภาพดีจากภายใน
- Karisma ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เรียบเนียน
Karisma ช่วยกระชับรูขุมขน และเติมเต็มหลุมสิว รอยแผลเป็นต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น พร้อมปรับผิวให้เนียนละเอียดและกลมกลืนกับใบหน้า
- Karisma ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
Karisma ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และมีความกระจ่างใส ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง รอยสิว และจุดด่างดำดูจางลง
- Karisma ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
Karisma ช่วยฟื้นฟู และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ พร้อมบำรุงผิวโดยรวม และชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต
Radiesse ช่วยเรื่องอะไ?
- Radiesse ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน
Radiesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในร่างกาย โดยเฉพาะ Collagen Type 1 และ Collagen Type 3 ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีความสำคัญต่อผิว
- Radiesse ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก
Radiesse ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และเติมเต็มบริเวณที่ขาดปริมาตรจากการยุบตัวลงของผิวเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
- Radiesse ช่วยเติมเต็มปริมาตรให้ผิว
Radiesse ช่วยเติมเต็มปริมาตรให้ผิวชั้นลึกในบริเวณที่ยุบตัวลงตามวัย ทำให้ผิวมีวอลลุ่ม อิ่มฟู และดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
- Radiesse ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
Radiesse ช่วยยกกระชับผิวที่ลดความหย่อนคล้อย หรือความเหี่ยวย่นบนใบหน้า ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ และดูอ่อนเยาว์
- Radiesse ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก
Radiesse ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก และเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน ทำให้ผิวมีความหนาแน่น ยืดหยุ่น และดูสุขภาพดีในระยะยาว
- Radiesse ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
Radiesse ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูอมชมพู และแต่งหน้าติดทนมากขึ้น
- Radiesse ช่วยเติมเต็มหลุมสิว
Radiesse ช่วยเติมเต็มหลุมสิว และรอยแผลเป็นต่าง ๆ ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน รูขุมขนดูเล็กลง รวมถึง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใส
Karisma กับ Radiesse สามารถฉีดร่วมกันได้ไหม?
Karisma และ Radiesse โดยทั่วไป สามารถฉีด Karisma และ Radiesse ร่วมกันได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ และควรฉีดกับแพทย์เท่านั้น โดยแพทย์จะเป็นผู้วางแผนการรักษา และพิจารณาบริเวณที่เหมาะสมในการฉีด Karisma กับ Radiesse เนื่องจาก Karisma จะเน้นกระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่น และปรับปรุงคุณภาพผิว โดยไม่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยน ส่วน Radiesse จะเน้นกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นลึก เติมเต็มร่องลึก และปรับโครงสร้างใบหน้า
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีด Karisma กับ Radiesse
- ก่อนฉีด Karisma กับ Radiesse ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบ ได้แก่ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา และประวัติหัตถการที่เคยทำ
- ก่อนฉีด Karisma กับ Radiesse งดรับประทานยาที่มีผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin หรือ Ibuprofen อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ก่อนฉีด Karisma กับ Radiesse งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดบุหรี่ อย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมงก่อนฉีด
- ก่อนฉีด Karisma กับ Radiesse งดผลิตภัณฑ์ระคายเคืองผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือ Retinol อย่างน้อย 3 – 5 วันก่อนฉีด
- ก่อนฉีด Karisma กับ Radiesse ควรพักผ่อนให้มาก ๆ เนื่องจากการนอนหลับให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงของอาการบวมช้ำ
- ก่อนฉีด Karisma กับ Radiesse ดื่มน้ำให้มาก ๆ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ทำให้ผลลัพธ์เรียบเนีบยเข้ากับผิวหน้า
ข้อควรระวังหลังฉีด Karisma กับ Radiesse
- หลังฉีด Karisma กับ Radiesse หลีกเลี่ยงการกดทับ หรือนวดบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้สารที่ฉีดกระจายไปยังจุดอื่น ๆ
- หลังฉีด Karisma กับ Radiesse งดสัมผัสความร้อน หรือไปในที่ที่มีความร้อนสูง เช่น ซาวน่า หรืออบไอน้ำ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
- หลังฉีด Karisma กับ Radiesse งดการออกกำลังกายหนัก หรือการทำกิจกรรมที่อาจทำให้เหงื่อออกมาก อย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลังฉีด Karisma กับ Radiesse งดดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ อย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลังฉีด Karisma กับ Radiesse งดรับประทานของหมักดอง อาหารดิบ หรืออาหารรสจัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลังฉีด Karisma กับ Radiesse งดการแต่งหน้า อย่างน้อย 12 – 24 ชั่วโมง หรือรอจนกว่ารอยเข็มจะหาย
- หลังฉีด Karisma กับ Radiesse งดนอนคว่ำ นอนตะแคง หรือนอนกดทับใบหน้า อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
- หลังฉีด Karisma กับ Radiesse งดผลิตภัณฑ์ระคายเคืองผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือ Retinol อย่างน้อย 3 – 5 วัน
ถาม – ตอบเกี่ยวกับ Karisma กับ Radiesse
Karisma กับ Radiesse ไม่เหมาะกับใคร?
- Karisma กับ Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบใน Karisma และ Radiesse
- Karisma กับ Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ และอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
- Karisma กับ Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเป็นคีลอยด์
- Karisma กับ Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบขั้นรุนแรง
- Karisma กับ Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- Karisma กับ Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
Karisma กับ Radiesse ฉีดกี่วันเห็นผล?
- การฉีด Karisma สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในด้านการเติมเต็มหลังทำ และจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงด้านการกระตุ้นคอลลาเจน ภายใน 3 สัปดาห์ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- การฉีด Radiesse สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในด้านการเติมเต็ม และปรับรูปหน้าหลังทำ จากนั้นจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงด้านการกระตุ้นคอลลาเจน ภายใน 1 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
Karisma กับ Radiesse สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
- โดยทั่วไป การฉีด Karisma กับ Radiesse สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ และประเมินสภาพผิวหน้าก่อนตัดสินใจฉีด Karisma กับ Radiesse
Karisma กับ Radiesse อันตรายไหม?
- Karisma เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ไม่เป็นอันตราย เนื่องจากเป็น Recombinant Human (RH) Collagen ที่ถูกสังเคราะห์ให้มีโครงสร้างเหมือน Collagen Type 1 ทำให้ร่างกายสามารถยอมรับ และนำไปใช้ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคือง อีกทั้ง Karisma ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. อีกด้วย
- Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากมี Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นสารที่สังเคราะห์เลียนแบบเนื้อเยื่อในกระดูกและฟัน ทำให้เข้ากันได้ดีกับร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านในระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้ง Radiesse ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย.
การฉีด Karisma และ Radiesse ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกระตุ้นคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพ และไม่เสี่ยงอันตราย ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปัญหา และความต้องการของแต่ละบุคคล โดย Karisma จะเน้นเติมเต็มริ้วรอยเล็ก ๆ กระตุ้นคอลลาเจน และปรับปรุงคุณภาพผิว ส่วน Radiesse เน้นเติมเต็มร่องลึก กระตุ้นคอลลาเจน และปรับโครงสร้างใบหน้า ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด Karisma กับ Radiesse เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาที่เหมาะสม และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับปัญหาอย่างแท้จริง
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด